ReadyPlanet.com


กฐินบ้านสวนเป็นเจ้าภาพ 30 ต.ค.54


กฐินปีนี้

บ้านสวนพีระมิด

เป็นเจ้าภาพ นำไปทอด

ที่วัดใหม่สันติธรรม อ.โคกสำโรง

จ.ลพบุรี

 

วันอาทิตย์ที่

30 ต.ค.54

 

จะจัดเป็นมหากฐิน

คือ

ไตรครบชุดใหญ่

ถวายพระทั้งวัด

 

เชิญร่วมบุญ

และ

เชิญผู้มีภูมิธรรม

นำเรื่อง

อานิสงส์ของบุญกฐิน

 

ในหนังสือ

ประวัติหลวงพ่อปาน

มาให้พวกเรา

ได้อ่าน

กันด้วยค่ะ

 

ขออนุโมทนาค่ะ

 

แล้วจะมาคุยด้วยต่อค่ะ

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-26 21:45:57


[1] 2 3 4 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1574751)

หลวงพ่อปานทอดกฐินจาก หนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน

มาพูดกันถึงการปฏิบัติประจำอีกอย่างหนึ่ง หลวงพ่อปานนี่มีอุปนิสัยอย่างหนึ่งชอบทอดกฐินทุกปี เรื่องกฐินมี่ท่านทอดของท่านทุกปี ปีละหลายๆวัด ปีหนึ่งที่จังหวัดสุพรรณบุรี

 

รู้สึกว่าข้าวยากหมากแพง ชาวบ้านต้องกินขุยไผ่ ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชโน่น เลยจังหวัดสุพรรณขึ้นไปมาก

 

ตอนนั้นไม่ได้ข้าวไม่ได้ปลา ต้องไปขุดขุยไผ่กิน หลวงพ่อปานก็ไปทอดกฐิน ๗-๘ วัด แต่การทอดกฐินคราวนั้น ท่านประกาศกับบรรดาพุทธบริษัทของท่านว่า

 

จะต้องการเอาอาหารไปช่วยเขา เขาอดข้าวอดอาหาร นี่ ท่านเป็นนักสังคมสงเคราะห์ แต่ไม่มีใครเขาช่วยท่านหรอก

 

รัฐบาลไม่ได้ร่วมมือ แต่ว่าชาวบ้านช่วยท่านไปคราวนั้น ปรากฏว่านำข้าวเปลือกบ้าง ข้าวสารบ้างไป ๗ ลำเรือ เรือลำหนึ่งจุประมาณ ๑๐ เกวียนบ้าง จุประมาณ ๒๐ เกวียนบ้าง เอาไป ๗ ลำ ที่ท่านได้มายังงั้นเพราะอะไร เพราะใครมาหาท่านก็บอกท่านจะไปทอดกฐิน

 

แล้วว่าการทอดกฐินคราวนี้ต้องเอาข้าวเอาอาหารไปสงเคราะห์คนที่อดข้าว คนนั้นก็ให้ คนนี้ก็ให้ บางคนก็ให้เงิน บางคนก็ให้ข้าว บางคนก็ให้กับ พวกกรุงเทพฯ ก็ให้ทั้งเงินให้ทั้งของทะเล ผ้าผ่อนท่อนสไบ พวกจังหวัดสมุทรสาคร

 

โยมพ่วง อยู่ที่นั่นก็เอาของทะเลมาเป็นลำๆเรือ น้ำปลาอย่างดี ของทะเลต่างๆ แล้วก็เงินทองด้วย ผลที่สุดนำไป ๗ ลำเรือ แจกกันขนาดหนัก

 

บรรดาประชาชนสาธุไปทั่วกัน ว่ากันถึงเรื่องการทอดกฐิน จะพูดถึงอานิสงส์กฐินให้ฟัง หลวงพ่อปานทอดกฐินคราวไรละก็ท่านก็เทศน์แบบนี้ เทศน์แบบนี้ฉันจะนำใจความมาเล่าให้ฟังว่า

 

การทอดกฐิน อานิสงส์ของกฐินนี่น่ะให้ผลทั้งชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ ชาติปัจจุบันและสัมปรายภพหมายความว่าชาตินี้และชาติหน้า ชาติต่อๆไป

 

คนทอดกฐินสังเกตตัวดู ถ้าทอดแล้วถึง ๒-๓ ครั้ง ความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ร่ำรวยก็ตาม แต่ความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้น รู้สึกว่าเป็นคนโชคดีมากขึ้น หาลาภสักการคล่องตัวขึ้น ท่านบอกว่านี่ยังเป็นเศษของความดี

 

อานิสงส์ของการทอดกฐินสามารถจะบันดาลให้คนปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็สำเร็จผล

 

ดูตัวอย่างองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ปัจจุบัน สมัยนั้นเป็นมหาทุกขตะ สมัยที่พระปทุมมุตตะทรงอุบัติขึ้นในโลก แกไม่มีอะไร เป็นคนจน ไปชวนนายเขาทอดกฐิน ตัวเองก็เอาผ้าไปขายแลกกับด้ายหลอดเขามาด้วย ด้าย ๒ หลอด เข็ม ๑ เล่ม เอามาผสมกับกฐินเขา

 

แล้วก็ปรารถนาพระโพธิญาณ พระปทุมมุตตะก็ทรงพยากรณ์ว่า บุคคลๆ นี้ต่อไปจะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าพระสมณโคดม นี่เป็นสมุฏฐานของการปรารถนาพระโพธิญาณของท่าน มีกฐินเป็นปัจจัย

 

แล้วหลวงพ่อก็เทศน์ต่อไปว่า บุคคลใดก็ตามทอดกฐินแล้วถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา ต่อไปถ้าหากว่าไปได้บรรลุพระอรหัตผล ก็จะมีผ้าสำเร็จไปด้วยฤทธิ์มาสวมตัว พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าเอหิภิกขุ แปลว่าเจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด

 

เพียงเท่านี้ผ้าไตรจีวรก็จะลอยมาจากอากาศ สวมตัวเองด้วยอำนาจของอานิสงส์กฐิน สำหรับผู้หญิง ถ้าเป็นเจ้าภาพหรือจัดการในงานกฐิน ก็จะได้เครื่องมหาลดาปราสาท เครื่องประดับกายอย่างนางวิสาขา มีราคาตั้ง ๑๖ โกฏิ สวยงามมาก นี่อย่างหนึ่ง

 

แล้วอีกอย่างหนึ่งคนที่ทอดกฐินแล้ว ถ้าตายจากความเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นเทวดา ๕๐๐ ชาติ หมายความว่า เกิดแล้ว ๑ ชาติของเทวดาก็คือพันปีทิพย์ หมดกำลังของพันปีทิพย์ก็จะเกิดเป็นเทวดาใหม่ ต่อไปอย่างนี้ ๕๐๐ วาระ ความจริงก็ได้เปรียบมาก

 

ถ้าอย่างลูกหลานได้เป็นอย่างนั้นนะไปนิพพานกันหมด เพราะพวกเรามีศรัทธาอยู่แล้ว เป็นเทวดาก็เป็นเทวดาที่ไม่ประมาท ยังงี้ไปนิพพานกันหมด ดี ได้กำไร ๕๐๐ ชาติ เมื่อพ้นจากความเป็นเทวดาแล้วก็มาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

 

ถ้าเป็นผู้ชายนะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ พระเจ้าจักรพรรดินี่ไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิอย่างเบาได๋นะ

 

จักรพรรดิส่งเดชอย่างนั้นไม่ใช่ คำว่าจักรพรรดินี่มีอำนาจปกครองไปทั้งโลก มีเกือกแก้ว แล้วก็มีพระขรรค์แก้ว แล้วก็มีแก้วมณีโชติ มีกำลังมาก เหาะได้ ไม่มีใครมีอำนาจเท่า แล้วก็มีธนูศิลป์ศร จะใช้ยังไงก็ได้เหมือนศรพระราม มีอำนาจปกครองโลก ปกครองโลกได้จริงๆ ไม่มีใครสู้

 

ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็มีขุนพลแก้วรบเก่ง ขุนคลังแก้วหาเงินเข้าคลังเก่ง ช้างแก้ว ม้าแก้ว นี่ใช้สงรามได้ดี นางแก้วคือเมียดี เวลาฤดูหนาวร่างกายของเมียก็อบอุ่นมากขึ้น แล้วเวลาฤดูร้อนร่างกายของเมียก็เย็น ทำความสุขให้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ นี่ เป็นยังงี้ นี่ท่านว่ายังงั้น

 

ถ้าพ้นจากสวรรค์ก็มาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ แล้วพ้นจากนั้นก็เป็นกษัตริย์ธรรมดาไป ๕๐๐ ชาติ จากนั้นก็มาเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ แล้วก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ

 

นี่ท่านบอกว่าอานิสงส์ของกฐินคราวเดียวก็สามารถให้ผลถึงเพียงนี้ ทุกคนควรจะทอดกฐินกัน แล้วเวลาทอดกฐินก็นึกว่าตนจะสงเคราะห์พระพุทธศาสนา หรือสงเคราะห์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั่นเอง

 

แต่ว่าเนื้อนาบุญนี่สำคัญนะ เวลาจะหว่านข้าวลงไปดูเนื้อนาเสียด้วย นี่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เอง เนื้อนาบุญนี่สำคัญ ถ้านาดอนหว่านข้าวไม่ขึ้น ม้านหมด ถ้านาลุ่มข้าวก็น้ำท่วม นี่สำคัญมาก (แล้วว่ากันไปก็แล้วกัน) ใครจะทำที่ไหนจะทอดที่ไหนก็ไม่ว่า นี่แนะนำให้ฟัง หลวงพ่อปานท่านเทศน์อย่างนี้

 

 

 

ความจริงการทอดกฐินไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่าผ้ากฐินท านจะรับได้ก็ต่อเมื่อถึง วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ หลังจากนั้นจะทอดขนาดไหนก็ตามจะไม่เป็นกฐิน

 

ฉะนั้นกฐินมีเวลากาลจำกัด ทีนี้ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้นการถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดีจะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่างเป็น อานิสงส์กฐิน

 

ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ

 

ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยที่พระองค์เกิด

เป็นมหาทุคคตะ

ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า

พระปทุมมุตระ

เวลานั้นพระพุทธเจ้าของเรา

เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง

เป็นทาสของคหบดี

เวลานั้นถอยหลังจากนี้ไป ๙๑ กัป

ก็ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า

พระปทุมมุตระ

วันหนึ่งมหาทุคคตะไปดูงานทอดกฐินเขา

เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

 

บุคคลใดเคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง

ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี (แต่ว่ากฐินวันนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อยจะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น

 

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

"โภ ปุริสะ ดูกรท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด

 

ท่านผู้นั้นจะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า๕๐๐ ชาติ"

นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือนางฟ้าจุติแล้วก็เกิดทันที ๕๐๐ ครั้ง

 

เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดาเกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้า จักรพรรดิปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ เมื่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ๕๐๐ ชาติแล้ว

 

บุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ

 

 

คำ ว่ามหาเศรษฐีนี่ มีเงินตั้งแต่ ๘๐ โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า มหาเศรษฐี แต่ว่าตั้งแต่ ๔๐ โกฏิ ขึ้นไป เขาเรียก อนุเศรษฐี

 

 

เมื่อเป็นมหา เศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ

 

หลังจากเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ

 

 

ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่านอกจากจะเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า

เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีแล้วบุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต

จะปรารถนาพระโพธิญานก็ย่อมได้ นั่นหมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนา เป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้

 

จะปรารถนานิพพาน เป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้ ฉะนั้นการทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทโปรดทราบถึงอานิสงส์คนที่เคยทอ ดกฐินแล้วแต่ละครั้ง

 

รวมความว่าถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่า ยากจนเข็ญใจจะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ

 

สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี ๓ อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบันจัดกฐินเป็น
๓ อย่างคือ

 


๑. จุลกฐิน


๒. ปกติกฐิน


๓. มหากฐิน

 

 

กฐิน ๓ อย่างย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน คำว่า จุลกฐิน เวลานี้แปลงไปคงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้

 

คำว่า จุลกฐิน ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐินจะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน ทีนี้ถ้า

 

 

ปกติกฐิน ก็มีผ้าไตรครบไตร ถวายผ้าไตรเดียวหรืออย่างน้อย ก็มีผ้าไตร ๓ ไตร คือองค์ครอง ๑ ไตร คู่สวด ๒ ไตร

ทีนี้ถ้ามีผ้าไตรครบทุกองค์

 

อย่างที่วัดทำเป็นมหากฐิน อย่างนี้ถ้าบังเอิญจะไปเกิดในชาติใดก็ตาม จะเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากที่สุดเป็นพิเศษ อย่างตระกูล นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีทรัพย์มากเป็นพิเศษ

 

อย่างมหาเศรษฐีเขาบอกว่า ต้องมีเงิน ๘๐ โกฏิ หรือว่า ๑๖๐ โกฏิ แต่ว่าตระกูลของนางวิสาขาจะนับเป็นโกฏิไม่ได้ ต้องนับเป็นโกฏิของเล่มเกวียน ไม่ใช่นับเป็นโกฏิของเหรียญ

 

ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าตระกูลนี้ร่ำรวยมาก

ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ

 

 

เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา

 

ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…

 

เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน

 

มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ

 

แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ

 

เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ ทองคำเปลว เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า

 

ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึงบุญที่ทำแล้ว

 

ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย

 

เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่าปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้า

 

ด้วยอานิสงส์อย่างยิ่งที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐีจากคนแสนจนนะ มาเป็นลูกมหาเศรษฐี

 

ทีนี้ชาติเดิมท่านเป็นคนมีศรัทธาเป็นปกติ แต่ไม่มีทรัพย์ เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าก็มีศรัทธาเป็นปกติ มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐีก็เป็นคนมีศรัทธาเป็นปกติ มีความเมตตาปราณีในบุคคลทั้งหลาย ฉะนั้นท่านมหาเศรษฐีคนนี้จึงมีสภาพไม่เหมือนเศรษฐีคนอื่น

 

เมื่อเป็นเศรษฐีแล้วก็ไม่หวังผลกำไรในดอกเบี้ย ปีหนึ่งได้ข้าวเท่าไร เศรษฐีมีนาเป็นแสนไร่ ได้ข้าวมาก ก็กันไว้ส่วนหนึ่ง แกล้งขายเอาเงินเข้าในกองทรัพย์สินของตนเอง อีกส่วนหนึ่งเอาไว้แจกกับคนจนแต่ว่าต่อมาท่านจะเก็บข้าวเอาไว้จริงๆ

 

ข้าวที่เก็บไว้กินเอง เก็บไว้ประมาณเผื่อคนจนด้วย เผื่อท่านด้วย ที่เก็บไว้นะ ๓ ปี ปีหนึ่งได้ข้าวมาแล้ว เก็บไว้เผื่อกินเองบ้าง เผื่อคนจนบ้าง นี่ ๓ ปี เหลือจากนั้นก็ขาย เหลือจากนั้นก็แจก และมาในตอนหนึ่งปรากฏว่าในประเทศนั้นเกิดข้าวยากหมาก แพง

 

ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ฝนมันแล้งชาวบ้านทำนาไม่ได้ ท่านมหาเศรษฐีก็แจกข้าวกับบรรดาประชาชนที่มาขอ ไม่มีคำว่าขาย แจกมาแจกไป แจกไปแจกมา ในปีแรกข้าวก็ยังเหลือ ปีที่สองข้าวก็ยังเหลือ มันแล้งตั้ง ๓ ปี

 

พอถึงปีที่ ๓ ข้าวหมด ข้าวที่แจกเขาก็หมด มีไว้เพื่อแจก ข้าวที่มีไว้เพื่อกินก็หมด ทีนี้ข้าวมันเหลือทะนานเดียว เวลานั้นปรากกว่าข้าทาสหญิงชายมีมาก ปล่อยหมด ไปตามเวรตามกรรม ไปหากินเองที่บ้านนี้ไม่มีกินแล้ว

 

ถ้าขืนอยู่ก็อดตาย มีทาสคนหนึ่งชื่อว่านายบุญ ไม่ยอมไปจากนาย บอกถ้านายอดขออดด้วย ถ้านายตายขอตายด้วย ก็เป็นอันว่าตามธรรมดามหาเศรษฐีต้องไปเฝ้าพระราชาเช่นเดียวกับอำมาตย์ทั้งหลาย เวลาประชุมขุนนาง เวลาประชุมขุนนาง

 

มีวันหนึ่งข้าวเหลือทะนานเดียวท่านมหาเศรษฐีก็กลับมา จากเฝ้าพระราชา ก็ถามแม่บ้านว่าข้าวของเรามีเท่าไร แม่บ้านก็บอกว่า ข้าวของเรามีหนึ่งทะนาน ที่บ้านเรามี ๕ คน ฉัน

 

 

 

 

ฉันจะเล่าเรื่องย่อๆ เบ็ดเตล็ดอีกสักเรื่องหนึ่ง คือเรื่องธรณีสูบคน เขาร่ำลือกันว่าวัดของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคน่ะ มีคนถูกธรณีสูบ ๔-๕ คน เพราะสมัยนั้นการสัญจรการจราจรก็ไม่มาก มีเรือเขียว ๑ ลำ เรือแดง ๑ ลำ

 

ล่องตอนเช้า แล้วก็ตอนเย็นๆ มีเรือเขียว ๑ ลำ เรือแดง ๑ ลำจากกรุงเทพฯ ผ่านหน้าวัด มีเท่านั้นนะ การจราจรมีไม่มาก คนที่เขาลงเรือเมล์มาเขาเห็นคนที่วัดบางนมโคจมดินลงไป

 

จมดินลงไปถึงแค่คอหลายคน ๔-๕ คน แล้วพวกที่นั่งเรือนั่งแพ เรือแจวเรือพายก็ตาม ใครไปก็เห็นใครมาก็เห็น ข่าวเล่าลือกันไปว่าที่วัดของหลวงพ่อปานคนถูกธรณีสูบ ๔-๕ คนข่าวนี้มันก็ไปไว ปากคนเสียงคนนี่มีความสำคัญมาก ไม่ช้าคนเต็มวัดเต็มวา

 

เรือแพหน้าวัดคนเต็มไปหมด ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะทุกคนเขาก็สนใจกัน สนใจเรื่องธรณีสูบ เมื่อขึ้นไปแล้วเขาก็ไปถามหลวงพ่อ ๆ ขอรับ คน ๔-๕ คนน่ะบาปอะไรธรณีถึงได้สูบ หลวงพ่อท่านก็ยิ้ม

 

ท่านบอกว่าใครเขาบอกพวกเอ็งล่ะ ใครเขาบอกพวกเอ็งว่าธรณีสูบ คนพวกนี้น่ะมันเป็นโรคเหน็บชา คือขามันชา ข้าให้เอาใบขี้เหล็กกับอะไรบ้างก็ไม่ทราบ

 

แล้วเผาเหล็กให้แดงเอาไปวางไว้ข้างล่างขุดหลุมแล้วเอาใบขี้เหล็กทับลงไป แล้วให้มันหย่อนขาลงไปเหยียบ เอาตูดนั่งบนแผ่นดิน แล้วก็เอาขาแหย่ลงไปถึงก้นหลุม

 

แต่ไอ้เจ้าของไข้ของมัน อยากให้คนไข้น่ะมันหายเร็วเข้า มันก็ดันขุดหลุมเสียแค่คอเลย พอขุดหลุมเสร็จมันก็ทำพิธีกรรมตามข้าว่านั่น ทำตามนั้น

 

แล้วเอาคนของมันลงไปยืนในหลุม นี่ข้าสั่งมันพักแล้วนะ มันก็บังคับคนไข้ของข้ายืนกันคนละครึ่งวันค่อนวัน นี่มันไม่ใช่ธรณีสูบนะ ข้าสั่งให้เขารับการรักษาโรคเหน็บชา

 

นี่เรื่องธรณีสูบน่ะไม่มีอะไรมากหรอก มีเท่านั้น แต่ว่าคนที่จะต้องรับผลอันนี้มากคือใคร ก็คือหลวงพ่อปาน

 

ในเมื่อชาวบ้านชาวเมืองมากันเต็มวัดเต็มวา งานประจำปีก็ยังสู้ไม่ได้ มากันหลายวัน หลวงพ่อปานก็เกณฑ์สิ หาคนไม่ทันก็พระนั่นแหละ ตั้งกระทะเป็นแถว เอากระทะหุงข้าวตั้งเป็นแถวเลี้ยงชาวบ้าน

 

แต่อาหารประจำของท่านต้องมี พอท่านสั่งเลี้ยง ฉันก็ต้องรีบไปหาหัวตาลมากับผักบุ้ง ต้มปลาร้าหัวตาลกับแกงคั่วส้มผักบุ้ง ต้องมีทุกรายการที่หลวงพ่อปานมีงาน

 

ฉันรู้ใจท่าน ฉันไปหามากัน แล้วก็ขนม ๒ อย่าง คือ ข้าวตอกน้ำกะทิ แมงลักละลายน้ำ ๒ อย่างนี้เป็นขนมประจำ เป็นอันว่ารายจ่ายของหลวงพ่อปานไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แต่น่าอัศจรรย์นะ คนถูกธรณีสูบเพราะอาศัยการรักษาโรค

 

เป็นปัจจัยที่ทำให้หลวงพ่อปานได้สตางค์คราวนั้นหมื่นบาทกว่า หมื่นบาทกว่าเชียวนะ พอได้ทุนหมื่นบาทกว่า ทั้งๆที่ท่านไม่ได้ประกาศเรี่ยไรอะไรทั้งหมด ท่านก็เลยตั้งท่าตั้งทุนเอาสร้างโบสถ์สร้างศาลา เรื่องการเก็บไม่ต้องพูดกัน

 

การเก็บสะสมไม่ต้องพูดกัน เอาละ บรรดาลูกหลานทั้งหลาย เรื่องข่าวลือไม่มีสาระ แต่ว่าคนที่อาศัยข่าวลือให้เป็นประโยชน์ คือทำที่ไม่เป็นสาระให้เป็นสาระก็สามารถทำได้ นั่นก็ได้แก่ข่าวลือ

 

คนเขามาแล้วหลวงพ่อปานท่านก็เลี้ยงด้วยอำนาจเมตตาบารมีนี่คนเมื่อมีความใจดี หลวงพ่อปานเลี้ยงจนอิ่มก็บังเกิดจิตเป็นกุศล เอาสตางค์มาทำบุญกับท่าน ในที่สุดท่านได้สตางค์หมื่นกว่าบาท

 

ก็เอาเงินนั้นไปสร้างโบสถ์สร้างศาลาที่วัดอื่น ไม่ใช่วัดบางนมโค ก็ปรากฏว่าคนธรณีสูบมีอานิสงส์ คือสามารถสร้างโบสถ์สร้างวิหารได้

 

ขอหยุดเท่านี้นะ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแก่ลูกหลาน สวัสดี

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 21:53:11


ความคิดเห็นที่ 2 (1574752)

 หลวงพ่อพระราชพรหมยานอธิบายเรื่องอานิสงส์ของกฐิน

อานิสงส์การทอดกฐินและการทอดผ้าป่าฉบับย่อ
ที่มา

http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=912

http://www.putthapoom.com/answer/answer2.html

 

ผู้ถาม : "การทอดผ้าป่า บางแห่งเขามีชะนีกับพุ่มไม้ แต่ที่วัดท่าซุงนี่ไม่เห็นมีอะไรเลย อานิสงส์จะสู้มีชะนีได้หรือเปล่าคะ.?"

 


หลวง พ่อ : "สู้ไม่ได้หรอก เพราะไม่มีร้อง "ผัวโว้ย ๆ" คือว่าผ้าป่านี่น่ะ เดิมทีเดียวพระพุทธเจ้าท่านแนะนำให้ถวายสังฆทาน ท่านบอกว่าถวายของไม่เจาะจง รูปหนึ่งรูปใดมีอานิสงส์มากเป็นสังฆทาน ทีนี้ต่อมาญาติโยมมีน้อย พระมาก

 

แกจะประเคนองค์ใดองค์หนึ่งก็เกรงใจองค์อื่น เลยเอาแบบนี้แล้วกัน เราไม่เจาะจงพระเอาไปแขวนตามต้นไม้ใกล้กุฏิ หรือป่าช้า ถ้าพระองค์ไหนพบ ชักเอาไปก็ถือว่าเป็นสังฆทาน เขาถือตามรูปนี้นะ

 

ต่อมาญาติโยมอยู่ไกลป่า เลยไปตัดกิ่งไม้มา ชะนีก็ชะนีปลอม คือไม่มีความจำเป็นนะ ถวายผ้าป่าก็คือถวายสังฆทาน นั่นเอง ก็ทำมันตรงไปตรงมาก็หมดเรื่อง"

 

ผู้ ถาม : "ที่วัดท่าซุง ชอบใจอยู่อย่างครับ คือไปถึงก็ถวายได้เลย ไม่ต้องไปว่า อิมานิ อิมาแนะ สู้สะดวกนิของหลวงพ่อไม่ได้"

 


หลวงพ่อ : " จะไปว่าอะไร เขาตั้งใจมาตั้งแต่บ้านแล้ว ที่นำน่ะ หมายถึงหลายๆ คน ด้วยกัน ต้องว่านำ ดีไม่ดีหัวหน้าว่ามากเกินไป รำคาญ บุญหล่นอีก อันที่จริงพระท่านก็ทราบแล้วว่าเป็นสังฆทาน ผู้รับองค์เดียวก็ไม่มีสิทธิ์ใช้แต่ผู้เดียว"

 

 

ผู้ถาม : "ปัจจุบันโรงเรียนหลายแห่งมักจะหาเงินเข้าโรงเรียนโดยการทอดผ้าป่า มีผ้าไตรจีวรเสร็จ แล้วก็แบ่งถวายพระเล็กน้อย ส่วนใหญ่ก็เข้าโรงเรียน

 

ลูกมีความไม่สบายใจเกรงว่าบุญอันนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ เกรงว่าจะเป็นของสงฆ์ไปด้วย ลักษณะอย่างนี้อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า ได้บุญมากกว่าหรือบาปมากกว่าเจ้าคะ..?"


หลวงพ่อ : "ความจริงถ้าบอกเขาตรง ๆ ว่าจะไปช่วยโรงเรียนนะ แล้วก็บอกเขาว่าส่วนหนึ่งก็จะถวายพระ ถ้าทำตามนั้นอานิสงส์สมบูรณ์แบบ

 

พูดตรงไปตรงมานะ โกงไปโกงมาไม่ได้ หมายความว่าส่วนใดถวายพระ นั่นเป็นสังฆทานแท้ ส่วนใดที่ให้โรงเรียนก็เป็นทานบารมีไป เป็นทานส่วนบุคคลนะ อานิสงส์ต่ำหน่อย"

ผู้ถาม : "เมื่อปี พ.ศ. 2527 กระผมเป็นหัวหน้าจัดทอดผ้าป่าหลายครั้ง ได้เงินเป็นจำนวนมาก แต่เวลาเดินทางไปผมก็ซื้อขนมเลี้ยงกันในรถ เลี้ยงเหล้าเลี้ยงอาหารก็หลายครั้ง

 

ตอนนี้ผมหูตาสว่างเมื่อได้พบหลวงพ่อ จึงอยากจะชดใช้เวรกรรมที่กระทำไว้ จึงขอปรึกษาหลวงพ่อว่า เราควรจะเพิ่มดอกเบี้ยเท่าใด พระยายามจึงจะอโหสิครับ..?"


หลวงพ่อ : "เอ..เดี๋ยว ๆ ขอค่าติดต่อ ได้ตังค์แล้วตอนนี้(หัวเราะ) มิน่าเล่าตอนนั่งสมาธิท่านลุง (พระยายม) ถึงได้ขึ้นมา ถาม "มีเรื่องอะไร ลุง" บอก "วันนี้มีธุระ" อันนี้จริง ๆ นะ"

 

ผู้ถาม : "แสดงว่าท่านรู้ล่วงหน้าหรือครับ..?"


หลวงพ่อ : "ใช่ ท่านรู้ว่าฉันจะได้สตางค์ เอายังงี้ก็แล้วกันนะ ประเดี๋ยวก่อน คนที่ไปกินด้วยกันคือพวกเดียวกันหรือเปล่า พวกออกสตางค์หรือเปล่า ต้องดูก่อนนะ ถ้าเงินที่อื่น คนอื่นด้วย ก็ควรชำระหนี้สงฆ์ไป

 

 


ถ้าหากว่า คนที่ไปเป็นคณะ เราเรี่ยไรเฉพาะคณะนั้นนะ แล้วไปด้วยกันซื้อแบ่งกันกิน อันนี้ไม่เป็นไรต่างคนต่างกิน ลงก็ลงด้วยกัน แต่คงไม่ลง คือว่าถ้าเรี่ยไรเฉพาะคนนั้น เขาทราบอยู่อันนี้ไม่เป็นไร ถ้าเอาเงินจากคนอื่นไปด้วย อันนี้ควรจะชำระหนี้สงฆ์"

 

 

ผู้ถาม : "ต้องเป็นวัดที่เราเคยไปทอดใช่ไหมครับ..?"
หลวงพ่อ : "วัดไหนก็ได้ เข้าเขตสงฆ์ก็แล้วกัน ใครทำมาบ่อยก็จัดการแก้ไขเสีย"

 

 

 

 

 
ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ การทอดผ้าป่า กับ การทอดกฐินอย่างไหนได้อานิสงส์มากน้อยกว่ากันคะ..?"
 
 
หลวงพ่อ : "ความจริง ผ้าป่า กับ กฐินเป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ถ้าว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินมีเวลาจำกัด จะทอดตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒
 
 
 
แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น ต้นเหตุแห่งการทอดกฐินนี้ ก็มีบางครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว ภิกษุชาวปาฐา ๓๐ รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
 
ในเวลานั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมีผ้าจำกัดเพียง ๓ ผืนเท่านั้น เมื่อมาถึงในขณะที่นางวิสาขา เฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่พอดี เห็นพระมีผ้าสบงจีวรเปียกโชกด้วยน้ำฝนและน้ำค้าง
 
 
 
จึงได้กราบทูลขอพรแด่พระพุทธเจ้าว่า "หลังจากออกพรรษาแล้ว ขอบรรดาประชาชนทั้งหลายมีโอกาสถวายผ้าไตรจีวร แก่คณะสงฆ์ด้วยเถิด"
 
 
 
พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุมัติ ส่วนผ้าป่าก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่ง แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็น สังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ
 
 
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่าผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผุ้รับก็มีอานิสง์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ"

 
 
ผู้ถาม : "แล้วองค์กฐินที่แท้จริงเป็นอย่างไรคะ..?"

 

 


หลวงพ่อ : "องค์กฐินจริง ๆ คือ ผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลากรานกฐินจริง ๆ เรากรานกันแต่ผ้า การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง
 
หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่งอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เขาเรียกว่า จุลกฐิน หรือจะถวายไตรจีวรครบทั้งวัด เขาเรียกว่า มหากฐิน

ฉะนั้น จะถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดท่าซุง จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคน ได้อานิสงส์เท่ากันหมด


สำหรับการทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระปทุมุตตระ ท่านเคยเทศน์วาระหนึ่ง สมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็น มหาทุคคตะ

คำว่ามหาทุคคตะนี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ได้ไปฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าว่า อานิสงส์กฐินนี้มีมาก ท่านจึงกลับไปชวนนาย แต่นายก็มอบหมายทรัพย์สมบัติให้ท่านเป็นผู้จัดการทุก อย่าง
 
 
ท่านมหาทุคคตะอยากมีส่วนร่วมในทานนี้ด้วย แต่ไม่มีอะไรมีแต่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขอตนที่มีติดตัวอยู่เพียงชุดเดียว จึงนำไปแลกที่ร้านในตลาด มีด้าย ๑ กลุ่ม เข็ม ๑ เล่ม
 
 
 
เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล พระองค์ทรงตรัสว่า คนถวายผ้ากฐิน หรือ ร่วมในการถวายกฐินทานครั้งหนึ่ง
 
 
 
จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพาน เพียงใดอานิสงส์จะให้ผลแก่ท่านผู้นั้น
 
 
 
เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาแล้วก็จะลงมาเป็น พระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็น พระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ เป็น มหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็น อนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็น คหบดี ๕๐๐ ชาติ แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วม ในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันหมดก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน"

http://www.putthapoom.com/answer/answer2.html

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 21:54:44


ความคิดเห็นที่ 3 (1574753)

 อานิสงส์กฐินทาน

 
     ...ความจริงการทอดกฐินไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่าผ้ากฐินทานจะรับได้ก็ต่อเมื่อถึง วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ หลังจากนั้นจะทอดขนาดไหนก็ตามจะไม่เป็นกฐินฉะนั้นกฐินมีเวลากาลจำกัด
 
     ทีนี้ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี
 
 
ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้นการถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดีจะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่างเป็น อานิสงส์กฐิน ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ
 
 
 
ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยที่พระองค์เกิด เป็นมหาทุคคตะ ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปทุมมุตระ เวลานั้นพระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้นถอยหลังจากนี้ไป ๙๑ กัป
 
 
 
 
 
ก็ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปทุมมุตระ วันหนึ่งมหาทุคคตะไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใดเคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี (แต่ว่ากฐินวันนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) 
 
 
 
 
จะทำบุญน้อยจะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า...
 
      "โภ ปุริสะ ดูกรท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต
 
 
 
 
ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า ๕๐๐ ชาติ" นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือนางฟ้าจุติแล้วก็เกิดทันที ๕๐๐ ครั้ง
 
 
 
 
 
เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดาเกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ เมื่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติแล้ว บุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ
 
 
 

     คำว่ามหาเศรษฐีนี่ มีเงินตั้งแต่ ๘๐ โกฏิ ขึ้นไปเขาเรียกว่า มหาเศรษฐี แต่ว่าตั้งแต่ ๔๐ โกฏิ ขึ้นไปเขาเรียก อนุเศรษฐี
 
 

     เมื่อเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ
 
 
 

ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่านอกจากจะเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีแล้วบุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญานก็ย่อมได้
 
 
 
 
 
นั่นหมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนา เป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพาน เป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้ ฉะนั้นการทอดกฐินแต่ละคราว
 
 
 
 
 
ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทโปรดทราบถึงอานิสงส์คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่า ยากจนเข็ญใจจะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ
 
 
 
 
     สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี ๓ อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบันจัดกฐินเป็น ๓ อย่างคือ 
 
 
 
๑. จุลกฐิน  ๒. ปกติกฐิน  ๓. มหากฐิน กฐิน ๓ อย่างย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน คำว่า จุลกฐิน เวลานี้แปลงไปคงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้
 
 
 
 
 
คำว่า "จุลกฐิน" ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐินจะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน
 
 
 
     ทีนี้ถ้า "ปกติกฐิน" ก็มีผ้าไตรครบไตร ถวายผ้าไตรเดียวหรืออย่างน้อย ก็มีผ้าไตร ๓ ไตร คือองค์ครอง ๑ ไตร คู่สวด ๒ ไตร
 
 
 
 
     ทีนี้ถ้ามีผ้าไตรครบทุกองค์ อย่างที่วัดทำเป็น "มหากฐิน" อย่างนี้ถ้าบังเอิญจะไปเกิดในชาติใดก็ตาม จะเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากที่สุดเป็นพิเศษ อย่างตระกูล นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีทรัพย์มากเป็นพิเศษ
 
 
 
อย่างมหาเศรษฐีเขาบอกว่า ต้องมีเงิน ๘๐ โกฏิ หรือว่า ๑๖๐ โกฏิ แต่ว่าตระกูลของนางวิสาขาจะนับเป็นโกฏิไม่ได้ 
 
 
 
ต้องนับเป็นโกฏิของเล่มเกวียน ไม่ใช่นับเป็นโกฏิของเหรียญ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าตระกูลนี้ร่ำรวยมาก

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 21:55:21


ความคิดเห็นที่ 4 (1574754)

 ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ

เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ

ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้

 

 

ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา 

ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก

เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี

แล้วก็หาเช้ากินค่ำ

หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน

ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า

 

 

หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า

 

 

ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ

 

 

เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม

 

 

ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ

 

 

นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย

 

 
     เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ
 
 
 
ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี จากคนแสนจนนะ มาเป็นลูกมหาเศรษฐี ทีนี้ชาติเดิมท่านเป็นคนมีศรัทธาเป็นปกติ แต่ไม่มีทรัพย์ เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าก็มีศรัทธาเป็นปกติ
 
 
 
มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐีก็เป็นคนมีศรัทธาเป็นปกติ มีความเมตตาปราณีในบุคคลทั้งหลาย ฉะนั้นท่านมหาเศรษฐีคนนี้จึงมีสภาพไม่เหมือนเศรษฐีคนอื่น เมื่อเป็นเศรษฐีแล้วก็ไม่หวังผลกำไรในดอกเบี้ย ปีหนึ่งได้ข้าวเท่าไร เศรษฐีมีนาเป็นแสนไร่ ได้ข้าวมาก ก็กันไว้ส่วนหนึ่ง แกล้งขายเอาเงินเข้าในกองทรัพย์สินของตนเอง
 
 
 
อีกส่วนหนึ่งเอาไว้แจกกับคนจนแต่ว่าต่อมาท่านจะเก็บข้าวเอาไว้จริงๆ ข้าวที่เก็บไว้กินเอง เก็บไว้ประมาณเผื่อคนจนด้วย เผื่อท่านด้วย ที่เก็บไว้นะ ๓ ปี ปีหนึ่งได้ข้าวมาแล้ว เก็บไว้เผื่อกินเองบ้าง เผื่อคนจนบ้าง นี่ ๓ ปี เหลือจากนั้นก็ขาย เหลือจากนั้นก็แจก
 
 
 
 
และมาในตอนหนึ่งปรากฏว่าในประเทศนั้นเกิดข้าวยากหมาก แพง ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ฝนมันแล้งชาวบ้านทำนาไม่ได้ ท่านมหาเศรษฐีก็แจกข้าวกับบรรดาประชาชนที่มาขอ ไม่มีคำว่าขาย แจกมาแจกไป แจกไปแจกมา
 
 
 
 
ในปีแรกข้าวก็ยังเหลือ ปีที่สองข้าวก็ยังเหลือ มันแล้วตั้ง ๓ ปีพอถึงปีที่ ๓ ข้าวหมด ข้าวที่แจกเขาก็หมด มีไว้เพื่อแจก ข้าวที่มีไว้เพื่อกินก็หมด ทีนี้ข้าวมันเหลือทะนานเดียว เวลานั้นปรากฏว่าข้าทาสหญิงชายมีมาก ปล่อยหมด ไปตามเวรตามกรรม ไปหากินเองที่บ้านนี้ไม่มีกินแล้ว ถ้าขืนอยู่ก็อดตาย
 
 
 
มีทาสคนหนึ่งชื่อว่านายบุญ ไม่ยอมไปจากนาย บอกถ้านายอดขออดด้วย ถ้านายตายขอตายด้วย ก็เป็นอันว่าตามธรรมดามหาเศรษฐีต้องไปเฝ้าพระราชาเช่นเดียวกับอำมาตย์ทั้งหลาย เวลาประชุมขุนนาง เวลาประชุมขุนนาง
 
 
 
มีวันหนึ่งข้าวเหลือทะนานเดียวท่านมหาเศรษฐีก็กลับมา จากเฝ้าพระราชา ก็ถามแม่บ้านว่าข้าวของเรามีเท่าไร แม่บ้านก็บอกว่า ข้าวของเรามีหนึ่งทะนาน ที่บ้านเรามี ๕ คน...(เรื่องราวต่อจากนี้ท่านผู้อ่านคงทราบกันดีแล้วนะครับ จึงไม่ขอโพสต่อ)

ธรรมเทศนาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากหนังสือธรรมวิโมกข์

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 21:55:51


ความคิดเห็นที่ 5 (1574755)

อานิสงค์ของกฐินทาน จากหลวงพี่เล็ก
อานิสงส์พิเศษของบุญกฐิน


ถาม : ..................
ตอบ : ช่วงนี้เป็นช่วงของกาลกฐิน คำว่ากาลนั้น กาละแปลว่าเวลา เวลาของกฐิน กฐินจริง ๆ ความหมายก็คือ ผ้าสะดึง ผ้าที่ขึง เครื่องขึงที่ยึดผ้าให้ตึงจะได้ประกอบให้เป็นสิ่งโน้นสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเย็บปักถักร้อยอะไรก็ง่าย
 


กาลกฐินจะเป็นเรื่องกำหนดตาม ระเบียบพิธีของสงฆ์ โดยเฉพาะพระภิกษุที่จำพรรษาแล้วเป็นเวลาครบถ้วน ๓ เดือน สมัยก่อนนั้นพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้เปลี่ยนจีวรได้ คราวนี้ว่าการเปลี่ยนจีวรนี้ต้องสมเหตุสมผล
คือว่าเป็นผู้ที่จีวรเก่าจริง ๆ ชนิดที่เรียกว่าหมดสภาพแล้วก็อนุญาตให้เปลี่ยนได้ ท่านก็ให้เสาะหาผ้าที่จะมาทำจีวร
ภายหลังการเสาะหาผ้าเต็มไปด้วยความ ยากลำบาก นางวิสาขาก็ดี อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี ก็ขอให้รับคหปติจีวร คือจีวรที่มีผู้น้อมมาถวายได้ คราวนี้พอจำพรรษาแล้วครบสามเดือนมีสิทธิรับกฐินได้



กาลกฐิน คือ เวลาของการรับกฐิน เริ่มตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ดไปสิ้นสุดเอากลางเดือนสิบสองเป็นเวลา หนึ่งเดือนเต็ม
ช่วงระยะนี้วัดไหนก็ตามที่มีเจ้าภาพ ตั้งใจว่าจะถวาย กฐินก็จะจัดให้ถวายกฐินขึ้นมา คราว นี้กฐินเป็นงานบุญพิเศษ ความจริงกฐินเป็นสังฆทานเหมือนกันแต่บังเอิญว่าจำกัดด้วยเวลา คือ ทำได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นในหนึ่งปี
ก็เลยจะมีอานิสงส์พิเศษหลวง พ่อวัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่า ให้เรารู้จักสังเกตตัวเอง ใครก็ตามที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพทำบุญกฐิน



คำว่าเจ้าภาพไม่ได้หมายความว่าจะ ต้องเจาะจงว่าตัวเองเป็นประธานหรือว่าหา สิ่งของทั้งหมดมา เราร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยจะเล็กน้อยอย่างไรก็ตามถือว่าเป็นเจ้าภาพเหมือนกัน ท่านบอก ว่า บุคคลที่ตั้งใจเป็นเจ้าภาพกฐินติดต่อกันได้ถึงสามปี
ให้สังเกตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความเป็นอยู่จะคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา จะมีความสะดวกกว่า เพราะฉะนั้นก็ให้พวกเราตั้งใจลักษณะนี้ตัว



อาตมาเองตั้งใจตั้งแต่ก่อนบวชจนกระทั่งถึงบวชแล้ว
แต่ละปีจะทำบุญกฐินปีละมาก ๆ หลาย ๆ วัด สมัยที่ก่อนบวชถึงเวลาหน้ากฐินก็เตรียมซองไว้เลย ซองละพัน ๆ เจอเขาทำที่ไหนก็ถวายร่วมกับเขาที่นั่น พอเป็นพระมาก็ใช้วิธีจัดแบบนี้
 


คือว่านิมนต์พระที่ท่านไม่มีกฐิน หรือว่าพระที่เป็นมิตรสหายคุ้นเคยกันมา มารับกฐินที่วัดของเรา หรือว่าอย่างระยะหลัง ๆ ไปเป็นประธานทอดให้เขาด้วย หรือว่าทางด้านโน้นเขาเรียกร้องมาก็ต้องไป

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 21:56:47


ความคิดเห็นที่ 6 (1574758)

น้องเบลล์จ๋า

 

ช่วยเว้นบรรทัด

 

ให้อ่านสบายตา

 

มีที่พักสายตา

ให้ ส ว.

หน่อยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 22:06:16


ความคิดเห็นที่ 7 (1574759)

 เทศกาลกฐิน 

" กฐิน" มีความหมายเกี่ยวข้องกันถึง ๔ ประการ คือ


๑. เป็นชื่อของกรอบไม้ อันเป็นแม่แบบสำหรับทำจีวร ซึ่งอาจเรียกว่า สะดึงก็ได้


๒. เป็นชื่อของผ้า ที่ถวายแก่สงฆ์เพื่อทำจีวร ตามแบบหรือกรอบไม้นั้น

๓. เป็นชื่อของบุญกิริยา คือการทำบุญ ในการถวายผ้ากฐินเพื่อให้สงฆ์ทำเป็นจีวร

๔. เป็นชื่อของสังฆกรรม คือกิจกรรมของสงฆ์ที่จะต้องมีการสวดประกาศขอรับความเห็นชอบจากที่ประชุมสงฆ์ ในการมอบผ้ากฐินให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง

กฐินที่เป็นชื่อกรอบไม้

กรอบไม้แม่แบบสำหรับทำจีวร ซึ่งอาจเรียกว่าสะดึงก็ได้นั้นเนื่องจากในครั้งพุทธกาลการทำจีวรให้มีรูปลักษณะตามที่กำหนด กระทำได้โดยยาก

 

 

จึงต้องทำกรอบไม้สำเร็จรูปไว้เพื่อเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำเป็นผ้านุ่งหรือผ้าห่ม หรือผ้าห่มซ้อนที่เรียกว่าจีวรเป็นส่วนรวมผืนใดผืนหนึ่งก็ได้ ในภาษาไทยนิยมเรียกผ้านุ่งว่า สบง ผ้าห่มว่า จีวร ผ้าห่มซ้อนว่า สังฆาฏิ

 

การทำผ้าโดยอาศัยแม่แบบเช่นนี้ คือทาบผ้าลงไปกับแม่แบบแล้วตัด เย็บ ย้อมทำให้เสร็จในวันนั้นด้วยความสามัคคีของสงฆ์ เป็นการร่วมแรงร่วมใจกันทำกิจที่เกิดขึ้นและเมื่อทำเสร็จหรือพ้นกำหนดกาลแล้ว

 

 

แม่แบบหรือกฐินนั้น ก็รื้อเก็บไว้ในการทำผ้าเช่นนั้นอีกในปีต่อ ๆ ไป การรื้อแบบไม้นี้ เรียกว่า เดาะ ฉะนั้นคำว่า กฐินเดาะหรือ เดาะกฐิน จึงหมายถึงการรื้อไม้แม่แบบเพื่อเก็บไว้ใช้ในโอกาสหน้า

กฐินที่เป็นชื่อของผ้า

หมายถึงผ้าที่ถวายให้เป็นกฐินภายในกำหนดกาล ๑ เดือน นับตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ผ้าที่จะถวายนั้นจะเป็นผ้าใหม่ หรือผ้าเทียมใหม่

 

 

เช่น ผ้าฟอกสะอาดหรือผ้าเก่า หรือผ้าบังสุกุล คือผ้าที่เขาทิ้งแล้ว และเป็นผ้าเปื้อนฝุ่นหรือผ้าตกตามร้านก็ได้ ผู้ถวายจะเป็นคฤหัสถ์ก็ได้ เป็นภิกษุหรือสามเณรก็ได้ ถวายแก่สงฆ์แล้ว ก็เป็นอันใช้ได้

 


กฐินที่เป็นชื่อของบุญกิริยา คือการทำบุญ

คือการถวายผ้ากฐินเป็นทานแก่พระสงฆ์ผู้จำพรรษาอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งครบ ๓ เดือน เพื่อสงเคราะห์ผู้ประพฤติปฏิบัติชอบให้มีผ้านุ่ง หรือผ้าห่มใหม่ จะได้ใช้ผลัดเปลี่ยนของเก่าที่จะขาดหรือชำรุด การทำบุญถวายผ้ากฐิน หรือที่เรียกว่า ทอดกฐิน คือทอดหรือวางผ้าลงไปแล้วกล่าวคำถวายในท่ามกลางสงฆ์

 

 

เรียกได้ว่าเป็นกาลทานคือการถวายทานที่ทำได้เฉพาะกาล ๑ เดือน ดังกล่าวในกฐินที่เป็นชื่อของผ้า ถ้าถวายก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้นไม่เป็นกฐิน ท่านจึงถือว่าหาโอกาสทำได้ยาก


กฐินที่เป็นชื่อของสังฆกรรม

คือกิจกรรมของสงฆ์ก็จะต้องมีการสวดประกาศขอรับความเห็นชอบจากที่ประชุมสงฆ์ ในการมอบผ้ากฐินให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อทำจีวรสำเร็จแล้วด้วยความร่วมมือของภิกษุทั้งหลายก็ จะได้เป็นโอกาสให้ได้ช่วยกันทำจีวรของภิกษุรูปอื่นขยายเวลาทำจีวรได้อีก ๔ เดือน

 

 

ทั้งนี้เพราะในสมัยพุทธกาล การหาผ้า การทำจีวรทำได้ยากไม่ทรงอนุญาตให้เก็บสะสมผ้าไว้เกิน ๑๐ วันแต่เมื่อได้ช่วยกันทำสังฆกรรมเรื่องกฐินแล้ว อนุญาตให้แสวงหาผ้าและเก็บผ้าไว้เป็นจีวรได้ตลอดฤดูหนาว คือจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔

 

จากข้อความข้างต้น จะเห็นว่าความหมายของคำว่า กฐินมีความเกี่ยวข้องกันทั้ง ๔ ประการเมื่อสงฆ์ทำสังฆกรรมเรื่องกฐินเสร็จแล้ว และประชุมกันอนุโมทนากฐิน คือแสดงความพอใจว่า
ได้กรานกฐินเสร็จแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี 



คำว่า การกรานกฐิน คือ การลาดหรือทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แบบ เพื่อตัดเย็บย้อมทำเป็น
จีวรผืนใดผืนหนึ่ง


คำว่า การจองกฐิน คือการแสดงความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือด้วยวาจาต่อทางวัดว่าจะนำกฐินมาถวาย เมื่อนั้นเมื่อนี้แล้วแต่จะตกลงกัน แต่จะต้องภายในเขต เวลา ๑ เดือน ตามที่
กำหนดในพระวินัย 


คำว่า อปโลกน์กฐิน หมายถึง การที่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเสนอขึ้นในที่ประชุมสงฆ์ถามความเห็นชอบ ว่าควรมีการกรานกฐินหรือไม่ เมื่อเห็นชอบร่วมกัน

 

แล้วจึงหารือกันต่อไปว่าผ้าที่ทำสำเร็จแล้วควรถวายแก่ ภิกษุรูปใด การปรึกษาหารือ การเสนอความเห็นเช่นนี้เรียกว่า อปโลกน์ (อ่านว่า อะ- ปะ- โหลก) หมายถึง การช่วยกันมองดูว่าจะสมควรอย่างไร เพียงเท่านี้ยังใช้ไม่ได้ เมื่ออปโลกน์เสร็จแล้วจึงต้องสวดประกาศเป็นการสงฆ์ จึงนับเป็นสังฆกรรมเรื่องกฐินดังกล่าวไว้แล้วในตอนต้น

ในปัจจุบันมีผู้ถวายผ้ามากขึ้นมีผู้สามารถตัดเย็บย้อมผ้าที่จะทำเป็นจีวรได้แพร่หลายขึ้นการใช้ไม้ แม่แบบอย่างเก่าจึงเลิกไปเพียงแต่รักษาชื่อและประเพณีไว้โดยไม่ต้องใช้กรอบ ไม้แม่แบบ เพียงถวายผ้าขาวให้ตัดเย็บย้อมให้เสร็จในวันนั้น

 

หรืออีกอย่างหนึ่งนำผ้าสำเร็จรูปมาถวายก็เรียกว่าถวายผ้ากฐินเหมือนกัน และเนื่องจากยังมีประเพณีนิยมถวายผ้ากฐินกันแพร่หลายไปทั่วประเทศไทย จึงนับว่าเป็นประเพณีนิยมในการบำเพ็ญกุศล เรื่องกฐินนี้ยังขึ้นหน้าขึ้นตาเป็นสาธารณะประโยชน์ร่วมไปกับการ บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามไปในขณะเดียวกัน

�ȡ�š�Թ

บุญกฐิน

ทำบุญกฐินกันหรือยังครับ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 วันสำหรับการทำบุญใหญ่ประจำ ที่ได้บุญมากมายมหาศาล ทำให้ได้นะครับ เพราะบุญจะช่วยเราได้ในเวลาเราต้องเผชิญสิ่งแย่ๆ 

บอกบุญ การทอดกฐิน

การทอดกฐิน นับว่าเป็นพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งมีช่วงเวลาจำกัดเพียงปีละ ๑ เดือน คือระหว่าง แรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เท่านั้น

 

ประเพณีการทอดกฐินนี้ ประชาชนชาวไทยนิยมทำกันมาก ถือว่าได้อานิสงส์แรง เพราะทำในเวลาจำกัด และต้องการทำการจองกฐินกันก่อน

 

เพราะ 1 วัดจะรับได้เพียงกฐินเดียวเท่านั้น ในปัจจุบันนี้มักทำกันเป็นพิธีรีตองมโหฬารทีเดียว บางทีก็มีการแห่แหนประดับตกแต่งองค์กฐินพร้อมทั้งไทยธรรมที่เป็นของบริวารซึ่งจัดทำกันไว้อย่างประณีตบรรจง 

อานิสงส์กฐิน

การ ทำบุญกฐินนี้ได้บุญมาก

เพราะเป็นทานที่พิเศษยิ่งกว่าทานอื่นใด

ด้วยเป็นทั้ง "กาลทาน" และ "สังฆทาน"

นับเป็นทานชนิดเดียวที่ผู้ให้(คฤหัสถ์)

และผู้รับ(พระสงฆ์ ) ได้บุญด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายผู้ให้ย่อมได้บุญอันไพบูลย์

ทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆ ไป เช่น 


ทำให้เป็นผู้มีความมั่งคั่ง 

มั่นคงในโภคทรัพย์สมบัติและหน้าที่การงานo เป็นคนรูปงาม ผิวพรรณงาม เป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป 

o เป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส ตั้งมั่นในสมาธิและเข้าถึงธรรมได้ง่าย แม้ละโลก แล้วย่อมได้บังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ 


เหตุที่การทอดกฐินได้บุญมาก


1. จำกัดประเภททาน คือ ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น จะถวายเฉพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอย่างอื่นไม่ได้ 

 


2. จำกัดเวลา คือ ต้องถวายภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันออกพรรษาเป็นต้นไป 

 

3. จำกัดงาน คือ พระภิกษุที่กรานกฐินต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน 

 

4. จำกัดไทยธรรม คือ ผ้าที่ถวายต้องถูกต้องตามลักษณะที่สงฆ์กำหนดไว้ 

 


5. จำกัดผู้รับ คือ พระภิกษุผู้รับกฐิน ต้องเป็นผู้ที่จำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา และมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 รูป 

 

6. จำกัดคราว คือ วัดๆ หนึ่งรับกฐินได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น(จาก 1 เจ้าภาพ) 

 


7. เป็น พระบรมพุทธานุญาต ทานอย่างอื่นทายกทูลขอให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาต เช่นมหาอุบาสิกาวิสาขาทูลขออนุญาตถวายผ้าอาบน้ำฝน แต่ผ้ากฐินนี้พระองค์ทรงอนุญาตเอง นับเป็นพระพุทธประสงค์โดยตรง 

 

อานิสงส์ของกฐิน พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า"โภ ปุริสะ ดูกรท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต

 

 

ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า๕๐๐ ชาติ" นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือนางฟ้าจุติแล้วก็เกิดทันที ๕๐๐ ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย

 

 

เกิดเป็นเทวดาเกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้า จักรพรรดิปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ เมื่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ๕๐๐ ชาติแล้ว บุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ

 

 

หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เมื่อเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ(จากพระสูตรภาษาบาลี)

 


ผล บุญของการทำกฐินนั้นมากมาย หากต้องการสรุปสั้นให้เห็นภาพก็อธิบายได้ว่า แม้ว่าเราตักบาตรและทำสังฆทานทุกวันตลอดชีวิต ก็อาจจะได้บุญไม่เท่าการทำบุญด้วยกฐินเพียงครั้งเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

 

กฐินที่นำเงินที่ได้ไปสร้างโบสถ์ วิหาร หรือซื้อที่ในวัด เราก็จะได้บุญหลายต่อจากบุญกฐินด้วย และได้บุญวิหารทานด้วย(ซึ่งได้บุญมากและได้บุญทุกครั้งทีมีคนใช้สิ่งที่เรา สร้าง) 



หาก ใครที่กำลังจะทำบุญด้วยกฐินหรือทำไปแล้วผมก็ขอโมทนาบุญด้วย แต่หากใครที่ยังไม่ได้ทำ ยังเหลือเวลาจนถึงวันลอยกระทง ลองหาวัดใดสักวัด แล้วทำบุญที่ได้บุญมากมายมหาศาลนี้ ด้วยการทำบุญกฐินกันเถอะครับ 

 


หมายเหตุ

ทำเองคนเดียวก็ได้บุญมากแล้ว แต่หากเราชวนผู้อื่นทำด้วย ก็จะได้บุญมากมายมหาศาล และบุญจากการชวนผู้อื่นทำบุญ จะช่วยให้เรามีบริวารที่ดีและมีเพื่อนที่ดีด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 22:06:56


ความคิดเห็นที่ 8 (1574763)

กราบอนุโมทนา

กับอาจารย์แม่อุบล...ค่ะ

กับมหากฐินบุญใหญ่นี้ด้วยค่ะ

สาธุ

*****

โมทนาบุญกับน้องเบลล์ด้วย...จ๊ะ

จะค่อยๆทย้อยอ่านไปเรื่้อยๆ

นะ่น้องเบลล์

เพราะมันยาวมาก...จ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-26 22:15:35


ความคิดเห็นที่ 9 (1574844)

อนุโมทนากับน้องเบลล์ เดี๋ยวมีเวลาจะมาค่อยๆอ่านไปจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น รมภ์รวินท์ กระสวย (som1932-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 07:50:57


ความคิดเห็นที่ 10 (1574847)

โมทนาบุญกับอ.อุบล +น้องเบลล์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 08:40:46


ความคิดเห็นที่ 11 (1574857)

 

 

 

 ขออนุโมทนาบุญกับท่าน อ.อุบลค่ะ

และน้องเบลล์ด้วยค่ะ

ซึ่งยาวมากจริงๆ 

และพอจับได้ใจความสำคัญ

ในอานิสงค์ของกฐินมาพอสังเขปค่ะ


*****************************

ผล บุญของการทำกฐินนั้นมากมาย หากต้องการสรุปสั้นให้เห็นภาพก็อธิบายได้ว่า แม้ว่าเราตักบาตรและทำสังฆทานทุกวันตลอดชีวิต ก็อาจจะได้บุญไม่เท่าการทำบุญด้วยกฐินเพียงครั้งเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฐินที่นำเงินที่ได้ไปสร้างโบสถ์ วิหาร หรือซื้อที่ในวัด เราก็จะได้บุญหลายต่อจากบุญกฐินด้วย และได้บุญวิหารทานด้วย(ซึ่งได้บุญมากและได้บุญทุกครั้งทีมีคนใช้สิ่งที่เรา สร้าง) 

*****************************


ขออนุโมทนาบุญน้องเบลล์

มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 09:02:13


ความคิดเห็นที่ 12 (1574859)

ขออนุโมทนาบุญกับท่านอ. อุบลและน้องเบลล์ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กุหลาบ รักสนิท (ROSE_1968-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 09:09:39


ความคิดเห็นที่ 13 (1574861)

เดี๋ยว อ.อุบล

คนชื่อสั้น จะมาสรุป

สั้น ๆ ให้อ่านกัน

นะจ๊ะ

 

รอ ปู เหลียว

จ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 09:13:31


ความคิดเห็นที่ 14 (1574875)

ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์อุบล

และ น้องเบลล์ ด้วยครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 10:31:47


ความคิดเห็นที่ 15 (1574884)

อนุโมทนากับน้องเบลล์ด้วยนะค้า

รวดเร็วทันใจจริงๆ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนวดี รัชตารมย์ (thanavadee_r-at-sepo-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 11:03:42


ความคิดเห็นที่ 16 (1574902)

ขออนุโมทนาบุญกับท่านอ. อุบลและน้องเบลล์ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 12:39:08


ความคิดเห็นที่ 17 (1574908)

 

ขออนุโมทนาบุญกับท่าน อ.อุบล

และน้องเบลล์คนเก่งด้วยค่ะ

 

          สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 13:03:50


ความคิดเห็นที่ 18 (1574913)

ขออนุโมทนาบุญกับ ท่านอาจารย์อุบล

และน้องเบลล์ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี (woranea_912_meaw-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 13:19:23


ความคิดเห็นที่ 19 (1574915)

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น จิรศักดิ์ เวียงประวิง (wi_jirasak-at-HOTMAIL-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 13:26:08


ความคิดเห็นที่ 20 (1574917)

 

โมทนา สาธุ กับท่านอาจารย์ อุบล

น้องเบล และคุณตุ้ยด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) (parungrueang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 13:32:15


ความคิดเห็นที่ 21 (1574923)

ขออนุโมทนาบุญกับ ท่านอาจารย์อุบลและน้องเบลล์ด้วยค่ะ สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 14:25:54


ความคิดเห็นที่ 22 (1574926)

รออ่านอยู่ค่ะ

อาจารย์แม่เจ้าขา

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 14:39:53


ความคิดเห็นที่ 23 (1574936)

อนุโมทนาบุญ อ.อุบล และน้องเบลล์มาก ๆ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรรณชนก มนต์เลี้ยง (wanchanok_4-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 15:55:22


ความคิดเห็นที่ 24 (1574939)

ขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบล และน้องเบลล์ด้วยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางมยุรีพร ภาชนะวรรณ (ma_parchanawan-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 16:17:25


ความคิดเห็นที่ 25 (1574945)

ปีที่แล้ว ปี 53

เราชาวคณะ

บ้านสวนพีระมิด

ก็ไปทอดกฐินกับหลวงพ่อเสงี่ยม

วัดใหม่สันติธรรม

จ.ลพบุรี

 

จัดเป็นมหากฐินไปนะ

 

ก็คือ

ถวายไตรพระทั้งวัด

เป็นไตรชุดใหญ่

(ครบทั้ง สบง จีวร สังฆาฏิ)

 

ซึ่งบุญกฐิน

สาระสำคัญที่สุดอยู่ที่

การถวายผ้าไตร

(ไตร แปลว่า 3 นะจ๊ะ...รู้แล้วน่า)

 

แต่ก่อน

อ.อุบล เคยสงสัยว่า

อ้าว

มีมหากฐินด้วยเรอะ

 

มหา แปลว่า ใหญ่

หรือ ยิ่งใหญ่

นิ

 

ก็แสดงว่า

ต้องมีกฐินเล็ก กฐินกลางอีกละซี

เป็นไงนะ คนขี้สงสัยก็งี้แหละ

 

ซอกแซกไปเรื่อยเปื่อย

 

เลยไปเจอ

หนังสือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ท่านสอนไว้หมด

ที่อยากรู้

 

หายสงสัย จำขึ้นใจ

ตั้งแต่นั้นมา

 

เป็นอันว่า

กฐิน มี

 เล็ก กลาง ใหญ่

(อ.อุบล เรียกเองนะ จริงๆ ท่านมีชื่อเรียก)

จริงๆด้วยหละ

 

คือ

1.จุลกฐิน

จุล ก็แปลว่า เล็ก

(กระจิริดนะ...อันนี้ว่าเอง หลวงพ่อไม่เกี่ยว)

ทำไมจึงเรียกกฐินเล็ก

(เล็ก นี่ อ.อุบล อุตริเอง ท่านไม่ได้เรียก)

ท่านเรียก

จุ ล ก ฐิ น

ก็เพราะว่า ถวายเฉพาะ

ผ้า 1 หรือ 2 ผืน

เท่านั้น

คือ

ไม่ครบไตร

ไม่ครบ 3

นั่นเอง

 

อาจถวายเพียง

สบง อย่างเดียวก็ได้

หรือ

จีวร อย่างเดียวก็ได้

หรือ

สังฆาฏิ อย่างเดียวก็ได้

 

อย่างนี้เขาเรียก

จุลกฐิน...นะจ๊ะ

ขอบอก

 

2.ปกติกฐิน

เป็นกฐินอย่างกลาง

(ที่จริงท่านไม่ได้เรียกอย่างกลาง

อ.อุบล สาระแน เรียกเอง อย่าเอาอย่างนะ)

ที่ถูกต้องตามพระไตรปิฎก

ท่านเรียกว่า

ปกติกฐิน ....จ้า

คือว่า

ถวายผ้าไตร ครบชุด

มีทั้ง สบง จีวร สังฆาฏิ

แต่ไม่ได้ถวาย

พระทั้งวัด

 

ถวายเพียง ไตรเดียว

หรือ องค์เดียว

จ้า

 

3.มหากฐิน

บอกแล้ว ว่า พี่มหา เขาใหญ่

ตัวก็ใหญ่ รถก็คันใหญ่

(ไปโน่น กลับมาๆ)

 

ได้อธิบายไปแล้วไง

ว่า

ถวายไตรครบชุดใหญ่

แด่

พระทุกรูป

(ถวายพระทั้งวัด)

 

ปีที่แล้ว และ ปีที่ผ่านๆมา

พระที่วัดหลวงพ่อ

มีประมาณ 20 รูป

 

เราก็จัดไตรไปครบ

 

ปรากฏว่า

แย่งกันจอง เป็นเจ้าภาพไตร

กันชุลมุนเลยหละ

 

ปีนี้ก็ยังไม่ได้ถามหลวงพ่อเลย

ว่ามีพระกี่รูป

 

แต่เราเตรียมไว้ 20 ไตรก่อน

ถ้าขาดก็เพิ่ม

ถ้าเกินก็ถวายวัดอื่นต่อไป

 

เพราะ

แต่ละปี อ.อุบล

จะพา พวกเรา ญาติพี่น้อง

ทอดกฐินให้ได้

ปีละ 3 วัด เป็นอย่างต่ำ

 

ปีที่แล้วได้ 4-5 วัด นะ

คือ

1.กฐินหลวงพ่อเสงี่ยม

2.กฐินพระอาจารย์รัตน์

3.กฐิน คุณอรุณี สวนจิตรลดา

4.กฐิน สำนักพระราชวัง

 

แต่กฐิน 2 บุญหลังนี้

ไม่ได้บอกบุญ

เพราะ

พระเจ้าอยู่หัว

ไม่ทรงอนุญาตให้เรี่ยไร

ซึ่ง อ.อุบล จึงใช้

นโยบายนี้มาตลอด

 

คือ

ทำบุญทุกอย่าง

ในบ้านสวนพีระมิด

ห้ามใครไปเรี่ยไรเด็ดขาด

 

ในเมื่อในหลวง

ทรงห้าม

แสดงว่า พระองค์ ทรงเล็งเห็น

ปัญหา บาป ที่จะตามมา

อีกมากมายมหาศาล

 

อ.อุบล

คิดเอาด้วยปัญญา

อันน้อยนิด

เห็นว่า ถ้าปล่อยให้เรี่ยไร

ก็จะมีคนฉวยโอกาส

เอาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ไปแอบอ้าง ไปบังคับ

ทำให้เขาอึดอัดใจในการทำบุญ

เพราะความเกรงใจบ้าง

หรือไม่ก็

เป็นช่องทางให้คนที่ไปบอกบุญ

ต่อ

หาช่องทาง สร้างกรรม

สร้างเงินใช้ส่วนตัว

โดยอ้าง

ว่า

จะเอาไปทำบุญกับ

พระเจ้าอยู่หัว

 

โอ๊ย นรก จริงๆ

 

บ้านสวนพีระมิด

ก็เห็นตัวอย่างมาแล้ว

หลายคน

ที่ชอบใช้ชื่อ อ.อุบล เรี่ยไร

เอาเงินเข้ากระเป๋า

เห็นๆ เลย

 

คราวนี้เลย ซึ้ง เลย

พระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบทุกอย่าง

 

ส่วนกฐิน

บ้านสวนพีระมิด ปี 54 นี้

ก็จะมีหลักๆ เลยคือ

1.กฐิน หลวงพ่อเสงี่ยม

2.กฐินพระ อ.รัตน์

3.กฐินวัดคลองไทร

(พระที่มาฉันเพลวันบวงสรวงฯท่านมาขอ)

 

ส่วนกฐินสำนักพระราชวัง

อ.อุบล จะทำเอง

ทุกปี โดยนำเงินที่ท่านทั้งหลาย

ได้ร่วมบุญมากับบ้านสวนพีระมิดแล้ว

แบ่งไปทำให้ รับรองได้ทุกคน

และ เงินส่วนตัว อ.อุบล

เป็นสำคัญ

 

ท่านที่ได้ซื้อ พาเมล่า เสื้อ

เครื่องประดับ พีระมิดจำลอง

ทุกคน ถือว่าได้ร่วมบุญ

กับ อ.อุบล แล้ว

สาธุ

 

ส่วนกฐินพระอาจารย์รัตน์นั้น

เราจะรวมปัจจัยไว้

แล้วนัดวันที่ ดินฟ้า อากาศ

การเดินทาง ปลอดภัย

แล้วนำไปถวายท่าน

แล้วถือโอกาสไปทัวร์ธรรมะ

แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่

วัดท่าซุง แวะรายทางเรื่อยไป

(อันนี้เป็นความลับสุดยอดนะ อย่าบอกใคร)

 

ส่วนกฐินหลวงพ่อเสงี่ยม

หลังจากทอดกฐินแล้ว

เราจะไปเยี่ยมเพื่อนๆของเรา

เอาข้าวโพด + ฝักบัว + อาหารโปรด

ไปฝากเพื่อนเราด้วยนะ

(น้ำจะแห้งหรือยังก็ไม่รู้นะ หวังว่าจะแห้ง)

 

คืนวันเสาร์ที่ 29 ต.ค.54

พวกเราก็มาค้างกันที่ บ้านสวนฯ

ช่วยกันจัดชุดสังฆทาน

ข้าวปลาอาหารแห้ง อาหารสด

ชุดผ้าไตร ซองปัจจัย

ฯลฯ

ใครจะมาก่อนล่วงหน้า

ก็ได้ จะได้ช่วยแบ่งหน้าที่กัน

 

ทีนี้

มีอีกกฐินหนึ่ง

ที่ตรงกัน คือ วัดคลองไทร

พระครูหนู (นั่งลำดับที่ 3) รองเจ้าอาวาส

ที่ท่านมาฉันเพล บ้านสวนฯ

กับ

เจ้าอาวาส(นั่งลำดับที่ 1)

ท่านโทร.มา และ ก็มาเยี่ยม

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

บอกว่า

ขอกฐินสัก 1 สาย

เป็นกฐินสามัคคี ปีนี้ไม่มีใครจอง

อ.อุบล ก็บอกว่าได้ค่ะ

แต่ต้องดูก่อนว่า

ตรงกับกฐินหลวงพ่อเสงี่ยม

หรือไม่ ถ้าไม่ตรงก็ไปได้

แต่ถ้าตรงก็จะนำปัจจัยไปถวาย

ส่วนตัวจะไม่ไป

ฉะนั้นเราจะไปถวายปัจจัย

ร่วมงานกฐินวัดคลองไทรกัน

ในวันเสาร์ ที่ 29 ต.ค.54

ซึ่งวัดนี้อยู่ใกล้บ้านสวนพีระมิด

 

พอท่านมาเยี่ยม

ท่านก็มาเห็นบ้านไม้ไผ่

ท่านบอก

อาตมาเคยไปถาม

หลังเป็นหมื่น เลยถอยเลย

 

หลวงพ่อ จะเอาไปทำไมคะ

อ๋อ

จะเอาไปไว้ท่องปาฎิโมกข์

หาที่สวดมนต์ เงียบๆ

 

ถ้างั้นโยมจะสร้างให้

1 หลังค่ะ

 

วันนี้

ช่างรับเหมามาเล่าว่า

ไปที่วัดมาแล้ว

ไปดูที่ ที่จะสร้าง

ไปเจอหลวงพ่อหนูพอดี

 

พอบอกว่า

อ.อุบล ให้มาดูที่

จะสร้างกุฏิไม้ไผ่ให้ ใช่หลวงพ่อไหมคะ

ใช่โยม

 

ผู้รับเหมาบอก

หลวงพ่อดีใจมากเลยค่ะ อ.

ท่านถามว่า เมื่อไหร่จะมาสร้าง

 

พรุ่งนี้ค่ะ

 

อันนี้

อ.อุบล จะทำเองนะ

ไม่ได้บอกบุญ

แต่

จะนำปัจจัยที่ท่านทั้งหลาย

ร่วมบุญมา  มาผสม

ด้วยสักนิดหน่อย เพื่อให้

ท่านได้บุญ วิหารทานกันทุกคน

 

อานิสงส์วิหารทาน

คือ

ทำให้มีทรัพย์ไม่ฝืดเคือง

พระท่านเอาไว้หัดสวดมนต์

ท่องปาฏิโมกข์ อันนี้ได้บุญใหญ่มาก

ได้ธรรมทานด้วย

 

ทำให้ทั้ง

มีเงิน มีงาน มีบ้าน

มีวิมานทิพย์ หายเจ็บไข้

ถึงนิพพานได้ง่าย

 

เกิดอีก กี่ชาติ ก็ไม่ลำบากยากจน

ที่ใดที่มีความลำบากยากจน

จะไม่ต้องไปเกิดที่นั่น

เห็นผลทันที

จร้า

 

เดี๋ยวมาโม้ใหม่นะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 17:56:50


ความคิดเห็นที่ 26 (1574957)

สาธุ

อนุโมทนา

และขอบพระคุณที่ให้ความรู้คะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 19:10:47


ความคิดเห็นที่ 27 (1574964)

อนุโมทนาบุญ

กับอาจารย์แม่อุบลค่ะ

และธรรมทานกฐินค่ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 19:35:21


ความคิดเห็นที่ 28 (1574967)

อนุโมทนาค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วิจิตร บุญศิริ (wijit2502-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 19:39:46


ความคิดเห็นที่ 29 (1574971)

 

ขออนุโมทนาบุญ

กับ

มหาบุญ

ทุก ๆ บุญ

ที่ท่าน อ.อุบล ร่วมสร้าง

สาธุ ๆ ๆ

-*-*-*-*-*-*-*-*-

เดี๋ยวมาโม้ใหม่นะ

สาธุ กับ

ธรรมทาน

ที่ อ.อุบล มอบให้ค่ะ

พวกเรา

ชอบ..และ ประทับใจมั๊ก ๆ ค่ะ

กราบ ๆ ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 19:48:05


ความคิดเห็นที่ 30 (1574987)

โมทนาสาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 20:21:57


ความคิดเห็นที่ 31 (1574992)

วันที่หลวงพ่อหนูมา

เสาร์ที่ 24 ก.ย.54

ท่านบอกว่า โยมหมู่นี้น้ำท่วม

ชาวบ้านไม่ค่อย

มาทำบุญกันเลยโยม

ก็ได้ข้าวสารที่โยมถวายไป

ตั้งแต่วันบวงสรวงนั่นแหละ

หุงหา ให้พระในวัดฉันได้มาจน

ถึงวันนี้ เหลือข้าวอยู่อีกหน่อย

คงได้อีก 2 เวลานะโยม

 

มีพระกี่รูปคะหลวงพ่อ

 

5 รูปโยม

 

แล้วมีคนทำอาหารให้ไหมคะ

 

มีโยม ชาวบ้านแถวนั้น

บางทีพระก็ทำเอง

 

ถ้างั้นวันนี้ โยมจะถวาย

ข้าวสารไปอีกค่ะหลวงพ่อ

ส่วนอาหารแห้ง เป็นอาหารเจ

มังสะวิรัตินะคะหลวงพ่อ

 

ได้ ดีเลยโยม พอดีเลย

ข้าวกำลังจะหมด

 

ไม่เป็นไรหลวงพ่อ

หมด บอกโยมได้เลย

ที่นี่มีเยอะค่ะ

 

ว่าแล้วก็ให้ปุ๋ยไปจัดข้าวของถวายดังนี้

1.ข้าวสาร แบบถุง 5 กก. 20 ถุง

2.ข้าวสารแบบกระสอบ 1 กระสอบ

3.น้ำมันพืช 10 ขวด

4.ซีอิ๊วขาว 10 ขวด

5.ไข่ไก่ 3 ถาด

6.เส้นหมี่แห้ง 4 แพ๊ค

7.โปรตีนเกษตร 1 ถุงใหญ่

8.น้ำปลา+ปลากระป๋อง

ที่มีคนนำมา บ้านสวนไม่ได้ใช้

หลวงพ่อบอกว่า ปลากระป๋องก็หมด

8.น้ำหวาน เฮลบลูบอย 5 ขวด

9.ดี วี ดี รายการคุยไปแจกไป 10 แผ่น

10.จำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แหะ แหะ

 

สิ่งของเหล่านี้

เป็นสิ่งของที่พวกเราท่านทั้งหลาย

นำมาให้บ้านสวนพีระมิด

บัดนี้

กลายเป็นสังฆทาน

ที่มีอานิสงส์ หลายต่อ หลายเท่า

เพราะนอกจากจะได้บุญ

จากเทวดา บ้านสวนพีระมิด

ที่จิตตั้งใจนำมาให้ที่นี่แล้ว

 

ยังได้บุญหนุนเนื่อง

อีกต่อหนึ่งด้วย

 

ขอให้ทุกท่านที่นำสิ่งของเหล่านี้

มาร่วมบุญ กับบ้านสวนพีระมิด

จงเจริญรุ่งเรือง

ทั้งทางโลก + ทางธรรม

มีเงินทองคล่องตัว

มีงานที่ดีทำ พ้นเวร พ้นกรรม

พ้นภัยพิบัติ ไม่อด ไม่อยาก

ไม่ว่าอยู่แห่งหนใด สถานการณ์ใด

ให้เหลือกิน เหลือใช้

ถึงนิพพานชาตินี้ ไม่มีเจ็บไข้ สาธุ

 

โม้อีกแล้ว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 20:47:50


ความคิดเห็นที่ 32 (1575005)

 

สาธุ ๆ ๆ

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-

อิ่มบุญ

สบายใจ อย่างบอกไม่ถูก

ที่ได้อ่าน..ข้อความ

ที่ อ.อุบล โม้ให้ฟัง ค่ะ

( เอาอีก เอาอีก คร๊า ) 

สาธุ

กราบ ๆ ๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 21:19:53


ความคิดเห็นที่ 33 (1575008)

สาธุ สาธุ สาธุ  อนุโมทนาบุญ อาจารย์อุบล และทุกท่านคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 21:33:30


ความคิดเห็นที่ 34 (1575009)

อนุโมทนาค่ะ

ท่าน อ.อุบล

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 21:34:47


ความคิดเห็นที่ 35 (1575021)

ขออนุโมทนาบุญกับมหากฐินและทุกๆบุญ กับท่าน อาจารย์ด้วยค่ะ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 21:58:22


ความคิดเห็นที่ 36 (1575026)

 กราบอนุโมทนากับธรรมทานกฐินของท่านอาจารย์อุบล

น้องเบล พี่ตุ้ยด้วยค่ะ

ธรรมทานของท่านอาจารย์เข้าใจง่าย ประทับใจที่สุดเลยค่ะ

ขออนุโมทนากับบุญมหากฐินและทุกบุญของท่านอาจารย์อุบล

ด้วยนะคะ  สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 22:12:44


ความคิดเห็นที่ 37 (1575028)

ขอร่วมอนุโมทนาบุญทุกบุญกับท่านอาจารย์อุบลด้วยคะ           

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญานี ถือธรรม (gunyanee_t-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 22:20:54


ความคิดเห็นที่ 38 (1575029)

สิ่งของเหล่านี้

เป็นสิ่งของที่พวกเราท่านทั้งหลาย

นำมาให้บ้านสวนพีระมิด

บัดนี้

กลายเป็นสังฆทาน

ที่มีอานิสงส์ หลายต่อ หลายเท่า

เพราะนอกจากจะได้บุญ

จากเทวดา บ้านสวนพีระมิด

ที่จิตตั้งใจนำมาให้ที่นี่แล้ว

 

ยังได้บุญหนุนเนื่อง

อีกต่อหนึ่งด้วย

 

ขอให้ทุกท่านที่นำสิ่งของเหล่านี้

มาร่วมบุญ กับบ้านสวนพีระมิด

จงเจริญรุ่งเรือง

ทั้งทางโลก + ทางธรรม

มีเงินทองคล่องตัว

มีงานที่ดีทำ พ้นเวร พ้นกรรม

พ้นภัยพิบัติ ไม่อด ไม่อยาก

ไม่ว่าอยู่แห่งหนใด สถานการณ์ใด

ให้เหลือกิน เหลือใช้

ถึงนิพพานชาตินี้ ไม่มีเจ็บไข้ สาธุ

 

โม้อีกแล้ว

*-*-*-*

ขออนุโมทนาสาธุ

 

 

 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตัวเล็ก พงษ์เดช ชาวไทย (phongdech1665-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 22:24:12


ความคิดเห็นที่ 39 (1575033)

ขอกราบอนุโมทนาบุญทุกบุญกับท่านอ.อุบลด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉัตรนลิน แก้วสม (chatnalin_pan-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 22:35:14


ความคิดเห็นที่ 40 (1575035)

ผมขออนุโมทนาบุญ

กับสิ่งของที่พี่น้องญาติธรรมนำมาและได้

ร่วมบุญครั้งนี้ครับ

สาธุ สาธุ สาธุ.....

(อิอิ90%ตามระเบียบคร๊าฟ...)

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิรินพงค์ เพชรแสงศรี (โจลูกบ้านสวน) (Lucifer_zaaa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-27 22:50:00


ความคิดเห็นที่ 41 (1575046)

 ขอกราบอนุโมทนาใน มหาบุญ มหาทาน มหากฐิน และมหากุศล ในทุกๆ บุญด้วยครับท่านอาจารย์อุบล...สาธุ สาธุ สาธุ ครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) (surasit2010-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 00:21:26


ความคิดเห็นที่ 42 (1575055)

 ขออนุโมทนาบูญกับอาจารย์แม่

และธรรมทานด้วยค่ะ

แค่อ่านก็สุขใจแล้วค่ะ

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 02:30:33


ความคิดเห็นที่ 43 (1575065)

 กราบอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบล

และน้องเบลล์ด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 03:53:40


ความคิดเห็นที่ 44 (1575067)

 

อนุโมทนาสาธุ กับอ.อุบลและทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธนันท์ รูปโฉม (pattanan_ya-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 04:20:08


ความคิดเห็นที่ 45 (1575069)

จะว่าไป เมื่อปีที่แล้ว ชนิดาได้ความรู้

เรื่อง กฐิน อย่างถูกต้องก็จากท่านอ.อุบล

แห่งบ้านสวนพีระมิด นี่แหล่ะ

 

เมื่อก่อนได้ยินแต่คำว่า ทำบุญกฐิน จนชินหู

แต่ไม่เคยรู้ถึง อานิสงค์อันยิ่งใหญ่

หรือ ประเภทของกฐินเลย และที่จำได้แม่นที่สุด

ที่อาจารย์เคยบอกก็คือ  ปีๆหนึ่งเราควรจะ

ทำบุญกฐินให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้ง

รับรองว่า ชีวิตนี้จะไม่มีฝืดเคือง

 

ชนิดาก็เลยนำไปบอกคุณแม่

และคนที่บ้านต่อเช่นกัน  ปีที่แล้วคุณนาย

ก็รีบนับใหญ่เลย กลัวไม่ครบสาม..อิอิ

เดี๋ยวปีนี้ต้องบอกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ กลัวคุณนายจะลืม..


ได้มาอ่านเรื่องการทำบุญกฐิน

ของหลวงพ่อปานแล้ว ก็เป็นการทบทวน

ความรู้อีกครั้ง เพราะข้อมูลบางอย่าง

ก็ลืมเลือนไปบ้างแล้ว แล้วยิ่งได้มาอ่าน

ธรรมทานอันกระชับและเข้าใจง่ายๆ

จากอาจารย์อีกที..ก็ยิ่ง จำได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

กราบอนุโมทนาในบุญมหากฐิน

กับท่านอ.อุบลและลูกบ้านสวนฯ

ทุกๆท่านด้วยนะคะ

 

รวมถึงอนุโมทนาบุญกับการถวายบ้านไม้ไผ่

และข้าวปลาอาหารแด่พระวัดคลองไทร

และทุกๆบุญค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

อนุโมทนาข้อมูลจากน้องเบลล์

และคุณตุ้ย ด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 04:28:11


ความคิดเห็นที่ 46 (1575081)

ขออนุโมทนา

กับธรรมทาน

และอภิมหาบุญทั้งหลาย

ของท่าน อ.อุบล ด้วยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 08:52:07


ความคิดเห็นที่ 47 (1575094)

ขอกราบอนุโมทนาทุกๆบุญ อันยิ่งใหญ่ ที่ท่านอาจารย์อุบลและทุกท่านที่มีส่วนร่วมด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 09:42:15


ความคิดเห็นที่ 48 (1575099)

 ขออนุโมทนาบุญกับ

ท่านอ.อุบลค่ะ

และปีนี้ตั้งใจจะทอดกฐิน

ให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้งค่ะ

เพราะเพิ่งหายโง่ก็เมื่อมาได้ยิน

ท่านอ.อุบลพูดไว้เมื่อปีที่แล้วนี่เองค่ะ

 

ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ ไม่เคยทราบผล

ของอานิสงค์บุญกฐิน

ทำไปเพราะคิดแค่ว่าได้ทำบุญ

เฮ้อ..โง่มาครึ่งค่อนชีวิต


---------------------------------------


แหม่ น้องมิ้ม ค่ะ พี่ชนิดาค่ะ

ธรรมทานอันนี้ก็ไปก๊อบ 

มาจากน้องเบลล์อีกทีค่ะ แห่ะๆ  

 

เพราะเห็นน้องเขาทำตัวแดงเอาไว้

น่าจะเป็นใจความสำคัญ

ไม่ได้หามาเองค่ะ 

ต้องขอบคุณน้องเบลล์อีกครั้งค่ะ 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 09:53:10


ความคิดเห็นที่ 49 (1575101)

 หลวงพ่อปานทอดกฐิน

หลวงพ่อปานก็ไปทอดกฐิน๗-๘วัด

 

อานิสงส์กฐิน

ให้ผลทั้ชาตินี้และชาติหน้าชาติต่อๆไป

-          ถ้าทอดแล้วถึง๒-๓ครั้งความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้น

-         ถึงแม้ว่าจะไม่ร่ำรวยก็ตามแต่ความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้น

-         รู้สึกว่าเป็นคนโชคดีมากขึ้นหาลาภสักการคล่องตัวขึ้น

-         ท่านบอกว่านี่ยังเป็นเศษของความดี 

อานิสงส์ของการทอดกฐินสามารถจะบันดาลให้คนปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า

ก็สำเร็จผล

ตัวอย่างองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ปัจจุบันสมัยนั้นเป็นมหาทุกขตะสมัยที่พระปทุมมุตตะทรงอุบัติขึ้นในโลก

-         ท่านไม่มีอะไรเป็นคนจนไปชวนนายเขาทอดกฐินตัวเองก็เอาผ้าไปขายแลกกับด้ายหลอดเขา

-         ด้าย๒หลอดเข็ม๑เล่มเอามาผสมกับกฐินเขา

-         แล้วก็ปรารถนาพระโพธิญาณพระปทุมมุตตะก็ทรงพยากรณ์ว่าบุคคลๆนี้ต่อไปจะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระสมณโคดม

หลวงพ่อก็เทศน์ต่อไปว่าบุคคลใดก็ตามทอดกฐินแล้วถวายผ้าไตรจีวร

ไว้ในพระพุทธศาสนา

ถ้าหากว่าไปได้บรรลุพระอรหัตผลก็จะมีผ้าสำเร็จไปด้วยฤทธิ์มาสวมตัวพระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าเอหิภิกขุแปลว่าเจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิดเพียงเท่านี้ผ้าไตรจีวรก็จะลอยมาจากอากาศสวมตัวเองด้วยอำนาจของอานิสงส์กฐิน

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 10:09:08


ความคิดเห็นที่ 50 (1575102)

 สำหรับผู้หญิงถ้าเป็นเจ้าภาพหรือจัดการในงานกฐิน

1.    จะได้เครื่องมหาลดาปราสาทเครื่องประดับกายอย่างนางวิสาขามีราคาตั้ง๑๖โกฏิสวยงามมาก

2. ถ้าตายจากความเป็นมนุษย์จะเกิดเป็นเทวดา๕๐๐ชาติหมายความว่าเกิดแล้ว๑ชาติของเทวดาก็คือพันปีทิพย์หมดกำลังของพันปีทิพย์ก็จะเกิดเป็นเทวดาใหม่ต่อไปอย่างนี้๕๐๐วาระ

-         ความจริงก็ได้เปรียบมากถ้าอย่างลูกหลานได้เป็นอย่างนั้นนะไปนิพพานกันหมดเพราะพวกเรามีศรัทธาอยู่แล้วเป็นเทวดาก็เป็นเทวดาที่ไม่ประมาทยังงี้ไปนิพพานกันหมดดีได้กำไร๕๐๐ชาติ

3. เมื่อพ้นจากความเป็นเทวดาแล้วก็มาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ชาติ ถ้าเป็นผู้ชายนะ

-         ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ๕๐๐ชาติ พระเจ้าจักรพรรดินี่ไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิอย่างเบาได๋นะ

-         จักรพรรดินี่มีอำนาจปกครองไปทั้งโลก

-         มีเกือกแก้วแล้วก็มีพระขรรค์แก้วแล้วก็มีแก้วมณีโชติมีกำลังมากเหาะได้ไม่มีใครมีอำนาจเท่า

-         มีธนูศิลป์ศรจะใช้ยังไงก็ได้เหมือนศรพระรามมีอำนาจปกครองโลกปกครองโลกได้จริงๆไม่มีใครสู้

-         มีขุนพลแก้วรบเก่ง  ขุนคลังแก้วหาเงินเข้าคลังเก่ง  ช้างแก้วม้าแก้วนี่ใช้สงรามได้ดี  นางแก้วคือเมียดีเวลาฤดูหนาวร่างกายของเมียก็อบอุ่นมากขึ้นแล้วเวลาฤดูร้อนร่างกายของเมียก็เย็นทำความสุขให้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ

4. เป็นกษัตริย์ธรรมดาไป๕๐๐ชาติจากนั้นก็มาเป็นมหาเศรษฐี๕๐๐ชาติแล้วก็เป็นคหบดี๕๐๐ชาติ


 อานิสงส์ของกฐินคราวเดียวก็สามารถให้ผลถึงเพียงนี้

ทุกคนควรจะทอดกฐินกันแล้วเวลาทอดกฐินก็นึกว่าตนจะสงเคราะห์พระพุทธศาสนาหรือสงเคราะห์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั่นเอง

 แต่ว่าเนื้อนาบุญนี่สำคัญนะเวลาจะหว่านข้าวลงไปดูเนื้อนาเสียด้วยนี่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เองเนื้อนาบุญนี่สำคัญ

 ถ้านาดอนหว่านข้าวไม่ขึ้นม้านหมดถ้านาลุ่มข้าวก็น้ำท่วมนี่สำคัญมาก (แล้วว่ากันไปก็แล้วกัน)

ใครจะทำที่ไหนจะทอดที่ไหนก็ไม่ว่านี่แนะนำให้ฟังหลวงพ่อปานท่านเทศน์อย่างนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 10:10:21


ความคิดเห็นที่ 51 (1575104)

 ได้ทำบุญทอดกฐินเพื่อสงเคราะห์พระพุทธศาสนา มีอานิสงส์ 80 กัลป์


ในภพนี้ได้อานิสงส์การทอดกฐินคือ ดังนี้คือ

๑. ได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาไว้ ให้ดำรงค์เสถียรภาพอยู่ตลอดกาลนาน
๒. ได้เพิ่มกำลังกายใจให้แก่พระสงฆ์ผู้เป็นศาสนทายาท สืบอายุพระพุทธศาสนาต่อไป
๓. ได้ถวายอุปการะ อุปถัมภ์บำรุงแก่พระภิกษุสามเณรเป็นมหากุศลอันสำคัญยิ่ง
๔. ได้สร้างต้นเหตุของความสุขไว้
๕. ได้สร้างรากเหง้าแห่งสมบัติทั้งหลายไว้
๖. ได้สร้างเสบียงสำหรับเดินทางอันกันดาลในวัฏฏสงสารไว้
๗. ได้สร้างเกาะสร้างที่พึ่งที่อาศัยอันเกษมแก่ตัวเอง
๘. ได้สร้างเครื่องยึดเหนี่ยวแห่งใจไว้
๙. ได้สร้างเครื่องช่วยให้พ้นจากความทุกข์นานาประการ
๑๐. ได้สร้างกำลังใจอันยิ่งใหญ่ไว้ เพื่อเตรียมตัวก่อนตาย
๑๑. ได้จำกัดมลทินคือ มัจฉริยะออกไปจากขันธสันดาน
๑๒. ได้บำเพ็ญสิริมงคลให้แก่ตน

๑๓. ได้สร้างสมบัติทิพย์ไว้ให้แก่ตน
๑๔. เป็นที่รักใคร่ชอบใจของคนทั้งหลาย
๑๕. มีจิตใจผ่องใสเบิกบาน
๑๖. ได้บริจาคทานทั้งสองอย่างควบกันไปคือ อามิสทาน และธรรมทาน และวิหารทาน
๑๗. ให้ได้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ เป็นทาน
๑๘. ได้ฝังทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา คือทำทรัพย์ภายนอกให้เป็นทรัพย์ภายใน ซึ่งเรียกว่าอริยทรัพย์ คือทรัพย์อันประเสริฐ ๗ ประการ ได้แก่ ศรัทธา ศีล หิริ โอตัปปะ เสตะ จาคะ ปัญญา
๑๙. ชื่อว่ายึดถือไว้ได้ซึ่งประโยชน์ ๒ คือ ประโยชน์ภพนี้ ๑ ประโยชน์ภพหน้า ๑

เป็นอานิสงส์ในภพปัจจุบัน บวกกับอานิสงส์ในภพหน้าบ้าง
อานิสงส์ในภพหน้านั้นคือ
๑. อทฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค เป็นคนมั่งคั่งสมบูรณ์มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก
๒. อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก เป็นคนสวยน่าดู น่าเลื่อมใส
๓. สสฺสุสา มีบุตรภรรยา บ่าวไพร่ เป็นคนว่าง่ายสอนง่าย
๔. อตฺถ ปริปุรา มีประโยชน์เต็มเปี่ยมในเวลาจะตายและตายไปแล้ว
๕.ได้ประสบพบเห็นแต่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ล้วนแต่ดีๆ
๖. โภคาภโย ไม่มีภัยแก่โภคทรัพย์
๗. กิตฺติสทฺโท มีชื่อเสียงดี
๘. สุคติปรายโน มีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
๙. เป็นพลวปัจจัยให้ได้สมบัติ ๓ ประการคือ มนุษย์สมบัติ ๑ สวรรค์สมบัติ ๑ นิพพานสมบัติ


การเป็นเจ้าภาพนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเงินเป็นหมื่น แสน ล้าน ถึงจะได้ทำกัน ถ้าคิดอย่างนี้กัน คิดผิด ลองพิจารณาให้ดี 

ถ้ามัวแต่ไปกำหนดกฏเกณฑ์ว่าการเป็นเจ้าภาพจะต้องมีเงินเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้าน อย่างนั้นเมื่อใหร่หล่ะเราจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพกับเขาสักที่ ใช่ไหม

 เพราะฉะนั้นให้เอากำลังใจเป็นสำคัญที่สละออก พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญก็คือ ทำแล้วตัวเองและคนรอบข้างไม่เดือดร้อน หากแม้นมีความศรัธาจริงทำน้อย ทำมากก็มี อานิสงส์ย่อมไม่แตกกันเลย 

หรือถ้าไม่มีทรัพย์จริงๆ ก็เอาใจนี่หล่ะ น้อมจิตว่าขอร่วมอนุโมทนาบุญ ก็ย่อมจะได้บุญเช่นเดียวกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 10:12:29


ความคิดเห็นที่ 52 (1575112)

ขออนุโมทนาบุญกับมหากฐินและทุกๆบุญ กับท่าน อาจารย์ด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 10:55:01


ความคิดเห็นที่ 53 (1575114)

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับท่านอ.อุบลและทุกๆท่านด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 11:32:32


ความคิดเห็นที่ 54 (1575134)

ขออนุโมทนากับอ.อุบล ที่นำความหมายของกฐินมาให้อ่าน สั้นและได้ใจความ

เข้าใจง่ายมากเลยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ  

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร (varinthon_bla-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 13:07:23


ความคิดเห็นที่ 55 (1575174)

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับท่านอ.อุบลและทุกๆท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หรรษา แววประดิษฐ์ (hansa_get-at-yahoo-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 16:42:49


ความคิดเห็นที่ 56 (1575183)

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับท่าน อ.อุบลและทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ญาณิศา ครองยุติ (so-dot-ii-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 17:38:28


ความคิดเห็นที่ 57 (1575200)

ขอกราบอนุโมทนากับท่านอาจารย์อุบลและทุกๆท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 19:02:55


ความคิดเห็นที่ 58 (1575202)

ขอกราบอนุโมทนาบุญทุกๆบุญกับ อาจารย์แม่อุบล ด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเกิดปิติอย่างมากๆเลยค่ะ แถมอาการที่รู้สึกปวดตามตัวก็หายอีกต่างหาก

ขอบพระคุณค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องเบลล์+พี่ตุ้ย+น้องมิ้น ด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรรณพร หลงสมบูรณ์ (ส้ม) (som062-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 19:09:58


ความคิดเห็นที่ 59 (1575214)

 ขอกราบอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบล

และ ทุกท่านด้วยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วิจิตร เขตเจริญ (jit7777-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 19:47:19


ความคิดเห็นที่ 60 (1575218)

 

อนุโมทนาบุญ  กับมหากฐิน  และบุญทุก ๆ บุญด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 20:04:32


ความคิดเห็นที่ 61 (1575220)

ขอกราบอนุโมทนากับธรรมทานและทุกบุญกับท่าน อ.อุบล และทุกๆท่านด้วยค่ะ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย (pan_cnp-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 20:12:48


ความคิดเห็นที่ 62 (1575233)

 

 

 

 ณัชชาขออนุโมทนาบุญกฐินและธรรมทานกับอาจารย์อุบล พร้อมกับทุกๆท่านด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว (phueng9574-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 21:00:29


ความคิดเห็นที่ 63 (1575237)

อนุโมทามิ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น กฤชฐนัทพน ธนินท์ธาดาภรณ์ (krithanatpon_preme-at-msn-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 21:14:25


ความคิดเห็นที่ 64 (1575247)

กราบอนุโมทนาบุญกับอ.อุบลและทุกๆท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น (coffe-dot-i-joker-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 21:51:59


ความคิดเห็นที่ 65 (1575249)

ใครที่

อยากนำสิ่งของ

มาร่วมบุญ

 

กับ

บ้านสวนพีระมิด

 

ตอนนี้

ก็เชิญ นำโอวัลติน

แบบ

ซอง ทรี อิน วัน

มาได้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 21:55:35


ความคิดเห็นที่ 66 (1575253)

 

_ขอกราบอนุโมทนาบุญทุกๆบุญที่อาจารย์สร้างด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สายรุ้ง ศรีแตง (sairung23-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 22:23:51


ความคิดเห็นที่ 67 (1575259)

 

       ขอกราบอนุโมทนาบุญ กับ ธรรมทาน และ บุญกฐิน ของคุณแม่อุบล  และ ลูกบ้านสวนฯ ทุกท่าน ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณากร ศิริกุลธรรมา (kunagorns-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-28 22:41:31


ความคิดเห็นที่ 68 (1575298)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกๆท่าน

และทุกๆบุญ ของอาจารย์อุบล ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุณญิสา พูลชื่น (ratanapoolchuen-at-yahoo-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 02:46:00


ความคิดเห็นที่ 69 (1575313)

อนุโทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อำไพ แจ้งบุญ (ampai-at-ku-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 08:30:40


ความคิดเห็นที่ 70 (1575314)

ขอกราบอนุโมทนาใน มหาบุญ มหาทาน มหากฐิน และมหากุศล ในทุกๆ บุญด้วยครับท่านอาจารย์อุบล...สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉัตรชัย ฟักโต (hs2hxh-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 08:44:44


ความคิดเห็นที่ 71 (1575326)

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบล  ทุกๆบุญเลยค่ะ

            กุหลาบ  รักสนิท

ผู้แสดงความคิดเห็น กุหลาบ รักสนิท (ROSE_1968-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 09:07:14


ความคิดเห็นที่ 72 (1575337)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกๆท่าน และทุกๆบุญ ของอาจารย์อุบล ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นฤชล การุณจิตต์ (karunjitt-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 09:54:27


ความคิดเห็นที่ 73 (1575374)

ขออนุโมทนาบุญกับธรามทานของทุกๆท่านและขอขอบคุณอ.อุบล ลูกจะได้ทำบุญกฐินให้ได้3สาธุ........

ผู้แสดงความคิดเห็น กุลภัค ชาครประดิษฐ์ (kunkun70-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 13:06:53


ความคิดเห็นที่ 74 (1575390)

 ขอกราบอนุโมทนาใน มหาบุญ มหาทาน มหากฐิน และมหากุศล ในทุกๆ บุญด้วยครับ

*********

ขอแซว...น้องมหาหน่อยค่ะ

กลับมาถึงก็..มหาบุญ..มหาทาน..

มหากฐิน..มหากุศล..เลยนะ

ห่างหายบุญไปนานรีบโมทนา

ใหญ่เลยนะ...น้องมหา...อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 14:13:50


ความคิดเห็นที่ 75 (1575397)

 

 

    กราบอนุโมทนาบุญ อ. อุบล และทุกท่าน บุญทุกบุญค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น จรีพร แก้วนวล (ศิลป์) (kaewnuan-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 14:56:09


ความคิดเห็นที่ 76 (1575410)

 

ขออนุโมทนามหาบุญ  กับท่านอาจาร์ยอุบลด้วยค่ะ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น จันทิรา กาลมัชฌิมา (jantira_123-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 17:12:48


ความคิดเห็นที่ 77 (1575441)

กราบโมทนาสาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 20:10:53


ความคิดเห็นที่ 78 (1575443)

 ขอกราบอนุโมทนาบุญกับอาจารย์อุบล และลูกบ้านสวนทุกท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น จินตนา อัลลาร์ด(แขก) (jintana1963-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 20:20:55


ความคิดเห็นที่ 79 (1575457)

ขออนุโมทนากับบุญทอดกฐิน ของท่านอาจารย์ และ ลูกบ้านสวนพิรามิดทุกท่าน เพิ่งทราบอนิสงฆ์อย่างมากมายก็วันนี้ ขอกราบขอบคุณในธรรมทานของทุกท่านด้วย

ขอร่วมทำบุญโดยนำผ้าไตร 5 ชุด (จาก พ่อ แม่ และลูกสาว 3 คนๆละ 1 ไตร) โดยจะนำไปในวันเสาร์ที่ 1 ตค.นี้

บุญอันที่จะบังเกิดขึ้นขอให้รักษาพี่น้องชาวไทยทุกคนให้รอดพ้นอันตรายจากภัยพิบัติ น้ำท่วมครั้งนี้ด้วยเทอญ พี่น้องน่าสงสารจริงๆ

ธารีรัตน์

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ (tmtkl-at-mahidol-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 21:57:14


ความคิดเห็นที่ 80 (1575470)

อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

และ ก็ใตร ของ ดร.จุ๋ม ด้วยค่ะ

 

การถวายผ้าไตรนี่

บุญใหญ่มากนะ อานิสงส์

นอกจากที่ทราบ

ข้างต้นแล้ว

 

อานิสงส์อีกประการหนึ่ง

คือ

ทำให้ผิวพรรณวรรณะ

งดงาม ใครที่เป็นสิว เป็นฝ้า

สะเก็จเงิน โรคผิวหนังนะ ให้บริจาค

เสื้อผ้าอาภรณ์ ถวายผ้าไตรจีวร

ทำไปเถอะ ถ้าไม่เดือดร้อน

บุญมากมาย เห็นผล ทันใจด้วยนะ

ถ้าเลือกเนื้อนาบุญเป็นนะ

บุญทุกอย่าง เห็นทันที

 

ที่นี้ก็มาโม้ เรื่อง บุญกฐิน

กันอีกหน่อยนะ

 

คือว่า

บุญนี้ อานิสงส์เหมือน สังฆทาน

เปี๊ยบ เลย จะว่าไป กฐิน ก็คือ สังฆทาน

นั่นเอง

 

แต่

ที่พิเศษ ต่างกับผ้าป่าก็คือ

กฐิน เนี่ยนะ พระที่รับกฐิน ก็ได้บุญ

เท่าพวกเราคนทอดกฐินเลยนะ

ปกตินะ

ถ้าเป็นผ้าป่า คนทอด คือพวกเรา

ได้อานิสงส์ สังฆทานเต็ม

เท่ากฐินอยู่แล้ว

 

แต่พระที่รับผ้าป่า ไม่ได้เหมือน

พวกเรา ท่านจะได้เพียงได้ใช้

ได้ฉันสิ่งของ ปัจจัยที่พวกเราถวายเท่านั้น

 

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า

กฐิน กับ ผ้าป่า

คนทอด ได้บุญเท่ากัน

แต่พระ

ได้ไม่เท่ากัน เท่านั้นเอง

 

ส่วนอานิสงส์ของกฐิน

อีกอย่างหนึ่ง

ที่เป็นบุญอัศจรรย์

คือ

ทำให้ความปรารถนาสมหวังนะ

 

เดี๋ยวกฐินที่บ้านสวนพีระมิด

พาไปทอดทั้งหมด

เราจะมาร่วมอธิษฐานกัน

 

อ.อุบล

พิสูจน์มาแล้ว เป็นจริง

 

แม้ว่า สิ่งที่ เล่าสืบกันมา

ว่าพระพุทธเจ้า เคยยากจน

แล้วไม่มีเงินทำบุญกฐิน เอาเสื้อผ้า

ไปแลกเข็มกับด้าย มาผสม

กับกฐินของนายจ้าง

แล้วอธิษฐาน ขอเป็นพระพุทธเจ้า

ก็สำเร็จผล

 

เราอาจพิสูจน์ตรงนี้ไม่ได้

ถ้าไม่ได้ มโนมยิทธิ

อาจคิดว่า จริงหรือ มั่ว โม้รึเปล่า

ก็ลองพิสูจน์ดู 2 วิธี

1.ลองปรามาส บอกว่า ไม่เชื่อดู

แล้วมีผลกับชีวิตยังไง

ถ้าเฉยๆ ไม่มีเคราะห์ แปลว่าเรื่องโม้

แต่ถ้าคิดแล้ว มีเคราะห์กรรมกระหน่ำ

ไม่หยุด แสดงว่า เข้าข่ายปรามาส

ต้องมาขอขมา นะจ๊ะ จึงจะพ้น

แต่ท่านจะอภัย เพราะถือว่าพิสูจน์

 

2.ลองทอดกฐิน ที่มีความบริสุทธิ์

จริงๆ 3 ส่วนดู แล้วลองอธิษฐานดู

แต่อย่าอธิษฐานเกินกำลังบุญ

ถ้าไม่เกินวิสัย ได้แน่นอน

หรือ

ถ้าการอธิษฐานนั้น เพื่อส่วนรวม

ยิ่งเห็นผลรวดเร็ว ทันใจ

 

ลองดูนะ

เดี๋ยวมาโม้ใหม่ ถ้ายังไม่เบื่อจ้า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 23:17:04


ความคิดเห็นที่ 81 (1575471)

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์

คุณจุ๋มและธรรมทานจากทุกท่านครับ

สาธุ  สาธุ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 23:30:50


ความคิดเห็นที่ 82 (1575475)

สาธุ สาธุ สาธุ

กราบขอบพระคุณอ.อุบล

ขออนุโมทนากับอ.อุบล และดร.จุ๋ม ด้วยคะ

ทำบุญ อธิษฐานเพื่อส่วนรวมโดยแท้ อานิสงค์เกิดรวดเร็ว แน่นอนคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 23:52:51


ความคิดเห็นที่ 83 (1575499)

กราบอนุโมทนากับอ.อุบลและดร.จุ๋มด้วยคับผม สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกรียงศักดิ์ สกุลคลานุวัฒน์(เบน) (koy8870-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 04:41:50


ความคิดเห็นที่ 84 (1575502)

ส่วนอานิสงส์ของกฐิน

อีกอย่างหนึ่ง

ที่เป็นบุญอัศจรรย์

คือ

ทำให้ความปรารถนาสมหวังนะ

....................................................

กราบอนุโมทนาสาธุ ค่ะอาจารย์

ปกติอานิสงค์จากการร่วมทำ

บุญกฐินก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว

แล้วนี่..เป็นบุญกฐินแห่งบ้านสวนฯ

ที่จัดโดยท่านอ.อุบลและครอบครัว

อานิสงค์จะพันเท่าทวีคูณเพียงใด

 

ฉะนั้น พวกเราคงต้องพิสูจน์

และสัมผัสกับประสบการณ์

อันมหัศจรรย์เหล่านี้ได้ เร็วๆนี้


....................................................

อนุโมทนาบุญกับคุณจุ๋ม คุณจิ๋ม

และครอบครัว ด้วยนะคะ สาธุ

ครอบครัวนี้ทำบุญอย่างสม่ำเสมอ

และทุกๆครั้งที่มีโอกาสจริงๆ

น่าชื่นชมและสมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

อย่างยิ่งยวด..จ๊า 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 05:43:10


ความคิดเห็นที่ 85 (1575523)

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกๆท่านและทุกๆบุญของบ้านสวนพีระมิดด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัชฎาภรณ์ ปุญโญกุล (rutpun18-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 10:49:33


ความคิดเห็นที่ 86 (1575534)

 

สาธุ สาธุ สาธุ

กราบอนุโมทนาบุญกับอาจารย์อุบล ดร.จุ๋ม และลูกบ้านสวนทุกท่านค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วิจิตร บุญศิริ (wijit2502-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 12:15:12


ความคิดเห็นที่ 87 (1575536)

ขออนุโมทนาบุญกับดรจุ๋มและดรจ๋มและอาจารย์อุบลและลูกบ้านสวนทุกๆท่าน.......สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กุลภัค ชาครประดิษฐ์ (kunkun70-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 12:20:54


ความคิดเห็นที่ 88 (1575559)

กราบอนุโมทนากับอาจารย์อุบล  อาจารย์มงคล คุณท้อป คุณจุ๋ม+ครอบครัว

และญาติธรรมบ้านสวนทุกๆๆท่าน สาธุ สาธุ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) (parungrueang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 13:35:37


ความคิดเห็นที่ 89 (1575577)

กราบอนุโมทนาบุญกฐินด้วยค่ะอาจารย์

ความปรารถนาจะสำเร็จผลถ้าไม่เกินกำลังบูุญ

และขออนุโมทนาบุญกับคุณจุ๋มและคุณจิ๋มด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น (coffe-dot-i-joker-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 16:01:13


ความคิดเห็นที่ 90 (1575583)

กราบอนุโมทนาสาธุ ในธรรมทานของท่านอ.ค่ะ

และอนุโมทนาบุญกับดร.จุ๋ม ดร.จิ๋มค่ะ สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 17:09:51


ความคิดเห็นที่ 91 (1575584)

ขออนุโมทนาบุญค่ะ ดร. จุ๋ม

ขอบคุณค่ะ ที่เป็นธรรมทานในการทำบุญ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แอ๊ด อร่ามศรี สุวัตถิกุล (adda_bkk-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 17:17:54


ความคิดเห็นที่ 92 (1575638)

 วันนี้ลูกโอนเงินที่เพื่อนๆร่วมบุญ

 200  บาท

เข้าบัญชี

ร่วมบุญกฐินกับบ้านสวนพีระมิดครับ

อนุโมทนากับทุกท่านนะครับ

 

 

 บัญชีบุญ สำหรับท่านที่ต้องการร่วมบุญกับบ้านสวนพีระมิด

และสร้างพีระมิด(ยกเว้นการสร้างพระ และ การสร้างเทพ-เทวดา)
บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัสเอกมัย-รามอินทรา
บัญชีเลขที่ 065-0-34728-9
ชื่อบัญชี อุบล ศุภาเดชาภรณ์
แล้วโทรแจ้ง 037-356-268 (ตอบรับอัตโนมัติ)
ขอให้ร่ำรวย หายเจ็บป่วย มีความสุขทุกท่าน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-30 23:11:33


ความคิดเห็นที่ 93 (1575663)

 ขออนุโมทนากับบุญทอดกฐิน ของท่านอาจารย์

ดร.จุ๋ม และ ลูกบ้านสวนพิรามิดทุกท่าน

ขอกราบขอบคุณในธรรมทานของทุกท่านด้วย

อานิสงส์อีกประการหนึ่ง

คือ

ทำให้ผิวพรรณวรรณะ

งดงาม ใครที่เป็นสิว เป็นฝ้า

สะเก็จเงิน โรคผิวหนังนะ ให้บริจาค

เสื้อผ้าอาภรณ์ ถวายผ้าไตรจีวร

ทำไปเถอะ ถ้าไม่เดือดร้อน

บุญมากมาย เห็นผล ทันใจด้วยนะ

ถ้าเลือกเนื้อนาบุญเป็นนะ

บุญทุกอย่าง เห็นทันที

 

ข้าพเจ้าน.ส.เบ็ญจากาญจน์  ศุภศิริวัฒนา

ขอร่วมทำบุญ ผ้าไตร 1 ชุด

โดยจะนำไปในวันเสาร์ที่ 15 ตค. 54 นี้นะคะ

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-01 06:08:42


ความคิดเห็นที่ 94 (1575707)

กราบอนุโมทนากับอาจารย์อุบล  อาจารย์มงคล คุณท้อป ดร.จุ๋มพร้อมครอบครัว

และญาติธรรมบ้านสวนทุกๆท่าน ด้วยค่ะ  สาธุ สาธุ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-01 14:04:35


ความคิดเห็นที่ 95 (1575726)

ขออนุโมทนากับบุญทอดกฐิน

ของท่านอาจารย์ และ ลูกบ้านสวนพีระมิดทุกท่าน

เพิ่งทราบอนิสงค์อย่างมากมายก็วันนี้เองค่ะ

ขอกราบขอบคุณในธรรมทานของทุกท่านด้วยค่ะ

 

บุญที่จะบังเกิดขึ้นขอให้รักษาพี่น้องชาวไทยทุกคน

ให้รอดพ้นอันตรายจากภัยพิบัติทั้งปวง

ทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและที่กำลังจะตามมาด้วยเทอญ

พี่น้องชาวไทยน่าสงสารจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปิยภัทร ตั้งสิริสุธีกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-01 20:15:12


ความคิดเห็นที่ 96 (1575767)

อนุโมทนาบุญกับอ.อุบลและทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

เมื่ออ่านแล้วทำให้เข้าใจว่า กฐิน กับ ผ้าป่า ต่างกันยังไง

เมื่อก่อนใครแจกซองอะไร ก็ทำไปเรื่อยไม่รู้จักความหมายของบุญที่ทำ

รู้แต่ว่าได้ทำ บุญผ้าป่า บุญกฐิน เท่านั้นเอง

อ่านบทความของทุกๆ ท่านแล้ว ได้ทั้งความรู้และบุญใหญ่อีกด้วย

เป็นประโยชน์กับผู้มีปัญญาอันน้อยนิด อย่างดิฉันจริงๆ ค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติมณฑน์ ใจดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-01 23:22:28


ความคิดเห็นที่ 97 (1575770)

 

 

กราบอนุโมทนาุบุญกฐินกับท่านอาจารย์อุบลและทุกท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ (ohm-dot-lamom-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-01 23:37:30


ความคิดเห็นที่ 98 (1575784)

Anumothana satu satu sa tu ka

ผู้แสดงความคิดเห็น นนทพร สไตล์เฮ้าส์ (alittlethai-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-02 03:41:28


ความคิดเห็นที่ 99 (1575800)

 

  ดิฉันนส.พีรายุ หงษ์กำเนิด และนายกรธัช  วรรณกุล

ขออนุโมทนาบุญ

กับท่านอาจารย์อุบล

และ ดร.จุ่ม และ ดร.จิ๋ม ด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พีรายุ หงษ์กำเนิด (peerayu_t-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-02 08:30:26


ความคิดเห็นที่ 100 (1575817)

อนุโมทนาบุญทุกบุญค่ะ สาธุ  สาธุ  สาธุ

เรียนอาจารย์อุบล

ด้วยบ้านศิริอยู่ที่อ.โคกสำโรง ศิริขอรับอาสาในการประสานงานค่ะท่านอาจารย์มีอะไรที่พอจะให้ศิริตัวเล็กๆคนนี้ทำให้อาจารย์ได้ศิริขอน้อมรับด้วยกายและใจค่ะท่านอาจารย์

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิริ สุดใจ (siri-dot-1978-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-02 12:27:28



[1] 2 3 4 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.