ReadyPlanet.com


ผู้ที่ต้องการร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดสัญจร ณ ม.มหิดล ศ.17 ส.ค.55 ให้มาลงทะเบียนที่กระทู้นี้ค่ะ


 สำหรับผู้ที่ต้องการไปร่วมกิจกรรม

ธรรมบำบัดสัญจร

จัดโดย

สวัสดิการคณะเวชศาสตร์เขตร้อน

ร่วมกับชมรมรักธรรม

มหาวิทยาลัยมหิดล

เรื่อง

"ธรรมบำบัดแบบเห็นผลฉับพลันทันที"

ณ ห้องประชุม ตึกเฉลิมพระเกียรติ 50 ปี  

ชั้น 5 ศุกร์ที่ 17 ส.ค.55

เวลา 13-15.00 น.

ให้มาลงทะเบียนได้ ที่กระทู้นี้ค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-08-08 22:22:53


<< ก่อนหน้า 1 2 [3]

ความคิดเห็นที่ 201 (1625708)

 

การแสดง

"ธรรมบำบัด สัญจร"

ทุกสถานที่

ที่ อ.อุบล ออกไปแสดงธรรมนั้น

ถ้าเปรียบเทียบกับในบ้านสวนฯ

 

การแสดงนอกบ้านสวน

ถือเป็น

ขั้น อนุบาล 1 เท่านั้น

ในปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นให้เห็น

 

สำหรับปรากฎการณ์

ในบ้านสวนพีระมิดนั้น น่าจะเป็น

ขั้น ปฐม 1 แล้ว

 

ต่อไปนี้

การแสดง ธรรมบำบัด

ในบ้านสวนพีระมิด

จะต้องเลื่อนขั้นสูงขุ้นไปเรื่อยๆ

จาก ปฐม 1 ต้องเลื่อนไป

ปฐม 2-3-4-5-6

 

แล้วต่อด้วย

มัธยม และ มหาวิทยาลัย

 

ซึ่งแต่ละระดับ ก็ยังมี

ขั้นของมันอีก

ตะหาก

 

เช่นขั้น

มหาวิทยาลัย

ก็มี

ตรี  โท  เอก

 

แม้แต่ เอก ก็ยังมี

เอก เป็นธรรมดา กับ กิติมศักดิ์

 

ทั้งหมดทั้งปวง

ที่พวกเราได้เห็นได้สัมผัส

ถือว่าเป็นเพียง

ขั้น

เริ่มต้นเท่านั้น

ยังตื่นเต้นกันขนาดนี้

(มนุษย์ชอบความตื่นเต้นจริงๆ)

 

โอ้โห

นี่ถ้าเจอขั้น ปฐม 2 เข้าไป

สัปดาห์นี้ จะว่ายังไงเนี่ย

 

พระองค์ท่านตรัสว่า

ต่อไปนี้

ต้องเรียนให้เลื่อนชั้น

กันทุกสัปดาห์ ช้าไม่ได้แล้ว

 

มีเวลาเรียน

ถึงขั้นมหาวิทยาลัย

ไม่กี่สัปดาห์แล้ว

 

โห

แล้วจะได้เรียนกัน

ทั่วถึงหรือเจ้าคะ ลูกบ้านสวนจะ

มีโอกาสได้มาเรียนกัน

สักกี่คนเจ้าคะ

 

เท่าไหร่ก็เท่านั้น

นี่เป็นเรื่องของ วาสนาบารมี

แข่งกันไม่ได้ แต่ละคน

ต้องบำเพ็ญเอาเอง

และต้อง

เคยอธิษฐานบารมี

ติดตามตถคต จริงๆเท่านั้น

จึงจะได้มีโอกาสเรียนเลื่อนชั้น

อย่างรวดเร็ว

 

 

สัปดาห์นี้ เอาให้ได้

พระโสดาบัน

ก่อน

 

แต่ก็มีคนที่เขาได้ พระโสดาบันแล้ว

คนที่ได้แล้ว ถ้าเขาเข้าชั้นเรียน

สัปดาห์นี้ เขาจะได้เลื่อน

เป็นพระสกิทาฯ

เลย

 

จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

พระพุทธเจ้าค่ะ

 

ก็เตรียม

อย่างที่เธอได้ประกาศ

ไปแล้วนั่นแหละ

ถูกแล้ว

 

วันเสาร์

สร้างบุญแรงกาย

ไว้เป็นเสบียง

 

วันอาทิตย์

สร้างบุญด้วยการฝึกจิตใจ

ให้พ้นกิเลส

 

ซึ่งต้องทำทั้ง 2 ส่วน

 

คนจะมีชีวิตอยู่รอดได้

ต้องมีความเข้มแข็ง

ทั้งร่างกาย+จิตใจ

จะตัดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้

 

ถ้าจะฝึกเฉพาะจิตใจ

 

ใจเข้มแข็ง

แต่ร่างกาย ไม่มีแรง

ต่อสู้กับ สภาวะ ที่มากระทบกาย

แบบฉับพลันทันที หรือ ถ้าต้อง

วิ่งหนีอะไรสักอย่าง

ใจไม่กลัวก็จริง แต่ขาไม่วิ่ง ไม่มีแรง

ก็ต้องตายเหมือนกัน

 

ถ้าเขาจะไปฝึกร่างกายที่อื่น

มาฝึกแต่จิตใจที่บ้านสวน

ได้หรือไม่

พระพุทธเจ้าค่ะ

 

ได้เหมือนกัน

ก็ได้แบบ ที่ได้มาแล้ว

ตลอดชีวิตนั้นแหละ

 

ดูง่ายๆ

ทำบุญแรงกาย ที่อื่น

หายเจ็บป่วยไหม

 

ก็ต้องใช้ปัญญาต่อไปด้วยว่า

ไอ้งานอย่างนี้ ที่ไหนก็มีให้ทำ

แต่ทำที่อื่น ทำไมเหนื่อย ทำไมเพลีย

ทำไม ไม่หายเจ็บ หายไข้

อันนี้ตอบตัวเองก็ได้

 

แต่มาทำในบ้านสวน

ทำไมไม่เหนื่อย ไม่เพลีย เหมือนที่อื่น

 

แล้วทำไม หายเจ็บ หายไข้

กระทั่งโรคที่ร้ายๆ อย่างมะเร็ง

หรือโรคที่หมอรักษาไม่หาย

 

ผู้มีปัญญา

ต้องเอาตรงนี้

ไปคิดพิจารณาว่า

สถานที่ต่างกัน ผลมันต่างกัน

เพราะอะไร

 

เธอจงไปทบทวน

ที่หลวงพ่อของเธอเคยบอกไว้

ว่า สถานที่ สำคัญมาก

ที่ใดที่มีผู้ไปนั่งกรรมฐานแล้ว

สำเร็จอรหันต์ได้

ให้ไปใช้ที่ตรงนั้นนั่ง

อย่างเตียงพระนาคเสนเป็นต้น

มีผู้นั่งตรงนั้น

แล้วสำเร็จอรหันต์ตั้ง 7 คน

เพราะอะไร

 

พระอรหันต์ หรือ เทวดา

ท่านจะมาโปรด สถานที่ ที่ท่าน

อนุโมทนาบุญได้เท่านั้น

 

แล้วการ

จะทำให้เทวดา

เสด็จมาที่ใดสม่ำเสมอนั้น

ท่านต้องเห็นกองกุศลในเขตนั้น

เป็นปัจจัยสำคัญในการเสด็จมา

 

ดังนั้น

การทำบุญ

ต้องเลือกเขตบุญที่บริสุทธิ์ที่สุด

ถ้าต้องการบุญที่เห็นผลเร็ว

 

แต่

ตถาคตไม่ได้ห้าม

ไม่ให้ทำบุญในเขตบุญอื่น

ซึ่งทุกคนต้องทำความดีทุกสถานที่

เป็นนิสัย เพื่อให้ ทุกสถานที่

เป็นเขตที่บริสุทธิ์

 

โดยเฉพาะ

บ้าน ที่ทำงาน เรือกสวน ไร่นา

ของแต่ละคน

และฝึกให้ได้จนกระทั่ง

สถานที่อื่น ที่ไม่ใช่สถานที่ของตน

ก็ต้องทำความดีเป็นสิสัย

อันนี้ กองกุศลยิ่งใหญ่กว่า กองใดทั้งปวง

เพราะคนที่ทำอย่างนี้ได้ เทวดาจะ

ติดตามตัวผู้นั้นไปตลอดเวลา

แบบห้อมล้อมจนไม่มี

ที่ว่างเลย

 

อย่างกรณีที่เธอ

ออกแสดงธรรมบำบัดนอกสถานที่ได้

เพราะกองกุศลของเธอเข้มข้นแล้ว

ทั้งในบ้านของเธอ และ ตัวเธอ

เธอจึงสามารถออกแสดง

อนุศาสนีปาฏิหาริย์ ได้ทุกสถานที่

ที่ใด ที่เธอไป ก็จะมี เ

ทวดาทุกชั้นฟ้าชั้นดินเสด็จ

ตามเธอไปเพื่ออนุโมทนาบุญ

และ

ช่วยเธอแสดงฤทธิ์

***********

ถ้าผู้ใด

เป็นผู้มั่นคงในศีล

เทวดา จะไปสงเคราะห์เอง

ทำให้เป็นสถานที่เขตบุญเอง

เพราะเทวดา มีโอกาส โมทนาบุญได้

 

การที่พวกเธอทั้งหลาย

ต้องมาทำบุญแรงกายในบ้านสวนก่อนนั้น

เพราะบุญของพวกเธอน้อยนิด

จนไม่สามารถที่จะทำให้

เทวดาปรารถนาจะติดตามอนุโมทนา

 

ดังนั้น

เมื่อเธอรู้แล้วว่า

เขตบุญบ้านสวนพีระมิด

เป็นเขตบุญที่เทวดาทุกชั้นฟ้า

ชั้นพรหม นิพพาน ต่างเสด็จมา

อนุโมทนาบุญ ทุกบุญ

ด้วยเหตุว่า เจ้าของสถานที่ เขาจริงจัง

ตั้งใจมั่น ในการสร้างบุญ

เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น

 

ดังนั้น

สถานที่แห่งนี้

จึงมีบุญบริสุทธิ์ และเข้มข้นมาก

 

ผู้ใดที่เข้ามาร่วมบุญ

ไม่ว่าจะแรงกาย ปัจจัย สิ่งของ

จึงได้บุญมหาศาล กว่าการทำบุญ

นอกเขตบ้านสวนพีระมิด

และพิสูจน์ผลบุญ

ได้ทันที ดังที่พวกเธอ ได้พบเจอ

ด้วยตัวเอง และ เห็นมาแล้ว

 

ข้าพระพุทธเจ้า

เข้าใจแล้วพระพุทธเจ้าค่ะ

และ

ขอพุทธานุญาต

บอกแก่ผู้สงสัยเรื่องการ

ทำบุญ ใน และ นอก บ้านสวน

ก็ได้บุญเหมือนกัน

ได้หรือไม่ พระพุทธเจ้าค่ะ

 

 

 

 

 

ควรบอกอย่างยิ่ง

ก่อนที่ผู้ที่คิด และ พูดเช่นนั้น

จะเป็นภัยแก่ตนเอง

 

ด้วยความ ไม่รู้ หรือ อวิชา

ความไม่ปรารถนา ให้ผุ้อื่นพ้นทุกข์

ด้วยความจริงใจ ครอบงำ

จึงใช้ อวิชา

แสดงตน เป็นคนรู้ธรรม

ชักชวน ให้ผู้คน หลงผิด หลงทาง

ทั้งที่เขา เดินมา ถูกทางแล้ว

แต่บุคคล คนนั้น กลับบอกว่า

ที่เขาเดินมา นั้นผิดทาง

เป็นบาปมหันต์

ต่อผู้นั้น และ ผู้ที่ไปเชื่อ ไปคล้อยตาม

ซึ่งผลของบาปนั้น จะปรากฎ

ฉับพลันทันที

คือ

ความทุกข์ อุปสรรค ความเร่าร้อน

ความเจ็บป่วยของตนเอง

และคนที่ตนรัก

 

กราบพระบาท

พระพุทธองค์

องค์พระปฐมบรมธรรมบิดา

อย่างหาที่สุดมิได้

พระพุทธเจ้าค่ะ

 

เจริญพร

--------------------

คราวนี้

พวกเราคงรู้คำตอบแล้ว

ว่า

ทำไม อ.อุบล ให้ปรับเวลา

สร้างบุญทั้ง 2 วัน

อย่างเต็มอัตรา

 

ผู้ใดปรารถนา

จะเข้าชั้นเรียนกับ

พระปฐมบรมธรรมบิดาฯ

ทั้งภาคปฎิบัติ ภาคทฤษฎี

ก็เชิญจัดตารางชีวิต

ได้ตั้งแต่สัปดาห์นี้

เป็นต้นไป

ได้เลย

 

แต่ละสัปดาห์

จะเป็นตารางการฝึก

แบบต่อเนื่อง เพื่อเลื่อนชั้น

กันไปเรื่อยๆ จนกว่า

จะจบหลักสูตร

สูงสุด

ของพระศาสนา

คือ

นิพพาน

 

 

ผู้ใดต้องการ ก็เชิญสอบถาม

หรือ แสดง ความเห็น ได้อย่างเสรี

จ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 10:00:49


ความคิดเห็นที่ 202 (1625731)

อาจารย์อุบลคะจะมีวีดีโอ conference ให้คนที่อยู่ไกลไม่มีโอกาสมาเข้าเรียนวิชาที่พระพทธเจ้ามีพุทธานุญาติให้สอนลูกหลาน ไหมคะ แต่ถึงยังไงก็คงขาดบุญแรงกายที่ไม่สามารถทำทดแทนจากที่อื่นได้ ผลก็คงจะเลื่อนชั้นไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมคะ

ขออนุโมทนาทุกท่านที่จะมีโอกาศเข้าเรียนคะ

อย่างงี้จะได้สัก 90% ของคนที่มาไหมคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 11:01:30


ความคิดเห็นที่ 203 (1625732)

กราบแทบพระบาทขอบพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุุทธเจ้าครับ กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาบุญธรรมทานท่านอาจารย์อุบลครับ

เป็นพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้จริงๆครับ ที่พระองค์ทรงประทานหลักสูตรเพื่อให้ลูกบ้านสวนได้พ้นทุกข์ขั้นต้นจนถึงสูงสุดคือสิ่งที่เรามุ่งมั่นปรารถนากันคือพระนิพพานครับ

เสียดายจริงๆครับ พลาดโอกาสพิเศษที่ไม่สามารถหาเรียนที่ไหนได้อีกในชีวิตนี้ หลักสูตรการพระโสดาบัน ในเวลาบุญเพียง 9ชั่วโมง แต่สำคัญต้องใช้กำลังใจและบุญวาสนาที่เข้มข้นมาก  อย่างนี้คงต้องจัดตารางชีวิตใหม่แล้วครับเดี๋ยวจะพลาดโอกาสพิเศษอย่างนี้อีกครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 11:03:28


ความคิดเห็นที่ 204 (1625736)

อาจารย์อุบลคะ

จะมีวีดีโอ conference ให้คนที่อยู่ไกล

ไม่มีโอกาสมาเข้าเรียนวิชาที่พระพทธเจ้ามีพุทธานุญาติ

ให้สอนลูกหลาน ไหมคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 11:01:30

คุณหมอวัฒนาคะ

อ.อุบล ปรารถนาที่สุด

ที่จะให้มีการถ่ายทอดสด

แต่ด้วย

บ้านสวนพีระมิด

ถูกลิขิต ให้มาอยู่ ไกลปืนเที่ยง

ไม่มีโทรศัพท์พื้นฐาน

 

ไม่มี 3 G ไม่มีอะไรทั้งนั้น

ที่จะเชื่อมสัญญาณ การถ่ายทอดสดได้

 

แสดงว่า

เบื้องบน ทรงวินิจฉัย

แล้วกระมัง หรือว่า จะมีเบื้องหน้า

เบื้องหลังอะไรก็ไม่ทราบได้

 

อ.อุบล

เคยพูดกับ ดร.จิ๋ม

ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัด

ธรรมบำบัดสัญจรครั้งต่อไป

ซึ่งจะจัดที่ ปตท.

แต่เขาไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า

ไม่เหมือนที่ มหิดล

 

อ.อุบล

จึงบอกว่า การจัดแล้ว

มีคนเข้าร่วมกิจกรรมได้จำกัด

หรือ

น้อยคน ประโยชน์ก็น้อย

เพราะ อ.อุบล พูดเท่าเดิม

ถ้ามีคนฟัง 50 คน กับ 500 คน

อย่างไหน จะได้ประโยชน์มากกว่ากัน

 

ดร.จิ๋ม กับ คุณธนา

เลยทำการบ้านกันใหญ่เลย

ว่า

จะเอาแบบไหน

ถ้าจัดใน ปตท. พวกเรา หรือใครๆ

ก็หมดสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรม

 

ถ้าจัดแบบมหิดล

คนอื่นเข้าร่วมได้ เจ้าภาพได้บุญโขเลย

เพราะ ลงทุนครั้งเดียว เวลาเท่ากัน

แต่ทำให้คนพ้นทุกข์ ได้ปัญญา

มหาศาล

 

คุณหมอขา

คุณหมอ มาบ้านสวน ก็ได้นะคะ

 

หรือ

ท่านอื่น ว่ายังไง

 

แต่การไปสัญจรข้างนอก

ก็บอกแล้วว่า เราแสดงเพียง

ขั้น อนุบาล 1 เท่านั้น

(แค่นั้น ก็งง สงสัย ไม่เคยเห็นกันแล้ว

ขืนแสดงขั้นต่อไป เดี๋ยวช๊อคตายกันหมด

เดือดร้อน ต้องต่ออายุ ทำให้ฟื้นกันอีก)

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 11:19:31


ความคิดเห็นที่ 205 (1625741)

หมอจะพยายามหาโอกาศไปที่บ้านสวนพีระมิดหละคะในเมื่อข้างนอกยังเป็นแค่ชั้นปฐม

 ก็คงจะมีคนจำนวนไม่น้อยได้มีโอกาศเข้าไปรับการฝึกฝนเพื่อเลื่อนสภาวะทางจิตใจให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆจนสามารถออกไปช่วยเหลือผู้คนเมื่อเกิดภัยพิบัติได้ทัน

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 11:45:18


ความคิดเห็นที่ 206 (1625751)

คุณหมอวัฒนา

สุดยอดเลย

 

คุณหมอเอง

ก็มีหน้าที่ และ บทบาท สำคัญมาก

ในการที่ต้องช่วยเหลือคน

 

โดย

นำเอาหลักวิชาการแพทย์

มาใช้ร่วมกับ

หลักธรรม กฎแห่งกรรม

ของพระพุทธเจ้า

 

จะทำให้ผล

การช่วยเหลือ สงเคราะห์

เห็นผลแบบแน่นอน

และยั่งยืน

 

นี่เป็นพระประสงค์

ของ

เบื้องบน พระองค์ท่าน

ต้องการให้หมอ เป็นหมอต่อไป

แต่เป็นหมอที่มีคุณธรรม

ศีลธรรม จริยธรรม

ประจำใจ

 

ท่านไม่ได้ต้องการให้

อ.อุบล

มาทำตนเป็นหมอเสียเอง

 

ยังไง อ.อุบล ก็ไม่ยอม

เป็นหมอ แน่นอน

จะเป็นอย่างมาก ก็ "หมอจ๋า"

เพราะว่า ไม่ใช่หน้าที่ ที่อาสามา

 

หน้าที่ ของ อ.อุบล

คือทำให้คน ที่มีทุกข์ มีหนทาง

ดับทุกข์ได้ แน่นอน

 

แม้แต่อาชีพหมอ

ก็มีทุกข์หลายด้าน ทั้ง

การงาน การเงิน สุขภาพ ความรัก

ครอบครัว ใช่ไหมคะ

คุณหมอวัฒขา

 

แม้แต่การรักษาคนไข้

หมอเองก็ยอมรับว่า รักษาให้หายไม่ได้

ทุกโรค ทุกรายไป ตายก็เยอะ

 

แล้วไย

เมื่อมีหนทางที่หมอ

จะมีโอกาสนำวิชาของพระพุทธเจ้า

เข้าไปใช้ร่วมกับหลักวิชา

ที่ร่ำเรียนมาแต่เดิม

มันเสียหายหรือไม่ หรือว่า ทำความ

เดือดร้อน กระเทือน ต่อคนไข้

หรือไม่ ก็ให้คิดดู

 

ถ้าการทำให้

คนไข้หายง่ายๆ เจ็บตัวน้อย

เสียเงินน้อย แล้วหมอคิดว่า

หมอ + โรงพยาบาล จะขาดรายได้

หรือ

รายได้ลดลง

 

อันนี้ คิดผิด ถนัด

ถือ

ว่า ขาด จรรยาบรรณแพทย์แล้ว

แสดงว่า ที่มาเป็นหมอ

เพราะอยากหากินกับความทุกข์ยาก

ของคนไข้ อยากได้เงินเขา

 

แล้วเงินเหล่านี้

มันจะมีความบริสุทธิ์ไหม

 

ตรงข้าม

ถ้าหมอ มีวิญญาณหมอ

เหมือนหมอศิริพร

ที่พูดว่า

อะไรก็ได้ ที่จะทำให้ คนไข้หาย

จะทำทั้งนั้น ทำทุกวิถีทาง

 

อย่างนี้ ฟังแล้ว

ค่อยน่าเป็นหมอ

สมศักดิ์และศรีของหมอ

 

แล้วคลีนิคคุณหมอนะ

มีรูป อ.อุบล พร้อมข้อความ

อ.อุบล ช่วยด้วย

คนไข้คุณหมอ แน่นคลีนิค

มากกว่าเดิมอีกโขเลย

ปกติ

คนไข้ก็มากอยู่แล้ว ด้วยใจหมอ

เป็นใจหมอ ที่ประเสริฐจริงๆ

 

ไม่เคยกลัวว่า

ช่วยให้คนไข้หายง่ายๆแล้ว

คนไข้จะไม่กลับมา

อันนี้หมอไม่เคยคิด

เราดูได้จากสิ่งที่หมอทำ

 

การช่วยให้คนไข้พ้นทุกข์ได้จริง

คนไข้เจ็บปวดทรมานน้อย

กลับเป็นสิ่งที่หอมหวลทวนลม

มีแต่คนอยากไปหา อยากไปรักษา

กับหมอแบบนี้

 

นึกถึง

ถ้าเราเป็นคนไข้

เราจะชอบหมอแบบไหน

แบบ

ปฎิบัติกับเราเหมือนญาติ ทำทุกอย่าง

ที่จะทำให้เราหาย โดยเจ็บตัวน้อย

เสียเงินน้อย

 

หรือว่า

เราอยากหาหมอที่

พยายามทำทุกอย่างที่จะให้เรา

เสียเงินมากๆ เจ็บตัวมากๆ

ไม่สมควรผ่า ก็ให้ผ่า ไม่สมควร

ต้องทำสิ่งที่ต้องเจ็บต้องเสียเงิน ก็ให้ทำ

 

เราจะเลือกหมอแบบไหน

ช่วยบอกที

 

แล้วเราจะแนะนำ

เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องเรา

ไปหาหมอแบบไหน

***********

คนไข้ คนป่วย ในโลกนี้

มีมากกว่าหมออยู่แล้ว

ยังไง หมอก็ไม่มีทางรักษาได้

หมดประเทศ หมดโลกหรอก

 

อ.อุบล

ก็ไม่สามารถช่วยคน

ได้หมดประเทศ หมดโลกหรอก

และ

ที่สำคัญ ขอย้ำว่า

ไม่ได้มาทำหน้าที่รักษาโรค

แต่

มาทำหน้าที่แสดงกฎของกรรม

 

สิ่งที่หาย

เป็นเพียง สิ่งที่มายืนยัน

ว่า

คุณทำกรรมไว้ อย่างที่ อ.อุบล

พาคุณค้นหา และ บอกคุณหรือไม่

เท่านั้นเอง

 

นอกนั้น

คุณไปปฏิบัติตนกันเอาเอง

 

 

ไม่ใช่

จะมาตะบี้ตะบัน

ให้ อ.อุบล รักษาโรค อยู่นั่นแหละ

 

ถ้าเมื่อไหร่

อ.อุบล มุ่งเน้นรักษาโรค

ก็เท่ากับว่า

อ.อุบล

กำลังส่งเสริมให้คนทำชั่ว

ไม่กลัวบาป ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม

 

เพราะ

ทำอะไรก็ได้

เดี๋ยวมาหา อ.อุบล ก็หายเอง

 

อย่างนี้ก็ไปฆ่าคน

พอเป็นมะเร็ง เป็นเอดส์

ก็มาหา อ.อุบล แล้วหาย

ก็ไม่เห็นต้องกลัวบาป กลัวกรรมเลย

 

นี่คือ

สาเหตุที่ อ.อุบล

บอกว่า อ.อุบล ไม่มีวัน

แย่งอาชีพหมอแน่นอน

 

เพราะหน้าที่ อ.อุบล

มีมากกว่า การจะมา รักษาโรค

 

แล้วเมื่อไหร่

ไม่รู้จักหน้าที่ ก็ถือว่า

ไม่สมควร ทำหน้าที่ ที่อาสามา

อีกต่อไป หน้าที่อื่น

ที่ต้องทำ ยังมีอีกมากมาย

 

แล้วใคร

ที่รู้ตัวว่า อาสามา เหมือนกัน

ก็ต้องเข้าใจว่า

 

ทุกท่าน

ต้องไม่มุ่งเน้น

การรักษาโรค

 

แต่ต้องให้เขารู้ว่า

ที่เขาต้องป่วย ต้องเป็นแบบนี้

เพราะเขาทำอะไรมา

ถ้าเขายังไม่เลิกทำอีก ก็ต้องเป็นอีก

 

เราไปช่วยเขาตลอดไปไม่ได้

ต้องให้เขาช่วยตัวเองต่อ

 

เราแค่พิสูจน์กฎแห่งกรรม

ให้เขาดู ให้เขารู้ เห็น พบเจอ

ด้วยตนเองเท่านั้น

 

แม้แต่หมอ

ก็ไม่ได้ตามไปช่วยคนไข้

ทุกเวลานาที คนไข้ มีหน้าที่ทำตาม

ที่หมอสั่ง ระวังรักษาตัวเอง

กินยาตามหมอสั่ง ตามเวลา

ไม่ไปสร้างเหตุเพิ่มเอง

 

อย่างหมอบอกว่า

คุณเป็นมะเร็งกล่องเสียง

คุณต้องงดสูบบุหรี่

ไปหาหมอ รับยา ผ่าตัดมาแล้ว

กลับบ้านสูบบุหรี่อีก

อันนี้ คุณจะโทษหมอ หรือโทษใคร

ถ้ามะเร็งกล่องเสียงคุณ

ไม่หาย แต่กลับมาเป็นอีก ตอบที

 

ตรงนี้สำคัญ

อย่าลืมนะจ๊ะ อย่าทำตัว

เป็นหมอเทวดา

เดี๋ยวจะเสื่อม แล้วโดนยึด

วิชาคืน ขอบอก

อิ อิ อิ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 12:48:27


ความคิดเห็นที่ 207 (1625783)

ตรงนี้สำคัญ

อย่าลืมนะจ๊ะ อย่าทำตัว

เป็นหมอเทวดา

เดี๋ยวจะเสื่อม แล้วโดนยึด

วิชาคืน ขอบอก

อิ อิ อิ

สาธุครับ อันนี้ตรงประเด็นเลยครับ เพราะว่าทุกคนมีโอกาสสูงครับ เมื่อได้ช่วยผู้คนแล้วหาย ทีนี้ล่ะ ต่างคนต่างมาหา และให้ความสำคัญ ตัวกูของกูก็อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ที่สำคัญคืออาจมีของนั่นของนี่มาให้ รวมถึงเงินทอง ป๊าดดด ไม่อยากคิดเล๊ยยว่าจะเป็นไง... อาจกลายเป็นช่องทางหากินของคนที่จิตใจยังโลภอยู่ แต่อย่างว่าแหละครับ สุดท้ายก็โดนยึดคืนทั้งหมด...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 15:55:19


ความคิดเห็นที่ 208 (1625811)

คุณธนาเอ๋ย

เห็นจี้ อันศักดิ์สิทธิ์ แล้ว

ลองเดาซิว่า ถ้ามีคน หลงตัวเอง

ต้องการลาภสักการะ

จะมีผลอย่างไร

555

 

หรือ

ใครก็ได้ มาตอบ

ทีจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 19:04:34


ความคิดเห็นที่ 209 (1625814)

ลองเดาซิว่า ถ้ามีคน หลงตัวเอง

ต้องการลาภสักการะ

จะมีผลอย่างไร

555

ไม่อยากจะเดาเลยก๊าบบ ฮ่าๆๆ เพราะปกติคนมาขายของในบ้านสวนฯ หาเงินหาทางในบ้านสวนฯ มักได้รางวัลแห่งบาปสุดฮิตคือ เจ๊ง ทั้งคนซื้อและคนขาย

ส่วนเรื่องจี้ฯนี่ ผมก็คิดว่าน่าจะไม่พ้นเคราะห์เดียวกันคือ เจ๊ง(ป่วย,พังทุกด้าน) ทั้งคนหลงตัวเองและคนให้เงินทอง

แต่เรื่องแบบนี้มีให้เงินเยอะจริงๆนะครับในสังคมไทย หมอดูบางคนแรกๆก็ทำท่าดูดีหรอก นานเข้าเงินทอง ลาภมาเยอะ เสื่อมไปหมด ทุกอย่างเป็นเงินทองไปหมด เรียกว่านาทีทอง นาทีบาปไปเลย...

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 19:17:34


ความคิดเห็นที่ 210 (1625819)

คุณธนาเอ๋ย

เห็นจี้ อันศักดิ์สิทธิ์ แล้ว

ลองเดาซิว่า ถ้ามีคน หลงตัวเอง

ต้องการลาภสักการะ

จะมีผลอย่างไร

555

 

หรือ

ใครก็ได้ มาตอบ

ทีจ๊ะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ก็คงจะพูดไม่ออก

ตอบไม่ถูก...

เพราะนึกภาพไม่ออก

เลยค่ะว่า

สิ่งที่ตามมา หลังจาก

การกระทำนั้น

จะมีเสียงร้อง จ๊าก.ก.ก

ออกจากลำคอได้หรือไม่

เพราะต้อง Error ไปทุกส่วน

เนื่องจาก

ฉิบหาย อ่ะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 19:53:02


ความคิดเห็นที่ 211 (1625861)

 คุณธนาเอ๋ย

เห็นจี้ อันศักดิ์สิทธิ์ แล้ว

ลองเดาซิว่า ถ้ามีคน หลงตัวเอง

ต้องการลาภสักการะ

จะมีผลอย่างไร

555

 

หรือ

ใครก็ได้ มาตอบ

ทีจ๊ะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

โอ้โห..ไม่ต้องเดาเลยค๊า..

ก็ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วมากมาย

เข้ามาบ้านสวนฯ แล้วหวังผลประโยชน์

ติดต่อซื้อ-ขาย โน่นนี่กัน สารพัด

ขนาดไปโทร. ไป ติดต่อ กันนอกบ้านสวนยังแย่

มีแต่ เจ๋ง กับ เจ๋ง  นะจ๊ะจะบอกให้

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 22:52:57


ความคิดเห็นที่ 212 (1625863)

 ไอ้งานอย่างนี้ ที่ไหนก็มีให้ทำ

แต่ทำที่อื่น ทำไมเหนื่อย ทำไมเพลีย

ทำไม ไม่หายเจ็บ หายไข้

อันนี้ตอบตัวเองก็ได้

แต่มาทำในบ้านสวน

ทำไมไม่เหนื่อย ไม่เพลีย เหมือนที่อื่น

*********************

อันนี้สัมผัสได้ด้วยตนเองจริง ๆ ค่ะ

ต้องขอยอมรับว่า ก่อนเข้ามาใช้แรงกายที่บ้านสวน

เป็นพวกกะแดะ

คือถูกแดด ไม่ได้เลย

เหมือนจะตายหายใจติดขัด

อย่าว่าแต่จะทำงานกลางแดดเลยค่ะ

หิวยังต้องทนเอา ไม่ออกไปซื้อ

ยอมหิว เพราะกลัวแดด

แต่มาใช้แรงกายบ้านสวน

แดดแรงขนาดไหน บอกได้คำเดียว

เรื่องแดด จิ๊บ จิ๊บ

ตอนนี้อย่างหนา ทนทานทุกสภาพค๊า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-23 23:04:08


ความคิดเห็นที่ 213 (1625892)

 ท่านว่า

 

ใครที่เดือดร้อน จากการ ไม่ลองยาตัวใหม่

หมอ หรือ ว่าคนไข้ที่เป็นเอดส์

ช่วยตอบที

.....................................

คนที่รู้ตัวเองว่าติดเชื้อเอสด์ จะมีความทุกข์อย่างที่สุด 

ถึงกับต้องยอมจำนน หากต้องตาย

เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางรักษาหรือมียาใด ใด

ที่จะรักษาให้หายได้   

ความตายไม่ได้อยู่ที่หมอกำหนดให้ต้องตาย

หมอคือผู้ที่จะชี้บอกหนทางรอด 

มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ดื้อ ทำในสิ่งที่หมอห้าม

เช่น สูบบุหรี่  ทานอาหารที่หมอห้ามทาน

ถ้าหมอบอกผู้ป่วยเหล่านั้นว่ามียาใหม่มาให้ลอง

ก็จะมีผู้สมัครใจขอลองยาใหม่

กับผู้ที่ขอดูผลก่อนแล้วค่อยรับยาทีหลัง

ผลดีจะปรากฎสำหรับผู้ตัดสินใจขอลองยาใหม่

อาจสกัดกั้นความรุนแรงของเชื้อลงไป

อาจหายหรือไม่หายก็ได้

ที่แน่แน่ คือได้พิสูจน์ด้วยตนเองว่า

หลังการรับยาแล้วร่างกายเป็นอย่างไร

ถือเป็นโอกาสดี  สำหรับผู้ขอรับยาเพื่อทดลอง  

ตนเองจะได้เป็นผู้เสียสละให้ผู้อื่นได้ศึกษาเก็บข้อมู

ลเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตัวยาอีกต่อไป

ส่วนคนที่ปฏิเสธการลองยาใหม่

เท่ากับว่า ไม่มีอะไรที่จะหวังเลยว่า 

ตัวเองจะหายหรือไม่ หายเมื่อไร

ได้เพียงนอนรอความตายสถานเดียว

หรืออาจไม่มีโอกาสได้รับยาใหม่ที่ทดลองใช้ก็ได้

หมอไม่ได้ทุกข์ด้วย ไม่ได้เจ็บด้วย  ไม่ได้ตายด้วย

หมอหยิบยื่นทางรอดให้

ถ้าปฏิเสธไปก็จะได้แค่นอนรอคอย

อย่างไร้ความหวัง

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-24 02:06:43


ความคิดเห็นที่ 214 (1625904)

คุณธนาเอ๋ย

เห็นจี้ อันศักดิ์สิทธิ์ แล้ว

ลองเดาซิว่า ถ้ามีคน หลงตัวเอง

ต้องการลาภสักการะ

จะมีผลอย่างไร

555

 

หรือ

ใครก็ได้ มาตอบ

ทีจ๊ะ

...............................

การมีจี้วิเศษ หรือ มีอภิญญา

ก็เหมือนกับเรามีรถหรูๆแรงๆขับ

 

ฉะนั้น ถ้าหันหัวรถได้ถูกทิศ

จะขึ้นที่สูงก็คงจะไปได้สูงกว่า

และง่ายกว่าคนเดินเท้า

 

แต่ในทางกลับกัน

ถ้าปล่อยให้ความชั่ว

หรือกิเลสครอบงำ

โดยหันหัวรถให้ลงต่ำ ตกเหว

ก็จะไปได้ลึกกว่า เร็วกว่า

คนธรรมดาตกเหว...แน่ๆ


ฉะนั้น คนที่หลงลาภสักการะ

ขั้นแรกก็คือ ถูกยึดพลังจากจี้คืน

ขั้นต่อไป ก็ ทุกข์กาย ทุกข์ใจสาระพัด

จิตปั่นป่วน มีแต่ปัญหา

หาความสุขในชีวิตไม่ได้แน่ๆ..

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-24 06:03:17


ความคิดเห็นที่ 215 (1625910)

ตรงนี้สำคัญ

อย่าลืมนะจ๊ะ อย่าทำตัว

เป็นหมอเทวดา

เดี๋ยวจะเสื่อม แล้วโดนยึด

วิชาคืน ขอบอก

อิ อิ อิ

...............................

กราบอนุโมทนาบุญธรรมทานท่านอาจารย์ครับ ทั้งรหัสและจี้ ที่ท่านอาจารย์เมตตาให้นำไปช่วยคนที่ยังเป็นทุกข์ ให้พ้นทุกข์ และได้ผลจริง พอเห็นผลมากขึ้น อาจก็จะเกิดความหลงได้ นึกว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษหรือหมอเทวดา โดยไม่แสดงกฏแห่งกรรม

ยิ่งถ้าช่วยคนได้มากขึ้น กลายเป็นคนมีชื่อเสียง อาจเกิดความโลภเอาไปเป็นช่องทางทำมาหากิน หาเงินขึ้นมา ไม่อยากจะคิดเลยครับว่าผลจะเป็นอย่างไร

กราบขอบคุณท่านอาจารย์ครับ ผมจะน้อมนำคำสอนท่านอาจารย์มาปฏิบัติครับ ถ้าจะช่วยคนให้พ้นทุกข์เราต้องแสดงกฏแห่งกรรม ให้สำนึกในความผิดกลัวบาปและจะไม่ทำอีก และให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ดีกว่าเราจะทำตัวเป็นหมอเทวดาครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-24 08:12:17


ความคิดเห็นที่ 216 (1625911)

เห็นจี้ อันศักดิ์สิทธิ์ แล้ว

ลองเดาซิว่า ถ้ามีคน หลงตัวเอง

ต้องการลาภสักการะ

จะมีผลอย่างไร

...................

นึกภาพไม่ออกเลยครับ แค่มาหาผลประโยชน์ในบ้านสวนยังเจ๊งไม่เป็นท่าแล้วครับ นี้ถ้ามาหาผลประโยชน์จากจี้ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งอันตรายมากครับคำว่าเจ๊งคงน้อยเกินไป อาจจะได้รับทุกข์ทั้งกายและใจอย่างแสนสาหัสหรือไม่อาจถึงขั้นหายนะก็ได้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-24 08:21:46


ความคิดเห็นที่ 217 (1626185)

ไอ้งานอย่างนี้ ที่ไหนก็มีให้ทำ

แต่ทำที่อื่น ทำไมเหนื่อย ทำไมเพลีย

ทำไม ไม่หายเจ็บ หายไข้

อันนี้ตอบตัวเองก็ได้

แต่มาทำในบ้านสวน

ทำไมไม่เหนื่อย ไม่เพลีย เหมือนที่อื่น

.................

จริงที่สุดเลยค่ะท่านอาจารย์

อยู่บ้านนอกมีอาชีพทำไร่ ทำนา

แต่ไม่ชอบทำเพราะว่ากลัวแดด กลัวตัวดำ

กลัวความลำบาก

เวลาออกแดด หรือฝนตก

จะออกอาการ คล้ายนักแสดงค่ะ

เหนื่อย คลื่นไส้ อาเจียน น้ำลายไหล เยอะค่ะ

......................

พอรู้จักบ้านสวน ดันมีความสุขกับงาน

งานเกษตร  งานครัว ก่อสร้าง

ทำแล้วมีความสุข

หายเจ็บ หายป่วย

มีความสุขทางใจอย่างบอกไม่ถูก

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ

สาธุ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-25 00:54:01


ความคิดเห็นที่ 218 (1626239)

กราบอนุโมทนาบุญท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะ

และขอบพระคุณทุก ๆ ธรรมทานค่ะ 

ได้มีหนังสือพระไตรปิฎก ท่านอาจารย์อุบลบอกในรายการคุยไปแจกไป หาอ่านฉบับที่ทำให้งายแล้ว ของอาจารย์วศิน อินทสระ เรียบเรียง ค่ะ  ละม่อม ทำตัวเหมือนเด็กนักเรียนเลยค่ะ ท่านอาจารย์บอกให้อ่าน จึงอ่านค่ะ 

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-25 19:19:59


ความคิดเห็นที่ 219 (1626309)

เห็นจี้ อันศักดิ์สิทธิ์ แล้ว

ลองเดาซิว่า ถ้ามีคน หลงตัวเอง

ต้องการลาภสักการะ

จะมีผลอย่างไร

...................

คงหนีไม่พ้นเจ๊งกับเจ๊งอย่างเดียวเลยค่ะ

อาจแถมด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่พึงปราถนา

มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจ สารพัดด้าน

คนที่ใช้จี้อันศักดิ์สิทธิ์ก็จะเสื่อม

ไม่สามารถใช้ได้ผลอีกต่อไป

เรียกได้ว่ามีแต่ความเสื่อมทุกๆด้านเลยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-26 13:59:10


ความคิดเห็นที่ 220 (1626545)

เมื่อวันศุกร์

24 ส.ค.55

มีกลุ่มที่ไปร่วมงานธรรมบำบัด

สัญจร ที่มหิดล มาบ้านสวนพีระมิดกัน

เป็นครั้งแรก

 

เขาบอกว่า

เขาดูรายการมา 2 ปี

แต่ไม่กล้ามา กลัวมาก แต่ติดตาม

ดูรายการตลอด แล้วก็เล่าให้

เพื่อนร่วมงานฟัง

 

หลายคนเฉยๆ

ไม่สนใจ

 

แต่มีหัวหน้างาน

คือ

คุณหน่อง สนใจ ดูรายการ

ดูเวปไซด์ แล้วเกิดศรัทธา

 

ที่ศรัทธา

ไม่ใช่อะไรหรอก

คุณแค๊ท ซึ่งเป็นลูกน้อง ที่แนะนำ

ให้ดูรายการบ้านสวนนี่แหละ

ที่ทำให้คุณหน่อง

ศรัทธา

 

ความศรัทธา

ครั้งแรก ไม่ใช่ ศรัทธา

เพราะดูรายการแล้วเกิดศรัทธา

แต่

คุณหน่องบอกว่า

ศรัทธาเพราะ พฤติกรรม ของลูกน้อง

ที่ชื่อแค๊ต นี่แหละ เขาเปลี่ยนแปลง

ซึ่งตนเอง แปลกใจ มากที่สุด

ในฐานะหัวหน้างาน

 ที่รู้จักนิสัยใจคอ ความเป็นอยู่

ของลูกน้องดี มายาวนาน

ได้เห็นถึง พัฒนาการ ทางอารมณ์

ทางชีวิต ความเป็นอยู่ ทุกด้าน

ของคุณแค๊ต ดีขึ้นหมด

ตั้งแต่ที่เขาได้รู้จัก และ ติดตามรายการ

บ้านสวนพีระมิดมา เขายอมรับว่า

ธรรมะ

ขัดเกลา คนได้จริง

ชีวิตคนที่เคย ไม่สำเร็จ ไม่สุขสมหวัง

เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง

เพราะธรรมะ ที่เข้าไป ถึงจิตใจ

 

ดังนั้น

พอคุณหน่อง (หัวหน้างาน)

ได้รับคำแนะนำเรื่องบ้านสวนพีระมิด

จิตจึงเปิดรับ บ้านสวนได้ ง่ายดาย

และ

ได้ใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้า

 ที่ถ่ายทอดโดยการ

แสดงกฏแห่งกรรม ผ่านทางบ้านสวน

เข้าไปสำรวจตัวเอง

ก็พบว่า ตัวเอง มีสิ่งที่ไม่ดี มากมาย

เรียกว่า รวมความไม่ดี เอาไว้ ทั้งหมดในตัว

แล้วก็พยายามขัดเกลา เปลี่ยนตัวเอง

แล้วก็รับรู้ได้ว่า รู้สึกดีกว่าเมื่อก่อน

 

พอเห็นประกาศ

ทางเวปไซด์ ว่ามีธรรมะบำบัด

สัญจรที่มหิดล

 

คุณหน่อง

เป็นคนโทร.ชวนคุณแค๊ตเองเลย

 

แล้วก็ชวนคุณกระรอก

ซึ่งเป็นลูกน้องอีกคน ที่เป็น ผจก.สาขา

ไปด้วย

 

ลืมบอกไปว่า

ทีมนี้ เขาทำงานอยู่ที่ บ.อินเด็กซ์

เฟอร์นิเจอร์

 

คุณหน่องเป็น ผจก.เขต

คุณกระรอก เป็น ผจก.สาขา(อะไรลืมแล้ว)

 

คุณกระรอก

มีปัญหา ปวดโคนแขน

หมอนัดผ่าตัด บอกเส้นจม

ถ้าไม่ผ่า จะเป็นอัมพาต

หมอนัด 22 ส.ค.55 ที่ผ่านมา

เป็นมานานหลายปี

เกาหลังไม่ได้ ยกมือ ไม่ได้

ในครอบครัวเป็นกันหลายคน

 

เวลาจะเกาหลัง ต้องมีคนเกาให้

หรือต้องไปเกา กับเสา

 

ไปบำบัดที่มหิดล

เขายัง งง ตัวเอง ว่าทำไม

คิดกรรมออก ทั้งที่ไม่น่าจะคิดได้

ว่า

เคยขโมยเงินพ่อ ที่เป็นเงินผ้าป่า

พอสารภาพ และ ผ่านขั้นตอนบำบัด

ซึ่ง อ.อุบล ไม่แน่ใจว่า

เขาได้ไปสัมผัสพระบารมี

พระศรีอาริย์หรือไม่ เพราะเขาเล่ากันยาว

แต่ สรุปว่า เขาหาย 70 % ที่มหิดล

พอกลับบ้าน เขาใช้รหัส

อ.อุบล ช่วยด้วย

หาย 100 %

 

คุณหน่อง ก็หายด้วย

อาการปวดอะไรหนอ ลืมแย้วว

 

เขาจึงอัศจรรย์

กันทั้งครอบครัว ที่ทำงาน

 

เมื่อวันศุกร์

จึงต้องการมาสร้างบุญ

แรงกาย ตอบแทน สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ที่ทำให้ได้ชีวิตใหม่

 

มิน่า

มาถึงนะ มีอะไรให้หนูทำมั่งคะ

มีแต่งานหนักค่ะ ยกเกลือ ยกข้าว

นั่นแหละค่ะ หนูปรารถนาค่ะ

หนูจะยกทุกอย่างทำทุกอย่างค่ะ

 

ตอนนั้น

ยังไม่ได้คุยเรื่องเขาหาย

ที่มหิดลนะ

 

เขามากัน 7 คน

สามีคุณแค๊ต ไม่ได้ไปมหิดล

ก็มากะเค้าด้วย

 

รายนี้หลังจาก

อ.อุบล อาราธนาบารมี

พระศรีอาริย์นะ

หายปวด หายตึง หน้าแข้ง ทันที

จนหน้าตา เหลอ หลา เลย

***********

เหมือนฟ้าลิขิต

 

ที่ดลบันดาลให้

กลุ่มนี้ วันที่ไป ที่มหิดล

เขาได้พบเจอเหตุการณ์ต่างๆ

มากมาย

 

เป็นรายละเอียด

ที่เกิดขึ้น กับคนที่เขานั่งใกล้

คนที่เขาได้พบ เห็น คุย ตอนเขา

เดินออกนอกห้องประชุม

ไปห้องน้ำ

 

ใครที่อยู่ฟังด้วยกัน

เมื่อคืนวันศุกร์ มาช่วยกันเล่าต่อ

ด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยว อ.อุบล

จะได้บุญอยู่คนเดียว

จ้า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-27 21:17:00


ความคิดเห็นที่ 221 (1626546)

เมื่อวันศุกร์

24 ส.ค.55

มีกลุ่มที่ไปร่วมงานธรรมบำบัด

สัญจร ที่มหิดล มาบ้านสวนพีระมิดกัน

เป็นครั้งแรก

 

เขาบอกว่า

เขาดูรายการมา 2 ปี

แต่ไม่กล้ามา กลัวมาก แต่ติดตาม

ดูรายการตลอด แล้วก็เล่าให้

เพื่อนร่วมงานฟัง

 

หลายคนเฉยๆ

ไม่สนใจ

 

แต่มีหัวหน้างาน

คือ

คุณหน่อง สนใจ ดูรายการ

ดูเวปไซด์ แล้วเกิดศรัทธา

 

ที่ศรัทธา

ไม่ใช่อะไรหรอก

คุณแค๊ท ซึ่งเป็นลูกน้อง ที่แนะนำ

ให้ดูรายการบ้านสวนนี่แหละ

ที่ทำให้คุณหน่อง

ศรัทธา

 

ความศรัทธา

ครั้งแรก ไม่ใช่ ศรัทธา

เพราะดูรายการแล้วเกิดศรัทธา

แต่

คุณหน่องบอกว่า

ศรัทธาเพราะ พฤติกรรม ของลูกน้อง

ที่ชื่อแค๊ต นี่แหละ เขาเปลี่ยนแปลง

ซึ่งตนเอง แปลกใจ มากที่สุด

ในฐานะหัวหน้างาน

 ที่รู้จักนิสัยใจคอ ความเป็นอยู่

ของลูกน้องดี มายาวนาน

ได้เห็นถึง พัฒนาการ ทางอารมณ์

ทางชีวิต ความเป็นอยู่ ทุกด้าน

ของคุณแค๊ต ดีขึ้นหมด

ตั้งแต่ที่เขาได้รู้จัก และ ติดตามรายการ

บ้านสวนพีระมิดมา เขายอมรับว่า

ธรรมะ

ขัดเกลา คนได้จริง

ชีวิตคนที่เคย ไม่สำเร็จ ไม่สุขสมหวัง

เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง

เพราะธรรมะ ที่เข้าไป ถึงจิตใจ

 

ดังนั้น

พอคุณหน่อง (หัวหน้างาน)

ได้รับคำแนะนำเรื่องบ้านสวนพีระมิด

จิตจึงเปิดรับ บ้านสวนได้ ง่ายดาย

และ

ได้ใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้า

 ที่ถ่ายทอดโดยการ

แสดงกฏแห่งกรรม ผ่านทางบ้านสวน

เข้าไปสำรวจตัวเอง

ก็พบว่า ตัวเอง มีสิ่งที่ไม่ดี มากมาย

เรียกว่า รวมความไม่ดี เอาไว้ ทั้งหมดในตัว

แล้วก็พยายามขัดเกลา เปลี่ยนตัวเอง

แล้วก็รับรู้ได้ว่า รู้สึกดีกว่าเมื่อก่อน

 

พอเห็นประกาศ

ทางเวปไซด์ ว่ามีธรรมะบำบัด

สัญจรที่มหิดล

 

คุณหน่อง

เป็นคนโทร.ชวนคุณแค๊ตเองเลย

 

แล้วก็ชวนคุณกระรอก

ซึ่งเป็นลูกน้องอีกคน ที่เป็น ผจก.สาขา

ไปด้วย

 

ลืมบอกไปว่า

ทีมนี้ เขาทำงานอยู่ที่ บ.อินเด็กซ์

เฟอร์นิเจอร์

 

คุณหน่องเป็น ผจก.เขต

คุณกระรอก เป็น ผจก.สาขา(อะไรลืมแล้ว)

 

คุณกระรอก

มีปัญหา ปวดโคนแขน

หมอนัดผ่าตัด บอกเส้นจม

ถ้าไม่ผ่า จะเป็นอัมพาต

หมอนัด 22 ส.ค.55 ที่ผ่านมา

เป็นมานานหลายปี

เกาหลังไม่ได้ ยกมือ ไม่ได้

ในครอบครัวเป็นกันหลายคน

 

เวลาจะเกาหลัง ต้องมีคนเกาให้

หรือต้องไปเกา กับเสา

 

ไปบำบัดที่มหิดล

เขายัง งง ตัวเอง ว่าทำไม

คิดกรรมออก ทั้งที่ไม่น่าจะคิดได้

ว่า

เคยขโมยเงินพ่อ ที่เป็นเงินผ้าป่า

พอสารภาพ และ ผ่านขั้นตอนบำบัด

ซึ่ง อ.อุบล ไม่แน่ใจว่า

เขาได้ไปสัมผัสพระบารมี

พระศรีอาริย์หรือไม่ เพราะเขาเล่ากันยาว

แต่ สรุปว่า เขาหาย 70 % ที่มหิดล

พอกลับบ้าน เขาใช้รหัส

อ.อุบล ช่วยด้วย

หาย 100 %

 

คุณหน่อง ก็หายด้วย

อาการปวดอะไรหนอ ลืมแย้วว

 

เขาจึงอัศจรรย์

กันทั้งครอบครัว ที่ทำงาน

 

เมื่อวันศุกร์

จึงต้องการมาสร้างบุญ

แรงกาย ตอบแทน สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ที่ทำให้ได้ชีวิตใหม่

 

มิน่า

มาถึงนะ มีอะไรให้หนูทำมั่งคะ

มีแต่งานหนักค่ะ ยกเกลือ ยกข้าว

นั่นแหละค่ะ หนูปรารถนาค่ะ

หนูจะยกทุกอย่างทำทุกอย่างค่ะ

 

ตอนนั้น

ยังไม่ได้คุยเรื่องเขาหาย

ที่มหิดลนะ

 

เขามากัน 7 คน

สามีคุณแค๊ต ไม่ได้ไปมหิดล

ก็มากะเค้าด้วย

 

รายนี้หลังจาก

อ.อุบล อาราธนาบารมี

พระศรีอาริย์นะ

หายปวด หายตึง หน้าแข้ง ทันที

จนหน้าตา เหลอ หลา เลย

***********

เหมือนฟ้าลิขิต

 

ที่ดลบันดาลให้

กลุ่มนี้ วันที่ไป ที่มหิดล

เขาได้พบเจอเหตุการณ์ต่างๆ

มากมาย

 

เป็นรายละเอียด

ที่เกิดขึ้น กับคนที่เขานั่งใกล้

คนที่เขาได้พบ เห็น คุย ตอนเขา

เดินออกนอกห้องประชุม

ไปห้องน้ำ

 

ใครที่อยู่ฟังด้วยกัน

เมื่อคืนวันศุกร์ มาช่วยกันเล่าต่อ

ด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยว อ.อุบล

จะได้บุญอยู่คนเดียว

จ้า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-27 21:17:06


ความคิดเห็นที่ 222 (1626550)

ได้ฟังกลุ่มคนที่มาสร้างบุญในวันนั้นนำทีมโดยคุณหน่อง คุณกระรอก และคุณแค็ท แล้วคันปากเด๊

แบบว่าสิ่งที่ได้ยินทำให้หายสงสัย และตะลึงกับข้อมูลที่ได้รับรู้เลย เหมือนเบื้องบนท่านวางแผนไว้หมดแล้ว

คุณกระรอก ผู้มีพรสวรรค์ในการพูดและเป็นคนที่มาบอกเรื่องราวที่พวกเรากำลังสงสัยกันอยู่ คือแกเล่าว่า แกนั่งอยู่ใกล้ๆผู้หญิงเสื้อสีชมพู คนไหนหว่า...

ก็คนที่ออกไปพร้อม ดร.วิชิตนั่นแหละ ที่บอกว่าเขาฆ่ากบแต่ไม่ได้คิดว่าตั้งใจฆ่า และมีเหตุผลอีก บลา บลา บลา

คุณกระรอกเล่าว่า ตอนแรกที่ท่านอาจารย์ถามว่าใครหายบ้าง เขาเห็นคุณเสื้อสีชมพูท่านนี้ยกมือขึ้น บอกว่าหาย แต่หลังจากที่ ดร.วิชิตเชิญออกไปข้างหน้าเพื่อพิสูจน์ เธอก็ได้แสดงทัศนะความเห็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งทำให้คุณกระรอกก็งงเหมือนกันว่า อ้าว ได้ยินว่าหายแล้วนี่นา

พอหลังจากที่ผู้หญิงเสื้อสีชมพูเข้ามานั่งที่แล้ว และพอมีโอกาสภายหลังก็ได้คุยกัน ซักถามกัน ก็ได้ความว่า

ผู้หญิงเสื้อสีชมพูบอกว่า เขาหายจริงๆ และเขาต้องมาที่บ้านสวนฯให้ได้ ป๊าดดด ไอ้เราก็นึกว่าไม่หาย เห็นออกไปแสดงความเห็นในเชิงวิทยาศาสตร์ตั้งนาน ที่แท้ก็หายเรียบ มีการพูดคุยกันจะๆกับคุณกระรอกเลย

โอ้ จอร์จ แสดงว่าหายถ้วนหน้าจริงๆเลยครับ สาธุ

อีกท่านหนึ่งคือบักสีดา หรือว่าคุณมายด์นายฝรั่งของน้องตุ้ย น้องก้อยนั้น ซึ่งเดินออกจากห้องประชุมแล้วหายไปเลย แม้กระทั่งน้องก้อยน้องตุ้ย ก็ยังคิดว่านายตนเองจิตไม่เปิด คงไม่หายและกลับไปแล้ว

ที่ไหนได้ครับ คุณกระรอกอีกแล้วครับท่าน คุณกระรอกได้ออกไปห้องน้ำ ไม่รู้ว่าไปอุจจาระหรือปัสสาวะนะครับไม่ได้ถาม โทษที 5555

เจอกับคุณมายด์ และได้ความว่า คุณมายด์สนใจมาก อยากฟังอยากตอบคำถามด้วยตนเอง เพราะเห็นว่าใครๆก็หายกัน แต่อาจเป็นด้วยมีล่ามคอยช่วยแปล ทำให้คุณมายด์ซึ่งพูดและฟังภาษาไทยได้ ไม่มีโอกาสในการโฟกัสสิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลกำลังพูดเท่าที่คุณ

แต่คุณกระรอกกลับพบว่า คุณมายด์ได้ออกมานั่งชมท่านอาจารย์บรรยายอยู่ข้างนอกห้องประชุม ป๊าดดด เท่านั้นยังไม่พอนะครับ ยังพบอีกว่ามีแฟนคลับ มีผู้คนคอยติดตามอยู่นอกห้องประชุมอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว ว้าววว....

คุณกระรอกนี่คือฮีโร่ ผู้เฉลยความสงสัยของทุกคนได้อย่างชัดเจนเลย ไม่งั้นก็ไม่มีใครรู้เลยว่าที่เราๆสงสัยกันน่ะ หายหรือไม่หาย หรือเป็นอย่างไรกันแน่....

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-27 21:36:37


ความคิดเห็นที่ 223 (1626586)

อ้าว....เหตุการณ์กลับตาลปัตร

โดยมีคุณ กระรอก

เป็นพยายคนสำคัญแบบนี้

 

ต้องบอกว่า  สงสัยสิ่งที่

นักวิยาศาสตร์กลัวมากที่สุด

ก็คือ กลัวความจริง นะคะเนี่ย

 

เพราะกล้าโกหก

เพื่อรักษา"อัตตา"ของตัวเอง

แล้วก็ออกมาพูดในสิ่งที่

คนอื่น(เจ้านาย)อยากฟัง ซะงั้น

 

แต่ชนิดาได้ชมเทปล่าสุดแล้ว

ต้องบอกว่า การแสดงธรรม

ของท่านอาจารย์ที่มหิดลในวันนั้น

เป็นธรรมะที่งดงามลงตัว

และหาข้อโต้แย้งได้ยากจริงๆค่ะ

 

 

คือ ต่อให้คนที่ไม่รู้จักท่านอาจารย์เลย

มานั่งฟัง และพิจารณา

ตามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ก็ดวงตาเห็นธรรม

เห็นทุกข์และ เห็นกรรม ได้แน่ๆค่ะ

 

นอกจากคนที่จิตบอดสนิทจริงๆเท่านั้น

ที่จะไม่สามารถรับอะไรได้เลย 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 06:00:44


ความคิดเห็นที่ 224 (1626605)

คุณกระรอก

ก็เป็นคนใหม่ พี่พึ่งไปรู้จัก

อ.อุบล

ครั้งแรกที่มหิดล

ดังนั้น

เธอจึง สนใจ ฟังข้อมูล จากคนรอบตัว

ที่นั่งอยู่รายล้อมตัวเธอ แบบ เก็บหมดทุกเม็ด

เพื่อหาเหตุผล หลักฐาน

-------

เธอเล่าอีกว่า

คนใส่เสื้อสีชมพู ซึ่งเป็นกำลังศึกษา

ระดับ ดร. เป็นลูกศิษย์ ดร.วิชิต

ได้ออกไปข้างนอก

และพบเธอ

ได้ถามเธอว่า คุณหายจริงๆเหรอ

คุณรู้จัก อ.อุบล มาก่อนไหม

คุณกระรอกบอกนี่พึ่งเจอเป็นครั้งแรก

 

อุปทานรึเปล่า เธอก็หายปวดหัว

ตอนออกไปเถียง อ.อุบล

แล้วกลับเข้ามา

 

เธอก็เลยบอกว่า

อุปทานได้ไง เป็นมาตั้งหลายปี

หมอนัดผ่า 22 ส.ค.55 นี้แล้ว

นี่ยกแขนได้แล้วดูสิ

 

คนเสื้อชมพู บอกคุณกระรอกว่า

เคยไปบ้านสวนรึเปล่า

 

ไม่เคย นี่มา รู้จักที่นี่แหละ ครั้งแรก

 

แล้วรู้ไหม จะไปบ้านสวน ทำไง

 

ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่เคยไป

 

เขาบอกเขาต้องไปให้ได้

(คนเสื้อชมพู ที่ฆ่ากบ หรือหนู 2-300 ตัวนั่นแหละ)

คนเสื้อชมพู

ได้ถามคนอื่นๆอีก 4 คน

ว่าหายจริงหรือ

ทุกคนยืนยันว่า หายจริงทั้งนั้น

เธอจึงพูดว่า ต้องไปบ้านสวนให้ได้

 

ส่วนนายฝรั่ง

ของตุ้ย กับ ก้อย เขาก็

ออกมาเจอคุณกระรอกข้างนอก

เขาบอกว่า เขาทึ่งที่มีคนหายจริงๆ

เขาอยากฟัง อ.อุบล ด้วยตนเอง

และ

ตอบคำถามเหมือนคนอื่น

เนื่องจากการฟังล่าม

ทำให้เขาขาดการสนใจฟัง

วิธีการบำบัดของ อ.อุบล ไปเลย

เขายังสนใจอยู่ เขาจึงออกมา

ดูจอที่อยู่นอกห้องประชุม

ซึ่ง ดร.จุ๋ม

เตรียมไว้สำหรับ

คนที่มาเกิน หรือ ล้นห้อง

จะได้มีที่ชมข้างนอก

 

คุณกระรอกอีกนั่นแหละ

บอกว่า ข้างนอก มีคนนั่งตั้งใจฟัง

กันเต็มไปหมดเลย

 

เธอบอกว่า

ตอนเธอไปมหิดลเพื่อร่วมงานนี้

เธอหลงไปทั่ว หาตึกไม่เจอ

หลงไปตั้งหลายที่

 

ไปถามใครว่า

จะมางานนี้ ไม่มีใครรู้เลย

 

จนกระทั่งไปถามแม่ค้า

แม่ค้าในมหิดลนั่นแหละบอกว่า

อ๋อ อยู่ตึกนี้ค่ะ ชั้น 5 ขึ้นไปเลยค่ะ

เธอจึงได้มาร่วมงาน

(ถ้าไม่มุ่งมั่นจริง คงกลับไปแล้ว หายากมาก)

 

แล้วเธอก็ได้มาเห็นแม่ค้าคนนี้

ดูอยู่ที่จอ ด้านนอกห้อง

มีคนโทร.มาบอกว่า มีคนมาซื้อของ

ให้รีบไปขายของ

 

เธอบอกได้ยินแม่ค้าคนนี้

พูดตอบทางโทรศัพท์ๆไปว่า

ให้ปิดร้านไปเลย วันนี้ไม่ขายแล้ว

จะดูเขาบำบัด อยู่ในงานชั้น 5

 

คุณกระรอก

เธอเล่าด้วยความตื่นเต้น

ปิติ ดีอก ดีใจ ที่เห็นผู้คน หาย และ

สนใจ ในการบำบัด ของ อ.อุบล

และต่างคนต่างก็ยืนยัน

กันเองว่าหาย

ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลย

 

ส่วนชาวเขตร้อน

ต่างก็สนใจ มาสอบถามคนนั้น คนนี้

ว่าหายจริงเหรอ แล้วเขาก็บอกว่า

หายจริงๆสิ นี่ไง เมื่อก่อน

เดินแบบนี้ไม่ได้ นี่เดินได้แล้ว

มีการเดินโชว์ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 09:06:39


ความคิดเห็นที่ 225 (1626622)

 โอ้โห อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ

ยินดีกับทุกท่าน ๆ ด้วยค่ะ

ที่เข้าถึงธรรมะ

นึกถึงกรรมที่เคยกระทำไว้

จนหายจากโรคต่าง ๆ

กันถ้วนหน้า

ผู้แสดงความคิดเห็น เยาวลักษณ์ เกิดมีทรัพย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 09:42:01


ความคิดเห็นที่ 226 (1626624)

คุณกระรอก

มาบ้านสวนครั้งนี้ ด้วยความบังเอิญ

อ.อุบล ได้ไปอำนวยความสะดวกให้เธอ

ในการยกเกลือ ยกข้าว

ไปตั้งพัดลมให้เธอ เพื่อให้คลายร้อน

วันนั้นกลางวันอากาศร้อน

เธอก็เลยเล่าโน่น นี่ ที่มหิดล ที่

ที่ทำงานเธอ ให้ฟัง

---------

เธอบอกว่า

สิ่งที่เกิดกับตัวเธอ

มหัศจรรย์มาก จนสามีเธอ

ซึ่งปกติไม่สบาย เป็นหลายโรค

ไม่ค่อยให้เธอไปไหน

แต่นี่ พอเห็นเธอหาย เป็นอัศจรรย์

จึงสนับสนุนให้เธอมาทำบุญ

ด้วยแรงกายที่บ้านสวน

 

(อ.อุบล ว่านะ สามีเธอ มีโอกาสหายนะ)

 

คุณกระรอก

ถาม อ.อุบล ว่า อ.คะ

อ.จำผู้ชายใส่เสื้อแขนยาวสีดำ

ที่ขึ้นไปบนเวที ตอน อ.อาราธนาบารมี

พระศรีอาริย์ได้ไหมคะ

 

โอย

จำใครไม่ได้เลย

เพราะเป็นช่วงชุลมุน เวลาเหลือน้อย

ต้องรีบให้ทุกคนเดินผ่านเท่านนั้น

แม้แต่ ดร.วิชิต ท่านยังรู้

ยังช่วยบอกให้รีบเดินผ่าน อย่าร่ำไร

 

คุณกระรอกบอกว่า

เธอมาเจอผู้ชายคนนี้อีกหน้าห้อง

เขาบอกว่า เป็นไปได้ไง

ปกติเขาเดินไม่ได้

คือเดินขาไม่มีแรงเลยต้องลาก

เขาเดินให้เธอดูแล้วพูดว่า

แค่ผมไปเดินผ่านใกล้ อ.อุบล

ครั้งแรกผมคิดว่า

อย่างผมนี่ ไม่มีทางหายหรอก

เพราะผมเป็นผู้ชาย

ผมไม่กล้าสัมผัส หรือ แตะตัว อ.อุบล

เหมือนคนอื่น ผมเห็นคนอื่น

เขากราบตัก อ.

แต่ผมไม่กล้าทำ ผมก็คิดว่า

ผมคงไม่หาย

 

แต่พอผมเดินผ่าน อ.อุบลไป

แล้วยิ่งตอนลงมาจากเวลที ขามีแรงเลย

เดินสบายเลย ดูสิ อัศจรรย์จริงๆ

บารมีพระศรีอาริย์

 

คุณกระรอก

เธอพยายามถาม อ.อุบล

ถึงคนนั้น คนนี้ อ.จำได้ไหมคะ

 

มีอีกคนหนึ่งค่ะ

เป็นหมอผู้หญิง มาจาก

ร.พ.พระมงกุฎค่ะ

 

คุณหมอท่านนี้ นั่งอยู่ด้านหน้าหนูค่ะ

คุณหมอยืนขึ้นแล้วพูดว่า

เป็นหมอ เป็นมะเร็ง

อ.ยังพูดว่า มะเร็ง เอาไว้ก่อน

อ.จำได้ไหมคะ ที่ อ.บอกว่า

เอาอาการเจ็บปวดปัจจุบัน ก่อนน่ะค่ะ

จำบ่อได้ดอก กระรอกเอ๋ย

 

นั่นแหละค่ะ

คุณหมอคนนี้ก็ได้คุยกับหนู

ว่า

ตอนก่อนจะมา ยังคิดว่า จะเดินไหวไหม

เพราะปกติ เดินไม่ได้ ไม่มีแรง

มะเร็งระยะสุดท้าย

คุณหมอบอกว่า นี่เดินข้ามมาเองนะ

ตั้งใจมาก จะมาหา อ.อุบล

ปรากฎว่า เดินมาได้ ไม่เหนื่อย

เป็นไปได้ยังไง ปกติไม่มีทางเดินได้

 

อ.จำไม่ได้จริงๆเหรอคะ

นั่งทางด้านซ้ายมือ อ.ผู้หญิงมีอายุหน่อย

ที่ยืนขึ้นน่ะค่ะ

 

กระรอกเอ๋ย

ขนาดหนูเองที่ยืนเหมือนกัน

แล้วก็พูดด้วยว่า

เคยขโมยเงินพ่อที่เป็นเงินผ้าป่า

อ.อุบล ยังจำหนูไม่ได้เลย

แต่จำเรื่องได้

 

แล้วจะไปจำหมอ หรือ คนนั้นคนนี้

ได้ไงจ๊ะหนูกระรอก กระแต

 

แล้วเธอก็เล่าอีกว่า

คนที่นั่งหลังหนู มีคนเขตร้อน 4 คน

ตอน อ.ถามเรื่องทำกรรมอะไรมา

เขาก็ตอบกันเบาๆค่ะ

เขาไม่กล้ายกมือ

 

บางคนนะคะ

หนูเห็นเค้าสารภาพบาป

ด้วยการจดใส่สมุดค่ะ

เขาไม่พูด แต่ทุกครั้งที่ อ.ถาม

หนูเห็นเขาจด พอ อ.ไม่ถามเรื่องกรรม

เขาก็ปิดสมุดด้วยค่ะ

 

กระรอกนี่

ช่างสังเกตุจริงๆเลยนะ

 

ก็หนูเป็นเด็กใหม่นี่คะ

หนูไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้

หนูก็ต้องสังเกตุซีคะ

ว่ามีคนเป็นอย่างหนู หายอย่างหนู

บ้างรึเปล่า หนูตื่นเต้นมากค่ะ

เกิดมาไม่เคยเจอ

ไม่เคยรู้

ว่ามีอย่างนี้ด้วยเหรอ

 

ถ้าไม่เจอเอง

มีคนมาเล่าให้ฟัง คงยังไม่เชื่อ

แบบสนิทใจหรอกค่ะ อ.

 

แล้วท่านผู้อ่านล่ะคะ

เชื่อแบบสนิทใจเหมือนคุณกระรอก

หรือยัง  ถ้ายัง ก็ไม่เป็นไรค่ะ

เรามีสิทธิ์แบกทุกข์

ของเราต่อไป

ไม่มีใครช่วยแบกของเราได้

 

อ.อุบล

ก็บอกแล้วว่า ที่ทำอยู่นี้

ไม่ได้ทำเพื่อต้องการให้ใครเชื่อ

ให้ใครนับถือศรัทธา

 

ถ้าอยากทำอย่างนั้น

คงไปจับคนว่า คนปรามาส

พวกนักศึกษาโง่อวดฉลาด

มาเชือด มาขัง หรือ มาทำให้ดัง

ให้พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง

หรือ สถาบันที่เขาเรียนอยู่

ได้รู้แล้วหละ

ว่ามีคนกระทำการ

หมิ่นประมาท ผิดกฎหมายอาญา

สามารถเอาผิดได้

เพราะรู้หมดว่าเรียนอยู่ที่ไหน

ปีไหน เอกไหน คณะไหน

คนทำงาน บ้านอยู่ไหน อยู่กับใคร

อาชีพ สภาพชีวิต เป็นอย่างไร

แต่ทำไม อ.อุบล ไม่ทำอะไร

คนพวกนี้

 

เพราะ

ต้องการเปรียบเทียบ

ชีวิต

ของคนที่เขาเชื่อ เขาศรัทธา

ว่าเป็นอย่างไร เขาพ้นทุกข์ฉับพลันทันที

ได้อย่างไร หรือไม่

 

แล้วคนที่ไม่ศรัทธา

มีชีวิต ความเป็นอยู่ มีทุกข์อย่างไร

เมื่อมีทุกข์แล้ว สามารถดับทุกข์

ได้ด้วยตัวเอง หรือไม่

ให้ใช้ปัญญาคิดดูกันเอาเอง

 

แล้วให้ดูกันต่อไประยะยาว

คนที่เชื่อ ที่ศรัทธา พระธรรม คำสอน

ของพระพุทธเจ้า กับคนที่ล่วงเกิน

ผลจะเป็นอย่างไร

 

เราต้องดูกันยาวนาน

แล้วมันต้องมีคนเสียสละชีวิตตัวเอง

เป็นหนูทดลอง ฝ่ายไม่เชื่อ

เราจะมาแค่พูดไม่ได้ ต้องมีตัวตนจริง

 

คนเหล่านี้

เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์

ฆ่าสัตว์ทดลองมาก่อน

มาชาตินี้

ก็ต้องเอาตัวเอง มาเป็นสัตว์ทดลอง

มาลบหลู่ล่วงเกินพระธรรม

คำสอนพระพุทธเจ้า

โดยกล้าหาญ เอาตัวเองเข้าแลก

กับการต้องไปเป็น "สัตว์นรก"

ชั่วนิรันดร์

 

แล้วก็จะต้องเป็นสัตว์นรก

แบบไม่มีแขน ไม่มีขา

คือมีแต่ลำตัว

 

อันนี้ไม่ได้พูดเอง

ให้ดูได้ มีคนโพสต์ไว้แล้ว

ว่า

หลังจากใช้กรรม

ในมหานรกแล้ว สิ่งสูงสุดที่คนพวกนี้

จะได้รับ หรือ ภพภูมิสูงสุด

ที่จะได้ไปเกิดชั่วนิรันดร์

คือ

เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไม่มีขา

พวกใส้เดือน หนอน งู เป็นต้น

 

ดังนั้น

บุคคลเหล่านี้

จะได้รับสัญญาณตั้งแต่

บัดนี้

คือ จะมีอการ ปวดแขน ปวดขา

ปวดเท้า เจ็บคอ เจ็บปาก

ปวดหัว หนักบ่า ปวดไหล่ หลัง เอว

 

เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า

อวัยวะต่างๆ ที่กำลังมีอาการอยู่นี้

ต่อไป จะไม่มี จะหายไป

ถ้ายังไม่ไหวตัว

ก็จะเจอต่อไปเรื่อยๆ

 

จะมีอุบัติเหตุ

ให้ต้องสูญเสียอวัยวะต่างๆ

จนครบในชาตินี้

 

อันนี้อ่านแล้ว

ให้ใช้สมอง และ ปัญญา

ด้วยนะว่า ไม่ได้แช่ง

แต่รู้ล่วงหน้า เลยมาบอก

ถ้าไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องแสดงความกลัว

 

ไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องคิดมาก

ไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องโกรธ

ไม่ต้องเอะอะโวยวาย ว่าใครเขาแช่ง

 

(ไป ไป มา มา

จะมาคอนเฟอร์ม ว่า อ.อุบล เป็นคน

ศักดิ์สิทธิ์ซะเอง คิดว่า แช่งใครเขา

แล้วเป็นจริง งั้นพวกคุณ

ทำไม ไม่แช่ง ให้ตัวเอง

รวย สวย หล่อ หายเจ็บ หายป่วยดูล่ะ

ไหนว่า เก่ง เจ๋ง กว่า อ.อุบล ไง

 

แล้วทำไม

ไม่รวมตัวกัน ทำอะไรดีๆ

ให้เป็นเกียรติ เป็นศรี แกตระกูล

แก่สถาบันการศึกษาบ้าง

หรือ

เอาแค่ เอาตัวเอง ให้รอด

จากความเจ็บป่วย ความทุกข์ ความจน

ก็ยังดี จะได้ไม่ต้องคอย

เดือดร้อน ทุกข์ใจ เรื่องเงินไม่พอใช้

เรื่องเจ็บโน่น ป่วยนี่ อยู่ร่ำไป

 

เรียนหนังสือ

ก็ไม่ตั้งใจเรียน ทำงานก็ไม่ตั้งใจทำ

เอาเวลา ไปเป็นผู้เสียสละ

ไปทัวร์นรก โชว์ชาวโลก

 

ถ้าไม่สงสารพ่อแม่

ก็น่าจะสงสาร ตัวเองกันมั่ง

 

คิด ก็คิดไม่ได้ คิดไม่เป็น

ว่า

ได้อะไร กับสิ่งที่ทำอยู่

หรือว่า มันได้ค่าจ้าง มากมาย

ถึงกับขายศักดิ์ศรีได้เลย)

 

แต่

ควรจะหัวเราะเยาะ ดีใจ

ที่มีคนบ้า อย่าง อ.อุบล มาพูด

มาบอกไว้ล่วงหน้า

ถ้าไม่จริง

ก็ดีใจด้วย จะได้มีอวัยวะครบ

 

อ้อ

ที่สำคัญ

จะยากจน ลำเค็ญ

ทำอาชีพอะไร ก็มีปัญหา

เป็นนักศึกษา ก็ขัดสน แม้ขอเงิน

พ่อแม่ แต่ก็ ไม่พอใช้ ก่อหนี้สิน

นำความเดือดร้อนให้พ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูง

ครอบครัว สถาบัน จนเรียนไม่จบ

หรือจบ ก็มีอุปสรรค มากมาย

จะไปสมัครงานใด

ก็ไม่มีใครต้องการรับ

 

งานที่ได้

ก็เป็นงานไม่ถูกใจ ไม่มีความสุข

จะมีทุกข์ อุปสรรค ทุกด้าน

ไม่มีเงิน ไม่มีงาน

ไม่มีคนจริงใจ ไม่มีใครคบค้า

สมาคมอย่างเปิดเผย

 

อันนี้ก็อย่าพึ่งเชื่อ

แต่ต้องพิสูจน์ เราเป็นคนยุคใหม่

ไม่ใช่ไร้การศึกษาอย่างมงาย

เอาความตายมาเดิมพัน

กันเลยดีกว่า

ว่ามะ

 

คุยเรื่องคุณกระรอก ... ยาวเลย

555 555 555

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 09:45:53


ความคิดเห็นที่ 227 (1626635)

แล้วที่บอกว่า

อ.อุบล เผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม

ไม่ได้เดือดร้อน ที่ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ

 

เพราะ

ยึดถือ พระพุทธเจ้า เป็นสรณะ

 

พระพุทธเจ้า

ท่านเผยแพร่ธรรมะ

ค้นคว้าหากฎแห่งกรรม

ก็เพื่อให้พระองค์รอดพ้นวิบากกรรม

กว่าจะค้นพบ นรก สวรรค์

ชีวิต ก่อน หลัง ความตาย ใช้เวลา

ยาวนาน หลายอสงไขย

 

แล้วการเผยแพร่ของพระองค์

ไม่ได้ทำเพื่อแลกกับค่าจ้าง ค่าตอบแทน

เพราะพระองค์ก่อนออกบวช

เป็นกษัตริย์ ผู้มั่งคั่งบริบูรณ์พูลสุข

แต่กลับสละทุกสิ่งที่มี

ที่บำรุงสุขในชาติปัจจุบันเสีย

เพราะอะไร น่าคิดนะ

 

แล้วพระองค์

อยากให้ทุกคนพ้นทุกข์

 

เมื่อมีคนทำตาม ก็พ้นทุกข์ได้จริง

 

คนไม่เชื่อ ไม่ทำตาม

ก็ต้องทุกข์ ทรมานจริง โดยมี

พระเทวทัติ

เป็นอาสาสมัคร เอาตัวเอง

ลงนรกอเวจี ให้เห็นจริง

เพราะ

ล่วงเกินพระพุทธเจ้า

 

พระเทวทัติ

เป็นผู้มาทำให้พระพุทธเจ้า

มีพระบารมีแผ่ไพศาล

จนไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านพระธรรมคำสอน

หรือ

ไม่มีผู้ใดกล้าโจมตี

 

เพราะใครก็ตาม

ที่ทำ ต้องเจอเคราะห์กรรมอย่างหนัก

 

แต่ก็มีคนแอบคิด

แอบโต้แย้ง ไม่ใช่ต่อหน้าพระองค์

ซึ่งก็ไม่ละเว้น เคราะห์กรรม สักคนเดียว

 

ดังนั้น

เมื่อพระพุทธเจ้า

ท่านยังเจอมาร ขนาดนี้

มีหรือ ที่ คนธรรมดา อย่าง อ.อุบล

เมื่อมาเผยแพร่พระธรรม

ของพระองค์

 

จะไม่มีพวกมารผจญ

แต่นั่น

ไม่สำคัญเท่ากับ ผล ที่เกิดกับมารหรอก

 

ใครอยากทำอะไรก็ทำได้

แต่ทำแล้ว

ชีวิตเป็นอย่างไร นี่ต่างหาก ที่น่าสนใจ

และต้องใช้ระยะเวลายาวๆหน่อย

เพื่อจะได้เป็นอุทหรณ์

สอนคนต่อไป

-----------

แล้วที่บอกว่า อ.อุบล

ไม่เดือดร้อนที่ใครจะเชื่อไม่เชื่อ

 

ก็ในเมื่อ

พระพุทธเจ้า

ท่านยังไม่เดือดร้อนเลย

 

ทุกวันนี้

ก็มีคนไม่เชื่อพระองค์มากมาย

2555 ปีแล้ว

ที่พระองค์เผยแพร่กฎแห่งกรรมมา

จนพระองค์เสด็จดับขรรธ์แล้ว

แต่พระธรรมอันงดงาม

ยังดำรงคงอยู่

ได้อย่างไร

ถ้าไม่เกิดผลจริง

 

แล้ว อ.อุบล ก็เป็นคนหนึ่ง

ที่พ้นทุกข์ จากการได้พบพระธรรม

เมื่อก่อน ก็เชื่อ แต่ไม่ปฎิบัติจริงจัง

คิดแต่ว่า ตัวเองเป็นคนดีแล้ว

มีการศึกษาสูง

มีหน้าที่การงานดี มีเงินทองพอแล้ว

 

แต่

ที่ไหนได้

มันยังมีทุกข์ ยังเจ็บป่วย

ด้วยโรคที่ไม่คิดว่า คนอย่างเรา

จะเป็นกับเขาด้วยหรือ

การผ่าตัดมดลูก รังไข่นี่นะ

ไม่อยู่ในหัวสมองเลย

คิดว่าเราเป็นคนระมัดระวังเรื่อง

อาหาร เรื่องสุขอนามัย เป็นที่สุด

ไม่มีทางเป็น

 

แต่ในที่สุด

มันไม่ได้เกิดเพราะ

สุขอนามัย

แต่

มันเกิดเพราะกรรม คือ การกระทำ

ของเราเอง เมื่อเราละเมิดศีล

เราก็ต้องเจอเคราะห์กรรม

แล้วเราจะผ่านมันได้อย่างไร

ตอนนี้แหละ

ที่ อ.อุบล หันเข้าหา ธรรมะจริงจัง

เพราะ ทางโลก หมดหนทางแล้ว

 

ดังนั้น

จึงเข้าใจ คนที่ยังไม่สนใจ

ธรรมะ

อย่างจริงจัง อาจเป็นได้ว่า

ชีวิต มันยังไม่เจอทุกข์ แบบสุดสุด

ชนิดถึงทางตัน

มันเลย ยังไม่ค่อยเชื่อ ไม่ปฎิบัติ

 

อ.อุบล

พ้นทุกข์ได้ด้วยวิธีใด

ก็จะเอาวิธีนั้นมาแนะนำมาเผยแพร่

 

ให้คนมีบุญ

หรือคนที่กำลังจะหมดกรรม

เท่านั้นแหละ ได้มีโอกาสหลุดพ้นทุกข์

 

ส่วนคนที่นิยมความทุกข์

อ.อุบล ก็ไม่ไปมะเมิด หรือ โน้มน้าว

ชักจูง ชักชวนหรอก

 

เพราะของชอบ

ของใคร ของมัน ต่างคน ต่างชอบ

ต่างคน ต่างมีวิธีการ จัดการ กับปัญหา

ด้วยสติ ปัญญา ของตน

 

อ.อุบล

พ้นทุกข์มาได้แล้ว

มีคนพยายามทุกวิถีทาง

ที่จะสร้างปัญหา สร้างเรื่องให้

คิดว่า อ.อุบล คงจะทุกข์

คงจะตื่นเต้น

 

บอกได้คำเดียวว่า

น่าสงสาร พวกที่คิด คนที่ทำ

รุ่มร้อน ริษยา ทุรนทุราย

ได้ขนาดนี้ เชียวหนอ คนเรา

น่าสงสาร น่าเวทนา เสียนี่กระไร

 

ไม่เคยรู้

ไม่เคยเข้าใจ ว่าทำไม

ชีวิตตัวเอง จึงตกต่ำ ดำดิ่งขนาดนี้

 

แล้วทำทุกวิธีแล้ว

อ.อุบล ก็ยังไม่ยอม อับแสง สักที

ต้องหาวิธีใหม่อยู่ร่ำไป

ยิ่งทำ ตัวเอง ยิ่งตกต่ำ ก็ยอม

ต้องขอบใจทุกคนอีกครั้ง

ที่เอาตัวเอง

มาเสริมส่งบารมีให้ อ.อุบล

ทั้งที่ไม่อยากดัง

แต่ก็มาทำให้เป็นที่รู้จักจนได้

 

คนขี้อิจฉานี่

มักจะเป็นคนขี้อายด้วยเน๊าะ

บางคนขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง

หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา

ถึงกับต้องย้ายที่อยู่ร่อนเร่ไปเรื่อย

 

นอนก็หวาดผวา

ว่าใครเขาจะมาหา มาฆ่าที่ห้องไหมเนี่ย

อุส่าห์อยู่กับเมีย ในห้องเช่า

จะเข้า จะออก ต้องเหลียวหลัง แลหน้า

ว่า จะมีใคร เดินตามมา รึเปล่า

 

บางคน อยู่หอพัก

อยู่บ้านเช่า เงินทองฝืดเคือง

งานไม่ค่อยมี รายได้ไม่ดี อยู่แต่

หน้าเวป หน้าคอม ใช้ชีวิต

แบบหลบๆ ซ่อนๆ น่าสงสาร

ต้องคอยหางานผิดกฎหมายทำ

 

ต้องหลบทั้งตำรวจ

ต้องหลบทั้งศรัตรูที่ไปด่า ไปหาเรื่อง

เขาไว้มากมาย พูดจาก็ก็ไม่ฉะฉาน

ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง

เรียกว่า หวาดระแวง อยู่ทุกเวลานาที

แล้วอย่างนี้ มีสุขตรงไหนเนี่ย

 

อุส่าห์ลงทุน ลงแรง

เสียเวลา ทุ่มเท มาแกล้ง อ.อุบล

ที่ไหนได้มาช่วย อ.อุบล

ให้มีคนรู้จัก ให้มีคนสนใจ ยิ่งขึ้นไปอีก

 

แล้วเคยถามตัวเองไหม

ว่าถ้าทำให้ คนหมดศรัทธา อ.อุบล ได้

จะได้ค่าจ้างกี่บาท จะรวยไหม

ถึงได้ ตั้งอกตั้งใจ

จนเสียงาน เสียการเรียน ได้ขนาดนี้

นี่ถ้าวันหนึ่ง เกิดมีคดี มีเรื่องขึ้นศาล

เป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์

หรือออกทีวี ทุกช่อง

จะว่ายังไง

จะภูมิใจมากไหม ทั้งตัวเอง

ทั้งพ่อแม่พี่น้อง สถาบัน ที่ทำงาน

 

เราลองดูนะ

ตอนนี้ ถึงยุคพระศรีอาริย์แล้ว

เผื่อบางที คนพวกนี้

อาจจะ

มาเสริมส่งบารมี

พระศรีอาริย์ ก็ได้นะ จริงป่าว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 10:41:05


ความคิดเห็นที่ 228 (1626761)

 

เราลองดูนะ

ตอนนี้ ถึงยุคพระศรีอาริย์แล้ว

เผื่อบางที คนพวกนี้

อาจจะ

มาเสริมส่งบารมี

พระศรีอาริย์ ก็ได้นะ จริงป่าว

**************************

ตอนนี้ถึงยุคพระศรีอาริย์แล้ว

ถ้าพวกตัวป่วนพวกนี้ได้อ่านธรรมทาน

จาก อ.อุบลแล้ว

ยังไม่สำนึก ไม่รู้ตัว

ว่าความทุกข์ที่ตัวเองกำลังได้รับอยู่นี้

มีสาเหตุมาจาก ทำตัวเองทั้งนั้น

ฉันรังแกตัวเอง

แล้วยังจะดันทุรังทำอยู่อีก

ก็สมควรที่จะปล่อยไปตามยะถากรรม

รู้ทั้งรู้ว่า

ทางแห่งความสุข

ต้องทำอย่างไร

เพราะเข้ามาติดตามอ่านธรรมทาน

ในเวปบ้านสวนฯตลอดอยู่แล้ว

แต่อย่างว่าคนมันอยู่กับความทุกข์

มาตลอดชีวิต 

ไม่เคยมีความสุข

ไม่เคยมีคนรัก คนจริงใจอย่างแท้จริง 

  ไม่เคยแม้แต่จะรักตัวเอง

คงนึกไม่ออกหรอกว่า

ชีวิตที่มีความสุขมันเป็นยังไง

ดูท่าคนพวกนี้จากนี้ไปจะยิ่ง

เพิ่มความเข้มข้นของความชั่วจนฉุดไม่อยู่

  ทำเลวจนสุดขั้ว

  อยู่คนละฝั่งกับความดี

อย่างเห็นได้ชัด

ก็อาจยังมีประโยชน์อยู่บ้าง

ที่อาจจะมาส่งเสริมบารมีพระศรีอาริย์

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 20:58:34


ความคิดเห็นที่ 229 (1626768)

ตอนนี้ถึงยุคพระศรีอาริย์แล้ว

ถ้าพวกตัวป่วนพวกนี้ได้อ่านธรรมทาน

จาก อ.อุบลแล้ว

ยังไม่สำนึก ไม่รู้ตัว

ว่าความทุกข์ที่ตัวเองกำลังได้รับอยู่นี้

มีสาเหตุมาจาก ทำตัวเองทั้งนั้น

*----------------*

การกระทำของ ตัวป่วน

ก็ทำให้คิดถึงว่า

ทำไมโลกใบนี้

ถึงได้มี

สัตว์เดรัญฉานเยอะจัง

เป็นเพราะการกระทำ

ที่พวกเค้าเลือกเอง...ที่จะเป็น

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 21:26:22


ความคิดเห็นที่ 230 (1626831)

อันนี้ไม่ได้พูดเอง

ให้ดูได้ มีคนโพสต์ไว้แล้ว

ว่า

หลังจากใช้กรรม

ในมหานรกแล้ว สิ่งสูงสุดที่คนพวกนี้

จะได้รับ หรือ ภพภูมิสูงสุด

ที่จะได้ไปเกิดชั่วนิรันดร์

คือ

เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไม่มีขา

พวกใส้เดือน หนอน งู เป็นต้น

..........................................

คนเหล่านี้

ในชาตินี้อุตส่าห์โชคดีได้เกิดมาเป็นคน

มีอวัยวะครบทุกส่วน

 

แต่กลับ"จิตบอด" ไร้สามัญสำนึกที่ดี

จึงสิ้นคิด และเปลี่ยนสถานะจาก

"คน"

มาเป็น

"หนูทดลอง"

ให้ชาวโลกได้เรียนรู้ธรรมกันอย่างชัดๆแจ้ง

ว่าคนที่ชอบรังแกตัวเอง นั้น

"มีพฤติกรรมและความคิดเยี่ยงนี้นี่เอง"

 

และผลที่จะได้รับ

ทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆไป

ท่านอาจารย์ก็เมตตาบอก

อย่างละเอียดแล้ว...เนอะ


ฉะนั้น ชีวิตคุณ คุณเลือกได้เอง....

...........................

ได้อ่านคำบอกเล่าจากคุณ กระรอกแล้ว

ต้องขอยกนิ้วให้จริงๆค่ะ

 

เพราะเธอช่างเก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆ

แล้วก็เป็นรายละเอียดที่สำคัญทั้งนั้น

 

เพราะทุกคนที่เธอได้สัมภาษณ์มาด้วยตัวเอง

ล้วนพูดเป็นเสียงกันว่า"หาย จริงๆ" คอนเฟิร์ม

 

ฉะนั้น ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

ก็แล้วแต่จะคิด

แต่ที่แน่ๆ

นักวิจัยมือสมัครเล่น ที่ชื่อ "กระรอก"นั้น

เชื่อหมดใจแล้ว...แน่ๆ อิอิ 

.................................

กราบอนุโมทนาในทุกๆธรรมทาน

จากท่านอาจารย์

และทุกๆความเห็นจากทุกๆท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-29 06:56:48


ความคิดเห็นที่ 231 (1626843)

เรียนหนังสือ

ก็ไม่ตั้งใจเรียน ทำงานก็ไม่ตั้งใจทำ

เอาเวลา ไปเป็นผู้เสียสละ

ไปทัวร์นรก โชว์ชาวโลก

 

ถ้าไม่สงสารพ่อแม่

ก็น่าจะสงสาร ตัวเองกันมั่ง

รูปภาพ : โรงเรียนของเราน่าอยู่ <3

ทำไม

ไม่รวมตัวกัน ทำอะไรดีๆ

ให้เป็นเกียรติ เป็นศรี แกตระกูล

แก่สถาบันการศึกษาบ้าง

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

การกระทำที่คิดว่า เท่

คิดว่าเก่ง ฉลาดแล้ว

โธ่...น่าฉงฉาน สิ้นดี

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-29 08:26:33


ความคิดเห็นที่ 232 (1626867)

 "อ. อุบลช่วยด้วย"

ขอให้สัตว์โลกผู้น่าสงสาร ผู้มีจิตใจมืดบอด

ที่ถูกกรรมปิดตาเอาไว้

ได้มองเห็นพระธรรมอันล้ำเลิศ ของพระพุทธเจ้าด้วยเถิด

ไม่ใช่ปล่อยให้กรรมชั่ว นำไปสู่นรกขุมลึกลงเรื่่่อย ๆ

พูดได้คำเดียวว่าน่าสงสาร

ซึ่งถ้าใครได้ศึกษาธรรมะ จากบ้านสวน

จะรู้ว่าความอิ่มใจ เป็นอย่างไร

เพราะธรรมะที่ได้รับนั้นพิสูจน์ได้

มีตัวอย่างประกอบ ถูกใจวัยโจ๋

นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกอย่าง

ถ้าเราคิดน้อมนำเอาไปใช้

ผู้ที่มีใจอันไม่มืดบอด ก็จะเจอแต่คำว่า

สุขใจ สุขใจ สุขใจ เจ้าค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เยาวลักษณ์ เกิดมีทรัพย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-29 10:19:53


ความคิดเห็นที่ 233 (1627017)

ถึงท่านที่ยังไม่เชื่อ

เราปราถนาดี ที่จะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน

ถึงขนาดลงทุนเอาชีวิตเข้าแรก

ผลแห่งความทุกข์ที่ได้รับ

เมื่อเบื่อหรือใกล้จะหมดลมหายใจสุดท้าย

ก่อนตายอย่าลืมว่า

มีพระพุทธเจ้าและสาวกของพระองค์

อาจารย์ อุบล

สามารถช่วยท่านออกจากทุกข์ที่เป็นอยู่ได้

เมื่อก่อนเราก็เคยเป็นแบบท่าน

มันทุกข์มาหลายภพหลายชาติ

จะพ้นจากกองทุกข์เหล่านี้ได้

มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น

สงสารท่านเหลือเกิน

อย่าลืมก่อนตาย

เปิดจิตรับ

มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ช่วยได้

อย่าเหยียบย้ำชีวิต

ให้มันต่ำไปกว่านี้อีกเลย

--------------

กราบอนุโมทนาบุญ

กับท่านอาจารย์

อุบล

และลูกๆ บ้านสวนทุกท่านครับ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-29 20:54:50


ความคิดเห็นที่ 234 (1627053)

 เรียนหนังสือ

ก็ไม่ตั้งใจเรียน ทำงานก็ไม่ตั้งใจทำ

เอาเวลา ไปเป็นผู้เสียสละ

ไปทัวร์นรก โชว์ชาวโลก

 

ถ้าไม่สงสารพ่อแม่

ก็น่าจะสงสาร ตัวเองกันมั่ง

 

คิด ก็คิดไม่ได้ คิดไม่เป็น

ว่า

ได้อะไร กับสิ่งที่ทำอยู่

+++++++++++++++++++++

จริงที่สุดเลยครับ อาจารย์

ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่ ทำไปแล้วได้อะไร

จะเอาแต่ความสะใจอย่างเดียว

จะเอาแต่คะนอง ไม่คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น

คิดแล้วก็สงสารพวกเขานะครับ

แต่ในเมื่อพวกเขาทำตัวเอง 

เราก็คงทำได้แค่สงสารอย่างเดียว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-29 23:41:56


ความคิดเห็นที่ 235 (1627054)

นรก

ไม่ได้ตกตอนตาย

มันตกตั้งแต่ยังมีลมหายใจอยู่

พอหมดลมหายใจ ก็ดำดิ่งสู่ขุมที่ชอบเลย

 

ทำให้คิดถึงยายเตี้ย

ที่เจอไฟนรก ร้อนแผ่นหลัง

ตลอดเวลามา 3 ปีกว่าแล้ว ยังไม่หาย

จนบัดนี้ ยายเตี้ย ก็ยังร้อนแผ่นหลังอยู่

 

จะดีขึ้นบ้าง

ก็ตอนมาใกล้ อ.อุบล เท่านั้น

แล้วก็กลับไปร้อนอีก

 

นี่คือสัญญาณ

ไฟนรก

ที่ได้รับเมตตา

นำมาอภินันทนาการ ถึงที่

ให้มีไฟ(นรก)เป็นของตัวเอง

 

วิธีสังเกตุ

สัญญาณว่าต้องไปนรก

ก็ให้ดูอาการ

รุ่มร้อน และ เร่าร้อน

รู้สึกร้อน

ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แล้วเทียบกับ

คนอื่นดู จะรู้ดี ว่านี่

เราเจอไฟนรกเข้าให้แล้วหรือไร

 

เช่น

อยู่ห้องแอร์ อุณหภูมิต่ำ

คนอื่นหนาว เย็นฉ่ำ

แต่ตนเองร้อน

อันนี้ชัวร์

ป๊าป

เลยแหละ ภูมิใจได้เลย

ว่าเรา มีไฟนรก เป็นของตัวเองแล้ว

ยังไง ก็ได้ไปทัวร์นรกแน่นอน

 

แล้วนรกนี่นะ ขอบอก

สำหรับคนที่ กลัวตาย ควรไป

เพราะ เป็นสถานที่ ที่ไม่มีวันตาย

เพราะ

ไม่ว่าจะถูกลงทัณฑ์ยังไง

เดี๋ยวก็ฟื้นขึ้นมาใหม่

เป็นอย่างนี้ร่ำไป

นี่ไง ที่ว่า ไม่ตาย

 

ดังนั้น

ถ้าไม่ชอบความตาย

ก็ทำเข้าไปนะความชั่ว

 

หาเล่นของสูงๆเข้าไว้

จะได้อยู่นานๆ เจอโลกันต์เย็นๆ

อีกรสชาดหนึ่ง

 

เจออเวจี มหานรก มันร้อน

ก็ไปพักผ่อน ห้องแอร์ ที่โลกัตต์ได้

ไม่ต้องพบปะ เจอะเจอใคร

ไม่ต้องกลัวตำรวจจับ

เป็นที่ ที่เหมาะสำหรับ

คนที่ชอบแทงข้างหลัง ลอบกัดคนอื่น

ไม่ชอบเปิดเผยหน้าตา

ต้องไปหาโลกันต์

 

เพราะที่นั่น จะมืดสนิท

ไม่ต้องกลัวใครเห็น ไม่ต้องกลัวใคร

จะจำหน้าได้ ไม่ต้องกลัว

ตำรวจจับ ไม่ต้องกลัว ไปศาล

ไม่ต้องกลัวติดคุก

 

ที่โลกันต์

จะมีอิสระ ในการปีนป่าย

ห้อยโหน โยนตัว ไปตาม แง่หินผา

 

เมื่อโหยหิว ก็จะปีนป่าย

ไขว่คว้า หาอาหาร สำราญใจ

เมื่อมืดมิด ไม่เห็นอะไร

ใจ

ก็จะคิดว่า

ชะรอยที่แห่งนี้

จะมีแต่ ตู เพียงผู้เดียวกระมัง

ดีจัง ไม่ต้องกลัว ใครจำได้ จับได้

เราเป็นคนขี้อาย ชอบปิดบังซ่อนหน้า

เราก็ต้องมาอยู่ที่ชอบ คือ โลกันต์

นี่แหละ เป็นที่อยู่อันควร

 

แล้วแถมยัง

ไม่มีใครมาตามหา มาตามจับ

เป็นที่ปลอดภัยแน่นอน

 

เวลาหิว

ก็ไม่ต้องเสียตังส์ซื้ออาหาร

ใช้การปีนป่าย ตะเกียกตะกาย

ร่อนเร่ไป บนผาแง่หิน

พอไขว่คว้าไปเจอ สิ่งที่เคลื่อนไหว

ก็คิดได้ว่า นี่เจอแล้ว ของกิน

 

อ้าว

แล้วทำไมของกิน

มันดิ้น มันหิว เหมือนเราเลย

เราจะกินมัน แต่มัน ก็ดันจะกินเรา

อย่างนี้ต้องเจอความเก๋า

ของเราซะหน่อย

 

ว่าแล้ว

ก็ต้อง แสดงบท ที่ชอบ

สมัยยังเป็นคน คือ ต้องก่นด่า

งัดกลเม็ด เด็ด เด็ด ออกมาแข่งกัน

ซักหน่อย อ้าว ทำไม มันไม่ถอย

ให้เราเลยสักก้าวเดียว

 

ว่าแล้ว

ก็ต้อง วางมวย ตะลุมบอน

เพื่อจะได้อาหาร เป็นชัยชนะ

สู้กันไป สู้กันมา ดันเผลอปล่อยมือ

จากแง่หินผา ทำให้ต้องหล่นลงมา

ยังทะเลน้ำกรด อันแสนเย็นฉ่ำอุรา

 

แหวกว่ายต่อสู้กันต่อ

ในทะเทน้ำกรด แสนเพลิดเพลิน

สู้กันจนเนื้อตัวเปื่อย

ไม่เหลือแม้แต่กระดูก

เหลือแค่ก้อนเท่าอุจระล่องลอย

อยู่ในทะเลน้ำกรดอันเย็นชื่นใจ

แล้วไม่ทันไร ก้อนอุจาระนั้น

ก็พลันกลายเป็นร่างกายอันผ่ายผอม

คืนชีพขึ้นมาใหม่

 

แล้วก็รีบปีนป่าย

ตะเกียก ตะกาย ขึ้นไปที่เดิม

 

ทำวนเวียนอยู่อย่างนี้

แสนยาวนาน หลายอนัตรกัปป์

 

แถมมืดมิด

ไม่มีแสงสว่างเลย แม้แต่น้อยนิด

ต่อเมื่อมีพระพุทธเจ้า

เสด็จอุบัติขึ้นมา 1 พระองค์

จึงจะมีแสงเหมือนฟ้าแลบแปลบปลาบ

วาบเข้าไป เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

 

แล้วก็ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป

ยาวนาน เป็นบ้านที่เย็นชื่นใจ

 

สำหรับคนที่มีอาการ

ร้อน

ตอนมีชีวิตขณะนี้

ถ้าจะให้ดีหนีมหานรก 8 ขุม

ไปอยู่โลกันต์ จะเย็นกว่า นะจ๊ะ

 

สัญญาณร้อน

คือ มหานรก ทั้ง 8 ขุม

 

สัญญาณหนาว

คือ โลกันต์ จำไว้นะจ๊ะ

จะได้เลือก ที่ชอบ ได้ถูกจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-29 23:46:02


ความคิดเห็นที่ 236 (1627099)

 คนที่จะลงโลกันต์ได้

นี่คงจะยากจะสงเคราะห์แล้วจริง ๆ

คงเป็นบัวเหล่าที่ 4

ที่แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย

เพราะว่าจิตสำนึกแม้จะอยู่ในโลกันต์

ก็ยังแสดงความเก๋า แย่งชิง ตบตีกัน วางมวยกัน

แสดงให้เห็นว่าข้าแน่ เหมือนเก่าก่อนที่เคยเป็นมา

แล้วอย่างนี้ต้องอยู่ไปอีกกี่กัปป์ กี่กัลล์

มีพระพุทธเจ้าผ่านไปแล้วกี่พระองค์

จึงจะยอมจำนนต่อกรรมชั่วที่ได้เคยกระทำ

บุคคลใดที่เข้าข่ายจะลงโลกันต์ 

อย่าทำตัวเสียชาติเกิด ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์

แต่ไม่ยอมทำความดี สะสมบุญ

เพื่อให้ได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่าเดิม 

หรือว่าไปในที่ ๆ ที่ดีที่สุด คือ

นิพพาน

แต่กลับรนหาที่  หาทางกลับไปลงนรก

ซึ่ง 1 ใน 8 ขุมที่เคยชิมเคยลองมาคงจะน้อยไป

จึงอยากลองลงโลกันต์ดูบ้าง

เกิดมามีบุญแค่ไหน

ที่มีโอกาสได้พบพระอริยะเจ้า

ผู้มีบุญทั้งหลาย

จงสร้างบุญร่วมกับท่านเถิด

เพื่อให้บุญเหล่านี้ เป็นแสงนำทางท่านไปในทางที่ดี

 



 

ผู้แสดงความคิดเห็น เยาวลักษณ์ เกิดมีทรัพย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-30 12:09:02


ความคิดเห็นที่ 237 (1627560)

 

คาถา

บูชาพระศรีอาริย์

------------------

เมตตานะ

ศรีอาริยะเมตโต

พุทธานะมะ 

สันติเกโล อนาคามิ

สาธุ สาธุ สาธุ

------------

ให้ท่องดูนะ

แล้วพยายามท่องให้จำได้

ก่อนวันบวงสรวงนะจ๊ะ

แล้วจะพบอะไรดีๆ

นะจะบอกให้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-03 09:36:00


ความคิดเห็นที่ 238 (1629985)

กราบขอบพระคุณธรรมทานของท่านอาจารย์ เกี่ยวกับการใช้จี้จะจำไว้เตือนสติตัวเองว่าเราต้องช่วยให้เค้าพ้นทุกข์และสำนึกในบาปกรรมและจะไม่หวังในลาภสักการะแต่อย่างใด  ท่านอาจารย์ห่วงใยศิษย์นักหนาพยายามคอยเตือนสติตลอดเวลา  เพราะกลัวจะได้รับความทุกข์  ทรมาน จากการหลงผิดเพราะความที่ขาดสติยั้งคิด และกิเลสของทุกคนยังมีอยู่

กราบขอบพระคุณมากค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น กุหลาบ รักสนิท ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-19 05:36:03


ความคิดเห็นที่ 239 (1635703)

ขอบคุณคุณเกียรติศักดิ์ค่ะ 

(พอดีใช้ไอแพด เดี๋ยวจะรีบแก้ไขขนาดเมื่อได้ใช้คอมค่ะ)
 
ขอขอบพระคุณอาจารย์อุบล ครอบครัวศุภาเดชาภรณ์
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน โดยเฉพาะ ดร.จุ๋ม
และทีมงานบ้านสวน ที่ทำให้เกิดธรรมสัญจรครั้งนี้
ส้มได้มีโอกาสไปบ้านสวนมาสองครั้ง
และได้ไปร่วมกิจกรรมนอกสถานที่ ที่นี่เป็นครั้งแรก
แต่ในครั้งนี้ไม่ได้บำบัดอะไร ไปฟังอย่างเดียว
เพราะส่วนมากเป็นการปวดที่เห็นได้ชัดเจน
เช่นปวดตามที่ต่างๆ
แต่ตัวเองมีปัญหาฮอร์โมนผิดปกติ
เป็นผู้หญิงแต่ร่างกายอยากเป็นผู้ชาย
แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ทำให้เป็นหญิงไม่มีประจำเดือน ขนหน้าแข้งดกดำเงางาม
ต้องทานฮอร์โมน
ที่แย่กว่านั้น กลายเป็นเบาหวานอีกต่างหาก
ก่อนไปฟังก็ยอมรับว่า ก็ไม่ได้เคารพอาจารย์เต็มร้อย
ประมาณว่า โอเค สอนสอดคล้องตามพระธรรมคำสอน
เห็นว่าพออาจารย์แตะที่ก้อนเนื้อที่หัวไหล่ของลูกน้องคุณแม่แล้วมันยุบลง
แต่มันขัดๆ อยู่ในใจยังไงไม่รู้ ก็อยากไปดูเคสอื่นๆอีก
พอเข้าฟังอาจารย์พูด แล้วมีนักวิจัยสาวคนนึงมากล่าวประมาณว่า
การฆ่าสัตว์ทดลองไม่บาป ไม่รู้สึกผิดที่ฆ่าพวกเค้า
แต่อาจารย์ก็พยายามอธิบายด้วยทั้งพูดและแสดงให้เห็น
มันทำให้รู้สึกละอายมาก
ที่ไปคิดสงสัยอาจารย์ตอนแรก
อาจารย์เสียสละตัวเอง ละอัตตา ไม่กลัวใครว่างมงาย
เดินหน้าอย่างภาคภูมิที่จะแสดงความจริง แสดงธรรมะของพระพุทธองค์
เพื่อช่วยเหล่าเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายที่ยังโง่เขลาอยู่
ส่วนตัวเองเล่ามีดีอะไรที่ไปคิดสงสัยเค้า
ยังสงสัยว่าทำไมต้องขอบคุณอาจารย์มงคลและคุณท๊อป 
สองคนนี้ไม่เห็นเกี่ยวอะไร
เรานี้ช่างโง่แท้จริงๆ
คนในครอบครัวที่ยอมสละเวลา ยอมเสียความเป็นส่วนตัว
เสียสละเวลาของภรรยาและแม่ให้คนอื่นๆ
หากไม่มีจิตใจที่เมตตา กำลังใจที่เข้มแข็งแล้วไซร้
ไหนเลยจะยอม
สมควรเคารพและกล่าวขอบคุญอย่างยิ่ง
ต้องขอขมาท่านทั้งสามคน ณ ที่นี่ นะคะ
เนื่องจากวันนี้มีจุดประสงค์มาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอาจารย์อุบล
จึงขอข้ามรายละเอียดในงานต่างๆ
เมื่อเสร็จงาน ส้มได้มีโอกาสกราบอาจารย์อุบล
จากนั้นได้สังเกตว่าตนเองมีประจำเดือน
โดยไม่ต้องกินฮอร์โมนมา 2 เดือนแล้ว
ตอนแรกกะจะให้ครบสามเดือนก่อน
แต่กลัวว่าจะรอเก้อเพราะเป็นคนอกตัญญูไม่มาเขียนธรรมทาน
ซึ่งตามปกติแล้วประจำเดือนจะมาหลังจากหยุดยาเพียงเดือนเดียว
หรือหากน้ำหนักลดก็มีสิทธิ์ที่จะมาได้
แต่นี่น้ำหนักขึ้นมาเกือบ 10 โล 
เป็นไปได้ยากมากที่จะมาถึง 2 เดือนโดนไม่กินยา
แต่จริงๆแล้วจำไม่ได้ว่าไม่ได้กินยาตั้งแต่เมื่อไร แล้วเดือนก่อนๆ มีรึป่าว
จำได้แค่ว่า เดือนกคไม่ได้ทานยา แต่จำไม่ได้ว่ามีประจำเดือนรึเปล่า
เพราะก่อนหน้านั้น ที่ไปบ้านสวนครั้งที่ 2
อาจารย์อุบลก็แตะตัวแล้วพูดว่าหายนะลูกหายนะลูก
แต่หลังจากนั้นไม่ได้สังเกตตัวเอง
อย่างไรก็ตามรู้แต่ว่าหลังจากครั้งที่กราบอาจารย์อุบล
ทำให้โรคที่เป็นส่งสัญญาณดีขึ้น
ลูกขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์
มี พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม
พระอริยเจ้าทุกๆพระองค์ พระศรีอาริย์ เป็นต้น 
อาจารย์อุบล และครอบครัว ค่ะ
กราบ กราบ กราบ
 
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญมณี สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-21 19:00:52


ความคิดเห็นที่ 240 (1635707)

พอดีใช้ไอแพด เดี๋ยวจะรีบแก้ไขขนาดเมื่อได้ใช้คอมค่ะ
 
ขอขอบพระคุณอาจารย์อุบล ครอบครัวศุภาเดชาภรณ์
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน โดยเฉพาะ ดร.จุ๋ม
และทีมงานบ้านสวน ที่ทำให้เกิดธรรมสัญจรครั้งนี้
ส้มได้มีโอกาสไปบ้านสวนมาสองครั้ง
และได้ไปร่วมกิจกรรมนอกสถานที่ ที่นี่เป็นครั้งแรก
แต่ในครั้งนี้ไม่ได้บำบัดอะไร ไปฟังอย่างเดียว
เพราะส่วนมากเป็นการปวดที่เห็นได้ชัดเจน
เช่นปวดตามที่ต่างๆ
แต่ตัวเองมีปัญหาฮอร์โมนผิดปกติ
เป็นผู้หญิงแต่ร่างกายอยากเป็นผู้ชาย
แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ทำให้เป็นหญิงไม่มีประจำเดือน ขนหน้าแข้งดกดำเงางาม
ต้องทานฮอร์โมน
ที่แย่กว่านั้น กลายเป็นเบาหวานอีกต่างหาก
ก่อนไปฟังก็ยอมรับว่า ก็ไม่ได้เคารพอาจารย์เต็มร้อย
ประมาณว่า โอเค สอนสอดคล้องตามพระธรรมคำสอน
เห็นว่าพออาจารย์แตะที่ก้อนเนื้อที่หัวไหล่ของลูกน้องคุณแม่แล้วมันยุบลง
แต่มันขัดๆ อยู่ในใจยังไงไม่รู้ ก็อยากไปดูเคสอื่นๆอีก
พอเข้าฟังอาจารย์พูด แล้วมีนักวิจัยสาวคนนึงมากล่าวประมาณว่า
การฆ่าสัตว์ทดลองไม่บาป ไม่รู้สึกผิดที่ฆ่าพวกเค้า
แต่อาจารย์ก็พยายามอธิบายด้วยทั้งพูดและแสดงให้เห็น
มันทำให้รู้สึกละอายมาก
ที่ไปคิดสงสัยอาจารย์ตอนแรก
อาจารย์เสียสละตัวเอง ละอัตตา ไม่กลัวใครว่างมงาย
เดินหน้าอย่างภาคภูมิที่จะแสดงความจริง แสดงธรรมะของพระพุทธองค์
เพื่อช่วยเหล่าเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายที่ยังโง่เขลาอยู่
ส่วนตัวเองเล่ามีดีอะไรที่ไปคิดสงสัยเค้า
ยังสงสัยว่าทำไมต้องขอบคุณอาจารย์มงคลและคุณท๊อป
สองคนนี้ไม่เห็นเกี่ยวอะไร
เรานี้ช่างโง่แท้จริงๆ
คนในครอบครัวที่ยอมสละเวลา ยอมเสียความเป็นส่วนตัว
เสียสละเวลาของภรรยาและแม่ให้คนอื่นๆ
หากไม่มีจิตใจที่เมตตา กำลังใจที่เข้มแข็งแล้วไซร้
ไหนเลยจะยอม
สมควรเคารพและกล่าวขอบคุญอย่างยิ่ง
ต้องขอขมาท่านทั้งสามคน ณ ที่นี่ นะคะ
เนื่องจากวันนี้มีจุดประสงค์มาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอาจารย์อุบล
จึงขอข้ามรายละเอียดในงานต่างๆ
เมื่อเสร็จงาน ส้มได้มีโอกาสกราบอาจารย์อุบล
จากนั้นได้สังเกตว่าตนเองมีประจำเดือน
โดยไม่ต้องกินฮอร์โมนมา 2 เดือนแล้ว
ตอนแรกกะจะให้ครบสามเดือนก่อน
แต่กลัวว่าจะรอเก้อเพราะเป็นคนอกตัญญูไม่มาเขียนธรรมทาน
ซึ่งตามปกติแล้วประจำเดือนจะมาหลังจากหยุดยาเพียงเดือนเดียว
หรือหากน้ำหนักลดก็มีสิทธิ์ที่จะมาได้
แต่นี่น้ำหนักขึ้นมาเกือบ 10 โล
เป็นไปได้ยากมากที่จะมาถึง 2 เดือนโดนไม่กินยา
แต่จริงๆแล้วจำไม่ได้ว่าไม่ได้กินยาตั้งแต่เมื่อไร แล้วเดือนก่อนๆ มีรึป่าว
จำได้แค่ว่า เดือนกคไม่ได้ทานยา แต่จำไม่ได้ว่ามีประจำเดือนรึเปล่า
เพราะก่อนหน้านั้น ที่ไปบ้านสวนครั้งที่ 2
อาจารย์อุบลก็แตะตัวแล้วพูดว่าหายนะลูกหายนะลูก
แต่หลังจากนั้นไม่ได้สังเกตตัวเอง
อย่างไรก็ตามรู้แต่ว่าหลังจากครั้งที่กราบอาจารย์อุบล
ทำให้โรคที่เป็นส่งสัญญาณดีขึ้น
ลูกขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์
มี พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม
พระอริยเจ้าทุกๆพระองค์ พระศรีอาริย์ เป็นต้น
อาจารย์อุบล และครอบครัว ค่ะ
กราบ กราบ กราบ
 
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญมณี สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-21 19:00:52

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-21 19:43:48


ความคิดเห็นที่ 241 (1635709)

อาจารย์อุบลก็แตะตัวแล้วพูดว่าหายนะลูกหายนะลูก

-----------

เป็นคำพูดที่เปี่ยมไปด้วย

ความรักความเมตตา

ผมเองก็ระอายตัวเองจริงๆ

มีจี้แต่ยังไม่ได้ทำหน้าที่

ได้แต่บอกให้รักษาศีล5

บอกจะไปนิพพาน

แต่ดันมามัวอาย

กลัวคนเค้าว่า

งมงาย

จะพยายามต่อไป

ถ้าชาตินี้ละตัวตนไม่ได้

ก็ไม่ขอหวังสูงอีกต่อไป

เรามันแย่จริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-21 19:58:24


ความคิดเห็นที่ 242 (1636373)

 จากที่เล่าไปด้านบน เมื่อ 3 วันก่อน

วันนี้ประจำเดือนมาวันแรก ของ เดือนที่ 3 ที่ไม่ได้ทานฮอร์โมนค่ะ  

ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆ พระองค์

และ ท่านอาจารย์อุบล

 กราบ กราบ กราบ 

ขอขอบคุณครอบครัวศุภาเดชาภรณ์

และ ลูกบ้านสวนทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญมณี สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-24 20:30:14



<< ก่อนหน้า 1 2 [3]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.