สวัสดีครับ ผมเพิ่งกลับจากการเข้าร่วมงาน
น้อมเกล้าถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชมน์พรรษา
5 ธันวาคม 2555 ครั้งที่ 1 ของบ้านสวนพีระมิด
การจัดงานครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย
แต่น่าประทับใจมาก โดยเปิดตัวด้วยการแสดง
ที่มีนักแสดงเพียง 7 คน เรื่องโดยย่อก็คือ
ที่หมู่บ้านเนินสาวเอ้ มีการจัดงาน 5 ธ.ค.55 มหาราช
ผู้ใหญ่บ้านยายแหลน (คุณแหลน)และสามี(พี่อมร)
ได้ให้ลูกบ้านมาเล่าถึง ความสุขที่ตนได้รับ
จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เปิดตัวที่ตาชัย (คุณพิชัย)
ที่ออกมาเล่าเรื่องที่เคยส่งจดหมายเพื่อขอ
พระราชทานเงินทุนเพื่อปรับปรุงไร่จากในหลวง
ซึ่งพระองค์ก็ทรงให้ความช่วยเหลือ ส่งคนมาดูแล
และให้คำปรึกษา พร้อมทั้งพระราชทานเงินให้
ซึ่งทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นจนทุกวันนี้
คุณพิชัยเล่นได้ถึงบทมาก
ถึงขนาดร้องไห้เมื่อกล่าวถึงพระองค์ท่าน
เล่นเอาทุกคนช็อคจนตาค้างไปตาม ๆ กัน
ต้องขอปรบมือให้ เพราะชีวิตจริงก็ซาบซื้งในพระมหากรุณาธิคุณมาโดยตลอด จึงไม่อาจกลั้นน้ำตาได้
เมื่อต้องมากล่าวถึงคุณความดีของพระองค์ท่าน
ต่อด้วยยายติ๋ม (ป้าติ๋ม)
ที่มีเรื่องราวตรงข้ามกับตาชัยเป็นอย่างมาก
ยายติ๋มเห็นตาชัยได้เงินจากในหลวง
ก็เขียนจดหมายไปขอพระราชทานเงินบ้าง
แต่เพื่อไปออกเงินกู้ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้รับเงินแล้ว
พระองค์ยังทรงตำหนิด้วย และให้เปลี่ยนอาชีพ
เพราะเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
จากนั้นก็มาถึงน้องลีปอ (น้องปอ)
เจ้าของไร่สตรอเบอร์รี่ที่อร่อยที่สุดในโลก
ที่ออกมาเล่าว่า ถ้าไม่ได้พ่อหลวงและแม่ฟ้าหลวง
ทรงให้ที่ดินทำกิน ให้ความรู้ พันธุ์พืช
และช่วยในเรื่องการตลาดให้ คงต้องเร่ร่อนทำไร่เลื่อนลอย
ทำไร่ฝิ่นที่ผิดกฎหมาย ไม่ได้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง
และมีชีวิตที่มีความสุขกับครอบครัวอย่างทุกวันนี้
น้องปอก็เล่นได้น่ารักมาก
พูดภาษาชาวเขาได้เหมือนจริงมาก
ทั้งที่ความจริงบ้านน้องปออยู่ถึงพังงาโน่นแน่ะ
จากนั้นก็มาถึงคิวของแม่ริน (น้องลิน)
ที่ออกมากล่าวถึงพระราชดำรัสเรื่องความพอเพียง
ได้อย่างชัดเจนและน่ารักตามสไตล์ของน้องรินว่า
ความพอเพียง คือ การอยู่อย่างประเพียงพอ
คือ ประหยัด ไม่โลภ มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้มาก
ซึ่งจะมีมากมีน้อยยังไงก็ได้ ขอเพียงไม่เบียดเบียนคนอื่น
นักแสดงทุกคนเล่นได้ดีมาก ทั้งที่เพิ่งได้รับบทก่อนหน้า
เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น โดยเฉพาะคุณแหลนและพี่อมรที่เล่นเข้าคู่กันเหมือนเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ
และเป็นตัวละครที่เป็นตัวเดินเรื่องทั้งหมด
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ น้องตุ้ย
ที่แสดงเป็นผู้เชี่ยวชาญการแสดงภาษาใบ้จากอียิปต์
ที่มาแสดงภาษามือแปลคำพูดของทุกคน
ให้แก่ผู้ชมทางบ้านที่พิการเป็นใบ้
ซึ่งน้องตุ้ยทำท่าทางได้พลิ้ว
และหน้าตาเฉยมากมาก
อย่างไม่น่าเชื่อว่าหุ่นแบบนี้ จะทำไปได้
ไม่รู้ว่าหากมีการพูดซ้ำ จะทำท่าเดิมได้อีกหรือเปล่า
ละครเรื่องนี้ จบด้วยผู้ใหญ่แหลนเล่าถึงคำพ่อสอน
เกี่ยวกับความสามัคคีของคนไทย
หากคนไทยทุกคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
รู้จักหน้าที่ของตน และรู้รักสามัคคี บ้านเมืองของเราก็จะไม่วุ่นวายและมีปัญหาเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ครับ
จากนั้นก็ร่วมกันยืนตรงเคารพในหลวง
ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างพร้อมเพรียง
ด้วยความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านครับ
ไฮไลต์ของงานในค่ำคืนที่ผ่านมา อยู่ที่
1. ในหลวงของเราทรงเสด็จมาร่วมงาน มาชมละคร
ด้วยอาทิสมานกายของพระองค์เอง
2. การกล่าวคำขอขมาและการจุดเทียนชัยถวายพระพร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยท่านอาจารย์อุบลกล่าวนำ
และขอปฏิญาณตนเป็นข้ารองบาทพระองค์ทุกชาติไป
3. การกราบท่านอาจารย์มงคลและขอรับคำสอนจาก
ท่าอาจารย์มงคล เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ
ซึ่งท่านเปรียบเสมือนพ่อของลูกบ้านสวนทุกคน
รวมทั้งการสัมภาษณ์ท่านอาจารย์อุบลและคุณท็อป
5. ท่านอาจารย์อุบลได้บอกพวกเราทุกคนว่า
ท่านอาจารย์มงคลคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
ของบ้านสวนพีระมิดทั้งหมด หากไม่มีท่านอาจารย์มงคล
และคุณท็อปที่คอยช่วยเหลือ บ้านสวนพีระมิดก็จะไม่เป็น
เช่นทุกวันนี้ครับ ซึ่งผมคิดว่าลูกบ้านสวนฯทุกคนคงเห็นด้วย
เป็นอย่างยิ่งในเรื่องนี้เช่นกันครับ
6. สิ่งที่ผมประทับใจมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ
ท่านอาจารย์มงคลและคุณท็อป ไม่เคยคิดว่าชีวิตของท่าน
จะไม่มีความสุข และขาดความเป็นส่วนตัวแต่อย่างใด
ตรงข้ามกลับมีความสุขมากขึ้น จากการเป็นผู้ให้
และหากเป็นความสุขของท่านอาจารย์อุบลแล้ว
ท่านอาจารย์มงคลและคุณท็อปก็มีความสุขไปด้วยครับ
วันนี้ผมขอเล่าเพียงเท่านี้
ผมขอพระบารมีแห่งสมเด็จพระศรีอาริย์
อาราธนาโดยท่านอาจารย์อุบลนำบุญมาฝากทุกคน
และอนุโมทนาบุญกับพี่เจี๊ยบด้วยครับ
|