ReadyPlanet.com


ขอสารภาพบาป ประกาศความชั่วของตัวเองค่ะ


ลูกขอน้อมกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านท้าวเวสสุวรรณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลจักรวาล ท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ค่ะ

ลูกได้เคยไปบ้านสวนฯ มาแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-2 ได้ไปร่วมงานบวงสรวงสมเด็จองค์พระปฐมบรมธรรมบิดาค่ะ 2 ครั้งนั้น คิดแต่จะไปทำบุญด้วยปัจจัยและแรงกายเฉยๆค่ะ ไม่ได้คิดถึงเรื่องสารภาพบาป และครั้งที่ 3 ได้ไปร่วมงานอุทิศส่วนกุศล สำหรับผู้ที่เคยทำแท้ง มีส่วนร่วมในการทำแท้ง ช่วงวันที่่ 7-8 เมษายน ก่อนไปได้มานั่งทบทวนตัวเองหลายอย่าง และก็มีความคิดว่าอยากจะไปสารภาพบาปกับท่านอาจารย์อุบล เพราะรู้สึกไม่สบายใจถ้าตัวเองไม่ได้สารภาพบาปที่เคยทำมามันอึดอัดอยู่ในใจ ไม่มีความสุข มันมีความรู้สึกเหมือนเรากำลังสร้างภาพว่าเราเป็นคนดี ไม่มีความจริงใจในการเข้ามาทำบุญในบ้านสวนฯ แต่แล้วงานนี้ก็ยังหาโอกาสสารภาพบาปไม่ได้ ก็เลยอยากจะขอมาสารภาพบาปผ่านทางเว็ปไซด์นี้เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

ขอเริ่มจากการผิดศีล 5 ครบทุกข้อเลยค่ะ

ข้อที่ 1  ห้ามฆ่าสัตว์  เคยฆ่าสัตว์หลายชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาดาวปลาไหล ทาก ไส้เดือน หนู เขียด มด ยุง แมลงสาบ แมลงวัน แมลงหวี่ ปลวก มอด สุนัข แมลงป่อง ตะเข็บ ตะขาบ กิ้งกือ แมลงปอ แมลงกวาง เห็บหมัด เหา ไร งู และอื่นๆที่จำไม่ได้อีกค่ะ มีทุบหัวปลา 5 ตัว ไม่แน่ใจว่าเป็นปลาดุกหรือปลาช่อนค่ะ ฆ่าปลาเล็กปลาน้อย จับปูนาเผาไฟทั้งเป็น ขับรถชนสุนัขตายโดยไม่ได้ตั้งใจ ใช้กาวดักแมลงวันโดยที่พอแมลงวันติดเต็มไม้ ก็จะใช้ถุงสวมครอบ ทั้งไม้ ทั้งแมลงวัน ในขณะที่มันยังไม่ตาย มัดปากถุงและนำไปทิ้งทั้งขยะ ฆ่ามันทั้งเป็นเลยค่ะ เคยนำแมวที่แฟนเก็บมาให้เลี้ยงตั้งแต่เล็กพร้อมลูกของมันอีก 5 ตัว นำใส่กล่องแล้วไปปล่อยวางไว้ข้างกำแพงวัดสมัยตอนเป็นนักศึกษา ครั้งนี้รู้สึกผิด บาปและเสียใจมากเพราะรักเหมือนลูกแต่ก็ทำกับมันได้ลง เคยพาหมาแมวไปทำหมัน รวมแล้วประมาณ 16 ตัวมีหมา 2 ตัว ตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว และแมว 14 ตัว ตัวผู้ 4 ตัว ตัวเมีย 10 ตัว (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) เคยพาหมาแมวไปฉีดยาคุม โดยไม่รู้ว่ามันท้องหรือเปล่า และมีอยู่ 1 ตัว เป็นแมวของตา ตาให้พ่อกับน้องไปฉีดยาคุมให้ ดิฉันก็บอกว่าให้ดูดีๆ ก่อนนะว่ามันท้องหรือเปล่า ปรากฏว่ามันท้องอยู่แล้ว ตอนมันออกลูก ลูกมันออกไม่ได้ตายทั้งแม่แมวทั้งลูกแมวเลยค่ะ มันคงเจ็บปวดทรมานมาก รู้สึกเสียใจที่ช่วยแมวตัวนี้ไม่ได้ และดิฉันก็มีส่วนรู้เห็นทั้งหมดค่ะ เคยแก้บนด้วยหัวหมูหลายครั้ง หลายหัวค่ะ เคยกักขัง ล่ามโซ่ หมาแมวที่เลี้ยงไว้ค่ะ ส่วนตัวไม่เคยทำแท้ง และตอนแรกคิดว่าไม่เคยมีส่วนร่วมรู้เห็นในการทำแท้ง แต่พึ่งค้นหาเหตุเจอว่ามีส่วนร่วม โดยที่บ้านเป็นร้านขายยา เคยขายยาคุมฉุกเฉินไปจำนวนไม่น้อย และมีขายยาสตรีเบนโลจำนวนมากให้กับลูกค้าที่ดูลักษณะการซื้อแล้วน่าจะนำไปใช้ขับเลือด โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้พูดอะไร คิดว่าขายได้ก็พอ แนะนำและขายยาฆ่าแมลง เคยทรมานสัตว์โดยจับแมลงปอและสัตว์อื่นมาเล่นค่ะ เคยตีน้อง ขว้างของใส่เพื่อน เคยตบหัว เตะ ต่อย ถีบ สามี ทั้งเล่น ทั้งจริง และตั้งใจค่ะ

ศีลข้อ 2 ห้ามลักทรัพย์ เคยหยิบเงินของพ่อ แม่ ตา ยาย สามี ไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตค่ะ เคยกิน เคยใช้ของของคนอื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของก่อนค่ะ เคยใช้ทิชชูในห้องน้ำ น้ำยาล้างมือหน้าห้องน้ำ ผงซักฟอกข้างห้องน้ำในบ้านสวนพีระมิดโดยไม่รู้ว่าเป็นของใครคิดเอาเองว่า เค้าคงให้ใช้เป็นของสาธารณะ อันนี้ผิดเต็มๆเลยค่ะ ตอนเด็กเคยเก็บลูกมะขวิดที่วัดมากิน ใช้น้ำใช้ไฟวัด กินข้าววัด เก็บดอกพิกุล ดอกกะดังงาของวัดมาเล่นค่ะ เคยลักมะม่วงคนอื่น ตอนเด็กพ่อเคยนำของหลวงกลับบ้านดิฉันก็พลอยยินดีและใช้ของหลวงนั้นด้วยความเต็มใจค่ะ สมัยทำงานบริษัทเป็นพนักงานขายเคยโยกรายการสินค้า นำของแถมลูกค้ามาใช้ส่วนตัว นำน้ำมันบริษัทไปใช้ส่วนตัว โกงเวลาบริษัทค่ะ ปัจจุบันทำอาชีพค้าขาย ก็มีค้ากำไรเกินควร ขายของหมดอายุทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ บางครั้งก็ชั่งของขาดไม่เต็มกิโล เลี่ยงภาษีค่ะ

ศีลข้อ 3 ห้ามประพฤติผิดในกาม ชิงสุกก่อนห่ามค่ะ แล้วก็นอกกายนอกใจแฟน หลังจากมีอะไรกันแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน นอกกายนี่ไม่100 %ค่ะ แต่ก็ขึ้นชื่อว่านอกกายอยู่ดี ทำให้แฟนเสียใจมาก เคยทำให้ผู้ชายและผู้หญิงเสียใจหลายคน ยื้อแย่งความรักของคนอื่นทำให้เค้าแตกแยกกันค่ะ เคยดูภาพลามก หนังโป๊ จินตนาการในเรื่องลามก แอบเจ้าชู้ คิดนอกใจสามีโดยคิดชอบคนอื่น พอใจชายอื่นค่ะ

ศีลข้อ 4 ห้ามพูดปด  วจีกรรม ทั้งพูดโกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล หลอกลวง ครบสูตรเลยค่ะ มีอาชีพค้าขายจะพูดทุกอย่างที่ทำให้ขายของได้ ของไม่ดีบอกว่าดี ของถูกบอกแพงค่ะ พูดจาไม่ดีกับลูกค้า โกหกพ่อ แม่ ตา ยาย สามี เพื่อน พี่ น้อง และคนอื่นๆ ทั้งพูดจาหยาบคาย ก้าวร้าว ชอบเถียงพูดไม่ดี ดุด่า ต่อว่าผู้มีพระคุณด้วยคำพูดที่รุนแรงทั้งกับพ่อ แม่ ตา ยาย ญาติ ครูอาจารย์ สามี ผู้ที่สูงวัยกว่า เพื่อน พี่ น้อง สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งพูดออกมาและคิดในใจค่ะ เป็นคนพูดมากชอบพูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ หาประโยชน์ไม่ได้ พูดทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกผิดแถมยังสะใจอีก พูดยุยงให้เพื่อน คนอื่นแตกร้าวกัน พูดยุยงให้แฟน(สามีในขณะนี้)แตกกับเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับแฟน ห้ามและบังคับไม่ให้แฟนพูดคุยและให้เลิกคบเพื่อนผู้หญิงคนนี้ค่ะ ทั้งที่รู้ว่าแฟนไม่เต็มใจ จนทุกวันนี้เค้าก็ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ที่ทำไปในตอนนั้นเพราะกลัวว่าแฟนจะชอบเพื่อนคนนี้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าผิดไม่ถูกต้อง ทำไปแล้วไม่สบายใจไม่มีความสุขเลยจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองมาตลอด หลอกตัวเองมาตลอด แต่ตอนนี้ยอมรับว่าผิดทุกประตูโดยไม่มีข้อแก้ตัวเลยค่ะ หลังจากที่ได้มารู้จักกับบ้านสวนฯและอาจารย์อุบลค่ะ เป็นคนชอบนินทาคนอื่นเห็นใครดี ใครเด่นกว่าก็จะนินทาคิดว่าตัวเองดีกว่าเสมอ ชอบพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น เคยพูดจาบจ้วงล่วงเกินพระเจ้าอยู่หัวค่ะ ในกรณีเสื้อเหลือง-เสื้อแดงว่าพระองค์ไม่ทรงออกมาห้ามปราม โดยไม่ได้ใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดคิดเลยว่าพระองค์ทรงพระประชวรหนักค่ะ รู้สึกแย่มากและเคยพูดล่วงเกินพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยค่ะ พูดล่วงเกินผู้มีศีลมีธรรมค่ะ

ศีลข้อ 5 ห้ามดื่มสุราเมรัย เคยลองดื่มเหล้า สปาย ลองสูบบุหรี่ เคยขายเหล้า เบียร์ สปาย บุหรี่ ยาสูบ ยาเส้น แต่ปัจจุบันเลิกขายอย่างเด็ดขาดแล้วค่ะ เคยเล่นไพ่ เล่นไฮโล เล่นการพนัน เล่นหวยทั้งบนดิน ใต้ดิน ลอตเตอรี่ แต่ปัจจุบันเลิกหมดแล้วค่ะตั้งแต่มารู้จักกับบ้านสวนฯและท่านอาจารย์อุบลค่ะ

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เคยได้กระทำมา

กายกรรม ผิดศีล 5 ข้อ ครบทุกข้อค่ะ เวลานั่งนอนเคยหันเท้าไปทางพระค่ะ เคยเดินข้าม เหยียบหนังสือพระ เหยียบเหรียญ ธนบัตรที่มีรูปพระเจ้าอยู่หัวทั้งที่เจตนาและไม่ได้เจตนาค่ะ วางพระพุทธรูป หนังสือพระ รูปพระ รูปพระเจ้าอยู่หัว รูปพระบรมวงศานุวงศ์ ไว้ในที่ๆไม่เหมาะสมค่ะ เป็นคนพาลชอบหาเรื่องคนอื่นโดยเฉพาะสามี น้อง แม่ ค่ะ ทำร้ายคนและสัตว์ ตบหัว ตี เตะ ต่อย ถีบ สามี ทั้งตั้งใจและเล่นค่ะ เป็นคนขี้เกียจ นอนตื่นสาย ไม่ค่อยทำงาน เอาเปรียบสามีค่ะ กระทืบเท้าใส่พ่อ แม่ ตา ยาย คนอื่นๆ เวลาไม่พอใจ ใช้เท้าแทนมือ เช่น ใช้เท้าเปิด-ปิดพัดลม เขี่ยสิ่งของค่ะ ชอบใช้คนอื่น เช่น พ่อแม่ ตายาย สามี น้อง และคนอื่นๆให้ทำงานให้ ทั้งที่งานนั้นเป็นหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบค่ะ บกพร่องในหน้าที่ของตัวเอง ทั้งหน้าที่ลูก หลาน ลูกศิษย์ พี่-น้อง เพื่อน ภรรยาที่ดี บกพร่องทุกอย่างค่ะ

วจีกรรม พูดโกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล หลอกลวง พูดทำร้ายจิตใจคนอื่น พูดจาหยาบคายก้าวร้าว พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ นินทาคนอื่น ยุยงให้คนอื่นแตกแยกกัน ว่าร้ายคนอื่น  พูดเถียงและต่อว่าผู้มีพระคุณด้วยคำพูดที่รุนแรง ทำให้พ่อแม่ ตายาย เสียใจจนร้องไห้หลายครั้ง ชอบต่อล้อต่อเถียงประมาณว่ายอมไม่ได้ ถูกผิดไม่รู้ชอบเอาชนะ ด่าว่าสามีด้วยคำหยาบคายทั้งต่อหน้าและลับหลัง พูดให้คนอื่นเสียใจค่ะ

 มโนกรรม ข้อนี้เมื่อก่อนไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นกรรมหนักเพราะคิดว่าแค่คิดแต่ไม่ได้ลงมือกระทำหรือพูดออกมาคงจะไม่มีโทษมาก แต่พอมารู้จักกับบ้านสวนฯ และท่านอาจารย์อุบล ที่ท่านได้เมตตาสอนธรรมะ จึงได้รู้ว่า มโนกรรมนี้เป็นกรรมหนัก และตัวเองก็ได้สร้างมโนกรรมไว้มากมาย ดังนี้ค่ะ เคยคิดทำร้ายผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นย่อยยับ พังพินาศ สาบแช่งคนอื่น โมทนาบาปเวลาเห็นคนไม่ดีตาย ว่าแผ่นดินจะได้สูงขึ้น เจริญขึ้น เคยคิดอยากให้แม่สามีตาย ตอนที่ป่วยหนักจะได้ไม่เป็นภาระ เคยคิดอยากให้คนที่เราไม่ชอบไม่พอใจตาย คิดอยากได้ของคนอื่นโดยมิชอบ แอบเจ้าชู้คิดนอกใจสามีโดยเห็นผู้ชายคนอื่นแล้วรู้สึกชอบ พอใจ  เมื่อก่อนคิดว่าไม่ผิดแต่ตอนนี้รู้แล้วค่ะว่าแค่คิดก็ผิดแล้ว มีผลไม่ต่างจากได้ลงมือกระทำแล้วเลยค่ะ เป็นคนไม่ค่อยนึกถึงใจคนอื่นนึกถึงแต่ใจตัวเอง เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ตัวเองทำ ไม่เป็นไรแต่คนอื่นทำหล่ะน่าดู ชอบคิดว่าสามีนอกใจชอบคนอื่นโดยคิดไปเองแต่เค้าก็ไม่ได้กระทำการใดๆที่นอกลู่นอกทาง แค่คิดว่าเค้ารักคนอื่นตัวเราก็รู้สึกทุกข์แล้ว นี่ขนาดสามียังไม่ได้ลงมือทำอะไรนะ แต่ทีตัวเองคิดชอบคนอื่นกลับบอกและเข้าข้างตัวเองว่าไม่เป็นไร ไม่ได้สนใจความรู้สึกของสามีเลย เลวเข้าขั้นเลยค่ะ(คือคิดว่าตัวเองเลวแล้วคนอื่นจะเลวเหมือนตัวเอง) เป็นคนโทสะแรงค่ะ ขี้โมโห โกรธเกลียดง่าย คิดชิงชัง อาฆาตพยาบาทคนที่มาทำให้ไม่พอใจ ให้อภัยคนยาก อิจฉาริษยา เห็นใครดีกว่าไม่ได้ คิดแช่ง คิดทำร้ายผู้อื่น อยากให้คนที่ตัวเองไม่ชอบ ตาย พังพินาศย่อยยัย เจ๊ง ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีไปกว่าตัวเอง ชอบคิดเอาชนะ ยินดีและเห็นด้วยเวลาเห็นคนอื่นทั้งดีและไม่ดีตาย ยินดีเวลาเห็นคนอื่นทำผิดศีล ชอบคิดว่าตัวเองดี ถูก ฉลาดกระทั้งที่จริงแล้วทั้งโง่ ทั้งบื้อ ทั้งทางโลกและทางธรรมเลยค่ะ ชอบจับผิดคนอื่นมองหาแต่ความไม่ดีของคนอื่นโดยเฉพาะสามี โดยที่ไม่เคยดูตัวเองสำรวจตัวเองเลยค่ะ แต่ถ้าดูตัวเองส่วนใหญ่ก็จะมองแบบลำเอียงเข้าข้างตัวเองค่ะว่าดีแล้วถูกแล้ว  คิดไม่ดีคิดด่าบุคคลอื่น เช่น พ่อแม่ ตายาย พี่น้อง สามี เพื่อน และคนอื่นๆค่ะ แต่ที่รู้สึกแย่ และละอายใจที่สุดก็คือคิดไม่ดีกับผู้ทรงศีลทรงธรรม ทั้งต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงค์ พระอริยะเจ้า พระโพธิสัตว์ พระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท๊อป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลจักรวาล ทั้งที่คิดโดยเจตนา ไม่ได้เจตนา จิตแวปโดยที่ไม่อยากคิด ทั้งคิดปรามาส จาบจ้วงล่วงเกิน คิดลองดีท้าทาย ทั้งที่จริงแล้วตัวเองก็กลัวมากเพราะรู้ว่าผลที่จะได้รับร้ายแรงและรุนแรงขนาดไหนแต่ใจมันก็ยังคิดไปได้ รู้สึกทุกข์ใจมากและไม่มีความสุขเลย ทั้งรู้สึกผิด รู้สึกละอายแก่ใจมากในความคิดที่ไม่ดี  แม้แต่คิดทะลึ่ง ทั้งที่บางครั้งไม่อยากคิดและถามตัวเองว่าคิดไปได้ยังไง  ท่านอาจารย์อุบล ถึงได้บอกว่ามโนกรรมทำง่ายที่สุดและควบคุมได้ยากที่สุด แต่สามารถทำได้และสักวันดิฉันต้องเอาชนะความคิดชั่วทั้งหลายนี้ให้ได้ค่ะ

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-04-15 22:17:26


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1606398)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของน้องพจน์ด้วยครับ

ขอนับถือกับความกล้าหาญที่สารภาพบาปกรรมที่เคยทำมาแบบชนิดที่ว่าคนอ่านรับรู้ได้เลยว่าน้องพจน์ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตนเองจริงๆ

ลูกบ้านสวนฯของแท้ต้องเก่งเรื่อง ดูเรื่องตนเอง เล่าเรื่องความชั่วของตนเอง โอ๊ยย...ของถนัด ของมั๊กเลยพี่น้อง

เบื้องบนและท่านอาจารย์อุบลคือสุดยอดของสุดยอดจริงๆครับ ผู้คนที่ได้สัมผัสกับบ้านสวนฯ พากันเปิดสิ่งที่ปิดมานาน แม้กระทั่งเรื่องการนอกใจสามีหรือแฟน

ซึ่งหลายๆกรณีพบว่า แฟนตนเองก็เพิ่งได้ยินเรื่องราวการสารภาพจากปากสามีหรือภรรยาว่า เคยนอกใจ ทำผิดมีชู้ มีกิ๊กมา เปิดใจสารภาพชนิดหมดเปลือกที่บ้านสวนฯนี่แหละ

หากคนทั้งโลกพากันโจษกล่าวโทษตนเองและปรับเปลี่ยนตนเอง โลกใบนี้คงไม่ต้องเจอกับภัยพิบัติใหญ่กันหรอกเน๊าะพี่น้อง..

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-15 23:32:56


ความคิดเห็นที่ 2 (1606404)

ลืมรายงายตัวค่ะ ดิฉันชื่อพรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) อายุ 29 ปี อาชีพค้าขาย        อยู่จังหวัดลพบุรีค่ะ

ผลกรรมที่ได้รับ

1.สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดบ่า ปวดหลัง เป็นภูมิแพ้ จะเป็นๆหายๆตลอดค่ะ จะมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับศรีษะตลอด เดี๋ยวเดินชนโน่นชนนี่ เคยวิ่งชนประตูจนคิ้วแตกเลือดอาบเลยค่ะ ตอนเด็กโดนหมากัด โดนน้ำเดือดๆหกราดใส่ทั้งตัวค่ะ รู้สึกเจ็บปวดบริเวณมดลูกทั้งสองข้างประจำค่ะ เป็นผดผื่นคันตามหน้า ตามตัวค่ะ ผลจากการได้นำแมวไปปล่อยทุกวันนี้ต้องมาเลี้ยงแมวเกือบสิบชีวิต มีความรักผูกพันกับแมวจนทำให้เป็นทุกตลอด มีอยู่ตัวค่ะรักมากเหมือนลูกโดนขโมยไปเสียใจมากร้องไห้แทบขาดใจเลยค่ะ

2.มีของหาย เงินหาย แต่ที่หนักสุดเคยโดนคุณไสยและโดนหลอกเอาเงินไปเกือบหมดตัวเลยค่ะ หาเงินได้ก็เก็บไม่อยู่ มีเรื่องให้เสียเงินตลอดค่ะ การเงินไม่คล่องตัวฝืดเคือง มีหนี้สิน ถูกเอาเปรียบค่ะ

3.ชีวิตคู่ไม่ค่อยมีความสุขค่ะ พูดกันคนละภาษาคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ พูดกันไม่กี่คำก็ทะเลาะกันแล้วค่ะ มีแต่ความทุกข์ใจค่ะ มีอาการแสบคันบริเวณรอบดวงตาค่ะ

4. เวลาพูดไม่ค่อยมีใครอยากเสวนาด้วย พูดความจริงก็ไม่มีใครเชื่อ ถูกใส่ร้ายประจำ เข้ากับคนอื่นได้ยากค่ะ ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่มีใครอยากคบด้วยค่ะ จะมีแต่คนมาพูดไม่ดีด้วยค่ะ ทั้งโกหก หลอกลวง พูดทำร้ายจิตใจทำให้ต้องเสียใจกับคำพูดของคนอื่นโดยเฉพาะคนที่เรารักตลอดเลยค่ะ ฟันเก ปากเบี้ยวไม่สวย ปากเหม็น ฟันไม่แข็งแรงค่ะ

5.ปวดหัวบ่อย บางครั้งมีเวียนหัวด้วยค่ะ บางช่วงเหมือนตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า โรคจิต โรคประสาท ชอบย้ำคิดย้ำทำ วิตกจริตเหมือนคนไม่ปกติเลยค่ะ เหมือนคนบ้าค่ะ

6.เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุขในชีวิต จะทุกข์เพราะความคิดของตัวเอง พอจะมีความสุขบ้างก็จะเริ่มคิดถึงอดีต อนาคต นึกคิดปรุงแต่งจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ แล้วยังไปทำให้คนอื่นทุกข์และเดือดร้อนไปกับตัวเองด้วยค่ะ

7.จิตหยาบเข้าไม่ถึงความดี เวลาทำบุญจะมีเหตุมาคอยขัดขวางและทำให้จิตเศร้าหมองตลอด ทำให้รับความดีไม่ค่อยได้เลยค่ะ

 

9.จิตเศร้าหมองตลอดเวลาหาความสุขใจได้ยากค่ะ ทุกข์ใจมากจนบ่อยครั้งลืมความทุกกายไปจนหมดเลยค่ะ คิดดูแล้วกันค่ะว่ามันแสนสาหัสขนาดไหนค่ะ

หากท่านผู้ใดคิดที่จะทำเหมือนดิฉันแล้ว ขออย่าได้ทำเลยค่ะ เพราะผลที่ได้รับนั้นมันคือความทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจอย่างแสนสาหัสจริงๆ แต่เมื่อดิฉันได้ทำผิดพลาดไปแล้ว ดิฉันก็ยอมรับมันและผลของมันค่ะ และคิดจะแก้ไขและปรับปรุงตัวเองให้คิดให้ทำแต่ในสิ่งที่ดีและถูกต้องไม่ใช่ถูกใจค่ะ จะต้องเอาชนะความคิดชั่ว คิดลบให้ได้ค่ะ ดิฉันต้องขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์และบ้านสวนพีระมิดมากๆเลยค่ะที่ทำให้ดิฉันพบแสงสว่าง นำทางชีวิตที่เหลืออยู่ให้ไปในหนทางที่ถูกต้อง เหมือนได้ปลดล็อคให้กับทุกปัญหาในชีวิตที่ค้นหาคำตอบมานานแสนนานเลยค่ะ ลูกขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

หากข้าพเจ้านางพรหมภัสสร กฤตธกร ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกทุกพระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงค์ทั้งหลาย องค์สมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังษี หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ เทวดาที่รักษาตัวท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท๊อป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลจักรวาล ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย บิดา มารดา ตา ยาย สามี ท่านผู้มีพระคุณทุกท่าน ท่านเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทั้งหมดทุกภพทุกภูมิ ทุกภพทุกชาติ ทั้งที่ล่วงเกินมาแล้วในอดีตชาติก็ดี ชาติปัจจุบันก็ดี ล่วงเกินด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ทั้งโดยเจตนาและไม่ได้เจตนาก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังก็ดี โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ข้าพเจ้าขอกราบขอขมากรรมต่อทุกทุกพระองค์ ทุกทุกท่าน ทุกทุกดวงจิด ขอทุกทุกพระองค์ ทุกทุกท่าน ทุกทุกดวงจิตได้โปรดอดโทษ ยกโทษและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปตราบเท่าข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

8.หน้าตา ผิวพรรณหมองคล้ำ หน้าดูแก่กว่าวัย เป็นสิว กระ ตามใบหน้า ผิวแพ้ง่าย โครงหน้าไม่สมดุลค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-15 23:56:50


ความคิดเห็นที่ 3 (1606413)

ต้องขอขอบคุณ คุณธนาและพี่น้องบ้านสวนฯทุกคนด้วยค่ะ ที่ทำให้รู้สึกว่าลูกหลานบ้านสวนพีระมิดทุกๆคน ยินดีที่จะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง แม้กับคนที่เคยทำผิด ทำไม่ดี ทำชั่วมามากมายขนาดไหน โดยที่ไม่ได้รังเกียจเลยค่ะ รู้สึกมีความสุขและอบอุ่นมากเลยค่ะตั้งแต่ได้มารู้จักและสัมผัสกับบ้านสวนพีระมิด ทั้งเพื่อน พี่ น้องทุกท่านและที่สำคัญที่สุดคือท่านอาจารย์อุบล ที่เปรียบเสมือนแม่ที่รักและหวังดีกับลูกๆเสมอ อยากให้ลูกทุกคนมีความสุข ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งบอกตามตรงค่ะว่าไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้จากที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ ทำให้ได้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญ ของคำว่า ให้อภัย  ต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านจากใจจริงค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-16 00:23:55


ความคิดเห็นที่ 4 (1606424)

อนุโมทนากับธรรมทาน

ของคุณพจน์ด้วยนะคะ

สารภาพบาปมาได้ละเอียดยิบเลย

ชื่นชมจริงๆค่ะ ไม่กะจะหมกเม็ดไว้

เพื่อสร้างภาพเลยทีเดียว

 

ลูกบ้านสวนฯก็ต้อนรับทุกคน

ที่คล้ายๆกันค่ะ เพราะพวกเรา

ก็ต่างเป็นคนชั่ว ที่สำนึกผิด

และอยากจะกลับตัวกลับใจ

ให้เป็นคนดี ให้ได้

 

ยินดีที่ได้รู้จัก และ เป็นกำลังใจ

ให้กับคุณพจน์ด้วยนะคะ

 

แต่กรรมอย่างนึง ที่เหมือนชนิดามั่กๆ

ก็คือ ชอบจับผิดคนอื่น โดยเฉพาะ สามี

โอ๊ย..อยากจะกด Like  ให้เจงเจ๊ง อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-16 03:10:51


ความคิดเห็นที่ 5 (1606429)

อนุโมทนาบุญ กับธรรมทานของคุณพจน์ด้วยคนนะคะ

สารภาพละเอียดยิบจนดิฉัน สาดุ้งเลยค่า โดยเฉพาะหยิบเงินสามีไปใช้โดยไม่ได้บอกก่อน

อิ อิ(คิดว่า เงินเธอก็ครือเงินฉันส่วนเงินฉันก็ครือเงินช้านนะ)

หวัดดีคะ คุณชนิดา

ผู้แสดงความคิดเห็น ระพีร์ เพอร์รี่ (rapeeperry-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-16 05:42:13


ความคิดเห็นที่ 6 (1606452)

ขอสารภาพเพิ่มเติมนะคะ พึ่งนึกออกค่ะ

-แมวที่บ้านออกลูกแล้วเห็นลูกมันออกไม่ได้เลยช่วยดึงลูกแมวออกมา ปรากฏว่าตายไปหนึ่งตัวค่ะ

-เคยให้สามีพาแมวตัวผู้ไปทำหมัน หมอวางยาสลบแล้วให้ผู้ช่วยวางไว้ในตระกร้าแต่ว่าคอแมวพับเลยทำให้หยุดหายใจลิ้นเป็นสีม่วงเลยค่ะ หมอหันมาเห็นก็รีบปั้มหัวใจให้ค่ะ พอทำหมันเสร็จก็ให้น้ำเกลือกลับบ้านด้วยค่ะ พอแมวฟื้นมาปรากฏว่าเค้าตาบอดเดินชนโน่นชนนี่ เค้าคงตกใจเดินไปร้องไปเพราะมองไม่เห็น พจน์เองก็ตกใจ แต่พอเช้ามาแมวก็เริ่มเห็นได้บ้างและพอตอนบ่ายๆก็ดูเหมือนจะเป็นปกติดีค่ะ แต่หลังจากนั้นเค้าก็จะมีอาการชักบ่อยๆ ตอนแรกนึกว่าแมวกินอะไรติดคอแต่สังเกตดูจากที่เป็นบ่อยจึงแน่ใจค่ะว่าเป็นอาการชักซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากที่เค้าหยุดหายใจตอนวางยาสลบ สงสารเค้าค่ะเวลาเค้าชักถ้าไม่เห็นและช่วยเค้าไม่ทันเค้าคงไม่รอดแน่แต่ที่ผ่านมาจะมีคนเห็นทุกครั้งและช่วยไว้ได้ทุกครั้งค่ะ เพราะตัวเราเองแท้ๆที่ทำให้น้องแมวต้องเป็นแบบนี้ผิดทุกประตูเลยค่ะ

-เมื่อวันที่ 7-8 เมษายน ได้ไปบ้านสวนฯ ขณะทำบุญด้วยแรงกาย ขุดดินทางด้านหลังสมเด็จองค์พระปฐมค่ะ ก็ได้หันไปเห็นคุณลุงท่านหนึ่งไปยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหัวมุมสุดเขตของบ้านสวนฯค่ะ ตอนนั้นก็คิดว่าเอะคุณลุงได้ทำผิดแล้วหล่ะ และอาจได้รับเคราะห์กรรมได้ แต่ก็ไม่ได้เดินไปบอกหรือชี้แจงอะไร เพราะคิดว่ากรรมใครกรรมมัน และเห็นว่าตัวเราเป็นเด็กไม่กล้าไปสั่งสอนผู้ใหญ่ แต่ก็นึกสงสารคุณลุงว่าจะได้รับผลเช่นไร หลังจากนั้นก็ได้เดินสวนกับคุณลุงหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้พูด ไม่ได้บอกอะไร ได้แต่มองหน้าคุณลุง จนกลับมาบ้านได้อ่านธรรมทานของคุณตาล ทำให้คิดได้ว่าตัวเราเองนี่ขาดความเมตตา ไม่ได้สงสารคุณลุงอย่างแท้จริง เวลาจะทำดีกลับไม่กล้า ได้แต่มอง คิดในใจ และก็นิ่งเฉย ทีทำชั่วนี่กล้าทำโดยไม่ต้องคิดมากเลยค่ะ ซึ่งสอบตกตั้งแต่บทแรกเลยค่ะ รู้สึกผิดจังเลย แต่ก็จะพยายามปรับปรุงตัวค่ะ

พจน์ขอขอบคุณคุณชนิดาและคุณระพีร์ค่ะ ที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ พจน์จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-16 12:37:42


ความคิดเห็นที่ 7 (1606565)

 ขออนุโมทนากับคุณพจน์ด้วยค่ะ

เล่ามาซะหมดเปลือกเลย น่าชื่นชมจริงๆ

ที่นี่มีแต่พี่น้องกันค่ะ

พวกเราก็ล้วนทำผิด ทำบาปกันมาทั้งสิ้น

ยังไงขอเป็นกำลังใจให้คุณพจน์ด้วยนะค๊า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-17 03:55:09


ความคิดเห็นที่ 8 (1606592)

 ขออนุโมทนากับธรรมทาน ของน้องพจน์ ด้วยครับ ขอเป็นกำลังใจให้ น้องพจน์ ด้วยครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-17 10:24:02


ความคิดเห็นที่ 9 (1606652)

พจน์ขอขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ทั้งคุณหญิงและพี่เอิ้นด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-17 13:35:15


ความคิดเห็นที่ 10 (1606732)

สุดยอด ละเอียดมาก

นับถึอจริงๆค่ะคุณพจน์ ที่กล้าสารภาพความจริง

ที่ละอัตตาได้มากกว่าหลายคนรวมทั้งขวัญด้วย

ขอบคุณและอนุโมทนาในธรรมทานค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-17 20:27:11


ความคิดเห็นที่ 11 (1607368)

ตั้งแต่ที่ได้เขียนสารภาพบาปไปแล้วนั้น พจน์รู้สึกได้เลยค่ะว่าจิตใจเบาสบายขึ้นมาก มีความสุขมากขึ้น  ใจเย็นขึ้น ความโกรธลดน้อยลง คิดดีกับบุคคลอื่นมากขึ้นและความคิดหรือจิตที่แวปไปในทางที่ไม่ดีรู้สึกว่าลดน้อยลงไปอย่างมากค่ะ แต่ว่านานๆทีก็มีโผล่มาเหมือนกันค่ะ แต่พอมีสติก็จะรีบดึงตัวเองกลับมาสู่สิ่งที่ดีทั้งภาวนา คิดถึงบุญที่ได้เคยทำมาหรือสิ่งที่ดี และขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษลิงดำ เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านอาจารย์อุบล เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ให้ช่วยคุมกระแสจิตของลูกให้ไปในทางที่ดี เป็นสัมมาทิฏฐิ อย่าได้เป็นมิจฉาทิฏฐิเลยเจ้าค่ะ ลูกรู้สึกเหมือนได้ปลดล็อคปัญหาในหลายๆเรื่องให้กับชีวิตของตัวเองเลยค่ะ เมื่อก่อนได้แต่เที่ยวหาคำตอบและทางออกให้กับตัวเองมาตลอดทั้งให้พระดูดวงให้ หาหมอดู คนเข้าทรง สารพัดแต่ก็ไม่ได้คำตอบ ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตมีความสุขหรือดีขึ้นเลยแต่กลับทุกข์เหมือนเดิมแถมปัญหาอาจจะมากขึ้นด้วยค่ะ โดยเฉพาะร่างทรงทั้งโดนทำคุณไสยใส่ หลอกเอาเงินไป แทบเอาตัวไม่รอดแต่ยังโชคดีที่รอดมาได้ค่ะ ลูกขอน้อมกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านอาจารย์อุบล เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกทุกพระองค์ทั่วสากลจักรวาลที่ได้ชี้ทางออกและทางสว่างให้กับชีวิตของลูกเจ้าค่ะ ลูกขอ กราบ กราบ กราบเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-20 16:35:48


ความคิดเห็นที่ 12 (1607388)

 อนุโมทนาบุญด้วยคะ

คุณพจน์กล้าหาญขนาดนี้...เห็นที่หนึ่งจะต้องประจานความเลวของตนเองบ้างแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-20 20:44:58


ความคิดเห็นที่ 13 (1607516)

ตั้งแต่ ที่ได้เขียนสารภาพบาปไปแล้วนั้น

พจน์รู้สึกได้เลยค่ะว่า

จิตใจเบาสบายขึ้นมาก

มีความสุขมากขึ้น  ใจเย็นขึ้น

ความโกรธลดน้อยลง

คิดดีกับบุคคลอื่นมากขึ้น

และความคิดหรือจิตที่แวป

ไปในทางที่ไม่ดีรู้สึกว่า

ลดน้อยลงไปอย่างมากค่ะ

...........................................

ยินดีด้วยค่ะคุณพจน์ 

เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

เหมือนเราเปิดท่อเอาของเสีย

ออกได้หมด ก็เลยเหลือ แต่น้ำดี

จิตใจก็เลยเบา

 

ชนิดาก็เคยเป็นนะ

ขนาดที่ชนิดาสารภาพไปน่ะ

ยังไม่ละเอียดยิบเท่าคุณพจน์เล๊ย

แต่มันรู้สึกมีความสุขมากๆ

อยากจะ"ยิ้ม"ตลอดเวลา

อย่างน้อยเราเอาชนะ

ความกลัว ของตัวเองได้แล้ว

(ในระดับหนึ่ง) 

 

 

 

นี่คือ ม่าน ชั้นแรกที่เราเปิด เข้าไปเจอ

ยังมีม่าน อีกหลายชั้น

ที่ยังรอเรา เปิดเข้าไปอีกค่ะ

 

และมันจะเป็นม่าน ที่ต้องใช้

ความละเอียดของจิต ยิ่งๆขึ้นไป 

...........................................

หวัดดีคุณ ระพีร์ เพอร์รี่ ด้วยเช่นกันค่ะ

ไม่ได้ทักทายกันซะนานเลยนะค๊า 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-22 05:20:02


ความคิดเห็นที่ 14 (1607523)

        ขออนุโมทนาในธรรมทานของคุณพจน์ด้วยนะคะ เล่าได้ละเอียดมากๆ ชนิดที่สามารถเข้าไปกระตุกต่อมบาป และ ทำให้ตนเองนึกถึงบาปที่ได้เคยทำในลักษณะนั้นด้วย  เพราะที่ผ่านมาโดนกิเลสบาปห่อหุ้มใจไว้หนาแน่นมาก  พอรู้จักกับบ้านสวน และท่าน  อ.อุบล จึงเริ่มมีอาวุธสิ่วมากระเทาะใจบาปหนาของตนเองทีละชั้นๆ และจะขอกระเทาะใจบาปนี้ จนกว่าจะได้ใจที่บริสุทธิ์ แจ่มใส เบิกบาน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ค่ะ

และขอเป็นกำลังใจให้คุณพจน์ได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญชลา บุตรโส (อัญ) (anchala_23580-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-22 09:11:32


ความคิดเห็นที่ 15 (1608042)

อย่างน้อยเราเอาชนะ

ความกลัว ของตัวเองได้แล้ว

(ในระดับหนึ่ง)

ยอมรับว่าจริงค่ะ ตอนแรกก็กลัวค่ะกว่าจะเอาชนะได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน เหมือนจิตที่อ่อนแอมานาน (ค่อนข้างมากด้วย) แต่พอเอาชนะความกลัวได้ (ในระดับหนึ่ง) ก็รู้สึกได้เลยว่าจิตใจเข้มแข็งขึ้นค่ะ พร้อมสู้ต่อไปค่ะ

ขอขอบคุณกำลังใจจากคุณครองขวัญ คุณหนึ่ง และคุณอัญด้วยค่ะ

และขออนุโมทนากับธรรมทานของคุณชนิดาด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-25 14:48:23


ความคิดเห็นที่ 16 (1608195)

   สวัสดีจ๊ะ คุณพจน์และสามี  ขอเป็นกำลังใจ  น่าจะใช่หนูที่น้าได้พบที่บ้านสวน 

คุยกันว่าหนูมาจากลพบุรี

ดูเป็นหนุ่มสาวที่ตั้งอกตั้งใจโกยหิน เทปูน ด้วยความแข็งขัน

ขอชื่นชมที่ค้นพบตนเอง ชีวิตมีสุข-ทุกข์ เดินหน้าต่อไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ต้องขอขอบพระคุณท่าน อ.อุบล ที่นำธรรมะ มาเป็นประเด็น ชี้ให้เห็นเวรกรรม

สัมผ้สได้ ทั้งๆที่เรานับถือพุทธ เป็นพุทธมามกะแต่เปลือก 

แต่มิได้นำธรรมปฎิบัติ เพียงแต่ใส่บาตรทำบุญไหว้พระ ตามประเพณี ทำทาน ช่วยเหลือคนอื่นตามมารยาท

แต่เมื่อเราตั้งใจติดตามธรรมทาน และดูรายการ ก็จะพบตนเอง

การเสียสละความเป็นส่วนตัวของท่าน อ.อุบล และครอบครัว

รวมถึงทุกท่านต้องขอขอบพระคุณยิ่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น สุระณี สิริมานุวัฒน์ (suranee_sr-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-26 14:00:37


ความคิดเห็นที่ 17 (1610490)

 ขออนุโมทนากับคุณพจน์ด้วยนะคะ

ที่กล้าหาญสารภาพ บาปได้ละเอียดยิบเลย 

โดยเฉพาะธรรมเรื่องของมโนกรรมที่สร้างบาปได้ง่ายมาก และคุมยากมากๆๆ

สร้างความทุกข์ใจให้กับตัวมิ้มเหลือเกิน

ต่อไป มิ้มคงจะต้องขอขมาเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบลให้บ่อยขึ้น

และขอบารมีเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลให้ช่วยคุมกระเเสจิต

ให้เป็นไปในทางที่ดี เป็นสัมมาทิฏฐิ อย่าได้เป็นมิจฉาทิฏฐิเลย สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-13 20:06:31


ความคิดเห็นที่ 18 (1624726)

กรรมตามทัน

ขอเล่าประสบการณ์กรรมของตัวเองค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อตอนที่พจน์เรียนอยู่ปี 3 ถ้าจำไม่ผิดนะคะ ตอนนั้นเป็นช่วงสอบ ปรากฏว่ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเค้าติดไปงานรับปริญญาของพี่ชายซึ่งตรงกับวันที่มีสอบและเพื่อนคนนี้ก็ได้เข้าไปขออาจารย์วิชานี้ เพื่อให้เลื่อนวันสอบด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว พอพจน์ทราบข่าวเราก็ไม่เห็นด้วยเพราะเราเตรียมอ่านหนังสือมาเรียบร้อยแล้วและถ้าเลื่อนไปก็กลัวว่าจะไปกระทบกับการสอบวิชาอื่นและด้วยใจลึกๆก็ไม่ค่อยถูกกับเพื่อนคนนี้ด้วย ก็เลยหาแนวร่วมเพื่อนๆอีกกลุ่มหนึ่งเข้าไปคุยกับอาจารย์ท่านนี้ใหม่ ว่าไม่ให้เลื่อนวันสอบเพราะจะกระทบกับวิชาอื่นและที่สำคัญคือด้วยธุระของคนๆเดียวทำไมต้องมาทำให้คนอีกหลายร้อยคนต้องเลื่อนสอบเพื่อตัวเองด้วย และก็ได้ข้อสรุปว่า อาจารย์ไม่เลื่อนสอบตารางสอบเหมือนเดิม กลายเป็นว่าเพื่อนคนนั้นเลยเข้าไปขออาจารย์เลื่อนสอบเฉพาะตัวเองเพื่อจะไปร่วมงานรับปริญญาพี่ชาย เหตุการณ์ผ่านไปประมาณ 2 ปีกว่า มาถึงวันที่เราต้องรับปริญญาปรากฏว่าเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับเราก็เกิดขึ้น คือวันที่เรารับปริญญาซึ่งเป็นวันสำคัญ น้องชายที่เราตั้งใจไว้ว่าจะให้มาเป็นตากล้องดันติดสอบ มาร่วมงานไม่ได้ ตอนนั้นก็บอกน้องไปว่าขออาจารย์เลื่อนสอบสิ น้องก็บอกว่าไม่ได้หรอก สรุปน้องมาไม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เรานึกย้อนไปถึงที่เราได้ทำกับเพื่อนไว้ มันย้อนกลับมาแบบเดียวกันเลย ไม่มีผิดเพี้ยนเลย ไม่เหมือนกันก็ตรงที่เพื่อนพยายามทุกทางเพื่อให้ได้ไปร่วมงานของพี่ชายซึ่งก็คงมีแค่วันเดียว แต่น้องพจน์กลับไม่พยายามหาทางที่จะมาร่วมงานรับปริญญาเราเลย ทั้งที่มันอาจจะมีแค่วันเดียวหรือแค่ครั้งเดียวในชีวิต ที่จะได้มีโอกาสรับปริญญาก็ได้ ความรู้สึกคืออยากที่จะถ่ายรูปร่วมกันทั้งครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อยากที่จะให้ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดี ตอนนั้นก็เสียใจค่ะแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เพราะว่าเราเคยทำกับเค้านี่ก็ต้องยอมก้มหน้ารับกรรมไปแบบไม่มีผิดเพี้ยนเลยค่ะ

มาอีกเรื่องเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ปรกติก็ไม่ค่อยยุ่งอะไรกับใคร แต่มีอยู่วันหนึ่งในขณะที่เดินไปต่อคิวเข้านั่งในแถว ครูผู้ดูแลบอกให้นั่งให้ตรงๆแถวหน่อยนะ เราเห็นว่าคนที่นั่งด้านหน้านั่งไม่ตรงแถว พจน์ก็ได้สะกิดบอกให้เค้าขยับให้ตรงแถว พอบอกเสร็จก็ไม่ได้สนใจอะไร พอสักพักมีการขยับแถวใหม่พจน์ก็เลื่อนขึ้นไปอีกแถวหนึ่งแล้วคนที่มาทีหลังก็มาบอกเราว่าให้เรานั่งให้ตรงๆแถว ทั้งที่ตอนนั้นเราก็ว่าเราจัดระเบียบตัวเองดีแล้ว ตอนนั้นบอกตรงๆค่ะ ว่ามีอารมณ์ที่ไม่พอใจเกิดขึ้นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ทำให้พจน์ได้มานึกย้อนว่า เอ๊ะเมื่อครู่นี้เราก็ทำพฤติกรรมแบบนี้นี่และเราก็อาจทำให้คนที่มาปฏิบัติธรรมที่เราบอกเค้าเมื่อสักครู่มีอารมณ์ไม่พอใจก็ได้ เค้าอาจจะคิดเหมือนเราคือเค้าจัดระเบียบตัวเองดีแล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากค่ะ ไม่เกิน 5 นาที มานึกได้ตอนหลัง นี่เรามาสร้างกรรมในเขตบุญ จึงทำให้เห็นผลกรรมตามทันรวดเร็วมากขนาดนี้ พอมาเขียนเล่าตอนนี้ก็นึกขำตัวเองว่าสมควรแล้วหล่ะ แต่ว่าตอนที่กรรมตามทันสิคะตอนนั้นขำไม่ออกจริงๆได้แต่ก้มหน้ายอมรับกรรมไป ก็เราไปทำกับเค้าก่อนเองนี่ก็สมควรแล้วเนอะ จริงไหมคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-17 23:25:32


ความคิดเห็นที่ 19 (1624749)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ พรหมภัสสร

ที่มายืนยันคำสอนของพระพุทธองค์

ทุกสิ่งที่เกิดล้วนแล้วมาจากตัวเราเป็นผู้ก่อทั้งสิ้น

เพียงแต่ ณ ช่วงเวลานั่นเราจะมีสติเท่าทันหรือเปล่า

ใครรู้ไม่เท่าทัน ก็คงจะมัวแต่ไปโทษสิ่งรอบข้าง

โดยไม่ได้สำรวจตัวเองให้ดี

 

แต่ทุกสิ่งที่เกิด เรายอมรับทุกอย่าง

พร้อมเผชิญทุกสถานการณ์

ด้วยความหาญกล้า 

พระพุทธองค์ ไม่เคยหวั่นไหว

เราผู้เป็นสาวกจะเจริญ

ตามรอยพ่อกลับบ้าน 

กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-18 10:43:42


ความคิดเห็นที่ 20 (1624845)

ชนิดาคิดว่า

ตราบใดที่คนเรายังไม่เชื่อ

ในกฏแห่งกรรม

แล้วก็ ทำผิดหรือทำในสิ่งที่ไม่สมควร

อยู่เรื่อยๆโดยไม่คิดแก้ไข

 

ฉะนั้น เบื้องบนก็จะส่งเหตุการณ์

หลายๆอย่างมาให้เรารู้ซึ้ง

ถึง"เหตุ"และ"ผล"ของกรรม

แบบชัดๆตรงๆ บ่อยๆ โดยที่เราเองก็แทบจะไม่รู้ตัว

 

และถ้าเรามีสติรู้เท่าทัน

อย่างที่คุณเกรียติศักดิ์เขียนมา

เมื่อนั้นก็จะค่อยๆเกิดปัญญา

และสามารถยอมรับกับทุกๆเหตุการณ์

ที่ไม่ได้ดังใจ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้

โดยไม่เป็น"ทุกข์"กับมันอีก

เพราะปล่อยวาง ได้จริงๆ

อย่างที่คุณพจน์เป็น...ในขณะนี้

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ คุณพจน์

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-19 05:24:51


ความคิดเห็นที่ 21 (1624851)

มาตรองดูดีๆ เราเกิดมาบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ไร้ประโยชน์

มีแต่คุณ ไม่มีโทษ แม้แต่เจ้ากรรมนายเวร ก็มีคุณ

เพราะทุกสิ่งค่อยเตือนอยู่ และแสดงให้เห็นอยู่

ถ้าเราเตือนตัวเองอยู่บ่อยๆ จะเห็นว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นโทษ

ทุกอย่างเกิด ตามเหตุ ตามปัจจัย

สร้างเหตุไว้ ผลนั้นยอมเกิดตามมาแน่นอน

เมื่อยอมรับ ก็สุขตรงนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-19 08:16:59


ความคิดเห็นที่ 22 (1624877)

 อนุโมทนาด้วยค่ะคุณพจน์

ผลของกรรม ผลของการกระทำของเรา

มันย้อนมาแบบไม่ผิดตัว

ไม่บิดพลิ้วจากเดิมไปแม้แต่น้อยเลยนะคะ

ทุกอย่างเป็นไปตาม "เหตุ"

ถ้าเราเอา "ผล" มาเป็นบทเรียน

ก็จะทำให้เราไม่อยากสร้า "เหตุ" อีกต่อไป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-19 16:48:14


ความคิดเห็นที่ 23 (1637698)

                ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน คุณ พรหมภัสสร ด้วยค่ะ

             สารภาพบาปได้ดีเยี่ยมมากเลย  ทำให้นึกถึงบาปที่ตัวเอง

                       ได้ทำไว้ และ สะท้อนให้เห็นจริงด้วยเช่นกัน

              อย่างน้อยในปัจจุบันนี้ ด้วยความที่คุณกล้าสารภาพบาป

                              กล้าเปิดเผย และ ยอมรับความจริง

  ก็ทำให้คุณพบสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต   โดยเฉพาะบ้านสวนพีระมิด แห่งนี้ค่ะ

                             เป็นกำลังใจให้ทำความดีต่อไปนะคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 10:01:18


ความคิดเห็นที่ 24 (1637870)

 

โมทนาบุญในธรรมทานของน้องพจน์ด้วยค่ะ

ได้พบน้องที่บ้านสวน2ครั้งพี่ยังรู้สึกชื่นชมเลย

ที่สามีภรรยาได้เดินทางธรรมไปพร้อมๆกันนั้น

น้องคู่นี้ช่างมีบุญมากๆเลย

รู้ไหมคะ

พี่นุชเพิ่งได้เข้ามาอ่านธรรมทานของน้อง

ตั้งแต่ปรับเวปใหม่ก็อ่านไม่ค่อยทั่วถึงอยู่พักใหญ่ๆเลย

และก็เพิ่งตั้งกระทู้สารภาพหลังจากไปเข้าค่าย13

และจึงได้ตามอ่านของผู้อื่น

ท่านอาจารย์ได้เตือนแล้วเตือนอีกให้สร้างบุญธรรมทาน

และก็พยายามพัฒนาตัวเองในเรื่องการพิมพ์

แต่ที่ยากมันไม่ใช่เรื่องการพิมพ์หรอก

(แต่มันก็มีส่วนอย่างมากกับพี่เหมือนกัน)

เมื่อได้เริ่มแล้วมันทำให้เรารู้สึกโล่งขึ้น ได้มองเห็นตัวเองชัดขึ้นในอีกมุมนึง

ที่เราไม่เคยมองตัวเอง แต่เวลาที่มีคนมาพูด มาบอกตรงๆ

เรากลับไม่เปิดใจ และรับไม่ได้

การสารภาพเหมือนกระจกวิเศษที่ส่องเห็นตัวเราและเห็นจุดบกพร่องเน๊อะ

พี่ขอยกนิ้วให้กับการสารภาพกรรมของน้องพจน์

เขียนได้เยี่ยมมาก

ขอให้ธรรมทานของน้องช่วยให้น้องหลุดพ้นกรรม

และได้พบกับความสุขที่แท้จริงนะคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 00:33:24


ความคิดเห็นที่ 25 (1639273)

อนุโมทนกับธรรมทานของคุุณพจน์ค่ะ

สาธุ

ณัชชาพึ่งจะมีโอกาสได้เข้ามาอ่านธรรมทานของคุณพจน์ในวันนี้

 เป็นธรรมทานที่ละเอืยดมาก เห็นเหตุ และผล ได้ชัดเจน เหมือนดังคำสอนของ

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้ให้คำสอนไว้ว่า

สร้างเหตุไว้เช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 07:39:21


ความคิดเห็นที่ 26 (1643432)

ความเห็นที่ 75 (1640475)
แจ้งลบความคิดเห็น

ดิฉันนางพรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) อายุ 30 ปี

การศึกษาสูงสุด ปริญญาตรี วท.บ.(เกษตรศาสตร์)

จบจาก มหาวิทยาลัยนเรศวร

อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว (ร้านขายยา) ที่อยู่ จังหวัดลพบุรี

"กราบท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดหรือรูปท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด แล้วชีวิตดียังไง"

ครั้งแรกที่มีความนึกคิดว่า อยากจะกราบท่านอาจารย์อุบล ก็ตอนดูรายการคุยไปแจกไป มีอยู่ตอนหนึ่ง จิตรู้สึกทราบซึ้งในธรรมะที่ท่านอาจารย์ได้สอน ได้ถ่ายทอดออกมา และทราบซึ้งในความเมตตาที่ท่านอาจารย์มีต่อผู้ที่มาบำบัดจนน้ำตาไหล และคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ไปบ้านสวนพีระมิด เราจะต้องไปขอกราบท่านอาจารย์อุบลให้ได้ และครั้งแรกที่ได้ไปบ้านสวนพีระมิดก็ได้มีโอกาสเข้าไปขอกราบท่านอาจารย์อุบล ตอนนั้นมันสุขใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำตามันคลอเบ้า และก็เคยได้กราบขอขมาท่านอาจารย์ที่มีจิตแว๊ปคิดไม่ดีต่อท่าน อยู่บ้านเวลาสวดมนต์ไหว้พระ ก็จะนึกในใจว่าเราได้กราบท่านอาจารย์อุบลทุกครั้ง และถ้ามีโอกาส ไม่ว่าจะที่ไหน อย่างไร ก็จะกราบท่านอาจารย์เสมอ ท่านก็จะพูดว่าไม่ต้องกราบหรอก อายนะเนี่ย จะมากราบกันทำไม ดิฉันก็ได้แต่ตอบท่านอาจารย์ว่า ให้หนูได้กราบเถอะค่ะ หนูกราบแล้วหนูมีความสุขค่ะ และทุกครั้งที่ได้กราบท่านอาจารย์ รู้สึกว่า กราบท่านได้อย่างสนิทใจจริงๆ ท่านเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับความเคารพด้วยวิธีการกราบ อย่างที่สุดจริงๆค่ะ

ตัวดิฉันเองเป็นคนที่ไม่ค่อยมีอาการเจ็บป่วยทางกาย แต่เจ็บป่วยทางใจ พูดง่ายๆว่าเป็นคนที่จิตป่วย มีแต่ความทุกข์ใจ ซึมเศร้า อมทุกข์อยู่ตลอดเวลา หลายๆครั้งมีอาการเหมือนคนเป็นบ้า เคยคิดอยากจะไปหาหมอรักษาโรคจิต เพราะรับไม่ไหวแล้วกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ไป และทุกวันนี้หลังจากที่ได้รู้จักกับบ้านสวนพีระมิดและท่านอาจารย์อุบล ได้กราบท่านทุกครั้งที่มีโอกาส หรือแม้แต่นึกกราบในจิต สิ่งที่ตัวดิฉันเองได้รับและเห็นผลมากที่สุด ก็คือความสุขทางใจ มันอิ่มเอมใจ สุขใจ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกในใจที่ใครๆอาจมองไม่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ตรวจสอบผลของมันไม่ได้ แต่ดิฉันสัมผัสได้ด้วยตัวของดิฉันเอง และดิฉันคิดว่าหลายๆคนก็เคยสัมผัสกับความสุขใจนี้มาแล้วเหมือนกัน อย่างที่ดิฉันได้เคยสัมผัส ซึ่งมันบรรยายบอกใครไม่ถูกจริงๆ และทำให้ทุกวันนี้ดิฉันกล้าพูด กล้าบอกได้เลยว่า ดิฉันหายจากอาการป่วยทางจิตได้อย่างล้านเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องไปหาหมอแล้วค่ะ สุขใดก็ไม่เท่าสุขใจอีกแล้ว จริงไหมคะ

ลูกขอน้อมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะ ที่เสียสละทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือพวกเราทุกคนให้ได้พ้นจากกองทุกข์ ให้ได้พบเจอกับความสุขที่แท้จริงเจ้าค่ะ สาธุ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 00:35:00

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-03 18:05:51


ความคิดเห็นที่ 27 (1643433)

ความเห็นที่ 118 (1640832)
แจ้งลบความคิดเห็น

 

ดิฉันนางพรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) อายุ 30 ปี

การศึกษาสูงสุด ปริญญาตรี วท.บ.(เกษตรศาสตร์)

จบจาก มหาวิทยาลัยนเรศวร

อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว (ร้านขายยา) ที่อยู่ จังหวัดลพบุรี

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ดิฉันเคยมีจิตคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบลครั้งแรก หลังจากที่มาบ้านสวนพีระมิดเป็นครั้งที่สอง โดยในขณะที่อาบน้ำอยู่ ตอนที่ก้มลงไปล้างเท้า อยู่ๆก็มีจิตแว๊ปว่าเท้าของเราไปกระทบกับหน้าท่านอาจารย์ ตอนนั้นตกใจมากและคิดว่าเราคิดไปได้อย่างไร ตอนนั้นกลัวมาก กลัวผลกรรมที่จะเกิดขึ้น เพราะไปคิดกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แล้วยังเคยคิดว่าคนที่ออกมาพูดในรายการเป็นพวกหน้าม้า เวลาที่ท่านอาจารย์เดินผ่านก็คิดว่าท่านสะโพกใหญ่ และพอนึกถึงท่านอาจารย์ หรือจะใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย ก็มักจะมีคำหยาบคายนำหน้าชื่อขึ้นมาก่อนและบางครั้งก็จะมีรูปเท้าขึ้นมาบ้าง เคยคิดสงสัยเรื่องเงินที่มาทำบุญว่าจะถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องหรือไม่ เคยอ่านกระทู้และดูรูปรดน้ำดำหัวท่านอาจารย์ทั้งสองช่วงสงกรานต์ ก็คิดว่าน้ำที่รดนั้นเป็นน้ำล้างเท้า และมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์ถามทุกคนว่าท่านมีอาชีพอะไร ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยแต่พอฟังคำถามอยู่ๆจิตก็แว๊ปขึ้นมาว่า อาชีพโสเภณี คิดดูแล้วกันค่ะว่าดิฉันมีจิตที่เลว ชั่วและจิตต่ำขนาดไหน ยังไม่พอนะคะ ยังคิดปรามาสองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย โดยจะเป็นในขณะที่อาบน้ำก็จะมีจิตแว๊ปถึงการร่วมเพศระหว่างตัวดิฉันกับพระพุทธองค์ ซึ่งไม่รู้ว่าคิดไปได้อย่างไร และเคยมีน้องคนหนึ่งออกมาเล่าว่าที่ตัวเองรอดตายจากอุบัติเหตุมาได้ เป็นเพราะเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณเมตตาต่ออายุให้ ซึ่งตอนนั้นฟังแล้วจิตดันคิดอยากลองดี ทั้งที่ไม่อยากคิด แถมยังกลัวอีกต่างหาก ขนาดภาวนาช่วยในขณะทำบุญแรงกายจิตก็ยังแว๊ปคิดได้ และเคยคิดปรามาสในหลวงเรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดงว่าทำไมพระองค์ไม่ทรงออกมาห้ามทั้งที่ตอนนั้นพระองค์ทรงประชวรหนัก และปรามาสหลวงตามหาบัวว่าทำไมท่านถึงไปยุ่งกับเรื่องการเมืองด้วย นี่แหล่ะค่ะมโนกรรมหนักๆที่ดิฉันเคยทำมา

ผลกรรมที่ได้รับ

ก่อนหน้าที่จะมีจิตคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบล ตอนนั้นก็มีความทุกข์เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็กินได้ นอนหลับได้ แต่หลังจากที่คิดปรามาสท่านอาจารย์อุบล ตอนนั้นจิตมีความทุกข์ใจมาก กินก็ไม่ได้ นอนหลับอยู่ดีๆพอตื่นขึ้นมาก็ผวา วันๆไม่มีกะจิตกะใจคิดอยากจะทำอะไรเลย หมดแรง ไม่มีเรี่ยวแรง อาการเหมือนคนตรอมใจ เหมือนคนกำลังจะตาย หรือพูดง่ายๆเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น ซึ่งอาการเหล่านี้ดิฉันไม่เคยเป็นมาก่อน และคิดว่าความทุกข์และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ต้องเป็นผลมาจากที่เรามีจิตคิดไม่ดีกับท่านอาจารย์แน่นอน และทำไมดิฉันถึงต้องทุกข์ขนาดนี้ กับคนอื่นเราก็เคยคิดไม่ดีแถมยังไม่ใช่แค่จิตแว๊ปแต่เป็นการตั้งใจคิดเลยค่ะ ถามว่าทุกข์ไหม ก็ทุกข์นะคะ ทุกข์เพราะไม่อยากเห็นเขาได้ดีมีสุข แต่ก็ยังกินได้ นอนหลับดี ไม่เป็นอะไรแค่ใจไม่สงบ แต่ก็ยังไม่ทุกข์มากเท่ากับที่คิดไม่ดีกับท่านอาจารย์อุบล ซึ่งก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าการที่เราคิดกับใครก็ตามที่มีความดีมากๆเราก็จะได้รับผลกรรมหนักมากและเห็นผลได้รวดเร็วมาก ทันตาเห็นเลยค่ะ เพราะถ้าการปรามาสท่านอาจารย์ไม่เป็นบาปหนัก ดิฉันก็คงไม่ต้องมาทุกข์หรือได้รับผลกรรมหนักขนาดนี้แน่นอนค่ะ

ทางพ้นทุกข์

ดิฉันเคยได้ดูรายการคุยไปแจกไปตอนที่มีคนมาขอขมาท่านอาจารย์อุบลที่มีจิตคิดปรามาสในเรื่องต่างๆ ตอนนั้นยังคิดว่าคนๆนั้นคิดไปได้อย่างไร แต่ตอนนี้มาเกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง แล้วดิฉันจะทำอย่างไร ก็ในเมื่อเราคิดไม่ดีกับท่านอาจารย์ เราก็ต้องไปขอขมาท่านสิ ตอนนั้นคิดแต่ว่าต้องออกไปขอขมาท่านอาจารย์อุบลให้ได้ และต้องทำให้เร็วที่สุด เพราะตอนนั้นทุกข์มาก ทุกข์จนทนไม่ได้ มันเหมือนคนกำลังจะตายและคิดว่าสิ่งที่เราคิดไม่ดีถึงจะเป็นเพียงแค่จิตแว๊ปก็ตาม แต่มันก็ร้ายแรงมาก และเป็นบาปหนักมาก เทียบเท่ากับอนันตริยกรรม และก็คิดว่าถ้าเราไม่รีบขอขมาท่านอาจารย์ อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ เราอาจจะมีอันเป็นไปก่อนก็ได้ และคิดว่าถ้าเราตายก่อนที่จะได้ขอขมาท่านอาจารย์ เราคงไม่รอดจากนรกขุมที่ลึกที่สุดเป็นแน่ และทำให้นึกถึงพระเทวทัตที่ปรามาส ล่วงเกินต่อพระพุทธองค์แล้วถูกธรณีสูบ น่าจะคล้ายๆกัน และในที่สุดก็มีโอกาสได้ออกไปสารภาพบาปและขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล และทุกๆพระองค์ที่ดิฉันได้ปรามาสทั้งหมด วันนั้นขนาดพยายามข่มใจไม่ให้ร้องไห้ แต่สุดท้ายร้องตั้งแต่เริ่มพูด ร้องไห้ตลอดเวลาที่พูด เพราะว่าทั้งรู้สึกผิด เสียใจ ละอายแก่ใจ และทุกข์ใจมากจริงๆ คือเราคิดว่าเราจะไปขอพึ่งใบบุญท่านแต่เรากลับไปคิดไม่ดีกับท่าน มันเป็นสิ่งที่หน้าละอายใจที่สุด ท่านอาจารย์เมตตาบอกว่าที่เราคิดแบบนี้เป็นเพราะเราเคยผิดศีลมาแล้วทุกข้อ โดยถ้าผิดศีลข้อไหนมามากก็จะคิดไปในทางนั้นมาก และดิฉันเป็นบุคคลที่เข้าข่ายทักท้วงศาสดาอันใครๆทักท้วงไม่ได้ และเป็นบุคคลที่พระเทวทัตส่งมา แต่ตอนนั้นกลับไม่ได้ถามท่านอาจารย์ว่า ดิฉันเคยเป็นสาวกของพระเทวทัตหรือไม่ และก็ได้กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล หลังจากนั้นก็รู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้นมากค่ะ ความทุกข์กายทุกข์ใจต่างๆที่เคยเกิดขึ้นก็ค่อยๆหายไปค่ะ และจากนั้นมาดิฉันก็หันกลับมาพยายามรักษาศีลอย่างจริงจังและตั้งใจ ชีวิตก็เริ่มมีความสุขมากขึ้น แต่อาการจิตแว๊ปก็ยังไม่หายไปซะทีเดียว แต่ว่าน้อยลง และพอรู้ตัวว่ามีจิตแว๊ปก็จะรีบขอขมาท่านอาจารย์อุบลและทุกๆพระองค์ทันที และจะอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหมดของดิฉัน และด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าดิฉันเคยเป็นสาวกของพระเทวทัตหรือไม่ เวลาที่มีจิตคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบลหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดิฉันก็จะรีบอุทิศบุญให้กับพระเทวทัตและพระเจ้าอาชาติศัตรู และขอลาออกจากการเป็นสาวกของท่าน และขอมอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับแต่นี้เป็นต้นไป และอาการจิตแว๊ปก็หายไป แต่พอนานๆก็จะเป็นอีก พอมีอีกก็จะทำแบบเดิมอีกไปเรื่อยๆค่ะ จนกว่าจะหายขาดจากอาการจิตแว๊ป คิดชั่วให้ได้ค่ะ

ลูกขอน้อมกราบขอขมาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ พระเจ้าอยู่หัว หลวงตามหาบัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ขอน้อมกราบขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคลและคุณท๊อป ที่ลูกเคยมีจิตคิดปรามาสล่วงเกินไม่ว่าจะทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งที่เจตนาก็ดี มิได้เจตนาก็ดี ทั้งที่ระลึกได้ก็ดีและระลึกไม่ได้ก็ดี ลูกขอน้อมกราบขอขมากรรมต่อทุกๆพระองค์ ทุกๆท่านอีกครั้งเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ

ลูกขอน้อมกราบแทบพระบาทขอบพระคุณสมเด็จองค์พระปฐมบรมธรรมบิดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ขอน้อมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคลและคุณท๊อปที่เมตตาให้โอกาส ให้อภัย กับลูกคนนี้ที่มีจิตชั่ว จิตต่ำ ให้ได้ปลดล็อกกรรมหนักในครั้งนี้เจ้าค่ะ สาธุ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-03 18:07:48


ความคิดเห็นที่ 28 (1669840)

ชีวิตก่อนที่จะรู้จักบ้านสวนพีระมิด และท่านอาจารย์อุบล
ตอนนั้นคิดว่าตัวเราเองดีแล้ว สามารถรักษาศีลได้ดีพอสมควร(คิดเอาเอง) แต่ทำไมชีวิตมีแต่ความทุกข์สารพัดรอบด้าน ทั้งการงานก็ดูเหมือนจะดี หาเงินได้มาก แต่ทำไมเงินไม่พอใช้ ชักหน้าไม่ถึงหลัง หมุนไม่ทัน แถมยังเป็นหนี้เป็นสินอีก และมิหนำซ้ำ ยังโดนร่างทรง ทำคุณไสยมนต์ดำใส่ ทั้งตัวพจน์เอง สามี คุณพ่อ น้องชายและคุณแม่ของสามี โดนกันหมด นอกจากโดนคุณไสยแล้ว ยังโดนร่างทรงหลอกเอาเงินไปเกือบหมดตัว แล้วยังจะทำให้ครอบครัวแตกแยก ไม่มีความสุขเดือดร้อนกายใจอย่างที่สุด เจ็บป่วยหนักถึงขนาดต้องนอน ร.พ.เกือบสัปดาห์ ทั้งที่เป็นคนสุขภาพแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นก็เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม แต่ก็ไม่เข้าใจอะไรมากมาย เวลาที่มีสิ่งใดที่ไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิตก็มักจะคิดโทษว่าเป็นเพราะคนนั้น คนนี้ เป็นเพราะสิ่งนั้น สิ่งนี้ ไม่คิดโทษตัวเองสักเท่าไหร่ และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นก็หาทางแก้ไขไม่ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-29 14:56:28


ความคิดเห็นที่ 29 (1669841)

ชีวิตหลังจากที่ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด และท่านอาจารย์อุบล
แต่ยังโชคดีเหลือเกิน ที่ได้มารู้จักเวปไซด์บ้านสวนพีระมิด ได้ดูรายการคุยไปแจกไป และได้มีโอกาสเข้าไปสร้างบุญแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด ได้ฟังคำสอนจากท่าน อ.อุบล ได้รู้ได้เห็นเรื่องกฏแห่งกรรมจากคนที่มาบำบัด ทำให้พจน์เข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมมากขึ้น เริ่มเห็นว่าแท้จริงแล้วเราผิดศีลทุกข้อ รักษาศีลไม่ได้เลยสักข้อเดียว และที่เราต้องทุกข์สารพัดรอบด้านก็เป็นเพราะผลที่มาจากการผิดศีลทุกข้อของเรานั่นเอง เริ่มกลัวการทำบาป เพราะกลัวผลของมัน ไม่อยากจะเจ็บป่วยและเป็นทุกข์ ไม่อยากเป็นโรคร้ายแรงเหมือนคนอื่นๆ จึงเริ่มกลับมามองดูตัวเอง และยอมรับความจริง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ทั้งความสุขและความทุกข์ต่างๆ เป็นผลมาจากที่เราได้สร้างกรรมมาเองทั้งนั้น ตอนนั้นคิดอยากจะมีความสุข อยากพ้นจากสภาพความทุกข์ที่มีอยู่ จึงเริ่มหันกลับมารักษาศีลอย่างจริงจัง ทำตามที่ท่านอาจารย์สอน สร้างบุญทุกอย่างที่ทำได้ และได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมปิดขุมนรกทุกขุม ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทุกด้านทั้งการงานก็ดีไม่มีอุปสรรค การเงินก็คล่องตัว ชีวิตครอบครัวก็มีความสุขขึ้น ยิ่งสุขภาพด้วยแล้ว แข็งแรงขึ้นมาก ทำประกันสุขภาพไว้ ไม่เคยได้ใช้เลยค่ะ และอานิสงค์ของการรักษาศีล และการที่ได้ไปสร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิด ทำตามคำสอนของท่านอ.อุบล ยังส่งผลถึงคนในครอบครัวอีกด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-29 14:57:22


ความคิดเห็นที่ 30 (1669842)

บุญบ้านสวนพีระมิดที่ส่งผลถึงคนในครอบครัว
ก่อนรู้จักบ้านสวนพีระมิด คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งตับ ผ่าตัดแล้ว และหลังผ่าตัด ก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม แต่เพราะผลบุญบ้านสวนพีระมิดที่พจน์ได้ไปทำทั้งบุญแรงกาย ปัจจัย สิ่งของ รวมทั้งได้บูชาจี้องค์เทพสฟิงซ์และพีระมิดหลายรุ่นให้คุณพ่อด้วย ทำให้คุณพ่อสุขภาพแข็งแรงขึ้น เหมือนคนปกติ ไม่มีโรคแทรกซ้อน สุขภาพดีทั้งกายและใจ ส่วนคุณแม่ก็ดูมีความสุขขึ้น และน้องชายจากที่คุยกันไม่กี่คำก็ทะเลาะกับเราทุกที ทั้งยังไม่เคยให้ความเคารพ ไม่เชื่อฟัง ไม่เคยเห็นว่าเราเป็นพี่ ก็กลับมาเป็นเด็กดี ให้ความเคารพเรา ฟังเรามากขึ้นไม่เคยทะเลาะกันด้วยเรื่องใหญ่ๆอีกเลย จะมีบ้างก็ความเห็นไม่ตรงกันเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ส่วนคุณสามีก็มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันมากขึ้น ไม่ค่อยทะเลาะกันเหมือนก่อนที่จะรู้จักบ้านสวนฯ จนคุณพ่อกับคุณแม่ที่อยู่บ้านเดียวกันยังพูดเลยว่า ตั้งแต่พจน์และสามีรู้จักบ้านสวนพีระมิด พ่อกับแม่สบายหูจังเลย เพราะไม่เคยได้ยินเราทะเลาะกันอีกเลยค่ะ เรียกได้ว่ามีความสุขทุกด้านจริงๆค่ะ
ความสุขที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะบุญบ้านสวนฯ และเป็นเพราะท่านอาจารย์อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ที่ทำให้หนูละชั่ว กลัวบาปและหันกลับมารักษาศีล 5 ได้อย่างจริงจัง หนูและครอบครัวขอน้อมกราบขอบพระคุณท่านพ่อดตาจินิน ท่านอาจารย์อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกๆพระองค์ที่เมตตาหนูและครอบครัวทุกประการค่ะ สาธุ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-29 14:58:33



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.