ReadyPlanet.com


รวมรวบการสมาทานศีล-สารภาพบาปและขอขมากรรมของเจิดหทัย


กราบอ.แม่อุบลคะ

ลูกขออนุญาติเข้ามาขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่เมตตามาตักเตือนลูก และขอขมากรรม ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ รวมทั้งอ.แม่อุบลพร้อมทั้งครอบครัวศุภาเดชาภรณ์คะ

ความผิดของลูก

1.      ลูกไปถ่ายรูปภาพหน้าบ้านอ.แม่อุบลค่ะ: เป็นความมักง่ายของลูกคืออ่านแต่กฏ ."ระเบียบ(คำเตือน) การเข้าเขตบ้านสวนพีระมิด การขอเข้ารับการบำบัดกับ อ.อุบล" แต่ไม่ได้ไล่อ่านข้อมูลเพิ่มเติมในกระทู้ที่ 42 คะ (ขอขอบคุณ คุณธนาที่เตือนคะ)

2.      ความมักง่ายเรื่องที่ 2 คือการลืมตัวสิ่งรองเท้าเข้าห้องน้ำคะ : ทั้งๆที่อ่านกฏแล้วแต่ไม่จำ ทำเนียนๆลืมมันซะไง เรียกว่าอ่านแต่ไม่ใส่ใจคะ (ขอขอบคุณ คุณอ้อยที่เตือนคะ)

จะไม่ขอแก้ตัวคะเพราะผิดจริงๆ.ถ้าความผิดครั้งนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่ปกปักรักษาอ.แม่อุบลจะลงโทษลูกๆก็น้อมรับแต่โดนดีคะ จะได้จำใส่กระโหลกตนเอง

ขออนุญาติอ.แม่อุบลพิมพ์เอกสารแจกเป็นธรรมทานและนำไปมอบให้บ้านสวน (โดยจะขอปรับเพิ่มแก้ไขกฏจากเดิมมี 5 ข้อ, เป็น 7 ข้อ โดยข้อที่เพิ่มมีรายละเอียดดังนี้คะ

6. ห้ามถ่ายภาพบริเวณที่พักของอาจารย์อุบลค่ะ เนื่องจากเป็นสถานที่ส่วนบุคคล

7. การติดต่อเข้าพบอ.อุบลหรือมาร่วมบุญบ้านสวนทุกๆบุญ ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3-7 วันโดยลงชื่อในกระทู้

    ใครจะขออนุญาตไปบ้านสวน เชิญแจ้งที่นี่ค่ะ” 



ผู้ตั้งกระทู้ เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-04-30 15:37:24


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1608621)

ขอขอบคุณ : คุณธนาและคุณอ้อย ที่ตักเตือนคะ  

หนึ่งน้อมรับคำตักเตือนแต่โดยดีด้วยวาจา และน้อมรับด้วยใจ

เพราะรู้ว่าเป็นมุทิตาจิตที่มีน้องใหม่คะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-30 15:43:15


ความคิดเห็นที่ 2 (1612281)

 เมื่อวันเสาร์ ที่ 19 พฤษภาคม 55

ได้ไปทำความสะอาดเสด็จพ่อเวสสุวรรณกับพี่วิ และ พี่ตุ๊ก, แต่ไม่ได้ขออนุญาติเสด็จพ่อเวสสุวรรณก่อนคะ แล้วก็ระหว่างที่เช็คก็ได้ทำกำไลปะโตเมตังตกพื้น เหตุกิดเพราะความประมาทของตนเอง ไม่สำรวมจิตระหว่างเช็ค

ข้าพเจ้าเจิดหทัย สุวรรณากาศ กราบขอขมาเสด็จพ่อเวสสุวรรณและพญายมที่ได้ล่วงเกินไม่ขออนุญาติและได้ทำกำไลตกพื้น ซึ่งเป็นผลทำให้ข้าพเจ้าเกิดอาการคันตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุคะ

ขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นที่สุดข้าพเจ้าเจิดหทัย สุวรรณากาศ ขอเบิกบุญศีลทานภาวนาที่ได้กระทำมาในทุกภพทุกชาติ, ขอบุญนี้จงสำเร็จแด่เทวดาที่ปกปักรักษาคุ้มครองท่านอ.อุบลและครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ โดยมีท้าวเวสสุวรรณและลุงพุฒิเป็นที่สุดคะ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

(ขออนุญาติใช้กระทู้เดิมของตนเองคะ จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ web)

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-24 23:18:48


ความคิดเห็นที่ 3 (1615495)

 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาลูกหลังจากที่ได้ไปทำบุญที่บ้านสวน กลับมาบ้านตอนเช้ามืดวันอาทิตย์

พบว่าคนที่บ้านป่วย….ซึ่งก็พยายามพิจารณาว่าตนเองได้ทำอะไรผิดที่บ้านสวน เพราะจำได้ว่าได้สำรวจ กิ่งไม้ ใบไม้เรียบร้อยแล้วก็ไม่มีอะไรติดมา


เมื่อมาพิจารณาสิ่งที่ตนเองได้กระทำ พบว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้นำพระไปใส่ที่องค์ปฐมโดยไม่ได้ขออนุญาติท่านอ.และไม่ได้ขอคำชี้แนะจากท่านอ.ก่อนจะนำองค์พระไปใส่ที่องค์พระปฐม


เนื่องจากพระเหล่านี้เป็นสิ่งที่ลูกถือวิสาสะยึดมาเป็นตนเอง (ขโมย) จากตายายโดยไม่ได้ขออนุญาติซึ่งตากับยายก็ได้เสียหลายปีแล้ว ก็เลยคิดอย่างโง่ๆว่าจะถวายพระเหล่านี้คืนกับพระพุทธศาสนา และเป็นการขอขมากรรมกับตายายว่าจะไม่ครอบครองพระเหล่านี้เป็นของตนเอง….โดยลืมคิดไปว่าเป็นสิ่งของที่เราได้มาอย่างมิชอบ

 

 ข้าพเจ้านางสาวเจิดหทัย สุวรรณากาศ ขอกราบขอขมากรรมต่อสมเด็จองค์ปฐม และท่านอาจารย์อุบลรวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่บ้านสวนที่ตนเองโง่เขลาเบาปัญญาคิดอะไรง่ายๆ ไม่ลึกซึ้ง คิดแต่ประโยชน์ของตนเอง ต่อไปนี้ชีวิตของลูกจะขอถวายกับพระพุทธองค์จะช่วยอ.สืบสานพระพุทธศาสนา ไม่เอาใจคิดออกห่างจากชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์….

ขอขมากับกับการกระทำที่โง่ๆของลูกนะคะอาจารย์แม่

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 05:51:22


ความคิดเห็นที่ 4 (1616300)

 สมาทานศีลข้อที่1 :

 

***สิกขาบทที่ ๑ ***

ปาณาติปาตา เวรมณี แปลว่า เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง หมายถึง เว้นจากการฆ่าสัตว์ 

สิกขาบทที่ ๑ นี้มีข้อห้ามไว้ ๓ ประการ ได้แก่

๑.การฆ่า
๒.การทำร้ายร่างกาย
๓.การทรกรรม

 

@กรรมทางกาย 

-ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย ทั้งมดตบยุงด้วยเครื่องช็อคแถมสะใจเวลาที่ได้ยินเสียงช็อคอีกต่างหากว่างจ้างฉีดปลวก 

 

-ตอนเด็กๆจับปลามาทำอาหาร แถมยุยงให้ตากับยายจับปลามาให้กิน (ให้การสนับสนุนและสั่งให้ฆ่า) 

 

-สนับสนุนและร่วมยินดีกับการทำแท้ง 3 ครั้ง + ให้เงินผู้อื่นยืมเงินไปทำแท้ง 1ครั้ง  

 

ขับรถชนนกตายโดยไม่ได้ตั้งใจ (ขับรถอยู่ดีๆมีนกบินตกลงมา ประจวบกับที่รถมาเร็วเบรคไม่ทัน) 

 

-ปล่อยหอย ปล่อยปลาให้ชีวิตใหม่กับเขา แต่สุดท้ายก็ซื้อหอย ซื้อปลาที่เคยปล่อย ปลาช่อนหอยขม มากินซะเอง 

 

-ยุยงให้ผู้อื่นฆ่าสัตว์ (ตุ๊กแก) เนื่องจากกลัวแล้วก็กินเนื้อตุ๊กแก ซะเอง 

 

-ยุยงผู้อื่นและจับหนูในบ้าน โดยให้ติดกับดักกาว พร้อมกับจับมัดใส่ถุงเพื่อไม่ให้มีทางดิ้นหนี 

 

-เห็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยเช่นมดเดินตามทางก็เอาดิน หรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ที่จะไปขวางทางเดินของมัน

 

   - ปิดประตูห้องทับจิ้งจก ทำให้จิ้งจกตาย  

   

   -ขุดดินเจอไส้เดือนกิ้งกือก็โยนเล่น 

 

เห็นสามีเป็นจักรยานใช้เท้าถีบ เตะหรือตีถึงจะเป็นการหยอกล้อก็ตาม 

 

-  เด็กๆชอบเล่นจับแมงมุมตัวเล็ก ส่วนใหญ่ก็ทำให้ขาแมงมุมหลุดประจำ 

 

-  สนับสนุนยินดีกับคนที่ตกปลาโดยใช้ไส้เดือนเป็นอาหาร

 

@กรรมทางใจ : อนุโมทนาร่วมยินดีกับบาปด้วยความสะใจในการฆ่าสัตว์แทบจะทุกชนิด พร้อมทั้งอนุโมทนาเมื่อเห็นข่าวคนร้ายโดยรุมสะกรัม หรือรู้ว่าผู้อื่นจะโดนประหารชีวิตเป็นการตัดสินผู้อื่นโดยที่เราไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ทำตัวประหนึ่งว่าเป็นผู้พิพากษาซะเอง….หรือแม้กระทั่งร่วมสะใจสมน้ำหน้า เวลาที่รู้ว่าคนที่เราไม่ชอบคิดว่าเป็นคนไม่ดีโดยฆ่า

      

@ผลของกรรม :

ทำให้เป็นไมเกรน ปวดหัวบ่อยๆมีอาการปวดเมื่อยที่ช่วงบ่าไหล่ ถ้ายืน-นั่ง นอนจะปวดขาตั้งแต่เขาลงไป (น่าจะเป็นผลกรรมที่หักขาแมงมุม)

 

*ตอนเด็กๆโดนรถชน ทำให้มีเหตุโดนเย็บแผลสดๆโดยไม่ได้ฉีดยาชาที่บริเวณปากแขนคาง

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-17 20:07:18


ความคิดเห็นที่ 5 (1616301)

  สมาทานศีลข้อที่1 (ต่อ)

 ความผิดที่รู้สึกเสียใจและติดอยู่ในใจตลอดสำหรับศีลข้อที่ 1.

เรื่องที่ 1.ช่วยชีวิตปลาช่อนแต่กลับทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ :

ไปเดินตลาดแล้วเห็นปลาช่อนกระโดดออกจากกะละมังก็นึกสงสารเลยซื้อไปปล่อยที่คลองรังสิต พอแกะถุงจะปล่อยเจอปลาช่อนกัดปากถุงซึ่งไม่แน่ใจเป็นเพราะแม่ค้ารัดปลาหรืออย่างไร ด้วยความโง่เขลาใจตอนนั้นคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะเอาถุงออกจากปากของปลา เพราะกลัวมันตายก็คิดแบบโง่ๆว่าต้องเอาถุงออกจากปากมันก่อนมันจะได้หายใจได้

ก็เลยไปเรียกคนที่ขับรถผ่านไปมาให้ช่วย เพราะตนเองกลัวการจับหรือโดนตัวสัตว์ทุกชนิด, ซึ่งชาวบ้านระแวกนั้นก็ได้มาช่วยด้วยการพยายามจะดึงถุงออกจากปากของปลา ปรากฏว่าพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ออก สุดท้ายเขาก็เอาปลาช่อนมาคืนพร้อมในสภาพที่ตัวของมันถลอกเลือดไหล ตอนนั้นก็เลยรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ว่าตนเองไม่น่าเรียกให้คนมาช่วย

สุดท้ายตัดสินใจปล่อยปลาพร้อมกับถุง.... >_<"

 

เรื่องที่ 2.ช่วยแมวจากก็โดนหมากัด รู้ว่ามันได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่พาส่งโรงพยาบาล:

กลางดึกช่วงประมาณตี 3 กว่าๆได้ยินเสียงหมาเห่าบริเวณหน้าประตูรั้วตนเองก็กลัวขโมยเข้าก็เลยไปแอบมองว่าหมาเห่าอะไร ซึ่งข้างนอกมันก็มืด เห็นภาพเหมือนหมากัดอะไรในปากแล้วก็สะบัดไปมา นาทีนั้นคิดว่าหมากัดหนูก็กลับไปนอนต่อ  สักพักหมาก็เห่าและขู่อีกจนทนไม่ไหวเลยเปิดไฟหน้าบ้าน นาทีนั้นช็อคมาก ปรากฏว่าเห็นหมาคาบแมวอยู่ เลยรีบไปเปิดประตูรั้วช่วยแมว….

 ก็ตะโกนเรียกให้แฟนมาอุ้มแมวเขาบ้าน สังเกตุเห็นท้องมันบวมก็คิดว่าที่ท้องมันบวมเพราะโดนหมากัด ก็บอกให้แฟนอุ้มแมวขึ้นรถพาไปหาหมอ แต่แฟนก็ไม่ยอมก็กังวลเรื่องเงินเพราะเดือนนั้นเงินขาดมือ ก็ตัดสินว่ามันไม่รอดเพราะมันหายใจติดๆขัดๆและนอนนิ่ง ประกอบกับะตนเองเป็นคนกลัวแมวมากกก (กลัวแบบไม่มีสาเหตุ) ก็ไม่กล้าอุ้มมันขึ้นรถ เลยตัดสินใจปล่อยให้มันนอน (เตรียมตัวตาย) ในบ้าน

 พอตอนเช้าก็รีบโทรหาแม่บ้านซึ่งเขาก็พามันไปโรงพยาบาล กลับมาแม่บ้านมาบอกว่าแมวท้อง และลูกๆในท้องตายมันทุกตัว….

 เลยรู้สึกผิดมาตลอด พอนึกถึงเหตุการณ์แล้วมันย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ถ้าเพียงแต่มีความกล้าอุ้มแมวขึ้นรถ บางทีลูกๆของมันก็อาจจะรอดก็เป็นไปได้……………..ขอโทษนะ

 

เรื่องที่ 3.ไอ้ยะฉันขอโทษ : 

 มีหมาจรจัดมานอนแถวบ้านซึ่งเจ้าตัวนี้แม่บ้านตั้งชื่อให้ว่า “ยะ” มันเป็นหมาที่แสนรู้มาก ทุกครั้งที่เห็นคนในบ้านเดินเล่นเมื่อไรมันจะคอยวิ่งตามตลอดหรือแม้แต่ขับรถออกจากบ้านก็จะวิ่งตามเหมือนกับวิ่งไปส่ง แต่นิสัยเสียของมันคือชอบกัดทุกอย่างที่ขวางหน้า เช่น ถังขยะ

 แล้วอยู่วันนึงตนเองก็เพิ่งจะซื้อรองเท้ามาใหม่ก็วางไว้ที่ชั้นวางรองเท้าตามปกติ ปรากฎว่าแม่บ้านเปิดประตูรั้วบ้านเพื่อให้เจ้ายะเข้ามานอนในบ้านจำได้ว่ากำลังจะไปเรียนก็หารองเท้าไม่เจอมาเจอรองเท้าในสภาพที่ขาดวิ่น ส่วน อีกข้างก็โดนลากทิ้งกลางถนนนอกบ้าน อารมณ์ตอนนั้นก็โกรธหมามากกกกก ความที่เราตีราคารองเท้าว่ามันแพงตีหมาไปก็ไม่เป็นไร ก็เลยขว้างไม้กวาดแล้วปิดประตูรั้ววิ่งตีเจ้ายะ เต็มแรงด้วยความโมโห ซึ่งมันก็วิ่งหนีแล้วก็ร้องอารมณ์ตอนนั้นไม่มีจิตคิดเมตตาหรือสงสารมันแม้แต่นอน กะจะตีให้มันเข็ดหลาบอย่างเดียว

 ซึ่งพอนึกย้อนเหตุการณ์ก็รู้สึกผิดมาถึงทุกวันนี้ว่า ในวันนั้นตนเองประเมินค่าของเจ้ายะต่ำกว่ารองเท้าซะอีก ทั้งๆทีมันโดนตี มันจะสู้ก็ได้แต่มันก็ไม่ทำ…..

ถ้าแกยังมีชิวิตอยู่หรือไปอยู่ในภพภูมิไหน….อยากบอกว่าฉันเสียใจและขอโทษจากใจจริง และขอให้บุญที่ฉันได้ทำมาส่งให้แกไปสู้ภพภูมิที่สูงขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-17 20:19:56


ความคิดเห็นที่ 6 (1616310)

อนุโมทนากับธรรมทานของคุณหนึ่งค่ะ สาธุ

ได้อ่านเรื่องสุนัขแล้ว เมื่อสมัยยังเป็นวัยรุ่น

ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเท่าที่ควร

ณัชชาก็เคยทำร้ายสุนัขที่เลี้ยงไว้

โดยการใช้ไม้กวดตี โดยไม่มีเหตุผล และไม่คิดปราณี

อีกตัวสุนัขของณัชชาเป็นโรคเรื้อน ขี้เรื้้อนขึ้นทั้งตัว และมันก็อายุมากแล้วด้วย

มันชอบขึ้นมานอนบนบ้าน เราก็รังเกียจ  เพราะเห็นว่ามันไม่สบายเป็นขี้เรื้ิอน 

ก็ไล่มันทุกครั้งให้ลงไปนอนข้างล่าง ไม่ไล่ธรรมดา 

ทุกครั้งที่มันกำลังจะลงจากบ้าน ณัชชาก็ใช้เท้าถีบสุนัขของณัชชา

ให้ลงไป บันใดมันก็สูง 

มันก็ตกลงไป 

คิดแล้ว ณัชชาก็เสียใจ และสำนึก ที่ได้ทำไม่ดีกับสุนัขของตัวเอง 

เมื่อก่อนไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตทุกชีวิตก็เป็นดวงจิตหนึ่งดวง เช่นเดียวกันกับเรา

เพียงแต่ผลกรรมนำมาเกิดเท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว (phueng9574-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-17 21:06:06


ความคิดเห็นที่ 7 (1616613)

โมทนากับน้องหนึ่ง และคุณณัชชา

ด้วยนะคะ

อ่านแล้วทำให้นึกถึงกรรมที่ตัวเองทำไว้กับ มะ หมา

เมื่อตอนยังเด็กอยู่บ้านนอก

ที่บ้านทำสวน มีทุกอย่าง 

(มะพร้าว หมาก มะม่วง มะปราง กล้วย มัน อ้อย ข้าวโพด ฯลฯ)

เข้าเรื่องมะหมาดีกว่า อยู่บ้านนอกแบบนั้น

ก็ต้องเลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้าน ป้องกันขโมย

มีหลายตัว น่าจะ 3- 4 ตัว

เวลาให้อาหารเขากิน เขาชอบแย่งกัน และกัดกัน

เราก็ชอบตี เตะบ้าง เอาน้ำสาดบ้าง

คือสรุปว่า สักแต่ว่าเลี้ยง แต่ขาดเมตตา

ไม่ได้สนใจเขา

และตอนที่ทำงานใหม่ๆ ก็เลี้ยงอีก 1 ตัว

เลี้ยงที่บ้านพัก วันหยุดเราก็กลับบ้าน

พอเขาเริ่มโต ก็จะเริ่มติดตามเราออกไปไกลจากที่พัก

มะ หมา เขาเป็นสัตว์ประเสริฐ

ไม่คิดเนรคุณกับ คนที่ให้ข้าวให้น้ำ

ด้วยความรักของเขา

เวลาไปไหนบริเวณนั้น เขาก็จะตามไป

วันนึงเขาตามไปส่งที่ถนนใหญ่

เขาถูกรถทับตาย

ครั้งนั้นก็เสียใจ และก็ให้คนช่วยเอาร่างเขาไปฝัง

และตอนนี้ก็ยังเลี้ยงไว้อีก 1 ตัว

ต้องกักขังเขาไว้ในบริเวณบ้าน

เอาโซ่คล้องคอ เวลาพาเดินนอกบ้าน

เขาเป็นมะหมา ที่ชอบเทียว

วันๆ นั้งมองแต่นอกบ้าน 

แถมช่วงกลางวัน เขาต้องอยู่คนเดียว(อยู่ตั้งแต่ตัวเล็กๆ)

ตอนนี้ 4 ขวบได้

ก็ตั้งใจเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด จนกว่าจะตายจากกัน

ผลกรรมที่ได้รับอย่างชัดเจน

คือขาดความอิสระ 

จะไปนอกเส้นทางที่กำหนดไว้ ก็จะโกรธ ไม่พอใจ

      *****

             น้องหนึ่งจ๋า รบกวนจ้า ตัวหนังสือเล็กไป คนใกล้สว.ตามองไม่เห็น 

ข้ออ้างอีกแล้วได้เรียน

ธรรมมะจากอาจารย์แม่แล้ว

เห็นโรคเท่ากับเห็นกรรมของตัวเอง

เขาเรียกว่าตาส่อน ชอบดูในสิ่งที่ไม่ดี

ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-19 03:46:04


ความคิดเห็นที่ 8 (1616780)

อนุโมทนากับคุณหนึ่งด้วยนะคะ

อย่างน้อยเรากลับไปแก้ไขไม่ได้

แต่ก็ยังดีที่เรายังสำนึกได้

เพราะบุญของธรรมทานนี้

จะช่วยเตือนเรา เวลาที่เราเริ่มทำผิด

เหมือนเป็นการลดการสร้างบาปไปในตัวเลยค่ะ

ว่าแล้วก็....รออ่านต่ออยู่นะค๊าา

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 03:22:40


ความคิดเห็นที่ 9 (1616931)

สมาทานศีลข้อที่1 (ต่อ)

 ความผิดที่รู้สึกเสียใจและติดอยู่ในใจตลอดสำหรับศีลข้อที่ 1.

เรื่องที่ 4. เมื่อไม่พร้อมจะเก็บเด็กไว้ทำไม :

ตลอดชีวิตตนเองได้รับการหยิบยื่นโอกาสให้สนับสนุนการทำแท้งถึง 4 ครั้ง ถึงตนเองจะไม่ได้ทำเองแต่ก็สนับสนุนทั้งความคิดและคำพูดโดยเจตนาเต็ม 100% 

ครั้งที่ 1---> เพื่อนสนิทเกิดท้องขึ้นมาในสภาพที่ยังเป็นนักศึกษา แถมผู้ชายคนที่ทำให้ท้องก็ให้การสนับสนุนเพื่อนให้ไปทำแท้ง ตัวหนึ่งเองก็เป็นห่วงเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือทักท้วง เพราะจิตคิดให้การสนับสนุนเนื่องจากคิดง่ายๆ ยังไงเพื่อนก็ต้องเอาออกเพราะความจำเป็นมันบีบคั้น ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะยังไม่มีงานทำ ไหนจะทำให้พ่อแม่ตนเองผิดหวัง .....คิดแบบคนไม่มีปัญญา...

จำได้เลยว่าตนเองคอยโทรไปให้กำลังใจเพื่อนในขนาดที่เพื่อนกำลังก้าวขาลงสู่ขุมนรก จนกระทั่งเพื่อนไปเอาเด็กออกเรียบร้อยก็คอยโทรไปหาคอยให้กำลังเพื่อน.....

ครั้งที่ 2--- เหตุการณ์เกิดกับสมาชิกในครอบครัว...ก็คล้ายๆกับครั้งแรก ที่ท้องในสภาพที่ยังเป็นนักศีกษามหา"ลัยอยู่ ซึ่งหนึ่่งก็แนะนำว่าถ้าจะเอาเด็กออกให้ติดต่อกับเพื่อนสนิทของตนเอง (ครั้งแรก)..ชี้นำทางลงนรกเต็มที่เลย พอเขาไปเอาเด็กออกมาเรียบร้อย

เราก็สนับสนุนโดยยกความจำเป็นของการเรียนมาเป็นข้ออ้าง...

 

ครั้งที่ 3--- >เหตุการณ์เกิดกับคนใกล้ชิดอีกแล้วเหมือนกับครั้งที่ 2, แต่ครั้งนี้แตกต่างกันตรงที่ คนใกล้ชิดคนนี้เขาบอกว่าเขาจะไม่ทำแท้งเพราะเขากลัว..พอได้ยินแบบนั้นหนึ่งก็พูดสวนกลับไปคือ "คิดให้ดีดีนะ ยังเรียนอยู่จะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูก ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านรู้จะทำอย่างไร" คนใกล้ชิดคนนี้ก็ยังยืนยันว่าจะไม่เอาออก....ปากก็สวนกลับไปอีก "เรียนมาแล้วคิดได้แค่นี้ก็ตามใจ สุดท้ายก็ไม่พ้นหาภาระหรือเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่น"

ขนาดเราว่าเขาแบบนี้ เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะไม่เอาเด็กออก...กรรมทางวาจา-ใจของตนเองแท้ๆ

ทุกวันนี้เด็กคนนี้ก็ได้รับโอกาสให้ลืมตาดูโลกใบนี้...แต่หนึ่งกลับมองหน้าเด็กคนนี้ไม่เต็มตา...พอนึกถึงความเลวของตนเองก็ละอายแก่ใจทุกครั้งที่คิดแม้แต่จะฆ่าหลานของตนเองได้

ครั้งที่ 4 ---> เหตุมันก็เกิดกับคนใกล้ตัวอีกแล้ว ถึงแม้ครั้งนี้จะพยายามวางเฉยแต่สุดท้ายก็หยิบยื่นเงินท้องให้เอาไปทำแท้ง...แต่ด้วยบุญของเด็ก ก็มีเหตุที่ทำให้เงินที่ให้ยื่นต้องสลาย...เด็กคนนี้เลยรอดพ้นจากการถูกฆ่า...และก็เช่นกันทำให้หนึ่งไม่กล้าจะมองหน้าเด็กคนนี้เพราะนึกถึงความเลวของตนเองที่คิดแม้แต่จะฆ่าหลานในไส้

ที่น่าแปลกใจกับการทำแท้งคือ ตอนเด็กๆได้เคยมีโอกาสดู VDO ที่เกี่ยวกับขั้นตอนการทำแท้ง สิ่งที่จำติดตาคือการดูดเอาเด็กออกมา....ใน VDO เด็กเขาจะพยายามว่ายน้ำ (คร่ำ) หนีจากการโดนดูด (เอาเด็กออก) นี้ขนาดว่าเขายังไม่มีสภาพเหมือนเราเขายังรักชีวิตเลย ซึ่งภาพเหล่านี้ทำให้ตนเองรู้สึกกลัวมาก เพราะรู้ว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิต....จำได้ว่าตอนดู VDO ถึงขนาดร้องไห้ด้วยความรู้สึกสงสาร แต่ที่ผ่านมาตนเองกับต้องมาเป็นผู้ที่ให้การสนับสนับ

แล้วก็ใช้ปัญญาในทางที่ผิดคิดว่าการท้องในสภาพที่ยังไม่พร้อมมันเป็นภาระ คนที่ฉลาดคือคนที่รู้สึกประเมินสถานการณ์ของตนเอง และก็ตัดสินใจที่จะต้องเลือกอนาคตของตนเองเป็นที่ตั้งโดยไม่สนใจถึงชีวิตที่อุบัติในครรภ์

แทนที่จะใช้ปัญญาคิดว่าไอ้ที่ตอนที่คุณๆไปสนุกกันจนมีเด็ก...ผลของความไม่พร้อมมันเกิดจากกามมาทั้งนั้น แล้วจิตวิญญาณของเด็กที่เขาจะมาเกิดเขาก็ไม่ได้ขอมาเกิดสักหน่อย แต่เราไปเอาความสนุกชั่วครู่ชั่วคราวมาทำให้เขาต้องมา เกิดแล้วยังจะมีหน้าไปฆ่าหรือทำร้ายชีวิตที่ไม่รู้เรื่องเรื่องราวอะไรเลย

พอนึกถึงความผิดเรื่องการสนับสนุนการทำแท้งที่ไร รู้สึกถึงความโหด***มอำมหิตของจิตตนเองมาก...

ข้าพเจ้าเจิดหทัย สุวรรณากาศ ขอกราบขอขมากรรมต่อทุกๆดวงจิต ทุกๆดวงวิญญาณที่ข้าพเจ้าได้ให้การสนับสนุนการฆ่า การทำร้ายชีิวิตของผู้อื่น และขอเบิกบุญศีลทานภาวนา ให้กับจิตวิญญาณทุกดวงที่ข้าพเจ้าสนับสนุนการทำแท้ง ขอให้ท่านไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไปด้วยเถอะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 21:24:02


ความคิดเห็นที่ 10 (1616941)

อนุโมทนาบุญค่ะพี่หนึ่ง ตอนนี้รู้สึกโล่งสบายขึ้นแน่ๆเลย รออ่านต่อด้วยคนค่ะ อิอิ

อ่านเรื่องเจ้ายะ ทำให้ขวัญนึกถึงหมาตัวนึงที่ตอนเด็กๆขวัญรักมันมากเล่นกับมันทุกวัน แต่พอนานๆเข้ามีหมาตัวใหม่ ขวัญก็ไม่สนใจมัน แล้วก็ชอบตี ตะคอกใส่

จนกลายเป็นหมาซึมเศร้า หงอยมาก ตาของมันเหมือนจะร้องไห้ แต่ขวัญก็ไม่สนใจ สุดท้ายมันตายด้วยโรคมะเร็ง...

ทุกวันนี้รู้สึกผิดมาก อยากขอโทษ ก็เลยอุทิศบุญให้ หลังจากไปทำบุญที่บ้านสวนฯตอนค่าย 12 ก็จะอุทิศให้อีก T^T


ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 23:09:42


ความคิดเห็นที่ 11 (1617069)

สมาทานศีลข้อที่1 (ต่อ)

 เรื่องที่ 5. จิตขาดความเมตตาอย่างแท้จริง

เพิ่งพิจารณาจิตตนเองได้เมื่อวานคะ...สืบเนื่องมาจากเมื่อวัน เสาร์ที่ 9 มิ.ย ได้มีโอกาสไปร่วมธรรมะบำบัดกับท่านอ.ที่วัดใหม่สันติธรรม ในวันนั้นก็ได้ทราบว่าท่านอ.จะเดินทางมาธรรมะบำบัดอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย ตนเองก็เกิดความคิดว่าจะพาสามีกับลูกมาพบท่านอาจารย์เพื่อมาธรรมะบำบัดด้วย...

แต่ท้ายที่สุดก็มีเหตุทำให้ไม่สามารถพาคนในครอบครัวไปธรรมะบำบัดกับท่านอ.ได้....อืม มันเกิดอะไรขึ้นก็ในเมื่อทั้งใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยก็แล้ว ขอบารมีองค์ปฐมก็แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถไปธรรมะบำบัดได้ ทั้งๆที่เป็นธรรมะบำบัดนอกสถานที่ด้วย แล้วทำไมคนอื่นๆถึงไปกันได้แต่ตนเองกับไปไม่ได้

สุดท้ายมาเกิดปัญญาเอาระหว่างขับรถ ว่าสาเหตุที่ไม่สามารถไปธรรมะบำบัดได้เพราะจิตขาดเมตตาต่อบุคคลในครอบครัวอย่างแท้จริง

เพราะเมื่อชั่งน้ำหนักความอยาก ระหว่าง

A. อยากให้สามีและลูกได้ไปพบท่านอาจารย์เพื่อให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บและได้มีโอกาสรับรู้ว่า ธรรมะของพระพุทธองค์งดงามขนาดไหนแล้ว

B. หวังผลให้ปัญหาในครอบครัวคลี่คลาย (ปัญหาในที่นี้คือ เวลาที่จะไปทำบุญที่บ้านสวน สามีชอบน้อยใจหาว่าจะทิ้งเขากับลูก) ซึ่งจะทำให้การเดินทางไปบ้านสวนสะดวกมากขึ้น

ตอนแรกก็ตอบโจทย์ให้ตนเองไม่ได้ แต่พอพิจารณาจริงๆว่าถ้าเราคำตอบของเราคือข้อ A แล้วทำไมเราถึงต้องหวังว่าการไปครั้งนี้จะทำให้เกิดผลในข้อ B ตามมาด้วย ?? ยิ่งคิด ยิ่งชั่งน้ำหนักความอยากก็พบว่า จิตมันเทน้ำหนักไปทางข้อ B มากกว่า

ทำให้ทราบว่า ตนเองยังต้องปรับปรุงตนเองมาก...เพราะขณะคนในครอบครัวจิตยังขาดเมตตาอย่างแท้จริง ส่งผลให้เราปิดโอกาสที่ควรจะได้รับกับมือแถมเรายังคิดจะเอาปัญหามาให้ท่านอ.ช่วยแก้ไข แทนที่จะใช้ปัญญาของตนเอง

ขอขมาสมเด็จองค์ปฐมกับท่านอ.อุบลที่ลูกโง่เขลาเบาปัญญา ปล่อยให้ความอยากเข้าครอบงำดวงจิตด้วยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-22 02:47:38


ความคิดเห็นที่ 12 (1617503)

 สมาทานศีลข้อที่2 :

 

**สิกขาบทที่ ๒ ***

อทินนาทานา เวรมณี เวรมณี แปลว่า "เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ด้วยอาการเป็นโจร"

สิ่งของที่เจ้าของไม่ให้ได้ในที่นี้ หมายถึงสิ่งของ ๒ อย่าง คือ

๑.สิ่งของที่มีเจ้าของ ทั้งที่มีวิญญาณ 
๒.สิ่งของที่ไม่ใช่ของใคร แต่มีผู้รักษาหวงแหน 

สิกขาบทที่ ๒ นี้มีองค์ ๕ คือ
๑.ของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
๒.รู้อยู่ว่าของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
๓.มีเจตนาจะถือเอาสิ่งนั้น
๔.พยายามถือเอาสิ่งนั้น
๕.ได้ของนั้นมาด้วยความพยายามนั้น

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

 

@ผิดหนี้แผ่นดิน

*ถ้าวิสาสะเด็ดผักผลไม้ตามทางที่ไม่มีเจ้าของเป็นของตนโดยคิดง่ายๆแค่มันขึ้นเองตามธรรมชาติ ทั้งๆที่ก็ไม่เคยรู้ว่าจริงๆแล้วมีคนตั้งใจมาปลูกทิ้งไว้หรือไม่ เช่น เก็บมะขามเทศ ตะขบ มะม่วงกิน

 

*ขโมยเวลาในการทำงานมาเป็นเวลาส่วนตัว : เช่น เล่น internet ในเวลาทำงาน (ส่วนตัว), ไปเดิน shopping ในเวลาทำงาน, ใช้เวลากินอาหารเกินเวลาที่บริษัทกำหนด, เอาเวลาทำงานไปทำธุระกิจส่วนตัวจำพวก จ่ายใบค่าใช้จ่ายส่วนตัว, มาทำงานสายแต่กลับบ้านตรงเวลา

 

*เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายกับบริษัทเกินความจริง : เช่น เบิกค่าแท็กซี่เกินจริง, เบิกค่าน้ำมันรถเกินจริง

 

*ขโมยสินทรัพย์ของบริษัทเป็นของตน : เอากระดาษ A4 กลับบ้าน, print งานส่วนตัวของตนเองในที่ทำงาน, ขโมยอุปกรณ์สำนักงานเป็นของตนเอง (กรรไกร, เครื่องคิดเลข, ปากกา, ไม้บรรทัด…..)

 

*ใช้โทรศัพท์ของบริษัทในกิจส่วนตัวของตนเอง เช่น โทรคุยกับแฟน, โทรคุยกับเพื่อน

 

*คุยโทรศัพท์ในเรื่องส่วนตัว ในเวลาทำงาน

 

*ไม่ตั้งใจในการทำงาน, ทำตัวเกียจคร้าน, ทำงานตามอารมณ์ฉันคือนึกจะขยันก็จะทำ

 

*รับสินบนใต้โต๊ะจากบริษัทขนส่งสินค้าของบริษัท (ที่ทำงานที่แรก) ที่จะให้เอาเงินใส่ซองเป็นของขวัญปีใหม่ 5000 บาท

 

*ยึดถือครองของกำนัลที่ supplier เอามาให้เป็นของตนเอง

 

@ผิดหนี้สงฆ์

*นำอาหารไปทำบุญที่วัดในวันพระ เมื่อพระฉันแล้วก็นำอาหารที่ไปถวายมากินต่อ

 

*ถวายเครื่องสักการะบูชาหิ้งพระที่บ้าน เสร็จแล้วก็ลาแล้วถือวิสาสะนำมาทานเองเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นมงคลกับตนเองและครอบครัว

 

*เวลาที่ไปทำบุญที่วัดก็เอาดินเอาทรายกลับมาบ้านทุกครั้ง โดยมิได้มีความคิดว่าเอาของสงฆ์กลับบ้าน รวมทั้งไม่มีความคิดที่จะขนดินทรายกลับไปคืนที่วัด

 

*ไปทำบุญที่วัดแล้วก็ไปใช้ห้องน้ำวัดพร้อมกับไม่เคยสนใจว่าตนเองไปทำให้ห้องน้ำวัดสกปรกหรือไม่

 

*ไปไหว้พระที่วัดก็ถือครองธูปเทียนที่อยู่หน้าพระประธานเป็นเสมือนของตนเอง หยิบใช้โดยไม่ได้ขออนุญาติและไม่ได้ชำระหนี้สงฆ์คืนให้วัด 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-25 17:45:40


ความคิดเห็นที่ 13 (1617504)

สมาทานศีลข้อที่2 (ต่อ) 

ผิดศีลทั่วไปในข้อ 2.

วัยเด็ก

*ขโมยเงินน้าสาว (ผู้ปกครอง) เป็นของตนเองเพื่อนำไปซื้อขนม

 

*ขโมยขนม-ลูกอม ร้านขายของชำแถวบ้านโดย จ่ายตังค์แต่หยิบของเกินที่กำหนด

 

*ขโมยกินอาหารที่ยายจะตักแบ่งไว้สำหรับนำไปทำบุญถวายพระที่วัด

 

*ทำสินทรัพย์ (จำไม่ได้ว่าเป็นหนังสือหรือของเล่น) ของเพื่อนเสียหายแล้วไม่ชดใช้

 

*ถือวิสาสะเอากระเป๋า, เครื่องสำอาง, เสื้อผ้าของผู้ปกครองไม่ว่าจะเป็นคุณแม่, น้า, ยาย นำมาเป็นของเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ

 

*ถือวิสาสะรื้อค้น ข้าวของ ของใช้ส่วนตัวของแม่-น้า-ยาย ญาติพี่น้องเพราะความอยากรู้อยากเห็น โดยไม่ได้รับอนุญาติ

 

*แอบอ่านจดหมายส่วนตัวของน้า, ของน้องโดยไม่ได้รับอนุญาติ

 

*ทำตัวเยี่ยงโจร คอยไถ่ตังค์รุ่นพี่ รุ่นน้องแม้ตนเองจะคิดว่าเป็นการหยอกล้อ (กรรโชก)

 

*สับเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเชียร์รีดเดอร์ของน้องมาเป็นของตนเอง เพราะคิดว่าของน้องสวยกว่าทั้งๆที่ชุดก็แบบเดียวกัน  (สัปเปลี่ยน)

 

 วัยรุ่น-วัยทำงาน

*แอบขโมยการบ้านเพื่อนมาลอก

 

*แอบขโมยดูคะแนนสอบจากอาจารย์โดยไม่ได้รับอนุญาติ

 

*หยิบเสื้อผ้าของน้องมาใส่โดยไม่ได้รับอนุญาติและรู้ว่าเจ้าของเขาหวงแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ปล่อยให้กิเลสมันครอบงำ (หยิบฉวย)

 

*ถือวิสาสะหยิบเอาของส่วนตัวของญาติ พี่น้องในบ้านไม่ว่าจะเป็นแม่, น้า, น้องๆมาใช้โดยไม่สอบถามเจ้าของว่าเต็มใจให้หรือไม่ (หยิบฉวย)

 

*(หยิบฉวย)พระของยายมายึดคืนเป็นของตนเองโดยไม่ขออนุญาติ

 

*ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ, ไฟ, น้ำมัน อย่างไม่มีสติใช้อย่างสิ้นเปลือง(ผลาญ)

 

*ซื้อสินค้าเลี่ยงภาษี, หนีภาษี (สมโจร) เช่น เครื่องสำอาง, เสื้อผ้า, กระเป๋า

 

*ขอเงินแม่เพื่อเป็นค่าเล่าเรียนเกินจริง (หลอก) แต่เอาไปใช้อย่างอื่นเช่นไปเข้าศูนย์ลดน้ำหนัก, ไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพิ่ม

 

*ยืมของเพื่อนแล้วไม่คืน (ตระบัด)เช่น เกมส์, หนังสือ ถือเอาเป็นของตนเอง

 

*ไปอบตัวที่ร้านเจอหินขัดตัวก็หยิบเอามาใช้โดยไม่ขออนุญาติ พร้อมกับหยิบกลับบ้านยึดมาเป็นของตนเอง

 

*นอกจากนี้ก็ยังชอบของฟรี ทุกครั้งที่ไปพักโรงแรมก็จะหยิบเอาของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำกลับบ้าน เช่น สบู่ แชมพู ยาสระผม

 

*รวมถึงทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบินก็จะหยิบหนังสือพิมพ์ีที่เขาแจกบนเครื่องกลับบ้าน ถึงแม้ไม่ได้อ่านก็ตาม และไม่รู้ว่าการแจกหนังสือนั้นเป็นการแจกเพื่อให้อ่านหรือให้นำกลับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-25 17:48:16


ความคิดเห็นที่ 14 (1617529)

 ขออนุโมทนากับพี่หนึ่งด้วยนะครับ เห็นหลายๆ คนเริ่มออกมาเขียนธรรมทาน กันแล้ว สาธุด้วยนะครับ   

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-25 20:13:15


ความคิดเห็นที่ 15 (1617536)

 ขอบคุณน้องเอิ้นคะ

อย่าลืมไปอ่านความฝันของพี่ที่กระทู้ กระทู้รวมความฝัน ลางสังหรณ์ ลางบอกเหตุ ของนักล่าฝัน สไตล์บ้านสวนพีระมิด

สงสัยเบื้องบนท่านต้องการให้ลูกหลานบ้านสวนรีบเร่ง รีบตื่นตัวกันเสียทีกับบุญของธรรมทาน

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-25 20:53:10


ความคิดเห็นที่ 16 (1617764)

สมาทานศีลข้อ 3

 

กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม 
ชายที่ต้องห้ามในสิกขาบทที่ ๓ ท่านกล่าวแสดงไว้ ๒ จำพวก คือ

๑.ชายอื่นนอกจากสามี เป็นวัตถุต้องห้ามสำหรับหญิงที่มีสามี
๒.ชายที่จารีตห้าม เช่น พระภิกษุ สามเณร เป็นต้น เป็นวัตถุต้องห้ามสำหรับหญิงทั้งปวง

%%%%%%%%%%%%%%%%%

*ทำตัวหว่านเสห่น์ให้เพศตรงข้าม ทั้งทางคำพูดและสายตาโดยไม่คิดจริงจังด้วย

 

*หักอกชาวบ้านเป็นอาจิณโดยการไปสร้างความหวังให้เขาแต่ก็ไม่คบด้วย

 

*แอบชอบรุ่นพี่ที่ทำงานทั้งๆที่รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว

 

*แอบปลื้มเพื่อนสนิท แล้วก็มานั่งทุกข์ใจ

 

*มีอะไรและอยู่กับสามีก่อนแต่งงานโดยไม่ได้ขออนุญาติแม่ก่อน

 

*เคยคบแฟนเป็นทอม

 

*แอบปลื้มแอบชอบผู้ชายที่แต่งงานแล้ว และมีการจับมือถือแขนกัน

 

*ชอบพูดจาเกี้ยวพาราสีคนอื่น 

 

*เวลาแห่งพระที่กริยางดงามก็ชื่มชมแต่ไม่รู้ว่าจิตแอบคิดแว่บไปบ้างหรือเปล่า

 

*แอบปลื้มดารา แล้วก็เก็บไปฝันต่างๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-26 21:01:41


ความคิดเห็นที่ 17 (1617767)

  สมาทานศีลข้อที่ 3 (ต่อ)

ความผิดที่รู้สึกเสียใจและติดอยู่ในใจตลอดสำหรับศีลข้อที่ 3.

 

เรื่องที่ 1.---> ความจริงใจที่สูญเปล่า

ตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสไปรู้จักรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งและหนึ่งในนั้นก็มาชอบพอตนเองก็รู้ว่าเขาชอบก็ทำตัวให้ความหวังกับเขาไปเรื่อยๆจนกระทั่งพี่เขามาคิดจริงจังด้วยก็เริ่มรู้สึกกลัวการผูกมัดและส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับเราเนื่องจากบุคลิกการแต่งตัวไม่ถูกสเปค ก็เลยพยายามหลบหน้าพี่เขา สิ่งท้ายเขาก็ถูกหักอก นอกจากเขาจะเสียใจมากเราก็ยังไปทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับเรื่องชาติตระกูล, การแต่งตัว


นอกจากนี้ในระหว่างนี้เราก็รู้ว่าเพื่อนของรุ่นพี่คนนี้มาชอบ เราก็ไปทำตัวสนิทสนมด้วยเพื่อให้เขาหึงหวงเล่น ทั้งๆที่จริงๆแล้วตนเองไม่ได้ชอบพอใครสักคน ซึ่งก็ทำให้คนที่เป็นเพื่อนกันทั้งสองคนมองหน้ากันไม่ติดเพราะตนเอง

 

เมื่อเทียบกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตพี่คนนี้เป็นคนที่ดีและจริงใจกับตนเองมากที่สุดแต่สิ่งที่เรากระทำและตอบแทนความจริงใจของเขาพอนึกย้อนไปแล้วก็เสียใจมาก

 

เมื่อก่อนก็รู้ว่ามันผิดมันบาปแต่ความเห็นแก่ตัวของตนเองมันเยอะ กับสิ่งที่ได้ทำไว้ ทุกครั้งที่นึกถึงก็รู้สึกว่าตนเองผิดจริงๆและก็เป็นความผิดที่รู้สึกติดแน่นฝังในใจมาถึงทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาสอยากจะขอโทษและขอขมากรรม……..นะคะ

 

 

เรื่องที่ 2. ----> ริอ่านจะคบ 2 ก็โดนหลอกไม่รู้ตัว

ไปหว่านเสน่ห์รุ่นพี่คนหนึ่ง (ต่างสถาบัน) ไม่ว่าจะไปคุยโทรศัพท์แทบจะทุกคืน..ไปเที่ยวไปกินข้าวด้วยกัน และในระหว่างนั้นก็มีเพื่อนร่วมสถาบันมาชอบ ซึ่งเพื่อนคนนี้ตอนที่เขามาจีบ เขาก็บอกว่าเลิกกับแฟนแล้ว ตอนหลังตนเองก็เทใจให้คนนี้มากที่สุด ไปๆมาพอคบกัน (แต่ระหว่างนั้นก็ไม่เลิกกับรุ่นพี่ต่างสถาบัน) ก็มารู้ความจริงที่หลังว่า คนที่เราเทใจด้วยเขายังไม่ได้เลิกกับแฟนเก่า แถมยังไปคุยกับแฟนเก่าว่าเราเป็นคนที่ไปตามจีบตามตื้อเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว สุดท้ายก็เลิกคบกันไป, ส่วนกับรุ่นพี่ต่างสถาบันเขาก็รู้ว่าเราคบกับอีกคนหนึ่งอยู่ สุดท้ายก็เลิกกันไป

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-26 21:08:18


ความคิดเห็นที่ 18 (1617769)

สมาทานศีลข้อที่ 3 (ต่อ)

เรื่องที่ 3. ----> สามเส้าว่ายุ่งแต่นี้สี่เส้ายุ่งยิ่งกว่า

แอบชอบเพื่อนสนิทในกลุ่มและรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วแต่ตนเองก็ยังชอบและคบหายอมเป็นมือที่สามท้ายที่สุดก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง (gig) พอตอนหลังมารู้ว่าเขามีปัญหากับแฟนและก็ได้เลิกกัน ตอนนั้นก็ดีใจเพราะเท่ากับว่าเขาก็จะได้มีแต่เราคนเดียว สุดท้ายกรรมเก่าที่เคยคบซ้อน, หว่านเสน่ห์คนอื่น, ชอบไปให้ความหวังทุกอย่างมารวมตัวกันมารู้ที่หลังว่าที่เราเคยเป็นมือที่สามนั้นเข้าใจผิดถนัดอยู่ๆก็ต้องมาเป็นมือที่สี่ซะไงเพราะแฟนคบผู้หญิงอีกคนหนึ่งซ้อนอยู่ก่อนหน้าแล้ว..และที่บอกว่าเลิกกันก็แค่เลิกกันคนที่สามพอรู้ก็เจ็บปวดมาก มีจิตคิดแว่บอยากจะฆ่าตัวตายประชดแฟน (ผิดศีลข้อที่1) สุดท้ายก็ต้องยื่นคำขาด จนในที่สุดแฟนก็เลือกเราและแต่งงานกันในที่สุด

 

ผิดกรรมที่แย่งแฟนคนอื่น : ทำให้ช่วงแรกที่กับมาคบกัน ตนเองกลายเป็นคนขี้หึง ขี้ระแวง และพาลหาเรื่องทุกอย่างทำร้ายแฟนทั้งทางจำพูดและสายตา (ผิดศีลข้อที่ 1) และไม่มีความสุข

 

เรื่องที่ 4----> สถานะภาพไม่โสดแต่ยังมีกิ๊กทางใจ

ก่อนหน้าที่จะแต่งงานก็ได้มีรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเขาก็แต่งงานมีครอบครัวแล้วมาชอบพอ คุยกันถูกคอเพราะชอบทำบุญเหมือนกัน..หลังจากแต่งงานแล้วก็มีติดต่อหากันบ้าง และตนเองก็แอบมีชู้ทางใจคือจิตจะคิดแว่บคิดรุ่นพี่คนนี้อยู่บ่อยๆ เลิกว่ามีชู้ทางใจร่วม 2 ปีแต่ก็มาตัดใจเลิกคิดได้ตอนที่คิดจะมีลูก

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-26 21:12:01


ความคิดเห็นที่ 19 (1617950)

 

  สมาทานศีลข้อที่ 4

 

*สิกขาบทที่ ๔***

 มุสาวาทา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ แปลว่า "ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากมุสาวาท"
ในสิกขาบทที่ ๔ มีข้อห้ามเป็น ๓ อย่าง ได้แก่
๑.มุสา กล่าวเท็จ  
( ส่อเสียด - หลอก - ยอ - กลับคำ - ทนสาบาน ทำเล่ห์กระเท่ห์ -มารยา- ทำเลส (มุสาเล่นสำนวน) –เสริมความ - อำความ
๒.อนุโลมมุสา กล่าววาจาที่เป็นตามมุสา ( เสียดแทง -.สับปรับ )
๓.ปฏิสสวะ รับแล้วไม่ทำตามรับ 
(ผิดสัญญา-เสียสัตย์ -คืนคำ)


***********************

 

ศีลข้อ 4 เป็นข้อที่หนึ่งจะทำผิดบ่อยมากที่สุด มาจากที่เราเจตนาและไม่เจตนาซึ่งการไม่เจตนาเพราะเราทำผิดศีลข้อนี้ จนมันกลายเป็นอุปนิสัยของตนเองไป บางครั้งก็ถึงขนาดที่สามารถทำผิดโดยไม่คิด คือปากไว พูดโดยไม่ยั้งคิด

 

*ปลอมเอกสารเพื่อหลอกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเวลาที่มีการ audit (หลอก)

 

*ปลอมเปลี่ยนลายเซ็นแม่เพื่อไปติดต่อเบิกเงินกับธนาคาร (ปลอม) ถึงแม้แม่จะอนุญาติให้กระทำการแทน

 

*ปลอมเอกสารเพื่อหลอกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเวลาที่มีการ audit (หลอก)

 

*ชอบใช้คำพูดจาดูถูก เสียดแทงผู้อื่นโดยเฉพาะคนที่มิชอบ หรือคนที่ด้อยกว่าเป็นประจำ

 

*วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นให้เขาเสียหายเพราะมีจิตริษยา

 

*พูดจาเยินยอเพื่อเอาใจคนที่สูงศักดิ์กว่าทั้งๆที่จิตมิได้เห็นด้วย

 

*พูดจาเสริมความ เสริมแต่ง เรื่องราวที่ได้ยินมาจากความเป็นจริง ซึ่งส่งผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย

 

*ตกปากรับคำว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้กับแม่, ตา-ยาย หรือแม้แต่สามีและญาติพี่น้อง รวมถึงเจ้าหน้าและเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่ทำเพราะขี้เกียจหรือไม่ก็รับปากไปแบบส่งๆ เพื่อตัดความรำคาญ (คืนคำ) รวมถึงใช้กริยาท่าทางให้เขาเข้าใจผิดว่าตนเองรับปากหรือเห็นด้วย

 

*นินทาว่าร้ายผู้มีพระคุณ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ตา ยาย ปู่ ย่า ญาติพี่น้อง เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน

 

*ชอบพูดคำสาบาน

 

*พูดจาใส่ร้ายป้ายสีให้คนอื่นเสียๆหายๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้รู้จริง เพราะจิตอิจฉาริษยา

 

*ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด กลับพูดโกหกโยนความผิดให้ผู้อื่น

 

*พูดจายุแยง ส่งเสริมให้เพื่อนร่วมงานแตกแยก

 

*โกหก ปลิ้นปล้อน กระล่อน ตอแหลกับลูกค้าเพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่ญาติพี่น้อง

 

*ดุ-บ่น-ว่า สามีเป็นอาจิณ

 

*ปรามาสครูบาอาจารย์พระสงฆ์บิดามารดาตายายและญาติพี่น้อง

 

*ร่วมฟังและร่วมเออออไปกับคนที่ปรามาสในหลวงและพระราชวงศ์ทุกๆพระองค์

 

*พูดจาประชดประชันมารดา บิดา สามีและญาติพี่น้อง

 

*พูดคำหยาบเวลาโมโหหรือทะเลาะกับคนอื่น

 

*ชอบพูดจาสั่งสอนมารดา และน้าๆ โดยยึดเอาตัวเอาเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 15:46:06


ความคิดเห็นที่ 20 (1618213)

สมาทานศีลข้อที่ 4 

ความผิดที่รู้สึกเสียใจและติดอยู่ในใจตลอดสำหรับศีลข้อที่ 4.

 

 เรื่องที่ 1. --- > โยนความผิดให้น้อง

จริงๆจำเรื่องละเอียดไม่ได้คะ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตัวเองเป็นเด็ก พอคร่าวได้ว่า ตนเองทำความผิดอะไรบางอย่าง อาจจะทำให้เข้าของเสียหาย แล้วพอคุณพ่อถามก็ไม่ยอมรับความผิด กลับโยนความผิดให้น้องสาวคนเล็ก เนื่องด้วยคุณพ่อเป็นคนที่โมโหร้าย ทุกครั้งที่ท่านโกรธหรือเวลาที่ท่านเมา หรือทำโทษลูกๆ ก็จะทำให้น้องโดนคุณพ่อ เฆี่ยนตีลูกๆด้วยสายยาง, ซึ่งทำให้น้องโดนเฆี่ยน ซึ่งนึกเสียใจกับความผิดนี้มาถึงทุกวันนี้คะ

 

เรื่องที่ 2.--- > ยุยงให้สามีกับแฟนเก่าเลิกลากัน

อันนี้เป็นความผิดต่อเนื่องจากการผิดศีลข้อที่ 3 (ทำให้ก่อกรรมทำผิดศีลข้อที่ 1, 2 ,4 รวมด้วย)….ซึ่งตนเองก็ได้โกหก พูดจาใส่สีตีไข่ ยุแยงทำให้ทางสามีและแฟนเก่าแตกหัก คือพูดยุทางสามีเรื่องแฟนเก่า แล้วก็ยังไปพูดกับแฟนเก่ายุให้แตกแยกกับสามีอีก


ผลกรรมที่ได้รับ

*ทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพปากและฟันตั้งแต่เด็ก โดยถอนฟันไปแล้ว 2 ซี่และเป็นคนที่ฟันซี่เล็ก หมอฟันบอกว่าเนื้อฟันอ่อน ซึ่งจะทำให้ฟันเปราะบางกว่าคนอื่น

*นอกจากนั้นก็ทำให้โดยคนใส่ร้ายป้ายสีตลอด และพูดแล้วคนไม่คนเชื่อถือ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-28 19:32:05


ความคิดเห็นที่ 21 (1618223)

 สมาทานศีลข้อที่ 5

*สิกขาบทที่ ๕ ***

สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

สุรา :สุราทำด้วยแป้ง-ขนม-ข้าวสุก-หมักเชื้อ-ปรุงด้วยเครื่องเทศต่าง

เมรัย :น้ำดองดอกไม้-ผลไม้-น้ำผึ้ง-น้ำอ้อย-ปรุงด้วยเครื่องเทศต่างๆ

ข้อนี้สมาทานศีลไม่ยากเพราะเป็นข้อที่ตนเองผิดน้อยมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกข้อ

*ดื่มwine องุ่น

*ลองดื่มเบียร์ ลองกินเหล้า ลองสูบบุหรี่เพราะความอยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร

*กินข้าวหมาก

*กินกาแฟ, กินช็อคโกแล็คที่สอดใส่ wine

*ซื้อเหล้าเป็นของขวัญให้ผู้อื่นเป็นของขวัญปีใหม่, ซื้อเหล้าให้เพื่อนฝูง

*สนับสนุนให้ผู้อื่นดื่มเหล้า, wine, เบียร์ด้วยการชงช่วยชงเหล้าให้ผู้อื่น

*เวลาไปเที่ยวต่างประเทศก็ซื้อบุหรี่, เหล้าให้ผู้อื่น  

*สนับสนุนโดยการให้เงินตา, น้าๆไปซื้อเหล้ากิน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-28 20:14:02


ความคิดเห็นที่ 22 (1618238)

 สมาทานศีล นรกขุมที่ 6-7

สถานที่ของพวกที่ทำผิดศีลทุกข้อทั้งรวมถึงอบายมุข เที่ยวการคืน ติดละคร เกียจคร้านการงาน คบคนชั่วเป็นมิตร ติดเกมส์

***********************

*ทำผิดศีลทุกข้อโดยเฉพาะข้อที่ 4

 

*ชอบเล่นไพ่ โดยเฉพาะดัมมี่และจะเล่นแทบทุกครั้งที่ไปแค้มปิ้ง, กางเต็นท์, ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน ทั้งแม้บางครั้งจะเล่นโดยมีการพนันและไม่มีการพนัน

 

*สนับสนุนการเล่นไพ่ ทั้งเป็นตัวตั้งตัวตี, ซื้อสำรับไพ่

 

*เล่นหวย, ล็อตเตอรี่ รวมถึงให้การสนับสนุนการเล่น โดยการจดหวย, ทำโพยหวยให้ยาย, ชักชวนให้สามีหรือคนใกล้ชิดซื้อหวย

 

*เล่นแชร์

 

*ติดหนัง ติดละคร โดยเฉพาะละครเกาหลี และหนังซีรีย์ของฝรั่ง ติดชนิดที่ไม่หลับไม่นอน

 

*นัดรวมรุ่น กินเลี้ยงในสถานที่อโคจร

 

*ซื้อแผ่นผี ซีดีเถื่อน, โหลดหนัง

 

*ชอบเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์, เกมส์ในโทรศัพท์ มาก

 

*ดู concert

 

*ขี้เกียจทำงาน มักจะทำงานตามอารมณ์ใจ

 

*คบคนชั่วเป็นมิตร โดยเฉพาะคนที่ปรามาสในหลวง

 

*อ่านบทความใส่ร้าย เชื้อพระวงศ์ แล้วก็มีจิตคล้อยตาม

 

*ดูหนังโป๊, รูปโป๊ รวมถึงรูปที่ไม่เหมาะสมของคนที่บารมีสูง

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-28 21:57:22


ความคิดเห็นที่ 23 (1618426)

 สมาทานผิดศีล นรกขุมที่ 8 ปรามาสผู้มีพระคุณ

 

*ตำหนิติเตียนผู้มีพระคุณทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ ปู่ ตา ยาย หรือแม้แต่น้าๆที่เลี้ยงดูตนเอง หาว่าท่านทำความประพฤติที่ไม่เหมาะสมและทำตัวสั่งสอนท่านในบางครั้ง

 

*ปรามาสพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินี พร้อมทั้งเชื้อพระวงศ์ต่างๆ

 

*ติเตียนและทำตัวอกตัญญูต่อหัวหน้างาน ไม่ตระหนักถึงเมตตาและบุญคุณของท่าน

 

*ปรามาสและมีจิตคิดแว่บต่อพระอรหันต์และสมมุติสงฆ์ทั้งหลาย

 

*มีจิตคิดแว่บคิดชั่วและดื้อรั้นกับคำสอนของท่านอาจารย์อุบล

 

 

เรื่องที่ 1.--- > ปรามาสพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี

ช่วงที่ท้องก็ได้ฟังรุ่นพี่ที่ทำงาน 2 คน พูดปรามาสในหลวงทั้งเรื่องการศึกษาของท่าน, เรื่องการมาถวายปริญญาบัตรของเชื้อพระวงศ์, เรื่องการเสด็จเยี่ยมราษฎร์ ซึ่งระหว่างที่เขาพูดปรามาสตนเองก็นั่งเงียบไม่พูด ปล่อยให้เขาพูดว่าพระองค์ท่านโดยมิได้ปกป้อง และบางครั้งก็เผลอมีจิตคิดคล้อยตาม นอกจากนี้ยังอ่านบทความที่เขียนแต่งเกี่ยวกับพระองค์และพระบรมศานุวงศ์อีกด้วย 

นอกจากนี้ยังร่วมฟังคนปรามาสพระราชินีและรวมวิพากษ์วิจารณ์ทุกโดยไม่ได้มองตนเองว่าดีพอหรือยังที่จะไปปรามาสท่าน

 

เรื่องที่ 2.--- > ตัดพ่อตัดลูก

 เนื่องจากคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน ทำให้ตนเองและน้องๆต้องต้องย้ายบ้านไปอยู่กับยายบ้าง กับน้าบ้าง จนเรารู้สึกว่าที่ชีวิตเป็นแบบนี้เพราะคุณพ่อ..ก็เลยโกรธคุณพ่อมากจนปรามาสท่านและทั้งเอ่ยปากและคิดในใจว่า ตัดพ่อลูกไม่เคารพนับถือผู้ชายคนนี้ไปตลอดชีวิต นอกจากนี้จิตคิดไม่ดี คิดปรามาสผู้มีพระคุณอยู่ตลอด

 เมื่อมานั่งคิดที่ชีวิตเราเป็นแบบนี้ จริงๆก็คงจะเป็นกรรมเก่าผูกพันต้องมาพบเจอและชดใช้หนี้กรรมต่อกัน ไม่ว่าท่านจะผิดหรือถูก ท่านก็คือผู้ให้กำเนิดและให้โอกาสเราได้มาเรียนรู้ธรรมะของพระพุทธองค์ ข้าพเจ้าเจิดหทัย สุวรรณากาศ สำนึกในบาปบุญคุณโทษแล้วขอขมากรรมกับคุณพ่อ ที่ได้ปรามาส และมีจิตคิดอกุศลจิตต่อผู้เป็นบิดา พร้อมกับกรรมอันใดที่บิดาได้กระทำต่อข้าพเจ้าขออโหสิกรรมไม่ถูกโทษโกรธเคืองท่านเพื่อไม่ให้มีกรรมผูกพันต่อกัน

เรื่องที่ 3.--- > ตัดพ้อต่อว่าปรามาสมารดา

หลังจากที่คุณพ่อและคุณแม่แยกทางกัน ภายหลังคุณแม่ได้แต่งงานใหม่ ซึ่งตนเองกับพ่อเลี้ยงไม่ค่อยจะถูกชะตากัน จนมีปากเสียงกันอยู่บ่อยๆ ทำให้คุณแม่ที่เป็นคนกลางต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ  จึงคุณแม่ถึงขนาดข้อร้องให้ตนเองสงบปากสงบคำและเลี่ยงที่จะไม่ปะทะกับพ่อเลี้ยง แต่ตนเองก็จะเถียงคุณแม่ทุกครั้งทุกคำพูด ซึ่งบ้างครั้งก็ถึงขนาดแช่งให้พ่อเลี้ยงตาย (ผิดศลีข้อ 1) ซึ่งก็ทำให้คุณแม่สะเทือนใจมาก….

 กรรมนี้ก็ส่งผลให้มักจะได้ลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชาดื้อรั้นมาก และทุกครั้งที่จะทำอะไรหรือตัดสินกับชีวิตก็มักจะมีอะไรมาขัดขวางอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพปากมากกกก

 

เรื่องที่ 4 ----> ตำหนิผู้มีพระคุณเจ้านาย

หลังจากที่เรียนจบก็ได้เข้าทำงานในบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ซึ่งการทำงานในบริษัทนี้จะรับแต่คนที่จบมหาวิทยาลัยของรัฐบาลเท่านั้นและเกรดเฉลี่ยต้อง 3.00 ขึ้นไป ตนเองถึงจะเกรดเฉลี่ยเกินกว่า 3.00 แต่ก็จบจากสถาบันเอกชน แต่โชคดีที่ได้เข้าทำงานในที่นี้ เพราะท่านผู้อำนวยคงจะเห็นว่าเป็นคนจังหวัดเดียวกัน

 ซึ่งในระหว่างที่ทำงานอยู่นั้นตนเองก็มีปัญหากับเลขาของท่านผู้อำนวยการท่านนี้ จนท่านต้องลงมาไกล่เกลี่ย ซึ่งตอนนั้นท่านก็ตำหนิเรา ตอนนั้นก็จิตคิดไม่ดีกับท่านขึ้นมาว่าท่านไม่สอบถามข้อมูลจากเราแล้วก็มาตัดสิน ซึ่งตนเองก็เลยเลิกเคารพนับถือท่าน และก็พูดปรามาสท่านบ่อย แม้แต่ตอนแต่งงานก็ไม่เชิญท่านมาร่วมงานแต่งงาน

 จนกระทั่งมีได้มีโอกาสเจอท่านๆก็เดินเข้ามาทัก แล้วก็ถามไถ่ถึงงานแต่งงาน ว่าไม่เชิญท่านเลย ท่านอยากจะไปงานแต่งงานมากเพราะเป็นศิษย์คนหนึ่งของท่าน ตนเองก็ยังไม่สำนึกพูดโกหกท่าน ให้ท่านเข้าใจว่าฝากการ์ดแต่งงานไปแล้วอีกต่างหาก

 

เรื่องที่ 5 ----> ปรามาสพระอรหันต์และพระสงฆ์

เรื่องแรก : ได้ยินพี่คนหนึ่งท่านพูดว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน และท่านก็นำคำสอนของหลวงพ่อปานมาปฏิบัติในทางที่ผิด ตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้จักทั้งหลวงพ่อปาน-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จิตก็จำข้อมูลมา

พอได้มีโอกาสไปวัดท่าซุง เราก็แอบคิดปรามาสตามข้อมูลที่ได้รับมาทั้งเรื่ององค์ที่ 11 และขนาดของวัด

เรื่องที่สอง : เคารพหลวงตามหาบัว แต่บางคิดจิตคิดชั่วแอบคิดแว่บว่าท่านยุ่งเกี่ยวกับทางโลกมากเกินไปเกี่ยวกับโครงการทองคำช่วยชาติหาว่าท่านไม่วางอุเบกขา ทั้งๆที่อุเบกขาและความกตัญญูต่อแผ่นดินเป็นคนละเรื่อง

เรื่องที่สาม : จิตชั่วคิดแว่บกับสมมุติสงฆ์ที่ทำตัวไม่เหมาะสม ที่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม ไปกราบท่านแต่ไม่เคารพและทำให้ไม่อยากไปทำบุญที่วัด

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-30 03:40:49


ความคิดเห็นที่ 24 (1618434)

เท่าที่อ่านสแกนผ่านรวมๆ

รู้สึกว่าจะมีหลายๆอย่าง

ที่ ชนิดาก็เคยทำมาเหมือนกันนะคะเนี่ย

 

จะหาโอกาสเข้ามาอ่านหลายทีแล้ว

แต่ก็จังหวะไม่ลงตัวทุ๊กที

 

เดี๋ยวจะเข้ามาอ่านใหม่แบบละเอียดๆนะคะ

 

แต่วันนี้ขอเข้ามาร่วมอนุโมทนาก่อน

เพราะรู้สึกชื่นชมและเห็นถึง

ความตั้งใจที่จะ"หลุดกรรม"ของคุณหนึ่งจริงๆ

 

อนุโมทนาด้วยค่ะคุณหนึ่ง

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-30 06:50:12


ความคิดเห็นที่ 25 (1621352)

 เก็บตกสมาทานศีลข้อที่ 3 (ต่อ)

เรื่องที่ 5 : เมื่อกรรมในอดึตชาติย้อนมาส่งผลในปัจจุบัน

  สืบเนื่องจากได้รับความเมตตาจากผู้หวังดีแจ้งให้ทราบว่าเมื่ออดีตตนเองเป็นคนเจ้าชู้ มีพฤติกรรมสำส่อนทางกายและชาติภพปัจจุบันก็ยังจะก่อกรรมด้วยการสำส่อนทางใจอีกต่างหากซึ่งกรรมได้รวมตัวกันทำให้ลูกชายของตนเองมีความผิดปกติทางสายตาอีกด้วย

 

พอได้รับรู้เก็บมาพิจารณาและพิสูจน์ตามหลักกฏแห่งกรรมที่อ.สอน, สิ่งที่เราได้รับรู้มาเป็นเรื่องจริงแน่นอนว่ากรรมในอดึตชาติอันเกิดจากพฤติกรรมเจ้าชู้ ส่งผลให้ตนเองได้รับผลกรรมในปัจจุบัน อะไรคือสิ่งพิสูจน์ ??

 

ผลกรรมที่ได้รับในชาตินี้ก็คือการที่เราต้องตกอยู่ในห้วงความทุกข์ทรมานและต้องต่อสู้กับความหวาดกลัวตั้งแต่เด็กๆคือ เด็กๆตนเองจะถูกลวนลวมทางเพศจากบุคคลที่ใกล้ชิด 3 คนด้วยกัน

 

คนแรกคือเพื่อนรุ่นพี่ที่พยายามจะทำอนาจารตนเอง ทั้งๆที่ตอนนั้นอายุน่าจะประมาณ 5-6 ขวบเท่านั้นแต่โชคดีที่มีผู้พบเห็นซะก่อน

 

คนที่สองคือสามีของน้าสาว ที่พยายามจะล่วงละเมิดตนเอง ด้วยการลูบคล้ำร่างกาย ซึ่งทำให้ชึวิตต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวมาก ไม่กล้าแม้แต่จะเล่าให้ใครฟังโดยเฉพาะกับน้า ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ได้ก่อกรรมขึ้นมาด้วยการสาบแช่งให้สามีของน้าตาย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทนกับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นและพอรู้ว่าเขาเลิกกันก็ยิ่งดีใจมาก

 

คนสุดท้ายคือพ่อเลี้ยง ดูท่ากรรมจะส่งผลรุนแรงเพราะต้องเผชิญชะตากรรมของความหวาดกลัวต้องคอยระแวงระวังเอาตัวรอดจากการถูกลวนลาม  แม้แต่ห้องนอนตนเองยังต้องแอบทำกลอนเพื่อล็อคประตู, ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำกลางดึกเราก็ต้องกลั้นเอาไว้ ซึ่งทรมานกับการใช้ชีวิตแบบนี้อยู่หลายปีเพราะและเป็นเหตุให้ตนเองถึงกับปรามาสมารดา, ทั้งสาปแช่งพ่อเลี้ยงที่เป็นโรคเบาหวานให้ตายวันตายพรุ่งและที่สำคัญก็โยนความผิดให้พ่อบังเกิดเกล้าของตนเองด้วยการกล่าวโทษว่าถ้าท่านยังอยู่กับเราชีวิตเราก็คงจะไม่ต้องเผชิญกับความหวาดกลัวแบบนี้ ถึงเปล่งวาจาตัดพ่อตัดลูกออกมา  

 

เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยเก็บมาคิดพิจารณาแต่พอมาบ้านสวนบ่อยๆขึ้นได้เห็นธรรมทานต่างๆมากขึ้น ก็เลยเชื่อสนิทใจว่าที่เราต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้เพราะกรรมของตนเองอย่างแน่นอน ทำให้รู้ว่าเดิมตนเองและผู้ที่ล่วงละเมิดตนเองคงจะเคยมาจากนรกขุม 3 แน่นอน

ข้าพเจ้าขอขมากรรมกับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายตั้งแต่ในอดีตชาติที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินทุกดวงจิตวิญญาณทั้งกาย-วาจา-ใจ ที่ทำให้ท่านได้รับเจ็บช้ำทุกๆอย่างจากการกระทำของข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าสำนึกในบาปบุญคุณโทษและได้รับรู้ถึงกฏแห่งกรรมว่ายุติธรรมเพียงใด ตอนไปนี้ข้าพเจ้าจะตั้งมั่นดำรงตนเองอยู่ในศีลในธรรมเพื่อกลับบ้านไปนิพพานอย่างเดียวเท่านั้น ข้าพเจ้าขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมขอเบิกบุญศีล ทาน ภาวนาและบุญอันเกิดจากธรรมทานนี้อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกๆท่านขอให้ทุกๆท่านจงไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-26 01:02:15


ความคิดเห็นที่ 26 (1627853)

เก็บตกสมาทานศีลข้อที่ 1 (ต่อ)

เรื่องที่ 6 : ผลกรรมฆ่าแมลงส่งผลให้เป็นลูกเป็นผื่นคัน

เมื่อปีที่แล้ว มีนกพิราบบินมาทำรังที่บ้านและก็จะสะบัดปีกอยู่เป็นประจำทำให้มีแมลงเล็กๆเต็มลานจอดรถ และก็มักจะไต่ตามตัวและเสื้อผ้า และยังกัดทำให้ตนเองและแฟนคันมาก

 

เลยเกิดปัญหาด้วยการซื้อยาฆ่าเห็บฆ่าเหาสุนัขมาแล้วก็ราดที่ลานจอดรถบ้าน ทำให้แมลงตายนับพันๆตัวซึ่งถ้าเป็นกรรมใหญ่เพราะทำร้ายชีวิตผุ้อื่นโดยเจตนา

 

ผลกรรมนี้ก็ส่งผลให้ลูกทำมีอาการแพ้เหงื่อตนเอง และมักจะมีผื่นคันแดง หรือบางครั้งก็เป็นลมพิษที่ผิวหนัง ซึ่งก็จะเป็นๆหายๆตลอด และก็พาน้องไปหาหมอเรื่องลมพิษก็ได้รับคำตอบตามหลักการแพทย์ว่า 90% เป็นโรคที่ยังหาสาเหตุไมไ่ด้

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-04 22:32:37


ความคิดเห็นที่ 27 (1628052)

ส่วนใหญ่เวลาที่คุณหมอบอกว่า

เป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้

สันนิษฐานได้ง่ายๆเลยว่า 

เป็น"โรคกรรม" แน่ๆ

 

เพราะถ้าคุณหมอ หาสาเหตุได้

ก็คงจะหาวิธีรักษาให้"หาย"ได้

เจ้ากรรมนายเวรก็คงจะไม่ได้แก้แค้น

 

แต่คุณหนึ่งเก่งกว่าคุณหมออีกนะเนี่ย

รู้สาเหตุด้วยตัวเองแล้ว

 

อนุโมทนากับธรรมทานด้วยค่ะ คุณหนึ่ง

เพราะแมลงเค้าก็มีชีวิตเนอะ

ชนิดาเองก็เคยฆ่ามาเยอะนะ

ก็เลยมีอาการคันๆให้ได้เกา

ตามแขนตามขาอยู่เนืองๆเหมือนกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-06 05:18:55


ความคิดเห็นที่ 28 (1628613)

แต่คุณหนึ่งเก่งกว่าคุณหมออีกนะเนี่ย

รู้สาเหตุด้วยตัวเองแล้ว

 

อนุโมทนากับธรรมทานด้วยค่ะ คุณหนึ่ง

เพราะแมลงเค้าก็มีชีวิตเนอะ

ชนิดาเองก็เคยฆ่ามาเยอะนะ

ก็เลยมีอาการคันๆให้ได้เกา

ตามแขนตามขาอยู่เนืองๆเหมือนกัน

****************************************** 

 

 

 

 

ขอบคุณ "คุณชนิดา"

 

ที่คอยให้กำลังใจหนึ่งนะคะ

 

มีหลายๆครั้งที่เจอบททดสอบ

 

แล้วท้อขึ้นมาก็ได้สติจากข้อความของคุณชนิดาอยู่บ่อยๆ

 

ขอบคุณมากๆเลยคะ ^___^

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-11 04:34:52


ความคิดเห็นที่ 29 (1628614)

 เก็บตกสมาทานศีลข้อที่ 2

เรื่อง: เมื่อตนเองต้องมาถูกขโมยผลงาน

ตามธรรมดาของคนทำงานที่ต้องมีการเสนอไอเดีย ความคิดปรับปรุงกระบวนการทำงาานต่างๆให้เป็นระบบมาก และผลงานที่เราได้ทำก็จะเป็นตัววัดการประเมินการทำงานเพื่อนำมาปรับเรทเงินเดือนในแต่ละปี

 

ซึ่งๆหลายๆครั้งที่ผลงานของตนเองมันจะถูกทีมระดับ region หรือแม้แต่ลูกน้องเก่านำไปใช้แล้วก็อ้างว่าเป็นผลงานของตนเองอยู่บ่อย นอกจากนี้ยังไม่มีการให้เครดิตการทำงานกับตนเองแม้แต่น้อย, หลังจากมาเริ่มสมาทานศีลก็เลยมาพิจารณาคิดถึงกรรม อะไรถึงทำให้ผลงานที่เราทำกับกลายเป็นผลงานของผู้อื่นอยู่บ่อยๆ ??

 

จิตมันนึกถึงกรรมที่เราผิดศีลข้อที่ 2 คือ การสนับสนุนเทปผี ซีดีเถื่อน สินค้าต่างๆที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์ ของก็อป***แทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะ โหลดเอ็มพี 3, กระเป๋าก็อป ซึ่งเป็นกรรมเย็นๆ เนียนๆ ที่มาทำให้เราต้องมาเจอเหตุการณ์และรับรู้ความรู้สึกของคนที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เจ้าของไอเดีย ว่าเขารู้สึกอย่างไรเวลาที่ผลงานตนเองถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-11 04:35:33


ความคิดเห็นที่ 30 (1628831)

โห..เรื่องซื้อของก็อป...เนี่ย

ชนิดาก็สนับสนุนกิจการเหล่านี้

มาเยอะแล้วเหมือนกันค่ะ

 

พอมาอ่านบาป

และผลกรรมจากคุณหนึ่งแล้ว

ก็ตรงดีนะคะ แถมทำให้เข้าใจ

ความรู้สึกของเจ้าของไอเดีย

เหล่านั้นจริงๆด้วย

 

แต่โชคดีนะคะ

ที่เดี๋ยวนี้กฏหมายบ้านเรา

เริ่มเอาจริงเอาจังกับสินค้าปลอมๆ

ที่ก็อปของดังราคาแพงแล้ว

 

ก็เลย...ไม่มีให้เห็น

หรือ ให้ชื้อ ได้อีก..ต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-12 07:04:41


ความคิดเห็นที่ 31 (1637106)

 การคบคนชั่วเป็นมิตร : กรรมเพิกเฉย

เมื่อไม่นานหนึ่งได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านสามีและได้นำคู่มือหนีกรรมและรหัสอ.อุบลช่วยด้วยไปแจก พร้อมกับได้แจ้งเตือนครอบครัวสามีเรื่องเหตุภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้น ซึ่งที่บ้านสามีก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ จึงได้เล่าให้ฟังว่าถึงกฏแห่งกรรมและจิตวิญญาณจะมาทวงคืนต่างๆ ก็น่าเศร้าใจมากที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าจะมีเหตุภัยพิบัติแต่ไม่สามารถเลิกทานเนื้อสัตว์ได้ ได้แต่บอกว่าจะลดให้น้อยลง….(แอบนึกถึงประโยคที่หลวงพ่อฤาษีบอกว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวที่สุด)

 หนึ่งได้นำคู่มือหนีกรรมและแผ่นพับรหัสอ.อุบลช่วยด้วยไปแจกพ่อสามี ซึ่งท่านก็รับแต่โดยดี (ตอนนั้นก็แอบดีใจ) และก็ได้ยินพ่อสามีถามสามีเกี่ยวกับท่าน อ.อุบลแต่หนึ่งไม่ได้สนใจฟังเพราะดูลูกชายอยู่

สักพักพ่อสามีก็เริ่มบทสนทนาถามหนึ่งเกี่ยวกับท่านอ.

พ่อสามี : .อุบลเป็นเจ้าของสำนักไหน?

หนึ่ง : เปล่าคะอ.ไม่ได้เป็นเจ้าของสำนักที่ไหน ท่านอ.มีแต่บ้าน และท่านเปิดบ้านเพื่อบำบัดกรรมต่างๆทำให้คนที่มีโรคภัยต่างๆดีขึ้น

พ่อสามี : คืออะไร

หนึ่ง : ให้คนออกมาเล่าความผิดที่เคยทำจะทำให้หายจากโรคได้

พ่อสามี : คนแบบนี้จะทำให้คนหลงแล้วก็บริจาคเงิน

หนึ่ง : แต่ท่านอ.ไม่รับเงินใครง่ายๆนะคะ ที่สำคัญที่บ้านสวนเน้นทำบุญแรงกายกับสร้างธรรมทาน

พ่อสามี : ก็นั้นแหละแบบนี้ที่จะทำให้คนมาบริจาคกันเยอะๆเหมือนกับยันตะ

หนึ่ง : แต่ท่านอ.ไม่เคยเน้นเรื่องตังค์นะพ่อ

พ่อสามี : แล้วที่นั้นฝึกกันอย่างไง

หนึ่ง : ท่านอ.เน้นเน้นทำกรรมฐานแบบที่ให้สร้างพระ เพื่อเป็นการฝึกทำสมาธินะคะ

พ่อสามี : แล้วเคยใช้เครื่องสำอางพาเมล่าไหม? ดีจริงหรือ

หนึ่ง : เคยคะ แต่หนึ่งใช้แบบผิดกฏ ท่านอ.ให้อ่านคู่มือให้ได้ 9 ตอนก่อนถึงจะใช้ได้แต่หนึ่งยังอ่านไม่ครบก็แอบใช้

พ่อสามี : ต้องอ่านให้ได้ 9 ตอนด้วย อืม อ.คนนี้ลูกเล่นเยอะ

หนึ่ง :……………(ได้แต่คิดในใจว่าเอาแล้วเดี๋ยวได้โดนจัดหนัก)…พ่อคะ อาจารย์อุบลท่านไม่ธรรมดานะ ถ้าท่านไม่ดีจริง แม้แต่พระทางเหนือดังๆ ครูบาคงไม่ให้ความนับถือท่านหรือเรียกท่านว่าอาจารย์แม่หรอก หรือแม้แต่ดร.อาจองค์ ท่านก็ยังมาร่วมกิจกรรมค่ายต่างๆที่บ้านสวนเลย

พ่อสามี :…แกก็พูดเรื่องต่างๆเกี่ยวกับดร.อาจองค์

พ่อสามี : อืมถ้าดร.อาจองค์คบ อาจารย์คนนี้ก็ใช่ได้….(แต่ในใจหนึ่งคิดอ้าวถ้าไม่เอ่ยถึงดร.อาจองค์ แสดงว่าพ่อไม่ให้ความเคารพท่านอ.ใช่ไหม)

 

สำหรับสิ่งที่หนึ่งได้รับครั้งนี้คือ หนึ่งสอบตกบททดสอบครั้งนี้ ตนเองไม่มีความเข้มแข็งมากพอที่จะพูดกับพ่อสามีทั้งๆที่ในกิจกรรมค่าย 13 ได้มีการทำแบบทดสอบถึงวิธีการพูดโต้ตอบ..อุบลไปทำอะไรให้ ที่ตำหนิท่านแล้วคุณดีกว่าท่านแล้วหรือ ทั้งๆที่ในใจรู้สึกขึ้นมาว่าพ่อสามีเป็นคนพาลและรู้สึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์ว่าทำไมท่านถึงห้ามไม่ให้คบคนชั่วเป็นมิตร เพราะวันหนึ่งเราอาจจะเดือดร้อนเพราะคำพูดและการกระทำทั้งทางตรงและทางอ้อมก็ได้

 ผลกรรมที่หนึ่งได้รับคือ หนึ่งมีอาการเจ็บคอมีเสมะในลำคอ แม้จะใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยก็ไม่ได้ผล

กราบขอขมากับท่านอ.ที่ลูกขี้ขลาดตาขาว ไม่มีความเข้มแข็งกล้าหาญ แทนที่จะโต้ตอบเพื่อปกป้องท่านอ.แต่หนึ่งกลับพยายามจะชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อให้พ่อสามีหยุดปรามาสท่านอ.แทน กราบขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่หนึ่งไม่ทำหน้าที่ให้สมกับความเมตตาและความสุขต่างๆที่ได้รับจากบ้านสวนพีระมิดโดยเฉพาะเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-28 21:32:19


ความคิดเห็นที่ 32 (1637107)

 นักแฮกเกอร์ตัวยง

หลังจากที่หนึ่งเริ่มทำผิดศีลข้อ3 + 2+ 4 ไม่ว่าจะเป็นการที่เราไปแอบชอบแฟนชาวบ้าน แล้วก็ไปยุ่งกับแฟนชาวบ้านเขาและท้ายที่สุดเราก็คือผู้ชนะในเกมส์แต่เป็นผู้ที่แพ้ใจตนเองอย่างยับเยินนั้น

ระหว่างนั้นที่หนึ่งก็ได้ทำผิดศีลข้อ 4คือคอยพูดจายุยงส่งเสริมให้สามีกับแฟนเก่าของเขาทะเลาะกันรวมทั้งกิ๊กอีกคนของสามี โดยการใส่ไฟต่างๆนานาพูดง่ายๆว่าโกหกปริ้นปร้อนกระล่อนตอแหล แต่การที่เราจะใส่ไฟใครสักคนเราก็จำเป็นต้องรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายด้วย...จึงเป็นที่มาให้หนึ่งทำผิดศีลข้อที่2 เพิ่มขึ้น (นอกเหนือจากการแย่งของๆผู้อื่น)

 หนึ่งได้ใช้คอมพิวเตอร์ของสามีและก็แอบขโมยดูข้อมูลต่างๆที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ ทำให้เจอข้อมูลต่างๆของแฟนเก่าและกิ๊กของสามี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการทำงาน, รูปภาพ รายงานต่างๆและที่สำคัญก็เจอว่าแฟนเก่าของสามีได้มีการ login email ที่คอมพิวเตอร์ด้วย...

จึงได้หาโปรแกรมแฮกข้อมูล password เพื่อจะขโมย password email ซึ่งก็ทำสำเร็จคือได้รหัสผ่านของทั้งคู่และก็ได้ล็อคอินเพื่ออ่านเมลของทั้งสองคนเพื่อนำข้อมูลมาใส่ไข่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกั

ทำให้ทั้งคู่หวาดระแวงกันมากขึ้นว่าทำไมหนึ่งถึงรู้ข้อมูลของทั้งสองคน ทางแฟนเก่าของสามีก็คิดว่าสามีเอาเรื่องของเขามาเล่าให้หนึ่งฟัง ในขณะที่ทางสามีก็คิดว่าทางแฟนเก่าของเขาโทรมาหามาคุยกับหนึ่ง...แต่เรื่องราวต่างๆก็ยังคงยืดยื้อมาเกือบปีและเป็นช่วงเวลาที่หนึ่งเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นแต่ละวันหาความสุขในชีิวิตไม่ได้ เพราะต้องคอยระแวงหาเวลาแอบlogin เพื่ออ่านemail รวมถึงแอบลบ email ที่ทั้งคู่ส่งหากัน. 

จนกระทั่งหนึ่งตัดสินที่จะยุติการกระทำของตนเองเพราะรู้สึกว่ายิ่งตนเองต้องมาพยายามมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณค่าของตนเองมันน้อยลงมากเท่านั้นและก็ตัดสินยื่นคำขาดกับสามีตนเองและสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกหนึ่งและเลิกติดต่อกับแฟนเก่าของเขา แต่หนึ่งกลับไม่มีความสุขเลย และก็จะหงุดหงิดโมโหแฟนมาก บางครั้งแค่เห็นหน้าก็ของขึ้นอารมณ์ทั้งรักทั้งเกลียด และก็เริ่มไม่แน่ใจตนเองว่าเรารักคนนี้จริงๆหรือเพียงแค่ต้องการจะเอาชนะแฟนเก่าของสามีกันแน่ 

 ลึกๆเริ่มกลัวบาปกรรมจึงได้คิดโยนความผิดในสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปให้สามีเช่น ถ้าเขาไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเราชีวิตเราคงจะดีกว่านี้, เราคงไม่ต้องทำบาปทำกรรมมากมายขนาดนี้แต่ไม่เคยมองหรือส่องกระจกดูตนเองเลยว่าถ้าเรามั่นคงในศีลเราจะไม่คล้อยตามต่อสิ่งที่ยั่วยุแต่อย่างไร และยิ่งรู้ว่าสิ่งที่เราได้กระทำลงไปนั้นตนเองไม่สามารถที่จะย้อนกลับมาแก้ไขมันได้อีกก็ยิ่งทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกผิดนี้ติดอยู่ข้างในตลอดมา

 เมื่อกรรมจากการกระทำในครั้งนั้นรวมตัวกันก็ทำให้หนึ่งมักจะโดนทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องในที่ทำงานใส่ร้ายอยู่เสมอๆและเขาก็ไปยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นไม่ชอบเราไปด้วยแม้กระทั่งลูกน้องที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้แค่วันเดียวก็พลอยโดนยุไปด้วย....

 แต่สิ่งที่ทำให้หนึ่งสามารถยืนหยัดอยู่ในโลกปัจจุบันได้และก็ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นเขาจะคิดกับตนเองอย่างไรก็คือคำสอนต่างๆของท่านอ.ทำให้ตนเองไม่เอาเรื่องราวเล่านั้นเก็บมาคิดหรือเอามาเป็นอารมณ์และสามารถทำงานอย่างมีความสุข แต่ก็ยังมีบางครั้งที่ก็ทำให้หนึ่งกลายเป็นคนโง่แอบของขึ้นและคิดไม่ดีกับคนอื่น และถ้าวันนั้นมีอารมณ์ที่เป็นลบก็จะโดนเบื้องบนท่านจัดให้คือจะเวียนหัวปวดหัว ไมเกรนขึ้นทันทีแม้ว่าจะใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยก็ไม่ได้ผล นอกจากจะสำนึกในความผิดที่ทำตัวเป็นคนโง่ไปโกรธหรือคิดร้ายกับผู้อื่น

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-28 21:35:52


ความคิดเห็นที่ 33 (1638249)

 

น้องหนึ่งคะ เป็นธรรมทานที่ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ

พี่นุชนั่งอ่านอยู่ พอลูกเข้ามาก็ได้อ่านออกเสียงให้ทั้งลูกชายและลูกสาวฟังไปด้วย

ลูกสาวฟังไปและร้องโอ้โห ขนาดนี้เลยหรือ

เรื่องกรรมผิดศีลข้อ3อยากให้ลุกได้ฟังไว้จะได้ไม่ทำอะไรพลาด

และเช่นเรื่องของการซื้อของก๊อป ได้อธิบายเพิ่มไปว่า

เราสนับสนุนให้คนทำผิด และทำให้อีกฝ่ายเสียประโยนช์

เราอาจได้เจอเองซักวันหนึ่งอย่างเช่นธรรมทานที่ได้ฟังนี้

การสมาทานศีลของน้องหนึ่ง พี่เชื่อว่าจะเป็นเป็นประโยนช์ต่อวัยรุ่น

ที่เข้ามาอ่านได้อย่างมากมายทีเดียว แทบทุกจุดให้แง่คิด

และกลับมาสำรวจตนเองว่าเคยทำ เคยคิดอย่างนี้บ้างหรือเปล่า

 ส่วนมากก็จะเคยทำมาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้ลงละเอียดได้เท่าน้องหนึ่ง

เลยช่วยพี่ให้คิดขึ้นมาได้ว่า กรรมนี้เราก็เคยทำ กรรมนี้เราก็เคยคิด

ต้องขอยกให้เป็นไอดอลของการสารภาพกรรมที่ละเอียดและสุดยอดที่สุด

คนนึงเลยค่ะ (จากใจจริง)

 

ขอให้ผลบุญที่ได้สมาทานศีลสารภาพกรรมนี้

ดลบันดาลให้น้องหนึ่งหลุดพ้นกรรม และเข้าสู่กระแสนิพพานโดยเร็วพลันนะคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 10:38:07


ความคิดเห็นที่ 34 (1638576)

พี่นุชคะ ขอบคุณที่ให้กำลังใจกันนะคะ...

และขอบคุณสำหรับเมตตาจิตท่ี่มีให้กันคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 23:06:26


ความคิดเห็นที่ 35 (1638577)

 อนุโมทนาบุญแห่งธรรมทานนี้ด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น จตุพล ยอดวงศ์พะเนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 23:11:42



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.