ReadyPlanet.com


กระทู้รวมคำสารภาพบาปและคำขอบคุณของชนิดา


คิดจะเปิดกระทู้นี้มาตั้งนานแล้ว

แต่ก็ติดโรคเลื่อน ทุ๊กที 

ทั้งๆที่เห็นๆอยู่ว่า

พี่น้องบ้านสวนฯเค้า เปลื้องทุกข์

ปิดนรกกันไปตั้งหลายขุมแล้ว

 

แต่ชนิดาก็ยังไม่ได้ฤกษ์

ที่จะ"ปิดขุมนรก"ของตัวเองซักที

เพราะถึงแม้จะได้ออกไปสารภาพบาป

สมาทานศีลห้ามาแล้ว

 

แต่เมื่อได้อ่านธรรมทาน

จากหลายๆท่านแล้ว ก็ค้นพบว่า

ยังมี"อกุศลกรรม" อีกมากมาย

ที่ยังติดอยู่ในดีเอ็นเอของชนิดาอยู่

 

ฉะนั้น จึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเ็ซ็ท

รหัสพันธุกรรมที่เคยมี

ให้กลายเป็น มนุษย์สายพันธ์ุใหม่

ที่ดีกว่าเก่า...ให้ได้ 




ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-05-27 06:47:50


<< ก่อนหน้า 1 2 [3]

ความคิดเห็นที่ 201 (1627259)

อนุโมทนากับคุณตุ้ย และคุณกัญญานีด้วยนะคะ สาธุ จากที่รู้กันว่า ณัชชาเป้นคนหนึ่งที่มีกรรมหนัก

เรื่องกรรมผิวพรรณ

วันนี้ก็จะมาสารภาพบาปเรื่องที่ก่อให้เกิดกรรมผิวพรรณค่ะ

ตอนกลับไทย ณัชชาก็โมโหให้พี่ ที่ไม่ยอมค้ำประกันเรื่องเงินให้ 

จนทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องทะเลาะกัน 

เพราะเรื่องนี้ 

เวลาแม่สอนหรือพูดอะไร จะหงุดหงิด และโมโหในใจ

ให้แม่ตลอด 

ตอนสมัยเรียนหนังสือที่มหาลัย

ก็อิจฉาเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่เขาหน้าตาสวย 

ณัชชาเป็นคนขี้โกรธ ขี้โมโห และอิจฉา ริษยา  ผลกรรมที่ได้รับก็อย่างที่เห็น คือสิวเต็มแผ่นหลัง

และสิวผดที่หน้าผาก

เพิ่งจะมารู้จักตัวตนของตัวเอง ว่าเป็นคนประเภทนี้ ก็เพราะได้มารู้จักบ้านสวนพีระมิด และท่านอาจารย์อุบล 

ถ้าไม่ได้ความเมตตาจากท่านอาจารย์อุบล ณัชชาคงยังหาทางสว่างไม่เจอ

กราบขอบคุณท่านอาจารย์อุบล ที่เมตตาค่ะ  สาธุ

และเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับพี่ชนิดา

ที่ไม่ให้ประมาท เพราะเจ้ากรรมนายเวรเขาจ้องเล่นงานเรา

ช่วงหลุดๆ 

เพราะณัชชาจิตตกบ่อย นี่คือผลของกรรม ที่ผิดศีล ทำให้คิดไม่ดีต่อผู้อื่นอยู่บ่อยครั้ง

เพราะจิตแว๊บไป 

บางครั้งบางทีจิตก็คิดไม่ดีต่อท่านอาจารย์อุบล แค่แว๊บเดียว ผลที่ได้รับ 

อ่างล้างหน้าบาดนิ้ว เลือดไหล 

กราบขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล ที่จิตแว๊ปไป คิดไม่ดี ต่อท่านอาจารย์ 

ให้อภัยณัชชาด้วยนะคะ สาธุ 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-31 11:31:35


ความคิดเห็นที่ 202 (1627358)

ขออนุโมทนาธรรมทานของคุณชนิดา และของทุกๆคนด้วยครับ

ผมได้อ่านธรรมทานของคุณชนิดาเป็นประจำ ต้องขอขอบคุณอย่างมากๆ และขอขอบคุณในทุกธรรมทานของทุก ๆ คน ด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-31 21:54:43


ความคิดเห็นที่ 203 (1627364)

เว็ปบ้านสวนนี่ คุยเรื่องไม่ดีเรื่องเลวๆ ของตัวเอง ได้อ่านได้ฟังแล้ว แต่อยากทำแต่ความดี เมื่อแต่ก่อนไม่อยากฟังเรื่องที่ไม่ดี ไม่อยากเล่าสิ่งที่ไม่ดี จะปิดบังความเลวของตัวเอง แต่ก็ยิ่งทำความเลวมากขึ้น มีแต่หมักหมมแต่เรื่องเลวๆที่เราไม่ยอมรับ  เดียวนี้ได้คุยแต่เรื่องเลวๆ ของตัวเองออกไป เหมือนยกอะไรที่หนักๆ ออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

กราบขอบพระคุณพุทธองค์ฯ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ เทวดาที่รักษา อ.อุบล อ.อุบล และลูกบ้านสวนทุกท่านที่มอบธรรมทานทีมีคุณค่า

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-31 22:22:43


ความคิดเห็นที่ 204 (1627538)

เว็ปบ้านสวนนี่

คุยเรื่องไม่ดี เรื่องเลวๆ ของตัวเอง

ได้อ่านได้ฟังแล้ว

แต่อยากทำแต่ความดี

 

แต่เมื่อก่อนไม่อยากฟังเรื่องที่ไม่ดี

ไม่อยากเล่าสิ่งที่ไม่ดี

จะปิดบังความเลวของตัวเอง

แต่ก็ยิ่งทำความเลวมากขึ้น

 

มีแต่หมักหมมแต่เรื่องเลวๆที่เราไม่ยอมรับ 

เดี๋ยวนี้ได้คุยแต่เรื่องเลวๆ ของตัวเองออกไป

เหมือนยกอะไรที่หนักๆ

ออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

.................................

จริงด้วยสิ พอนึกตามที่คุณจุมพลเขียนมา

ก็ต้องอ้าปากหวอ..

โอ้ แม้เจ้า มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

เมื่อก่อนพยายามสรรหาแต่เรื่องดีๆ

ของตัวเองมาพูดให้คนอื่นฟัง

 

แต่ลับหลังหรือลับหน้า

กลับทำแต่เรื่องเลวๆ

พอตอนนี้กล้าพูดเรื่องเลวๆของตัวเอง

แต่กลับละอายที่จะทำความชั่ว

และอยากจะเป็น"คนดี"ให้ได้...


ฉะนั้น พวกเราจงมุ่งมั่น

ที่จะเล่าความชั่วของตัวเองต่อไปนะคะ


อนุโมทนากับธรรมทาน

และความคิดเห็นจากพี่น้องทุกๆท่านด้วยนะคะ

สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-03 04:57:33


ความคิดเห็นที่ 205 (1627539)

ได้ทราบผลกรรมเพิ่มเติม

จากกรรมที่มีส่วนรู้เห็น

ในการทำแท้ง

 

ยิ่งนับวัน ชนิดายิ่งได้เห็นผลกรรม

ของตัวเองชัดเจนยิ่งขึ้น

 

เพราะในชีวิตที่ผ่านมา รับรู้ได้ชัดว่า

ไม่มีอกุศลกรรมอันใดเลย

ที่เราจะหลีกเลี่ยงได้

เพราะบุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป

 

อย่างที่เคยเป็นกิ๊กกับสามีชาวบ้าน

วันนึงสามีเราก็ไปมีกิ๊กบ้าง

เพื่อให้เราได้รับรู้ความรู้สึก

ของผู้ที่ถูกกระทำนั้น

ว่ามันเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด

 

 

และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ก็มีเหตุให้ชนิดาได้มีโอกาส

ไปตรวจภายในด้วยการ อุลตราซาวน์

 

แล้วก็ได้รู้ว่า ตัวเองมีก้อนเนื้อ(ที่ไม่ร้าย)

แถวๆรังไข่2ก้อน

ขนาด 3เซ็นต์กว่าและ 4เซ็นต์กว่า


แล้วก็เป็นซีลส์ขนาดเกือบ 2 ซม. อีก 1 ที่

 

เรียกได้ว่า อยู่ดีๆก็มีเหตุด่วนให้ไปตรวจ

ซึ่งเป็นการตรวจส่องกล้อง

เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ

 

ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดๆอยู่เหมือนกันว่า

ด้วยอกุศลกรรมที่เราเคยทำ

เรื่องมีส่วนรู้เห็นในการทำแท้งนี้

อาจจะส่งผลให้อวัยวะภายใน

เป็นปัญหาได้

 

แต่ก็ชะล่าใจไม่เคยคิดตรวจ

แล้วก็แอบหวังอยู่เล็กๆว่า

เราคงจะไม่เป็นหรอก...(หึ หึ)


ยอมรับค่ะว่า พอได้รู้ก็ตกใจบ้าง

แต่ก็ยังสบายใจอยู่ เพราะคุณหมอบอกว่า

ทั้งสองก้อนไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด

จึงไม่ต้องผ่าตัด

เพียงแต่ต้องคอยเช็คปีละสองครั้งก็พอ

 

ส่วนก้อนซิสต์ ก็รักษาด้วยการกินยา

ก็อาจจะเล็กลงและหายเองได้

 

ลึกๆชนิดาก็คิดว่า ถึงเวลาตรวจอีกที

ก้อนเนื้อเหล่านี้อาจจะหายไปเองก็ได้นะคะ

เพราะจะว่าไปแล้ว

พวกเค้าอาจจะอยู่กับชนิดา

มานานหลายปีแล้วก็ได้

เพียงแต่เราไม่เคยรู้เท่านั้นเอง


ฉะนั้น ชนิดาเพียงแค่อยากจะให้ทุกท่าน

ตระหนักตลอดเวลาว่า

ไม่มีผู้ใด ใหญ่เกินกรรม

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากระทำไว้

ซักวันนึง สิ่งนั้นก็ต้องย้อนกลับมาหาเราแน่ๆ

คิดก่อนทำเสมอ..นะคะ

 

โดยเฉพาะเรื่อง

กรรมหนักๆอย่างการทำแท้ง

เพราะผลของมันไม่เคยเล็กน้อยเลย

แม้เราจะมีส่วนร่วมแบบตั้งใจ

หรือไม่ตั้งใจก็ตาม

รับรองว่า กรรมตามทันในชาตินี้แน่นอน

 

คิดแล้วก็ละอายจริงๆค่ะ

เพราะเราไปนั่งให้กำลังใจ

คนที่กำลังฆ่าคน...ชัดๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-03 05:33:09


ความคิดเห็นที่ 206 (1627885)

ใช่ค่ะพี่ชนิดา กรรมเรื่องการทำแท้ง

เมื่อผลกรรมตามทัน ผลที่ได้รับนั้น หนักมากๆ

เพราะณัชชาได้รับผลกรรมนั้นมาตลอดสองปีเต็มๆ คือทุกข์ทางใจอย่างแสนสาหัส

ยังโชคดีที่ได้มาพบบ้านสวนพีระมิด ไม่อย่างนั้นป่านนี้ชีวิตณัชชาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

ตอนนี้ก็ยังได้รับผลกรรมจากการทำแท้ง และศีลข้อสามนั้นอยู่  คือ แฟนปัจจุบันก็ยังลังเลใจ ไม่มีความมั่นคงในจิตใจ 

เมื่อเราทำผิด หรือว่ามีอะไรมาสะกิดใจให้เขาไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเรานิดหน่อย ก็ทำให้แฟน คิดอยากจะคบคนใหม่ 

เมื่อเรารู้ก็เป็นทุกข์ และสิ่งที่แฟนของณัชชากำลังเป็นอยู่นี้ 

เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นตัวของณัชชาที่เคยทำมาในอดืต ให้ได้รับรู้ความรู้สึกที่เจ็บปวด

ที่เคยทำแบบนี้กับคนอื่น

ทำกรรมใดไว้ก็ต้องยอมรับและชดใช้กรรม บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป เหมือนที่

พี่ชนิดาพูดจริงๆค่ะ

อนุโมทนากับธรรมทานของพี่ชนิดาค่ะ สาธุ

ธรรมทานของพี่ชนิดาและทุกๆท่านช่วยย้ำเตือน ว่า อย่าแม่้แต่จะคิดจะทำกรรมชั่วอีก

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-05 07:17:20


ความคิดเห็นที่ 207 (1627960)

ขอเล่าเรื่องทำแท้งด้วยคนค่ะคุณณัชชา

ทำมา 2 ครั้งตอนนั้นไม่รู้เรื่องศีลอะไรเลย

ตอนที่ทำอายุ 16 และ 28 อายุ28พอจะรู้บ้าง

ว่ามันบาปแต่ก็ทำคิดตอนนั้นทำแล้วก็แล้วกัน

ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดกรรมนั้นติดตามตัวมาตลอด

โดยที่ไม่รู้ ผลที่ได้รับเจ็บปวดทั้งตัว

วันนี้เจ็บที่ไหล่ เจ็บขาบ้าง ปวดหัวบ้าง

แล้วแต่อาการในแต่วันจะเป็น

ปวดตามตัวก้จะไปนวดเจ็บซํ้าสอง

ทรมานมากรักษาตัวทุกหนทุกแห่งที่เขาบอกมีหมอดีๆก็ไป

แต่ไม่หายหาเจ้าเข้าทรงดูเขาบอกเห็นเด็กนั่งอยู่บนไหล่เรา

ก็คิดหาทางให้เขาออกไปจากเรา ยังคิดไปกำจัดเขาอีก

39 ปีที่ทุกข์กาย ทุกข์ใจมาเพราะ กรรมที่ทำแท้ง

เคยคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่กลัวบาปเพิ่งคิดได้

ทุกข์ที่ได้รับ ตามร่างจะเจ็บปวดเดี๋ยวตรงโน่นตรงนี้

ทางใจจะมีแต่คนพูดไม่เข้าหูก็จะทะเลาะกับเขา

กับแฟนเป็นประจำจะหงุดหงิดใส่กันตลอด

โกรธ โมโห น้อยใจ นึกได้เดี๋ยวนี้เองแฟนก็มีส่วนรู้เห็นด้วยคนที่2

เพิ่งรู้ว่า สุภาษิตที่ว่า  กรรมใดใครก่อ  กรรมนั้นยอมสนองกลับคื

ศีลข้อที่ 1 :ปาณาติปาตา  เวระมณีสิกขาปะธังสมาธิยามิ

                 ไม่ให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-05 16:07:37


ความคิดเห็นที่ 208 (1627981)

ณัชชาอนุโมทนากับธรรมทานของคุณอ๊อด และอนุโมทนาที่คุณอ๊อดหาเหตุแห่งทุกข์

เจอ ค่ะ สาธุ

กรรมเรื่องการทำแท้ง เป็นอุธหรณ์ สอนใจ อย่างเห็นได้ชัดเจน

เมื่อกรรมส่งผล

เมื่อมีทุกข์ก็ทำให้เห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมเราก็สามารถหาเหตุแห่งทุกข์ และดับที่ต้นเหตุ

เหมือนที่ท่านอาจารย์อุบลนำคำสอนขององค์พระสัมสัมมาพุทธเจ้า มาสอนลูกบ้านสวน 

และชาวโลก และพิสูจน์เรื่องนี้ให้เห็นกันชัดๆ 

และอีกเรื่องที่ณัชชาอยากจะสารภาพบาป 

กรรมเรื่องนี้ ณัชชาได้รับมาสองปีเต็มๆ และเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน 

ตอนนี้ก็ยังได้รับผลกรรมนั้นอยู่ 

คือ เรื่องที่ทำให้คนที่เรารัก ต้อง รอ 

ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่  คนที่เขารักเรา แฟนเก่า เพื่อน หรือแม้กระทั่งคนที่เคยข้องเกี่ยวกับเรา

เมื่อก่อน ตอนเรียนหนังสือ ณัชชาบอกกับพ่อกับแม่ว่า จะกลับบ้านวันนั้นวันนี้ พอใกล้จะกลับ

ก็เปลี่ยนใจไม่กลับ และบอกท่านว่า ไว้วันหลัง ณัชชาทำบ่อยมาก 

โดยไม่เคยคิดถึงจิตใจท่านทั้งสองเลยว่า เมื่อเราบอกว่าจะกลับ ท่านก็รอเราแล้วอยู่ที่บ้าน 

ทำกับข้าวรอ เพื่อเรากลับไปเหนื่อยจะได้ทานข้าวเลย แต่ณัชชาก็ทำให้ท่านเสียใจหลายครั้ง 

รับปากคนอื่นว่า วันนี้จะทำเรื่องนี้้นะ สุดท้ายพอใกล้วันก็เปลี่ยนใจ รอก่อน เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ 

ผลกรรมที่ได้รับ คือ 

แฟนที่คบอยู่ปัจจุบัน แฟนส่งข้อความมาบอกว่า วันนั้นวันนี้จะมานะ 

พอใกล้วันจะมา ก็มีเหตุและทำให้เขาเปลี่ยนใจอย่างกระทันหัน ว่า มาไม่ได้ 

ไว้วันหลัง เป็นประจำ  ณัชชาเป็นทุกข์มาก 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทุกๆพระองค์ ที่ทำให้ณัชชา นึกกรรมเรื่องนี้ 

และนำมาเพื่อเป็นธรรมทาน ค่ะ สาธุ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-05 16:59:47


ความคิดเห็นที่ 209 (1628050)

ได้อ่านเรื่องของพี่อ๊อดและหนูณัชชา

ก็ยิ่งตอกย้ำถึงผลกรรมจากการ

ทำแท้งหรือมีส่วนรู้เห็นในการทำแท้ง

ว่า ส่งผลทำให้ทุกข์ทั้งกาย

ทุกข์ทั้งใจเต็มๆ เลี่ยงไม่ได้

 

และอีกอย่างก็ ทำให้มั่นใจอีกเรื่องว่า

ส่วนใหญ่คนใกล้ตัวของพวกเรา

ก็คือ ตัวแทนหรือเครื่องมืออันสำคัญ

ที่เจ้ากรรนายเวรใช้แก้แค้น

คนบาปอย่างพวกเราทั้งนั้นเลย

 

คือทำอะไรไว้กับใคร

สิ่งเหล่านั้นก็จะสะท้อนกลับมาหาเรา

แบบตรงๆ จะๆ เต็มๆ

จากพฤติกรรม

ของคนใกล้ตัวของเรานี่เอง

 

 

ฉะนั้น เอาชนะ"ใจ"ตัวเองให้ได้

แล้วก็"อภัย"ให้"คนใกล้ตัว"ให้ได้นะคะ

(อันนี้ บอกตัวเอง อีกแย้ว คร๊าบพี่น้อง)

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-06 04:54:01


ความคิดเห็นที่ 210 (1628072)

น้องณัชชา+ชนิดากรรมทำแท้งที่ว่าหนักแล้ว

พี่ว่ากรรมนี้หนักยิ่งกว่า**กรรมวาจากับพ่อแม่**

 

เล่าเลยนะพี่อ็อดใช้วาจาสั่งสอนแม่คิดกับแม่ว่าเป็นคนโง่(พี่เลวมากๆ)

แม่ป่วยต้องนอนโรงพยาบาล

คำพูดที่พูดกับแม่

อ็อด: แม่รู้มั๊ยเวลาแม่ไม่สบายใครจะมาเฝ้าแม่

แม่ :ก็เอง

อ็อด : มีลูก 4 คน คนที่จะมาเฝ้าแม่ก็หนูรักษาตัวให้ดีๆหน่อยหนูเดือดร้อน

          (เวลาเราไม่สบายแม่เป็นคนดูแลเรา) ไม่นึกถึง

           แม่อายุ 77 ปี

ไปเที่ยวแม่เดินช้าเข้าไปจูงจะได้เดินสดวกแกก็ไม่จับมือเรา

**คิดไม่จับก็อย่าจับ ว่าแม่อวดดี**มโนกรรม**

คุยธรรมะกันแม่บอกทำไม่ค่อยได้สมาธินะ**ก้จะโมโหแม่บังคับแม่ต้องทำให้ได้ กิริยาท่าทางก็จะแสดงความไม่พอใจออกมา

พูดเสียงดุ

 

มีอยู่ครั้งหนึงแม่ซักผ้าให้แม่เอานํ้ายาปรับผ้านุ่มมาซัก

แกเล่าว่าใส่เท่าไหร่ก็ไม่มีฟอง**ว่าแม่อีก**ใช้ไม่เป็นก็อย่าใช้

อ็อด: บอกไม่ต้องซักไม่ต้องซัก พูดไม่รู้เรื่องเหรอ

นึกขี้นได้ว่าพูดไม่ดีกับแม่ขี้นไปขอโทษบนห้องนอนเห็นแม่ร้องไห้

แต่การขอโทษไม่ได้ตั้งใจที่จะขอโทษ (ขอโทษไปอย่างนั้นเอง)

จะคิดเสมอว่าแม่ไม่รักเราแม่รักแต่ลูกชาย

อ็อดจะพูดว่า เวลาเดือดร้อนก็จะมาหาเรา

ไม่พ้นหนูกับแฟน ไปหาหมอก็หนู แฟนหนูก็ต้องลางานพาไป

แล้วลูกคนอื่นละเขาสนใจแม่มั้ย

(คำพูดตอนนั้นมีแต่อารมณ์โมโห)แม่คงจะทุกข์ใจมาก

ผลของกรรมที่อ็อดใช้วาจา และความคิดกับแม่

ทำให้อ็อดทุกข์ใจมากๆๆๆๆๆซึ่งไม่น่าจะมี

(เพราะความเป็นอยู่ไม่มีเรื่องความลำบากเลย เงิน บ้าน รถ ลูก สามี ทุกอย่างดีหมด)แต่ทำไม่ทุกข์กาย ทุกข์ใจได้มากขนาดนี้

กราบขอบพระคุณพระศรีอาริย์เมตไตรย์ทรงมีพระเมตตาให้ลูกนึกถึงกรรมนี้ได้

กราบขอบคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท๊อป

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์ สาธุ

********************

ยังไม่หมดนะน้องณัชชา&ชนิดา ยังมีกรรมที่ พูด คิด กับสามีอีกทั้งที่เขาดีกับเรามากวันหลังนะจะมาเล่าต่อนะ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-06 09:04:02


ความคิดเห็นที่ 211 (1628217)

น้องณัชชา+ชนิดา

กรรมทำแท้งที่ว่าหนักแล้ว

พี่ว่ากรรมนี้หนักยิ่งกว่า

**กรรมวาจากับพ่อแม่**

......................................

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะพี่อ๊อด

เพราะจริงๆแล้วมันเป็นกรรมหนัก

ตั้งแต่ยังเป็น"ความคิด"

ที่ยังไม่ได้พูดออกมาซะด้วยซ้ำ

 

และด้วยเราเป็นสายเลือดของท่าน

ทุกอย่างที่เราทำไม่ว่าดีหรือชั่ว

กรรมเหล่านั้นก็ส่งผ่านกันไป

ส่งผ่านกันมาเต็มๆ

 

และเช่นกันไม่ว่าท่านจะทำ"กรรม"อะไรไว้

เราก็เป็นทายาทกรรม

โดยไม่มีทางเลือกเลยทีเดียว

 

ฉะนั้น พระพุทธองค์จึงสอนให้สาวกทุกคน

เป็น ลูกกตัญญู เพื่อความสงบสุขของตนเอง

แต่สาวกชั้นปลายแถวอย่างพวกเรา

ส่วนใหญ่กลับทำตรงข้าม...ซะงั้น

 

งั้นก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า

ทำไมถึงยากที่จะบรรลุในธรรม

เพราะต้องไปแก้ที่"เหตุ" ของกรรมหนักนี้ก่อน

 

ตราบใดที่เรายังไม่บำรุง"ราก"ให้มั่นคง

แล้ว"ดอกและผล"จะเติบโตได้อย่างไร

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-07 03:51:24


ความคิดเห็นที่ 212 (1628222)

อนุโมทนากับธรรมทานของน้องณัชชาและคุณอ๊อดด้วยนะคะ

ขอสารภาพกรรมที่กระทำกับแม่ทั้งความคิดและวาจาบ้างนะคะ

ถึงแม้ที่ผ่านมาจะสำนึกว่าได้ทำไม่ดีกับแม่และจะไม่ทำอีก แต่ปัจจุบันบางครั้งเมื่อมีเหตุการณ์ก็ไม่สามารถทำตามนั้นได้ยังหลุดอารมณ์(สันดานเดิม)ที่ชั่วๆออกมาอีก

ที่เคยพูดติแม่เรื่องต่างๆที่แม่ทำพยายามจะไม่พูด(ติ)แต่กลับเป็นคิดแทน

ว่าแม่(ในใจ)เช่น ใช้ของแล้วไม่เก็บเข้าที่ ครัวไม่สะอาด(ทำไม่ไม่เช็ด)วางซองยาที่ใช้แล้วบนโต๊ะ(ไม่ทิ้งถังขยะ) รู้ว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะคิดกับแม่แบบนี้เราเป็นลูกมีหน้าที่ต้องดูแลแม่และบ้านให้สะอาดอยู่แล้วไม่ใช่คิดให้แม่ทำอย่างเดียว อีกอย่างแม่ก็อายุมากแล้ว(ประมาณ 78 ปี)สุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรง

กรรมทางวาจานั้นยิ่งรุนแรงกว่าความคิด ทำร้ายจิตใจแม่(คนแก่)ทำให้เสียใจและความรู้สึกก็คือจะพูดกับแม่บ่อยๆ  เช่น"แม่ ฝนตกๆแม่อย่าเดินออกไปนอกบ้านนะ จะลื่นหกล้ม ลูกหลานจะเดือดร้อน(ต้องดูแล) "แม่อย่าเดินมาก แม่อย่าทำโน่น อย่าทำนี่ นอนเฉยๆดีกว่า เพราะถ้าเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรขึ้นมา จะเดือดร้อนกันทั้งบ้าน จะต้องเสียเงินเสียเวลาทำงาน"

เป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวมากๆเพราะที่บอกไม่ใช่ห่วงแม่แต่เป็นห่วงตัวเองมากกว่าไม่ได้คิดถึงจิตใจแม่ว่าต้องการอะไร เป็นลูกที่อกตัญญูจริงๆ

พูดไปแล้วก็จะกลับมาคิดทุกครั้งว่าเราไม่ควรพูด เราก็ทุกข์ใจเองนั่นแหละ

แม่อายุมากแล้ว ลำบากเพื่อลูกมามาก ในบั้นปลายชีวิตควรอยู่อย่างมีความสุขเท่าที่จะเป็นไปได้ ในเวลาที่เหลืออยู่ทั้งของแม่และของตัวเองนี้ ก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำสิ่งชั่วๆที่เคยทำกับแม่อีก ไม่นำความทุกข์ใจมาให้แม่ ถึงแม้ว่าไม่อาจนำความสุขให้กับแม่ได้มากนักก็ตาม

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญานี ถือธรรม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-07 05:33:55


ความคิดเห็นที่ 213 (1628338)

แม่ อายุมากแล้ว ลำบากเพื่อลูกมามาก

ในบั้นปลายชีวิตควรอยู่อย่างมีความสุข

เท่าที่จะเป็นไปได้

ในเวลาที่เหลืออยู่ทั้งของแม่และของตัวเองนี้

ก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำสิ่งชั่วๆ

ที่เคยทำกับแม่อีก

ไม่นำความทุกข์ใจมาให้แม่

ถึงแม้ว่าไม่อาจนำความสุข

ให้กับแม่ได้มากนักก็ตาม

........................................

ชนิดาว่าความสุขของผู้เป็นแม่ทุกคน

จะมีความสุขได้ง่ายๆ

แค่เพียงเห็นลูกหลานมีความสุข

ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง

คืออยู่ร่วมกันอย่างสงบ..สุข

แค่นี้บรรยากาศในบ้าน

ก็"สุขอย่างเพียงพอ"แล้วนะคะ


อย่างน้อยคุณ กัญญาณี ก็มีสำนึกที่ดี

ที่จะไม่คิด ไม่พูดและจะไม่ทำอะไร

ที่ทำร้ายจิตใจท่านอีก

เท่านี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

และขั้นต่อไป คุณก็ต้องหาวิธีการ ที่ดีที่สุด

ที่จะสู้กับ"จิตที่พร้อมจะชั่ว"นี้ให้ได้


ส่วนชนิดาลองมาหลายวิธีเหมือนกัน

แต่"บททดสอบคนสำคัญ"ของชนิดา

คือ สามีค่ะ

 

คือที่ผ่านมาตลอดเวลา

เวลาที่มีเรื่องความคิดไม่ลงรอยกัน

หรือ ไม่พอใจกัน

คือชนิดาจะไม่พูดสวนกลับทันที

เพราะพูดไปเค้าก็ไม่ฟัง

 

ก็เลย"เงียบ" แต่ก็นั่งคิดสคริปต์ในหัว

ว่าจะยกตัวอย่างแบบไหน ยังไง

ให้เค้าเห็นความผิดของเค้าให้ได้

 

หึ หึ แต่เชื่อไหม๊ว่า

ยิ่งพยายามคิดหาคำอธิบาย

ยิ่งเห็นความเลว

ความแย่ของเค้ามากขึ้นๆ

 

ฉะนั้น ไอ้ที่โกรธอยู่แล้ว ยิ่งทวีคูณเลย

สรุปความโกรธก็ไม่หาย

แต่พอถึงเวลาจะพูด

ในสิ่งที่เราคิดเตรียมไว้

มันกลับไม่สำคัญแล้ว

เพราะเวลาเค้าเย็นลง

เค้าก็จะมาขอโทษ

และรู้ทุกอย่างว่า อะไรดี อะไรไม่ดี

เป็นแบบนี้มานาน...มาก


พอหลังๆ ชนิดาเรียนรู้เทคนิคใหม่

มันเป็นความบังเอิญด้วยมั้ง

 

ก็มีเหตุการณ์พูดจาไม่เข้าหูกัน

แล้วเราก็จี๊ด ตามระเบียบ

 

แต่อยู่ดีๆในตอนนั้น

ชนิดาก็เห็นสีหน้า แววตาของเค้า

ดูน่าสงสารยังไงก็ไม่รู้

 

แล้วก็คิดได้ว่า

เค้าทำอะไรเพื่อเราสาระพัด

เพื่อที่จะให้เรามีความสุข

ในการอยู่ประเทศนี้

บางทีถ้าเหนื่อยไม่อยากไปทำงานเค้าก็ไม่ว่า

คือถ้าเห็นชนิดาดูเหนื่อยๆ

เค้าก็จะบอกว่า

ยู..จะนอนพักอยู่บ้านก็ได้นะ

แต่ชนิดาก็ไม่ค่อย

รับข้อเสนอนี้หรอกนะคะ

นอกจากวันนั้น

จะรู้สึกเหนื่อย(หรือว่า ขี้เกียจก็ไม่รู้นะ)จริงๆ


คือสรุปว่า พอเราโกรธใคร

ให้รีบหา ความน่าสงสาร

น่าเห็นใจของคนๆนั้นให้ได้

แล้วความโกรธจะบันเทา

หรือหายไปได้หมด เร็วมากค่ะ

 

ลองดูนะคะ

 

อนุโมทนากับการเข้ามา

พิจารณากรรมของตัวเอง

จากคุณ กัญญาณี ด้วยนะคะ

สาธุ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-08 05:55:56


ความคิดเห็นที่ 214 (1628420)

คือสรุปว่า พอเราโกรธใคร

ให้รีบหา ความน่าสงสาร

น่าเห็นใจของคนๆนั้นให้ได้

แล้วความโกรธจะบันเทา

หรือหายไปได้หมด เร็วมากค่ะ

..................................................
ขอบคุณมากๆค่ะพี่ชนิดาที่บอกแนวทางระงับความโกรธ
หลายวันก่อนจะเข้ามาเขียนในกระทู้ถามอยู่ว่า 
ทำอย่างไรถึงจะระงับความโกรธได้
เพราะณัชชาเป็นคนโกรธง่าย อารมณ์เสียง่าย  ถึงทำให้เป็นสิวเต็มหลังอยู่แบบนี้ 
ไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลยค่ะ 
เพราะทำให้ทั้งทุกข์ทางกาย โดยเฉพาะทุกข์ทางใจ 
ถ้าโกรธแล้วสามารถตามอารมณ์ทันและดับได้ทันเวลาก็จะเป็นการดี 
แต่ถ้าโกรธลึก โกรธนาน คนที่ทุกข์และรับกรรมก็คือเรา รับแบบเต็มๆ 
............................................................................................
สารภาพบาปต่อค่ะ
เมื่อก่อนตอนที่คบกับผู้ชาย ในทางชู้สาว 
ไม่เคยมีความจริงใจให้ คบซ้อน เพราะเห็นเป็นเรื่องที่คิดว่าไม่ผิด 
และทำให้คนที่เรากำลังคบด้วย เกิดความหวาดระแวง อยู่ตลอดเวลา 
ทั้งๆที่คนที่เราคบด้วย เป็นคนดีและจริงใจ ไม่เคยคิดจะหลอกเรา 
ไม่เคยรักษาคำพูด รับปากอะไรไว้ก็ทำไม่ได้ เพราะลืม และไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของตัวเอง
คิดแต่ว่าไม่เป็นไร คบผู้ชายก็คบไป โดยคิดว่าไม่อยากให้ตัวเองเหงา อยากมีแฟน โดยไม่ได้เกิดจากความรัก 
ทำให้คบผู้ชายไม่เลือกหน้า
ผลกรรมที่ได้รับ ก็รับเต็มๆ จากคนที่เรารัก คือ
ณัชชาเกิดความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ว่าเขาจะคบคนอื่นอยู่หรือเปล่า
คิดไป สร้างจินตนาการไปในทางที่ไม่ดี และสิ่งที่ตัวเองจิตตกอยู่นี้ ก็ก่อให้เกิดความโกรธ
ความน้อยใจ ซึมเศร้าอยู่คนเดียว  โดยที่คนที่ณัชชารัก ไม่ได้รับรู้เลย 
รับกรรม ตรงๆ และเต็มๆ 
.................................................................................
อนุโมทนากับคุณ อ๊อด และคุณกัญญาณี ด้วยค่ะ สาธุ 
ธรรมทานของพี่ทั้งสอง ทำให้ณัชชานึกกรรม เรื่องที่ทำไม่ดีกับแม่ ออกทันทีเลยค่ะ
ณัชชาก็ทำให้แม่เสียใจบ่อยมาก โดยเฉพาะ เรื่องคำพูด และพฤติกรรมที่แสดงออก
ทำให้ท่านร้องให้บ่อยๆ เพราะความเอาแต่ใจ ไม่เชื่อฟัง 
อะไรทีท่านบอกท่านสอน ก็ไม่รับ 
เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ 
ตอนเรียนมัธยม และมหาลัย โกหกแม่สารพัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน เรื่องผู้ชายที่คบด้วย 
โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย แม่จะเตือน แต่ก็ไม่เคยฟัง ถ้าเชื่อคำสอนของแม่ 
และไม่ทำผิดศีล ก็คงไม่ต้องมาทนทุกข์ รับกรรม อยู่แบบนี้ 
อนุโมทนากับธรรมทานของพี่ชนิดา ที่สอนให้ณัชชา ได้ย้อนกลับมามองและพิจารณาตัวเอง
ในทุกๆครั้งที่ได้อ่าน และทำให้สามารถนึกกรรมได้อย่างรวดเร็ว 
สาธุ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-09 13:00:57


ความคิดเห็นที่ 215 (1628461)

 

ตอนเรียนมัธยม และมหาลัย
โกหกแม่สารพัด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน
เรื่องผู้ชายที่คบด้วย 

โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย

..............................

ฮ่า ฮ่า เรื่องนี้พี่โกหกแม่

แบบภูมิฐานกว่าหนูณัชชาเยอะ

เพราะพี่ไม่โกหกหรอก

แต่ปิดบัง ทั้งเรื่องผู้หญิง

และผู้ชายที่คบด้วยเล๊ย

 

บรื๋ออออ...สสสสส

คิดแล้วก็

เป็นคนที่ คบไม่ได้ เอาซะเลย เนอะ


เรื่องโกรธเนี่ย

บางทีพอมีสตินึกได้

พี่ก็ภาวนา "อ.อุบลช่วยด้วย" ก็ได้ผลนะ

 

และเท่าที่สังเกต

การภาวนาต้องแบ่ง

หายใจเข้า ภาวนา "อ.อุบล"

หายใจออก ภาวนา "ช่วยด้วย"

จะได้ผลดีกว่า

 

เพราะเคยลอง

ภาวนาทั้งประโยค แล้วมันฝืน

เหมือนไปบังคับจิตเกินไป

ก็เลยไม่ค่อยเห็นผล

 

ที่ต้องแบ่งคำภาวนา

อาจจะเป็นเพราะว่า

เวลาเราโกรธ เราจะหายใจสั้นและถี่ขึ้น

ฉะนั้น จะไปภาวนายาวๆเลย

มันจะยิ่งทำให้จิตเหนื่อย

แต่พอแบ่งคำสั้นลง จึงสอดคล้องกับ

จังหวะการหายใจในระหว่างที่โกรธอยู่

สติก็เลย กลับมาได้ง่ายขึ้น

.........................

ลองหลายๆวิธี

เพราะบางทีเวลาโกรธหนักๆ

จิตมันมืดและอาจทำให้นึก

หาข้อที่จะสงสารเค้าไม่เจอก็ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-10 02:51:39


ความคิดเห็นที่ 216 (1628477)

แม่ อายุมากแล้ว ลำบากเพื่อลูกมามาก ในบั้นปลายชีวิตควรอยู่อย่างมีความสุขเท่าที่จะเป็นไปได้ ในเวลาที่เหลืออยู่ทั้งของแม่และของตัวเองนี้ ก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำสิ่งชั่วๆที่เคยทำกับแม่อีก ไม่นำความทุกข์ใจมาให้แม่ ถึงแม้ว่าไม่อาจนำความสุขให้กับแม่ได้มากนักก็ตาม

******

แค่เราคิดได้ นึกได้จะไม่สร้างกรรมชั่วต่อไป

แค่นี้เราก็ได้บุญแล้วค่ะน้องกัญญาณี

******

โมทนาจ๊ะชนิดา

ที่เลิกโกรธแล้วเปลี่ยน

มาเป็นความสงสารได้

ความโกรธเนี๊ยถ้าอยู่ในตัวเราแล้ว

มันออกไปอยากมาก

เมื่อก่อนพี่อ็อด

โกรธสามีก็ 3 วัน 7วัน

ไม่พูดกัน

ถามว่าใครทุกข์

ก็ตัวเรานั้นแหละทุกข์

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยโกรธแล้ว

ถ้ารู้ว่าตัวเองโกรธ

จะรีบดึงจิตกลับทันที่

****

จะเล่าธรรมทานป้าเตือน

ให้ฟัง

เมื่อวันบวงสรวงพระศรีอาริยฯ

ป้าเตือนถามอาจารย์ว่า

ทำไมผิวป้าเตือนไม่สวย

(ผิวที่แขนป้าเตือนตกกระ)

อาจารย์ถามกลับว่า

ป้าเตือนเลิกโกรธหรื่อยัง

ป้าเตือน :  ยังเจ๊า

อาจารย์บอกว่า ป้าเตือนเลิกโกรธ

เมื่อไหร่ผิวก็สวยเมื่อนั้น

๕๕๕

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-10 11:11:14


ความคิดเห็นที่ 217 (1628617)

ขอบคุณธรรมทานน่ารักๆ

เรื่อง ความโกรธของป้าเตือน

ด้วยค่ะ พี่อ๊อด

(คำตอบของป้าเตือนน่ารักดี "ยังเจ๊า")

 

อ่านแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า

ตราบใดที่ผิวพรรณเรา

ยังไม่สด สวย ใส แสดงว่า ใจเรา

ยังไปข้องแวะกับความโกรธอยู่...

 

แอ๊บดี ไม่ได้เลยเรา

เพราะผิวพรรณจะประจาณจิต...ของเรา

แบบ ชัดๆเล๊ย...

 

จะเลิกโกรธ เลิกโลภ เลิกโง่ ให้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-11 04:50:55


ความคิดเห็นที่ 218 (1628846)

จะเลิกโกรธ เลิกโลภ เลิกโง่ ให้ได้ 

...............................................................................

ณัชชาก็จะทำให้ได้ค่ะ พี่ชนิดา เพราะว่า ผิวณัชชา ไม่ได้เรื่องเลย

บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า 

เป็นคนโมโห ง่าย ขี้อิจฉา ใจน้อย แสนงอน 

................................................................................

 

หายใจเข้า ภาวนา "อ.อุบล"

หายใจออก ภาวนา "ช่วยด้วย"

...................................
ขอบคุณพี่ชนิดา ที่บอกเคล็ดลับในการภาวนาจิต เพื่อเอาชนะจิตมาร ค่ะ 
...........................................................

วันนี้ก็จะมาสารภาพบาปอีกแล้ว 

นึกได้ต้องรีบมาเขียนค่ะ ก่อนที่เจ้ากรรมนายเวร

จะปิดกั้นไว้ ไม่ให้นึกออก และทำให้ลืมไปเลย

เมื่อก่อนตอนคบกับผู้ชาย หรือจะเรียกง่ายๆว่า แฟนเก่า 

ณัชชาไม่เคยพอใจในสิ่งที่เขาเป็น และเขามี 

ชอบติ นั่น นี่ ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ โดยไม่เคยคิดว่า

ทุกคำพูดที่เราพูดออกไปนั้น จะกระทบกระเทือนจิตใจเขาแค่ไหน

พูดง่ายคือ ไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจเรา 

ผลกรรมที่ได้รับก็คือ แฟนณัชชาปัจจุบัน ก็ทำเช่นเดียวกันกับสิ่งที่ณัชชา

ได้เคยทำต่อคนอื่น ทำให้รู้เลยว่า คนที่เราเคยทำเขาไว้ รู้สึกยังไง 

และตอนนี้ ผลกรรมเรื่องศีลข้อกาเม ก็ส่งผลจิตใจต่อณัชชามาก เพิ่งจะเป็นค่ะ

คือ ใจแว๊ปคิด ไปในเรื่องทางเพศ ไม่ว่ากับใครก็ตาม 

ไม่เว้นแม้กระทั้ง สัดว์  ทั้งๆที่ไม่ได้มีเจตนาเลย พยามบังคับใจตัวเอง ไม่ให้คิดเรื่องนี้ 

แต่จิตก็แว๊ปไป ก็ต้องรีบดึงคืนกลับมา 

อยากบอกว่า ทรมานจริงๆค่ะ เป็นทุกข์ เพราะใจคอยจะแว๊ปไปคิดแต่เรื่องทางเพศ 

นี่คือผลกรรมเรื่องการผิดศีลข้อกาเม ที่ณัชชากำลังประสบพบเจออยู่ตอนนี้ึค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-12 09:30:33


ความคิดเห็นที่ 219 (1629547)

ขออนุโมทนากับธรรมทานทุก ๆ ท่านค่ะ

คุณณัชชา ค่ะ   เวลา ละม่อมจะคิดเรื่องชั่วเพราะ ผิดศีลข้อ 3 ก็ระลึกถึงท่านอาจารย์อุบลช่วยด้วย ให้จิตคิดดี  และสวดพระคาถาปะโตเมตัง หลาย ๆ จบ  ค่ะ

ขอสารภาพบาปผิดศีลข้อ 3 ค่ะ

ด้วยความโง่ ความโลภ อยากได้ ความโกรธ ความโมโห  ความหลง ความเครียด ทำให้ตัวเราไม่มีปัญญาในขณะนั้น (ปี พ.ศ. 2550)  ทำให้จิตขุ่นมัว  ไม่รู้สาเหตุแห่งทุกข์  ไปหาหมอดู เจ้าเข้าทรง  หาพระ

ประมาณ เดือนตุลาคม 2550 วัดบางวัดจะทำพิธีวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ  พี่สาวก็โทร.บอกว่า มีพระมาจากทางภาคเหนือ ดูแม่น ศักดิ์สิทธิ์  ก็ไปค่ะ พระไม่ได้เข้าร่วมพิธีสวด อยู่ที่เต้นท์ข้างล่าง ก็ดู ทำธุรกิจการค้าไม่ดี สามีว่างงาน ถูกเพื่อนโกงเงิน  เย็นค่ำพระมาดูที่ห้องพระที่บ้าน และไปดูห้องพระที่บ้านพี่สาว   และพระให้อธิษฐานยกพระพุทธรูปว่าเงินที่ถูกเพื่อนโกงถ้าพระพุทธรูปหนัก จงยกไม่ขึ้นหนัก  เหมือนมีคนมากดมือเรา พระพุทธรูปหนักจริง ๆ ค่ะ โอ้ !โห้  เชื่อว่า พระศักดิ์สิทธิ์  ต่อมาก็นิมนต์ไปบ้านคุณแม่ และไปทำบุญ ต่อมาท่าน บอกว่าเวลาไปทำธุรกิจ ให้โทรมาบอกจะให้พร ตอนนั่้น โยมชอบ ชอบ เรื่องให้พร  ต่อมาให้บวชชีพราหมณ์ มีคนไปบวชด้วย ตอนนั้น ละม่อมก็อยากไป  แต่ไม่ได้ไปคิดว่าไม่เหมาะ   ต่อมาบอกให้งดเนื้อสัตว์  แต่ไม่ได้งด ปกติจะงดทุกวันพุธ  ต่อมาท่านบอกว่า หลังนั่งสมาธิกลางคืนให้โทร หา จะให้พร  โยมชอบอีกนั่นแหละเรื่องให้พร  ก็โทรไป ท่านให้พรเสร็จ ท่านว่าท่านมีกำหนัด ตัวเองก็ตกใจ บอกว่าบาป บาป ท่านว่า ไม่บาป ไม่บาป ช่วยพระจะได้ไม่อึดอัด จะได้ปฏิบัติธรรมได้  โต้กันเรื่อง บาบ ไม่บาป แล้วท่านพูดว่า งั้นหรือนั้น กอดเสียเลย  ตกใจมาก มีเหมือนคนมารัดกอดแน่นเลย ตกใจมากปิดโทรศัพท์ค่ะ 

ผลกรรมที่ได้รับ มีความทุกข์ทางใจ ลูกจะพูดโต้เถียงค่ะ  และที่ค้าขายไม่ดี สามีว่างงาน การเงินถูกเพื่อนโกง เนื่องจากผิดศีลข้อ 2 + ข้อ 4  อยากได้เงินลูกค้า กระร่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล ค่ะ 

ลูกสำนึกบาบ สำนึกชั่ว ละอายต่อบาป สำนึกผิด และไม่ทำอีกค่ะ  

ขอกราบพระบาทและขอบพระคุณ สมเด็จองค์พระปฐมฯ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ์ พระศรีอาริยเมตไตร จี้องค์เทพสฟิงซ์ องค์พีระมิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนทุก ๆ พระองค์ ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว ค่ะ

ละม่อม ได้มีโอกาสได้สารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟิงซ์ เสมือนต่อหน้าท่านอาจารย์อุบล และมีจี้อุปกรณ์ที่สารภาพบาปไม่ต้องออกเสียง และในที่สุด ต้องมาบอกเป็นธรรมทาน ไม่ให้ ใครทำบาบ ทำชั่ว เพราะผลกรรมทำให้ทุกข์ทางใจมาก มาก 

ท่านอาจารย์อุบล ให้ธรรมทานแก้ไขที่สาเหตุ ให้มารักษาศีล 5 ชีวิตไม่เจ็บป่วย ไม่ลำบาก ยากจน มีสภาพคล่องทางการเงิน ลูก บริวาร ไม่ดื้อค่ะ 

กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-15 13:54:09


ความคิดเห็นที่ 220 (1629561)

 

อาจารย์บอกว่า ป้าเตือนเลิกโกรธ

เมื่อไหร่ผิวก็สวยเมื่อนั้น

 

แอ๊บดี ไม่ได้เลยเรา

เพราะผิวพรรณจะประจาณจิต...ของเรา

แบบ ชัดๆเล๊ย..

 

*******************************

จริงๆคะ หนึ่งเป็นทั้งฝ้า กระ ผิวหน้าหยาบ 

ก่อนที่จะรู้จักกับบ้านสวน

เป็นคนที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ยกตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

เรียกว่าผิด-ถูก ตนเองเท่านั้นเป็นผู้ัตัดสิน


แต่ตั้งแต่มารู้จักกับบ้านสวนสภาพผิวดีขึ้น 

แ่ต่ก็ยังเป็นฝ้า กระ ผิวหน้าหยาบอยู่

พอดีคนที่ไม่เจอกันนานเขาทัก ทั้งๆที่เป็นคนไม่ทาครีมบำรุงผิวหน้า


แต่ล่าสุดก็ทำตัวเป็นคนโง่อีกแล้ว

เมื่อวานมีคนจีนมาติดต่อตามงาน

อารมณ์มันพุ่งปรี๊ดเกือบทะลุปรอท ดีที่นึกถึงคำสอนของท่านอ. ขึ้นมาได้

อุณหภูมิเลยกลับมาที่ศูนย์

อยากจะสวยแต่ไม่ยอมลดความโกรธ

กรรมผิวพรรณมันถึงยังติดอยู่ตลอด....


 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-15 15:12:57


ความคิดเห็นที่ 221 (1629688)

ต่อ มาท่านบอกว่า

หลังนั่งสมาธิกลางคืนให้โทร หา

จะให้พร  

โยมชอบอีกนั่นแหละเรื่องให้พร  ก็โทรไป

 

ท่านให้พรเสร็จ ท่านว่าท่านมีกำหนัด

ตัวเองก็ตกใจ บอกว่าบาป บาป

ท่านว่า ไม่บาป ไม่บาป

ช่วยพระจะได้ไม่อึดอัด

จะได้ปฏิบัติธรรมได้  

โต้กันเรื่อง บาบ ไม่บาป แล้วท่านพูดว่า

งั้นหรือนั้น กอดเสียเลย

 ตกใจมาก มีเหมือนคนมารัดกอดแน่นเลย

ตกใจมากปิดโทรศัพท์ค่ะ

...............................

จาก ธรรมทาน คุณ ละม่อม

..................................

ห...เป็นข้อเตือนใจอย่างดี

กับ"โยมๆ"ทั้งหลาย

ที่จะได้รู้่เท่าทัน ความคิดอุบาทว์ๆ

ของ คนที่บวชแต่กาย

เพราะเพียงอาศัยผ้าเหลืองเลี้ยงชีพเท่านั้น

 

แต่ไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง

และยังใช้วาจาหว่านล้อม

เข้าข่ายเกี้ยวพาราสี กับโยมผู้หญิง

อย่างโจ่งแจ้งและตั้งใจอีกต่างหาก

แล้วยังแถไปแบบเนียนๆ

ว่า"ไม่บาป ไม่บาป"

 

เรื่องนี้คงจะทำให้ทุกๆท่านที่ได้อ่าน

พึงตระหนักให้ดี

ว่าเราไม่ควรให้ความสนิทสนม

เป็นการส่วนตัวกับพระสงฆ์ใดๆทั้งสิ้น

 

 

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากคุณครูละม่อม ด้วยนะคะ

อ่านแล้วก็ทั้ง"อึ้ง" ทั้ง"งง" เลยทีเดียว

...............................................

อนุโมทนากับธรรมทานเพิ่มเติม

จากหนู ณัชชา

และความคิดเห็นที่เข้ามาคอนเฟิร์ม

เรื่องกรรมผิวพรรณ จากคุณหนึ่ง ด้วยนะค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-17 05:19:17


ความคิดเห็นที่ 222 (1631751)

วันนี้มาสารภาพบาป ค่ะ

ณัชชาเพิ่งจะกลับมาจากไปเที่ยวกับแฟน

ซี่งสถานที่ไป เป็นสถานที่ธรรมชาติ สวยงามมาก และสถานที่นั้น ก็เป็นสถานที่ๆ ให้คน

ที่มาพักตกปลาได้

ณัชชาก็บอกแฟนว่า ณัชชาไม่ซ่าสัตว์ พยายามหลีกเลี่ยง

แต่ว่าใจไม่แข็งพอ ก็เลยได้ร่วมสร้างกรรมกับแฟน คือการพายเรือไปตกปลา

ได้ปลามาหนึ่งตัว แต่เป็นตัวเล็ก แฟนเลยปล่อยไป ถึงปล่อยไป ก็เป็นบาป เพราะทำให้เขาเกิดความเจ็บปวด

ในใจก็อธิษฐานถึงท่านอาจารย์อุบล และรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย 

ไม่ให้แฟนตกปลาได้ 

หลังจากนั้น ตลอดหนึ่งอาทิตย์ แฟนก็ตกปลาไม่ได้สักตัว 

กราบขอบพระคุณรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ที่เมตตาไม่ให้แฟนณัชชาตกปลาได้ 

ค่ะ สาธุ

ในการไปเที่ยวครั้งนี้ 

เพื่อนของแฟนณัชชาก็ไปด้วย 

เขาก็เล่นการพนัน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ 

ณัชชาไม่ได่เล่น และไม่ได้ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่ก็มีส่วนร่วมในการอยู่ในเหตุการณ์นั้น ก็ถือว่าเป็นบาป 

ซึ่งคนทางนี้ เขาจะคิดว่า เรื่องที่ทำนี้เป็นเรื่องปกติ สำหรับเขา 

เพราะเขาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ เหมือนกับเรา 

แต่ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร แต่ถ้าสร้างเหตุที่ไม่ดีแล้ว ก็ย่อมได้รับผลกรรมนั้นเหมือนกันหมด

แต่ในใจณัชชารู้ว่าเป็นเรื่องที่ผิด แต่ก็ไม่สามารถบอกแฟนได้ 

ทำให้ณัชชาไม่สบายใจมากสำหรับเรื่องนี้ 

ณัชชาก็ได้แต่หวังว่าสักวัน แฟนจะคิดได้ และค่อยๆเลิก กับพฤติกรรม ที่ทำผิดศีล 


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-30 23:31:42


ความคิดเห็นที่ 223 (1631810)

ขอบคุณคุณละม่อมที่ให้คำแนะนำเพิ่มเติม ในการทำจิตใจ

ให้สงบไม่ฟุ้งซ่าน และต่อสู้กับจิตมาร 

ซึ่งจะนำไปสู่การกระทำที่ไม่ดีค่ะ

วันนี้ก็ขอสารภาพบาปเรื่องหนี้สงฆ์

สมัยตอนยังเด็กได้เคยไปเก็บผลไม้ป่าในเขตรั้วบริเวณวัดอยู่บ่อยๆ

เก็บมะม่วงที่หล่นจากต้นที่อยู่ในวัดเป็นประจำ

เก็บดอกไม้ หญ้า ผลไม้บางชนิด เห็ดที่กินได้ ออกมา โดยไม่ได้รับอนุญาต

เคยรับประทานอาหารหลังจากที่พระฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนำอาหารที่เขานำมาถวายพระกลับบ้าน

เคยรับของจากวัดต่อจากพี่ที่รู้จักตอนสมัยเรียนมหาลัย เช่น

ขนม นม เพื่อมารับประทาน โดยไม่ทราบว่าของที่พี่คนนั้นให้มา

พระสงฆ์ทุกรูปได้เห็นชอบร่วมกันหรือไม่

ผลกรรมที่ได้รับ คือ

เก็บเงินไม่อยู่ เมื่อมีเงินก็มีเหตุให้ต้องจ่าย มีเท่าไหร่ก็หมดเท่านั้น

สภาพการเงินฝืดเคือง ทำให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-01 10:59:11


ความคิดเห็นที่ 224 (1632255)

ความต่อเนื่องในการ

สารภาพของหนูณัชชา เนี่ย

 

ต้องบอกว่า

แรงดี ไม่มีตกเลยนะจ๊า

แบบว่า นึกกรรมของตัวเอง

ได้เก่งและละเอียดจริงๆ

 

 

อนุโมทนากับน้องด้วยนะค๊า ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-03 06:23:33


ความคิดเห็นที่ 225 (1632822)

 

อนุโมทนา สาธุ ค่ะ พี่ชนิดา

ณัชชาต้องรีบสารภาพบาป เมื่อนึกออกค่ะ

ตอนที่เรานึกกรรมออก ณัชชาคิดว่า ท่านเจ้ากรรมนายเวรได้เปิดทางให้เรา

สำนึก และสารภาพ เพราะท่านได้ให้โอกาสเราแล้ว

แต่ถ้านึกออกแล้วขอผลัดวันไปก่อน วันต่อมาลืมค่ะ ว่าจะสารภาพบาปอะไร

ถึงนีกได้ แต่ก็อาจมีบางช่วงที่ขาดหายไปค่ะ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-06 09:26:30


ความคิดเห็นที่ 226 (1632836)

 

ขออนุโมทนากับคุณณัชชาค่ะ

ใช่แล้วค่ะ

เจ้ากรรมนายเวรท่านคงยอมเปิดทางให้เราจริงๆ

จึงทำให้มีเหตุมีคนมาช่วยบอกเหตุแห่งกรรมในอดีตของเรา

ให้เราได้รับรู้

ปัจจุบันนี้ ครอบครัวของดิฉันอยู่กันคนละที่ละทาง

และดิฉันต้องอยู่คนเดียวมานาน

หลายปีแล้ว

นานๆ

สามีและลูกจึงจะกลับ

มาเยี่ยมบ้างเพราะสามีต้องไปทำมาหากินที่ชลบุรี

ลูกต้องไปเรียนหนังสือที่ไกลๆ 

เมื่อวานนี้เองค่ะ

มีคนมาบอกกรรมของการที่ดิฉันและครอบครัว

ต้องมาพลัดพราก อยู่กันคนละที่

ถึงจะอยู่ด้วยกัน

ก็อยู่ไม่ได้

ต้องมีเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้ง รุ่มร้อน

เป็นเพราะว่าดิฉันเคยพรากนกกระจาบ พ่อ แม่ ลูก

ของเขาออกจากกัน เมื่อสมัยเป็นเด้ก

และตัวดิฉันเองก็พึ่ง

จะมานึกขึ้นได้

และภาพมันเริ่มรากฏชัดเจนขึ้นมาก

ภาพพ่อกับแม่ของลูกนก มาร้องบินวน ขณะที่ดิฉัน

เอาลูกของเขาออกมาจากรังและนำลูกนกกลับบ้าน

คนที่มาบอกกรรมเขาบอกว่า

นกกระจาบเขาโกรธ

ดิฉันมาก

จึงทำให้ดิฉันและครอบครัวต้องมารับผลกรรม อยู่ในขณะนี้




 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดวงรัตน์ จันทร์ใสย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-06 10:16:49


ความคิดเห็นที่ 227 (1633754)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน คุณ ชนิดา ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 10:26:54


ความคิดเห็นที่ 228 (1634395)

อิอิ ช่วงนี้เห็นชื่อ เจ๊ดัน(กระทู้)

อย่างคุณ นัยนา ชมภูบุตร

บ่อยเป็นพิเศษเลย

 

แบบว่า ขยันอ่าน

และเก็บเกี่ยวข้อมูล"กรรม"

อย่างเต็มที่เ่ล๊ย

อนุโมทนาด้วยนะคะ คุณ นัยนา

..............................

แล้วก็อนุโมทนากับธรรมทาน

ที่สะท้อนถึงผลกรรม

จากการพรากพ่อแม่

พรากลูกนกกระจาบ

จากคุณ ดวงรัตน์ ด้วยค่ะ

 

เพราะอย่างน้อยถ้าคุณได้รับรู้

และสำนึกถึงกรรมที่เคยทำมา

 

ความทุกข์ใจ

จากผลกรรมที่คุณได้รับ

จะ ลดลง ทันที

..............................

ว่าแต่ ช่วงนี้หนู ณัชชา

หายหน้าไป นึกถึงกรรม

อยู่แถวไหนน๊า อิอิ

 

แบบว่า คิดถึง คิดถึง อ่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 04:44:44


ความคิดเห็นที่ 229 (1634699)

                      ขอบพระคุณค่ะ คุณ ชนิดา

      เข้าเวปบ้านสวนพีระมิดทุกวันก็ยังไม่กล้าเขียนอะไร ได้แต่อ่าน และอนุโมทนาสาธุ ยอมรับและนับถือ อ.อุบล และ คุณ ชนิดา มากเลยค่ะ เปิดอ่านกระทู้ไหน เจอแต่ ท่าน อ.อุบลและคุณชนิดา บางครั้งอ่านไปก็นึกทบทวนตัวเองทุกครั้งและตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นและจะติดตามทุกกระทู้ของบ้านสวนพีระมิดและคำแนะนำดีๆ ธรรมทานดีๆ ของทุกท่านต่อไปค่ะ..

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 12:46:55


ความคิดเห็นที่ 230 (1635314)

สวัสดีค่ะพี่ชนิดา

ช่วงนี้เรียนหนังสือแถมมีสอบเกือบทุกอาทิตย์อีก อิอิ  และก็ทำงานด้วยค่ะ

เลยไม่ค่อยมีเวลา คิดถึงพี่ชนิดา เช่นกันค่ะ  

อย่างที่ท่านอาจารย์อุบลบอกจริงๆค่ะ เราทำกรรมทุกวัน โดยที่เราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวบ้าง 

ณัชชาก็สารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟิงค์เกือบทุกวันค่ะ 

ตั้งแต่ณัชชาบูชาจี้องค์เทพสฟิงค์ ทำให้จิตใจเย็น ไม่ร้อนรน เกิดสติ ปัญญา สมาธิ 

ในเรื่องของความรัก การงาน การเรียน การเงิน เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่างน่าอัศจรรย์ 

เพราะเมื่อก่อนณัชชาเป็นคนจิตตก ฟุ้งซ่านง่ายมาก 

เรื่องความโกรธ น้อยใจ และอิจฉาคนอื่นนี้ นับว่าเยอะมากๆค่ะ เป็นนิสัยที่ไม่ดีมากๆค่ะ 

เข้ามาก็ได้อ่านธรรมทาน ของคุณ ดวงรัตน์ 

ที่พรากนกกระจอก ทำให้รู้ว่า เรื่องกรรมนี้ ส่งผลตรง จริงๆค่ะ 

แต่เมื่อเรานึกออกและได้สารภาพแล้ว ก็ทำให้กรรมที่อยู่ในใจ 

เหมือนได้ปลดปล่อย 

อนุโมทนากับคุณดวงรัตน์ค่ะ 

สาธุ

และอนุโมทนากับคุณ นัยนาด้วยนะคะ 

แค่เราเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราก็เริ่มเปลี่ยนแล้วค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-19 01:27:01


ความคิดเห็นที่ 231 (1635638)

 อนุโมทนากับธรรมทานจากพี่ผึ้ง คุณดวงรัตน์ และทุกๆท่านด้วยนะคะ

*****************************************

ว่าแต่เจ้าของกระทู้หายไปไหนหว่า....

อย่าปล่อยให้น้องรอนานเน๊ออออออ

แบบว่าหาตัวตายแทนจริงๆใช่มั้ยเจ๊ ฮิฮิ

รีบๆกลับนะค๊า

รู้ว่าต้องมีแฟนคลับหลายๆคนคิดถึงแน่ๆ อิอิ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-21 05:39:01


ความคิดเห็นที่ 232 (1636204)

สวัสดีคร่าน้องหญิง

พี่ไม่เจอน้องหญิงนานเลย หรือว่า พี่ไม่ค่อยได้เข้ามา เลยไม่เจอ

เรื่องของกรรมนี้ส่งตรงไม่ผิดกรรมและการกระทำจริงๆค่ะ

จากที่ณัชชาได้เล่าให้ฟังตอนที่ไปเที่ยวกับแฟน ว่าแฟนตกปลาได้หนึ่งตัว และได้ปล่อยไป

วันนี้แฟนบอกว่า ไปหาหมอฟันมา เพราะว่าปวดมาก 

ทำให้ณัชชานึกถึงกรรมที่ตกปลา ขึ้นมาทันที เพราะตอนที่เอาเบ็ดออกจากปากปลา 

ปลาคงเจ็บมาก เหมือนที่แฟนกำลังได้รับผลนั้นอยู่ตอนนี้ 

ณัชชาก็มีส่วนสร้างกรรมนั้นด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับแฟนเรื่องตกปลา 

แต่ณัชชาก็ร่วมการกระทำนั้นคือไปเป็นเพื่อน  และไม่ได้ห้าม อย่างจริงจัง 

ขอกราบขอขมา ปลาที่ณัชชามีส่วนรู้เห็น ในการตกปลาในครั้งนี้  ขอให้ท่านให้อภัย ณัชชาและ แฟนของณัชชา 

ด้วยเทอญ 

และขออุทิศบุญทั้งหมดให้กับปลาตัวนั้น ค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-24 08:45:34


ความคิดเห็นที่ 233 (1637155)

โอ้ววว..ขออภัย แขกผู้มาเยือนกระทู้นี้

ทุกๆท่านด้วยนะค๊า

แบบว่า ช่วงที่ผ่านๆมา

มีกระทู้ในห้องอื่นๆ

ให้ติดตามอ่านมากมายมั่กๆ

ก็เลยเดินมาไม่ถึงห้องสารภาพบาปซักวัน

 

...............................

อิอิ..น้องหญิงกลับมาทั้งที

ก็ต้องทำงานให้หนักๆโหน่ย

ก็แอบลาไป"พักร้อน"ซะนานเลยนิ

................................

หนูณัชชา มาปรากฏตัว

พร้อมกับคำสารภาพบาปเช่นเคย

 

ยิ่งอ่าน ยิ่งทำให้เห็นว่า

ดี๋ยวนี้กรรมส่งผลรวดเร็ว

ทันใจจริงๆเลยนะคะ

 

แบบว่า ไม่ต้องรอนานเล๊ย

อย่างเรื่องตกปลา

แฟนของหนูณัชชา

ก็ถูกเอาคืนในเวลาไม่ถึงเดือนเลย

.............................

คุณ นัยนา

เดี๋ยวนี้พัฒนาไปอีกขั้นแล้ว

เพราะไม่ได้เขียนแค่

ขออนุโมทนาเท่านั้นแล้ว

แต่เริ่มมีการแสดง"ความคิดเห็น"

ต่อเรื่อง ที่ได้อ่านบ้างแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 07:00:10


ความคิดเห็นที่ 234 (1637407)

                                                555+

                              ไม่รู้ว่าจะ ดีใจ หรือ เสียใจ ดีนะคะ

                          แต่คำว่า พัฒนา เนี่ย ก็ถือว่า ดีขึ้น มาหน่อย

             นับถือคุณชนิดาจริงๆ ที่ใส่ใจรายละเอียดกับเรื่องต่างๆมากค่ะ

                                   เข้ามาอ่านในกระทู้นี้เห็นคุณ ณัชชา เขียนธรรมทาน

            และ ก็อีกหลายๆ ท่าน   ก็อยากจะเขียนให้ได้เยอะๆ เหมือนกัน  

        ตัวเองเขียนธรรมทาน เหมือนอย่างที่ท่านอาจารย์ว่า เขียนแบบแก้บน

     แต่ตอนที่เริ่มเขียนคำสารภาพบาปก็ไม่ค่อยได้อ่านของคนอื่นสักเท่าไหร่     

              เลยเขียนเหมือนแก้บนทั้งๆที่บาปกรรม ของตัวเองเยอะมากๆ

                    ( คิดขึ้นมาก็กลัวค่ะ ไม่รู้ว่าบางเรื่องทำไปได้ยังไง)

                     ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน ของทุกๆท่านด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 10:53:14


ความคิดเห็นที่ 235 (1637938)

อนุโมทนาบุญกับคุณ นัยนาด้วยค่ะ สาธุ

เพียงแค่เราคิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง

ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนแล้วค่ะ จุดเริ่มต้นของคุณ นัยนา เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ที่จะนำแสงสว่างมาให้กับตัวเองได้ดีเลยทีเดียวค่ะ

.................................................................................................

กรรมติดจรวดรวดเร็วจริงๆค่ะพี่ชนิดา ไม่ต้องรอชาติหน้า

เพื่อเป็นธรรมทานคอยเตือนใจตัวเอง

อย่าได้ทำผิดอีก

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 09:50:33


ความคิดเห็นที่ 236 (1640064)

                     

                                  โหยยย ธรรมทานของคูณชนิดานี่ อ่านแล้วไปใหนไม่ได้เลย

          แรกคิดว่าของคูณชนิดาคนเดียว นี่มันสุดยอดรวมเรื่องสั้นวรรณกรรมดีเด่นเลยนะเนี่ย

                       อ่ายมาหลาาาายยยยวันแล้วยังไมจบเลย โอ้ยย เดียวเราต้องรีบ

           ไปเหลาเรื่องของตัวเองบ้าง เดียวตกขบวน

                              ขอบคูณทุกธรรมทานนะค่ะ ทุกตัวอักษรมีความหมานกับติ๋มมากค่ะ

              เรื่องการสกดคำ หุหุหุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 12:01:23


ความคิดเห็นที่ 237 (1640492)

วันนี้ตอนทำงานอยู่ก็นึกกรรมไม่ดีที่ตัวเอง พอนึกขึ้นมาได้

ก็เสียใจ และคิดว่าไม่น่าทำแบบนั้นเลย แต่ก็แก้ใขเรื่องราวในอดืต

ไม่ได้แล้ว เลยนำเรื่องนี้มาเป็นธรรมทาน และอยากจะสารภาพบาปค่ะ

ได้เคยก่อไว้ตอนสมัยเรียนหนังสือ ตอนนั้นเพิ่งจะเริ่มเข้ามหาลัย

เป็นปีแรก โดยไปเรียนที่พยาบาลที่เชียงใหม่

แต่ก็เรียนไม่จบ เพราะไม่ตั้งใจ ไม่ใส่ใจ ไม่มีความอดทน

เรื่องกรรมไม่ดีนี้ คือเรื่องเพื่อน

จำได้้ว่า ตอนนั้นทำให้เพื่อนแตกแยกกัน โดยตัวเรา เป็นคนใส่ไฟ ยุแยงให้คนรอบข้าง

แตกแยกกัน ทั้งๆที่บางเรื่องมันไม่ใช่เรื่องจริง

เคยทำโทรศัพท์ตั้งโต๊ะให้รุ่นพี่ที่มหาลัย  รุ่นพี่ก็ไว้ใจเรา ก็แอบเอาชั่วโมงโทร 

โทรคุยกับคนอื่นเป็นหลายชั่วโมง โดยไม่จ่ายเงิน แบบว่าชอบของฟรี

เคยขายโทรศัพท์ให้เพื่อน เพื่อนก็จ่ายตังค์แล้ว 

ก็ไปโกหกเขาว่าขอยืมโทรศัพท์ แล้วพรุ่งนี้จะคืนให้ 

แต่ณัชชาก็เอาโทรศัพท์ตัวนั้น ไปให้อีกคน นี่ถือเป็นการลักทรัพย์ โกหก 

คิดเห็นแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงใจคนอื่น

และอีกเรื่องที่จำได้คือ สมัยเรียนมัธยม เคยอัดเพลงใส่เทปขาย ซึ่งณัชชาเป็นคนรับออร์เดอร์มา

จากคนข้างบ้าน

พอเพื่อนในห้องเรียนจ่ายตังค์แล้ว ก็ไม่เอาเทปไปให้ และก็ไม่เอาเงินไปให้เจ้าของที่อัดเพลง

ผลกรรมที่ได้รับคืิอ ทำให้มีเพื่อนน้อย การเงินฝืดเคือง เจอมิตรไม่ดี

ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ 

นี่คือผลของกรรมที่เห็นได้ชัดเจน และส่งผลได้อย่างถูกต้องกับกรรมชั่วที่เคยมา

ดังคำสอนขององค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้า ว่า 

สร้างเหตุไว้เช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 01:52:46


ความคิดเห็นที่ 238 (1640942)

อนุโมทนากับหนูณัชชาด้วยนะจ๊า

แหม่..คิดออกแต่ละกรรม

สารภาพมาแต่ละที

ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่เด็ดเลย

เอาเป็นว่าอดีตมันผ่านไปแล้ว

ตั้งใจทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่าเนอะ

 

เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รับผลกรรม

เป็น บทเรียนสอนใจ

ให้หลาบจำมาพอสมควรแล้ว

.........................................

แล้วก็อนุโมทนากับคุณติ๋ม ด้วยนะคะ

ที่แวะเข้ามาอ่าน

ละครสะท้อนชีวิตจริงของลูกๆบ้านสวนฯ

ที่รวบรวมไว้ในกระทู้นี้

อ่านให้ครบของทุกคนนะคะ

 

รับรองว่า

ถ้าเป็นหนังสือก็ วางไม่ลง แน่ๆ

เพราะเด็ดทุกเรื่อง ขอบอก...อิอิ

....................................

ส่วนคุณ นัยนา อย่างงเลยค่ะ

เพราะว่า ที่เขียนไปนั้น

มันคือ คำชมล้วนๆ จ๊า อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 06:16:22


ความคิดเห็นที่ 239 (1640944)

ขอนำธรรมทานเรื่องบาปๆของชนิดา

จากกระทู้อื่น มารวบรวมไว้ในกระทู้นี้เช่นกัน

เผื่อในอนาคต จะไ้ด้หาอ่านได้ง่าย

ไม่ตกหล่น

.................................................................................

 

ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วได้รับผลกรรมอย่างไร

 

  ชื่อ นางสาว ชนิดา เชิงสะอาด ชื่อเล่น โหน่ง อายุ 40ปี

 

จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาศิลปศาสตร์ ด้านการผลิตสารคดี จาก Middlesex University ลอนดอน ประเทศอังกฤษ

 

อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว(ร้านขายยา Apteka Nova)

 

อาศัยอยู่ที่เมือง โตรุน ประเทศ โปแลนด์

 

ต้องบอก ว่า ตั้งแต่เริ่มต้นที่ได้มาติดตามเว็บไซต์บ้านสวนฯและรายการคุยไปแจกไป ตั้งแต่ปี 2553 ถือว่าตัวเองโชคดีมากๆค่ะ ที่ไม่เคยคิดสงสัยเรื่องที่อาจารย์นำมาบอกมาสอนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความลับเกี่ยวกับพลังพีระมิด หรือ การรักษาโรคให้คนหายได้ ด้วยมือเปล่า ด้วยพลังบุญและการสารภาพบาป

 

แล้ว ก็ไม่เคยสนใจด้วยว่า ถึงแม้ท่านอาจารย์จะเป็นผู้หญิงและเป็นฆราวาส จะมาถ่ายทอดธรรมะของพระพุทธองค์ นั้นดูจะไม่เหมาะสมหรือไม่ เพราะคนส่วนใหญ่คงคิดว่า เป็นพระ เป็นชี คงเหมาะสมกว่า(รึเปล่า) เพราะโดยส่วนตัว ก็เป็นคนชอบอ่านธรรมะจากคนธรรมดาทั่วๆไป ใช้ภาษาง่ายๆแต่เข้าใจได้ก็พอแล้ว ไม่ค่อยยึดติดกับเรื่องเหล่านี้ซักเท่าไหร่ค่ะ

 

ฉะนั้น ยิ่งเราเลื่อมใส ศรัทธาท่านอาจารย์มากเท่าไหร่ จิตส่วนดี เค้าก็ตั้งใจมากๆที่จะเป็นคนดีและปฏิบัติตามคำสอนของอาจารย์ให้ได้ แต่จิตส่วนเลวที่เป็นผลสะท้อนมาจากบาปกรรมที่เราเคยทำผิดศีลมาทั้ง5 ข้อก็แท๊คทีมกันมาตามหลอกหลอนเราบ่อยๆเช่นกัน

 

ฉะนั้น จึงเกิดเป็นซีรีส์ของความคิดเลวๆ ไปปรามาสท่านอาจารย์โดยไม่ได้ตั้งใจหลายต่อหลายครั้ง

ครั้งแรกเลยก็คือ เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ปี 2554 ในขณะที่อ่านธรรมทานต่างๆในเว็บ อยู่ดีๆ จิตก็แว๊บสงสัยเรื่อง เงินทำบุญ ขึ้นมา คือมันคิดสงสัยขึ้นมา แต่เหมือนคิดไม่สุดค่ะ น่าจะประมาณว่า เงินบริจาคเยอะเหมือนกันนะเนี่ย (ุถ้าให้เดาความคิดตัวเองตอนนั้น) ก็คงจะสงสัยต่อความบริสุทธิ์ของท่านอาจารย์ประมาณนี้นะคะ

หลังจากนั้นไม่นาน พอไปเห็นรูปท่านอาจารย์ที่ถ่ายพร้อมกับพี่น้องบ้านสวนฯท่านอื่นๆ จิตก็แว๊บขึ้นมาทันทีว่า ช่วงนี้อาจารย์ดูไม่ผ่องเลย คือ ก็คงนึกภาพไว้ว่า ท่านอาจารย์เป็นคนมีบุญ ก็ควรจะหน้าตา สดใส ผ่องผุดพรรณ ตลอดเวลาว่างั้นเถอะ 

 

และอันนี้เด็ดสุด และน่าจะเป็น"หลุมพราง" ที่ท่า่นอาจารย์และเบื้องบนตั้งใจไว้ให้คนไร้สติ ได้เดินตกหลุมนี้แน่ๆ นั่นก็คือ ช่วงท้ายรายการ จะมีช่วงหนึ่งที่ท่านอาจารย์มาอธิบายเรื่องศีล แต่มาในชุดเสื้อสีชมพู ที่รัดรูปม๊าก ได้เห็นปั๊บ ด้วยความเคยชิน ชนิดาก็มองส่วนเว้า ส่วนโค้งในสรีระของท่านอาจารย์ไปเต็มๆ ยิ่งกลัว ยิ่งมอง แล้วยิ่งมอง ก็เหมือนอาจารย์จะรู้ว่า นี่คือ จุดอ่อนของเรา หลังจากนั้นหลายๆเทป ก็จะมี ชุดสีชมพูรัดรูป ท้ายรายการทุ๊กที คือ ต้องสู้กับความคิดและกิเลสของตัวเองพอสมควร

 

ช่วง แรกๆถ้าถึงตอนที่เสื้อชมพูมาเมื่อไหร่ เราก็เลี่ยงด้วยการไม่มองหน้าจอค่ะ พอหลังๆ เริ่มควบคุมได้ดีขึ้น ก็ทู่ซี้มองให้ได้ แต่ต้องพยายามบอกตัวเองว่า ให้จ้องที่หน้าท่านอาจารย์เท่านั้น แต่ก็หลุดบ่อยๆค่ะ

 

แหม่...ยังแอบคิดเลยค่ะว่า ขนาดเราเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังขยัน"ลวนลามด้วยสายตา"ได้ขนาดนี้เล๊ย แล้วบรรดาหนุ่มๆ จะขนาดไหนน๊อ 

 

หลัง จากนั้นก็จะมี ความคิดประปราย บางทีก็คิดแซวอาจารย์บ้าง ขำๆในใจตัวเองคนเดียว แต่อันนี้จำคำพูดชัดๆไม่ได้ เพราะมันเป็นความคิดที่เกิดขึ้นในขณะที่อ่านเจอข้อความอาจารย์ ทีี่่มันขำๆ น่าแซว ชนิดาก็จะคิดแซวกลับทันที หรือบางทีก็เขียนแซวเลยก็มี เพราะนึกสนุก ไม่ได้คิดอะไรเยอะ แต่ตอนนี้ ยิ่งได้ติดตาม ยิ่งได้รู้ว่า ท่านอาจารย์เป็นผู้มีบุญบารมียิ่งใหญ่และสูงส่งเพียงใด ฉะนั้น เราควรจะต้องควบคุมความคิดของตนให้ดีๆ ไม่ควรไปทำตัวเทียบเท่าหรือตีเสมอกับท่านอาจารย์โดยเด็ดขาด 

 

 

ใน บางทีก็มีความคิด"แอบงอน แอบน้อยใจ"อาจารย์ก็บ่อย เวลาที่เห็นอาจารย์ออนไลน์(เมื่อก่อนในเว็บจะโชว์ชื่อคนที่ออนไลน์อยู่) ถ้าทักอาจารย์แล้ว อาจารย์อาจจะไม่ได้มาอ่านกระทู้ที่เราทักทายไว้ ก็แอบงอน..ซะงั้น อันนี้ต้องบอกว่า เป็น"นิสัยถาวร"ที่ ติดตัวมา เพราะจะมีความสามารถพิเศษ คือ งอนและน้อยใจ ได้ดีเป็นพิเศษค่ะ โดยเฉพาะคนใกล้ตัวโดนทุกคน แม้กระทั่ง ครูบาอาจารย์ก็ไม่เว้นค่ะ

 

ผู้่อ่านอย่าคิดนะคะว่า ชนิดารู้สึกสนุกกับความคิดเหล่านี้ เพราะมันคือ ความทุกข์ล้วนๆค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่อยากคิด เพราะช่วงนั้นท่านอาจารย์จะประกาศให้ทุกคนท้าพิสูจน์อย่างชัดแจ้งเลยว่า การปรามาสอ.อุบล นั้นมีผลจริงไหม๊ โดยท่านอาจารย์ก็ได้บอกเลยว่า จะมีผลกรรมอะไรบ้าง ขั้นต่ำก็ขี้กลาก หรืออาการเจ็บป่วยทางกายต่างๆ หรือไม่ก็ ประสบเคราะห์กรรมทุกรูปแบบ หรือ ประสบอุบัติเหตุเภทภัย หรือถ้าร้ายแรงมากๆ ก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิต ก็ได้...

 

โห..ตอน นั้นยิ่งอ่านแล้วยิ่งหัวหด เพราะกลัวเคราะห์กรรมที่จะเกิดกับตัวเอง เพราะท่านอาจารย์ประกาศอะไรออกมาแล้ว มักจะเป็นจริง และพิสูจน์ได้เป็นรูปธรรมเสมอ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็จะมีผู้คนที่ประสบเคราะห์กรรมจากการปรามาสอ.อุบล และมาขอขมากับท่านอาจารย์มากมาย ทีเดียว แต่ละเคสก็น่ากลัวทั้งนั้นค่ะ บางคนญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตกระทันหัน หรือ บางคนอยู่ดีๆภรรยาก็ไปมีกิ๊ก ทั้งๆที่ไม่มีวี่แววมาก่อน 

 

จาก สมมุติฐานที่ท่านอาจารย์ได้ตั้งไว้ แล้วก็มีคนมากมายมารายงานผลกรรมที่ได้รับ จากการปรามาสหลายต่อหลายเคส ชนิดาจึงเชื่อว่า กรรมทางความคิด เป็นกรรมหนัก ที่ส่งผลกับชีวิตเราได้อย่างหนัก..จริงๆ

 

แล้วมาดูนะคะว่า ผลกรรมทางความคิดที่่ชนิดาได้รับนั้นมีอะไรบ้าง

 

ผล พวงจากความคิดชั่วๆเหล่านี้ ส่งผลให้ชนิดาคันยิกๆทั่วตัวเลยค่ะ ประมาณว่า ใช้ความคิดจาบจ้วงล่วงเกินท่านอาจารย์ กรรมก็เลยมาเป็นอาการขี้กลาก แต่ไม่ได้มาเป็นรูปธรรม แต่มันมาทางความคิดและความรู้สึกแทน แบบว่า คันม๊าก คันจนปวดหัว เดี๋ยวคันหัว คันหน้า คันตัว คันขา คันหน้าแข้ง คันเท้า แถมยังปวดที่่ขมับข้างขวา ท้ายทอย และ ปวดไหล่มากๆด้วยค่ะ (จำได้แม่นค่ะ เพราะจดไว้ในไดอารี่ เพราะในชีวิตนี้ไม่เคยคันอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อน)

 

หลังจากนั้น ไม่นาน หน้าตาชนิดาก็ดู"โทรม"ลง อย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ยัง"อึ้ง"เลยว่า โห..เราคิดอะไรต่อบุคคลที่มีบุญบารมีสูงกว่าเรา ทุกอย่างมันสะท้อนกลับมา ชัดเจนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ทั้งๆที่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นไปได้เลยค่ะ เพราะ"หนังหน้า"ชนิดาเริ่มดีขึ้นมากๆ หลังจากที่ใช้พาเมล่าที่มีพลังปราณและมโนธาตุ  แล้วยังทานสาหร่ายเกลียวทองด้วย ซึ่งก่อนหน้า ที่จะมีความคิดปรามาสนั้น ทั้งหน้าตา ทั้งผม ก็ดูดีขึ้นเยอะแล้ว

 

ส่วนกรรมที่ลวนลามท่านอาจารย์ทางสายตา ตอนนั้นก็คิดว่า คงไม่ส่งผลอะไรมั้ง ก็แอบให้กำลังใจตัวเองเหมือนกัน

 

ที่ไหนได้ พอมาประมวลความคิด และพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว เพิ่งถึงบางอ้อว่า ที่ชนิดาเพิ่งไปตรวจเจอ เนื้องอกและซีสต์ในช่องคลอด เมื่อเดือนสิงหาคม(ปี55) ที่ผ่านมานั้น คงจะไม่ใช่แค่เพียง ผลกรรมจากการที่เคยมีส่วนรู้เห็นในการทำแท้งซะแล้ว แต่มันเกิดจากการที่กรรมรวมตัวกัน ทั้งความคิดที่ไปล่วงเกินและมองส่วนเว้าส่วนโค้งของท่านอาจารย์ รวมกับกรรมที่เคยผิดศีลข้อสาม และ กรรมที่มีส่วนรู้เห็นในการทำแท้ง นี่เอง แต่คิดปรามาสไปได้หนึ่งปี เพิ่งจะมาตรวจเจอ...ไม่นานนี้เอง แต่ตอนนี้รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว เดี๋ยวพบคุณหมอคราวหน้า จะนำผลตรวจเนื้องอกและซีสต์มารายงานต่อไปค่ะ 

 

ค้นหาและพบทางพ้นทุกข์

ตอน ที่เกิดความคิดปรามาส มันทุกข์ใจมากๆค่ะ ทั้งกลัว ทั้งไม่ยอมรับตัวเอง และอาการคันนั้นก็ทรมานมากๆ มาบุกหนักจริงๆ แต่ก็พยายามที่จะตั้งสติ และน้อมจิตกราบขอโทษและขอขมาท่านอาจารย์ให้ได้ทุกครั้งที่มีความคิดไปล่วง เกินท่าน เพราะทราบดีว่าเป็นกรรมทางความคิดแน่ๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอาการอะไร แต่พอคิดปั๊บ อาการต่างๆก็มาเยือนเลย  ซึ่งอาการคันทางกาย ก็พยายามกำหนดจิตตามไปทีละจุด ตอนแรกๆก็เอาไม่ค่อยอยู่หรอกค่ะ เพราะอาการมันเยอะจนกำหนดจิตตามแทบไม่ทัน

 

สุดท้ายก็เลยเจอไม้เด็ด หา"หลัก"ให้จิตยึด ด้วยการภาวนา "อ.อุบล ช่วยด้วย" ให้ได้ตลอดเวลา จิตจะได้ไม่สัดส่าย วอกแวก แล้วเผลอคิดชั่วแบบนี้อีก พยายามอยู่สามสี่วัน อาการคันและปวดต่างๆก็หายไปค่ะ แต่ความไม่สบายใจยังคงมีอยู่ แต่ก็พยายามไม่ให้ความสำคัญกับความคิดเหล่านี้มากนัก เพราะยิ่งถ้าเราไปให้ความสำคัญกับมันมากเท่าไหร่ มันก็จะมีกำลังมากขึ้นเท่านั้น และพอกลับเมืองไทยก็ได้ไปกราบขอขมาท่านอาจารย์อีกครั้งพร้อมทั้งสารภาพบาป กรรมทั้งหมด เพื่อปลดเปลื้องกรรม 

 

แต่ตอนนั้นต้องบอกว่า สู้อย่างใช้"สติ" เท่านั้นค่ะ แต่ยังไม่เกิด"ปัญญา" รู้ได้ด้วยตัวเองหรอกค่ะว่า ความคิดชั่วๆเหล่านั้น มันมีบ่อเกิดมาจากอะไรกันแน่ ซึ่งเรื่องนี้ ก็ได้มาทราบจากท่านอาจารย์ิอุบลในภายหลังว่า

ที่เรามีความคิดลบ หรือ คิดชั่วกับตัวเอง กับคนอื่น หรือกับเบื้องสูงได้นั้น มันมีสาเหตุมาจากที่เราเคยทำผิดศีลมาแล้วทุกข้อนั่นเอง ซึ่งรูปแบบของความคิดชั่ว ก็จะเป็นผลสะท้อนมาจากศีลข้อที่เราผิดบ่อย หรือ มากที่สุด นั่นเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ ก็เช่น บางคนแว๊บคิดแต่คำหยาบคาย ก็เป็นผลพวงมาจากการผิดศีลข้อสี่เป็นประจำ หรือ บางคนคิดแว๊บเรื่องลามก ลวนลามอาจารย์ ก็เป็นผลสะท้อนจากที่ผิดศีลข้อสาม นั่นเอง 

 

ซึ่งชนิดาก็เช่นกัน ที่มีความคิดไปสงสัยเรื่องเงินทำบุญ ก็เป็นเพราะว่าตนเคยทำผิดศีลข้อสองมาอย่างมากมายและบ่อยที่สุด เพราะชอบของฟรีเป็นชีวิตจิตใจ แล้วก็เอาของใช้ที่ทำงานมาใช้ส่วนตัวเป็นประจำ และที่สำคัญชนิดาก็เป็นคนที่ตระหนี่ ถี่เหนียว ทำบุญน้อย แต่อยากได้บุญเยอะๆ ใจแคบขี้อิจฉา และไม่ใช้ปัญญาพิจารณาว่า สิ่งที่ท่านอาจารย์ทำเพื่อส่วนรวมอยู่ตลอดเวลานั้น มันมากมายเพียงใด ทั้งเปิดบ้านส่วนตัวให้ผู้คนมากมายมาสร้างบุญ หายทุกข์ได้ ซึ่งท่านต้องเสียสละเวลา เงินทองและทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูคนมากมาย รวมถึงงานก่อสร้างต่างๆ ด้วย  

 

ส่วน เรื่องที่มีความคิดไปลวนลามท่านอาจารย์ทางสายตา ก็แน่นอนว่า เคยผิดศีลข้อสามมาก่อน เพราะเคยชิงสุกก่อนห่าม เคยเป็นกิ๊กกับสามีชาวบ้าน แล้วก็คบเผื่อเลือกด้วย

 

ส่วน เรื่องทีี่่มีความคิดไปจับจ้องเรื่องความสวยความงามของท่านอาจารย์ ก็คงจะสะท้อนมาจากที่ตัวเองเป็นคนที่สนใจแต่เปลือก มองคนแต่เพียงภายนอก แต่แก่นแท้ที่ทำให้พ้นทุกข์ได้กลับไม่สนใจ จึงมองหาแต่ข้อตำหนิของผู้อื่น แต่ไม่ดู"จิต"ตัวเอง ซึ่งก็คงจะเป็นเพราะผิดศีลข้อที่หนึ่งมาอย่างช่ำชอง จึงได้ "ไร้เมตตา" มองหาแต่ข้อบกพร่องของคนอื่นอยู่ร่ำไป...

 

และ จากปัญญาที่ท่านอ.อุบล มอบให้นี้ เราจึงสามารถวัดระดับความดีของตัวเองได้ชัดๆ จาก"ความคิด"ของเราเอง คือ ถ้ายังแว๊บคิดไปปรามาสท่านอ.อุบลอยู่ ก็รู้ได้เลยว่า ศีลเรายังไม่บริสุทธิ์พอ ฉะนั้น เราจะหลอกตัวเองไม่ได้เลยว่า่ เราดีแล้ว ศีลครบแล้ว เพราะตัวเราย่อมรู้"ความคิด"เราดี...ที่สุด

 

ฉะนั้น เมื่อเราได้เห็นวงจรบาปอย่างชัดเจนแล้ว ว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร ก็ไปแก้ที่เหตุเลย ด้วยการรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ให้ได้ โดยต้องมี"สติ"ตลอดเวลา ต้องคิดก่อนคิด คิดก่อนพูด แล้วก็คิดก่อนทำเสมอ เพราะถ้าเราเผลอสติ ผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย เราก็จะได้รับ"ความทุกข์"เป็นผลสะท้อนกลับมาเช่นนี้เรื่อยไป

 

แล้ว ยิ่งถ้าเราเผลอสติไปคิดล่วงเกินผู้บริสุทธิ์และบุญบารมีสูงอย่างท่านอาจารย์ ผลกรรมทางความคิดนี้ เป็นบาปหนักถือว่าเป็น อนันตริยกรรม ทำให้ตกนรกอเวจีได้ง่ายๆเลย

ลูก บ้านสวนฯตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี และจึงอยากแบ่งปัน"สัจธรรม" ข้อนี้กับทุกๆท่านที่ได้มา่อ่าน เพราะยังมีคนอีกมากมาย ที่ยังไม่รู้ว่า "กรรมทางความคิด" นั้นเป็นบาปกรรมหนัก...

 

ฉะนั้น บาปกรรมอันใดที่เราเคยทำไว้ ไม่ว่าจะทางความคิด คำพูด หรือ การกระทำ เราต้องได้รับผลกรรมนั้นแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว อย่าชะล่าใจเด็ดขาด อย่างที่ท่านอาจารย์ได้เน้นย้ำกับลูกบ้านสวนฯทุกคนเสมอว่า หมั่นสร้างบุญให้เต็มที่ และ ต้อง"ละ"บาป ให้ได้ตลอดเวลาด้วย...แม้แต่ทางความคิด

 

ชนิ ดากราบขอขมาท่านอ.อุบลด้วยนะคะ ที่มีความคิดไปจาบจ้วงล่วงเกินท่านอาจารย์อยู่บ่อยๆ ไม่ขอแก้ตัวแต่อย่างไรค่ะ เพราะเลวจริงๆ แต่ขอสำนึกผิด และจะขอ "แก้ไข"ตัวเอง และจะพยายามทำตามคำสั่งและคำสอนของท่านอาจารย์ให้ได้ในทุกๆเรื่อง

 

หวังว่า ต่อจากนี้ไป ทุกๆท่านที่ได้อ่านเรื่องนี้แล้ว คงจะมีสติ และ ระวัง"ความคิด"ของท่าน มากยิ่งๆขึ้นนะคะ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 06:19:40


ความคิดเห็นที่ 240 (1641589)

 

ขอนำธรรมทานสารภาพกรรมอีกเวอร์ชั่นนำมาให้อ่านกันค่ะ

 

ข้าพเจ้า น.ส.ศิริพร โฉมจันทร์ ตุ้ย  อายุ 34 ปี  

จบจาก ม.ราชภัฎพระนคร  คณะวิทยาการจัดการ

 เอกบริหารธุรกิจ   ทำงาน บ. จ๊อบเซิร์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด

อาชีพพนักงานบริษัท  ตำแหน่ง พนักงานขาย  จ.นนทบุรี 

ลักทรัพย์นานนับปี ชีวิตนี้จึงยากจน
 
            เรื่องราวมีอยู่ว่าที่บ้านพ่อแม่ประกอบอาชีพค้าขายผลไม้ ทำมาตั้งแต่เราจำความได้ เลิกเรียน หรือปิดเทอมก็ช่วยพ่อแม่ขายของ จนคนแถวนั้น เขาต่างมองว่าเราเป็นเด็กดี ประมาณอายุสัก 16 ปี ตัวเองก็เริ่มมีเพื่อนฝูง เริ่มกิน เริ่มเที่ยว คราวนี้พอขายของได้ ก็เริ่มจิ๊กเงิน เริ่มจากจิ๊กหลักร้อย ย้ายมาเป็นหลักพัน ได้มาก็เอาไปกิน จนกระทั่งอายุ 18 ปี จึงได้เจอพ่อของลูก เขาเป็นคนหล่อ หน้าตาดี ชอบพอกัน ชิงสุกก่อนห่ามได้เสียในวัยเรียน  พ่อแม่ก็ไม่รู้ จนกระทั่งท้อง จึงตัดสินใจไปทำแท้งเพราะความไม่พร้อมใน นั่นคือการเริ่มต้นของกฎแห่งกรรมที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาแล้วหลังจากทำแท้งแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไปเรียน แต่ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ต้องใช้เงินปรนเปรออดีตแฟนมาก เพราะชีวิตเขากำลังลำบาก ยากจน เพราะเขาเคยขโมยสร้อย เพชร พลอย ของย่าเขาแล้วหนีออกจากบ้านมา แต่เมื่อคบหากันไปแล้ว เราก็ต้องขโมยเงินแม่มาเลี้ยงดูเขา ขโมยกุญแจคอนโด ที่แม่ซื้อไว้ เอามาให้เขาอยู่ และระหว่างนั้น คุณยายก็ป่วย ตุ้ยเองก็ไม่คิดจะดูแลปล่อยปละละเลย ทิ้งแกไปหาผู้ชาย โดยตัวแกก็เจ็บป่วย ต้องโกหก ตอแหลสารพัด อ้างนู่นอ้างนี่เพื่อที่จะออกไปข้างนอกให้ได้ ยายจะเป็นจะตายช่างหัว จนกระทั่งประมาณ ปี 43 ยายเสียชีวิต ส่วนตัวเราก็เรียนจบ รับปริญญา ได้ทำงาน ด้านการขายมาตลอด ทั้งขายบัตรเครดิต ประกันชีวิต พนักงานขายหน้าร้าน ขายตรง MLM  ล้วนแล้วต้องพูดจาโน้มน้าว ของไม่ดี บอกดี ของดี บอกดี ใช้เหล่เหลี่ยมสารพัด ทำอย่างไรก็ได้ขอให้ได้เงินเขามา สุดท้าย ก็ต้องเลิกอาชีพนี้ไป เพราะมันเครียด และกดดันมาก ประกอบกับอดีตสามี เริ่มลืมตาอ้าปากได้ เขาจึงเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือเล็กๆ ขึ้นมา ตัวเองก็ได้ไปช่วยเขาทำ จึงเป็นเหตุให้ได้อยู่ใกล้ชิดกันมาก ทำให้บางวันก็กลับบ้านบ้าง ไม่กลับ จนกระทั่ง ตัวเองตั้งท้อง คราวนี้ตั้งใจว่าจะเอาไว้ แต่ก็ยังไม่กล้าบอกพ่อแม่ กลัวท่านจะเสียใจ จึงปิดบังมาโดยตลอด จนกระทั่งท้องได้ 5 เดือน แฟนได้เป็นคนบอกพ่อกับแม่เอง ท่านทั้งสอง เสียใจ จนร้องไห้ แต่ก็ให้อภัย จัดงานผูกข้อไม้ข้อมือให้ 
 
 
 
 
             ปลายปี 2545 ชีวิตพุ่งขึ้นสูงสุด ได้มีลูกชาย และมาช่วยกิจการของแฟนเต็มตัว คือ มีร้านโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง ส่วนแฟนก็ทำงานเกี่ยวกับธุรกิจมืดต่างๆ คือเรียกว่าเป็นมือขวาให้นายของเขา เช่น คุมบ่อน ตู้ม้า รับบอล เรียกว่ามีรายได้เข้ามาในแต่ละวันมากมาย เคยตื่นนอนมาแล้วพูดกับตัวเองว่า ทำไมเราช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกอย่างนี้  เงินทองที่หามาได้ ต้องหมดไปกับสังคมที่ฟุ้งเฟ้อ จนกระทั่งต่อมา นายของแฟนที่เป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ เขาก็เป็นคนเจ้าชู้  มีเมียน้อยเมียเก็บเยอะแยะไปหมด เขาได้ภรรยาน้อยคนใหม่มา เมียน้อยคนนี้พยายามแสดงตัวอย่างมาก เข้ามายุ่งวุ่นวายกับธุรกิจของนาย จึงทำให้ตุ้ยเอง รู้สึกไม่ชอบใจ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เก็บความไม่พอใจเรื่อยมา ครอบครัวเริ่มระหองระแหง ตอนนั้นลูกอายุได้ 2 ขวบ  ปี 2547 ธุรกิจที่ทำกับแฟน ตัวเรามักจะมีปัญหากับนาย และภรรยาน้อยของนายเป็นประจำ จนวันหนึ่ง นายถามเราว่า “มึงจะเอายังกันแน่วะ”  ซึ่งเขาไม่เคยพูดขึ้นมึงกูกับเรา พูดต่อหน้าลูกน้อง ตั้งแต่นั้นมา เราเก็บความแค้นนี้ไว้ รอวันที่จะทำลายเขาให้ย่อยยับให้ได้ จึงได้ยื่นคำร้องไปยังตู้ ปณ. 1 ของรัฐบาล ร้องเรียนไปว่ามีตู้ม้า ที่ไหนบ้าง และสำนวนที่เราร้องเรียนไป เขาก็รู้ว่าเป็นเรา เขาจึงเรียกเราไปที่โรงพัก ให้ไปยกฟ้องเรื่องนี้ ตอนนั้น สังคมของนาย ลูกน้อง และแฟนเรา ต่างประนาม และโกรธเรามาก ถึงขนาดว่าจะทำร้ายเรา เก็บเรา แต่ก็เหมือนชีวิตยังไม่ถึงคราวตาย มีคนคอยช่วยเหลือ ให้กลับไปอยู่กับแม่ จึงเป็นอันว่าตุ้ยต้องตัดใจเดินแยกทางกับแฟน นับแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยความจำยอม ทั้งๆ ที่รักเขามาก เจ็บปวด เหมือนคนตายทั้งเป็น การกลับมาครั้งนี้ ทำให้ตุ้ยมีนิสัยเปลี่ยนแปลงไป จากที่เป็นลูกที่ดี ก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย เถียงแม่ พูดจาทำให้ท่านเสียใจ ดูถูกเหยียดหยาม ไม่เคารพยำเกรง เรียกว่าทำแบบเลือดเย็นหน้าด้านๆ  
 
 
             จากเงินทองที่เคยมี ธุรกิจที่เคยมีตอนนี้หมดสิ้นทุกอย่าง ฐานะการเงินชักหน้าไม่ถึงหลังที่เคยใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อได้ก็ต้องฝืดเคืองหนี้สินที่เคยมีทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อ ฯลฯ ตามทวง ไม่เว้นวัน เวลามีเบอร์แปลกโทรมา จะหลอนมาก พาลไม่รับสายเอาซะเลย ชีวิตตอนนั้นเรียกว่า ทุกข์มากๆ เหมือนตายทั้งเป็น ไม่มีศักยภาพที่จะดูแลลูก ดูแลแม่ หันหน้าไปหาใครก็ไม่มี สามีก็แย่เพราะเราทำเรื่องไว้อีก เรียกว่ามืดแปดด้าน จากการเป็นเจ้าของธุรกิจ ชีวิตพลิกผันต้องมาเป็นลูกจ้างเขา ลองขายเครื่องสำอางเอาของเขามาขายก่อน แล้วก็ไม่จ่าย ทั้งโทรศัพท์รายเดือนเกือบทุกค่าย พอเขาเรียกเก็บ มันมากมายหลายเจ้า เราก็หนี ก็โกง ไม่จ่ายเขา จนกระทั่งมาหางานทำได้เป็นแคชเชียร์ จึงยักยอกเงินจากเครื่อง ในตอนนั้นคิดว่า ถ้าเรามีเราจะหามาใส่คืน แต่ก็ไม่มีปัญญา รวมๆ แล้วเป็นเงิน ประมาณ 5000 บาทค่ะ และอีกเหตุการณ์ก็คือ เคยขโมยเงินเพื่อน 1000 บาทโดยเอาบัตรเขาไปกด atm เพราะเรารู้รหัสเขา ตอนนั้นที่ทำไปก็จนตรอกอีกเช่นเดิมกับเพื่อนคนนี้เขาดีกับเราทุกอย่าง แต่เราก็ทำเขาแบบเลือดเย็น อีกเหตุการณ์ก็คือ ได้ช่วยแม่ขายผลไม้ที่ร้านขายดี ตุ้ยก็จิ๊กวันละ 1000 จิ๊กไปก็เอาไปกินไปเที่ยว ไปใช้จ่ายเพื่อความสวยความงาม เพื่อนฝูง ผู้ชาย แล้วก็ยังมีขโมยเงินน้า ขโมยแล้วก็โยนความผิดให้ลูกชาย ซึ่งตอนนั้นเขายังเล็ก เราก็อ้างว่าลูกคงเอาแบ๊งไปซ่อนที่ไหนแน่ๆเพราะเขาเคยเอาเงินไปเล่นบ่อย แล้วก็เคยผิดหนี้สงฆ์ คืออยากได้ของวัดไปช่วยงานวัด ก็ไปใช้น้ำใช้ไฟ ดูทีวี เล่นคอมเอาสบู่ ยาสีฟัน โอวัลติน แป้ง ฯลฯ มาใช้ส่วนตัวช่วยงานสอยดาวทุกปี ก็ต้องมีข้าวของติดไม้ติดมือกลับบ้านและเห็นดีเห็นงามที่แม่ยืมเงินพระ ยินดีกับเรื่องยืมเงินพระมาก และเคยเอาเงินทำบุญมาใช้ก่อน แล้วก็เคยเอาของที่ทำงานกลับบ้าน ถ่ายเอกสาร ปริ๊นงานส่วนตัว  และเมื่อมีปัญหาด้านการเงิน จึงคิดหาตัวช่วย โดยเล็งผู้ชายไว้ คนไหน ดูเค้าว่าจะมีตัง และหลอกล่อ หลอกเอาเงิน โดยหวังที่จะได้เงินจากเขา แต่คนแล้วคนเล่าก็เปลืองตัว ไม่เคยได้อะไรจากผู้ชาย เหล่านั้นเลย และยังได้ประกอบอาชีพผิดกฎหมายด้วย คือเอาตู้ม้ามาลงที่บ้าน เพื่อกินเปอร์เซ็นต์  มอมเมาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จนกระทั่งปลายปี 2549 ตัวเองได้งานใหม่ เป็นพนักงานขายซึ่งก็คือบริษัทปัจจุบัน ที่ทำอยู่ ตอนนั้นชีวิตก็ย่ำแย่ ทำงานเงินเดือนก็น้อย ไม่พอกินสัก แล้ว วันหนึ่งก็ได้เข้าเน็ตและรู้จักบ้านสวนพีระมิดโดยบังเอิญ เมื่อเข้าไปดูเหมือนสิ่งที่รอคอยมานานวันนี้เราได้คำตอบแล้ว สถานที่ที่ให้สร้างบุญด้วยแรงกาย  จึงได้ตัดสินใจไปบ้านสวน และพยายามปฏิบัติตามคำสอน แต่ก็ยังทำไม่เต็มที่ ยังผิดศีลอยู่  ปัญหาการเงิน ครอบครัวจึงยังไม่คลี่คลาย ซ้ำร้ายจะยิ่งหนักกว่าเดิม การเงินยังชักหน้าไม่ถึงหลังเหมือนเดิม  ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็คือ ชีวิตคู่ต้องแยกทางกัน ผู้ชายแต่ละคนที่เข้ามาในชีวิตก็ไม่มีใครคิดจริงใจ จริงจังด้วย เงินเดือนไม่พอใช้ ชีวิตติดลบ ทุกข์ทรมาน ลูกดื้อ พูดจาก้าวร้าว ความจำไม่ดี ส่วนแม่ก็มาเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ ตับแข็ง ต้องทุกข์ทรมาน ปวดท้อง และเสียชีวิตด้วยโรคตับแข็ง และการมารู้จักบ้านสวนนี่แหล่ะค่ะ จึงเริ่มรู้เหตุ และวิธีแก้ ท่าน อ.อุบลบอกวิธีให้ แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำทันที ไม่ได้ทำอย่างจริงจัง ศีลก็ยังรักษาบ้าง ผิดบ้าง  การพนันก็ยังเล่น ทำให้ชีวิตตุ้ยยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกเรื่องเงินอยู่ พอเห็นตัวเองยังไม่ดีขึ้น ก็พาลน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตัวเอง แต่ถ้าเราคิดให้ดี สิ่งที่ อ.อุบลบอกเรา ถ้าเราลองทำจริงจัง เรียกว่าใช้เวลาไม่นานเกินรอเลยค่ะ ไม่อยากอยากให้ใครๆ ทำสิ่งผิดอย่างตุ้ยเพราะผลที่ได้รับมันไม่คุ้มเลย มันตายทั้งเป็น ขอธรรมนี้ให้ทุกท่านเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม อย่าสร้างเหตุให้เกิดทุกข์เลยนะคะ
 
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-21 13:40:09


ความคิดเห็นที่ 241 (1641768)

 

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

คุณ ชนิดา , คุณ ละม่อม

คุณ ณัชชา , คุณ ตุ้ย  และ อีกหลายๆท่าน ด้วยค่ะ

แต่ละท่าน

ชี้ให้เห็นถึงกรรม ผลแห่งกรรม

และ

แนะนำได้อย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจน

ตอนนี้

นัยนา เองก็ได้รวบรวมกรรมเลวๆ ของตัวเองค่ะ

ขอขอบคุณ

ข้อความจากคุณตุ้ย

สิ่งที่ อ.อุบลบอกเรา ถ้าเราลองทำจริงจัง เรียกว่าใช้เวลาไม่นานเกินรอเลยค่ะ ไม่อยากอยากให้ใครๆ ทำสิ่งผิดอย่างตุ้ยเพราะผลที่ได้รับมันไม่คุ้มเลย มันตายทั้งเป็น ขอธรรมนี้ให้ทุกท่านเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม อย่าสร้างเหตุให้เกิดทุกข์เลยนะคะ

ซึ่งเมื่อก่อนก็เคยนึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองเหมือนกัน

แต่ทุกวันนี้ได้รู้แล้วค่ะ

ว่า

เราก่อเอง เราก็ต้องรับเอง

......

 

 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-22 10:47:43


ความคิดเห็นที่ 242 (1664005)

โอ้ววว...ไม่ได้เข้ามาเยือน

กระทู้ส่วนตั๊วส่วนตัวของตัวเองนานมากแล้ว

 

ก็เลยถือโอกาสนี้

ก็อปธรรมทานจากท่านอ.อุบล

ที่เมตตาเขียนเตือนใจพวกเราทุกๆคนว่า

ไม่ให้มัวแต่รีรอ หรือ ลีลาเยอะ

ที่จะทำความดี

หรือ

เขียนธรรมทาน

.......................

 

ความเห็นที่ 1437 (1660791)

ต้องขอสรรเสริญ

คุณคุณากร + คุณชนิดา และทุกคน

ที่เข้ามาเขียนเล่าธรรมทาน

หลังชมรายการ

คุยไปแจกไป


นี่คือบุญที่ยิ่งใหญ่ที่น้อยคนจะทำได้

ขอให้ท่านอื่นที่ยังไม่ได้ทำ

รีบทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำนะคะ

เวลา และ โอกาสดีๆในชีวิต

ไม่ได้มีให้เรายาวนานตลอดไปหรอกค่ะ เพราะ อะไรก็พลิกผันเปลี่ยนแปลงได้ ตามวิบากกรรมของเราค่ะ

 

บางทีขณะที่เรายังมีโอกาสอยู่

เราก็คิดว่า

นี่คือของตาย ทำไม่ทำก็ได้

 

แต่ถ้าวันหนึ่ง

โอกาสนั้นมันหลุดลอยไป

หรือขาดสะบั้นลง วันนั้น เราจะได้ไม่มาเสียดาย

เมื่อสายเสียแล้ว

 

และ

มาคร่ำครวญภายหลังว่า

ทำไมเราปล่อยให้ทุกอย่างหลุดลอยไป

ทั้งที่เราโชคดีที่สุด

ที่ได้รับโอกาสนี้ แต่เราไม่รู้ว่ามันมีค่า

และ

ควรรักษามันไว้

 

เพราะ

การได้รับโอกาสนั้น

มันยังไ่ม่เท่ากับการรักษาโอกาสไว้ได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-06-14 07:45:25

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-05 07:13:23


ความคิดเห็นที่ 243 (1667450)

นำธรรมทานที่เขียนถึง

อานิสงค์จากการบูชาพีระมิดรุ่นบารมีคู่

มารวมไว้ในกระทู้ส่วนตัวอีกเช่นเคยค่ะ

................................

 

อานิสงค์ที่ได้รับ

จากการบูชาพีระมิด

รุ่นบารมีคู่

........................

 

หลังจากที่ได้รับและได้เห็นองค์จริง

ของพีระมิดรุ่น บารมีคู่แล้ว

ต้องบอกว่า เป็นพีระมิดที่สวยงามมากๆค่ะ

 

สีก็สวย ยิ่งมองยิ่งมีความสุข

แถมยังทำให้จิตใจเราอ่อนโยนลงด้วย

 

ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะว่า

ทำไมหลายๆท่านหลายๆคู่

จึงทำให้โลกทั้งใบ

กลายเป็นโลกสีชมพูขึ้นมาได้

 

แต่อานิสงค์ที่ชนิดาได้รับ

ที่ชัดที่สุดในตอนนี้ ก็คือเรื่องธุรกิจค่ะ

 

 

เพราะอย่างที่ชนิดาเคยเขียนว่า

ช่วงนี้บริเวณร้านขายยาของเรา

อยู่ในช่วงตัดถนนใหม่

 

 

ฉะนั้น ถนนจึงถูกปิด

รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้

แถมทางที่คนจะเดินผ่านได้

ก็เล็กและไม่สะดวกมากๆ

 

แถมบางวันทั่วพื้นที่ก็ถูกขุดเจาะ

เป็นหลุมขนาดบิ๊ก

แม้คนจะเดินผ่านก็ไม่ได้เลย

 

 

แต่ก็ด้วยเดชะบุญค่ะ

เพราะลูกค้า ก็น่ารักมากๆ

พยายามหาเส้นทาง

เดินอ้อมมาอุดหนุนเรา

อยู่มากพอสมควรในแต่ละวัน

 

 

และที่สำคัญที่สุดที่ทึ่งที่สุดเมื่อวานนี้

ได้รับข้อมูลที่น่ายินดีมากๆค่ะ

เพราะก่อนหน้านี้ทางการที่นี่ ได้ตัดสินมาว่า

นอกจากจะใช้เวลาสร้างถนนเป็นปีแล้ว

และเมื่อถนนเสร็จ เค้าจะสร้างกำแพงกันเสียงด้วย

 

นั่นหมายความว่า

ถึงแม้จะได้ถนนใหม่

แต่ลูกค้าก็ไม่สามารถสัญจร

เลี้ยวเข้ามาที่ร้านเราได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว

 

เพราะจะมีตัวกำแพงกั้นอยู่

ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความหนักใจ

ให้กับเจ้าของกิจการบริเวณนั้นทุกคน

เพราะเดาไม่ถูกเลยว่า

สถานการณ์จะเป็นอย่างไร

 

 

แต่เมื่อวาน มีลูกค้าคนหนึ่งมาพูดกับสามีชนิดา

และบอกว่า ยินดีด้วยนะ

ที่ทางการเค้าสรุปว่า

จะไม่สร้างกำแพงกั้นเสียงแล้ว

 

ซึ่งพวกเราทุกคนก็ไม่รู้เท็จจริงจะเป็นอย่างไร

แต่ได้ิยินเช่นนี้ก็โล่งใจสุดๆ

เพราะมีคนมาพูดเช่นนี้

สองสามคนในวันเดียว

 

 

แสดงว่า ต้องเป็นบทสรุป

ที่มี"มูล"พอสมควร ... 

 

 

ซึ่งถ้าให้พูดตามความเป็นจริงแล้ว

ต้องบอกว่า มีแต่พลังบุญ(อันมหาศาล)

และปาฏิหาริย์เท่านั้นค่ะ

ที่ทำให้เหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้ได้

 

เพราะก่อนหน้านี้

เจ้าของธุรกิจบริเวณนี้ทุกคน

ได้ร่วมตัวกันเพื่อต่อสู้

และไม่ยอมให้สร้างที่กั้นเสียง

แต่ทางการก็ละเลยไม่ยอมฟังเสียง

และยืนยันว่ายังไงก็ต้องสร้าง....

 

แต่ตอนนี้"เหตุการณ์"

ได้เปลี่ยนไปแล้วค่ะ

 

 

ชนิดาก็จะรอติดตามตอนต่อไป

ถ้ามีความคืบหน้า

ก็จะรีบมารายงานให้ทุกๆท่านได้ทราบทันทีค่ะ

 

 

แต่ตอนนี้

ลูกขอกราบแทบพระบาทท่านพ่อดตาจินิน

พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

พระนางเนเฟอร์ตารี่ ท่านรามเสสที่สอง

ท่านอ.อุบล ท่านอ.มงคล คุณท้อป

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาล

ทุกๆพระองค์ด้วยค่ะ

ที่มีเมตตาต่อลูกมาโดยตลอด

กราบ

กราบ

กราบ


ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-22 06:10:30


ความคิดเห็นที่ 244 (1676937)

ภรณจิตร์ ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดา ค่ะ เขียนธรรมทานได้ยอดเยี่ยม ขอนำแนวทางไปใช้เพื่อพัฒนาในการเขียนธรรมทานนะคะ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภรณ์จิตร์ สัจธรรมธนพิธ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-15 22:38:05



<< ก่อนหน้า 1 2 [3]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.