ReadyPlanet.com


ขอสารภาพบาปในอดีตและอกุศลจิต


 

กราบขออนุญาตท่าน อ.เข้ามาเขียนสารภาพกรรม

ข้าพเจ้าชื่อ นางคนึงนุช  พงษ์ดี

อายุ53ปี(2503) การศึกษา ป.4

ปจุบันอาชีพแม่บ้าน อยู่ กทม.

ความเลวของตัวเองคือเห็นแก่ตัว

นอนตื่นสาย เกียจคร้านการงาน ชอบดูละคร เห็นแก่กิน

และหงุดหงิดเวลาถูกตำหนิ

ไม่ยอมรับความจริง ชอบแก้ตัว ไม่มีวินัย

 

ผิดศีลข้อ๑

เคยฆ่างูตาย1ตัวเพราะเลื้อยเข้าบ้านค่ะผลกรรมทำให้ปวดหลัง

ฆ่าปูฆ่าหอยเอาไปแช่ช่องฟิต

ผลกรรมทำให้เป็นคนขี้หนาว

สมัยเด็กเลี้ยงปลาเคยเอามาผ่าท้องดูภายใน

เลี้ยงเต่าเขาพอโตก็เอาไปปล่อย

โดยไม่รู้ว่าเต่าจะอยู่รอดไม๊

เลี้ยงลูกเป็ดลูกไก่ก็เผลอทับเขาตายมั่ง

เฉามือตายมั่ง

เคยมีส่วนร่วมเอาหมาที่เลี้ยงไปปล่อยวัด

เขาก็พยายามวิ่งตาม น่าสงสารมากแต่ไม่รู้จะทำยังไง

เขาดุและกัดคนตลอด

 

เด็กๆเคยเล่นคางคก โดยขุดหลุมเอาเขาฝังดิน

ด้วยความสนุกตามประสาเด็ก

รู้สึกสำนึกผิดตอนโตเป็นผู้ใหญ่

และคิดว่าถ้ามีลูกจะต้องสอนเขาให้รู้จักเมตตา

ไม่เอาชีวิตสัตว์มาเป็นของเล่น

เราเป็นลูกคนจีน

คนจีนจะไม่คิดว่าการฆ่าสัตว์เป็นบาป 

เคยถามแม่ว่า

คนจีนเขาไม่รู้จักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือ

และเขาไม่รู้จักการถือศีลห้าหรือ แม่ตอบว่า

" ปู่ ย่า ตา ยาย ไม่รู้จักหรอก

มีสุภาษิตของจีนกล่าวไว้ว่า

สัตว์ทุกชนิดที่หันหลังขึ้นฟ้า

เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ทั้งนั้นไม่บาปหรอกจ๊ะ"

และแม่ก็เชื่อตามที่ยายสอน

แม่ว่าถ้าไม่จริงคนโบราณจะกล่าวไว้หรือ

แต่เดี๋ยวนี้แม่หันมาฟังธรรมะบ้าง

และเชื่อตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

 

แม่ยังบ่นเลยว่า

ทำไมยายไม่สอนว่าการฆ่าสัตว์มันเป็นบาปนะ

เพราะในวัยเด็กของแม่ก็สร้างกรรมกับสัตว์ไว้

มากมายนับไม่ถ้วนเพราะแม่เป็นชาวสวน

ก็ต้องหาปู ปลา กบเขียดกิน

เหมือนชาวนา ชาวสวนทั่วไป 

ขอออกนอกเรื่องนิดนึงที่เล่าถึงความคิด

และความเชื่อของคนโบราณที่ได้ฟังมา

ขอเข้าเรื่องกรรมต่อนะคะ

 

ฆ่าตะขาบ มด มอด แมงมุม ยุง แมลงวันใส่ยากำจัดปลวก

ใส้เดือน ใช้กาวดักหนู

แต่เมื่อได้เห็นหนูถูกกาวติดจนตาแทบหลุด

น่าเวทนามาก ปากเขาก็พะงาบๆ

แทบไม่เหลือช่องให้หายใจเลย

ตั้งแต่นั้น

ตั้งใจเลยว่าจะไม่ใช้กาวอีกเด็ดขาด

 

ซื้อกุ้งหอย ปู ปลา ที่เป็นๆมาทำอาหาร

ทั้งที่ฆ่าเองและสั่งเขาฆ่า

 

เคยตีหมาด้วยความโกรธจัดตอนอายุ12-13

เพราะเขามาฉี่ใส่ที่นอนทุกครั้งที่ปล่อยเขาจากโซ่ที่

ล่ามเอาไว้

เราโกรธมากเลยตอนนั้น

ฟาดเขาด้วยไม้แบบไม่เลี้ยงเลยแหละ

มาคิดได้ตอนนี้ ว่าเขาคงเจ็บมาก สุดท้ายก็ต้องเอาเขาไปปล่อย

ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากที่ทำลงไป

ได้แต่อุทิศบุญและขอขมากรรมกับน้องหมาตัวนั้น

(ขอโทษนะ สำนึกผิดแล้วจริงๆ)

ผลกรรมนั้นก็ทำให้มีอาการเจ็บขา เจ็บเข่า

ปวดคอ ปวดไหล่มาสิบกว่าปี

ก็คิดถึงกรรมที่ทำเขาไว้

 

ได้ทำกรรมกับจิ้งจก

เห็นแมวไล่ตะปบจิ้งจกอยู่บนพื้น เห็นแล้รู้สึกสนุก

ตอนนั้นทำไมถึงชั่วช้ามาก

สนุกบนความทุกข์ของชีวิตผู้อื่น

จิ้งจกได้วิ่งไปซุกใต้ผ้าขี้ริ้ว แมวหาไม่เจอ

เราช่วยชี้ช่องให้แมวเห็นโดยขยับผ้า

แล้วแมวก็ไล่ตะปบจนจิ้งจกอ่อนแรง

กระปรก กระเปลี้ย แต่ก็ได้สำนึกผิด

หลังจากที่เห็นจิ้งจกเจ็บหนัก เกิดคิดได้

และกลัวกรรมสนอง

กราบขอขมากรรมด้วยนะคะสำนึกผิดแล้วจริงๆ

ผลกรรมนี้ทำให้มีเรื่องแย่ๆเข้ามาในชีวิต

ชีวิตไม่มีความสุข

เคยไล่แมวที่ชอบมาขโมยอาหารที่ครัว

ไล่รังต่อรังผึ้งที่มาทำรังที่บ้าน

ทำให้มีอยู่ช่วงนึงเราจะรู้สึกเป็นทุกข์

และเดือดร้อนใจในเรื่องที่อยู่อาศัยเพราะที่บ้าน

เป็นที่ของทรัพย์สิน

กลัวเขาจะไล่ที่เพราะช่วงนั้นเขาให้ต่อสัญญา

ทีละปีบ้างสองปีครั้งบ้างทำให้มีความกังวล

เรื่องที่อยู่ตลอดเวลา  

 



ผู้ตั้งกระทู้ คนึงนุช พงษ์ดี กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-19 21:42:40


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1635463)

 อนุโมทนากับการสารภาพบาปของคุณคนึงนุชด้วยค่า

ยาวเหยียดไม่แพ้กันเลยนะคะ ฮ่าๆ

กรรมที่เราทำแต่ละอย่างมันส่งผลไม่ผิดตัว

และแม่นยำ ตรงเวลามากๆเลยนะคะ

ถ้าทำกรรมแล้วไม่ได้รับกรรม

โลกนี้คงจะหาความสุขไม่ได้

แต่มันก็เป็นอะไรที่แฟร์และลงตัวที่สุดแล้วเนอะ

กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่ซู้ดดดดด

ว่าแต่คุณคนึงนุชยังคงต่อมีเรื่องสารภาพต่ออีกใช่ปะค่ะ

เพราะมีแต่ศีลข้อ 1 

ยังไงก็จะรออ่านต่อนะค๊า ฮ่าๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 05:17:18


ความคิดเห็นที่ 2 (1635492)

 

ได้อ่านที่น้องหญิงเข้ามาทักแล้วพี่อดยิ้มไม่ได้

พี่ยังคิดอยู่เลยว่าน้องหญิงหายไปไหนน้า..

ไม่เห็นเข้าเวปเลย คิดถึงน่ะ  ดีใจที่กลับเข้าบ้านแล้ว

และขอต้อนรับกลับบ้านนะคะ

ศีลข้อเดิมยังไม่หมดเลยจ้า เดี๋ยวมาเล่าต่อจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 09:59:36


ความคิดเห็นที่ 3 (1635498)

 

ศีลข้อ๑ต่อค่ะ

รุ้เห็นการทำแท้ง

(สามีทำหญิงอื่นท้อง)

ได้รับรู้แล้ว แต่ไม่ห้ามพอเขาไปทำแล้วเรารู้สึกโล่งอก

เพราะความเห็นแก่ต้ว

ห่วงว่าครอบครัวจะแตกสลาย ยังไม่มีธรรมะในใจ

กรรมนี้เกิดเมื่อตอนอายุ25 ลูกเรายังไม่ถึง2ขวบดีเลย

เป็นกรรมที่ได้ลืมไปแล้ว เพราะผ่านมานานมาก

ความจริงไม่ใช่ลืมหรอกค่ะ แต่เราไม่คิดว่านี่จะเป็นกรรมของเรา

ด้วยคิดว่าเราไม่ได้เป็นผู้ไปทำแท้ง

ไม่ได้บังคับเขาไปทำ

และไม่ได้รุ้เห็นว่าเขาไปทำแล้ว

ทำเมื่อไหร่

แต่ท่านอาจารย์ได้บอกให้รู้   ทำให้ได้รู้ถึงกรรมนี้  กรรมที่คิดไม่ถึง

ท่านอ.ได้เมตตาชี้ให้เห็นตอนที่ไปบำบัด

ว่าอาการปวดคอที่เป็นมาสิบกว่าปีเกิดจาก

ผลกรรมที่เราขาดเมตตา

เห็นแก่ตัว

ทำให้กระดูกคอเสื่อมและปวดคอ

เมื่อรู้กรรมแล้ว

ได้ขออโหสิกรรมและสำนึกผิด

แม้ปจุบันก็ยังส่งบุญถึงเขาตลอด อาการปวดคอหายแล้วค่ะ

ยังเหลือนิดๆแค่ตึงๆคอไว้เตือนใจ 2%

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 10:15:46


ความคิดเห็นที่ 4 (1635509)

 

ผิดศีลข้อ2

เคยขโมยเงินยาย

ตอนเด็กอายุ7ขวบเพราะอยากกินขนม แอบล้วงกระเป๋ายาย

เจอแบงค์100 แทนที่จะหดเพราะไม่รู้จักใช้แบงค์

แต่ความอยากขนมมีมากกว่า

สมัยก่อนขนมราคาสลึงสองสลึงอย่างมากสุด

แม้สิบสตางค์ก็ซื้อขนมได้ คงเทียบกับขนมห่อละ5บาทสมัยนี้

พอเอาเงินยายไปซื้อ แม่ค้าเขาทอนเงินมาเป็นฟ่อนเลย

เราเริ่มกังวลใจ  จะเอาไปซ่อนไหนดี

ไม่ได้ตั้งจะขโมยแบงค์ร้อยยายเลย ทุกข์หนักเลยทีนี้

นี่แหละเขาเรียกว่า นรกในใจ

 

แต่ไม่ทันข้ามวันแม่ก็มาตะล่อมถาม จึงรับว่าเอาไป

เมื่อรับแล้ว  รู้สึกโล่ง...อกมาก

 

แต่ก็ยังไม่เข็ดยังได้สร้างวีรกรรมต่อ

โตมาอีกหน่อยประมาณ8ขวบพ่อพาไปโรงงิ้วช่วงกลางวัน

ผู้ใหญ่มักจะออกไปทำกิจกรรมเช่นซ้อมการแสดงฯ

ด้วยความซุกซนและอยากรู้อยากเห็น

เราได้แอบไปที่พักของนักแสดงเด็กรุ่นเดียวกับเรา

ซึ่งกางมุ้งใหญ่นอนได้หลายสิบคน

เข้าไปรื้อค้นกระเป๋าที่เขาวางไว้หัวนอน ถ้าเจอของถูกใจเช่นกิ๊บ

เข็มกลัด ลิปสติก ก็หยิบของเขามา เมื่อโตมา และได้หวลนึกถึงวีรกรรม

ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไปได้ไง รู้สึกละอายใจมากต่อการกระทำนี้

และถึงแม้จะเป็นของเล็กๆน้อยๆแต่เราช่างไม่คิดเลยว่า

ของนั้นจะเป็นของรักของหวงของเขา

และก็ทำอยู่หลายครั้งประมาณ3-4ครั้ง และเกิดกลัวเขาจับได้จึงเลิกทำ

 

แต่ผ่านไปตอนอายุ12- 13 ไปโรงงิ้วกับพ่อ

และเดินคล้อยหลังมีเด็กงิ้ววัยรุ่นได้แอบซุบซิบกันว่า

คนนี้แหละๆ ตอนเด็กขี้ขโมยมาก โอ๊ย....หน้าชาาาาา

ไม่รุ้จะเอาหน้าซุกไว้ไหน..

และวันนั้นแอบไปร้องไห้ เสียใจในความผิดพลาดของตัวเอง

ว่าเราไม่น่าทำลงไปเลยตอนนั้น

ผลกรรมทำให้เคยเงินหาย5000บาท กระเป๋าเงินหาย2ครั้งมือถือหาย2ครั้ง

 

เคยปวดเข่าแล้วบอกว่าเป็นอุบัติเหตุทำให้บริษัทประกันต้องเสีย

เงินค่ารักษาให้เราจำนวน13000กว่าบาทเมื่อปี53

เคยไปเด็ดต้นไม้ของมหาลัยเอามาปลูกที่บ้าน

เข้าข่ายขโมยของสาธรณะ

เคยกดน้ำที่เซเว่นแล้วยกขึ้นดื่มแล้วกดเพิ่มให้เต็ม..น่าอายมากเลย

ไปทำบุญที่วัดก็เอากลับมาบ้าน... เอามาเผื่อคนที่บ้านอีก

เคยชอบของฟรีอยากได้ของแถม เดี๋ยวนี้ไม่อยากแล้วค่ะ 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 11:38:03


ความคิดเห็นที่ 5 (1635518)

 

ผิดศีลข้อ๓

มีอะไรกับแฟนก่อนแต่ง แต่งงานแล้วไม่เคยมีกิ๊ก

เราโชคดีมั้งคะที่ไม่มีผู้ชายเข้ามายุ่งย่ามตอนที่มีครอบครัวแล้ว 

มีคิดปลื้มดาราเก็บไปฝันหวาน จินตนาการ

 

ผลทำให้ชีวิตมีบริวารและลูกดื้อ เอาแต่ใจ

 

ผิดศีลข้อ๔

เคยทำเอกสารเท็จ พูดโกหก พูดส่อเสียด เพ้อเจ้อ พูดเอาดีเข้าตัว

พูดนินทาสามี และพ่อสามี พี่น้องของสามีและคนที่เราไม่ชอบ

พูดแรง พูดตรงเกินไปทำให้แม่เสียใจโดยไม่ได้ตั้งใจ

พูดบิดเบือนความจริง กลัวคนฟังเสียใจเช่น

เพื่อนชวนไปไหนด้วยไม่อยากไป บอกว่าไม่ว่าง

พูดเกินความจริงกับสินค้าที่เราไปนำเสนอ เพราะอยากได้ยอด

 

ผลกรรมที่ได้รับ ทำให้ตัวเองต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อสินค้า

เพราะหวังผลตามที่เขาแนะนำ แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่เขาพูด

 

 

 

และสามีมักมีคำพูดเป็นอาวุธ ชอบใช้คำพูดเชือดเฉือนให้เจ็บๆ

พูดให้เราเสียใจ พูดให้เราเจ็บและน้ำตาร่วง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 12:45:18


ความคิดเห็นที่ 6 (1635520)

 

ผิดศีล๕ 

เคยดื่มสมุนไพรที่ผสมแอลกอฮอล์ ให้เหล้าเป็นของขวัญคนอื่น

เคยทานเบียร์1แก้วแล้วปวดหัวแทบระเบิดจึงไม่กล้าแตะอีก

ขมก็ขมไม่รุ้คนชอบดื่มไปได้ไง

แต่ที่หนักคือรุ้เห็นที่สามีให้เหล้าเป็นของขวัญปีใหม่ หลังๆมา2ปีนี้

บอกให้เขาเลิก แต่ผู้รับมักขอเองเพราะต้องการ เช่นหัวหน้าช่างทั้งหลาย

ถึงเวลาก็แวะเวียนมาที่บ้านเสมอ

ผลกรรมที่ซื้อให้คนอื่นทำให้เรามีอาการ ขี้หลงลืม ความจำสั้น

คิดช้า ไม่มีไหวพริบในการทำงาน ไม่มีสมาธิ

ลูกชายติดบุหรี่และเรียนจบช้า เพราะคิดงานไม่ออก

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 13:01:27


ความคิดเห็นที่ 7 (1635523)

โมทนาบุญกับน้องนุชเป็นกำลังให้นะค่ะ

อดีตที่ผ่านแล้วจำเป็นเรียน  ถ้าไม่มีอดีตอย่างนี้จะมีเราที่เข็มแข็งอยู่ได้ทุกวันนี้

อดีตหรือทุกอย่างเป็นแบบฝึกหัดเพื่อให้เราสามารถเรียนเองแล้วข้ามผ่านตรงนั้นไปให้ได้นั้นต่างหาก     ที่สำคัญกว่า ท่านอ.อุบล  สอนให้เราทำตัวเป็นภูเขา  ไม่หวั่นไหว( แม้นวันมามาก ) สู้ๆๆ อย่าทำตัวเป็นยอดหญ้าเจอลมก็ลู่ตามแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 13:22:40


ความคิดเห็นที่ 8 (1635532)

 

 

ขอบคุณพี่ตุ๊กมากๆค่ะสำหรับกำลังใจที่มอบให้

.............................................................................

การเขียนถึงความไม่ดีของตังเองทำให้เราได้ขุดคุ้ยตะกอนชั่ว

ที่ยังนอนก้นอยู่ 

และมันจะเป็นปัจจัยให้เราต้องลงนรกในวันที่เราต้องละสังขาร

นุชจึงพยายามที่จะให้ถึงพระโสดาบันให้ได้

 

มิใช่เพราะกลัวตกนรกอย่างเดียว แต่เพราะเบื่อหน่ายชีวิตและการต้อง

กลับมาเกิดดับเกิดดับอีก ผิดแล้วผิดเล่า......

 

ยิ่งท่านอาจารย์ได้สอนให้เราได้รุู้จักศีลที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น

จิตเราก็จะไวต่อการกระทำผิด ทำถูกได้มากขึ้น

 

แต่ไม่ว่าจะพยายามแล้ว ก็ยังมีเผลอผิดพลาดจนได้ และความรู้สึกมัน

บอกตัวเองว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่นานๆเลย กลัวยิ่งอยู่ยิ่งขาดทุน

 

รู้ดี-ชั่วแล้วยังเผลอทำผิดอีก บางทีก็คิดว่า ตายไปเลยตอนนี้จะได้ไม่

ต้องทำผิดซ้ำซาก

 

ถึงแม้จะละความโกรธได้ แต่ความหงุดหงุดความไม่พอใจก็ยังละไม่ได้

ทั้งความไม่มุ่งมั่นในกาารปฎิบัติ และยังประมาทอยู่

 

การทานมังก็ยังไม่ได้เต็มร้อยเป็นมังเขี่ยๆ...แต่ก็นับได้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เปิดทางให้มากแล้ว เพราะเรายังสามารถทานมังได้ ทั้งที่ทุกคนใน

ครอบครัวไม่มีใครอยากกินตาม

 

เมื่อปีที่แล้ว ท่านอาจารย์ได้เตือนเรื่องการงดเนื้อสัตว์และงดทานมื้อเย็น

เพื่อเตรียมพร้อมในยามภัยพิบัติมาถึง หากเราต้องอยู่แบบขาดอาหาร

เราจะอยู่อย่างไร เราต้องเตรียมพร้อม

 

ก็ได้ตัดสินใจงดเนื้อสัตว์ งดมื้อเย็น ตอนนั้นคิดเพียงว่าเดี๋ยวเราก็ตายแล้ว

ขอเอาบุญไว้ก่อน แต่ก็งดมื้อเย็นได้เพียง3เดือนกว่าๆ

 

เพราะน้ำหนักลดมากจนก้นลีบไปหมด เวลานั่งจะเจ็บก้นมาก

และนั่งหน้าคอมเข้าเวปไม่ได้เลย นั่งตรงไหนก็เจ็บ

คนก็ทักว่าผอมเกินไป ทักกันหลายคน (บุญคงยังไม่ถึง)

 

จึงต้องเลิกอดข้าวเย็นด้วยความจำใจ

ที่งดข้าวเย็นและทานมังแรกๆก็แอบทำไม่อยากมีปัญหากับสามี

แต่ก็จะมีปัญหาเกิดกับตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้เขารับรู้แล้ว

ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

 

ได้ขอลาต่อหน้าพระพุทธที่บ้าน และจะงดมื้อเย็นเฉพาะวันพระแทน

แต่ก็มีลืมบ้างบางครั้ง ตอนนี้ให้กลับไปอดข้าวเย็นอีกรู้ว่าคงทำไม่ได้

 

นี่คือความเลวของตัวเองที่ไม่มั่นคงในความดี ยังมีกิเลสในรถอาหาร

 ก็รู้สึกผิดที่เสียสัจจะ

 

ลูกขอกราบแทบพระบาทพระพุทธองค์

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์กราบขอขมาที่ผิดสัจจะ ไม่ทรงไว้ซึ่งความดี ที่ท่านอาจารย์สั่งสอนด้วยเมตตาหวังให้ลูกหลานหลุดพ้นวิบากกรรม ขอเมตตาอดโทษแก่ลูกด้วยเถิดเจ้าค่ะ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 14:13:39


ความคิดเห็นที่ 9 (1635540)

 

ย้อนกลับไปตอนนั้นที่ทำได้ เพราะกำลังใจมุ่งมั่น

อยากสร้างบุญกับเนื้อนาบุญและได้ตัดสินใจ

แอบปิดประกันชีวิตเพราะอยากสร้างบุญ

กับท่านอาจารย์มาก (สามีรู้คงว่างมงาย)

ยอมรับว่าไม่มีเงินเก็บเป็นของตัวเอง

ตอนนั้นคิดอยู่หลายวัน เกรงอยู่อย่างเดียวคือสามีรู้

แต่ก็ตัดสินใจตามที่หัวใจเรียกร้อง

เรารู้ตัวว่าไม่ได้งมงาย ถ้าเกิดตายก่อน

เพราะหากภัยพิบัติเกิด เงินนี้ก็ไม่มีประโยนช์ 

สู้เอาเงินมาสร้างบุญไว้ก่อนตายดีกว่า

ถึงจะไม่มากมายอะไรแต่ก็ดีใจ และอิ่มบุญ

ที่ได้มีโอกาศทำ เพราะหากภัยเกิด บ.ประกัน

ก็คงเสียหาย เขาคงไม่มีเงินให้เราหรอก

 

ย้อนมาปจุบัน พิจรณาตัวเองช่างเป็นลูกบ้านสวน

ที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถไปสร้างบุญได้ตามใจต้องการ 

ติดที่สามีต่อต้าน ไม่เป็นตัวของตัวเองไม่มีภาวะผู้นำ

ไม่เขียนธรรมทาน ท่านอาจารย์อุส่าห์เมตตา

ชี้แนะให้เร่งสร้างบุญใหญ่ คือบุญธรรมทาน

แต่การเขียนธรรมทานมันช่างเป็นอะไรที่ยากก..

ยากมากๆสำหรับเรา เจ้ากรรมเขาคงจะคอยปิดกั้น

ให้คิดไม่ออก  

ทั้งที่ใจอยากจะสร้างธรรมทานมากมาก

มันคิดไม่ออกปวดหัวและมึนหัว และอยากร้องไห้ที่ทำไม่ได้

แต่เป็นลูกบ้านสวนก็ต้องพยายามทำให้ได้

โดยทำงานไป คิดไป แล้วจดไว้กันลืม

บางครั้งจดไม่ทันความคิดก็มีค่ะ มันแว๊บหายไปก่อนจด

ความเลวอีกอย่างของตัวเองคือไม่มีระเบียบวินัย

เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ

ในจิตรู้ถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์และครูบาอาจารย์

ลูกอยากถวายชีวิตอยากสร้างคุณงามความดี

ไม่อยากเกิดอีกแล้ว เบื่อหน่ายชีวิต

แต่ก็ไม่สามารถทำได้

เชื่อมั่นในอาจารย์อุบล  อยากเลือกทางชีวิต

ของตัวเองได้ อยากเดินออกจากครอบครัว

เพราะเจอแต่คนต่อต้าน อยากปลีกวิเวก 

แต่ก็ไม่สามารถ ชีวิตต้องอยู่ใต้อานัติขาดอิสระ

 

แต่ในใจจะมีพระพุทธเจ้า หลวงพ่อฤาษีและท่านอาจารย์อุบล

ตลอดไป จะยึดมั่นในคำสอนที่ได้นำพาให้พ้นทุกข์

คือศีลห้า พรหมวิหาร4และกรรมบท10

มีนิพพานเป็นที่หมาย

 

ท่านอาจารย์เมตตาและเสียสละมากมาย 

ที่มาช่วยชี้ทางสว่าง  แต่ก็ไม่สามารถก้าวเดินตาม

ท่านอาจารย์ได้ ยอมรับชะตากรรมว่า เราคงมีกรรม

ร่วมกันกับสามีมาก่อน  ชีวิตจึงได้รับและเจอแบบนี้

 

สามีเป็นคนเจ้าชู้มาก  ตั้งแต่อยู่กันมาเขามีเมียน้อย

มาแล้ว5-6คน ที่เป็นตัวเป็นตนไม่นับไปเที่ยว

แต่คบทีละคนนะคะ

กว่าจะมาถึงวันนี้เขาสร้างความเจ็บปวด รวดร้าวแสนสาหัสให้ 

แต่ปจุบันนี้รู้สึกขอบคุณความเจ็บปวดนั้นในอดีต

เพราะนำพาให้มาถึงจุดนี้  จุดที่เข้าหาธรรมะ

ช่วยเยียวยาจิตใจ

ในวัยที่จิตยังไม่มีธรรมะ ทุกข์จนไม่อยากจะอยู่ต่อไป

แต่ก็ไปไม่ได้ เห็นลูกตาดำๆได้แต่บอกตัวเองว่า

ต้องอดทนๆๆๆๆๆ และจมอยู่กับความทุกข์ตลอดเวลา

ณ.ตอนนั้น

 

แล้ววันหนึ่งได้ซื้อหนังสือโลกทิพย์มาอ่าน รู้สึกว่า

ชีวิตเริ่มพบกับแสงสว่าง  ได้ธรรมะของพระพุทธองค์

และหลวงพ่อฤาษี จิตใจได้รับการคลายทุกข์

และกล้าคิดอยากไปนิพพาน เพื่อหนีการเกิด ดับ

เมื่อก่อนเคยคิดว่า "นิพพาน" เป็นอะไรที่ไกลตัวมากๆ

เมื่อได้ธรรมะเยียวยาจิตใจ จิตก็เริ่มไม่ผูกโกรธสามี

ที่เขาทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ จิตที่เคยเกลียดชัง

อาฆาตแค้นสามี....เวลาไหว้พระทุกครั้งก็อธิษฐานจิต

ขออย่าได้เจอะเจอกับสามีกันอีกเลยไม่ว่าชาติไหนๆ 

พออ่านธรรมะมากๆเข้า เวลาที่เขามีความต้องการ

เรารู้สึกว่ามันทรมานมาก คือมันหมดความต้องการทางเพศ

ไม่อยากให้เขานอนด้วย...

 

เดี๋ยวมาต่อนะคะ พอดีไม่ว่างแล้ว

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 15:32:09


ความคิดเห็นที่ 10 (1635617)

ขออนุโมทนาบุญกับพี่นุชด้วยนะค่ะ และขอบคุณพี่นุชที่แนะนำสิ่งดีดี เนื่องด้วยลูกชายอายุ 6 ขวบได้มีอาการไอแบบมีเสมหะมาต่อเนื่องเป็นระยะ 3-4 อาทิตย์ ทานยาแล้วก็ไม่ดีขึ้น เรียกรหัสอ.อุบลช่วยด้วย อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงได้ขอคำปรึกษาพี่นุช พี่นุชแนะนำให้ขอบารมีพระศรีอาริย์ บารมีอ.อุบล บารมีคุณเหมี่ยว คุณอมร ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม ซึ่งได้ช่วยคนมามากมายผ่านจี้สฟิงซ์ ให้จิตนึกถึงทุกคนที่กล่าวชื่อมา ทำให้อาการของลูกชาย มีอาการไอเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังมีอาการไออยู่แต่ไม่ถี่มากเท่าเมื่อวาน และก่อนนอนคืนนี้ได้นึกในใจให้ลูก(ลูกหลับไปแล้ว)ว่าขอบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอเบิกบุญทานศีล ภาวนา ที่ได้ทำตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบัน และ บุญที่ทำที่บ้านสวนพีระมิด อุทิศบุญให้กับพระศรีอาริย์ เทวดาที่รักษาอ.อุบล เทวดาที่รักษา คุณอมร คุณเหมี่ยว ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม และ อุทิศบุญให้กับ อ.อุบล คุณอมร คุณเหมี่ยว ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม ด้วยค่ะ

จินต้องขอบคุณพี่นุชเป็นอย่างสูง พี่เป็นกัลยาณมิตรที่น่ารักมาก รับรู้ได้ถึงความเมตตาที่พี่มีให้ จินขอให้พี่นุชพบเจอแต่สิ่งดีดี ไม่เจ็บ ไม่จน ถึงนิพพานในชาตินี้ด้วยนะค่ะ สาธุ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 23:13:51


ความคิดเห็นที่ 11 (1635626)

 

พี่นุชดีใจด้วยนะคะ ที่ลูกชายอาการดีขึ้นแล้ว 

พี่ก็ขอเบิกบุญที่สร้างสมมาทุกภพชาติ

รวมกับบุญที่ไปทำที่บ้านสวนฯ

ขออุทิศให้เทวดาที่คุ้มครองลูกคุณจิน

ขอให้ท่านมีพลัง และแผ่พลังช่วยน้อง

ให้หายไอด้วยเถิด และขอบคุณมากค่ะ

สำหรับคำพร ขอให้พรนั้นถึงคุณจิน

และครอบครัว ร้อยเท่าพันทวีนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-21 00:24:09


ความคิดเห็นที่ 12 (1635651)

          ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน คุณ คนึงนุช ด้วยค่ะ

                 เขียนได้ใจจริงๆ รออ่านต่ออยู่นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-21 10:03:28


ความคิดเห็นที่ 13 (1635754)

  เพราะหากภัยเกิด บ.ประกัน

ก็คงเสียหาย เขาคงไม่มีเงินให้เราหรอก

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ก็แอบยิ้มเลยค่ะ  ฮ่าๆๆ

ยังไงก็อนุโมทนาด้วยนะคะ

สารภาพมาแบบละเอียดเลย

เข้าใจความรู้สึกในเรื่องของการเขียนธรรมทานค่ะ

เพราะก่อนหน้านี้ ญ ก็มาเม้นค่อนข้างบ่อย

หลังจากที่หายไปรู้สึกได้เหมือนกันว่า

เจ้ากรรมนายเวรเราเขาคงอยากให้เราห่างบุญมากๆ

เพียงแค่คิด เราก็เจ็บ และทำอะไรไม่ได้เลย

แต่ก็ไม่อยากจะไปโทษแต่เจ้ากรรมนายเวรอย่างเดียว

ก็คงจะเป็นที่ตัวเราด้วย ที่อ่อนแอ ท้อแท้ ไม่ยอมสู้กับมัน

รู้สึกว่ายากจริงๆที่เราจะเอาชนะความรู้สึกนี้ได้

แต่บางทีเรื่องยากๆในชีวิตมันจะอาจจะยากที่สุดในครั้งแรก

และค่อยๆลดลงในครั้งถัดๆไป

ฉะนั้นจะพยายามไม่กลัวที่จะทําสิ่งดีๆ ที่ดูยากสําหรับตัวเราเองค่ะ

สู้นะค๊าาาาา (บอกตัวเองด้วยค่ะ อิอิ)

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-22 03:21:27


ความคิดเห็นที่ 14 (1636174)

 

 

 

 

เมื่อก่อนคิดว่า "นิพพาน" เป็นอะไรที่ไกลตัวมากๆ

แล้วจิตเริ่มไม่ผูกโกรธสามี  เมื่อก่อนที่เขาทำให้เรา

เจ็บช้ำน้ำใจ จิตเคยเกลียดชัง อาฆาตแค้นสามี

ไหว้พระก็อธิษฐานขออย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย

ไม่ว่าชาติไหนๆ  พออ่านธรรมะมากๆเข้า

เวลาที่เขามีความต้องการ เรารู้สึกว่ามันทรมานมาก

 

ความจริงว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้แล้ว เพราะผ่านมาสามวันแล้วตั้งแต่ที่คิดจะเล่า

แต่ก็ขอเล่าเป็นธรรมทาน เผื่อมีประโยนช์ต่อเพื่อนๆบ้าง

นุชเกิดความเบื่อและไม่มีความต้องการหลังจากได้อ่านหนังสือธรรมะมากๆ

(จิตไปคิดตั้งอารมณ์ตัดจึงเป็นทุกข์น่ะค่ะ ความจริงตั้งจิตไม่ถูกต้อง

แต่ในตอนนั้นอ่านธรรมะแล้วจิตมันเป็นไปเอง) 

เวลาเขาต้องการ ทำให้รู้สึกทรมานมาก  จนต้องเรียกพระพุทธองค์ว่า

ช่วยลูกด้วยเถิด ลูกรู้สึกทรมานเหลือเกิน...ตอนสาวๆก็มีอารมณ์ร่วมดีอยู่

คงเพราะสามีไม่ซื่อสัตย์ด้วย...ถึงรู้สึกอย่างนั้น แต่จำไม่ได้แล้วว่า...

อารมณ์เกลียดสามียังมีอยู่หรือเปล่าในตอนนั้น 

เป็นช่วงเว้นที่เขาไม่มีคนอื่นไปพักนึง..แต่เรากลับไม่ต้องการให้นอนด้วยเลย

ชอบอ่านแต่หนังสือธรรมะและของหลวงพ่อฤษี

แต่ไม่นานนักเขาก็ไปเจ้าชู้อีก และมีคนใหม่ คบมาจนปจุบันนี้9ปีแล้ว

นุชคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งผู้หญิงคนนี้มาเป็นตัวช่วย

เพราะนุชรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น... ไม่ต้องเครียด หรือพยายามบ่ายเบี่ยง

จึงพยายามคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสาวคนนึง...

เวลาที่ได้รับรู้ว่าเขาสองคนทะเลาะกัน หึงหวงกัน ได้เห็นความทุกข์ของเขา

เหมือนได้เห็นตัวเองในอดีตที่เคยทุกข์เคยหึงหวงมาก่อน

และแทนที่จะเกลียด และสมน้ำหน้า กลับเห็นธรรมะและเห็นใจ

อีกอย่างสามีเป็นคนเข้าหาผู้หญิง และไปผูกมัดเขาไว้

เราไม่โกรธเกลียดผู้หญิงคนนั้น

 

ได้พบธรรมะ

การที่สามีไปมีหญิงอื่นนั้นเป็นความทุกข์อย่างยิ่ง

แต่เมื่อเราไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเขาเป็นของเรา...สามีเรา....นาทีนั้น

เราเหมือนได้ก้าวข้ามเคราะห์ที่เรามี  เคราะห์นั้นไม่สามารถทำอะไรเราได้ 

เพราะเราไม่ได้เอาจิตเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ว่านี่ของเรา สามีเรา

ตอนทุกข์มากๆ มีคาถาที่ช่วยให้คลายทุกข์ไปได้บ้างคือคิด..ว่า

เขาไม่ใช่สามีเรา เขาไม่ใช่ของเรา แม้ตัวเราก็ไม่ใช่ของเรา

ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย

ท่องซ้ำๆๆๆๆๆๆๆๆ จนจิตคลาย เป็นธรรมะจากหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ

ที่ท่านจะพูดและสอน ในหนังสือของท่านทุกเล่ม

เมื่อได้มาพบท่านอ.อุบลยิ่งได้รู้ถึงความละเอียดของกรรม 

ทำให้มีความระมัดระวัง กาย  วาจา ใจ มากยิ่งขึ้น

เช่นเมื่อก่อนเวลาล้างจานแต่มีมดอยู่เต็ม เราก็ไม่ได้ใส่ใจ

เพราะคิดว่าแค่มดเล็กๆ ไม่สนใจเขาเลย

แต่ปจุบันเราจะมีสติยั้งได้มากขึ้น เช่นเวลารดน้ำต้นไม้

เห็นมดพากันแตกฮือออกมา จิตที่ละเอียดขึ้นจะเตือนให้คิดสงสาร

และเปรียบเทียบ อกเขาอกเราว่า ถ้าเราเป็นมดล่ะ

ก็เหมือนเรากำลังเจอและหนีภ้ยพิบัติอยู่

ยังมีอดีตกรรมที่ยังเล่าไม่หมดพรุ่งนี้จะเข้ามาเล่าใหม่ค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลที่ให้โอกาศ

ในการสารภาพกรรม และสร้างธรรมทานซึ่งเป็นทานสูงสุด

ลูกขอถวายบุญแด่เทวดาทุกๆพระองค์ที่คุ้มครองท่านอาจารย์อุบลเจ้าค่ะ

กราบ   กราบ   กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-24 00:52:00


ความคิดเห็นที่ 15 (1636195)

อนุโมทนากับคำสารภาพบาป

จากคุณพี่ คนึงนุช ด้วยนะคะ

 

แบบว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งยวด

โดยเฉพาะเรื่องสามีๆนี่แหล่ะจ๊า

 

เพราะส่วนหนึ่งที่ชนิดาทุกข์ๆอยู่นี้

ก็เพราะไปยึดไปติดกับคำว่า "สามีเรา"เต็มๆ

 

ก็เลยใจแคบ สร้างกรอบ

คิดครอบครอง และควบคุม

เค้าซะเต็มพิกัดเล๊ย

 

สงสัยต้องหัดท่องคาถา

คลายทุกข์อย่างพี่นุช บ้างแล้วเนี่ย...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-24 07:19:08


ความคิดเห็นที่ 16 (1636905)

 

 

ขอบคุณๆคุณชนิดาที่เข้ามาให้กำลังใจค่ะ

ว่าแต่...ท่องแล้วได้ผลยังไงก็เข้ามาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

*********************************

ขอสารภาพกรรมที่นึกขึ้นได้อีกคะ เคยใช้เท้าแทนมือ

เปิด ปิดพัดลม

และหยิบของ ใช้เท้าเตะหมา

โกรธหรือไม่พอใจก็เดินกระทืบเท้า

ใช้เท้าเดินไปทำความชั่ว

เคยนอนหันเท้าไปทางพระค่ะ

 

วันหนึ่งกรรมก็ได้ส่งผลค่ะ

คือมีอยู่ช่วงนึงได้เเยกมานอน

ตะหากเพราะไม่ชอบนอนห้องแอร์

เลยหลีกมานอนห้องพัดลม

(หลีกสามีด้วย 555 )

แต่พื้นที่ๆนอนนั้นมันก็จำกัดแล้วได้นอนหันขาไปทาง

ตู้หนังสือ

ซึ่งในตู้นั้นน่ะ หนังสือพระทั้ังนั้น

มีรูปพระพุทธเจ้า

ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะแยะมากมาย

แต่ไม่เคยเฉลียวใจเลย

ก็นอนอยู่ระยะนึงจนกระทั่ง

เช้าวันนั้นกำลังจะตื่น และจะลุกเข้าห้องน้ำ

พอเหยียดขาออกไป มีเสียงดัง ป๊อกก...

โอ้โห....เห็นดาวเลย

มันเหมือนมีใครมาหักขาของเรายังไงยังงั้นเลย....

เจ็บมากๆๆๆๆๆ 

ขาข้างที่ปวดนั้น

ไม่สามารถที่จะเหยียบลงพื้นได้เลย

จึงต้องเดินเกาะกำแพงและเดินกระโดดขาข้างเดียว

ไปหาคนช่วยพาไปหาหมอ

ตอนไปรักษาที่รพ.ยังไปโกหกว่าตกบันได

เพื่อให้ประกันจ่าย ผิดศีลข้อ4เพิ่มบาปเข้าไปอีก

รู้กรรมจริงๆ...ก็ตอนที่ท่านอาจารย์มาบอกว่า

ท่านอ.ได้หันเท้าไปทางพีรามิดจำลอง

ท่านตื่นเช้ามา มีอาการปวดขาทันที

และทำยังไงก็ไม่หาย

เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณมาเตือนท่านอาจารย์

จึงทำให้นุชตาสว่าง... และรู้สึกตกใจ

ไม่เคยคิดมาก่อนเลย และได้สำนึกผิด

ในความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเอง

 

ผลกรรมนั้นทำให้เป็นโรคเข่าเสื่อม ปวดขาเป็นพักๆ

บางทีก็ปวดส้นเท้าด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-27 00:50:33


ความคิดเห็นที่ 17 (1636947)

 

มีกรรมกับอากง(พ่อสามี)

อากงได้เสียไปแล้วตอนอายุ82ปี

อากงมักจุกจิก จู้จี้ ขี้บ่นตามประสาคนแก่ อากงบ่น เราก็หงุดหงิด รำคาญใจ

และชอบตามใจหลานซึ่งนุชไม่ชอบ เรามักแอบหงุดหงิดแอบไม่พอใจ

ลับหลังจะแอบค้อน แอบเบะปากใส่ (เลวมาก)

ผลกรรมนั้นมาส่งผลทำให้นุชมีความรุ้สึกต่อแม่แบบเดียวกับที่รู้สึกกับอากง

ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับแม่มาก่อนเลย

คือแอบหงุดหงิด แอบรำคาญแม่จนบางทีก็เผลอแสดงออกมา

พูดว่าแม่ " แม่น่ะบ่นได้ทุกเรื่องเลย" สีหน้าคงออกด้วย แต่ไม่รู้ตัวหรอกเวลาทำผิด

แม่ฟ้องพี่สาวและร้องไห้

ตอนนั้นคิดเพียงว่าอยากให้แม่หยุดบ่นเสียที บ่นได้ทุกเรื่อง ติได้ทุกเรื่อง

โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเราได้จอง "นรกอเวจี " เรียบร้อยแล้ว

 ทั้งที่เรารักแม่มาก อยากดูแลแม่ ซื้อบ้านยังต้องเลือกห้องเผื่อแม่ด้วย

คิดเสมอว่าหากแม่อายุมากขึ้น

เราเท่านั้นที่ได้ดูแลท่าน  แต่ในจิตเวลานี้ ไม่อยากอยู่ใกล้แม่

เวลาคุยโทรศัพย์กับแม่ รู้สึกถึงพลังลบที่ส่งออกมา 

และเรื่องที่ไม่อยากฟัง  นุชจะต้องยกหูลงเป็นระยะๆ(เลวอีกแล้ว)

 ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้นะ ทุกข์ใจเหลือเกิน ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย

บางทีรุ้สึกถึงความเลวในใจที่ห้ามไม่ได้ มันทุกข์ มันทรมาน

จนรู้สึกอยากตายเหลือเกิน

เพราะจะได้ไม่ต้องคิดชั่ว ทำชั่วๆอีกต่อไป

 

เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-27 12:21:42


ความคิดเห็นที่ 18 (1636959)

 

การหงุดหงิดแม่เป็นความเลวที่ไม่อยากเล่าเลย แต่เป็นภาวะที่อยากหลุดมากที่สุด

ได้ใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วยก็ไม่เป็นผล มันทรมานมากที่ต้องรู้สึกแย่และ

ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

 

หลุดได้แล้ว

ด้วย

คาถาพระศรีอริย์99จบ

ก่อนท่องขออารธนาบารมีของพระศรีช่วยบังคับกระแสจิตของลูก

และช่วยปราบมารให้หมดไปจากจิตของลูกด้วยเถิด

ตั้งแต่เริ่มท่องคาถามาทุกวัน ก็ไม่ทุกข์ เวลาที่คุยกับแม่ อยู่กับแม่แล้วค่ะ

 

ลูกขอกราบแทบพระบาท

องค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยที่ได้ทรงช่วยปราบมารในใจลูกแล้ว

และโปรดช่วยให้ดวงจิตของลูก สะอาดบริสุทธิ์ เข้าถึงนิพพานด้วยเถิดเจ้าค่ะ

กราบ  กราบ  กราบเจ้าค่ะ

 

ผลกรรมที่แอบค้อนอากงทำให้มีสายตาพร่ามัว

และสายตายาวมากก่อนวัย

ใส่แว่นสายตายาวตั้งแต่อายุ48 สายตายาว450

 

ตอนเข้าค่าย13

น้องขวัญได้ถามพื่ตอนทำเวิร์คช๊อปว่ามีปัญหา เรื่องอารมณ์ไหม เช่นความโกรธ ความโลภ

ตอนนั้นพื่นึกไม่ออกจริงๆ เพราะปกติจะปล่อยวางได้ ละโกรธได้ ความหงุดหงิดมีบ้าง

เมื่อกลับมาที่บ้านถึงค่อยนึกได้ถึงปัญหาที่หนักอกนี้

จะพยายามตามรู้อารมณ์ความเลว และทันมัน จะละให้ได้

 

 

 

 

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์และครอบครัว

ที่ให้ลูกเข้ามาสารภาพและได้ขุดค้นกรรม เห็นกรรมของตัวเองได้ชัดเจนมากขึ้น

เพราะแต่ก่อนคิดว่าตัวเองเป็นคนดีแล้ว เป็นลูกที่แม่เชื่อใจและเชื่อถือที่สุด

คนเลวมักเข้าข้างตัวเอง ลูกเบื่อแล้ว ไม่อยากเป็นคนเลว

ไม่อยากเกิด อยากตามท่านอาจารย์ไปนิพพาน....

..ไม่รู้จะตกขบวนหรือเปล่าน๊อ...

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-27 13:47:46


ความคิดเห็นที่ 19 (1637176)

 

ทำแม่น้ำตาร่วงครั้งแรก

เคยดื้อกับแม่สุดๆตอนอายุ17 เพราะอยากไปเข้าศาสนาคริสต์ตามเจ้านาย

ไปนับถือพระเยซู แม่ไม่ยอมและเสียใจมาก

มีอยู่วันหนึ่งซึ่งเป็นวันอาทิตย์และนุชต้องการจะไปโบสถ์

  แม่ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ไป

ไม่ว่าแม่จะพูดยังไงก็เปลี่ยนใจนุชไม่ได้

เพราะอยากไปโบสถ์มาก ไปแล้วรู้สึกจิตใจมีความสุข อบอุ่น

อยากไปค้นหาความหมายของชีวิต

 นุชก็ร้องไห้บ่อยๆเรื่องแม่ห้ามและเสียใจที่ทำให้แม่ทุกข์ด้วย

ไม่อยากให้แม่ทุกข์เพราะเราเลย

บางทีก็สับสน..จะถอยก็ไม่ได้... เดินหน้าก็ไม่ได้

เพราะคิดว่าเราเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง.... เชื่อในสิ่งที่ใช่

แม่ทำไม ไม่เข้าใจเราเลย..คิดว่าถึงเราจะเป็นลูก

แต่เรื่องความเชื่อเราควรจะมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้

แต่...จริงๆในใจตอนนั้น...ก็ยังติดอยู่นิ๊ดนึง

ในเรื่องคำสอนที่ทำให้เป็นปัญหากับเรา

คือในคำสอนมีข้อห้ามไม่ให้ไหว้รูปเคารพ รวมถึงห้ามไหว้บรรพบุรุษด้วย

ซึ่งข้อนี้มันขัดกับความเชื่อของคนจีนอย่างมาก

แม่ถึงคิดว่า แม่สูญเสียลูกให้กับพระเยซูไป

เราต้องกลายเป็นลูกอกตัญญูของแม่ไปซะเเล้ว....

กลับมาเล่าถึงวันที่จะไปโบสถ์ต่อนะคะ

 

กำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปโบสถ์

แม่ได้ห้ามแล้วไม่ให้เราไป แต่ห้ามไม่ได้

 

แม่วิ่งไปที่ประตูรั้วแล้วนอนลง

แม่พูดว่า

" ถ้าอยากไปก็ข้ามแม่ออกไปเลย "

 

นุชไม่กล้าทำ ตอนนั้นแม่ร้องไห้นุชก็ร้องไห้ที่ทำแม่ต้องเสียใจ

และมีคำถามในใจ ทำไมๆๆๆๆๆ

แม่ไม่ยอมให้นับถือ

ทำไมนุชไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกในสื่งที่ตัวเองต้องการ

ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีซักหน่อย

 

ที่จริงเข้าใจแม่นะ แต่ก็อยากให้แม่เข้าใจเราบ้าง

ทุกวันนี้...นุชดีใจนะ....ที่แม่ได้ห้ามเอาไว้

และได้กลับมาเป็นลูกของพระพุทธเจ้าอีกครั้ง

 

ถ้าลูกใครดื้อๆจะออกไปทำอะไรที่ไม่ดี ไม่เข้าท่า

พูดด้วยเหตุผลก็ไม่ฟัง

จะเอาวิธีของแม่ไปใช้ดู น่าจะได้ผลชะงักนะคะ 

ผลกรรมที่ได้รับ

ลูกๆก็ทำให้นุชน้ำตาตกเหมือนกัน

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 09:22:42


ความคิดเห็นที่ 20 (1637462)

 

กรรมที่ย่อหย่อนต่อสัจจะ

เคยตั้งใจไว้ว่าจะงดเมื้อเย็นในวันพระ

แต่เรื่องเวลาของมื้อเที่ยงนุชก็ไม่ได้ใส่ใจให้เป๊ะๆ

เหมือนพระที่ท่านจะต้องฉันไม่เกินเที่ยง อยู่บ้านทำอะไรเพลินๆ

เลยเวลาข้าวเที่ยงไปจนบ่ายสองก็มี

ติดธุระนอกบ้านก็มี

 

วันนี้เป็นวันพระ

เมื่อซักครู่กำลังทำโปรตีนมังฯผัดพริกขิงอยู่

และลองชิมดูรสชาด

ในขณะเคี้ยวอยู่นั้น

เม็ดโปรตีนตำเข้าไปในฟันเกิดการปวดฟัน

อย่างมากก..จนรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว

นึกถึงจี้

จึงกำจี้3ร่มโพธิ์+จี้รุ่น1

ขอบารมีท่านและบารมีจี้ของลูกบ้านสวน

(เอ่ยชื่อทุกคนที่จำได้)

มาช่วยให้ลูกหายปวดฟันฉับพลันทันทีด้วยเถิด

อาการที่ปวดฟันนั้นเริ่มเบาลงไป 50%

ตั้งแต่อธิษฐานยังไม่ทันเสร็จเลย

ได้เริ่มนับในใจไปจนถึง60อาการเหลืออยู่

ประมาณ20%จึงหยุดนับ

จึงได้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่าน อ.

ได้สำรวจฟันดูว่ามีรูฟันผุหรือเปล่า

ที่ทำให้เคี้ยวของแข็งแล้วเข้าไปตำในฟัน

ซึ่งก็ไม่มีเลยฟันปกติดีทุกอย่าง

จึงสำรวจว่า

ตัวเองได้ทำอะไรผิดแน่นอนเลย

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงมาเตือน

 

ก็พบว่าคงเป็นเรื่องเวลามื้อกลางวันในวันพระ

ที่เลยเวลาบ่อยๆและคิดว่าคงไม่เป็นไร

ไม่ได้ให้ความใส่ใจในเวลา

เท่าที่ควรเลย

 

จึงตั้งจิตขอขมา และขอบคุณ

ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาเตือน ลูกขอตั้งจิตใหม่

ขอทานมื้อเที่ยงไม่เกินบ่ายโมง

หากลูกติดธุระอยู่นอกบ้านจริงๆหาทานไม่ได้

ขอยืดไม่เกินบ่ายสอง

เพราะจะไม่ค่อยชอบซื้อกินเท่าไหร่

ถ้าการขอนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อนุญาต

ขอให้ลูกส่งข้อความไม่ผ่านด้วยเถิดเจ้าค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 13:57:29


ความคิดเห็นที่ 21 (1637466)

 

ลูกกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะเจ้าคะ

ที่เมตตาต่อลูก

ได้มาเตือนมิให้ทำผิด ทำสิ่งที่ไม่ควร

ตอนนี้อาการปวดฟันหายเกือบหมดแล้ว

เหลือ2-3%เท่านั้น

ตอนขอบำบัดจากจี้แล้วอาการดีขึ้น

จึงมานั่งกินข้าวเที่ยง กินไป คิดไป

จึงคิดได้ว่าลูกยังขาดทุนในการใช้ชีวิตอยู่

ไม่กินอย่างพิจารณาอาหาร

ตอนกินจึงใช้สติกินและพิจารณาความตายด้วย

โอ้...ทำให้รู้สึกกายเบา ใจเบา

ดีมากเลย...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 14:14:34


ความคิดเห็นที่ 22 (1637849)

 

(ขอก๊อปมาวางในกระทู้นี้ให้อ่านนะคะจากกระทู้ข่าวรายวัน)

วันนี้ตอนกำลังจะกินข้าวก็มีอาการปวดฟันอีกแล้วค่ะ

ในใจยังก็นึกว่าเอ๊ะ..หรือฟันเราจะมีปัญหาจริงๆ

เพราะเมื่อวานก็ปวดทีนึง

วันนี้หายปวดได้เพราะใช้จี้...ได้ขอบารมีจากจี้ตัวเอง

และจี้จากลูกบ้านสวนอีกครั้ง

นับถึง50

อาการก็ดีขึ้นและค่อยๆหายปวด

ในใจนั้นนึกว่า..สงสัยต้องไปหาหมอฟัน ให้ตรวจดูหน่อยแล้ว ปวดติดๆ2วัน

แต่พอได้มาอ่านธรรมทานจากคุณเหมี่ยว

เรื่องสาเหตุของการปวดฟัน

จึงถึงบางอ้อ...เข้าใจแล้วว่าที่นุช

อยู่ๆก็ปวดฟัน

คงเป็นเพราะวันนี้ได้บ่นลูก

อาจจะทำให้เขาจิตตก

เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

แต่ที่เมื่อวานปวดฟันยังนึกไม่ออกเลยค่ะ ก็คงจะพูดไม่ดี

ขอขอบคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เตือนลูก

ต่อไปจะระมัดระวังคำพูด  ถึงแม้จะเป็นการสอนลูกก็ตามเจ้าค่ะ

และขอโมทนาบุญธรรมทานจากทุกๆท่านด้วยนะคะ

นับวันธรรมทานจะยิ่งเข้มข้นขึ้นทุกวันทุกวัน

แบบชนิดที่พลาดไม่ได้เลย

 

 

 

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 23:12:23

แก้ไข
 

 

ได้มาอ่านกระทู้ของตัวเอง จึงนึกได้ว่าสว.(สูงวัย)ผ่านไปแค่วันเดียว

ก็ลืมแล้วว่า ที่ปวดฟันเมื่อวานนั้น เพราะย่อหย่อนในสัจจะน่ะเอง

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 23:22:23


ความคิดเห็นที่ 23 (1638077)

 

ได้คุยกับน้องวิและได้เล่าว่านุชยังมีอาการที่ไม่หายเป็นมาหลายเดือน

คือยกแขนซ้ายขึ้นสุดไม่ได้ จะปวดหรือไขว้หลังก็ปวด

ได้เดินผ่านท่านอาจารย์เพื่อสัมผัสบารมีของพระศรีอาริย์ก็ดีขึ้นนิดเดียว

แล้วก็เป็นเหมือนเดิม เรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วย ก็เหมือนเดิม

แต่มีอยู่เรื่องที่ยังไม่ได้สารภาพ ไม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า

น้องวิ : พื่นุชสารภาพมาเลยบางทีสารภาพกับจี้คนอื่นอาจได้ผลกว่า

ว่าเอามือไปทำอะไรไม่ดีมา

พี่นุช : ดีใจที่น้องวิเอ่ยขึ้น ก็ตั้งใจอยู่เหมือนกัน

แล้วน้องวิได้อารธนาบารมีพระศรีและจี้ของทุกคนมาที่จี้น้องวิ รวมถึงที่สุดเรียก

อ.อุบลช่วยด้วย

บาปกรรมที่ทำนั้นคือ

พี่นุชเคยหงุดหงิด และทนฟังแม่บ่นไม่ได้

วันนึงแม่ให้สระผมให้ เราก็ทำด้วยความหงุดหงิดในเสียงบ่น

เลยขาดสติเกาหัวแม่แรงไปหน่อย   แม่ยังบอกทำไมถึงเกาแรงขนาดนี้

 ทำให้ได้สติ รู้สึกผิด  และเสียใจมาตลอด พี่รู้ว่าบาปมาก ที่รู้สึกอย่างนี้กับแม่

ได้ขอขมาแม่หลายครั้งแล้วแต่ไม่กล้าพูดประเด็นนี้

ถ้าแม่รู้ความรุ้สึกนี้ที่หงุดหงิดแม่ แม่คงรับไม่ได้

ได้ขอขมาที่กระทำไม่ดีทั้งทางกาย  วาจา  และใจ ก็ไม่หาย

แม้ที่สารภาพไปกันน้องวิแล้วก็ไม่หาย

แต่มันเป็นบาปทางใจที่อยากเข้ามาสารภาพความเลว

เพราะมันติดอยู่ในใจตลอดเวลา เพราะกรรมอื่นๆก็นึกไม่ออกเลย

หากเป็นกรรมในอดีตชาติที่เคยทำใครเขาไว้

ให้เขาได้รับความเจ็บปวดหรือทุกข์ทรมาน

บัดนี้..ลูกรู้แล้วว่า ผลกรรมมีจริงและสำนึกผิดแล้ว

และขอตั้งจิตจะไม่ทำกรรมชั่วอีก จะตั้งใจสร้างแต่กรรมดี

อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ลูกเคยเบียดเบียนเขาไว้ทุกภพทุกชาติ

ขอยอมรับผลกรรมเพื่อไว้เตือนสติ เตือนใจ

เพื่อจะไม่ประมาทในชีวิตอีกต่อไป

 

ผลกรรมที่เคยได้รับมา เคยถูกรถชน2ครั้ง

ครั้งที่1ถูกมอไซร์ชน ล้มกลิ้งทะหลอกปอกเปิก

ครั้งที่2 ลงรถเมล์ถูกสามล้อชน ทำให้เดินไม่ถนัดอยู่นานแรมเดือน

เคยผ่าตัดใส้ติ่ง เคยปวดบ่าไหล่มา10กว่าปี

แต่บัดนี้อาการปวดบ่านั้นได้หายแล้ว

 

หายเพราะได้กราบท่านอาจารย์อุบลเป็นครั้งแรก

ในวันปีใหม่ที่บ้านสวนพิรามิด

(วันที่คุณอ๊อดหายปวดก้น)

ตอนที่จะลาท่าน อ.กลับบ้าน และได้ก้มกราบท่านอาจารย์

วันนั้นมีความสุขใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

รู้สึกตัวเบามากๆๆๆๆ

เป็นวันและคืนที่พิเศษมากเพราะได้กอดท่าน อ.อุบลด้วย

มีความสุขและรู้สึกอบอุ่นใจมากๆๆๆๆๆๆ

 

นับแต่วันนั้นอาการปวดคอบ่าไหล่ก็หายไปเกือบ100%

อาการที่เหลืออยู่ เข่าลั่น เข่าเริ่มเสื่อม ขาอ่อนแรง สายตายาว

ปวดขาบางครั้งและไม่ว่าจะได้ใช้ขานี้

เดินไปทำชั่วทำบาปอะไรมา

ขอกราบ ขอขมากรรม ต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

ที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินด้วยเถิด

 

ส่วนอาการที่เป็นขึ้นใหม่ปวดแขนซ้าย

คงจะเป็นกรรมหนักจึงไม่บรรเทา

หากเราอยู่ดีมีสุข คงไม่นึกถึงกรรมที่เราเคยทำไว้

 

ลูกขอกราบท่านอาจารย์อุบลและเทวดาที่คุ้มครองท่านอาจารย์

และครอบครัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์เจ้าค่ะ

ที่ได้รับโอกาศเข้ามาสารภาพกรรม

ได้หลุดกรรมบางส่วน ได้ร่วมสร้างบุญใหญ่

และสะสมบุญบารมี

ได้สิ่งดีๆอย่างที่สุดแล้วในชีวิต

ลูกขอกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักวาลเจ้าค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 17:07:52


ความคิดเห็นที่ 24 (1638145)

 

 

วันนี้ขอนำธรรมะมาฝากค่ะ 

เป็นธรรมะที่อ่านแล้วชอบมาก

ได้จดใส่กระดาษแล้วเก็บเอาไว้ตั้งแต่ กค.55

แต่เสียดายจังที่ลืมจดชื่อ ของผู้ที่ให้ธรรมะไว้

ทั้งที่อ่านกี่ทีก็ชอบ และจิตสงบ

จึงอยากเอาสิ่งดีๆมาแบ่งปันค่ะ

 

วิธีหยุดความคิด คือความรู้สึกตัว

 ทุกข์ต้องกำหนดรู้ เมื่อจิตมันคิด คิดไปเรื่อยๆ

ยิ่งคิด ยิ่งทุกข์ หยุดคิด ก็หยุดทุกข์

 

วิธีสู่ความดับทุกข์

คือการเจริญสติ ในทุกอิริยาบท

  ยืน เดิน นั่ง นอน  ถ้าเรารู้สึกตัว

โมหะคือความหลง จะหายไป

 

ให้มีสติ แม้การกระพริบตา

หายใจเข้า หายใจออก

ให้รู้สึกตัวตลอด รู้การเคลื่อนไหว

โมหะจะหายไป แล้วจะเกิดปัญญา 

จะเห็นตัวเราตามที่เป็นจริง คือเห็นธรรมะ

เห็นตัวเอง

เห็นรูป เห็นนาม

รูป... คือร่างกาย

จิตใจที่นึกคิดคือ... นาม

เมื่อเห็นด้วยตา ควรมีความรู้สึกตัวถึงการเห็นนั้น

เมื่อเห็นด้วยจิต ควรมีความรู้สึกถึงการเห็นนั้น

 

เมื่อปัญญาเกิด

จะรู้ว่า ทุกข์ไม่ได้เป็นอย่างที่เรานึกคิด

 

บาปคือความโง่  บุญคือความฉลาด

คำว่าพุทธะคือ บุคคลผู้รู้ ในการเจริญสติ

ในทุกๆอิริยาบท เมื่อความคิดเกิดขึ้น

เรารู้ และเราเข้าใจ

 

ในคนธรรมดา เมื่อเขาคิด

เขาจะเข้าไปอยู่ในความคิดนั้น

ดังนั้น

เขาจึงไม่เห็นความคิด

 

สมมุติว่าเราเข้าไปอยู่ในมุ้ง

ซึ่งอยู่ในห้อง ของบ้านหลังหนึ่ง

 ถ้าเราออกมานอกมุ้ง เพื่อที่เราจะเห็นขอบเขตของมุ้ง

และถ้าเราออกมาจากห้อง และออกมานอกบ้าน

เพื่อที่จะเห็นว่าเราถูกขังอยู่ในนั้นมาก่อน 

 

ความคิด ก็เช่นเดียวกัน

เราไม่สามารถจะเห็นความคิด

ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของความคิด

เราต้องออกมาก่อน จะได้เห็นความคิดได้ชัดเจน

 

สติ คือความรู้สึกตัว 

เปรียบเหมือนแมว ที่จ้องจับหนู

เมื่อความคิดเกิด

ไม่ต้องไปเป็นส่วหนึ่งของความคิด

ความคิดจะเกิดและดับ ด้วยตัวมันเอง

 

เมื่อเรามีสติ

เราก็จะไม่มี โลภะ โทสะ โมหะ

เพราะเรารู้ทัน รู้ป้องกัน รู้แก้

นั่นคือสติ 

สิ่งเดียวกันกับ สติ  สมาธิ ปัญญา

 

วิธีสิ้นสุดของความทุกข์ได้ 

เราไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิหลับตา

ถ้าหลับตา..เราก็ไม่สามารถทำงานได้

เราควรลืมตา...และทำงานอย่างมีสติ

กระทำหน้าที่ของตนเองไปปกติ

 

เห็นจิตของตัวเอง

ทันทีที่จิตนึกคิด เรารู้ เราเห็น เราเข้าใจ

การเจริญสติคือการเขย่าธาตุรู้ของตัวบุคคล

 

มรรค คือวิถีแห่งการปฎิบัติ

เพื่อนำไปสู่ความสิ้นสุดของทุกข์ 

ร่างกายของเราทำไปตามหน้าที่

แต่จิตใจของเราต้องเฝ้าดูความคิด

 

ทุกข์เกิดเพราะเราไม่เห็นมัน

มันจึงชนะเรา และมันนั่งบนศรีษระเรา ตบหน้าเรา

แต่ถ้าเรารู้ เราเข้าใจมันแล้ว

มันก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 21:18:18


ความคิดเห็นที่ 25 (1638162)

 

ต่อค่ะ 

ทุกข์เปรียบเหมือนปริง ที่เกาะติดแน่น

ถ้าเรายิ่งอยากเอามันออก มันก็ยิ่งติดแน่น

ถ้าเราฉลาด

เพียงใช้ใบยากับน้ำ ก็สามารถแกะมันออก

เช่นเดียวกับบุคคลที่ไม่รู้

พยายามที่จะหยุดโทสะ โมหะโลภะ

พยายามสู้ และกดมันไว้

แต่สำหรับผู้รู้ เพียงมีสติเข้าไปดูจิต

และเห็นความคิด

ทุกข์เกิดจากโลภะโทสะ โมหะ

ถ้ามีสติ

ก็ไม่มี โลภะ โทสะ โมหะ

ทุกข์ก็ไม่เกิด

สติแยกเราออกจากความคิด ทำให้เราเห็นความคิด

สติเฝ้าดูความคิดเฉยๆ

แล้วให้มันผ่านไป...

บางครั้งเมื่อคนมาวิจารณ์เรา

เราจะท้อแท้ ผิดหวัง เมื่อความท้อแท้ผิดหวัง สับสน

เกิดขึ้น

อย่าได้พยายามหยุดมัน

แต่ให้สังเกตุมัน แล้วเราจะเข้าใจธรรมชาติของมัน

ทันทีที่ความคิดเกิดขึ้น

ปัดมันทิ้งไปทันที

และให้มาอยู่กับความรู้สึกตัว

ความทุกข์จะอัตรทานหายไป โดยตัวของมันเอง

ทุกครั้งที่ความคิดอุบัติขึ้น เรารู้มัน

แม้ขณะนอนหลับเราก็รู้สึกตัวด้วย

คนที่สามารถเห็นความคิด

คือบุคคลที่ใกล้กระแส "นิพพาน"

ถ้าความคิดรวดเร็ว ปัญญาก็รวดเร็วด้วย

เหมือนรถยนต์ที่ถูกถอดชิ้นส่วนให้ออกจากกัน

แม้ชิ้นส่วนยังอยู่ แต่ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้

การศึกษาตำรา การบริจากทาน

การปฎิบัติสมถะภาวนา

รักษาศีล

ควรจะนำมาเพื่อจุดนี้

มิฉนั้นแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ไร้ค่า

ถ้าเรามาถึงจุดนี้

กิจที่ต้องทำเป็นอันสิ้นสุด....

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 21:51:49


ความคิดเห็นที่ 26 (1639772)

 

ก่อนที่นุชจะได้รู้จักบ้านสวนพีรามิดแม่ได้ชักชวนให้ไปนับถือโยเร

ซึ่งเป็นพุทธจากญี่ปุ่น พุทธนิกายมหาญาณ

ไม่อยากให้แม่เสียน้ำใจ นุชจึงไม่ขัดใจแม่

เมื่อ2-3เดือนก่อนผู้ที่ดูแลสมาชิกของศูนย์โยเรมาเยี่ยมเยียน

ซึ่งการมาเยี่ยมสมาชิกถือเป็นเรื่องปกติทีเขาจะต้องมาหาเดือนละครั้ง

 พร้อมทั้งนำหนังสือมาให้ และรับเงินทำบุญประจำเดือน

การที่เขามารับเงินทำบุญจากนุชเป็นประจำทุกเดือนทำให้นุชรู้สึกอึดอัด

บ้างก็มีจิตคิดสงสัยว่าเงินจะถึงที่หมายหรือเปล่าด้วยความไม่แน่ใจ

ในวันนั้นเขาได้ชักชวนให้ไปไหว้พระที่สระบุรีเป็นการไหว้พระที่จัดขึ้น

เป็นประจำทุกเดือน แต่นุชมิได้ไปเป็นเวลาหลายปีแล้ว

เพราะตัดปัญหาสามีที่ชอบต่อต้าน

เลยตัดสินใจบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า คงไม่ไปหรอก

เดื๋ยวนี้นุชได้หันมาศรัทธา อ.อุบลที่บ้านสวนพีรามิดอย่างมาก

เพราะตัวเองมีโอกาศอันน้อยนิดที่จะได้ไปทำบุญและสร้างบุญซึ่งได้รับความสุข

และใจก็อยากจะไปที่บ้านสวนไม่อยากไปที่อื่น

ซึ่งการที่นุชจะได้ไปทำบุญที่ไหนแต่ละครั้ง เป็นเรื่องที่ยากเย็น ต้องขออนุญาตสามี

นุชได้บอกเจ้าหน้าที่ของโยเรไปว่า " นุชนับถือโยเรมานานมาก(28ปื)

ก็ไม่รู้สึกสัมผัสถึงความคุ้มครองจากที่นี่และนุชสัมผัสกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้

ถึงแม้คนอื่นหรือสมาชิกท่านอื่นจะได้รับแต่ที่ผ่านมานุชรู้สึกเฉยๆ "

พูดไปก็ต้องการให้เขาเลิกมาเยื่ยม มาหาเรานั่นเองค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-11 12:16:34


ความคิดเห็นที่ 27 (1639774)

ต่อค่ะ

แต่วันหนึ่งเมื่อจิตสงบ นุชคิดถึงเรื่งนี้และคิดขึ้นมาได้ว่า

ที่นุชได้พูดกับเจ้าหน้าที่โยเรแบบนั้น

นุขได้ปรามาสต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศาสดาของโยเรไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

วันนั้นจริงๆก็แค่..อยากให้เขาเลิกมาติดต่อ

เลิกมาหาเราซะที แต่ก็พูดไม่ได้..

ทุกครั้งที่เขามาหาก็ต้อนรับไปตามมารยาท

ด้วยไม่อยากให้เขามาจึงพูดปัดๆไป

แต่ช่วงที่จิตนิ่งๆและอยู่คนเดืยวจึงระลึกขึ้นได้ว่า

ที่นุชได้รู้จักองค์พระศรีอาริยเมตไตรยนั้นก็จากที่โยเร

เพราะที่นี่เผยแพร่การมาตรัสรู้ของพระองค์

การมาของพระศรีจะเป็นยุคแห่งแสงสว่าง ยุคแห่งกลางวัน

ปจุบันนี้เป็นยุคแห่งกลางคืน

และนุชได้รับการปลดเปลื้องความทุกข์ใจโดยนำคำสอนมาปฎิบัติ

และเคยใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจเกิดความสุขจากคำสอนนั้น

ซึ่งก็เป็นคำสอนในศาสนาพุทธ

แต่เน้นไปที่องค์พระศรีอาริย์และศาสดาผู้นำมาเผยแพร่

หลักก็แนวพรหมวิหารสี่และแนวโพธิสัตว์

ที่นุชพูดไปนั้นจึงรู้สึกผิด และเสียใจ

และต้องกราบขอขมา

ต่อองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยและท่านเมชุซามะ

ครูบาอาจารย์ที่ได้เคยสั่งสอนธรรมะ

และช่วยให้คนหลุดพ้นทุกข์ได้เช่นกัน

หากมุ่งมั่นปฎิบัติเอาจริง

เพราะทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ละชั่ว

อยู่ที่ใครจะชอบแนวไหน แบบไหน

ลูกกราบขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โยเรผ่านกระทู้นี้

ด้วยใจสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ ด้วยลูกยังขาดปัญญาในการพิจรณา

กราบ  กราบ  กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-11 12:56:58


ความคิดเห็นที่ 28 (1639822)

ขออนุโมทนากับธรรมทานของคุณคนึงนุชด้วยนะคะ

พออ่านแล้วได้จุดประเด็นในใจ

ของธัญญาภรณ์อย่างแรง

สำนึกได้ว่า

เราก็ทำกรรมมาเยอะ

บางเรื่องลืมไปตั้งนานแล้ว

คือชิงสุกก่อนห่ามในช่วงชีวิตวัยรุ่น

ทำให้แม่ต้องเสียใจมาก

ผลคือเราต้องได้รับความเสียใจจากสามีของเรา

เหมือนกับที่ทำกับแม่ไม่มีผิด

อีกเรื่องคือ

รู้สึกรำคาญคุณพ่อเวลาท่านบ่นลูกหลาน

บางทีท่านพูดด้วยก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

ผลที่ได้รับคือ

เวลาเราต้องการพูดกับสามีเขาจะทำเป็นเฉย

ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

โอ้ว...ถ้าย้อนเวลาได้ลูกจะไม่ทำเช่นนี้เลย

ผลกรรมตามสนองเราแบบเน้นๆ

ไม่ผิดตัวจริงๆ

 

 

บัดนี้ลูกสำนึกผิดแล้วลูกกราบขอขมา

สมเด็จองค์พระปฐม

พระศรีอาริย์

 

พระพุทธองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาล

คุณพ่อ คุณแม่ผู้มีพระคุณ

ลูกจะไม่ขอทำผิดเช่นนี้อีกแล้วค่ะ

กราบ กราบ กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย (ฝรั่งเศส) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-12 03:45:53


ความคิดเห็นที่ 29 (1639879)

 

 ขอขอบคุณคุณธัญญาภรณ์ ที่เข้ามาอ่าน และเข้ามาเม๊นท์

 และยังได้เล่ากรรมของคุณเป็นธรรมทานอีกด้วย

โมทนาบุญเช่นกันค่ะ

................................................................

 

กรรมที่ไม่คิดว่าจะเป็นกรรม

 

น้องวิได้เล่าให้ฟังว่าได้บำบัดยายหรือป้าคนหนึ่งไม่แน่ใจ

ที่มีอาการปวดขาหลังจากสารภาพกรรมผิดศีลข้อ๑แล้วอาการก็ยังไม่หาย

น้องวิจึงถามเพิ่มว่าเคยใช้ขาเหยียบหลังใครหรือเปล่า

ซึ่งยายก็ยอมรับว่าเคย และทำประจำเลยแหละ

เพราะมีอาชีพที่ต้องทำคือเป็นหมอนวด

เมื่อรับแล้วก็หายจากอาการปวดขาเลย

ซึ่งนุชก็ได้ถามน้องวิด้วยความสงสัยว่า

ถ้ากรณีที่พ่อใช้ให้ลูกเหยียบหลังให้ ลูกช่วยให้พ่อสบายหายปวด

ไม่น่าจะได้บาปนะ ทำไมถึงบาปละ ด้วยความที่ปัญญาน้อยก็ยังสงสัยต่ออีก

น้องวิบอกว่าบุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป

บุญและบาป แยกส่วนกัน

การใช้เท้าขึ้นไปเหยียบหลังเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ

รวมถึงการใช้เท้าหยิบสิ่งของแทนมือ

ถ้าไม่เป็นบาปทำไมผู้ที่สารภาพว่าได้เคยเหยียบนวดด้วยเท้าแล้ว

เขาจึงหายจากอาการปวดได้ล่ะ

อ้อ....เข้าใจแล้วจริงๆ

เรื่องของกรรมช่างละเอียดอ่อนจนนึกไม่ถึง

และด้วยความด้อยปัญญาของเราถึงเคยได้เห็นผู้อื่นสารภาพกับท่าน อ.

และเห็นคนเขียนสารภาพบ้างแต่ก็ไม่เก็ต คิดว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นการทำความดี

จนกระทั่งวันนี้เองที่เพิ่งกระจ่างใจ

และอาจยังมีคนที่คิดเหมือนนุชบ้าง

จึงขอเข้ามาเขียนเป็นธรรมทาน

 

ก็ขอสารภาพเพิ่มเติมว่าตอนเด็กๆนั้นแม่ใช้ให้เหยียบขา  ขึ้นเหยียบหลัง

และนวดขาให้ก่อนนอนทุกคืนจนแม่หลับ

และเคยเหยียบหลังให้สามีบ่อยด้วยค่ะ

เขาใช้นี่นะก็ต้องทำให้

อีกอย่างเห็นเขาปวดก็อยากช่วย

แต่ต่อไปนี้ ไม่ว่าจะใช้ยังไงจะไม่เหยียบหลังให้เด็ดขาด

เปลี่ยนวิธีช่วย และต้องไปบอกพี่ บอกน้องต่อๆเป็นธรรมทาน

เพื่อลูกหลานจะไม่ต้องติดกรรมผู้ใหญ่ขี้เมื่อยอีกต่อไปค่ะ

 

กราบพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาล

ที่ช่วยให้ลูกตาสว่างเห็นโทษของกรรมที่ควรรู้

กราบขอขมาคุณพ่อ คุณแม่ของข้าพเจ้าทุกภพทุกชาติ

ตลอดจนผู้มีพระคุณที่เคยล่วงเกินท่าน

ด้วยความตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี

รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี กราบขอขมา อโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น

สิ่งใดที่รู้แล้วว่าไม่สมควรลูกจะไม่ทำอีกแล้วเจ้าค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-12 11:38:59


ความคิดเห็นที่ 30 (1640930)

 

 

กรรมที่ไม่เจตนา

วันนี้นึกถึงน้องข้างบ้านที่เคยสนิทกันมากๆเมื่อสิบกว่าปีก่อน

แต่ได้ย้ายไปอยู่ไกล โทรหากันบ้างนานๆครั้ง

น้องคนนี้โตกว่าลูกคนโตของนุช6ปีมาเล่นกันลูกเสมอ ช่วยติวหนังสือให้

เขามีปัญหาอะไรก็จะมาปรึกษา สนิทกันมาก

 

เขาเป็นหลานคนเดียวของอาม่าวัย80กว่า

อยู่กันเพียงสองยายหลาน

อาม่ามีอาการปวดเข่าจนขาโก่งเดินไปไหนไม่ไหวแม้แต่ตลาด

มักฝากนุชซื้อกับข้าวเป็นประจำซึ่งนุชก็ยินดีและเต็มใจช่วย

เวลาเจอหน้ากันอาม่ามักบ่นให้ฟังว่าปวดขา

ปวดเข่าทรมานจัง

อาม่าคงขึ้นลงบันไดลำบากมาก เพราะอยู่ชั้นบนด้วย

ตอนที่นุชปวดขาอย่างหนัก ก็แทบไม่อยากขึ้นลงบันไดเลย

ตอนนั้นเข้าใจและรู้รสชาตเลยว่า คนแก่ที่เขาปวดขานั้นรุ้สึกอย่างไร

 

วันที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

วันนั้นประมาณ5ทุ่ม นุชได้ออกไปซักผ้าที่ระเบียงชั้น2และซักพัก

น้องเขาก็ออกมา  และเราได้คุยกัน คุยไปเรื่อยๆ คุยกันทุกเรื่อง  

ราวสองชั่วโมงกว่า พอต่างคนต่างเข้าบ้าน แค่อึดใจเดียว

น้องเขาก็ตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดังมาก นุชและสามีตกใจรีบไปหา

น้องเขาร้องไห้และบอกว่า

อาม่าผูกคอตายให้เข้ามาช่วยหน่อย

ความรู้สึกตอนนั้นช๊อกมาก....และใจสั่นไปหมด

ทำอะไรไม่ถูกเลย.... มึนไปหมด

แต่ดีที่สามียังไม่หลับเพราะดูทีวีอยู่ เรารีบวิ่งเข้าไปในบ้านน้อง

อาม่าผูกคอตายอยู่ในห้องน้ำชั้นสาม นุชรู้สึกผิดต่ออาม่าอย่างมหันต์

เคยแอบร้องไห้โฮ อยู่หลายครั้ง(ตอนอยู่คนเดียว)

เครียดมากๆๆๆ  จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า

คิดตลอดว่าถ้าวันนั้นเราไม่คุยกับน้องอาม่าอาจไม่ตาย

คืนนั้นน้องเขาก็ได้นินทาอาม่าอีกด้วย

นึกถึงเรื่องนี้ทีไร มันเจ็บจี๊ดทุกครั้ง จิตคอยแต่คิดต่อ...

หรือวันนั้น อาม่ามาได้ยินหลานนินทา

แล้วน้อยใจเลยไปผูกคอตาย  โอ๊ย....ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ปวดใจจี๊ดๆ

ที่แน่ๆ รู้ว่าไม่ควรคุยกับหลานอาม่าจนดึกดื่น คุยกัน2ชั่วโมงกว่า

อาม่าตายตอนไหนน้า... หรืออาม่าตายแล้ววิญญาณอาจมาได้ยิน

หลานนินทา อาม่าก็คงเสียใจแย่...สงสารอาม่าจับจิตจับใจ

คิดวนเวียนอยู่แบบนี้

และรู้สึกตลอดว่านุชมีส่วนในการตายของอาม่า

จิตใจนั้นหดหู่และเป็นทุกข์อย่างมากๆ

ถึงจะรู้ว่าเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม แต่ก็ทำใจไม่ได้เลย

ยิ่งกว่าตอนพ่อเสียไปซะอีก

 

หลังจากนั้นนุชไม่กล้าเอ่ยถึงค่ำคืนที่พลิกผันนั้นเลย

แม้จะอยากถาม และอยากพูดกับน้องถึงเรื่องอาม่ามากแค่ไหนก็ตาม

น้องเขาก็ไม่เอ่ยถึงเช่นกัน ต่างคนต่างเงียบ 

และเขา ก็ต้องย้ายไปอยู่กับญาติหลังจากนั้นไม่นาน

นุชได้แต่หมั่นทำบุญอุทิศไปให้ และขอขมาต่ออาม่าที่เราทำสิ่งไม่สมควร

จนอาจมีส่วนในการตายของอาม่าก็เป็นได้หากได้เจอกับน้องอีก

นุชตัดสินใจว่าจะต้องพูดถึงเรื่องนี้และขอโทษน้องเขาหากได้เจอกัน

ไม่รู้ว่าทำไม นุชไม่กล้าแม้แต่จะพูดคำว่า"ขอโทษ"น้องเลย ไม่กล้ารื้อฟื้น

 

ทำให้เห็นถึงความขี้ขลาด ตาขาวของตัวเอง เป็นคนไม่ยอมรับความจริง

การเขียนธรรทานนี้ช่วยให้ละอัตตาลงได้มาก

เห็นตัวตนอย่างที่ไม่เคยเห็นได้จริงๆ จะพยายามนึกและค้นกรรม

ของตัวเองต่อไป และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้นุชเสียใจและปวดใจ

อยู่นานมาก กว่าจะทำใจได้

ลูกขอกราบสมเด็จพ่อองค์ปฐม ท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ

ลูกขอเบิกบุญทุกบุญที่ไดสร้างสมมา

ขอให้ถึงแก่ดวงวิญญาณของอาม่าของน้อง

ขอวิญญาณของอาม่ารับบุญแล้วจงมีความสุขด้วยเถิด

ลูกกราบขอขมา

ขออโหสิกรรมต่อดวงวิญญาณของอาม่า

ที่กระทำไปด้วยความขาดจิตสำนึกรุ้เท่าไม่ถึงการณ์

และขอธรรมทานนี้ได้เป็นประโยนช์เป็นอุทาหรณ์กันผู้ที่เข้ามาอ่านด้วยเถิด

สาธุ  สาธุ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 00:50:32


ความคิดเห็นที่ 31 (1640931)

 

ต้องขอโทษค่ะที่กดซ้ำไปเป็นสองครั้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 00:50:35


ความคิดเห็นที่ 32 (1642524)

 

 

ความรู้สึกที่ได้ชมบารมีขององค์พระศรีอาริย์

ที่รร .เทรเวลเลอร์ 21กย 55

 

 

วันนั้นในขณะที่ท่าน อ.ให้เข้าไปสัมผัสบารมีของพระศรีอาริย์

รู้สึกตัวเบาสบายมากเลย  จิตเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก

กลับมาบ้านแล้วจิตยังเบาสบายตลอดเวลา  คิดว่าถ้าตอนนี้มีคนมาด่าว่า

เราคงไม่ทุกข์ไม่ร้อน รู้สึกว่าจิตของเราหนักแน่นขึ้น

ซึ่งระหว่างทางที่กลับบ้านนั้น

ได้คิดถึงเรื่องราวของพระศรีที่ได้รับฟังมาตลอดเวลา

นึกอธิษฐานจิตขอต่อพระองค์ท่านว่า

ขอให้ลูกหนักแน่น

ขอให้ลูกเจริญในธรรมลูกอยากเป็นผู้หนึ่ง

ที่สามารถทำ

ตามอุดมการณ์ความเชื่อความศรัทธาของตนเองได้

หลังจากได้เข้าฟังสัมนาแล้ว

จิตเป็นสุขและสงบมากหากแม้มีอะไรเกิดขึ้นก็คิดว่ารับได้ทุกอย่าง

และรู้สึกไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว จิตมันอิ่ม และอบอุ่นใจ 

เบาอย่างบอกไม่ถูก

ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรรู้แต่ว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับจิตนั้น

มันไม่อยากได้อะไรแล้ว คงเพราะได้สัมผัสบารมี

ของพระศรีอาริย์

ที่แผ่พลังความรัก ความเมตตามาให้

 

 

ขญะเดินทางกลับบ้านมองดูผู้คนทั้งหลาย แล้วคิดว่าถ้าเราสามารถมองลึก

                                               เข้าไปในจิตเขาได้คงจะเห็นความไม่มั่นคง

                                เป็นทุกข์ ขาดที่ยึดเหนี่ยว

 ตอนนี้ลูกรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่พบสิ่งที่มีค่าที่สุดลูกเข้าใจแล้วถึงคำว่า

"ธรรมย่อมรักษา  ผู้ประพฤติธรรม"

เพราะจิตเป็นสุขและเบิกบานอยู่ในธรรมของพระพุทธองค์

เมื่อจิตลูกอยู่ในธรรมของพระองค์ 

ก็เหมือนได้มองสิ่งรอบๆตัวจากที่สูง

ไม่ว่าปัญหาอะไรตอนนี้ เหมือนเล็กนิดเดียว

และมันจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

หากเราประคองจิตได้อย่างนี้ตลอดเวลา

ลูกขอกราบ

พระพุทธเจ้าองค์ปฐม

และพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

และองค์พระศรีอาริย์  ท่าน อ.อุบลและครอบครัว

ที่ช่วยให้ทุกดวงจิตมีโอกาศได้เข้าถึงธรรมมากยิ่งขึ้น

           กราบ กราบ กราบ  

         

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-26 15:49:59


ความคิดเห็นที่ 33 (1642532)

 

ได้ล้างห้องน้ำโดยใช้น้ำยาเป็ดโปรแล้วเทราดทั่วๆห้องน้ำ

ทำให้ลูกตะขาบตัวเล็กๆ4ตัว แอบอยู่ในซอกยาแนวของกระเบื้อง

ดิ้นพลาดๆและตายในทันที จึงรีบขอโทษขอขมาและรีบส่งบุญให้เขา

ตลอดจนวิญญาณของเชื้อโรคที่ต้องตายลงเพราะการทำความสะอาด

แต่ก็ด้วยมิได้เจตนา จะเบืยดเบียนเล้ย หากเห็นเขาก่อน ก็จะรอให้เขาไปซะก้อน

ค่อยทำ แต่มันสุดวิสัย ทำอย่างไรเราจะไม่ต้องติดกรรมกับสัตว์เหล่านี้ได้น๊า....

 

เคยได้ยินว่าท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ราชมานิต หรือเจ้าคุณ น ท่านมีจิตเมตตาสูงมากๆ

แม้เมื่อท่านได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ท่านไม่ยอมรักษา รับยาใดๆจากหมอ

ไม่ว่าหมอหรือลูกศิษย์ จะคยั้นคยอ ยังไงก็ตาม ท่านถือว่าการรับยาก็คือการใช้ยา

ไปฆ่าเชื้อมะเร็งให้ตาย ก็เท่ากับท่านได้ผิดศีลข้อที่1ท่านมีจิตที่เมตตามากๆ

และยอมทนทรมานกับความเจ็บปวด และทุกขเวทนาจากโรคมะเร็งจนวาระสุดท้าย

แต่ท่านไม่ยอมผิดศีล  ท่านคงเป็นพระอริยะเจ้าผู้ปฎิบัตีดีปฎิบัติชอบอย่างแน่นอน  

 

ขอน้อมกราบท่านในคุณความดีที่ท่านได้สั่งสมและบำเพ็ญมาด้วยใจเคารพเจ้าค่ะ

กราบ  กราบ  กราบเจ้าค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-26 16:39:07


ความคิดเห็นที่ 34 (1643408)

 

วันเสาร์ได้ทำมีดเล็กด้ามหนึ่งหล่นตกลงบันไดไปอยู่ที่ขั้นสุดท้าย

จะไปเก็บมีด...ก็เห็นจิ้งจกตัวหนึ่งนอนบิดตัวดิ้นไปมาอยู่ใกล้ๆมีด

ตอนแรกๆยังไม่รู้ว่า ที่จิ้งจกดิ้นเพราะโดนมีดหล่นใส่

แต่พอสังเกตุดีๆจึงเห็นว่า.....ที่หัวของจิ้งจกมีรอยแดงๆและถลอกอยู่

อะไรจะแม่นขนาดนี้น้อ...พอรู้ว่าจิ้งจกบาดเจ็บเพราะเรา

ใจแป้วเลยค่ะ... สงสารมันที่ต้องมาเจอเคราะห์กรรม

ถึงจะเป็นกรรมของสัตว์โลกก็ตาม...

หลังจากนั้น ก็ยังไม่ได้ทำอะไร เพราะงานยุ่งๆอยู่ จนเดินผ่านเขาหลายครั้ง

และนึกขึ้นได้ทุกครั้งที่ผ่าน ประตูบันไดจะมีเสียงดังทุกครั้งที่เปิด-ปิด

นุชจึงคิดว่า มันนอนอยู่ตรงนั้น มันต้องตกใจเสียงประตูจนหัวแทบระเบิดแน่เลย

และมันยิ่งเจ็บที่หัวอยู่ด้วย มันอาจจะต้องกลายเป็นจิ้งจกอัมพาตเพราะโดนที่หัว

แล้วมันคงหาอาหารเองไม่ได้ จึงละจากงานแล้วเอานมไปหยอดให้กิน

และตั้งใจว่าจะเลี้ยงเขาไว้ จึงไปหากล่องและช้อนเขาขึ้นมา

ถึงแม้ว่า เราไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนาทำเขา แต่ก็รู้สึกใจคอไม่ดีเลย

เราจะโดนอย่างเขาไม๊หน๊อ...เห็นเขาแล้วใจหดหู่มาก

ได้เรียก" อ.อุบลช่วยด้วย "

ช่วยให้จิ้งจกตัวนี้อย่าได้ทุกข์ทรมานเลย และได้ส่งบุญให้

หลังจากที่เอามาไว้ในกล่องไม่กี่นาทีมันก็ตาย ก็รีบส่งบุญให้อีก

ให้เขาไปเกิดในที่ดีๆ และคิดว่าเขาละสังขารไปน่ะดีแล้ว

ดีกว่าอยู่ไปแบบทรมาน

 

เมื่อวานนี้ก็ปวดหัวทั้งวันเลย ทั้งที่ก็นอนเต็มอิ่มแล้วไม่น่าจะปวดหัวเลย

ทำให้คิดถึงจิ้งจกตัวนั้นอีกแล้ว.... เขาคงทรมาน และคงปวดหัวมากๆ

นั่งสมาธิก็แผ่บุญให้เขาอีก  พอออกจากสมาธิ

ได้อารธนาจี้3ร่มโพธิ์ศรีแปะไว้ที่หน้าฝากและนอนหลับตาซักครู่ใหญ่

พอตื่นมาอาการปวดหัวก็ดีขึ้น จึงได้กราบขอบคุณพระพุทธเจ้าองค์ปฐม

พระศรีอาริย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์และท่าน อ.อุบลที่ได้ช่วยส่งบุญ

และช่วยให้ลูกหายปวดหัวเจ้าค่ะ

กราบ  การบ  กราบ




 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-03 15:03:43


ความคิดเห็นที่ 35 (1643506)

ขออนุโมทนาบุญธรรมทานของ

คุณคนึงนุช   พงษ์ดี

มีหลายรูปแบบจากที่เคยพบมา

นับว่าเป็นความรู้และกรรม

ที่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ

ขอให้บุญนี้ส่งผล

ให้คุณนุชและครอบครัว

มีความสุขหลุดพ้นจาก

สิ่งที่ทุกข์ใจนะค่ะ

เป็นกำลังใจค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัชรินทร์ เกษมณี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-04 07:54:52


ความคิดเห็นที่ 36 (1643570)

 

ขอบคุณพี่ปุ๊มากค่ะ 

ที่ส่งกำลังใจมาให้...

นุชก็ขอให้พี่ปุ๊และครอบครัวมีความสุขเช่นกันนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-04 19:59:34


ความคิดเห็นที่ 37 (1643684)

 

วันนี้เป็นวันของพ่อหลวงของชาวไทย

ถ้าไม่มีพ่อพวกเราจะเป็นอย่างไร...

 

ลูกขออารธนาพระพุทธเจ้าองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ลูกขอเบิกบุญ ทาน ศีล ภาวนา และบุญทุกบุญที่ลูกได้สร้างสมมาทุกภพทุกชาติ

ขอน้อมถวายแด่เทวดาที่คุ้มครองพระเจ้าอยู่หัว ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ

มีพลานมัยแข็งแรง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

 

ลูกนางคนึงนุช พงษ์ดี ขอตั้งใจทำความดี ใข้ชีวิตพอเพียง

ตั้งตนอยู่ในศีล5 ถวายพระองค์ท่าน

และขอกราบขอขมาต่อพระองค์ท่านและเทพเทวาที่คุ้มครองพระองค์

ที่ลูกเคยคิดสงสัยและคิดไม่ดีต่อราชวงค์ และนำไปเล่าต่อ ด้วยความโง่เขลา

เบาปัญญา และหลงผิด ลูกสำนึกผิดแล้ว ขอเทพเทวาเบื้องบนทุกๆพระองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีรามิด เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณได้โปรดรับการขอขมากรรม

ของลูกในครั้งนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-05 22:25:25


ความคิดเห็นที่ 38 (1645635)

 

ขอนำธรรมะดีๆของคุณดังตฤณมาแบ่งปันค่ะ

" เตรียมตายอย่างโสดาบัน "

“ทุกคืนขอเพียงชั่วขณะเดียวที่คุณรู้สึกว่างจากตัวตน

ความว่างชนิดนั้นจะขยายชัด

เป็นอิสระจากความเกาะเกี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะความว่างจากอัตตา

ในนาทีที่จิตกำลังแปรเปลี่ยนภพนั้น

 
มีผลสำคัญใหญ่หลวง”


 
ทางออกจากเกม รู้วิธีออกจากเกมอย่างถูกต้องแน่
 
ความว่างจากเกมก็คือความว่างจากกฎแห่งกรรมวิบาก
 
ว่างจากสภาพอันถูกปรุงแต่งขึ้นด้วยกรรม
 
ไม่มีการประชุมกันของ ธาตุดิน
 
น้ำ ไฟ ลม อากาศ
 
ไม่มีกระทั่งสภาพการรับรู้ อันเกิดจากตากระทบรูป
 
หูกระทบเสียง
 
ความว่างจากการตกแต่งด้วยกรรมวิบาก...
 
ก็คือความว่างจากความไม่แน่นอน ว่างจากอันตราย
 
ว่างจากความเปียกปอนด้วยบาป
 
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความว่างจากการตกแต่งด้วยกรรมวิบาก
 
ก็คือความเที่ยงแท้แน่นอน
 
คือความปลอดภัยถาวร คือบกอันแห้งสนิทจากบาป
 
ตลอดจนมีความวิเศษอยู่เหนือบุญ
 
ความว่างอันเป็นที่สุดของรสดังกล่าวนี้
 
จะสมมุติชื่อเรียกอย่างไรก็ได้
 
ถ้าสำหรับคนพุทธแล้ว ความว่างนี้เรียกว่า ‘นิพพาน’
 
ผู้ที่เห็นนิพพานได้เป็นครั้งแรกเรียกว่า ‘โสดาบัน’
 
การเป็นโสดาบันนั้น ก็คือการเป็นผู้ปรับจิตปรับใจให้พร้อม
 
จะเข้าสู่ภาวะโพล่ง เฉียบพลันเห็นนิพพาน
 
และวิธีที่จะปรับจิตปรับใจดังกล่าว
 
ก็คือการให้ทาน ถือศีล และเปลี่ยนตนเองจากผู้เล่นเป็น
 
คนดู ดังที่แสดงมาตามลำดับ
 
หลังจากเห็นนิพพานแล้ว
 
คุณจะไม่คิดอีกเลยว่ามีตัวตนถาวรอยู่ที่ไหน
 
ถึงแม้คุณจะยังหลงโลภ หลงโกรธ
 
และหลงรู้สึกว่ามีตัวคุณอยู่เดี๋ยวนี้
 
แต่ก็จะไม่หลงเห็นผิดว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของกายเป็นตัวคุณ
 
เพราะเห็นชัดว่ามันเป็นแค่การประชุมรวมของธาตุ ๔
และคุณจะ
ไม่เห็นกระทั่งจิตใจตัวเองเป็นตัวคุณ เพราะเห็นชัดว่าอารมณ์
 
ความรู้สึกนึกคิด และแม้กระทั่งการรับรู้ต่างๆ
 
มาด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง
 
แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา
 
พูดง่ายๆ ว่าสภาพธรรมอันประกอบกับจิตของคุณทั้งหลาย
 
ล้วนแปรปรวนไปเรื่อยๆ เป็นสภาพที่ไม่ซ้ำกับสภาพเดิมสักชุด
 
 
๔๓
เมื่อเป็นอิสระจากการปิดบังของกายใจ จิตคุณจึงโพล่งทะลุออกไปเห็น
 
อะไรอีกอย่างหนึ่งที่อยู่นอกขอบเขตของกายใจ
 
เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์
 
อันแตกต่างจากทุกสิ่งที่คุณเคยรับรู้ และเมื่อเห็นนิพพาน
 
คุณเห็นด้วยสติ เห็นด้วยจิตที่ทรงอุเบกขา ไม่ได้เห็นด้วยอาการหลง
 
เข้าข้างตัวเอง ไม่ได้กำลังยืนอยู่ข้างกิเลส ไม่ถูกครอบงำด้วยโมหะ
 
ดังนั้นจึงไม่สงสัยอีกเลยว่านิพพานมีจริงไหม
 
และด้วยวิธีอย่างไรจึงสามารถเห็นนิพพานได้
 
เมื่อเห็นแบบประจักษ์ คุณจึงไม่สงสัยด้วยว่าคนอื่นเห็นได้
 
อย่างคุณไหม ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
 
คือใครเป็นผู้นำวิธีเห็นนิพพานมาเปิดเผย
 
คนนั้นย่อมเป็นผู้มีพระคุณสูงสุด
 
ได้แก่
 
พระศาสดาของพุทธ ซึ่งองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
พระนามว่า ‘โคดม’
 
เมื่อเป็นโสดาบันบุคคล คุณจะยังอยู่กับลูกเมียได้เหมือน
 
ชาวบ้านชาวเรือนอื่นๆ คุณยังดูหนังฟังเพลงได้ คุณยังไม่ต้องเลิกคบกับ
 
เพื่อนเก่า คุณทำทุกอย่างได้ตามปกติ สิ่งที่ผิดไปคือคุณจะไม่ยืนอยู่
 
ข้างบาปอันเกิดจากการผิดศีลอีกเลยจนชั่วชีวิต
 
ซึ่งนั่นก็ หมายถึงการปิดอบายตลอดกาลเนื่องจากไม่มีเหตุสมควรให้ต้อง
 
ตกต่ำลงไปรับโทษในกำเนิดนรก กำเนิดเดรัจฉาน
 
และกำเนิดเปรตอีกแล้ว
 
หากยังไม่ใช่โสดาบันบุคคล ก็ยังมีความไม่แน่นอน
 
ไม่ว่าจะทำบุญสั่งสมคะแนนบวกมาแค่ไหนก็ตาม
 
เพราะปุถุชนยังมีความประมาทได้ ถูกโมหะครอบงำได้ตลอดเวลา

การเป็นโสดาบันไม่ใช่ประกันได้เฉพาะแค่ชาติหน้า
 
ชาติถัดๆไปจนถึงนิพพาน
 
คุณก็จะไม่ต้องพลาดลงต่ำกว่าความเป็นมนุษย์อีกแล้ว
 
คือต่ำที่สุดแค่มนุษย์ สูงที่สุดแค่พรหม
 
พ้นจากนั้นคือถึงนิพพาน
 
อันปราศจากการข้องเกี่ยวกับภพน้อยใหญ่ทั้งหลาย
 
๔๔
หากคุณไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำได้ ยังไม่มีกำลังใจ
 
แก่กล้าพอจะตั้งสติดูกายใจโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน
 
ก็มีทางลัดง่ายๆ อีกทางหนึ่ง คือเตรียมตัวตายอย่างโสดาบัน
 
 
 
วิธีเตรียมตัวนั้น
 
ไม่ใช่ระหว่างมีชีวิตคุณไม่ต้องทำอะไรเลย
 
อย่างน้อยก็ต้องให้ทานรักษาศีลถึงระดับที่จิตใจเปิดกว้างสบายและ
 
ปลอดโปร่งสะอาดสะอ้านระดับหนึ่ง จากนั้นเชื่อมั่นศรัทธา
 
ในพระพุทธเจ้าว่าพระองค์รู้จักนิพพานจริง ทราบทางไปนิพพานจริง
 
คุณยึดศาสดาองค์เดียวเป็นสรณะ ไม่หวังมีที่พึ่งอื่นอีก
 
 
คุณควรสำรวจอยู่เรื่อยๆ ว่าถ้าให้ตายตอนนี้ จิตจะคิดห่วง
 
หน้าพะวงหลังถึงอะไรบ้าง ก็ฝึกพิจารณาเสีย ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เที่ยง
 
มีอันต้องเสื่อมสลายไปแม้ขณะที่คุณยังไม่เลิกหวงแหนอยู่นั่นเอง
 
 
 
ฝึกหยอดความคิดสะสมความปล่อยวางวันละเล็กวันละน้อย
 
อย่าดูถูกการได้คิดเล็กๆ น้อยๆ เพราะเมื่อสั่งสมมากแล้ว การได้คิดจะ
 
กลายเป็นการ ‘คิดได้’ แบบตกผลึกเต็มภูมิ
 
เมื่อปล่อยวางเล็กๆ น้อยๆ ได้ ก็เขยิบขึ้นมาปล่อยวางอย่าง
 
ใหญ่ขึ้นอีกหน่อย อาศัยหลักความจริงที่ว่าถ้าจะเป็นพระโสดาบัน
 
ต้องเห็นกายใจนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น เราก็
 
ค่อยๆ ฝึกดูความจริงวันละนิด เช่น เมื่อนอนเหยียดกายยาวก่อนหลับ
 
ให้สมมุติว่านั่นเป็นนาทีสุดท้ายของชีวิต พอจะตายจริงก็
 
ต้องทอดนอนอย่างนี้ และเตรียมเผชิญภาวะลมหายใจขาดสูญ
 
ปจากกายเช่นนี้

การสมมุติเช่นนั้นถ้าทำครั้งสองครั้งจะเหมือนจินตนาการเล่น
 
ไม่เกิดผลอะไร แต่ถ้าทำสม่ำเสมอ
 
ก็จะเป็นการซักซ้อมอารมณ์ก่อนตายได้จริงๆ
 
คือเมื่อมาถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต จะเหมือนคุณ
 
คุ้นเคยและพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งตามที่ได้ซักซ้อมไว้แล้ว
 
ธรรมดาลมหายใจมีทั้งเข้าออกและขาดหายอยู่ตลอดเวลา
 
 
๔๕
เวลาจะตายก็เพียงเข้าออกครั้งสุดท้ายแล้วไม่มีการเข้าอีกเลยชั่วนิรันดร์
 
ขอให้ถือความจริงนั้นแหละเป็นเครื่องพิจารณา
 
ทุกคืนคุณดูลมหายใจเตรียมตัวตายครั้งเดียวพอ คือมีสติลากลมหายใจเข้า
 
แล้วเห็นตามจริงว่าเราไม่ใช่เจ้าของลมหายใจเข้า
 
เราบังคับให้มีแต่
 
ลมหายใจเข้าไม่ได้ เรารักษาลมหายใจเข้าไว้ตลอดไปไม่ได้
 
จากนั้นมีสติระบายลมหายใจออก แล้วเห็นตามจริงว่าเรา
 
ไม่ใช่เจ้าของลมหายใจออก เราบังคับให้มีแต่ลมหายใจออกไม่ได้
 
เรารักษาลมหายใจออกไว้ตลอดไปไม่ได้
 
เอาแค่นั้นพอแล้ว เห็นลมหายใจ เห็นความจริงของลมหายใจ
 
 
 
ทุกคืนขอเพียงชั่วขณะเดียวที่คุณเกิดความรู้สึกว่างจากตัวตน
 
ความว่างชนิดนั้นจะขยายชัดขึ้นเรื่อยๆ
 
เป็นอิสระจากความเกาะเกี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
 
กลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับขับเคลื่อนไปสู่ความตายอย่างโสดาบัน
 
ได้เต็มพิกัด หากคุณมีเวลาเหลืออีก ๑๐ ปีเพื่อ
 
เตรียมตัวตายด้วยวิธีดูลมหายใจคืนละหนึ่งครั้งก่อนนอน
คุณจะ
สะสมความว่างจากตัวตนได้ ๓,๖๕๐ ครั้ง ซึ่งก็ทรงพลังพอใช้แล้ว
 
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะความว่างจากอัตตาในนาทีที่จิตกำลังจะ
 
เปลี่ยนภพนั้นมีผลสำคัญใหญ่หลวง
 
ภาวะก่อนตายจะเป็นตัวช่วยให้รู้สึกชัดอยู่แล้วว่าเดี๋ยวต้องไปแน่
 
ไม่มีอะไรให้มือนี้กำได้อีก
 
ความเด็ดเดี่ยวเฉพาะหน้าจึงเกิดขึ้น
 
เมื่อปราศจากความห่วงหน้าพะวงหลัง
 
แถมไม่รู้สึกว่าลมหายใจที่กำลังจะขาดจากกายเป็นสมบัติของเรา
 
จิตก็มีสิทธิ์สงบ
 
รวมลงถึงฌานด้วยอาการปล่อยวางได้ในช่วงสั้นๆ
 
ตรงนั้นแหละ
 
ที่ภาวะแบบโสดาบันจะปรากฏ คือคุณจะเห็นนิพพานอันปราศจากนิมิต
 
ปราศจากรูปรอยใดๆ หมดจากภาวะรับรู้เช่นนั้น
 
ก็จะตระหนักว่าประตูอบายปิดสนิทเด็ดขาดแล้ว
 
มีแต่ความสว่างโพลงทั่วตลอดแล้ว
 
 
๔๖
 
เงื่อนไขของเกมกรรมมีอยู่นิดเดียว เพื่อจะเป็นโสดาบันได้นั้น
 
ชาตินี้คุณห้ามฆ่าพ่อแม่ ห้ามฆ่าพระอรหันต์ แล้วถ้าคุณเป็นพระก็ห้าม
 
ทำให้สงฆ์ในวัดแตกกัน เพราะบาปหนักเหล่านี้จะจำกัดสิทธิ์ไม่ให้จิต
 
เข้าถึงความผนึกแน่นเป็นฌานก่อนตาย ซึ่งเท่ากับปิดกั้นไม่ให้มีทาง
 
เห็นนิพพานไปด้วย

 
( Dungtrin )
ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-15 21:51:49


ความคิดเห็นที่ 39 (1646604)

 

 

                                                        ลูกสาวได้รับความคุ้มครอง

                                                           ขอน้อมกราบสมเด็จพ่อองค์ปฐม

                      บารมี3ร่มโพธิศรีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เทพเทวาทุกพระองค์ที่บ้านสวนพีรามิด

ที่ได้ช่วยคุ้มครองลูกสาวของลูก

เนื่องด้วยลูกสาวได้ไปดูเพื่อนแข่งจักรยานแบบไม่มีเบรค

และ

มีคันหนึ่งซึ่งเป็นพี่ในกลุ่มเพื่อนของลูก

ได้ขี่จักรยานแล้วเกิดอาการหน้ามืด ไม่สามารถบังคับทิศทางได้

ได้ขี่พุ่งเข้ามาชนลูกสาวแบบเต็มๆ จนลูกสาวกระเด็นด้วยแรงปะทะ

ทุกคนที่เห็นต่างไม่น่าเชื่อว่าลูกไม่เป็นไรมาก

มีรอเขียวช้ำนิดหน่อย แต่เพื่อนๆก็ได้พาลูกไป รพ.

ลูกบอกว่านาทีนั้นมันเร็วมากๆ แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

และลูกคิดว่าเป็นความโชคดีของพี่คนนั้นที่พุ่งเข้ามาชน

ไม่งั้นพี่คนนั้นคงจะสาหัสมาก เท่ากับว่าลูกสาวเป็นตัวเบรกให้

ทำให้จักรยานหยุดได้

ลูกบอกว่าเป็นเรื่องแปลกมากที่ ไม่เป็นไรมาก

 จึงกล้าที่จะเล่าให้ฟังหลังจากผ่านไป2-3วันและอยากทำบุญ

จึงฝากแม่ทำบุญกับที่บ้านสวน

และลูกพูดว่าคงจะกำลังมีเคราะห์

แต่นุชบอกลูกว่า ลูกน่ะ โชคดีมากกว่าที่ไม่เป็นอะไรมาก

เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านตามคุ้มครองลูกอยู่นะ

ความจริงลูกสาวก็มีจี้รุ่น1และแหวนสฟิ้งค์แต่ไม่ค่อยใส่

เพราะรู้สึกไม่สะดวกเวลาที่ต้องทำงาน(เรียนเซรามิก)

จะต้องถอดบ่อยและกลัวหาย

และลูกสาวยังไม่ศรัทธาเต็มที่

แต่ได้ถามลูกว่าเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนไม๊

เขาบอกว่าเชื่อเต็มร้อย แต่ยังไม่เกิดศรัทธา

นุชก็เข้าใจลูกนะ ความศรัทธามันต้องเกิดที่ใจ

เหมือนที่นุชก็ไม่ได้มีศรัทธาในสิ่งที่แม่ของนุชไปศรัทธาที่โยเรเท่าแม่ได้

เวลาคุยธรรมะกับลูกๆก็ฟังนะ เล่าเรื่องบ้านสวน

ลูกบอกว่าภัยมาเขาคงไม่รอด

อ้าวแล้วทำไม.. ไม่อยากหาทางที่จะช่วยให้รอดได้หรือ

 จิตเขายังไม่ใฝ่ในธรรม และยังอยากไร้สาระอยู่

นุชได้แต่อธิษฐานขอให้พระคุ้มครองลูก

และขอให้เขาได้มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรมซักวันหนึ่ง

และลูกก็มักจะฝากเงินมาร่วมบุญเสมอเวลาที่จะไปบ้านสวนค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 00:50:18


ความคิดเห็นที่ 40 (1652472)

 

อนุโมบุญธรรมทานกับคุณณัฐากาญจน์ด้วยค่ะ

ที่ทำให้นึกถึงอาชีพขายตรงและเคยทำเหมือนกันค่ะ

(จึงขอก๊อปการสารภาพกรรมมารวมในกระทู้เดียวกันของตัวเอง)

ความรู้สึกก็คล้ายๆกับคุณณัฐากาญจน์นะคะ

คือตอนทำก็คิดว่ามันจะดี เวลาไปฟังเขาบรรยายสรรพคุณ

เขาก็พูดซะน่าเชื่อมาก และมีผู้ที่ใช้แล้วได้ผลมายืนยันว่าหายแล้ว

จากอาการต่างๆ ทำให้น่าเชื่อถือมากๆแต่พอเราไปแนะนำผู้อื่นก็ไม่เห็นผล

  ทำให้เสียใจที่ไปชวนเขาเสียเงินมากมาย

และคนที่เราไปชวนก็ญาติพี่น้องคนสนิททั้งนั้นเลย

ล่าสุดเมื่อปี53 ได้ปวดขาเข่า

และเพื่อนมาชวนใส่ถุงเท้าสุขภาพที่ช่วยให้หายปวดได้

ด้วยการบำบัดจากถุงเท้าเป็นของณี่ปุ่น

คู่ละสามพันกว่าบาทใส่สองเดือนแล้วอาการดีขึ้น

ตอนนั้นไม่ต้องหาหมอกินยาก็อยู่ได้ระดับหนึ่งก็ดีใจมาก

ที่ไม่ต้องพึ่งยาตลอด

จึงมั่นใจในสินค้า และซื้อชุดสุขภาพมาใส่ซึ่งราคาแพงมากๆ

หลายหมื่นบาท ซึ่งตอนแรกคิดว่ายังไงก็ไม่สนใจชุด เพราะมันแพงมาก

เขามีชุดให้ทดลองใส่ ประมาณอาทิตย์นึง

เอ๊ะ...ลองใส่แล้วอาการปวดบ่าไหล่ก็ค่อยๆดีขึ้นด้วย

จึงตัดใจซื้อเพื่อสุขภาพ ตอนนั้นพออาการดีขึ้นๆๆ

ก็ทำให้มั่นใจเต็มร้อยเลยว่าของเขาดี

และตอนที่ทำรู้สึกเหมือนไปบอกบุญ

แต่พอแนะนำให้พี่น้องญาติ เสียเงินแล้วเขาไม่ดีขึ้น

เราก็รู้สึกเสียใจที่ทำให้เขาเสียเงินมากมายทั้งที่เขาก็ไม่มีเงิน

แต่ด้วยความมั่นใจในสินค้าเพราะใช้แล้วเราได้ผล

เราก็ออกเงินให้ก่อน อยากให้เขาหายจากอาการที่เป็น

+กับอยากได้ยอดได้ตำแหน่งจะได้ลดเยอะๆ

ทำแล้วก็ไม่ได้เห็นเป็นตัวเงินเพราะลดๆ%ให้หมด

อยากให้ญาติได้ใช้สินค้าอย่างเดียว

(คนที่ได้เงินคือคนที่ชวนเรา เขาได้ขึ้นตำแหน่ง)

 

ที่น่าอายสำหรับตัวเองคือตอนเข้าไปบ้านสวนใหม่ๆคือช่วงปี53

ท่าน อ.บอกว่าใครทำอาชีพอะไร ค้าขายอะไรก็ให้นำสิ่งนั้นมาทำบุญ

อานิสงฆ์จะช่วยให้ค้าขายดีขึ้น

แต่ตอนนั้นเราไปแนะนำให้คนใส่ถุงเท้าสุขภาพ

จึงตัดสินใจ เอาถุงเท้าไปถวายท่าน อ.

พอผ่านไปเดือนนึง ก็เห็นว่ามันเฉยๆไม่มีคนสนใจสินค้าอย่างที่คิด

ที่เอาไปให้ ท่าน อ.คงจะไม่เป็นผลกับสิ่งที่เราทำนี้

และท่าน อ.รับไปแล้วท่านคงไม่ได้ใช้ถุงเท้าสุขภาพแน่ๆ

อีกอย่างท่าน อ.สุขภาพดีอยู่แล้วคงไม่มีประโยนช์ต่อท่าน อ.

และท่านมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่แล้ว

ตั้งใจว่าจะถวายเงินเท่าราคาสินค้าและขอถุงเท้าคืนจากท่าน อ.

ยังจะมีประโยนช์กว่า

ใจนึกว่าถ้าได้ถุงเท้าคู่นี้มาจากท่าน อ.

จะเอาไว้ใส่ส่วนตัวเอง คิดว่าของที่รับจากท่าน อ.คงจะดีมาก

เหมือนได้รับของอันเป็นมงคลจากครูบาอาจารย์

พอเดือนถัดไปที่ได้ไปบ้านสวน

ตอนนั้นกำลังขุดบ่อน้ำพีรามิดอยู่ท่าน อ.เดินออกมาคุยกับคนอื่นอยู่

พอท่านคุยเสร็จ ก็เข้าไปหาและเรียนท่าน อ.ตามที่ตั้งใจ

แต่ด้วยความที่พูดไม่ชัดเจน สื่อสารไม่ดี

เพียงพูดแค่ว่าถุงเท้าที่ถวาย อ.จะขอคืน

และเปลี่ยนเป็นเงินทำบุญแทนและก็พูดตะกุกตะกัก

ซึ่งจริงๆก็พูดได้น่าเกลียดมากเลยมานึกได้ตอนนี้

คือท่าน อ.คงจะงงๆว่า.. คนอะไรเนี่ยเอามาทำบุญแล้วจะมาขอคืนอีก

ท่านเลยบอกว่าเอาไปยัดๆไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้

กลับมาบ้านก็สำนึกผิดและเสียใจที่ไม่น่าพูดไปเล้ย..เรา

ตอนนั้นยังพิมพ์ไม่เป็นและไม่คล่อง

จะพิมพ์ทีก็ต้องวานลูก ก็อายลูกด้วยไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

เลยปล่อยเลยตามเลย แต่รู้ว่าทำไม่ถูกและยังติดอยู่ในใจ

เคยคิดที่จะขอโทษและอธิบายให้ท่าน อ.ฟังถึงเรื่องนี้เหมือนกัน

แต่ไม่กล้าซักที และก็ผ่ามมานานแล้ว

และตอนนั้นไม่สามารถชี้แจงให้ท่าน อ.เข้าใจเจตนาที่แท้จริงได้

เพราะพอท่าน อ.พูดมาก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อเลย

ด้วยความโง่เขลา เบาปัญญา

ลูกอยากจะกราบขอขมาท่าน อ.อุบล

ในความผิดพลาดที่ผ่านมาที่คิดไม่ได้ และก็กลัวท่าน อ.ด้วยค่ะ

ตอนที่เข้าไปบ้านสวนใหม่ๆ

เวลาท่าน อ.เดินผ่านมาก็เขินๆดีใจนะค่ะ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร

ใจมันเกรงๆ และเกร็งด้วยนะค่ะท่าน อ. 

กราบขอบพระคุณท่านพ่อดตาจินินและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่บ้านสวนและ

ท่าน อ.อุบลและครอบครัวอีกครั้งที่เมตตาให้ลูกมีวันนี้

วันที่ได้รู้จักอาจารย์อุบล ถือว่าลูกโชคดีมากๆ

ที่ท่านมาสอนสั่งให้เห็นเป้าหมายชีวิตชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-14 18:34:39


ความคิดเห็นที่ 41 (1652989)

 

ก๊อปมาให้อ่านกันนะค่ะ  จากกระทู้ 

" ปริศนาแดนมหัศจรรย์ " อยากให้เข้าไปอ่านกันเยอะๆนะคะกระทู้นี้น่าสนใจมากๆๆๆ

 และสิ่งที่ผมเห็นอีกอย่างหนึ่งคือ การกล้าแสดงออกให้เห็นว่า สิ่งที่คุณแม่เชื่อ ศรัทธา นั้นเป็นเรื่องจริง และ ทำได้จริง แม้นบางครั้ง ในสายตาของคนอื่นว่าแม่เพ้อฝัน แอบอ้าง แต่คุณแม่อุบล ก็แสดงให้ทุกคนที่เคยปรามาสได้เห็น และ พิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริง

ประโยคนี้ทำให้นุชนึกถึงพ ระเยซูขึ้นมา

ขอแสดงความเห็นจากความรู้อันน้อยนิดแบบหางอึ่งนะคะ

ตอนที่พระเยซูออกเผยแผ่ว่าพระองค์เป็นใคร มาจากไหน

เสด็จมาเพื่ออะไร แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเชื่อเท่าไหร่ 

เพราะเห็นๆอยู่ว่าเป็นคนธรรมดา

เพราะทุกคนก็จะยึดติดความเชื่อเดิมๆอย่างเหนียวแน่น

เชื่อในพระเจ้า

(แต่ก็ยังทำผิดบาปเหมือนชาวพุทธที่ไม่รักษาศีล)

 แต่ไม่เชื่อในพระเยซูว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า

ที่มีบันทึกไว้ว่าจะส่งมาช่วยมนุษย์

จนกระทั่งพระเยซูสร้างปาฏิหาริย์มากมาย

รักษาโรคให้ผู้คน และต่างหายจากโรคได้ 

เช่นหายจากตาบอด หายจากโรคเรื้อน ฯ

ขนมปังก้อนเดียวเลี้ยงคนได้500

คือหักออกไปเรื่อยๆกินไม่หมด

จะว่าไปแล้วเรื่องราวของพระเยซู

ทำไมช่างเหมือกับปรากฏการณ์ที่บ้านสวนจังเลย

แทบทุกอย่าง

พระเยซูอ้างถึงพระบิดาตลอดเวลา และถูกกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ

จากศาสนาจักรที่กลัวจะเสียผลประโยนช์ กลัวสูญเสียอำนาจ

เหมือนที่คนส่วนมากก็ไม่คิดว่า

พระศรีอาริย์จะเสด็จมากึ่งกลางยุคศาสนาพุทธ

เพื่อมาปราบมารและช่วยฟื้นฟูให้ศาสนาพุทธ

คงอยู่ได้ถึง5000ปี

นุชอ่านกระทู้นี้แล้วตื่นเต้นมากเลยค่ะ

เหมือนได้อ่านนิยายเชอร์ร็อกโฮมเลย

แต่ละความเห็น สุดยอดจริงๆ ขอเกาะติดกระทู้นี้ด้วยคนค่ะ 

 บ้านสวนเหมือนเป็นโลก อีกมิติหนึ่งซึ่งบางครั้งก็ไม่อาจอธิบาย

ให้คนที่ไม่เคยได้รู้เรื่องราวต่างๆมาก่อน ให้เข้าใจได้

นอกจากการพิสูจน์ด้วยตัวเองเท่านั้น

เราสามารถนำความลับแห่งจักรวาลที่เราได้รับรู้นี้

ไปปรับใช้เพื่อเปลี่ยนผู้คนหรือบ้านของเรา

ให้เป็น"แดนมหัศจรรย์"ได้

ท่านมา เพื่อปลดทุกข์ทางกาย

ทางใจ ให้กับลูกๆทุกๆคนจริงๆค่ะ

ใช่เลยค่ะ

และตั้งแต่ลูกได้บูชาจี้รุ่นท่านพ่อแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ

จิตใจมั่นคงขึ้น จิตนิ่งขึ้น และสงบเย็นขึ้น

มองปัญหาอย่างเกิดปัญญาได้มากขึ้นจริงๆค่ะ

เช่นมีคนมาวีนใส่ แรกๆอาจมีขุ่นใจหงุดหงิด

แต่พักเดียวก็คิดได้ว่า  เขาวีนใส่เราทำให้เราทุกข์ใจ

เขาเป็นกระจกเงาให้เรา

เราจะไม่ทำใส่คนอื่น ไม่ทำให้คนอื่นทุกข์เพราะเรา

เขามาให้เราได้สร้างบารมี(ขันติ)ให้เต็ม

ถามตัวเองว่า เราต้องการไปนิพพานไม่ใช่หรือ

ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาเมื่อเทียบกับเป้าหมายในใจแล้ว

มันกลายเป็นจิ๊บจ้อยไปเลย

ปัญหาทุกสิ่งมันเบาจนแทบหายไปเลยค่ะ

ด้วยเพราะความรัก ความเมตตาจากท่านพ่อ

พระผู้สร้างและผู้เป็นใหญ่ในอนันตจักรวาลโดยแท้ที่มาจูงลูกกลับบ้าน

คิดแล้วลูกปิติมากจนน้ำตาซึม รู้สึกเป็นบุญเหลือเกิน

ลูกไม่รู้ว่าลูกมาจากไหน แต่ลูกรู้ว่าจะไปไหน

และจะเดินต่อไป

ตามท่านอาจารย์และพระพุทธองค์เจ้าค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-22 09:58:20

แก้ไข

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-22 10:10:09


ความคิดเห็นที่ 42 (1653445)

 

(จากกระทู้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย)

ขอเล่าธรรมทานการใช้รหัสจักวาล

ที่ได้ผลตลอด ใช้กับเรื่องที่จะเล่านี้

แต่ก่อนจะแชร์เรื่องที่ได้รับความคุ้มครองการใข้รหัส อ.อุบล 

กับเรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ

จนคิดนานและเพราะไม่รู้จะเล่ายังไงดี...

 

แต่เมื่อได้รับความคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเหลือเกิน

จนไม่อาจเก็บไว้คนเดียว หากผู้อื่นมีปัญหาเช่นเดียวกัน

อาจได้พบทางพ้นทุกข์จากธรรมทานของลูกนี้บ้าง

จึงตัดสินใจเล่าค่ะ

 

สามีของลูกบ้ากามค่ะ

เวลาที่สามีของลูกมีความต้องการ เขาจะจู่โจมเลย

ไม่มีความโรแมนติกใดๆ และลูกก็จะเจ็บและรู้สึกทรมารมาก

และยิ่งเข้าวัยทอง  ผิวบริเวณนั้นก็ยิ่งบอบบาง

เพราะขาดโฮโมนแล้ว

และถึงจะมีkyช่วยก็ยังเจ็บแสบไป2วันเลยทีเดียว

และมีเลือดซึมๆ

 

ความต้องการเราไม่สมดุลกัน เขาเลยไปมีผู้ช่วยภรรยา

ซึ่งสิ่งนี้ลูกคิดว่าพระท่านเมตตาลูกแล้ว

เพราะลูกขอให้มีทางออกและท่านคงส่งผู้ช่วยมา

 

ลูกจะเรียกอ.อุบลช่วยด้วยตลอดเวลาเลยทีเดียว

ก็ได้รับเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากๆ เมื่อใช้รหัส

คือหลังจาก สามีเสร็จกิจ และเราเข้าห้องน้ำ

จะแสบนิดหน่อยพอทนได้ หลังจากนั้นก็จะแสบนิดๆแค่นิดเดียวเองจริงๆ

และไม่มีอาการข้ามวันเหมือนก่อนเลย

 

ลูกกราบขอบพระคุณเทวดาทุกพระองค์ที่ช่วยลูก

ในการใช้รหัสได้ผลทุกครั้งเจ้าค่ะซึ่งหากเทียบกับเมื่อก่อนนะคะ

หลังจาก.....และเข้าห้องน้ำจะแสบจนตัวสั่น เคยนึกด่าสามีในใจ

เวลาเข้าห้องน้ำปัสสาวะจะแสบบบบ...จนน้ำตาร่วง

แต่เดี๋ยวนี้ลูกใช้รหัส" อ.อุบลช่วยด้วย "กับเรื่องนี้ใช้ได้ผลทุกครั้งเลย

ซึ่งลูกซาบซึ้งในพระเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ช่วยเหลือลูกมากๆเลยค่ะ

เมื่อแรกๆที่ไม่มีรหัส อ.อุบลช่วยด้วยนั้น

ลูกได้ใช้สบู่พาเมล่าและโลชั่นพาเมล่าก็ช่วยให้แสบและทรมาน

ลดน้อยลงไปได้เช่นเดียวกัน

เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้โลชั่นพาเมล่าใช้แต่รหัส อ.อย่างเดียว

มาระยะหลังสามีรู้ว่าเราไม่ชอบเรื่องแบบนี้ และเจ็บมาก เขาก็จะห่างๆไป

เดือน2เดือนครั้ง  3เดือนก็มี ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเมตตาลูกมากๆ

ตอนนี้จิตของลูกก็รับได้มากขึ้นแล้ว

เพราะคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ภรรยา

จึงพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีขึ้น ทำใจและปล่อยวาง ยอมๆเขาไป

จิตก็เบาไม่หนัก ไม่ทุกข์ จะเจ็บก็เจ็บไป  ต้องทนได้

เพราะเรียกท่านพ่อดตาจินินและ อ.อุบลช่วยด้วยตลอดเลยค่ะ

ซึ่งเมื่อก่อนจะบ่ายเบี่ยงเขา

และทุกข์ใจมากๆเลย

ลูกขอน้อมกราบขอบพระคุณท่านพ่อดตาจินิน

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล

และเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกๆพระองค์

ที่ได้เมตตาช่วยลูกในทุกครั้งค่ะ สาธุ สาธุ

กราบ กราบ กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-28 19:59:10


ความคิดเห็นที่ 43 (1658770)

 

มีเรื่องจะขอเล่าเพิ่มค่ะ

เรื่องกรรมที่ไม่เจตนาของนุช ที่ลงไว้ในความเห็นที่ 30

นุชได้มีโอกาศขอโทษและขอขมากับหลานอาม่าแล้วค่ะ

ได้ส่งเรื่องที่สารภาพในเวปบ้านสวนให้น้องอ่านทางเฟสบุ๊ค เพราะไม่รู้จะพูดไงดี

ตอนส่งให้น้อง อ่านนุชก็นอนไม่หลับเลยคืนนั้น เพราะกังวล คิดไปต่างๆนาๆ

(ก็อดกังวลไม่ได้)

แต่เมื่อน้องเขาได้อ่านแล้ว ตอบกลับมา

(ซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกโล่งขึ้น.....แบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย)

ไม่โกรธ และไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้ และไม่โทษตัวเองด้วย

เพราะถ้าอาม่าคิดจะทำ ก็จะทำอยู่ดี

และบอกว่าอย่าคิดมาก  ประมาณว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไปห้ามไม่ได้

ทำให้นึกถึงว่า ความกังวลที่ผ่านมานั้น มันช่างปั่นทอนและทำให้เราทุกข์ได้มากมาย

มหาศาลเลยทีเดียว

และเข้าใจแล้วว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ต้องเข้าใจและยอมรับมัน

เราจึงจะไม่ทุกข์มาก และผ่านมันไปได้

และสิ่งใดที่เกิดแล้วหากเป็นความผิดพลาดเราก็ต้องแก้ไข

พยายามไม่ไปทำผิดพลาดซ้ำอีก...........

 

ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล และบ้านสวนพีรามิดและเวปนี้ที่ทำให้ลูกมีโอกาศ 

ได้สารภาพบาปและปลดทุกข์ทางใจ ได้รับธรรมะดีๆจากที่แห่งนี้

จนคิดเปลี่ยนแปลงตนเอง และพบกับความสุขใจ

 

ลูกขอกราบขอบพระคุณท่านพ่อดตาจินิน พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่รักษาท่านอาจารย์

และท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวเป็นอย่างสูงยิ่งที่ทำให้ชีวิตลูกได้รับสิ่งดีๆค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ เจ้าค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-05-13 11:06:04


ความคิดเห็นที่ 44 (1659487)

ขออโมทนาบุญกับคุณนุชด้วยค่ะสาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อุดมเดช หล่อทองเลิศ (audmdach-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-05-21 14:36:09


ความคิดเห็นที่ 45 (1665514)

 

ขอเล่าธรรมทานเมื่อคืนวันเสาร์ที่24สค.56

ก่อนเข้านอนรู้สึกหนาวมากด้วยเพราะไปเข้าห้องน้ำแล้วมือเปียก

แอร์ก็เย็นมาก ห่มผ้าก็ไม่หาย

จิตก็คิดว่า ทำไมเรามีอาการหนาวในตลอดเลยคือเป็นคนขี้หนาวค่ะ

แล้วก็นึกถึงกรรมที่เคยเอาปูและหอยไปแช่ช่องฟิต

แม้แต่ปลาที่ใกล้ตายกลัวไม่สดก็เอาไปแช่ไว้ก่อนก็เคย

จึงได้ตั้งจิตขอบารมีท่านพ่อดตาจินินและพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ ลูกขอขมากรรมต่อสัตว์ทุกตัว

ที่เคยเอาเขาไปแช่ช่องฟิตลูกจะไม่สร้างกรรมนั้นอีกแล้ว

และขอส่งบุญด้วยรหัสเจ้ากรรมนายเวร99

หากเป็นเพราะกรรมนี้ ขอให้ลูกหายจากอาการหนาวสั่นนี้ด้วยเถิด

ก็รู้สึกหายหนาวและอุ่นขึ้นในทันที

 

ธรรมทานเรื่องที่2

เช้าวันอาทิตย์อยู่ดีๆก็มีอาการคันที่นิ้วเท้าคันมากๆเกาก็ไม่หาย

จึงคิดว่าเป็นเจ้ากรรมเขาอยากได้บุญจากเราหรือเปล่าหนอ

จึงได้ขอใช้รหัส99ขอส่งบุญให้เจ้ากรรมที่ทำให้มีอาการคัน

หากใช่ขอให้หายจากอาการคันนี้ด้วยเถิด

แล้วอาการคันก็หายไปจริงๆ สุดยอดมากๆเลยค่ะ

 เพราะในบางครั้งก็ใช้ไม่ได้ผล

ลูกรู้สึกดีใจที่แก้ได้ถูกจุด หากเป็นเจ้ากรรมมาส่งผลจริงๆ

อยากขอโทษ ขออโหสิกรรม อยากให้เขายกโทษให้

ในสิ่งที่เคยพลาดมาแล้ว

หากไม่ใช่เพราะความเมตตาของท่านอาจารย์

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์พวกเราคงต้องทุกข์แล้วทุกข์อีก

มากมายไม่รู้จบสิ้น

 

ขอน้อมกราบพระบาทท่านพ่อดตาจินิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์

และท่านอาจารย์อุบล และครอบครัว

ลูกขอเบิกบุญที่ลูกได้สมสร้างมาขอน้อมถวายเด่ทุกๆพระองค์

และเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์และครอบครัวด้วยเถิดเจ้าค่ะ

สาธ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-27 11:10:20


ความคิดเห็นที่ 46 (1667742)

 

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานคุณนุช นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภรณ์จิตร์ สัจธรรมธนพิธ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-25 22:30:20


ความคิดเห็นที่ 47 (1667758)

พี่จำภาพที่น้องนุชแสดงที่มินิค่าย21 -21 ก.ย 2556 ออกมาจากส่วนลึกที่มีความสุข และพร้อมจะแบ่งบันความสุขที่รับนั้นส่งไปถึงทุกๆ ท่านเขียนได้ละเอียดมากๆพี่ตุ๊กเองก็ได้รับความสุขจนล้นทะลักออกมาต้องพยายามให้พอดีกับตรงนั้น พอตื่นเต้นมากๆ ข้อเสียของพี่ คือ ประมาท   เป็นกำลังใจนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-26 05:37:58


ความคิดเห็นที่ 48 (1667853)

 

 

ขอบคุณ คุณภรณ์จิตร์ และพี่ตุ๊กนะคะ

ที่เข้ามาอ่านและเข้ามาให้กำลังใจ

และสาธุด้วยนะคะที่พี่ตุ๊กได้รับความสุขจนล้นทะลักออกมา

(เอามาแบ่งน้องๆด้วยนะ)

จนเกิดเป็นการสร้างธรรมทานอย่างต่อเนื่อง โมทนาสาธุนะคะ

 

ขอเอาธรรมทานที่ไปมินิค่าย21-22 กย 56

มาวางในกระทู้ของตัวเองให้อ่านกันนะคะ

ตอนที่ท่านอ.อธิษฐานจิตให้ทุกคนเกิดอาการปวด

เพื่อให้รับสัมผัสของจิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร

แต่นุชไม่มีอาการปวดใดๆมาแสดงเลย

ในใจอยากให้เกิดอาการมากกก...

อยากได้รับรู้... และอยากส่งบุญให้จิตวิญญาณ

รับบุญแล้วขึ้สู่นิพพาน....ซึ่งถึงจะไม่มีอาการใดมาแสดงที่ร่างกาย

แต่ก็มีความเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอ.

ในการจัดมินิค่ายนี้ขึ้น....ก็ด้วยความเมตตาที่มีต่อลูกหลานให้พ้นทุกข์

ตอนที่ท่านอ.กล่าวส่งบุญให้จิตวิญญาณขึ้นนิพพาน

ก็ขนลุกตลอดเลยค่ะ

และดีใจจนน้ำตาไหลที่ได้มีโอกาศนี้

และได้เป็นลูกบ้านสวน ลูกท่านอ.

 

เมื่อกลับจากค่ายคืนวันอาทิตย์

อยู่ๆก็มีอาการปวดที่ไหล่และสบักโดยไม่ได้ไปทำอะไรมาเลย

ปวดขึ้นมาเฉยๆจนวันจันทร์อาการก็ยังคงอยู่

และปวกมากขึ้น

ได้คุยกับน้องวิ  และให้น้องช่วยบำบัดให้

 

                       โดยถือพีรามิดรุ่นพระนางไว้  ดีขึ้น50%

 

 

 

 

และ70% ตามลำดับ...

ได้เล่าให้น้องวิฟังว่าเมื่อคืนฝันเห็นเด็ก

ความรุ้สึกว่า....เป็นลูกคนชายที่2ตอนเขาเล็กๆ

แต่หน้าตาไม่ใช่  แค่คล้ายๆ แต่น่ารัก เราพาเขาเดินเล่น เขาวิ่งเล่นไปรอบๆ

น้องวิถามว่า...พี่มีทำแท้งเองในชาตินี้ไหม...

บางทีเราอาจจะมีแบบไม่รู้ตัวก็ได้นะอย่างครูมิ้มที่ได้กินยาขับเลือด...

ทำให้อยู่ๆ...ก็นึกขึ้นได้ว่าเราก็เคยกินนี่นา

  ตอนครูมิ้มเล่า...ทำไมคิดไม่ได้...คิดไม่ออกนะ

จึงได้ขอขมาลูกและขอบารมีพระนางเนเฟอตารีและท่านรามเสสที่2

ส่งบุญให้ลูกขึ้นนิพพาน

อาการก็ดีขึ้น

กราบขอบพระคุณพระนางเนเฟอตารีท่านรามเสสที่2เจ้าค่ะ

และขอบคุณน้องวิที่ช่วยให้พี่นึกกรรมขึ้นมาได้

 

ขอเล่าธรรมทาน

จากอานิสงค์ที่ท่านอ.ให้วิชาใหม่มาบำบัด

เช้าวันจันทร์มีอาการหาวจนน้ำตาไหล มันทรมานมาก

ถ้าหาวต่อเนื่องติดๆกันจะทำให้ปวดหัว มึนหัว ซึ่งไม่รู้จะทำไงดี....

นึกขึ้นได้..จึงไปหยิบพีรามิดรุ่นพระนางมาถือแล้วพูดบอกรักท่านอ.

หนูรักท่านอ.อุบลมากค่ะๆๆๆๆ

พูดไปหาวไป....หาวไปอีก3ครั้ง....อาการก็หายและหยุดทันทีเลยค่ะ

และรู้สึกโล่งโปร่ง สดชื่นขึ้นทันที

ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์และท่านอ.อุบลเจ้าค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-27 13:32:42



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.