ReadyPlanet.com


ธรรมทานธรรมะบำบัด


วันที่ 7 มกราคม 2557  วันนี้ดิฉันได้มีโอกาสบำบัดอาการปวดกระดูกบริเวณหลังให้กับคุณป้าประจบ มุสิกุล อายุ 67 ปี ได้พูดคุยเกี่ยวกับธรรมะบำบัด สาเหตุเกี่ยวกับการเจ็บป่วยต่างๆ ว่าเกิดมาจากการที่เราทำผิดศีล ทานเนื้อสัตว์ โดนคุณไสย์มนต์ดำ ดิฉันได้เอารูปท่านอาจารย์อุบลให้คุณป้าดู และได้บอกเล่าเรื่องปรากฎการณ์บ้านสวนพีระมิด ที่ท่านอาจารย์อุบลได้นำธรรมะมาบอกวิธีหายทันที คุณป้าสนใจมากค่ะ และได้สารภาพกับดิฉันว่า เคยทำคุณไสย์ เสกข้าวสาร น้ำดื่ม ให้สามีกิน เพื่อให้สามีเลิกยุ่งเกี่ยวกับเมียน้อย และสงสัยว่าเมียน้อยของสามีได้ทำคุณไสย์ใส่ตนเองด้วยเช่นกัน ดิฉันเลยให้คุณป้าได้สัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินิน เมื่อวางพีระมิดองค์ที่ 1 ลงบนฝ่ามือ คุณป้ารู้สึกว่าอาการปวดกระดูกที่หลังดีขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ พอดิฉันวางพีระมิดองค์ที่ 2 อาการปวดกระดูกที่หลังของคุณป้าดีขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันจึงบอกคุณป้าว่าอาการที่เหลือเกิดจากการที่คุณป้าทำผิดศีลเอง จึงให้คุณป้าระลึกถึงบาปกรรมที่เคยทำ เช่น เคยรู้เห็น สนับสนุน เกี่ยวข้องกับการทำแท้งหรือไม่ เคยตีหลังสัตว์หรือไม่ คุณป้าบอกว่าเคยตีหลังหมา หลังแมว ดิฉันจึงให้คุณป้าสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ เมื่อคุณป้าได้สำนึกผิด ขอขมา อุทิศบุญให้ หมา กับ แมว ที่คุณป้าเคยตีหลัง อาการเจ็บปวดกระดูกที่หลังของคุณป้าก็ดีขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ เป็น 70 เปอร์เซ็นต์ คุณป้าดีใจมากค่ะบอกดิฉันว่าบางวันปวดหลังมากจนน้ำตาไหล ฉีดยา กินยา ก็ไม่หาย นอกจากคุณป้าจะศรัทธาท่านอาจารย์อุบลมาก ยังมีใจอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์จากอาการเจ็บปวดทันทีเหมือนที่คุณป้าได้รับบ้างจึงบอกดิฉันว่า "พรุ่งนี้วันพระจะมีคนมาทำบุญที่วัดเยอะลูกช่วยไปให้ธรรมะของอาจารย์อุบลที่วัดจะได้มั้ย มีอีกหลายคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บปวดป้าจะไปขออนุญาตเจ้าอาวาสให้" ดิฉันตกลงรับปากคุณป้าด้วยความยินดีค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ สาวิตรี คงศรี กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2014-01-08 14:54:35


[1] 2 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1674081)

วันที่ 8 มกราคม 2557  ดิฉันได้ไปพบคุณป้าประจบที่วัดในหมู่บ้านตามที่ได้นัดหมายไว้ หลังจากที่เสร็จพิธีทางศาสนาในตอนเช้า คุณป้าประจบ ได้เชิญชวนให้คนที่ไปทำบุญที่วัดมารับฟังธรรมะและได้รับการบำบัดอาการเจ็บป่วยกับดิฉัน ดิฉันก็ได้พูดบอกเล่าเกี่ยวกับ สาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วย เมื่อรู้เหตุก็จะต้องดับที่เหตุ วันนี้มาถึงวัดจึงเน้นพูดให้ธรรมทานเรื่องหนี้สงฆ์เป็นกรณีพิเศษค่ะ เมื่อทุกคนที่นั่งฟังมีความเข้าใจและยอมรับวิธีการพิสูจน์กฎแห่งกรรมด้วยวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดแล้ว ดิฉันจึงเริ่มการบำบัด คนแรกที่ขอรับการบำบัด คือ คุณยายเจียร อินทสุวรรณ อายุ 75 ปี มีอาการปวดข้อเท้ามาก ปวดจนเกิดอาการเกร็ง ตอนแรกดิฉันให้คุณยายนึกถึงบาปกรรมว่าเคยใช้เท้าทำบาปกรรมอะไรมาบ้าง คุณยายก็พยายามนั่งนึก (บอกดิฉันว่านึกกรรมไม่ออก) ดิฉันใช้พีระมิดจำลองรุ่นความรักสองพระองค์ อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ส่งผลให้คุณยายเจียรเจ็บปวดข้อเท้า เมื่อท่านได้รับบุญแล้ว ขอให้อาการเจ็บปวดข้อเท้าของคุณยายเจียรมีอาการดีขึ้นหรือหายทันที เมื่อดิฉันพูดจบ คุณยายเจียรบอกว่าอาการปวดข้อเท้าหาย 80 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันบอกว่าถ้าคุณยายอยากหาย 100 เปอร์เซ็นต์คุณยายจะต้องนึกกรรมให้ออก และดิฉันได้ถามคุณยายว่า เคยกระทืบเท้าใส่พ่อแม่ หรือ เตะสัตว์ เตะสิ่งของ บ้างหรือเปล่า คุณยายก็บอกว่าเปล่า ดิฉันเลยถามว่า ยายเคยใช้เท้าแทนมือบ้างหรือเปล่าคะ เช่น การใช้เท้าเปิด ปิด พัดลม เขี่ยข้าวของ คุณยายร้องอ๋อแล้วบอกว่าเคยใช้เท้าเปิดปิดปลั๊กไฟยายขี้เกียจก้ม เท่านั้นแหละค่ะอาการเจ็บปวดที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ หายทันที คุณยายเจียรจึงแสดงความขอบคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอกราบรูปถ่ายท่านอาจารย์อุบลด้วยค่ะ (ยังมีเคสอื่นอีกค่ะจะเข้ามาอัพเดทการใช้ธรรมะบำบัดให้ เพื่อนๆ ได้อนุโมทนาบุญกันในโอกาสต่อไปค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-08 15:35:28


ความคิดเห็นที่ 2 (1674087)

โมทนาบุญกับน้องเอ็มค่ะที่ได้บำบัดทุกๆ คน + ได้ให้ทุกคนพิสูจน์กฎแห่งกรรม + วัตถุมงคลบ้านสวนฯ  หวังให้ภาคใต้ของเราได้รับสิ่งที่ดีๆ กับเขามั้งเป็นกำลังให้น้องเอ็มนะค่ะ ที่ช่วยเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ให้รู้จักหนี้สงฆ์แบบถูกต้อง แม้แต่ตัวพี่เองก้เคยเข้าใจผิดเหมือกกันค่ะ และตอนนี้เข้าใจและจะบอกกับทุกคนที่พบเจอค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-08 19:14:24


ความคิดเห็นที่ 3 (1674097)

ธรรมทานบำบัด(ต่อค่ะ) เคสการบำบัดของคุณป้า เหี้ ยง  แดงเย็น อายุ 67 ปี  พอเห็นคุณยายเจียรหายคุณป้า เหี้ ยง ก็เข้ามาขอบำบัดบ้าง ป้า เหี้ ยงบอกว่าป้านี่เป็นหนักเลยปวดขามากรู้สึกหนักยกขาไม่ขึ้นเลย ดิฉันเลยถามคุณป้าว่า "คุณป้าได้ใช้ขาทำบาปอะไรมาบ้างคะ" คุณป้าตอบแบบไม่คิดเลยค่ะ "ไม่รู้  จำไม่ได้"  ดิฉันเลยให้คุณป้าสัมผัสบารมีรุ่นความรักสองพระองค์ ถามคุณป้าว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง คุณป้าบอกมันเบาๆ ดิฉันถามต่อว่า เบากี่เปอร์เซ็นต์คะ คุณป้าตอบว่า " ไม่รู้ บอกไม่ถูก"  ดิฉันก็เลยบอกคุณป้าว่า "ถ้าคุณป้าไม่รู้อะไรเลย ดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ก็บอกไม่ได้ หนูคงบำบัดอาการเจ็บปวดให้คุณป้าต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ บำบัดไม่ถูกเหมือนกัน" คุณป้าจึงตอบว่าดีขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ผลที่ได้แตกต่างกับคุณยายเจียรมากค่ะ คุณยายเจียรก็บอกดิฉันว่านึกกรรมไม่ออกเหมือนกันแต่คุณยายเจียรได้พยายามนั่งนึก พอดิฉันให้คุณยายเจียรสัมผัสรุ่นความรักสองพระองค์ปุ๊บอาการเจ็บข้อเท้าของคุณยายเจียรดีขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ (มนุษย์คิดเทวดารู้จริงๆ ค่ะ) เมื่อคุณป้ายอมบอกอาการเจ็บขาที่ดีขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ ดิฉันจึงยอมบำบัดให้ต่อ และได้ถามคุณป้าว่า "ป้าทานเนื้อสัตว์รึเปล่าคะ" คุณป้าตอบว่า "ทานเนื้อสัตว์  ทานหมู ทานปลา ทานเป็ด ทานไก่ ชอบทานอาหารป่าด้วย"   "งั้นเดี๋ยวหนูจะพิสูจน์ให้ป้าดูนะว่าวิญญาณสัตว์ที่ป้าทานเข้าไปนั้นจะเกาะอยู่ที่ขาของป้ารึเปล่า ส่งผลให้ป้าเจ็บปวดขานั้นจริงรึเปล่า"  ดิฉันได้ให้คุณป้าได้สัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ ปรากฎว่าอาการปวดที่ขาดีขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ เป็น 40 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันได้อธิบายให้คุณป้าฟังว่า "จริงๆ แล้วสัตว์เหล่านั้นเขาไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารของเรานะคะป้า เขาเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม และเขาเองก็เคยเกิดเป็นคนมาก่อน" ดิฉันจึงถามคุณป้าต่อว่า "ป้าเชื่อเรื่องคุณไสย์มนต์ดำหรือไม่ และคิดว่าตนเองโดนคุณไสย์มนต์ดำบ้างหรือเปล่า " คุณป้าตอบว่า  "ป้าเชื่อเรื่องคุณไสย์มนต์ดำ แต่ไม่คิดว่าตนเองจะโดนคุณไสย์"  ดิฉันเลยถามต่อว่า "ป้าอยากลองพิสูจน์ดูมั้ยว่าป้าโดนคุณไสย์มนต์ดำรึเปล่า"  คุณป้าตอบว่า "อยากลองพิสูจน์ดู"  ดิฉันจึงใช้พีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินวางลงไปบนฝ่ามือของคุณป้า วางองค์ที่ 1 ถามคุณป้าว่า  "รู้สึกอย่างไรบ้าง"   คุณป้าตอบว่า "อาการเจ็บปวดและรู้สึกหนักที่ขาเบาลงอีก พอดิฉันวางพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินองค์ที่ 2 แล้วถามคุณป้าว่า "ตอนนี้อาการปวดขา หนักที่ขา ดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว  คุณป้าบอกว่าตอนนี้อาการปวดหนักที่ขาดีขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว  ดิฉันส่งรูปอาจารย์อุบลให้คุณป้าดู แล้วถามคุณป้าว่า "ป้าเชื่อมั้ยคะว่าท่านอาจารย์อุบลสามารถช่วยให้ป้าหายปวดขาได้จริง"  คุณป้าตอบว่า "ป้าเชื่อ"  ดิฉันจึงถามต่อว่า " อาจารย์อุบลท่านช่วยให้ป้าหายปวดขาตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ป้ารักท่านมั้ยคะ"  คุณป้าบอกว่า "รักค่ะ"  " ถ้าป้ารักป้าลองบอกรักท่านดูสิคะ"  คุณป้าพูดเสียงดังฟังชัดว่า "ป้ารักอาจารย์อุบลมากค่ะ"  อาการปวดหนักที่ขาดีขึ้นอีก30 เปอร์เซ็นต์ เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ค่ะ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือป้าลองใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยดูสิคะว่าจะดีขึ้นอีกมั้ย ปรากฎว่าดีขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ค่ะเป็น 90 เปอร์เซ็นต์  อีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ดิฉันได้ให้คุณป้าขอบคุณท่านอาจารย์อุบลด้วยการกราบที่รูปถ่ายด้วยความเคารพนอบน้อม พอกราบเสร็จ คุณป้าสามารถยกขาเดินซอยเท้าได้อย่างสบายเลยค่ะ คุณป้าดีใจสุดๆ  

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-09 09:53:07


ความคิดเห็นที่ 4 (1674101)

เคสนี้เด็ดสุดค่ะ ดิฉันใช้ธรรมะบำบัดให้กับหลวงพ่อวัดโมลีนิมิตด้วยค่ะ

           ก่อนหน้านี้ดิฉันทราบมาว่า พระวัดนี้โมโหร้ายค่ะ เวลาโกรธแต่ละทีก็มักจะใช้คำหยาบคายมาด่าว่าญาติโยม มีคุณป้าคนหนึ่ง ชื่อว่าป้าจิตร เคยได้ยินพระท่านใช้คำหยาบคายด่าว่าญาติโยม แกเลยไม่ชอบเข้าวัด และได้บอกดิฉันว่า "อย่าพูดเรื่อง ผิดศีล เนื้อนาบุญบริสุทธิ์ เรื่องติดหนี้สงฆ์ กับพระเชียวนะ เดี๋ยวพระจะด่าแล้วตะเพิดออกจากวัดต่อหน้าผู้คน ให้พูดเรื่องนี้กับญาติโยมก็พอ อ้อแล้วถ้าลูกจะพูดอะไรกับพระให้พาป้าประจบไปด้วยนะจะได้ไม่โดนด่า พระชอบป้าประจบ ไม่ชอบป้าหรอกเพราะป้าไม่ค่อยมีเงิน" ดิฉันเลยหันไปถามป้าประจบว่า "จริงเหรอคะป้า" ป้าประจบยิ้มแล้วตอบว่า "จริง พระไม่ด่าป้าหรอก ลูกป้ามีเงิน ลูกป้าแต่ละคนทำบุญหนักๆ " เอาเป็นว่าถ้าป้าประจบไปทำบุญที่วัดพระท่านจะให้การต้อนรับเป็นกรณีพิเศษ

           หลังจากที่ดิฉันได้บำบัดอาการเจ็บป่วยให้กับบรรดาคุณป้าคุณยายเสร็จ ยายเจียรก็ถามดิฉันว่า "ลูกบำบัดให้พระบ้างได้มั้ย พระจะไปให้หมอผ่าตัดในวันพรุ่งนี้แล้ว" ดิฉันตอบไปว่า "ได้สิคะคุณยาย แต่คุณยายจะต้องเป็นคนไปนิมนต์ท่านมานะ ไปบอกเล่าเรื่องของคุณยายว่าคุณยายหายเจ็บป่วยได้อย่างไร"  คุณยายเจียรไม่รีรอค่ะรีบไปนิมนต์ท่านมา 

           ท่านรีบมาเลยค่ะ ดิฉันยกมือไหว้  แล้วพูดกับท่านด้วยความนอบน้อม "นิมนต์นั่งค่ะหลวงพ่อ หลวงพ่อมีอาการเจ็บป่วยอย่างไรคะ"  หลวงพ่อตอบ "แขนทั้งสองข้างไม่มีแรง ลีบไปแล้วหนึ่งข้าง ไม่สามารถกำมือได้มันเจ็บปวดมาก ปวดจนชาไปหมด หมอนัดผ่าตัดแล้ว"  ดิฉันบอกกับหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อคะการบำบัดของโยมเป็นธรรมะบำบัดค่ะ เพื่อพิสูจน์ว่ากฎแห่งกรรมมีจริง บาปบุญ มีจริงค่ะ จะทำการพิสูจน์ด้วยการใช้พีระมิดจำลอง วัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิด" "เอ้าจะบำบัดยังไงก็ว่ามา" หลวงพ่อต้องสารภาพบาปค่ะ ว่าหลวงพ่อได้ใช้มือของหลวงพ่อทำบาปทำกรรมอะไรมาบ้าง เอาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่บวชเป็นพระเลยนะคะหลวงพ่อ บอกมาให้หมดเลยค่ะหลวงพ่อ"  "โอ้ย ทำมาเยอะแยะ ฆ่าหมู ฆ่าวัว ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าปลา (มีอาชีพหาปลาขาย) หมา แมว ก็ฆ่าตีตายมาหลายตัว เผามด เผาต่อ เผาแตน ทำมาแล้วทั้งนั้นฆ่าสัตว์มาเกือบทุกชนิด ไม่พอใจใครก็ชกต่อยเขา" ดิฉันได้ใช้พีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณวางลงบนฝ่ามือของหลวงพ่อ อุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรจำพวกสัตว์ต่างๆ ที่หลวงพ่อเคยฆ่าชีวิตเขา หลวงพ่อบอกว่าอาการเจ็บปวดยังเท่าเดิมยังไม่ดีขึ้น ดิฉันจึงถามหลวงพ่อต่อว่า   "หลวงพ่อคะแล้วในขณะที่บวชเป็นพระหลวงพ่อเคยใช้มือทำบาปกรรมอะไรมาบ้างคะ ศีลครบมั้ยคะ กิจของสงฆ์หลวงพ่อทำครบหรือเปล่า"  "เรื่องศีลก็มีบ้าง เวลาโกรธ จะด่าว่าญาติโยมด้วยคำหยาบ เรื่องฆ่าสัตว์นี่ไม่มีไม่ฆ่าแล้ว กิจของสงฆ์หลวงพ่อก็ทำอยู่นะ" หลวงพ่อตอบ ดิฉันถามต่อ "แล้วหลวงพ่อติดหนี้สงฆ์บ้างหรือเปล่าคะ เคยหยิบยื่นเอาของที่เขามาทำบุญให้ญาติโยมบ้างหรือเปล่าคะ"  "อันนี้ทำเยอะเลย เก็บไว้ก็เสียของเปล่าๆ เลยเอาไปแจกให้กับญาติโยมเป็นประจำ" "แล้วพระสงฆ์ทั้งวัดรับทราบการกระทำของหลวงพ่อมั้ยคะ"  "พระรูปอื่นไม่ทราบหรอกหลวงพ่อให้เอง" "หลวงพ่อทำอย่างนี้ทราบมั้ยคะว่าเป็นการกระทำที่ผิด ทำให้ติดหนี้สงฆ์ด้วย ไปนรกทั้งคนให้คนรับเลยนะคะหลวงพ่อ และถ้าหลวงพ่อจะให้ก็ให้ได้ค่ะแต่ต้องทำให้ถูกต้องเรียกประชุมสงฆ์ให้พระทั้งวัดรับรู้และมีมติสงฆ์เห็นชอบยินยอมให้พร้อมกันค่ะ" เพราะความไม่รู้หลวงพ่อจึงเอาของสงฆ์ให้ญาติโยมไปเยอะมากทำมานานแล้วค่ะ ดิฉันจึงบอกกับหลวงพ่อว่า  "ตอนนี้หลวงพ่อรู้แล้วว่าสิ่งที่หลวงพ่อทำเป็นกรรมหนี้สงฆ์และเรื่องที่โยมบอกหลวงพ่อโยมไม่ได้คิดเอง อาจารย์อุบลท่านเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาบอกมาสอนให้โยมรู้"  "แล้วเงินที่ชาวบ้านเขาเอามาทำบุญกับหลวงพ่อเพื่อให้หลวงพ่อใช้ในกิจของสงฆ์หลวงพ่อเคยเอาไปให้ใครใช้อย่างอื่นบ้างรึเปล่าคะ"  "เคยเหมือนกัน" "เอาเงินทำบุญไปให้ใครทำอะไรคะหลวงพ่อ"  "มีโยมมาขอเงินหลวงพ่อไปซื้อเหล้า หลวงพ่อเลยให้ไป" "เอ้าหลวงพ่อทำไมทำอย่างนั้นละคะ มันบาปมากนะคะ" ญาติโยมที่นั่งฟังอยู่หันมามองหลวงพ่อเป็นสายตาเดียวกัน "ก็ถ้าหลวงพ่อไม่ให้ โยมก็ว่าหลวงพ่อทำเกินไปขอแค่นี้ให้ไม่ได้" "แล้วให้ใครไปทำอะไรอีกคะหลวงพ่อ" "ให้ญาติโยมยืม" "มีญาติโยมมายืมเงินวัดใช้ด้วยเหรอคะหลวงพ่อ" "มีสิหลวงพ่อไม่รู้จะทำยังไง" "ต่อไปหลวงพ่อต้องบอกให้เขารู้ถึงกรรมหนี้สงฆ์นะคะ ว่าจะทำให้เจ็บป่วย ยากจนลืมตาอ้าปากไม่ขึ้น"  "โอ้ย ถ้าบอกอย่างนั้นเดี๋ยวโยมเขาจะโกรธเอานะสิ" คิดดูเถอะค่ะพอดิฉันให้หลวงพ่อบอกให้ญาติโยมที่ทำผิดรู้เรื่องกรรมหนี้สงฆ์ หลวงพ่อกลับกลัวญาติโยมโกรธ แต่ทีเวลาหลวงพ่อโมโหโกรธา ด่าทอญาติโยมด้วยคำหยาบคายหลวงพ่อไม่เคยกลัวญาติโยมโกรธ ดิฉันก็เลยถามหลวงพ่อว่า "อยากหายมั้ยคะหลวงพ่อ"  "อยากหายสิไม่อยากให้หมอผ่าตัด"  "ถ้าอยากหายหลวงพ่อต้องบอกเรื่องกรรมหนี้สงฆ์ให้ พระ เณร และญาติโยมรู้ค่ะ แล้วหลวงพ่อต้องหยุดสร้างกรรมหนี้สงฆ์อีก จะทำมั้ยคะหลวงพ่อ" "ทำสิให้หายเถอะทำแน่นอน" เมื่อจบการสนทนาดิฉันได้นำพีระมิดรุ่นบารมีคู่วางลงบนฝ่ามือของหลวงพ่อ แล้วถามหลวงพ่อว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง" หลวงพ่อตอบว่า "หนัก หนัก เลย" ดิฉันคิดว่าหลวงพ่อรู้สึกหนักที่ดิฉันวางพีระมิดลงไปบนฝ่ามือเนื่องจากมือทั้งสองข้างของหลวงพ่อไม่ค่อยมีแรง แต่เพื่อความแน่ใจจึงถามหลวงพ่อไปว่า "อะไรหนักเหรอคะหลวงพ่อ" หลวงพ่อตอบว่า "กรรมหนี้สงฆ์หนัก" ทุกคนหัวเราะชอบใจในคำตอบของหลวงพ่อ ดิฉันจึงถามต่อ "ทำไมหลวงพ่อถึงรู้ละคะว่ากรรมหนี้สงฆ์หนักอาการเจ็บปวดที่มือดีขึ้นเหรอคะ" "ดีขึ้นตอนแรกปวดมากกำมือไม่ได้ ตอนนี้สามารถกำมือได้แล้ว แต่ยังมีอาการปวดอยู่บ้าง" "แล้วอาการแขนไม่มีแรงหล่ะ" หลวงพ่อถาม  ดิฉันก็เลยบอกหลวงพ่อไปว่า "อาการแขนไม่มีแรงต้องใช้เวลาค่ะหลวงพ่อ ให้หลวงพ่อหมั่นภาวนารหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้แขนของหลวงพ่อมีแรง ภาวนาบ่อยๆ ภาวนาแทนพุธ โธ ได้เลยค่ะ ถ้าหลวงพ่อภาวนาแล้วได้ผลอาการที่แขนดีขึ้น ไม่ต้องผ่าตัด หลวงพ่ออย่าลืม สอนพระ สอนเณรรูปอื่น ตลอดจนญาติโยมที่มาทำบุญให้รับรู้ถึงกรรมหนี้สงฆ์ บอกเล่าเรื่องของหลวงพ่อว่าหลวงพ่อทำกรรมอะไรมาบ้างรับกรรมอย่างไรและให้บอกด้วยว่าหลวงพ่อหายหรือดีขึ้นได้อย่างไร" หลวงพ่อรับปากค่ะ นอกจากหลวงพ่อจะไม่ด่าดิฉันแล้ว ยังถามดิฉันว่า "จะมาติดตามผลเมื่อไหร่ โยมพูดจาอย่างนี้ฟังได้ วันพระหน้ามาที่วัดอีกนะ" ดิฉันสังเกตุเห็นคุณป้าประจบนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในขณะที่เห็นผู้ที่ได้รับการบำบัดหายเจ็บปวดและได้รู้ธรรมะที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า ดิฉันจำได้ว่าอาการปวดกระดูกหลังของคุณป้าประจบที่ดิฉันบำบัดให้เมื่อวานยังหายไม่หมดเหลืออาการที่ยังปวดอยู่อีก 30 เปอร์เซ็นต์ จึงหันไปถามคุณป้าประจบว่า "อาการเจ็บปวดของป้าหายหมดแล้วเหรอคะ" คุณป้าประจบตอบว่า "หายหมดแล้วลูก ไม่มีอาการเจ็บปวดอะไรเหลืออยู่อีกเลย" เห็นมั้ยละคะว่าผลบุญที่คุณป้าประจบอนุโมทนา คือ มีใจยินดีที่ผู้อื่นพ้นทุกข์ส่งผลให้อาการเจ็บปวดที่เหลืออยู่อีก 30 เปอร์เซ็นต์ หายหมดเลยค่ะ

       ลูกกราบขอบพระคุณท่านพ่อดตาจินิน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบล ที่ได้เมตตาช่วยเหลือให้การแสดงธรรมะบำบัดตามแนวทางบ้านสวนพีระมิดของลูกประสบผลสำเร็จทุกประการ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-09 11:19:51


ความคิดเห็นที่ 5 (1674185)

น้องเอ็มพี่ขอแนะนำนะค่ะน่าจะก็อปไปที่ข่าวรายวันมีคนเข้ามาอ่านเยอะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-10 18:40:49


ความคิดเห็นที่ 6 (1674332)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณสาวิตรีที่ได้สร้างมหาบุญในการช่วยคนให้พ้นทุกข์ ค่ะ เก่งจริง ๆ ค่ะ  สมแล้วที่มีแต่คนชื่นชมในตัวคุณ  นอกจากคุณสาวิตรี จะกตัญญูต่อท่าน อ.อุบล ครูบาอาจารย์ที่นับถือแล้ว คุณสาวิตรี ยังทำตามปฏิปทาของอาจารย์ด้วยการบำบัดให้เห็น  คนก็จะเชื่อและมาศรัทธา

     ขอเอาเรื่องการบำบัดของคุณไปพิมพ์เป็นธรรมทานแจกด้วยนะคะ

พี่จิ๋ม  ชัชวลี

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-14 21:33:15


ความคิดเห็นที่ 7 (1674407)

วันที่ 14 มกราคม 2557   ดิฉันมีโอกาสเข้าร่วมโครงการฝึกอบรม เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเข้ารับบริการเบิกจ่ายตรงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของผู้บริหาร ข้าราชการส่วนท้องถิ่น ณ โรงแรมลี การ์เด้นส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีข้าราชการส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมอบรม ประมาณ 1,200 คน ทุกคนที่มาล้วนเบิกค่าใช้จ่ายในการอบรมเท็จกันทั้งนั้น (ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วค่ะ) การไปอบรมครั้งนี้ดิฉันได้ไปเจอเพื่อนเก่าชื่อ เดือนเพ็ญ  เภาสุวรรณ์ อายุ 35 ปี นับถือศาสนาอิสลาม ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง นักพัฒนาชุมชน ประจำองค์การบริหารส่วนตำบลคอลอตันหยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ได้มาปรับทุกข์กับดิฉัน เกี่ยวกับธุรกิจร้านขายกระเป๋าซึ่งเปิดอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ว่าลูกค้ามักจะบอกว่าทำไมปิดร้านเป็นประจำ ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้ปิดร้าน ลูกค้าบางคนก็บอกว่าเห็นเงามืดยืนอยู่เต็มหน้าร้านเลยไม่อยากเข้าร้าน ดิฉันเลยถือโอกาสเล่าเรื่องบุญบ้านสวนพีระมิดที่ทำให้ธุรกิจอู่ซ่อมรถของครอบครัวดิฉันรวยแบบข้ามคืนมาแล้ว เพื่อนสนใจมาก และดิฉันไม่ลืมบอกให้เพื่อนรับรู้เกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม โดยเฉพาะกรรมหนี้แผ่นดิน ซึ่งถือเป็นกรรมหนักมาก ทำให้มีปัญหาการงาน การเงิน แล้วก็ปัญหาที่ร้านของเธอไงหล่ะ "แล้วฉันจะต้องทำยังไง แก้ปัญหายังไงบ้าง" เพื่อนถาม "เธอต้องหยุดสร้างกรรมหนี้แผ่นดินนะ เรามาทำงานสายกลับก่อนก็ถือว่าใช่ การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ แม้เราจะไม่ได้เอาเงินที่เขาทุจริตมาใช้แค่เราเซ็นต์หรือทำเอกสารให้เขาก็ถือว่าเรามีส่วนร่วมสนับสนุนการทุจริตเช่นกันการเบิกค่าใช้จ่ายในการอบรมเกินจริงก็ด้วย การเบิกเงินเกินจริงอย่าคิดว่าเป็นกำไรของชีวิตนะจ๊ะ ข้าราชการส่วนใหญ่ทำผิดข้อนี้กันมาก มันถึงได้จน ทรัพย์สินเสียหาย โดนไฟไหม้ น้ำท่วม เป็นโรคร้ายที่หมอรักษาไม่หายกันอยู่ทุกวันนี้"  "ฉันเชื่อเธอ ฉันทำกรรมหนี้แผ่นดินไว้มากเมื่อก่อนฉันทำงานตำแหน่งพัสดุฉันไม่ได้เอาเงินที่เขาโกงแต่ฉันเป็นคนทำเอกสารทั้งหมดให้เขา นอกจากนี้ฉันยังทำบาปทำกรรม ด้วยการปล่อยเงินกู้ฉันทำให้เขาเดือดร้อนเป็นทุกข์กับการที่ต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยให้ฉัน เวรกรรมที่ฉันทำไว้มันทำให้ไฟไหม้บ้านได้รับความเสียหายเยอะมาก มันเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว" "ดีแล้วหล่ะอะไรที่เรารู้ว่าไม่ดีเราก็ต้องหยุดทำ ฉันฝากเธอช่วยบอกเพื่อนข้าราชการคนอื่นๆ ด้วยนะ ยังมีข้าราชการอีกจำนวนมากที่ยังไม่รู้และยังคงทำผิดโดยการเบิกค่าใช้จ่ายในการอบรมเกินจริงคิดว่าเป็นการเบิกตามสิทธิที่ตนเองควรได้ กรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากนะยังมีอีกเยอะแยะที่เราทำลงไปโดยที่ไม่รู้ว่าผิด เป็นเหตุให้เราทุกข์ เธอไปบอกเล่าให้เขาฟัง เล่าเหมือนกับที่ฉันเล่าให้เธอฟังนั่นแหละเขาจะได้หยุดสร้างกรรม การที่เราบอกเล่าให้เขารู้ให้เขาหยุดสร้างกรรมนั้นเขาเรียกว่าการสร้างบุญธรรมทานจ๊ะ บุญธรรมทานมีอานิสงค์มากนะ ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน ลองทำดูนะ" ดิฉันอธิบายบอกให้เพื่อนเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างบุญธรรมทาน  "ฉันจะไปบอกต่อให้เพื่อนๆ ที่ทำงานรู้ แล้วเงินที่เบิกมาอบรมเกินจริงนี่หล่ะเอาไปทำบุญได้มั้ย" ดิฉันบอกว่า "อย่าเลยเราเบิกเงินเกินจริงเท่ากับเราขโมยทรัพย์ของแผ่นดินมา เอาเงินที่เราขโมยมาไปทำบุญก็ไม่ได้บุญหรอก เธอเก็บไว้ซื้อวัสดุสำนักงานมาใช้ในการทำงานก็ได้ไม่ต้องทำเบิก" "ขอบใจมากนะเพื่อนฉันรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้พูดคุยกับเธอ ฉันเชื่อเธอเพราะเธอบอกให้ฉันทำในสิ่งที่ดี  ฉันสนใจเรื่องที่เธอเล่าวิธีการทำบุญของบ้านสวนพีระมิดเธอบอกว่าอาจารย์อุบลทำบุญถวายในหลวงฉันอยากทำบ้างขอฉันบูชาพีระมิดบ้างได้มั้ยฉันอยากบูชาไปไว้ที่ร้าน" ดิฉันไม่ปฏิเสธค่ะแบ่งพีระมิดรุ่นพระนางเนเฟอร์ตารีให้เพื่อนไปบูชาที่ร้าน 1 องค์ (คราวหน้าดิฉันจะติดตามผลการบูชาพีระมิดที่ร้านขายกระเป๋าของเพื่อนมาเล่าให้ฟังกันค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-16 18:31:00


ความคิดเห็นที่ 8 (1674429)

วันที่ 15 มกราคม 2557  วันนี้ดิฉันได้มีโอกาสบำบัดอาการปวดนิ้วชี้ให้กับ นายปาณศักดิ์  สายทอง อายุ 46 ปี จริงแล้ว นายปาณศักดิ์  สายทอง  ศรัทธาท่านอาจารย์อุบลอยู่แล้ว เนื่องจากทดลองใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยแล้วได้ผล ปัญหาที่มืดแปดด้านไม่มีทางออกพอเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยกลับพบทางออกของปัญหาในทันที และนายปาณศักดิ์ สายทอง ฝากให้ดิฉันบูชาพีระมิดให้จำนวน 9 องค์ จะมาเอาในวันสมัครรับเลือกตั้ง  วันที่ 9 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมาเป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีตำบลมะกรูด  นายปาณศักดิ์ สายทอง เป็นหนึ่งในผู้ที่ลงสมัครแข่งในตำแหน่งนายกเทศมนตรีในครั้งนี้ด้วย และในวันนั้นผู้สมัครจะต้องจับสลากเบอร์ ผู้สมัครทุกคนต่างลุ้นเพื่อที่จะให้ตนได้เป็นผู้สมัครเบอร์ 1  ปรากฎว่า  นายปาณศักดิ์  สายทอง เป็นผู้สมัครที่หยิบได้เบอร์1  หลังจากที่หยิบสลากเสร็จ นายปาณศักดิ์ สายทอง ทำท่ากำมือชูหัวแม่โป้งแล้วพูดขึ้นว่า "อาจารย์อุบลสุดยอด"  และในวันนั้นได้บูชาพีระมิดรุ่นท่านรามเสสที่ 2 ไปจำนวน 3 องค์ บอกอีก 6 องค์ให้เก็บไว้ให้ด้วยนะค่อยมาบูชาเพิ่ม แล้วก็ได้นัดดิฉันให้เอาพีระมิดอีก 6 องค์ ไปให้ที่บ้านในวันที่ 15 มกราคม 2557  นายปาณศักดิ์  สายทอง มารับพีระมิดจากดิฉันด้วยอาการที่ปวดนิ้วชี้มาก งอไม่ได้เลย ต้องชี้นิ้วอยู่ตลอดเวลาบอกว่า "นิ้วพี่ไม่รู้โดนอะไร อยู่ดีดีก็ปวด ปวดแบบไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ว่ากระดูกหลุดรึเปล่ามันปวดมาก บำบัดให้พี่หน่อย"  ดิฉันก็เลยแซวพี่เขาไปว่า "พีระมิดก็บูชาไปแล้ว รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยก็ได้บอกไปแล้วว่าใช้ได้ทุกเรื่องที่ไม่ผิดศีลธรรม มีของดีแล้วใช้ไม่เป็นไม่ต่างอะไรจากลิงได้แก้วเลยนะพี่"  พี่ปาณศักดิ์หัวเราะชอบใจ  "แล้วนี่เอานิ้วชี้ไปทำอะไรผิดมาคะถึงได้ปวดมากมายขนาดนี้"  พี่ปาณศักดิ์ตอบ "สงสัยจะใช้นิ้วชี้หน้าด่าคน" "แล้วเคยใช้นิ้วชี้หน้าด่าแม่บ้างมั้ยคะ"  "กับแม่นี่ไม่เคยนะ"   คุณแม่ที่นั่งอยู่รีบสวนทันควัน "ชี้สิ ทำไมจะไม่เคยชี้ ชอบเอานิ้วชี้หน้าแม่เวลาแม่พูดว่าตักเตือน ชี้หน้าแม่แล้วบอกว่าพอได้แล้วหยุดพูดได้แล้ว"  พี่ปาณศักดิ์นั่งทำหน้าจ๋อยแล้วบอกว่า "เคยชี้ด้วยเหรอจำไม่ได้"  คุณแม่บอกว่า "จะจำได้ไง ชอบชี้เวลาเมา"  ดิฉันก็เลยบอกว่า "ถ้างั้นเรามาพิสูจน์กันว่านิ้วชี้ที่เจ็บอยู่ขณะนี้เกิดจากกรรมที่ชอบชี้หน้าด่าคนแล้วก็กรรมที่ชี้หน้าแม่จริงหรือเปล่า" 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-17 11:22:43


ความคิดเห็นที่ 9 (1674431)

ดิฉันวางพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ลงบนฝ่ามือของ นายปาณศักดิ์  สายทอง  แล้วอธิษฐานเสี่ยงทายว่า ถ้าพี่ปาณศักดิ์  สายทอง ใช้นิ้วชี้ผิดวิธี เอาไปชี้หน้าด่าคนอื่น ชี้หน้าแม่ ส่งผลให้เจ็บปวดนิ้วชี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ขอให้นิ้วชี้ของ พี่ปาณศักดิ์ สายทอง  ที่เจ็บปวดอยู่ดีขึ้นหรือหายทันที พอดิฉันพูดจบ ผลปรากฎว่านิ้วชี้ที่งอไม่ได้กลับงอได้ เจ้าตัวรู้สึกตื่นเต้นประหลาดใจมาก  นั่งมองนิ้วชี้แล้วลองงอนิ้วอยู่หลายรอบแล้วพูดว่า "เฮ้ย นี่มันอะไรกัน มันเป็นไปได้ยังไง มันมีอาการเจ็บเหลืออีกนิดเดียว ลองบำบัดอีกทีได้มั้ย"  คราวนี้ดิฉันแนะนำให้กราบขอขมาคุณแม่ที่เคยใช้นิ้วชี้หน้าคุณแม่ หลังจากที่ได้กราบขอขมาคุณแม่ปรากฎว่าพี่ปาณศักดิ์สามารถนั่งดีดนิ้วได้เลยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-17 11:45:47


ความคิดเห็นที่ 10 (1674440)

ดิฉันได้ให้ นายปาณศักดิ์  สายทอง ได้ลองสัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินดู ปรากฎว่า พอวางพีระมิดองค์ที่ 1 ซึ่งมีอานุภาพป้องกันพลังลบคุณไสย์มนต์ดำต่างๆ ที่ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่องเปรียบเสมือนมีกำแพงแก้ว 7 ชั้นล้อมไว้ ไม่ให้มาร อสูร ซาตาน ถูกส่งเข้ามาได้อีก  พี่เค้ารู้สึกเบาค่ะอาการเจ็บปวดที่นิ้วแทบไม่เหลือเลย พอวางพีระมิดองค์ที่ 2  มีอานุภาพถอดถอนคุณไสย์มนต์ดำต่างๆ มาร อสูร ซาตาน ที่แอบแฝงอยู่ทุกส่วนในร่างกาย ในกระดูก  ผลปรากฎว่า พี่เค้ามีความรู้สึกเบาสบายมากขึ้น  และดิฉันได้อธิษฐานขอบารมีท่านพ่อดตาจินินขอเพิ่มพีระมิด เป็น 9 คู่ เพื่อส่งพลังงานลบ คุณไสย์มนต์ดำ ที่มารส่งมาทำร้าย นายปาณศักดิ์ สายทอง ให้กลับไปยังผู้ที่ส่งมาทั้งหมด ผลปรากฎว่า พี่เค้ารู้สึกโล่ง  เบาสบายมาก  แต่พอดิฉันอธิษฐานขอบารมีท่านพ่อดตาจินินขอเพิ่มพีระมิด เป็น 99 คู่ เพื่อประหัตประหารมารที่ส่งมาทำร้าย นายปาณศักดิ์ สายทอง ให้สิ้นซาก พี่เค้ายิ้มแบบมีความสุขมากที่สุดในชีวิต รู้สึกปลอดโปร่ง โล่ง เบาสบาย และไม่เคยสัมผัสความสุขแบบนี้มาก่อนค่ะ ดิฉันจึงให้พี่ปาณศักดิ์ สายทอง กราบรูปถ่ายท่านอาจารย์อุบลเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดและท่านอาจารย์อุบลค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-17 15:48:27


ความคิดเห็นที่ 11 (1674448)

อาจารย์อุบลช่วยด้วย ช่วยให้พี่ปาณศักดิ์  สายทอง ชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกเทศมนตรีตำบลมะกรูด ขออนุญาตช่วยพี่ปาณศักดิ์เรียกค่ะ ตื่นเต้นมากๆๆๆถึงมากที่สุด เพราะพรุ่งนี้วันที่ 18 มกราคม 2557 ก็จะเป็นวันเลือกตั้งแล้วค่ะ อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ อยากได้ผู้นำที่กล้าคิด กล้านำ กล้าทำ กล้าเปลี่ยน อย่างลูกบ้านสวนพีระมิดจังเลย ถ้าได้ผู้นำชุดเดิมที่นำทีมโดย นายมนตรี  ดอเลาะ ดิฉันคงโดนหนี้แผ่นดินทับถมจนลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นเป็นแน่แท้ ก็พี่แกเล่นทุจริตทุกรูปแบบ โอนย้ายเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปใช้ในการพาชาวบ้านไปท่องเที่ยวหาความสุขสำราญในทางเสื่อม เช่น เล่นการพนัน  ร้องคาราโอเกะ ดื่มน้ำเมา ฯลฯ ทุกวันนี้ชาวบ้านยังพากันหลงมัวเมาในสิ่งที่ได้รับและพากันชื่นชมยกย่องเชิดชูกลุ่มผู้นำที่กระทำผิด อยากให้เขาได้กลับมาเป็นผู้นำอีก เพราะชื่นชอบในกิเลสตัณหาที่เขาหยิบยื่นให้นั่นเอง อาจารย์อุบลช่วยด้วย ลูกขอบารมีท่านพ่อดตาจินิน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ เบิกบุญ ศีล ทาน ภาวนา ที่ลูกได้ทำมาทุกภพชาติ และบุญบ้านสวนพีระมิด ขอให้บุญรวมตัวและขอส่งบุญนี้ให้กับพี่น้องประชาชนตำบลมะกรูดทุกคนขอให้มีดวงตาเห็นธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี ให้ใช้สติปัญญาในการตัดสินใจเลือกผู้นำด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-17 18:49:42


ความคิดเห็นที่ 12 (1674558)

                          ผลการเลือกตั้งได้ผู้บริหารชุดเดิมค่ะ ก่อนหมดวาระผู้บริหาร(นายก) ได้ออกปากขับไล่ดิฉันให้โอนย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะดิฉันไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ท่านผู้บริหารไม่ถูกใจ และดิฉันก็ไม่ยอมเซ็นต์เอกสารเพื่อต่อสัญญาจ้างให้กับลูกจ้างที่ไม่มีตัวตนนับตั้งแต่ผู้บริหารหมดวาระ ทำให้ผู้บริหาร(คนเดิม) ถูกตัดเงินเดือนในส่วนของลูกจ้างที่ไม่มีตัวตน มีเพื่อนข้าราชการส่วนท้องถิ่นอื่นบอกดิฉันว่าผู้บริหาร(นายก) เขาทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น พนักงานเขาก็ต้องทำให้ถ้าใครไม่ทำก็อยู่ไม่ได้ คงมีแต่ดิฉันที่กล้าเสี่ยงตายอยากกินลูกปืน แม้แต่ท่านปลัดซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดฝ่ายข้าราชการยังออกปากให้ดิฉันย้ายไปทำงานที่อื่น บอกว่าดิฉันไม่สามารถทำงานร่วมกับฝ่ายบริหารได้อีกต่อไปแล้ว นอกจากดิฉันจะไม่ยอมย้าย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้บริหารและท่านปลัดเป็นอย่างมาก)  ดิฉันยังยิ้มสู้ค่ะ และจะสู้ต่อไป ไม่โกรธไม่เคืองใคร ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยขอบารมีท่านพ่อดตาจินิน ประหัตประหาร มาร+ซาตาน+อสูร ที่สิงสู่อยู่ในกาย วาจา ใจ ฝังในกระดูก ดีเอ็นเอ ของผู้บริหาร นายมนตรี  ดอเลาะ ตลอดจนพนักงานข้าราชการของเทศบาลตำบลมะกรูดทุกคนให้เป็นคนที่คิดดี ทำดี พูดดี ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่หลงมัวเมาในการใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องในทางที่ผิด 

             ทีมผู้บริหารเตรียมประเดิมโครงการแรกด้วยการพากลุ่มเด็กรักวัดพร้อมผู้ปกครอง จำนวน 1 คันรถทัวร์ ไปเยือนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี (รถฟรี กินฟรี พักฟรี เที่ยวฟรี) แค่คิดถึงกรรมหนี้แผ่นดินดิฉันก็วิงเวียนศีรษะแล้วค่ะ อยากให้เด็กๆและผู้ปกครองตลอดจนผู้นำท้องถิ่นไปร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดเห็นผลฉับพลันทันทีของอาจารย์อุบลที่สุด เสียดายงบประมาณจริงๆ ค่ะ เขาบอกว่ากิจกรรมที่เขาทำเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมความรักความเข้าใจระหว่างสมาชิกในครอบครัว ช่วยลดปัญหาความรุนแรง ปัญหายาเสพติด ลูกดื้อ  ฯลฯ ด้วยการส่งเสริมให้พ่อแม่ลูกมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า ฟังเหตุผลแล้วพูดต่อไม่ถูกเลยค่ะ งง  คิดได้ไง ปัญหาครอบครัวเกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน คุณเกาไม่ถูกที่คัน แล้วมันจะดีขึ้นได้อย่างไร

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-20 16:22:00


ความคิดเห็นที่ 13 (1674625)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณสาวิตรีครับ คุณสาวิตรีได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ แบ่งเบาภาระของท่านอาจารย์ในการเผยแผ่ธรรมะในพื้นที่ภาคใต้ที่ยังไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่า ผมมาบ้านสวนนานแล้วยังไม่ได้เศษเสี้ยวคุณเลยครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เสฏฐพัฒน์ รัตนวารินทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-21 21:11:40


ความคิดเห็นที่ 14 (1674998)

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2557  วันนี้ได้บำบัดอาการนิ้วมือชา ให้กับ นางสมนึก เพชรสกุล อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย (เปิดร้านขายของชำ) นางสมนึกมีอาการชาที่มือซ้ายโดยเฉพาะบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง ไม่สามารถใช้หยิบจับสิ่งของได้ นางสมนึกได้ไปหาหมอเพื่อรักษาอาการนิ้วมือชา หมอให้ยาแก้อาการเหน็บชามารับประทานและได้รับประทานยามาเป็นเวลา 2 เดือน นอกจากอาการชาที่นิ้วทั้งสามจะไม่ดีขึ้นแล้วนิ้วที่เหลือก็เริ่มเกิดอาการชาด้วยเช่นกัน มือไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนคนเป็นอัมพฤกษ์  ดิฉันได้แนะนำให้ ป้าสมนึก ลองบำบัดอาการมือชาด้วยพีระมิด และได้บอกเล่าเรื่องที่ท่านอาจารย์อุบลนำธรรมะมาบอกวิธีหายทันทีและปรากฎการณ์ที่ดิฉันได้ไปร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดสัญจรของท่านอาจารย์ให้ฟัง และได้ย้ำให้ป้าสมนึกทราบว่าอาการเจ็บป่วยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เกิดจากการที่เราทำผิดศีล 5 ส่งผลให้มีจิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรมาทำให้เราเจ็บป่วย ไปให้หมอรักษาก็ไม่หายค่ะ ตราบใดที่เจ้ากรรมนายเวรเขายังไม่อโหสิกรรมให้เรา และการที่จะให้เขาอโหสิกรรมให้นั้นเราจะต้องสารภาพบาปกรรมที่เคยทำ สำนึกผิด และจะต้องไม่กลับไปทำอีก เดี๋ยวเรามาลองพิสูจน์กฎแห่งกรรมด้วยพีระมิดจำลองซึ่งเป็นวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดดูค่ะ ว่าบาป-บุญ มีจริงหรือเปล่า ก่อนจะทำการพิสูจน์ดิฉันได้แนะนำพีระมิดแต่ละรุ่นที่ดิฉันจะใช้บำบัดและบอกกติกาให้ทราบ นั่นคือ ให้บอกในส่วนของอาการที่ดีขึ้นว่าดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นการขอบคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะอาการที่ดีขึ้นไม่ใช่ความสามารถของดิฉันแต่อย่างใดเป็นพระเมตตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนๆ  ดิฉันเริ่มต้นด้วยการวางพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณลงบนฝ่ามือของป้าสมนึกแล้วให้สารภาพบาปที่เคยใช้มือกระทำความผิด ป้าสมนึกบอกว่า ฆ่าปลาทั้งฆ่าเองและสั่งให้เขาฆ่า ขโมยของเป็นคนชอบขโมย ขโมยมาตั้งแต่เด็กจนถึงอายุปัจจุบัน จะขโมยทุกครั้งที่มีโอกาสเวลาไปซื้อของก็จะหยิบของเกินมา พอสารภาพจบอาการชาที่มือดีขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ (เดี๋ยวมาต่อค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-28 13:59:51


ความคิดเห็นที่ 15 (1675049)

บำบัดอาการชาที่นิ้วมือของ นางสมนึก เพชรสกุล (ต่อ)

ดิฉันให้ป้าสมนึกได้สัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรทุกภพชาติที่คอยติดตามส่งผลให้ป้าสมนึกมีอาการชาที่นิ้วมือได้อนุโมทนาบุญ เมื่ออนุโมทนาบุญแล้วขอให้อาการชาที่มือดีขึ้นหรือหายทันที ผลปรากฎว่า อาการชาที่นิ้วมือของป้าสมนึกดีขึ้นอีก 20 % เป็น 40 % จากนั้นดิฉันได้ให้ป้าสมนึกลองสัมผัสพีระมิดรุ่นบวงสรวงพระปฐม (สีเขียว) เพื่อให้ป้าสมนึกได้พิสูจน์ว่าโดนคุณไสย์มนต์ดำจากการกระทำของมนุษย์ด้วยกันบ้างรึเปล่า เมื่อได้สัมผัสก็ทำให้อาการชาที่นิ้วมือดีขึ้นทันทีอีก 10 %  และเมื่อดิฉันให้สัมผัสพีระมิดรุ่นบารมีคู่ แล้วถามว่าเคยเอาของวัดบ้างรึเปล่า พอป้าสมนึกบอกว่า เคยเอาของที่วัดกลับบ้านด้วย พระให้ก็เอา พระไม่ให้ก็หยิบเอาเอง และเวลามีงบประมาณโครงการของหมู่บ้านเขามอบหมายให้ป้าสมนึกเป็นผู้รับผิดชอบมักจะมีเงินเหลือจากการทำโครงการป้าสมนึกก็จะเอาเงินที่เหลือนั้นเข้ากระเป๋าตัวเอง อาการชาที่มือก็ดีขึ้นอีก 5 %  รวมเป็น 55 %  ดิฉันเลยถือโอกาสบอกเล่าเรื่องกรรมหนี้สงฆ์ กับ หนี้แผ่นดิน ให้ป้าสมนึกฟัง สุดท้ายดิฉันจะต้องให้ทุกคนที่ดิฉันบำบัดได้สัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินิน ผลปรากฎว่าอาการชาที่นิ้วมือของป้าสมนึกดีขึ้นอีก 30 % เป็น 85% ป้าสมนึกรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะคิดว่าตนเองจะต้องเป็นอัมพฤกษ์ที่มือข้างซ้ายแน่ๆ เพราะมันชาจนไม่มีความรู้สึก ป้าสมนึกบอกว่า มีอยู่วันหนึ่งป้าสมนึกได้กำเหรียญบาทไว้ในมือ เห็นเหรียญกลิ้งตกหล่นอยู่ตามพื้น ป้าแกก็นึกสงสัยว่าใครทำเหรียญตกไม่ใช่ของตนเองแน่เพราะตนเองยังกำเหรียญอยู่ในมือ ไม่เห็นคนที่ยืนอยู่ด้วยกันก้มลงเก็บเหรียญป้าแกก็ยิ่งสงสัย เลยก้มดูมือตัวเองที่กำเหรียญอยู่ จึงรู้ว่าเหรียญของตนเองหล่นร่วงจากมือไม่รู้สึกตัวเลย และเมื่อดิฉันให้ลองเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย อาการชาที่นิ้วมือก็ดีขึ้นอีก 2% รวมเป็น 87 % ดิฉันให้ป้าสมนึกกราบรูปท่านอาจารย์อุบลเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และครูบาอาจารย์และได้บอกป้าสมนึกว่าถ้าอยากหาย 100% ให้บอกเล่าเรื่องของตนเองเป็นธรรมทาน ป้าสมนึกไม่รีรอค่ะเมื่อมีลูกค้าเข้ามาซื้อของที่ร้านก็จะรีบบอกเล่าว่าป้าสมนึกได้ทำกรรมอะไรมา ทำแล้วส่งผลให้เจ็บป่วยอย่างไร หายได้อย่างไร ตอนที่ดิฉันนั่งอยู่ป้าสมนึกได้บอกเล่าลูกค้าที่เข้ามาซื้อของไป 2 สองราย แล้วรีบรายงานให้ดิฉันทราบด้วยความตื่นเต้นว่าอาการชาที่นิ้วมือหายเกือบเป็นปกติแล้ว ดิฉันจึงบอกว่านั่นแหละคือผลบุญธรรมทาน ให้บอกเล่าต่อไป อย่าหยุด ยังมีผู้ที่ยังกระทำผิดเหมือนป้าสมนึกอีกมากมาย เขาจะได้รู้และหยุดการสร้างกรรมที่ทำให้ ยากจน เจ็บป่วย ผู้ที่บอกเล่าก็ได้รับอานิสงค์มากด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-29 10:22:05


ความคิดเห็นที่ 16 (1675064)

ทุกวันนี้ ป้าสมนึก เพชรสกุล จะใช้โอกาสที่ลูกค้าเข้ามาซื้อของที่ร้านสร้างบุญธรรมทานโดยการบอกเล่าเรื่องของตนเองไปพร้อมๆ กัน  บอกไม่มีหยุด น่าชื่นใจจริงๆ ค่ะ  บอกจนมีคนมาขอพิสูจน์บุญบ้านสวนพีระมิดกับดิฉันถึงที่บ้านเลยค่ะ ทุกวันนี้ดิฉันจะต้องสะพายกระเป๋า 2 ใบ ใบหนึ่งใส่สัมภาระส่วนตัว อีกใบหนึ่งใส่วัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิด พร้อมให้ผู้คนได้พิสูจน์กฎแห่งกรรมกับดิฉันได้ทุกที่ ทุกเวลาค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-01-29 15:35:21


ความคิดเห็นที่ 17 (1675473)

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557  วันนี้ดิฉันได้บำบัดอาการปวดหลังให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนวัดมะกรูด ผู้อำนวยการได้สารภาพว่า เคยตีหลังแมว หลังหมา หลังงู โดยเฉพาะงูเจอทีไรจะตีทุกครั้ง เจ้าชู้ มีกิ๊ก และมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเอง 1 คน อาการปวดที่หลังดีขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์  พอดิฉันให้สัมผัสบารมีรุ่นความรักสองพระองค์ ผู้อำนวยการบอกว่า อาการปวดหลังยังเท่าเดิมไม่ดีขึ้น ดิฉันบอกว่า "ไม่เป็นไรค่ะ ดีขึ้นก็ให้บอกว่าดีขึ้น ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการปวดเท่าเดิมก็ให้บอกตามความจริง เพราะนี่คือการพิสูจน์กฎแห่งกรรม"  ดิฉันจึงถามต่อว่าติดกรรมหนี้สงฆ์ หนี้แผ่นดินบ้างหรือเปล่า พร้อมทั้งได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับกรรมหนี้สงฆ์และหนี้แผ่นดินให้ผู้อำนวยการฟัง แล้วท่านก็ตอบว่า ติดหนี้สงฆ์เยอะเพราะเคยเป็นเด็กวัดมาก่อน กินข้าววัด ใช้น้ำใช้ไฟวัดเปลือง เอาของที่พระให้ ถ้าหนี้แผ่นดินก็มักจะเขียนตามถ้ำ (สถานที่ท่องเที่ยว) พอดิฉันให้สัมผัสพีระมิดรุ่นบวงสรวงพระปฐมฯ อาการปวดที่หลังดีขึ้นอีก 5 เปอร์เซ็นต์ เหลืออาการเจ็บปวดอีก 85 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันจึงให้ผู้อำนวยการสัมผัสบารมีท่านพ่อดตาจินิน ดิฉันมั่นใจว่าคราวนี้อาการปวดที่หลังของผู้อำนวยการต้องดีขึ้นเยอะแน่ๆ เพราะทุกคนที่ได้สัมผัสรุ่นนี้เพียงแค่ดิฉันวางลงไปบนฝ่ามือเพียงแค่หนึ่งองค์เขาบอกว่าอาการเจ็บปวดที่มีอยู่หายหมดแล้ว แต่คำตอบของผู้อำนวยการไม่เหมือนคนอื่นค่ะ ยืนยันว่าอาการปวดที่หลังที่บำบัดมาดีขึ้นเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันจึงถามผู้อำนวยการว่า "มีกรรมอะไรที่ยังไม่สารภาพคะ อยากจะสารภาพเพิ่มมั้ย บางคนที่ดิฉันเคยบำบัดให้เขายอมสารภาพบาปแล้วก็สารภาพได้ตรงด้วย อาการเจ็บป่วยก็หายทันที" คราวหนี้ผู้อำนวยการเงียบค่ะ บอกแต่ว่าผมทำบาปมาเยอะ ดิฉันเลยยื่นลูกอมให้ 1 เม็ด บอกว่าเป็นลูกอมอภิญญาบ้านสวนพีระมิด ของอาจารย์อุบล กินแล้วหายเจ็บป่วย ผู้อำนวยการรับลูกอมอภิญญาไปถือไว้ในมือแล้วนั่งมอง ดิฉันถามว่า "อาการปวดที่หลังดีขึ้นอีกมั้ยคะ เพราะแค่สัมผัสลูกอมอาการก็ดีขึ้นแล้วค่ะ" ผู้อำนวยการพยักหน้าว่าอาการปวดหลังดีขึ้น ดิฉันจึงบอกให้แกะรับประทาน คราวนี้ผู้อำนวยการนั่งอมยิ้มเลยค่ะ บอกอาการปวดหลังดีขึ้นมากเพราะผมจะปวดหลังมาก ดิฉันจึงขออนุญาตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดมะกรูดเข้ามาพิสูจน์กฎแห่งกรรมแบบเป็นวิทยาศาสตร์ที่เห็นผลแบบฉับพลันทันทีให้กับคุณครูและเด็กนักเรียนในโรงเรียนได้รับรู้ และให้ความสำคัญในการรักษาศีล 5 ผู้อำนวยการอนุญาตด้วยความยินดีค่ะ บอกให้ดิฉันเข้าไปให้ความรู้ด้านธรรมะกับคุณครูและเด็กนักเรียนในวันพรุ่งนี้เลยหลังเลิกกิจกรรมหน้าเสาธง ลูกขอกราบแทบพระบาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์ เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบล เป็นอย่างสูงค่ะ ที่เมตตาให้ลูกได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้ด้วยธรรมะอันงดงามของพระพุทธองค์แบบเห็นผลฉับพลันทันที (ผลการบำบัดในโรงเรียนวัดมะกรูดเป็นประการใดจะเข้ามารายงานให้ทราบกันต่อไปค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-06 16:26:08


ความคิดเห็นที่ 18 (1675506)

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557   วันนี้ดิฉันได้มีโอกาสได้ไปแสดงธรรมะบำบัดในโรงเรียนวัดมะกรูดให้กับคุณครูและเด็กนักเรียนได้สัมผัสบารมีท่านพ่อดตาจินิน พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลที่ประทับอยู่กับท่านอาจารย์อุบล โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนวิถีพุทธค่ะ มีพระอาจารย์จากวัดมะกรูดเข้ามาสอนธรรมะให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนอยู่บ่อยๆ ดิฉันได้ถามเด็กๆ ว่า " เด็กๆ รักษาศีล 5 กันมั๊ยจ๊ะ"  เด็กๆ ตอบพร้อมกันว่า "รักษา"  "แน่ใจนะคะเด็กๆ ถ้ารักษาศีล 5 ศีล 5 ก็จะรักษาเรา เราจะไม่เจ็บไม่ป่วย แต่ถ้าเด็กๆ ไม่รักษาศีล 5 ผีก็จะมาอยู่กับเด็กๆ" พอดิฉันบอกว่าผีจะมาอยู่กับเด็กๆ เด็กๆ ก็เริ่มไม่แน่ใจในการรักษาศีล 5 ของตนเอง กลัวผีจะมาอยู่ด้วย ดิฉันเลยถามต่อว่า " มีเด็กๆ คนไหนเจ็บป่วยบ้างคะ มีเด็กๆ ที่เจ็บป่วยยกมือขึ้น 3-4 คน ก่อนที่จะทำการบำบัดพี่ขอแนะนำอาจารย์ของพี่ก่อนนะคะ ดิฉันให้เด็กๆ ดูรูปท่านอาจารย์อุบลบอกกับเด็กๆ ว่า "ท่านอาจารย์อุบลท่านบอกว่าท่านเป็นลูกสาวพระพุทธเจ้า เด็กๆ เชื่อมั๊ยคะ  "เชื่อ" เด็กๆ ตอบพร้อมกัน "เชื่อคนง่ายจังยังไม่ได้พิสูจน์เลยเชื่อแล้วเหรอ วันนี้เราจะมาพิสูจน์กันว่าท่านเป็นลูกสาวพระพุทธเจ้าจริงรึเปล่า ถ้าเป็นลูกสาวของพระพุทธเจ้าจริงท่านจะต้องมีฉัพพรรณรังสี สัตรังสี รัศมี 7 ประการ ผู้ใดที่ได้เข้าใกล้ก็จะหายเจ็บป่วย หายพิการ ทันที"  "เด็กๆ คนไหนอยากหายเจ็บป่วยอยากจะพิสูจน์ออกมาเลยค่ะ" คุณครูรีบยกมือเลยค่ะบอกว่า "ให้ลองบำบัดเด็กคนนี้ก่อนเลย เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานมีอาการปวดหัว" น้องเค้าเดินออกมาแนะนำตัว "ชื่อน้องเบ๊บครับ ผมปวดหัวไม่หาย" ดิฉันบอกว่า "ถ้าน้องเบ๊บอยากหายปวดหัวพี่ถามอะไรให้น้องเบ๊บตอบความจริงนะลูกนะ วันนี้เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณท่านเสด็จมาฟังด้วย ถ้าอาการปวดหัวดีขึ้นลูกต้องบอกให้ได้นะว่าดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าหายก็ให้บอกว่าหายนะลูกนะ" เด็กเค้าไม่เข้าใจค่ะและไม่สามารถบอกอาการที่ดีขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ ดิฉันก็เลยอนุโลมให้เด็กๆ ตอบว่าดีขึ้นเล็กน้อย ดีขึ้นมาก เมื่อเด็กๆ เข้าใจกติกาในการบำบัด ดิฉันจึงเริ่มทำการบำบัดอาการปวดหลังให้กับน้องเบ๊บ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-07 14:50:58


ความคิดเห็นที่ 19 (1675509)

บำบัดอาการปวดหลังของน้องเบ๊บ โดยให้น้องเบ๊บสารภาพบาป "น้องเบ๊บครับ น้องเบ๊บเคยตีหัวสัตว์มั๊ยครับ" "ไม่เคยครับ"  "แล้วหัวคนละครับ" ดิฉันถามต่อ "เคยตีครับ" "ตีหัวใครคะน้องเบ๊บ" "ตีหัวเพื่อนครับ" "ตีทำไมครับ"  "ผมหยอกเล่นกันครับ"  "อาการปวดหัวดีขึ้นแล้วยังครับน้องเบ๊บ "ดีขึ้นจนใกล้จะหายแล้วครับแต่ยังไม่หาย"  ดิฉันจึงให้น้องเบสลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ แล้วบอกว่าลองดูนะเด็กๆ ว่าผีที่อยู่กับน้องเบ๊บต้องการความรักรึเปล่า พอวางปุ๊บน้องเบ๊บบอกว่าผมหายแล้วครับ คุณครูกับเด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่เลยค่ะ  ดิฉันจึงพูดสอนเด็กๆ ว่า " เด็กๆ เห็นมั๊ยคะแค่น้องเบ๊บหยอกล้อกับเพื่อนด้วยการตบที่หัวเพื่อนมีผีมาเกาะอยู่ที่หัวของน้องเบ๊บทำให้น้องเบ๊บปวดหัว ถ้าเด็กๆ ไม่อยากปวดหัวเด็กๆ จะต้องไม่เล่นตบหัวเพื่อนนะคะ มีใครอยากจะออกมาบำบัดอีกคะ" "ผมครับ ชื่อเกมส์" เด็กนักเรียนผู้ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วบอกว่า "ผมปวดขา จากอุบัติเหตุล้มรถ" ดิฉันถามว่า "ใช้ขาทำอะไรผิดมาบ้างคะ" เจ้าตัวยังไม่ทันตอบ เด็กๆ ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมช่วยกันตอบว่า "ชอบเตะเพื่อน" "นอกจากใช้ขาเตะเพื่อนแล้วเตะใครอีกครับ" "เตะสัตว์ครับ" "สัตว์อะไรบ้างครับที่เกมส์เตะ" "ผมเตะหมา เตะแมว เตะงูด้วยครับ" "เตะงู!" ดิฉันตกใจเลยค่ะเด็กหนอเด็กช่างกล้า "แล้วเตะสัตว์อะไรอีกลูก" "ไม่มีแล้วครับ" "อาการปวดที่ขาดีขึ้นแล้วยังครับ" "ดีขึ้นจะหายแล้วครับ" ดิฉันจึงยื่นลูกอมอภิญญาให้ 1 เม็ด ยังไม่ทันได้ทานเลยค่ะน้องเค้ายกมือไหว้ขอบคุณแล้วบอกว่า "ผมหายปวดขาแล้วครับ" คราวนี้เด็กๆ ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมแบมือขอลูกอมกันใหญ่เลยค่ะ จนคุณครูที่อยู่ด้วยต้องลุกขึ้นมาจับไมล์แล้วพูดกับเด็กๆ ว่า "ลูกอมที่พี่เค้าพามาเป็นลูกอมที่อาจารย์อุบลเสกมาแล้ว ให้คนที่เจ็บป่วยกินเค้าจะได้หายเจ็บป่วย เด็กๆ ที่ไม่ได้เจ็บป่วยต้องเสียสละนะลูก" เด็กๆ ก็เลยยอมไม่เอาลูกอมค่ะ เกือบไปแล้วซิเราเด็กกับลูกอมเป็นของคู่กัน คราวหน้าถ้าไปแสดงธรรมะบำบัดให้กับเด็กๆ ที่โรงเรียนดิฉันคงจะต้องเตรียมลูกอมธรรมดาไปแจกเด็กๆ ที่ไม่เจ็บป่วยด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-07 15:39:16


ความคิดเห็นที่ 20 (1675510)

"มีใครอยากจะบำบัดอีกออกมาเลยลูก"  ดิฉันบอกเด็กๆ  มีเด็กนักเรียนผู้ชายลุกขึ้นแล้วเดินออกมาบอกว่า "ผมปวดหลังครับ" น้องเค้าบอกชื่อด้วยค่ะแต่ดิฉันจำชื่อไม่ได้ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ดิฉันถามว่า "ลูกเคยตีหลังสัตว์บ้างหรือเปล่า" "ผมไม่เคยตีหลังสัตว์เลยครับ"  "แล้วลูกเคยเหยียบหลังให้พ่อแม่บ้างมั๊ยครับ"  "เคยครับพ่อแม่ขอช่วยให้เหยียบ"  "ทีหลังอย่าทำอีกนะลูก การที่พ่อแม่ปวดหลังก็เป็นกรรมของพ่อแม่ หนูเป็นลูกไม่มีสิทธิ์เหยียบหลังพ่อแม่ ถ้าลูกทำอีกลูกก็ต้องปวดหลังอีก เด็กๆ จำไว้นะลูกบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วย"  "ครับ"  "อาการปวดหลังดีขึ้นมั๊ยลูก"  "ดีขึ้นใกล้จะหายแล้วครับ"  "งั้นเดี๋ยวอาการที่เหลือเรามาพิสูจน์กันดูนะว่าท่านอาจารย์อุบลเป็นลูกของพระพุทธเจ้าจริงรึเปล่า แม้ว่าท่านจะไม่ได้มาในวันนี้ ถ้าท่านเป็นลูกของพระพุทธเจ้าจริงรูปถ่ายของท่านก็ต้องสามารถเปล่งแสงฉัพพรรณรังสี สัตรังสี รัศมี 7 ประการได้เหมือนกัน ดิฉันบอกกับเด็กนักเรียนยังมีอาการปวดหลังว่า "กราบรูปท่านซิลูก กราบ 3 ครั้ง เหมือนกราบพระเลยนะ"  น้องเค้าเชื่อฟังดีค่ะ ก้มลงกราบรูปท่านอาจารย์อุบลด้วยความเคารพแล้วบอกกับทุกคนในห้องประชุมว่า "ผมหายปวดหลังแล้วครับ"  โอ้ โห คราวนี้คุณครูกับเด็กๆ เข้ามาขอจับดูรูปท่านอาจารย์อุบลกันใหญ่เลยค่ะ อยากเห็นและสัมผัสบารมีลูกสาวของพระพุทธเจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-07 15:58:34


ความคิดเห็นที่ 21 (1675511)

คราวนี้ถึงคิวบำบัดของน้องเบนซ์ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ  ถามดิฉันว่า "หนูปวดท้องค่ะทำให้หายได้มั๊ยคะ"  "ได้ซิจ๊ะ น้องเบนซ์ไปกินอะไรมาจ๊ะถึงได้ปวดท้อง กินเนื้อสัตว์มั๊ยจ๊ะ"  "กินค่ะ หนูกินหมู กินไก่ กินปลาค่ะ"  น้องเบนซ์ตอบ "งั้นเราลองมาพิสูจน์กันดูนะว่าหมู ไก่ ปลา ที่น้องเบนซ์กินเข้าไปมันทำให้น้องเบนซ์ปวดท้องจริงรึเปล่า"   ดิฉันเอาพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณวางลงบนฝ่ามือของน้องเบ๊นซ์ แล้วพูดว่า "หมูจ๋า ไก่จ๋า ปลาจ๋า ออกมาจากท้องของน้องเบนซ์ด้วยเถิดน้องเบนซ์ปวดท้อง"  พอพูดจบน้องเบนซ์บอกว่า "ดีขึ้นมากใกล้หายปวดแล้วค่ะ"  ดิฉันจึงใช้พีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์วางลงไปบนฝ่ามือน้องเบนซ์ แล้วพูดว่า       " หมูจ๋า ไก่จ๋า ปลาจ๋า ถ้าต้องการความรัก ไม่อยากให้น้องเบนซ์กิน ให้น้องเบนซ์หายปวดท้องด้วยเถิด"  "หายปวดท้องแล้วยังคะน้องเบนซ์"  "หนูหายปวดท้องแล้วค่ะ"  มีเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งสงสัยยกมือขึ้นถามว่า "เบนซ์กิน หมู ไก่ ปลา ที่ไปแล้ว แล้วทำไมหมู ไก่ ปลา ที่ตายไปแล้วมาทำให้เบนซ์ปวดท้องได้ละครับ"  เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ  จริงๆ แล้วสัตว์ทุกตัวเค้ารักชีวิต เค้ามีจิตวิญญาณ เค้าไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารของเรา แล้วก็ไม่ได้เป็นแหล่งโปรตีน ตามที่เด็กๆ และคุณครูเข้าใจนะคะ สัตว์พวกนี้ก็เคยเกิดเป็นคนมาก่อน ต่อไปนี้เด็กๆ จะเลิกกินเนื้อสัตว์กันมั๊ยคะ ดูโรงเรียนสัตยาไส ของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่จังหวัดลพบุรี เป็นตัวอย่างนะคะเค้าไม่ทานเนื้อสัตว์กันทั้งโรงเรียนเลยค่ะ เพราะ ดร.อาจอง ท่านรู้ไงคะว่าเนื้อสัตว์ไม่ใช่แหล่งโปรตีนที่มีคุณค่าทางอาหาร ทานแล้วทำให้เจ็บป่วย

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-07 16:25:48


ความคิดเห็นที่ 22 (1675512)

"มีเด็กๆ คนไหนที่ยังมีอาการเจ็บป่วยอยากจะบำบัดอีกคะ "  ก็มีเด็กนักเรียนผู้หญิงอีกคนหนึ่งยกมือบอกว่า "หนูเป็นโรคหอบค่ะ เป็นทุกวันค่ะ หนูจะเป็นเฉพาะตอนเที่ยง"  ดิฉันเลยให้รับประทานลูกอมอภิญญา 1 เม็ด แล้วบอกให้คุณครูช่วยติดตามผลให้ค่ะ "เด็กๆ หายเจ็บป่วยกันหมดแล้วนะคะ เอาละค่ะคราวนี้ให้คุณครูและเด็กๆ ทุกคนพนมมือขึ้น กล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์พร้อมๆ กันค่ะ  ทุกคนว่าตามนะคะ ขอบคุณพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีท่านพ่อดตาจินินเป็นที่สุด เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ ท่านอาจารย์อุบล"  พอดิฉันพูดจบเด็กๆ และคุณครูที่อยู่ในห้องประชุมกล่าวพร้อมกันว่าสาธุ  ดิฉันมีอาการขนลุกซู่เลยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-07 16:34:25


ความคิดเห็นที่ 23 (1675568)

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557  วันนี้ดิฉันนัดสอนเด็กๆ ที่วัดมะกรูดค่ะ เด็กๆ จะไปเรียนธรรมะที่วัดมะกรูดเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ระหว่างทางผ่านบ้านญาติพี่น้อง เลยแวะแจกลูกอมอภิญญาซะหน่อย พอไปถึงเห็นอานอนป่วยอยู่พูดไม่ได้ ดิฉันถามอาสะใภ้ว่าอาเป็นอะไร อาสะใภ้ตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อวานก็ยังดีๆ อยู่ แต่หลังจากที่กลับจากบ้านหมอ (หมอดูร่างทรง) เค้าบอกว่าโดนทำของเค้าบอกให้ไปแก้ประมาณว่าให้เตรียมของไปจะทำพิธีแก้ให้ยังไม่ทันได้ไปเลยก็มาเป็นอย่างนี้เสียก่อนถามอะไรก็ไม่ยอมอ้าปากพูด" ประจวบเหมาะกับคนข้างบ้านที่ขับรถพาไปมาเยี่ยม บอกว่าตนเองเป็นคนพาไปเห็นอาของดิฉันยืนฉี่หันหน้าไปทางศาลพระภูมิตนเองบอกให้จุดธูปขอขมาก็ไม่ยอมทำ ตนเองก็เลยจุดธูปขอขมาแทน ที่ต้องเป็นอย่างนี้คงเป็นเพราะไปหลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประมาณนั้น อาสะใภ้ก็บอกว่าอาของดิฉันทำท่าชี้มือจะไปที่อู่ซ่อมรถคือที่บ้านของดิฉันแต่ไม่ยอมพูด ก่อนหน้าที่อาจะล้มป่วยประมาณ 1 สัปดาห์ อากับอาสะใภ้ไปหาดิฉันที่บ้านโดยเฉพาะอาสะใภ้บอกว่ามีอาการเจ็บปวดไปทั้งตัวโดนสายฟ้า ปวดจนต้องนอนร้องไห้ ดิฉันได้บำบัดให้ด้วยพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินจนอาการปวดดีขึ้นมากทั้งสองคนและได้แนะนำให้บูชาพีระมิดรุ่นนี้ไปไว้ในบ้านใช้แตะน้ำกินน้ำใช้เพื่อจะได้ไว้ป้องกันและถอดถอนคุณไสย์มนต์ดำต่างๆ ก็เงียบไปไม่ได้มาบูชา จนดิฉันมาทราบอีกครั้งก็ในวันที่ไปแจกลูกอมอภิญญาว่าอากับอาสะใภ้พากันไปหาหมอดูร่างทรงเพื่อให้หมอดูร่างทรงทำการแก้และถอดถอนคุณไสย์ที่โดนกระทำให้ ดิฉันใช้พีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินวางในมือให้อา อาร้องไห้เมื่อได้สัมผัสพีระมิด ดิฉันจึงหยิบลูกอมให้ 1 เม็ดบอกว่าเป็นลูกอมอภิญญาบ้านสวนพีระมิดของอาจารย์อุบลกินแล้วหายเจ็บป่วย แต่อาไม่สามารถที่จะอ้าปากอมลูกอมอภิญญาได้ ดิฉันจึงเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยแล้วใช้มือออกแรงบีบปากของอา เพื่อให้สามารถใส่ลูกอมเข้าไปในปากได้ทำยากมากค่ะเพราะอาเม้มปากสนิท ดิฉันก็เรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยไปเรื่อยๆ จนทำสำเร็จ ไม่ถึง 1 นาทีค่ะ อาสามารถอ้าปากได้กว้างตอนแรกดิฉันก็ตกใจมากค่ะกลัวว่าอา จะสำลักลูกอม ดิฉันก็ภาวนาเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้อาพูดได้ แล้วอาก็สามารถพูดออกเสียงได้จริงๆ ค่ะ บอกดิฉันว่า "ไม่ได้ไปฉี่ที่หน้าศาลพระภูมิ" ดิฉันเอารูปท่านอาจารย์อุบลให้ดู อาร้องไห้พยายามยกมือขึ้นไหว้ ดิฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาของดิฉันเกิดจากกรรมรวมตัวเพราะทำผิดศีลมาทุกข้อ ฆ่าสัตว์มาเยอะ เล่นการพนัน ดื่มสุรา เป็นอาจิณ ดื่มแล้วขาดสติ ทำตัวเกะกะระรานมีเรื่องชกต่อยกับใครเขาไปทั่ว ปากก็รั่วพูดแต่เรื่องชั่วให้ตัวหมอง ก่อนกลับดิฉันได้บอกให้อานอนภาวนาเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้บ่อยๆ ให้หาย แล้วถามอาว่า "อยากได้เทวดาหรืออยากได้ผีมาอยู่ด้วย เลือกเอาเองถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ก็จำต้องนอนอยู่ในสภาพนี้" ฝ่ายอาสะใภ้ยังข้องใจถามดิฉันว่า "แล้วของที่หมอให้เตรียมไปแก้หล่ะ จะทำยังไงถ้าไม่ไปเดี๋ยวเค้าก็ว่าเอา" "ก็บอกแล้วไงว่าให้เลือกเอาเอง จะไปแก้กับหมอดูร่างทรงหรือจะบูชาพีระมิดที่พิสูจน์ให้ดูให้สัมผัสแล้ว" ดิฉันรู้ซึ้งถึงความเหนื่อยยากของท่านอาจารย์อุบลเลยค่ะที่เพียรเสียสละฉุดช่วยผู้คนให้พ้นทุกข์ แต่ละคนนี่ฉุดยากจริงๆ ค่ะ ไม่ค่อยจะใช้ปัญญาในการพิจารณาเลือกทำในสิ่งที่ทำให้ตนเองพ้นทุกข์ แนะนำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังก็แล้ว น้ำเสียงจริงจังหนักแน่นก็แล้ว ดุก็แล้ว ถ้ายังคิดไม่ได้ก็ตัวใครตัวมันละก๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-10 09:30:28


ความคิดเห็นที่ 24 (1675573)

ป้าณีเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมอาได้เห็นดิฉันใช้พีระมิดและลูกอมอภิญญาบำบัดอาการเจ็บป่วยของอาให้ดีขึ้นได้ ก็สนใจขอบำบัดบ้าง  ป้าณีบอกว่ามีอาการปวดขามาก เคยไปหาหมอดูร่างทรงมาเหมือนกันเค้าบอกว่าโดนกระทำคุณไสย์ วิธีแก้หมอดูบอกให้ป้าณีไปนั่งบริเวณธารน้ำไหลเป็นเวลา 2 คืนติดต่อกัน ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปแก้ตามที่หมอดูบอกเพราะกลัวไม่กล้าไปนั่ง ดิฉันให้ป้าณีลองสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณแล้วให้สารภาพบาปว่าได้ใช้ขาไปทำผิดอะไรมาบ้าง ป้าณีบอกว่า เคยเตะสัตว์ เคยใช้ส้นเท้าขัดเหรียญบาทซึ่งมีรูปในหลวง จริงๆ แล้วป้าณีใช้ขาไปทำผิดมากกว่านี้ค่ะ เช่น ไปนั่งเล่นไพ่ ไปดื่มกินตามร้านอาหาร ดิฉันรู้จักป้าณีมาก่อน ไม่ว่ากันค่ะบอกแค่ไหนก็แค่นั้น หลังจากที่ป้าณีได้สารภาพบาปอาการปวดขาก็ดีขึ้น ดิฉันจึงใช้พีระมิดรุ่นชำระหนี้แผ่นดินวางลงบนฝ่ามือของป้าณีแล้วบอกให้ป้าณีขอขมาในหลวงที่เคยใช้ส้นเท้าขัดเหรียญบาทซึ่งมีรูปในหลวงคราวนี้ป้าณีบอกว่าอาการปวดขาดีขึ้นมากเหลืออาการ ตุ๊บ ตุ๊บ ที่ขานิดหน่อยเวลาเดิน เหมือนแผลที่ได้รับการรักษาจนหายแล้วเหลือเพียงรอยแผลเท่านั้น ดิฉันเลยให้ป้าณีลองสัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินดู คราวนี้ป้าณีทึ่งไปเลยค่ะแม้แต่อาการตุ๊บ ตุ๊บ ที่ขาก็หายไม่เหลือ ป้าณีบอกว่าปวดขามาหลายปี ดิฉันมักจะบอกกับผู้บำบัดอยู่เสมอว่าปาฎิหารย์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความสามารถของดิฉันแต่เป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์ เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบล ท่านเมตตาให้ความช่วยเหลือ ดิฉันจึงบอกให้ผู้ที่ได้รับการบำบัดขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้งเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู แต่สิ่งที่ดิฉันทำได้ยากยิ่งนั่นก็คือการให้ผู้ที่ได้รับการบำบัดทุกคนบูชาพีระมิดเพื่อสร้างบุญด้วยตนเอง พวกเขาเหล่านั้นยังคงยึดรูปแบบการทำบุญแบบเดิมๆ ทั้งๆที่ดิฉันอธิบายให้ฟังแล้วว่าสิ่งที่ดิฉันทำให้หายเจ็บป่วยทันทีในวันนี้ไม่ได้หายถาวรเป็นเพียงการพิสูจน์กฎแห่งกรรมให้รู้เหตุที่ทำให้เจ็บป่วย ส่วนบุญนั้นต้องสร้างกันเอาเองด้วยการบูชาพีระมิด และการบอกเล่าเรื่องของตนเองที่เจ็บป่วยให้ผู้อื่นฟัง ว่าเจ็บป่วยเพราะอะไร และหายได้อย่างไร เป็นการสร้างบุญธรรมทาน เพื่อหยุดยั้งการสร้างกรรมของผู้อื่นที่ยังทำผิดเหมือนเรา  ส่วนวิธีทำบุญแบบเดิมๆ ที่ทำมาทั้งชีวิตนั่นนะผีเขาไม่พอกิน ถ้าจะทำดิฉันก็ไม่ได้ห้าม บอกแม้กระทั่งว่าบ้านไหนมีพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินจำนวน 2 คู่ คนในบ้านจะปลอดภัยไม่ถูกฆ่าตายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และถ้าใครที่ทำบุญบูชาพีระมิดของอาจารย์อุบลบ้านสวนพีระมิดไปแล้ว ไม่หายเจ็บป่วย ยากจน ยังขาดสภาพคล่องทางการเงิน ปัญหาในชีวิตไม่ดีขึ้นให้เอาพีระมิดที่บูชาไปมาคืนดิฉันจะคืนเงินให้ครบทุกบาททุกสตางค์ ไม่ได้อยากขายพีระมิดหรอกนะ แต่อยากให้พวกคุณพ้นทุกข์ พูดซะขนาดนี้เขาก็ยังเฉยๆ กัน แปลกแต่จริงค่ะ ทั้งๆ ที่พิสูจน์แล้วว่าบุญจากพีระมิดทำให้หายเจ็บป่วยทันที

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-10 12:41:38


ความคิดเห็นที่ 25 (1675588)

พอป้าณีหายเจ็บก็รีบทำหน้าที่ลูกกตัญญูเลยค่ะ คิดถึงคุณแม่ที่บ้านบอกว่าคุณแม่ปวดบริเวณสะโพก ก้นกบ ปวดมากไม่สามารถนั่งนานๆ ได้ ช่วยไปบำบัดให้คุณแม่ด้วยได้มั๊ย ดิฉันตอบตกลงเพราะเห็นว่ายังพอมีเวลาเพราะนัดสอนธรรมะให้กับเด็กๆ ในช่วงบ่าย แม่ของป้าณี ชื่อ คุณยายลิ้มค่ะ ดิฉันให้คุณยายลิ้มลองสารภาพบาป โดยที่ดิฉันเป็นคนถามนำ ว่า "เคยตีหรือทำร้ายสัตว์บริเวณสะโพกบ้างมั๊ยคะ"  คุณยายตอบ "ก็มีบ้าง"  ตอบเหมือนคนไม่เต็มใจจะตอบ ดิฉันจึงถามต่อไปว่า "ตีสัตว์อะไรบ้างคะ คุณยายต้องบอกประเภทสัตว์ที่คุณยายตีเค้านะคะเค้ารออนุโมทนาบุญอยู่"  คุณยายบอก "จำไม่ได้"  "เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะคุณยายที่เราจะจำไม่ได้เอาเสียเลยว่าเราเคยตีเคยทำร้ายสัตว์อะไรมาบ้าง ถ้าไม่บอกก็ไม่หายนะคะ"   "ตีหมา ตีแมว ตีงู" คุณยายตอบ  "แล้วสัตว์ใหญ่ประเภทวัวเคยตีมั๊ยคะ"  "ไม่เคยตี"   "เอาละค่ะ ถ้าสัตว์ที่คุณยายเคยตีใช่หมา แมว งู ที่ทำให้คุณยายปวดบริเวณสะโพก บริเวณก้นกบให้อนุโมทนาบุญและให้คุณยายลิ้มรับรู้ได้โดยให้อาการเจ็บปวดดีขึ้นหรือหายทันทีด้วยเถิด"  "เช็คอาการปวดเลยค่ะคุณยายว่าดีขึ้นบ้างมั๊ย"  "ไม่เห็นดีขึ้นเลย"  "ไม่ดีขึ้นสักนิดเลยหรือคะ" "อืม ไม่ดีขึ้นเลย ยังปวดมากเหมือนเดิม" "ไม่เป็นไรค่ะ แสดงว่า หมา แมว งู เขาไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้คุณยายเจ็บปวดบริเวณสะโพกและก้นกบ" แล้วคุณยายเคยไปนั่งในสถานที่ไม่ดีบ้างหรือเปล่าคะ เช่น นั่งในวงไพ่ "ก็มีบ้าง" คุณยายตอบ จริงๆ แล้วไม่ใช่มีบ้างหรอกค่ะเพราะละแวกนั้นเขาเล่นไพ่กันเป็นอาชีพ เล่นกันหามรุ่งหามค่ำ ดิฉันจึงให้คุณยายลิ้มลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์เพื่อส่งความรักไปให้วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรที่ส่งผลให้คุณยายลิ้มเจ็บปวดบริเวณสะโพกและก้นกบ ปรากฎว่าคุณยายลิ้มก็ยังคงให้คำตอบเหมือนเดิม ว่า "ไม่เห็นดีขึ้นเลย ยังปวดมากเหมือนเดิม"  ดิฉันจึงถามออกไปว่า "แน่ใจนะคะคุณยาย ถ้าดีขึ้นก็บอกว่าดีขึ้นนะคะ แม้จะดีขึ้นนิดเดียวก็ถือว่าดีขึ้น"  คุณยายลิ้มก็ยืนยันคำตอบเดิม "ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย งั้นเดี๋ยวลองพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินดูว่าโดนคุณไสย์มนต์ดำหรือเปล่า"  พอวางองค์ที่ 1 ดิฉันก็อธิบายให้ฟังว่าเป็นการป้องกันไม่ให้คุณไสย์มนต์ดำ จิตวิญญาณมาร อสูร ซาตาน ถูกส่งเข้ามาใหม่เปรียบเสมือนมีกำแพงแก้วล้อมตัวเราไว้  แล้วดิฉันก็ถามว่า "รู้สึกอย่างไรบ้างคะ อาการปวดดีขึ้นมั๊ย"  "ไม่ดีขึ้นเลย ปวดหนักเหมือนเดิม"  ดิฉันจึงลองวางพีระมิดองค์ที่ 2 เพื่อถอดถอนจิตวิญญาณมาร อสูร ซาตาน ที่สิงสู่อยู่ในตัวคุณยายลิ้ม "ก็ยังปวดมากอยู่เหมือนเดิม ไม่ดีขึ้นเลย" ดิฉันลองอธิษฐานขอบารมีท่านพ่อดตาจินินเพิ่มจำนวนพีระมิดก็แล้ว คุณยายลิ้มก็ยังตอบว่า "อาการปวดไม่ได้ดีขึ้นเลย ยังปวดหนักอยู่เหมือนเดิม" แม้ว่าคำตอบของคุณยายลิ้มจะเหมือนเดิม ดิฉันก็ยังไม่ละความพยายามได้วางพีระมิดรุ่นพระขรรค์แก้ว จักรแก้วพระศรีอาริย์ เพื่อส่งวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรขึ้นสู่นิพพานและประหารวิญญาญเจ้ากรรมนายเวรที่ไม่ยอมรับบุญ ดิฉันถามคุณยายว่า "อาการเจ็บปวดดีขึ้นบ้างแล้วยัง"  "ไม่ดีขึ้นเลย อาการเจ็บปวดยังปวดมากอยู่เหมือนเดิม"  ให้เรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยก็บอกไม่ดีขึ้น ให้กินลูกอมอภิญญาก็ยังบอกว่าอาการปวดไม่ได้ดีขึ้นเลย ดิฉันจึงหยุดบำบัดให้คุณยายลิ้ม ไปบำบัดให้คุณยายอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ กับคุณยายลิ้ม "สวัสดีค่ะคุณยาย มีอาการเจ็บปวดอะไรบ้างคะ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดแขน ปวดขา มีมั๊ยคะ"  คุณยายบอกว่า "มีอาการชาที่ขาทั้งสองข้าง" "อาการชาก็สามารถบำบัดได้เช่นกันค่ะคุณยาย คุณยายใช้ขาทำอะไรผิดมาบ้างคะ เช่น เตะคน เตะสัตว์ เตะสิ่งของ ใช้เท้าเปิดปิดพัดลม บ้างมั๊ยคะ คุณยายบอกว่า "เคยใช้เท้าเปิดปิดพัดลม เตะสัตว์ แต่สัตว์อะไรบ้างยายจำไม่ได้"  ดิฉันได้วางพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ลงบนฝ่ามือคุณยายเพื่อส่งความรักให้กับวิญญาณที่ทำให้คุณยายมีอาการชาที่ขา พอวางปุ๊บ คุณยายบอกว่าอาการชาที่ขาดีขึ้นหน่อย ดิฉันจึงถามต่อว่า "แล้วคุณยายเคยใช้ส้นเท้าขัดเหรียญบาทที่สีดำๆ ให้ขาวบ้างรึเปล่าคะ"  คุณยายบอกว่า "เคยทำ" "ทำไม่ได้นะคะคุณยายที่เหรียญบาทมีรูปของในหลวงอยู่รูปของท่านมีเทวดารักษา ถ้าใครทำจะเจ็บปวดขาเหมือนที่คุณยายเป็นนี่แหละค่ะ ถ้าทำบ่อยๆ ทำมามากขาอาจพิการได้นะคะคุณยาย คุณยายต้องบอกลูกบอกหลาน ๆ ในบ้านด้วยนะคะว่าอย่าทำเหมือนที่คุณยายเคยทำ" คุณยายพยักหน้ารับทราบในสิ่งที่ดิฉันพูด พอดิฉันให้คุณยายสัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นชำระหนี้แผ่นดิน คุณยายบอกว่าอาการชาที่ขาดีขึ้นมาก ดิฉันเลยทำการบำบัดต่อด้วยพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินคราวนี้คุณยายบอกว่า "อาการชาหายเกือบหมดแล้วเหลือบริเวณที่นิ้วเท้าอีกนิดหน่อย"  พอให้คุณยายกินลูกอมอภิญญา และให้แสดงความขอบคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์อุบลด้วยการกราบที่รูปถ่ายของท่านอาจารย์ 3 ครั้ง คุณยายสามารถนั่งกระดิกนิ้วเท้าได้เลยค่ะ ก่อนกลับดิฉันได้ถามคุณยายลิ้มว่า "อาการปวดของยายไม่ดีขึ้นสักนิดเลยหรือคะ"  "ไม่ดีขึ้นเลย"  "แน่ใจนะคะ ถ้าดีขึ้นก็บอกว่าดีขึ้น แต่ถ้าดีขึ้นแล้วบอกว่าไม่ดีขึ้น จะปวดหนักกว่าเดิมนะคะบอกกันไว้ก่อน หนูไม่มีความสามารถพิเศษอะไรที่จะมาทำให้อาการเจ็บป่วยของยายดีขึ้นหรือหายทันทีได้หรอกค่ะ ทุกอย่างเกิดจากความเมตตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์"  "ก็มันต้องนั่งนานๆ ถึงจะปวด"  "ไหนก่อนบำบัดบอกว่าปวดมากเวลานั่งไม่สามารถนั่งนานๆ ได้ แล้วทำไมตอนนี้ต้องนั่งนานๆ ถึงจะรู้ว่าปวด " คุณยายนั่งเงียบไม่โต้ตอบ  "ไม่เป็นไรค่ะ ก็อย่างที่หนูบอก ถ้าดีขึ้น หรือหาย แล้วบอกว่าไม่ดีขึ้น นอกจากจะไม่หายแล้วจะปวดหนักกว่าเดิมค่ะ ขอโทษด้วยหนูเป็นคนพูดตรงๆ"  

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-10 14:57:59


ความคิดเห็นที่ 26 (1675591)

ถึงเวลาที่ดิฉันนัดเด็กๆ ไว้แล้วค่ะ วันนี้มีเด็กๆ มากันประมาณ 50 - 60 คน อายุระหว่าง 4  - 13 ปี ก่อนแสดงธรรมะบำบัดทุกครั้งดิฉันจะต้องแนะนำครูบาอาจารย์ของดิฉัน คือ ท่านอาจารย์อุบล ศุภาภรณ์ เป็นอันดับแรก แค่เด็กๆ ได้มองรูปถ่ายก็นั่งอมยิ้มแล้วค่ะบอกว่าอาจารย์อุบลสวย "วันนี้เราจะมาเรียนเรื่องศีล 5 กันนะคะเด็กๆ เด็กๆ รู้จักศีล 5 มั๊ยคะ"  "รู้จัก" เด็กๆ ตอบแล้วก็ท่องศีล 5 ให้ดิฉันฟังพร้อมๆ กัน "แต่เด็กๆ ไม่เคยรู้ใช่มั๊ยคะ ว่าถ้าทำผิดศีล 5 แล้วจะมีผีมาอยู่กับเด็กๆ"  เด็กๆ มองหน้าดิฉันด้วยความสงสัยเพราะไม่มีใครเคยสอนแบบนี้ "ผีมาอยู่ด้วยจริงๆ นะ วันนี้จะมาพิสูจน์ให้ดู มีเด็กๆ คนไหน เจ็บป่วยบ้างคะ เช่น ปวดหัว ปวดแขน ปวดขา ยกมือเลยค่ะ มีน้องผักบุ้งยกมือเป็นคนแรกบอกว่าหนูปวดหัวค่ะ ดิฉันถามว่า "แล้วน้องผักบุ้งเคยตีหัวสัตว์บ้างรึเปล่าคะ" "เคยตีค่ะ หนูตีหัวสุนัข"  "หัวคนละคะเคยตีมั๊ย" ดิฉันถามต่อ "หัวคนก็เคยตีค่ะหนูตีหัวเพื่อน"  "ตอนนี้อาการปวดหัวเป็นยังไงบ้างคะน้องผักบุ้ง "ดีขึ้นมากแล้วค่ะ" "เด็กๆ รู้มั๊ยคะว่าการกระทำของน้องผักบุ้งผิดศีลข้อไหน"  "ผิดศีลข้อ 1 ครับ" น้องอ่าวไทยตอบอย่างมั่นใจ "ถูกต้องค่ะ ถ้าผิดศีลข้อ 1 แล้วทำให้ปวดหัวต่อไปเด็กๆ จะกล้าทำผิดศีลกันอีกมั๊ยคะ" "ไม่แล้วครับ ไม่แล้วค่ะ" เด็กๆ ตอบเสียงดัง "น้องผักบุ้งคะ ทีหลังอย่าทำอีกนะคะ ไม่ว่าคนหรือสัตว์เขาก็ต้องการให้น้องผักบุ้งแสดงต่อเขาด้วยความรักค่ะ" น้องผักบุ้งพนักหน้ารับปากว่าจะไม่ทำอีก ดิฉันให้น้องผักบุ้งลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ น้องผักบุ้งบอกเพื่อนๆ ว่า "หนูหายปวดหัวแล้วค่ะ"  นอกจากน้องผักบุ้งแล้วยังมีน้องเคน น้องเคนปวดตาทั้งสองข้างค่ะต้องกระพริบตาอยู่ตลอดเวลา "น้องเคนครับน้องเคนใช้สายตาไปทำอะไรผิดมาละครับถึงได้ปวดตา เล่นเกมส์ ดุใครบ้างหรือเปล่า"  "ครับ เล่นเกมส์ แล้วก็ใช้สายตาดุพ่อแม่" หลังจากสารภาพ น้องเคนบอกว่าอาการปวดตาดีขึ้นมากแล้วครับ ดิฉันให้น้องเคนได้ลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์แล้วบอกน้องเคนว่า ต่อไปน้องเคนต้องเลิกเล่นเกมส์นะครับ ผีเกมส์ทำให้น้องเคนเจ็บตา แล้วก็อย่าใช้สายตาดุพ่อแม่ ดุเพื่อนๆ ก็ไม่ได้นะครับ ถ้าทำเยอะๆ ตาอาจบอดได้นะลูก กลัวมั๊ยครับ " เด็กๆ ตอบว่ากลัว "ถ้ากลัวเด็กๆ จะต้องไม่ทำเหมือนที่น้องเคนทำ และต้องใช้สายตามองทุกคนด้วยความรักนะคะเด็กๆ น้องเคนหายปวดตาแล้วยังคะ "หายแล้วครับ"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-10 15:50:32


ความคิดเห็นที่ 27 (1675614)

เด็กๆ ส่วนใหญ่จะปวดแขน ปวดขา ปวดหลัง ปวดหัว ปวดท้อง ค่ะ เนื่องจากใช้แขนตีสัตว์บ้าง ตีหัวเพื่อนบ้าน ใช้ขาเตะสัตว์ เตะเล่นกับเพื่อน รับประทานเนื้อสัตว์เป็นอาหาร แต่มีเด็กผู้หญิง 2 คน เป็นพี่น้องกัน คนเล็กอายุ 5 ขวบค่ะ ชื่อน้องปาล์ม  คนโต ชื่อน้องปรายอายุ 7 ขวบ ใช้ขาทำในสิ่งที่เพื่อนๆ ไม่คาดคิด นั่นคือเตะคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ทำให้น้องปาล์มปวดลูกเบ้าที่หัวเข่าทั้งสองข้างมากปวดมาเป็นปีแล้วค่ะ ไม่หายปวดทุกคืน ให้กินลูกอมอภิญญาหายปวดค่ะ ส่วนน้องปรายพี่สาวโดนหนักหน่อยค่ะ เล่นเตะคุณพ่อคุณแม่มาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จนถึงปัจจุบัน กรรมส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจากการเล่นเครื่องเล่นภายในโรงเรียนบริเวณน่องเป็นแผลยาวและลึกคุณหมอเย็บไป 14 เข็ม ดิฉันจึงสอนให้เด็กๆ ระมัดระวังและสำรวมในการใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายในทางที่ดีงาม โดยเฉพาะกับคุณพ่อคุณแม่ เด็กๆ จะต้องปฏิบัติกับท่านด้วยความรัก พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกลูกจะมาเตะเล่นไม่ได้เลยบาปหนัก ถ้าเด็กๆ ไม่อยากเป็นคนขาพิการอย่าได้ทำเป็นอันขาด แม้แต่คำพูดเด็กๆ ก็ต้องพูดเพราะๆ ค่ะ ไม่ว่าจะพูดกับใครก็ตาม เพราะถ้าพูดคำหยาบ หรือพูดโกหก นินทา กะล่อน ปริ้นปร้อน ตอแหล พูดเอาดีใส่ตัวชั่วให้คนอื่น  เด็กๆ เถียงพ่อแม่กันรึเปล่าคะดิฉันถาม เด็กๆ ส่วนใหญ่ยอมรับว่าตนเองเถียงคุณพ่อคุณแม่ ผู้ที่ผิดศีลข้อ 4 ผลกรรมจะทำให้เป็นคนมีกลิ่นปาก มีปัญหาในช่องปาก ฟัน ลิ้น ฟันไม่สวย ปากไม่สวย ได้รับอุบัติเหตุที่ปาก เป็นใบ้   ศีล 5 เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพียงแค่เด็กๆ ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ทำให้บ้านเมืองสกปรก ขีดเขียนตามโต๊ะนักเรียน กำแพง ในห้องน้ำ ก็เป็นหนี้แผ่นดินแล้วค่ะ  ซึ่งนอกจากจะทำให้เด็กๆ ไม่หล่อ ไม่สวยแล้ว ยังจะยากจนด้วย ดิฉันสอนให้เด็กๆ รู้จักกรรมหนี้สงฆ์ด้วยค่ะ ขนาดดิฉันกำลังนั่งสอนเรื่องกฎแห่งกรรมอยู่ในวัดมีผู้ปกครองที่กำลังนั่งฟังอยู่ด้วย กินลูกอมแล้วทิ้งเปลือกลูกอมลงบนพื้นดินในเขตบุญหน้าตาเฉย ดิฉันชี้ไปที่เปลือกลูกอมที่ผู้ปกครองคนนั้นทิ้งแล้วบอกเขาว่านี่ไงกินแล้วยังจะทิ้งขยะในเขตบุญ เป็นกรรมหนี้สงฆ์ ทำให้ยากจน ผู้ปกครองคนนั้นรีบเก็บเปลือกลูกอมแล้วกลับบ้านไปเลยค่ะคงจะอายที่ดิฉันพูดต่อหน้าคนเยอะๆ แต่ดิฉันก็มิได้มีเจตนาจะทำให้ผู้ใดอับอายค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-11 12:34:55


ความคิดเห็นที่ 28 (1675615)

อนุโมทนากับคุณสาวิตรีด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กัสนีวา ทองภูธรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-11 12:48:13


ความคิดเห็นที่ 29 (1675616)

อย่างไรก็ตามดิฉันได้เน้นย้ำกับคุณแม่ของน้องปาล์มและน้องปราย ให้สอนลูกให้รู้ในเรื่องของบาปบุญคุณโทษให้ตักเตือนห้ามปราม อย่าได้เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ไม่ดีของลูกเพราะเห็นว่าลูกยังเด็ก ยังไม่รู้ประสีประสา คุณแม่ปัญญา ศิลาพัฒน์ ถามดิฉันว่า "ลูกเขายังเด็กกรรมส่งผลขนาดนี้เลยหรือ"  "กรรมไม่เลือกเด็กไม่เลือกผู้ใหญ่ค่ะ ผู้ใดทำผู้นั้นก็ต้องเป็นผู้รับกรรม โดยเฉพาะผู้ที่ทำกับพ่อแม่ถือเป็นกรรมหนักค่ะ"   เด็กๆ ทุกคนจำไว้นะลูก ต่อไปนี้ลูกจะต้องรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ อย่าได้ประมาท เพราะการเล่นสนุกของเราอาจเป็นการสร้างกรรมได้ค่ะ ขอให้เด็กๆ ทุกคนเลือกใช้ชีวิตในทางที่ดีงาม วันนี้ทั้งเด็กๆ คุณครูสอนธรรมะ ผู้ปกครองบางส่วน ได้รับรู้และเข้าใจธรรมะอันงดงามของพระพุทธเจ้าที่ไม่เคยเจอ เคยได้ยิน การสอนแบบนี้ที่ไหนมาก่อนค่ะ ทุกครั้งที่ดิฉันจะออกไปแสดงธรรมะบำบัดดิฉันจะเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ให้ดิฉันสามารถแสดงธรรมะบำบัดให้เห็นผลฉับพลันทันทีเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจน และขอให้ธรรมะอันงดงามของพระพุทธเจ้าเข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ที่ได้ยินได้ฟังทุกท่านเถิด และดิฉันไม่เคยลืมที่จะให้ผู้ที่ได้รับความสุขจากการแสดงธรรมะบำบัดทุกคนขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลและขอบคุณท่านอาจารย์อุบลที่ได้นำธรรมะอันงดงามของพระพุทธเจ้ามาช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์ได้แบบฉับพลันทันทีสามารถที่จะพิสูจน์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-11 13:41:57


ความคิดเห็นที่ 30 (1675702)

คืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557  น้องโบนัส อายุ 6 ขวบ ลูกสาวคนโตของดิฉันมีอาการปวดท้อง น้องหน้าตาซีดเซียวแสดงว่าปวดท้องค่อนข้างมาก คุณแม่บอกให้ดิฉันเอายาแก้ปวดให้ลูกสาวทาน ดิฉันไม่ได้ให้ลูกสาวทานยาแก้ปวดค่ะ แต่ได้เข้าไปอุ้มลูกแล้วบอกลูกว่า "แม่จะใช้พีระมิดบำบัดให้พี่โบนัสหายปวดท้อง พี่โบนัสจะได้รู้ว่าทำไมพี่โบนัสถึงปวดท้องดีมั๊ยคะ"  ลูกสาวพนักหน้าตกลง ดิฉันได้วางพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณลงบนฝ่ามือของลูกสาว แล้วบอกว่า " พี่โบนัสต้องบอกเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณนะลูกว่าพี่โบนัสทานเนื้อสัตว์อะไรบ้าง"  ลูกสาวตอบเสียงอู้อี้เพราะปวดท้องมาก "ลูกกินหมู ไก่เคเอฟซี เป็ดย่างเอ็มเค กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก แมลงหนอนทอดด้วย"  "ตอนนี้เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณรับรู้บาปที่ลูกสารภาพแล้ว อาการปวดท้องหายแล้วยังคะ"  "ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังไม่หาย"  ลูกสาวตอบ ดิฉันจึงวางพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ลงบนฝ่ามือของลูกสาวแล้วพูดว่า " หมูจ๋า ไก่จ๋า เป็ดจ๋า กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งหลาย สัตว์ทุกชนิดที่พี่โบนัสกินเป็นอาหาร ถ้าสัตว์ทุกตัวต้องการความรักไม่อยากให้พี่โบนัสกินเนื้อเป็นอาหาร ส่งสัญญาณให้พี่โบนัสรับรู้ให้หายปวดท้องด้วยเถิด" พอพูดจบดิฉันก็ถามลูกสาวว่า  "เป็นยังไงบ้างคะ อาการปวดท้องหายแล้วยัง"  "ใกล้จะหายแล้วค่ะ อาการปวดเหลืออยู่อีกนิดเดียว" ลูกสาวตอบด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม "งั้นลองสัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินดูนะคะ ว่าการที่พี่โบนัสกินเนื้อสัตว์ ผีสัตว์ต่างๆ เขาจะชักชวนผีตัวอื่นๆ มาซ้ำเติมให้พี่โบนัสปวดท้องมากกว่าเดิมได้อีกหรือเปล่า"  หลังจากที่ได้สัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินิน ลูกสาวบอกว่าหายปวดท้องแล้วค่ะ ดิฉันจึงให้ลูกสาวพนมมือขึ้นกล่าวขอบคุณ "ขอบคุณพระพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์ เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบลที่เมตตานำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาสอนให้พี่โบนัสรู้สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้พี่โบนัสปวดท้อง"  ลูกสาวชอบกินเนื้อสัตว์มากค่ะดิฉันบอกให้เลิกกินเนื้อสัตว์ก็ไม่เลิก พอหายปวดท้องลูกสาวบอกดิฉันว่า "แม่คะ ลูกจะกินเนื้อสัตว์อีก"  ดิฉันก็ตอบไปว่า  "ถ้าลูกทานอีก ลูกก็ต้องปวดท้องอีก คราวนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านไม่ช่วยแล้วนะ ถ้าลูกไม่อยากปวดท้องลูกก็ต้องเลิกทานเนื้อสัตว์"  ลูกสาวยังดื้อดึงบอกว่า "ถ้าปวดท้องอีก ก็นวดที่ท้องให้หายปวด"   เวลาที่หลานปวดท้องคุณแม่ของดิฉันก็จะใช้วิธีการกดนวดบริเวณท้องให้เป็นประจำค่ะ นวดกันจนหลับ  หลังจากที่ลูกสาวพูดไม่นานค่ะ อาการปวดท้องก็กลับมาอีก คราวนี้ปวดมากกว่าเดิมค่ะ แกดิ้นทุรนทุรายร้องไห้เสียงดัง บอกดิฉันว่า "แม่ขาลูกจะไม่ทานเนื้อสัตว์อีกแล้วค่ะ ลูกจะไม่ทานอีกแล้ว"  ดิฉันจึงบำบัดอาการปวดท้องให้กับลูกสาวอีกครั้งปรากฎว่าอาการปวดท้องที่ปวดมากถึงกับดิ้นทุรนทุรายหายทันทีค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ คราวนี้ลูกสาวบอกว่า "แม่คะ ต่อไปนี้ลูกจะไม่กินเนื้อสัตว์แล้วค่ะ แม่ช่วยไปบอกคุณครูที่โรงเรียน กับแม่ครัวด้วยนะคะว่าเนื้อสัตว์กินแล้วปวดท้อง" ดิฉันรับปากลูกสาว และตั้งใจจะไปจัดกิจกรรมธรรมะบำบัดที่เห็นผลฉับพลันทันที ให้คุณครู และนักเรียนภายในโรงเรียนอนุบาลสาธิตได้ทราบด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-13 10:52:15


ความคิดเห็นที่ 31 (1675706)

สนทนาธรรมกับพระหัวดื้อ

ท่านเป็นเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ชะเมาสิริธรรม สำนักสงฆ์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างร่ำลือกันว่าพระรูปนี้ประพฤติปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ทั้งการกระทำ และคำพูด ชาวบ้านจึงพากันถอยห่างไม่เข้าวัดทำบุญ ดิฉันได้แวะไปหาท่านที่วัดก่อนไปทำงาน เมื่อก่อนดิฉันไปทำบุญกับท่านอยู่เสมอ ช่วงเข้าพรรษานี่ดิฉันไปฟังธรรมจากท่านเกือบจะทุกวันพระ ท่านเคยเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีอารมณ์สงบนิ่ง ชอบการนั่งสมาธิเป็นชีวิตจิตใจและมักจะสอนให้ญาติโยมที่ไปทำบุญนั่งสมาธิด้วย ดูภายนอกก็น่าเลื่อมใสค่ะ ผิวพรรณก็ผุดผ่องดูมีสง่าราศี ผู้คนให้ความเคารพนับถือท่านมาก แต่ไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าอะไรทำให้ท่านเปลี่ยนไปจากขาวเป็นดำ ชาวบ้านเขาพูดกันทั่วว่าท่านเปลี่ยนไปเพราะโยมผู้หญิงหม้ายคนหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเห็นโยมคนดังกล่าวเข้าออกวัดในยามวิกาล ความเป็นพระที่สงบเสงี่ยมก็หายไป กลายเป็นพระอารมณ์ร้อน ฝีปากกล้า ด่าญาติโยม แต่ท่านจะเชื่อฟังและให้ความไว้วางใจกับหญิงหม้ายคนนั้นมาก ดิฉันเองก็มิได้เข้าวัดทำบุญเสียนานตั้งแต่รู้จักดินแดนมหัศจรรย์บ้านสวนพีระมิด และทราบจากชาวบ้านว่าท่านไม่เคยออกบิณฑบาตร เป็นไงเป็นกันวันนี้ก่อนไปทำงานจะแวะเข้าไปสนทนาธรรมกับท่านเสียหน่อย

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-13 11:52:32


ความคิดเห็นที่ 32 (1675713)

ดิฉันไม่เคยเจอท่านนานแล้วค่ะ ท่านเปลี่ยนไปมาก ดูผอมซูบเซียว ผิวพรรณไม่ผุดผ่องเหมือนเมื่อก่อน ในวัดก็เงียบเหงาไม่มีผู้คนมาทำบุญเหมือนเมื่อก่อน "ท่านสบายดีหรือคะ โยมไม่ได้มาที่นี่เสียนาน"  "สบายดี แล้วหายไปไหนมา"  "โยมกลับไปเรียนปริญญาโทให้จบ เรียนมาหลายปีแล้วไม่จบซะที ตอนนี้เรียนจบแล้ว แล้วก็ไปทำบุญที่นครนายกมาด้วยค่ะ ตอนนี้บาปบุญสามารถที่จะพิสูจน์ได้เป็นวิทยาศาสตร์แล้วนะคะ"  "พิสูจน์ยังไง"  เจ้าอาวาสถาม  "พิสูจน์ด้วยพีระมิดค่ะ อาจารย์อุบล ท่านอธิษฐานบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบรรจุในพีระมิดแค่ได้สัมผัสพลังงานแสงบุญจากพีระมิดก็จะหายเจ็บป่วยทันทีค่ะ"  "แล้วถ้าไม่เจ็บป่วยจะรู้ได้ยังไงว่ามีแสงบุญอยู่ในพีระมิดนี่"  "เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้ดูค่ะ ตอนนี้มีความเครียดบ้างมั๊ยละคะ" "ไม่มี สบายดี"  "ไม่มีพระรูปใดในวัดที่มีอาการเจ็บป่วยเลยเหรอคะ โยมจะได้พิสูจน์ให้ดู"  "ไม่มี เขาสบายดี"  เมื่อท่านตอบอย่างนั้นดิฉันจึงชักชวนท่านสนทนาต่อ " โยมมีโอกาสได้เข้าไปสอนเด็กนักเรียนในโรงเรียนวัดมะกรูดด้วยค่ะ เด็กบางคน ปวดหัว ปวดขา ฯลฯ เขาก็หายปวดกัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปวดนั้นก็เพราะเด็กๆ เขาทำในสิ่งที่ผิด เช่น เตะเพื่อนบ้าง ตีหัวเพื่อนๆ บ้าง"   "พิสูจน์แล้วจะได้อะไร"   "พิสูจน์เพื่อให้รู้กฎแห่งกรรมยังไงละคะ ถ้าทุกคนรู้ว่ากรรมมีจริง ทำเหตุไม่ดีไว้เขาก็ต้องได้รับผลไม่ดี เมื่อเขารู้เขาก็จะกลัวไม่กล้าทำในสิ่งที่ไม่ดีอีกต่อไปค่ะ และจะตั้งใจรักษาศีล 5 ด้วย"  "โยมว่าอะไรคือเหตุ"  เจ้าอาวาสถาม ดิฉันจึงยกตัวอย่างให้ท่านฟังว่า  "การที่คนเราได้รับความเจ็บปวดที่มือนั้นอาจจะเป็นเพราะเราเคยใช้มือฆ่าสัตว์ หรือ ลักขโมย มาก่อน การฆ่าสัตว์ และ การลักขโมย จึงเป็นเหตุค่ะ" ท่านลองกำมือดูแล้วพูดว่า "การฆ่าสัตว์ และการลักขโมย อาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เจ็บมือก็ได้ เพราะท่านเองก็เคยฆ่าสัตว์มาเยอะ"  ท่านคงจะบอกให้ดิฉันรู้ทางอ้อมค่ะว่าท่านก็เคยฆ่าสัตว์มาเยอะไม่เห็นเจ็บมือเลย ดิฉันจึงถามท่านว่า "ตอนนี้ไม่มีอาการเจ็บป่วย หรือปวดตามร่างกายตรงไหนเลยหรือคะ โยมจะให้พิสูจน์ดูว่าอะไรคือเหตุที่ทำให้เจ็บป่วย แท้จริงแล้วอาการเจ็บป่วยของคนเรามีหลายสาเหตุค่ะ เราต้องค้นหาเหตุให้เจอ เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าทุกสิ่งนั้นเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับ ดูอย่างโยมนึกที่บ้านอยู่ข้างวัดซิคะ มีอาการมือชาไม่มีแรงคล้ายจะเป็นอัมพฤกษ์ ไม่สามารถหยิบจับสิ่งของได้ ไปหาหมอทานยาแก้เหน็บชาอยู่สองเดือนก็ไม่หาย แต่พอโยมนึกสารภาพบาปว่าเคยใช้มือ ฆ่าสัตว์ ลักขโมยทำมาตั้งแต่เล็กจนโต เอาของวัด พระให้ก็เอา พระไม่ให้ก็เอา อาการชาที่มือก็หายได้ค่ะ"  "หายก็ดี มันก็เหมือนกับการเอาฆ้อนขว้างหัวนกนั่นแหละ ขว้างโดนก็แล้วไป แต่ถ้าขว้างไม่โดนก็ต้องรักษากันด้วยวิธีอื่นต่อไป"  "แต่ท่านอาจารย์อุบลสามารถใช้ธรรมะบำบัดให้คนพิการเดินได้เลยนะคะ"  "หมอก็ทำให้คนพิการเดินได้เหมือนกัน"  "แต่อาจารย์อุบลสามารถทำให้เดินได้ทันทีค่ะ หมอต้องใช้เวลาในการรักษา"  "เหตุมันไม่ได้เกิดจากสิ่งที่โยมพูดมาหรอก โยมต่างหากล่ะที่เป็นเหตุ ฉันอยู่ของฉันดีๆ โยมก็ตั้งใจขับรถมาจากบ้าน มาถึงก็มาสร้างเรื่อง ปรุงแต่ง อุปทานเอาเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนี้ โยมไม่ต้องไปสนใจครูบาอาจารย์คนไหนหรอก ยึดพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวก็พอ แล้วนี่อะไร เมื่อก่อนไม่เห็นมีพีระมิดนี่หมอเขาก็สามารถรักษาให้คนหายเจ็บป่วยกันได้"  "ค่ะ แต่ตอนนี้มีพีระมิดที่เป็นบุญของครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้เราได้พิสูจน์กฎแห่งกรรมให้รู้สาเหตุของความเจ็บป่วย เมื่อรู้เหตุ แล้วดับเหตุ อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ก็สามารถหายได้ทันทีค่ะ"  "ไม่มีหรอกการเอาบุญของคนอื่นมาใช้ บุญต้องสร้างเอาเอง" "ถูกต้องแล้วค่ะบุญเราต้องเป็นผู้สร้างเอง แต่บุญของครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นท่านให้เรายืมใช้ในการพิสูจน์ เราจะได้รู้ว่าอะไรคือสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เราเจ็บป่วย ผีมีจริง จิตวิญญาณมีจริง เจ้ากรรมนายเวรของเรามีจริง"  "จิตวิญญาณที่โยมรู้เป็นยังไง"  

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-13 13:18:15


ความคิดเห็นที่ 33 (1675715)

นักวิทยาศาสตร์เขาเรียกจิตวิญญาณว่าพลังงานค่ะ แต่อาจารย์อุบลท่านเรียกว่าผี "ฝากไปบอกอาจารย์ด้วยนะ ว่าให้ไปศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าให้มากกว่านี้ อย่าเที่ยวเอาอะไรมาสอนใครเขาแบบผิดๆ อีก รู้มั๊ยว่าสิ่งที่อาจารย์เอามาบอกมาสอนมันเป็นการอวดอุตริ แม้ผู้ที่บรรลุแล้วจริงเขาก็จะไม่ออกมาพูดกันอย่างนี้กันหรอก สิ่งที่อาจารย์ทำเป็นความผิดขั้นอนันตริยกรรม พระพุทธเจ้าท่านไม่พูดมาก เวลาท่านแสดงธรรมท่านไม่เคยกวักมือเรียกให้ผู้ที่เดินผ่านแล้วไม่ศรัทธาท่านเข้ามารับฟังธรรมะจากท่านได้ ไม่สามารถบังคับใครได้ต้องปล่อยเขาไป"  "ดิฉันไม่เห็นว่าการเอาความจริงมาพูดให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ จะเป็นการอวดอุตริ และเห็นด้วยอย่างยิ่งในสิ่งที่เจ้าอาวาสบอกว่า "ไม่สามารถบังคับใครได้ต้องปล่อยเขาไป"  ดิฉันก็คงต้องปล่อยเจ้าอาวาสไป และบอกท่านว่า "ดิฉันไม่ได้มาเพื่อบังคับให้ท่านเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ดิฉันนำมาบอกเล่าเพียงแต่ดิฉันมาบอกท่านว่า บาปบุญ มีจริงสามารถที่จะพิสูจน์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แล้วก็ไม่ได้มาบังคับให้ท่านพิสูจน์ด้วยถ้าท่านไม่ต้องการพิสูจน์"  "เป็นแค่โยมรักษาศีล 5 ครบรึเปล่าก็ไม่รู้มาสอนพระ ทำถูกแล้วเหรอ" "โยมไม่ได้มาสอนพระหรอกค่ะ ทุกวันนี้ก็พยายามที่จะรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ แต่พระเองก็ยังทำผิดพระวินัยได้เหมือนกันค่ะ" "ไม่มีพระคนไหนไม่ทำผิดพระวินัยหรอก แต่แม้พระจะทำผิดพระวินัยไปบ้าง ศีลของพระมีตั้ง 227 ข้อ ก็ยังมีมากกว่าโยมที่รักษาศีล 5 โยมกลับไปได้แล้ว เสียเวลา เชื่อพระพุทธเจ้าดีที่สุด คิดถึงความตายเอาไว้ดีกว่า นี่ถ้าโยมขับรถออกไปเกิดไปตาย ไอ้สัตว์นี่ (ท่านหมายถึงวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิด) คุ้มครองอะไรโยมไม่ได้หรอก"  ดิฉันยังไม่ทันได้ขับรถออกไปตายตามที่ท่านพูดไว้เลย ท่านก็ได้รับโทรศัพท์สายด่วนว่าพระสงฆ์ถูกยิงตายในขณะออกบิณฑบาตร ท่านเป็นพระที่พกปืนด้วยค่ะ บอกเอาไว้ป้องกันตัว

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-13 13:57:38


ความคิดเห็นที่ 34 (1675933)

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557   วันนี้ดิฉันไปซื้อของฝากให้น้องสาวที่ตลาดกิมหยงใจกลางเมืองหาดใหญ่ ในขณะที่รอให้แม่ค้าจัดของที่สั่งซื้อให้ ดิฉันได้พูดบอกเล่าเกี่ยวกับปรากฎการณ์บ้านสวนพีระมิดให้แม่ค้าฟังไปด้วย และได้พูดเรื่องของตนเองที่เคยจนสุดๆ บางวันมีเงินติดตัวเพียง 20 บาท แต่อานิสงค์ที่ได้ทำบุญกับบ้านสวนพีระมิดทำให้ดิฉันรวยเพียงชั่วข้ามคืนมีเงินรายได้หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนต่อวัน และเรื่องนี้ก็ได้พิสูจน์มาแล้วค่ะว่าธุรกิจครอบครัวของดิฉันร่ำรวยได้ทุกวันนี้เป็นเพราะบุญบ้านสวนพีระมิดจริงๆ และดิฉันก็ได้บอกเล่าเรื่องที่สามีได้ปรามาสท่านอาจารย์อุบลจนธุรกิจที่กำลังรุ่งเรือง เจ๊งภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน ถึงกับต้องขายเครื่องมือทำมาหากิน (รถยก) ในราคาถูกเพราะต้องการใช้เงินด่วน  ไม่รู้ลูกค้าหายไปไหนหมด แต่พอดิฉันพาสามีกลับไปกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล เพียงแค่ไม่กี่วันธุรกิจที่เจ๊งกลับเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม คราวนี้คุณป้าหยุดขายของเลยค่ะ หันมาบอกดิฉันว่า " ป้ามัดสนใจนะในสิ่งที่ลูกพูดเห็นป้าขายของอย่างนี้ป้าไม่มีเงินเลยป้าลำบากเดือดร้อนเรื่องเงินทองมากมี ลูก 5 คน ก็ขอเงินป้าใช้หมดเลย ถ้ามองภายนอกใครๆ ก็มองว่าป้ามัดมีความสุข แต่ป้ามัดไม่มีความสุขเลยลูกป้ามัดทุกข์ใจเรื่องเงิน บางวันป้ามัดไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ป้ามัดต้องไปเอาข้าวที่วัดมากิน ไม่รู้ว่าทำเวรทำกรรมอะไรไว้ชีวิตถึงได้จนอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ทำบุญไว้พระสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรตลอด"  ดิฉันได้บอกป้ามัดไปว่า "หนี้สงฆ์ค่ะป้ามัด หนี้สงฆ์ทำให้ป้ามัดยากจน" แล้วดิฉันก็อธิบายเรื่องหนี้สงฆ์ให้ป้ามัดฟังอย่างละเอียด  "ช่วยป้ามัดด้วยนะ ทำยังไงป้ามัดถึงจะได้ไปพบอาจารย์อุบลและได้บูชาพีระมิดเหมือนลูกบ้างเพราะตอนนี้ป้ามัดทุกข์เรื่องการเงินเหลือเกิน"  "ป้ามัดคะแม้ว่าป้ามัดยังไม่มีโอกาสได้ไปพบท่านป้ามัดก็สามารถพ้นทุกข์ได้ค่ะ ป้ามัดต้องหยุดสร้างเหตุที่ทำให้จนยิ่งเอาของสงฆ์นี่เป็นกรรมหนักเลย แล้วก็ต้องสร้างเหตุที่ทำให้เรามีสภาพคล่องทางการเงิน ทำบุญให้เป็นต้องรู้จักเลือกเนื้อนาบุญ และถ้าป้ามัดสนใจจะทำบุญบูชาพีระมิดฝากหนูบูชาก็ได้ค่ะเพราะวันที่ 22-23  กุมภาพันธ์ หนูจะไปร่วมค่ายกิจกรรมที่บ้านสวนพีระมิด ป้ามัดคะเวลาขายของก็ให้เรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยนะคะให้ขายดี ลองเรียกดูนะคะถ้าได้ผลป้ามัดต้องบอกต่อคนอื่นด้วยนะคะถ้าไม่บอกต่อจะใช้ได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น ทุกครั้งที่ใช้ได้ผลให้ขอบคุณอาจารย์อุบลและเทวดาที่รักษาอาจารย์อุบลทุกๆ พระองค์ เมื่อทำบุญใดๆ ก็ให้อุทิศบุญให้เทวดาที่รักษาอาจารย์อุบล ในขณะที่ดิฉันนั่งพิมพ์ธรรมทานอยู่ป้ามัดก็โทรเข้ามาพอดีค่ะบอกว่าใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยแล้วได้ผลค้าขายของได้ทั้งๆที่ไม่ค่อยมีลูกค้า ย้ำดิฉันว่าอย่าลืมพีระมิดของป้านะฝากเพิ่มอีก 1 องค์ ลูกชายเอาด้วยเขาทำธุรกิจเปิดร้านถ่ายเอกสารกิจการไม่ค่อยดีมีปัญหา ลูกขอน้อมกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์ ท่านอาจารย์อุบลเป็นอย่างสูง ที่เมตตาให้ลูกได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นทุกข์

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-20 10:54:02


ความคิดเห็นที่ 35 (1675938)

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557  วันนี้ดิฉันได้ใช้ธรรมะบำบัดให้กับผู้ป่วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ

สิ่งควรรู้เกี่ยวกับไทรอยด์เป็นพิษ: ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมที่มีความสำคัญมากต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข มีหน้าที่สร้างและหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกสู่กระแสเลือดเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายทำงานปกติ โดยเฉพาะหัวใจและประสาท

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไทรอยด์เป็นพิษ: เกิดจากที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน โดยต่อมใต้สมองไม่สามารถควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนได้ ทำให้การหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาในกระแสเลือดเป็นจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษจะมีขนาดโตจนมองเห็นได้ชัดเจน

ลักษณะอาการ: เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มือสั่น มักขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แขนขาไม่มีแรง กลืนลำบาก มีภาวะอัมพาตเป็นครั้งคราว บางรายต้องรับประทานยาเป็นประจำ ถ้าหยุดยามักจะทำให้มีอาการเป็นพิษได้อีก

การรักษาไทรอยด์เป็นพิษ
   วิธีแรก คือ ให้ยาเม็ดเพื่อควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้น เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น ชีพจรเต้นช้าลง ใจสั่นลดลง ฯลฯ ต้องใช้ยาติดต่อกันตั้งแต่ปีครึ่งถึงสองสามปี บางรายต้องรับประทานยาเป็นประจำ ถ้าหยุดยามักทำให้อาการเป็นพิษได้อีก ข้อควรสังเกตอาการ ที่ควรรายงานให้แพทย์ทราบจากการใช้ยาเม็ด คือ มีโรคติดเชื้อบ่อย เนื่องจากฤทธิ์ยาทำให้มีเม็ดเลือดขาวต่ำในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไข้สูง เจ็บคอ มีผื่นคันตามผิวหนัง มีอาการตัวเหลืองหรือตาเหลือง

 วิธีที่สอง การผ่าตัดเพื่อเอาต่อมไทรอยด์บางส่วนออก ซึ่งจะทำให้ผลการรักษาเร็วกว่าวิธีกินยาเม็ด การผ่าตัดเหมาะที่จะใช้ในรายที่คอโตมากๆ หรือมีก้อนร่วมด้วย ข้อเสียการผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออกมากไป ทำให้ต่อมส่วนที่เหลือสร้างฮอร์โมนไม่พอใช้ ต้องกินยาฮอร์โมนไทรอยด์แทนตลอดชีวิต และอาจมีเสียงแหบได้
 วิธีที่สาม การกินน้ำแร่สารกัมมันตรังสีไอโอดีน 131 จะไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์ แล้วปล่อยรังสีทำลายต่อมให้หายเป็นพิษ วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยรักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยที่อายุมากแล้ว แต่ห้ามใช้ในหญิงกำลังตั้งครรภ์ ข้อเสีย ถ้าได้รับน้ำแร่จำนวนน้อยก็ไม่หายขาดต้องกินซ้ำอีก หรือมากเกินไปอาจเกิดภาวะขาดฮอร์โมนได้เช่นกัน

ผู้ป่วยโรคไทรอยด์รายนี้ ชื่อคุณทา  เป็นชาวจังหวัดสงขลา บอกดิฉันว่า "เจ็บป่วยเป็นไทรอยด์เป็นพิษ ทรมานมากมีอาการเหนื่อยเป็นหืดหอบทุกคืน น้ำหนักลดลงเยอะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง มีอาการร้อนโดยเฉพาะบริเวณลำคอจะร้อนมากซึ่งคุณหมอจะนัดทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ไม่อยากผ่าตัดเลย"  ดิฉันเลยถามคุณทาว่า "อยากจะหายโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดรึเปล่าล่ะคะ โรคทุกโรคที่เป็นล้วนแล้วแต่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งสิ้น ลองพิสูจน์ได้นะคะด้วยวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดของอาจารย์อุบลจะลองพิสูจน์ดูมั้ยคะว่าอาการที่เจ็บป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษแท้จริงแล้วเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่" เมื่อคุณทายอมพิสูจน์ ดิฉันได้ให้คุณทาสารภาพบาปค่ะว่าเคยใช้ปากทำลายความดีอะไรมาบ้าง เช่น ดุด่า ว่าร้าย นินทา โกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น เคยทำบ้างรึเปล่า ดิฉันถาม คุณทาตอบว่า "เคยทำ" "ทำยังไง กับใคร บ้างคะบอกมาให้ละเอียด" ดิฉันถามต่อ  คุณทาบอกว่า "เคยโกหก และด่าว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของตนเอง" หลังจากที่ได้สารภาพแล้วอาการเจ็บป่วยที่คอของคุณทาดีขึ้นเวลากลืนน้ำลายไม่เหลืออาการเจ็บคออยู่เลยค่ะ เหลืออาการร้อนที่คอ ดิฉันได้บอกให้คุณทา ปฏิบัติต่อคุณพ่อคุณแม่ ผู้ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของลูกด้วยความเคารพรัก ให้กลับไปกราบเท้าขอขมาท่านที่เคยโกหกด่าว่าล่วงเกินท่านทั้งสองและให้บอกท่านด้วยว่ากรรมที่คุณทาเคยทำไว้กับท่านบัดนี้ได้ส่งผลให้คุณทาเจ็บป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ คุณทารับปากดิฉันว่ากลับไปจะไปกราบเท้าขอขมาคุณพ่อกับคุณแม่และสัญญาว่าจะปฏิบัติต่อท่านทั้งสองด้วยความเคารพรัก ดิฉันจึงให้คุณทาพิสูจน์บารมีของท่านพ่อดตาจินิน วางองค์ที่ 1 สร้างกำแพงแก้ว 7 ชั้นป้องกันจิตวิญญาณที่จะเข้ามาเพิ่ม  อาการร้อนที่คอดีขึ้น 70% วางองค์ที่ 2 ถอดถอนจิตวิญญาณที่ฝังอยู่ในตัวของคุณทา อาการร้อนที่คอดีขึ้นอีก 10% เป็น 80% พอดิฉันอธิษฐานขอบารมีท่านพ่อดตาจินินเพิ่มจำนวนพีระมิดเป็น 9 คู่ อาการร้อนที่คอของคุณทาก็ดีขึ้นอีก 10% รวมเป็น 90% แล้วค่ะ และเมื่อดิฉันอธิษฐานขอบารมีท่านพ่อดตาจินินเพิ่มเป็น 99 คู่ อาการร้อนที่คอหาย 100% ค่ะ นอกจากนี้ดิฉันได้ให้คุณทาลองสัมผัสบารมีพีระมิดจำลองรุ่นจักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอารย์ คุณทาบอกว่า "นอกจากจะไม่ร้อนที่คอแล้วยังรู้สึกเย็นด้วยค่ะ" สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-20 12:51:53


ความคิดเห็นที่ 36 (1676117)

เมื่อวานวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557  ดิฉันเดินทางจากกรุงเทพถึงสนามบินหาดใหญ่ในเวลาประมาณ 07.20 น. ในขณะที่กำลังขนสัมภาระและพีระมิดจำนวนมากอยู่นั้น ก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก "น้องเอ็มใช่มั้ยครับ"  "ใช่ค่ะ"  "พี่บ่าวนะครับ ทำงานที่ อบต.ปากล่อ น้องเอ็มมาจากไหนเหรอครับ"  ได้ยินคำถามอย่างนี้หูผึ่งเลยเรา จึงบอกเล่าประสบการณ์บ้านสวนพีระมิดในการไปเข้าค่าย 18 เศรษฐีใหม่ เรื่องของตนเองที่เคยจนแล้วรวยแบบข้ามคืน  มีโชคก้อนใหญ่หลังจากที่ได้บูชาพีระมิดรุ่นรวยซะให้เข็ด และการใช้ธรรมะบำบัดของบ้านสวนพีระมิดที่เห็นผลฉับพลันทันที เช่น หายจน หายเจ็บป่วย หายพิการ ได้ทันทีสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และบอกพี่เค้าว่าอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ดิฉันพูด อย่าให้ใครเขามาหลอก  จนกว่าจะพิสูจน์รู้ได้ด้วยตนเอง คราวนี้พี่บ่าวสนใจอยากพิสูจน์ดูกับอาการเจ็บป่วยของตนเองบ้าง คือพี่เค้าเจ็บตาข้างซ้าย มีก้อนเนื้อบริเวณใต้ตาและก้อนเนื้อก็มีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ มีน้ำตาออก ตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน ดิฉันให้ลองสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณแล้วให้ระลึกกรรมไม่ดีที่ใช้สายตาทำมาจนถึงปัจจุบัน เช่น ดูหนังโป๊ ทำร้ายคนและสัตว์ให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตา ใช้สายตา ดุ ด่า หรือมองค้อนผู้อื่นก็เป็นสาเหตุให้เราเจ็บตาได้ทั้งสิ้น พี่บ่าวบอกว่า "เวลาพี่โกรธพี่จะใช้สายตา ดุ ด่า แล้วก็ถลึงตาใส่ผู้อื่น" พูดไปก็สาธิตวิธีการใช้สายตาในทางที่ผิดให้ดิฉันดูด้วยค่ะ ผู้คนที่นั่งรอรถอยู่ที่สนามบินก็หันมามองด้วยความสงสัยว่าเราสองคนทำอะไร หลังจากที่พี่บ่าวได้สารภาพบาปแล้วลองกระพริบตาดู อาการเจ็บตาและพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดดีขึ้น 20%  ดิฉันให้ลองพิสูจน์         บารมีของพระนางเนเฟอร์ตารีและท่านรามเสสที่ 2 ผ่านพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ แล้วพูดว่า "ทุกคนต้องการความรักค่ะ อยากให้เราใช้สายตามองเขาด้วยความรัก เราเองยังอยากให้คนอื่นมองเราด้วยความรักเลยค่ะ ต่อไปนี้เราอย่าใช้สายตา ดุ ด่า ว่าใครอีกเลยนะคะ ให้มองเขาด้วยความรักเท่านั้น" หลังจากที่พี่เค้าได้สัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ อาการเจ็บตาและตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดดีขึ้นเป็น 60%  "คราวนี้เรามาลองสัมผัสบารมีของท่านพ่อดตาจินินกันบ้างนะคะ ลองดูซิ ว่าการที่เราเคยใช้สายตาในทางที่ผิด จะทำให้ ผี วิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรของเรา ชักชวน ผี มาร อสูร ซาตาน คุณไสย์มนต์ดำ ต่างๆ จากนอกโลกมากระหน่ำซ้ำเติมเราได้อีกจริงหรือเปล่า"  หลังจากที่พี่บ่าวได้สัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินิน องค์ที่ 1 สร้างกำแพงแก้ว 7 ชั้นป้องกันจิตวิญญาณที่จะเข้ามาเพิ่ม องค์ที่ 2 ถอดถอนจิตวิญญาณที่ฝังอยู่ในตัวแต่ละคน อาการเจ็บตาและตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดดีขึ้นอีกประมาณ 10%  และพอได้อธิษฐานขอบารมีท่านพ่อดตาจินินเพิ่มเป็น 9 คู่ ส่งสะท้อนกลับไปหาคนที่ทำ ก็ดีขึ้นอีกประมาณ 10% รวมเป็น 80 %  ดิฉันจึงขอบารมีของท่านพ่อดตาจินินเพิ่มเป็น 99 คู่ เพื่อประหารมารให้สิ้นซาก ปรากฎว่า อาการเจ็บตา มีน้ำตา และตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน ดีขึ้นมากเกือบหายเป็นปกติ เมื่อให้ลองสัมผัสพีระมิดจำลองรุ่น จักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอารีย์ วางองค์ที่ 1 ส่งไปเมตตาวิญญาณผีเจ้ากรรมให้ขึ้นนิพพาน องค์ที่ 2 ใช้ประหารผีเจ้ากรรมที่ไม่ยอมรับบุญ พี่บ่าวบอกว่า "เมื่อได้สัมผัสพีระมิดรุ่นนี้ อาการเจ็บตา มีน้ำตา และตาที่พร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน หายและสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเป็นปกติแล้ว แถมก้อนเนื้อบริเวณใต้ตาก็มีขนาดที่เล็กลง พี่บ่าวเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ตนเองได้พิสูจน์ 100% ดิฉันจะบอกให้ผู้ที่ได้รับการบำบัดทุกคนขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์ เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบลที่เมตตาบอกวิธีนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาให้ลูกหลานได้พิสูจน์และพ้นทุกข์กันแบบฉับพลันทันที ดิฉันไม่ได้มีความดีอะไรเลยเป็นคนธรรมดาที่เคยชั่วมาก่อนและต้องทุกข์กับปัญหา ความยากจน เจ็บป่วยปางตาย(เน่าทั้งตัว) ก็เพราะกรรมที่ตนเองได้ก่อไว้ ได้พบแนวทางพ้นทุกข์เพราะมุ่งมั่นและปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์อุบลบ้านสวนพีระมิด ทุกวันนี้จึงอุทิศตนช่วยแบ่งเบาภาระท่านอาจารย์อุบลในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นทุกข์เช่นเดียวกับดิฉัน

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-25 10:31:58


ความคิดเห็นที่ 37 (1676119)

พี่บ่าวบอกดิฉันว่า "ทุกวันนี้พี่มีความทุกข์กับปัญหาการงานเหลือเกิน นายก ปลัด  ให้เซ็นต์เอกสารทุจริตไม่อยากทำเลย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าพูดเรื่องนี้  พอพี่พูดกับเค้าตรงๆ  ก็เกิดการถกเถียงกันเป็นประจำ เวลาพี่โกรธพี่ก็ใช้สายตา ดุ ด่า ถลึงตาใส่  แล้วพี่ก็บังเอิญไปเห็นไปรู้ความลับของข้าราชการผู้ใหญ่ระดับหัวหน้าถ้องถิ่นจังหวัดว่าเป็นชู้กับหัวหน้าของตนเอง ก็ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข เขาระแวงกลัวว่าพี่จะเอาเรื่องของเขาไปพูดให้เขาเสียหาย ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยคิดจะยุ่งเรื่องของเค้าเลย แต่เขาก็กลัวจะเอาไปพูดถึงขนาดโทรมาข่มขู่จะฆ่าพี่ให้ตาย พอพี่ได้มาเจอน้องเอ็ม ฟังน้องเอ็มพูด เหมือนพี่จะได้พบทางออกในชีวิต พี่จะลาออก ไม่อยากรับราชการแล้ว ไม่อยากข้องเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น มีลูกมีหลานก็ไม่อยากให้เข้ามาทำงานตรงนี้"  พี่บ่าวระบายความทุกข์ในใจให้ดิฉันฟังด้วยความสนิทใจ "ลาออกแล้วจะไปทำอะไรเหรอคะ"  "พี่มีที่ดินที่ไปซื้อไว้แถบภาคอีสาน ตั้งใจจะทำรีสอร์ทตอนนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เปิดให้บริการ ถ้าเปิดแล้วก็กลัวว่าจะมีปัญหาเหมือนกันเพราะญาติก็ทำธุรกิจนี้อยู่สถานที่ก็อยู่ติดกันกลัวเขาว่าเรามาแย่งลูกค้า"  "ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยสิคะ ให้ท่านช่วยเหลือเรื่องอะไรก็บอกไป และทุกครั้งที่ใช้ได้ผลเราจะต้องขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบล เป็นการแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเราค่ะถ้าเราอกตัญญูเทวดาท่านก็จะทอดทิ้งเราเช่นกัน บอกให้ญาติที่เปิดรีสอร์ทติดกันใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยเช่นกันนะคะ บอกต่อๆ กันไป อย่าให้มีการขายเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มของมึนเมาในรีสอร์ทนะคะ ยิ่งถ้าเปิดรีสอร์ทแล้วขายอาหารประเภทมังสวิรัติจะยิ่งรวยใหญ่เลยค่ะ สัตว์ทุกตัวมีจิตวิญญาณค่ะเขาก็เคยเกิดเป็นคนมาก่อน และที่เขาต้องเกิดมาเป็นสัตว์ก็เพราะว่าเขาทำบาปมาก่อน เนื้อทุกชิ้นเลือดทุกหยดที่เรากิน เขาจะมาเอาคืนถึงชีวิตเลยนะคะ คราวนี้พี่บ่าวหันมามองหน้าดิฉันด้วยความสงสัย ประมาณว่าเธอเอาอะไรมาพูด รู้ได้ยังไงว่าวิญญาณสัตว์จะมาเอาคืนถึงชีวิต ดิฉันก็เลยบอกว่าท่านอาจารย์อุบลบอกค่ะว่าวิญญาณสัตว์ต่างๆ มาบอกท่านให้มนุษย์หยุดสร้างกรรมด้วยการกินเนื้อสัตว์ พิสูจน์มาแล้วค่ะว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นเหตุให้เราเจ็บป่วย ไม่ใช่สารอาหารที่มีประโยชน์อย่างที่เราเข้าใจเลย "ครับพี่เชื่อและศรัทธาในสิ่งที่น้องเอ็มนำมาบอกเล่า ต่อไปนี้พี่จะทานอาหารมังสวิรัติครับ" ในที่สุดพี่บ่าวก็ตัดสินใจบูชาพีระมิดรุ่นเศรษฐีใหม่จากดิฉัน จำนวน 1 คู่ และได้อธิษฐานให้มีสภาพคล่องทางการเงิน จะลาออกจากงาน ไปเปิดกิจการรีสอร์ทที่ขายอาหารมังสวิรัติค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-25 11:17:25


ความคิดเห็นที่ 38 (1676130)

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557  วันนี้ป้าอิ่ม ประชาชนในหมู่บ้านปั่นจักรยานมาติดต่อราชการที่สำนักงานเทศบาลตำบลมะกรูด พูดขึ้นว่า "ป้าปวดหัวเข่าอายุมากแล้วมันก็ต้องปวดเป็นไปตามสังขาร"  ดิฉันได้พูดชักชวนให้ป้าอิ่มพิสูจน์วัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดดูว่าสามารถทำให้ป้าอิ่มหายปวดหัวเข่าได้หรือเปล่า ป้าอิ่มถามดิฉันว่า "จะมาขายอะไร ไม่ซื้อหรอก"  "ไม่ได้จะมาขายอะไรทั้งนั้น ให้พิสูจน์ฟรีค่ะ"   "ก็ได้ ไหนๆ ก็มาแล้วลองดูซะหน่อย"  ดิฉันให้ป้าอิ่มลองสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณร่วมกับการสารภาพบาป ป้าอิ่มบอกว่า "ใช้เท้าเตะหมา เตะแมว เหยียบหลังให้พ่อแม่ แล้วก็เปิดปิดพัดลมด้วยเท้า"  "หลังจากสารภาพแล้วอาการปวดขาดีขึ้นบ้างมั้ยคะ" ดิฉันถาม ป้าอิ่มตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า "ดีขึ้น 40 %"  จากนั้นดิฉันให้ป้าอิ่มลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ อาการปวดหัวเข่าก็ดีขึ้นอีก 20% เป็น 60%  เมื่อป้าอิ่มได้สัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินิน อาการปวดหัวเข่าก็ดีขึ้นอีก 30%  รวมเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันถามป้าอิ่มว่า "ป้าเคยเอาของวัดบ้างรึเปล่าคะ แม้ว่าของสิ่งนั้นพระจะอนุญาตให้ก็ตาม"  "เคยเอาพระบอกว่าเอาได้ของเหลือพระแล้ว"     "เราไม่มีสิทธิ์เอานะคะป้าสิ่งของที่นำมาทำบุญเขาถวายพระพุทธเจ้า ผิดทั้งผู้ให้ผู้รับ ตายไปนรกเลยนะป้า ถ้าพระจะให้ของสงฆ์แก่ใครก็ต้องทำให้ถูกต้องประชุมสงฆ์ทุกรูปภายในวัดมีมติยินยอมให้โดยพร้อมเพรียงกันพระรูปใดรูปหนึ่งแม้แต่เจ้าอาวาสก็ไม่มีสิทธิ์เอาของสงฆ์ให้ใครโดยพละการค่ะ เดี๋ยวหนูจะให้ป้าอิ่มพิสูจน์ดูนะคะว่ากรรมหนี้สงฆ์ทำให้ป้าอิ่มปวดหัวเข่าบ้างรึเปล่า"  เมื่อดิฉันวางพีระมิดรุ่นบวงสรวงพระปฐมฯ ลงบนฝ่ามือให้ป้าอิ่มสัมผัสป้าอิ่มบอกว่าอาการปวดที่หัวเข่าดีขึ้นอีกเป็น 95%  และเมื่อได้สัมผัสบารมีจากพีระมิดจำลองรุ่นจักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอารีย์ ผลปรากฎว่าอาการปวดหัวเข่าของป้าอิ่มดีขึ้นอีกเป็น 99% ส่วนอาการเจ็บที่เหลืออีก 1%  นั้นดิฉันบอกให้ป้าอิ่มใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ป้าอิ่มหายปวดขานั่งยิ้มแบบมีความสุขไม่คิดว่าอาการปวดที่หัวเข่าจะเกิดมาจากการทำผิดศีล  ดิฉันบอกกับป้าอิ่มว่าถ้าไม่มีครูบาอาจารย์อย่างท่านอาจารย์อุบลนำธรรมะมาให้เราได้พิสูจน์กฎแห่งกรรมเราก็ยังคงทำผิดศีลกันอยู่ ท่านสอนให้เรารักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ มาฉุดช่วยลูกหลานไม่ให้ตกนรก ป้าอิ่มพนมมือขึ้นขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบลที่เมตตาให้ป้าอิ่มได้พิสูจน์กฎแห่งกรรมทำให้ทราบสาเหตุของความเจ็บป่วย

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-25 14:53:24


ความคิดเห็นที่ 39 (1676145)

วันนี้ลูกน้องที่ทำงาน (น้องจุ๊บ) กมลพร ทายะพิทักษ์ ตำแหน่ง นักพัฒนาชุมชน มารายงานดิฉันด้วยความตื่นเต้นว่า "เมื่อวานจุ๊บปวดขาแต่พอเดินเข้าไปใกล้กระเป๋าพี่เอ็มอาการปวดขาหายหมดเลย แปลกมาก" คือเมื่อวาน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ดิฉันนั่งรถกลับจากสนามบินหาดใหญ่มาลงที่ทำงานเลยไม่ได้แวะที่บ้านภายในกระเป๋ามีพีระมิดอยู่จำนวนมาก ก่อนกลับบ้านได้เอ๋ยปากขอช่วยให้น้องจุ๊บช่วยยกกระเป๋าใส่ท้ายรถเก๋งให้หน่อย น้องเค้าก็เดินไปที่กระเป๋าจะช่วยยกให้ยังไม่ทันได้ยกกระเป๋าเพียงแค่เดินเข้าไปใกล้อาการปวดขาก็หายหมดเลยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-25 15:51:14


ความคิดเห็นที่ 40 (1676441)

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557  เย็นวันนี้ดิฉันกับคุณแม่พาลูกสาวไปซื้อน้ำปั่นที่ร้านค้าภายในหมู่บ้าน มีชาวบ้านนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ร้านประมาณ 6-7 คน พอเห็นดิฉันพี่รัตนาที่นั่งอยู่ในวงสนทนาได้พูดขึ้นว่า "พี่ปวดขาทั้งสองข้างปวดมากจนบางครั้งต้องคลานลุกขึ้นเดินไม่ได้ ทราบมาจากป้าสมนึกว่าถ้าอยากหายให้มาสารภาพบาปกับน้องเอ็มหรือคุณแม่น้องเอ็ม พี่ขอสารภาพพี่ใช้เท้าขัดเหรียญบาทสีดำที่มีรูปในหลวงทำอย่างนี้บ่อย ขัดให้มันสะอาด เจอเหรียญบาทสีดำจะเก็บมาขัดหมด" พอพี่แกพูดจบก็ร้องตะโกนบอกคนอื่นด้วยความตื่นเต้น "นี่ไง นี่ไง ขาเพื่อนหายเจ็บแล้ว เพื่อนสารภาพบาปแล้วหายเจ็บจริงๆ ด้วย ดูสิ ดูสิ เมื่อวานยังคลานอยู่เลย" พี่รัตนาลุกขึ้นยืนแล้วเดินซอยเท้าให้เพื่อนๆ ดู เพื่อนๆ ก็งงสิคะ สารภาพบาปกับน้องเอ็มแล้วหายเจ็บ มันเกิดอะไรขึ้น บอกให้ดิฉันเล่าความเป็นมาให้ฟังหน่อยอยากจะรู้ ดิฉันก็เลยบอกเล่าเรื่องปรากฎการณ์บ้านสวนพีระมิดให้ฟัง และได้อธิบายให้เข้าใจว่า " ไม่ใช่ว่ามาสารภาพบาปกับน้องเอ็มหรือคุณแม่แล้วหายเจ็บป่วยได้นะคะ แต่เป็นเพราะเราสองคนแม่ลูกสวมจี้ซึ่งเป็นวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดจึงทำให้ผู้ที่มาสารภาพบาปหรือเพียงแค่มองก็หายเจ็บป่วยได้ทันที ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่รัตนาจึงไม่ใช่ความสามารถของดิฉันกับคุณแม่แต่อย่างใด ดิฉันกับคุณแม่จึงบอกให้พี่รัตนาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบล เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และครูบาอาจารย์ที่เมตตาให้ความช่วยเหลือค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-03 09:09:09


ความคิดเห็นที่ 41 (1676443)

27 กุมภาพันธ์ 2557 วันนี้ดิฉันมีโอกาสได้ช่วยเหลือคนในครอบครัว ห้องฉิ้น ให้พ้นทุกข์ค่ะ ครอบครัวนี้มีคุณน้อยเป็นหัวหน้าครอบครัว มีอาชีพทำประมง คุณน้อยมีลูก 3 คน ชาย 1 หญิง 2 ลูกทั้งสามคนของคุณน้อยเรียนหนังสือไม่จบออกมามีครอบครัวชีวิตก็ไม่สุขสมหวัง ต้องอย่าร้างเลิกรากันไป พ่อไปทางแม่ไปทาง ทิ้งลูกไว้ให้คุณน้อยเลี้ยงดู  และเมื่อไม่นานมานี้คุณน้อยต้องสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักไป ลูกชายที่คุณน้อยหวังจะพึ่งพายามแก่เฒ่า ผูกคอตายเพราะฤทธิ์ยาเสพติด คนในบ้านก็สุขภาพไม่ดีเจ็บป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ ทะเลาะเบาะแว้ง การเงินก็ติดขัด ลูกหลานดื้อพูดจาไม่ดีเถียงคำไม่ตกฟาก ภรรยาก็ต้องออกจากงานบริษัทเพราะถึงวัยเกษียณอายุ ออกมารับจ้างซักรีดเสื้อผ้ารายได้ไม่แน่นอน ชีวิตคนในครอบครัวของคุณน้อยเหมือนลอยคออยู่กลางทะเล เคว้งคว้างไร้ที่พึ่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-03 09:40:35


ความคิดเห็นที่ 42 (1676451)

ดิฉันได้บอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบ้านสวนพีระมิดให้คุณน้อยฟัง เล่าเรื่องของตนเองที่เคยจนมาก่อน เปิดธุรกิจอู่ซ่อมรถก็ประสบกับความล้มเหลว แต่หลังจากที่ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด ได้มาสร้างบุญแรงกายด้วยความศรัทธา ประกอบกับการสร้างบุญบูชาวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดอย่างต่อเนื่อง (ตามกำลังไม่เบียดเบียนตนเอง) ทำให้ชีวิตทางการเงินของครอบครัวพลิกผันจากคนที่เคยยากจนมาร่ำรวยมีเงินทองใช้ กิจการอู่ซ่อมรถก็เจริญรุ่งเรืองลูกค้าเยอะเหมือนที่คุณน้อยเห็นนั่นแหละครอบครัวของดิฉันบูชาพีระมิด เมื่อก่อนสามีของดิฉันก็ไม่เชื่อหรอกคิดว่ากิจการอู่ซ่อมรถรุ่งเรืองได้เพราะฝีมือและความซื่อสัตย์ของตนเองเคยพูดจาสบประมาทปรามาสท่านอาจารย์อุบลว่า "ท่านมีอะไรดีนักหนาดิฉันถึงชอบไปทำบุญกับท่าน" จนธุรกิจที่กำลังรุ่งเรืองเจ๊งมาแล้วต้องกลับไปกราบขอขมาท่านกิจการจึงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งจนถึงทุกวันนี้ นอกจากวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดจะช่วยดึงดูดโชคลาภเงินทอง ยังใช้ในการบำบัดอาการเจ็บป่วยให้หายฉับพลันทันทีได้อีกด้วย ดิฉันไม่ได้มารักษาโรคนะแต่จะมาพิสูจน์กฎแห่งกรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับ อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ดิฉันบอกเล่าให้ฟังจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตนเอง ดิฉันถามสมาชิกในครอบครัวของคุณน้อยว่า มีใครเจ็บป่วยอะไรบ้าง ดิฉันจะให้ลองพิสูจน์พลังมหัศจรรย์จากวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดดูว่าสามารถทำให้อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่หายได้ทันทีจริงรึเปล่า ลูกสาวคนโตของคุณน้อยบอกว่า "บาปหนักที่ตนเองเคยทำนั่นคือการทำแท้ง ตอนนี้มีอาการปวดท้องไม่รู้ว่าเป็นเพราะประจำเดือนใกล้จะมาด้วยรึเปล่า"  "ต้องพิสูจน์ดูค่ะว่าลูกที่น้องเคยทำแท้งมีผลทำให้ปวดท้องได้หรือเปล่า" ดิฉันได้วางพีระมิดรุ่นพระนางเนเฟอร์ตารีลงบนฝ่ามือให้สัมผัส ลูกสาวของคุณน้อยตื่นเต้น บอกว่า "อาการปวดท้องหายได้จริงๆ ด้วย จริงๆ นะแม่เมื่อกี้ลูกยังปวดอยู่เลย ตอนนี้ไม่ปวดแล้ว ลูกจะบูชาพีระมิดองค์นี้"  หลานของคุณน้อยชื่อน้องพู อายุประมาณ 9 ขวบนั่งฟังอยู่ด้วยบอกว่า "ลูกอยากลองบ้างลูกป่วยเหมือนกันตอนนี้รู้สึกคัดจมูกมากหายใจไม่ออกผมเป็นอย่างนี้บ่อยครับ" "น้องพูครับน้องพูเคยฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยมั้ยครับ เช่น พวกมด ยุง ปลวก" "เคยฆ่าเยอะเลยครับ โดยเฉพาะแมลงสาบ น้องพูกลัวก็เลยต้องฆ่า" "น้องพูรู้มั้ยครับสัตว์ที่น้องพูฆ่าตายเขามีจิตวิญญาณ เขารักตัวกลัวตายเหมือนกับน้องพู สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่โดนน้องพูฆ่าตายเขาไม่ได้ไปไหนหรอกจ๊ะวิญญาณเขามาเกาะอยู่ที่บริเวณจมูกน้องพู มาทำให้น้องพูเป็นภูมิแพ้คัดจมูกหายใจไม่ออกอยู่อย่างนี้ไงจ๊ะ" ดิฉันให้น้องพูสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์เพื่อให้น้องพูรับรู้ว่าสัตว์ที่น้องพูฆ่าต้องการความรักความเมตตาจากน้องพูและต้องการบุญจากพีระมิดรุ่นนี้ น้องพูบอกว่า "ผมหายใจโล่ง หายคัดจมูกแล้วครับ" "พี่ครับน้องพูเจ็บคอด้วยครับเวลากลืนน้ำลายจะเจ็บมาก" "น้องพูพูดคำหยาบ พูดโกหก กับผู้อื่นรึเปล่าครับ เถียงพ่อแม่บ้างมั้ย" "น้องพูพูดคำหยาบ ก้าวร้าว เถียงพ่อแม่ เถียงผู้ใหญ่ ครับน้องพูยอมรับ" เมื่อได้สารภาพบาปน้องพูลองกลืนน้ำลายดูปรากฎว่าอาการเจ็บคอหายแล้วค่ะ นอกจากอาการคัดจมูก เจ็บคอ แล้วน้องพูยังฉี่บ่อยมากด้วยครับ ประมาณ 20 ครั้งต่อวัน ดิฉันให้น้องพูสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณแล้วถามน้องพูว่า "ลูกฉี่ลงโถส้วมรึเปล่าครับ"  "ลูกไม่เคยฉี่ลงโถส้วมเลยครับ ฉี่ข้างทางตามพงหญ้า ฉี่รดต้นไม้ ฉี่ตามพื้นห้องน้ำ เคยได้ยินมาว่าถ้าฉี่รดต้นไม้ได้จะดีมากเลยครับต้นไม้จะได้โตเร็วๆ"  น้องพูตอบ "แล้วน้องพูฉี่วันละ 20 ครั้งต่อวัน มานานแล้วยังครับ" ดิฉันถามต่อ "เป็นปีแล้วครับ ผมเหนื่อยกับการฉี่บ่อยๆ"  "น้องพูครับวันนี้น้องพูได้สารภาพบาปให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับทราบแล้วนะครับ ต่อไปน้องพูจะต้องฉี่ลงโถส้วมเท่านั้นนะครับ คืนนี้ก่อนนอนก็ให้เรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยอย่าให้น้องพูลุกขึ้นฉี่บ่อย"  คุณน้อยที่นั่งฟังอยู่ถามดิฉันว่า "อาการฉี่บ่อยก็ไม่ใช่อาการเริ่มต้นของคนที่เป็นโรคเบาหวานนะสิ ตนเองก็ฉี่บ่อยขอสารภาพบาปบ้าง ไม่ฉี่ลงในโถส้วมเหมือนกัน เหมือนน้องพูเลย เวลาออกเรือก็ฉี่ลงทะเลด้วย"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-03 11:25:32


ความคิดเห็นที่ 43 (1676460)

เมื่อทุกคนในครอบครัวของคุณน้อยได้รับความสุขด้านสุขภาพกันแล้ว ก็สนใจสอบถามวิธีการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้มีสภาพคล่องทางการเงิน คุณน้อยได้ถามดิฉันว่าเวลาที่คุณน้อยออกเรือหาปลาจะเรียกให้อาจารย์อุบลช่วยยังไง ได้ยินคำถามคุณน้อยแล้วดิฉันต้องรีบใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้คุณน้อยเลิกประกอบอาชีพประมง ดิฉันบอกคุณน้อยว่า "อาชีพประมงเป็นอาชีพที่สร้างบาป พอจะมีทางเลือกอาชีพอื่นมั้ยคะ" คุณน้อยเงียบ คงไม่รู้จะไปประกอบอาชีพอะไรก็ทำอาชีพประมงมาทั้งชีวิต "เอาอย่างนี้ได้มั้ยในเมื่อภรรยาของคุณน้อยรับจ้างซักรีดเสื้อผ้าให้ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยกับกิจการซักรีดเสื้อผ้าให้มีลูกค้าเยอะมีรายได้ดี แล้วคุณน้อยค่อยเลิกอาชีพประมงมาช่วยภรรยาซักรีดเสื้อผ้า" ดิฉันแนะนำ คุณน้อยพนักหน้าตกลงพร้อมกับก้มตัวลงกราบที่รูปถ่ายท่านอาจารย์อุบล อีกวันรุ่งขึ้น น้องพู และคุณน้อย ได้รายงานผลอาการฉี่บ่อยให้ดิฉันทราบว่าหายเป็นปรกติแล้ว กราบ กราบ กราบ ลูกขอน้อมกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์และท่านอาจารย์อุบลเป็นอย่างสูงค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-03 14:03:27


ความคิดเห็นที่ 44 (1676472)

28 กุมภาพันธ์ 2557  วันนี้ดิฉันได้บำบัดอาการเจ็บป่วยให้ ป้าพร ป้าพร แกบอกว่า "ป้าเจ็บป่วยหลายโรค ทั้งความดัน เบาหวาน อาการเจ็บป่วยที่ชัดเจนตอนนี้ก็คือ อาการเจ็บที่มือ มันเจ็บแปล๊บๆ อยู่ตลอดเวลา ดวงตาทั้งสองข้างก็พร่ามัวมองไม่ค่อยเห็นคุณหมอบอกว่าเป็นต้อกระจกทั้งสองข้างและได้นัดป้าผ่าตัดในเดือนหน้า  ดิฉันจึงถามป้าพรว่า "เคยฆ่าสัตว์ หรือ ลักขโมยของใครบ้างรึเปล่าคะ" ป้าพรตอบว่า "เคยฆ่าสัตว์ ประเภท กุ้ง หอย ปู ปลา แต่ไม่เคยขโมยของใคร"  หลังจากที่ได้สารภาพบาปปรากฎว่าอาการเจ็บแปล๊บๆ ที่มือของป้าพรดีขึ้น 40%  ดิฉันให้ป้าพรลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ให้ป้าพรรับรู้ว่า กุ้ง หอย ปู ปลา ที่ป้าพรฆ่าเขาต้องการความรักจากพีระมิดรุ่นนี้ไม่ต้องการให้ป้าพรฆ่ากินเลือดเนื้อของเขาเป็นอาหาร อาการเจ็บที่มือของป้าพรดีขึ้นเป็น 70%  "สัตว์เหล่านี้เขาไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารของเรานะคะ เขาเกิดมาใช้กรรม และเขาเองก็เคยเกิดเป็นคนมาก่อน บรรดาเนื้อสัตว์ที่ป้าพรกินเข้าไปจะทำให้ป้าพรเป็นโรคความดัน เบาหวาน และมะเร็ง ได้ด้วยค่ะ ลองเลิกทานเนื้อสัตว์ดูซิคะว่าโรคความดัน เบาหวาน จะหายได้มั้ย" ดิฉันอธิบายให้ป้าพรฟัง แล้วถามต่อว่า "ป้าพรเคยเอาของวัดกลับบ้านมั้ยคะแม้ว่าพระจะอนุญาตให้ก็ตาม"  "เคยเอาของที่พระให้" ป้าพรบอก "จริงๆ แล้วพระก็ไม่มีสิทธิ์เอาของสงฆ์ให้ใครโดยพละการหรอกนะคะแม้พระรูปนั้นจะเป็นเจ้าอาวาส ถ้าจะให้ใครพระทุกรูปในวัดต้องรับรู้และยินยอมพร้อมใจให้เท่านั้นจึงจะไม่เป็นกรรมหนี้สงฆ์"  ดิฉันลองให้ป้าพรสัมผัสพีระมิดรุ่นบวงสรวงพระปฐมฯ เพื่อให้ป้าพรได้พิสูจน์กรรมหนี้สงฆ์ หลังจากที่ได้สัมผัสพีระมิด ป้าพรบอกว่า "อาการเจ็บที่มือดีขึ้นอีกเป็น 80%"   และเมื่อได้สัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินอาการเจ็บมือหาย 100%  จากนั้นดิฉันจึงเริ่มบำบัดอาการตาพร่ามัวให้ป้าพรต่อโดยให้สารภาพบาปก่อน ป้าพรบอกว่า "เคยดูภาพโป๊ ติดละครทีวี ใช้สายตาดุ ฆ้อน จ้องมองจับผิดผู้อื่น"  อาการตาพร่ามัวดีขึ้นทันที 30% หลังจากที่ได้สารภาพบาป  และเมื่อได้สัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินิน อาการตาที่พร่ามัวดีขึ้นอีกเป็น 70%  ดิฉันจึงลองให้ป้าพรสัมผัสพีระมิดรุ่นจักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอาริย์ ป้าพรบอกว่าอาการพร่ามัวใกล้หายแล้ว ดิฉันจึงลองอธิษฐานเพิ่มจำนวนพีระมิดรุ่นจักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอาริย์ เป็น 9 คู่ คราวนี้ป้าพรบอกว่าตาสว่างเลยค่ะ มองเห็นตัวหนังสือชัดเจน สามารถอ่านได้  ดิฉันบอกให้ป้าพรขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบอกป้าพรไปว่า "นี่เป็นเพียงการพิสูจน์บุญบ้านสวนพีระมิดเท่านั้นอาการเจ็บป่วยจะหายเพียงชั่วคราว ป้าพรจะต้องสร้างบุญบูชาพีระมิดเอาเองนะแล้วก็ต้องเลิกฆ่า เลิกกินเนื้อสัตว์ หันมารักษาศีล 5 ประกอบกับการสร้างบุญธรรมทาน คือ การบอกเล่าเรื่องของป้าพรเองว่าที่ป้าพรเจ็บป่วยทำให้สายตาพร่ามัวเป็นต้อกระจก เจ็บมือ เพราะทำกรรมอะไรมา หายเจ็บป่วยได้อย่างไร แล้วก็ให้บอกต่อรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย เพื่อสงเคราะห์ให้ผู้อื่นได้พ้นทุกข์ด้วยวิธีง่ายๆ แบบป้าพรบ้าง ให้ขยันบอกนะคะ จะได้หายเจ็บป่วยถาวร ทุกครั้งที่ใช้ได้ผลต้องบอกให้เขาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบลด้วยนะคะ  

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-03 16:35:09


ความคิดเห็นที่ 45 (1676500)

วันที่ 3 มีนาคม 2557   หลังเวลาเลิกงานจะมีเวรยามมานอนเฝ้าที่สำนักงานเทศบาลตำบลมะกรูดเพื่อคอยเฝ้าระวังป้องกันเหตุลอบวางเพลิงตามสถานที่ราชการ คุณสะมะแอ สุหลง ได้เดินทางมาเฝ้าเวรยามตามปกติ ดิฉันถามคุณสะมะแอว่า "มีอาการเจ็บป่วยอะไรบ้างรึเปล่า ดิฉันจะให้พิสูจน์พลังพีระมิดที่สามารถบำบัดอาการเจ็บป่วยให้หายได้ทันที"  "จริงเหรอ" คุณสะมะแอถามด้วยความไม่แน่ใจ แต่ก็บอกว่าตนเอง  มีอาการชาที่ขาทั้งสองข้างไม่มีความรู้สึกใดๆ รองเท้าหลุดก็ไม่รู้สึก เดินเหยียบของมีคมก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไรมันชาไปหมดทั้งสองข้าง จะมีส่วนที่มีความรู้สึกอยู่บ้างคือบริเวณหัวเข่าแต่ก็เป็นความรู้สึกปวด เป็นอย่างนี้มาเป็นปีแล้วค่ะรักษาไม่หาย ดิฉันถามว่า "จะลองพิสูจน์ดูมั้ยละคะ พีระมิดเป็นวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดของท่านอาจารย์อุบลท่านทำมาเพื่อช่วยเหลือผู้คนโดยไม่แบ่งแยกศาสนา"  "ต้องทำอย่างไรบ้าง" คุณสะมะแอถาม "ก่อนอื่นเราจะต้องไม่แบ่งแยกและยอมรับนับถือศาสดาของทุกศาสนา พระอัลเลาะห์ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย"  คุณสะมะแอพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ดิฉันพูด ดิฉันให้คุณสะมะแอสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณบอกคุณสะมะแอว่า "เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณเป็นนายแห่งผี ผีทุกตัวจะให้ความเคารพยำเกรงท่าน วันนี้จะให้พิสูจน์บารมีของท่านดู ในขณะที่ดิฉันให้คุณสะมะแอสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ ดิฉันก็บอกให้คุณสะมะแอได้สารภาพบาปไปด้วยเปรียบเสมือนหนึ่งว่าตนเองกำลังสารภาพบาปต่อหน้าพระอัลเลาห์ คุณสะมะแอสารภาพว่า "เคยฆ่าไก่ เวลาจะฆ่าไก่พวกนั้นก็จะต้องโดนมัดขาก่อนที่จำทำการฆ่า ใช้เท้าเปิดปิดพัดลม เขี่ยสัตว์ สิ่งของบ้าง แล้วก็เจ้าชู้" หลังจากที่ได้สารภาพอาการปวดบริเวณหัวเข่าหาย 100% เหลือเพียงอาการชา ดิฉันลองให้คุณสะมะแอสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ (สำหรับกรรมที่ระลึกไม่ได้) เมื่อได้สัมผัสคุณสะมะแอบอกว่าอาการชาที่ขาดีขึ้นประมาณ 30%  พอให้คุณสะมะแอ ทดลองบารมีจากพีระมิดรุ่นพระศรีอาริย์ดูบ้าง เพราะยุคนี้เป็นยุคของพระองค์ท่าน จะไม่มีคนจน คนเจ็บ คนป่วย คนพิการ คราวนี้คุณสะมะแอบอกว่าอาการชาที่ขาจากที่ไม่เคยมีความรู้สึกมานานก็มีความรู้สึกเย็น ดิฉันลองให้คุณสะมะแอได้ลองสัมผัสพีระมิดรุ่นชำระหนี้แผ่นดินเพื่อพิสูจน์ดูว่าติดหนี้แผ่นดินรึเปล่า เช่น ปัสสวะ ถ่มน้ำลาย ทิ้งขยะ ตามถนนหนทาง แม่น้ำลำคลอง ทำสถานที่สาธารณะสกปรก ฯลฯ คุณสะมะแอบอกว่าเมื่อได้สัมผัสพีระมิดรุ่นนี้ รู้สึกร้อน เหงื่อแตก และมีความรู้สึกสบายเหมือนได้ผ่อนคลายตามมา และเมื่อดิฉันให้สัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินเมื่อวางองค์ที่ 1 สร้างกำแพงแก้ว 7 ชั้นป้องกันจิตวิญญาณที่จะเข้ามาเพิ่ม คุณสะมะแอบอกว่าที่ขารู้สึกเบาสบาย ดิฉันจึงวางองค์ที่ 2 เพื่อถอดถอนจิตวิญญาณที่ฝังอยู่ในตัว คุณสะมะแอบอกว่า "เหมือนมีตัวอะไรวิ่งจากหัวเข่าออกไปทางปลายเท้า ทำให้อาการชาที่ขาดีขึ้นประมาณ 70%"  ดิฉันจึงอธิษฐานขอบามี ท่านพ่อดตาจินินเพิ่มจำนวนพีระมิดเป็น 9 คู่ และ 99 คู่ ตามลำดับ คุณสะมะแอก็บอกเหมือนเดิมว่า "เหมือนมีตัวอะไรวิ่งจากหัวเข่าออกไปทางปลายเท้าแต่คราวนี้วิ่งออกไปเยอะมาก จนโล่ง เบาที่เท้า อาการชาที่เท้าดีขึ้นอีกเป็น 80% ดิฉันจึงให้คุณสะมะแอสัมผัสบารมีจากพีระมิดรุ่นจักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอารีย์ ส่งไปเมตตาผีเจ้ากรรมให้ขึ้นนิพพาน และประหารผีเจ้ากรรมที่ไม่ยอมรับบุญ ปรากฎว่าอาการชาที่ขาไปจนถึงเท้าที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ มานานนับปีดีขึ้นอีกเป็น 90% และเมื่อดิฉันได้ลองอธิษฐานจิตเพิ่มจำนวนพีระมิดรุ่นจักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอารีย์ เป็น 9 คู่ เพื่อให้พ้นทุกข์จากอำนาจบาป  อาการชาที่ขาของ คุณสะมะแอก็ดีขึ้นอีกประมาณ 98% ดิฉันจึงให้ทดลองเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้อาการชาที่เหลืออยู่ดีขึ้น คุณสะมะแอบอกว่าเมื่อเรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วยตามที่ดิฉันบอกอาการชาเหลืออยู่นิดเดียวแค่ในส่วนปลายนิ้วเท้าเท่านั้น คุณสะมะแอเป็นคนกตัญญูค่ะรีบยกมือไหว้กล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์อุบลที่เมตตาช่วยให้ขาหายพิการ บอกดิฉันว่า "ผู้คนในหมู่บ้านยังเจ็บป่วยกันอีกเยอะตนเองจะกลับไปบอกเล่าเรื่องที่ตนเองหายเจ็บป่วย หายพิการ ได้อย่างไร จะไปบอกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยและวิธีการใช้พีระมิดให้ผู้คนในหมู่บ้านรับรู้หันมาใช้พีระมิดประกอบกับการทำความดีจะได้หายเจ็บป่วย หายพิการได้ทันทีเหมือนคุณสะมะแอ"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 10:23:06


ความคิดเห็นที่ 46 (1676502)

การใช้ธรรมะบำบัดของดิฉันมีเจตนาช่วยเหลือให้ผู้คนพ้นทุกข์ หายเจ็บ หายจน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา ได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา บางคนมีความกตัญญูรู้คุณ ในขณะที่บ้างคนอกตัญญูให้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เพิกเฉยทำพูดเรื่องอื่นแล้วก็ลุกเดินหนีไปเลย  และยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่หายเจ็บป่วย ได้รับความสุขจากรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยแล้ว ไม่กล้าบอกต่อผู้อื่น กลัวเขาไม่เชื่อบ้าง คิดว่าเขาเป็นคนมีฐานะบ้าง (คือมีเงินรักษาตัวเอง) กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าตนเองบ้าก็มี อายกลัวว่าคนที่นับถือศาสนาเดียวกัน (ศาสนาอิสลาม) เขาจะรู้ว่าตนเองนับถือศาสดา(ครู) อื่นนอกเหนือจากพระอัลเลาะห์ บางคนถึงกับปกปิด บิดเบือนโกหก วิธีที่ทำให้ตนเองหายเจ็บป่วยจากโรคร้าย เช่น ครอบครัวของคุณหัสดินทร์ หมัดเร๊าะ นับถือศาสนาอิสลาม ตอนที่คุณพ่อของตนเองป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีอาการไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ติดเชื้อในกระแสเลือด ตัวเหลืองซีด อิดโรย ไม่มีแรง ตอนนั้นดิฉันแนะนำให้ลองเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย เขาก็ช่วยกันเรียกทั้งพ่อและลูกจนผู้ป่วยมีอาการแข็งแรงขึ้นมากไม่มีอาการอ่อนเพลียใดๆ ไม่มีอาการแพ้จากการทำคีโม รับประทานอาหารได้ตามปกติ เหลือเพียงอาการตัวเหลือง สองคนพ่อลูกเห็นว่ารหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยใช้ได้ผล ลูกชายจึงตัดสินใจบูชาพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อเท้าเวสสุวรรณต่ออายุให้พ่อและดิฉันก็ได้ฝากลูกอมอภิญญาไปให้กิน ผลปรากฎว่าคุณพ่อของคุณหัสดินทร์หายป่วยจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้อย่างน่าอัศจรรย์เพียงระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เวลาที่เขาหายป่วยเขาไม่ได้บอกใครว่าเขาใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยและบูชาพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณช่วยต่ออายุให้พ่อเขา เขากลับบอกว่าที่พ่อเขาหายจากโรคร้ายเพราะพ่อเขาไปละหมาดขอพรต่อพระอัลเลาะห์ในมัสยิดเมื่อหายดีแล้วเขาก็ต้องทำบุญใหญ่กับมัสยิด ดิฉันไม่สามารถห้ามความคิดหรือการกระทำของบุคคลที่อกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบลที่เมตตาให้ความช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้พ้นทุกข์ ได้ แต่ดิฉันจะบอกให้พวกเขาเหล่านั้นรู้ว่า "ผลของบุคคลผู้ที่มีความกตัญญูมีอยู่ คือ หายโรค โชคดี พ้นทุกข์ และผลของบุคคลผู้ที่มีความอกตัญญูก็มีอยู่เช่นกัน นั่นคือ ทุกข์แสนสาหัส"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 11:38:48


ความคิดเห็นที่ 47 (1676508)

วันที่ 4 มีนาคม 2557  วันนี้ดิฉันออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านขายอาหารตามสั่งในตัวอำเภอโคกโพธิ์ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ดิฉันถามแม่ค้าว่า "ดิฉันมีพีระมิด สามารถพิสูจน์ให้รู้ได้เลยนะว่าอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่เกิดมาจากสาเหตุอะไร พลังจากพีระมิดสามารถทำให้อาการเจ็บป่วยที่เราเป็นอยู่หายได้ทันทีด้วยนะ" แม่ค้าบอกดิฉันว่าตนเองเจ็บป่วยเป็นโรคเวรโรคกรรมเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ถามดิฉันว่า "พีระมิดสามารถทำให้โรคเวรโรคกรรมหายได้ด้วยเหรอ"  "ได้สิคะยิ่งถ้าเรารู้สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคเวรโรคกรรมก็สามารถหายได้ทันทีค่ะ" ดิฉันอธิบายให้ฟัง แม่ค้าขายข้าวแกงเริ่มมีความหวังว่าโรคเวรโรคกรรมที่เป็นมานานจะมีโอกาสหายได้ ลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ ดิฉันบอกว่า "น้าผ่องเป็นโรคปวดกล้ามเนื้อเวลาปวดทรมานมากปวดทั้งตัวเหมือนกระดูกจะแตก จะปวดเป็นช่วงๆ บางทีมันปวดกลางวัน บางทีมันก็ปวดตอนกลางคืน ถ้าหนักหน่อยก็เจ็บปวดทั้งกลางวันกลางคืน ปวดมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จนปัจจุบันอายุ 41 ปีแล้วก็ยังปวดอยู่ ปวดเป็นประจำทุกเดือน ในหนึ่งเดือนถ้านับวันที่ปวดก็ประมาณ 20 วันต่อเดือน ปวดจนตนเองกลายเป็นโรควิตกจริตไปแล้วเพราะแค่คิดว่ามันจะปวดอีกมันก็ปวดขึ้นมาทันที โรคเวรกรรมที่เป็นมันทรมานจริงๆ นอกจากโรคปวดกล้ามเนื้อแล้วยังเป็นโรคลมพิษ โรคคัน ตามผิวหน้าผิวกายเป็นไม่หายเป็นได้ทั้งปีทั้งชาติ ขอให้หายซักทีเถิด" "ถ้าอยากหายต้องสารภาพบาปนะคะแล้วหนูจะเอาเรื่องของน้าผ่องไปพิมพ์บอกเล่าเป็นธรรมทาน"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 15:00:59


ความคิดเห็นที่ 48 (1676509)

คำสารภาพบาปของคุณผ่องศรี ทวีลาภ อายุ 41 ปี อาชีพ แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง

ศีลข้อ 1 เคยฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาทุกชนิดทุกสายพันธุ์ เช่น แมลงเม่า (นับล้านตัว) นำมาทำเป็นอาหาร หักขากบขาเขียดนับหมื่นตัว จับปูเป็นๆ มาทำปูดอง หมักด้วยเกลือ  ปลาทุกชนิดฆ่าด้วยวิธีการทุบหัว ฆ่าชีวิตปูปลาไปเป็นหมื่นๆ ชีวิต ขุดไส้เดือนมาสับเป็นชิ้นๆ เอาไปทำเหยื่อตกปลา ขุดหาปลวกจำนวนมากมายนำไปเป็นอาหารของไก่ที่เลี้ยงไว้ ตีงู เตะหมา เตะแมว เชือดคอไก่ ฆ่าหนูทั้งนำมาเป็นอาหาร และฆ่าเพราะความแค้นที่มันมากันมากัดกินข้าวในนาจำนวนมาก จะจับหนูพวกนั้นมาบิดหัวแล้วก็ใช้เท้ากระทืบซ้ำ เผารังมด ผึ้ง ต่อ แตน ถ้าเป็นประเภท ด้วง ตั๊กแตน หนอนผีเสื้อ ก็จะจับมาทอดในน้ำมันร้อนๆ ทั้งเป็น บางครั้งก็ต้มปลาในน้ำร้อนที่กำลังเดือดทั้งเป็น เคยทำแท้งมา 1 ครั้ง นอกจากที่บอกมาแล้วยังมีสัตว์บางประเภทที่แกฆ่าเอาบุญ ฟังแล้วดิฉันก็งงต้องให้น้าผ่องอธิบายเพิ่มเติมว่าการฆ่าสัตว์เพื่อเอาบุญนั้นเป็นอย่างไร แกก็ใจดีอธิบายให้ฟังว่าสัตว์ที่แกเคยฆ่าเพื่อเอาบุญนั้นก็มีประเภท หมา แมว ไก่ เป็ด ห่าน นก (ฆ่ามานับไม่ถ้วนซะด้วยสิ) แกบอกว่าจำเป็นต้องฆ่าเพราะสงสารมัน อย่างหมา มันอดอยากหิวโซไม่มีข้าวให้มันกินเห็นมันทรมานเพราะความอดอยาก ตนเองเลยช่วยทุบให้ตายแล้วนำไปฝังเสีย (ทำมาประมาณ 5 ตัว) เห็นลูกแมวมีหนอนมาชอนไชอยู่ตามตัวก็อดสงสารไม่ได้อยู่ไปมันก็ทรมานเลยช่วยสงเคราห์ฆ่าลูกแมวให้ตายเสีย เห็นนกบาดเจ็บมาพิจารณาแล้วว่าไม่รอดแน่ไม่อยากให้นกทรมานก็ฆ่านกที่บาดเจ็บมานั้นให้ตายเสีย เป็ด ห่าน ป่วยเป็นโรคระบาดก็ช่วยฆ่าให้ตายเป็ด ห่าน เหล่านั้นจะได้พ้นทุกข์จากความทรมาน ลูกไก่ที่เกิดมาเป็นพยาธิในตาทำให้พิการตาบอดเวลาเดินมองไม่เห็น เดินสะเปะสะปะชนโน่นชนนี่ เห็นแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้ก็จัดการทุบให้ตายแล้วนำไปฝัง จับนกเอี้ยงมาตัดลิ้นเอาพริกให้กินแล้วสอนให้มันพูดภาษาคนเลี้ยงดูมันอย่างดี (ทำมาประมาณ 5 ตัว) น้าผ่องแกเลยสรุปเอาเองว่า ในชีวิตของแกได้ลงมือฆ่าสัตว์ทำบาปมาเยอะ ฆ่าสัตว์เพื่อเอาบุญมาก็มากมายนับไม่ถ้วน เฮ้อ กว่าจะอธิบายให้แกเข้าใจว่าในโลกนี้ไม่มีการฆ่าสัตว์เพื่อเอาบุญอย่างที่แกเข้าใจบาปล้วนๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 15:33:43


ความคิดเห็นที่ 49 (1676510)

ศีลข้อ 2 เคยลักขโมยเงินของคุณยายสมัยเด็กๆ  ขโมยไก่ที่คนข้างบ้านเลี้ยงมาต้มกิน ขโมยผลไม้บ้านคนอื่นทุกประเภท มะม่วง ชมพู่ ฝรั่ง แตงโม ฯลฯ ขโมยดอกไม้บ้านคนอื่นมาปลูกที่บ้านตนเอง เอาของวัดกลับบ้านพระให้ทำมาตั้งแต่เด็กๆ เอาอาหารกับข้าววัดที่พระให้กลับมากินเอง แบ่งปันให้คนอื่นกิน เอามาเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมา เลี้ยงปลา ที่บ้าน น้าผ่องบอกว่าป้าของน้าผ่องสอนว่าถ้าจะขโมยของใครก็ให้ทำไม้ให้มีตะขอเกี่ยวไว้ด้วย  ถือเป็นการแก้เคล็ด เท่ากับเราได้ทำการขอเจ้าของเขาแล้วจะได้ไม่เป็นบาปน้าผ่องบอกว่าเวลาขโมยนั้นตนเองไม่ได้ทำตะขอ (แก้เคล็ด) ทุกครั้ง เพราะทำบ้างไม่ทำบ้างไม่เชื่อป้าก็เลยบาป ศีลข้อนี้ก็ต้องนั่งอธิบายกันนานค่ะว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับการใช้ตะขอหรือไม่ใช้ตะขอ ถ้าลงมือลักขโมยก็บาปทั้งนั้นแหละจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 15:59:51


ความคิดเห็นที่ 50 (1676511)

ศีลข้อ 3 เป็นคนเจ้าชู้ทางความคิด แอบปลื้มคนหน้าตาดี แต่ไม่เคยผิดศีลข้อ 3 ทางการกระทำ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 16:01:52


ความคิดเห็นที่ 51 (1676512)

ศีลข้อ 4  พูดโกหก นินทา เป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โกรธ พูดคำหยาบ เถียงแม่ ด่าแม่ เพราะคิดว่าคนเป็นแม่ไม่เคยเลี้ยงดูตนเองมาตนเองจึงไม่ยอมรับแม่ และไม่เชื่อฟังคำสอนของท่าน ทุกครั้งที่เถียงด่าว่าแม่ แม่มักจะบอกว่า "คอยดูนะใครเถียงแม่ ด่าว่าแม่ ปากจะเท่ารูเข็ม" น้าผ่องแกไม่เคยเชื่อเรื่องบาปบุญปากเท่ารูเข็มอะไรกันท้าแม่ตนเองว่าถ้าบาปกรรมมันมีจริงมันอยู่ที่ไหนล่ะ ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่แม่ว่าเลยแน่จริงก็ให้มันขี่หลังช้างมาให้ดูเลย" พูดไปก็นึกขบขันในความคิดของคนเป็นแม่

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 16:10:59


ความคิดเห็นที่ 52 (1676513)

ศีลข้อ 5 น้าผ่องบอกว่าเมื่อก่อนไม่เคยดื่มเพิ่งมาดื่มสปาย ดื่มมา 3 ปีแล้ว ตั้งแต่เลิกกับสามี เพราะคิดว่าการดื่มสปายทำให้ตนเองดูเท่ห์ขึ้น และที่ร้านขายอาหารตามสั่งของตนเองก็ขายเบียร์ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 16:15:15


ความคิดเห็นที่ 53 (1676514)

นอกจากศีลทั้ง 5 ข้อ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น น้าผ่องยังเคยใช้เท้าขัดเหรียญบาทสีดำที่มีรูปของในหลวงอีกด้วยค่ะ และมักจะใช้เท้าในการเปิดปิดพัดลมเป็นประจำ  ดิฉันได้อธิบายผลของการทำผิดศีลแต่ละข้อให้น้าผ่องฟัง น้าผ่องยอมรับหมดเลยค่ะเพราะตรงกับอาการเจ็บป่วยที่ตนเองเป็นอยู่ทุกอย่าง ในขณะที่น้าผ่องได้สารภาพบาปกับดิฉันแบบหมดเปลือก ตามร่างกายไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ เลยค่ะ ดิฉันให้น้าผ่องลองสัมผัสพีระมิดรุ่นชำระหนี้แผ่นดินเพื่อขอขมาต่อในหลวงที่น้าผ่องเคยใช้เท้าขัดเหรียญบาทที่มีรูปพระองค์ท่าน น้าผ่องบอกว่าหลังจากที่ได้ขอขมาในหลวงผ่านพีระมิดรุ่นชำระหนี้แผ่นดิน รู้สึกเบาสบายไปทั้งตัว สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-04 16:19:30


ความคิดเห็นที่ 54 (1676537)

 

คุณสาวิตรีที่นับถือ

รู้สึกชื่นชมคุณมากมายเกินบรรยาย

คุณเป็นเหมือนทหารกล้า

ของ

ท่านพ่อดตาจินิน พระศรีอาริย์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และท่านอาจารย์อุบล

ที่เผยแพร่กฎแห่งกรรมเชิงรุก

ขออนุโมทนาบุญกุศลกับคุณอย่างมากเลยค่ะ

 

ส่วนแพมยังไม่ได้บำบัดใครสักคน

ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง

ขอคำชี้แนะด้วยนะคะ

ตอนนี้ที่บ้าน

มีพีระมิดรุ่น

มวลสารบ้านสวน  พระนางเนเฟอร์ตารี

ท้าวเวสสุวรรณ

บวงสรวงพระปฐม และรุ่นพระศรีอาริย์

มีจี้พระศรีอาริย์และจี้ท่านพ่อดตาจินิน

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปัญจกานต์ วรรณทอง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-05 11:49:00


ความคิดเห็นที่ 55 (1676677)

รายงานผลการใช้น้ำทิพย์และวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

ครอบครัวของดิฉัน สาวิตรี  คงศรี  นำน้ำทิพย์ไปประพรหมที่สวนมะพร้าวน้ำหอมและสวนปาล์ม

ผลผลิตที่ได้: มะพร้าวน้ำหอมมีน้ำมะพร้าวเต็มลูกให้รสชาติที่หอมหวานเย็นชื่นใจ ส่วนผลปาล์มที่ลีบเล็กไม่ได้น้ำหนักเนื่องจากขาดการดูแลเอาใจใส่ ขาดน้ำ ขาดปุ๋ย ก็กลายเป็นปาล์มผลใหญ่ๆ ทลายสวย ได้น้ำหนักดี คุณพ่อของดิฉันมีความสุขมากกว่าใครๆ เพราะผลผลิตที่ได้จากการทำสวนคือเงินรายได้ของคุณพ่อ  เมื่อก่อนเวลาคุณแม่ชวนคุณพ่อไปประพรหมน้ำทิพย์ที่สวนคุณพ่อจะรู้สึกรำคาญหงุดหงิดใส่คุณแม่เนื่องจากไม่เชื่อว่าน้ำทิพย์จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรที่เคยโดนน้ำท่วมเสียหายให้ผลดกงอกงามขึ้นมาได้ แต่เดี๋ยวนี้คุณพ่อของดิฉันเอาน้ำทิพย์ไปราดรดที่สวนด้วยตนเองเลยค่ะ

ครอบครัวของ คุณวิจิตร เพียรเก็บ นำน้ำทิพย์ไปประพรหมที่สวนปาล์ม

ผลผลิตที่ได้: ก่อนใช้น้ำทิพย์ ตัดปาล์มขายได้น้ำหนัก 1.2 ตัน (หนึ่งพันสองร้อยกิโล) แต่หลังจากที่นำน้ำทิพย์ไปประพรหมที่สวนปาล์มปรากฎว่าปาล์มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ตัน (หนึ่งพันแปดร้อยกิโล)

ครอบครัวของ คุณกมลพร ทายะพิทักษ์  นำน้ำทิพย์ไปใช้ประพรหมสวนยาง

ผลผลิตที่ได้: เดิมจะได้ผลผลิตจากน้ำยางพาราอยู่ที่ 10 ก.ก./วัน หลังจากนำน้ำทิพย์ไปประพรหมที่สวนยางน้ำยางพาราก็ออกเพิ่มเป็น 15 ก.ก./วัน และเมื่อได้บูชาพีระมิด รุ่นรวยซะให้เข็ด จำนวน 1 คู่ รุ่นชำระหนี้แผ่นดิน 2 องค์ รุ่นท่านพ่อดตาจินิน จำนวน 1 คู่ ทำให้ได้ผลผลิตจากน้ำยางพาราเพิ่มขึ้นอีกเป็น 20 ก.ก./วัน แต่ผลผลิตที่ครอบครัวนี้ได้มาแบบไม่คาดคิด นั่นก็คือ ผลผลิตจากการทำนา เนื่องจากปีนี้แล้งมากไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงข้าวในนา ชาวนาที่ปลูกข้าวปีนี้ไม่ได้ข้าวกินแม้แต่เมล็ดเดียวต่างช้ำใจกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น แม้แต่คุณกมลพร ทายะพิทักษ์ ก็คิดว่าปีนี้ไม่ได้ข้าวแน่ๆ ข้าวคงยืนต้นแห้งตายไปพร้อมๆ กับข้าวของชาวนาคนอื่นๆ จึงไม่ได้ไปดูนาที่จ้างเขาทำเลยปาฏิหาริย์จริงๆ ค่ะ ข้าวในนากลับได้ผลผลิตที่ดีเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่มีข้าวลีบเสีย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิตค่ะในขณะที่ข้าวของชาวนารายอื่นแห้งตายเกือบทั้งตำบล  

เป็นคนโง่เชื่ออาจารย์อุบลบ้านสวนพีระมิดมันดีอย่างนี้นี่เอง ยังมีคนฉลาดอีกมากมายที่ทุกข์เพราะภัยธรรมชาติ พิษเศรษฐกิจขาลง ข้าวยากหมากแพง ปฏิเสธการใช้น้ำทิพย์ และรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย แม้คนโง่ที่ใช้แล้วได้ผลจะช่วยกันแนะนำอย่างไรก็ไม่เป็นผล บางคนเชื่อในเรื่องบาปบุญกฎแห่งกรรมเชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ก็ขอเพียรสร้างความดี (ที่ตนคิดว่าดี) ด้วยตนเอง ไม่อยากรบกวนท่านอาจารย์อุบลให้ดิฉันเอาบุญท่านอาจารย์อุบลไปช่วยคนอื่นที่เขาต้องการเถอะ เขาว่างั้น ทุกวันนี้เลยไม่ได้ดีมีแต่ทุกข์ระทม

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-10 14:20:22


ความคิดเห็นที่ 56 (1676682)

คุณแพมขาทุกอย่าง เริ่มต้นที่ ใจ ของเราค่ะ ใจที่ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ดิฉันเชื่อว่าคุณแพมทำได้แน่นอนค่ะ วัตถุมงคลทุกรุ่นที่คุณแพมมีนั้นมีพุทธานุภาพสูงสุดบรรยายสามารถช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์ได้ดั่งแก้วสารพัดนึกแล้วละค่ะ แต่ถ้าคุณแพมมีพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ด้วยก็จะช่วยได้มากค่ะ ใช้สำหรับผู้ที่ระลึกกรรมไม่ออกจำไม่ได้จริงๆ ต้องใช้รุ่นนี้ได้ผลเกินคาดค่ะ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้จ้าคุณแพม สู้ สู้ ค่ะ เปลี่ยนความกลัวในใจให้เป็นความกล้า เดินหน้าลุยเลยค่ะ หัวใจ ที่ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ จะทำให้คุณแพมพบกับความสุขที่แท้จริงในชีวิตที่เงินทองก็ซื้อไม่ได้แน่นอนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-10 15:19:45


ความคิดเห็นที่ 57 (1676750)

ธรรมทาน ในงานศพ ของคุณอา สุทิน บุญศิริ

สัปดาห์ที่ผ่านมา คุณอาของดิฉัน คือ คุณอา สุทิน บุญศิริ ได้เสียชีวิตด้วยโรคอัมพาต ทางญาติพี่น้องก็ช่วยกันจัดงานศพตามประเพณี มีคนมาร่วมงานศพน้อยมากรวมทั้งโยมและพระที่สวดไม่น่าจะเกิน 20 เพราะในหมู่บ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่มีคนไทยพุทธอยู่น้อยฝ่ายญาติพี่น้องที่อยู่จังหวัดสงขลาโทรมาแจ้งกับคุณแม่ของดิฉันว่าไม่กล้าเดินทางมาร่วมงานศพของอาเพราะกลัวเหตุการณ์ความไม่สงบ จำนวนคนที่มาช่วยงานบุญจึงมีกันอยู่น้อยนิดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่าทางคณะเจ้าภาพและคนที่มาช่วยงานช่วยกันทำงานบุญให้เป็นงานบาป นอกจากในงานจะมีกับข้าวที่เป็นเนื้อสัตว์แล้ว ยังตั้งวงดื่มสุรา เล่นไพ่ กันในเขตสงฆ์ โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าภาพเมาแอ๋ ดิฉันในฐานะหลานผู้ตายเกรงว่าวิญญาณของผู้ตายไม่สามารถที่จะอนุโมทนาบุญจากการจัดงานศพได้ (เนื่องจากไม่มีบุญให้อนุโมทนา) ลำพังอกุศลกรรมที่ผู้ตายสร้างไว้ขณะมีชีวิตอยู่ก็ท่วมท้นอยู่แล้ว ทั้งผีพนัน ผีสุรา คุณอาของดิฉันและเครือญาติขาดไม่ได้สักวัน ในวันที่คุณอาสุทินตายจากโลกนี้ไปบรรดาเครือญาติคอเดียวกันจึงจัดเต็ม จัดหนัก ไว้อาลัยให้คุณอาสุทินเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการตั้งวงดื่มสุรา เล่นการพนัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณอาสุทินโปรดปรานทั้งนั้น ได้เห็นการจัดงานศพของคุณอา สุทินแล้วดิฉันรู้สึกสลดสังเวชยังไงก็ไม่รู้ มองดูแล้วดิฉันก็ต้องคิดหนักว่าจะทำบุญใดดีหนอที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ตายได้บ้าง ก็นึกถึงเอกสารธรรมทาน จำนวน 8 เรื่อง ที่ได้จากบ้านสวนพีระมิด คือ เรื่อง 1.บุญพระกรรมฐาน งานศพไม่มีเนื้อสัตว์ 2.รักษาเด็กสาวถูกคุณไสย 3.ถูกลองของ 4.พระใหญ่ลงอเวจี 5.ปราบพระเลว 6. เด็ก ชาย - หญิง ชาวบ้าน ก็เป็นพระอริยเจ้าได้ 7.พบลาวเก่งวิชา และ 8. อานุภาพท่านเจ้าพ่อขุนด่าน ท่านอาจารย์อุบลให้ลูกหลานทุกคนช่วยกันถ่ายเอกสารแจก บอกต่อกันเป็น "ธรรมทาน" คนละ 99 ชุดขึ้นไปจะพ้นจากความวิบัติ-โชคดีมีสุขทันที ดิฉันนำเอกสารจำนวน 8 เรื่องดังกล่าวข้างต้นไปถ่ายเอกสารเรื่องละ 100 ชุด ทำหน้าปกเย็บเล่มสวยงามแจกที่ระลึกงานฌาปนกิจของ คุณอาสุทิน บุญศิริ รู้ทั้งรู้ว่ามีคนมาร่วมงานศพอย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน 30 รวมพระ แต่ก็ตั้งใจเตรียมเอกสารไว้แจก จำนวน 100 ชุด เวลา 10.00 น. ของวันที่ 9 มีนาคม 2557 ก่อนเริ่มพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ทอดผ้าบังสุกุล ก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายศพไปเผาที่วัดใกล้เคียง คนที่ไปร่วมงานดูบางตามากจนดิฉันคิดว่าวันนี้ถ้าได้แจกเอกสารธรรมทานที่เตรียมมาได้สัก 30 เล่ม ดิฉันก็ดีใจมากแล้ว  แต่ในใจได้เรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยตลอด ให้มีคนมาร่วมงานเผาศพของคุณอาสุทิน เยอะๆ ให้ดิฉันได้แจกเอกสารฯ ที่เตรียมมาให้หมดในงานนี้ด้วยเถิด เท่านั้นแหละค่ะ ญาติพี่น้องที่บอกว่ากลัวเหตุการณ์ความไม่สงบไม่กล้าเดินทางมาร่วมงานศพก็ชักชวนกันมาเป็นคันรถ คนในหมู่บ้านเองก็ออกกันมาเยอะกว่าวันอื่นๆ และทางเจ้าภาพได้นิมนต์พระมาสวดพระอภิธรรมเพิ่มมากถึง 20 รูป สรุปว่าเอกสารธรรมทานที่เตรียมไว้แจก จำนวน 100 ชุดนั้น ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ที่มาร่วมงานค่ะ 

กราบ กราบ กราบ

คำอุทิศบุญกุศล ให้คุณอาสุทิน บุญศิริ

อาจารย์อุบลช่วยด้วยขอบารมีท่านพ่อดตาจินิน ขอบารมีสมเด็จองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา พระศรีอาริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ขออาราธนาฉัพพรรณรังสี สัตรังสี ขอเบิกบุญศีล ทาน ภาวนา ที่ข้าพเจ้าเคยสร้างมาทุกชาติจนถึงชาตินี้ ตลอดจนบุญทุกๆ บุญ ที่ทำกับบ้านสวนพีระมิด ขอให้บุญนี้รวมตัวกัน มีอานุภาพยิ่งใหญ่มหาศาล และขอถวายบุญนี้แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีท่านพ่อดตาจินินเป็นที่สุด สมเด็จพ่อพระปฐมฯ พระศรีอาริยเมตไตร พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ และเทวดาทั้งหลายที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และขออุทิศบุญนี้แก่ดวงวิญญาณ คุณอาสุทิน  บุญศิริ ขอให้อนุโมทนาและได้รับผลบุญของข้าพเจ้า ขอฝากบุญนี้ไปกับเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ โปรดเมตตานำบุญของข้าพเจ้าไปบอกให้ ดวงวิญญาณของ คุณอาสุทิน บุญศิริ จงอนุโมทนารับ บุญกุศลของข้าพเจ้าแล้วขึ้นไปเสวยสุข ในภพภูมิที่สุขยิ่งขึ้น และ สูงยิ่งขึ้นด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้นี้ด้วยเถิด

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-11 10:51:03


ความคิดเห็นที่ 58 (1676799)

วันที่ 11 มีนาคม 2557   วันนี้ดิฉันได้บำบัดอาการปวดหลังให้กับคุณนกและคุณประเทือง สามีภรรยาคู่นี้ปวดหลังมากค่ะโดยเฉพาะสามีต้องจ้างให้หมอนวดมานวดเป็นประจำ ให้ภรรยาช่วยเหยียบหลังให้บ้าง ทานยาก็แล้ว ไม่หายปวดสักทีมีแต่จะปวดมากขึ้นจะหลับจะนอนก็แสนทรมานอาการปวดหลังมันแผลงฤทธิ์ทุกคืน เมื่อดิฉันทราบอาการเจ็บป่วยของทั้งสองคนแล้ว ดิฉันได้ชักชวนให้พิสูจน์พลังบุญจากวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิด บอกเขาว่า สาเหตุที่ทำให้เราเจ็บป่วยนั้นเกิดจากผีที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราทั้งสิ้น เราทำผิดศีลผีเขาก็มาอยู่กับเรา มาทำให้เราเจ็บป่วย มีปัญหา ครอบครัว การงาน การเงิน สารพัด และถ้าอาการปวดหลังของคุณนกและคุณประเทืองเกิดจากผีจริงก็สามารถพิสูจน์ให้รู้ได้ด้วยวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดของอาจารย์อุบล อาการเจ็บปวดที่เป็นอยู่จะดีขึ้นหรือหายทันที ดิฉันแนะนำให้คุณนกสารภาพบาป คุณนกบอกว่า เคยทำแท้ง 1 ครั้ง ลูกที่ทำแท้งไม่ได้เป็นลูกสามีคนปัจจุบัน ฆ่าสัตว์ประเภท กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นอาหาร ตีหลังสัตว์ ตีหมา ตีแมว ขว้างตีไก ตีวัว เมื่อก่อนเป็นคนเจ้าชู้มีผู้ชายหลายคน (ประมาณ 10 คน)เคยเหยียบหลังให้พ่อแม่ หลังจากที่ได้สารภาพบาป อาการปวดหลังดีขึ้นประมาณ 40 %  ดิฉันจึงให้คุณนกลองสัมผัสพีระมิดรุ่นพระนางเนเฟอร์ตารีดูและบอกคุณนกว่า "ถ้าลูกที่คุณนกเคยทำแท้งต้องการบุญจากพีระมิดรุ่นนี้อาการปวดหลังที่คุณนกเป็นอยู่ก็จะดีขึ้นหรือหายทันดี"  เมื่อได้สัมผัสพีระมิดรุ่นพระนางเนเฟอร์ตารี คุณนกบอกว่าอาการปวดหลังเบาขึ้นมาก ประมาณ 60% เมื่อดิฉันให้คุณนกลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์เพื่อให้คุณนกได้พิสูจน์ดูว่า ลูกที่คุณนกเคยทำแท้ง สัตว์ที่คุณนกเคยฆ่า เคยกิน เขาต้องการความรักจากพีระมิดรุ่นนี้ เมื่อดิฉันวางพีระมิดลงบนฝ่ามือของคุณนก คุณนกบอกว่าอาการปวดหนักที่หลังเบาขึ้น 70% ดิฉันลองให้คุณนกสัมผัสพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินิน อธิบายให้คุณนกฟังว่า บารมีของท่านพ่อดตาจินินนั้นช่วยถอดถอนคุณไสยมนต์ดำได้ คุณนกไม่เคยคิดว่าตนเองจะโดนคุณไสยมนต์ดำ ดิฉันจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า ผีเจ้ากรรมนายเวรของคุณนกที่คุณนกเคยทำผิดศีลนั่นแหละเขาชักชวนผีตัวอื่นๆ มาร ซาตาน อสูร คุณไสยมนต์ดำต่างๆ มาช่วยกระหน่ำซ้ำเติมคุณนกได้ เมื่อดิฉันวางองค์ที่ 1 เป็นการสร้างกำแพงแก้ว 7 ชั้น ป้องกันจิตวิญญาณที่จะเข้ามาเพิ่ม คุณนกรู้สึกว่าเบาตัว วางองค์ที่ 2 ถอดถอนจิตวิญญาณที่ฝังอยู่ในตัวคุณนก อาการปวดที่หลังก็ค่อยๆ เบาขึ้นอีก ดิฉันจึงขอบารมีท่านพ่อดตาจินินเพิ่มจำนวน พีระมิดเป็น 9 คู่ ส่งสะท้อนกลับไปหาคนที่ทำคุณไสยมนต์ดำใส่คุณนก คุณนกบอกว่ารู้สึกเบามาก และดิฉันได้ขอบารมีท่านพ่อดตาจินินเพิ่มจำนวน พีระมิดเป็น 99 คู่ ประหารมารให้สิ้นซาก คราวนี้คุณนกบอกว่าอาการปวดที่หลังเบาขึ้นมากรู้สึกเบาหวิวเหลืออาการปวดอยู่อีกนิดเดียว เมื่อดิฉันให้คุณนกสัมผัสพีระมิด จำลองรุ่น จักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอารีย์ คุณนกบอกว่าอาการปวดหลังที่เป็นอยู่หายหมดเลย เบาสบาย เมื่ออาการปวดหลังของคุณนกที่เป็นมานานรักษาไม่หาย กลับหายได้อย่างอัศจรรย์ภายในเวลาไม่นานเพียงแค่ได้สัมผัสวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดเท่านั้น คุณนกเกิดความเชื่อและศรัทธา ก้มลงกราบที่รูปถ่ายของท่านอาจารย์อุบลเพื่อแสดงความขอบคุณต่อครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์บ้านสวนพีระมิดทุกข์พระองค์

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-12 11:44:12


ความคิดเห็นที่ 59 (1676800)

คราวนี้คุณประเทืองลองบำบัดบ้าง ดิฉันบอกให้คุณประเทืองสารภาพบาป คุณประเทืองบอกว่าตนเอง เคยตีหลังหมา แมว วัว แลน และก็เคยฆ่าสัตว์ ประเภท กุ้ง หอย ปู ปลา เป็ด ไก่ กบ เป็นอาหาร เคยเหยียบหลังให้พ่อแม่ เป็นคนเจ้าชู้ด้วย ก่อนภรรยาคนปัจจุบันเคยมีผู้หญิงมาประมาณ 8 คน หลังจากที่ได้สารภาพอาการปวดหลังของคุณประเทืองดีขึ้นประมาณ10%  ดิฉันให้คุณประเทืองลองสัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์และบอกคุณประเทืองว่าพีระมิดรุ่นนี้ใช้สำหรับช่วยคนที่ระลึกกรรมไม่ออก จำไม่ได้จริงๆ พอได้สัมผัสพีระมิดรุ่นนี้ปุ๊บอาการปวดหลังของคุณประเทืองดีขึ้นประมาณ 80%  เมื่อดิฉันวางพีระมิดรุ่นท่านพ่อดตาจินินลงบนฝ่ามือของคุณประเทืองจำนวน 1 คู่ คุณประเทืองบอกว่า หายปวดหลังแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-12 12:31:20


ความคิดเห็นที่ 60 (1676802)

ผู้จัดการร้านเทเลวิซ (สาขาโคกโพธิ์) รวยหนี้

ดิฉันมีโอกาสได้เจอพี่ตุ๊ (ลูกพี่ลูกน้อง) ในงานศพของ คุณอา สุทิน บุญศิริ ดิฉันได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ดิฉันได้มีโอกาสไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดให้พี่ตุ๊ฟัง โดยเฉพาะธุรกิจอู่ซ่อมรถของครอบครัวที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะบุญบ้านสวนพีระมิดทั้งนั้น พี่ตุ๊เองก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นเจ้าของกิจการร้านเทเลวิซ สาขาโคกโพธิ์ มีหนี้สินมากมายล้นพ้นตัว (หนี้สิน 15 ล้านบาท) ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการวิ่งหาเงินมาชำระหนี้ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตไม่เหนื่อยบ้างหรือ ดิฉันถาม "เหนื่อยสิ อยากนั่งให้เงินมาหาบ้าง" จะบอกวิธีให้ว่าต้องทำยังไงเงินถึงจะวิ่งมาหา ก่อนอื่นเราต้องหยุดสร้างเหตุที่ทำให้เรายากจนทั้งหมด เช่น การหลบเลี่ยงภาษี การรับจ้างตกแต่งบัญชี ทำให้ประเทศชาติเสียหายขาดรายได้ เป็นต้น "ถ้าพี่หยุดรับตกแต่งบัญชีเลี่ยงภาษีให้บริษัทต่างๆ พี่จะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะนั่นมันเป็นรายได้หลักๆ ที่พี่ต้องใช้จ่ายเลยนะ" พี่ตุ๊โวยวาย "ก็ใช้เงินเทวดาไงจ๊ะ เงินที่ได้มาจากอาชีพที่สุจริต การหลบเลี่ยงภาษี และการรับจ้างตกแต่งบัญชีที่พี่ตุ๊ทำมันเป็นกรรมหนักเชียวนะกรรมหนี้แผ่นดินทำให้เรายากจนมีหนี้สินล้นพ้นตัวหาเงินตัวเป็นเกลียวก็ไม่พอใช้หรอก ถ้าอยากปลดหนี้สินที่มีอยู่ อยากมีสภาพคล่องทางการเงิน ให้ลองพิสูจน์บุญบ้านสวนพีระมิดดูสิ วัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดทุกรุ่นมีพลังพุทธคุณที่สามารถพิสูจน์ได้ ขึ้นชื่อว่าบุญพี่ตุ๊ไม่ปฏิเสธค่ะ ที่ผ่านมาเป็นคนชอบทำบุญแบบจัดเต็ม จัดหนักไม่ว่าจะเป็นการ ทอดกฐิน ผ้าป่า ฝังลูกนิมิต ซื้อที่ดินให้วัด สร้างพระ ฯลฯ แต่จะได้บุญหนักรึเปล่านั้นดิฉันไม่ทราบ ทราบแต่ว่าอาชีพรับจ้างตกแต่งบัญชีที่พี่ตุ๊ทำเป็นกรรมหนัก ถ้าบุญใหญ่ บุญหนัก ที่พยายามสร้างมาตลอดชีวิตเพียงพอคงหมดหนี้หมดสินไปนานแล้ว ไม่ใช่หนี้สินยิ่งพอกพูนเหมือนอย่างทุกวันนี้ "หยุดสร้างกรรมหนี้แผ่นดินเถอะ จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่" ดิฉันพูดขอร้องพี่ตุ๊ด้วยความปรารถนาดีอยากให้พี่สาวคนนี้พ้นทุกข์ "พี่จะลองดูนะ ตอนนี้พี่มีโอกาสคาดว่าจะได้เงินก้อนโตจากลูกค้าประมาณ 5 ล้านบาท แต่ไม่ได้สักทีเหมือนจะได้แต่ยังไม่ได้พี่อยากได้เงินก้อนนี้จะต้องบูชาพีระมิดรุ่นไหนดีถึงจะได้เงินมาช่วยแนะนำหน่อย" ดิฉันได้แนะนำพีระมิดรุ่นรวยซะให้เข็ด บอกพี่ตุ๊ว่า ถ้าต้องการปลดหนี้เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินหลักล้านบาทขึ้นไปต้องบูชาพีระมิดรุ่นนี้ จำนวน 3 คู่ เป็นเงิน จำนวน 3,000 บาท "ตกลงพี่บูชา 3 คู่เลย จะลองพิสูจน์ดูก่อน" พี่ตุ๊ยังบอกดิฉันอีกว่า "พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองให้รวยด้วยบุญบ้านสวนพีระมิดของอาจารย์อุบล"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-12 13:55:41


ความคิดเห็นที่ 61 (1676902)

วันที่ 12 มีนาคม 2557  หลังเลิกงานวันนี้ดิฉันได้นัดเจอกับคุณเอ๋ที่สำนักงานเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ กว่าจะเดินทางไปถึงที่ทำงานคุณเอ๋ก็ประมาณ 5 โมงเย็น ดิฉันคงจะรบกวนเวลาของคุณเอ๋ไม่เกิน 15 นาที เพราะทั้งดิฉันและคุณเอ๋ไม่มีใครอยากกลับถึงบ้านในเวลามืดค่ำ ดิฉันเริ่มต้นสนทนาด้วยการบอกเล่าเรื่องราวปรากฎการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่ผู้ที่เดินทางไปสร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิดของอาจารย์อุบล ที่เจ็บ ที่จน ที่พิการ อยู่ ก็หายได้ทันที ที่ดิฉันมาวันนี้ก็เพื่อที่จะให้คุณเอ๋ได้พิสูจน์บุญบ้านสวนพีระมิดด้วยตัวเอง ทุกวันนี้ คนที่เจ็บป่วย ยากจน พิการ ก็สามารถหายได้ทันทีโดยไม่ต้องเดินทางไปถึงบ้านสวนพีระมิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนและท่านอาจารย์อุบลท่านมีเมตตาให้สร้างพีระมิด ช่วยลูกหลานที่ยังลำบากยากจน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีปัญหาการงาน ปัญหาครอบครัวแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้ง  เจ็บป่วย พิการ ฯลฯ ให้มีโอกาสพ้นทุกข์พบทางออกในชีวิตด้วยวิธีการง่ายๆ เห็นผลทันทีด้วยบุญบ้านสวนพีระมิด คุณเอ๋สนใจฟังในสิ่งที่ดิฉันบอกเล่า แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้เพราะไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนมีด้วยเหรอทำบุญแล้วเห็นผลทันที ดิฉันได้อธิบายเกี่ยวกับองค์ประกอบ 3 อย่าง ในการทำบุญให้บริสุทธ์ ทำแล้วได้รับอานิสงค์ทันที คือ 1. ผู้ให้ทานมีเจตนาบริสุทธ์ 2.วัตถุทาน (เงิน หรือ สิ่งของ ต้องหามาได้ด้วยความสุจริต ไม่ไปคดโกง เบียดเบียน ลักขโมยเอาของใครมาทำบุญ) 3.เนื้อนาบุญบริสุทธิ์ (ผู้รับทานอยู่ในศีลธรรม)  บุญทุกบุญที่สร้างในบ้านสวนพีระมิดอาจารย์อุบลท่านสร้างถวายในหลวง ในหลวงท่านเป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ ท่านอาจารย์อุบลเองก็เป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ ใครที่ศรัทธาท่าน ได้ทำบุญร่วมกับท่านก็จะพ้นทุกข์พบความสุขในชีวิตทันทีปัญหาทุกอย่างที่รุมเร้าก็จะได้รับการคลี่คลายในทันที เมื่อพูดถึงท่านอาจารย์อุบลดิฉันก็ได้หยิบรูปถ่ายของอาจารย์ออกมาให้คุณเอ๋ดู คุณเอ๋ชมว่าอาจารย์อุบลสวยมาก ดิฉันยิ้มแก้มแทบปริเวลาใครมองรูปถ่ายแล้วบอกว่าอาจารย์อุบลสวยดิฉันรู้สึกปีติทุกครั้งที่ได้ยินคำชม คุณเอ๋ถามดิฉันว่าคุณเอ๋จะรู้ได้อย่างไรว่าพีระมิดสามารถทำให้อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่หายทันที ตอนนี้คุณเอ๋ไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรจะให้พิสูจน์ คุณเอ๋พูดไม่ทันขาดคำ คุณอี๊ด ซึ่งเป็นพนักงานจ้างเก็บค่าน้ำประปาของเทศบาลตำบลโคกโพธิ์เข้ามาติดต่องานกับคุณเอ๋พอดี คุณเอ๋บอกดิฉันว่า คุณอี๊ดนี่แหละปวดหัวเข่ามากพิสูจน์กับคุณอี๊ดได้เลย คุณเอ๋บอกคุณอี๊ดว่าดิฉันจะมาพิสูจน์บุญบ้านสวนพีระมิด สามารถทำให้อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ดีขึ้นหรือหายทันที  คุณอี๊ดยินดีให้พิสูจน์ด้วยความเต็มใจบอกว่า "จะให้ทำอะไรก็ได้ ยอมทำทั้งนั้นให้หายปวดหัวเข่าซะทีเถอะ" ดิฉันอธิบายให้คุณอี๊ดฟังว่า นี่คือการพิสูจน์บุญบ้านสวนพีระมิดนะคะ ไม่ใช่การรักษาโรค จะพิสูจน์ให้รู้ว่ากฎแห่งกรรมมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แน่นอนทุกสิ่งเกิดแต่เหตุเมื่อเหตุดับผลก็ดับวันนี้เราจะมาค้นหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณอี๊ดปวดหัวเข่ากัน

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-14 15:02:14


ความคิดเห็นที่ 62 (1676903)

เมื่อคุณอี๊ดเข้าใจ ดิฉันจึงแนะนำให้คุณอี๊ดสารภาพบาป คุณ อี๊ดบอกว่าใช้เท้าเปิดปิดพัดลมเป็นประจำ เตะสัตว์ เตะหมา เตะแมว เวลาโกรธ ใช้ส้นเท้าขัดเหรียญบาทสีดำที่มีรูปในหลวง ชอบเที่ยวฟรี (เทศบาลใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินพาเที่ยว) หลังจากที่ได้สารภาพอาการปวดหัวเข่าของคุณอี๊ดดีขึ้นประมาณ 20 % เมื่อดิฉันให้คุณอี๊ดสัมผัสพีระมิดรุ่นชำระหนี้แผ่นดินและขอขมาในหลวงอาการปวดหัวเข่าของคุณอี๊ดดีขึ้นเป็น 80%  ดิฉันให้คุณอี๊ดได้พิสูจน์บารมีท่านพ่อดตาจินิน จำนวน 1 คู่ และได้อธิษฐานขอบารมีท่านพ่อดตาจินินเพิ่มจำนวนพีระมิด เป็น 9 คู่ 99 คู่ ตามลำดับ คุณอี๊ดรู้สึกเบาเหลืออาการปวดอีกนิดหน่อย เมื่อดิฉันให้คุณอี๊ดสัมผัสพีระมิดรุ่น จักรแก้ว พระขรรค์แก้ว พระศรีอาริย์ เพื่อเมตตาส่งวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรขึ้นสู่นิพพานและประหัตประหารเจ้ากรรมนายเวรที่ไม่ยอมรับบุญ คุณอี๊ดรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นลองลุกขึ้นเดินไปเดินมาให้ดิฉันกับคุณเอ๋ดู สามารถเดินได้อย่างสบาย คุณอี๊ดถามดิฉันว่า "พรุ่งนี้ตนเองก็ต้องเดินทางไปเที่ยวกับเทศบาลอีกทำไงดีไม่ให้ปวดหัวเข่า ขอกับองค์พีระมิดที่บูชาไปแล้วบอกว่าลูกขอไปเที่ยวอย่าให้ลูกปวดหัวเข่าอีกเลยได้มั้ย"  "ไม่ได้หรอกค่ะไม่ต้องขอพีระมิดไม่ได้สร้างเอาไว้ให้ใครขอ สร้างมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่บูชาได้สำนึกบาปที่ตนเองเคยทำและตั้งใจที่จะไม่กลับไปทำอีก การบูชาพีระมิดถือเป็นการสร้างบุญที่ผีเจ้ากรรมนายเวรต้องการ พึงพอใจ และยอมอโหสิกรรมให้ ผลที่ได้ก็คือ หายเจ็บป่วยทันที ไม่มีการขอ ถ้าอยากหายเจ็บป่วย หายจน ก็ต้องหยุดสร้างเหตุที่ทำให้เราเจ็บป่วยแล้วก็จน และต้องสร้างบุญให้เป็นต้องรู้จักเลือกเนื้อนาบุญด้วย คนที่โกนหัว ห่มเหลืองยังไม่ถือว่าเป็นพระนะจ๊ะ พระอยู่ที่ใจไม่ใช่เครื่องแบบ การพิจารณาเลือกเนื้อนาบุญจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราได้รับอานิสงค์สูงสุดในการทำบุญ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-14 16:36:00


ความคิดเห็นที่ 63 (1676913)

 ขออนุโมทนาบุญกับคุณสาวิตรีด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัสนีวา ทองภูธรณ์ (ไก่) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-14 20:10:01


ความคิดเห็นที่ 64 (1676959)

ขอบคุณ คุณสาวิตรีที่แนะนำค่ะ

จะพยายามเริ่มต้นให้ได้

ถ้าได้ทำแล้วผลเป็นยังไง

จะแจ้งให้ทราบนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปัญจกานต์ วรรณทอง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-16 20:49:55


ความคิดเห็นที่ 65 (1678167)

วันที่ 25 มีนาคม 2557  วันนี้ดิฉันได้โทรสอบถามเพื่อนเจ้าของร้านขายกระเป๋าที่เคยบอกดิฉันว่า "ลูกค้าเคยทักว่าที่หน้าร้านเหมือนมีเงาดำๆ ยืนเต็มหน้าร้านทำให้ไม่อยากเข้าร้าน บางคนก็ถามว่าทำไมปิดร้านบ่อยจัง ทั้งๆ ที่ร้านขายกระเป๋าแห่งนี้เปิดขายทุกวัน"  เพื่อติดตามดูว่าตั้งแต่บูชาพีระมิดรุ่นพระนางเนเฟอร์ตารีไปไว้ที่ร้าน จำนวน 2 องค์ ยอดขายกระเป๋าที่ร้านเพิ่มขึ้นมากรึเปล่า เพื่อนบอกว่า "อาจารย์อุบลช่วยให้ฉันขายกระเป๋าได้เพิ่มขึ้นมากเลย จากที่เคยขายกระเป๋าได้ 1 - 3 ใบ/วัน ตอนนี้ที่ร้านฉันขายได้ 10 ใบ/วัน แตกต่างจากเมื่อก่อนชัดเจน" และดิฉันได้แจ้งให้เพื่อนทราบว่า "ท่านอาจารย์อุบลจะมาจัดกิจกรรมธรรมะบำบัดที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์บ้านเราด้วยนะ ท่านเมตตาคนภาคใต้มากๆ เลย ฉันดีใจและตื่นเต้นมากๆ ฉันไม่คิดว่าท่านจะมาภาคใต้ ถ้าวันที่ท่านเดินทางมาไม่ตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เธอจะมาร่วมกิจกรรมหรือเปล่า"  "ฉันดีใจมากๆ เลยที่ท่านอาจารย์อุบลจะมา ฉันจะไปร่วมกิจกรรมแน่นอน อยากไปขอบคุณท่าน ไปบอกเล่าความจริงเรื่องที่ท่านช่วยให้ร้านขายกระเป๋าของฉันขายดี ฉันรู้สึกได้ว่าท่านช่วยฉันขายกระเป๋าจริงๆ  ถ้าท่านไม่ช่วยฉันขายไม่ได้มากเหมือนทุกวันนี้หรอก" "ฉันดีใจนะที่เธอจะมาร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัด มาบอกเล่าธรรมทานเรื่องที่ร้านขายกระเป๋าและตั้งใจมาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์อุบล เธอเป็นคนกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ความกตัญญูของเธอจะยิ่งทำให้ร้านของเธอขายดีขึ้นอีกแน่นอน"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-27 10:39:28


ความคิดเห็นที่ 66 (1678184)

นอกจากโทรสอบถามที่ร้านขายกระเป๋าของเพื่อนแล้ว ดิฉันได้โทรไปหา ป้ามัด แม่ค้าขายของที่ตลาดกิมหยงในอำเภอหาดใหญ่เพื่อติดตามผลการค้าขายหลังจากที่ได้บูชาพีระมิดจากดิฉันไปจำนวน 2 องค์ ซึ่งป้ามัดได้บูชาพีระมิดรุ่นท่านรามเสสที่ 2 และรุ่นบวงสรวงพระปฐมฯ เริ่มการสนทนาทางโทรศัพท์กับป้ามัด "สวัสดีค่ะป้ามัด ลูกโทรจากปัตตานีนะคะ คนที่แนะนำให้ป้ามัดบูชาพีระมิดไงคะ เป็นยังไงบ้างคะที่ร้านค้าขายดีมั้ย"  "ก็งั้นๆ แหละ"  ป้ามัดตอบแบบให้พ้นไปทีคงจะรำคาญดิฉันมั้งกลัวว่าจะโทรไปขายพีระมิดเพิ่ม เพราะในขณะที่โทรดิฉันได้ยินเสียงป้ามัดกำลังขายของอยู่ ดิฉันพูดกับป้ามัดว่า "ถ้าป้ามัดกำลังยุ่งอยู่เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันใหม่วันนี้ดิฉันคงจะไม่รบกวน" พอดิฉันพูดจบ ป้ามัดก็วางสายโทรศัพท์ไปเลย แหมแต่คนอย่างดิฉันไม่เคยปล่อยให้คนที่ไม่กตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์อุบลลอยนวลโดยไม่ได้รับบทเรียนหรอกค่ะ เพราะวันที่ดิฉันเลือกโทรหาป้ามัดเป็นวันเดียวกับที่คุณแม่ของดิฉันประชุมอยู่ที่หาดใหญ่ การที่จะแวะเวียนไปทักทายป้ามัดในตลาดจึงอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม ดิฉันยกหูโทรศัพท์โทรหาคุณแม่บอกเล่าเรื่องที่ดิฉันพูดคุยกับป้ามัดให้คุณแม่ฟัง และวานให้คุณแม่ไปเอาพีระมิดที่ป้ามัดบูชาไปคืนมาดิฉันจะคืนเงินให้ พอคุณแม่เดินเข้าไปในตลาดกิมหยง คุณแม่บอกว่าร้านอื่นๆ ในตลาดขายของแทบไม่ได้เลยแม่ค้านั่งรอลูกค้ากันหน้าสลอนน่าสงสารค่ะ (ป้ามัดไม่ได้บอกต่อหรือแนะนำร้านค้าข้างเคียงแม้แต่ร้านเดียว) ในขณะร้านของป้ามัดกลับขายดิบขายดีหยิบขายแทบไม่ทัน คุณแม่ของดิฉันก็เป็นคนชัดเจนค่ะ ถามป้ามัดว่า "เป็นไงบ้างน้องมัดตั้งแต่บูชาพีระมิดมาค้าขายไม่ดีเหรอเห็นบอกกับลูกสาวพี่ว่าขายได้งั้นๆ แหละ ถ้าบูชาพีระมิดมาแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นก็เอาพีระมิดคืนมาจะคืนเงินให้"  ป้ามัดบอกคุณแม่ว่า "ไม่คืน"      "เอ้าทำไมไม่คืนในเมื่อบอกว่าขายของได้ งั้นๆ แหละ เอาคืนมาเถอะ พี่จะคืนเงินให้ แล้วไปตั้งสติ คิดดูใหม่ ว่าตั้งแต่บูชาพีระมิดมายอดขายได้กำไรหรือขาดทุน เบอร์โทรลูกสาวพี่น้องมัดก็มีนี่ ถ้าศรัทธาแล้วค่อยบูชาใหม่ก็ได้ เอาพีระมิดที่บูชาไปแล้วคืนมาก่อน"  "ไม่เอา ไม่คืน"  "ถ้าน้องไม่คืนพี่เองก็ไม่สบายใจ"  "แล้วพี่ไม่สบายใจเรื่องอะไร" ป้ามัดถาม "เอ้าก็น้องมัดบูชามาแล้วไม่ได้ทำให้ค้าขายดี ขายได้งั้นๆ เหมือนที่น้องมัดว่าก็เท่ากับพี่หลอกขายพีระมิดน้องมัดนะซิ" คุณแม่บอกว่า ป้ามัดเงียบไปแต่ไม่ยอมคืนพีระมิด คุณแม่เลยบอกว่า "จำไว้นะถ้าน้องมัดบอกว่าขายได้งั้นๆ แหละ ทั้งๆ ที่ขายดี ประเดี๋ยวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ช่วยน้องมัดไปงั้นๆ แหละเหมือนกัน คิดอย่างไรก็จะได้อย่างที่คิด"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-27 12:12:09


ความคิดเห็นที่ 67 (1678198)

วันที่ 26 มีนาคม 2557  วันนี้ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณพิ้งค์ บอกว่าได้เบอร์โทรของดิฉันมาจากหลานชายซึ่งเรียนหนังสืออยู่ที่เดียวกันกับลูกน้องของดิฉัน เขาแนะนำมาว่าดิฉันสามารถใช้ธรรมะบำบัดกับผู้ป่วยได้ ตอนนี้พี่สาวป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย พอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างมั้ย  คุณพิงค์สนใจอยากทราบรายละเอียดการใช้ธรรมะบำบัด จึงโทรนัดหมายกับดิฉันช่วงพักกลางวันในโรงพยาบาลโคกโพธิ์ พอถึงเวลานัดหมายคุณพิงค์ก็มาตามนัดพาหลานชายวัยสะรุ่นมาด้วย 2 คน มาเป็นบอดี้การ์ด หลานชายของคุณพิงค์ทั้งสองคนมองดิฉันแปลกๆ เหมือนไม่ค่อยจะไว้วางใจ ดิฉันเลยส่งยิ้มหวานๆ ให้เพื่อแสดงความเป็นมิตร คุณพิงค์ให้ดิฉันอธิบายรายละเอียดในเรื่องของธรรมะบำบัดว่ามีความเป็นมาอย่างไรดิฉันได้ไปรู้จักวิธีการอย่างนี้มาจากที่ไหน ดิฉันได้บอกเล่าให้คุณพิงค์ฟังว่า "ครอบครัวของดิฉันประสบความล้มเหลวกับกิจการอู่ซ่อมรถ ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก เมื่อชีวิตไม่มีทางออกก็หันกลับมาศึกษาธรรมะ บังเอิญเข้าไปเจอเว็ปไซต์ของบ้านสวนพีระมิดได้ดูรายการดูไปแจกไปเกิดศรัทธาท่านอาจารย์อุบลเมื่อศรัทธาท่านมากก็ตัดสินใจเดินทางไปสร้างบุญกับท่านที่บ้านสวนพีระมิดและได้บูชาพีระมิดรุ่นมวลสารบ้านสวนพีระมิดมาวางไว้ที่อู่ซ่อมรถ จำนวน 1 องค์ ในราคา 200 บาท กิจการที่กำลังจะปิดตัวลงกลับมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย และเมื่อดิฉันบูชาวัตถุมงคลรุ่นอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น รายได้ที่อู่ซ่อมรถก็เพิ่มมากขึ้น ยิ่งบูชารายได้ก็ยิ่งเพิ่ม แต่สามีของดิฉันไม่เชื่อว่าบุญบ้านสวนพีระมิดจะทำให้กิจการอู่ซ่อมรถของครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ได้พูดจาปรามาสท่านอาจารย์อุบล "ว่ามีดีอะไรนักหนา ดิฉันถึงชอบไปทำบุญกับท่าน" กระทั่งท่านอาจารย์อุบลได้แนะนำให้พิสูนจ์โดยการให้นำพีระมิดออกจากอู่ซ่อมรถ ปรากฎว่ากิจการที่กำลังเจริญรุ่งเรืองกลับเจ๊งไม่เป็นท่าภายในระยะเวลา 1 เดือน ลูกค้าที่เคยเข้ามาใช้บริการกันอย่างเนืองแน่นหายเกลี้ยง จนดิฉันต้องพาสามีกลับไปกราบขอขมาท่านกิจการอู่ซ่อมจึงกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง และจากการที่ดิฉันได้ติดตามไปสร้างบุญกับท่านที่บ้านสวนพีระมิด ได้ไปร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดสัญจรนอกสถานที่บ่อยขึ้น ดิฉันได้เห็นความมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับผู้คนที่ไป บางคนเจ็บป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายก็หาย โรคกรรมผิวพรรณที่หมอบอกว่ารักษาไม่หายนอกจากไปตายแล้วเกิดใหม่ก็หาย คนที่ป่วยเป็นสะเก็ดเงินก็หาย ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันก็หาย และคุณยายของดิฉันเองเจ็บป่วยเป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาทที่บริเวณต้นคอเคยรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์มา 20 ปี ไม่หาย มาหายตอนที่ไปสร้างบุญแรงกาย ขนหิน ขนทราย ขนปูน สร้างองค์พระที่บ้านสวนพีระมิดแค่วันเดียว แม้แต่คนที่พิการก็หายพิการได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 นาที เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจมากๆ ดิฉันไม่เคยเห็นใครทำได้อย่างท่านอาจารย์อุบล และท่านก็ไม่เคยเรียกร้องเงินทองจากผู้ที่ไปขอความช่วยเหลือจากท่านแม้แต่รายเดียวฟรีทุกอย่าง 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-27 13:38:05


ความคิดเห็นที่ 68 (1678205)

คุณพิงค์บอกว่า เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่ดิฉันบอกเล่า ก็ยิ่งทำให้คุณพิงค์มีความเชื่อมั่นว่าพี่สาวของตนเองที่เจ็บป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายจะหายป่วย ดิฉันได้อธิบายให้คุณพิงค์เข้าใจว่าปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านสวนพีระมิดไม่ใช่การรักษาโรคแต่อย่างใด แต่เป็นการพิสูจน์กฎแห่งกรรม โรคหรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ ที่ทุกคนเป็นอยู่ล้วนเกิดจากกรรมที่เราได้กระทำกันมาทั้งสิ้น กรรมที่เกิดจากการทำผิดศีลนี่แหละทำให้มีผีมาอยู่กับเราทำให้เจ็บป่วย ยากจน  มีปัญหาทุกด้าน ซึ่งวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดทุกรุ่นสามารถพิสูจน์ให้เรารับรู้ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เกิดจากผีเจ้ากรรมนายเวรที่เรามองไม่เห็นนั้นจริงหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจบูชาวัตถุมงคลไปให้ผู้ป่วย มีใครอยากจะลองพิสูจน์วัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดกับอาการเจ็บป่วยของตนเองกันบ้างคะจะได้รู้ว่าวัตถุมงคลแต่ละรุ่นมีผลทำให้อาการเจ็บป่วยดีขึ้นหรือหายทันทีได้จริงหรือเปล่า    คุณพิงค์ยกมือขอพิสูจน์เป็นคนแรก บอกว่า "พี่ปวดบริเวณสบัก ไหล่ ทั้งสองข้าง" ดิฉันถามว่า "เคยทำแท้ง หรือ แนะนำ สนับสนุน รู้เห็นการทำแท้งบ้างรึเปล่าคะ"  คุณพิงค์ ตอบว่า "ไม่เคยทำแท้งพี่เป็นคนโสด แล้วก็ไม่เคยแนะนำใครด้วย เอ๊ะ แต่เป็นไปได้มั้ยคะว่าเป็นกรรมที่พี่เคยทำแท้งในอดีตชาติ คือ พี่เคยเห็นภาพตอนที่พี่นั่งสมาธิค่ะ"  "เป็นไปได้ค่ะ เดี๋ยวจะให้พิสูจน์โดยการให้สัมผัสพีระมิดรุ่นความรักสองพระองค์ดูนะคะ รุ่นนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ระลึกกรรมไม่ได้รวมไปถึงกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติด้วย แต่ต้องจำไม่ได้จริงๆ นะคะ ไม่ใช่ไม่อยากสารภาพแล้วบอกว่าจำไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่มีผลค่ะ" เมื่อดิฉันวางพีระมิดลงบนฝ่ามือของคุณพิงค์ คุณพิงค์ตกใจ อุทานว่า "เฮ้ย เฮ้ย อาการปวดสบัก ไหล่ ทั้งสองข้างดีขึ้นมาก ประมาณ 50%" หลานชายของคุณพิงค์ที่นั่งสังเกตุการณ์อยู่หันไปคาดคั้นคุณพิงค์ว่า "ให้พูดความจริงนะ อย่าโกหก ดีขึ้นทันทีขนาดนั้นเลยเหรอ" "เฮ้ย จริงๆ นะ" คุณพิงค์ยืนยันกับหลาน

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-27 14:24:13


ความคิดเห็นที่ 69 (1678215)

พี่ครับผม ชื่อยอร์ช ครับ ส่วนผมชื่อ ทอร์ช ครับ หลานของคุณพิงค์ทั้งสองคนแนะนำตัวกับดิฉัน ยอร์ช ถามดิฉันว่า "วางพีระมิดในมือให้ยอร์ชบ้างได้มั้ยครับ"  "ได้สิ แล้วยอร์ชเจ็บป่วยเป็นอะไร"  "ผมปวดตึงที่ขา เป็นกระดูกทับเส้นประสาทครับ" "เป็นคนเจ้าชู้รึเปล่าคะ" ดิฉันถามยอร์ช "เมื่อก่อนผมเจ้าชู้ครับ"  ดิฉันได้วางพีระมิดรุ่นท่านรามเสสที่ 2 ลงบนฝ่ามือของยอร์ช พอวางปุ๊บ เจ้ายอร์ช ก็บอกว่า "เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย อะไรกันนี่ อาการปวดตึงที่ขาของผมก็ดีขึ้น"  ทอร์ช นั่งมองด้วยความประหลาดใจ บอกว่า "ผมอยากจะลองพิสูจน์บ้างแต่ไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรจะให้พิสูจน์ มีแต่ปัญหาผิวหน้าเป็นหลุมผมไปทำเลเซอร์ก็ไม่ดีขึ้นผมไม่รู้จะรักษายังไงแล้วปลงแล้วเมื่อก่อนผิวหน้าผมเรียบเนียนแต่อยู่ๆ ก็เป็นหลุมขรุขระตามใบหน้ารักษาไม่หาย" "กรรมผิวพรรณค่ะพี่เองก็เคยเป็นเน่าไปทั้งตัวเลยค่ะ คนที่ขี้โกรธ จะเป็นกรรมผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า หน้าเป็นหลุม อีสุกอีใส หรือแม้กระทั่ง โรคสะเก็ดเงิน ฯลฯ กรรมผิวพรรณทุกชนิดเกิดจากความโกรธทั้งนั้นแหละค่ะ"  "ครับ ผมเป็นคนใจร้อน ขี้โกรธ เวลาที่ผมโกรธผมจะระเบิดอารมณ์ออกมาเลยครับ พี่ครับหน้าของผมที่เป็นหลุมมีวิธีรักษาให้หายได้มั้ยครับ"  "ได้ค่ะ ทอร์ชต้องไม่เป็นคนขี้โกรธอีก ทำได้มั้ยคะ"  "ครับผมจะพยายามทำให้ได้ ไม่ให้โกรธนี่ทำยากนะครับพี่ แล้วที่พี่บอกผมว่าพี่เคยเป็นอีสุกอีใสเน่าทั้งตัวเพราะพี่ขี้โกรธตอนนี้พี่หายแล้ว พี่บำบัดรักษายังไงครับถึงหาย"  "พี่ได้ไปร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดสัญจรของท่านอาจารย์อุบล ใช้น้ำทิพย์อาบน้ำ ล้างหน้า ใช้ สบู่ เครื่องสำอางค์ที่มีบุญของอาจารย์บำบัดรักษา แล้วก็เรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยพี่ก็เลยหายไม่มีแผลเป็นที่น่าเกลียดเหลืออยู่อีกเลย" ดิฉันแนะนำให้ทอร์ชเข้าไปศึกษาข้อมูลต่างๆ ในเว็ปไซต์บ้านสวนพีระมิด แนะนำให้อ่านคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ "อาจารย์อุบลอยู่ที่ไหนและจัดกิจกรรมธรรมะบำบัดที่ไหนบ้างเหรอครับพี่ ผมอยากไปพบท่านบ้าง ผมจะต้องไปพบท่านให้ได้ ผมอยู่ในกรุงเทพจะมีโอกาสพบท่านบ้างมั้ยครับ" "ท่านอยู่ที่นครนายกค่ะ และท่านก็มีจัดธรรมะบำบัดสัญจรในกรุงเทพด้วยค่ะ ทอร์ชจะได้พบกับท่านแน่นอน" "ครับเมื่อไหร่ที่ท่านจัดกิจกรรมธรรมะบำบัดในกรุงเทพผมจะไปร่วมกิจกรรมแน่นอน ขอให้อยู่ในกรุงเทพผมสามารถไปได้ทุกที่ครับ แล้วถ้าผมจะไปให้ถึงบ้านสวนพีระมิดที่นครนายกเลยได้มั้ยครับ" "ได้สิ แต่คนที่จะเข้าไปในบ้านสวนพีระมิดได้นั้นจะต้องปฏิบัติตามกฎกติกา และจะต้องขออนุญาตอย่างเป็นทางการ ถ้าตั้งใจอยากจะไปจริงๆ ก็ไม่ยากในช่วงสงกรานต์นี้ท่านอาจารย์ก็จัดค่ายกิจกรรมด้วยนะลองไปดูรายละเอียดในเว็ปไซต์" "ขอบคุณมากนะครับพี่ที่แนะนำผม" ทอร์ชยิ้มอย่างมีความสุข 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-27 15:50:39


ความคิดเห็นที่ 70 (1678219)

ยอร์ช บอกดิฉันว่า "ตอนนี้ผมรู้สึกปวดหัว มึน เบลอไปหมด สายตาพร่ามัวมองไม่ชัด พี่ช่วยบำบัดให้ผมหน่อยเถอะครับ ผมอยากลองสัมผัสพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณดูครับ"  เมื่อดิฉันวางพีระมิดรุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณลงบนฝ่ามือของยอร์ช บอกให้ยอร์ชสารภาพบาป และได้ถามยอร์ชว่า "เคยตีหัวสัตว์ หรือ คิดไม่ดีกับใครบ้างรึเปล่า เช่น คิดไม่ดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือคิดไม่ดีกับสงฆ์"  ยอร์ชตอบว่า "ผมเคยทุบหัวปลา และกรรมที่หนักที่สุดของผมก็คือกรรมหนี้สงฆ์ ตอนผมบวช ผมคิดไม่ดีกับเจ้าอาวาสไว้เยอะ ตำหนิ ติเตียนพฤติกรรมของท่าน ว่าท่านปล่อยให้มีพระนักเลงทำร้ายกันในวัด ทั้งๆ ที่ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ผมไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิติเตียนท่านครับ"  "หลังจากที่ได้สารภาพมาทั้งหมดอาการปวดหัวที่เป็นอยู่หายแล้วยังครับยอร์ช" ดิฉันถาม "โอ้ โห ผมรู้สึกโล่งตาสว่างเลยครับพี่ผมชอบพีระมิดรุ่นนี้จังเลยครับ"   "รุ่นเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณยังมีความพิเศษกว่านี้อีกค่ะใช้ต่ออายุได้ด้วย"  "ใช้ต่ออายุได้ งั้นผมขอบูชาพีระมิดรุ่นนี้ไปให้ป้าที่ป่วยเป็นมะเร็งปอด ป้าผมจะหายมั้ยครับ" "หายแน่นอน แต่ยอร์ชต้องเข้าใจนะว่าผู้ป่วยหนักอย่างโรคมะเร็งก็ต้องใช้กำลังบุญที่มากเจ้ากรรมนายเวรเขาถึงจะพึงพอใจ อโหสิกรรมให้ จึงจะทำให้โรคที่เราเป็นอยู่หายได้ บุญจากพีระมิดองค์เดียวอาจไม่พอ เจ้ากรรมนายเวรเขากินบุญเป็นอาหาร เหมือนกับที่เราต้องกินข้าวนั่นแหละ คือ เราต้องมีบุญให้ผีกินนะผีเขาจะได้ไม่มารุมกินเรา" "ผมเข้าใจแล้วครับพี่ถ้าผมให้ผีเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ป้าเป็นโรคมะเร็งกินบุญจนอิ่มแล้วพอใจแล้วป้าผมก็จะหายจากโรคมะเร็งใช่มั้ยครับ" "ใช่จ๊ะ ยอร์ชเข้าใจถูกต้องแล้ว"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-27 16:08:25


ความคิดเห็นที่ 71 (1678223)

ในขณะที่ดิฉันพูดคุยกับยอร์ช คุณพิงค์เธอก็นั่งมองวัตถุมงคลแต่ละรุ่น มาสะดุดตากับขวดอภิญญาใหญ่ คุณพิงค์ถามดิฉันว่า "ขวดนี้คือขวดอะไร" ดิฉันได้อธิบายให้คุณพิงค์ฟังอย่างละเอียดว่า "ขวดที่คุณพิงค์เห็นเป็นขวดอภิญญาใหญ่ ใช้ช่วยผีให้ขึ้นสู่นิพพานได้ เดี๋ยวดิฉันจะใช้ให้ดู ก่อนใช้ได้ถามคุณพิงค์ว่าตอนนี้คุณพิงค์มีอาการเจ็บปวดอะไรเหลืออยู่อีกบ้าง" คุณพิงค์บอกว่า "ยังปวดบริเวณ สะบักไหล่อีกนิดนึง" ดิฉันก็หยิบขวดอภิญญาใหญ่ขึ้นมาแล้วก็พูดเสียงดังว่า "อาจารย์อุบลช่วยด้วย ขอให้ผีที่ทำให้คุณพิงค์เจ็บปวดบริเวณสะบัก ไหล่ อนุโมทนาบุญจากขวดอภิญญาใหญ่แล้วขึ้นสู่นิพพานทันทีด้วยเถิด สาธุ" แล้วก็ฉีดน้ำจากขวดอภิญญาใหญ่ที่หน้าของดิฉัน เจ้ายอร์ชนั่งดูอยู่ก็หัวเราะ ถามว่า "แล้วทำไมพี่จะต้องฉีดที่หน้าพี่ด้วย" ดิฉันยังไม่ตอบคำถามของยอร์ชแต่ได้บอกให้คุณพิงค์เช็คอาการที่ปวด คุณพิงค์นั่งยิ้มพยักหน้าให้ยอร์ชรับรู้ว่าคุณพิงค์หายปวดแล้ว "เอ้า จริงเหรอนี่ พี่ฉีดที่หน้าพี่ใหม่อีกทีสิครับ คราวนี้ลองกับผมบ้างผมยังมึนหัวอีกนิดๆ อยากลอง" ดิฉันก็จัดให้ตามที่ยอร์ชร้องขอ ยอร์ชนั่งยิ้มพยักหน้าบอกว่า "ได้ผลจริง" ดิฉันอธิบายวิธีการใช้ขวดอภิญญาให้ยอร์ชเข้าใจว่าทำไมดิฉันถึงต้องฉีดที่หน้าหรือศีรษะของตัวเองในการบำบัดผู้อื่นนั่นก็เป็นเพราะว่าให้เทวดาคุ้มครองตัวเราก่อน ก่อนที่จะช่วยผีเจ้ากรรมนายเวรของผู้อื่น ถ้าใครใช้ผิดวิธีเอาขวดอภิญญาใหญ่ของตนเองไปฉีดที่ผู้อื่นก่อน ผีเจ้ากรรมนายเวรของเขาก็จะพุ่งเข้ามาทำร้ายเราแทน ไม่ว่าคนที่เราไปฉีดเจ็บป่วยเป็นโรคอะไรเราก็จะเจ็บป่วยเป็นโรคนั้นๆ ด้วย ทุกคนพยักหน้าเข้าใจวิธีการใช้ขวดอภิญญาใหญ่ "ถ้าเรามีขวดอภิญญาใหญ่นอกจากเราจะช่วยตัวเองได้แล้ว เรายังสามารถเอาไปใช้ช่วยเหลือคนอื่นได้หมดเลยนะสิ ดีจังเลย" คุณพิงค์พูด พวกเค้าทั้งสามคนรู้สึกอัศจรรย์ใจกับสิ่งที่ได้สัมผัส ยกมือไหว้กล่าวขอบคุณดิฉัน ดิฉันบอกว่าไม่ต้องขอบคุณดิฉันหรอกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความสามารถของดิฉัน แต่เกิดจากบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด และท่านอาจารย์อุบล ต้องกล่าวขอบคุณท่านถึงจะถูก ก่อนจากกันดิฉันได้แจกน้ำทิพย์ กับลูกอมอภิญญาให้ด้วย และเชิญมาร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดสัญจรของท่านอาจารย์อุบลที่ดิฉันจะจัดขึ้นในเดือนเมษายนที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์ "ท่านอาจารย์อุบลมาวันไหนพี่อย่าลืมโทรติดต่อผมด้วยนะครับ ผมมาได้แน่นอน" ยอร์ชบอก 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-27 17:12:40


ความคิดเห็นที่ 72 (1680972)

ขอรายงานผลค่ะ

เมื่อวานได้บำบัดน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่สายตายาว

ด้วยลูกอมอภิญญาที่พี่นิดหน่อยฝากส่งมาให้

น้ำจากขวดอภิญญาใหญ่

รวมทั้งพีระมิดรุ่นชำระหนี้แผ่นดิน

รุ่นท่านรามเสสที่สอง รุ่นพระนางเนเฟอร์ตารี

รุ่นความรักสองพระองค์ รุ่นบวงสรวงท้าวเวสสุวรรณ

และรุ่นบวงสรวงพระศรีอาริย์

ปรากฏว่า

ตาน้องเห็นแป้นพิมพ์ชัดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยคะ

รู้สึกดีใจมากที่ตัวเองบำบัดเห็นผล

บอกน้องเขาว่าอาการจะหายเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น

ถ้าอยากหายถาวรต้องทำบุญให้เขา

ด้วยการบูชาพีระมิด และหยุดสร้างกรรมเพิ่ม

แล้วพาน้องขอบคุณท่านอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  รวมทั้งขอบคุณผีทุกตัวด้วย

 

ขอบคุณ คุณสาวิตรีที่ให้กำลังใจ

หวังว่าทำได้รายแรกแล้วจะมีรายต่อไปค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปัญจกานต์ วรรณทอง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-14 12:08:01


ความคิดเห็นที่ 73 (1681581)

อนุโมทนาบุญกับคุณแพมด้วยค่ะ  ลูกบ้านสวนทุกคนจะต้องช่วยกันเผยแพร่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามแนวทางของบ้านสวนพีระมิด สามารถเห็นผลฉับพลันทันทีให้บันลือสีหนาท ต่อไปจะไม่มีคนแก่ คนเจ็บป่วย คนพิการ ในยุคพระศรีอาริย์อย่างแน่นอนค่ะ มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ผู้คนที่ หล่อ สวย รวย สุข กันถ้วนหน้าจ้า วันนี้ดิฉันมีเคสการบำบัดผู้พิการตาบอดให้กลับมามองเห็นด้วยค่ะ 

คุณตาเพียร  ทายะพิทักษ์ อายุ 89 ปี  จอประสาทตาเสื่อมทั้งสองข้างมาตั้งแต่อายุ 87 ปี  คุณหมอบอกว่าไม่มีทางใดที่จะรักษาให้คุณตาเพียรกลับมามองเห็นได้อีกแล้ว ตาข้างหนึ่งบอดสนิท ส่วนตาอีกข้างพร่ามัวมากมองเห็นคน และ สิ่งของต่างๆ เป็นเงามืดไปหมด คุณหมอยังบอกอีกว่าสายตาของคุณตามีแต่จะเสื่อมลงจนกระทั่งบอดสนิททั้งสองข้าง ลูกหลานของคุณตาต้องคอยดูแลคุณตาอย่างใกล้ชิดต้องคอยเดินจูง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ อาบน้ำให้ ในช่วงแรกๆ เพราะคุณตายังปรับสภาพที่จะต้องอยู่อย่างคนตาบอดไม่ได้ พอนานวันเข้าคุณตาก็เริ่มชินอาศัยจำเอาจากการที่เดินคลำไปตามที่ต่างๆ ภายในบ้าน ใช้ไม้เท้าเป็นเพื่อนนำทางในการเดินไปตามที่ต่างๆ ภายในบ้านได้ด้วยตนเอง ดิฉันเคยไปเยี่ยมคุณตาที่บ้าน คุณตาจะใช้ประสาทหูสัมผัสเสียงการเดินก็สามารถรู้ได้ว่ามีคนมา ถ้าไม่ส่งเสียงทักทายแนะนำตัว คุณตาก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครเป็นใคร หลานสาวของคุณตา น้องจุ๊บ กมลพร ทายะพิทักษ์ มีความรักและศรัทธาท่านอาจารย์อุบลและบ้านสวนพีระมิดมาก ฝากดิฉันบูชาพีระมิดไปวางไว้ในบ้านเกือบทุกรุ่น และมักจะพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวของท่านอาจารย์อุบลและปรากฎการณ์บ้านสวนพีระมิดให้คุณตาฟังอยู่เสมอ ตอนแรกคุณตายังไม่เปิดใจยอมรับ ไม่ยอมให้หลานบำบัดกับวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิด น้องจุ๊บก็มาขอให้ดิฉันลองเข้าไปพูดคุยกับคุณตาเผื่อว่าคุณตาจะยอมบำบัดกับดิฉัน เริ่มแรกดิฉันได้ชักชวนให้คุณตาทดลองบำบัดกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกายก่อน บอกคุณตาว่า "ดิฉันสวมจี้สามร่มโพธิ์ศรีซึ่งมีบารมีของสมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา พระศรีอารยเมตไตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแค่ได้มองก็หายเจ็บป่วย" คุณตาเพียรบอกดิฉันว่า "ตามองไม่เห็นหรอกลูก" "ไม่เป็นไรค่ะคุณตา แม้มองไม่เห็นก็สามารถสัมผัสบารมีของพระองค์ท่านได้เช่นกัน ตอนนี้จี้อยู่ตรงหน้าคุณตาแล้วค่ะ คุณตาลองเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยนะคะให้คุณตาหายปวดเข่า" คุณตาพยักหน้าตกลงทำตามที่ดิฉันบอก แล้วท่านก็นั่งอมยิ้มบอกว่าอาการปวดที่หัวเข่าดีขึ้น และ นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณตาเพียรเปิดใจยอมรับการบำบัดจากวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิด เมื่อเปิดใจยอมรับก็มีใจอนุโมทนายินดีที่หลานสาวบูชาวัตถุมงคลและไปสร้างบุญแรงกายในเขตบุญบ้านสวนพีระมิด ล่าสุดน้องจุ๊บได้มาปรึกษาดิฉันว่าจะต้องบูชาพีระมิดรุ่นไหนเพิ่มดีอยากจะได้รุ่นที่ใช้บำบัดสายตาให้กับคุณตา ดิฉันได้แนะนำพีระมิดรุ่นจักรแก้ว + พระขรรค์แก้ว พระศรีอาริย์ และได้บอกเล่าเรื่องราวธรรมทานของผู้ที่มีปัญหาสายตาพร่ามัวทั้งสองข้างเป็นต้อกระจก สามารถบำบัดให้หายได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วด้วยพีระมิดจำลองรุ่นจักรแก้ว + พระขรรค์แก้ว พระศรีอาริย์ ทำให้สามารถมองเห็นตัวหนังสือและอ่านได้ น้องจุ๊บก็ตัดสินใจบูชาให้คุณตาทันที จำนวน 1 คู่ เอาไปให้คุณตามอง จากที่คุณตามองอะไรไม่เห็นคุณตากลับบอกได้ว่าองค์พีระมิดที่กำลังมองอยู่นั้นเป็นสีอะไร ทำให้น้องจุ๊บตื่นเต้นสุดๆ หลังกลับจากเข้าค่ายอภิญญาใหญ่ น้องจุ๊บได้บูชาขวดอภิญญาใหญ่มาด้วย ได้อธิษฐานให้ผีที่ทำให้คุณตามองไม่เห็นอนุโมทนารับบุญจากขวดอภิญญาใหญ่และขึ้นสู่นิพพานทันทีด้วยเถิด สาธุ แล้วก็ฉีดน้ำทิพย์บริเวณใบหน้าของตนเองทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 3 ครั้ง แล้วก็ได้ทดลองให้คุณตามองดูพีระมิดรุ่นอื่นๆ ปรากฎว่าคุณตาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น บอกสีขององค์พีระมิดได้ถูกต้องหลายรุ่น เช่น รุ่นท่านพ่อดตาจินิน(สีส้ม) รุ่นบารมีคู่(สีชมพู) รุ่นท่านรามเสส(สีม่วง) รุ่นรวยซะให้เข็ด(สีเขียว) ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณตาเพียรได้สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ลูกหลานที่อยู่ใกล้ชิดเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันนี้คุณตามีความสุขมากสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง เช่น กินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว ออกกำลังกาย(จักรยานนั่งปั่น) 

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-23 16:01:59


ความคิดเห็นที่ 74 (1681585)

คำสารภาพบาปของ คุณตาเพียร ทายะพิทักษ์

ศีลข้อ 1 ฆ่าสัตว์ประเภท วัว หมู นก กระรอก ตัวนิ่ม ลิง ค่าง ปลาทุกชนิด เป็ด ไก่ ค้างคาว เต่า กระจง หมูป่า

ศีลข้อ 2 ขโมยเงินเพื่อน ขโมยผลไม้มารับประทาน กินของพระ รู้เห็นเป็นใจในการขโมยวัวของเพื่อนที่นำมาฆ่ากินร่วมกัน ได้งบประมาณแผ่นดินมาก่อสร้างถนน ได้ทำการก่อสร้างตามสเป๊คที่กำหนดมาทุกอย่างแล้วแต่ยังมีเงินงบประมาณเหลือจึงเก็บเงินส่วนที่เหลือไว้ใช้เอง

ศีลข้อ 3 เจ้าชู้ทางสายตาหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ทั้งทางความคิด ทางกาย ทางใจ โดยเปิดใจรับรักทุกคน ทั้งๆ ที่มีภรรยาอยู่แล้ว ได้ล่วงละเมิดทางกาย จำนวน 2 คน เจ้าชู้โดยการใช้สายตาหว่านเสน่ห์กับสาวๆ หญิงแก่ แม่หม้าย มานับไม่ถ้วน พอสาวหลงรักตนเองก็ตีตัวออกห่างทำให้ผู้หญิงอกหัก รักคุด เสียใจมานับไม่ถ้วน ชอบใช้สายตาดูภาพโป๊ สื่อลามก

ศีลข้อ 4 โกหกเพื่อแกล้งอำเพื่อน พูดจาคะนองปากให้สนุกสนาน นินทาสถาบันพระมหากษัตริย์

ศีลข้อ 5 ดื่มกินเหล้า เบียร์ ไวน์ ตะหวาก ใบกระท่อม กาแฟ เป็นประจำ นอกจากดื่มกินเองแล้วยังได้ชักชวนเพื่อนให้ดื่มกินด้วย ซื้อเหล้า เบียร์ เลี้ยงเพื่อนเป็นประจำ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-23 18:15:16


ความคิดเห็นที่ 75 (1681733)

 นางจิรภา ผิวแก้ว     อายุ  41  ปี  

บ้านเลขที่ 98  หมู่ ถนนสมเด็จ 26   ต.ปทุม   อ.เมือง   จ.อุบลราชธานี

ดิฉันอ่านธรรมะในเว็บไซต์บ้านสวนพีระมิด อาจารย์อุบล ธรรมะบำบัด รายการคุยไปแจกไปย้อนหลัง (ระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน  2557)   เกิดความศรัทธาอยากทำบุญ ให้เจ้ากรรมนายเวร 1.ทำบุญให้พ่อแม่ 2.ทำบุญให้ลูกที่ทำแท้งทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ 3.ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เสียเงินโดย ใช่เหตุ คนยืมเงินและไม่คืนเงิน ถูกหลอกลวง เอาเงินไปเรื่องย้ายโรงเรียน   4.ทำบุญให้สามี เป็นผู้เจริญในศีลในธรรม มีศีล 5 ครบ (โดยเฉพาะศีลข้อ5 ดื่มสุรามาก)   5. ความทุกข์ใจสภาพการเงินที่ไม่คล่อง มีหนี้สินมาก ก่อนออกจากบ้านตั้งจิตอธิฐานถึงเจ้ากรรม นายเวรทั้งหลายว่าหากท่านอนุโมทนาบุญ ที่ข้าพเจ้าจะทำในครั้งนี้ก็ขอให้มีปาฏิหาริย์ ให้ข้าพเจ้าสัมผัสได้

วันที่ 2 เมษายน 2557 เวลา 11.36  น.  ดิฉันที่ได้โทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่แจ้งในเว็บ ซึ่งท่านอาจารย์อุบล รับสายและบอกให้ทราบว่ามี กิจกรรมธรรมะบำบัด เวลา บ่ายโมงที่สาขา อุบลราชธานี ดิฉัน

จึงชวนคุณแม่ไปด้วย ระหว่างร่วมกิจกรรมดิฉันได้มีโอกาสรดน้ำขอพรท่านอาจารย์อุบล  ซึ่งมือดิฉันสั่นมากคุณธนา  ทักว่าทำไมคนนี้สั่นจัง  และดิฉันได้พูดสารภาพบาปที่ ตนเองเคยทำ  ทั้งที่รู้และไม่รู้คือ

กรรม   ทำแท้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ  มีส่วนรู้เห็นการทำแท้ง   ตีลูก  ใช้กำปั้นทุบตีสามี

ผลกรรม  ทำให้ป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อกดทับเส้นประสาท ซึ่งเป็นมา 1 ปี 6 เดือน    มีอาการปวดหลังหูข้างขวาลงมาที่คอ ปวดหลัง  ปวดเบ้าสะโพก ขาขวาถึงฝ่าเท้าขวา ทั้งนี้อาการจะเป็นๆหายๆ  บางครั้งจนลืมไปว่าป่วย  แต่เมื่ออาการกำเริบก็รุนแรงมาก  มีความทุกข์ใจ  ชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข  หงุดหงิดง่าย  โมโหร้าย 

กรรม  ทำเอกสารการเงินเท็จ  (แม้จะเป็นคำสั่งให้ทำก็เป็นกรรมที่เราทำเอง)  ไปโรงเรียนสาย 

ผลกรรม  ทำให้ปวดสะบักขวา ปวดหนักแขนขวา  ชาแขนถึงปลายนิ้วมือข้างขวา  ทั้งนี้จะมีอาการเป็นบางครั้ง  ซึ่งขณะร่วมฟังธรรมะบำบัดอยู่ก็มีอาการปวดชารุนแรงมาก    

ขาดสภาพคล่องทางการเงิน  มีหนี้สินมาก  มีเรื่องเสียเงินโดยไม่จำเป็นบ่อย

กรรม  เถียงพ่อแม่  ด่าเด็กนักเรียนเสียงดังข้ามตึก  ดุด่าลูก  พูดคำหยาบกับสามี

ผลกรรม  มีอาการชาปาก  ชาลิ้น

ในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้อาจารย์อุบลท่านเมตตาชี้ให้เห็นว่ากรรมมีจริงและ กำลังส่งผล เมื่อรู้และยอมรับแล้ว เจ้ากรรมอนุโมนาบุญด้วย ต่อไปให้ ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า สร้างบุญกุศลและทำความดี  หมั่นทำทาน รักษาศีล 5 ทำสมาธิภาวนา ท่านบอกใส่บาตรพุทธมะอะอุ วิรทะโย   ทุกเช้านะ น้ำและลูกอมที่แต่ละคนนำมาด้วยตนเอง ให้ถือไว้ท่านทำน้ำทิพย์และลูกอมอภิญญาให้

 

 

                ก่อนกลับบ้านได้ร่วมทำบุญบูชาวัตถุมงคล  พีระมิดรุ่นพระนางเนเฟอร์ตารี  องค์

พีระมิดชำระหนี้แผ่นดิน  องค์  และธนบัตรขวัญถุง 2 ใบ  (ให้คุณแม่  1 )

และได้โอนเงินทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร  จำนวนเงิน  800  บาท  เลขที่บัญชี  305-7-02164-8

ตั้งแต่กลับมา รู้สึกมีความสุขใจ สบายใจ ใจเย็นลงกว่าเดิมมาก และสังเกตเห็นสามี เริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าห้องพระทำความ สะอาดกระถางธูปให้ จุดธูปไหว้พระ และได้นำหนังสือสวดมนต์ หนังสือธรรมะใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย ก่อนเดินทาง...บอกและกอดลูกทั้งสอง ดูอ่อนโยน มีข้อความคำพูดที่อบอุ่นให้กำลังใจส่งมาให้  อาการปวดหายไป      (แต่ขณะที่สวดมนต์นั่งสมาธิจะมีอาการปวดขึ้นมา 10 % แล้วหายไปเมื่อสวดมนต์เสร็จ)

ดิฉันกราบ  กราบ  กราบ  ขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล  และเทวดารักษาตัวอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์  

  

                                                                                                                จิรภา  ผิวแก้ว

                                                                                                              5 เมษายน 2557

ผู้แสดงความคิดเห็น จิรภา ผิวแก้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-27 17:48:06


ความคิดเห็นที่ 76 (1681793)
image

กิจกรรมธรรมะบำบัด สาขาโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2557

งานนี้มีผู้คนหลั่งไหลมาร่วมกิจกรรมกันอย่างล้นหลาม ประมาณ 300 คน เคล็ดไม่ลับที่ดึงดูดผู้คนได้เยอะของสาขาโคกโพธิ์ ก็คือ การประชาสัมพันธ์ด้วยสปอร์ตโฆษณาเชิญชวนประกอบบทเพลงบ้านสวนพีระมิด  ใช้ขวดอภิญญาใหญ่อธิษฐานให้อาจารย์อุบลช่วยด้วย ให้ผีที่อยู่ตลอดเส้นทางที่รถประชาสัมพันธ์วิ่งผ่าน ผีที่ได้ยินเสียง  และผีที่เห็น การประกาศประชาสัมพันธ์กิจกรรมธรรมะบำบัด รับรู้ถ้าต้องการรับบุญใหญ่ให้พาคู่กรณีมาร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดของท่านอาจารย์อุบลด้วยเถิด สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 10:12:36


ความคิดเห็นที่ 77 (1681800)
image

ท่านอาจารย์อุบลได้เมตตาให้ทุกคนได้พ้นทุกข์หายเจ็บป่วยกันถ้วนหน้าแบบง่ายๆ โดยให้ทุกคนเดินผ่านหน้าท่านอาจารย์อุบลด้วยการแสดงกิริยาที่นอบน้อม

รอบแรก สำหรับผู้ที่ต้องการบำบัดอาการ ปวดหัว คอ บ่า ไหล่

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 13:46:50


ความคิดเห็นที่ 78 (1681806)
image

ทั้งลีลาท่าทางการเดิน และการแสดงออกถึงความนอบน้อมของคุณกิตติพจน์ สร้างความประทับใจและเรียกเสียงฮากันตรึมผลที่ได้ อาการปวดบริเวณ หัว คอ บ่า ไหล่ หายทันที 100% หางแถวที่เดินตามโดยภาพรวมอาการดีขึ้นประมาณ 70 - 80 เปอร์เซ็นต์

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 15:07:22


ความคิดเห็นที่ 79 (1681807)
image

ผู้หญิงมุสลิม 2 คน สวมเสื้อสีชมพู และ เสื้อสีดำ มีอาการปวดหัว คอ บ่า ไหล่ ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย คือ 40 และ 20 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เนื่องจากไม่เคารพนอบน้อม ไม่ยกมือไหว้ท่านอาจารย์อุบลในขณะที่เดินผ่าน ท่านอาจารย์อุบลบอกให้ทั้งสองคนลองเดินผ่านอีกรอบ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 15:12:24


ความคิดเห็นที่ 80 (1681808)
image

การเดินผ่านรอบที่สอง ผู้หญิงใส่เสื้อสีชมพูยกมือไหว้ ทำให้อาการปวดหัว คอ บ่า ไหล่ ดีขึ้นจาก 40 %  เป็น 60%  ในการเดินผ่านรอบที่สองผู้หญิงมุสลิมที่สวมเสื้อสีดำก็ยังไม่ยอมยกมือไหว้ อาการจึงไม่ดีขึ้น ท่านอาจารย์อุบลได้เมตตาบอกให้เดินผ่านใหม่อีกรอบคราวนี้ให้ยกมือไหว้ด้วย เธอก็ถอยหลังกลับไปเดินมาใหม่ ในการเดินผ่านรอบที่สามเธอก็ยังคงเดินมองหน้าโดยที่ไม่ยอมยกมือไหว้อีกเช่นเดิม จนท่านอาจารย์อุบลถามว่า "เวลาไปให้หมอรักษาโรคให้เคยไหว้ขอบคุณหมอรึเปล่า" เธอตอบว่า "ไม่เคยไหว้" ท่านอาจารย์อุบลจึงถามต่อว่า "แล้วเคยไหว้พ่อแม่บ้างหรือเปล่า" เธอก็ตอบว่า "ไม่เคยไหว้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยยกมือไหว้ใคร" งานนี้ร้อนถึงคุณโซบิเดย์ ต้องออกมาอธิบายแล้วบอกว่าการยกมือไหว้ก็เหมือนกับการทักทายของชาวมุสลิมด้วยวิธีการสลาม และท่านอาจารย์อุบลก็ได้เมตตาบอกให้เธอแสดงความเคารพตามหลักศาสนาอิสลาม เมื่อเธอเข้าใจและยอมยกมือไหว้แสดงความเคารพต่อท่านอาจารย์อุบล อาการปวด หัว คอ บ่า ไหล่ จึงดีขึ้นจาก 20%  เป็น 40% ส่วนคนอื่นๆ ที่อาการปวดยังไม่หาย 100 เปอร์เซ็นต์ ท่านอาจารย์อุบลก็จะใช้วิธีให้มองหน้า ชื่นชมอาจารย์อุบล ให้อาจารย์อุบลจับสิ่งของ จับกระดาษทิชชูของอาจารย์อุบล ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย บอกรักท่านอาจารย์อุบล จนหาย 100% เกือบทุกคน (ยกเว้นอนันตริยกรรม)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 15:30:42


ความคิดเห็นที่ 81 (1681809)

สาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้อาการเจ็บป่วยของผู้คนที่เดินผ่านไม่หาย 100% ในทันทีนั่นก็คือ กรรมหนักเบาไม่เท่ากัน อยากลองทั้งที่ใจไม่ศรัทธา กิริยาไม่อ่อนน้อม เช่น บางคนไหว้ไม่สวย เห็นเพื่อนยกมือไหว้ก็ไหว้บ้าง ทำแบบไม่ตั้งใจ และไม่มีความซื่อสัตย์ เช่น ท่านอาจารย์อุบลถามว่าใครมีอาการปวดหัวให้ยกมือขึ้น มีคนยกมือประมาณ 30 คน แต่พอท่านบอกว่าให้คนที่มีอาการปวดหัวออกมาเข้าแถวจะให้ทดลองบำบัดด้วยวิธีการเดินผ่านหน้าท่านอาจารย์อุบลปรากฎว่ามีคนออกมายืนเข้าแถวจำนวนหลักร้อย คนที่ไม่ได้ยกมือในตอนแรกก็สวมรอยเดินออกมาบำบัดด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 15:50:15


ความคิดเห็นที่ 82 (1681810)

และก่อนที่ท่านอาจารย์อุบลจะให้ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยตั้งแต่ไหล่ลงไปจนถึงเท้าเดินผ่านเพื่อบำบัด ท่านอาจารย์ได้ยกตัวอย่างเรื่องราวจากชีวิตจริงของคุณธนา ให้ทุกคนได้ทราบสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ เจ็บขา ขาพิการ ด้วยการตั้งคำถาม ถามคุณธนา เพื่อให้ทุกคนได้ยกมือและตอบคำถามเป็นการรับสารภาพบาปไปพร้อมๆ กัน ทุกคนยกมือกันหมด เพียบเลย ผิดกันเพียบเลย ท่านก็เมตตาถามไล่มาตั้งแต่ศีลข้อแรกไปจนครบ 5 ข้อ พ่วงอบายมุขอีก 6 ข้อ เพื่อให้ทุกคนได้สารภาพบาปและหายเจ็บป่วยกันแบบง่ายๆ ยิ่งเมื่อได้เดินผ่านหน้าท่านอาจารย์อุบล ผู้ที่มีอาการปวดขาส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นทันที 80 - 90 เปอร์เซ็นต์   

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 16:01:25


ความคิดเห็นที่ 83 (1681811)
image

คุณฟารีดามีอาการเจ็บคอ มีเสลดในคอ ท่านอาจารย์อุบลได้สอบถามเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้คุณฟารีดาเจ็บคอ โดยได้ถามคุณฟารีดาว่าเคยพูดคำหยาบหรือเปล่า คุณฟารีดา บอกว่า เคยพูดคำว่า มึง กู แก สติแตกเวลาที่ลูกซน จะด่าว่าลูกด้วยคำหยาบ ท่านอาจารย์อุบลให้ดิฉันใช้ขวดอภิญญาใหญ่บำบัดอาการเจ็บคอมีเสลดในคอให้กับคุณฟารีดา ดิฉันฉีดพ่นน้ำทิพย์จากขวดอภิญญาใหญ่บริเวณใบหน้าตนเอง 2 ครั้ง คุณฟารีดาจะขับเสลดออกมาจากคอทุกครั้งที่ฉีดน้ำทิพย์ คุณฟารีดาจึงหายจากอาการเจ็บคอและมีเสลดในคอภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 16:13:55


ความคิดเห็นที่ 84 (1681814)

เหลือคนกลุ่มใหญ่อีกประมาณ 50 -60 คน ที่ยังมีอาการปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดหลัง นิ้วล๊อค ยังไม่หาย 100% ท่านอาจารย์อุบลจึงให้พิสูจน์ด้วยการเลือกหยิบวัตถุมงคลที่ชื่นชอบ บางคนก็หายจากอาการเจ็บป่วย 100% ทันทีหลังจากที่ได้หยิบวัตถุมงคลที่ตนเองชอบ ส่วนคนที่ยังไม่หาย 100% อีกประมาณ 50 กว่าคน ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำแท้ง โดยเฉพาะอาชีพพยาบาล (คอยให้ความช่วยเหลือคุณหมอในการทำแท้งมาเยอะ) ซึ่งถือเป็นกรรมหนัก ท่านอาจารย์อุบลได้เมตตาสื่อสารกับวิญญาณของเด็กที่ถูกทำแท้งให้กับบรรดาคุณแม่ที่เคยทำแท้งหรือผู้ที่เกี่ยวข้องรับรู้ เมื่อทุกคนได้ฟังและรับรู้แล้วต่างนั่งน้ำตาคลอด้วยความสำนึกผิด เมื่อท่านอาจารย์อุบลให้มองพีระมิดรุ่นพระนางเนเฟอร์ตารี ร่วมกับการใช้ขวดอภิญญาใหญ่ให้ผีเด็กที่ทำแท้งอนุโมทนารับบุญขึ้นสู่นิพพาน อาการที่ปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรรมทำแท้งจึงหาย 100% มีความรู้สึกโล่ง เกิดปีติ เบาสบาย เข้ามาแทนที่

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-29 16:29:28


ความคิดเห็นที่ 85 (1681824)
image

คุณป้าคนนี้มีอาการนิ้วล็อคที่หัวแม่มือ ท่านอาจารย์อุบลได้เมตตาสอบถามเพื่อหาสาเหตุนิ้วล็อคของคุณป้า ซึ่งก็มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน คือ ฆ่าปลามาเยอะ กินเนื้อสัตว์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำแท้ง เอาของวัดกลับบ้าน เล่นหวย (ขูดหาเลขเด็ด) กรรมจึงรวมตัว ท่านอาจารย์อุบลบอกว่าถ้าเลิกเล่นหวยอาการนิ้วล็อคที่เหลืออยู่ก็จะหายทันที คุณป้าตอบท่านอาจารย์อย่างไม่ลังเลว่า "เลิกเล่นหวยไม่ได้ค่ะ"  ท่านอาจารย์อุบลก็สุดแสนจะอารมณ์ขันถามว่าขณะนี้อาการนิ้วล็อคดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว คุณป้าตอบว่า "ดีขึ้น 90% ค่ะ"  ท่านอาจารย์อุบลถามต่อว่า  "ป้าไม่อยากหายร้อยเปอร์เซ็นต์เหรอ หรือว่าหายแค่นี้พอใจแล้ว" คุณป้าพยักหน้ารับเพราะไม่อยากเลิกเล่นหวย แต่พอท่านอาจารย์อุบลบอกว่าถ้ากลับไปเล่นหวยอีกนิ้วก็จะล็อคปุ๊บ แต่ถ้าเลิกเล่นหวยอาการนิ้วล็อคที่เป็นอยู่ก็จะหายปั๊บ ตกลงป้าจะเอาล็อคปุ๊บหรือหายปั๊บ เอาหายปั๊บ เลิกเล่นหวยก็ได้ ท่านอาจารย์อุบลถามว่า "พอบอกว่าจะเลิกเล่นหวยแล้วอาการนิ้วล็อคหายแล้วยัง" "ยังไม่หายค่ะดีขึ้นอีก 5% เป็น 95%" ด้วยความสงสัยคุณป้าถามท่านอาจารย์อุบลว่าทำไมยังไม่หาย ท่านอาจารย์อุบลจึงเฉลยว่า ก็เลิกเล่นหวยไม่จริงนะสิ อยากหายเลยพูดส่งเดชไปอย่างนั้นแหละ คุณป้าถึงกับหัวเราะก๊ากเพราะท่านอาจารย์อุบลคนสวยรู้ทัน จึงรับปากท่านอาจารย์อุบลใหม่ว่าป้าจะเลิกเล่นหวยจริงๆ คราวนี้ท่านอาจารย์อุบลบอกว่าถ้าเลิกเล่นหวยจริงก็จะให้หายจริง ปรากฎว่าอาการนิ้วล็อคของคุณป้าหายพลั๊วฉับพลันทันที 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-30 09:23:47


ความคิดเห็นที่ 86 (1681826)
image

กิจกรรมสุดท้ายท่านอาจารย์อุบลเมตตานำพาทุกท่านทำน้ำทิพย์และลูกอมอภิญญาซึ่งนับวันอานุภาพยิ่งแรงแบบสุดๆ แหมแต่ขั้นตอนการทำน้ำทิพย์และลูกอมอภิญญาของบ้านสวนพีระมิดดูไม่ขลังเอาซะเลย มันต้องพิสูจน์ มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งมีอาการเจ็บจมูกขอออกมาพิสูจน์ ท่านอาจารย์อุบลถามน้องเค้าว่า "หนูชอบฆ่ายุงใช่มั้ยจ๊ะ"  "ค่ะ หนูชอบฆ่ายุง"  "แล้วหนูก็เป็นเด็กแสนงอนใช่มั้ยจ๊ะ"  "ใช่ค่ะ" "ต่อไปอย่าแสนงอนอีกนะลูก จะได้ไม่เจ็บจมูก" "ค่ะ"  เมื่อพูดจบท่านอาจารย์อุบลก็ให้เอาขวดน้ำมาแตะกับขวดน้ำที่อาจารย์ถืออยู่ พอแตะปุ๊บ อาการเจ็บจมูกก็หายปั๊บ

และที่พิเศษสุดๆ สำหรับชาวภาคใต้ ท่านอาจารย์อุบลได้เมตตามอบเทวดาให้ตามคุ้มครองผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้คนละ 99,999 พระองค์ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-04-30 10:13:05


ความคิดเห็นที่ 87 (1682265)

โรคสะเก็ดเงินหายได้ด้วยบุญบ้านสวนพีระมิด

คุณเจะรอปิอ๊ะ เจะอูมาร์  เป็นโรคสะเก็ดเงินทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า รักษาอย่างไรก็ไม่หาย หมอบอกให้เธอทำใจกับโรคสะเก็ดเงินที่เธอเป็นย้ำว่าโรคนี้จะติดตัวเธอไปจนตายไม่สามารถรักษาให้หายได้ เรียกได้ว่าหมดหวัง หมดหนทางที่จะรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายไปจากผิวของเธอได้ในชาตินี้  จนกระทั่งเธอได้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดเห็นผลฉับพลันทันที ที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์ ในวันที่ 21 เมษายน 2557 ได้พูดคุยกับท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบลได้บอกกับเธอว่าโรคนี้สามารถหายได้ถ้าเธอมีความศรัทธา หลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมฯ เธอใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้เธอหายจากโรคสะเก็ดเงิน เธอเรียกอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์   โรคสะเก็ดเงินที่เป็นดีขึ้นมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งสามีและเธอรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ กับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ชักชวนกันมาเลือกซื้อเครื่องสำอางค์พาเมล่าไปใช้ (คุณแม่ของดิฉันให้เลือกหยิบเอาเองเลือกที่ชอบ) ซึ่งทั้งสองคนสามีภรรยาใจตรงกัน เลือกซื้อ สบู่อโรเวล่า โรส กลับไปใช้ ทันทีที่ใช้สบู่ควบคู่กับการเรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย โรคสะเก็ดเงินที่เป็นทั้งตัวดีขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ เธอเล่าให้ดิฉันฟังอย่างคนที่มีความสุข เล่าไปก็หัวเราะไป  มีความเชื่อมั่นศรัทธาในท่านอาจารย์อุบลและบุญบ้านสวนพีระมิด ว่าสามารถช่วยให้เธอหายขาดจากโรคสะเก็ดเงินได้ในที่สุด

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-15 11:45:27


ความคิดเห็นที่ 88 (1682296)

วันที่ 16 พฤษภาคม 2557  วันนี้มีธรรมทานเรื่องราวชีวิตของคุณ นฤมล ปิ่นแก้ว (ต้อม) มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

           ชีวิตคุณต้อม เจอปัญหารุมเร้าทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการประกอบอาชีพค้าขาย (เปิดร้านขายของชำ,ขายไก่ทอด) ปัญหาการเงิน ครอบครัว โดยเฉพาะปัญหาทางด้านการเงิน คุณต้อมมีหนี้สินจากการกู้เงินดอกเบี้ยร้อยละ 20 จนชีวิตไม่มีทางออก เลยคิดสั้นอยากฆ่าตัวตายหนีปัญหา  แต่หลังจากที่คุณต้อมได้มาร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์ ได้มารับฟังธรรมะที่เข้าใจได้ง่าย ปฏิบัติได้จริง เห็นผลจริง จากท่านอาจารย์อุบล คุณต้อมได้บูชาพีระมิดรุ่นมวลสารบ้านสวนไป 1 องค์ และตัดสินใจด้วยความมุ่งมั่น เลิกประกอบอาชีพขายไก่ทอด ซึ่งเป็นการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ทันที หันมาขายข้าวต้มธัญพืชแทน การตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางธรรมของคุณต้อมได้รับแรงกดดันจากคนในครอบครัวอย่างหนัก ทั้งจากคุณพ่อ  สามี  และลูกค้าขาประจำที่มาซื้อไก่ทอด โดยทุกคนให้เหตุผลว่าอาชีพขายไก่ทอดเป็นอาชีพที่สร้างรายได้หลักให้กับครอบครัว แล้วยังเป็นอาชีพที่ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ทำมานานจนมีลูกค้าประจำมากมาย อยู่ๆ จะมาเลิกขายไก่ไปขายข้าวต้มธัญพืชใครเขาจะมาซื้อกิน มันจะไปได้สักเท่าไหร่ เป็นเหตุให้คุณต้อมมีปัญหาความขัดแย้งกันกับคนในครอบครัวจนเกิดความเครียด โทรศัพท์มาปรึกษาดิฉันว่าจะทำอย่างไรดี พ่อ กับ สามี ไม่ยอม ดิฉันได้แนะนำให้คุณต้อมใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้คุณพ่อกับสามียอมให้คุณต้อมเลิกอาชีพขายไก่ทอด มาขายอาหารมังสวิรัติ บอกให้เรียกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยบ่อยๆ รอให้คุณพ่อกับสามีของคุณต้อมใจเย็นลง แล้วคุณต้อมค่อยไปพูดยืนยันเจตนารมณ์ของตนเองอีกครั้ง อธิบายให้พ่อกับสามีฟังด้วยเหตุและผลอย่าใช้อารมณ์โดยเด็ดขาดประเดี๋ยวจะไปกันใหญ่ แล้วก่อนเข้าไปพูดคุยอย่าลืมใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยนะคะ วิธีนี้สำเร็จค่ะทั้งคุณพ่อและสามีของคุณต้อมยอมให้คุณต้อมเลิกประกอบอาชีพขายไก่ทอด

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 09:22:29


ความคิดเห็นที่ 89 (1682303)

หลังจากที่คุณต้อมเปลี่ยนมาขายข้าวต้มธัญพืช สัปดาห์แรก คุณต้อมบอกว่าได้กำไรจากการขายข้าวต้มธัญพืช วันละ 2,000 บาท กำไรได้มากกว่าขายไก่ทอดซะอีกตอนที่ขายไก่ทอดได้กำไรวันละ 1,000 บาท  ดิฉันให้คุณต้อมเปรียบเทียบว่ากำไรจากการขายข้าวต้มธัญพืชกับสินค้าในร้านขายของชำอย่างไหนได้กำไรเยอะกว่ากัน คุณต้อมบอกว่า "ขายข้าวต้มธัญพืชได้กำไรเยอะกว่า"  ดิฉันก็เริ่มก้าวต่อไป ถามคุณต้อมว่า "ในร้านขายของชำ ขายเหล้า เบียร์ บุหรี่ รึเปล่า" คุณต้อมบอกว่า "ขาย"  "นั่นก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ ตราบใดที่เรายังค้าขายในสิ่งที่ทำลายชีวิตผู้อื่นอยู่ เงินรายได้ที่มาจากการค้าขายของพวกนี้จะมีเหตุให้เราต้องใช้จ่ายออกไปในทางที่ทุกข์  เช่น หมดเงินไปกับค่ารักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เกิดอุบัติเหตุต้องชดใช้ค่าเสียหาย เป็นต้น แถมยังฉุดยอดขายสินค้าอื่นๆ ภายในร้านอีกต่างหาก ทำให้ค้าขายไม่ดี จะลองพิสูจน์ดูมั้ยละคะว่าถ้าเลิกขายสินค้าประเภท เหล้า เบียร์ บุหรี่ แล้วนำสินค้าประเภทอื่นมาขายแทนจะไม่ทำให้กำไรที่ได้ต่อวันลดน้อยลงไปมีแต่จะเพิ่มขึ้น คุณต้อมรับปากค่ะให้สัญญากับดิฉันว่าจะเลิกขายสินค้าประเภท เหล้า เบียร์ บุหรี่ พอคุณพ่อคุณต้อมทราบเรื่องก็โวยวายใหญ่ "หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้เลิกขายของพวกนี้ในร้านแน่นอน อะไรกันนักหนา ที่ต้อมไม่ขายไก่ทอดพ่อก็ยอมให้แล้วนะแต่เรื่องนี้พ่อไม่ยอมพ่อขอแล้วกัน ต้อมจะไปเชื่ออะไรกันนักหนากับพวกหมอดูมาบอกให้เราทำนั่นทำนี่ แล้วรู้มั้ยว่าของพวกนี้นี่แหละที่ค้าขายดีได้กำไรเยอะกว่าสินค้าตัวอื่นๆ ในร้าน ถ้าเราไม่ขายของพวกนี้ใครเขาจะเดินเข้ามาซื้อของที่ร้านแก เค้าก็ไปหาซื้อของที่ร้านอื่นกันหมด   ยังไงพ่อก็ไม่ยอม  ทำไมต้อมต้องทำร้ายจิตใจพ่อขนาดนี้" คุณต้อมโทรมาบอกดิฉันว่าคุณพ่อของคุณต้อมคิดมากกับเรื่องนี้ถึงกับเกิดอาการ เครียดนอนไม่หลับ ซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา รู้สึกผิดหวังในตัวคุณต้อมมาก คราวนี้คุณต้อมถึงกับร้องห่มร้องไห้โทรมาปรึกษาดิฉันว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้คุณพ่อเข้าใจ อีกอย่างสินค้าประเภท เหล้า เบียร์ บุหรี่ ที่วางขายในร้านก็เป็นเงินที่คุณพ่อลงทุนเองทั้งหมด ตนเองช่วยคุณพ่อขายมาตลอด กำไรจากการขายของพวกนี้ในร้านก็เป็นของคุณพ่อทั้งหมด

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 10:48:35


ความคิดเห็นที่ 90 (1682306)

ดิฉันบอกให้คุณต้อมใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ พูดอธิบายให้คุณพ่อเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องของหมอดูตามที่คุณพ่อเข้าใจ บอกเล่าเรื่องราวที่คุณต้อมได้ไปร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดที่เห็นผลฉับพลันทันทีของท่านอาจารย์อุบล ที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์ให้คุณพ่อกับสามีฟัง ให้บอกคุณพ่อไปเลยว่าไม่ได้หยุดขายในทันที แต่ถ้าสินค้าพวกนี้หมดเมื่อไหร่เราจะต้องไม่ซื้อมาเพิ่ม จะลองนำสินค้าประเภทอื่นมาขายทดแทน แล้วเรามาพิสูจน์กันดูว่าถ้าไม่ขายสินค้าประเภท เหล้า เบียร์ บุหรี่ ในร้านแล้วจะทำให้ลูกค้าหดหายไปไม่มาซื้อของที่ร้านเราเหมือนที่พ่อคิดไว้นั้นจริงรึเปล่า

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 11:23:45


ความคิดเห็นที่ 91 (1682308)

คุณพ่อของคุณต้อมเห็นว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้คุณต้อมเปลี่ยนความตั้งใจได้ จึงตกลงยอมให้คุณต้อมปรับเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อพิสูจน์บุญบ้านสวนพีระมิดตามที่คุณต้อมตั้งใจ และเมื่อสามีคุณต้อมได้ฟังเรื่องราวการจัดกิจกรรมธรรมะบำบัดของท่านอาจารย์อุบลที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์ที่คุณต้อมเล่าให้ฟัง ก็ตัดสินใจตามคุณต้อมกับลูกชาย(ลูกเลี้ยง) ไปเข้าค่าย 21 รับบารมีพระศรีอาริย์ ในวันที่  24 - 25 ที่บ้านสวนพีระมิดด้วยค่ะ สร้างความปลื้มใจให้คุณต้อมเป็นที่สุด แต่ครอบครัวของคุณต้อมก็เกือบพลาดพลั้งเสียท่าให้แก่มารที่มาผจญคอยยุยงส่งเสริมให้ครอบครัวของคุณต้อมกลับไปประกอบอาชีพขายไก่ทอดอย่างเดิม (คุณต้อมคนที่เคยมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวกลับกลายเป็นคนโลเล ไม่มั่นใจในการกระทำที่ถูกต้องของตนเอง อยากกลับไปประกอบอาชีพขายไก่ทอดซะงั้น) โชคดีที่ชีวิตคุณต้อมได้รับบทลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดเพื่อยับยั้งไม่ให้คุณต้อมหันไปประกอบกรรมเช่นเดิม

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 11:52:08


ความคิดเห็นที่ 92 (1682309)

ก่อนที่คุณต้อมจะรับปากกับดิฉันว่าจะเลิกขายสินค้าประเภท เหล้า เบียร์ บุหรี่ ในร้าน คุณต้อมได้บูชาพีระมิดรุ่นบวงสรวงเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณไป 1 องค์ (ดิฉันถือว่าสิ่งที่คุณต้อมรับปากไว้นั้นเป็นการให้สัจจะไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด) เมื่อคุณต้อมนำพีระมิดรุ่นบวงสรวงเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณเข้าไปวางในร้านค้าปรากฎว่า จากที่คุณต้อมเคยขายของได้กำไร วันละ 2,000 บาท นั้น เหลือกำไรแค่วันละ 1,000 บาท      คุณต้อมตกใจมากที่เงินรายได้ลดน้อยลงไปครึ่งหนึ่งหลังจากที่ได้บูชาพีระมิดองค์ที่สองไป รีบโทรมารายงานให้ดิฉันทราบ ดิฉันถามคุณต้อมว่า "เลิกขายเหล้า เบียร์ บุหรี่ ภายในร้านหมดแล้วยังคะ"  "ยังเลย ของยังมีเหลืออยู่ยังขายออกได้เรื่อยๆ ขายได้ทุกวัน พอเปิดร้านก็มีลูกค้ามาซื้อของพวกนี้ก่อนเลย ตนเองหยิบขายให้ก็มีความรู้สึกไม่สบายใจ" คุณต้อมบอก "พี่ต้อมรู้มั้ย พีระมิดองค์ที่สองที่พี่ต้อมบอกว่าทำให้พี่ต้อมได้กำไรจากการค้าขายลดน้อยลงนั้น ท่านคือท้าวเวสสุวรรณ เทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ ถ้าพี่ต้อมรีบปฏิบัติตามสิ่งที่ให้สัจจะไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า จะเลิกขายเหล้า เบียร์ บุหรี่ รับรองได้เลยค่ะว่าไม่มีทางที่พี่ต้อมจะได้กำไรจากการค้าขายลดน้อยลง เห็นมั้ยคะว่าการที่เราขายสินค้าประเภทนี้ออกไปก่อนสินค้าประเภทอื่น พี่ต้อมซึ่งเป็นผู้ขายก็ไม่มีความสุขรู้สึกไม่สบายใจที่ขายได้ แถมสินค้าพวกนี้ยังเป็นตัวฉุดยอดขายสินค้าในร้านให้ลดน้อยลงด้วย ลองหยุดขายดูซิคะ ไม่ต้องรอให้ขายหมดหรอกค่ะ ลองดูซิว่าถ้าวันไหนที่หยุดขาย เหล้า เบียร์ บุหรี่ ได้จริงๆ ยอดขายจะยังคงลดลงอีกรึเปล่าถ้ายอดขายลดลงไม่มีอะไรดีขึ้นเอาพีระมิดมาคืนหนูได้เลยหนูยินดีคืนเงินให้เท่ากับราคาที่ซื้อไปเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 12:21:48


ความคิดเห็นที่ 93 (1682314)

คุณต้อมก็รับปากดิฉันอีกครั้งค่ะ คราวนี้ดิฉันมีโอกาสไปเยี่ยมคุณต้อมถึงที่ร้าน เมื่อดิฉันมองเข้าไปในร้านเห็นร้านมืดมาก แต่เหล้าเบียร์ที่วางขายในร้านดิฉันสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ในขณะที่สินค้าอื่นๆ แทบจะไม่มีให้เห็นภายในร้าน ดิฉันถามคุณต้อมว่า "ตกลงพี่ขายอะไรในร้าน ไม่เห็นมีของอะไรเลย แล้วจะให้พีระมิดเรียกลูกค้ามาซื้อสินค้าอะไรในร้านพี่เหรอคะ"  "พี่ไม่มีเงินลงทุนซื้อสินค้ามาเพิ่มในร้านเงินที่หามาได้ก็ต้องส่งดอกเบี้ยรายวันร้อยละ 20 ที่ไปกู้ยืมเขามาลงทุน" เอาอย่างนี้หนูมีเงินลงทุนซื้อสินค้ามาเพิ่มในร้านค้าให้พี่ยืมก่อนเป็นเงินลงทุนที่ไม่มีดอกเบี้ยพี่ค่อยผ่อนคืนให้หนูแล้วกัน  (ดิฉันได้นำเงินกองกลางที่ดิฉันหักจากเงินเดือนของตัวเองร่วมกับลูกน้องที่ทำงาน จำนวน 3,600 บาท ไปลงทุนซื้อสินค้ามาวางจำหน่ายในร้านของคุณต้อม ดิฉันกับลูกน้องมีอุดมการณ์ที่จะชำระหนี้แผ่นดินร่วมกันนั่นก็คือ นำเงินที่เก็บรวมกันไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น นำไปซื้อเครื่องใช้ในสำนักงาน,ซื้อวัสดุสำนักงาน,ตลอดจนไว้ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชน เช่น ซื้อวัสดุอุปกรณ์ประปาต่อขึ้นไปบนบ้านให้ชายชราตาบอด เป็นต้น ไม่ว่าดิฉันหรือลูกน้องจะตัดสินใจใช้เงินกองกลางที่เก็บรวมกันไปใช้ช่วยเหลือใครเราจะปรึกษากันก่อนทุกครั้งว่าใครมีความเหมาะสมที่จะได้รับความช่วยเหลือ อย่างไร จำนวนเท่าไหร่) ครอบครัวของคุณต้อมเป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่ดิฉันพิจารณาว่าสมควรให้ความช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้ว่าหลังจากที่ดิฉันนำสินค้ามาลงให้ คุณต้อมจะต้องเก็บสินค้าประเภท เหล้า เบียร์ บุหรี่ ที่เหลือวางขายอยู่ในร้านออกให้หมด ไม่ให้นำมาขายอีกต่อไป  คุณต้อมยอมตกลงตามที่ดิฉันเสนอ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 15:05:00


ความคิดเห็นที่ 94 (1682315)

แต่เรื่องราวมันไม่ได้จบแค่นั้น ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากลงสินค้าคุณต้อมก็โทรมาหาดิฉันอีกบอกว่ามีเรื่องอยากจะปรึกษาตอนนี้ยอดขายของที่ร้านไม่ดีขึ้นเท่ากับตอนแรกที่บูชาพีระมิดมาแถมกำไรต่อวันที่ได้ก็น้อยลงเรื่อยๆ จากที่เคยได้ 2,000 ก็ลดลงมาเหลือ 1,000  ทุกวันนี้ได้ไม่ถึงพันอยู่ที่ประมาณ 700 - 800 บาท ชีวิตลำบากมากใช้จ่ายไม่พอทำไมอาจารย์อุบลไม่ช่วยเหมือนช่วงแรกๆ "พี่เรียกให้ท่านช่วยบ่อยมั้ยคะ"  ดิฉันถาม "บ่อยสิ ลืมตาขึ้นมาก็เรียกชื่อท่านก่อนเลยให้ท่านช่วยให้มีลูกค้าเยอะๆ"  พี่ต้อมตอบ  "เรามีเรื่องต้องคุยกันค่ะ จะได้รู้สาเหตุว่าใช้พีระมิดแล้วทำไมเงินกำไรที่เคยได้มากมันยิ่งลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ มันต้องมีสาเหตุค่ะ"  หลังจากวางสายโทรศัพท์จากพี่ต้อมหลังเลิกงานวันนั้นดิฉันตัดสินใจไปพบพี่ต้อมที่ร้านเลย  พอไปถึงดิฉันเห็นพี่ต้อมกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่ชีซึ่งมาจากวัดไหนก็ไม่ทราบ พอพี่ต้อมเห็นดิฉันพี่ต้อมบอกกับแม่ชีว่าเดี๋ยวพี่ต้อมขอคุยธุระกับดิฉันสักครู่แล้วก็เชิญดิฉันให้เข้าไปคุยกันในร้านปล่อยให้แม่ชีนั่งอยู่หน้าร้านตามลำพัง ซึ่งดิฉันมองพี่ต้อมออกว่าไม่อยากให้ดิฉันไปร่วมวงนั่งคุยในขณะที่แม่ชีนั่งอยู่ด้วย ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่บังเอิญว่าสายตามองไปเห็นหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะภายในร้านที่พี่ต้อมนั่งอยู่ แล้วก็บังเอิญอีกเช่นกันที่ดิฉันเห็นแม่ชีคนที่พี่ต้อมนั่งพูดคุยด้วยก่อนที่ดิฉันจะมา ถือถุงหนังสือที่มีลักษณะเล่มเหมือนกันกับที่วางอยู่บนโต๊ะในร้านพี่ต้อมอยู่ในมือจำนวนหลายเล่ม

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 15:41:11


ความคิดเห็นที่ 95 (1682317)

ดิฉันจึงหยิบหนังสือขึ้นมาดูถามพี่ต้อมว่า "แม่ชีแจกหนังสือธรรมะเรื่องอะไร"  "เกี่ยวกับการแก้กรรม"  "แก้กรรมเหรอ แก้อย่างไร"  "ให้ขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร"  "แล้วพี่ต้อมบอกแม่ชีรึเปล่าว่าวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดสามารถพิสูจน์กฎแห่งกรรมได้ เห็นผลฉับพลันทันทีด้วย"  "เปล่าพี่ไม่ได้บอก กลัวเขาไม่เชื่อ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้น้องเอ็มไปนั่งพูดคุยกับแม่ชีด้วย" "บอกแม่ชีไปเลยค่ะแล้วเอาวัตถุมงคลของบ้านสวนพีระมิดไปพิสูจน์ให้แม่ชีดู แม่ชีจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแม่ชี บอกให้แม่ชีรู้ไปเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวแม่ชีโกรธ แม่ชีจะได้พบทางพ้นทุกข์" ดิฉันแนะนำพี่ต้อม ดิฉันหันไปเห็นแม่ชีนั่งมองดิฉัน ดิฉันจึงได้โอกาสถามแม่ชีไปว่า "แม่ชีมาแจกหนังสือธรรมะเหรอคะ" "เปล่าหรอกแต่แม่มาเผยแพร่พิธีกรรมแก้เคราะห์กรรม" "พอดีเลยค่ะหนูมีครูบาอาจารย์อยู่ที่นครนายกท่านเป็นฆราวาสชื่ออาจารย์อุบลท่านสอนเรื่องกรรมเหมือนกัน แล้ววัตถุมงคลของท่านที่เรียกว่าพีระมิดก็สามารถพิสูจน์ได้เห็นผลทันที ถ้าเจ้ากรรมนายเวรเขาพึงพอใจในบุญ อโหสิกรรมให้ อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ไม่ว่าจะเจ็บป่วยด้วยโรคอะไรก็ตามแต่เมื่อได้สัมผัสพีระมิดอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ก็สามารถดีขึ้นหรือหายได้ทันที แต่ก็เป็นการหายเพียงชั่วคราวนะคะจนกว่าเราจะบูชาวัตถุมงคลเพื่อสร้างบุญเป็นของเราเอง" "อ๋อ แต่พิธีกรรมของแม่ชี ไม่ต้องใช้วัตถุมงคลไม่ต้องเสียเงินซื้ออะไรทั้งนั้น ถ้าใครขยันหมั่นปฏิบัติตามพิธีกรรมที่แม่ชีแนะนำก็จะสามารถแก้เคราะห์กรรมได้"  "ทำยังไงคะแม่ชี วิธีของแม่ชีที่บอกว่าสามารถแก้เคราะห์กรรมได้" ดิฉันถามด้วยความสงสัย (โปรดติดตามตอนต่อไป)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-16 16:17:31


ความคิดเห็นที่ 96 (1682386)

 

"แค่เรากล่าวว่า โหสิ โหสิ โหสิ"  แม่ชีบอก "แล้วโหสิให้กับใครเหรอคะแม่ชี" ดิฉันถาม แม่ชีชี้ไปตรงหน้าคุณต้อมแล้วพูดขึ้นว่า "ก็ โหสิ ให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนนี้ไง เจ้ากรรมนายเวรที่มาทำให้คนนี้เจ็บป่วย เขาต้องการบุญจากแม่ชีเขาสื่อผ่านมาให้แม่ชีรับรู้ แม่ชีได้กล่าวว่า โหสิ โหสิ โหสิ แล้วก็ส่งบุญให้เขาไปแล้ว" "เจ้ากรรมนายเวรของคุณต้อมไปแล้วยังคะแม่ชี" "ก็ไปแล้วสิแม่ชีส่งบุญให้เขาไปแล้ว" "ถ้าเจ้ากรรมนายเวรของคุณต้อมได้รับบุญจากแม่ชีแล้วเขาไปแล้วจริงๆ คุณต้อมก็ต้องหายป่วยนะสิคะ" "ยังไม่หายหรอกอาการเจ็บป่วยของเขา เขาก็ต้องรักษาไป ถ้าเขาอยากหายป่วย เขาก็ต้องหมั่นทำเหมือนที่แม่ชีทำ การกล่าว โหสิ โหสิ โหสิ นั่นแหละให้ทำบ่อยๆ ส่วนอาการเจ็บป่วยที่เขาเป็นจะหายเร็วหายช้าก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองว่าเพียรพยายามทำได้มากแค่ไหน" "จะดีกว่ามั้ยคะแม่ชี ถ้ามีวัตถุมงคลที่ทำให้เราสามารถพิสูจน์กรรมได้ เพียงแค่มองหรือสัมผัส ก็ทำให้เราสามารถรับรู้ได้ว่าเจ้ากรรมนายเวรอโหสิให้เราแล้วยัง หากเจ้ากรรมนายเวรเขาพึงพอใจในบุญที่เราสร้างให้ เราก็สามารถรับรู้ได้จากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่จะดีขึ้นหรือหายได้ทันที" แม่ชีหันมามองหน้าดิฉันแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร หันไปสอนธรรมะแบบผิดๆ ให้คุณต้อมฟังต่อ แม่ชีบอกคุณต้อมว่า ตัวที่ชั่วที่สุดในชีวิตของคนเราคือ ตัวทุกข์ "เราไม่ต้องไปยึดติดกับตัวทุกข์ ทุกข์มาเราก็ปล่อยวาง ปล่อยวาง ปล่อยวาง เราเจ็บป่วยเราก็รักษาไปแต่เราไม่ต้องไปทุกข์กับมัน แม้แต่พระเองก็ยังเจ็บป่วยเลย" ดิฉันที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา "แม่ชีคะ ทุกข์ มันไม่ใช่ตัวชั่วหรอกค่ะ ดี ชั่ว มันอยู่ที่การกระทำของคนเรา การที่คนเราไม่รักษาศีลต่างหากหล่ะจึงก่อให้เกิดความชั่ว เมื่อทำแต่ความชั่วความทุกข์มันจึงตามมา เพราะฉนั้น ทุกข์ในชีวิตของคนเราจึงไม่ใช่ตัวชั่วอย่างที่แม่ชีเข้าใจ ถ้าไม่อยากทุกข์ อยากหายเจ็บป่วยก็ต้องรักษาศีลให้ได้ค่ะ"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-19 09:54:53


ความคิดเห็นที่ 97 (1682387)

"ไม่ต้องพูดถึงศีล คนเรานะถ้า โหสิ เป็นประจำก็ไม่ผิดศีลหรอก คำว่า โหสิ จึงอยู่หนือกว่าอะไรทั้งหมดอยู่เหนือกว่าศีล" "ไปกันใหญ่แล้วค่ะแม่ชี หนูไม่อยากพูดกับแม่ชีแล้วหล่ะ เชิญแม่ชีนั่งพูด โหสิ โหสิ โหสิ ไปคนเดียวเถอะ" ดิฉันได้ลุกขึ้นชักชวนให้คุณต้อมแยกวงไปพูดคุยกันภายในร้านปล่อยให้แม่ชีนั่ง โหสิ อยู่หน้าร้านเพียงลำพัง คราวนี้มาเข้าเรื่องราวของคุณต้อมซะที ดิฉันพาทุกท่านออกนอกเรื่องซะนาน ดิฉันถามคุณต้อมว่า "ตกลงพี่จะเอายังไงกับปัญหาชีวิต จะเลือกเดินทางไหน จะให้อาจารย์อุบลช่วย หรือจะนั่งท่อง โหสิ ทั้งวันเหมือนแม่ชี" "ให้อาจารย์อุบลช่วยด้วยค่ะ แต่อาจารย์อุบลจะช่วยพี่อีกรึเปล่าก็ไม่รู้ พี่ก็เรียกให้ท่านช่วยทั้งวันนะแต่มาระยะหลังท่านไม่ช่วย ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ได้กำไรดีมากได้ประมาณวันละ 2,000 บาท แต่ช่วงหลังๆ ได้น้อย ได้ไม่ถึง 1,000 บาท แล้วก็มีแนวโน้มลดน้อยลงทุกวัน แต่พี่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงพี่ก็จะเลือกเดินแนวทางของบ้านสวนพีระมิด" "ปากพี่บอกว่าเลือกแนวทางของบ้านสวนพีระมิด แต่การกระทำของพี่มันไม่ใช่มันสวนทางขนาดแม่ชีมาสอนธรรมะผิดๆ ให้พี่ฟัง พี่ก็ทนฟังอยู่ได้ไม่โต้แย้งในสิ่งที่ถูกต้องแถมยังไปรับเอกสารจากเขามาอีก  คราวนี้หนูจะถามพี่บ้างพี่ต้องตอบคำถามหนูตามความเป็นจริงนะ" "จ๊ะ พี่จะพูดความจริง"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-19 10:35:18


ความคิดเห็นที่ 98 (1682395)

"หลังจากที่พี่ได้เข้าร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัด ได้ไปพบท่านอาจารย์อุบลแล้วพี่คิดยังไง" "พี่ศรัทธา มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามตัดสินใจเลิกประกอบอาชีพขายไก่ทอด หันมาขายอาหารมังสวิรัติแทน ทำทันที ใครจะคัดค้านอย่างไรพี่ก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจ" "แล้วผลของการที่พี่ตัดสินใจเปลี่ยนทันทีเป็นยังไง" "อาหารมังสวิรัติที่ทำขายดีมากได้กำไรวันละ 2,000 บาท" "แล้วช่วงที่ยอดขายลดลงพี่คิดอะไร" "พอมีลูกค้ามาถามซื้อไก่ทอด หรือ มีใครมาพูดให้พี่กลับไปขายไก่ทอด พี่เกิดความลังเลอยากกลับไปขายไก่ทอดเหมือนเดิม" "พี่ลังเลทั้งๆ ที่พี่ขายอาหารมังสวิรัติได้กำไรดี" ดิฉันถาม "ใช่ พี่กลัวว่าต่อไปจะขายไม่ดี" "แล้วพอพี่คิดว่าอยากกลับไปขายไก่ทอดเหมือนเดิมผลเป็นยังไง" "ค้าขายไม่ดี ได้กำไรลดน้อยลงเรื่อยๆ ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยไม่ได้ผลอาจารย์ไม่ช่วย เมื่อวานนี้พี่ก็ต้องปิดร้านไม่ได้ขายของอยู่ดีๆ ก็เจ็บป่วยโดยไม่มีสาเหตุมันปวดทรมานไปทั้งตัว" "หนูถามพี่ตรงๆ นะก่อนที่จะป่วยโดยไม่มีสาเหตุพี่ตัดสินใจกลับไปขายไก่ทอดเหมือนเดิมใช่มั้ย"     คุณต้อมหันมามองหน้าดิฉัน "ให้พูดความจริงกับหนูนะจะได้ช่วยแก้ปัญหาถูก" "พี่คิดจะเอาพีระมิดที่บูชามาไปคืนน้องเอ็มแล้วจะกลับไปขายไก่ทอด พอคิดอย่างนั้นพี่ก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว" "พี่คิดมั้ยว่าการที่พี่เจ็บป่วยโดยที่ไม่มีสาเหตุนั้นเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษ แล้วตอนที่ป่วยพี่เรียกให้อาจารย์อุบลช่วยด้วยรึเปล่า" "เรียกให้ช่วย ให้อาจารย์อุบลช่วยเอาชีวิตพี่ไปซะทีพี่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว" "โอ๊ย พี่ต้อมอาจารย์เค้าไม่เอาชีวิตพี่ไปหรอกเพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แล้วนี่อาการป่วยดีขึ้นแล้วเหรอคะ" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" "ทำยังไงถึงดีขึ้นละคะ" "พี่คิดว่าไหนๆ ก็เตรียมของที่จะทำอาหารมังสวิรัติเอาไว้แล้วน่าจะขายมังสวิรัติต่อ พอพี่คิดอย่างนั้นจากที่นอนป่วยลุกไม่ขึ้นก็สามารถลุกขึ้นมาเปิดร้านขายของได้ แล้วพี่จะทำยังไงดีน้องเอ็ม ให้อาจารย์อุบลกลับมาช่วยให้พี่ค้าขายดีเหมือนเดิม" "ทำใจซิคะพี่ต้อม ทำใจของพี่ให้มีความมุ่งมั่นปฏิบัติตามคำสอนท่านเหมือนเดิม แล้วทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนเดิม ทำได้มั้ยคะ" "ค่ะ พี่จะทำให้ได้ ขอบคุณมากนะน้องเอ็มที่พูดกับพี่ตรงๆ ทำให้พี่คิดได้"

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-19 16:49:25


ความคิดเห็นที่ 99 (1683059)

วันที่ 11 มิ.ย.57 ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับ นายเล็ก ยอดไกร นายก อบต.ช้างไห้ตก นายกเห็นหนูแขวนวัตถุมงคลเต็มคอด้วยความสงสัยแกถามว่าแขวนพระอะไรที่คอ หนูตอบว่า วัตถุมงคงบ้านสวนพีระมิดแค่มองก็หายเจ็บป่วย นายกบอกว่า ดีเลยมีที่มาที่ไปอย่างไรสนใจอยากคุยต่อ หนูจึงบอกเล่าปรากฎการณ์บ้านสวนพีระมิดให้ฟังและบอกให้นายกรู้ว่าโรคทุกโรคสามารถหายได้ถ้าเรารู้สาเหตุ หายทันทีด้วยนะพิสูจน์ฟรี นายกบอกว่าดีเลยตอนนี้ปวดหลังมาก หนูถามนายกว่าเจ้าชู้รึเปล่าแกก็รับสารภาพค่ะว่ามีกิ๊ก เลยถามต่อว่ากิ๊กแบบว่าแอบชอบหรือแอบไปนอนกับกิ๊ก นายกตอบว่านอนกับกิ๊ก แล้วถามหนูว่าภรรยารับรู้แล้วเค้าบาปด้วยเหรอ หนูจึงอธิบายศีลข้อ 3 และผลของการผิดศีลให้นายกฟัง และให้พิสูจน์ด้วยวิธีการเสี่ยงทายกับพีระมิดรุ่นสามร่มโพธิ์ศรีค่ะ ได้เสี่ยงทายตามคุณสมบัติของพีระมิดรุ่นดังกล่าว พอมององค์แรกนายกนั่งยิ้มบอกว่าอาการปวดหลังดีขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ให้มองสององค์อาการปวดหลังดีขึ้นอีก 60 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ค่ะ มองสามองค์อาการปวดหลังหาย 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ นายกถามหนูว่า แค่มองจี้แล้วหายทำไมไม่เอาจี้ให้พระวานรที่มันมาตีหัวเรามองบ้าง หนูตอบกลับไปว่า ที่โดนตีหัวไปสองทีก็เพราะมันเห็นจี้นี่แหละมันกลัวไปขัดผลประโยชน์มัน หนูถามนายกว่า นายกรู้ป่าวว่ามันขายจิ้งจกรุ่นครูถ้ำคู่ละ 1 ล้านบาท (บอกราคาจิ้งจกนายกผิดไปวันนั้น จริงๆ แล้วมันขายคู่ละสิบล้านบาท) และมันยังขายจี้รูปหน้าตัวเองอันละหนึ่งหมื่นบาท หาาาาามีด้วยเหรอมันขายบ้าอะไรของมัน นี่ขนาดหนูบอกราคาผิดขาดไปเก้าล้านนายกยังตกใจซะขนาดนี้ ถ้าบอกราคาถูกมีหวังนั่งตาเหลือกพี่น้องเอ๊ย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-06-16 09:13:53


ความคิดเห็นที่ 100 (1683060)

หนูได้เปิดกระทู้พระวานรให้นายกดู  พอเห็นรูปอาจารย์อุบลแกบอกให้หนูรีบปิดกระทู้ไปเลยแกไม่กล้าดู แล้วแกก็นั่งเอามือกุมหัว บอกว่าอาจารย์อุบลสวยแกเป็นคนเจ้าชู้เดี๋ยวเผลอคิดลามกแย่เลยกลัวปวดหัวค่ะ ก่อนจากกันนายกติดใจธรรมะบำบัดชักชวนให้หนูไปเป็นปลัดที่ อบต.ช้างไห้ตกด้วยค่ะ แกบอกว่าให้ไปทำงานกับแกนะแต่ขออย่างเดียวเวลาที่ผู้รับเหมาให้เงินแกอย่าพูดเรื่องบาปแกว่างั้น แกไม่ได้โกงผู้รับเหมาให้เอง หนูเลยต่อค่ะบอกเล่าถึงผลกรรมของคนที่ใช้มือทำผิด เช่น เซ็นต์หลักฐานเท็จ รับเงินใต้โต๊ะ บอกนายกว่าจะทำให้ปวดแขนจนถึงขั้นพิการได้ นายกอุทาน อุบ๊ะกำลังปวดแขนอยู่ด้วยสิ เค้าให้เงินทีละเยอะๆ ซะด้วยได้แต่ละทีก็หลักแสนแล้วอีกสองสามวันนี้เค้าจะให้อีกสามแสนเชียวนะไม่ให้รับเลยเหรอ นายกพูดทำท่าคิดหนักแล้วบอกว่าคนอื่นเค้าก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น หนูเลยพูดบอกนายกว่าถ้าอยากแขนพิการก็ให้รับเงินใต้โต๊ะต่อไป สีหน้าแกกังวลค่ะ เสียดายเงินใต้โต๊ะก้อนโตก็เสียดาย กลัวแขนพิการก็กลัว แต่ท่านนายกก็ไม่ได้ให้คำตอบว่าจะเลือกรับเงินใต้โต๊ะหรือจะเลือกเอาแขนไว้

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-06-16 09:14:48



[1] 2 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.