ReadyPlanet.com


พระปลอมอาละวาท


 

วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 13.30 น. ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากพนักงานห้องถ้องถิ่นอำเภอโคกโพธิ์ แจ้งว่า ท่านนายอำเภอต้องการพบดิฉันด่วน มีพระอาจารย์มาจากวัดไหนไม่ทราบมารอขอพบดิฉันอยู่ที่ห้องนายอำเภอ หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ดิฉันก็ยังงงๆ เพราะดิฉันไม่รู้จักพระอาจารย์ที่ไหนนอกจากท่านอาจารย์อุบลแล้วทำไมจะต้องมาขอพบดิฉันที่ห้องทำงานของนายอำเภอ แต่ก็คิดในทางที่ดีว่า ท่านนายอำเภอและพระอาจารย์ที่มารอพบอาจจะสนใจธรรมะที่ท่านอาจารย์อุบลนำมาเผยแพร่ก็เป็นไปได้ เพราะมีผู้คนที่มาร่วมกิจกรรมธรรมะบำบัดสัญจรของอาจารย์อุบลที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์จำนวนมากไปบอกเล่ากันปากต่อปากว่าแค่ได้เดินผ่านอาจารย์อุบลก็หายเจ็บป่วยได้ พอไปถึงบริเวณหน้าห้องนายอำเภอดิฉันเห็นนายอำเภอ คุณนาย(ภรรยา) และข้าราชการหลายคนกำลังสาละวนอยู่กับการจัดฮวงจุ้ย ตามคำแนะนำของพระรูปหนึ่ง ดิฉันได้พูดคุยสอบถามจากเจ้าหน้าที่ อส.หน้าห้องนายอำเภอ ได้ความว่า นายอำเภอนิมนต์พระมาจัดฮวงจุ้ยห้องทำงานใหม่ ด้วยความสงสัยดิฉันจึงถาม เจ้าหน้าที่ อส. ว่า "ทำไมนายอำเภอจัดฮวงจุ้ยห้องทำงานใหม่บ่อยจัง" เจ้าหน้าที่ อส. ส่ายหน้าแล้วพูดพึมพำกับดิฉันว่า "ไม่ว่าจะจัดฮวงจุ้ยยังไงก็ไม่สามารถแก้เคราะห์กรรมได้หรอก" หลังจากที่จัดฮวงจุ้ยเสร็จ คุณนาย (ภรรยานายอำเภอ) เชิญดิฉันเข้าไปในห้องทำงานของนายอำเภอ ดิฉันเห็นพระรูปที่มาจัดฮวงจุ้ยนั่งถือเอกสารธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ดิฉันถ่ายเอกสารแจกเป็นธรรมทานรอดิฉันอยู่ที่โซฟา มีลูกศิษย์พระอาจารย์และข้าราชการเกือบสิบคนนั่งพับเพียบด้วยความเคารพนอบน้อมอยู่กับพื้น ดิฉันเองก็แสดงความเคารพนอบน้อมต่อพระด้วยการคุกเข่าคลานเข้าไปไหว้ทำความเคารพแล้วนั่งลงบริเวณใกล้โซฟาที่พระรูปนั้นนั่งอยู่ ไม่ทันได้พูดพร่ำทำเพลงอะไรพระรูปนั้นก็โยนเอกสารธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจแล้วสั่งให้ดิฉันหยุดกระทำการแจกเอกสารธรรมะของหลวงพ่อโดยเด็ดขาด ดิฉันถามว่า "ทำไม่ดิฉันจะถ่ายเอกสารธรรมะของหลวงพ่อแจกไม่ได้"  "ฉันเป็นพระมาจากวัดท่าซุง นี่เธอไม่รู้เหรอว่าเอกสารธรรมะหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นลิขสิทธิ์ของวัดท่าซุง เธอมาทำอย่างนี้ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์" "ธรรมะของหลวงพ่อไม่มีลิขสิทธิ์ หรอกค่ะหลวงพี่ ใครๆ ก็มีสิทธิ์นำมาศึกษาและเผยแพร่ได้ทั้งนั้น" "เป็นถึงข้าราชการ ไม่รู้รึยังไงว่ามีหนังสือจากสำนักพระราชวังออกมาว่าให้เอกสารธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นลิขสิทธิ์ของวัดท่าซุงแต่เพียงผู้เดียว เธอไม่มีสิทธิ์ถ่ายเอกสารแจก ฉันเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อบวชมา 20 ปี ยังไม่เคยนำแม้แต่รูปถ่ายของหลวงพ่อมาถ่ายเอกสารแจกอย่างที่เธอทำ ครั้งนี้ฉันจะตักเตือนเธอก่อน ไม่งั้นเธอจะต้องโดนฟ้าผ่า แล้วไม่ใช่จะโดนแค่ฟ้าผ่าหรอกนะ ไฟจะไหม้บ้านเอาด้วย" "หลวงพี่มีหนังสือจากสำนักพระราชวังมาด้วยมั้ยคะขอโยมดูหน่อย" พอดิฉันถามถึงหนังสือจากสำนักพระราชวังที่ส่งมาถึงวัดท่าซุง หลวงพี่กลับแสดงอาการหงุดหงิดไม่พอใจดิฉันมาก ทำทีเป็นเอ็ดตะโรดิฉันเรื่องอื่น "แล้วนี่ที่เธอเอาเรื่องอภิญญาใหญ่มาถ่ายแจก คนอย่างเธอทำได้บ้างมั้ยสักข้อ ถ้าคนอย่างเธอฝึกได้ครบทุกข้อฉันก็จะยอมให้แจก แล้วนี่ดูเอามาทำเข้าซิเอาธรรมะของหลวงพ่อมาบิดเบือนข้อมูล แฝงไว้ด้วยผลประโยชน์ของตัวเอง" "การแจกเอกสารเรื่องอภิญญาใหญ่ของหลวงพ่อ ก็ไม่จำเป็นว่าผู้แจกจะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จอภิญญาใหญ่ทั้ง 11 ข้อ ถึงจะแจกได้ จุดประสงค์การแจกของโยมก็เพื่อให้ผู้อ่านเกิดปัญญา ได้รับรู้ว่าอภิญญาใหญ่มีจริง ทำได้จริง และหลวงพ่อฤาษีลิงดำก็ทำได้ เอกสารที่แจกไปก็เป็นคำสอนของหลวงพ่อที่ไม่มีการบิดเบือนข้อมูลอะไรเลย หลวงพี่จะมาว่าโยมแอบแฝงผลประโยชน์ของตนเองในการแจกธรรมะของหลวงพ่อเรื่องอะไร" "ฉันจะไปรู้เธอเหรอว่าเธอแอบแฝงผลประโยชน์อะไรไว้" "อ้าว ถ้าโยมแอบแฝงผลประโยชน์ของตนเองในการแจกเอกสารธรรมะของหลวงพ่อจริงผู้อ่านก็ต้องรู้ซิคะว่าโยมแอบแฝงประโยชน์อะไรไว้" "ถ้าอยากจะแจกให้เอาของที่วัดท่าซุง มาแจก ไม่ใช่เอาเอกสารที่ถูกบิดเบือนข้อมูลพวกนี้ไปแจก ไปเอาที่ไหนมาแจกกันก็ไม่รู้ ฉันเห็นแจกกันมากเอกสารแบบนี้ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ อย่าให้ฉันเห็นเอกสารพวกนี้ในภาคใต้เป็นอันขาดไปจัดการซะ ตอนที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่หลวงพ่อโดนโจมตีมาเยอะแล้ว ฉันขอเตือนเธอนะ ห้ามเอาเอกสารธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำไปแจกที่ไหนอีก ถ้าฉันเห็นเอกสารพวกนี้อีก ฉันนี่แหละจะจัดการเธอให้หลุดจากตำแหน่งข้าราชการ" "ข้อหาอะไรเหรอคะ" "นี่เธอยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าเธอผิดที่ไปละเมิดลิขสิทธิ์วัดท่าซุง พูดแล้วยังไม่ยอมหยุดอีก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ประเดี๋ยวจะฟาดให้กะบาลแยก" ดิฉันเห็นกิริยาการพูดจาของพระปลอมรูปนี้แล้วไม่เข้าท่า เพราะคนที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้น 1.ต้องเป็นผู้ที่เคารพและศรัทธาในหลวงพ่อ  2.ต้องปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อ(ไม่นอกรีต)และ 3.ต้องเผยแพร่และยินดีที่เห็นผู้อื่นเผยแพร่หลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อ ไม่ใช่มาทำกร่างขัดขวางพูดจาข่มขู่บุคคลที่เผยแพร่หลักธรรมคำสอนของหลวงพ่ออย่างที่พระปลอมกำลังคุกคามดิฉัน ดิฉันยังคงยืนกรานกับพระปลอมว่าธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่สงวนลิขสิทธิ์ แสดงเจตนารมณ์ให้พระปลอมรู้ว่า ดิฉันไม่ยอมทำตามที่พระปลอมออกคำสั่งอย่างแน่นอน เป็นเหตุให้พระปลอมโกรธดิฉันมาก ดิฉันเห็นท่าไม่ดีจึงเรียกให้อาจารย์อุบลช่วยด้วย ยังไม่ทันบอกต่อท้ายว่าให้ท่านช่วยเรื่องอะไร 



ผู้ตั้งกระทู้ สาวิตรี คงศรี กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2014-05-02 11:28:24


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1681897)

พระปลอมก็หันไปคว้าไม้เท้าฟาดลงกลางศีรษะของดิฉันอย่างแรงต่อหน้าข้าราชการจำนวนมาก เสียงดังพลั๊ว ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานนายอำเภอตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างนั่งกันเงียบกริบไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ดิฉันซึ่งเป็นผู้ที่ถูกฟาดศีรษะกลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย หลังจากถูกพระปลอมใช้ไม้เท้าฟาดกลางศีรษะ ดิฉันจ้องสบตาพระปลอมอย่างไม่เกรงกลัว ในใจก็เรียกให้อาจารย์อุบลช่วยด้วย ยังไม่ทันลุกขึ้นพระปลอมหันมาเห็นดิฉันแขวนวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิดเต็มคอและเห็นว่าวัตถุมงคลที่ดิฉันสวมใส่ไม่ใช่พระก็เกิดโทสะใช้ไม้เท้าฟาดลงกลางศีรษะของดิฉันอย่างแรงเป็นครั้งที่สอง ดิฉันรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงานนายอำเภออย่างรวดเร็ว แม้ว่าดิฉันจะโดนพระปลอมใช้ไม้เท้าฟาดลงกลางศีรษะอย่างแรงทั้งสองครั้ง ดิฉันก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บบริเวณศีรษะแม้แต่นิดเดียว เอามือจับศีรษะดูก็ไม่ได้ปูดบวม ปรกติดีทุกอย่าง ส่องกระจกดูก็ไม่มีแม้แต่รอยช้ำให้เห็น การที่ดิฉันโดนฟาดที่ศีรษะอย่างรุนแรงซะขนาดนั้นหัวจะต้องแตกเลือดจะต้องไหลอาบหน้าอย่างแน่นอน แต่ด้วยพระเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์คอยปกปักษ์รักษาทำให้ดิฉันแคล้วคลาดปลอดภัยทุกประการ  กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-02 15:51:08


ความคิดเห็นที่ 2 (1681941)

 พระทุศีล คือ พระที่ไม่รักษาศีล  ไม่อยู่ในพระธรรมวินัย ไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า และอิจฉาผู้เผยแผ่ธรรมะพระพุทธเจ้า

พระทุบหัวคุณสาวิตรี โดยขาดศีลธรรม

จากกรณีที่เกิดขึ้นกับคุณสาวิตรี ทั้งหมดนี้ คุณสาวิตรี ได้ทำหน้าที่เผยแผ่เอกสารของท่านอาจารย์อุบลถูกต้องที่สุด แล้ว

เพราะทำให้ประชาชน พ้นทุกข์ มีธรรมะ มีศีลธรรม ปฏิบัติตัว ตามศีลธรรม และธรรมะ อย่างเคร่งครัด

ทำให้ประชาชน ศรัทธา ปฏิบัติจริง และพ้นทุกข์ ตามคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง 

แต่พระทุศีลองค์นี้ ได้กล่าววาจา หยาบคายกับญาติโยมกับผู้ปฏิบัติธรรม ใส่ร้ายป้ายสี อิจฉา ริษยา คัดค้าน ขัดแย้ง กับคุณสาวิตรี 

ซึ่งพระทุศีล หลงผิด คิดผิด ก้าวก่ายผู้ที่ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว มาทำร้ายเอาไม้เท้าฟาดหัวคุณสาวิตรี ถึง  2 ครั้ง แต่คุณสาวิตรี ไม่เจ็บ ไม่ปวดอะไรทั้งสิ้น หัวไม่แตก ด้วยบารมีท่านอาจารย์อุบลช่วยด้วย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

พวกเราลูกบ้านสวนพีระมิด ก็ให้กำลังใจ คุณสาวิตรี เป็นคนที่มีศีล มีธรรม ทำดีที่สุดแล้ว ในคำสอนของพระพุทธองค์ที่ท่านอาจารย์อุบลนำมาแสดง

ขอเตือนไปยัง พระทุศีล คำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนของสิ่งศักดิื์สิทธิ์ทั้งหลาย ไม่ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ องค์นั้นจะเป็นใคร คำสอนนั้น ย่อมเผยแผ่ให้กับประชาชน เพื่อเป็นวิทยาธรรม ได้ทุกเมื่อ ไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์ คำสอนนั้น ๆ 

ละม่อม + คุณกิตติพศ  ทองเจือ  ให้กำลังใจ คุณสาวิตรี ช่วยสู้ ในหลักธรรม     ต่อไป  ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-04 11:11:58


ความคิดเห็นที่ 3 (1682486)

เมื่อวาน วันที่ 21 พฤษภาคม 2557  รองผู้กำกับ ปฐมพงษ์ ซึ่งเป็นผู้รับคดีพระทำร้ายร่างกายดิฉัน ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ดิฉันทราบว่า "พระที่คุณสาวิตรีแจ้งความดำเนินคดีไว้มาแล้วนะ ตอนนี้นั่งอยู่ที่โรงพัก คุณรีบออกมาที่โรงพักเลยนะจะได้มาไกล่เกลี่ยกัน"  "คุณสอบสวนพระแล้วยัง" "ยังผมยังไม่สอบสวนรอให้คุณเข้ามาไกล่เกลี่ยกันเรื่องจะได้จบ"  "ไม่ไปไกล่เกลี่ยอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณมีหน้าที่สอบสวนพระ คุณก็ดำเนินการสอบสวนแล้วดำเนินคดีไปได้เลย"  จากนั้นดิฉันก็วางสายไป ช่วงเวลา 15.30 ดิฉันก็ได้รับโทรศัพท์ จากรองผู้กำกับอีกครั้ง บอกว่า "คดีของคุณมันแค่เรื่องเล็กน้อย ทนายบอกว่ามันสิ้นสุดตรงการเสียค่าปรับ เดี๋ยวผมรับค่าปรับไว้ให้คุณเลยนะ"  "ไม่ค่ะ ฉันไม่อนุญาตให้ใครรับเงินค่าปรับแทน ฉันเป็นเจ้าทุกข์ฉันไม่ยอมฉันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด" "ถ้าคุณไม่ยอมคุณมาที่โรงพักเลย พระพร้อม ทนายพร้อม"  "ได้ค่ะ"  ดิฉันก็พร้อมเราไปกัน 3 คน มีดิฉัน คุณแม่ แล้วก็ลูกน้องที่ทำงาน พอไปถึงโรงพัก โอ้โห จีวรปลิวว่อนเลย พระอยู่กันเต็มโรงพักเลยค่ะ ยกทัพมากันทั้งวัด  พอไปถึงคุณตำรวจก็จัดเก้าอี้ให้ทั้งสองฝ่ายนั่งเจรจายอมความกัน ทนายที่มากับพระเป็นคนเริ่มต้นเจรจาก่อน "ผมเป็นทนายจะมาช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้ คดีทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ยอมความกันได้ให้ยอมความกันซะเถอะจะได้ไม่ต้องเป็นคดี"  "มันไม่เล็กน้อยหรอกค่ะคุณทนาย อย่ามาพูดว่าเล็กน้อยเพราะคนที่โดนตีหัวคือดิฉัน ไม่ใช่หัวของคุณทนาย แล้วสถานที่ที่ดิฉันถูกทำร้ายร่างกายนั้นเป็นสถานที่ราชการเหตุเกิดในห้องนายอำเภอมีข้าราชการนั่งอยู่ด้วยอยู่กันหลายคน ดิฉันไม่ยอม" "แค่คดีทำร้ายร่างกายเสียค่าปรับกันก็จบให้ยอมกันหน่อยเถอะ กับพระกับเจ้าก็ไม่ยอมกันอย่าให้เป็นคดีกันเลย" "ที่ดิฉันไม่ยอมก็เพราะว่าคนที่มาทำร้ายดิฉันมันโกนหัวห่มเหลืองนี่แหละ มายัดเยียดความผิดกล่าวหาว่าดิฉันละเมิดลิขสิทธิ์ธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง แอบอ้างหนังสือจากสำนักพระราชวังพอดิฉันขอดูหนังสือดังกล่าวก็เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกัน" "ใช่ๆ พระเจ้าที่มาทำแบบนี้ยอมความกันไม่ได้ ถ้าเป็นเด็กเดินเข้ามาตีหัวกันก็ว่าไปอย่างให้อภัยกันได้ เป็นข้าราชการโดนกล่าวหาว่ากระทำผิดไปละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นเป็นข้อหาที่ร้ายแรงนะสำหรับข้าราชการแล้วยอมกันไม่ได้" คุณแม่พูดเสริม คราวนี้คุณทนายกลับรู้สึกว่าตนเองโดนรุมหันไปพูดกับคุณแม่ดิฉันว่า "ผมคุยกับเจ้าทุกข์ให้เจ้าทุกข์เป็นคนตอบ" ประมาณว่าคนอื่นไม่ต้องพูด คุณแม่เลยสวนกลับไปว่า "ฉันนี่แหละเป็นแม่ของเจ้าทุกข์ ลูกสาวฉันเป็นถึงข้าราชการโดนเรียกเข้าไปตีหัวในห้องนายอำเภอฉันไม่ยอมเรื่องนี้ให้ไปจบกันที่ศาลไม่ขอเจรจายอมความ" คุณทนายนั่งเงียบไปสักครู่แล้วหันไปถามตำรวจว่า "ตกลงพระโดนฟ้องกี่คดีกันแน่" "คดีเดียวครับ มีคดีเดียว คดีอื่นผมไม่ได้ลงให้ ผมรับไว้แค่คดีทำร้ายร่างกาย" "แล้วทำไมเจ้าทุกข์พูดถึงหนังสือลิขสิทธิ์จากสำนักพระราชวัง"ทนายถามคาดคั้นจากตำรวจ รองผู้กำกับท่านนั้นก็ย้ำกับดิฉันว่า "ผมรับทำให้คุณแค่คดีทำร้ายร่างกายเองนะซึ่งมันเป็นเรื่องที่สามารถยอมความกันได้ เรื่องอื่นผมไม่มีอำนาจสอบสวน" "ค่ะคดีเดียวก็คดีเดียว คุณก็ส่งสำนวนตามที่ดิฉันให้ปากคำไว้นั่นแหละค่ะไปที่ศาล เพราะการทำร้ายร่างกายกันมันเป็นปลายเหตุ ต้นเหตุมันมาจากเรื่องที่พระไม่พอใจกล่าวหาว่าดิฉันกระทำผิดละเมิดลิขสิทธิ์เอกสารธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง ถ้าดิฉันกระทำความผิดละเมิดลิขสิทธิ์จริงก็ให้พระเอาหลักฐานลิขสิทธิ์ที่ว่ามายืนยันคนอื่นที่ยังกระทำความผิดละเมิดลิขสิทธิ์เหมือนดิฉันเขาจะได้รู้ จะได้หยุดแจกเอกสารธรรมะของหลวงพ่อกันทั่วประเทศ" คราวนี้ตำรวจเองก็มีสีหน้าไม่สบายใจ ส่วนพระนั้นไม่ต้องพูดถึงนั่งหน้าจ๋อยบอกดิฉันว่า "หนังสือที่ดิฉันอยากจะดูอยู่ที่วัดท่าซุงให้ดิฉันไปขอดูจากวัดท่าซุง"  ดิฉันพูดสวนกลับไปว่า "ไม่ใช่เรื่องของฉันที่จะไปขอดูหนังสือจากวัดท่าซุง มันเป็นเรื่องของคุณที่จะต้องไปหามาถ้าทางศาลเขาต้องการจะดู" (เดี๋ยวมาต่อค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-22 09:12:54


ความคิดเห็นที่ 4 (1682493)

รองผู้กำกับหันไปมองหน้าพระกับทนายบอกว่า "เจ้าทุกข์เขาไม่ยอม ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันช่วยได้เท่านี้" "จะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อโยมเขาไม่ยอม" พระนั่งคอตก บอกตำรวจเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ก่อนจากกันคุณทนายถามดิฉันว่า "คุณจะดำเนินคดีกับพระ เพื่อเอาอะไรกันแน่ ทำไมถึงไม่ยอมความ" ดิฉันตอบคุณทนายไปว่า "เอาเรื่องให้ถึงที่สุดค่ะ" 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-22 13:56:17


ความคิดเห็นที่ 5 (1682505)

นับถือในความกล้าหาญมากค่ะคุณสาวิตรี รู้สึกเหมือนคุณสาวิตรีเป็นนักรบเลยค่ะ เหมือนทหารกล้าที่ไม่ยอมละทิ้งหน้าที่ (ปกป้องพระพุทธศาสนา) แม้ศัตรูมีกำลังมากกว่า (ขนพระลูกวัดมาเพียบ) แต่ความกล้าหาญและกำลังใจแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ราบคาบ

พอเรื่องถึงตำรวจทำเป็นจ๋อย ให้ตำรวจ ให้ทนายมาเจรจาสงบศึกให้ 5555 คงจะกลัวถูกกระชากหน้ากากเรื่องที่ตัวเองหมกเม็ดไว้ อาศัยผ้าเหลืองเป็นเครื่องมือหากิน คราวนี้ผู้คนคงตาสว่าง โชคดีจริงๆ ค่ะ ที่มีข้าราชการผู้ใหญ่หลายท่านอยู่ในเหตุการณ์เป็นพยานยืนยันความชั่ว

ขอเป็นหนึ่งกำลังใจเล็กๆ ให้คุณสาวิตรีนะค่ะ สู้ๆ ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กัสนีวา ทองภูธรณ์ (ไก่) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-05-22 16:48:36



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.