ReadyPlanet.com


คำสารภาพบาป และธรรมทาน ของ คุณ นัยนา ชมภูบุตร ( ฉบับแก้บน และแก้ไข )


ฉบับแก้บน

1.เคยฆ่ามด ด้วยการเผา น้ำร้อนราด ฉีดด้วยยาฆ่าแมลง เคยทำลายรังยุง เคยใช้ไฟโดยการเอาเทียนลนก้นเผา  เแมลงวัน แมลงหวี่  โดยการตบ ตี เอาไม้ช็อตด้วยไฟฟ้ากุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก เคยย่าง ปิ้ง ต้มลูกอ็อด  เป็นจำนวนมาก  หักขา กบ เขียด เพื่อเป็นอาหาร เคยจับ แมงปอ ผีเสื้อ หนอน  ผูกเชือกให้ลูกเล่น หอยทากโดยการเหยียบแบบไม่ได้ตั้งใจ ปลวก   ใส้เดือน ลูกน้ำ ( เป็นอาหารปลา ) กิ้งก่า โดยการใช้หนังสติ๊ก ยิงตั๊กแตน ตัวต่อ แตน แมงมุม ไรไก่ เห็บหมา หมัด เหา แมง และ แมลง เล็กๆ หลายอย่าง ตั้งใจฆ่า ตะขาบ แมงป่อง แมงมุม เพราะกลัวเป็นอันตรายต่อลูกและตัวเอง

เคยตีหมา  เตะ หมา, เตะ ไก่  ตีควาย ตีวัว  ทำหางจิงจกขาด

ที่สำคัญตีลูก ทั้ง สองคน แบบมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล

2.เคยขโมยเงินแม่ ไปซื้อลูกอม ตอนเด็กๆ เคยเลี่ยงการจ่ายภาษีไม่เต็ม ยืมเงินเพื่อน ยังไม่ได้ใช้คืน

3.ชอบพูดจาส่อไปทางชู้สาว ชอบมองหนุ่มๆ (อิอิ) ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ

4.เคยโกหก พ่อ แม่ ทั้งในเรื่องที่ดีและไม่ดี  ชอบติ นินทา ว่าร้าย ผู้อื่น ที่แย่ที่สุด ชอบบ่นว่า สามี และลูกทั้งสองคน

5.เคยดื่มเหล้า เนื่องจากอยากลอง และเพื่อนชวน เคยขายเบียร์ บุหรี่ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพราะรู้ว่าบาปมากเลยเลิกขาย

    เคยด่าว่าพ่อแม่ ชอบเถียง ( กราบเท้า ขอขมาท่านแล้ว ) เคยตีพี่สาว และใช้เท้าถีบ (รู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้ และยังไม่เคยขอโทษเลย )เคยแช่งอยากให้คนอื่นตาย ชอบอิจฉาริษยา คนอื่น

 

                                    ผลกรรมที่ตามมา 

 

 ทำให้เป็นคนใจร้อน ขี้โมโหง่าย เจ็บป่วยบ่อย

มีปัญหาทุกเรื่องทุกอย่าง

 

 

ฉบับแก้ไข

 

ชื่อ นางสาว นัยนา ชมภูบุตร

 

ขอสารภาพบาปค่ะ

 

" ทั้งที่เป็นชาวพุทธ แต่ไม่ทำตามคำสั่ง

และคำสอน ของพระพุทธเจ้า"

 

" ทำผิดศีล ทุกข้อ "  

   

 1.ผิดศีล ข้อ1.    

ใช้เงินในการฆ่า ตัดชีวิต

ทั้งคนและสัตว์

เคยหักขากบเพื่อทำอาหาร

เคยเลี้ยงปลาและชอบขุดไส้ดือน

จับเขาเป็นๆหย่อนให้ปลากินค่ะ

เตะหมา เตะไก่ ที่เลี้ยงไว้

ไม่ดูแลเอาใจใส่ เขาหลายตัวค่ะ

ชอบกินเนื้อปลา

เคยใช้นิ้วชี้สั่งให้เขาฆ่าเพื่อนำมาประกอบอาหารค่ะ

ชอบกินหอยโดยการต้ม ลวก ย่าง ผัด 

ตั้งใจฆ่า แมงป่อง ตะขาบ แมงมุม

เพราะกลัวเขาทำอันตรายกับครอบครัวค่ะ 

 

 

ผลกรรมที่ได้รับ

 

ทำให้เป็นคนขาดเมตตา เจ็บป่วยบ่อย

 

 

2.ผิดศีลข้อ 2.ลักทรัพย์****

 

ชอบขโมยเงินแม่บ่อยๆเมื่อตอนเป็นเด็ก

เพื่อไปซื้อลูกอม และขนมกิน

เคยแย่งเงินพี่สาว เพื่อไปซื้อลูกอม ค่ะ

อยากได้ของของคนอื่นที่ตัวเองไม่มี

ยืมเงินคนอื่นโดยยังไม่ได้ใช้คืน 

ยักยอก โกง ชอบของฟรี ไม่ระวังมารยาท

 

 

ผลกรรมที่ได้รับ

 

ทำให้มีเหตุต้องเสียเงินทุกครั้งที่ได้เงินมา

 

 

3.ผิดศีลข้อ 3.ประพฤติผิดในกาม****

 

ชิงสุกก่อนห่ามกับสามีก่อนแต่งงาน 

หมกมุ่นในกาม

ชอบพูดจาหยาบคายส่อไปในทางลามก 

พูดทีเล่นทีจริง ดูภาพโป๊

 

 

 

4.ผิดศีลข้อ 4.พูดเท็จ ****

 

ชอบพูดตำหนิคนอื่น

พูดจาส่อเสียด โกหก พูดเอาดีใส่ตัว

เถียงพ่อเถียงแม่

เถียงพี่สาว ญาติพี่น้อง

ก้าวร้าว ชอบเอะอะโวยวาย

ชอบบ่นให้ลูกและสามีเป็นประจำ 

มีความอิจฉาริษยาคนอื่น

โมโหร้าย ใจร้อน เพ้อเจ้อ

ทำร้ายน้ำใจ ใช้สายตาจิกกัดคนอื่น

 

 

ผลกรรมที่ได้รับ

 

ไม่มีคนจริงใจด้วย

มีแต่เข้ามาหาผลประโยชน์จากเรา

มีแต่คนพูดจาดูถูก เหยียดหยาม

 

 

5.ผิดศีลข้อ 5.สุราเมรัย ****

 

เคยดื่มเหล้า เบียร์

ตอนเป็นนักศึกษาค่ะ

เคยขายเบียร์และบุหรี่

เป็นระยะเวลาไม่นานค่ะ

เคยเปิดร้านเกมส์

 

 

ผลกรรมที่ได้รับ

 

ทำให้หลงลืมบ่อย ขาดปัญญา

 

 

.......

..

 

นอกจากนี้

ยังทำผิดอีก คือเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว

ให้ทานเป็นบางครั้ง

และจะเป็นคนที่เลือกให้เฉพาะคนเท่านั้น

ชอบกระทืบเท้า กระแทกของ

เวลาไม่พอใจอะไร

ยังติดละคร ดื่มกาแฟ

ชอบใช้เท้าแทนมือ

 เช่น การปิดประตู ปิดพัดลม 

ชอบจับผิดคนอื่น

ใช้สายตาตำหนิ

ตัดสินคนอื่น ชอบนินทา

อาฆาตแค้น แช่งให้ผู้อื่นตาย

มีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก

เคยเก็บมะม่วงที่วัดกลับบ้าน

ทิ้งขยะบนทางหลวง เลี่ยงภาษี

ผิดชำระหนี้บ่อยครั้ง  

 

..

...

 

นอกจากนี้ยังผิดอบายมุขทั้ง 6 ด้วยค่ะ

 

1.ดื่มน้ำเมา....(ดื่มกาแฟค่ะ)

2.เที่ยวกลางคืน...(ไม่มีค่ะ )

3.ดูการละเล่น (ดูละครบ้างเป็นบางครั้งค่ะ )

4.เล่นการพนัน

( ซื้อสลากออมสินเก็บไว้เพราะคิดว่าเป็นการ

ออมเงิน และ เผื่อมีโชคถูกรางวัลค่ะ) 

5.ขี้เกียจทำงาน ( ยอมรับค่ะ )

6.คบคนชั่วเป็นมิตร ( ยังคงมีอยู่ค่ะ )

 

 

ผลกรรมที่ได้รับ

 

สะท้อนให้เห็นว่ามีปัญหา

ทุกเรื่อง ทุกอย่าง

 

สำนึกผิดแล้ว

 

 ะตั้งใจรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ค่ะ

********

***

*

 

                            กราบขอบพระคุณค่ะ..

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ กานต์ ศาสตรี กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-08-31 14:14:13


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1627355)

ขออนุโมทนาธรรมทานของคุณนัยนาด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-31 21:14:34


ความคิดเห็นที่ 2 (1627447)

โมทนาบุญกับธรรมทานของคุณนัยนาค่ะ    เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-01 19:41:48


ความคิดเห็นที่ 3 (1632474)

ขอบพระคุณ คุณ จุมพล และ คุณ บุญภิบาล ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-04 10:25:14


ความคิดเห็นที่ 4 (1633307)

ความเห็นที่ 527 (1631386)

ขออนุญาตเขียนเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

              ที่เพิ่งมาเขียน

เพราะติดปัญหาหลายอย่าง

เฉื่อยชา ผลัดวันประกันพรุ่ง

  ต่อจากนี้ไปจะเปลี่ยนนิสัยใหม่แล้วค่ะ 

ตอนนี้

ก็ได้ตั้งสัจ กับตัวเอง

ว่าจะกินมังสวิรัติตลอดชีวิตค่ะ

( กินได้ 2 อาทิตย์กว่าแล้วค่ะ )

               ครอบครัวลูกเป็นอีกครอบครัวหนึ่ง

ที่ได้เข้าร่วมพิธีบวงสรวง

อาราธนาบารมีพระศรีอาริยเมตไตรย์

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.55  ( แต่มาแบบผิดกฎ ลงทะเบียนช้า )

ด้วยความที่ได้เข้าเขตบ้านสวน

วันที่ 9 ก.ย.55 เวลา06.30 น.โดยประมาณ

ได้ใช้แรงกาย ลากรถ ขนหิน

ไปใส่บริเวณที่จอดรถ

และ

ด้วยความโลภ

ที่อยากใช้แรงกายให้เต็มกำลัง

เลยทำให้ปวดบริเวณไหล่ ทั้ง 2 ข้าง

พอได้รับบารมีพระศรีอารีย์

และ

อนุโมทนากับคนที่เดินผ่านท่านอาจารย์อุบล 

 ปรากฎว่าอาการที่ปวดไม่รู้หายไปตอนไหน 

ทำให้ลูกซาบซึ้งมาก

ที่ได้รับความเมตตา ทั้งๆ ที่มาแบบผิดกฎ

.....

       ขออนุญาตพูดอีกเรื่องนะคะ

พอเสร็จพิธีบวงสรวงฯ 15.30 น.

ลูกสาว วัย 11 ปี    ปวด หัวทั้ง 2 ข้างมาก

ไม่รู้จะทำไงเลยถามลุงเบิ้ม

ว่าทำยังไงดี

ลุงเบิ้มเลยแนะนำว่าให้ใช้สร้อยจี้สฟริงซ์

แขวนที่คอให้ลูก

แล้วก็ให้ไปกราบลา

 องค์พระปฐมฯ ด้านบนชั้น 2 

พอกราบลาแล้ว

ลูกเลยถามลูกสาวว่า

ดีขึ้นหรือยัง

คำตอบที่ได้ฟังคือ

หายแล้วค่ะ หายแล้วจริงๆ แล้ว

ลูกสาวก็เดินลงมาตัวปลิวเลยค่ะ

ลูกรู้สึกทั้งดีใจและก็อึ้งกับคำตอบ 

เมื่อตั้งสติได้

ก็เลยก้มลงกราบองค์พระปฐมฯ อีกครั้ง

ก่อนที่จะลงมาขอบคุณลุงเบิ้มและเดินทางกลับ

             ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ 

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอริยเมตไตรย   

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล   

 สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

                    

และ

สุดท้ายจริงๆ

 ต้องขอบพระคุณลุงเบิ้ม และพี่ตุ๊ดตู่

ที่ทำให้รู้จักบ้านสวนพีระมิด

และท่านอาจารย์อุบล ค่ะ

 

                                ด้วยความเคารพและศรัทธา

 

           

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 16:52:49


ความคิดเห็นที่ 5 (1633498)

ขอกราบขอบพระคุณ

                              องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

                       เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

                           สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

                                               ....

                   ขออนุญาตเล่าค่ะ ลูกเป็นคนหนึ่งที่เคยใช้

    รหัส อ.อุบลช่วยด้วย  แล้วได้ผล

   (ยอมรับนะคะว่าเชื่อตั้งแต่ตอนแรกเลย )

เรื่องมีอยู่ว่า ลูกมีเรื่องทุกข์ใจสารพัด

เลยไปปรึกษาพี่ตุ๊ดตู่ พี่แกเลยเล่าให้ฟัง

เกี่ยวกับ อาจารย์อุบล และบ้านสวนพีระมิด แค่นิดหน่อย

(ไปศึกษาในเวปดู พูดมากไม่ได้ พี่แกบอกอย่างนั้น)

แล้วบอกลองใช้ รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ดูว่าจะได้ผลรึป่าว

ปรากฎว่าตอนเช้าของวันที่ 3 ก็ได้รับข่าวดี

( ทั้งๆ ที่ลูกคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ) 

เช้าวันนั้นเลยรีบโทรแจ้งข่าวดีกับพี่เค้า

และก็เล่าให้สามีฟัง (ตอนนั้นเพิ่งเริ่มทำกิจการค้า )

แล้วสามีก็แอบใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

เพราะเขามาบอกตอนเย็นว่าใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย นี่แหละ

ลูกค้าถึงเยอะเป็นพิเศษ

แล้วก็อ่านเจอหน้าเวปพอดี ว่ามีการจัดกิจกรรม

ในงานวันแม่ 11-12 ส.ค.55

ได้เข้าไปคุยกับครอบครัวลุงเบิ้ม

แล้วก็เลยตัดสินใจทันทีที่จะร่วมเดินทาง

ไปกราบขอบคุณท่าน อ.อุบล .........มีต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 10:34:26


ความคิดเห็นที่ 6 (1634400)

กำลังอยากรู้อยู่เชียวว่า

รหัสสวรรค์

ทำให้คุณได้รับข่าวดี

(ที่คุณคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก) นั้น

มันคือ...อะไร

 

ว่าแล้วก็

มารออ่านต่อ...อยู่นะคะ

คุณ นัยนา

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 05:09:14


ความคิดเห็นที่ 7 (1634707)

                      ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ.... 

       มารายงานตัวแล้วคร่า

 แหมๆ คุณ ชนิดา... ขา 

(คนเขารู้กันหมดแล้วขึ้นไปบอกเล่าบนเวทีแล้วคร่า)

ก็มีอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องเงินแหละค่ะ

เช้าวันนั้นได้รับเงินก้อนนึง

จากบุคคลภายในบ้านหลังเดียวกัน

และก็ให้ยืมทุนในการทำการค้า ค่ะ   

...........

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 13:11:44


ความคิดเห็นที่ 8 (1635195)

จี้สฟิงซ์ .... ช่วยเพื่อน

         เนื่องจากว่า เพื่อน มีเรื่องเดือดร้อนมาก

 ได้เข้ามาหาลูกที่ร้าน

(( รู้จักกันเฉยๆ ไม่รู้รายละเอียดเรื่องเขาเท่าไหร่ ))

 พอนึกได้ลูกก็ให้เพื่อนตั้งสติ

แล้วเล่าเรื่อง อาจารย์และบ้านสวนพีระมิดให้เขาฟัง

ด้วยใจที่อยากจะช่วย ลูกเลยบอกให้เขา

ใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย และสารภาพบาปออกมา

โดยให้เขากล่าวต่อหน้าจี้สฟิงซ์

ปรากฎว่า ได้ผลเกินคาดค่ะ

เพราะเขาสารภาพไม่ตรงกับเรื่องที่ขอ

เขาขอให้อาจารย์ช่วยแต่เรื่องเงิน (( เขาขายหวย ))

แล้วติดหนี้กันประมาณนี้แหละค่ะ

แล้วเขาก็เล่าให้ฟังหลังจากรับโทรศัพท์จากเจ้าหนี้แล้ว

ว่า อ.อุบล สุดยอดมาก

เจ้าหนี้หลายราย ยอมรับฟังและให้ผัดผ่อนหนี้ได้

( เขาบอกว่าเจ้าหนี้พวกนี้ปกติไม่เคยฟังจะเอาแต่เงินคืนอย่างเดียว ) ลูกก็งง และดีใจกับเขาด้วย

งง ที่ ว่าเค้าได้รับความเมตตาจากท่าน อาจารย์

( ทั้งๆ ที่อาจจะเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่ก็ตาม

อันนี้คิดเองนะคะ..ในแง่ร้ายรึเปล่าไม่รู้)

.......

      นี่คงเป็นอีกกรณีหนึ่งนะคะที่ว่า

ให้คนสารภาพบาปกับจี้สฟิงซ์ 

และใช้ รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

 ใครๆก็สามารถใช้ได้และได้ผล

 เพียงใจศรัทธา ซึ่งลูกก็เชื่อ เต็ม 100 % ค่ะ

.........

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-18 13:51:51


ความคิดเห็นที่ 9 (1635413)

        วันนี้ อ่านเจอในหนังสือพ่อสอนลูกคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดจันทราราม (ท่าซุง) อุทัยธานี

        มีคำพรว่า

  - คนเราที่เกิดมาในโลกนี้ที่ไม่ทำความชั่วน่ะ ไม่มี ถ้าเราจะชดใช้บาปมันก็ใช้ไม่ไหว มีทางเดียวในกิจพระพุทธศาสนา คือ หนีบาป

(ก.พ.๒๕๒๒)

  - ขอให้จิตของลูกนี้ จงอย่าทิ้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกลมหายใจเข้าออกของลูก ให้อยู่คู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปกติ เพียงเท่านี้ลูกรัก กิเลสที่สร้างความเศร้าหมองกับจิตของลูก จะค่อยๆคลายไป แล้วผลที่สุดกิเลสทั้งหลายมันก็จะบรรลัยไปเอง ความสุขจะมีกับลูก (ธ.ค.๒๕๒๑)

 - ทุกคนเกิดมามีกรรมทั้งนั้น ไม่ต้องถาม สิ่งสำคัญคือใช้ธรรมะต่อสู้ เอาชนะกรรมให้ได้ (๔ ธ.ค.๒๕๒๖)

                ขออนุญาตคัดมาเพื่อให้ลูกหลานบ้านสวนทุกท่านทั้งที่เคยอ่านและไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ผู้อ่านทุกท่าน

                                                           สาธุค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-19 17:07:13


ความคิดเห็นที่ 10 (1635847)

ตำรวจหันหลังให้...

       เพราะใช้ รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย...

              เรื่องมีอยู่ว่า ...วันหนึ่ง

ลูกได้เดินทางไปส่งสินค้าที่ลูกค้าสั่งไว้

ในขณะเดินทางได้มีด่านตรวจ ( ดักเก็บค่าผ่านทาง)

ซึ่งไม่ได้ตั้งที่ด่านโดยตรง 

   แต่รู้ว่ามีด่านอยู่ข้างหน้า  

 ( โดยการฟังวิทยุสื่อสารตำรวจที่มีติดในรถเป็นประจำอยู่แล้ว )

  ด้วยความที่.....ไม่อยากเสียเงิน

  ลูกจึงใช้ รหัส อ.อุบลช่วยด้วย

แล้วพูดว่า ลูกไม่อยากเสียเงินให้กับคนประเภทนี้  

ลูกขอนำเงินที่ไม่ได้จ่ายค่าด่านนี้

โอนไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดดีกว่า

         แหม...ปรากฎว่า ตำรวจหันหลังให้ทันทีเลยค่ะ  

ทั้งๆที่ขับช้าๆนึกว่าจะโดนเรียกให้จอดซะแล้ว

                                         กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-22 16:58:46


ความคิดเห็นที่ 11 (1636936)

จี้สฟิงซ์....ช่วยหลาน

 เหตุเกิด เมื่อคืนนี้ที่บ้าน

 หลานสาว 2 คน กำลังไม่สบาย

อาการคือ ตัวร้อน มีไข้  อาเจียน 

ลูกเห็นอาการไม่ดี  ก็เลยให้หลาน

จับจี้สฟริงซ์ 2 องค์

ที่แขวนอยู่ที่คอ แล้วพาพูดขออธิษฐานจิต

ให้ช่วยให้หาย

( ก่อนใช้ ปรอท 38.7 องศา หลังใช้ 1 นาที ปรอท 37.0 องศา )  ดูแลอยู่ประมาณ 10 นาที 

 อาการตัวร้อนก็ไม่มีให้เห็นเลย

.......... 

  ตอนเช้าแทบไม่เห็นอาการ

ว่าไม่สบายหลงเหลืออยู่เลยค่ะ

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด 

ที่ได้เปิดโอกาสให้ลูก

ได้ใช้จี้สฟิงซ์ช่วยเหลือคนอื่นๆ

และลูกจะทำต่อไปค่ะ

                                        

                                    กราบขอบพระคุณค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-27 10:43:32


ความคิดเห็นที่ 12 (1637211)

เรื่องจริง ก่อนไปบ้านสวนพีระมิด

   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด  หรือว่า โดนลองใจรึป่าว  (คุยกับแฟนขำๆค่ะ)

    เรื่องมีอยู่ว่า 2 อาทิตย์  

ก่อนที่จะเดินทางไปบ้านสวนพีระมิดครั้งแรก

วุ่นวายมากเลยค่ะ 

  ไหนจะเรื่องลูกค้า 

 เรื่องตัวสินค้า

เรื่องลูกน้อง

 เรื่องเงิน

เรื่องการขนส่ง 

กว่าจะลงเอยได้ 

ลูกได้คุยกับลูกค้าเรื่องสินค้าที่สั่ง

กว่าลูกค้าจะตอบกลับก็ต้องรอทีละ  2-3  วัน 

ถึงจะตกลงกันได้   พอเรียบร้อยทุกอย่างทุกเรื่อง 

ลูกค้าก็โอนเงินสดมาให้ 

แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น.......

ดั๊น...

ติดปัญหากับลูกน้อง....

ไม่มีของ....

ติดต่อไม่ได้.....

เงียบหายไป3วัน

( เรื่องของผู้ชายที่รู้ๆกันอยู่ว่าเรื่องอะไร )

  ลูกก็เลยคุยกับแฟนว่า 

บอกลูกค้าไปตรงๆเลยดีกว่า...

และ....ก็โอนเงินกลับคืนให้ลูกค้า..ซะ..จะได้จบๆ   

.. แต่....

ไม่จบค่ะ 1 วัน   

ก่อนจะเดินทางมาบ้านสวนพีระมิด  

  เถ้าแก่ใหญ่  เลยโทรมาถามว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่

ทำไมต้องโอนเงินคืน ( ก่อนหน้านี้คุยกับลูกสาว )

พอบอกความจริงไป  เถ้าแก่ก็เลยบอกว่า

  ไม่ต้องโอนเงินคืน  

เอาไว้นั่นแหละ     

 แต่..

ทางลูกบอกกับลูกค้าว่า

 ขอเวลาอีก 3 วันนะ  

ถึงจะให้คำตอบเรื่องสินค้า

และวันเดินทางไปส่งของ

เพราะจะต้องเดินทางไปทำบุญแรงกาย

ที่บ้านสวนพีระมิด จ.นครนายก 

วันจันทร์จะให้คำตอบ

เถ้าแก่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  

แล้ววันเดินทางก็มาถึงจนได้  

เป็นวันศุกร์ที่ 10 ส.ค.55  

.....ตอนเช้าของวันเสาร์ก็ใช้บุญแรงกายปกติทั้งวัน 

พอตอนเย็นก็ได้ขึ้นไปกล่าวขอบคุณท่าน อ.อุบล

และเรื่องการใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย

แล้วก็เล่าธรรมทานเรื่องนี้ 

ยังจำได้ว่า 

ท่าน อ.อุบล บอกว่าเพราะหนูพูดความจริงกับลูกค้า 

ถ้าหนูไม่พูดความจริง

555 จำไม่ได้ค่ะ.....

.ว่าท่านอาจารย์พูดว่าอะไรมั่ง....

มัวแต่ตื้นตันใจ

ที่ได้เข้าไปกราบท่านอาจารย์ ใกล้ๆ...

            

                                         ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:16:30


ความคิดเห็นที่ 13 (1637516)

   องค์พีระมิดจำลอง ..

            ลูกก็เป็นคนหนึ่งที่ได้บูชา องค์พีระมิดจำลอง

                      " รุ่นบวงสรวงท้าวเวสสุวรรณ "

    ซึ่งตอนติดมาในรถ 

ก็ไม่ได้กลิ่นหอมอะไรเลยค่ะ  

ทั้งๆที่

วางไว้หน้ารถแท้ๆ  

แต่พอกลับมาถึงบ้าน

แล้ว นำองค์พีระมิดจำลองตั้งบนหิ้งไว้บูชาที่หน้าร้าน

ไม่รู้ กลิ่นหอม

มาจากไหนหอมมากๆถึงมากที่สุด

( ตอนนั้นขนลุกไปทั้งตัวเลยค่ะ )

ทั้งๆที่โต๊ะที่ลูกนั่ง 

ห่างจากหิ้งบูชา ประมาณ 5 เมตรค่ะ 

ลูกก็พยายาม หา กลิ่น ว่ามาจากไหน

แล้วก็เลยสันนิษฐานเอาเองว่า

  น่าจะหอมมาจากองค์พีระมิดจำลองแน่ๆ เลย 

แล้วก็จริงอย่างที่คิดค่ะ 

พอถึงจุดที่วางองค์พีระมิดจำลองไว้ 

กลิ่นก็ยังหอมมาก 

แต่ไม่ถึง 10 นาที ก็ไม่ได้กลิ่นแล้ว

จะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ค่ะ

  ถือว่าเป็นความเมตตาเหลือเกิน( คิดเองนะคะ)  

  ลูกขอกราบขอบพระคุณ

 องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

   เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดค่ะ

 

                                  ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 16:14:57


ความคิดเห็นที่ 14 (1637948)

ด้วยความศรัทธาและตั้งใจจริง

   เรื่องมีอยู่ว่า  

เมื่อวันอาทิตย์ที่  28 ต.ค.55  ที่ผ่านมา 

 ลูกชายได้มีอาการ ไอ และ เจ็บคอ

เกือบตลอดทั้งวัน 

แต่พอมาถึงช่วงเวลา

ที่ รายการคุยไปแจกไป ออกอากาศ  

ลูกก็ได้นั่งดูแล้วก็ยกมืออนุโมทนาสาธุกับคนที่หาย 

พอลูกชายเห็นดังนั้น

ก็ยกมือขึ้นอนุโมทนาสาธุบ้าง  

ปรากฎว่าลูกได้ยินแต่เสียง เฮ

จากลูกชาย ว่าหายแล้วๆ เย้ๆๆๆๆ

      ลูกมีความเชื่อ และ มั่นใจเหลือเกินค่ะ 

ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในโลกนี้มีจริง 

ดูได้จากความเมตตาที่ทำให้ผู้คน

ที่นับถือและศรัทธา

ในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอริยเมตไตรย

ได้หลุดพ้นจากความทุกข์

เพียงแค่เรามีความตั้งใจจริงที่จะอนุโมทนาบุญ 

กับการที่เห็นคนอื่นดีขึ้น

หรือหายจากอาการเจ็บปวดต่างๆ 

และได้ชมบารมีของพระองค์

ที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยสายตา

และ ก็เห็นผลได้ในทันที

ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอริยเมตไตรย 

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล 

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดค่ะ

                                               

                                              กราบขอบพระคุณค่ะ          

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 10:38:14


ความคิดเห็นที่ 15 (1638285)

  กลับจากบ้านสวนพีระมิดครั้งแรก

         ด้วยความที่ว่าครอบครัวลูก

และครอบครัวพี่ตุ๊ดตู่

ได้ขับรถอีกคันไปบ้านสวนพีระมิด 

  เลยได้จอดรถที่ใช้เป็นประจำ

และไว้สำหรับ

ซื้อของ และ ส่งของ

เป็นรถกระบะตอนเดียว ( ติดแก๊ส )

จอดทิ้งไว้ที่บ้าน   

พอตอนเช้าของวันจันทร์

ทั้งครอบครัวจะออกไปเปิดร้านเป็นปกติ  

สามีก็ได้สตาร์ทรถคันดังกล่าว

ประมาณ 5 ครั้ง 

 ก็ไม่มีทีท่าว่ารถจะสตาร์ทติดเลย

( ปกติรถที่ติดแก๊สจะยากสำหรับการสตาร์ทถ้าไม่ติดเครื่องทุกวัน )    พอดีลูกก็ได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย   

ลูกและสามีเลยมองหน้ากัน 

แล้วพูดพร้อมกันว่า 

  อ.อุบลช่วยด้วย

ขอให้สตาร์ทรถติดด้วยเถิด

พอพูดจบปรากฎว่า   

รถสตาร์ทติดทันทีเลยค่ะ

        ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

และเชื่อแบบไม่มีข้อสงสัยใดๆเลย

รหัสนี้เป็นรหัสสวรรค์จริงๆค่ะ 

ขอเรื่องไหนได้ดังใจ

ขอได้ทันที

ทันใจด้วยค่ะ

        กราบขอบพระคุณ

กับ 

รห้สสวรรค์  นี้

ที่ขอใช้กี่ทีๆ ก็

  ไม่มีคำว่าผิดหวังค่ะ

......

                กราบขอบพระคุณ

                          องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า                  

          เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล  

        สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

                                                  กราบขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 14:25:01


ความคิดเห็นที่ 16 (1638432)

ประสบการณ์จริง

        ด้วยความที่ว่าทุกคนในครอบครัว

จะทานเนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อไก่

และอีกหลายๆอย่าง  

ก่อนหน้านี้ทางครอบครัว

ยังไม่ได้บูชาวัตถุมงคล

ของบ้านสวนพีระมิดซักอย่าง 

ได้มีญาติธรรมท่านหนึ่งได้บอกให้รู้ว่า 

 ถ้ามีวัตถุมงคลใดของบ้านสวนพีระมิด

ที่ได้ใส่แขวนไว้ที่คอ  

ก่อนที่จะทานอาหารประเภทเนื้อ นั้น

ควรที่จะต้องถอดออกก่อน

เวลาที่จะทานอาหาร  

        ระยะแรกที่ลูกและสามีได้บูชาจี้สฟิงซ์

และใส่กรอบกันน้ำและใส่สร้อยแขวนไว้ที่คอนั้น 

ลูกและสามีได้นั่งทานอาหารประเภทเนื้อ

โดยที่ไม่ได้ถอดสร้อยสฟิงซ์ออกก่อนที่จะทาน 

คำแรกที่ตักเนื้อหมูเข้าปาก 

ปรากฎว่า จุก ค่ะ

มากๆด้วย (ทั้ง 2 คนเลย )

 ลูกเลยพูดกับสามีว่า 

ไม่เอาแล้ว ไม่กินแล้วเนี้อ เลิกๆดีกว่า

และ หักดิบ

ทานมังสวิรัติตั้งแต่ตอนนั้นเลย

และตั้งใจว่าจะทานมังสวิรัติตลอดชีวิตเลยค่ะ

  เพราะไม่อยากถอดจี้สฟิงซ์แล้ว ( ยกเว้นตอนอาบน้ำ )

และทุกวันนี้เวลาทานอาหาร

ก็รู้สึกดีค่ะ

ที่ไม่ต้องถอดสร้อยจี้สฟิงซ์อีกแล้ว   

       และก็มีเรื่องตลกจะเล่าให้ฟังด้วยค่ะ

 ว่า......

( จะมาเล่าต่อนะคะ )

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 14:26:31


ความคิดเห็นที่ 17 (1638512)

  ต่อค่ะ..

                      ในช่วงเวลาที่จะทานอาหารกัน

                           ไม่ว่าจะมื้อไหนๆ

                   ก่อนที่จะลงมือทานอาหารกัน

                      สามี และ ลูกๆ ทั้ง 2 คน

               ก็จะถอดสร้อยมาฝากที่คอลูกทุกครั้งไป

                      จะว่าไปแล้วก็มีความสุขค่ะ

                            ที่ก่อนทาน ทั้ง 3 คน

                      จะถอดสร้อยที่คอทุกครั้งไป

               ( แสดงว่าใส่ใจมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเตือน )

                       และมีการแอบแซวลูกด้วยว่า

              ดูจะขลังมากเกินหน้า เกินตากันไปแล้วมั้ง 555

                     เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก

                         ที่น่ารักสำหรับครอบครัวค่ะ

                                      ........

                                                  ขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 13:05:17


ความคิดเห็นที่ 18 (1638678)

คาถาคุ้มกันภัย ( ปะ โต เม ตัง)

     ช่วงแรกที่ลูกเปิดร้านใหม่

ได้มีลูกค้าที่ อ.หล่มสัก

    เป็นสองสามีภรรยา

และ

ได้เดินทางมาซื้อสินค้าที่ร้าน

   ลูกเลยได้มีโอกาสได้บอกเล่า

รื่องราว

และ แจกเอกสาร

   เกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิด

เพื่อที่จะให้พี่เขาทั้งสองได้ศึกษาต่อไป 

       ซึ่งปรากฎว่าคุยกันถูกคออย่างไม่น่าเชื่อ

     ตอนแรกก็ไม่กล้าเล่าเท่าไหร่

แต่คุยไปคุยมาพี่เขาก็เปิดใจรับฟัง 

  (ตอนนั้นยังไม่ได้บูชาวัตถุมงคลที่บ้านสวนพีระมิดสักอย่างค่ะ)

 พอพี่เขาเห็น

คาถาปะโตเมตัง

ก็ได้บอกกับลูกทันทีเลยว่า

         คาถานี้พี่เขาท่องทุกวัน

และท่องมาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว 

 และแล้ว

การท้าวความหลังก็เกิดขึ้น

 เมื่อได้รู้ว่าพี่ผู้ชายเขา

สัมผัสอะไรแปลกๆ ได้

 และ โดนผีอำบ่อย มากๆ

 โดยทุกครั้งที่โดนผีอำ

พี่เขาก็จะท่อง คาถาปะโตเมตัง นี้

 พอ จบ ที่ 3 ทีไรจะรู้สึกเหมือนกับว่า

 อาการที่เหมือนโดนผีอำ ก็หายไป

       ลูกได้ฟังแล้วก็ขนลุกค่ะ

  แล้วพี่เขาก็เลยท่องให้ฟัง

หลังจากที่ลูกได้ฟังเรื่องนี้แล้ว

  และได้สัมผัสอะไรแปลกๆบ้างเป็นบางครั้ง

      ลูกก็จะท่อง คาถาปะโตเมตัง นี้เสมอ

  จนถึงทุกวันนี้ 

......

                                                                ทั้งนี้ต้องขอบพระคุณ

                                กับเจ้าของต้นเรื่องจริง

                        จากพี่ทั้งสองคน  แห่ง อ.หล่มสักค่ะ

   ( มารู้ตอนหลังว่าพี่เขาเป็นข้าราชการตำแหน่งใหญ่ทั้งสองคนเลย )

                                ที่ได้ถ่ายทอดเป็นคำพูด 

                      เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสเผยแพร่ต่อไป 

                             ในคาถาปะโตเมตัง นี้ด้วยค่ะ

                                                          ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 13:48:37


ความคิดเห็นที่ 19 (1638900)

สร้อยจี้ท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ

  เรื่องมีอยู่ว่า    

เมื่อครั้งที่ทุกคนในครอบครัวของลูก

    ได้เดินทางไปใช้แรงกายที่

     บ้านสวนพีระมิด จ.นครนายก

 ลูกได้บูชา

เข็มกลัดติดเสื้อท้าวเวสสุวรรณ

ให้ลูกชายคนโต

สาเหตุ

อันเนื่องมาจากว่า

ลูกชายคนนี้

มักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยมากๆ

และ

เคยได้ยินครอบครัวของลุงเบิ้ม พี่ตุ๊ดตู่

เล่าให้ฟัง

เกี่ยวกับเรื่อง

ของท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ

ด้วยความที่นับถืออยู่แล้ว

และ

ไม่อยากให้ลูกชายเกิดเหตุอันตรายใดๆ

ลูกจึงได้คิดเอาเองว่า

จะบูชาเข็มกลัดท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ

และกราบขออนุญาต

เอามาใส่กรอบกันน้ำ

และ

ทำเป็นจี้ใส่สร้อยให้ลูกชายแขวนไว้ที่คอ

ตั้งแต่วันนั้น

.......

จนถึงวันนี้

ลูกชายก็ไม่เคยมีเหตุอะไร

ที่ทำให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุเลย

(ปกติจะเดินเตะนั่นเตะนี่ทุกวัน)

ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

 

                                    กราบขอบพระคุณค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 16:07:48


ความคิดเห็นที่ 20 (1639083)

ยอดสั่งสินค้านับแสน

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

ของลูกค้าท่านนึงค่ะ

ที่ได้เข้ามาใช้บริการที่ร้านของลูก

ก่อนหน้านี้ลูกและลูกค้าท่านนี้

ได้นัดหมายวันเวลาและตกลงเรื่องราคากันแล้ว

ในระหว่างที่รอ

จากการทำงานของทีมช่าง

ลูกก็ได้ พูด คุย บอกเล่า

เรื่องราวของ

ท่านอาจารย์อุบลและบ้านสวนพีระมิด

และ

แจกเอกสารควบคู่ไปด้วย

เล่ายังไม่ทันจบ

ลูกก็บอกลูกค้าท่านนี้ว่า

นี่คือรูปท่านอาจารย์อุบลค่ะ

แล้วลูกค้าก็ยกมือขึ้นไหว้

รูปท่านอาจารย์อุบลที่ติดไว้ที่หน้าร้าน

ระหว่างที่คุยกันนั้น

เสียงโทรศัพท์ของลูกค้าท่านนี้

ก็ดังไม่ขาดเลย

พอวางสาย

ลูกค้าก็ยกมือไหว้รูปท่านอาจารย์อีก 

  ( วันนั้นรู้สึกว่าโทรศัพท์ลูกค้าท่านนี้มีเข้ามาหลายสายมาก )

และ

ก็เป็นช่วงเดียวกัน

ที่พี่ตุ๊ดตู่ กับ พี่รุณ

ได้เข้ามาหาลูกที่ร้านด้วย

เลยให้พี่ทั้งสองคน

พูดให้ลูกค้าฟัง

เรื่องท่านอาจารย์ และ บ้านสวนพีระมิด เพิ่มเติม

(เพราะวันนั้นลูกก็แทบจะไม่มีเวลานั่งเลย)

ผลปรากฎว่า

ลูกค้าท่านนี้

ยอดสั่งสินค้าเข้ามามากมาย

จากคำบอกเล่า

ของลูกค้า...ว่า

ปกติยอดสั่งสินค้าเดือนละประมาณ

หลักหมื่นเท่านั้น

 แต่

วันนี้...วันเดียว

ได้ยอดขายนับแสนกว่าบาท

( อ่อ..ลืมบอกไปค่ะ..ลูกค้าท่านนี้เป็นเซลล์ขายถังน้ำ)

..........

พอลูกกับพี่เขาได้ฟังยอดขายเท่านั้น

โอวววว ...... ดีใจด้วยจริงๆค่ะ

ก่อนลูกค้าท่านนี้จะกลับ

ลูกกับพี่ๆทั้งสองคน

ก็พยายามเน้น

บอกลูกค้าว่า

ให้ไปศึกษาในเวปและก็บอกคนอื่นด้วย

 ซึ่งลูกค้าก็รับปาก

และ

ก็บอกว่าจะพิมพ์เอกสารแจกด้วยค่ะ

      .......      

สุดท้ายนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธ์บ้านสวนพีระมิด

.........

ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้รู้จักบ้านสวนพีระมิดค่ะ

 

                                         ขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 11:00:31


ความคิดเห็นที่ 21 (1639275)

อนุโมทนากับธรรมทาน และเรื่องราว

อัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นกับคุณนัยนา อย่างต่อเนื่องค่ะ

สาธุ

ตั้งแต่ณัชชาบูชา จี้องค์เทพสฟิงค์ แหวนพีระมิด

พีระมิดจำลอง

ชีวิตณัชชาก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นในทุกๆด้านอย่างน่าอัศจรรย์ 

ทั้งทางด้าน ความรัก การงาน การเงิน การเรียน 

เพื่อนฝูง บริวาร 

และใช้รหัส อาจารย์อุบล ช่วยด้วย ช่วยทุกครั้ง เมื่อมีเรื่องคับขัน 

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ท่านมีความเมตตา ช่วยทุกครั้ง เมื่อใชัรหัส อาจารย์อุบล ช่วยด้วย

ทั้งในเรื่อง ความรัก การงาน การเงิน การเรียน

กราบขอบพระคุณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพรองค์ทั่วจักรวาล 

ท่านอาจารย์อุบล ที่ชึ้แนะแนวทางในการนำเดินชีวิตที่ถูกต้อง

ไม่ให้หลงอยู่ในความืด ให้พบกับทางสว่าง ให้ชีวิตใหม่ ได้เริ่มต้นใหม่ไปในทางที่ถูกต้อง

รู้และเข้าใจในกฏแห่งกรรมอย่างแท้จริง ค่ะ 

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 08:06:21


ความคิดเห็นที่ 22 (1639325)

กราบขอบพระคุณ รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

      เหตุการณ์นี้

เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองค่ะ

วันพุธที่ 7 พ.ย.55 

เริ่มจากตอนเช้าของทุกวัน

ลูกจะสวดมนต์ ไหว้พระ ที่ร้านเป็นประจำของทุกเช้า

หลังจากนั้นก็จะเข้าเวปบ้านสวนพีระมิด

และที่ขาดไม่ได้

คือเรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ขอในเรื่องสุขภาพให้ทุกคนในครอบครัวมีสุขภาพดีค่ะ

แต่วันนี้

ได้ขอเรียก รหัสอ.อุบลช่วยด้วย

ให้มีลูกค้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน

และขอกรณีง่ายๆด้วยเถิดค่ะ สาธุ

( ยอมรับค่ะว่ามีความโลภอยู่ในใจ)

....... 

 เรื่องมีอยู่ว่า

ลูกมีเงินในกระเป๋าไม่มากพอ

กลัวจะซื้อสินค้าเข้าร้านได้ไม่กี่ชิ้น

(ปกติไม่ค่อยขอในเรื่องนี้) 

ผลปรากฎว่า ไม่ถึง 30 นาที

ลูกค้าก็ได้เข้าร้านและซื้อสินค้า

และง่ายมากๆ

ตามที่ได้ขอความเมตตา

จาก รหัส อ.อุบลช่วยด้วย แล้วนั้น

และ

ยังไม่จบแค่นี้ค่ะ

ในระหว่างที่เดินทางไปซื้อสินค้านั้น

ลูกก็ได้เรียก รหัส อ.อุบลช่วยด้วย

ช่วยเมตตาให้ได้สินค้าดีๆ

ราคาที่เหมาะสม

ซึ่งคำขอนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเคยค่ะ

เพราะเหมือนทุกสิ่ง ทุกอย่าง

เหมือนจะถูกจัดสรรไว้ให้แล้ว

ลูกและสามีมีความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

ที่ได้สินค้าตามที่หวังไว้

ลูกเลยถามสามีว่า

รู้ไหม เพราะอะไร

 วันนี้ทุกเรื่องถึงง่าย และ ดีไปหมดเลย

 และก็ได้ดั่งใจทุกอย่างด้วย

สามีตอบออกมาแบบไม่คิดว่า

ขออาจารย์ใช่มั้ย 

ถูกต้องแล้วคร่า ....

แล้วลูกและสามี

ก็ได้ยกมือขอบพระคุณ

สาธุกับจี้องค์เทพสฟิงซ์

ที่แขวนอยู่ที่คอค่ะ

ทั้งนี้

       ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

ที่ได้โปรดเมตตาให้ลูกและครอบครัวเสมอค่ะ

                                        ขอบพระคุณค่ะ

 

 ** ขออนุญาตต่อท้ายนิดนึงค่ะ

ลูกพิมพ์ธรรมทานนี้ตั้งแต่ 10 โมงเช้า

ไม่ได้พิมพ์ช้านะคะ...

ติดรับออร์เดอร์ลูกค้าค่ะ.. **

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 12:31:23


ความคิดเห็นที่ 23 (1639496)

ขอขอบคุณ คุณ ณัชชา ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 10:47:48


ความคิดเห็นที่ 24 (1639507)

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย (เรื่องเล่าจากหลานสาว)

                                  เมื่อวานตอนเย็น

                   ลูกได้โทรศัพท์หาหลานสาว (ลูกของพี่สาว)

ถามข่าวเรื่องสารทุกข์สุกดิบทั่วๆไป

และก่อนหน้านี้ครอบครัวของพี่สาว

ได้พากันไปเที่ยวทางภาคเหนือ 

ลูกเลยถามหลานสาวว่า

ไปเที่ยวเป็นไงบ้างเล่าให้น้าฟังหน่อย

แล้วหลานก็บอกเล่าเรื่องราวต่างๆมากมายให้ฟัง

แต่ไม่รู้เป็นอะไร

อยู่ๆลูกก็ถามหลานสาวว่า

แล้วมีเหตุอะไรเกิดขึ้น

และ

ได้เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย หรือเปล่า

เท่านั้นเองหลานก็พูดขึ้นว่า

 รู้ได้ไง พูดแล้วขนลุก

 ( แล้วเสียงหลานสาวก็กลายเป็นตื่นเต้นมาก)

เรื่องมีอยู่ว่าก่อนไปเที่ยว

พี่เขยไม่ได้เช็ครถให้ดีก่อน

เมื่อตอนขึ้นเขา ขับรถไปดีๆอยู่ๆรถก็ดับ

 สตาร์ทยังไงก็ไม่ติดซักที

หลานสาวก็เลยนึกขึ้นได้ว่า

น้าเคยย้ำเสมอถึง รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ก็เลยขอเรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ขอให้รถสตาร์ทติดด้วยเถิด

แล้วก็ทันใจเลยค่ะ

รถที่ไม่มีวี่แววเลยว่าจะสตาร์ทติด

กลับกลายเป็นสตาร์ทติดง่ายทันทีเลย

พอพูดมาถึงตรงนี้

ลูกเลยพูดสวนขึ้นว่า

บังเอิญหรือเปล่า

(ใช้อุบายหลอกให้หลานคิดค่ะ)

อาจจะได้จังหวะที่รถจะสตาร์ทติดพอดีมั้ง

หลานสาวก็เลยแย้งกลับมาว่า

เรื่องจริงไม่น่าจะติดเลยนะ

ในที่สุดหลานสาวก็ได้พิสูจน์ซักที

ว่า

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย นี้

สุดยอดขนาดไหน

และอีกหนึ่งเรื่องราว

ที่ลูกดีใจนั้นเพราะว่าตอนแรกที่รู้ว่า

มี

คาถาบูชาพระศรีอาริยเมตไตรย

เมตตานะ  ศรีอาริยเมตโต

พุทธานะมะ  สันติเกโล

อนาคามิ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

ที่ลูกบอกให้หลาน

ท่อง 99 จบ/1วัน ติดต่อกัน 9 วัน นั้น

หลานสาวก็ได้ทำตาม

ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

ที่ได้เมตตากับครอบครัวลูก และ ญาติพี่น้อง ค่ะ

                                              กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 11:26:51


ความคิดเห็นที่ 25 (1639658)

ความเมตตาที่ได้รับจากองค์เทพสฟิงซ์

 เหตุการณ์เกิดขึ้น

เมื่อคืนนี้เอง

ลูกสาวของลูกที่อยู่ๆ

ก็มีอาการปวดหัว  ตัวร้อน มีน้ำมูก

ลูกเลยให้ลูกสาวกินยาลดไข้

(พราราเซตามอล) ไป 1 เม็ด

และ

ระหว่างที่ลูกสาวนอนอยู่บนเตียงนอนนั้น

ลูกก็ได้ให้ลูกสาว

แขวนจี้องค์เทพสฟิงซ์

แล้วก็เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

 อาการก็ยังไม่ดีขึ้น

(หน้าผากยังร้อนเหมือนเดิม)

แล้ว

ลูกจึงจับองค์เทพสฟิงซ์

ที่แขวนไว้ที่คอของลูกสาว

ขึ้นมาวางไว้ที่หน้าผากของลูกสาว

และ

เรียก รห้ส อ.อุบล ช่วยด้วย อีกครั้ง

ซึ่งครั้งนี้

ปรากฎว่าไม่ถึง 2 นาที

อาการหน้าผากที่ว่าร้อน

กลับกลายเป็นเย็นและปกติทันที

และ

อาการตัวร้อนทั่วทั้งร่างกายก็หายไป

เหลือแต่น้ำมูก นิดหน่อยเท่านั้นเอง

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์พระส้มมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

 

ที่ได้เมตตาต่อครอบครัวของลูกมาตลอด

                                         กราบขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-10 10:41:36


ความคิดเห็นที่ 26 (1639887)

ความเมตตาที่ได้รับจากท่านท้าวเวสสุสรรณ

เรื่องมีอยู่ว่า

ลูก และ สามี ได้เดินทาง

เพื่อ ที่จะไปหาซื้อสินค้าเอามาไว้ขายที่ร้าน

ในระหว่างการเดินทาง

ลูกได้บอกกับสามีว่า เหมือนรถจะมีปัญหานะ

ล้อหน้าด้านซ้าย ส่ายๆยังไงก็ไม่รู้

สามีก็เลยบอกว่า

สงสัยเป็นเพราะยางรถใกล้หมดสภาพแล้วมั้ง

เปลี่ยนยางดีมั้ย

(ลูกนึกในใจว่า เอาแล้วไง เงินก็มีจำกัดซะด้วยสิ เวลาก็มีน้อย

เพราะให้ลูกๆทั้งสองคนอยู่ที่บ้าน)

จะได้ รีบไป - รีบกลับ

ลูกก็เลยพูดว่า เปลี่ยนก็เปลี่ยน

แต่พอไปถึงร้านยาง

ปรากฎว่าร้านปิด

จะย้อนกลับเข้ามาในเมืองก็ไม่อยากจะย้อน

ลูกทั้งสองก็เลยตัดสินใจไม่ทำอะไรกับรถเลย

แต่

เส้นทางที่ลูกไปนั้นเป็นทางภาคเหนือค่ะ

ต้องขับรถ ขึ้น-ลง เขาด้วยค่ะ

ลูกก็เลยเรียก รห้ส อ.อุบล ช่วยด้วย

เท่านั้นยังไม่พอค่ะ

ได้ขอความเมตตาจากท่านท้าวเวสสุวรรณ

ด้วยค่ะ

(คิดเอาเองนะคะเพราะว่าลูกชายใส่สร้อยจี้ท่านท้าวเวสสุวรรณอยู่

และไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย)

ด้วยเหตุนี้

ลูกจึงได้ขอความเมตตาจากท่านท้าวเวสสุวรรณบ้าง

ผลปรากฎว่า

ตลอดทางไป และ กลับ นั้น

ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับรถเลยค่ะ

และ

อีกเช่นเคย

ลูกก็ได้ถามสามีว่า

รู้ไหม ทำไม

เราถึงกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

ทั้งๆที่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับรถซักอย่าง

สามีก็บอกว่า เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย อีกล่ะสิ

ลูกก็เลยบอกว่าใช่

แต่

เพิ่มเติมไป อีก ว่า

ได้ขอความเมตตาจากท่านท้าวเวสสุวรรณ

ให้ท่านเมตตาช่วยด้วย  อีกทางหนึ่งค่ะ

ทั้งนี้

ลูกกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

ท่านท้าวเวสสุวรรณ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

 

ที่ได้โปรดเมตตาลูกและครอบครัวค่ะ

                                       กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-12 12:46:03


ความคิดเห็นที่ 27 (1640082)

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

เมื่อเช้าวันที่ 10  พ.ย. 55

เนื่องจากว่า

ลูกจะกลับบ้านไปหาพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ต่างจังหวัดค่ะ

ลยได้เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ให้ลูกมีลูกค้าตอบรับงานที่เสนอ

และ

ตอบตกลงก่อนเที่ยงด้วยเถิดค่ะ

( เพราะลูกคิดว่าจะปิดร้านตอนเที่ยงค่ะ ) 

พอขอเสร็จ

ลูกก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกับลูกค้า

ปรากฎว่า

ลูกค้าก็ตอบรับแบบง่ายมาก

และ

นัดเข้ามาหาลูกที่ร้านก่อนเที่ยงด้วย

( โดยที่ไม่ต่อรองราคาเลย)

........... 

แต่ก่อน

ลูกพูดบ่อยค่ะว่า

ของฟรีไม่มีในโลก

แต่ตอนนี้

ของฟรีมีในโลกแห่งความจริงมากมายค่ะ

เช่นการที่เราความดี

เราก็ได้รับผลดีๆ กลับมาเช่นกัน

  แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งค่ะ

เปิดทีวี ได้ทันดู

 ท่าน ว.วชิรเมธี

พูดให้แง่คิดว่า 

 เจตนาดี   วิธีทำดี   ผลลัพธ์ดี 

แล้วทำไมลูกโง่อยู่ได้ตั้งครึ่งชีวิต

ไม่เคยเข้าใจ

และ

ศึกษาหลักธรรมคำสอน

ไม่ปฏิบัติตามคำสอน

ของพระพุทธเจ้าเลย

จนได้มาเจอ

มารู้จัก

บ้านสวนพีระมิดแห่งนี้

ก็ทำให้เริ่มเข้าใจเรื่อง

กรรม

และ

หลักคำสอนต่างๆ มากขึ้น

 

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

 

ที่ทำให้ลูกได้รู้จักกับบ้านสวนพีระมิดแห่งนี้ค่ะ

                              กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 14:30:58


ความคิดเห็นที่ 28 (1640290)

 

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย และ จี้องค์เทพสฟิงซ์

............

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 55

ตอนเช้าของวันนี้

ลูกสาวได้บอกกับลูกว่า

เจ็บคอ และ ก็พูดไม่ค่อยมีเสียง

(ฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง)

ลูกก็เลยถามว่า

เป็นอะไรล่ะ ปวดหัว มีไข้ หรือเปล่า

ไหนลองมาให้จับหน้าผากดูซิ

ก็ไม่มีอาการตัวร้อนอะไรเลย

ลูกสาวบอกว่ารู้สึกเจ็บคอเฉยๆ

ลูกก็เลยถามลูกสาวต่อไปอีกว่า

ลืมอะไรไปหรือเปล่า

เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

หรือยัง

ลูกสาวก็เลยเรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

แล้วบอกกับลูกว่า

 ดีขึ้นมากค่ะ

เหลือแค่อาการเจ็บคอนิดเดียว

แล้ว

ลูกเลยให้ลูกสาว

สวมสร้อยจี้องค์เทพสฟิงซ์ไว้ที่คอ

ประมาณ 5 นาที

ปรากฎว่า

 เสียงพูดของลูกสาวกลับมาปกติดีค่ะ

ลูกก็เลยบอกกับลูกสาวว่า

ต่อไปหนูต้องพูดให้เพราะๆมากกว่านี้

ไม่ต้องตะโกนเวลาโมโห ไม่ให้โวยวาย

แล้วเวลาที่คุณแม่บอกหนูให้หนูฟังอย่างเดียว

ไม่ต้องเถียง

หนูจะไม่เจ็บคออีกเลย

ซึ่งลูกสาวก็ยอมรับฟังแต่โดยดีค่ะ

                              กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 11:11:05


ความคิดเห็นที่ 29 (1640577)

จากคำบอกเล่าและได้เห็นจริง

สืบเนื่องจาก

เพื่อนคนที่มีเรื่องเดือดร้อน

เข้ามาในชีวิตมากมาย

ได้เข้ามาหา

จากคำบอกเล่า ความเป็นไป

จนถึงทุกวันนี้

เวลาที่เขาเดินเข้ามาหาลูกที่ร้าน

เขาจะต้อง

ยกมือไหว้รูปท่านอาจารย์อุบล

ที่ทางเข้าหน้าร้านก่อนทุกครั้ง

ท่าทางเขามีความสุข

มีความหวัง

ยังไงไม่รู้ค่ะ

บอกไม่ถูกเอาเหมือนกัน

เวลาที่เขาเล่าเรื่องแต่ละอย่าง

พอเล่าๆ ไป

เขาก็จะยกมือขึ้นไหว้รูปท่านอาจารย์ตลอดเลย

เขาบอกว่าทุกวันนี้

เขามีงานทำ

 มีช่องทางในการใช้หนี้มากขึ้น

ก่อนที่จะเล่าเรื่องงาน

เขาก็ได้เล่าให้ฟังค่ะ 

ว่าได้สารภาพกับพ่อแม่เขาหมดแล้ว

(เรื่องต่างๆและปัญหาหนี้สิน)

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้

เขาไม่เคยพูดไม่เคยปรึกษากันเรื่องหนี้ที่มีอยู่เลย

ซึ่งพอได้เล่าแล้ว

พ่อกับแม่เขา ก็ยอมรับ

และ

ยินดีจะใช้หนี้ให้กับตัวเขาด้วย

โดยที่ยินยอมทำธุรกิจร่วมกันภายในครอบครัว

 เขาเล่าต่อไปว่า

ทุกวันนี้ชีวิตดีขึ้นมาก

ถ้าก่อนหน้านี้รู้จักกับลูกและกล้าเข้ามาหา

ชีวิตเขาคงดีกว่านี้

แต่

ลูกกลับบอกเขาว่า

เป็นเพราะลูกและเขา

ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด

และ

ท่านอาจารย์อุบล ต่างหากล่ะ

ชีวิตถึงได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน

 ตอนนี้

ได้ดูจากท่าทางเขา ใจสงบกว่าเมื่อก่อน

เหมือนเขาได้คิด ได้ทบทวน

และ

ที่ลูกชอบมากคือเขากล้ายอมรับความจริง

และไม่ยอมทิ้งหนี้สินให้คนอื่นรับผิดชอบ

ไม่หนีปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้น

ทุกวันนี้

ลูกก็ได้ช่วยเขาแค่เพียงรับฟัง

และ

บอกให้เขา เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

และ

บอกให้เขาเข้าเวปบ้านสวนพีระมิด

และ

ศึกษาข้อมูลต่างๆ

ในเวปบ้านสวนพีระมิดแห่งนี้ค่ะ

   

                                 กราบขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 12:08:12


ความคิดเห็นที่ 30 (1640968)

 

บุญ ที่ถูกต้อง คืออย่าหลงบุญ 

        ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด

เกี่ยวกับเรื่องของบุญ

คิดว่าการทำบุญ

ก็คือ
การตักบาตร, การถวายทรัพย์,

ปัจจัย, การถวายสังฆทาน ฯลฯ
เพียงเท่านี้ เป็นต้น

ยิ่งบางพุทธพาณิชย์ เน้นสอนให้บริจาคทรัพย์
หรือ

ร่วมสร้างความยิ่งใหญ่อลังการ

เข้าวัดจนเกินตัว
มียอดบริจาคมากเท่าไหร่

ถือว่ายิ่งได้บุญหนักศักดิ์ใหญ่ รวยล้นฟ้าไม่รู้เรื่อง ...


แท้จริงแล้ว ...บุญ ...

หรือ ...ปุญญ ...

แปลว่า ...ชำระ ...
หมายถึง

การทำให้หมดจดจากมลทิน

เครื่องเศร้าหมอง
อันได้แก่ โลภะ โทสะ และ โมหะ


ตามพระไตรปิฎก เราสามารถสร้าง ...บุญ ...ได้ ๓ อย่าง
คือ ทาน ศีล ภาวนา

๑. ทาน คือ การให้ เช่นที่กล่าวมาแล้ว
คือ การตักบาตร บริจาคทรัพย์ ถวายสังฆทาน เป็นต้น
ถือเป็น จาคะ หรือ การให้นับเป็น บุญอย่างหนึ่ง
แต่มีการให้บางประการที่ไม่นับเป็นบุญ
เช่น สุรา มหรสพ ให้สิ่งเพื่อกามคุณ เป็นต้น

๒. ศีล คือ ความประพฤติที่ไม่ละเมิด
หรือรักษาความสำรวมทางกาย วาจา
การรักษาศีลสำหรับฆราวาส

ได้แก่ ศีล ๕ และอุโบสถศีล (มี ๘ ข้อ)

๓. ภาวนา คือ การอบรมจิตทางสมถะและทางวิปัสสนา
การนั่งสมาธิ เรียกว่า สมถะภาวนา
ส่วนการนั่งวิปัสสนา (สติรู้ถึงรูป ...นาม)

เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา


...บุญ ... ยังมีอีก ๗ อย่าง ตามอรรถกถา
หรือข้อปลีกย่อยนอกเหนือจากพระไตรปิฎก นับถัดไปเป็นลำดับที่ ๔ ดังนี้

๔. อปจายนะ ความเป็นผู้นอบน้อม ต่อผู้ที่ควรนอบน้อม

๕. เวยยาวัจจะ ความขวนขวายในกิจ หรืองานที่ควรกระทำ

๖. ปัตติทาน การให้บุญที่ตนถึงแล้วแก่คนอื่น
เช่น การอุทิศส่วนกุศล การกรวดน้ำ

๗. ปัตตานุโมทนา คือ การยินดีในบุญที่ผู้อื่นถึงพร้อมแล้ว
เช่น เห็นผู้อื่นทำบุญตักบาตร เมื่อเราพลอยปลื้มปิติยินดี
กล่าวอนุโมทนา เพียงเท่านี้ ก็ได้บุญแล้ว

๘. ธัมมัสสวนะ หรือการฟังธรรม
ไม่ว่าจะฟังธรรมโดยตรง หรือจากสื่อวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ

๙. ธัมมเทศนา หรือการแสดงธรรมเมื่อได้ศึกษาธรรมะ
แล้วถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่น นับเป็นบุญประการหนึ่งด้วย

๑๐. ทิฏฐุชุกรรม คือ การกระทำความเห็นให้ตรง หรือ สัมมาทิฏฐิ นั่นเอง

บุญทั้ง ๑๐ ประการนี้

บางที่เรียกกันว่า ...บุญกิริยาวัตถุ ...

จะเห็นว่าบุญทำได้ถึง ๑๐ อย่าง

มีเพียงข้อแรกเท่านั้นที่ต้องใช้ทรัพย์

อีก ๙ ข้อ

ล้วนไม่ต้องใช้ทรัพย์

 

ที่มา... โดยคุณ จิ้มจุ่ม

                                                                                                                                         ขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 11:34:01


ความคิดเห็นที่ 31 (1641085)

                   

                        ธรรมะที่ใช้ในการทำงาน สู่ความสำเร็จ

                      อิทธิบาท 4 ธรรมะที่ใช้ในการทำงาน ประกอบด้วย...

1. ฉันทะ   คือ ความรักงาน-พอใจกับงานที่ทำอยู่
2. วิริยะ    คือ ขยันหมั่นเพียรกับงาน
3. จิตตะ   คือ ความเอาใจใส่รับผิดชอบงาน
4. วิมังสา  คือ การพินิจพิเคราะห์ หรือ ความเข้าใจทำ

 ฉันทะ : ความรักงาน-พอใจกับงานที่ทำอยู่

อันดับแรก

ต้องสำรวจตนเองว่า

มีความชอบหรือศรัทธางานด้านใด

แล้วมุ่งไปในเส้นทางนั้น

อาจเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการตั้งคำถามกับตัวเอง

ฉันทำงานเพื่ออะไร

ฉันมีความสุขหรือไม่

หากงานที่ทำอยู่ไม่ใช่งานที่รักเสียทีเดียว

เผื่อเราจะได้มีเวลาค้นหา

และ

ปรับเปลี่ยนตัวเอง

หรือ ปรับศรัทธาของตัวเองให้เข้ากับงานที่ทำอยู่

อย่างไรก็ตาม

เชื่อเถอะว่างานแต่ละอย่างนั้น

ไม่มีทางที่ใครจะชื่นชอบไปทั้งหมดทุกกระบวนการ

ดังนั้น

ถ้าคุณพอใจที่จะทำ

และมีความสุขกับงาน

เชื่อว่างานที่คุณทำอยู่ต้องออกมาดีแน่ ๆ

 วิริยะ : ขยันหมั่นเพียรกับงานที่มี

งานทุกอย่างจะสำเร็จได้

ต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียร

ความวิริยะจึงเป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่ง

ที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้

ยิ่งคุณขยันเท่าไรผลตอบแทนที่คุณจะได้รับ

มันก็มีมากเท่านั้น

ที่สำคัญความวิริยะจะเกิดขึ้นได้

ก็ด้วยความรักในงานจากฉันทะนั่นเอง

และ

ความวิริยะไม่ใช่การทำงานแบบเอาเป็นเอาตาย

แต่เป็นการหมั่นฝึกฝนตนเองต่างหาก

ทั้งนี้

มีข้อน่าสังเกตสำหรับคนทำงานร่วมกัน

คือ

จะต้องขยันด้วยกันทั้งหัวหน้าและลูกน้อง

ยิ่งผู้เป็นหัวหน้ายิ่งสำคัญมาก

ถ้าเป็นคนเกียจคร้าน

 คิดกินแรงอย่างเดียว

ลูกน้องก็มักขยันไปได้ไม่กี่น้ำ

เดี๋ยวก็รามือกันหมด

แต่ถ้าหัวหน้าเอาการเอางาน

ก็จะสามารถดึงลูกน้องให้ขยันขันแข็งขึ้นด้วย

 จิตตะ : เอาใจใส่รับผิดชอบกับงานที่ทำ

จิตใจที่จดจ่อกับงานล้วนเกิดผลดีต่องานที่ทำ

จิตตะเป็นธรรมะที่แสดงถึงสติ

ความรอบคอบและความรับผิดชอบที่จะตามมา

ซึ่งในสังคมการทำงานปัจจุบันนี้

มุ่งเน้นแย่งชิงตำแหน่งกัน

และ

ขัดขาจนลืมคิดไปว่า

 งานที่ตนเองต้องรับผิดชอบนั้นคือสิ่งใดกันแน่

จิตตะจึงมีความสำคัญในการทำงาน

โดยไม่วอกแวกออกไปนอกลู่นอกทาง

ดังนั้น

เมื่อคุณมีทั้งฉันทะและวิริยะ

แล้ว

จิตตะจะเป็นเสมือนรั้วของเส้นทาง

ที่ไม่ให้ไขว้เขวออกนอกทางสู่ความสำเร็จได้

อย่างไรก็ดี

ปกติคนที่โตเป็นผู้ใหญ่รู้ผิดชอบ

มักจะใส่ใจกับงานอยู่แล้ว

เพราะธรรมชาติจะทำให้หยุดคิดยาก

แต่เสียอยู่อย่างเดียว คือ

ชอบคิดเจ้ากี้เจ้าการแต่เรื่องงานของคนอื่น

 คอยติ คอยสอดแทรก คอยวิพากษ์วิจารณ์

ในขณะที่ธุระของตัวกลับไม่คิดไม่ดู

ซึ่งไม่ส่งผลให้งานของเราดีขึ้น

พระพุทธเจ้า

จึงทรงสอนให้เป็นนักตรวจตรางาน

คือ

ให้มีจิตตะ

แล้วก็ทรงให้โอวาทสำทับไว้ด้วยว่า

 "ควรตรวจตรางานของตัวเอง ทั้งที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำ"

 วิมังสา : การพินิจพิเคราะห์และใช้ปัญญาตรวจสอบงาน

สุดยอดของวิธีทำงานให้สำเร็จ

อยู่ในอิทธิบาทข้อสุดท้ายนี้

 วิมังสา แปลว่า การพินิจพิเคราะห์

หมายความว่า

ทำงานด้วยปัญญา ด้วยสมองคิด

ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ

คนเราแม้จะรักงานแค่ไหน

บากบั่นเพียงใด

หรือเอาใจจดจ่ออยู่ตลอดเวลา

แต่ถ้าขาดการใช้ปัญญาพิจารณางานด้วยแล้ว

ผลที่สุด

งานก็คั่งค้างและผิดพลาดจนได้

เราอาจลองทบทวนตัวเองนิ่ง ๆ

ว่าวันนี้ทั้งวัน  เราทำอะไรบ้าง

สรุปกับตัวเองว่า ทำเพื่ออะไร

เราจะได้มีกำลังใจต่อในวันต่อ ๆ ไป

และ

ไม่ทำผิดซ้ำซากอีกเช่นเดิม

พร้อมกันนั้นเราจะสามารถเห็นหนทางได้ว่า

เส้นทางไหนที่จะนำเราสู่ความสำเร็จได้จริง ๆ

จะเห็นได้ว่า

หลักธรรมะที่ใช้ในการทำงาน

เป็นเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว

หากเรานำ อิทธิบาท 4

มาปรับใช้ในการทำงาน

รักงานที่ทำ ขยันทำงาน รับผิดชอบงาน

และ

รู้จักไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน

ทางแห่งความสำเร็จคงไม่เกินเอื้อม

เชื่อเถอะ คุณก็ทำได้ ทุกอย่างอยู่ที่ "ใจ"

ขอบคุณที่มา: โดย คุณ จิ้มจุ่ม

                                                                      ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-18 13:16:36


ความคิดเห็นที่ 32 (1641227)

จี้องค์เทพสฟิงซ์ช่วยให้ใจเย็น ไม่ประมาทค่ะ

เหตุการณ์นี้

เกิดขึ้นในช่วงแรก

ที่ลูกได้กลับมาจากบ้านสวนพีระมิด

ครั้งที่สอง

และ

ลูกได้บูชาจี้องค์เทพสฟิงซ์แขวนไว้ที่คอ

ซึ่งในตอนนั้น

ลูกได้ขับขี่รถจักรยานยนต์

ไปซื้อของในตลาดที่อยู่ใกล้ๆ

เป็นปกติอยู่แล้วนั้น 

ในระหว่างที่รถจอดติดไฟแดง

(เพื่อจะข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม)

รถของลูกก็ได้จอดที่ด้านหน้าสุด

ของไฟแดง

ปรากฎว่า

มีรถจักรยานยนต์

มาบังรถของลูกทั้งด้านหน้าซ้ายและขวา

เหมือนกับสามเหลี่ยมเลยค่ะ

(ตอนนั้นคิดว่าอะไรเนี่ยมาขวางทำไมกัน)

แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะคิดว่าไม่ได้รีบเร่งไปไหนค่ะ

และ

ก็จับจี้องค์เทพสฟิงซ์ที่แขวนที่คอ

ขอให้ใจเย็นลง

(ปกติเวลาใช้รถจะหงุดหงิดค่ะ ใจร้อนด้วย )

.......

เมื่อไฟเขียว

รถทั้งสองคันได้ออกตัวไปแล้ว

ลูกได้แต่ขับตามออกไปอย่างช้าๆ

ปรากฎว่า

มีรถฝ่าไฟแดงมาจากทางด้านขวาค่ะ

ลูกมองเห็นเขาขับฝ่ามาพอดี

ลูกเลยตะโกนออกไปว่า

ระวังรถ....

ดีค่ะที่สองคันนั้นไม่ได้ขี่เร็ว

(และโชคดีที่รถยนต์ไม่ได้ขับตามหลังมาใกล้ๆ )

ทำให้ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหน้า

และผู้หญิงอีกคนที่ขับมาข้างๆลูก

เอาใจช่วยสองคนข้างหน้าค่ะ

ปรากฎว่า

ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

ทั้งสองคนนั้นหันมาโค้งคำนับให้

เหมือนจะขอบคุณลูก

ตั้งแต่นั้นมา

เวลาที่ลูกขับขี่รถจักรยานยนต์

ถึงแม้จะเป็นไฟเขียวลูกก็ไม่เคยประมาทเลย

และจะมีสติมากกว่าเดิมค่ะ

                                

                                            กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-19 11:27:03


ความคิดเห็นที่ 33 (1641267)

 

                                     ขออนุญาตเขียนเป็นธรรมทาน    ก่อนอื่นขอกราบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้าน

    สวนพีระมิดทุกๆพระองค์  และท่าน อ.อุบล  ....เมื่อวันอาทิตย์ ที่๑๘ พ.ย. ๕๕ ผมได้ดูรายการ

    "คุยไปแจกไป" (ผมติดตามดูรายการแทบทุกสัปดาห์)ของอาจารย์อุบล ในช่วงที่ อาจารย์  

     ทดลองพลังของจี้พีระมิด ช่วงท้ายๆรายการโดยให้ลูกๆบ้านสวน มองไปที่จี้พีระมิดที่ อ.อุบล

     คล้องอยู่แล้วนับ ๑ ๒ ๓.....ไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการโรคต่างๆของลูกบ้านสวน หายแล้วค่อย

    ยกมือบอกอาจารย์ เป็นรายๆ เป็นช่วงเวลาที่ผมอยากลองพลังจี้พีระมิดผ่านทาง ทีวีครับ...

   จึงขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด ช่วยลูกด้วยให้ลูกหายจากอาการเจ็บบริเวณข้อพับ

    เข่าด้านซ้ายซึ่งเจ็บเรื้อรังมาหลายเดือนเนื่องจากการเล่นกีฬา พบแพทย์แล้วก็ไม่หายโดยมี

   อาการเจ็บข้อพับหลังเข่าเวลานั่งคลุกเข่า นั่งยองๆปวดมาก ...ผมจีงขอนับตามลูกๆบ้านสวน

   ด้วยคนครับ ๑ ๒ ๓...๒๐ หายครับอาจารย์ หายจริงๆ จึงรีบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวน

   พีระมิดทุกๆพระองค์ และกราบขอบคุณ อ.อุบล ผ่านทาง ทีวี ครับศรัทธามีปาฏิหารย์เกิดครับ

   เลยตั้งใจว่ารุ่งขึ้น(วันจันทร์ ๑๙ พ.ย. ๕๕) จะเขียนธรรมทานบอกเล่าให้ลูกบ้านพีระมิดทุกๆ

  คนที่เจ็บป่วยทั้งที่ทราบและไม่ทราบสาเหตุก็ดี ขอให้เรามีศรัทธาครับแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วย

  เรา.....กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิวัฒน์ ธนานนท์นิวาส ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-19 14:21:15


ความคิดเห็นที่ 34 (1641451)

                ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน คุณ นิวัฒน์ ด้วยค่ะ

               ( กรุณาติ๊ก ที่ช่องไม่ต้องการให้แสดงอีเมลด้วยนะคะ )

 

ท่าน อ.อุบล และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่บ้านสวนพีระมิด

ทรงมีเมตตาเสมอ

.......

ที่คุณเรียกว่าจี้พีระมิด หมายถึง จี้สามร่มโพธิ์ศรีค่ะ

และ

ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ กับ อาการเจ็บที่หาย

นี่เป็นการบอกว่าคุณศรัทธาและคุณชนะใจตัวเองไปอีกขั้น

เพราะ

ได้แสดงถึงความตั้งใจในการขอบคุณ

โดยได้เขียนธรรมทานทันที

สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-20 15:12:16


ความคิดเห็นที่ 35 (1641456)

สวดเป็นก็เห็นธรรม คำสอน

ที่เราต้องสวดมนต์เป็นภาษาบาลี

ก็เพราะมนต์นั้นคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงสั่งสอนด้วยภาษาบาลี

เมื่อเรานำเอามนต์ซึ่งจำไว้ด้วยภาษาบาลีนั้นมาสวด... 

    โดย...ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

ปุจฉา

ตาม หลักพุทธศาสนาที่แท้จริง การสวดมนต์มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

หรือเป็นเพียงแค่อุบายไม่ให้เราฟุ้งซ่าน

ทำไมเราต้องสวดมนต์เป็นภาษาบาลีด้วย สวดเป็นภาษาไทยจะได้บุญไหม

ดิฉันเคยดูรายการธรรมะเกี่ยวกับการสวดมนต์ที่นำเสนอว่า

ปัจจุบันการทดลองทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า

การสวดมนต์สามารถทำให้น้ำสกปรกเปลี่ยนเป็นน้ำสะอาดได้

และยิ่งเราสวดมนต์มากเท่าไรก็ยิ่งส่งผลดีต่อน้ำที่นำมาทดลองมากเท่านั้น

ไม่ทราบว่าพระคุณเจ้ามีข้อเสนอแนะอย่างไรบ้าง

หากดิฉันจะสวดมนต์ใส่น้ำสะอาดให้ผู้ที่เป็นโรคดื่ม

วิสัชนา


ก่อนจะตอบว่าการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างไร

ก็ควรทราบก่อนว่าการสวดมนต์มีความเป็นมาอย่างไร

เท่าที่ทราบ การสวดมนต์น่าจะเกิดขึ้นจากประเพณีการเล่าเรียนธรรมะที่สืบเนื่องมา

แต่สมัยพุทธกาล

ใน สมัยที่พระพุทธองค์ยังมีพระชนมชีพอยู่นั้น

พระสงฆ์จะฟังธรรมจากพระองค์แล้วจำไว้

จากนั้นจะแบ่งกลุ่มกันจำพระพุทธวจนะเป็นกลุ่ม

เช่น สายพระอานนท์จะจำพระสูตร สายพระสารีบุตรจะจำพระอภิธรรม

สายพระอุบาลีจะจำพระวินัย

พระสงฆ์ที่เป็นหัวหน้าสายก็จะมีศิษยานุศิษย์ของตนมากมาย

ช่วยกันจำพระพุทธวจนะ ลักษณะการเล่าเรียนพระพุทธวจนะนั้น

ดำเนินในแบบ "ปาก-ต่อ-ปาก" (มุขปาฐะ) คือ ครูเป็นผู้บอกพระพุทธวจนะ

ศิษย์ก็จำต่อจากครู วันรุ่งขึ้นก็นำสิ่งที่จำนั้นไปท่องให้ครูฟัง

เมื่อครูเห็นว่าจำได้แล้ว ก็จะมอบพระพุทธพจน์บทใหม่ให้ท่องต่อไป

และเพิ่มปริมาณสิ่งที่ต้องท่องจำมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อตอนผู้เขียนยัง เป็นสามเณรนั้น ยังคงท่องบทสวดมนต์ด้วยวิธีนี้อยู่

ธรรมเนียมการ "ต่อหนังสือ" แบบมุขปาฐะเช่นนี้เอง

ต่อมาจึงกลายเป็นที่มาของการสวดมนต์

พระพุทธพจน์นั้นเรียกด้วยชื่อสั้นๆ ว่า "มนต์"

การเรียน การท่องบ่นมนต์นั้นเรียกว่า การสวดมนต์

และการสวดมนต์นั้นพอทำให้เป็นกิจวัตรบ่อยๆ

จนมีเวลาที่ลงตัวแน่ชัด ก็เรียกว่าเป็นการ "ทำวัตร-สวดมนต์"

อย่างที่เราใช้กันสืบมาในสังคมไทยทุกวันนี้

ส่วนที่เราต้องสวดมนต์ เป็นภาษาบาลี

ก็เพราะมนต์นั้นคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ซึ่งทรงสั่งสอนด้วยภาษาบาลี

เมื่อเรานำเอามนต์ซึ่งจำไว้ด้วยภาษาบาลีนั้นมาสวด

ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่เราจะต้องสวดเป็นภาษาบาลีตามรูปแบบเดิม

เหมือนเรานำเอาภาษาอังกฤษมาใช้ในภาษาไทยกับคนไทย

เราก็ยังคงต้องพูดภาษาอังกฤษเหมือนกับภาษาแม่ทุกประการ

อย่างไรก็ตาม

การสวดมนต์แปลเป็นภาษาไทยก็ได้บุญเหมือนกับสวดเป็นภาษาบาลีเช่นเดียวกัน

ประโยชน์ของการสวดมนต์นั้นมีหลายประการ เช่น


1.เพื่อสืบต่อพระพุทธวจนะไว้มิให้เสื่อมสูญ


2.เพื่อถ่ายทอดพระพุทธวจนะให้แพร่หลายออกไป


3.เพื่อศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่บันทึกไว้ในรูปบทสวด

4.เพื่อฝึกสมาธิภาวนา

5.เพื่อพัฒนาปัญญาให้รู้แจ้งแทงตลอด

6.เพื่อบำเพ็ญบุญ

การ เสกน้ำด้วยพระพุทธมนต์ เท่าที่คุณเล่ามานั้น

ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นรายงานการวิจัย

จึงไม่กล้ายืนยันว่าน้ำพุทธมนต์จะมีอานุภาพถึงเพียงนั้น

แต่หากคุณสวดมนต์ด้วยจิตเป็นสมาธิและด้วยจิตบริสุทธิ์แล้วแผ่เมตตาลงไปในน้ำ

ก็อาจเป็นไปได้ว่า ด้วยพลังของจิตอันบริสุทธิ์นั้น

อาจทำให้ผู้ป่วยที่อาการไม่หนักหนาสาหัสนัก

ทุเลาจากความป่วยไข้ได้ กรณีเช่นนี้มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ทั่วไป

ในชนบทของไทย ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ยังคงเสกน้ำ

ให้ลูกหลานประพรมเพื่อความสวัสดีมีชัยและเพื่อ ความหายเจ็บไข้ได้ป่วย

แม้ตอนผู้เขียนยังเด็ก โยมพ่อก็เคย "มนต์น้ำ" ให้ประพรมเวลาเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ

                                                       ขอบพระคุณข้อมูลดีๆค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-20 15:28:25


ความคิดเห็นที่ 36 (1641751)

               ลูกขอกราบขอบพระคุณค่ะ

      รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ทำให้ทุกๆวันของลูก

ไม่มีคำว่าผิดหวัง ไม่มีคำว่าอุปสรรค ค่ะ

เมื่อวาน วันพุธที่ 21 พ.ย. 55

ก็เป็นอีกวันหนึ่ง

ที่ลูกได้เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

 ได้โปรดเมตตา

ให้วันนี้และทุกๆวันของลูก

อย่าได้มีคำว่าอุปสรรค

เรื่องใดๆ ก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ

สาธุ

.......

 ผลปรากฎว่า

เมื่อวานลูกและสามี

ได้ไปซื้อสินค้ามาเพิ่มในร้าน 

ก็ได้สินค้าตามที่ต้องการมาด้วย

ซึ่งสินค้าตัวนี้ หายากมากๆ

และ

ที่สำคัญได้ราคาตามที่นึกไว้ในใจด้วยค่ะ

 

แต่ก่อนหน้านี้

ได้เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

อีกครั้งหนึ่ง 

ว่า

อ.อุบล ช่วยด้วย

ได้โปรดเมตตาให้ลูกซื้อสินค้าชิ้นนี้

(ราคาตั้งไว้ในใจอยู่แล้วค่ะ )  

ในราคา...........บาท

 ด้วยเถิดค่ะ สาธุ

 

 ผลก็คือ

 

 คนขายบอกราคาที่ลูกขอจากรหัสท่านอาจารย์ค่ะ

ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ  

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

 

ที่ท่านได้เมตตาลูกและครอบครัวเสมอ

                                               

                                    กราบขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-22 10:09:47


ความคิดเห็นที่ 37 (1641958)

                                 วันนี้ได้อ่านธรรมะดีๆ

                        เลยถือโอกาสนี้ นำมาฝากให้อ่านกัน นะคะ

              “อสทิสทาน” (ทานที่ไม่มีใครทำได้เหมือน)

 

สมัยหนึ่ง

พระศาสดาประทับอยู่ที่เชตวนาราม เมืองสาวัตถี

พระเจ้า ปเสนทิโกศล ทูลอาราธนาพระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์

แล้วถวายอาคันตุกทานอย่างประณีต

ทรงประกาศให้ชาวนครมาดูทานของพระองค์

วันรุ่งขึ้น

ชาวนครทูลอาราธนาพระศาสดา

และภิกษุสงฆ์ไปเสวย และ ฉันอาหารของพวกตน

แล้วทูลให้พระราชาเสด็จไปทอดพระเนตรทานของตน

พระราชาทอดพระเนตรเห็นทานอันมโหฬารของชาวนครแล้ว

ทรงถวายทานอีก

ทำให้ยิ่งกว่าที่ชาวนครทำ

ชาวเมืองก็ไม่ยอมแพ้

รวมกำลังกันถวายทานให้ยิ่งกว่าที่ พระราชาถวาย

รวมความว่าทำบุญแข่งกัน

ในที่สุดพระราชาสู้ไม่ได้

เพราะประชาชนมีมากด้วยกัน

จึงบรรทมเป็นทุกข์อยู่

พลางทรงดำริว่า ทำอย่างไร

จึงจะถวายทานให้ชนะชาวนครได้

พระนางมัลลิกา อัครมเหสีเสด็จเข้าไปเฝ้า

ทรงทราบถึงความโทมนัสของพระราชา

แล้วทูลอาสาจะจัดทานถวายเอง และจะให้ชนะชาวนครให้ได้

พระนางขอให้พระราชารับสั่งให้คนจัดดังต่อไปนี้

ให้ทำมณฑปสำหรับภิกษุ 500 รูปภายในวงเวียนมณฑปนั้น

ทำด้วยไม้สาละและไม้ขานาง ภิกษุที่เกินจำนวน 500 นั่งนอกวงเวียน

ให้ทำเศวตฉัตร 500 คัน จัดหาช้าง 500 เชือก

สำหรับถือเศวตฉัตรกั้นภิกษุ 500 รูปเหล่านั้น

ขอให้ทำเรือทองคำ 8 ลำ หรือ 10 ลำไว้กลางมณฑป

ให้เจ้าหญิงองค์หนึ่งๆ

นั่งบดของหอมอยู่ระหว่างภิกษุทุก ๆ 2 รูป

(คือเจ้าหญิงองค์หนึ่งต่อภิกษุ 2 รูป)

และเจ้าหญิงองค์หนึ่งๆ ยืนพัดภิกษุ 2 รูป

เจ้าหญิงนอกนี้ มีหน้าที่นำของหอมที่บดแล้วมาใส่ในเรือ

ให้จัดเจ้าหญิงเป็นพวก ๆ บางพวกถือกำดอกบัวเขียวไป

เคล้าของหอมที่ใส่ไว้ในเรือทองคำ

แล้วนำไปถวายภิกษุ ให้ภิกษุรับเอาไออบ

เรื่องที่จัดเจ้าหญิงให้มาร่วมในการถวายทานนี้ก็ด้วยทรงดำริว่า

ชาวนครไม่มี เจ้าหญิงเป็นเครื่องประกอบในทาน

เป็นอันได้ชนะชาวนครไปได้เรื่องหนึ่ง

เศวตฉัตรของชาวนครก็ไม่มี ช้างจำนวนมากเช่นนั้นก็ไม่มี

พระราชารับสั่งให้ทำตามที่พระนางมัลลิกาทรงแนะนำ

ปัญหามาติดอยู่ที่เรื่องช้างคือช้างไม่พอ

ความจริงพระราชามีช้างเป็นจำนวนพัน

แต่ช้างที่เชื่องพอจะนำมาถือเศวตฉัตรได้มีเพียง 499 เชือก

ขาดไปเชือกหนึ่ง นอกจาก 499 เชือกแล้วเป็นช้างดุร้ายทั้งนั้น

พระราชาทรงปรึกษาพระนางมัลลิกา

เกี่ยวกับเรื่องนี้

พระนางมัลลิกาถวายความเห็นว่า

ขอให้เอาช้างเชือกที่ดุร้ายนั้นไปถือเศวตฉัตร

ให้พระคุณเจ้าองคุลิมาล

พระราชารับสั่งให้ราชบุรุษทำเช่นนั้น

เมื่อช้างที่ดุร้ายเข้าใกล้พระองคุลิมาล

มันสอดหางเข้าไปในระหว่างขาของมัน ปรบหูทั้งสองยืนหลับตานิ่งอยู่

มหาชนต่างมองดูช้างดุที่ยืนหลับตาอยู่ใกล้พระเถระและชมว่า

พระคุณเจ้า องคุลิมาลมีอานุภาพถึงปานนี้

พระราชาทรงอังคาส (เลี้ยง) ภิกษุสงฆ์

ซึ่งมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประมุขด้วยอาหารอันประณีต

และด้วยพระหฤทัยอันอิ่มเอิบ

ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูลว่า

"สิ่งทั้งปวงในโรงทานนี้

ทั้งที่เป็นกัปปิยภัณฑ์ (สิ่งที่สมควรแก่สมณะ)

และอกัปปิยะภัณฑ์ (สิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณะ)

หม่อมฉันขอถวายพระองค์ทั้งสิ้น"

ในทานนี้ พระราชาทรงสละทรัพย์ 14 โกฏิ

หมดในวันเดียว

ของ 4 อย่างคือ

เศวตฉัตร 1

บัลลังก์สำหรับนั่ง 1

เชิงบาตร 1

ตั่งสำหรับเช็ดเท้า 1 ที่

พระราชาถวายพระศาสดานั้นเป็นของสูงค่าจนไม่อาจคำนวณได้

ทานดังกล่าวมานี้ ไม่มีใครสามารถทำได้อีก

(ในสมัยแห่งพระพุทธเจ้าองค์เดียว)

เพราะฉะนั้นท่านจึงเรียกทานอย่างนี้ว่า

อสทิสทาน คือทานที่ไม่มีใครทำได้เหมือน

ท่านกล่าว ว่า

อทิสทานนี้มีแก่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

แต่พระองค์ละครั้งเท่านั้น

สตรีย่อมเป็นผู้จัดแจงทานนี้ เพื่อพระศาสดาและภิกษุสงฆ์

เมื่อพระราชาทรงบำเพ็ญอสิทิสทานอยู่นี้

 มหาอำมาตย์คนหนึ่งชื่อ กาฬะ

รู้สึกเสียดายพระราชทรัพย์เหลือประมาณเขาคิดว่า

" นี้เป็นไปเพื่อความเสื่อมแห่ง ราชตระกูล

ทรัพย์ถึง 14 โกฏิ หมดในวันเดียว

ภิกษุทั้งหลายบริโภคอาหารที่พระราชาถวายด้วยศรัทธาแล้วก็นอนหลับ

มิได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ ราชตระกูลฉิบหายเสียแล้ว "

ส่วนอำมาตย์อีกคนหนึ่งชื่อ ชุณหะ

คิดว่า " อา! ทานของพระราชายิ่งใหญ่ น่าเลื่อมใสจริง

ทานอย่างนี้ผู้ที่ไม่เป็นราชาไม่อาจทำได้

พระราชาย่อมต้องทรงแบ่งส่วนบุญให้แก่สัตว์ทั้งหลาย

เราขออนุโมทนาบุญนั้น "

เมื่อพระศาสดาเสวยเสร็จ

พระราชาทรงรับบาตร

เพื่อให้พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา

พระศาสดาทรงดำริว่า

"ทานของพระราชาครั้งนี้เป็นประดุจห้วงน้ำใหญ่

มหาชนมีจิตเลื่อมใสหรือไม่หนอ

ทรงทราบวารจิต คือความคิดของอำมาตย์ทั้งสองแล้ว

ทรงทราบว่า ถ้าจะทรงทำการอนุโมทนา

ให้สมควรแก่ทานของพระราชา ในครั้งนี้

ศีรษะของกาฬอำมาตย์จะต้องแตกเป็น 7 เสี่ยง

ส่วนชุณหอำมาตย์จักดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล"

ทรงอาศัยความอนุเคราะห์ในกาฬอำมาตย์นั้น

จึงตรัสพระคาถาเพียง 4 บาทเท่านั้น

อนุโมทนาทานของพระราชาแล้ว

เสด็จลุกจากอาสนะเสด็จไปสู่วัดเชตวัน

ภิกษุทั้งหลายถามพระองคุลิมาลว่า

"ไม่กลัวหรือที่ช้างดุร้ายอย่างนั้นยืนถือเศวตฉัตรให้"

พระองคุลิมาลตอบว่าไม่กลัว

ภิกษุทั้งหลายจึงไปกราบทูลพระศาสดาว่า

พระองคุลิมาลพยากรณ์อรหัตผล อวดตนว่าเป็นอรหันต์

ไม่กลัวช้างดุร้ายเห็นปานนั้น

พระศาสดาตรัสรับรองว่า พระองคุลิมาลไม่กลัวจริง

ส่วนพระราชาปเสนทิ

ทรงน้อยพระทัยว่า ได้ถวายทานอันมโหฬารปานนั้น

แต่พระศาสดาทรงอนุโมทนาเพียง 4 บาท

พระคาถาเท่านั้น น่าจะมีอะไรที่ไม่สมควรในทานอยู่บ้าง

พระศาสดาคงจะทรงขุ่นเคืองพระทัยเป็นแน่แท้

พระราชารีบเสด็จไปสู่วิหารเชตวัน

ทูลถามพระศาสดาในเรื่องนั้น

พระพุทธองค์ตรัสว่า พระราชาได้ทรงกระทำชอบทุกอย่าง

ทานนั้นได้นามว่า "อสทิสทาน"

แต่ที่ทรงอนุโมทนาน้อย

ก็เพราะหวังอนุเคราะห์กาฬอำมาตย์

ตรัสเล่าความคิดของอำมาตย์ทั้งสองให้พระราชาทรงทราบ

พระราชาทรงกริ้วกาฬอำมาตย์ตรัสว่า

"เราให้ทานมากจริง แต่เราให้ของๆ เรา

มิได้เบียดเบียนอะไรท่านเลยไฉนท่านจึงเดือดร้อนปานนั้น"

ดังนี้

แล้วทรงเนรเทศกาฬอำมาตย์ออกจากแคว้น

ตรัสเรียกชุณหอำมาตย์เข้าเฝ้า

ตรัสถามว่า จริงหรือที่มีความคิดอนุโมทนาทานที่พระองค์ทรงกระทำแล้ว

เมื่อ ชุณหอำมาตย์ ทูลรับว่าจริง

ทรงชอบใจและเลื่อมใสจึงทรงมอบราชสมบัติให้เขาครอง 7 วัน

และให้ถวายทานได้ตามประสงค์

โดยทำนองที่พระองค์เคยทรงถวายมาแล้ว

พระราชาเสด็จไปสู่สำนักพระศาสดาอีกทูลว่า

"พระองค์ทรงดูการกระทำของคนพาลเถิด

เขาเหยียดหยามทานที่ข้าพระองค์ถวายแล้วถึงปานนี้

(ทรงหมายถึงกาฬอำมาตย์)"

พระศาสดาตรัสว่า

"คนตระหนี่ไปเทวโลกไม่ได้ คนพาลไม่สรรเสริญทาน ส่วนนักปราชญ์อนุโมทนาทานอยู่ จึงเป็นผู้มีความสุขในโลกหน้า เพราะการอนุโมทนานั้น"

                                             

                                            ขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-23 13:56:29


ความคิดเห็นที่ 38 (1642364)

                                กฎแห่งกรรม

1.เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย

เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์

 

2.เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีๆรับประทานอยู่เสมอ

เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจน

 

3.เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจนไม่มีเสื้อผ้าดีๆสวมใส่

เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจนในชาติก่อน

 

4.เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต

เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน

 

5.เหตุใดคุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก

เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน

 

6.เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม

เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน

 

7.เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี

เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน

 

8.เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆคนและมีเพื่อนมากมาย

เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน

 

9.เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ มีแม่อยู่พร้อมหน้า

เพราะคุณให้ความเคารพและช่วยเหลือ

ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติก่อน

 

10.เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า

เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน

 

11.เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง

เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน

 

12.เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น

เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย

 

13.เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้

เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน

 

14.เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส

เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ

 

15.เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อน หูหนวก

เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่

 

16.เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ

เพราะชาติก่อนคุณเคยวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ

 

17.เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย

เพราะชาติก่อนคุณใช้ตาข่ายล่าและดักสัตว์

 

18.ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา

ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มา ไม่มีที่สิ้นสุด

 

19.ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฎแห่งกรรม

คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า

 

ขอบพระคุณข้อความดีๆที่แบ่งปันค่ะ

                                               ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-24 16:36:37


ความคิดเห็นที่ 39 (1642429)

วันนี้ได้อ่านหนังสือ ทิพยอำนาจ

ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ให้ได้อ่านเป็นบางส่วนนะคะ

สมัยพุทธกาล

ชาวพุทธมีชื่อเด่นในทางจิตศาสตร์

มีความสามารถทางทิพยอำนาจหลายประการ

พระบรมศาสดาจารย์ทรงเป็นเยี่ยมที่สุด

ทรงสามารถในทิพยอำนาจทุกประการ

พระอัครสาวกซ้าย ขวาเป็นเยี่ยมรองลงมา

พระอนุรุทธเถระทรงเป็นเยี่ยมทางทิพพจักขุโดยเฉพาะ

ในสมัยพระบรมศาสดาเสด็จปรินิพพานนั้น

 ท่านทรงทราบได้ดีว่า

เสด็จปรินิพพานแล้วหรือยัง

คือวาระที่ทรงเข้าสู่ความสงบตามลำดับ

และทวนลำดับอยู่นั้น

ถ้าดูด้วยตาธรรมดา ก็ว่าเสด็จปรินิพพานแล้ว

แต่พระอนุรุทธเถระบอกว่า 

ยังไม่เสด็จสู่ปรินิพพาน

เป็นแต่ทรงเข้าฌานสมาบัติ

เมื่อพระบรมศาสดาทรงยับยั้งอยู่

ในฌาณพอสมควรแล้ว

จึงเสด็จปรินิพพาน

ในระหว่างแห่งฌาณที่ ๔ และ ที่ ๕

ทันทีนั้น

พระอนุรุทธเถระจึงบอกว่าเสด็จปรินิพพานแล้ว

พุทธบริษัทจึงได้จัดการพระบรมศพ

เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จปรินิพพานล่วงมา

ได้ประมาณ ๒๓๖ ปีเศษ

พระมหาโมคคัลลีบุตรติสสเถระ

เล็งดูกาลอนาคตของพระพุทธศาสนา

เห็นว่าต่อไปชมพูทวีป

จะไม่เป็นที่ตั้งของพระพุทธศาสนาๆ

จะไปเจริญรุ่งเรืองในทวีปอื่น

จึงได้ถวายพระพรพระเจ้าอโศกมหาราช

ขอความอุปถัมภ์  เพื่อจัดส่งพระเถรานุเถระ

เป็นคณะไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา

ยังนานาประเทศนอกชมพูทวีป

 ด้านใต้ถึงเกาะลังกา

ด้านตะวันตกถึงเปอร์เซีย

ด้านเหนือถึงประเทศแถบเชิงเขาหิมาลัย

ด้านตะวันออกถึงสุวรรณภูมิ

เหตุการณ์ก็สมจริงดังคาด

พอพระพุทธศักราช

ประมาณ ๑๑๐๐ ปีเศษ

พระพุทธศาสนาก็อันตรธานจากชมพูทวีป

ไปเจริญรุ่งเรืองยังนานาประเทศจริงๆ

สุวรรณภูมิ คือ แหลมทอง

ซึ่งหมายถึงผืนแผ่นดิน

ตั้งแต่อ่าวเบงกอล มาถึงทะเลญวณ

ได้เป็นที่รับรองพระพุทธศาสนา

มาตั้งแต่พระพุทธศักราช

ประมาณ ๒๓๖ ปีเศษ

มีโบราณวัตถุสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

เป็นสักขีพยานในโบราณสถานนั้นๆ

เช่นพระปฐมเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม

มีวงล้อธรรมจักรทำด้วยศิลาขนาดใหญ่โตมาก

ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น

เพราะยังไม่เกิดประเพณีสร้างพระพุทธรูป

 ที่เมืองเสมา (ร้าง)

ในจังหวัดนครราชสีมาก็มีวงล้อธรรมจักร

ทำด้วยศิลาขนาดเดียวกันกับที่นครปฐม

และที่ตำบลแดดสูงบาง จังหวัดกาฬสินธุ์

มีภาพสลักศิลาเป็นเรื่องพุทธประวัติ

ซึ่งเป็นพยานว่า พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรือง

ณ แหลมทอง โดยเฉพาะที่นครปฐมและนครราชสีมา

ในสมัยเดียวกัน

ประมาณว่าในราวพุทธศตวรรษที่ ๔ 

การที่พระมหาโมคคัลลีบุตรติสสเถระ

สามารถคาดเหตุการณ์

ได้ถูกต้องเป็นระยะไกลถึงเกือบพันปีเช่นนี้

ย่อมต้องมีทิพยจักขุแจ่มใสจริงๆ แน่นอน

เมื่อทราบแล้วท่านก็ดำเนินการแก้วิกฤตการณ์ไว้ล่วงหน้าทันที

ผลดีที่เกิดขึ้นคือ

พระพุทธศาสนาแพร่หลาย

และ

ดำรงอยู่ได้ในนานาประเทศนอกชมพูทวีป

มาจนถึงปัจจุบัน...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-25 16:25:08


ความคิดเห็นที่ 40 (1642522)

.........

ชมพูทวีปคืออินเดีย

ซึ่งเป็นที่กำเนิดของพระพุทธศาสนา

ได้ว่างเปล่าจากพระพุทธศาสนามานาน

ประมาณพันปีแล้ว

พึ่งจะมีพระภิกษุจากลังกา พม่า และอาหม

เข้าไปทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

ในชมพูทวีปอีก

เมื่อประมาณ  ๖๐ ปี มานี่เท่านั้น

ถึงกระนั้นก็ยังหวังความเจริญรุ่งเรือง

เหมือนในสมัยพุทธกาลได้ยาก เพราะสภาพการณ์

ของบ้านเมืองและประชาชน

เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมลัทธิศาสนาอื่น

ได้ฝังรกรากแทนที่พระพุทธศาสนา

ไปปลูกฝังลงยังอินเดียได้อีก

จะต้องเป็นผู้มีบุญญาภิสมภาร

และ อิทธาภินิหารเป็นที่อัศจรรย์

ยิ่งกว่าเจ้าลัทธิคณาจารย์ในถิ่นนั้นอย่างมาก

คำทำนายโบราณชิ้นหนึ่ง

ได้เป็นที่ตื่นเต้นสนใจกัน

เมื่อประมาณ ๑๐ กว่าปีมานี้

มีว่า

เมื่อต้นพระพุทธศาสนาถึงกึ่ง ๕๐๐๐ ปี

นับแต่ พุทธปรินิพพานมา

พระพุทธศาสนาจะกลับมารุ่งเรืองถึงขีดสูงสุด

คล้ายสมัยพุทธกาล

พระมหาเถระโพธิสัตว์

ผู้มีบุญญาภิสมภาร มีอิทธาภินิหาร

เชี่ยวชาญทางอภิญญาในสุวรรณภูมิ

จะได้เป็นประธานาธิบดีสงฆ์

ทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังนานาประเทศ

เริ่มต้นที่อินเดียไปยุโรปและอเมริกา

ประชาชนชาวโลก

จะหันมานับถือพระพุทธศาสนามากมาย

คนทั้งหลาย

จะนิยมในการฝึกฝนอบรมจิตใจในทางพระพุทธศาสนา

ประเทศชาติบ้านเมืองก็จะร่มเย็นเป็นสุข

ด้วยร่มเงาของพระพุทธศาสนา

 ดังนี้

 บัดนี้ก็จวนจะถึงสมัยกึ่งพระพุทธศาสนาแล้ว

(พ.ศ.๒๕๐๐-๒๕๑๖)

เงาเจริญแห่งพระพุทธศาสนาเริ่มปรากฎแล้ว

ชาวอัศดงคตประเทศกำลังหันมาสนใจในพระพุทธศาสนา

ขอให้คอยดูต่อไปว่า

จะจริงเท็จแค่ไหน

ถ้าคำทำนายเป็นจริงขึ้น

ก็แปลว่า ชาวพุทธผู้ให้คำทำนายไว้นั้น

มีทิพพจักขุวิเศษ ที่สุดได้แน่ๆ ทีเดียว

และตัวการในคำทำนายนั้น

จะเป็นบุคคลที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในโลกสมัยใหม่ด้วย

ทีนี้ลองพิจารณา

เหตุการณ์ตามพุทธทำนาย

ดูบ้างว่าเป็นจริงเพียงไร

จะได้นำมาให้พิจารณาเฉพาะข้อที่พอจะมองเห็นความจริงได้

คำทำนายนั้น

นักปราชญ์ทางภาคอิสานประพันธ์เป็นคำโคลง

และใช้โวหารเป็นปริศนาโดยมาก

ต้องแปลความหมายถูกต้อง

จึงจะทราบว่าคำทำนายนั้นถูกต้องกับความจริง

คำทำนายเริ่มต้นว่า

เมื่อพระพุทธศาสนาล่วงไปถึง ๒๐๐๐ ปี เมื่อไร

เหตุการณ์ต่างๆแปลกประหลาดจะเกิดขึ้นในโลก

คือพระภิกษุในพระพุทธศาสนา

จะเกิดนิยมสะสมเงินทองซื้อจ่ายขายกิน

ลูกศิษย์จะไม่ยำเยงเกรงกลัวครูบาอาจารย์

คนแก่คนเฒ่าจะถูกเด็กๆเย้าหยอกเล่นดั่งเพื่อนๆ

หญิงชายอายุ ๑๓ ปี

สามารถมีลูกได้

ฟองน้ำจะกลายเป็นรูปช้างแผดเสียงไปตามลำแม่น้ำ

หมายถึง

เรือยนต์กลไฟ

หินก้อนเบ้อเร่อจะฟูน้ำและไหลไปตามน้ำได้

หมายความว่า

จะมีวัตถุทำด้วยหินลอยน้ำได้

หรืออีกนัยหนึ่งคนซึ่งเคยเป็นผู้หนักแน่นในศีลธรรม

จะกลายเป็นคนใจเบา ผันแปร

ไปตามกระแสกิเลสซึ่งเปรียบด้วยน้ำ

นักปราชญ์จะทำการทดน้ำ

ตามห้วยหนองคลองบึงต่างๆ

จนทำให้น้ำไม่ไหลเหมือนแต่ก่อน

ในที่สุดที่ขังน้ำนั้นๆก็จะขาดเขินน้ำแห้งผากไป

คางคกจะร้องขัดฝน ( ฝนเทียม)

หมายความว่า มนุษย์จะประดิษฐ์

เครื่องทำฝนเสียเองไม่ต้องง้อธรรมชาติ

ไส้เดือนและปลากั้งจะบิน

หมายความว่า

จะเกิดมีสายโทรเลข โทรศัพท์

ซึ่งมีลักษณะเหมือนไส้เดือน

และจะเกิดมีอากาศยานซึ่งมีรูปลักษณะคล้ายปลากั้งบินบนได้

หนูจะทำฤทธิ์ให้แมวกลัว

หมายความว่า คนจำพวกหนึ่ง

ซึ่งเคยอ่อนน้อมยอมกลัวผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่

จะเกิดความฮึกหาญทำการให้คนผู้ยิ่งใหญ่ยอมกลัวได้

หมาจิ้งจอกจะเห่าช้าง

หมายความว่า

บุคคลจำพวกหนึ่งซึ่งมีลักษณะเหมือนหมาจิ้งจอกจะเกิดหาญ

กล่าวติเตียนบุคคลผู้มีลักษณะเหมือนช้าง

กุ้งจะกุมกินปลาบึก

หมายความว่า คนโกงจะกินคนดีมีศีลธรรม

ปลาซิวจะไล่กัดจระเข้ หมายความว่า คนใจเบาเหมือนปลาซิว

จะทำการขับไล่คนโตซึ่งเปรียบเหมือนจระเข้

ให้ต้องหลบหลีกปลีกตัวไปหลบซ่อนอยู่ตามหุบผา ฯลฯ

ลองพิจารณาดูซิว่า

เป็นจริงหรือไม่ในปัจจุบันนี้

........

ทีนี้ลองหันมาพิจารณา

ดูคำทำนายของบุคคลยุคใหม่

ซึ่งพอจะรู้เรื่องกันได้อยู่บ้าง

คือ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑

แห่งกรุงเทพมหานครนี้

ทรงพยากรณ์ว่า

......

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-26 15:35:12


ความคิดเห็นที่ 41 (1642736)

........

ความสุขสมบูรณ์ของพระราชวงศ์ของพระองค์

จะดำรงอยู่แค่ ๑๕๐ ปี

พอครบกำหนดก็เกิดการปฎิวัติเปลี่ยนแปลง

การปกครองเป็นแบบประชาธิปไตย

กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศทันที

เจ้าประคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ( สิริจันทเถระจันทร์)

 เมื่อไปสร้างวัดเขาพระงามที่จังหวัดลพบุรี

สร้างพระพุทธรูปใหญ่ไว้บนไหล่เขา

ให้นามพระว่ากึ่งยุค

คือ

ท่านคิดว่าในสมัยกึ่งพระพุทธศาสนานั้น

พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง คล้ายสมัยพุทธกาล

ท่านพิจารณาดูชีวิตของท่าน

จะไม่ได้อยู่เห็นสมัยนั้น แต่

คิดอยากทำอะไรไว้เป็นที่ระลึก สำหรับกึ่งยุคบ้าง

จึงคิดคำนวณนับแต่วันตรัสรู้มา

จนถึงเวลาที่ท่านสร้างพระพุทธรูปใหญ่นั้นครบ ๒๕๐๐ ปีพอดี

จึงได้จัดการฉลองและขนานนามพระพุทธรูปนั้นว่า พระกึ่งยุค

ในคราวมีงานฉลองวัด

และ พระพุทธรูปใหญ่นั้น

มีผู้ต่อว่า..ท่านว่า

มาสร้างวัดไว้ ในป่า ในดงใหญ่

ต่อไปจะมีใครมาดูแลรักษา

ทำเสียเงิน เสียทอง ไปเปล่าๆ

ท่านจึงกล่าวตอบเป็นคำทำนายว่า

ต่อไปไม่นาน สถานที่นี้

จะมีบ้านเมืองคนอยู่เต็ม

มีไฟฟ้าใช้สว่างไสวทั่วไป

แม้กระทั่งในวัดนี้ดังนี้

บัดนี้เหตุการณ์ก็เป็นจริงดั่งท่านทำนายไว้ทุกประการ

ท่านเหล่านี้ต้องมีอนาคตังสญาณ

อันเป็นส่วนหนึ่งของทิพพจักขุญาณแน่ๆ

จึงสามารถทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เช่นนั้น

.........

ที่มา:หนังสือเรื่อง ทิพยอำนาจ (พ.ศ.๒๕๒๙)

 

                                        ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-27 14:34:09


ความคิดเห็นที่ 42 (1642889)

อนุตตรธรรม

เขาพูด.....ให้คิดบวก

เขาติ.....ให้คิดใหม่

เขาใช้.....ให้ทำไป

เขาให้.....ให้ขอบคุณ

เขาดี.....ให้ดีต่อ

เขาขอ.....ให้ให้เขา

เขาบ่น.....ให้ทนเอา

เขาเขลา.....ให้ตักเตือน

เขากลุ้ม.....ให้เราปลอบ

เขาโกรธ.....ให้เราเฉย

เขาด่า.....ให้เดินเลย

เขาเฉย.....เพราะเราเย็น

สยบใจเขาได้...ต้องสงบใจเราให้เป็น

( พระอรหันต์จี้กง )

                                                 

                                                 ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-28 15:01:45


ความคิดเห็นที่ 43 (1643060)

 

ขืนทำจะช้ำใจ

 ว.วชิรเมธี

อย่าทำงานจนป่วยตาย
อย่าหลงเสน่ห์อบายมุข
อย่ามีความสุขที่ผิดศีลธรรม
อย่าจำแต่เรื่องเลวร้าย

อย่าสบายจนเคยตัว
อย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า
อย่าบ้าฟังคนสอพลอ
อย่ารอให้พระเจ้ามาช่วย

อย่ารวยบนความฉ้อฉล
อย่าเป็นคนเห็นแก่ได้
อย่าใช้คนไม่เหมาะกับงาน
อย่าปากหวานจนเสียระบบ

อย่าคบคนมองโลกในแง่ร้าย
อย่าขายศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
อย่าเป็นชาวพุทธแต่พึ่งไสย
อย่าสนใจแต่เรื่องของตนเอง

อย่าเก่งอยู่คนเดียว
อย่าเที่ยวเกินขอบเขต
อย่าใช้พระเดชจนลืมพระคุณ
อย่าพึ่งใบบุญคนอื่นตลอดกาล

อย่าชำนาญในเรื่องชั่วชั่ว
อย่าเมามัว กิน กาม เกียรติ
อย่าเกลียดคนที่คิดแตกต่าง
อย่าปลูกต้นกร่างต้นไทร

อย่าลืมใครผู้เคยทำคุณ
อย่าสนับสนุนคนพาล
อย่าให้ทานกับคนไม่เห็นคุณค่า
อย่ายกเงินตราขึ้นเป็นพระเจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-30 10:22:07


ความคิดเห็นที่ 44 (1643211)

 

คัดมาจากหนังสือ มองโลกให้บวก

( ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ : แปล )

 

บรรพบุรุษของทุกการกระทำ คือ ความคิด

.......

การคิดบวกเป็นรังสีที่แผ่คลุมชีวิตคุณ

และ ทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น

......

จงระวังวิธีที่คุณตีความหมายโลกใบนี้อย่างไร

มันก็เป็นอย่างนั้น

.....

ก่อนที่จะเป็นผีเสื้อที่สวยงาม

ต้องผ่านการเป็นหนอนผีเสื้อให้ได้เสียก่อน

.....

เมื่อใดที่เขานึกถึงมันเขาจะรู้สึกแย่

ดังนั้นในท้ายที่สุด เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่

ว่าเขาจะไม่คิดถึงมันอีก

.....

ในโลกนี้มีทางสายกลางให้เดิน

ไม่ใช่เพราะทางสายนี้นำไปสู่ความถูกต้องเสมอ

หากแต่มันเป็นบวกเสมอ

แม้เราเดินพลาด มันก็ยังเป็นบวก

และนั่นคือหนทางสู่ความก้าวหน้า ความถูกต้อง

การพัฒนา และความสำเร็จ การศึกษา

ผู้ที่มองแง่ดี คิดว่าการมองแง่ลบนั้น

เป็นเพียงการปลอบโยนว่าตนได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

.....

ความหวังช่วยกำหนดทิศทางสู่เป้าหมาย

และนำมาซึ่งความทะเยอทะยาน

.....

สิ่งที่อยู่ข้างหลังและสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเรา

เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ

เมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่อยู่กับตัวเรา

.....

ความมืดแห่งความคิดแง่ลบไม่สามารถดำรงอยู่ได้

หากมีแสงสว่างแห่งการให้อภัย

และ การตอบแทน ส่องแสงนำชีวิต

.....

                                      ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-01 16:33:43


ความคิดเห็นที่ 45 (1643406)

 

วันนี้ได้มีโอกาสได้อ่านเจอ

ธรรมะธรรมทาน:ปล่อยวางยังไงธรรมะ

ขออนุญาตนำมาฝากให้อ่านกันนะคะ

....

ทุกครั้งในชีวิต

ที่คุณกำลังทุกข์ และ รู้สึกอยากปล่อยวาง...

มีหลากหลายคำถามเกิดขึ้นภายในใจของคุณ

ทำยังไงฉันถึงจะปล่อยวางได้.....

ทำไมฉันไม่ปล่อยวางสักที.....

มีวิธีการไหนบ้าง...ที่จะทำให้ฉันปล่อยวางได้ดีที่สุด

แล้วฉันจะปล่อยวางได้เมื่อไหร่

??????

คำถามเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายในใจของคุณ

ก่อนที่จะถามตัวเองด้วยคำถามแบบเดิมๆ...

ลองถามตัวเองจริงๆว่า

ในชีวิตคุณมีสิ่งไหนบ้าง

ที่คุณยึดติดได้

......

ไม่มีใช่ไหม

ร่างกายของคุณเอง ย่อมค่อยๆเจ็บป่วย

แก่ชราลง  จนกระทั่งดับไปในที่สุด

คนรอบข้างของคุณก็เช่นกัน

แม้ว่าคุณจะรักหรือห่วงเขามากเพียงใดก็ตาม

ย่อมไม่อาจห้ามความเจ็บป่วย  ความชรา และความตาย

ที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างแน่นอน

ส่วนการใช้ชีวิต

หากคุณจะคาดหวังให้พบเจอแต่เรื่องดีๆ

ไม่อยากให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้

เพราะแท้จริงแล้วการใช้ชีวิตของคนเรา

ย่อมมีทั้งเรื่องดี เรื่องปกติ และเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

สลับกันไปเป็นธรรมดา

ตามแต่ต้นเหตุ

ที่ทุกคนได้เคยกระทำผ่านไปแล้วทั้งนั้น

สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวคุณ

ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี

จึงถือเป็นเรื่องธรรมดาเป็นผลที่เกิดจากเหตุ

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และ ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้

แล้วใยคุณต้องไปคิดกังวล จนเป็นทุกข์

กับสิ่งที่เป็นธรรมดา และผ่านไปแล้ว เหล่านั้นด้วย

เมื่อคุณทุกข์

จงถามตัวเองว่า...กำลังยึดติดกับสิ่งใด

แล้วถามต่อไปว่า... ทุกข์แล้ว... ยึดสิ่งเหล่านี้ได้ไหม

ท้ายสุดแล้ว ความทุกข์ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้

นอกเสียจากจะยิ่งทำร้ายตัวคุณเอง

ทำให้ทุกสิ่งในชีวิตของคุณยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม

จริงๆแล้วสิ่งที่ย่อมเป็นไป

เปรียบเสมือนรถที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า

หากคุณไม่อยากให้เป็นไปตามนั้น

แล้วคุณพยายามไปยึดติด ไม่ยอมให้มันวิ่งไป

คุณก็จะโดนลากไปกับรถคันนั้นอย่างเจ็บปวด

คุณต้องเจ็บปวดเพราะไม่อาจยึดสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ได้

แต่เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มเข้าใจและยอมรับได้ว่า

ไม่ว่าจะยึดติดอีกนานแค่ไหน ยึดติดให้มากขึ้นเพียงใด

สิ่งต่างๆที่เป็นไปแล้ว ก็ย่อมเป็นไปอยู่ดี

ความยึดติดไม่อาจช่วยอะไรได้...

ใจของคุณก็จะค่อยๆเริ่มปล่อยวางลง

จนสามารถคลายความทุกข์เหล่านั้นลงไปได้เอง

ทุกครั้งที่กำลังรู้สึกทุกข์....ลองถามตัวเองดูว่า

มือข้างใดของคุณกำลังยึดติดกับรถคันไหนอยู่

(รถก็คือสิ่งต่างๆที่ย่อมเป็นไปแต่คุณไม่อยากให้มันเป็นไป )

ท้ายสุด

หนทางสู่การปล่อยวาง ที่ดีที่สุดก็คือ

การโน้มนำสิ่งที่เรากำลังยึดติดจนเป็นทุกข์

กลับเข้าไปถามคำถามภายในใจ...

สิ่งที่ฉันกำลังยึดติดอยู่ ทุกข์แล้วยึดติดได้ไหม.....?

ทุกข์แล้วจะได้อะไร .....?

และเมื่อไรที่คุณยอมรับความจริงได้ว่า

ไม่มีสิ่งไหนเลยที่คุณสามารถยึดติดเอาไว้ได้

ใจของคุณก็ได้เริ่มปล่อยวางลงบ้างแล้ว นั่นเอง.....

 

                                          ขอบคุณค่ะ

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-03 14:51:20


ความคิดเห็นที่ 46 (1643548)

             

 

  

               " คำด่า "

                 

                 ที่ห่วงใย

                    

                 ยังดีกว่า

           

            " กำลังใจ "

 

               ที่เสแสร้ง

 

                         (สภายุวพุทธธรรมจาริก)

                                                     ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-04 15:30:21


ความคิดเห็นที่ 47 (1643770)

 จี้องค์เทพสฟิงซ์ + รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย                          

                                   ตื่นเต้นมากเลยค่ะ

                         หลังจากได้บำบัดย่า+หลาน

 

                      เรื่อง

ได้มี ย่า+หลาน คู่หนึ่ง

ยายหา เป็นชื่อของแก มีอาชีพรับซื้อ-เก็บของเก่าขาย

โดยจะมีรถลากคันเล็กๆมีล้อที่ใช้กันโดยทั่วไป

เดินเข็นรถรับซื้อของเก่ากับคนบริเวณใกล้ๆแถวนั้น

วันนี้

ยายหา + หลาน

ผ่านหน้าบ้านมาพอดี

ลูกก็เลยเรียกให้มาซื้อขวดไปขาย

พอแกเข้ามาในร้านแล้ว

ลูกก็เลยถามว่า

หลานชายทำไมไม่ไปโรงเรียน

มันเขียนหนังสือไม่ได้ มือมันอ่อน ไม่มีแรง

ขาก็เดินไม่ค่อยได้

เดินได้ไม่กี่ก้าว

เดินแล้วก็จะล้ม

ตอนที่สองคนนี้จะเข้ามาในร้าน

( หลานชายนั่งอยู่บนรถ )

ลูกเห็นหน้ายายหารู้สึกเหมือนแกเหนื่อยๆ

หน้าซีดๆ ถือยาหม่องมาด้วย

เพราะแกอายุมากแล้ว

ลูกเลยถามแกว่า

เป็นอะไร....แล้ว ได้ของเยอะไหมวันนี้

เขาตอบว่าปวดแขนหนักไหล่ จ่อไปถึงขมับ

ลามไปถึงหน้าผาก

นั่งลงเลยเดี๋ยวคุยกันยาว

แล้วลูกก็ถามเขาว่า

อยากหายไหม

แกตอบว่าอยากหายสิ

ลูกก็เลยให้แกมองที่รูปของท่านอาจารย์

แล้วบอกแกเรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ดูซิ...แล้วเป็นยังไง

ในระหว่างที่แกไหว้รูปท่านอาจารย์และกำลังขออยู่นั้น

ลูกก็ได้ชูจี้องค์เทพสฟิงซ์หันไปทางแกด้วย

พอแกพูดจบ ลูกก็เลยถามว่า

เป็นยังไงบ้าง  ดีขึ้นไหม

ดีที่ไหนเล่า หายแล้ว

แกดีใจใหญ่ ถามลูกว่า

หายได้ยังไง

ปกตินั่งที่ไหนเป็นอันต้องเอายาหม่องมาถูเกือบทั่วหน้าเลย

แล้วแกก็ลุกขึ้นยืนแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นด้วย

แกบอกว่าปกติถ้าเป็นอาการแบบนี้

แขนแกจะยกไม่ขึ้นเลย

แกบอกว่า

ตอนนี้แขนปกติมาก เบามาก

เหมือนมีอะไรมาบีบ

แล้วเย็นทันที

เหมือนไม่เคยเจ็บมาก่อนเลย

......

ลูกก็เลยเล่าให้แกฟังคร่าวๆ

เกี่ยวกับเรื่องท่านอาจารย์และบ้านสวนพีระมิดค่ะ

( ท่าทางแกสนใจมาก )

แล้วก็หันมาทางหลานบ้าง

ยายหา เล่าให้ฟังว่า

หลานชายตอนเป็นเด็กก็แข็งแรงดี

แต่พอโตมาหน่อย

( ตอนนี้น่าจะประมาณ 10 ขวบ )

ไม่สบายไปหาหมอ หมอฉีดยาให้

( ไม่ได้เล่าละเอียดมากค่ะ ลืมซักด้วย )

หลังจากฉีดยา

หลานชายก็เป็นเหมือน

คนขาอ่อน

ไม่มีเรี่ยวแรง  เดินเหมือนจะล้ม

ลูกก็เลยบอกให้หลานเรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

แต่

แกยังเด็กและไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่

บอกให้ไหว้รูปและมองหน้าท่านอาจารย์ แล้วอธิษฐานขอ

แกก็ไม่มองหน้าท่านอาจารย์

ได้แต่หันไปมองยายหา

ลูกก็เลยบอกยายหาว่า

ให้มาหาลูกใหม่ พาหลานมาด้วย

ผ่านมาก็แวะ

เพราะอยากช่วยจริงๆ

พอยายหา และ หลานเดินออกจากร้านไป

ลูกก็ได้แต่มองตาม

ปรากฎว่า

หลานชายเดินนำหน้าแกไปไกลมาก

แล้

ลูกก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า

เอ้า

ไหนบอกเดินได้ไม่กี่ก้าวไงล่ะ

แล้ว

ที่เราเห็นเนี่ย

?????????

ไว้โอกาสหน้าถ้าเจอยายหา + หลานชาย อีก

 

แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังนะคะ

........

                                                  ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-06 14:48:52


ความคิดเห็นที่ 48 (1643777)

ความเห็นที่ 47  

 พิมพ์ไปหลายบรรทัดมากค่ะ

  ข้อความที่เขียนหาย

คลิกเปิดที่แก้ไข ข้อความที่เขียนก็ยังมี

แต่ทำไม

ข้อความไม่ขึ้นคะ

                                            

                                           ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-06 15:22:13


ความคิดเห็นที่ 49 (1643915)

 

                      รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

 

วันนี้ 7 ธ.ค.2555

มารายงานผลต่อจากเมื่อวานค่ะ

เมื่อเช้า

ลูกได้ไปเจอ ยายหา + หลานชาย

โดยบังเอิญ

ก็เลยถามแกว่า

หลานชายเป็นยังไงบ้าง

เดินไปถึงบ้านเลย

โอ๊ย ???? ดีใจ

( ห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร )

ปกติมันไม่เดินซักที

เดินไม่กี่ก้าวก็ล้ม

จะเข้าไปหาอีกอยู่เด้อ

ลูกเลยถามแกต่อไปว่า

แล้ววันนี้แกเป็นยังไงบ้าง

ดี ดี มาก

วันนี้ซื้อของได้ 2 รอบแล้วเนี่ย

ดีแต่เช้าเลย

( เจอกันประมาณ 10 โมงเช้า )

เพราะอะไรรู้หรือเปล่าล่ะ

เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

วันนี้ก็เรียกอีกแต่เช้า

เลยเฮง

แล้ว

วันนี้

ยังไม่ได้ทายาหม่องเลยเด้อ

แกพูดไป หน้าตา ก็บอกว่ามีความสุขไป

ลูกก็เลยบอกกับแกต่อไปว่า

เรียก  รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ไปตลอดได้เลยนะ

แล้ว

ก็ให้บอกต่อด้วย

พอพูดเสร็จ

ลูกก็เลยไปทำธุระต่อ

                                        ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-07 16:24:45


ความคิดเห็นที่ 50 (1644832)

 

จี้องค์เทพสฟิงซ์ ช่วยแม่ + ยาย

 

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 9 ธ.ค.2555

ลูกได้เดินทางกลับบ้านที่ต่างจัหวัด

ก็เลยได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราว

ที่ลูกได้ช่วยคน ให้กับแม่ฟัง

พอแม่ฟังแล้ว

ก็ได้บอกกับลูกว่า

ยายเจ็บบริเวณหลังมาหาท้องเนี่ย

จะทำยังไงถึงจะหาย

อยากจะหายนะ

ลูกก็เลยถอดสร้อยองค์เทพสฟิงซ์ให้แม่ใส่

แล้วให้แม่ เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ควบคู่กับการบำบัดไปด้วย

ซึ่ง

แม่ก็ได้ทำตามแต่โดยดี

พอเสร็จแล้วแม่ก็ถอดสร้อยคืน

แล้วเดินไปทำงานที่สวนต่อ

พอตอนเย็น

ลูกได้เดินมาหายาย และ แม่

ที่นั่งอยู่ด้วยกัน

ก่อนจะเดินทางกลับ

ลูกก็ได้ถามแม่ว่า

เป็นไงบ้าง ยังไม่ได้ถามผลเลย

เมื่อตอนกลางวันน่ะ

แม่บอกว่า

ไม่รู้ว่าเจ็บเลยนะ

ทำงานได้ทั้งวัน ไม่เหนื่อยด้วย

พอยายได้ยินดังนั้น

ยายก็ได้ถามลูกว่า

บอกหน่อยว่ายายต้องทำยังไง

ขา ขวา ยายมันชา และก็ปวดอยู่เนี่ย

ลูกก็เลยถอดสร้อยให้ยายคล้องคอ

พร้อมกับให้ยายเรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

พอยายพูดเสร็จไม่ถึง 1 นาที ยายก็บอกกับลูกว่า

เย็นขาจัง

แล้วก็ยกมือไหว้จี้พร้อมกับปาก ก็เรียก อ.อุบล ช่วยด้วย

อยู่อย่างนั้นตั้งหลายที

ก่อนกลับลูกก็ได้ย้ำกับแม่และยายว่า

ให้เรียก อ.อุบล ช่วยด้วย เสมอนะ

แล้วก็ให้บอกต่อคนอื่นๆด้วย

ซึ่งแม่ก็รับปาก

ไว้ได้ผลในการช่วยเหลือคนอื่นยังไง

ลูกก็จะนำมาเขียนเป็นธรรมทานต่อไปค่ะ

                                        

                                                       ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-11 11:32:54


ความคิดเห็นที่ 51 (1645095)

 

เวรนั้นไม่มีที่สิ้นสุด กรรมนั้นก็ไม่มีที่สิ้นที่สุด

เวรนั้นไม่มีที่สิ้นสุด กรรมนั้นก็ไม่มีที่สิ้นที่สุด
อย่างพระพุทธเจ้าเกิดมา

ก็ต้องหลายกัปป์หลายกัลป์
กับพระเทวทัตนั่นเป็นเวรต่อกัน

ไม่รู้แล้วรู้รอดสักที
พระองค์ก็พยายามทำดีทุกอย่าง
แต่ว่าพระเทวทัตไม่ละไม่ถอน
คอยที่จะทำเวรอยู่ตลอดเวลา

จนกระทั่งมาเกิดที่ทศชาติ
ก็ยังพยาบาททำกรรมทำเวร

มาเกิดเป็นจันทกุมาร
นี่แหละเรื่องกรรมเรื่องเวร

มันเป็นอย่างนี้แหละ
ยากที่สุดที่จะพ้นจากกรรมจากเวรได้น่ะ
เราไม่พ้นจากกรรมจากเวร
เราเกิดมาเพราะกรรม เพราะเวร จึงว่า

กมฺมโยนิ  กรรมเป็นกำเนิดให้เกิดมา

กมฺมพนฺธุ  มันติดพันเรามาตลอดเวลา

กมฺมปฏิสรณา  เราอาศัยกรรมอยู่เดี๋ยวนี้

ทุกสิ่งทุกประการ

มันจะหมดสิ้นอย่างไรได้?
มันจะหมดสิ้นก็ต่อเมื่อ

สิ้นสังขารร่างกายนี้
พระพุทธเจ้าก็ดี

สาวกทั้งหลายก็ดี
ท่านบำเพ็ญเพียรถึงที่สุดแล้ว
สังขารร่างกายนี้แตกดับ

กรรมตามไม่ทันแล้วคราวนี้

กรรมอันนี้เรียกวิบากขันธ์
วิบากนี้ต้องตามทันอยู่ตลอดเวลา
ส่วนจิตนั้นตามไม่ทัน

จิตใจของพระองค์หมดจดบริสุทธิ์
จิตใจของสาวกหมดจดบริสุทธิ์แล้ว

คราวนี้แหละกรรมตามไม่ทัน
กรรมที่ตามไม่ทัน เพราะจิตใจหลุดพ้น
เพราะจิตปราศจากความกังวลเกี่ยวข้อง จิตที่เป็นหนึ่ง

อย่างที่เคยพูดให้ฟังว่า
จิตที่เป็นหนึ่ง

ที่รู้เท่ารู้ตัวอยู่ตลอดเวลาเป็นนิจ
ไม่คิดถึงเรื่องอดีต อนาคต
ไม่คิดถึงเรื่องวุ่นวายสิ่งทั้งปวงหมด

บริสุทธิ์อยู่คนเดียว
จิตอันอยู่คนเดียวนั้นไม่มีอะไรถูกต้อง
อะไรถูกต้องก็รู้เท่ารู้เรื่อง

อันนั้นแหละเรียกจิตบริสุทธิ์
อันนั้นแหละจึงจะหลุดพ้นจากกรรมจากเวรได้

:: หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี 
   
                                                     

                                                                                                          ขอบคุณค่ะ

                                    

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-12 16:14:50


ความคิดเห็นที่ 52 (1645492)

กราบขอบพระคุณ

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย และ รูปท่านอาจารย์อุบล ค่ะ

เมื่อวาน

วัน พฤหัสบดี ที่ 13 ธ.ค 2555

ลูกชายได้เดินเข้ามาในร้าน

หลังเลิกเรียน

เมื่อ เวลาประมาณ 16.20 น.

ด้วย อาการตัวงอ  เจ็บที่ไหล่ และ ขา

เนื่องจาก เล่นกีฬาเตะฟุตบอล

กับเพื่อนๆที่โรงเรียน

 " แม่ ทำยังไงถึงจะหาย

เส้นมันตึงๆยังไงไม่รู้ เจ็บครับ "

ลูกชายบอกอย่างนั้นค่ะ

พอได้ยินดังนั้น

ลูกก็เลยบอกลูกชายว่า

เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย หรือยัง ???

ไป ไป

นั่งตรงโต๊ะ

แล้ว กราบที่รูปอาจารย์

แล้ว เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย ดูซิ

พอลูกชายขอเสร็จก็บอกว่า

ดีขึ้น ประมาณ 90%

ลูกเลยบอกให้กราบอีก แล้ว ขออีกทีดูซิ

ปรากฎว่า

ลูกชายบอกว่า

 หายแล้วครับ

ขอบคุณอาจารย์อุบลครับ

ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

......

ที่เมตตาต่อครอบครัวของลูกค่ะ

                                        กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-14 12:31:13


ความคิดเห็นที่ 53 (1645998)

 

จี้องค์เทพสฟิงซ์ช่วยเรียกสติกลับคืนมา

เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ธ.ค.2555

และ

วันพุธที่ 19 ธ.ค.2555

ลูกได้เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

และ

จี้องค์เทพสฟิงซ์

ช่วยเรียกสติให้น้าที่ช็อคกลับคืนมาเป็นปกติค่ะ

เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

ตอนที่น้าตรงข้ามร้านของลูกเอง

ช็อคโดยที่รู้สึกตัวแต่ขยับตัวไม่ได้เลย

เด็กที่ร้านจึงได้มาเรียกให้ลูกไปดูแล

และ

ช่วยโทรตามคนให้ไปช่วยดูอาการ

ในระหว่างที่ลูกได้ข้ามถนนไปนั้น

ในใจได้แต่คิดว่า

จะช่วยน้าเขาได้อย่างไร

ก็ได้แต่กำสร้อยองค์เทพสฟิงซ์

และ

เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ขอให้ลูกช่วยน้าคนนี้ได้สำเร็จด้วยเถิด สาธุ

พอไปถึงเห็นน้านอนราบกับพื้น

โดยมีเด็กที่ร้านอยู่ข้างๆเต็มไปหมด

ลูกก็เลยเข้าไปจับที่มือน้า

แล้วก็ให้น้าจับสร้อยองค์เทพสฟิงซ์ที่แขวนที่คอลูก

แล้วลูกก็เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ขอให้น้าได้สติกลับมาในทันทีด้วยเถิดสาธุ

ในระหว่างที่ขออยู่นั้น

ลูกสาวน้าก็ได้จับที่สร้อยองค์เทพสฟิงซ์เช่นกัน

และได้ขอให้น้าได้สติกลับคืนมาด้วย

ไม่ถึง  1 นาที เลยค่ะ

น้าก็มีอาการตอบสนองพยักหน้าให้

เหมือนจะบอกว่ารับรู้ทุกอย่างแล้ว

พอน้าฟื้นขึ้นมา

ลูกยังไม่ได้พูดอะไรต่อก็เลยกลับมาที่ร้านตัวเอง

เพราะมีคนมาดูแลต่อแล้ว

......

วันพุธ ที่ 19 ธ.ค.2555

วันนี้ก็เช่นกันเหตุการณ์เป็นแบบเดิม

ช็อคแล้วก็บอกว่าอยากตาย ปวดหัว เครียด

กำมือตัวเองไว้แน่นมาก

คนที่ร้านก็วิ่งมาตามลูกอีก

ซึ่งลูกก็ใช้วิธีเดิม

เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

และพยายามให้น้าแบมือ

แล้วก็ให้จับจี้องค์เทพสฟิงซ์

แล้วลูกก็ขอให้น้ามีสติกลับมาโดยเร็วค่ะ

ซึ่งก็ได้ผลอีกเช่นกัน

แต่การบำบัดของลูกนี้

ลูกทำโดยที่ไม่ได้บอกให้น้าพูดอะไรตามแต่อย่างใด

ลูกขอให้เองเลยค่ะ

แต่ก็ได้ผลนะคะ

ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดค่ะ

 

ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นค่ะ

                                                  กราบขอบพระคุณค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-19 13:50:25


ความคิดเห็นที่ 54 (1647001)

 

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

เมื่อ วัน เสาร์ ที่  22  ธ.ค .55

ตอนเช้าของวันนี้

ลูกและสามี

ได้ออกเดินทางไปส่งสินค้า

ตามที่ได้นัดกับลูกค้าไว้

และ ตอนขากลับ

จะแวะซื้อสินค้าที่ลูกค้าสั่งเอากลับมาด้วย

แต่

ก่อนที่จะออกเดินทาง

ลูกก็ได้เรียก รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ได้โปรดเมตตาให้วันนี้

และ

ทุกๆวันของลูก

อย่าได้มีอุปสรรคเลยนะคะ สาธุ

และ

ได้เพิ่มเติมต่อไปว่า

ขอได้ช่วยเมตตา

ให้ลูกขายตู้แช่ได้ด้วยเถิด สาธุ

เป็นเรื่องเลยค่ะ

พอส่งสินค้าเสร็จ

ลูกค้าก็ติดต่อเรื่องตู้แช่เข้ามาพอดี

และได้บอกว่า

กำลังจะเดินทางมาซื้อ

และ

จะขนขึ้นรถกลับบ้านด้วยเลย

.....

พอลูกและสามีได้ยินดังนั้น

ก็มองหน้ากัน

และ

ลูกก็เลยถามสามีว่า

รู้ไหม เพราะอะไร

ซึ่งคำตอบก็เหมือนเดิม

ขออาจารย์อีกแล้วใช่ไหมล่ะ

?????

 

 

ทั้งนี้ ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

 

ที่เมตตาลูกและครอบครัวเสมอค่ะ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 11:29:09


ความคิดเห็นที่ 55 (1647419)

 

องค์พีระมิดจำลอง

รุ่นบวงสรวงท้าวเวสสุวรรณ

สืบเนื่องจากเมื่อวาน

....

วันนี้ วันอาทิตย์ ที่ 23 ธ.ค.55

ลูกได้ใช้เงินจากการขายตู้แช่

เดินทางขึ้นทางภาคเหนือ

เพื่อไปซื้อสินค้ามาขายที่ร้าน

ตลอดระยะเวลาเดินทาง

ลูกจะท่องคาถา ปะโต เมตัง

และ คาถาพระศรีอาริย์  ตลอดทาง

และได้มี องค์พีระมิดจำลอง

รุ่นบวงสรวงท้าวเวสสุวรรณ ตั้งไว้ที่หน้ารถด้วย

ซึ่งลูกได้ขอให้ท่านเมตตา

ให้ลูกและสามี

เดินทางปลอดภัยทั้งขาไปและขากลับ

และ

ผลที่ตามมาอีกอย่างค่ะ

วันนี้ลูกโชคดีมาก

เพราะ

ได้สินค้าที่ต้องการมาหลายตัวทั้งๆที่หายากแล้ว

ไม่คิดว่าจะได้กลับมาด้วย  แต่ก็ได้มา

นับว่าเป็นความเมตตาอย่างที่สุดค่ะ

 

และ

ตลอดการเดินทางจนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย

แต่

พอลูกลงมาปิดประตูหน้าบ้าน

กลับพบว่า

ไฟที่ท้ายรถมีปัญหา

????

 

แต่ลูกและสามีก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยค่ะ

 

ทั้งนี้ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด ค่ะ

        

                                           ขอบพระคุณค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-28 16:00:05


ความคิดเห็นที่ 56 (1648317)

 

ขอสารภาพบาปค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า

เมื่อ วันศุกร์ที่  21  ธ.ค. 55

ลูกได้เดินทางไปส่งสินค้า

ที่ได้นัดไว้ที่บ้านตัวเองที่ต่างจังหวัด

ระหว่างนั้น

ได้พูดคุยกับพ่อแม่ และ ถามถึงย่า

ซึ่งแม่ได้บอกว่า

ย่าป่วย(คนแก่ค่ะ )นะ

อาการก็ไม่ค่อยดีแล้ว

แวะไปดูถามไถ่ซักหน่อยได้ไหม

(ด้วยความที่ว่ารีบไป - รีบกลับค่ะ )

พอลูกได้ยิน

ลูกก็บอกว่า

ย่าไม่ตายง่ายๆหรอก

เดี๋ยวปีใหม่นี้อีกไม่กี่วันหรอก

จะได้มาอยู่หลายวัน

ถึงจะไปดูแลได้นานหน่อย

ตอนนั้น

คิดว่าตัวเองกลับบ้านทีไร

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้แวะไปหาย่าบ้างเลย

เพราะปกติจะแวะไปเยี่ยมและถามไถ่อยู่เสมอ

เพราะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

พอ

วัน พุธ ที่  26  ธ.ค. 55

เวลาประมาณ 10.30 น.

พี่สาวก็ได้โทรศัพท์มาบอกว่า

ย่าเสียแล้วนะ

พอได้ยินดังนั้น

ลูกถึงกับอึ้งและน้ำตาไหลทันที

รู้สึกเสียใจมาก

ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมย่าในวันนั้น

เพราะความที่เป็นคนชอบผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อย

ทำให้มารู้สึกเสียใจในภายหลัง

ไม่ค่อยมีปัญญา

ไตร่ตรองคิดให้ดี ให้รอบคอบ ในหลายๆเรื่อง

นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

ลูกจะตั้งใจบังคับจิตใจตัวเอง

ให้ได้ในทุกๆเรื่องค่ะ

และจะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ย่างเคร่งครัดค่ะ

 

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดค่ะ

 

ที่ให้โอกาสให้ลูก สำนึกได้ และ กลับตัว

                                        กราบขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-01-08 11:14:42


ความคิดเห็นที่ 57 (1649604)
 
นางสาว นัยนา ชมภูบุตร
 
ขอสารภาพบาปค่ะ
 
" ทั้งที่เป็นชาวพุทธ
 
แต่ไม่ทำตามคำสั่งและคำสอนของพระพุทธเจ้า "
 
ผิดศีล 5 มาแล้วทุกข้อ
 
***1.ผิดศีลข้อ 1.
 
ใช้เงินในการฆ่า-ตัดชีวิต
 
ทั้งคนและสัตว์
 
เคยหักขากบ เพื่อทำเป็นอาหาร
 
เคยชอบนำหอยมาเป็นอาหารทั้งต้ม ย่าง
 
เคยชอบกินปลาโดยชี้นิ้วสั่งให้คนอื่นฆ่า
 
เพื่อทำเป็นอาหาร
 
เคยชอบขุดใส้เดือน
 
และจับเขาตัวเป็นๆ
 
หย่อนให้ปลาที่เลี้ยงไว้กิน
 
เคยเตะและตีหมาที่เลี้ยงไว้หลายตัวค่ะ
 
ไม่เอาใจใส่ดูแลเขา
 
เคยฆ่า ยุง มด แมงเม่า ตั๊กแตน แมลงปอฯลฯ
 
*** เคยตั้งใจฆ่า ตะขาบ แมงป่่อง แมงมุม
 
เพราะกลัวเขาทำอันตรายให้ลูกของตัวเองค่ะ
 
 
***ที่สำนึกผิดจริงๆ
 
คือเคยชอบบอกให้พ่อไปยิงนก
 
เพื่อจะได้นำกลับมาทำเป็นอาหารให้กินค่ะ
 
 (ตอนนี้พ่อมีอาการนิ้วงอหลายนิ้วค่ะ)
 
*** 2.ผิดศีลข้อ 2.
 
ตอนเป็นเด็กชอบขโมยเงินแม่
 
เพื่อไปซื้อลูกอม+ขนม กินบ่อยๆค่ะ
 
อยากได้ของๆคนอื่น ที่ตัวเองไม่มี
 
ยืมเงินคนอื่นปัจจุบันยังไม่ได้ใช้คืนค่ะ
 
3.ผิดศีลข้อ3.
 
ชิงสุกก่อนห่ามกับสามีก่อนแต่งงานค่ะ
 
เคยดูภาพโป๊ หนังโป๊
 
เคยชอบพูดคำลามก
 
4.ผิดศีล ข้อ 4.
 
มีความอิจฉา ริษยา คนอื่น
 
โมโหร้าย ใจร้อน ชอบพูดเพ้อเจ้อ
 
ส่อเสียด พูดทำร้ายน้ำใจ
 
ใช้สายตาดูถูกคนอื่น
 
5.ผิดศีลข้อ 5.
 
ยังดื่มกาแฟบ้างเป็นบางครั้ง
 
( เฉพาะเวลาต้องเดินทางค่ะ)
 
**** ตอนเด็กๆ ชอบเถียงพ่อ-แม่
 
พี่ ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ
 
ชอบดุด่า ลูกและสามี
 
รวมทั้งคนในครอบครัวด้วย
 
ชอบกระทืบเท้า
 
กระแทกของใส่พ่อแม่ตอนเป็นเด็ก
 
และกับลูกทั้งสองคนรวมทั้งสามีด้วย
 
 **ให้ทานเป็นบางครั้ง
 
แต่เวลาเห็นพระถือซอง
 
มาขอเรี่ยไรก็จะชอบปฏิเสธ
 
( คิดเองว่าไม่เหมาะสมที่พระถือซองเอง)
 
เป็นคนใจแคบ
 
ขี้เหนียว เห็นแก่ตัว
 
เกียจคร้านการทำงาน
 
ชอบด่าว่าคนอื่น นินทาลับหลัง
 
เวลาทำบุญทำทานคิดแล้วคิดอีก
 
เสียดาย
 
ทำบุญน้อยครั้งแต่โลภ
 
อยากได้เงินทุกวัน
 
ติดเกมส์ ขี้เกียจ
 
ปัจจุบันสำนึกผิดแล้วค่ะ
 
จะไม่ก่อกรรมเพิ่มอีกค่ะ
 
***ผิดอบายมุขทั้ง 6..
 
1.ดื่มน้ำเมา..
 
เมื่อก่อนเคยลองค่ะ
 
เพราะอยากรู้ และเพื่อนชวน
 
2.เที่ยวกลางคืน..
 
เมื่อก่อนเคยเที่ยวค่ะ
 
เพราะเพื่อนชวน แต่ไม่ชอบค่ะ
 
3.ดูการละเล่น
 
(ยังดูละครบ้างเป็นบางเรื่องค่ะ)
 
4.เล่นการพนัน
 
(ซื้อสลากออมสินค่ะ
 
ความคิดเห็นที่ 58 (1650136)

 

กราบขออนุญาตค่ะ

 

นางสาว นัยนา ชมภูบุตร

 

กราบขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์

 

" ที่มักง่าย อวดฉลาด ขี้เกียจ  "

 

โดยการก๊อป***

 ข้อความจาก เฟสบุ๊ค

มาใส่ในกระทู้สารภาพบาปนี้ด้วยค่ะ

ต่อไปนี้

จะพิมพ์ให้ละเอียด

และ

ใช้สติปัญญาอันน้อยนิดที่มี

คิดให้ดี ให้รอบคอบ

ก่อนทุกครั้งค่ะ

 

                                     กราบขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-01-21 11:04:58


ความคิดเห็นที่ 59 (1650473)

 

ขออนุญาต สารภาพบาปเพิ่มเติมค่ะ

 

ครอบครัวของลูก

เป็นครอบครัวเกษตรกร

มีอาชีพทำนา

ปลูกผัก ขาย

เมื่อตอนเป็นเด็ก

ลูกได้ช่วย พ่อ แม่

รดน้ำผัก เกือบทุกวัน

แต่

ไม่ได้ทำด้วยจิตสำนึกที่ดี

ทำแค่ได้ทำ

เวลารดผัก

ก็จะทำไปเพียงแค่

ให้มันเปียกแค่ด้านหน้าเท่านั้น

ด้วยความที่อยากให้มันเสร็จไวๆ

และเพราะความขี้เกียจ

ทำให้แปลงผัก ของครอบครัว

ตายไปเป็นจำนวนมากเหมือนกัน

ตอนนี้

ได้สำนึกทุกอย่างแล้ว

และ

ก็จะใช้ของทุกชนิดที่ได้

โดยการซื้อมา

ให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ

และ

อีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อตอนเด็กๆ

เคยช่วยครอบครัว

ปลูกใบยาสูบค่ะ

เพราะ

ช่วงนั้นที่หมู่บ้าน

เขานิยมปลูกกันเพราะได้ราคาดี

รวมทั้ง

ไปรับจ้างร้อยใส่พวงด้วยนะคะ

ใช้เวลาช่วง วันเสาร์ อาทิตย์ 

 เพื่อที่จะได้เอาเงิน

ไปซื้อลูกอม และ ขนมกินค่ะ

แต่

ยังไม่หมดแค่นี้ค่ะ

จำได้ว่า

ตอนไปรับจ้างร้อยใส่พวงนั้น

ด้วยความที่อยากได้เงินเร็วๆ

ก็ได้ทำงานแบบไม่ตั้งใจ

ใส่ไม่เต็ม

ทำให้มันห่างกัน(ไม่แน่น)

เพื่อที่จะได้เสร็จ

และได้เงินเร็วๆค่ะ 

...

..

แล้วอีกเรื่อง

ก็ชอบเล่นซนตามประสาเด็ก

ขุดปู จับปลา

ปู หอย

ยิงกะปอม บ้าง

ซึ่งทำให้เขาตาย

โดย

นำมาทำกินเป็นอาหาร

ตอนนั้นคิดแค่นี้เองค่ะ

....

..

.

                           มีต่อค่ะ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-01-24 15:26:33


ความคิดเห็นที่ 60 (1650549)

ขออนุญาตค่ะ...

ลูกกราบขอบพระคุณ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

ทุกๆพระองค์

ท่านอาจารย์อุบล

ที่ทรงเมตตา

อนุญาตให้ลูกและครอบครัว

ได้มีโอกาส

ได้เข้าร่วมทำบุญแรงกาย

ใน

วันที่    26 - 27 มกราคม 2556

ด้วยค่ะ

                   ...                 

                                    กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-01-25 09:33:21


ความคิดเห็นที่ 61 (1650809)

ขออนุญาตค่ะ

ขอรายงานผลค่ะ

หลังจากเข้าร่วมกิจกรรม

ทำบุญแรงกาย

ใน วันเสาร์ - อาทิตย์

ที่ 26 - 27 มกราคม 2556

ตอนเช้าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม

มีอาการปวดที่ขมับด้านขวา

หลังจากร่วมกิจกรรมแรงกาย

ที่ฐานก่อสร้าง 2 ชั่วโมงแรก

อาการก็แค่ดีขึ้น

ประมาณ 50 %

แล้วก็ต่อด้วย

ฐาน การฝึกหัดติดกระจก

ที่ฐานองค์ท่าน มเหสัก

แต่ไม่ทันได้สังเกตุ

ว่าอาการปวดขมับที่เป็นอยู่นั้น

หายไปตั้งแต่ตอนไหน

เพราะ สมาชิกในกลุ่ม

ได้ร่วมกันท่องพระคาถาต่างๆ

ทำให้ต้องใช้สมาธิในการท่องจำ

และ จิตใจจดจ่อ

อยู่ที่แผ่นกระจกที่ติด

และ

ก็ได้ร่วมอนุโมทนาบุญ

กับ คุณ ภา

ที่หายจากอาการปวดฟัน 100%

ตลอดทั้งวัน

ได้ทำกิจกรรมอย่างเต็มกำลัง

อิ่มบุญมากๆ

มีความสุข

สมาชิกในกลุ่มทุกคนน่ารักมาก

เป็นมิตรกันทุกคน

และที่สำคัญ

ได้ร่วมขัดผิวองค์พระ

รู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าขาวใส

และ หน้าก็เนียนขึ้นค่ะ

...

สรุปได้ความว่า

เป็นเพราะความเมตตาล้วนๆ

จากท่านดตาจินิน  ท่านอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์ค่ะ

 

                                               กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-01-29 12:11:51


ความคิดเห็นที่ 62 (1652369)

                  

                      ขออนุญาตสารภาพบาปเพิ่มเติมค่ะ

...

เมื่อตอนเป็นเด็กเป็นคนชอบล่าสัตว์

เช่น

ตั๊กแตน 

จะมีฤดูของเขา ที่เยอะมาก

ก็จะชอบสานไม้แล้วทำด้ามยาวๆไล่

และ ก็ตีให้เขาตาย แล้วก็นำกลับมาทำอาหาร

ปู ก็จะชอบไปขุดเขาในรู

แล้วเอามาเผาไฟ เพื่อใช้กินเป็นอาหาร

ฝึ้ง ก็จะเอาไฟไปลน เป่า ให้เขาออกจากรัง และ ตาย

 เพื่อที่จะเอารังเขามากินน้ำหวาน

หอย อันนี้ชอบมาก ชอบหาตามข้างสระ

ชอบเอามาต้ม เผาไฟ กินกับส้มตำ

มด บางครั้งชอบเอากระดาษเผาไฟใส่รังให้เขาตาย

เอาน้ำร้อนราด และ ฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลง

ควาย ที่บ้านเลี้ยงมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ

สืบทอดกันมาเรื่อยๆ

ซึ่งตอนที่ตัวเองได้เลี้ยงบ้าง ก็ไม่ชอบ

คิดว่าเป็นภาระ ชอบตีหลังให้เขาวิ่ง ไม่พอใจก็จะตีเอาๆ

ปลา ชอบกินมาก

เคยตกเบ็ด ทำให้เขาตายเป็นจำนาวนมาก

จับเขามาทำเป็นอาหาร

ชี้นิ้ว สั่ง ให้เขาฆ่าเพื่อนำมาทำเป็นอาหาร

ผีเสื้อ จับเขามาผูกให้ลูกเล่น ทำให้เขาตายไปหลายตัว

ยุง ชอบตี ช๊อต ด้วยไฟฟ้า ฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลง

 

ผลกรรมที่ได้รับ 

ตัวเองเจ็บป่วยบ่อย บางครั้งมีอาการปวดตรงนั้นตรงนี้

เป็นบ่อยมาก

จนกระทั่ง

ได้มารู้จักบ้านสวนพีระมิด

ก็เลยได้ทบทวนผลกรรมที่ได้ก่อไว้

ทำให้สงสารเขามาก

ที่เราเลว

ทำกับพวกเขาเหล่านั้นได้ขนาดนี้

....

..

.

                                 มีต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-13 13:29:57


ความคิดเห็นที่ 63 (1652438)

                   

                      ขออนุญาตสารภาพบาปเพิ่มค่ะ

 

เมื่อตอนเป็นนักศึกษา

ลูกได้เข้ามาหาบ้านพัก

ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ใกล้กับมหาวิทยาลัย

( เป็นคนต่างจังหวัดค่ะ ) 

เป็นบ้าน 2 ชั้น บ้านรั้วติดกัน

ลูก และ เพื่อนๆ

ได้ทำการส่งเสียงดัง

เปิดเพลงเสียงดัง ดูทีวีเสียงดัง

มีการสังสรรค์กันบ่อยๆ

ทำให้เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านติดกัน

เตือนอยู่หลายต่อหลายครั้ง

 ก็ไม่ได้สนใจ

ว่าเขาทำงานมาเหนื่อยๆ

และ ต้องการพักผ่อน

บางวันก็ส่งเสียงดังมาก

จนเขาตื่นขึ้นมาเตือนเลยก็มี

....

ตอนนี้

ลูกสำนึกผิดแล้วค่ะอยากจะขอโทษ

ครอบครัวของพี่เขาจริงๆ

...

ผลกรรมที่ได้รับ

เหมือนกับมีเรื่องกวนใจตลอดเวลา

ทำสมาธิไม่ได้

จิตใจไม่สงบสุข

...

..

.

                        มีต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-14 12:58:27


ความคิดเห็นที่ 64 (1652735)

                     

                        ขอสารภาพบาปเพิ่มเติมค่ะ

เมื่อตอนเรียนมัธยม

ได้เดินผ่านบ้านหลังหนึ่งเป็นประจำ

กับกลุ่มเพื่อนๆ

และ ที่หน้าบ้านเขา

จะมีต้น ชมพู่ มะม่วง ฝรั่ง มะยม

ปลูกอยู่ที่ริมรั้ว

และ ออกผลเกือบตลอดทั้งปี

ด้วยความที่อยากกิน

ก็ได้แอบขโมย

เก็บของเขากินเป็นประจำ

ถึงแม้จะป็นญาติกัน

แกก็ไม่เคยแบ่งให้กิน

และแกก็จะขี้เหนียวมาก

ไม่ยอมให้ใครขโมยของแกได้เลย

ด้วยความที่เป็นเด็ก

และ เพื่อนก็มีเยอะ

เลยเกิดความท้าทาย

คึกคะนองขึ้นมา

เลยได้แอบขโมยผลไม้ของแกกินเป็นประจำ

......

...

ผลกรรมที่ได้รับ

ทุกครั้งเลยค่ะ

 

เวลามีเงิน ได้เงินมาทีไร

ก็มีเรื่องให้ต้องจ่ายแบบไม่เต็มใจ

ตลอดเลยค่ะ

 

..

..

                                                มีต่อค่ะ

.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-19 12:50:36


ความคิดเห็นที่ 65 (1652884)

 

 ขอสารภาพบาปเพิ่มเติมค่ะ

 

เมื่อตอนเป็นเด็ก

ชอบเอาเงินที่เขาแจก  เวลามีการเลือกตั้ง

ซึ่ง ที่หมู่บ้านได้มีการแจกเงิน

จากหัวคะแนนของ ส.ส.

เพื่อซื้อเสียง

ให้ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

เวลามีคนมาแจกเงิน

 ก็จะเอา แล้วก็จะเก็บไว้เอง

แต่จริงๆแล้ว

เขาเอามาแจก ให้ พ่อกับแม่

เพราะมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเลือกตั้ง

ลูกมักจะบอกพ่อกับแม่ว่า 

เงินน่ะเอาเลย แต่ไม่ต้องเลือกเขานะ

ที่ลูกทำแบบนี้

ก็เพราะชอบของฟรี

มีความอยาก

มีความโลภ

เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด

 

ผลกรรมที่ได้รับ

 

ทำให้มีผลย้อนกลับมาหาตัวเองค่ะ

 

 " โลภนัก มักลาภหาย " 

 

..

..

.

                                             มีต่อค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-21 10:24:26


ความคิดเห็นที่ 66 (1652993)

 

 ขอสารภาพบาปเพิ่มเติมค่ะ

 

เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น

ช่วงตอนเรียนมัธยมต้น

ชอบขับมอไซค์ กับ เพื่อนๆ

และ ชอบเที่ยวเล่นไปวันๆ

และ

ในระหว่างที่ขับรถผ่าน สุนัข

ก็มักจะ ทำให้ สุนัข

ที่นอนอยู่ บริเวณข้างทาง

ก็ต้องมีการ เตะ เขา

และ ตะโกน ทำให้เขาตกใจเล่น

ลุกจากการนอน วิ่งหนี หางจุกตูดไปเลย

ก็จะนึกสนุกมาก

......

แล้ว

ก็เคยเลี้ยง สุนัข

พอเขาทำอะไรไม่ถูกใจ

เช่น กินอาหารเลอะ

ไม่เชื่อฟัง ก็จะ ตีเขา ดุ ด่า เขา

และ บางครั้งก็ เตะ ทีเล่นทีจริงบ้าง

ไม่เคยคิดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างเลย

......

บัดนี้

ลูกสำนึกผิดแล้ว

จะไม่กลับไปทำเรื่องเลวๆแบบนี้อีกแล้วค่ะ

 

                                                                                                    .....

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-22 11:51:47


ความคิดเห็นที่ 67 (1653354)

 

ขอสารภาพบาปเพิ่มเติมค่ะ

 

 พ่อของลูกมีอาชีพทำนา

และ 

รับเหมาก่อสร้าง

บ้านของลูกนั้นอยู่ห่างจากตัวเมือง

ประมาณ 2 กิโลเมตร

ซึ่งทุกๆวัน พ่อก็จะออกจากบ้านไปทำงาน

และ

ก็จะกลับเข้ามากินข้าวที่บ้าน ทุกเที่ยง

และ

ระหว่างนั้น

พ่อกับแม่ ก็จะใช้ให้ไปซื้อกับข้าว

ลูกก็จะมีอาการขี้เกียจ ไม่อยากไป

บ้างก็อ้างว่า แดดร้อน

จะดูโทรทัศน์ซะอย่างเดียว

ทั้งๆ ที่อยู่บ้านเฉยๆ

แต่ไม่ได้ช่วยงานบ้านเลย

กลับเนรคุณ กับ พ่อ แม่ ได้ขนาดนี้

ตอนนี้รู้สึก สำนึกผิด อย่างมาก

ที่ไม่อาจตอบแทนท่าน

แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ แบบนี้

ทุกวันนี้

ก็ไม่ได้อยู่ดูแลท่านค่ะ

ได้แต่กลับไปเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งค่ะ

....

..

.

                              มีต่อค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-02-27 13:41:26


ความคิดเห็นที่ 68 (1653733)

 

 

 ขออนุญาตบอกเล่าเรื่องเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

 

เมื่อ

วัน จันทร์ ที่ 25 ก.พ.56

 ที่ผ่านมา

ลูกได้รับรู้ถึงข่าวดีของหลาน

ว่า

ได้สอบติดในสายการเรียนที่เลือกลงได้สำเร็จ

เรื่องมีอยู่ว่า

หลานสาวคนนี้

ได้สอบเข้าศึกษาต่อ

ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 

ซึ่ง

ผลการเรียนก็พอปานกลาง

และ ก็มีเพื่อนเข้าสอบด้วยมากมาย

แต่

ผลปรากฎว่า

หลานสาวของลูกสอบติดแค่คนเดียวในกลุ่ม

ก็เพราะ เรียก

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

และ

ท่านพ่อดตาจินิน ช่วยด้วย

แต่

ยังไม่จบอยู่แค่นี้ค่ะ

ซึ่งตัวของลูกเอง

ในตอนเช้าของ

วัน อาทิตย์ ที่ 24 ก.พ.56

( วันที่หลานสาวสอบ )

ก็ได้ขอ

 

พลังดัชนีไฉไล

 

จากท่านพ่อดตาจินิน

 

ได้โปรดเมตตาช่วยให้หลานของลูกที่ได้สอบเข้าเรียนต่อในวันนี้

ให้สอบติดในสาขาวิชาที่อยากได้ด้วยเถิด สาธุ

 

พอตอนเช้าของวันถัดมา

หลานได้โทรมาบอกว่าสอบติด

 

และก็เป็นคนเดียวในกลุ่มด้วยที่สอบได้ในสาขานี้

  ......

     ( ..ตอนที่คุยกันอยู่นั้น  ลูกได้เล่าเรื่องที่ขอจากท่านพ่อดตาจินินและท่าน                  

         อาจารย์อุบล ให้หลานสาวฟัง  ลูกมีอาการขนลุกตลอดเวลาเลยค่ะ.. )

 

ทั้งนี้ลูกและหลาน

กราบขอบพระคุณในความเมตตา

ของท่านพ่อดตาจินิน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์

และท่านอาจารย์อุบล เป็นอย่างสูงค่ะ

                           

                                             กราบขอบพระคุณค่ะ



 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-03-05 13:55:28


ความคิดเห็นที่ 69 (1654188)

                                         

                                        ขออนุญาตบอกเล่าเรื่องเป็นธรรมทานค่ะ

 

เมื่อ

คืนวันเสาร์ ที่  9  มี.ค. 56

ลูกสาวของลูกมีอาการตัวร้อนมาก

ลูกเลยใช้จี้ท่านพ่อดตาจินิน

ที่แขวนอยู่ที่คอ

วางไว้ที่บริเวณหน้าผากของลูกสา

และ

ขอพลังดัชนีไฉไล

จากท่านพ่อดตาจินิน

" ขอให้ลูกสาวหายจากอาการตัวร้อนด้วยเถิดค่ะ สาธุ "

ปรากฎว่า

ไม่ถึง 1 นาที

ลูกสาวก็มีอาการตัวเย็น เหงื่อออก

และไม่มีอาการตัวร้อนเลยค่ะ

 

ทั้งนี้ลูกและครอบครัว

ขอกราบขอบพระคุณท่านพ่อดตาจินิน ค่ะ

 

                                                                        ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-03-12 12:15:38


ความคิดเห็นที่ 70 (1655196)

 

 ขออนุญาตบอกเล่าเรื่องเป็นธรรมทานค่ะ


เมื่อ วันศุกร์ ที่ 22  มี.ค.2556

ลูกและสามี

ได้เดินทางไปซื้อสินค้ามาเพิ่มที่ร้าน

ตอนที่ไปซื้อสินค้านั้น

ได้ตกลงราคาซื้อกับคนขายแล้ว

ในราคาที่สูงกว่าเดิม

แต่

ก็มีเหตุให้คนขายคนนั้นเปลี่ยนใจ

ไม่ยอมขายสินค้านั้นให้

ลูกก็เลยพูดกับสามีว่า

เอาน่า

เดี๋ยวก็ได้สินค้ากลับบ้านเต็มรถหรอกใจเย็นๆ

 

( ซึ่งในใจตอนนั้น คิดแค่ว่า อาจารย์อุบล

 

ไม่ยอมให้กลับบ้านรถเปล่าแน่ๆ ค่ะ  )

 

ซึ่ง

ก็เป็นดังที่คิดไว้เลยค่ะ

ตอนขากลับ ได้แวะถามสินค้าอีกที่หนึ่ง

ปรากฎว่า

เขามีความ เป็นมิตรมาก

และ

พอใจที่จะขายสินค้าให้

ในราคาที่เราเสนอไป

และ

ลูกก็ได้สินค้ากลับบ้านเต็มรถเหมือนเดิมค่ะ

 

ทั้งนี้

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

ท่านพ่อดตาจินิน

เทวดาที่ปกปักรักษาอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์

 และ

ท่านอาจารย์อุบลค่ะ

 

                                                                                                                       ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-03-26 12:28:39


ความคิดเห็นที่ 71 (1656295)

               

                  ขออนุญาตบอกเล่าเรื่องเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ


ตอนที่ลูกได้ยินเรื่องการเข้าค่าย 14

ในตอนเย็น

หลังจากลูกและสามี

ได้เสร็จธุระจากการซื้อสินค้าแล้ว

ก็ได้พากันแวะทานข้าว

ที่ร้านประจำก่อนกลับเข้าบ้าน

ในเย็นวันนั้น

เวลาประมาณ 2 ทุ่ม

ป้าเจ้าของร้านก็เดินเข้ามาคุยด้วย

พร้อมบอกว่า

อยากให้ลูกชายไปที่บ้านสวนพีระมิดด้วยจัง

ลูกและสามี

ก็เลยได้บอกเล่าเรื่อง

การเข้าร่วมพิธีอาราธนาบวงสรวงพระนางเนเฟอตารี

นี้....ว่า

ต้องมีการเสี่ยงทายอธิษฐานจิตก่อน

ว่าจะได้ไปร่วมงานพิธีหรือเปล่า

และ เล่าเรื่องที่ได้พากันอธิษฐานจิต

ว่า มีอาการปิติ ขนลุก ทั้งสองคนเลย

ในระหว่างที่เล่าไปนั้น

รู้สึกได้ชัดเจนเลยว่า

ทั้งลูก และ ป้า เจ้าของร้าน

มีอาการขนลุก กันอย่างมาก

ยิ่งพูดก็ยิ่งขนลุกค่ะ

และ ป้ายังบอกอีกว่า

สงสัยป้าจะได้ไปก่อนลูกชายแล้วมั้ง

....

แล้วอยู่ๆ

สามีก็ถามลูกว่

เห็นอะไรแปลกๆมั้ย .....????

ซึ่งลูกก็งง ??....... ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลูกก็เลยมองไปรอบๆร้าน

ปรากฎว่า

...............

........

ลูกค้าเดินเข้ามาในร้านป้ามากขึ้นเรื่อยๆ

ลูกและสามีมองหน้ากัน

......

แต่ที่ดีใจสุดๆ

ก็คือป้านั่นเองค่ะ

เพราะลูกค้าน่ะแน่นร้านเลยค่ะ

........

..

                                        กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-04-11 14:13:42


ความคิดเห็นที่ 72 (1658385)

 

ขออนุญาตเล่าเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

 

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

...........

เมื่อ วันศุกร์ ที่ 3 พ.ค.56

ที่ผ่านมา

ลูกและสามี ได้คุยกัน

เรื่องจะไปส่งสินค้าที่ กทม.

แต่ยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

......

ก่อนกลับบ้านลูกก็ได้ขอ

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ขอให้มียอดขาย

ได้ตามที่ตั้งใจไว้ด้วยเถิดค่ะ สาธุ

ปรากฎว่า

......

..

ตอนเช้าของ วัน เสาร์ ที่ 4 พ.ค.56

 

( ลูกกำลังจะโทรศัพท์...ไปยกเลิกการส่งสินค้าค่ะ )

 

ได้มีลูกค้าโทรศัพท์มา สั่งสินค้าเพิ่มเติม

 

และ

ในเวลาไล่เลี่ยกัน

ก็มีลูกค้าอีกราย

ได้โทรศัพท์เข้ามาสั่งสินค้าเพิ่มอีก

ก่อนออกจากร้าน

แค่ 15 นาที ค่ะ

 

..........


...

 

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

เทวดาที่ปกปักรักษาท่านอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์ค่ะ

 

ที่ได้ทรงเมตตากับลูกและครอบครัว

                                            กราบขอบพระคุณค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-05-07 11:41:31


ความคิดเห็นที่ 73 (1658730)

เรื่องที่ผิดศิล

ศิลข้อ1

1. ตีหมา แมว 

2.เคยโมโหตีมารดาและผู้มีพระคุณ ทำให้บิดามารดาเสียใจร้องให้

3.แช่งผู้อื่น  ทำให้ตัวเองจิตใจไม่สงบและผู้อื่นไม่เป้นสุข

4.ทะเลาะกับน้องทำให้ทุกคนในบ้านเครียด

5.เคยฆ่าลูกแมลงวันในห้องส้วมตายนับร้อยเนื่องจากตอนเด็กๆนึกสนุกเห็นแมลงตัวเล็กๆเลยเอานิ้วค่อยๆกดมันตายทีละตัวทุกครั้งที่เข้าห้องนำ

6.เคยเอาลูกแมวโยนลงโอ่งหลังบ้านเห็นมันทุรนทุรายแล้วชอบใจอามาเห็นจึงช่วยมันไว้แต่สุดท้ายมันก็หมดแรงและตายไป

7.เคยจับแมวโยนลงมาจากบันไดสูงๆลงมาชั้นล่างหลายๆรอบจนมันนอนกัดฟันตายอย่างอนาถ

ศีลข้อ2

1.หยิบของน้องมาใช้โดยที่น้องไม่อนุญาติทำให้น้องโมโห

2.เมื่อตอนเด็กเคยขโมยของจากร้านค้าได้โดยที่แม่ค้าไม่รู้ตัว

3.เมื่อตอนเด็กเคยแอบเปิดกระเป๋าเพื่อนขโมยกล่องดินสอมาเป็นของตัวเอง

4.เคยคิดอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง

5.เคยหยิบเงินพ่อแม่มาใช้โดยไม่ได้บอก

ศีลข้อ3

1.ชอบดูหนังโป๊  เขียนรูปโป๊  จินตนาการ ชอบเรื่องกามารมหมกมุ่น

2.คิดชอบแฟนของคนอื่นอยากให้เขาชอบเรา

ศีลข้อ4

1.พูดโกหกเรื่องเล็กน้อยก็ยังโกหก  ปากกับใจไม่ตรงกันไม่จริงใจ

2.พูดเพ้อเจ้อเรื่องไร้สาระ  พูดมาก 

3.พูดส่อเสียด  กระแทกแดกดันผู้อื่นอยากให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดีแล้วตัวเองสุขใจ

4.พูดยุยงให้ผู้อื่นแตกคอกันทะเลาะกัน

5.ชอบนินทาผู้อื่นเสมอๆ

ศีลข้อ5

1.ติดเกมหมกมุ่นเกม

2.ติดหนังละคร

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อุดมเดช หล่อทองเลิศ (audmdach-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-05-12 17:43:11


ความคิดเห็นที่ 74 (1665449)

 

                       ขออนุญาตเล่าเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

 

ลูกขอสารภาพบาป

ที่มีส่วนทำให้สามี

มีความคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ด้วยที่ว่าลูกบกพร่องต่อหน้าที่ภรรยาที่ดี

ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน

จึงทำให้เกิดปัญหา

ให้สามีมีความคิดปรามาส ล่วงเกิน

ท่านอาจารย์อุบล และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด ทุกๆพระองค์ค่ะ

ลูกขอกราบขอขมากรรม

แทบพระบาทท่านพ่อดตาจินิน

เทวดาที่ปกปักรักษาท่านอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์

.....  

บัดนี้ลูกสำนึกผิดแล้ว

และ

จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก

จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

และ

จะตั้งใจทำความดี รักษาศีล 5

และ ละจากอบายมุขทั้ง 6 ให้ได้ค่ะ

 

                                                              กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-26 12:30:04


ความคิดเห็นที่ 75 (1665450)

                                     ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานคุณ อุดมเดช ด้วยนะคะ

                      เป็นกำลังใจให้ทำความดีต่อไปค่ะ สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-26 12:33:17


ความคิดเห็นที่ 76 (1665803)

 

 

ขออนุโมทนาบุญกับครอบครัวน้องนัยนาด้วยนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดวงรัตน์ จันทร์ใสย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-30 20:29:58


ความคิดเห็นที่ 77 (1667065)

 

        ขอบพระคุณ คุณ ดวงรัตน์ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-17 11:03:50


ความคิดเห็นที่ 78 (1667067)

 

ขออนุญาตเล่าเป็นธรรมทานค่ะ

 

เมื่อ

วัน เสาร์ ที่ 14  ก.ย.56

ที่ผ่านมา

ลูกได้รับพัสดุ ที่สั่งจอง

บูชาองค์พีระมิดรุ่นบารมีคู่

จาก อ.เดือน จ.มหาสารคาม

ทันทีที่ได้รับพัสดุ

มีอาการสุขใจอย่างบอกไม่ถูกค่ะ

พอเปิดกล่อง

และ

ได้สัมผัสองค์พีระมิดเท่านั้น

ก็มีอาการปิติ ขนลุก ทั่วทั้งตัวเลยค่ะ

และ

สามี กับ ลูกๆ

ก็มีอาการเช่นเดียวกัน

และ

ที่ตามมาอีกอย่าง

คือ

หลังจากวางองค์พีระมิดรุ่นบารมีคู่

ที่หิ้งพระแล้ว

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

ก็มีลูกค้า เข้ามาซื้อของที่ร้านค่ะ 

.

......

....

 

 

ลูกขอกราบขอบพระคุณ

เทวดาที่ปกปักรักษาท่านอาจารย์อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์

และท่านอาจารย์อุบลค่ะ

 

 

                                                   

                                                       กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-17 11:22:07



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.