ReadyPlanet.com


สารภาพบาปจากการผิดศีลและอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร


ดิฉันนางสาวิตรี คงศรี  ขอสารภาพบาปจากการผิดศีล 5 ด้วยความสำนึกผิดและตั้งใจที่จะไม่กลับไปทำผิดอีกแล้วค่ะ

ศีลข้อที่หนึ่ง (เว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า) แต่ดิฉันก็ฆ่าสิ่งที่ทำให้ดิฉันรู้สึกผิดบาปที่สุด ก็คือ ดิฉันไป พรากลูกนกตัวอ่อนมาจากแม่ของมัน จำนวน 1 ตัว อยากจะเอามาเลี้ยงเองเมื่อเอาลูกนกมาจากรังแล้วก็คิดทำการสร้างบ้านให้มันอยู่แทนรังอันแสนที่จะอบอุ่นของมัน ดิฉันใช้กระเบื้องมุงหลังคาบ้านจำนวน 1 แผ่น วางพิงไว้กับผนังบ้านแล้วเอาลูกนกเข้าไปนอนอยู่ใต้กระเบื้องพอรุ่งเช้าปรากฎว่ากระเบื้องที่ดิฉันวางพิงไว้กับผนังบ้านได้ล้มลงมาทับลูกนกเสียชีวิต ดิฉันรู้สึกเสียใจมากที่พรากลูกนกมาจากอกแม่ของมัน และได้นำนกเอี้ยงมาเลี้ยงคิดทำตัวเป็นแม่นกเสียเองทำหน้าที่ จับตั๊กแตนให้นกเอี้ยงกินเป็นอาหาร นอกจากนี้ ดิฉันได้เขียนโครงการของบประมาณให้กับเยาวชนกลุ่มเสี่ยง ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาในกระชัง โดยสามีของดิฉันเป็นแกนนำ คือ เราตั้งใจให้น้องๆ เยาวชนที่ไม่เรียนหนังสือมีงานทำ แต่ก็ไม่ได้คำนึงถึงบาปกรรมจากการประกอบอาชีพเลี้ยงอยู่หลายกระชัง จำนวนปลาที่เลี้ยงหลายหมื่นตัว เป็นประเภท ปลานิล กับ ปลาทับทิม ส่วนของที่บ้านมีเลี้ยงปลาดุกเสริมด้วย  3 เดือน จะจับปลาครั้งหนึ่ง เวลาจับดิฉันเห็นเขาจับปลาเป็นๆ ใส่ในลังน้ำแข็งแล้วก็ถมน้ำแข็งทับเป็นชั้นๆ ซึ่งปลาเหล่านั้นจะต้องตายอย่างทรมานในขณะที่ครอบครัวของดิฉันได้กำไรงามในขณะนั้น  ประกอบอาชีพเลี้ยงแพะ เมื่อก่อนที่บ้านของดิฉันเลี้ยงแพะขายด้วยค่ะเวลาที่เขามาซื้อแพะส่วนใหญ่เขาก็จะมาซื้อไปฆ่า ซึ่งบางครั้งเราอาจจะขายแพะที่กำลังท้องให้เขาเอาไปฆ่าด้วยโดยเฉพาะแพะที่ท้องสาวจะมองดูไม่ออกเลยค่ะว่าตั้งท้องใครมาซื้อเราก็ขายหมดตอนนั้นคิดแค่ว่าเราไม่ใช้ผู้ที่ลงมือฆ่าเองแต่ไม่ได้คิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้การฆ่าเกิดขึ้นมันเป็นตราบาปในใจจริงๆ ค่ะ และยังมี บาปที่ทำให้ลูกสุนัขตายอีก จำนวน 5-6 ตัว ค่ะ ดิฉันเองไม่ได้เป็นคนรักสัตว์เลยค่ะไม่อยากมีภาระ ไม่อยากเลี้ยงดูเอาข้าวเอาน้ำให้กินพูดง่ายๆ คือขี้เกียจค่ะ แต่สุนัขที่บ้านก็ไม่รู้มาจากไหนเยอะแยะบ้างก็มาคลอดไว้อีก ดิฉันก็ปล่อยไปตามยถากรรมค่ะหากินเอาเองสุนัขที่มาอยู่ไม่มีอะไรจะกินพอมันอดอยากก็พากันคุ้ยเขี่ยเศษอาหารในถังขยะมากิน วันดีคืนดีดิฉันก็นึกอยากจะสงเคราะห์ลูกสุนัขที่เกิดมา 5-6 ตัว ให้ได้กินอิ่มท้องบ้างเลยไปซื้ออาหารสำเร็จรูปมาให้มันกิน ด้วยความที่มันอดอยากไม่ค่อยได้กินอะไรพอดิฉันให้อาหารมันก็พากันกินจนท้องแทบแตกในที่สุดลูกสุนัขทั้งหมดก็ได้ทยอยกันตายเนื่องจากเป็นโรคลำไส้อักเสบ และบาปจากการเป็นผู้ร่วมเผา มดแดง กับ ตัวต่อ ตอนเด็กๆ คุณตาจะเป็นมือฉมังในการเผารังมดแดงและรังต่อค่ะ และดิฉันเองก็มักจะยืนดูคุณตาเผาอยู่เสมอตอนนั้นไม่ได้คิดถึงบาปกรรมหรือความทุกข์ทรมานของสัตว์ตัวเล็กๆ เหล่านั้นแม้แต่น้อยกลับมีความสุขที่วันนี้จะได้กินเมนูเด็ด อย่างต้มไข่มดแดง กับ ต่อผัดกระเทียม คุณตาเองก็เห็นว่าเป็นเมนูโปรดของหลานด้วยความรักหลานเวลาว่างจากงานกบไม้ก่อสร้างก็จะออกไปหารังมดแดงกับรังต่อเป็นประจำ

ผลของการผิดศีลข้อ 1 

ครอบครัวของดิฉันไม่มีความอบอุ่นเลยค่ะพ่อกับแม่มักทะเลาะกันบ่อยๆ ลงไม้ลงมือตบตีกัน หลายครั้งที่ครอบครัวเกือบจะแตกแยก (นี่คงเป็นผลของกรรมที่ดิฉันพรากลูกนกมาจากรัง และค้าขายแพะโดยการพรากพ่อแม่ลูกออกจากกันก็เป็นได้ค่ะ)

ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ มีอาการจาม คันจมูก น้ำมูกไหล เป็นจนตาบวม (คงจะเป็นกรรมจากการร่วมเผามดแดง กับ ตัวต่อ)

บางครั้งดิฉันจะมีอาการหนาว ยิ่งถ้าอยู่ในห้องแอร์แล้วจะหนาวมากกว่าคนปกติ คือ หนาวเข้ากระดูกเลยค่ะ ( เกิดจากกรรมที่ดิฉันทำกับปลาแน่นอนค่ะ)

ส่วนกรรมที่ดิฉันทำกับลูกสุนัข ส่งผลให้ดิฉันเป็นโรคกระเพาะอาหารค่ะเวลาเป็นจะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง

และจากธุรกิจบาปที่ทำส่งผลให้ครอบครัวดิฉันต้องประสบกับภาวะขาดทุนค่ะ ตอนแรกที่ทำก็เหมือนจะไปได้ดีค่ะได้กำไรงาม แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจบาปผลที่ตามมามันคือความล่มจมค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ สาวิตรี คงศรี กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2013-07-02 10:23:07


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1661924)

ศีลข้อที่สอง (เว้นจากการลักทรัพย์ของผู้อื่นและไม่ใช้ให้ผู้อื่นทำ)

ดิฉันได้กระทำผิดศีลข้อที่สองไว้เยอะมากค่ะ สมัยเรียนมัธยมตอนต้นดิฉันและเพื่อนในกลุ่มได้มีโอกาสเข้าไปขายของในร้านค้าสหกรณ์โรงเรียนและเกิดความไม่พอใจอาจารย์ที่ดูแลร้านค้าสหกรณ์พวกเราก็เลยพากัน ขโมยของในร้านค้าสหกรณ์ (ทำบ่อยมาก) ทำไปด้วยความสะใจ อยากให้ร้านค้าสหกรณ์ขาดทุน อาจารย์ที่ดูแลร้านค้าจะได้เดือดร้อน แล้วก็มีอยู่ครั้งหนึ่งค่ะดิฉันลืมพาเงินไปโรงเรียน ด้วยความที่ไม่เคยยืมเงินใครไม่กล้าบอกและขอยืมเงินจากเพื่อน วันนั้นดิฉันไม่ได้ทานข้าวทานขนมอะไรเลยพอตกตอนเย็นเกิดอาการหิวทนไม่ไหวแทนที่จะขอยืมเงินจากเพื่อน ดิฉันกลับเจ้าเล่ห์เพทุบาย หลอกเพื่อนว่าอาจารย์ให้มาเก็บเงินลงทุนขายขนมเพิ่ม 20 บาท (ตอนนั้นมีอาจารย์ท่านหนึ่งให้นักเรียนหารายได้เสริมด้วยการนำขนมมาขายที่โรงเรียนและให้รวมกลุ่มกันทำกับเพื่อนโดยอาจารย์ได้ให้ทุกคนในกลุ่มลงทุนร่วมกันและได้เรียกเก็บเงินส่วนนั้นไปแล้ว) ด้วยความโง่แต่นึกว่าตัวเองฉลาดเลยได้เงินจากเพื่อนมาซื้อขนมกิน แม้แต่ของน้องที่ดิฉันอยากจะได้ดิฉันก็ขโมยเอาค่ะ ไม่ขอ ด้วยความอิจฉาน้องสาวคุณตาให้ปากกาดิฉันน้องสาว 1 ด้าม ดิฉันเห็นว่าปากกามันสวยมากเลยอยากได้บ้างแต่มันมีแค่เล่มเดียวและคุณตาก็ได้ให้น้องไปแล้วด้วยความอยากได้ดิฉันจึง ขโมยปากกาที่คุณตาให้น้องสาว น้องสาวเสียใจและเสียดายปากกาเล่มนี้มากจึงร้องไห้ทุกคนในบ้านก็เลยช่วยกันหาด้วยความที่ดิฉันกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าเป็นคนขโมยปากกาของน้องดิฉันจึงนำปากกาด้ามนั้นไปทิ้ง ทุกวันนี้ดิฉันเสียใจมากกับการกระทำของตัวเอง แล้วก็เคย ขโมยผลิตภัณฑ์รักษาสิว ด้วยค่ะ ดิฉันเป็นคนรักสวยรักงาม แต่เป็นคนไม่สวย หน้ามันเยิ้มเป็นสิว ก็เลยคิดว่าถ้าเราได้ใช้เครื่องสำอางค์ดีๆ หน้าเราก็จะสวยแล้วก็หายจากสิวได้ แต่ตอนนั้นดิฉันไม่มีเงินที่จะซื้อเครื่องสำอางค์ดีๆ ราคาแพงๆ มาใช้ก็เลยขโมยมาใช้ค่ะ ขโมยสบู่ล้างหน้าของป้า ขโมยโฟมล้างหน้าที่อาจารย์นำมาขาย และยังขโมยยาแต้มสิวในห้างด้วยค่ะ มีขโมยลูกอมด้วยค่ะไม่มีเงินซื้อใช้วิธีขโมยเอา แล้วก็มีอยู่ครั้งหนึ่งแม่ให้ปั่นจักรยานไปซื้อของพอตอนปั่นจักรยานกลับบ้านระหว่างทางทำเงินทอนหล่นหายดิฉันหาไม่เจอไม่กล้าบอกแม่กลัวแม่ว่าเลยคิดชั่วเอาตัวรอดปั่นจักรยานกลับไปที่ร้านค้าแล้วบอกว่าร้านค้าทอนเงินให้ดิฉันไม่ครบเจ้าของร้านก็เลยให้เงินทอนดิฉันเพิ่มตามจำนวนที่ดิฉันทำหล่นหายไป และได้ขโมยแสตมป์ที่ใช้แล้วซึ่งเป็นของรักของหวงที่อาเก็บสะสมไว้มาเป็นของสะสมของตัวเองหน้าตาเฉย อีกทั้งยังมีนิสัยมักง่ายคิดเอาแต่ได้ เจอเงินใครวางอยู่ในบ้านเก็บไปจ่ายหมดไม่สนใจว่าเป็นเงินของใคร คิดเอาเองว่าอยู่บ้านเดียวกันเป็นพ่อ แม่ ลูก เป็นพี่เป็นน้องกันคงไม่เป็นไรแล้วจำนวนเงินก็ไม่ได้มากมายอะไรครั้งละ สิบบาท ยี่สิบบาท (ใครวางเงินตั้งไว้ในบ้านดิฉันหยิบหมด หยิบบ่อย หยิบมาหลายปี) พอได้มาทำงานรับราชการก็ขโมยอีก ขโมยเวลาหลวง มาสาย กลับก่อน ใช้เวลาหลวงทำเรื่องส่วนตัวบ้าง คุยโทรศัพย์เวลางานนาน พักทานข้าวนานมาก ใช้กระดาษ ปากกาดินสอ น้ำยาลบคำผิด หมึกพิมพ์ คลิป หนีบกระดาษ และวัสดุสำนักงานอื่นๆ อย่างฟุ่มเฟือยไม่รู้คุณค่า ทำหายก็ไม่สนใจเบิกของใหม่มาใช้ บางครั้งก็นำของที่สำนักงานมาใช้ในงานส่วนตัว นำกลับบ้านบ้าง ไหนจะต้องเซ็นต์เอกสารเท็จอีกทำกันเป็นทอดๆ ถ้าเราไม่เซ็นต์ก็อยู่ไม่ได้ ด้วยความคิดมักง่าย เห็นแก่ตัว เอาตัวรอดทำให้แผ่นดินสูญเสียผลประโยชน์มากมายมหาศาล และสิ่งที่ดิฉันเสียใจที่สุดคือเงินดิฉันหายดิฉันหาไม่เจอและดิฉันก็มีความคิดชั่วช้าว่าแม่ขโมยเงินดิฉันไปใช้ ดิฉันเอะอะโวยวายทำให้แม่เสียใจยิ่งนัก ในที่สุดแม่ดิฉันก็เจอเงินที่ดิฉันคิดว่ามันหายมันไม่ได้หายไปไหนดิฉันลืมไว้ในกระเป๋ากางเกงตัวที่ใช้แล้วมันอยู่ในกองผ้าที่เตรียมจะซักแม่เอาเงินมาคืนให้ดิฉันมันทำให้ดิฉันเสียใจมากที่สุดในชีวิตเป็นตราบาปในใจมาจนถึงทุกวันนี้

ผลของการผิดศีลข้อ 2

ประมาณปี 2549 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่บ้านของดิฉันจมเกือบมิดหลังคาบ้านข้าวของเสียหายเกือบหมด

ดิฉันมักจะทำของมีค่าหล่นหายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ สร้อยคอ สร้อยข้อมือทองคำ

ทุกวันนี้ประสบกับปัญหา หลาน ญาติพี่น้องคนใกล้ตัว ขโมยข้าวของและเงินทองภายในบ้านของดิฉันเป็นประจำ โดยเฉพาะเงินหายครั้งละเป็นหมื่นก็มี ปีหนึ่งก็หลายหมื่นบาท (รู้ทั้งรู้ว่าใครขโมยแต่ก็ไม่มีหลักฐานเอาผิด) 

โดนมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าบ้าง  เรียกได้ว่าเงินที่หามาได้สูญหายเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้ใช้จ่ายเองเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนเจ้านายก็ไม่เคยคิดที่จะพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนให้

การที่ดิฉันโดนขโมยทรัพย์สินบ่อยๆ ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก และการเป็นหนี้แผ่นดินยังส่งผลให้การงานไม่ก้าวหน้ามีปัญหาอุปสรรครอบด้าน

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-02 11:40:34


ความคิดเห็นที่ 2 (1661928)

ศีลข้อที่สาม (เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ผิดลูก ผิดเมีย ผู้อื่น มีกิ๊ก มีชู้)

แม้แต่ศีลข้อที่สามดิฉันก็ไม่พลาดค่ะ ชิงสุกก่อนห่ามกับแฟนโดยที่ยังไม่แต่งงาน เคยดูเว็ปโป๊ ชอบอ่านนวนิยายที่มีฉากเลิฟซีน อ่านแล้วก็เกิดอารมณ์จินตนาการไปด้วยสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หมกมุ่นในกาม แอบชอบชายอื่นขณะที่มีแฟนอยู่แล้ว

ผลของการผิดศีลข้อ 3

มีปัญหาเกี่ยวกับตาทั้งสองข้างมีขนาดไม่เท่ากันเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน บริวารไม่ให้ความเคารพนับถือไม่ช่วยเหลือการงานมอบหมายงานอะไรให้ทำก็ไม่เป็นผลจนเราต้องเอางานนั้นมาทำเสียเอง บางครั้งก็มีอาการปวดตึงบริเวณสะเอวมาก (เหมือนเส้นยึด)

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-02 12:30:05


ความคิดเห็นที่ 3 (1661930)

ศีลข้อที่สี่ (เว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ และคำล่อลวงอำพรางผู้อื่น)

ศีลข้อที่สี่นี่ดิฉันทำผิดมาเกือบทั้งชีวิตค่ะ ในชีวิตนี้เคยทำให้เพื่อนชื่อ เกวลิน แซ่ไหล เจ็บช้ำน้ำใจที่สุด ดิฉันได้แสดงอาการรังเกียจเพื่อนคนนี้ ด้วยการดุ ด่า ว่ากล่าว ด้วยวาจาเสียดสีสารพัด แม้เพื่อนจะช้ำใจจนร้องไห้ดิฉันก็ไม่มีความเมตตาแม้แต่น้อย ดิฉันได้กระทำตัวเลวซ้ำซากกับเพื่อนคนนี้อยู่ 3 ปี และดิฉันมักจะใช้วาจา จวก สับ เชือดเฉือน ผู้ที่ทำให้ดิฉันไม่พอใจอยู่เสมอ ชนิดที่ว่า โกหก กะล่อน ปริ้นปล้อน ตอแหล ดิฉันได้ทำมาหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของการนินทา นินทาหมด นินทานาย นินทาลูกน้อง นินทาเพื่อนร่วมงาน ญาติติโกโหติกาดิฉันนินทาหมดไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ผู้มีพระคุณ เถียงพ่อแม่คอเป็นเอ็น  ยิ่งถ้าได้นั่งร่วมวงนินทาแล้วนั่งได้นานค่ะนั่งได้ทั้งวัน มีความสุขสนุกสนานหัวเราะชอบใจ อีกทั้งยังเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน โมโหร้าย ยิ่งใครขับรถปาดหน้านี่ปรี๊ดแตกเลย ทั้งนึกด่าและสาปแช่งก็มี ส่วนเพื่อนคนไหนที่เราเกลียดเราก็นึกแช่งให้เขาตายๆ ไปซะ เวลาจะพูดจะจาตัวเองดูดีไปหมด พูดเอาดีเข้าตัวชั่วให้คนอื่นนี่ถนัดนัก ดิฉันได้ใช้ปากในการสร้างกรรมทานมากที่สุดในชีวิต

ผลของการผิดศีลข้อ 4

1. ไม่มีเพื่อน คบใครเป็นเพื่อนก็คบได้ไม่นานจะต้องมีเหตุให้เพื่อนเข้าใจดิฉันผิด และต้องเลิกคบกันในที่สุด

2. พ่อ กับ แม่ ของดิฉันทะเลาะกันแทบทุกวันและมักจะด่าทอกันด้วยคำหยาบ บางครั้งก็ลงไม้ลงมือตบตีกัน

3. ดิฉันมีหน้าตาหมองคล้ำขี้ริ้วขี้เหร่มีสิวขึ้นเต็มใบหน้า

4. ดิฉันเป็นคนไม่มีสติ จิตตก มีอาการทางประสาท

5. เพื่อนสนิทที่ดิฉันรักมักจะคิดว่าดิฉันนำเรื่องของเขาไปพูดในทางที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่ดิฉันไม่ได้คิดและพูดเช่นนั้นเลย และดิฉันก็มักจะได้รับการโต้ตอบด้วยวาจาที่เสียดแทงให้เจ็บช้ำน้ำใจจากเพื่อนที่ดิฉันรักและจริงใจต่อเขา

6. สมัยที่ดิฉันทำงานบริษัท ดิฉันต้องอดทนกับความหงุดหงิด ใจร้อน และอาการวีนแตกของเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ

7. มรดกกรรม ลูกสาวคนโตของดิฉันไม่อยากไปโรงเรียน ร้องไห้ทุกวันบอกว่าโดนเพื่อนรังแก (ทุกวันนี้ลูกสาวคนโต น้องโบนัสไปโรงเรียนอย่างมีความสุข ดิฉันให้ลูกสาวแขวนจี้องค์เทพสฟิงซ์และใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย)

8.ลูกสาวคนเล็ก  ชอบหยิก กัด จิกหัวดึงผม แล้วก็ตบหน้าดิฉันอยู่เสมอ ดิฉันพยายามสอนให้ลูกหยุดทำลูกก็ไม่หยุด (ปัจจุบันลูกสาวคนเล็ก น้องโบตั๋น มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หลังจากที่ดิฉันให้ลูกแขวนจี้องค์เทพสฟิงซ์ ลูกไม่จิกตี ตบหน้าดิฉันเหมือนเมื่อก่อนแต่เปลี่ยนมาเป็น กอดคอและหอมแก้มดิฉันแทน

9. ดิฉันเป็นโรคอีสุกอีใส (รุนแรง) เป็นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเรียกได้ว่าเป็นทุกอณูผิวถึงแม้ว่าสะเก็ดแผลจะหลุดไปแล้วแต่ก็เป็นแผลเป็นชนิดนูนสีดำมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำเหมือนกับหนังคางคกสร้างความทุกข์ใจให้กับดิฉันมาก (บริเวณใบหน้าดีขึ้นประมาณ 90% หลังจากที่ได้รับการบำบัดจากท่านอาจารย์อุบลในกิจกรรมธรรมบำบัดสัญจร เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2556 ค่ะ จากแผลเป็นนูนดำตะปุ่มตะป่ำ ก็เรียบเนียนเหลือเพียงรอยดำเหมือนรอยสิว) ดิฉันขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์และท่านอาจารย์อุบลเป็นอย่างสูงค่ะที่เมตตาไม่มีที่สุดประมาณ

10. ดิฉันมีอาการปวดหูข้างขวามากค่ะปวดจนไม่สามารถอ้าปากเคี้ยวอาหารได้ ลำพังแค่ดูดของเหลวก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วก็มีเลือดไหลซึมออกมาทางหูด้วยค่ะ (คงเป็นกรรมที่ดิฉันชอบฟังเรื่องที่เขานินทากันค่ะ) ดิฉันไม่ได้ไปหาหมอแต่ประการใดบำบัดด้วยรหัสเจ้ากรรมนายเวร 99 หายเจ็บปวด รู้สึกโล่ง เย็นสบายในหูขึ้นมาทันทีค่ะ เหลือแค่อาการเลือดไหลซึมออกมานิดหน่อย แต่หลังจากที่ดิฉันได้โอนเงินทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรในวันรุ่งขึ้น อาการที่เป็นอยู่ก็หายร้อยเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ

11. เป็นคนที่มีกลิ่นปากเหม็น ฟันไม่สวย แถมริมฝีปากดำคล้ำอีกด้วยค่ะไม่ว่าจะพยายามแปรงฟันบ่อยๆ หาซื้อยาสีฟันหรือลิปสติกดีๆ แพงๆ มาใช้ก็ไม่สามารถ ลดกลิ่นปากหรือปกปิดริมฝีปากที่ดำคล้ำได้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-02 13:05:47


ความคิดเห็นที่ 4 (1661937)

ศีลข้อที่ห้า (เว้นจากการดื่มสุราและเครื่องดองของมึนเมาต่างๆ)

ดิฉันเคยดื่มไวน์ เหล้านอก (สีสวย รสหวาน)  หัดเล่นไพ่ ซื้อหวย และเมื่อก่อนครอบครัวเคยขายเหล้า เบียร์ด้วยค่ะ อะไรที่ผิดศีลห้าทำมาหมดแล้วค่ะ และที่หนักที่สุดคือการมีส่วนร่วมมอมเมาประชาชนด้วยอบายมุขทั้งปวงค่ะ เนื่องจากดิฉันดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักปลัด อบต.มะกรูด อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชน การส่งเสริมสุขภาพของประชาชน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีคุณธรรมจริยะธรรม เป็นต้น เอาเป็นว่าดิฉันมีหน้าที่ในการจัดทำเอกสารและเบิกงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในการส่งเสริมกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามนั้นค่ะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดของดิฉัน ได้มอบหมายให้ดิฉันเขียนโครงการเพื่อเบิกงบประมาณออกมาใช้ดูเหมือนจะง่ายค่ะแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดดิฉันเขียนโครงการอีกแบบหนึ่งนายกนำงบประมาณไปใช้อีกแบบหนึ่งซึ่งสร้างความทุกข์ใจให้ดิฉันมาก เงินแผ่นดินที่เบิกออกไปใช้ส่วนใหญ่ก็จะถูกนำไปใช้ในการมอมเมาประชาชนสนองกิเลสกันเต็มที่ (นายกเองก็ได้มวลชนได้ฐานเสียง) เช่นดิฉันเขียนโครงการเพื่อจัดอบรมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในชุมชน แต่เมื่อเบิกงบประมาณออกมาแล้วกลับไม่ได้นำไปใช้ในเรื่องดังกล่าว นายกจะพาประชาชนทั้งหญิงและชายไปสนองกิเลสโดยการเหมารถทัวจำนวนหลายคัน พาไปเที่ยวแพเทคที่จังหวัดกาญจนบุรีบ้าง ในขณะอยู่ในรถก็เปิดวงไพ่ ดื่มเหล้าเบียร์กันอย่างสำราญ ไปเที่ยวแต่ละครั้งก็หมดงบประมาณแผ่นดินไปครั้งละหลายแสนบาท และโครงการดังกล่าวก็มีกระแสตอบรับอย่างดีจากชาวบ้าน ทำให้ท่านนายกคิดว่าถ้าได้พาชาวบ้านไปเที่ยวอย่างสำราญทุกกลุ่มเป้าหมายท่านก็จะยิ่งได้รับความนิยมจากชาวบ้านเมื่อคิดเช่นนั้น การเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ ก็ผิดวัตถุประสงค์ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณส่งเสริมอาชีพ งบประมาณในการแก้ไขปัญหายาเสพติด งบประมาณที่ใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและควบคุมป้องกันโรคระบาดในชุมชน งบประมาณฉุกเฉินยามเกิดภัยพิบัติ แม้กระทั่งงบประมาณที่ใช้ในการเดินทางไปราชการ ก็ถูกโอนและบิดเบือนข้อเท็จจริงมาใช้เพื่อการสนองตัณหาของคนทั้งตำบล ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ผู้สูงอายุ กลุ่มสตรีแม่บ้าน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. อรบ. แม้กระทั่ง กลุ่มอสม. ใช้งบประมาณแผ่นดินท่องเที่ยวไปตามอำเภอใจกันอย่างสำราญใจ (งานนี้คณะผู้บริหาร และ สมาชิก อบต. ได้ฐานเสียงไปเต็มๆ ฟรีๆ แบบไม่ต้องใช้เงินตัวเองหาเสียง) ทุกครั้งที่ดิฉันคัดค้านการกระทำดังกล่าว ทั้งชี้แจง และให้เหตุผลที่เหมาะสม บางครั้งดิฉันและลูกน้องที่ทำงานในสำนักปลัดก็ได้ช่วยกันเสริมกิจกรรมที่เป็นสาระประโยชน์ให้บ้าง ทางนายกซึ่งเป็นผู้บริหารก็เกิดความไม่พอใจโดยอ้างว่าชาวบ้านต้องการมาเที่ยวพักผ่อน พอดิฉันพูดถึงเรื่องความถูกต้อง ก็หาว่าดิฉันแข็งข้อ ทั้ง ปลัด และนายก ก็ออกปากไล่ให้ดิฉันย้ายที่ทำงานไปซะถ้าไม่ทำตามที่บอกเห็นทีจะทำงานร่วมกันไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนสองล้านกว่าบาทที่ดิฉันมีส่วนในการเขียนและเซ็นต์โครงการทั้งๆ ที่รู้ว่าเงินดังกล่าวได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้ทั้งหมดแล้วว่าให้ใช้ทำอะไรแต่ดิฉันก็ไม่สามารถทำได้ บาปที่เกิดจากการเป็นหนี้แผ่นดินนี้ชาตินี้ทั้งชาติดิฉันก็คงไม่มีปัญญาชดใช้ ใจหนึ่งก็คิดอยากจะลาออกจากงาน แต่ก็กลัวลำบากไม่รู้จะไม่ทำงานอะไร จะทำธุรกิจส่วนตัวก็ไม่มีเงินลงทุน กลัวทำแล้วขาดทุน กลัวไปหมด แต่ตอนนี้ดิฉันกำลังมีส่วนร่วมในการทำให้ประเทศชาติขาดทุน เสียทรัพย์สินเงินทองไปในทางเสื่อม อีกทั้งสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่มีศักยภาพจนเต็มบ้านเต็มเมือง  ปัญหายาเสพติดในชุมชนก็ระบาดหนักไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง บางครั้งดิฉันเองต้องเดินทางไปกับทัวร์ท่องเที่ยวด้วยในขณะที่ชาวบ้านเขาสนุกสนานเต้นกันอย่างเมามันในแพเทค ดิฉันก็ขาดสตินึกอยากสนุกไปร่วมเต้นกับเขาด้วย (สรุปแล้วดิฉันเลวมากกว่าพวกเขาด้วยซ้ำไปเพราะดิฉันเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่างบประมาณที่นำมาใช้นั้นมาจากไหนและจะต้องนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร แต่ดันไปเมามันร่วมกับชาวบ้านซะงั้นเรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งโง่เลยค่ะ)

ผลของการผิดศีลข้อ 5

1 ทำให้เป็นคนขี้หลงขี้ลืมไม่มีปัญญา

2 จากการมีส่วนร่วมในการมอมเมาประชาชนให้จมอยู่กับอบายมุขทำให้ครอบครัวของดิฉันไม่มีความสุข เพราะหลังจากที่คุณพ่อออกจากราชการ ท่านก็หันมาเล่นการพนัน ชนไก่ เป็นอาชีพ ไปเล่นทุกวันจะออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับก็ค่ำมืดเป็นอย่างนี้ประจำทุกวันค่ะ

3 และจากการที่ดิฉันเป็นหนี้แผ่นดินอย่างมหาศาลทำให้ดิฉันทำคุณคนไม่ขึ้น ขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นหนี้สินล้นพ้นตัวไม่มีกำลังจ่ายคืน อีกทั้งหน้าที่การงานก็ไม่เจริญก้าวหน้า ไม่ว่าจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีแค่ไหนในสายตานายก็มีแต่ถดกับถอย ชีวิตแย่ทุกด้านแทบจะโงหัวไม่ขึ้น

              ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่าการที่ดิฉันได้ล่วงละเมิดศีล จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม จะลงมือกระทำเองหรือมีส่วนร่วมในการรู้เห็นก็ตาม มันส่งผลให้ชีวิตของดิฉันมืดบอดและขาดปัญญาในการแก้ไขปัญหาในทุกๆด้าน ปล่อยชีวิตให้จมดิ่งลงขุมนรกด้วยการกระทำของตนเองแท้ๆ  ถ้าดิฉันไม่ได้มารู้จักกับบ้านสวนพีระมิดก็ยังโง่อยู่ร่ำไป ยังคงชั่วไม่กลัวบาป จากที่ดิฉันเคยอ่านหนังสือธรรมะก็พอจะทราบบ้างค่ะว่าบุญธรรมทานเป็นทานที่มีอานิสงค์มากกว่าการทำสังฆทาน แต่ด้วยความโง่เง่าเต่าตุ่นของตัวเองคิดว่าชาตินี้ดิฉันคงให้ธรรมทานใครไม่ได้หรอกเพราะดิฉันไม่มีเงินที่จะซื้อหนังสือธรรมะไปแจกใคร แต่มาหูตาสว่างกับคำสอนของท่านอาจารย์อุบลว่าให้เขียนเล่าเรื่องความชั่วของตัวเองเป็นธรรมทานไม่ต้องเสียเงินแต่ต้องใช้กำลังใจสูงและมีอานิสงค์มากพอที่จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรอนุโมทนาบุญและปลดปล่อยเรา ถ้าไม่ได้รับฟังธรรมะที่เข้าใจได้ง่ายจากท่านอาจารย์อุบล ดิฉันก็ไม่อาจรู้ได้ว่าการเขียนเผยแพร่ความชั่วของตัวเองด้วยการสำนึกผิดและตั้งใจที่จะไม่กลับไปทำอีก และเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้แก่ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านธรรมทานจะได้ยุติการทำบาปต่อไปนั้นเป็นกุศลสูงสุดและมีอานิสงค์มากถ้าไม่นับรวมอภัยทาน ลูกขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์อุบลเป็นอย่างสูงที่ช่วยให้หายโง่และสร้างบุญธรรมทานเป็นค่ะ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-02 14:50:47


ความคิดเห็นที่ 5 (1661945)

ดิฉันขออุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร

ก่อนที่ดิฉันจะทำการอุทิศบุญนั้นดิฉันก็ต้องระลึกให้ได้เสียก่อนค่ะว่าดิฉันได้ทำบุญอะไรมาบ้าง เชิญเพื่อนๆ เข้ามาร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันนะคะ

1. ครอบครัวของดิฉันเลิกประกอบธุรกิจบาปทุกประเภทค่ะ

2. สร้างบุญด้วยแรงกายที่บ้านสวนพีระมิดค่ะ ขนหินทรายสร้างพระ ล้างห้องน้ำ ล้างทำความสะอาดพีระมิด ช่วยงานที่แปลงเกษตร เช็ดทำความสะอาดเก้าอี้ ทำความสะอาดเช็ดถูภายในวิหาร กวาดเศษใบไม้ที่ล่วงหล่น ถอนหญ้าบริเวณรอบๆ และภายในพีระมิดจำลองค่ะ ขุดดิน ถมดิน ปรับดิน และยังได้ช่วยลุงบุญ กับ ลุงเบิ้ม ผูกเหล็กสำหรับทำเสาอาคารด้วยค่ะ ส่วนประเภทวัตถุทานที่ได้สร้างในบ้านสวนพีระมิด ได้แก่ ผลไม้(ลองกอง) ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำ ผ้าห่ม ผ้าหุ้มพีระมิดจำลอง ร่วมสร้างพีระมิดจำลอง ทำบุญด้วยต้นชบาจำนวน 99 ต้น และดอกไม้ประดิษฐ์ (ดอกดาหลา)

3. สร้างบุญธรรมทานในเว็บไซต์บ้านสวนพีระมิดค่ะ

4. ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วยจี้สามร่มโพธิ์ศรีค่ะ และได้บอกต่อรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้ผู้อื่นใช้ด้วยค่ะ

5. ช่วยเหลือลูกสุนัขที่โดนสุนัขตัวอื่นกัดที่ตาค่ะ (ใครๆ ก็บอกว่าลูกสุนัขตัวนี้จะต้องตาบอดแน่ๆ เลือดออกเต็มตาเลยค่ะ) ดิฉันได้ช่วยเหลือโดยการล้างแผลกับน้ำพีระมิด แล้วก็ได้ใส่ครีมเกสรบัวที่ตาให้ปรากฎว่ารุ่งเช้าลูกสุนัขหายเป็นปรกติค่ะตาใสแจ๋วไม่มีร่องรอยแผลที่โดนกัดเลยค่ะ

6. ตอนที่ครอบครัวของดิฉันเลี้ยงปลาดุกในกระชังพอครบกำหนด 3 เดือน ตัวมันโตเต็มที่ก็ถึงเวลาที่จะต้องจับขาย ดิฉันรู้สึกสงสารปลาดุกมากและไม่อยากให้คนในครอบครัวทำบาปอีก ก็เลยใช้อุบายนำเงินจำนวน 5,000 บาท ให้กับพี่แจ๋วที่ทำงานร่วมกันมาซื้อปลาดุกในกระชังปล่อยในลำคลอง แม่ดิฉันยอมขายให้ค่ะ แต่ถ้าดิฉันขอซื้อเองพ่อกับแม่ต้องไม่ยอมขายแน่ๆ ต้องขอขอบคุณพี่แจ๋วมากๆ ค่ะที่ช่วยให้การทำบุญของดิฉันในครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี (หลังจากที่พ่อกับแม่ยอมขายปลาดุกให้พี่แจ๋วได้ปล่อยทำบุญแม่ก็เลิกเลี้ยงปลาดุกไปเลยค่ะ เพราะแม่เองก็สงสารพวกมันเหมือนกันเวลาที่ถึงกำหนดจับขาย)

7. และในช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมาเป็นช่วงหน้าฝน หลังฝนตก น้องชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ก็ออกไปแทงกบได้มาครึ่งกระสอบแล้วมัดปากกระสอบวางไว้ข้างบ้าน ดิฉันได้ยินเสียงกบร้องระงมจึงเดินตามเสียงไปดูเห็นพวกมันกำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในกระสอบจึงตัดสินใจลากกระสอบใส่กบไปปล่อยบริเวณริมคลอง พอดิฉันเปิดกระสอบออกเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก แต่ละตัวโดนแทงจนได้รับบาดเจ็บ บ้างก็พิการ บ้างก็มีไส้โผล่ออกมา อยู่ในสภาพกอดกันกลม ดิฉันจึงเทกบออกจากกระสอบแต่ปรากฎว่ากบไม่กระโดดหนี มันคงจะกระโดดไม่ไหวเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการโดนแทงด้วยเหล็กแหลม ดิฉันจึงใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยช่วยให้กบกระโดดหนีไปด้วยเถิด ในที่สุดดิฉันก็ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น กบที่นอนกองกันอยู่มากมายได้พากันกระโดดหนีไปตามริมคลอง แต่ก็มีกบบางส่วนตายแต่กบที่รอดชีวิตก็มีมากกว่า ดิฉันได้จ่ายเงินค่ากบให้กับน้องชายไปจำนวน 500 บาท

8. วันนั้นดิฉันกำลังจะขึ้นรถไปทำงานอาของดิฉันก็มาถามหาแฟนของดิฉันแต่แฟนของดิฉันไม่อยู่ดิฉันก็เลยถามอาไปว่ามีธุระอะไรฝากดิฉันไว้ก็ได้ อาบอกว่าเอาแมลงพลับมาขายแฟน ดิฉันเห็นอาจับมันใส่ไว้ในถุงพลาสติกแล้วก็มัดพวกมันไว้อย่างแน่นหนาดิฉันได้ถามอาว่ามันตายแล้วหรือยัง อาบอกว่ายังไม่ตาย ดิฉันจึงตัดสินใจซื้อไว้เอง อาขายตัวละ 1 บาท สองร้อยตัวก็สองร้อยบาท ดิฉันกับแม่ได้นำแมลงพลับไปปล่อยที่พงหญ้าข้างทางระหว่างไปทำงานค่ะ

9. บางครั้งสามีของดิฉันจับกุ้งในลำคลองมาเลี้ยงไว้ในตู้ปลา แล้วก็ขังปลาไว้รอให้แม่นำไปทำกับข้าว ดิฉันก็จะนำไปปล่อยในลำคลองค่ะ (บ้านอยู่หน้าคลองค่ะไม่ต้องไปปล่อยไกล สะดวกดี) ถ้าสัตว์ที่สามีนำมาขังไว้หายไปสามีทราบดีค่ะว่าเป็นฝีมือของดิฉันแล้วก็ไม่ถือโทษโกรธแต่อย่างใดค่ะ

10. ถ้าดิฉันเห็นมด หรือ แมลงตัวเล็กๆ ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำดิฉันก็จะรีบช่วยชีวิตพวกมันทันทีค่ะ

11. ดิฉันมีความสำนึกผิดในบาปกรรมที่ได้กระทำมาค่ะ และตั้งใจแน่วแน่ที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดไม่กลับไปทำความผิดซ้ำอีกค่ะ

12. ดิฉันเริ่มหันมาไหว้พระสวดมนต์และจะสวดคาถาบูชาพระศรีอาริย์ อย่างน้อยวันละ 99 จบค่ะ

13. และดิฉันตั้งใจที่รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-02 17:01:46


ความคิดเห็นที่ 6 (1661948)

คำอุทิศบุญกุศล

อาจารย์อุบลช่วยด้วยขอบารมีท่านพ่อดตาจินิน ขอบารมีสมเด็จองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา พระศรีอาริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ขออาราธนาฉัพพรรณรังสี สัตรังสี ขอเบิกบุญศีล ทาน ภาวนา ที่ข้าพเจ้าเคยสร้างมาทุกชาติจนถึงชาตินี้ ตลอดจนบุญทุกๆ บุญที่ทำกับบ้านสวนพีระมิด ขอให้บุญนี้รวมตัวกัน มีอานุภาพยิ่งใหญ่มหาศาล ไปตัดรอนวิบากกรรม ที่ข้าพเจ้าเคยทำมาในทุกชาติจนถึงชาตินี้ และขอถวายบุญนี้ แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีท่านพ่อดตาจินินเป็นที่สุด สมเด็จพ่อพระปฐมฯ พระศรีอาริยเมตไตร และเทวดาทั้งหลายที่รักษาท่านอาจารย์อุบล และขออุทิศบุญนี้แก่ดวงวิญญาณและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่อยู่รายล้อมตัวข้าพเจ้า ขอให้อนุโมทนาและได้รับผลบุญของข้าพเจ้าโดยทั่วกัน ขอฝากบุญนี้ไปกับเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ โปรดเมตตานำบุญของข้าพเจ้า ไปบอกให้ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ดวงวิญญาณที่ไม่สามารถรับบุญกุศลได้ จงอนุโมทนารับบุญกุศลของข้าพเจ้า แล้วขึ้นไปเสวยสุข ในภพภูมิที่สุขยิ่งขึ้น ได้เลื่อนภพภูมิสูงขึ้นด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้ ด้วยสำนึกผิดจริงในวันนี้ด้วยเถิด และขอความเมตตาท่านพ่อดตาจินิน สมเด็จพ่อองค์ปฐม พระพุทธเจ้า พระศรีอาริย์ ท้าวเวสสุวรรณ โปรดให้สัญญาณ ให้ข้าพเจ้าได้รับรู้ว่า 1. ท่านให้อภัย 2. ท่านอนุโมทนารับบุญ 3.ท่านเป็นสักขีพยานบุญ 4. ท่านเห็นชอบในบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำ ได้อุทิศให้ในวันนี้ โดยให้ข้าพเจ้า 1. สัมผัสได้ด้วยความเป็นทิพย์ทั้งปวงทั้งทางกาย ทางใจ 2. ให้อาการที่เจ็บป่วย ณ ปัจจุบันหาย 3. ให้ทุกข์และอุปสรรคคลี่คลายในทันที หากกำลังบุญนี้เพียงพอ ณ บัดนี้ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-02 17:45:49



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.