ReadyPlanet.com


สร้างบาป สร้างกรรม จากการทำข่าว


        ขณะนี้เป็นเวลาเกือบตี 1 ของวันที่ 18 ส.ค.2556 แล้ว  แต่นอนไม่หลับ จึงต้องลุกขึ้นมาเขียนคำสารภาพบาป   สมัยยังเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ตัวเองเคยกระทำไว้ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

        หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ชีวิตของผมก็เริ่มต้นจากการทำงานด้านสื่อสารมวลชน เป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งย่านประชาชื่น เริ่มต้นจากเป็นนักข่าวตระเวน หรือเรียกให้ไพเราะว่านักข่าวสายอาชญากรรม แต่หลายคนเรียกว่านักข่าวสายตำรวจ สายโจร คือต้องไปร่วมกับตำรวจในการจับโจร เพื่อถ่ายภาพวินาทีเกิดเหตุได้อย่างทันท่วงที

           ชีวิตในช่วงนั้นผมต้องนั่งรถตระเวนข่าว กะละ 8 ชั่วโมง ในรถจะมีนักข่าว ช่างภาพ คนขับรถ รวมเป็น 3 ชีวิตที่ต้องไปด้วยกัน ประสาทหู ประสาทตาต้องตื่่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินเสียงวิทยุ หรือวอ ว่ามีอุบัติเหตุที่ไหน ฆ่ากันตายที่ไหน ลัก จี้ ชิงปล้นที่ไหนก็ต้องควบรถด้วยความเร็วจี๋ไปให้ถึงที่เกิดเหตุ ถ้าไปถึงก่อนเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯยิ่งดี เพราะเราจะได้ภาพสดๆ ในที่เกิดเหตุ ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายศพ หรือ วัตถุพยานต่างๆ 

          ปกติแล้วตั้งแต่เด็กผมจะเป็นคนกลัวผีมาก  แต่เมื่อมาสัมผัสกับเหตุการณ์จริงๆ สดๆ ร้อนๆ ในที่เกิดเหตุแล้ว คำว่ากลัวผี จึงจางหายไป เห็นทั้งเลือด ศพ กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ก็ต้องยอมรับให้ได้ บางครั้งรองเท้าเราก็เหยียบย้ำกับเลือด หรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ในที่เกิดเหตุ หลายๆ เหตุการณ์ทำให้คิดถึงกว่าชีวิตคนเราก็แค่นี้ สาวสวย งาม เลอโฉม ตายไปแล้วก็มีแต่สิ่งที่ไม่น่าดู ทั้งเลือด หนอง นึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เราไม่รู้ตัวว่าเราจะตายวันไหน ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น  

           แต่การหาข่าวก็เหมือนกับการแข่งขัน ใครได้ภาพดี ข้อมูลที่ลึกกว่าเพื่อน ทุกคนก็จะภูมิใจ จะรู้ก็รุ่งขึ้นอีกวัน เมื่อหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว พร้อมข้อมูลต่างๆ จะแตกต่างกัน ประเด็นใครเจ๋งกว่า ภาพใครดีกว่า จะคุยโวกัน เพื่อให้เพื่อนต่างฉบับปวดร้าวใจ ทุกอย่างจึงเป็นการแข่งขัน เพื่อให้หนังสือพิมพ์ตัวเองขายดี แซงหน้าคนอื่น เพราะช่วงนี้นเทคโนโลยีด้านภาพข่าว เสียง หรือข้อมูลต่างๆ ต้องรอจากสื่อหนังสือพิมพ์เท่านั้น วิทยุ ทีวี ข้อมูลยังไม่ลึก เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ

                ผมเคยไปทำข่าวอุบัติเหตุใหญ่ๆ หลายครั้ง ทั้งเครื่องบินเลาด้าแอร์ตกที่ อ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี ตาย 223 ศพ ทั้งโรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ไฟไหม้ที่นครปฐม ตายเกือบทั้งโรงงาน ทั้งตึกโรงแรมโรยัล พลาซ่า ถล่มที่โคราช ทั้งเรือโดยสารล้มที่เกาะสีชังตายเกลื่อนทะเล(ภาษาหนังสือพิมพ์) ซึ่ีงทุกงานต้องแข่งขันกับสำนักอื่นๆ มีการลวงให้คนอื่นหลงประเด็น อุ้มแหล่งข่าวไปสัมภาษณ์ที่อื่น(คนเดียว) เพื่อไม่ให้ข้อมูลหลุดไปยังฉบับอื่น เคยแม้กระทั่งขโมยฉีกสำนวนของตำรวจ แล้วเอาไปลอกเขียนเป็นข่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลฉบับเดียวและลึกกว่าเพื่อน จนบางครั้งผู้บังคับบัญชาสั่งขังร้อยเวร เจ้าของคดี ในฐานะที่ทำสำนวนหาย ทุกคนจะได้วิชามาร จากประสบการณ์ที่ลงสนามจริงๆ ยิ่งอาวุโส วิชามารยิ่งเยอะ

         เมื่อทำให้เพื่อนฉบับอื่นๆ ตกข่าว เขาก็แค้น และคิดเอาคืน ซึ่งเราก็โดนบ้างเช่นกัน  ถือเป็นการแข่งขันกันในวิชาชีพ ไม่เหมือนปัจจุบัน ข่าวจะออกมาเหมือนกันหมด เพราะน้องๆ นักข่าวปัจจุบัน จะไม่ค่อยแข่งขันกัน ลอกข่าวกัน ยิ่งเครื่อมือสื่อสารทันสมัย ยิ่งง่าย ใครพิมพ์เสร็จแล้วก็เอาไปถ่ายเอกสารแจกกัน กล้องโทรศัพท์ถ่ายจากภาพต้นฉบับได้เหมือนจริง แหล่งข่าวจะระวังนักข่าวมากกว่าเดิม เพราะกลัวโดนแอบถ่าย โดนอัดเสียง โดนดักฟัง เครื่องมือสื่อสารทันสมัยขึ้น มีเครื่องมือที่จับภาพและเสียงในระยะไกล มีแอฟพิเคชั่นติดตามแหล่งข่าวว่าเดินทางไปไหน อยู่ที่ไหน เป็นเวลานานเท่าไหร่ เทคโนติดตามได้หมด

       ข่าวที่สื่อมวลชนสนใจคือข่าวความขัดแย้ง ยุให้นักการเมืองทะเลาะกัน เพื่อจะได้ข้อมูลดีๆ (จริงๆ แล้วนักการเมือง จะติดลบกว่านักข่าว) สิ่งเหล่านี้แหละครับที่ผมคิดว่าเป็นบาปติดตัวมา บุญกุศล บารมี ที่เคยสร้าง ขอให้ขจัดปัดเป่า หรือบรรเทาบาปกรรม ที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาด้วยนะครับ และที่สำคัญขอนิพพานในชาตินี้นะจ๊ะ สาธุ   

         



ผู้ตั้งกระทู้ จตุพล ยอดวงศ์พะเนา กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2013-08-18 01:38:59


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1665284)

ขอบคุณนะคะที่มาเขียนแบ่งปัน

เรื่องราวกับพวกเราในนี้

 

 

แหม่...เป็นคำสารภาพบาป

ที่อ่านแล้วเพลินมั่กๆค่ะ

 

แถมได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง

ของนักข่าวสายอาชญากรรมอีกด้วย

 

ทั้งๆเป็นงานที่ดูเหมือนจะเพลิน

เดินทางตระเวณหาข่าวไปเรื่อยๆ

 

แต่ที่ไหนได้

เป็นงานที่ชวนสยอง

และชวนขนหัวลุกยิ่งนัก

 

แถมนักข่าวแต่ละที่

ก็ต้องขับเคี่ยวแข่งขันกันน่าดูเลย

 

แต่จะว่าไป

ส่วนใหญ่ก็เห็นแข่งกันอยู่สองฉบับนั่นแหล่ะ

น.ส.พ.แถวๆประชาชื่น

กะ

แถวๆวิภาวดี อ่ะเนอะ ...

 

 

 

ว่าแต่ อยากรู้จังว่า

พอเขียนเสร็จแล้ว

นอนหลับโล่งเลย ไหม๊ค๊าเนี่ย

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-23 06:56:11


ความคิดเห็นที่ 2 (1665705)

    ก่อนอื่นก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดา ด้วยครับที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ ในฐานะคนทำสื่อมาก่อน ถึงแม้จะเป็นสื่อสายบันเทิงก็ตาม สื่อสายอาชญากรรมอาจจะบาปเยอะ เพราะเห็นแต่สิ่งที่ไม่สวยงาม สิ่งปฏิกูล บางครั้งก็อยากย้ายสายอยู่บ้างเหมือนกัน

    แต่อยู่ๆ บก.เขาก็เรียกให้เข้ามาอยู่ข้างในสำนักพิมพ์ อยู่ใกล้เจ้านายยิ่งอึดอัดมากๆ   แต่เขาก็มอบตำแหน่งดูใหญ่โต แต่งานก็หนักตามมาครับ คือเป็นหัวหน้าข่าวภูมิภาค ดูแลนักข่าว 200 กว่าคน ทั่วประเทศ ตกข่าวไม่ได้ ฉบับอื่นมี เราต้องมีทั้งรูปทั้งข่าวที่ลึกกว่าเขา ไม่เช่นนั้นก็โดนๆๆๆ เทศนาสารพัด ดูงานข่าวภูมิภาค ถ้าลูกน้องจังหวัดไหน ไม่เอาถ่าน ก็เป็นช่องโหว่ให้คู่แข่งขันได้ข่าวดีๆ เปิดประเด็นเด็ดๆ ไป  และอีกอย่างนักข่าวต่างจังหวัดต้องทำได้ทุกข่าว ทั้งข่าวการเมือง เศรษฐกิจ กีฬา อาชญากรรม บันเทิง ยิ่งต้องคอยดูประเด็นสารพัดอย่าง ทำให้เครียด ทำบาปเพิ่มขึ้น เพราะต้องคอยจี้ คอยดุ คอยด่า ลูกน้องตัวเอง ซึ่งใจจริงแล้วไม่อยากทำ มันบาปๆๆๆ ซึ่งเราก็โดนกดดันมาจากข้างบนอีกทอด

   แต่ถือว่าโชคดี ที่วันหนึ่งอาจารย์สาวท่านหนึ่งโทรศัพท์มาหา บอกว่าได้เบอร์จากนักข่าวลพบุรี ท่านมาเปิดเผยข้อเท็จจริง ซึ่งครูบาร์อาจารย์ของท่านโดนรังแก โดนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง นำข้อมูลที่ไม่จริงใส่ร้ายอาจารย์ของท่าน  ซึ่งเราได้ทำข่าวตามจรรยาบรรณ เปิดเผยข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ทำให้ประชาชนทั่วประเทศได้รู้ข้อเท็จจริง อาจารย์ท่านนั้นคืออาจารย์น้อย หรือ อาจารย์อุบล นั้นเองครับ ท่านเป็นแม่ทัพออกรบเอง ปกป้องครูบาร์อาจารย์ของท่าน(หลวงพ่อเสงี่ยม) อย่างสุดชีวิต  ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

    

ผู้แสดงความคิดเห็น จตุพล ยอดวงศ์พะเนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-29 22:05:07



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.