ReadyPlanet.com


ความสุขที่ยิ่งใหญ่จากค่าย 19 อภิญญาใหญ่


ดิฉัน นางสาวิตรี คงศรี เคยมีความทุกข์ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน ปัญหาหนี้สิน ปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงในสำนักงาน ทำคุณคนไม่ขึ้น โดนใส่ร้ายป้ายสีจากเพื่อนร่วมงาน เจ้านายไม่ชอบคอยขัดขวางไม่ให้ก้าวหน้า สามีดื้อ นิสัยเปลี่ยนจากคนที่เคยสุภาพ อ่อนโยน เป็นผู้นำที่ดีรับผิดชอบต่อครอบครัว กลายเป็นคนเคร่งขรึม ไม่พูดไม่จา ไม่สนใจครอบครัว คบคนชั่วเป็นมิตร ดื่มเหล้าเบียร์ สูบบุหรี่ พูดจาห้วนๆ บุคลิกแข็งกระด้าง ไม่มีเหตุผล อารมณ์ร้อน หงุดหงิด ลูกดื้อ ซุกซน ทำข้าวของเสียหาย ก้าวร้าว พูดคำหยาบ เดินกระทืบเท้า ทำร้ายพ่อแม่และผู้อื่น ด้วยการ หยิก ตี เตะ ต่อย ขี้โกรธ อารมณ์ร้อน โมโหร้าย ปัญหาด้านสุขภาพ ลูกสาวคนโต อายุ 6 ขวบ น้องโบนัสมักเจ็บป่วยเป็นโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ลูกสาวคนเล็กน้องโบตั๋นอายุ 3 ขวบ เป็นภูมิแพ้มีน้ำมูกไหลตลอด ดิฉันเองก็เคยเจ็บป่วยปางตายด้วยโรคอีสุกอีใส(ติดเชื้อ) ธุรกิจอู่ซ่อมรถของครอบครัวมีปัญหา เปิดกิจการมา 1 ปี ไม่มีลูกค้ามาใช้บริการประสบกับภาวะขาดทุนขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนักไม่มีปัญญาหาเงินมาชำระหนี้สินที่กู้ยืมมาลงทุน เรียกได้ว่าชีวิตของดิฉันมีปัญหารุมเร้าทุกด้าน แทบไม่เคยได้ลิ้มรสชาติของความสุขในชีวิต จนกระทั่งได้เจอท่านอาจารย์อุบลบ้านสวนพีระมิดชีวิตที่มืดบอดของดิฉันกลับได้รับแสงสว่างส่องทางแทบทุกปัญหาที่รุมเร้ากลับดีขึ้นทันทีด้วยอานิสงค์ผลบุญบ้านสวนพีระมิดโดยเฉพาะฐานะทางการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนดิฉันไม่ทันตั้งตัว กิจการอู่ซ่อมรถของครอบครัวที่กำลังจะปิดตัวลงกลับเจริญรุ่งเรืองได้ทันที ทำให้คนที่ยากจนค้นแค้นอย่างดิฉัน ร่ำรวยมีเงินทองใช้เพียงชั่วข้ามคืน ส่วนปัญหาด้านอื่นๆ ก็ได้รับการคลี่คลายภายในระยะเวลาไม่นาน เหลือปัญหาลูกดื้อ



ผู้ตั้งกระทู้ สาวิตรี คงศรี กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2014-03-26 15:19:34


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1678052)

ปัญหาลูกดื้อ เป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้ดิฉันหนักใจที่สุด ดิฉันพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบด้วยการพูดจาดีๆ กับลูก ไม่ดุ ด่า ตีลูกเวลาที่ลูกทำผิด ให้รางวัลลูก ชื่นชม เวลาที่ลูกทำตัวเป็นเด็กดี พาลูกๆ ไปเที่ยวพักผ่อน รับประทานอาหารนอกบ้านร่วมกันในวันสำคัญ เช่น วันพ่อ วันแม่ สอนลูกด้วยเหตุและผล แต่ลูกๆ ของดิฉันสองคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดดื้อ สองคนพี่น้องมักจะทะเลาะวิวาท ด่า ว่า หยิก ตี เตะ ต่อย กันทุกวัน แถมยังวิ่งเล่นซุกซนทำให้ข้าวของเสียหายในทุกสถานที่ที่ไป ใครห้ามปรามก็ไม่ฟัง ไม่พอใจใครก็สำแดงฤทธิ์เดชด้วยการด่าด้วยคำหยาบ ดึงผม ตี เตะ ชกด่อย ขว้างปาข้าวของใส่ นอนชักดิ้นชักงอร้องเสียงดังลั่น อาละวาท เกรี้ยวกราด สร้างความรำคาญใจให้ดิฉันเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ดิฉันคิดว่าวิธีการเลี้ยงลูกแบบนิ่มนวลที่ผ่านมาใช้ไม่ได้ผล ดิฉันจึงหันมาเลี้ยงลูกด้วยวิธีการที่รุนแรง เช่น หยิก/ตี ตามแขนขา หยิกแก้มเวลาที่ลูกพูดคำหยาบ ดึงผม ตบหัว ตบหน้า เตะ ดึงแขนลูกเหวี่ยง ดึงคอเสื้อ ไล่ตี ฟาดกับไม้แขวนเสื้อ ตะคอก ตวาด ข่มขู่จะตีให้ตายถ้าลูกไม่หยุดดื้อ ทำให้ลูกกลัว ผลักไม่ให้ลูกเข้ามากอด คุณแม่ทั้งหลายอ่านแล้วคงจะงงและคิดว่าดิฉันคงเป็นคุณแม่ที่เสียสติไปแล้วลูกจะกอดก็ยังผลักไม่ให้กอด (ทุกครั้งที่ดิฉันกลับจากทำงานลูกทั้งสองคนก็จะวิ่งเข้ามาหาให้กอดให้อุ้ม ดิฉันจะกอดและหอมแก้มลูกสาวทั้งสองคนมามีปัญหาตอนอุ้ม พออุ้มพี่คนโตน้องคนเล็กไม่ยอมวิ่งเข้ามาทำร้ายทุบตีพี่สาว แต่พอดิฉันหันไปอุ้มน้องคนเล็ก พี่สาวคนโตก็ร้องไห้งอแง แอบหยิกน้อง อิจฉาน้อง ทะเลาะกันวุ่นวาย ทุกครั้งที่ลูกสาวทั้งสองคนวิ่งเข้ามาแย่งกันกอดเค้าก็จะทะเลาะกันทุกครั้ง แม้ดิฉันจะพูดบอกอย่างไรลูกก็ไม่ฟัง ไม่มีใครยอมใคร ทำให้ดิฉันรู้สึกรำคาญไม่ยอมให้ลูกกอดทั้งสองคนจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก) ดิฉันคิดว่าการเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้ลูกหลาบจำและหันมาเชื่อฟัง ทุกครั้งที่ดิฉันลงโทษลูกด้วยวิธีการที่รุนแรงลูกจะร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดและเสียใจคิดว่าแม่ไม่รัก ลูกสาวคนโตพูดทั้งน้ำตาว่า "ลูกไม่เคยโกรธแม่ที่แม่ทำให้ลูกเจ็บ ลูกรักแม่ ลูกจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้ออีกแล้ว" คำพูดของลูกทำให้ดิฉันมั่นใจว่าวิธีการเลี้ยงลูกของดิฉันได้ผลดี

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-26 15:41:22


ความคิดเห็นที่ 2 (1678054)

ดิฉันใช้ความรุนแรงเลี้ยงดูลูกมาประมาณ 2 ปี ปรากฎว่าลูกสาวทั้งสองคนไม่เคยหยุดดื้อได้เลย ยิ่งตีก็ยิ่งดื้อด้าน ดิฉันก็ยิ่งเพิ่มวิธีการลงโทษที่รุนแรงขึ้นให้สาสมกับความดื้อด้านของลูก น้องสาวของดิฉันเห็นวิธีการที่ดิฉันใช้ลงโทษลูกก็ตกใจได้ห้ามปรามบอกว่า "ดิฉันไม่ควรใช้ความรุนแรงกับลูก ให้สงสารเด็กๆ บ้าง เค้ายังเล็กอยู่" ดิฉันก็รับฟังแต่ยังทำไม่ได้ คุณแม่คอยพูดเตือนให้สติ ดิฉันก็ได้แต่ฟังยังไม่ทำตาม ดิฉันไม่เคยสารภาพบาปเรื่องที่ใช้ความรุนแรงกับลูก เพราะคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ดิฉันกระทำกับลูกนั้นเป็นบาป โง่ ขาดปัญญา ในขณะที่มาเข้าค่าย 19 อภิญญาใหญ่ ดิฉันก็แทบจะไม่ได้ทำบุญแรงกายอะไรเลย อยากจะนั่งรับฟังธรรมะจากท่านอาจารย์อุบลก็ไม่ค่อยได้ฟังต้องคอยวิ่งไล่จับลูก ก่อนกลับจากเข้าค่ายดิฉันกับคุณแม่ได้บูชาพีระมิดรุ่นอภิญญาใหญ่ จำนวน 9 คู่ ขวดอภิญญาใหญ่ทั้ง 6 สี สำหรับใช้ในครอบครัว

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-26 15:51:47


ความคิดเห็นที่ 3 (1678058)

ในขณะที่ขับรถออกจากบ้านสวน ลูกสาวคนโตเห็นกล่องขนมเค้กวางอยู่ในรถก็อยากจะกิน น้องจุ๊บที่นั่งมาด้วยกันบอกว่าตนเองลืมได้วางขนมเค้กทิ้งไว้ในรถขนมบูดแล้วทานไม่ได้ แกก็ร้องไห้งอแงจะเอาขนมเค้กในกล่องมากิน ดิฉันรู้สึกหงุดหงิดรำคาญลูกเลยเอาขนมเค้กบูดยัดใส่ปากให้ลูกกิน เหม็นคลุ้งไปทั้งรถลูกสาวคนเล็กทนความเหม็นไม่ไหว อ้วกใส่หัวดิฉัน คุณป้าเห็นเนื้อตัวดิฉันสกปรกเต็มไปด้วยอ้วกก็หัวเราะแล้วพูดว่า "เห็นมั้ยลูก เหตุมันเกิดเพราะลูก แค่เด็กสองคนทะเลาะกันตลอดทางป้าก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว นี่แหละเขาเรียกว่าเวรกรรมตามทัน เอาขนมเค้กเหม็นบูดยัดปากลูก ลูกมันเหม็นมันก็อ้วกใส่ให้ ทำให้เหม็นไปทั้งตัวเลยเป็นไงหล่ะ"  "นี่แหละผลของการไม่ใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา ไม่ทำตามที่อาจารย์อุบลสอน" คุณแม่พูดเสริม ลูกสาวคนโตพูดขึ้นว่า "แม่ใจร้าย อยากให้ป๊าหาแม่คนใหม่ให้" ดิฉันได้สติเริ่มคิดตามในสิ่งที่ทุกคนพูด

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-26 16:04:26


ความคิดเห็นที่ 4 (1678063)

ดิฉันเดินทางกลับจากนครนายกตอนเย็นวันอาทิตย์ ถึงบ้านที่ปัตตานีในวันจันทร์ เวลา 2 ทุ่ม ทุกคนต่างเมื่อยล้ากับการนั่งรถทางไกล ดิฉันรีบจัดแจงให้เด็กๆ อาบน้ำเข้านอน ในขณะที่ลูกสาวทั้งสองคนกำลังอาบน้ำ ดิฉันเดินไปเตรียมผ้าเช็ดตัว ด้วยความซุกซนเด็กๆ พากันวิ่งออกมาจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ตัวยังเปียก ดิฉันได้ห้ามปรามกลัวจะลื่นล้มลงหัวฟาดพื้นบอกลูกให้รีบมาเช็ดตัว ลูกสาวทั้งสองคนก็ไม่สนใจยังเล่นกันสนุกสนาน ดิฉันเลยบิดหูไปคนละทีแล้วจับมาแต่งตัว เมื่อเสร็จภาระกิจเรื่องลูกแล้ว ดิฉันกับคุณแม่ได้นำพีระมิดรุ่นอภิญญาใหญ่ที่บูชามาไปจัดวางไว้ในที่สูง นำขวดอภิญญาใหญ่มาใช้ ขอให้ผีที่ทำให้ลูกดื้อไม่เชื่อฟัง อนุโมทนารับบุญจากขวดอภิญญาใหญ่แล้วขึ้นสู่นิพพานทันทีด้วยเถิด ลูกสาวคนโตของดิฉันก็ใช้ขวดอภิญญาให้ผีที่ทำให้ดิฉัน โกรธลูก ทำร้ายลูก ขึ้นสู่นิพพานด้วยเช่นกัน เมื่อลูกเข้านอนดิฉันก็ไปล้างห้องน้ำในขณะที่ล้างห้องน้ำก็เกิดปัญญาขึ้นมาว่า "ดิฉันเลี้ยงลูกไม่ถูก เราเลี้ยงดูเขาอย่างไร ต่อไปเขาจะเลี้ยงดูเราอย่างนั้น" เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็เห็นภาพที่ตนเองเลี้ยงดูลูกด้วยวิธีการที่รุนแรงมาตลอด 2 ปี ขาดความเมตตาต่อลูก คิดถึงคำพูดของคุณแหล๋นที่บอกว่า ลูกของดิฉันต้องการความรัก ต้องการให้แม่กอด ดิฉันก็นึกเห็นภาพที่ลูกตนเองวิ่งปรี่เข้าไปกอดคนนั้นทีคนโน้นที น้ำตามันก็ไหล ลูกสาวของดิฉันทั้งสองคนเค้าเป็นเด็กที่ขาดความรักจริงๆ โดยเฉพาะความรักจากคนที่เป็นแม่ อยากให้แม่กอด

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-26 16:22:01


ความคิดเห็นที่ 5 (1678065)

ปัญญา ทำให้ดิฉันคิดได้ว่า การที่ลูกทั้งสองคนแย่งกันกอดดิฉันจนต้องทะเลาะกันก็เพราะเค้ารักดิฉันอยากให้ดิฉันแสดงออกให้เค้ารับรู้และมั่นใจได้ว่าดิฉันรักเค้าสองคนพี่น้องเท่ากันไม่ได้รักใครคนใดคนหนึ่งมากกว่าก็เท่านั้นเอง และการที่ลูกสาวของดิฉันทั้งสองคนแสดงออกถึงพฤติกรรมที่รุนแรง ก้าวร้าว พูดคำหยาบ ให้ดิฉันเห็นตลอดเวลานั้นเป็นเสมือนกระจกเงาสะท้อนกรรมที่ดิฉันปลูกฝังและสั่งสอนเค้าด้วยวิธีการที่รุนแรงนั่นเอง ตอนนี้ดิฉันหันมาใช้ปัญญา สามารถแก้ไขปัญหาลูกดื้อได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากที่เคยเป็นคุณแม่หน้ายักษ์มาเป็นคุณแม่น่ารักของลูกๆ ด้วยบุญอภิญญาใหญ่ที่ให้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่เรื้อรังมานานได้อย่างรวดเร็วฉับพลันทันที ทำให้ครอบครัวของดิฉันได้ค้นพบและสัมผัสกับความสุขที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ลูกขอน้อมกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีท่านพ่อดตาจินินเป็นที่สุด เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลและท่านอาจารย์อุบลที่ประทานปัญญาให้ลูก กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น สาวิตรี คงศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-26 16:35:27


ความคิดเห็นที่ 6 (1678095)

สาธุค่ะคุณเอ็มโมทนาบุญด้วยนะค่ะ นั้นและเราจะลูกแล้วหันมาดูเราก่อนเป็นกระจกสะท้อนว่าเราก้เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน แค่อ่านถึงเอาขนมบูดป้ายปากลุก ผลก็คือ ลูกอวกใส่แม่...ให้ทุกข์แก่ลูก  ทุกข์นั้นถึงแม่ค่ะ 555+

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-03-26 20:05:12



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.