แล้วเรื่องที่บอกว่า

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องศีลนั้น

ยิ่งไปกันใหญ่

แถมบอกว่า ศีล มามีหลังพระพุทธเจ้า

โอ

อันนี้ ตอบได้เลย นะจ๊ะ

ว่า

เป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างแรง

แม้ว่า อ.อุบล จะเกิดไม่ทัน

พระพุทธเจ้า

แต่คำสอนทั้งหมด

ศีล

เป็นหัวใจสำคัญขั้นพื้นฐาน

ที่จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์ทั้งปวง

ไฉนเลย

จึงมาหยิบยกเรื่องอัน

ตรงกันข้ามเช่นนี้มากล่าวอ้าง

ทุกบริบท

พระพุทธเจ้าได้กล่าวถึง

ศีลทั้งสิ้น

ตั้งแต่พระกรรมฐาน 40 กอง

ศีลานุสติกรรมฐาน

ก็เป็น 1 ใน 40 กองแล้ว

ฝึกกองนี้กองเดียว

ก็เป็นอรหันต์ได้แล้ว

อันนี้ไม่ได้พูดเอง หลวงพ่อบอก

พระพุทธองค์รับรองผลไว้

แล้วก็เรื่อง

ศีล สมาธิ ปัญญา

พระไตรปิฎกทุกบท

กล่าวถึงศีลไว้ทั้งสิ้น

บทที่ 1

พระพุทธองค์ทรงแสดง

ศีล 3 ชั้น คือ

1.จุลศีล

2.มัจฉิมศีล

3.มหาศีล

นี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อย

ที่พระพุทธเจ้ากล่าวอ้างถึง ศีล

ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า

ศีล

เกิดทีหลังพระพุทธเจ้านั้น

ขอยืนยันว่าไม่จริง

แล้วยิ่งถ้าบอกว่า

พระไตรปิฎกเชื่อถือไม่ได้นั้น

ก็ถ้าคิดได้ขนาดนี้

ก็คงไม่ต้องนับถือศาสนาอะไรแล้วหละ

เชื่อตัวเองเถอะ

ถ้าคิดว่า อะไรก็เชื่อไม่ได้

แม้แต่หลักกาลามสูตร

ทำไมไม่เอามาพิจารณา

แล้วคำสอนของพระพุทธเจ้า

พวกเราพิสูจน์กันมาแล้ว

ด้วยตัวพวกเราเอง

ว่าทำตามแล้ว

พ้นทุกข์ มีสุขจริง

เห็นผลจริง ดังนั้น เราจะยึดถือ

ความจริงอันนี้ เป็นสิ่งยืนยันความจริง

เพราะ

มันทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลง

ในทางที่ดีขึ้นได้จริง

ถ้าท่านสอนไว้ผิด

ชีวิตพวกเราที่มาทำตาม

คำสอนท่าน คงมีแต่ความทุกข์

กันแล้วหละ

แต่ที่เห็นคนที่ทุกข์

อยู่ทุกวันนี้ ก็เห็นมีแต่

ผิดศีล ไม่สนใจ คำสอน กันทั้งนั้น

กราบเรียน ท่านอาจารย์อุบล, ท่านอาจารย์มงคล และคุณท็อป

 เรื่อง  ขอสมัครเข้าร่วมค่าย13

1.ชื่อ-สกุล นางสาวภวยา เส็งพานิช  อายุ 45 ปี

2.ที่อยู่  มีนบุรี  กรุงเทพ

3.ตำแหน่ง หัวหน้าส่วนสนับสนุนสินเชื่อแฟลตและสินเชื่อพัฒนาโครงการ    อาชีพ พนักงานรัฐวิสาหกิจ

4.ปัญหาที่ต้องการบำบัด และขอบารมีพระศรีอาริย์   สายตายาว, นิ้วและมือข้างขวาปวดชา, เนื้องอกที่มดลูก, ผื่นคันขึ้นตามหลังและลำตัว, มีหนี้สิน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน,ต้องการมีสติ สมาธิ ปัญญา เพื่อเข้าถึงธรรมได้สำเร็จ และปรารถนานิพพานในชาตินี้

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา กราบขอบพระคุณค่ะ

ภวยา เส็งพานิช

ทำไม

พระศรีอาริย์

จะต้องปกปิด พระองค์จริง

ทำไมพระองค์ท่านไม่เปิดเผย

ตรงๆไปเลย

                     การปรากฎกายหรือการเปิดเผยของพระองค์คงจะต้องดูจังหวะและโอกาส เนื่องจากการเปิดเผยในช่วงนี้ย่อมมีผลเสีย

                     มากกว่าผลดี เพราะในช้วงเวลานี้ผู้คนยังไม่ได้รับภัยร้ายแรงใดใด ต่างก็วัดความเป็นคนดีที่ความรํารวย อำนาจ บารมี

                     โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม บาปบุญคุณโทษแม้จะมีใครเตือนหรือชักจูงให้ทำความดีย่อมไม่สนใจ แต่กลับจะพุดและกล่าว

                     วาจาปรามาสได้ พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อทุกฯคน จึงน่าจะเปิดเผยพระองค์ท่านในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งไม่อยาก

                     จะคิดถึงวันนั้นเลยคะ

 ทำไม

พระศรีอาริย์

จะต้องปกปิด พระองค์จริง

ทำไมพระองค์ท่านไม่เปิดเผย

ตรงๆไปเลย

***************

ส่วนตัวคิดว่า

ถึงแม้ดวงจิตของพระศรีอาริย์จะลงมาเกิดในโลกมนุษย์แล้ว

แต่พระองค์ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ดวงจิตของพระองค์ที่ลงมาเกิดน่าจะยังเป็นพระโพธิสัตว์

(นิตยโพธิสัตว์ / วิริยาธิกโพธิสัตว์) ผู้รอการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

ดังนั้นถ้าพระองค์ทรงเปิดเผยหรือแสดงตนก่อนก็น่าจะเป็นการผิดบาปอย่างหนึ่ง

เพราะแม้แต่เจ้าชายสิทธัตถะท่านก็ไม่เคยกล่าวอ้างว่า

การลงมาเกิดของท่านก็เป็นการมาเพื่อจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

จนพระองค์ได้ตรัสรู้

ในเวลาที่พระองค์ตรัสรู้นั้นก็จะเกิดปรากฏการณ์ต่างๆที่ทำให้เทพ พรหมเทวา

และทุกชีวิตรู้ว่าพระพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นในโลก

ทำไม

พระศรีอาริย์

จะต้องปกปิด พระองค์จริง

ทำไมพระองค์ท่านไม่เปิดเผย

ตรงๆไปเลย

--------

ทุกฝ่ายต้องการตามหา แต่จุดประสงค์การตามต่างกัน

ฝ่ายมารไม่ต้องการให้ใครได้ดี ได้ทำความดี จะทำตรงข้ามกับความดี

ทุกวันนี้คนทำผิดศีลทั้ง 5 ข้อ จนนึกว่าเป็นเรื่องปกติ จนคนทำความดีถูกมองว่าแปลกทำอะไรแปลกกว่าคนอื่น หาว่าเป็นคนไม่ดีบ้าง จิตไม่ดีบ้าง เป็นบ้าไปแล้วบ้าง สังคมวุ่นวาย คนไม่ดีได้รับ ตำแหน่งหน้าที่ในสังคม คนยึดถือในวัตถุ ฯลฯ คนดี ๆ ต้องสงบ เจียมตัว ต้องเก็บตัว ไม่แสดงออก เดี๋ยวจะเป็นภัยแก่ตัวเอง

ส่วนคนดี ๆ ก็ต้องการ พระเมตตา บารมีของพระองค์ นำพาชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น นำสู่ความหลุดพ้นทุกข์ทั้งปวง พระองค์นำพาไปสู่นิพพาน

ถ้าพระองค์เปิดเผยตัวทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีทุก อย่างดัวยพระบารมีมิอาจประมาณได้   คนทำไม่ดีทำความชั่วมีมากเหลือเกินโลกนี้จึงต้องมีการจัดระเบียบของตัวมันเอง อาจจะเป็นกฏของจักวาล หรืออะไรสักอย่างทำให้เกิดความสมดุลย์ ปรากฏการบ้านสวนพีระมิด ทำให้คนทำชั่วทำไม่ดีกลับใจเริ่มมาทำความดี สร้างพลังบวกให้กับโลก หรืออาจจะเป็นภัยพิบัติที่จะมากวาดล้างผู้คนเป็นจำนวนมาก  และในจำนวนนั้นก็มีคนดีที่ไม่สมควรถูกภัยนั้นกวาดล้างอยู่ด้วย บางคนก็ยังไม่หมดอายุไข ซึ่งกรรมดำรวมตัวครั้งนี้เป็นกรรมใหญ่ เป็นสิ่งที่คนดี ๆ ก็ไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่ได้รับบารมีจากพระศรีอาริย์ เมื่อถึงเวลาอันสมควรพระองค์จะปรากฏ และคนที่พบเห็นก็จะรู้ว่าใช่ไม่ผิดพระองค์แน่ และตอนนั้นจะไม่มีตัวปลอมของปลอม

คุณทัศนีย์พยาบาล ไม่สามารถโพสต์ใน web บ้านสวนเพราะไม่ได้เป็นสมาชิก จึงฝากจิ๋ม ชัชวลี ช่วยโพสต์ข้อความแทน ดังนี้ค่ะ

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบล   อาจารย์มงคล  และคุณท็อป 

 1.ชื่อ สกุล : น.ส.ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล อายุ 52 ปี 

 2.ที่อยู่ : เขตพญาไท  จ. กรุงเทพมหานคร

 3.ตำแหน่ง : พยาบาลวิชาชีพ  อาชีพพยาบาล

 4.ปัญหาที่ต้องการบำบัด และขอบารมีพระศรีอาริย์ :

   มีปัญหาสายตายาว  ปวดหลัง คอ ต้นแขน ขา เข่า กระดูกนิ้วมือ ภูมิแพ้ ไทรอยด์ ท้องผูก  มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม  นิพพานชาตินี้ 

  ขอให้ผู้ร่วมงาน   คนในครอบครัวและชาวโลกทุกคนมีดวงตาเห็นธรรม

  ละชั่วทำบาป  รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง

กาลามสูตร เป็นหลักแห่งความเชื่อ  ไม่ให้เชื่อ แบบ งมงาย โดย ไม่ใช้ปัญญาพิจารณา ให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี โดยไม่ได้พิสูจน์ ก่อนเชื่อ มี 10 ประการคือ ---------- 1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟัง ๆ กันมา 2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อ ๆ กันมา 3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ 4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา 5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา 6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา 7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล 8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน 9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ มีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้ 10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูด เป็น ครูบาอาจารย์ของตน   ความเห็นของ คุณเกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น --------------------------------- ถ้าได้พิสูจน์แล้ว ยังไม่เชื่ออีก เรียกว่า "โง่" บรมโง่ โค ตะ ระ โง่ จ้า   ชอบ เลยก๊อปมาให้อ่าน ทบทวนอีกที ควรก๊อปไปไว้ทุกกระทู้ด้วยนะนี่

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-09-04 20:45:23

ขอบคุณอาจารย์อุบลที่กล่าวเตือนเรื่องไม่ควรปรามาสศาสดาของศาสนาอื่น

เพราะหมอก็เคยนึกโกรธคำสอนของศาสนา อิสลามว่าทำให้เกิดเหตุรุนแรงในภาคใต้ ที่จริงคนที่ปฏิบัติตามแล้วเป็นคนดีไม่เบียดเบียนผู้อื่นก็มีอยู่มาก ไม่น่าจะเป็นเพราะคำสอนที่ทำให้ผู้คนหลงผิดทำร้ายผู้อื่นโดยอ้างเพื่อพระเจ้า

ต่อไปนี้จะระมัดระวังมากขึ้นคะ

สาธุ สาธุ ขออโหสิกรรมต่อท่านเจ้าของศาสนาที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินท่านคะ

กราบเรียน  อ.อุบล-อ.มงคล ศุภาเดชาภรณ์และคุณท๊อป

  ขอสมัครเข้าร่วมค่าย13 จำนวน  3 คนด้วยค่ะ

 1.ชื่อ-สกุล นางวรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร(เบญ) อายุ 48 ปี

-.ที่อยู่ 1/2 ม.12 ต.วังทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร

-.ตำแหน่ง ค้าขายชื่อร้านเกียรติชัยฟีด

-.ปัญหาที่ต้องการบำบัด และขอบารมีพระศรีอาริย์

สายตาสั้น ขอชมบารมีพระศรีอาริย์ ต้องการปลดหนี้และไถ่ถอนที่อยู่อาศัย ต้องการให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง ต้องการปกป้องสามร่มโพธิ์ศรี ต้องการมีสติ สมาธิและปัญญาทุกลมหายใจ ปรารถนานิพพานในชาตินี้

 3.ชื่อ-สกุล ด.ช.ศรัณยู  คุณาเจริญสุข(เซี่ยวปิง) อายุ 14 ปี

-.ที่อยู่ 120/1 ถ.บำรุงราษฏร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร

-.ตำแหน่ง นักเรียน ชั้น ม.1 รร.จุฬาภรณ์กำแพงเพชร 

-.ปัญหาที่ต้องการบำบัด และขอบารมีพระศรีอาริย์

ต้องการให้แม่ปลดหนี้ ต้องการเรียนหนังสือเก่งและมีสมาธิ ขอชมบารมีพระศรีอาริย์  ต้องการมีสติ สมาธิและปัญญาทุกลมหายใจ 

  จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา กราบขอบพระคุณค่ะ

 เอกสารทั้งหมดจะส่ง EMS วันจันทร์ค่ะ

กราบเรียน ท่านอาจารย์อุบล, ท่านอาจารย์มงคล และคุณท็อป

 เรื่อง  ขออนุญาตสมัครเข้าร่วมค่าย13 (ขออนุญาตแทนค่ะ)

1.ชื่อ-สกุล นางสวรรค์ วงศ์สุวรรณ อายุ 72 ปี

2.ที่อยู่  เขตหลักสี่ จ. กรุงเทพฯ

3.ตำแหน่ง -    อาชีพ แม่บ้าน

4.ปัญหาที่ต้องการบำบัด และขอบารมีพระศรีอาริย์  

    มึนหัว ปวดตามร่างกาย เครียด เคือง/คันตา ต้องการฟังธรรม มีสติ ปัญญา เข้าใจธรรม

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา กราบขอบพระคุณค่ะ

ได้อ่านบทความที่หลวงพ่อชัยยะท่านกล่าวไว้ถึงพระศรีอาริย์และยุคของพระองค์ก็รู้สึกยินดีค่ะ กราบพระบาทพระองค์ที่จะทรงเสด็จลงมาช่วยโลกในอีกไม่นาน คิดว่าบุคคลที่ปรารถนาจะได้อยู่ในยุคของพระศรีอาริย์ต้องเข้าถึงกระแสพระนิพพาน มีจิตใจที่เข้มแข็ง หยุดผิดศีล หยุดสร้างบาป ท่านอ.อุบลก็ได้สอนหลายครั้งแล้ว แต่ขวัญยังทำบาปอยู่เลยค่ะ เช่น พอมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็จะชอบมีอารมณ์ไม่พอใจ รำคาญ เบื่อ เซ็ง มากระทบใจโดยอัตโนมัติ แล้ววันพฤหัสที่ผ่านมาก็โกหก บิดเบือนคำพูด สำนึกผิดตั้งแต่คิดที่จะพูดแต่ก็ยังทำ ไม่กล้าพูดความจริง สอบตกไปนิพพานค่ะ หลังจากนั้นจึงสารภาพกับจี้ และคิดว่าผลจากบาปนี้คือเจ็บคอค่ะ เกิดขึ้นเร็วมาก

ขวัญคิดว่าไม่เคยสงสัยทำไมพระศรีอาริย์ถึงทรงปกปิดพระองค์จริง เพราะเชื่อตลอดว่าท่านจะทรงเปิดเผยพระองค์ เมื่อท่านและเบื้องบนทรงเห็นว่าถึงเวลาที่เหมาะสม และคิดว่าพระองค์จะทรงเปิดเผยอย่างสง่างาม ในเวลาที่มีแต่พระอริยเจ้าผู้มีบารมีถึงพร้อมแล้ว คงเป็นตอนหลังเกิดภัยพิบัติใหญ่ ไม่ใช่ในเวลานี้ที่สังคมกำลังวุ่นวายค่ะ หากท่านทรงเปิดเผยพระองค์ตอนนี้ ผู้ที่ไม่เชื่อปรามาสท่าน ก็ต้องเจอเคราะห์กรรมหนัก ตกนรก ดังนั้น เวลาที่มีแต่คนที่มีวาระจิตพร้อม ผู้ที่เข้าถึงธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คงเป็นเวลาที่เหมาะสมค่ะ

ที่นกพิราบเข้ามาบ้านสวน ก็ขอคิดแปลความหมายเอาเองนะคะ ว่าในอนาคตอันใกล้ เมื่อเกิดภัยพิบัติ นกพิราบสื่อสารคงเป็นวิธีเดียวที่จะติดต่อกับคนข้างนอก เนื่องจากอาจจะใช้ระบบสื่อสาร และเดินทางไปที่ๆต้องการไป ไปหาคนที่ต้องการติดต่อ ไม่ได้ชั่วคราวค่ะ

กราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบลที่เมตตาเขียนชี้แจง

รายละเอียดในคำทำนายที่ผิดไปจากความจริง

ให้คนอ่านได้พิจารณาความจริงและเกิดปัญญาได้

และต้องกราบขอขมาที่ได้นำมาลงด้วยคะ

เพราะคนที่เข้ามาอ่านและอาจไม่มีปัญญาพิจารณาพอ

อาจเกิดการสับสน  และคล้อยตามมารได้

หรือคนที่นับถือพุทธ หรือคริสต์ อาจไม่พอใจ

และเป็นต้นเหตุให้เกิดสงครามศาสนาดังที่อ.ได้บอกไว้

โดยอาจเริ่มจากคำพูดที่ไม่ดีไม่กี่คำเป็นจุดเริ่มต้น

แล้วลุกลามใหญ่โตไปข้างหน้าได้อีกมาก

จึงทำให้เข้าใจได้ว่า เหตุใด พระศรีอาริย์จึงไม่ปรากฏพระวรกาย

หรือประกาศออกไปตรง ๆ เพราะท่านต้องการให้คนที่ได้พบท่าน

ต้องพบท่าน หรือรับรู้ว่าท่านคือพระศรีอาริย์

ด้วยจิต ด้วยปัญญาของตนเองอย่างแท้จริง

โดยไม่ได้เชื่อเพราะข้อมูล ไม่เชื่อเพราะใครบอก

ไม่เชื่อเพราะถูกหลอก หรือไม่มีปัญญา

แต่ต้องหาท่านเจอด้วยการสัมผัสด้วยหัวใจของตัวเองเท่านั้น

กราบขอบพระคุณอ.อุบล พระศรีอาริย์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์คะ

และกราบขอขมาพระเยซู และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

ที่นำคำทำนายที่บิดเบือนจากความจริง

ที่เป็นแผนของมารมาหลอกให้สังคมวุ่นวาย

คนเห็นผิดเป็นชอบ มาแสดงในกระทู้นี้ด้วยคะ สาธุ ๆ ๆ

                                          อัญชลีคิดว่าพระศรีอาริย์ ท่านมิได้ทรงปกปิดพระองค์แต่อย่างใดเพียงแต่รอการถูกค้นพบ

                                         จากผู้ที่อาสามาร่วม กอบกู้ชาติ  ศาสน์  กษัตริย์ถวายตัวที่จะช่วยงานในพระองค์ให้สำเร็จค่ะ

                                         และพระองค์จะคอยช่วยเหลือคนดีมี ศีลธรรม พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่จะให้ได้อยู่

                                                    ในยุคของพระองค์ได้อย่างอยู่รอด ปลอดภัย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

                                                                               คงจะเปิดเผยพระองค์เอง

                                         ผิดถูกอย่างไร กราบขอขมาท่านอ.อุบลด้วยค่ะ

       ในงานธรรมบำบัดที่โรงแรมเดอะแทรเวร์เลอร์  ได้สัมผัสบารมีพระศรีอาริย์ด้วยอาการปิติน้ำตาไหล แม้ในขณะที่กำลังเริ่มเขียนอยู่นี้ก็เกิดอาการอยากจะร้องไห้ออกมา  อ.จิตรา ท่านบอกว่า เรามาถูกทางแล้ว  จาวคิดว่าเมื่อถึงเวลาท่านจะมาปรากฎตัว แม้ในตอนนี้ท่านจะยังไม่ปรากฎตัว อาจจะเป็นด้วยว่าท่านได้มอบหมายหน้าที่ที่สำคัญตอนนี้อยู่ให้ใคร  ใครที่เราต่างก็รู้  ว่ากำลังทำหน้าที่แทนท่านอยู่  พอถึงเวลานั้นที่พระองค์จะปรากฎตัว  คงเป็นเวลาที่ผู้ที่ทำหน้าที่ได้ทำสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว และพร้อมที่จะรับมอบหมายให้ทำหน้าที่ต่อไปอีกช่วยพระองค์ท่าน

        ตอนนี้ เราต่างก็ได้รับสัมผัสบารมีของท่านผ่าน อ.อุบล เสมือนหนึ่งว่า เรามีท่านเป็นสรณะ เชื่อว่าพระองค์ท่านมีอยู่จริงแล้ว แม้ว่าเราจะต้องตามหาท่านเพียงไร  เราก็ยังมีความหวังเพราะรู้ว่า ท่านมีอยู่จริงและคงอีกไม่นาน เราคงได้พบ และได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยงานท่านต่อไปในอนาคตกาล  เชื่อด้วยจิต สัมผัสด้วยหัวใจตัวเองค่ะ

กราบเรียน อ.อุบล อ.มงคล และคุณท้อป

 ขอสมัครเข้าร่วมค่าย13 ด้วยครับ

1.ชื่อ-สกุล นายวัชระ เลิศวิทยากรณ์อายุ 27ปี

2.ที่อยู่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์

3.ตำแหน่ง เจ้าของกิจการ อาชีพ ค้าขาย

4.ปัญหาที่ต้องการบำบัด และขอบารมีพระศรีอาริย์

สายตาสั้น+เอียง ผมร่วง หัวเข่ามีเสียงลั่นกรอบแกรบทั้ง2ข้าง ปวดส้นเท้าทั้ง2ข้าง ความรักไม่สมหวัง ต้องการมีคุณสมบัติในการฟันฝ่าทุกปัญหาทุกสถานการณ์ ต้องการวางอารมณ์แบบพระโสดาบันอย่างถูกต้อง

ค่าย 13

จะปิดรับสมัครวัน

พุธที่ 3 ตุลาคม 55 นะคะ

ขอให้ท่านที่สมัคร

คอยเข้ามาติดตามประกาศ

ทางกระทู้นี้นะคะ

สำหรับคนที่

สมัครแล้ว ส่งเอกสารครบแล้ว

ชำระเงินแล้ว ให้รีบไปเขียน

ขออนุญาตเข้าบ้านสวน

ไว้ก่อนประกาศผล

แต่

จะเข้าบ้านสวนได้

ต่อเมื่อท่านได้รับคัดเลือกแล้ว

เท่านั้นค่ะ

สำหรับท่านที่

จะเตรียมตัวไปบ้านสวน

ครั้งแรก

โปรดทราบว่าขณะนี้

อากาศกลางคืนหนาวเย็น

โปรดเตรียมเสื้อผ้ากันหนาว

เตรียมชุด

ร่วมกิจกรรมแรงกาย

แบบที่ท่านถนัด

ตลอดเวลาร่วมกิจกรรม

ไม่ต้องใส่ชุดขาวค่ะ

ส่วนวันอาทิตย์

แต่งสวย หล่อ ได้เต็มที่

นะจ๊ะ

สงสัย

เชิญสอบถามเพิ่มเติมค่ะ

ขอให้ทุกท่าน

โชคดี

ค่ะ

กราบอนุโมทนาในทุกๆคำชี้แจง

จากท่านอาจารย์

ที่อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดเกี่ยวกับ

ท่านพระเยซู

และเรื่องที่ว่า

ศีล มามีหลังพระพุทธเจ้า ด้วยค่ะ

ซึ่งชนิดาคิดว่า ข้อมูลเดี๋ยวนี้

มีทั้งส่วนดี เชื่อถือได้

แต่ในขณะเดียวกัน

ก็มีส่วนที่ต้องพิจาณาให้ดี

ก่อนที่จะเชื่อ

เพราะทุกๆข้อความมักจะใส่

ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนไปด้วยเสมอ

และบางครั้ง"ข้อมูล"ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือ

ให้คนสับสน ได้่บ่อยๆเช่นกัน

แต่ชนิดาค่อนข้างมั่นใจนะคะว่า

เดี๋ยวนี้ลูกบ้านสวนฯไม่น่าจะ

ถูก"มาร"มาล่อได้่ง่ายๆแล้วนะ

เพราะเราได้เรียนรู้

ได้เห็นความเนียนของมาร

ทั้งในจิตเราเอง

รวมทั้งมารที่มาในรูปแบบต่างๆ

ที่เบื้องบนจัดมาให้พิจารณาอยู่บ่อยๆ

ในบ้านสวนฯและในเว็บบ้านสวนฯ

ฉะนั้น ลูกบ้านสวนฯส่วนใหญ่น่า

จะมีภูมิคุ้มกัน "มาร" ได้ไม่มากก็น้อยแล้ว....

ส่วนเรื่องการเปิดเผยพระองค์

ของพระศรีอาริย์

ชนิดาก็เชื่ออย่างที่เคยเชื่อ

มาโดยตลอดนะคะว่า

พระองค์จะไม่ประกาศตัวเองแน่นอน

แต่คนที่ต้องการพบพระองค์

ต้องค้นพบได้ด้วย

"จิตที่บริสุทธิ์และมุ่งมั่น"

ของตัวเองเท่านั้น...

และเมื่อสักวันหนึ่ง

เมื่่อจำนวนผู้คนที่ได้

พบพระองค์ด้วยจิตของตน

มีจำนวนมากพอ

ที่จะสนับสนุนให้พระองค์ ปรากฏกาย ได้

โดยไม่มีฝ่ายมารหรือฝ่ายใดมาโต้แย้ง

เมื่อนั้น ก็คือ เวลา"อันควร" ค่ะ ....

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบล อาจารย์มงคล และคุณท้อปค่ะ

เรื่อง: ขออนุญาติร่ามงานเข้าค่าย 13 ค่ะ

1.ชื่อ: นางอังคณา สมมาก

ที่อยู่: อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

ตำแหน่งงาน: เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สำนักงานการคลังสภากาชาดไทย

ปัญหา: ต้องการให้สามีเลิกอาชีพเลี้ยงปลาสลิดไปทำอาชีพอื่นที่ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น

2.ชื่อ: เด็กหญิงวรัทยา สมมาก (ต้นอ้อ)

นักเรียนอนุบาล 2 โรงเรียนคริสตรธรรมวิทยา

ที่อยู่: อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

ปัญหา: มีเนื้องอกในสมอง ขนตาล่างซ้านแทงตาทำให้ตาอักเสบ

  กราบขออนุญาติและขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

ทำไม

พระศรีอาริย์

จะต้องปกปิด พระองค์จริง

ทำไมพระองค์ท่านไม่เปิดเผย

ตรงๆไปเลย

***

ผมคิดว่า จากบทความที่พูดถึงท่านนั้น มีการบิดเบือนจากฝ่ายมารอาจจะทำให้เกิดการโจมตีจากผู้ที่หลงเชื่อ ซึ่งอาจจะเป็นผลบาปกับผู้หลงผิดได้ แต่การอารธณา บารมีท่านมาเพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสนั้น และพิสูจน์ได้เป็นวิทยาศาสตร์ เหมือนเป็นการปูทาง ให้ผู้คนเกิดความศรัทธาก่อน และ เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมมากขึ้น

อ่านแล้วขำดีครับ เรื่องที่เขาบอกว่าแปลจากบทความภาษาอังกฤษ อันที่จริงแล้วผมเองก็เคยอ่านบทความนี้มานานแล้ว และคิดว่าหลายๆท่านก็คงเคยอ่านมาบ้างเหมือนกัน

เรียกว่าคนเขียนนี่มั่วได้ใจสุดๆ และมั่นใจว่ามีหลายคนนำมาแต่งเติมกันยกใหญ่เพื่อเรียกความสนใจในบทความของตนเอง จนลืมว่าตนเองกำลังก้าวลงสู่นรกอย่างแน่นอน

มีอย่างที่ไหนที่พระเจ้าจักรพรรดิ์จะปิดศาสนาอื่น เป็นเรื่องไร้สาระ เสียสติ ไม่ใช้ปัญญาคิดเลย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสอนให้มีแต่ความรักความเมตตา ไม่เบียดเบียน ทำลายซึ่งกันและกัน

แต่นี่เขียนด้วยสมองส่วนไหนไม่ทราบ และผมมั่นใจว่านี่คือบทความของมาร ที่พยายามเรียบเรียงถ้อยคำให้กลมกลืน อ่านแบบผิวเผินอาจดูน่าเชื่อถือและตรงกับคำทำนายอีกหลายๆแหล่ง

แต่ก็พยามทำเนียนแฝงจิตมารอยู่แบบให้คนอ่านคล้อยตาม หากเรายึดคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักก็จะเข้าใจทันทีว่านี่คือบทความที่เหล่ามารจ้องคอยทำลายความรัก ความสามัคคีของคนทั่วโลก เพราะทุกคนก็รู้ดีว่าทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ให้คนรักกัน ไม่ใช่การทำลายซึ่งกันและกันแบบนี้ 

ทำไม

พระศรีอาริย์

จะต้องปกปิด พระองค์จริง

ทำไมพระองค์ท่านไม่เปิดเผย

ตรงๆไปเลย

ผมคิดว่าทุกอย่างเบื้องบนต้องมีเหตุผลที่สำคัญแน่นอน และตอนนี้สำหรับผมเห็นชัดเจนเลยว่า

ผู้คนทั่วโลกมีแต่จิตลบมากมาย ทำลาย ห้ำหั่น เบียดเบียนกัน เรียกว่าเป็นพวกจิตลบมากกว่าจิตบวกมากมายนัก ที่สำคัญคือฝ่ายมาร ก็คงรู้ว่าพระองค์ท่านจะต้องเสด็จลงมาเพื่อปราบอธรรมแน่นอนที่สุด แล้วมีหรือมารทั้งหลายจะยอมให้พระองค์ทำหน้าที่ได้สำเร็จ

ดังนั้นการปรากฏพระวรกายของพระองค์ท่าน หากยังไม่ถึงเวลาอันสมควรก็คงมีอันตราย

เพราะดูจากพุทธประวัติแล้ว พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก็คือคนทั่วไปธรรมดา และบำเพ็ญเพียรจนกว่าจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ดังนั้นระหว่างที่ยังทรงไม่บรรลุเป็นพระพุทธเจ้านั้น ย่อมมีอันตรายได้ หากมารล่วงรู้ว่าพระองค์ท่านคือใคร

และผู้ใดที่ทำหน้าที่จะเผยแผ่พระบารมีและตามหาพระองค์ท่านก็ย่อมเป็นเป้าหมายของฝ่ายมารที่คอยขัดขวาง และทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายล้างให้สิ้นซาก

ไม่ได้เข้าเวปบ้านสวน  1 อาทิตย์

ตามไม่ทันเลยค่ะ  ขอเข้ามากระทู้นี้ก่อน 

แล้วจะตามให้ทันค่ะ

ท่านบอกว่า

ทุกคนที่อยากพบท่าน

ให้มาแสดงความเห็น ผิด ถูก ไม่เป็นไร

แต่

ท่านอยากจะรู้ว่า ใครบ้าง

ที่สนใจการมาของท่านจริงๆจังๆ

*******

     หลังจากที่ท่าน  อ. อุบล ได้ให้ทุกคนตามหา

ว่าใครคือ  พระศรีอาริย์  โดยใช้รหัส อ. อุบลช่วยด้วย

ซึ่งตัวเองก็ได้รับรู้ด้วยตัวเองแล้ว  ตั้งแต่นั้นมา

ก็พยายามปลี่ยนตัวเอง  เพื่อให้ตัวเองมีคุณสมบัติ

ที่จะได้อยู่ในยุคของพระองค์ท่าน 

และที่เชื่อเพราะตัวเองได้พิสูจน์แล้ว

ได้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นที่บ้านสวน

ได้รับทราบคำสอนที่ท่าน อ.อุบล คอยพร่ำสอน

และตัวท่านเองก็ได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง

สิ่งที่ได้เห็นด้วยตัวเอง  เช่น  ถ้าเราทุกคน

ทำตามที่ท่าน อ. อุบลให้ทำ  ด้วยความศรัทธา

เราก็สามารถหายจากโรคภัยไข้เจ็บ  หายทุกข์

หายจน  และแถมด้วยหน้าตาผ่องใส

ซึ่งลักษณะเช่นนี้  คือ เป็นคนในยุคพระศรีอาริย์

ที่บอกว่าในยุคนี้  จะไม่มีคนป่วย  คนจน 

ทุกคนจะสวยจะหล่อเหมือนกันหมด

ถ้าได้พิสูจน์แล้ว

ยังไม่เชื่ออีก เรียกว่า "โง่"

บรมโง่ โค ตะ ระ โง่

จ้า

********

  และที่พระองค์ยังไม่เปิดเผยพระวรกาย  คงยังไม่ถึงเวลา

เพราะมีคนบอกว่าเป็นพระศรีอาริย์กันเยอะแยะ

และที่สำคัญฝ่ายมารก็ตามหาพระองค์เช่นกัน

เพราะกลัวท่านมาปราบฝ่ายอธรรม  ดังนั้น

การที่พระองค์จะปรากฏพระวรกาย คงเป็นวันเวลา

ที่ได้ถูกกำหนดมาไว้แล้ว 

 ทำไม

อยากบอกตรงๆเลยนะครับ ว่าค่าย13นี้คือค่ายที่เป็นความหวังของผมจริงๆเลย

เพราะว่าที่ผ่านมานี่ผมบอกได้คำเดียว่า เซ็งๆๆๆๆๆ แล้วก็เซ็งๆๆๆๆๆ เพราะวันๆผมเห็นแต่ผู้คนพากันส่งเมล์ แชร์ข้อมูลว่าที่นั่นที่นี่เกิดภัยพิบัติ เหมือนกับการนั่งรอคอยว่าเมื่อไรระเบิดเวลาจะทำงานสักที

ผมขอเรียนถามท่านอาจารย์ครับ ผมก็อยากทราบเหมือนกันนะครับว่าค่าย13นี้จะมีทีเด็ด หรือว่าข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภัยพิบัติอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรมจริงๆ ไม่ใช่เหมือนที่คนในสังคมที่เขาทำๆกัน เพราะผมไม่อยากนั่งรอระเบิดเวลาทำงานครับ!!!!

ผมเชื่อในพระพุทธเจ้าในท่านอาจารย์สอนไว้ว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อดับเหตุผลก็ดับ แต่ด้วยสติปัญญายังด้อยก็ได้แต่นั่งหวังว่าค่าย13นี้คงให้อะไรที่จับต้องได้จริงๆสักที

ผมนั่งลุ้นคอยคำตอบของท่านอาจารย์นะก๊าบบบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของพระศรีอาริย์ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติโดยตรง ค่าย13นี้ท่านอาจารย์อุบลจะมีวิธีการที่เป็นรูปธรรมบ้างหรือไม่ในการค้นหาพระองค์ท่าน เช่น มีการจัดกลุ่มอภิปราย หรือทุกคนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง อย่างพวกWorkshopอะไรแบบนี้

ผมคันไม้คันมือเจงๆๆๆ ไม่อยากนั่งอ่าน หรือชะเง้อคอย หรือคอยยัดเยียด สงสัย ท่านนั้นท่านนี้เหมือนที่ผ่านมา บอกตรงๆครับว่า เหนื่อย 555555 เหนื่อยกับวิธีการเดิมๆของตัวผมเอง คือการเดา การนำข้อมูลมาจับต้นชนปลายกันเอง 5555

ความเห็นที่ 144 (1631433)
สิ่งสำคัญยิ่งเกี่ยวกับชีวิตและจิตวิญญาณของทุกๆ คน เน้น พ.ศ. 2555-2556 แปลสรุปจากฉบับภาษาอังกฤษและปรับเพื่อความเหมาะสมกับคนไทย ท่านไม่ต้องเชื่อ แต่โปรดเข้าใจว่า กุศลธรรมความจริงต้องมีเหตุผล และพิสูจน์ได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

พระจักรพรรดิได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนหลัก

โดยไม่ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดๆ อีกต่อไป แต่ได้ดำเนินการเอง เพื่อจะได้มีโอกาสเข้าช่วยเหลือผู้ต้องการทราบเรื่องคุณธรรม ช่วยผู้หลงผิดและสามารถละทิ้งมิจฉาทิฐิของตนได้ ดังนี้

1. ปิดศาสนาคริสต์

เหตุผลที่ปิดศาสนาคริสต์ เพราะพระเยซู คือลูกพญามาร ผู้มีลักษณะวาจาและการกระทำเหมือนผู้เป็นพ่อ คำสอนของพระเยซู หลอกให้ผู้คนหลงผิดว่า พระเยซูล้างบาปให้ได้ การหลอกนี้เพื่อมารจะได้มีประชากรเพิ่มขึ้น ผู้หลงเชื่อยอมรับนับถือพระเยซู จะถูกลงโทษจากพระเจ้า(ท้าวสักกะเทวราช จอมเทพของสามโลก)ไปด้วย เมื่อพระเจ้าส่งพระเยซูไปนรกที่มีไฟบรรลัยกัปรอบล้อม ผู้ที่เชื่อถือพระเยซูจะถูกส่งนรกตามไปด้วย

ข้อแสดงความคิดเห็น ตามสติปัญญา เท่าที่มีนะคะ

พระจักรพรรดิ หรือพระศรีอริยเมตไตร์ในอนาคต มาเพื่อสร้างสันติภาพโลก และปราบ อธรรม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไม่เคย สอนให้สาวก แบ่งแยก หรือบังคับไม่ให้ นับถือศาสนาอื่นๆ ตรงกันข้าม พระองค์ทรงสั่งสอนให้ คนนับถือได้ทุกศาสนา เพราะทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี จะมีก็เพียงแต่ ฝ่ายอธรรมเท่านั้น ที่คอยบิดเบือนคําสั่งสอน ของทุกๆศาสนา ให้ผิดไปจากความเป็นจริง ไม่รักษาศีล จนทําให้ผู้คนในโลก ทุกวันนี้ มีแต่ความทุกข์ มีแต่ความวุ่ยวาย

สำหรับบุคคลใดได้ประกอบกุศลธรรมไว้จะ ต้องไปชดใช้กรรมในนรกก่อน ถึงจะไปรับผลบุญได้ และการลงนรกครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สองที่มีเวลายาวนานกว่าครั้งแรกมาก

เรื่องราวการปิดศาสนาคริสต์นี้ได้เปิด ให้คนทั่วไปทั่วโลกได้ทราบ แต่คริสเตียนน้อยคนนักที่จะยอมอ่านข้อเท็จจริง เพราะพระเยซูสอนให้หลีกหนี ถ้าเห็นว่าจะโต้แย้งไม่ได้ ขอให้เชื่อพระเยซูเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ในเวลาที่ผ่านมา ยังไม่มีผู้ใดสามารถโต้แย้งเนื้อความที่ลงเรื่องพระเยซูคือลูกพญามารมาหลอก คนให้หลงผิดได้ ในขณะเดียวกันได้มีชาวคริสต์เริ่มติดต่อเพื่อติดตามเรื่องของพระจักรพรรดิ เพิ่มขึ้นๆ

พระเยซูทรงเป็นศาสดา ที่ประเสร็จสุดของศาสนาคริตส์ ผู้ใดคิดทําลายล้าง หรือปรามาส ก้จะได้รับผลกรรม อันจะนํามาซึ่งความทุกข์แสนสาหัส

เรื่องของจิตวิญญาณ ความเชื่อต่างๆ

การสอน การเรียน และการกระทำสิ่งใดๆ ที่ไม่เป็นไปด้วยคุณธรรม ไม่อยู่ในสัทธรรม จะไม่จำกัดอยู่เฉพาะแค่ศาสนาคริสต์เท่านั้น จะครอบคลุมไปถึงทุกศาสนา ลัทธิ การสอนและความเชื่อต่างๆ ที่ไม่เกิดกุศลธรรม จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ทั้งผู้สั่งสอนและผู้ตาม ทั้งหมดจะได้รับโทษจากท้าวสักกะเทวราชเช่นเดียวกับศาสนาคริสต์ตามที่กล่าวมาแล้ว นี่คือประเด็นสำคัญที่ผู้คนในกฤดายุคถึงเป็นอริยบุคคลได้สำเร็จ

 ในศาสนาพุทธ  พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ สร้างเหตุไว้เช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ผู้ที่ได้รับโทษ ก็คือโทษจากเหตุที่ตนเองสร้างไว้แล้วทั้งสิ้น ไม่มีใครลงโทษใครได้ นอกจากตัวของเราเอง 

คุณพ่อใหญ่ธนา

จอมขี้สงสัย มาอีกแล้วหรือนี่

อกหักมากไหม

ที่งาน 21 ก.ย.55 ที่ กทม.

เวลาหมดก่อน

ที่จะคุยหัวข้อ

"เตือนภัยพิบัติขั้นวิกฤติ"

แล้วพ่อใหญ่ธนา

ไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไม

ต้องให้หมดเวลา เวลาหมด

ทั้งที่ ทุกงาน

ก็จะพูดได้ครบหัวข้อที่ระบุ

แต่

มานึกย้อนนะ

วันนั้น มี ดร.จิตรา

มาร่วมงาน เห็นเหตุการณ์

ท่านเลยขอแจ้งสารสำคัญ

ทำให้

เราใช้เวลาไป

ในการฟัง ดร.จิตรา

ซึ่งพวกเราก็อยากฟัง

ส่วนการเตือนภัย

พวกเราก็อยากฟังมาก

โดยเฉพาะ

อ.อุบล ไม่เคย พูดเตือนภัย

นอกบ้านสวนมาก่อน

หรือ

แม้แต่ในบ้านสวน

ก็มักจะเชิญ ดร.อาจอง

หรือ

สัมภาษณ์ ดร.เทพนม ฯลฯ

ไม่ออกเตือนเอง

แต่งานนี้

คุณธนาบอกว่า

อยากฟัง อ.อุบล เตือน

เพราะขนาด อ.

บอกว่า เจ็บป่วย โรคนี้

เพราะกรรมนี้ ยังพิสูจน์ได้เลย

ว่าเป็นเช่นนั้นจริง

แล้วถ้าให้ อ.อุบล เตือนภัย

น่าจะมีการพิสูจน์ได้

อย่างเป็นรูปธรรมเหมือนกัน

แหมพ่อใหญ่ธนา

คิดได้นะ

เมื่อขอมาก็จัดให้

แต่ก่อน อ.อุบล จะเตือนภัย

ต้องกราบบังคมทูล

ขอพระพุทธองค์ทรงวินิจฉัย

ทรงมีพุทธานุญาต

ทรงชี้แนะ

การเตือนภัยครั้งนี้

ว่า

สมควรหรือไม่อย่างไร

เพราะ

อ.อุบล ถูกห้ามไม่ให้เตือน

มานานแล้ว จะเขียนข้อความในเวป

เขียนแล้วก็ส่งไม่ได้

กี่ครั้งก็ส่งไม่ได้

แต่เขียนเรื่องอื่น ส่งได้

จึงต้องยอมจำนน

ครั้งนี้

จึงต้องขอเข้าเฝ้า

พระพุทธองค์

ไม่เช่นนั้น จะต้องทรง ห้ามอีก

ทรงวินิจฉัยแล้ว

และ

ทรงพระกรุณาให้เสด็จพ่อ

ท้าวเวสสุวรรณ

ผู้เป็นใหญ่ในสามโลก

ผู้คุมสรรพวิญญาณ

เป็นผู้รับสนองพุทธบัญชา

ในการเปิดโลกวิญญาณ

และ

เหล่าบริวารผู้มีส่วน

ร่วมภารกิจ ในการกวาดล้าง

คน และ สัตว์ ผู้บาปหนา

ที่ทำให้ต้องเกิด

วันพิพากษา

ขึ้น

โดย

ให้เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

ทรงแสดง ถึงสาเหตุ

ที่แท้จริง ว่ามนุษย์ และ สัตว์

ประกอบกรรมใด

(สาเหตุ)

จึงจะต้องมารับผล คือ

การเกิดภัยพิบัติครั้งนี้

ซึ่งการเตือนภัย ของ อ.อุบล

จะใช้หลักธรรมคำสอน

ของพระพุทธเจ้า

เรื่อง

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ

เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับได้

มาเตือนภัยครั้งนี้

ซึ่งยังไม่เคยมี

นักวิทยาศาสตร์หรือพระ

เตือนกันตรงๆโดยใช้หลักการนี้

มาก่อนเลย

ท่านบอกว่า

ทำไมชาวพุทธ อ้างว่า

นับถือพุทธศาสนา แต่ย่ำยีคำสอน

อาย ที่จะ พูดถึงคำสอน

ที่ถูกต้อง ถูกตรง ของพระองค์

พูดกันยอมรับกัน

แต่หลักวิทยาศาสตร์

ทั้งที่ แทบทุกวัน อ้อนวอน

พระองค์ ให้ช่วย

ขอแต่ความช่วยเหลือ ความเมตตา

แต่ไม่เคยยืดอก บอกใครๆว่า

นี่คือหลักธรรมคำสอน

ที่ทำตามแล้ว เห็นผลจริง

ป่วย

ก็มีแต่อยากหาย

แล้วไม่อยากบอกใครว่า

หายเพราะใคร ทำอะไร อย่างไรให้

จึงหายได้

ดังนั้น

โลกนี้ จึงไม่มีผู้ใด

ลุกขึ้นมาเตือนภัยโดยใช้

หลักธรรม

คำสั่งสอนของพระพุทธองค์

ซึ่งถูกต้องและถูกตรง

แล้วก็เห็นผลจริง

ปีที่แล้ว

ลูกบ้านสวนที่ศรัทธาจริงๆ

ไม่มีใครเลย

ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

แม้ว่าจะอยู่ในเขตที่เขาท่วมกัน

อย่างอยุธยาที่ท่วมหนัก

ทุกบ้านน้ำท่วม และ น้ำขึ้นตลอด

โดยมองจากฝาบ้านกระดาน

แต่บ้าน ลูกบ้านสวน

น้ำไม่ขึ้น ไม่มีอะไรเสียหาย

นั่งมองบ้านติดกัน น้ำขึ้น

แต่ก็ต้องออกจากบ้าน

เพราะน้ำล้อมหมด ไม่มีอาหาร

แต่ความอัศจรรย์ได้เกิดจริง

นี่แหละคือประเด็น

ที่จะบอกในค่าย 13 ถ้าอยากฟัง

ถ้าเราไม่สามารถ

เปลี่ยนคน ให้เป็นคนดี มีศีลได้

ภัยพิบัติใหญ่ต้องเกิด

เมื่อต้องเกิด

เราหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

แต่

เราก็อาจจะเป็นเหมือน

ลูกบ้านสวน คนอยุธยา คนนี้ได้

คือ

ไม่ว่าเราจะอยู่ท่ามกลาง

ภัยร้าย แต่เรา จะปลอดภัย

หรือได้รับผลกระทบ

น้อยที่สุด

เราจะต้องพิสูจน์ตรงนี้

เราจะทำ จะค้นหาเหตุ และ ดับเหตุ

วันค่าย 13

จะเป็นวันที่พวกเรา

ต้องดับเหตุ ที่จะทำให้ ต้องรับผล

แห่งภัยพิบัตินี้ให้ได้

อันที่จริง

ว่าจะไม่บอกล่วงหน้า

แต่พ่อใหญ่ธนาใจร้อนจัง

กลัวว่า อ.อุบล จะเตือนภัย

เหมือนท่านทั้งหลายที่เตือนๆมา

ที่จริงที่ท่านทั้งหลายเตือน

ก็มีผลดีอย่างมาก

อย่างคุณพ่อ ดร.อาจอง

ท่านจะเตือนทั้งหลักวิทยาศาสตร์

แล้วก็จะบอกให้ทำความดี

เยอะๆ ทำบุญเยอะๆ

ท่านบอก

เพราะมนุษย์สร้างพลังลบ

อย่าง ดร.ก้องภพ

ท่านพูดเข้าท่านะท่านบอกว่า

วิทยาศาสตร์เปลี่ยนได้

แต่

หลักธรรม ไม่เคยเปลี่ยน

ถูกต้อง และ รู้สึกดีใจ ที่มีนักวิทยาศาสตร์

แบบนี้ ในประเทศไทย แต่มีน้อยไปหน่อย

ส่วนใหญ่อิงหลักการ

พอหาคำตอบไม่ได้ก็พาลว่าไม่จริง

---------

อ้าว

บ่นยาวอีกแล้ว

เอาเป็นว่า

พ่อใหญ่ธนาไม่ต้องกังวล

ว่า อ.อุบล จะเตือนแบบ

จับต้องไม่ได้

ว่าแต่ว่า

คนเป็นโรคหัวใจ

ขอห้ามไว้ก่อนเลย "อย่ามา"

ก็เห็นร่ำร้อง

อยากให้พูดความจริง

แต่

คนส่วนใหญ่ใจอ่อน ทนไม่ได้

อย่างคลิปบางคลิป

ได้ข่าวว่า คุณโฆษิตเองยังบอกว่า

อย่าเอาเลย ดร.จิ๋ม มันน่ากลัว

แล้วอย่างนี้

จะมาฟัง อ.อุบล เตือนเหรอ

คุณโฆษิต สมัครค่าย 13 รึเปล่า

เปลี่ยนใจทันนะ

และค่าย 13 นี้

ไม่มีการถ่ายทอดสด

ไม่นำคลิปเตือนภัยออกอากาศ

เพราะบอกแล้วว่า

คัดเลือกคนเข้ามาฟัง

เราจะมีกิจกรรมที่

เข้มข้น

รวมทั้งการตามหาพระศรีอาริย์

ต้องทำจริงจังได้แล้ว

ไม่งั้น

ก็อย่างที่คุณก๊อตถาม

ว่า

เราจะไม่ทำอะไรสักอย่างหรือครับ อ.

เราจะรอไปเรื่อยๆ

จนเกิดภัยพิบัติหรือครับ อ.

เหลือเวลาอีก 2 เดือนกว่า

เท่านั้นนะครับ

โอ

โดนมากเลย คุณก๊อต

แต่จะมีใครล่ะ ลุกขึ้นมาทำจริงจัง

นอกจากหาเครื่องลาง ของขลัง

ตุนอาหาร เสื้อผ้า หาบ้านใหม่

ที่ปลอดภัย ที่สูงๆ

แต่

การค้นหาเหตุ

การดับเหตุ เพื่อดับผล

จะมีสักกี่คนที่จะร่วมมือกันทำ

ถ้าเอาจริงนะ

ภัยพิบัติ จะไม่ต้องเกิดก็ได้

อย่างน้ำท่วมปีที่แล้ว

ได้บอกพวกเราว่า

จะทำให้น้ำแห้งเดี๋ยวนี้ วันนี้

ก็ทำได้ ไม่ใช่ อ.อุบล ทำนะ

คือผู้ได้รับผลกระทบ นั่นแหละทำ

ขนาดป่วย

ก็หายทันทีได้มาแล้ว

นิ้วมือคุณอมร

ที่บวมเหมือนปิงปอง

เหมือนอมยิ้ม ปกติ ต้องไป

ให้หมอเจาะเอาหนองและเลือดออก

แต่ทำไม

ครั้งนี้ ไม่ต้องเจาะ

มันยุบหาย เหมือนลูกโป่ง

เจาะลมออก ในบัดดล

นี่มันใช่หรือไม่

มันเรื่องเดียวกันหรือไม่

กับการจะทำให้น้ำแห้งได้

ในบัดดล

ถ้าเชื่อ ก็ทำได้

ถ้าไม่เชื่อ ก็ทำไม่ได้

เชื่อ แล้วทำตาม ก็ทำได้

เชื่อ แต่ไม่ทำตาม ก็ทำไม่ได้

ค่าย 13

จึงต้องการคนที่

มีภาวะผู้นำ

ไม่ใช่กลัวตายแล้วแห่กันมาฟัง

กลับไปก็เหมือนเดิม

วัดง่ายๆ

บอกให้เขียนธรรมทาน

ยังไม่เขียนเลย จะไปเป็นผู้นำใครได้

ใจแคบขนาดนี้ จะหวังดีช่วยใคร

ดังนั้น

ค่าย 13 นี้

ไม่ได้ต้องการปริมาณคน

ที่มาก

แต่ต้องการ

ค้นหา คนที่มีสัญญา มาทำหน้าที่

ซึ่งไม่ว่าจะกี่คน ก็ไม่เป็นไร

มีคนทำงานจริง

5 คน

ดีกว่า

มีคนมา 500 คน

แต่กลัวตาย มาเพราะ

อยากรู้ อยากเอาตัวรอด

ไม่คิดช่วยใคร

ไม่มีจิตสาธารณะ

กลัวเหนื่อย

กลัวเสียเปรียบใคร

กลัวใครได้ดี อันนี้ รอดอยาก

ถ้า อ.อุบล กลัวเหนื่อยนะ

เลิกไปนานแล้ว

เพราะทุกวันนี้ นอนทีหลัง

คนที่มาบ้านสวน

ทุกคน

แล้วก็

ทำงานสารพัดด้าน

เพียงแต่ไม่เคยบ่นให้ใครฟัง

ไม่เหมือนบางคน

เกิดมาไม่เคยทำอะไร

พอทำเข้าหน่อย ต้องคอยประกาศ

ให้โลกรู้ว่า ฉันทำอะไรบ้าง

ตกลงพ่อใหญ่ธนา

อยากรู้มากเลยใช่ไหม

ว่า

อ.อุบล จะเตือนยังไง

ยังไม่บอกหรอก

ถ้าบอก ก็คงไม่ต้องมีค่าย 13

คงไม่ต้อง ลับ ขนาดนี้

บางอย่าง

ก็เปิดเผยได้นะ

แต่บางอย่าง ลับสุดยอด

แล้วงานนี้

คนที่สมัครมาถามตัวเอง

ให้แน่ใจเสียก่อนว่า

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

ก่อนตอบคำถามท่านอาจารย์ พอดีเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างบนชั้น41 มองเห็นว่าท้องฟ้ากรุงเทพวันนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกจนบางที่ มองไม่เห็นตึกสูงๆเลย หมอกหนาแน่นมากเลย ยังกะฤดูหนาว แบบหนาวจัดยังไงยังงั้นเลย

แล้วงานนี้

คนที่สมัครมาถามตัวเอง

ให้แน่ใจเสียก่อนว่า

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

หากเป็นเมื่อสองปีก่อนก็คงตอบตรงๆไปแบบชัดเจนว่า ทำเพื่อตัวเองครับ เพราะมีความอยากมากมาย แต่พอได้มาสร้างบุญที่บ้านสวน ได้เห็นคนหายทันที เปลี่ยนจิตใจทันที

บางคนก็มาบอกว่า ชีวิตเขามีความสุข เมื่อก่อนเหมือนตกนรกทั้งเป็น ต่างคนต่างบอกเสียงเดียวกันว่า บ้านสวนฯเปลี่ยนชีวิตเขาแบบฉับพลันทันที และจะทำดีต่อไป

ซึ่งตอนนี้เข้าใจแล้วว่า การให้คนอื่นนั่นก็คือให้ตัวเรานั่นเอง ทำเพื่อคนอื่นก็คือทำให้ตัวเองนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะไม่หวังผลใดๆแต่ผลนั้นก็สนองกลับมาหาที่ตัวเราอย่างไม่คาดคิด จนถึงตอนนี้ตอบได้เลยว่า

มาค่าย13นี้ อยากมาเป็นผู้ให้ครับ มีความสุขมากกว่าการเป็นผู้รับมากมาย อยากให้ทุกคนรอดพ้นภัยพิบัติและมีโอกาสปฏิบัติจนถึงพระนิพพานกันในชาตินี้กัน สาธุ

2. พระพุทธศาสนาจำเป็นต้องแก้ไข

ถ้าพระพุทธศาสนาดำเนินไปเช่นที่เป็นอยู่ พระพุทธศาสนาจะเสื่อมสลายไม่ถึง 5000 ปี โดยพระพุทธเจ้าโคตมตรัสไว้ ความเสื่อมในพระศาสนาของพระพุทธองค์มี 5 ประการดังนี้

    2.1 การเสื่อมของการบรรลุมรรคผล
    2.2 การเสื่อมของการปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนา
    2.3 การเสื่อมของการศึกษาธรรมและการเข้าถึงพระธรรม
    2.4 การเสื่อมของวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา
    2.5 การเสื่อมของบูรพาอาจารย์

พระพุทธศาสนา ไม่มีวันเสื่อมสลาย ไม่ว่าจะเป็นยุคใด สมัยใด คําสอนขององค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้า ก็ยังคงอยู่ และไม่เคยล้าสมัยแต่อย่างใด หลักธรรมคําสอนของพระองค์ เน้น เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก

ความเสื่อมทั้้งหลายที่กล่าวมา เป็นความเสื่อมของจิตใจมนุษย์ ต่างหาก ที่ไม่น้อมนําพระธรรม คําสั่งสอนอันงดงาม ของพระพุทธเจ้ามาปฎิบัติตาม  ยุคนี้ สมัยนี้ ผู้คนหลงผิด และเชื้อในสิ่งที่ผิดๆกันมาก รวมทั้ง อรด้วย แม้แต่คําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่เคยรู้ลึก และรู้จริง มีแต่สิ่งที่เข้าใจผิด คิดเอง หรือฟังตามๆกันมา จึงทําให้ชีวิต เกิดทุกข์เกิดโทษมาตลอด จนได้มาพบกับท่าน อาจารย์ อุบล บ้านสวนพีระมิด ทําให้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้มากขึ้น ชีวิตดีขึ้นทุกด้าน  และที่สําคัญ ได้สัมผัสบารมีพระศรีอาริยเมตไตรย์ ด้วยตัวเอง ด้วยการที่หายจากอาการเจ็บป่วย และหายจน โดยฉับ พลันทันที จึง ทําให้รู้ว่าพระองค์ได้เสด็จลงมาแล้วจริงๆ

กราบขอบพระคุณ พระศรีอาริย์ ที่เมตตาลูกหลานให้ได้สัมผัสบารมีไม่มีประมาณ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ที่เป็นผู้นําทาง ให้มนุษย์ และสรรพสัตว์ รวมทั้งสามโลกได้พ้นทุกข์ ทั้งปวง     

แล้วงานนี้

คนที่สมัครมาถามตัวเอง

ให้แน่ใจเสียก่อนว่า

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

...........................

ลูกอยากเป็นผู้ให้

ถึงเขาจะไม่ค่อยยอมรับ แม้กระทั้งญาติ

ใกล้ชิดเช่นลูก หลาน พี่ น้อง ทางฝ่าย สามี

แต่ญาติทางเราเองยอมรับฟัง

แต่น่าสงสารที่เขาสุขภาพก็ไม่ค่อยดี

การเงินก็ไม่ค่อยดี

นำอุปกรณ์ไปให้บูชาและรหัสไปบอกให้

ก็ดีใจรีบสวมใส่คอไว้แต่นึกกรรมไม่ค่อยได้

ลูกอยากรับรู้เหตุการณ์จากการเข้าค่าย

เพื่อนำไปช่วยเหลือ

คนทั่ว ๆไป ลูกศิษย์ เพื่อน ๆ ค่ะ

 ทำไม พระศรีอาริย์ ต้องปกปิด พระองค์จริง

**************

ขอแสดงความเห็นค่ะ

ยุดนี้ถือเป็นกลียุค

ดังนั้น คนส่วนใหญ่จะเป็นมิจฉาทิฐิ 

มีความลังเลสงสัย มีจิตลบมากกว่าจิตบวก

การแสดงตัวของพระศรีอาริย์

ย่่อมไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวพระองค์เองและทุกคน

ที่พระองค์เห็นว่าจะสามารถช่วยไ้ด้

ดังนั้นผู้ที่ศัรทธาและต้องการพบตัวท่าน

ก็ต้องใช้ปัญญาคิดตามหลักกาลามาสูตรมาตามหาพระองค์ท่าน

ด้วยจิตศัรทธาและมุ่งมั่น

เพราะได้มีผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นพระองค์ท่านเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นมารเมือรู้ว่าพระองคฺได้เสด็จมาแล้ว ก็ย่อมต้องคิดหาโอกาสหรือวิธีทำลาย

ขัดขวางไม่ให้พระองค์ได้ช่วยเหลือผู้คนหรือทำงานได้สำเร็จ

เนื่องจากพระองคฺ์เป็นผู้มีบารมีสูงมาก

การปราบอธรรมจะทำให้มาอ่อนฤทธิ์และก็พ่ายแพ้ในที่สุด จะทำให้สิ้นยุคมาร

การช่วยเหลือจากพระองค์ย่อมมีผลสำเร็จสูง

มารจึงต้องขัดขวางถึงที่สุด

พระองค์จึงยังไม่เปิดเผยจนกว่าเบื้องบนจะเห็นนว่า

ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว

แต่ได้ให้พระองค์ดำเนินวิธีการและ

ให้คนที่ศรัทธามีความปรารถนาจะพบพระองค์ท่าน

ได้ปรับเปลี่ยนตัวเอง  พยายามรักษาศีลให้บริสุทธ์  ซี่งเ็ป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำยาก

แสดงกฎแห่งกรรมและอนุสาสนีปาฎิหาริย์ที่สามารถพิสูจน์ได้

ตามหลักวิทยาศาสตร์ เชื่อถือได้ ยอมรับได้ ปฎิบัติได้

ก็ย่อมได้เข้าสู่ยุคทองหรือได้กลับมาสู่ยุคของพระองค์ท้านได้อีกครั้งหนึ่ง

ที่มีแต่คนดีทํ้ง 4 ส่วน

เห็น

พ่อใหญ่ธนา

ลุ้นคอยคำตอบอยู่อย่างจดจ่อ

แต่

ไม่ทราบว่า มาอ่านคำตอบหรือยัง

เพราะไม่เห็นมาบอกเลย

ว่าได้รับคำตอบ เป็นที่พอใจหรือยัง

หรือว่า

กำลังเดินทางกลับบ้าน

จ๊ะพ่อใหญ่จ่อย

ก่อนกลับบ้านก็ขอแวะซะหน่อย 5555

ยิ่งอ่านคำตอบของท่านอาจารย์ยิ่งคิดว่า มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำไมถึงต้องบอกได้แค่บางอย่าง

ที่สำคัญเหมือนท่านอาจารย์กำลังบอกว่า มีนัยยะอะไรบางอย่างที่สำคัญเบื้องหลังการเกิดภัยพิบัติใหญ่ ยังไงยังงั้นเลยอะก๊าบบบ

แต่ผมก็รู้สึกว่างานนี้อาจตอบโจทย์ในใจผมได้ เพราะบ้านสวนฯที่ผ่านมาพิสูจน์ทุกอย่างให้เราสัมผัสได้

ก็อยากดูเหมือนกันว่า เรื่องภัยพิบัติและพระศรีอาริย์นั้น จะทำให้เป็นรูปธรรมได้ยังไง ถึงท่านอาจารย์ยังอุบไว้อยู่ หลายอย่าง แต่ก็ทำให้ผมเห็นช่องทางและมั่นใจครับ เพราะท่านอาจารย์จะพูดตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ ผมเชื่อในสิ่งที่พระองค์ท่านสอนครับ ว่าถูกต้อง และแน่นอนกว่าวิธีการอื่นๆ

ลุ้นๆๆๆๆๆๆ อยากดูว่าท่านอาจารย์อุบลจะมีวิธีการทำยังไงถึงค้นหาพระศรีอาริย์ได้ ลุ้นๆๆๆๆๆๆ

แล้วงานนี้

คนที่สมัครมาถามตัวเอง

ให้แน่ใจเสียก่อนว่า

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

...........................

หากเป็นเมื่อก่อนคงตอบว่า อยากหาย อยากเป็นผู้รับ และอีกสารพัดความอยากค่ะ แต่ขณะนี้ อยากเป็นผู้ให้มากที่สุด ความอยากทางโลกเหลือแค่ เพื่อยังชีพเท่านั้นค่ะ เพราะโอกาสที่ท่านอาจารย์หยิบยื่นให้ ชาตินี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว การเป็นผู้ให้ในโค้งสุดท้ายของชีวิต มีคุณค่าและประโยชน์มาก ทั้งยังได้ตอบแทนแผ่นดินเกิดอีกทางหนึ่งค่ะ

ขอร่วมอนุโมทนากับทุกธรรมทาน

และขอร่วมแสดงความยินดีอย่างยิ่ง ล่วงหน้ากับผู้ที่จะได้รับการคัดเลือก สู่ค่าย 13 ด้วยครับ

และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ไม่ได้รับเลือกด้วย

ศึกษาธรรมทานของท่าน อ.อุบล และทุกธรรมทานต่อไป  ทุกธรรมทานมีค่ามากกว่าทอง

ตัวอย่างผมเองถ้าไม่มาพบเว็ปไซค์บ้านสวนพีระมิดนี้

วัน ๆ หนึ่งก็คงปล่อยเวลาไปกับการสังสรรคเฮฮากินเหล้า นั่งคุยกับเพื่อนไร้สาระไปวันๆ หนึ่ง ไม่รู้ไม่คิดที่จะรักษาศีล  ศึกษาหาความรู้ทางธรรม เลิกเล่นหวย ทานมังสวิรัต ชีวิตดีขึ้นมากไม่มืดบอดเหมือนแต่ก่อน

ขอกราบขอบพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระศรีอาริย์ เทวดาที่รักษาอ.อุบล อ.อุบล อ.มงคล คุณท๊อป และผู้มีพระคุณลูกบ้านสวนทุกท่าน

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

 +++++++++++++

เบสอยากเป็นผู้ให้ครับ เพราะรู้สึกว่า เรามีมากแล้ว

ถึงเบสจะไม่ได้มีอะไรมากเหมือนใครๆ

แต่เบสรู้สึกว่าเบสมีความสุขมากมายมหาศาล

โดยความสุขที่ได้จากบ้านสวนมันมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้

เบสคิดเสมอว่าเรามีโอกาสมากกว่าใครๆ

โชคดีแค่ไหนที่ได้ทำความดี ได้รับความสุขมากมายขนาดนี้

เบสอยากจะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับคนอื่น

เบสอยากจะนำสิ่งที่ตัวเองได้จากบ้านสวน

ไปเผยแพร่ให้คนอื่นได้รับรู้

ถึงความสุข ที่บางครั้ง.......เงินก็ซื้อไม่ได้

ความสุขที่แท้จริงจากการทำความดี

อยากให้คนอื่นๆรู้ว่า 

ทำดีมันได้ดีจริงๆนะ 

เบสอยากจะแบ่งปันความสุขที่ตัวเองได้รับ ให้กับคนอื่นครับ

อยากให้ทุกคนยิ้มได้  

เมื่อก่อน

กิจกรรมของเรา

จะเว้นระยะพอประมาณ

แต่

ช่วงนี้ เบื้องบน ท่านไม่ยอมให้

พักเหนื่อย เลย ท่านเร่ง

กลัวไม่ทันกาล

แล้วก็เน้น

การใช้ปัญญา

การพึ่งพาตัวเอง มากที่สุด

หลังจากงานมหิดล

เราก็มาบวงสรวงพระศรีอาริย์

หลังจากนั้น

ก็ไปที่ เดอะแทรเวลเลอร์ กทม.

แล้วก็มาต่อ บ้านสวน

ค่าย 13

เพราะงานสุดท้าย ไม่จบงาน

ยังค้างคาเรื่อง

เตือนภัยพิบัติขั้นวิกฤติ

แต่ไหนๆ

จัดงานทั้งทีก็ต้องมีแถม

ก็เลย มี

-ธรรมบำบัดด้วย

มี

-ชมบารมีพระศรีอาริย์ด้วย

(ทั้งที่ชมกันไปแล้ว)

มี

-เตือนภัยพิบัติ ขั้นวิกฤติ

ด้วย

อันนี้สำคัญ เพราะ ติดค้าง

ยังไม่ได้เริ่มพูดเลยสักนิด

แล้วแถม

ดร.จิตรา ท่านมาวางระเบิดไว้

เรื่องพระศรีอาริย์

ดังนั้น

ค่าย 13 นี้ ต้องมี

Workshop

เรื่องการตามหาพระศรีอาริย์

อย่างจริงๆจัง แบบฉบับ

บ้านสวนพีระมิด

กันเพิ่มอีกงาน

เพราะดูแล้ว

การจัดค่ายครั้งนี้

เป็นการ รวมพล คนมีหน้าที่

กอบกู้ ค้ำจุน โลกใบนี้

ให้มารับหน้าที่

ของตน

งานนี้

จึงมีกิจกรรมครบวงจร

ตามคำสั่งสอน พระพุทธเจ้า

โดย

จะสร้างบุญใหญ่

อุทิศให้เทวดารักษาตัวเรา

เจ้ากรรมนายเวรเรา

ทั้งชาตินี้ และ อดีตชาติ

บุญที่จะสร้าง จะมีทั้ง

-สังฆทาน

-วิหารทาน

-ธรรมทาน

-อภัยทาน

เราจะทำกันในวันเสาร์

ตั้งแต่เช้า จนถึง ภาคกลางคืน

มีการแสดงด้วย

งานนี้

ไม่ต้องซ้อม

ไม่ต้องเตรียมมาก

เอาแบบสดๆ ตามแบบฉบับ

บ้านสวนพีระมิด

การที่ชีวิตเรา

จะอยู่ได้ด้วยความสงบสุขนั้น

ต้องมี "บุญ" เป็นปัจจัย

หนุนนำ ค้ำจุน

บุญสังฆทาน

จะทำให้มีกินมีใช้ไม่ฝืดเคือง

ผลไม้ 1 ผล ก็เป็นสังฆทานได้

มีอานิสงส์มากมาย

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

ผู้ทำสังฆทาน

จะไม่พบกับความลำบากยากจน

ที่ใด ที่มีความลำบากยากจน

ผู้ทำสังฆทาน จะไม่ต้องไปเกิดที่นั่น

อานิสงส์ของสังฆทาน

ยืนยาวนาน แสนนาน

แม้ชาติใดชาติหนึ่ง

ผู้ทำสังฆทานได้ถึงนิพพานแล้ว

อานิสงส์ของสังฆทาน

ยังคงลอยอยู่

แม้พุทธญาณของ

พระพุทธองค์

ยังเล็งแลไม่เห็นผลที่สุด

ของอานิสงส์แห่งสังฆทาน

คนส่วนใหญ่

ไม่ทำสังฆทาน ไม่ให้ใคร

ชอบของฟรี ลักขโมย ใช้เล่หเหลี่ยม

ให้ได้ทรัพย์มา จึงยากจน

ถ้ายังลำบากยากจนอยู่

อันนี้เป็นผล

จากการสร้างเหตุข้างต้น

แน่นอน

ส่วนวิหารทาน

มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่กว่า

สังฆทาน 100 เท่า

แล้วยังทำให้ ไม่เดือดร้อน

ที่อยู่อาศัยอีกด้วย

แม้ยามมีภัยพิบัติ

ผู้ได้สร้างบุญวิหารทาน

ย่อมมีที่พักพิงอาศัยหลบภัย

ธรรมทาน

การให้ธรรมะเป็นทาน

การบอกเล่า กฎแห่งกรรม

ผลกรรมที่ตนเองทำไว้

แล้วส่งผลอย่างไร

เมื่อสำนึกแล้ว เป็นอย่างไร

อันนี้ บุญธรรมทาน ยิ่งใหญ่

มีผลให้

-มีสภาพคล่องทางการเงิน

-ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวง

-ทำให้หายเจ็บป่วย

-ทำให้มีความสุข พ้นทุกข์

-ทำให้เจ้ากรรมนายเวรอภัย

-ทำให้พ่อแม่ลูกบริวารอยู่ดี มีสุข

ทำให้ทุกปัญหา

คลี่คลาย

ในฉับพลันทันทีได้

(ถ้าค้นพบสาเหตุได้หมด)

-อภัยทาน

เป็นทานที่เหนือทานทั้งปวง

ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องลงแรง

แต่มีผลกำไรมหาศาล

เราจะทำทานเหล่านี้กัน

เพื่อเป็นเสบียงบุญไว้เมื่อมี

ภัยพิบัติมาเยือน

จะได้ไม่เดือดร้อนขัดสน

ทั้งหมดนี้

ทำในวันเสาร์ อาจมีบางส่วน

คาบเกี่ยวมาถึงวันอาทิตย์

เตรียมเสื้อผ้า

ให้เหมาะกับบุคลิกและ

ลักษณะบุญนะคะ

ระหว่าง

ทำกิจกรรมบุญแรงกาย

หรือบุญธรรมทาน ในวันเสาร์

ขอให้ใช้สติ สมาธิ

สมาธิ แปลว่า ตั้งใจมั่น

คือมีใจจดจ่ออยู่กับงานหรือสิ่งที่ทำ

อันนี้เป็นสมาธิชั้นสูงชั้นปัญญา

บ้านสวนพีระมิด

เน้น ภาคปฎิบัติ ไม่เน้นทฤษฏี

เพราะ

ทฤษฎี เรียนกันมามากแล้ว

แต่พอนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

มักสอบตกกันระนาว

ดังนั้นเราต้อง

ทำสมาธิ ให้ทันเหตุการณ์

คือ

สมาธิ เขาทำเพื่อให้จิตสงบ

จะได้เกิดปัญญา

แต่บ้านสวน

เน้นทั้งความตั้งใจและปัญญา

ไปพร้อมๆกันเลย

เรียกว่า "เรียนลัด"

หลักสูตรเร่งรัด

ทั้ง

ศีล สมาธิ ปัญญา

เวลาทำงาน

ถ้าไม่คิด ไม่ตั้งใจ

ไม่วางแผน ก็จะผิดพลาด

อาจเจ็บตัว เสียทรัพย์ เสียเวลา

เสียหายต่องาน เสียความรู้สึก

ถ้ามีสมาธิ

ก็จะเกิดสติ เมื่อสติมา

ปัญญาก็เกิด

งานก็จะเร็ว และ ดีขึ้นเรื่อยๆ

ความล่าช้า

เฉื่อยชา ผิดพลาด

เสียหาย

จะไม่มีในหมู่ผู้มีปัญญา

ส่วนวันอาทิตย์

จะเป็นการนำเอาผลบุญ

ที่ทำในวันเสาร์ มาอุทิศให้

เจ้ากรรมนายเวร และ เทวดารักษาเรา

จะมีกิจกรรม

ธรรมบำบัด

แบบเห็นผลฉับพลันทันที

สำหรับผู้เจ็บป่วย

หรือมีปัญหาการงานการเงิน

ความรัก ฯลฯ

ถ้าค้นพบสาเหตุได้หมด

ถ้าบุญที่ทำเมื่อวันเสาร์พอเพียง

ถ้าสำนึกผิดจริง เสียใจจริง

บอกเล่า สารภาพ จากใจจริง

จะไม่กลับไปทำอีก

ก็หายได้ทันที

แต่ถ้า

ทั้งหมดที่ว่ามา

ไม่เต็มที่ ไม่เพียงพอ

ไม่หมดสิ้น ก็แค่ดีขึ้น แต่เป็นการ

ยืนยันว่า เรามาถูกทางแล้ว

ส่วนที่เหลือ

ก็ต้องทำบุญต่อให้พอ

กันต่อไป อย่าให้ขาด

ท่านที่ร่วมกิจกรรมนี้

ต้องไปเขียนธรรมทานในเวปไซด์

เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับการหาย

ตามที่เจ้ากรรม มีข้อตกลง

คือ

1.พูด แสดง ทุกอย่างออกทีวี.

ถ้าไม่ผ่าน ทีวี.ก็ต้องเวปไซด์

แต่ถ้าไม่ทุกอย่าง

ก็ต้องกลับมาเจ็บป่วย มีอุปสรรคอีก

เพราะ

อ.อุบล ไม่ได้มารักษาโรค

แต่มาบอกวิธีดับทุกข์ให้

ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้

ถ้าทนได้ ก็ไม่ต้องทำ

เจ้ากรรมเขาบอกมาก็บอกต่อ

แล้วก็ให้ช่วยคนอื่น

ด้วยวิธีเดียวกัน

มี 2 ข้อ

ที่เขาต้องการแลกเปลี่ยน

กับการหายคือ

1.พูดออกทีวีหรือเวป

2.ช่วยคนอื่นต่อ

ทุกอย่างต้องโปร่งใส

ผลจึงจะโปร่งใส

ถ้าปกปิด อึมครึม ผลก็อึมครึม

เช่นเดียวกันนะจ๊ะ

ช่วง

ชมบารมีพระศรีอาริย์

เป็นช่วงที่

ต้องการให้ผู้ที่ปรารถนาจะพบ

พระศรีอาริย์ ต้องการอยู่ในยุคสมัย

ของพระองค์

ได้มั่นใจ เชื่อมั่น ว่าพระองค์

มีจริง

จะมาปรากฎจริง

ได้สัมผัสพระบารมีอันมาก

มิอาจประมาณ

โดยการ

ให้ผู้ที่ยังมีอาการหลงเหลืออยู่

แม้จะได้ ร่วมกิจกรรมธรรมบำบัดแล้ว

แต่ยังไม่หาย

ได้สัมผัสพระบารมีพระศรีอาริย์

เพื่อให้รับรู้ได้ด้วยตัวเอง

ไม่ต้องให้ใครมาบอก

ไม่ต้องให้ใครมาหลอกอีกต่อไป

ว่าพระศรีอาริย์จะมีจริงหรือไม่

ให้สัมผัสได้เลยวันนั้น

สำหรับคนไม่เชื่อ

ไม่ทำตามกฎกติกา

ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า

จะสัมผัสไม่ได้

เหมือน รหัสสวรรค์

อ.อุบล ช่วยด้วย

ใช้ได้ต่อเมื่อ

1.ศรัทธา ไม่เคยปรามาส

2.บอกต่อ

จึงจะใช้ได้ผลอีกต่อไป

และค่าย 13

จะได้บอกวิธีใช้รหัสลับนี้

เพิ่มเติม ในยามเกิดปัญหาใหญ่

การสัมผัสบารมี

พระศรีอาริย์ ผู้สร้างบุญเต็มที่

ผู้มีจิตสงบ จะสัมผัสได้มากกว่า

คนที่จิตใจว้าวุ่น วิตกกังวล

ลังเลสังสัย หรือ มีใจต่อต้าน

ระหว่างสัมผัสบารมี

ถ้ามีจิตอันนอบน้อม เคารพ

สำนึก แสดงความ เคารพนบนอบ

จริงจากใจ จะได้ผล

มากที่สุด

 แล้วงานนี้

คนที่สมัครมาถามตัวเอง

ให้แน่ใจเสียก่อนว่า

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

ช่วงเตือนภัยพิบัติขั้นวิกฤติ

ช่วงนี้

เป็นช่วงที่ยกยอด

มาจากงาน เดอะแทรเวลเลอร์

กทม.

จะบอกถึงสาเหตุ

ที่แท้จริง ที่อยู่เบื้องหลัง

การเกิดภัยพิบัติ

อย่างลึกซึ้ง ซึ่งไม่มีใครพูดถึง

และมองข้าม

ซึ่งวันที่ กทม.

ดร.จิตรา ท่านมาร่วมงาน

ท่านมีสารสำคัญมาบอกเสียก่อน

เราจึง

หมดเวลา เวลาหมด

ทั้งที่แต่ละคนก็อยากฟังทั้ง

ดร.จิตรา และ เตือนภัย

งานนี้

เราจะมีเวลาพูดอย่าง

จุใจ

พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถาม

สิ่งที่จะบอกคือ

-สาเหตุของน้ำท่วมมาจากอะไร

จะทำให้น้ำไม่ท่วม ทำอย่างไร

อันนี้ใช้หลักธรรมคำสอน

พิสูจน์ได้

-สาเหตุ ที่แกนโลกต้องพลิก

เพราะอะไร

-สาเหตุที่ สัตว์ร้าย จะออก

กัด กิน ผู้คน เพราะอะไร

-สาเหตุที่ มีภูติผี จิตวิญาณ

ออกอาละวาดทั่วโลก เพราะอะไร

-สาเหตุของโรคระบาด คืออะไร

ฯลฯ

อื่นๆอีกมากมาย

เราจะดับเหตุได้อย่างไร

ผลจะดับจริงหรือไม่

ซึ่งเรื่องภัยพิบัติ

มาเกี่ยวข้องกับ พระศรีอาริย์

ที่ทุกศาสตร์ ต่างยอมรับ

ว่า

มีทาง 2 แพร่ง ให้เดิน

1.ถ้าไม่มีคนสนใจพระศรีอาริย์

โลกต้องถึงกาล วินาศ

2.ถ้าพบพระศรีอาริย์

พระองค์จะนำโลกสู่สันติสุข

ไม่ต้องเกิดโลกาวินาศ

ดังนั้น

ช่วงกิจกรรมช่วง

เตือนภัยพิบัติ จะต้องมีการ

ทำ Workshop เรื่อง

การตามหาพระศรีอาริย์

อย่างเป็นรูปธรรม

ไม่ใช่แค่อยากพบพระองค์

ไม่ใช่แค่คิดว่า

คนนั้นคนนี้ คือพระศรีอาริย์

ไม่เอา เราไม่ยอมรับ

แต่

เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน

ตามหาตามหลัก

กาลามสูตร 10 ข้อ

ถ้าทำจริงจัง

รับรองว่า ต้องพบพระองค์ทัน

เรามีเวลาอีก 81 วัน

นับจากวันนี้

อีก 75 วัน

นับจากวันที่เรามาร่วมงาน

ค่าย 13

(6-7 ต.ค.55)

ดังนั้น

ค่าย 13 นี้ จึงนับเป็น

กิจกรรมที่เข้มข้นที่สุด นับตั้งแต่

มีค่าย หรือ กิจกรรมมา

เอ

แล้วเวลาเราจะพอไหมเนี่ย

จะหมดเวลาก่อน

เหมือนที่

เดอะแทรเวลเลอร์ไหมเนี่ย

ดังนั้น

เราต้องบริหารเวลา

ให้มีค่าทุกนาที

เพราะ

เราต้องนับเวลาถอยหลัง

แข่งกับเส้นตาย

หรือ

ระเบิดเวลาให้ได้

ท่านทั้งหลาย

ที่มาค่าย 13 พร้อมหรือยัง

ที่จะร่วมกิจกรรม

อันเข้มข้นนี้

ในวันที่ 6-7 ต.ค.55 นี้

กราบเรียนท่าน อ.อุบล, ท่านอ.มงคลและคุณท็อป

เรื่อง : ขอสมัครเข้าร่วมกิจกรรมค่าย 13 ณ.บ้านสวนพีระมิด

1.ชื่อ : นางสาวเจิดหทัย สุวรรณากาศ อายุ 34 ปี 

2.ที่อยู่ : ลำลูกกา ปทุมธานี

3.ตำแหน่ง : AMS Spare Part Manager

  อาชีพ : พนักงานบริษัทเอกชน

4.ปัญหาที่ต้องการบำบัด/ขอบารมีพระศรีอาริย์ : ต้องการเป็นผู้มีกำลังใจเข็มแข็งกล้าหาญ, มีปัญญา, เข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้, ขอบารมีให้สามีและคนรอบข้างรวมถึงศูนย์เดย์แคร์เลิกขัดขวางเรื่องที่ต้องการให้ลูกชายงดบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด

ปัญหา : สายตาสั้นและมีกรรมผิวพรรณ ฝ้า กระ, ผื่นคันที่บริเวณข้อพับแขน, ขาดสภาพคล่องการเงิน,  ลูกชายมีปัญหาสายตาและป่วยบ่อย, ต้องการก้าวหน้าในทางธรรม

 แล้วงานนี้

คนที่สมัครมาถามตัวเอง

ให้แน่ใจเสียก่อนว่า

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

***

การหายมันก็ทำให้เราไม่มีทุกข์ทางกาย

อาจจะเป็นความสุขในวงแคบ เหมือนจุดเทียนก็คงสว่าง นิดหน่อย เผลอๆ อาจจะดับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

การเป็นผู้รับก็คงเหมือนกับการที่เราได้รับ แสงสว่างจากเทียนจากคนอื่น มันก็มีความสุข อย่างน้อยๆก็สว่างขึ้นมาอีกนิด (อย่างน้อยๆก็ 2 ดวง)

แต่ถ้าเราเป็นผู้ให้ ก็เหมือนเรา ต่อ เทียนให้กับผู้อื่น ยิ่งเราส่งต่อเทียนไปมากเท่าไหร่ โลกเราก็จะสว่างมากขึ้นเท่านั้น

และเมื่อวันไหนที่เทียนเราเกิดดับไป ก็จะมีคนมาต่อเทียนให้เรา

ความสุขจากการให้

มันเป็นความรู้สึก อิ่มๆ ครับ

แึค่เห็นเขามีความสุข เราก็มีความสุขเหมือนกัน 

ปกติหนูเป็นผู้รับ คือ รับธรรมะจากท่านอ.อุบลผ่านเว็บไซต์ อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นเหตุผล ก็พยายามปฏิบัติตาม ทำแล้วก็เกิดผลดีจริง

จะเป็นผู้ให้เพียงบางครั้งคือ ใช้จี้ช่วยคน เล่าธรรมะที่ได้จากท่านอ.อุบลต่อกับคนอื่น 

แต่ตอนช่วยคน ใจรู้สึกยินดีที่เขาหายเจ็บหายป่วยกัน ที่เขาได้เข้าใจพระธรรมมากขึ้น แล้วมีกำลังใจที่จะทำดีและอยากเลิกทำบาป นี่เป็นความสุขที่หนูได้รับจากการเป็นผู้ให้ เพราะหนูก็เป็นผู้รับเหมือนกัน ใจหนูก็อยากจะเป็นผู้ให้แบบนี้ต่อไป อยากทำให้ดีกว่าเดิม และให้มากกว่าที่ทำอยู่ เป็นเหตุผลที่หนูสมัครเข้าค่าย 13 ค่ะ

แล้วงานนี้

คนที่สมัครมาถามตัวเอง

ให้แน่ใจเสียก่อนว่า

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

...........................

เจี๊ยบอยากเป็นผู้รับ ที่ได้รับสิ่งที่ดี มีความสุข และได้รับโอกาสดีๆๆจากท่านอาจารย์ ได้รู้จักบ้านสวนฯ  ที่อีกหลายคนมากมายไม่ได้รับสัมผัสสิ่งดีๆแบบนี้

แล้วจะได้นำประสบการณ์ดีๆ มีความสุข วิธีที่ปลดเปลื้องความทุกข์ วิธีบำบัดโรคที่ทนทรมานอยู่ และสำนึกบาปกรรมที่ตัวเองสร้างมา นำไปบอกกล่าว เล่าประสบการณ์เหล่านี้แก่คนอื่นๆ ให้เขาได้รับความสุข เหมือนเช่นเดียวกับที่เราได้รับ

การเป็นผู้ให้ โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนนั้น เป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่มาก

อยากเป็นผู้ให้ คือ นำธรรมคำสอนของท่านอาจารย์อุบล และดร.จิตราที่

ได้รู้มาบอกผู้คน เพื่อให้เค้าได้เปลี่ยนตนเองดับเหตุแห่งทุกข์  พบกับ

ความสุข  และรอดจากภัยพิบัติ

ลูกอยากมีส่วนช่วยผู้คนให้รอดจากภัยพิบัติค่ะ

จาก คุณมิ้ม คห 245

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) วันที่ตอบ 2012-10-01 21:12:03

น้องมิ้มจ๊ะ

เมื่อเย็นนี้ อ.อู๋

สามี ดร.จิตรา โทรมา

บอกว่า

วันที่ 6 ท่านจะไปบรรยายที่สุพรรณ

วันที่ 7 ที่กำนดมาบ้านสวนนั้น

วันนี้ท่านบอกว่า

ที่สุพรรณ เขาให้ท่านช่วยเขา 2 วัน

ทั้ง 6 และ 7 ต.ค.55

ดังนั้นงานวันที่ 7 ของเรา

ท่านบอกว่า ท่านขอเลื่อนไปก่อน

ทีแรก ท่านไม่รู้ว่าเราจัดค่ายด้วย

นึกว่าจะมาคุยกันแค่

เรื่องพลังพีระมิด และ สฟิงซ์

แล้วก็มาเที่ยวบ้านสวน

แต่ท่านก็บอกว่าท่านผิดเอง

ที่ต้องมาเลื่อน

ซึ่งท่านเห็นว่า ที่สุพรรณบุรี

ท่านไม่เคยไป เป็นการไปครั้งแรก

เขาต้องการให้ท่านช่วย

ส่วนบ้านสวน

อันนี้ ท่านไม่ได้พูด แต่ดูจาก

ความจริงก็คือ

ท่านได้พบพวกเราแล้ว

แม้ว่ายังไม่จุใจ ถ้าเทียบกับคนสุพรรณ

ยังไม่รู้เรื่องอะไรที่ท่านจะบอกเลย

พวกเรารู้กันเยอะแล้ว

ท่านเลยตัดสินใจ

ทำภารกิจ ในกิจกรรม ที่สุพรรณ

ตามที่เจ้าภาพร้องขอ

ซึ่งท่านบอกว่า

ท่านต้องมาบ้านสวนแน่นอน

แต่จะมาดูวันเวลากันใหม่

(ท่านบอกว่า นึกว่า มาเงียบๆนะเนี่ย)

แล้วท่านก็คงเห็นว่า

บ้านสวนพีระมิด มี อ.อุบล

แต่ที่สุพรรณ ยังไม่มีใครไปบอกอะไร

ดังนั้น ค่าย 13 นี้

ดร.จิตรา ท่านมาไม่ได้

ได้บอก อ.อู๋ไปว่า

ถ้ามาทัน ก็มาช้าก็ไม่เป็นไร

เหมือนที่ เดอะแทรเวลเลอร์

ท่านก็บอกว่า สงสัยมาไม่ทัน เพราะ

พึ่งออกเดินทาง ก็มาถึงตอน

งานเริ่มไปแล้ว

ซึ่งอันนั้น

ท่านมาแบบส่วนตัว

ไม่เป็นทางการอะไร

ท่านบอกว่า

เอาเป็นว่า อย่าให้คอยกันเลย

ไม่ดี บอกว่า มาไม่ได้เลยดีกว่า

เพราะท่านไม่ชำนาญทางด้วย

ส่วนเรื่องถ้ามาได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จึงบอกน้องมิ้ม

และทุกท่านที่เป็นแฟน ดร.จิตรา

และ อ.อู๋ ไว้ก่อนเลยว่า

ท่านโทร.มาขอโทษ ที่มาตามนัดไม่ได้

ต้องไปช่วยคนสุพรรณก่อน

อ.อุบล

คิดว่า ทุกคน คงผิดหวัง

แต่เมื่อ

พิจารณาเหตุผลแล้ว คิดว่า

ฟ้าคงกำหนด

ให้ผู้มีความสามารถช่วยคนอื่นได้

ต่างต้องแยกย้ายกระจาย

กำลังกันออกไปช่วย

ผู้คนให้เร็วที่สุด

ถ้าเบื้องบน

มีเหตุผลนี้ เราก็ถือว่า

เป็นสิ่งที่ ฟ้าลิขิตแล้ว และ

ให้เราทำกิจกรรมของเรา แล้วก็

เตรียมตัวเป็นผู้นำ

ที่จะออกช่วยคนอื่นต่อไป

เหมือนอย่าง

ดร.จิตรา อ.อู๋

อ.อุบล และ อีกหลายๆท่าน

กำลังทำกันอยู่

ก็เราตกลงกันแล้วนะ

ว่า

เราเลือกผู้ที่พร้อมจะเป็น

"ผู้นำ"

แห่งยุคใหม่เท่านั้น

สำหรับ ค่าย 13 นี้ ดังนั้น

อ.อุบล

จึงบอกว่า ค่ายนี้

ไม่ต้องการให้มีคนมาก

แต่ต้องการให้

มีคนที่มีคุณภาพ ภาวะผู้นำมาก

ส่วนใคร

ที่มาเพื่อจะพบ ดร.จิตรา

อย่างเดียว แต่ไม่ต้องการร่วม

กิจกรรมอื่น

คงผิดหวัง และ สามารถ

ยกเลิกได้ รับเงินคืนได้ นะคะ

ขอบอก

ส่วนกิจกรรมของเรา

ก็จะคงความข้น และ เข้ม

เต็มพิกัด จะยืนหยัด

ในการตามหาพระศรีอาริย์

ให้เจอก่อน

เส้นตาย วันภัยพิบัติโลก

ใครจะร่วม

ตามหาพระศรีอาริย์

กันมั่ง ยกมือขึ้น นี่เอาจริงนะ

ไม่ใช่ตามเล่นๆ

ไม่เลื่อนลอย

เหมือนที่ผ่านมาแล้ว

กิจกรรมช่วง

เตือนภัยพิบัติขั้นวิกฤติ

ร่วมกับ

การตามหาพระศรีอารย์

คงต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะ

ต้องลงรายละเอียด

ลักษณะของภัยพิบัติที่จะเกิด

ว่ามีอะไรบ้าง

เพราะอะไร เราต้องทำอย่างไร

งานนี้

เราจะนำประสบการณ์ของ

สหายคำมา

ซึ่งใช้ชีวิตเสี่ยงตายในป่า

มาให้ท่านได้ศึกษา การเอาชีวิตรอด

บังเอิญ

น้องปอ จากพังงา

อยู่ในเหตุการณ์ สึนามิ

ครั้งที่แล้ว มาร่วมงานนี้ด้วย

ได้เคยเล่า

ให้พวกเรากลุ่มเล็กๆฟัง

ว่า

ตอนนั้น มันสลดใจ

เพราะศพเต็มไปหมด

จนไม่สามารถเหยียบลงไปได้

เพราะมันเต็มไปด้วย

ซากศพที่เน่าเหม็น หนอนต่ายเต็มพื้น

ไม่มีอะไรจะกิน บางคนติดอยู่

บนยอดไม้

ลงมาก็ไม่มีแก่ใจ

จะกิน จะนอน เพราะ

ตั้งหน้า ตั้งตา ออกตามหา ลูก

ครอบครัว

ทุกคนต่าง

ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก

แล้วก็ไปเร็วมาก

ทิ้งความตาย การพลัดพราก

สูญเสียไว้แทน

เราจะนำเหตุการณ์จำลอง

ของพังงา จากน้องปอ

มาเป็นสมมุติฐาน

ว่า

ถ้าเกิดอย่างนี้ เราจะมีวิธี

เอาตัวรอดอย่างไร

บุญ

จะช่วยได้อย่างไร

ถ้าช่วงเวลาที่เกิด

ไม่ได้อยู่ในบ้านสวนพีระมิด

จะตั้งหลักยังไง

จะมุ่งหน้าไปไหน

เพราะช่วงเวลานั้น ถนนหนทาง

คงขาดหมด มีสิ่งกีดขวางหมด

ไปมาหากันไม่ได้

นอกจากบินได้เท่านั้น

จะดำรงชีวิตอย่างไร

บางคนบอกว่า

เตรียมเป้ฉุกเฉินไว้ด้วยนะ

น้องปอบอกว่า

แน่ใจหรือว่า เวลาเกิดจริง

จะเอาเป้ไปด้วยได้

อาจจะโครมเดียว

ไม่ทันหยิบเป้ หรือ หยิบ

ก็ต้องห่วงชีวิต มากกว่าเป้

อันนี้เห็นภาพเลย

ถ้าน้ำซัดโครมใหญ่จนร่างกาย

ก็แทบทนทานไม่ไหว ต้องหาที่เกาะ

จะมัวสะพายเป้ไว้หรือไม่

อันนี้คือเหตุการณ์จริง

เขาไม่มีทางเกิดแบบ

ให้เราตั้งตัวหรอกจะบอกให้

เจ้ากรรม เขาวางแผน ซ้อนแผน

กันไว้แล้ว เพื่อไม่ให้ มาร ตั้งตัว

ส่วนคนดี

จะมีสิ่งที่มองไม่เห็น

มาช่วย

หรือถึงเวลา

เขาจะมาให้เราเห็นก็ได้

แล้วมาช่วยคนดีเท่านั้น

แล้วรายละเอียด