ReadyPlanet.com


ค่าย 13 ธรรมบำบัด+ชมบารมีพระศรีอาริย์+เตือนภัยพิบัติ+พบ ดร.จิตรา 6-7 ต.ค.55


ค่าย 13

- ธรรมบำบัด

- ชมบารมีพระศรีอาริย์

- เตือนภัยพิบัติขั้นวิกฤติ

- พบ ดร.จิตรา

องค์ปรีดาเทพ สุรทิน

 

6-7 ต.ค.55

บ้านสวนพีระมิด

 

รับจำนวนจำกัด

รายละเอียดจะแจ้งต่อไป

 

เชิญร่วมสนทนา

และ

ร่วมแสดงความเห็นได้

ตามอัธยาศัย

 

ด้วยเป็นเรื่องสืบเนื่องจาก

งานที่ กทม. 21 ก.ย.55

 

ผู้สนใจค่ายนี้

เชิญเข้ามาคุยกันก่อนได้

จ้า

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-09-24 22:19:53


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 [5] 6 7 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 401 (1632600)

                              ส่วนใคร

ที่มาเพื่อจะพบ ดร.จิตรา

อย่างเดียว แต่ไม่ต้องการร่วม

กิจกรรมอื่น

คงผิดหวัง และ สามารถ

ยกเลิกได้ รับเงินคืนได้ นะคะ

ขอบอก

-*-*-*-*-*-*-*-

น้องหว่าหวา+นงนภัส อยากมาบ้านสวนพีระมิด ค่าย 13

เพราะอยากมาสร้างบุญ และฟังธรรมะจากท่านอาจารย์อุบล

น้องหว่าหวาสอบเสร็จก็ขอมาบ้านสวนเลยถึงไม่มีวิทยากรท่านอื่นก็มาค่ะ

เพราะที่ท่านอาจารย์ให้รู้จักบาป เวรกรรมและให้ใช้รหัสอ.อุุบลช่วยด้วยครอบจักรวาลก็เกินพอแล้วค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลที่เตือนสติ

และขออนุโมทนาบุญทุกท่านที่ผ่านการคัดเลือกค่าย 13 คร้งนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น นงนภัส จารุธนยศ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 08:40:12


ความคิดเห็นที่ 402 (1632627)

เรียน  อ.อุบลที่เคารพ

ลูกขอโอนเงินร่วมทำบุญ ค่าย 13  หรือร่วมบุญอื่น ๆ

โอนเงินบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาลาดพร้าว 99

บัญชีเลขที่ 181-0-684-678  ชื่อบัญชี อ.อุบล  ศุภาเดชาภรณ์

วันที่ 5  ตุลาคม 2555  เวลา 09.01 

จำนวน  1,000  บาท

สาธุ สาธุ

ขออุทิศบุญให้เทวดาที่รักษาตัว อ.อุบล ทุกพระองค์ค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จิรนันท์ เดิมหมวก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 09:56:23


ความคิดเห็นที่ 403 (1632649)

เห็นด้วยกับคุณชนิดา เรื่องคุณจั๋มค่ะ

ช่วงเวลาที่เราอ่อนล้าสุดๆ ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ

จนทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไร

ไม่อยากเอาอะไรแล้วนั้น

มักจะมีเหตุการณ์ให้เราต้องตัดสินใจ

ที่จะต้องเลือก

ทำ

หรือ

ไม่ทำ

ซึ่งถ้าเราสามารถเอาชนะใจตัวเองได้

เลือกทำ (สิ่งที่ดี)

เราจะมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นอย่างประหลาด

จะได้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา

ความอ่อนแอจะหายไป ไม่มากล้ำกรายเราได้อีกต่อไป

คุณจั๋ม สู้ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 11:08:17


ความคิดเห็นที่ 404 (1632775)

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

 

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

------------------------------------------------------

หนูอยากเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ค่ะ

อยากเป็นผู้รับ เนื่องจาก ตอนนี้สิ่งที่เป็นความรู้จริงๆที่อยู่ในตัวหนูยังมีน้อยมากๆๆ ถ้าการได้รับฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สามารถช่วยโลกของเราใบนี้ได้ ก็ขอเป็นผู้รับฟังที่ดี เพื่อทีจะได้นำสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์ไปบอกต่อ เพื่อที่จะเตือนสติคนรอบข้างเรา ที่เค้ายังไม่ทราบเรื่องต่างๆภัยพิบัติต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้เค้าจะได้ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต

อยากเป็นผู้ให้ เนื่องจากถ้าจากการที่ได้เป็นผู้รับมากแล้วย่อมมีข้อมูลต่างๆมีความรู้มากขึ้นและต้องเป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้มาจากที่ไหนแน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถช่วยเหลือคนอื่น เมื่อตัวเองได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้มีเหตุมาจากอะไร และจะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไรก็อยากให้คนอื่นเค้าได้รู้เหมือนที่เรารู้ จะได้แก้ไขปัญหาต่างๆได้ทันเวลา จะได้มีสติไม่ประมาท เตรียตัวเตรียมใจไวล่วงหน้าได้ เมื่อให้เค้า เค้ามีความสุขทำให้ตัวเราเองมีความสุขไปด้วยค่ะ เวลาตัวเรามีความสุข ก็อยากเห็นคนรอบข้างเค้าได้รับความสุขด้วยเช่นกันค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 18:41:48


ความคิดเห็นที่ 405 (1632785)

 

ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

 

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

 

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

คำถามนี้สำหรับหนิงเป็นคำถามกระตุ้น

ให้เรารู้จุดหมายของตัวเอง

ที่ได้รับความเมตตาให้เข้าค่ายกับบ้านสวนพีระมิดค่ะ

ที่สำคัญเมื่อเราได้มาบ้านสวนฯ

เราอยากเป็นผู้รับ  รับธรรมะคำสอน

ที่อ.อุบล พร่ำสอน จากเรื่องเข้าใจยากให้เข้าใจง่ายขึ้น

 เหมือนแม่สอนลูก  เหมือนอาจารย์สอนศิษย์ 

ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เร่งให้รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์

ชี้หนทางที่ทำให้เราได้กลับบ้าน

และเมื่อเราเป็นผู้รับแล้วก็ต้องเป็นผู้ให้

นำธรรมะที่ได้รับ ผลของการรักษาศีล 5

นำรหัสจักวาล อ.อุบลช่วยด้วย ไปบอกต่อ

นี่เป็นจุดหนึ่งเวลาอ่านเจอข้อความของ อ.อุบล

ที่ อ.อุบลจะคอยจี้ กระตุ้น กระทุ้ง ให้รีบทำ

เมื่อธรรมทานมีผู้ที่ได้ฟัง - อ่าน ทำตาม เกิดผลดี

กับผู้นั้นแล้วเขามีความสุข เราก็มีความสุขตามไปด้วยค่ะ

กราบขอบพระคุณ อ.อุบล อ.มงคล และคุณท๊อป

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ในบ้านสวนพีระมิดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นพวรรณ์ ใจตรง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 20:32:37


ความคิดเห็นที่ 406 (1632789)

ขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่รับการเข้าค่าย 13 นะคะ

  สาธุ สาธุ  สาธุ

ดีใจกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ

ขอน้อมรับค่ะ

ส่วนเงินขอร่วมทำบุญกับท่านอาจารย์อุบล  ด้วยค่ะ

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนพีระมิดทุก ๆ พระองค์

ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล และคุณท็อป

ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วิลาสินี ศิลารัตน์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 20:55:06


ความคิดเห็นที่ 407 (1632790)

 

ค่าย 13 พรุ่งนี้แล้ว ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้รับโอกาสนี้ค่ะ

สำหรับตัวเองและลูกยังไม่มีโอกาส ยังติดภารกิจที่เลี่ยงไม่ได้

ขอเป็นกำลังใจให้พี่จุ๋ม พี่จิ๋มและคุณจั๋มนะคะ

กราบอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบล อาจารย์มงคลและคุณท็อปกับภารกิจที่สำคัญและมีความหมายเป็นอย่างมากค่ะ

 

 


ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 21:26:56


ความคิดเห็นที่ 408 (1632798)

 ที่มานี่

อยากหาย อยากเป็นผู้รับ

หรือว่า อยากเป็นผู้ให้

 

อยากฟัง

ท่านที่สมัครมา ตอบ อ.อุบล หน่อย

-------------------------------------------------------------------
ขอขอบพระคุณอ.อุบล มากนะครับที่ได้พิจารณาให้ผมเข้าค่ายครั้งนี้ ขอขอบคุณคุณน้าแมวที่ประสานงานและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านครับ ขอขอบคุณรหัสจักรวาล"อ.อุบลช่วยด้วย" ขอขอบพระคุณบารมีพระศรีอาริย์ ที่ผมขอให้ได้เข้าร่วมค่าย 13 นี้สำเร็จ ผมดีใจมากๆเลยครับเมื่อได้ทราบว่าได้มีสิทธิ์เข้าร่วมค่าย 13 นี้

ที่ผมมาสมัครเพราะว่าความรู้สึกผมบอกว่าต้องมาให้ได้ครับ และในระหว่างการสมัครการต่างๆก็มีอุปสรรคพอสมควรครับ แต่ผมไม่ยอมแพ้มัน คิดเพียงว่านั่นคือบททดสอบ ถ้าแค่นี้่ผ่านไปไม่ได้ก็ไม่ต้องทำอะไรสำเร็จหรอก และผมอธิฐานจิตเสมอว่า อ.อุบลช่วยด้วยๆๆและอธิฐานขอพระศรีอาริย์ให้ช่วยผมด้วย เพราะด้วยบารมีผมเองอาจจะพลาดกิจกรรมดีๆอย่างนี้ไปได้ จึงขอบารมีท่านขอให้ได้เข้าร่วมค่าย13นี้ด้วยเถิด และก็ผ่านการคัดเลือก เมื่อพบกับคำถามว่า "ที่มานี่ อยากหาย อยากเป็นผู้รับหรืออยากเป็นผู้ให้" ครับจากใจที่ผมอยากก็คืออยากจะเป็นผู้รับที่ดี เพื่อจะได้นำสิ่งที่ได้นั้นได้บอกต่อให้แก่ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพครับเพราะเมื่อเราเป็นผู้รับที่ดีก็จะสามารถพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นผู้ให้ที่ดีได้ครับ และผมหวังว่าการเข้าค่าย13 ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวผมเอง คนใกล้ชิด และคนที่ได้รับจากการที่ผมได้มีโอกาสเป็นผู้ให้ข้อมูลเขา ได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ 

และสำหรับโอกาสดีๆที่ผมได้รับนี้ ผมจะพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ครับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผมเองและหวังว่าผมจะได้มีโอกาสช่วยโลกเพื่อโลกอนาคตไม่มากก็น้อยครับ ขอบคุณครับ


 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นราธิป กิมไพบูลย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-05 22:42:43


ความคิดเห็นที่ 409 (1632887)

 ท่านบอกว่า

ทุกคนที่อยากพบท่าน

ให้มาแสดงความเห็นผิด ถูก ไม่เป็นไร

แต่

ท่านอยากจะรู้ว่า ใครบ้าง

ที่สนใจการมาของท่านจริง ๆ จัง ๆ

----------------------

กราบพระบาทพระศรีอาริืยเมตไตร ที่ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญมาค่ะ

ข้าพเจ้า นางละม่อม ทองเจือ สนใจการมาของพระพุทธองค์ค่ะ  ติดตามท่านอาจารย์อุบลทางเวปไซต์บ้านสวนพีระมิดทุกตอนค่ะ และได้ปฏิบัติตามที่ท่านอาจารย์อุบลแนะนำ ตอนที่อาราธนา เมตตานะ ศรีอาริยเมตโต...9 จบ ปลื้มใจ ขนลุกค่ะ  และตอนที่ ท่านอาจารย์อุบล ถาม เกี่ยวกับ ดร.จิ๋ม อิจฉามั๊ย? พอถึงขา ละม่อมน้ำตาไหลร่วงค่ะ และพูดบอกว่าให้ ดร.จิ๋ม ขาเดินได้ปกติค่ะ  ที่ศรีษะขนลุกค่ะ

และที่เห็นได้ชัด ทุกคนในที่ประชุม จะเห็นได้โดยตนเองจากการป่วยของตนเอง ที่ขณะยื่น และเดินเข้าใกล้ท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ทุกคนถ้าจิตตั้งมั่น ศรัทธา เคารพ  จะพบกับความสุข ค่ะ

และตอนที่ท่านอาจารย์อุบล บอกว่า ให้ทุกคนบอกพระศรีอาริย์  ละม่อมก็บอกทางเวปไซต์ ว่า ยังไม่มีบ้าน ยังขายดินไม่ได้  และต่อมาพี่สาวอยากให้ละม่อมอาศัียอยู่ใกล้กัน พี่สาวดำเนินการออกเงินซื้อบ้านให้ก่อน ละม่อมมีเงินแล้วค่อยให้  ละม่อมบอกกับพี่ชายว่า ละม่อมมีเงินจะให้กำไรค่าบ้านที่พี่สาวซื้อให้ด้วยค่ะ

ขณะที่ร่างข้อความเขียน ที่ศรีษะขนลุกค่ะ

อยากให้ทุกคนที่กำลังดูเวปไซต์ บ้านสวนพีระมิด เปลี่ยนใจ เชื่่อ ศรัทธา เคารพ  เปลี่ยนความทุกข์ มาเป็นความสุข    นะค่ะ

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนทุกพระองค์ พระศรีอาริยเมตไตร ที่ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญมาค่ะ ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-06 13:50:53


ความคิดเห็นที่ 410 (1632896)

แล้วเคยมีใครสงสัยหรือไม่ว่า

ทำไม

พระศรีอาริย์

จะต้องปกปิด พระองค์จริง

ทำไมพระองค์ท่านไม่เปิดเผย

ตรง ๆ ไปเลย 

---------------------

ขอแสดงความคิดเห็นค่ะ

1. พระองค์ท่าน ให้รู้ด้วยเฉพาะตน ผู้ศรัทธาจะพบด้วยตนเองทางเวปไซต์ หรือ ทางลูกบ้านสวนแนะนำค่ะ

2.คนที่ทุกข์ จะดิ้นรน เมื่อเห็นทุกข์ จะมองเห็นธรรม ค่ะ

3.พระองค์ท่าน ต้องการอยู่กับคนที่บริสุทธิ์ และให้โดยไม่มีเงื่อนไข มีคำว่า ให้ ให้ ให้ อย่างเดียว พระพุทธองค์ ทรงเห็น ท่านอาจารย์อุบล ที่เหมาะสมที่สุดของที่สุด มาผ่าน กาย วาจา ใจ ท่านอาจารย์อุบล ให้ลูกบ้านสวน และทุก ๆ คน ได้สัมผัสกัน และคนที่ศรัทธา คนที่ยังดื้อ นั่นน่าสงสาร เพราะมารยังขวางกั้น ค่ะ

กราบสวัสดีค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-06 14:26:09


ความคิดเห็นที่ 411 (1632903)

  ท่านบอกว่า

ทุกคนที่อยากพบท่าน

ให้มาแสดงความเห็นผิด ถูก ไม่เป็นไร

แต่

ท่านอยากจะรู้ว่า ใครบ้าง

ที่สนใจการมาของท่านจริง ๆ จัง ๆ

----------------------

กราบพระบาทพระศรีอาริยเมตไตรที่ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญมา

เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่ลูกได้เริ่มสนใจแลศึกษาด้านธรรมะมาสมัยนั้นเค้าพูดกันว่าหลังโลกแตก (คือภัยพิบัติเก็บกวาดคนชั่วไปหมด  จะเหลือแต่คนดี)ก็จะเข้าสู่ยุคพระศรีอารย์โลกทั้งโลกจะมีแต่ความสงบสุขไม่มีโจรผู้ร้าย จิตใจมนุษย์ก็จะเปลียนไปมีแต่คนจิตใจดีงาม  ไม่มีโจรผู้ร้าย ก็ได้แต่สงสัยว่าท่านจะอุบัติขึ้นมาเหมือน พระพุทธเจ้าหรือไม่ แต่รูปลักษณ์ของท่านตามวัดวาต่างๆ จะได้เห็นคือ พระอ้วนๆพุงใหญ่ๆหน้ายิ้มๆเปี่ยมไปด้วยความเมตตาปราณี ที่บ้านก็จะมีรูปลักษณ์ของท่านตั้งเป็นพระประธานไว้ตั้งแต่10  กว่าปีที่แล้ว  ก็ได้มารู้มารู้จักท่านจริงๆที่บ้านสวนพีระมิดที่ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญบารมีของท่านมาโปรดมนุษย์จริงๆ ตัวลูกเองเชื่ออย่างไม่ต้องลังเลสงสัย ก็จะติดตามการมาของท่านจากบ้านสวนต่อไปค่ะ ซึ่งขณะนี้ท่านอาจารย์อุบล ก็คงอัญเชิญบารมีของท่านมาให้ลูกหลาน ค่าย13  ได้สัมผัสกัน ตัวลูกเองก็จะขอสัมผัสบารมีของท่านทางเวปไซด็ค่ะ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รมภ์รวินท์ กระสวย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-06 16:11:56


ความคิดเห็นที่ 412 (1632915)

 ข้าพพุทธเจ้าเอง ก็ติดตาม และ ค้นหาพระองค์ ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะสับสนบ้าง  ปฏิบัติตนดูจิตตนเอง ปรับเปลี่ยนตน เพื่อให้อยู่ในยุคพระองค์  หรือต้องตามหาพระวรกายเนื้อ แต่ตามที่ฟังมา เขาบอกว่า (เป็นเณร)  (ผู้สูงศักดิ์บ้าง)  (หญิง) (ชาย) ตามความรู้แบบโง่ๆ ของจิตนี้ *** ต่างฝ่ายต่างกลุ่ม ล้วนแก่งแย่ง ว่าบุคคลของตนเป็นคนสำคัญ หากพระองค์เปิดเผยตนจะเปิดโอกาสให้ หมู่มารที่ คอยจ้องจะทำลายอยู่ตลอดเวลา  ((อนึ่งพระองค์อาจจะถูกปิดกั้นทางสังคมจึงเปิดเผยพระองค์ไม่ได้)) หากจะเปิดจะต้องเป็นผู้ที่ใกล้ชิดพระองค์เป็นผู้สื่อสารมาถึงบุคคลที่สำคัญจริงๆ ได้รู้และรับรองพระองค์ได้  หากเกิดภัยพิบัติแล้วบุคคลที่ปิดกั้นพระองค์ไม่มี ณ ตอน นั้นคงไม่มีใครสนใจอดีต และ เรื่องราวของพระ องค์  ก็จะเป็นการดีสำหรับพระองค์  ***บ้างก็ว่ามีพระโพธิสัตว์ อยู่รับช่วงกึ่งพุทธกาล  ให้เราฝึกจิตตนดูตัวเอง*** เหลืออีกไม่กี่วัน แต่ละกลุ่มคงต้องใช้เวลาที่เหลือ หาวิธีช่วยบุคคล ที่มีบุญสำพันกัน ได้อยู่รอด เพื่อสร้างโลก สร้างธรรมให้เกิดในจิต  สุดแล้วแต่เบื่องบนท่านเป็นผู้คัดสรร  และ มีสถานที่สำคัญให้ได้ไว้รองรับ ใน และ (นอก)…?  สิ่งใดที่ข้าพพุทธเจ้าล่วงเกินพระองค์หรือ ท่านทั้งหลาย   ต้องกราบขอขมาโทษด้วยค่ะ  

ผู้แสดงความคิดเห็น จิรภัทร หมายใหญ่กลาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-06 19:07:46


ความคิดเห็นที่ 413 (1632952)

กราบสวัสดีครับ

ท่านอาจารย์ อุบล ท่านอาจารย์ มงคล และคุณท๊อปครับ

นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เข้ามาเขียน

หลังได้มีการจัดระเบียบ สมาชิก เพราะไม่ได้รับอนุญาติ

แต่วันนี้มาเชคอีกทีวันนี้ได้รับอุนญาติแล้ว  เย้ เย้

ผมมีความดีใจมากเลยครับ ขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์

บ้านสวน เทวดาที่รักษา ท่านอาจารย์ อุบล

และท่านอาจารย์ด้วยครับ

วันนี้ตอนช่วงค่ำๆ คุณชิมได้โทรเข้ามา เล่าเรื่องราวบ้างอย่างที่

สามารถเปิดเผยได้เกี่ยวกับข้อมูล ค่าย13  ที่เกี่ยวกับ การขอพร

กับจี้ องค์เทพสฟิง มีอนุภาพ ในแต่และคน ไม่เหมือนกัน

เพราะอะไร แล้วทำอย่างไร จึงจะมีอนุภาพ มากขึ้น

และข้อมูลที่สำคัญ มากที่สุดคือ เรื่อการเขียน ธรรมทาน

เพื่อสร้างบุญเพื่อ สร้างบุญรับมือเกี่ยวกับถัยพิบัติ

ทำให้ผม มีความกังวล ว่า ผมยังไม่ได้ รับอุนญาติเขียนเลย

คุณชิมเลยให้ผม ขอบารมี องค์เทพ สฟิงขอเค้าที่มี12 องค์

บวก ของผมอีก1องค์รวมกันเป็น13 องค์

ขอพรให้ผมได้รับอุนญาติ

จึงได้ทำการขอพรอีกครั้งเข้าเขียนธรรมทานได้

หลังจากนั้นผมจึงได้ลองเปิด เวปบ้านสวนพิรามิด

อีกครั้งและก็สามารถเข้ามาเขียนได้ทันทีเลยครับ

ทำให้ตกใจมากๆเลยครับขอขอบคุณ สิ่งศักดิ์

บ้านสวนพิรามิด ทุกพระองค์

ท่านอาจารย์ อุบล ท่านอาจารย์ มงคล คุณท๊อป

และเวปมาสเตอร์ บ้านสวนด้วยครับ

ขออุนโมทาน กับลูกบ้านสวน ทุกท่านที่เข้าค่าย13 ด้วยนะครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปณวัฒน์ เอื้อสิริรุ่งเรือง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-07 22:10:30


ความคิดเห็นที่ 414 (1632953)

ธรรมทานในวันเข้าค่าย 6-7 ต.ค.55

เจี๊ยบมาถึงบ้านสวนฯในวันศุกร์ที่ 5 ต.ค. ตอน 3 ทุ่มแล้ว ต้องตะลึงกับสวนฯเนรมิตรที่ท่านอาจารย์ตกแต่งหน้าห้องน้ำใหม่ ซึ่งเมื่อก่อนจะมีกองดินสูง เล้าไก่โอนเอนพิงกองดิน และพื้นดินที่สูงๆต่ำๆ แฉะไปด้วยน้ำ เนรมิตรกลายเป็นสวนสวรรค์ ประดับประดาด้วยดอกไม้สีสันสวยงามรอบต้นกระท้อน มีเก้าอี้นั่งล้อมรอบต้นกระท้อน ซึ่งดัดแปลงจากท่อทางระบาำยน้ำ มีม้านั่งหินประดับไว้พักผ่อนยามเราเหนื่อยแรงจากการทำงาน แถมด้วยม้านั่งชิงช้า ส่วนทางเิดินไปห้องน้ำก็มีกวางน้อยคอยสวัสดี สัตว์ต่างๆ จัดวางทั่ว พื้นดินก็ปูด้วยกระเบื้องหลังคา เงยหน้ามองต้นกระท้อนก็เห็นสัตว์ต่างๆเช่น ลิง ไก่ ห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ ทุกต้น สุ่มไก่ประดับด้วยช่อดอกไม้ก็ลอยเด่นอยู่บนต้นกระท้อน แถมด้วยกระจาดใส่ผลไม้ห้อยย้อยระย้าลงมาให้หยิบกินได้ตามสบาย อื้อฮื้อ  โอ้โห สวรรค์บนดินชัดๆๆ

ต้องขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ และทุกๆท่านที่ช่วยท่านอาจารย์เนรมิตรสวนสวรรค์นี้เพื่อลูกหลานค่ะ

คืนวันศุกร์เราก็ซุ่มซ้อมละะครที่จะเล่นคืนวันเสาร์กัน แต่ซ้อมได้ไม่เต็มที่เพราะนักแสดงมากันไม่ครบ เอาเท่าที่มีบทของแต่ละคน ซ้อมไปก็หัวเราะกันเองไป กว่าจะนอนก็ปาเข้าไปตี 2-3 แล้ว เช้าวันเสาร์โดนปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อมาออกกำลังกายกัน

จากนั้นก็ไปใช้แรงกายสร้างบุญที่แปลงเกษตร โดยไปถางหญ้าที่แปลงเผือกทำร่องน้ำใ้ห้น้ำไหลผ่าน เพราะเผือกเริ่มเป็นหัวแล้ว

จากนั้นได้พักทานอาหารเช้าแล้วเราก็เริ่มลุยงานหนักกันเต็มที่เพื่อสร้างบุญเต็มพิกัดในวันเสาร์ โดยมีงานบุญวิหารทานรอพวกเราอยู่ คือเทปูนลงหลุมอาคารใหม่และก่ออิฐในหลุม มีงานผูกเหล็ก งานถอนหญ้า ดายหญ้าแปลงเกษตร เตรียมดินเพื่อปลูกผักคะน้า ต้องขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคุ่ะที่แย่งงานกันทำจนแทบจะยืนเกยกัน  กำลังใจเต็มที่ทุกคนค่ะ

อาหารเช้าวันเสาร์ เป็นก๋วยจั้บเจโดยคุณอัมแม่ครัวแสนสวยแถมใจบุญ และมื้อเที่ยงเป็นขนมจีนน้ำยาเจและแกงไตปลาเจ โดยคุณอรนำมาร่วมบุญ และแม่ครัวคนอื่น มีคุณแมว คุณอังคนาและคนอื่นๆที่ฝีมือไม่เคยมีวันไหนที่ไม่อร่อย ส่วนอาหารอื่น ขนม และผลไม้เพียบ เยอะมากที่พวกเรานำมาร่วมบุญ

ตอนเย็น 5 โมงเราเริ่มเตรียมตัวกันมาอาบน้ำเพื่อเข้าสู่กิจกรรมภาคกลางคืิน ภาคกลางคืนท่านอาจารย์จัดให้มีคลิปภัยพิบัติ ตื่นเต้น เร้าใจมาให้พวกเราได้ดูกัน จากนั้นก็มีการแสดง 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นการเต้นรำของสาวๆๆๆ ที่แต่งตัวได้น่ารัก จัดโดยคุณอัมแม่ครัวใจบุญ โดยเป็นการเต้น 2 ชุด 2 เพลงจัดมาเพื่อท่านอาจารย์โดยเฉพาะค่ะ

ส่วนการแสดงชุดที่ 2 เป็นละครเรื่อง เงาะป่า ผู้จัดก็คือคุณโฆษิต ผู้กำกับเผด็จการของคุณแหม่ม ที่เคร่งเครียดกับบทละครจนนอนไม่หลับเป็นอาทิตย์ กลัวว่าผลงานจะออกมาไม่ดี เพราะโจทย์คือละครจะต้องมีเนื้อหาสาระ ไม่ใช่ฮาลูกเดียว และคุณโฆษิตก็คิดเรื่องออกมาได้ดีมาก มีทั้งสาระ ฮากันสนุกสนาน  ชุดการแสดงก็อลังการงานสร้าง ขอขอบคุณคุณอรที่เป็นธุระเรื่องจัดหาชุดการแสดง ให้นักแสดงทุกคนสวย สง่ากันทุกคนค่ะ ต้องขอชื่นชมนักแสดงทุกคนที่แสดงได้ดี น่ารักไม่มีการเขิน เพราะพวกเราหน้าด้านกันหมดแล้วค่ะ

จากนั้นกิจกรรมต่อมา ท่านอาจารย์ใ้ห้พวกเราทำ workshop โดยแบ่งพวกเราออกเป็นกลุ่มๆ ให้หัวข้อที่แต่ละกลุ่มไปทำคนละเรื่อง โดยพวกเราจะต้องระดมความคิดกันในกลุ่มเพื่อหาข้อสรุปแล้วนำเสนอท่านอาจารย์ ระหว่างที่ท่านอาจารย์รอพวกเราทำ Workshop นั้น ท่านอาจารย์ก็ได้จัดให้มีการปิ้งบาบีคิว มันเผา ฟักทองเผาตรงสวนสวรรค์ กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ควันไฟก็ไล่ยุงไปในตัว ทานมันเผากันไปหัวเราะกันไปเป็นที่สนุกสนาน

ต่อมาท่านอาจารย์ก็ได้พวกเราร่วมกันถ่ายรูปกับท่านอาจารย์เป็นที่ระลึกตรงสวนสวรรค์ แล้วจัดใ้ห้มีธรรมทานใครมีประสบการณ์อะไรก็มาแชร์กัน ที่น่าสนใจก็จะเป็นของน้องชิม ซึ่งสร้อยคอของน้องชิมมีจี้ 9 องค์คล้องคอ ทำให้ได้รับพลังอนันตจักรวาลเต็มๆ เมื่อเวลาไปใช้รักษาใครก็จะสัมฤทธิผลมาก ท่านอาจารย์ได้ให้คนอื่นๆลองคล้องสร้อยของน้องชิม ปรากฏว่าอาการ เจ็บป่วยดีขึ้นทันตา เช่น

ป้าอุ๊ ซึ่งปวดขาจะเดินกระโผลกกระเผลก ปรากฏว่าขาเบาขึ้น เดินปร๋อเลย

น้องลินลูกอาจารย์พันธ์ ซึ่งท่าเดินจะเป็นเป็ด ปลายเท้าจะปัดเข้าไปข้างในเวลาเดิน ปรากฏว่าขาตรงเลยไม่ปัดอีกแล้ว

ป้าพร ซึ่งหูตึงมา 5 ปี ปรากฏว่า หูหายตึงแล้วค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

ขออนุญาติไปต่อวันพรุงนี้ค่ะ ขอพักก่อนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-07 22:28:44


ความคิดเห็นที่ 415 (1632954)

เรียนคุณปณวัฒน์

ช่วยปิดอีเมล์ของคุณด้วยค่ะ ด้วยการติ๊กช่องไม่แสดอีเมล์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-07 22:32:23


ความคิดเห็นที่ 416 (1632957)

 ขอมาเล่าเรื่องการเข้าค่าย 13ครับ

โดยเบสได้ไปบ้านสวนในวันศุกร์ตอนเย็น ซึ่งเมื่อตอนเดินเข้าไปก็รู้สึกว่ามีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปมากๆ

ซึ่งครั้งแรกที่เห็นบริเวณหลังเวที ซึ่งเมื่อก่อนมีกองดินอยู่ และบรรยากาศดูไม่ค่อยดีมากนัก แต่ครั้งนี้กลับต้องตะลึงมากๆ

เพราะว่าภาพเก่าๆเหล่านั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่าในตอนนี้ได้ถูกเนรมิตให้สวยงามตะการตาอย่างมาก โดยมีการตกแต่งประดับประดาด้วยต้นไม้ สัตว์ต่างๆ และมีท่อระบายน้ำ ซึ่งนำมาประยุกช์ใช้เป็นที่นั่ง ซึ่งมองดูแล้วเข้ากันมาก ทุกอย่างลงตัว และดูงมงามอย่างที่สุด โดยตอนนั้นคิดเลยว่า นี่ขนาดแค่ไม่ได้มาแค่ 5 วัน ทำไมถึงได้เปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ โดยสวยงามมากๆ สุ่มไก่ที่เคยวางไว้ที่พื้น ก็กลับกลายมาเป็นโมบายประดับสวยงาม เรียกได้ว่าไม่มีจุดไหนที่ไม่สวยเลยก็ว่าได้ และเมื่อได้เดินเข้าไปดู รู้สึกได้ถึงความเย็นสบายของจิตใจ มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขมากๆ

ในวันเสาร์

พวกเราตื่นกันแต่เช้า เพื่อที่จะมาร่วมกิจกรรมออกกำลังกายกัน ซึ่งทุกคนต่างให้ความร่วมมือกันอย่างดีเยี่ยม และคิดท่าออกกำลังกายกันอย่างสนุกสนาน โดยสลับกันออกมานำออกกำลังกายคนละ 1 ท่า  ต่อมา อ.อุบลก็ได้กล่าวเปิดงานค่าย 13 และพวกเราก็เริ่ม สร้างบุญแรงกายกัน

โดยบางคนก็ ผสมปูนบ้าง ยกปูนบ้าง ตัดเหล็กบ้าง บางคนก็ไปทำงานเกษตรกัน เรียกได้ว่าทุกคนแข็งขันกันสร้างบุญด้วยแรงกายมาก เบสเห็นได้ว่าทุกคนต่างทำกันชนิดที่เรียกว่าสุดๆ ทำแบบสุดความสารถเลยครับ ทำให้เห็นถึงความสามาคคี และคิดว่าความสามัคคีนั้นมีพลังยิ่งใหญ่มหาศาลจริงๆครับ

ตกเย็น ก็มีการฉายวีดีโอเรื่องภัยพิบัติต่างๆให้ดูกัน และก็มีการแสดงสองชุด คือ มีการเต้น และการแสดงละคร ในการแสดงเต้นนั้น เป็นไปอย่างสวยงาม และมีความเป็นมืออาชีพมาก ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาซ้อม แต่การแสดงดูเพลิดเพลิน และสนุกสนานเป็นอย่างมาก และต่อมาก็คือการแสดงละคร เรื่อง สังข์ทอง ตอน นางรจนาเลือกคู่ โดยก็เป็นไปอย่างสนุกสนานเฮาฮากัน โดยเบสก็มีโอกาสได้ร่วมแสดงด้วย ซึ่งก็รู้สึกดีที่ได้ร่วมแสดงกับคนอื่นๆ และก็กล้าๆกลัวๆ เพราะแสดงอะไรกับเค้าไม่ค่อยเป็นสักเท่าไหร่  และจากนั้นก็มีการทำ work shop ซึ่งให้ทุกคนแบ่งกลุ่มกัน และช่วยกันเสนอความคิดเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ว่ามีความเห็นอย่างไรบ้าง และนำมาร่วมแสดงความคิดเห็นกัน ซึ่งกิจกรรมนี้ทำให้เราได้เห็นมุมมองของคนอื่นมากขึ้น ว่าคนอื่นมีมุมมองอย่างไรกันบ้าง และเราจะช่วยกันปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์กันได้อย่างไร ต่อจากนั้นพวกเราก็ได้ไปนั่งกันบริเวณหลังเวที ที่จัดไว้อย่างสวยงาม และก็ได้มีคนออกมาแชร์ประสอบการณ์ต่างๆกัน เช่น พี่ชิม ก็ออกมาเล่าว่า มีพัสดุที่เป็นจี้องค์เทพสฟิงค์มาส่งที่บ้าน และตลอดที่พัสดุนี้อยู่ในบ้าน ลูกค้าจะเข้าร้านเยอะผิดปกติ และเมื่อนำพัสดุออกจากบ้าน คนที่มาซื้อของก็บางตาลงทันที อีกทั้งยังมีพี่แมวออกมาเล่าว่า มีคนโทรมาหาชื่อ คุณสมจิต จากชลบุรี เขาบูชาจี้องค์เทพสฟิงค์ไป 3 องค์ แล้วก็ได้ทำสมาธิ โดยขณะทำสมาธิได้สวมจี้ทั้ง 3องค์ แล้วในสมาธิ ก็ได้รู้คำตอบว่า จักรวาลคืออะไร เมื่อเล่าจบ ทุกคนต่างฮือฮากันมาก แล้วพี่ชิมก็ได้ห้อยจี้องค์เทพสฟิงค์ถึง 9 องค์ และได้ลองนำมาให้คนอื่นสวม ปรากฏว่าอาการที่เป็นอยู่หาย แล้วก็มีคนมากมายออกมาสวมจี้องค์เทพสฟิงค์ 9 องค์ของพี่ชิม และก็หายกันอย่างมากมาย ทั้งๆที่ยังไม่ได้สารภาพบาปเลย แค่สวมไว้เฉยๆก็หาย หรือดีขึ้นแล้ว โดยเคสของพี่ริน ที่มีอาการเท้าขวาเอนออกไปข้างนอก ทำให้เวลาเดิน จะเดินไม่ตรง ซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิดนั้น เกิดหายขึ้นมา ซึ่งทำให้เป็ฯที่ฮือฮาและตกตะลึงเป็นอย่างมากต่อคนที่ได้พบเห็น

ในวันอาทิตย์

ในวันนี้เวลาประมาน 9 นาฬิกา พวกเราก็มารวมกันที่เวทีเพื่อร่วมทำกิจกรรม work shop กัน โดยก็เป็นการระดมสมองอีกเช่นเคย โดยในคราวนี้พวกเราก็ได้รับหัวข้ิอใหม่ โดยมี 3คำถามให้พวกเราช่วยกันคิด ซึ่งก็คือ คุยกันในกลุ่มว่า ใครมีปัญหาอะไรอยู่บ้าง และพวกเราจะสามารถช่วยคนในกลุ่มได้อย่างไร โดยในกลุ่มของเบสดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะมีปัญหาการเงินกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเราก็ได้แชร์ประสบการณ์กัน เช่น ถ้าอยากมีสภาพคล่องทางการเงิน ให้ตักบาตรวิระทะโย แล้วอธิฐานขอให้เงินนี้ เป็นสังฆทาน ธรรมทาน วิหารทาน และทานใหญ่น้อยทุกทาน และก็มีพี่น้อยมาเล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง ว่าเคยมีปัญหาการเงินมาอย่างมาก แต่ตอนนี้มีสภาพคล่องทางการเงิน และมีเงินเก็บ เพราะว่า หันมาตั้งใจ รักษาศีลตลอดชีวิต หันมาทานมังสาวิรัติ ใส่บาตรวิระทะโย สวดคาถาเงินล้าน ทำสมาธิโดยภาวนาคาถาเงินล้านร่วมไปด้วย เป็นต้น และก็มีพี่อีกคนหนึ่งเป็นเจ้าของโรงงานน้ำปลา แต่ไม่ชอบสิ่งที่ทำอยู่ และก็อยากเปลี่ยน พวกเราเลยช่วยกันเสนอความเห็นของตนเอง และพี่คนนี้ก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจากโรงงานน้ำปลา จะมาทำเป็นโรงงานผลิตซอสถั่วเหลืองแทน ซึ่งทุกคนต่างดีใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นพี่คนนี้ตั้งใจที่จะประกอบอาชีพที่ไม่เบียกเบียนคนอื่น และพวกเราก็ได้ใช้จี้ช่วยคนในกลุ่มที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่ด้วย โดยเมื่อเสร็จกิจกรรมก็มีการรายงานผลสรุป โดยหลายๆกลุ่มก็จะใช้จี้ที่ตัวเองมีอยู่ให้คนในกลุ่มสารภาพ และมีบางกลุ่มที่รวมจี้จากทุกคน แล้วนำมาให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่ได้สวม หรือสัมผัส เช่นกลุ่มของพี่เหมี่ยว ได้ให้พี่ก๊อตซึ่งมีอาการตาบวมเอาจี้รวมทั้งหมด 14องค์ มาประคบที่ตา สักครู่หนึ่ง ปรากฎว่าตาของพี่ก๊อตที่มีอาการบวมอยู่นั้น ยุบลงแบบฉับพลันทันที ทำให้เป็นที่ฮือฮาของคนในกลุ่มมาก เบสก็ตะลึงเหมือนกัน เพราะเบสเห็นพี่ก๊อตตาบวมตั้งแต่เช้าแล้ว และมีอีกเคสหนึ่งคือป้าเจี๊ยบ มีอาการคันหัวเข่ามาเป็นเวลา 7 ปี พอใช้จี้ 14องค์ อาการดีขึ้นมาก เข่าที่เคยดำกลับมาขาว

โดยท่าน อ.อุบล ก็ได้บอกว่า ต่อไปนี้ให้พวกเราหมั่นท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์โดยให้ท่องวันละ 99จบให้ได้ 9 วัน คือท่องตอนไหนก็ได้ เดินก็ท่องได้ เข้าห้องน้ำก็ท่องได้ ท่องได้ทั้งวันให้จิตของเราเกาะเกี่ยวอยู่กับบุญ กับกุศล และตอนก่อนนอน ให้สวดมนไหว้พระ โดยใช้จิตสวด จะนอนสวดก้ได้ โดยสวดอิติปิโส ปะโตเมตัง คาถาท้าวเวสสุวรรณ และให้สวดคาถาบูชาพระศรีอาริย์เยอะหน่อย  และจากนั้นพวกเราก็ได้ทำ work shop อีกครั้งหนึ่ง ในหัวข้อ พระศรีอาริย์จะปราบมารได้อย่างไร

โดยเบสคิดว่าสิ่งที่ได้จากการทำกิจกรรมนี้คือ ได้เปิดโลกทัศน์ ได้รับรู้มุมมองจากคนอื่นๆ ไดเแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต ที่เกิดขึ้นจริง กับตัวเอง โดยเบสเห็นว่าการทำ work shop นั้น เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะได้เป็นการกระตุ้นให้ทุกคนคิด และหาทางหรือวิธีการต่างๆที่จะมาตอบโจทย์ที่ได้รับ ซึ่งแตกต่างจากของเดิมที่เราจะเป็นฝ่ายรับจากท่าน อ.อุบล เป็นฝ่ายเดียว คราวนี้เราเลยได้มีโอกาศคิดและเสนอความเห็นกัน ซึ่งเบสคิดว่ากิจกรรมนี้ทำให้เรามีความสามัคคีมากขึ้นด้วย เพราะว่าเราต้องทำงานเป็นทีม และช่วยเหลือกันให้งานออกมาสำเร็จ   (มีต่อครับ)

 



 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-07 23:06:28


ความคิดเห็นที่ 417 (1632966)

 

ลูกขอขอบพระทัยพระศรีอาริย์ที่ส่งลูกกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย ไร้อุปสรรค

กราบขอบคุณเทวดารักษาอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว 

 

 

ขออนุญาติพักผ่อนก่อนครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-07 23:19:50


ความคิดเห็นที่ 418 (1632968)

แต่ละคนคงถึงบ้านดึก

มืด ค่ำ

 

แต่คุณเจี๊ยบ

ยังคงรักษาแชมป์ไว้ได้

อย่างมั่นคง

 

คุณตาโต๊ะ

อุส่าห์มาส่งข่าวว่าถึงบ้านแล้ว

โดยสวัสดิภาพ

 

น้องเบส

ก็ยังครองแชมป์คู่กะคุณเจี๊ยบ

ได้สม่ำเสมอ

น้องเบส พัฒนาตัวเองได้รวดเร็ว

มีจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแกร่ง ขยันขันแข็ง

ร่างกายก็แข็งแรงกว่าแต่ก่อน

แสดงละคร

ก็เจ๋ง ฮา อย่าบอกใคร

(นางรจนา...ฮาระเบิด)

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 00:06:49


ความคิดเห็นที่ 419 (1632974)

วันเสาร์-วันอาทิตย์ 6-7 ตุลาคม 2555

  ได้เดินทางถึงบ้านสวนในตอนเช้า แต่ในคืนวันศุกร์ยังกลัวๆว่าวันเสาร์ตอนหัวรุ่งที่จะเดินทางมาขึ้นรถฝนจะตกหนักหรือไม่เพราะว่าอย่างที่ท่านอาจารย์อุบลบอกไว้ว่า จะมีพายุและฝนตกแม้ว่าเราจะผ่านด่านแรกมาได้ แต่ก็ต้องรอลุ้นด่านที่สองอีก ว่าจะฝ่าสายฝนฝ่าพายุมาได้หรือไม่  กลางคืนวันศุกร์จึงขอบารมีพระศรีอาริย์ ขอให้ลูกได้เดินทางไปบ้านสวนได้อย่างปลอดภัยไม่มีอุปสรรคฝนอย่าตก ปรากฏว่า ตี5ครึ่งได้เดินทางมาขึ้นรถฝนไม่ตกค่ะ แถมอากาศเย็นๆสบายๆแต่พอนั่งรถมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงฝนก็ตกลงมาแต่ตกไม่หนักพอมาถึงบ้านนา ก็ไม่มีฝนเลยค่ะ 

ตอนเข้ามาบ้านสวนก็ได้อาศัยรถคุณฉันทนาค่ะ โดยมีลูกชายคุณฉันทนาและคุณบุญเรืองมาด้วยกัน  บังเอิญคุณฉันทนาบอกว่าปกติและจะขับรถมาเก็บตกลูกบ้านสวนที่รอรถอยู่บริเวณนั้น จะได้พาขึ้นรถเข้าบ้านสวนด้วยกันเลย พอขึ้นรถยังไม่ทันออกก็มีลูกบ้านสวนคนหนึ่งไม่แน่ใจว่าชื่อคุณนุชหรือเปล่านะค่ะถ้าผิดขอโทษด้วยนะค่ะ ขอเคาะประตูขอไปด้วย คุณนุชบอกว่ากำลังหารถรับจ้างเพื่อจะไปบ้านสวนอยู่พอดี บังเอิญหันไปเห็นคุณฉันทนาที่ใส่เสื้อบ้านสวน ก็แน่ใจเลยว่าต้องไปบ้านสวนแน่ๆจึงขอร่วมเดินทางเข้าบ้านสวนด้วยกัน คืออยากจะบอกว่า หนูคิดว่าสิ่งที่ทำให้เราทราบว่าพวกเราเป็นพวกเดียวกันที่ตั้งใจจะมาสร้างบุญกันที่บ้านสวนคือ เสื้อบ้านสวนที่ใส่แล้วรู้ได้ทันทีว่า คนนี้ลูกบ้านสวนแน่นอน พอได้เห็นแล้ว อุ่นใจ อบอุ่นเลยค่ะเหมือนเห็นคนในครอบครัวเราเลย รู้เลยว่าปลอดภัยค่ะ  ขอบครัวคุณฉันทนาค่ะที่ให้ร่วมเดินทางเข้าบ้านสวนด้วย

สร้างบุญแรงกายในช่วงเช้าถึงเย็น   บุญแรกที่ทำก็คือ เป็นสายพานลำเลียงก้อนอิฐ แต่ว่าหนูมาลำเลียงตอนใกล้เสร็จแล้ว ได้ประมาณไม่เกิน30 ก้อน  งานต่อมาคือ เป็นสายพานอีกเช่นกัน แต่เป็นสายพายลำเลียงปูนไปเทลงในหลุมเพื่อเทคานไม่แน่ใจเรียกคานรึเปล่าานะค่ะ อันนี้สายพานทำงานหมุนหลายรอบอยู่เหมือนกันค่ะ ส่งถังปูนไปพร้อมกับท่านคาถาบูชาพระศรีอาริย์พร้อมกันด้วยโดยมีคุณชินเป็นแกนนำท่อง (ไม่แน่ใจว่าเรียกชื่อถูกรึเปล่า ท่านที่ใส่จี้เยอะๆนั้นแหละค่ะ) อ้อเดียวจะขอบอกก่อนว่า ท่านอาจารย์อุบลท่านบอกว่าให้ท่องคาถาพระศรีอาริย์ให้ได้วันละ99เที่ยว(สาธุ สาธุ สาธุ ไว้ท่องตอนสุดท้ายไว้ปิดท้ายค่ะ)  ท่องได้ทุกที่ทุกเวลา นั่ง นอน ยืน เดิน อาบน้ำ กินข้าว ถ่ายหนัก ถ่ายเบา ได้ทั้งนั้น แล้วผลจะตามมาอย่างอัศจรรย์ ผลนี้หนูไม่แน่ใจนะค่ะ จำไม่ค่อยได้ ว่าสวยสาวขึ้น ท้องผูกก็จะหาย หรือเปล่าไม่แน่ใจนะค่ะ แต่เป็นการฝึกจิตของเราให้เป็นสมาธินั้นเองค่ะ     งานต่อมาคือผูกลวดกับเหล็กเส้นใช้ทำเป็นคาน(คานหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจอีกแล้วเห็นบอกๆกันมา) การผูกดูเหมือนจะผูกง่ายๆนะค่ะ แต่พอได้ลงมือทำต้องใช้สมาธิเหมือนกันเพื่อกะให้ระยะห่างเท่ากัน ต้องใช้แรงในการบิดลวด ช่วงแรกๆแต่ละคนก็จะไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ แต่ผ่านไปสัก 2-3เสา ก็จะผูกได้เร็วขึ้นกว่าเดิม เกิดความชำนาญ  เริ่มมองทางตัวเองในอนาคตออกแล้ว อิอิ แม้ว่าแต่ละคนไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อนแต่ทุกคนล้วนทุ่มทั้งแรงใจแรงกายอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้เสาออกมาได้สวยงามและทน รู้สึกว่าจะเสร็จประมาณ 8 ต้น อยากทำให้ครบ 9 แต่ไม่ทันเวลาซะแล้วสิ งานที่ออกมาได้สมบูรณ์ภายในเวลาอันน้อยนิดและจำกัดต้องอาศัยแรงกายและแรงใจที่ต่างคนต่างทุ่มเท เพื่อผลออกมาเต็ม 100% ไม่ว่าคนเยอะคนน้อยไม่เกี่ยวอยู่ที่ใจอย่างเดียวทุกอย่างก็จะเสร็จสมบูรณ์อย่างภูมิใจค่ะ    

เดี๋ยวขอตัวก่อนนะค่ะแล้วจะมาเล่าต่อค่ะ  ขณะที่พิมพ์ธรรมทานเสร็จ ได้มีตะขาบตัวเล็กไม่ทราบวิ่งมาจะไหนของห้องเหมือนมาเตือนอะไรบางอย่าง พอเห็นก็ตกใจยืนหมุนทำอะไรไม่ถูก หันไปเห็นถ้วยก็เอามาครอบไว้กะจะลากไปทิ้งหน้าห้อง แต่จะหวะที่ลางไม่รู้ว่าตะขาบหายไปไหนหาไม่เจอ พอตั้งสติได้เพิ่งจะนึกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย  เหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาเตือนว่าสัตว์ต่างๆที่มีพิษเริ่มเข้ามาใกล้เราแล้วเรื่อยๆ แล้วที่สำคัญเห็นสิ่งเหล่านั้นปุบสิ่งแรกต้องนึกรหัสให้ได้ทันที แต่เมื่อกี้หนูไม่ทันนึกไม่ไม่ทันตั้งตัวมัวแต่ยืนหมุนคิดอะไรไม่ออกตื่นเต้นตกใจ  ถ้าวันใดวันหนึ่งสิ่งเหล่านี้ปรากฎให้เห็นอีกซึ่งอาจไม่ใช้ตะขาบเล็กๆถ้าเราไม่มีสติไม่มีสมาธิ เราไม่รอดแน่นอนค่ะ ตอนนี้รู้ตัวเลยว่าตัวเองยังไม่ผ่าน ค่ะ  

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 02:22:58


ความคิดเห็นที่ 420 (1632976)

น้องเบส

ก็ยังครองแชมป์คู่กะคุณเจี๊ยบ

ได้สม่ำเสมอ

...............................

อิอิ นอกจากคุณพี่เจี๊ยบและน้องเบส

จะเป็นแชมเ***ยนในการเข้ามาเขียน

ธรรมทานก่อนใครทุกงานแล้ว

 

ยังมีคอมเมนเตเตอร์ระดับกิติมศักดิ์

อย่างท่านอาจารย์ด้วยนะค๊า

ที่เข้ามาเม้นต์ได้รวดเร็ว

ไม่แพ้แชมเ***ยนทั้งสองเล๊ย...

 

อนุโมทนากับทุกๆธรรมทานด้วยนะคะ

เพราะเท่าที่อ่านดู รู้เลยว่า

ประสบการณ์ที่จะนำมาเขียน

เป็นธรรมทานจากกิจกรรมค่าย13นี้

 

แต่ละคน แต่ละกลุ่มต้องมีเรื่องเหลา

ที่หลากหลายและแตกต่างกันไปแน่นอน

เพราะแต่ละทีม ก็คงจะมีเรื่องราว

และเหตุการณ์ที่เจอแตกต่างกันไปแน่ๆ


ส่วนเรื่องราวความขลัง

หรือปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการ

สวมจี้9องค์พร้อมกันของคุณซิม

 

อ่านแล้วก็น่าคิดนะคะ

ว่าเบื้องบนต้องการจะสื่อสารอะไร

 

แล้วก็ทำให้ชนิดานึกย้อนไปถึง

ตอนที่ได้รับจี้ในวันแรก

ก็ยังไม่ได้ให้คุณสามีในทันที

คือช่วงระหว่างทำงานชนิดา

ก็นำจี้ทั้งสององค์มาห้อยพร้อมกัน

 

ก็พอจะสัมผัสได้ว่า

การสวมหนึ่งองค์กับสององค์นั้น

พลังแรงต่างกันอยู่

แต่ก็ไม่ได้นำมาพิจารณาต่อ...

 

เพราะคิดว่า สวมจี้องค์เดียว

พร้อมกับมีแหวนองค์เทพสฟิงซ์

อยู่ในมือตลอดเวลา

ก็เรียกว่า พลังล้นเหลือแล้ว


แต่เรื่องของคุณซิม ทำให้ชนิดาคิดว่า

(ต้องบอกว่าจินตนาการดีกว่าค่ะ)

ที่ได้รับปาฏิหาริย์ชัดเจนนั้น

 

ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ

ปัจจัยที่เราบูชาทั้งหมด

คือกำลังบุญหนุนส่วนหนึ่ง

เพราะยิ่งเราบูชามาก

ท่านอาจารย์ก็นำเงินบูชาเหล่านี้

ไปสร้างบุญได้มากขึ้น


นั่นคือบุญจากส่วนของเรามาหนุนเราเอง

และอีกส่วนหนึ่ง

ก็คือในจี้ทุกองค์จะมีพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ที่ท่านอาจารย์อัญเชิญมาสถิต

ซึ่งหลักๆพวกเรา

ก็พอจะรู้ๆกันอยู่ว่ามีพระองค์ใดบ้าง


แต่จะเป็นไปได้ไหม๊คะว่า

นอกจากนี้ในจี้แต่ละองค์

ก็จะมีเทวดารับหน้าที่คุ้มครองอยู่

สมมติว่าจี้ละ100องค์แล้วกันนะคะ

 

ฉะนั้นถ้าเราสวมจี้3 องค์ หรือ 9 องค์

แสดงว่าเราจะมีกำลังเสริม

จากเทวดาเป็น 300 องค์

หรือ 900 องค์ทันที

พลังก็เลยแรงต่างกัน

 

อิอิ อันนี้"จินตนาการล้วนๆค่ะ"

แต่ความจริงเป็นเช่นใด

ชนิดาก็ไม่แน่ใจนะคะ

ชาวค่าย13อาจจะมีคำตอบ

ที่กระจ่างให้ชาวเกาะได้รู้บ้าง...ก็ได้




 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 03:54:56


ความคิดเห็นที่ 421 (1632978)

ได้มาเข้าค่าย 13

จะขอเล่าเป็นเรื่อง ๆ นะคะ

เรื่องแรกเมื่อมาถึงตอนเช้าวันที่ 6 ตุลาคม

ท่านอาจารย์อุบลได้ปฐมนิเทศชาวค่าย ตอนนี้ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์มาจด ได้จากความจำนะคะ

ตอนที่สำคัญคือ ท่านพูดว่าเลข 13 ฝรั่งว่าเป็นเลขอาถรรพ์

เราต้องทำลายอาถรรพ์เลข 13 นี้ให้ได้ (สร้างบุญให้มากอันนี้คิดเองค่ะ)

ท่านให้สวดคาถาบูชาพระศรีอาริยเมตไตย เพราะยุคนี้เป็นยุคของท่่าน

โดยให้สวด 99 จบอย่างน้อย 9 วัน

"เมตตานะ ศรีอาริยะเมตโต

พุทธานะมะ

สันติเกโล อนาคามิ

ท่องไปแล้วจบสุดท้ายจึงค่อยท่องปิดท้ายว่า

สาธุ สาธุ สาธุ"

 

ท่านอาจารย์บอกว่าวันแรกจะขับสิ่งไม่ดีออกไป

บางคนอาจมีอาการถ่ายท้องก็ได้

พวกเราก็เลยใช้เป็นคำภาวนาระหว่างทำงานไปเลย

บางช่วงก็สวดพร้อมกันเสียงดัง

เพื่อช่วยคนที่ยังสวดไม่คล่องให้สวดคล่องขึ้น

ซึ่งก็ได้ผลดีเพราะสำหรับตนเองนั้น

ยังสวดไม่คล่องต้องเปิดโพยดูเพราะมักจะสวดสลับวรรคกันหากตอนสวดไม่มีสมาธิ

แต่หลังจากสวดไปเรื่อย ๆ ก็สวดได้คล่องไม่สลับวรรคแล้วค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 07:31:02


ความคิดเห็นที่ 422 (1632979)

สิ่งที่ได้จากค่าย 13

ที่เด่นชัดในความรู้สึกก็คือ

จะขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย

ไม่ว่าจะเป็นตนเอง หรือผู้อื่น

จะต้องมีความศรัทธา + มีความเมตตา + มีความสามัคคี (การรวมพลัง)

ความปรารถนาดี

จะช่วยแก้ไขปัญหา ความทุกข์ โรคภัยได้

ฉับพลันทันที่ 100 %

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 07:36:26


ความคิดเห็นที่ 423 (1632980)

ป้าอุ๊ที่มาเข้าค่ายด้วย ได้ออกมาให้แง่คิดมุมมอง

ที่ทำให้รู้ว่าทำไม่ป้าอุ๊ถึงได้...สาว...สวย และอ่อนกว่าวัยมาก ๆ

นั้นก็คือ การคิด ... ให้คิดบวก

เลิกกรรมโทสะ

และบุญใหญ่อีกเรื่องหนึ่งก็คือ

การปกป้องบ้านสวนพีระมิด และอาจารย์อุบล

ในเฟสบุ๊ค ป้าอุไม่ได้ไปตอบโต้เขาเหล่านั้นด้วยถ้อยคำหยาบคาย

แต่ป้าอุ๊ได้ทำด้วยวิธีที่ชาญฉลาด และสุภาพ

คืิอการโพส ข้อความบุญ เรื่องราวดี ๆ เรื่องราวด้านบวกลงไปมาก ๆ

ผลไม่อยากจะพูดเลยเพราะเขาเหล่านั้นก็เข้ามาอ่านมาตามติด ติดตาม

แต่การกระทำนี้ก็ทำให้ป้าอุ๊บรรลุวัตถุประสงค์ คือ

การได้ปกป้องบ้านสวนพีระมิด และอาจารย์อุบล

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 07:51:22


ความคิดเห็นที่ 424 (1632981)

ท่านอาจารย์บอกว่า

พระศรีอารย์ท่านต้องการให้ลูกหลานมาเขียนธรรมทาน

เพราะเป็นบุญใหญ่มาก

ใครที่ละเลยอีกหน่อยจะไม่ได้มาค่ายบ้านสวนฯ

นับว่าเป็นความเมตตาของท่าน

เป็นการกระตุ้นให้ลูกหลานทำความดีแบบง่าย ๆ

แต่ได้บุญใหญ่ ได้แบบต่อเนื่องด้วย

เพราะใครอาอ่านได้นำใช้ไปปฏิบัติเกิดผลดีได้บุญ เราก็ได้ไปด้วย

และยิ่งบนเว็บไซต์ด้วยแล้ว

มีคนเข้ามาอ่านจำนวนมาก

ยิ่งได้บุญมาก

ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องเหนื่อย

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 07:55:27


ความคิดเห็นที่ 425 (1632983)

 (ต่อครับ)  โดยต่อมานั้นจะเป็นกิจกรรมชมบารมีพระศรีอาริย์ โดยอาจารย์ได้อาราธนาบารมีพระองค์ท่านมาให้ทุกคนได้สัมผัสเช่นเคย โดยเมื่อเริ่มอาราธนาก็มีคนหายทันทีมากมาย แต่ก็ยังมีคนที่หลงเหลืออาการอยู่ จากนั้นคนที่เหลืออาการอยู่ก็ค่อยๆเดินขึ้นไปใกล้ๆท่านอาจารย์ทีละคน ซึ่งทุกคนต่างมีอาการดีขึ้น หรือบางคนก็หายจากอาการที่เป็นอยู่โดยทันที โดยในครั้งนี้ อ.อุบลท่านบอกว่า พระศรีอาริย์ท่านเน้นเรื่องการเขียนธรรมทานมาก โดยอาการที่เป็นอยู่ของหายๆคน พอบอกว่าจะตั้งใจเขียนธรรมทานให้มากขึ้น อาการก็หายทันที นี่ทำให้เห็นถึงสิ่งที่พระศรีอาริย์ท่านต้่องการจะสื่อสาร ว่าให้ลูกหลานทุกคนหมั่นเขียนธรรมทานกัน ให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยมีหลายรายมากที่บอกว่าจะเขียนธรรมทานให้มากขึ้นแล้วอาการที่เป็นอยู่หายโดยทันที และบางท่านที่มีอาการอยู่ ก็ได้จับจี้องค์เทพสฟิงที่ท่านอาจารย์อุบลนำมาเป็นถุงให้พวกเราจับ โดยน่าจะมีมากกว่า20องค์ในถุงนั้น โดยอาการต่างๆที่เป็นอยู่ ก็เช่น

ป้าปู๊ ปวดหัวเข่า ส้นเท้า เมื่อรับบารมีแล้ว หายจากอาการที่เป็นอยู่

ดร.จิ๋ม มีอากการดีขึ้นที่หลัง หัวใหล่ และพอบอกว่าจะเขียนธรรมทานอาการที่เป็นอยู่ก็หายทันที

พี่มิ้ม มีอาการเจ็บคอ ปวดเอว เข่า และเมื่อชมบารมีแล้วอาการดีขึ้น และพอได้จับจี้องค์เทพสฟิงที่ท่านอาจารย์นำมาเป็นถุงซึ่งเบสคิดว่าน่าจะมากกว่า20องค์ ก็มีอาการดีขึ้นจนหายในที่สุด

พี่ภา ปวดแขน หลังจากได้รับบารมีพระศรีอาริย์แล้ว หายจากอาการปวดแขน  เป็นต้น

ซึ่งเบสคิดว่า สิ่งที่เบสได้รับจากค่ายนี้นั้น มีมากมายมหาศาล เช่น ได้รับความรู้ใหม่ๆ ได้รับรู้มุมมองชีวิตผ่านการเล่าเรื่องจากบุคคลต่างๆ ได้รับรู้วิธีช่วยคนในรูปแบบใหม่ๆ เช่น ถ้าเรามีจี้องค์เทพสฟิงแค่อันเดียว แต่ถ้าเรานึกว่า เรารัก อ.อุบล เรารักพี่เหมี่ยว รักพี่ขวัญ รักคนอื่นๆ ที่สวมจี้อยู่ ก็จะเป็นการเชื่อมสัญญาณจี้ให้จี้ของเรามีอานุภาพมากขึ้น ซึ่งทำให้ในตอนฉุกเฉิน ถ้าเรามีจี้องค์เทพสฟิงแค่อันเดียว แต่เรานึกถึงคนที่มีจี้ก็จะสามารถเชื่อมญาณจี้กับคนเหล่านั้นได้ และทำให้จี้ของเรามีอานุภาพมากขึ้น และเบสยังได้รับความสุขมากมาย ได้รับรู็วิธีการใช้จี้ช่วยคนโดยการเล่าจากคนอื่นๆว่าเขาเหล่านั้นใช้จี้ช่วยคนยังไงบ้าง และก็ได้ใช้ปัญญาในการคิดช่วยกับคนอื่นๆทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ได้รับจากค่ายนี้นั้น มันมากมายมหาศาลเหลือเกิน  ค่าย13 ที่เขาบอกกันว่าเลข13เป็นเลขอาถรรพ์ เป็นเลขที่ไม่ดีนั้น เบสคิดว่าค่ายนี้คงบอกให้หลายๆได้รับรู้ว่า ถึงจะเป็นอาถรรพ์แต่ถ้าพวกเราร่วมแรงร่วมใจกันสู้ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว อะไรที่ไม่ดี ก็จะพลิก เปลี่ยนแปลง มาในทางที่ดีได้ โดยดูได้จากค่ายนี้ว่ามีอาการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งในเรื่องสถานที่ ที่สวยงามตระการตา และมีกิจกรรมที่สร้างสรรและเป็นประโยชน์ ดังนั้น ถึงจะอาถรรพ์ยังไง เบสก็คิดว่าก็สู้ใจของพวกเราไม่ได้หรอกครับ เหมือนกับที่เขาว่า ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 08:26:59


ความคิดเห็นที่ 426 (1632984)

 

ตอนค่ำ่วันที่ 6 ท่านอาจารย์ได้ให้แบ่งกลุ่มทำ workshop

กลุ่มตนเองได้หัวข้อว่า

ถ้ามีคนมาปรามาสล่วงเกินอาจารย์อุบล เราจะมีวิธีการปกป้องอย่างไร

โดยได้ยกกรณีที่ คนที่มาค่าย 13 นี้

นั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างเข้ามาบ้านสวนฯ

แล้วมอเตอร์ไซต์รับจ้างได้พูดปรามาสล่วงเกิน

โดยที่เขาไม่ได้ปกป้อง

ในกลุ่มได้ช่วยกันเสนอความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมาสรุปร่วมกัน

กิจกรรมนี้เป็นการระดมสมองและแชร์ความคิด มุมมองของทุกคน

ถ้าคิดคนเดียวอาจใช้เวลามาก และบางครั้งอาจคิดไม่ออก

ทำให้เพิกเฉย และนิ่งดูดาย เพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ในกลุ่มสรุปว่า

ควรพูดกับคนที่ปรามาสด้วยความเมตตา

ถ้าเขารู้จริงคงไม่พูดให้เกิดกรรมชั่วหรอก

ประมวลคำพูดจนถึงวันอาทิตย์ที่รายงานบนเวทีแล้วก็คือ

 

เมื่อฟังเขาพูด ให้เรานึกในใจว่า อาจารย์อุบลช่วยด้วยให้เขาเชื่อในสิ่งที่เราพูด

แล้วพูดว่า

อาจารย์อุบลไปทำอะไรให้คุณเดือดร้อน

คุณรู้จักอาจารย์อุบลดีแล้วหรือ

คุณเชื่อเรื่องเวรกรรมไหม จะกล่าวหาใครมันบาปนะ

เรื่องแบบนี้มันต้องพิสูจน์

อาจารย์ท่านสอนธรรมะของพระพุทธเจ้า กฏแห่งกรรมมีจริง

คนที่มาเขาได้ผลกันทั้งนั้น

เคยเห็นไหมแบบฉับพลันทันทีหนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 08:27:43


ความคิดเห็นที่ 427 (1632985)

 

ธรรมทานการเข้าค่าย 13 (6 - 7 ต.ค.55)

     เช้าวันเสาร์ - การเดินทางลุ้นตลอดทางค่ะ ท้องฟ้าครึ้มฝนแกมีอย่าพึ่งมานะคะ จากคลอง3 ตามเส้นทาง รังสิต - นครนายก แต่มาสะดุดเขตต.เขาเพิ่ม งงๆ ลังเลกับเส้นทาง จะเลี้ยวไปทางบ้านสวนพีระมิดตรงไหน ป้ายที่ถนนใหญ่หายไป จนเลยไปทางแก่งคอย  เอ๊ะ!!!!    เลี้ยวกลับทันที

"อ.อุบลช่วยด้วย"

ของให้เจอทางเลี้ยวไปบ้านสวนฯด้วยค่ะ

ผลคือเจอค่ะ พอถึงหน้าบ้านฯก็สาธุกันใหญ่

                         คุณธนาเรียกระดมพล งานเริ่ม 9 โมงเช้า พออ.อุบลให้โอวาทสำหรับค่าย 13  การท่องบทพระศรีอาริย์ 99 จบในหนึ่งวัน ติดต่อกัน 9 วัน จะเกิดผลกับชีวิตผู้น้ันด้านบวกทุกทาง แนะนำผู้มาบ้านสวนฯครั้งแรก และผู้ที่เรียกเสียงฮือฮา เพราะหน้าตาช่างแตกต่างกับอายุมั๊กๆเป็นผลจากการปฏิบัติธรรม ก็คือป้าอุ๊นั่นเองค่ะ เสร็จแล้ว ได้ลงมือสร้างบุญแรงกาย ส่วนหนึ่งไปทำงานเกษตร ทำอาหาร ทำงานตัดเหล็ก  มัดเหล็กเส้น ช่วยกันขนอิฐบล๊อค สายพานถังปูน ขณะทำงานมีเสียงบอกต่อๆกันว่าให้จับลมหายใจ ท่องบทพระศรีอาริย์ฯไปด้วย  บางช่วงฝนตก แต่แรงสร้างบุญของทุกท่านก็ไม่หวั่นค่ะ พอครบทุกหลุม ก็ยกโขยงกันไปมัดเหล็กเส้นสำหรับหล่อคานรู้สึกได้ว่าตัวเองสนุกเพลินดีค่ะท่องบทพระศรีอาริย์ไปด้วย มัดไปด้วย ทั้งที่ไม่เคยทำ จนคุณธนามาประกาศให้ทุกคนไปล้างมือแล้วไปทานข้าวกลางวันได้แล้วครับ  งงมากเพราะเวลาผ่านไปเร็ว ถึงเวลากินแต่ไม่หิว

                           ช่วงบ่ายกลับมาช่วยกันมัดเหล็กเส้นกันต่อ ระหว่างมัด ได้รับความเมตตาจากอ.อุบล มาให้กำลังใจกลุ่มมัดเหล็กเส้น กระตุ้นให้ท่องบทพระศรีอาริย์ เพราะคนที่ยังไม่ทราบบทว่ายังไง จะได้ท่องตามกันได้ ท่องกันไปเริ่มร้อนนิดๆ มีแสงแดดโผล่ออกมาทักทายเป็นบางครั้ง ฝนไม่ตกแล้ว  อยู่ดีๆก็มีลมพัดมาเย็นๆ อ.อุบลเนรมิต พัดลมให้ค่ะ

                                                   (โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น นพวรรณ์ ใจตรง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 08:34:45


ความคิดเห็นที่ 428 (1632986)

ตอนท้ายวันอาทิตย์ ท่านอาจารย์ได้บอกวิธีปฏิบัติ คือ การสวดมนต์

ก่อนนอนให้สวดมนต์ไหว้พระ

นะโม ๓ จบ 

ให้สวดอิติปิโส 1 จบ

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ.

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ.

พระคาถาบูชาพระศรีอาริย์ 

เมตตานะ   ศรีอาริยะเมตโต   พุทธานะมะ 

สันติเกโล   อนาคามิ    สาธุ สาธุ สาธุ

------------------

คาถาพพระยายม

ปะโตเมตัง  ปะระชีวินัง   สุคโตจุติ  

จิตตะเมตะ   นิพานนัง     สุขโตจุติ

------------------

พระคาถาบูชาท่านท้าวเวสสุวรรณ

อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน   ท้าวเวสสุวรรณโณ มรณังสุขัง

อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ        ท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมหาราชิกา

ยักขะพันตา ภัทภูริโต  เวสสะพุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ

ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

------------------

และคาถาเงินล้าน 

        สัมปะจิตฉามิ (คาถาสนองกลับ)

        นาสังสิโม (คาถาพระพุทธกัสสป)

        พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)

        พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)

        มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม  (คาถาลาภไม่ขาดสาย)

        มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)

        พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ

        วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย

        พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)

        สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)

        เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา (คาถามหาลาภ)

 

การสวดจะใช้อิริยาบทใดก็ได้ นั่ง นอน ยืน เดิน

ให้สวดบทบูชาพระศรีอารย์ให้มากหน่อย

สวดจนหลับไป จิตทรงเป็นฌาณ

ตื่นเช้ายังนอนอยู่ให้สวดเหมือนก่อนนอน

การสวดนั้นทำได้ตลอดเวลา อย่าปล่อยให้จิตว่างจากความดี

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 08:46:21


ความคิดเห็นที่ 429 (1632988)

ตอนจบได้แง่คิดมาว่า

การที่เวลาเราใช้รหัสอาจารย์อุบล

แล้วท่่านอาจารย์ให้เราอุทิศบุญให้เทวดารักษาตัวอาจารย์อุบล

และได้สอนให้อุทิศบุญให้วิญญาณทั้งหลาย นั้น

จะส่งผลกับเรามาก จะช่วยเราเวลาเดือดร้อนมีภัย คือ

ท่านอาจารย์บอกว่าเวลาเกิดภัยพิบัติ

จะมีเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของเรา

ที่ได้รับโอกาสจากท่านพระยายมราชมาเอาคืนจากผู้ที่เบียดเบียนเขา

ทำนองเดียวกัน

สวรรค์ก็เมตตาจะรวมรวมสรรพเทวดา

ที่เราเคยอุทิศบุญให้ท่านเหล่านั้น มาช่วยเรา

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 08:57:14


ความคิดเห็นที่ 430 (1632993)

จากความเห็นที่ 427 (1632984) ตรงข้อความ ไหน ๆ ก็มาแล้ว เข้ามาพิสูจน์กันก่อน ผมว่าเป็นความคิดเห็นที่ผิดเพราะเขาเคยดูรายการคุยไปแจกไปซักตอนหรือไม่ก็ยังไม่รู้  จะผิดกฏทำให้คนในกลุ่มที่เสนอความคิดเห็นจะเดือดร้อนได้ ควรนำกฏระเบียบของบ้านสวนนำมาพิจารณาด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 09:26:48


ความคิดเห็นที่ 431 (1632997)

กราบเรียน อ.อุบล อ.มงคล และ คุณท็อป

เรื่อง ธรรมทานในวันเข้าค่าย 6-7 ต.ค.55

        จินได้รับโอกาสให้ไปบ้านสวนพีระมิดเป็นครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมากในคืนวันศุกร์ และได้เตรียมของพร้อมทั้งของที่ไปร่วมทำบุญและของใช้ส่วนตัว วันรุ่งขึ้นได้ออกเดินทางตี 5.30 น. ถึงบ้านสวนประมาณ 7.20 น.
         สิ่งแรกที่ได้สัมผัสบรรยากาศบ้านสวนพีระมิดรู้สึกได้ถึงความสดชื่น ความเป็นธรรมชาติ ความเรียบง่ายแต่มีกฏเกณฑ์ กติกา ความมีวินัยของลูกบ้านสวนฯ  ทุกคนมีน้ำใจ แนะนำ ช่วยเหลือ ต้องขอบคุณคุณธนาที่ได้แนะนำในกระทู้ค่าย 13 ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปบ้านสวนฯทำให้คนมาใหม่ไม่ทำผิดกฏ และ ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง
         หลังจากลงทะเบียน และ ได้ทราบห้องพัก จินได้พักห้องพีระมิดสีเหลือง มีสมาชิกพักด้วยกันทั้งหมด 7 คน ทุกคนน่ารักเป็นกันเอง แนะนำกัน ต้องขอบคุณคุณยุ้ยที่แนะนำเรื่องหากเข้าห้องน้ำแล้ว ต้องเติมน้ำให้เต็มทุกครั้งทั้งในถังเล็กและถังใหญ่ และหลังเข้าต้องสะอาดกว่าก่อนเข้า ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีมากค่ะ เพราะคนที่มาเข้าต่อจากเราจะได้เข้าห้องน้ำที่สะอาดทุกครั้งและจิตใจพายินดีมีความสุขที่มาเข้าห้องน้ำสะอาดไม่สกปรก นี่ก็เป็นการทำบุญน้อยๆอย่างนึงแล้วค่ะ
        หลังเก็บของเรียบร้อยแล้วได้ใช้แรงกายพบน้องมิ้มกำลังมาหยิบจอบเพื่อไปขุดแปลงผักจึงได้ไปหยิบจอบและเดินร่วมไปกับน้อง ทุกคนที่แปลงผักทำงานกันอย่างขะมักเขม้น อากาศเช้าวันเสาร์ อากาศดี ทุกคนทำงานกันไปพูดคุย และ หัวเราะกันสนุกสนาน เป็นบรรยากาศที่อบอุ่น สำหรับคนมาใหม่มากค่ะ จินได้ขุดแปลงผักได้ไม่นาน คุณธนาได้ให้ทุกคนไปล้างหน้าแปรงฟัน เพราะคนมาก่อนวันเสาร์ตื่นเช้ามาก็มาทำงานแล้ว น่านับถือจริงๆค่ะ หลังจากนั้นทุกคนไปทานข้าวเช้าและมารวมกันปฐมนิเทศน์ค่าย 13 พร้อมกัน
         อาจารย์อุบลได้มาเปิดงานและกล่าวต้อนรับลูกบ้านสวนทุกคน และกล่าวว่าวันเสาร์ให้ทุกคนทำบุญด้วยแรงกาย และ ตอนกลางคืนจะมีกิจกรรม workshop ส่วนวันอาทิตย์จะพูดคุยเรื่อง ธรรมบำบัดแบบฉับพลันทันที ชมบารมีพระศรีอาริย์ และ เตือนภัยพิบัติขั้นวิกฤติ และอาจารย์ได้ถามว่าใครเพิ่งมาครั้งแรกบ้างให้ยกมือ ซึ่งมีคนมาใหม่ครั้งนี้เยอะมาก รวมทั้งจินด้วย และมีป้าอุ๊ ซึ่งจริงๆหากป้าอุ๊ไม่ได้บอกอายุคงไม่มีใครทราบว่าป้าอุ๊อายุ 50 กว่าแล้ว ดูสาวและสวยมากๆๆ อ.อุบลบอกว่าเหตุที่ป้าอุ๊สาวและสวยเพราะป้าอุ๊ได้ทำความดีแบบนินจา คอยปกป้องอ.อุบลและบ้านสวนฯโดยเข้าไปใน facebook ของบ้านสวนฯหากมีใครมา post ไม่ดีป้าอุ๊จะ post ข้อความที่ดีมีประโยชน์แล้วให้ข้อความไม่ดีนั้นตกไปอยู่ด้านล่างๆ ต้องขอบคุณป้าอุ๊ด้วยค่ะ
        หลังจากนั้นทุกคนได้แยกย้ายไปทำงานโดยคุณธนาแบ่งงานให้ วันนี้มีงานโม่ปูน ขนปูน  เพื่อเทลงหลุมทำเสาปูน งานผูกเหล็ก ตัดเหล็ก ในช่วงเช้าจินได้ไปขนปูนที่โม่แล้ว โดยทุกคนได้ยืนกันแบบมดงาน ยืนห่างกันหนึ่งช่วงแขน แล้วส่งต่อถังใส่ปูนที่ผสมดิน ปูน หิน เรียบร้อยแล้ว ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ทุกคนทำงานโดยมีใบหน้ายิ้มแย้ม แม้แต่เด็กเล็กๆ 6 ขวบ ยังมาช่วย แม้จะเป็นงานกลางแจ้ง แต่เด็กๆก็ทำเต็มที่ น่ารักและน่ายินดีมากๆ ค่ะ เช้าวันเสาร์วันนั้นไม่มีแดด ทำไปสักพักมีฝนตกโปรยๆลงมาแต่ไม่หนัก แต่ทุกคนก็ยังทำงานต่อ จินแปลกใจและได้คติสอนใจว่าหากทุกคนทำงานด้วยความสามัคคี เต็มใจ ไม่เกี่ยงงานกัน เราจะทำงานด้วยความสุขใจ ขอย้ำว่าสุขใจจริงๆ แม้แต่คุณป้า ที่อายุมากแล้ว ยังทำอย่างขยันขันแข็ง เป็นภาพที่ประทับใจมากมากค่ะ
           ทำจนถึงเวลากลางวัน คุณธนาให้ทุกคนแยกย้ายไปทานอาหาร บรรยากาศการทานอาหารบ้านสวนทุกคนเข้าแถวกันเพื่อตักอาหาร อย่างมีระเบียบ โรงครัวสะอาดมาก ไม่น่าเชื่อว่าตึกโรงครัว ที่พัก ลูกบ้านสวนช่วยกันทำทั้งหมด มีพี่คนนึงเล่าว่าจริงๆ อ.อุบล จะให้ช่างมาทำก็ได้แต่อาจารย์มีความแยบยลให้ลูกบ้านสวนทำเพื่อได้ใช้แรงกายทำบุญเพราะในขณะที่เราทำงาน ใช้แรงกาย เราทำเต็มแรง ทำเต็มที่ เต็มกำลัง บุญที่ทำนั้นบริสุทธิ์มาก และได้ทั้ง พลังปราณ และ พลังมโนธาตุด้วย และ ทำในสถานที่ที่เป็นเนื้อนาบุญด้วยแล้ว พลังบุญจะเต็มที่เช่นกัน
         ช่วงบ่าย คุณธนาแจ้งว่างานปูนเพียงพอแล้วให้ทุกคนมาทำงานผูกเหล็ก ตัดเหล็กต่อ เป็นงานที่สนุกมาก จินไม่เคยทำมาก่อน จึงได้น้องน้องสอนให้ ครั้งแรกทำแบบเก้เก้กังกัง ทำสักพักก็เกิดเป็นความชำนาญ จะว่าไปทุกขั้นตอนของการทำงานเราได้ข้อคิดดีดีเสมอ สามารถเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ทั้งสิ้น การผูกเหล็กในครั้งแรกต้องเหล็กมา 4 เส้นก่อน และนำเหล็กที่ได้ดัดแล้วเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาคล้องเหล็ก 4 เส้นนั้นโดยให้ระยะห่าง 1 ช่วงคีมหนีบแล้วนำลวดเล็กๆพันไว้แบบผูกเชือก หลังจากนั้นนำเล็กอีกสองเส้นมาพาดไว้ตรงกลาง แล้วนำลวดเล็กๆผูกไว้อีกให้แน่น ระหว่างทำ อ.อุบล ได้มานั่งอยู่ใกล้ๆพวกเราซึ่งเป็นกำลังใจอย่างมาก จริงๆ อาจารย์ไม่ต้องมานั่งกับพวกเราก็ได้ แต่ด้วยความมีเมตตา อาจารย์ได้นำพัดลมมาเปิดให้ และนั่งอยู่ใกล้ๆ และสอนพวกเราให้ท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์ตลอดเวลา โดยอาจารย์สอนว่าให้ท่องคาถานี้ วันละ 99 จบ เป็นจำนวน 9 วันจะทำให้มีสิ่งดีดีเกิดกับตัวและพระศรีอาริย์จะคุ้มครอง แต่ต้องท่องด้วยความศรัทธา จริงใจ และให้พูด สาธุ สาธุ สาธุ ตอนจบ ได้ ไม่ต้องพูด สาธุ สาธุ สาธุ ทุกครั้ง

"เมตตานะ ศรีอาริยเมตโต   พุทธานะมะ สันติเกโล นาคามิ"

หลังจากทำเสร็จช่วงบ่าย คุณธนาให้ทุกคนแยกย้ายไปอาบน้ำ และ ทานข้าว เพื่อเตรียมตัวกิจกรรมช่วงเย็นต่อค่ะ


                                                                      มีต่อค่ะ


 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 09:34:48


ความคิดเห็นที่ 432 (1633003)
ความเห็นที่ 431 (1632993)

จากความเห็นที่ 427 (1632984) ตรงข้อความ ไหน ๆ ก็มาแล้ว เข้ามาพิสูจน์กันก่อน ผมว่าเป็นความคิดเห็นที่ผิดเพราะเขาเคยดูรายการคุยไปแจกไปซักตอนหรือไม่ก็ ยังไม่รู้  จะผิดกฏทำให้คนในกลุ่มที่เสนอความคิดเห็นจะเดือดร้อนได้ ควรนำกฏระเบียบของบ้านสวนนำมาพิจารณาด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 09:26:48

ขอบคุณค่ะ

ข้อความที่คุณ จุมพล ท้วงติง เป็นความคิดส่วนตัวค่ะ

และได้แก้ไขแล้ว

ตามความเห็นดั้งเดิม

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 09:59:56


ความคิดเห็นที่ 433 (1633007)

ความรู้สึกจากการเข้าค่าย 13

    เลข 13 เป็นเลขแห่งความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ  ตั้งแต่การตกแต่งสถานที่ ตลอดจนพิธีการในงานก็เปลี่ยนรูปแบบไปด้วย ทำให้รู้สึกตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ ต้องคอยลุ้นตอนต่อไปอยู่เรื่อย ๆ

    ปกติเวลาเข้าค่ายที่ผ่านมาก็จะเป็นการฟังคำบรรยายจาก ดร.อาจอง และฟังธรรมทานต่าง ๆ ของแต่ละคนที่มาเข้าค่าย

    แต่ค่าย 13 นี้ เป็นการปรับเปลี่ยนแปลงรูปแบบ  ซึ่งคนที่มาเข้าค่ายก็ไม่มีใครรู้ ทำให้สนุก ตื่นเต้น และทุกคนได้มีส่วนร่วมในงาน เป็นการระดมความคิดในแง่มุมต่าง ๆ ของผู้ร่วมงาน โดยท่าน อ.อุบล จะมีโจทย์คำถามให้มา แล้วให้พวกเราแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ แสดงความคิดเห็นของแต่ละคนออกมา แล้วให้หัวหน้ากลุ่มสรุปแล้วตอบโจทย์ท่านอาจารย์ โดยออกไปนำเสนอ

    ความรู้สึกส่วนตัวแล้วชอบค่ะ เราได้มีส่วนร่วมในการทำงาน ได้มีโอกาสแสดงความรู้สึกของเรา ความเห็นของเรา และได้ใช้ความคิดของเรา ซึงก็เกิดจากแนวทางความรู้ที่ท่านอ.อุบลสอนเรามา แต่ว่าเรารับมาได้แค่ไหน สามารถนำมาใช้ได้แค่ไหน ผิดหรือถูก เราก็จะได้นำมาปรับปรุง และพัฒนามัน เพื่อที่จะได้ช่วยเผยแพร่ และช่วยคนที่เขาไม่ได้มีโอกาสได้รู้อย่างเรา

    โดยส่วนตัวของแหม่มนั้น อยากให้คนอื่นได้มีโอกาส พบเห็นสิ่งเหล่านี้ ที่ทำให้เรามีความสุข เราได้ทำบุญที่มีอานิสงค์จริง ๆ เราได้พบพระอรหันต์แล้ว ตรงนี้จะทำให้พ้นทุกข์ และมีโอกาสที่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติได้

    สรุปแล้ว ค่ายนี้ทำให้เรามั่นใจว่า เรามีหน้าที่ที่จะต้องช่วยผู้คน และเราต้องทำได้ เหมือนเป็นการซ้อมใหญ่ เพื่อออกปฏิบัติการจริง

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 10:33:13


ความคิดเห็นที่ 434 (1633014)

 

 กราบเรียน อ.อุบล อ.มงคล และ คุณท็อป

เรื่อง ธรรมทานในวันเข้าค่าย 6-7 ต.ค.55

        ในคืนวันเสาร์ ก่อนเข้าสู่การแสดงอ.มงคลได้มีความกรุณาโชว์ภัยพิบัติทั้งจากหนังและเรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ชม หลังจากนั้นได้มีการแสดงโชว์  2 โชว์และการแสดง 1 โชว์ โชว์แรกถวาย อ. อุบล ซึ่งเพลงที่เลือกมานั้นคุณอัมบอกว่าฟังทีไรนึกถึง อ.อุบล เสมอ เพราะ อ.อุบล เป็นผู้ให้ เป็นแม่พระทางธรรมของพวกเรา อ.อุบลได้ให้รางวัลเป็นอุปกรณ์สารภาพบาปแต่มีอานุภาพมากเพราะผู้ที่โชว์ได้รับต่างมีปิติ ขนลุก มีความสุขมาก อ.อุบล บอกว่า ปัจจุบัน อ.อุบลพบความสุขที่แท้จริงแล้วคือการช่วยเหลือพวกเราทุกคนให้พ้นทุกข์ สถานที่แห่งนี้บ้านสวนฯ จริงๆไม่ต้องสร้างแบบนี้ ไม่ต้องมีโรงทาน ไม่ต้องมีการสร้างเวที ห้องประชุม ไม่ต้องสร้างตึกเพิ่ม แบบนี้ เพราะจริงๆ อาจารย์อยู่กันเพียง 3 คน เท่านั้น แต่อาจารย์อยากช่วยเหลือพวกเราทุกคนให้พ้นทุกข์ ให้ได้รับความสุข ในขณะที่เขียนจินเองก็น้ำตาซึม จินต้องขอบคุณอาจารย์มากนะค่ะที่มีเมตตากับพวกเราทุกคนค่ะ ขอทำความดีตามที่อาจาย์สอนเพื่อเป้าหมายสู่นิพพานค่ะ
        โชว์ที่สองก็เป็นโชว์ที่น่ารักเช่นกัน อ.อุบลได้ให้โชว์แรกและโชว์ที่สองได้รับรางวัลพร้อมกันและให้แนะนำตัวและอ.อุบลได้แนะนำว่าแต่ละคนได้หายจากอาการบาดเจ็บจากอะไรบ้างเช่นน้องจากพังงา หายปวดหัวโดยกราบอาจารย์จากด้านล่างเวทีแล้วหายและเมื่อได้รับอุปกรณ์สารภาพบาปแล้วอาการปวดเอวหายไป น้องจากเชียงใหม่ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยแล้วหาของเจอ ก่อนแสดงโชว์ปวดหัวแต่หลังการแสดงอาการปวดหัวหายไป น้องจากลพบุรี แมวหาย แมวป่วย ใช้รหัสอ.อุบล ช่วยด้วยแล้วหาย และได้ใช้จี้ช่วยลูกค้าด้วย คุณอ๋อย ห้อยจี้แล้วโดนสุนัขกัดปลายนิ้วมือ แต่ไม่มีแผล แต่ชาๆที่มือเท่านั้น คุณอุ๊ ขอให้มีปัญญาเวลาที่ไม่สบายใจแล้วสามารถแก้ปัญหาได้ทุกครั้ง ดร.จุ๋ม อ.อุบลได้เมตตาต่ออายุคุณพ่อคุณแม่และคุณจั๋มน้องสาวให้หายจากอาการไข้สูงไม่ลด โดยคุณจุ๋มได้นำเงินของคุณจั๋มมาร่วมบุญกับบ้านสวนฯและขอบารมี อ.อุบล โดยอ.อุบลได้เอาบุญของอาจาย์ช่วยคุณจั๋ม เมื่อกลับไปที่รพ. ไข้ของคุณจั๋มลดลงและพูดคุยได้ตามปกติ หลังจากนั้นคุณจุ๋มไปเขียนธรรมทาน อาการคุณจั๋มดีขึ้นเรื่อยๆ อ.อุบล สอนว่า การเขียนธรรมทานก็เพื่อตัวเรา จึงให้ทุกคนหมั่นเข้าไปเขียนธรรมทานทุกวันค่ะ และการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย หากเราไม่บอกต่อ ไม่ใช้จี้ช่วยเหลือคนอื่น ต่อไปก็จะใช้ไม่ได้ผล เพราะเมื่อเราหายดีแล้วต้องไปช่วยเหลือคนอื่นต่อๆไป เหมือนที่เราได้รับการ
ช่วยเหลือจากอาจารย์อุบล
        อาจารย์อุบลแจ้งว่าที่บ้านสวนฯมีการทำปุ๋ยจากใบไม้ การทำไบโอแก๊ส หากหน่วยงานใดต้องการศึกษาสามารถขอทำเรื่องอนุญาติมาดูงานได้ และจะมีธรรมบำบัดและชมบารมีพระศรีอาริย์ให้ด้วย
        การแสดงสุดท้ายเป็นการแสดงรจนาตามหาคู่ ซึ่งทุกคนแสดงได้ดีมาก พร้อมสอดแทรก ธรรมะ ในการแสดงด้วย และทุกคนได้รับรางวัลเป็นอุปกรณ์สารภาพบาปซึ่งมีอานุภาพมากกว่าปกติทำให้พบความสุขในทุกเรื่องค่ะ
        หลังจากนั้นอาจารย์อุบลได้ให้ทุกคนแบ่งกลุ่มเพื่อทำ workshop กลุ่มละประมาณ 15 คน ในกลุ่มได้รับหัวข้อ "หากมีคนมาลบหลู่ อ.อุบล เราจะทำอย่างไร" ในกลุ่มได้มีหลายความคิดเห็นโดยมีคุณธนามาช่วย guideline ให้ว่าควรให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น เขียนไว้และมาสรุปตอนหลัง โดยในกลุ่มแบ่งเป็น 1.มีคนมาลบหลู่แล้วเราได้ยิน 2.ลบหลู่ใน internet ในข้อ 1 ทางกลุ่มนำตัวอย่างจากมีมอเตอร์ไซต์มาส่งคนมาค่าย13 แล้วบอกว่าบ้านสวนฯ มีหลอกลวง มีการระดมทุน เราจะตอบว่าคุณรู้จักอ.อุบล ดีแค่ไหน
อ.อุบล ไปทำอะไรให้คุณเดือดร้อน
คุณเชื่อเรื่องเวรกรรมไหม จะกล่าวหาใครมันบาปนะ
อาจารย์ท่านสอนธรรมะของพระพุทธเจ้า กฏแห่งกรรมมีจริง
คนที่มาเขาได้ผลกันทั้งนั้น
ข้อ 2 ให้ทำโดยวิธีของป้าอุ๊ โดย post ข้อความดีดีไปเรื่อยๆจนข้อความไม่ดีตกมาอยู่ล่างๆเอง

        หลังจากนั้นอ.อุบลได้ทำเตาปิ้ง มันสำปะหลัง อาหารอื่นๆและได้กรุณาจัดกระเช้าผูกกับต้นไม้และนำผลไม้ใส่ไว้ให้พวกเราลูกบ้านสวนได้กินกัน ต้องขอขอบคุณที่อาจารย์เมตตาและเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นประทับใจในการมาครั้งแรกเป็นอย่างมากค่ะ หลังจากพวกเราได้อิ่มท้องแล้ว อ.อุบลได้มีความกรุณาให้ถ่ายรูปร่วมกับอ.อุบลและให้แต่ละคนเล่าประสบการณ์การใช้วัตถุมงคลต่างๆ มีน้องชิมจากนครสวรรค์ ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับไหมพรมได้บูชานี้องค์สฟิงซ์จำนวน 12 องค์ โดยสั่งให้ตัวเองและลูกค้าที่อยู่กรุงเทพ เมื่อวันที่พัสดุมาส่งน้องชิมได้วางไว้โดยยังไม่ได้ไปเปิดเพราะมีลูกค้ามาเข้าร้านซื้อของ แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าลูกค้าเข้าร้านมาไม่หยุด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้น้องชิมศรัทธาเป็นอย่างมากและปัจจุบันน้องมีจี้องค์สฟิงซ์แขวนที่คอจำนวน 9 องค์ โดยอ.อุบลสอนว่าหากเราบูชาโดยไม่มีความอยาก เราได้จะทุกอย่างที่เราปรารถนาและการห้อยจี้ 9 องค์จะมีอานุภาพมากเพราะเป็นการรวมพลังของทุกสิ่งในจักรวาลถึง 9 เท่า และได้ให้ทุกคนที่มีอาการป่วยอยู่ได้ลองสวมสร้อยของน้องชิมดู ณัฐากาญจน์เองตอนนั้นมีอาการปวดแขนทั้งสองข้างอยู่ อาจารย์จึงได้ลองสวมสร้อยของน้องชิม รวมทั้งที่ตัวเองใส่อยู่รวมเป็น 10 องค์หลังจากสวมสร้อยแล้วรู้สึกเบาโล่งที่แขนมาก ป้าคนนึงมีอาการหูตึง ได้ยินไม่ชัด เมื่อได้ลองสวมแล้ว หูได้ยินชัดขึ้น น้องผู้หญิงเดินเท้าข้างนึงไม่ตรงเวลาเดินเท้า เท้าจะบิดเข้าด้านในตั้งแต่เกิด เมื่อสวมสร้อยแล้ว ทุกคนนับพร้อมกันว่า 1 2 3 ไปเรื่อย สักระยะทุกคนสามารถเห็นได้เลยว่าน้องสามารถเดินเท้าได้ตรงขึ้นไม่บิดเข้าข้างในด้วย ยินดีด้วยนะค่ะ ที่น่านับถืออีกท่านคือร.ศ. จากมหาวิทยาลัยท่านนึงได้พาลูกน้องมาบ้านสวนฯเพื่อให้มีศีลธรรม และก่อนเป็นผอ.ท่านบอกว่าท่านจะเป็น ผอ.ที่มีพรหมวิหาร 4 มีศีลธรรม และได้พาลูกน้องมาหาอ.อุบล พิมพ์เอกสารแจกให้ลูกน้อง โดยผอ.บอกว่าท่านมีหน้าที่บอกให้ทุกคนได้ทราบแต่ไม่ได้ให้เค้าทำคนที่จะทำเค้าต้องทำด้วยตัวเค้าเองค่ะ คุณกระเต็นได้ใช้จี้ช่วยคุณพ่อเพื่อนที่เป็นมะเร็งไขสันหลังคุณพ่อมีอาการปวดหลัง โดยนำจี้แตะเนื้อตัวคุณพ่อเพื่อนและเอาน้ำพีระมิดให้ดื่ม คุณพ่อเพื่อนไม่ปวดหลัง หลังจากนั้น 2 วันคุณพ่อเพื่อนจากไปอย่างสงบ และก็เป็นการจบกิจกรรมของวันเสาร์และทุกคนได้แยกย้ายไปพักผ่อนและเตรียมพร้อมในการทำกิจกรรมในวันอาทิตย์ค่ะ

มีต่อค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 11:15:46


ความคิดเห็นที่ 435 (1633017)

บรรยากาศในงานค่าย 13

ขอเหลาบางช่วงในคำคืนของวันเสาร์

ตอนที่อาจารย์ได้ทำบาบีคิวร์เลี้ยงพวกเราทุกคน

แล้วให้มานั่งล้อมวงใต้ต้นมะม่วงหน้าทางเข้า

ซึ่งอาจารย์ได้ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

บรรยากาศดูสบายๆ แต่รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง

แล้วคุณธนาก็ได้เชิญคุณ ชิม ออกมาเหลา

การบูชาจี้องค์สฟิงค์

คุณชิมเหลาว่ามีคนรู้จักฝากบูชาจี้ 12 องค์

พอกล่องพัสดุที่มีจี้ 12 องค์ไปถึงที่ร้าน

ก็ทำให้มีลูกค้าเข้าร้านเยอะอย่างผิดปกติกว่าทุกวัน

จนทำให้ลูกน้องไม่มีเวลากินข้าวเลย

จนต้องยกกล่องพัสดุออกไปไว้ที่อื่นก่อน

เพื่อให้ลูกน้องได้มีเวลากินข้าว

และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณชิมต้อง

ห้อยจี้ตั้ง 9 องค์ 

และท่านอาจารย์ก็ให้ทุกคนได้พิสูจน์ว่า

ถ้ามีจี้เยอะๆแล้วพลังจะเพิ่มขึ้นไหม

โดยให้คนที่อาการเจ็บปวดได้คลองจี้ 9 องค์

ของคุณชิม 

- ป้าปุ๊  พอได้คล้องจี้อาการที่ปวดแขนก็หายทันที

ขาที่เส้นยึดก็เดินได้ดีขึ้น อย่างชัดเจน

-คุณลิน เวลาเดินขาไม่ตรง พอคล้องจี้แล้ว

เดินขาก็ตรงขึ้น

-ป้าพร หูไม่ได้ค่อยได้ยิน พอคล้องจี้แล้ว

ฟังอาจารย์พูดชัดขึ้น

ขอยกตัวอย่างแค่ 3 คนที่อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน

จนทำให้พวกเราทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ว่าตอนท้ายคุณชิมเจ้าของจี้ 9องค์

บอกอาจารย์ว่ามีอาการปวดที่ขา

แล้วทำไมจี้ที่คล้องคออยู่ตั้ง  9 องค์ไม่ช่วยเลยเหรอ

อาจารย์ก็บอกว่าเคยใช้ขาเดินไปในที่ไม่ดีหรือเปล่า

เคยไปทำอะไรที่คาราโอเกะ

พอคุณชิมได้รุ้สาเหตุ อาการที่ปวดขาก็หาย

ตรงนี้น่าคิดนะครับ

ถึงแม้ว่าเราจะมีจี้เยอะแค่ไหน

แต่ถ้าเราไม่สำนึกถึงความผิดของตัวเอง

ที่เคยทำมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็คงไม่ช่วย

คนที่ยังกลับตัวกลับใจไม่ได้  ทำให้ผมนึกถึง

คำที่อาจารย์พูดว่า ถ้าใจเราศรัทธาเต็มร้อย

แค่นึกถึงอาจารย์ ท่านก็สามารถช่วยได้

มันอยู่ที่ใจเราว่ายังลังเล สงสัย อยู่หรือเปล่า

โยงมาถึงวันอาทิตย์

ท่านอาจารย์ได้แบ่งกลุ่มทำworkshop 

ขอยกตัวอย่าง กลุ่มน้องขวัญ ที่ได้รวมเอาจี้

จากสมาชิกในกลุ่มมาคล้องคอแล้วให้คนที่อาการเจ็บป่วย

มาสารภาพ ผลที่ได้ก็ดีขึ้นอย่างทันที

และน้องขวัญพอได้คล้องจี้หลายๆองค์

ก็รู้สึกได้ถึงพลังของจี้ คือมีอาการร้อนแผ่ออกมา

และกลุ่มของน้องสะเก็ดดาว

โดยรวมเอาจี้ทั้งหมดมาให้คุณก็อต ซึ่งมีอาการ

ถุงใต้ตาบวม และระคายเคืองตา คุณก็อตก็เอา

จี้มาแทงเข้าลูกกะตา อ๋อ ไม่ใช่นะครับ

แค่เอาจี้ทั้งหมดมาประคบเบาๆ

อาการบวมก็หายทันตาเห็น

สร้างความตกตะลึงแก่น้องสะเก็ดดาวอย่างมาก

และอีกคนหนึ่งพี่เจี๊ยบ  บริเวณเข่า จะมีหนังหนาๆ

สีดำๆ มีอาการคัน พอเอาจี้มาอธิฐานจิต

หนังหนาๆก็นิ่มขึ้น และขาวขึ้นอย่างชัดเจน

โยงมาถึงช่วงชมบารมีพระศรีอาริย์

ก็ให้คนที่อาการเดินผ่านอาจารย์

มีหลายๆคนเดินผ่าน  แต่อาการไม่หาย

และท่านอาจารย์ก็หยิบถุงที่มีจี้อยู่หลายองค์

ให้อธิฐานจิต อาการบางคนก็หาย 100 %

แต่บางคน ก็เหลือนิดหน่อย

และท่านอาจารย์ก็ได้เน้นย้ำให้ทุกคนกลับไป

เขียนธรรมทาน แล้วอาการต่างๆจะดีขึ้น

ค่ายนี้ท่านเน้นย้ำ เรื่องการเขียน

ธรรมทานมากๆ

ข้อสรุปตามความคิดเห็นของผมนะครับ

ในการทำ workshop ค่าย 13ทุกคนคงได้เห็น

อานุภาพของจี้แล้วนะครับ  แต่ว่าถ้าเราไม่มีบุญ

หรือถ้าใจเราไม่ศรัทธา เต็ม 100 ถึงจะมีจี้คล้อง

เต็มตัวท่านก็งคงปล่อยให้เราตาย

แต่หากว่าเรามีจี้หลายๆองค์ ขยันเขียนธรรมทาน

และศรัทธาเต็ม100 ขยันใช้จี้ ช่วยคนเยอะฯ

อะไรก็ฉุดท่านไม่อยู่หรอกครับ

แล้วสำหรับคนจนๆอย่างผมไม่มีเงินบูชา

จี้หลายๆองค์จะทำยังงัย

ท่านอาจารย์ก็ได้เฉลยว่าถ้าเราอยากได้พลังเพิ่ม

ก็ให้เรานึกถึงหน้าคนนั้น อยากได้พลังจากอาจารย์

ก็นึกถึงอาจารย์  แล้วใครที่ช่วยคนมาเยอะฯ

พวกเราจำหน้าเขาใว้ดีๆนะ อย่างน้องขวัญ

คุณธนา  น้องเบส แต่อย่าไปคิดถึงเรื่องอื่นนะครับ

ค่าย13 นี้ถือว่าได้เข้าเรียนแบบติวเข้ม

เอาแต่เนื้อๆ เห็นกันจะจะ เพื่อเตรียมตัวสอบ

เอ็นสะท้าน ปลายปีนี้

...................................

ขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนฯ

ท่านอ.อุบล และครอบครัว

ลูกบ้านสวนฯทุกท่านที่มีส่วนช่วยในงานนี้

ที่อนุญาติให้ผมได้เข้า13ขอบคุณครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 11:28:55


ความคิดเห็นที่ 436 (1633020)

ค่าย13

ค่ายแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

สัมผัสแรก

"นี่คือสถาน แห่งบ้านทรายทอง ลัลลา ลัลลา"

โอ้ อยากจะร้องเพลงวัยรุ่นเพลงนี้เจงๆครับ เพราะพอขับรถเลี้ยวเข้ามาสู่บ้านสวนพีระมิด ก็เห็นหน้าบ้านเปลี่ยนไปถนัดตา เพราะมีต้นไม้ พี่ๆสัตว์เล็กสัตว์น้อย น่าฮักมากมาย

และเห็นท่านอาจารย์อุบลกำลังนำลูกหลานตกแต่งบริเวณประตูกั้นทางเข้า เคลื่อนย้ายพระแม่ธรณีอยู่ครับ ตกแต่งจนวัยรุ่นต้องบอกว่า งามเวอร์ ขั่กๆ

แต่ที่ประทับใจสุดๆคือ บริเวณองค์พีระมิดองค์ใหญ่5องค์ ซึ่งท่านอาจารย์ได้นำกลุ่มพี่น้องเนรมิตรพื้นที่ใหม่ทั้งหมดกลายเป็นสรวงสวรรค์ในพริบตา

ต้องบอกตามตรงว่า ผมทึ่งกับไอเดียการจัดแบบนี้มากครับ เพราะเห็นที่นั่งมากมายรายล้อมต้นไม้ต่างๆ เรียกมีที่นั่งจุใจ และปูกระเบื้องสีอิฐรอบบริเวณจนกลายเป็นรีสอร์ตไปแว้วววว

ยิ่งมองเห็นบ้านพักหลังใหม่ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เห็นว่าธรรมดาเพราะเป็นอาคารที่พัก ไม่โดดเด่น แต่ว่าพอตกแต่งล้อมรอบด้วยต้นไม้และเหล่าสัตว์ที่น่ารักรอบอาณาบริเวณ ทำให้กลายเป็นจุดเด่น และเป็นที่พักที่ดูมีสไตล์แบบรีสอร์ตขึ้นมาทันที งามล๊ายยหลาย

ที่ชอบอีกอย่างก็คือ ตามต้นไม้ดูร่มรื่นมากๆเพราะมีไม้กระถางเช่น กล้วยไม้ สีสันต่างๆเต็มไปหมด มีเหล่ากระรอก นกแก้ว ลิง และสารพัดสัตว์ห้อยโหนตามกิ่งไม้ ดูแล้วเหมือนอยู่ในอุทยานแห่งชาติย่อมๆ

แต่ไฮไลท์ที่พิเศษสุดของพื้นที่นี้ก็คือ บรรยากาศที่เย็น สบาย เย็นจนออกเป็นหนาวเย็นในช่วงกลางคืน ซึ่งแปลกกว่าที่อื่นๆในบ้านสวนฯซึ่งมีอากาศอบอ้าว แต่จุดนี้กลับหนาวเย็น เวลานอนก็ต้องบอกว่าห่มผ้านอนกันก๊าบบ 5555

สรุปสถานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก สวยงามสวดยอดด เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อย่างแรกที่ประทับใจมั่กกก

ความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงของบ้านสวนฯ

ก่อนที่จะลงรายละเอียด ผมขอมองภาพรวมของค่าย13ในมุมมองของตนเอง เพื่อให้พี่ๆน้องๆได้เห็นภาพรวมครับ

1.ผู้มาร่วมงาน และมุมมองที่เปลี่ยนไป

ถือว่าค่าย13นี้เป็นค่ายที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยที่สุดดดด เพียงแค่ไม่กี่วัน และเป็นค่ายแรกที่ผู้คนสมัครกันมามากมายทั้งๆที่มีเวลาจำกัดและกฏระเบียบการคัดเลือกเคร่งครัดสุดๆ

มีสมาชิกหน้าใหม่เข้ามาร่วมงานนี้ประมาณ40%น่าจะได้เท่าที่เห็นคร่าวๆ คือเพื่อนๆเหล่านี้เพิ่งมาบ้านสวนฯเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะติดตามบ้านสวนมาเป็นแรมปี หรือเพิ่งติดตามได้ไม่นานก็ตาม แต่ล้วนมีศรัทธาที่แน่วแน่ อยากมาร่วมงานนี้จริงๆ

ผมเห็นบางท่านอยากมาเพราะอยากหายจน หายเจ็บ อยากนั่นอยากนี่ในตอนแรก แต่พอกิจกรรมต่างๆผ่านไปผมสัมผัสได้ว่าผู้คนเหล่านี้กลับมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เพราะเริ่มเห็นได้ว่า คนที่จะทำให้เรามีความสุข หายเจ็บ หายจน ไม่ใช่ใคร แต่เริ่มที่ตัวเราเองก่อน และที่เป็นๆอยู่ทุกวันนี้เกิดจากผลกรรมที่ตนเองทำมาทั้งนั้น

ผมสังเกตจากกิจกรรมกลุ่ม Workshop ต่างๆได้เห็นวิธีการคิดของแต่ละท่าน ก็พอทราบได้แล้วล่ะครับว่าบ้านสวนฯได้เปลี่ยนแนวความคิดของแต่ละท่านที่เข้ามาให้อยู่บนโลกความเป็นจริง ไม่ใช่เพ้อฝัน รอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย และรอมาอ้อนวอนร้องขอ โดยไม่ทำอะไรเลย

Ohhh Yesss !! สำหรับผมนี่คือความเร็จก้าวแรกที่สำคัญ

2.การชมบารมีพระศรีอาริย์

ครั้งอื่นๆที่ผ่านมา เช่นที่มหิดล โรงแรมเดอะแทรเวอเลอร์ และที่อื่นๆ เราได้สัมผัสพระบารมีพระองค์ท่านกันจะๆมาหลายครั้งแล้ว

แต่ครั้งนี้ผมถือว่าเป็นครั้งแรกจริงๆที่ได้เห็นผู้คนสัมผัสพระบารมีพระองค์ท่านได้แบบชัดเจนกันมากๆๆอาจจะเรียกว่า 100%เลย พบเห็นปรากฏการณ์ที่เหนือคำบรรยาย เช่น น้องลิน ซึ่งเดินขาบิด ฝ่าเท้าบิดเข้ามาเวลาเดินเหมือนเป็ด ก็หายทันทีอย่างน่าอัศจรรย์ น้องแพรแพร(ขอโทษนะครับหากจำผิด) สาวน้อยที่ขาบิดเวลาเดินเช่นกัน ก็หายจากอาการนี้แบบทันทีเช่นกัน ทั้งๆที่เป็นมาแต่เกิดเลย

ป๊าดดด...นอกจากนี้เหล่าบรรดาพี่น้องทั้งหลายก็มีแต่รอยยิ้ม เจอปรากฏการณ์อัศจรรย์หายทันที

ผมคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากว่า ทุกคนได้เข้ามาร่วมกิจกรรมบุญแรงกาย เพื่อถวายทุกๆพระองค์และพระศรีอาริย์ ดังนั้นจิตของแต่ละคนได้เปิดและพร้อมที่จะรับพระบารมีพระองค์ท่าน

และแน่นอนครับ บุญแรงกายที่แต่ละคนสร้างมามีอานิงค์ยิ่งใหญ่ครับ กำลังบุญมาก ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถรับพระบารมีพระองค์ท่านได้อย่างชัดเจน

ค่ายนี้จึงเป็นค่ายที่ทุกคนมีแต่รอยยิ้มกลับบ้านกันอย่างมีความสุข

3.การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกิจกรรมในบ้านสวนฯ

พวกเราคงเห็นจนชินตาใช่ไหมครับว่าแต่ละครั้งนั้นท่านอาจารย์อุบลจะคอยช่วยทุกคน ถามแต่ละคนว่าทำกรรมอะไรมาบ้าง เรียกว่าท่านเมตตากับทุกคนในทุกค่าย ทุกงานเพื่อช่วยเหลือผู้คน

แต่งานนี้มาแปลก ไอ้ผมเองก็เซอร์ไพร้ส์สุดๆเช่นกัน ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมแบบไม่เคยคาดคิดมาก่อน เชื่อไหมครับทุกท่าน

แทนที่ท่านอาจารย์จะเมตตาบำบัดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้กลายเป็นว่า พี่น้องต่างคนต่างบำบัดกันเอง และมีการรวมพลังบุญ พลังปัญญา ความรัก ความสามัคคี ใช้ธรรมะบำบัดช่วยเหลือกันและกัน ผ่านกิจกรรมกลุ่ม Workshop

เรียกว่าโดนใจวัยรุ่นอย่างผมอย่างแฮงง... เพราะเห็นได้ชัดเจนว่า

1.ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น

2.ทุกคนได้แสดงบทบาทการเป็นผู้นำ ค่อยๆพัฒนากันไป

3.ทุกคนได้เรียนรู้วิธีการ เทคนิค การบำบัดโดยใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์ และรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ด้วยตนเอง 

4.เกิดการเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์สำหรับผู้มาใหม่แบบใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมาทุกคนได้แต่นั่งฟังท่านอาจารย์อุบลเมตตาบำบัดให้ แต่ไม่เคยรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวทุกคนเองก็สามารถทำเองได้ ตามข้อ3

5.พากันหายแบบฉับพลันทันที และเกิดความมั่นใจในแต่ละคน ที่จะนำวิธีการนี้ไปช่วยตนเอง ผู้อื่นด้วยความมั่นใจ เรียกว่าเป็นการสร้างภาวะผู้นำ และสร้างจิตของผู้ให้ อย่างเป็นรูปธรรม

6.ทุกคนตระหนักและระดมความคิดเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในหน้าที่สำคัญที่จะช่วยโลกใบนี้ให้เข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่งดงามและสามารถทำเป็นรูปธรรมแบบเห็นผลทันที

อื่นๆอีกมากมาย เล่าความประทับใจไม่หมดครับ เดี๋ยวค่อยมาโม้ต่อนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 11:48:13


ความคิดเห็นที่ 437 (1633026)

 กราบเรียน อ.อุบล อ.มงคล และ คุณท็อป

เรื่อง ธรรมทานในวันเข้าค่าย 6-7 ต.ค.55

        เช้าวันอาทิตย์ คุณธนามาเป่านกหวีดเพื่อให้ทุกคนได้มาออกกำลังกายกัน โดยให้ทุกคนได้ออกไปนำท่าคนละท่าและให้ทุกคนออกกำลังกายตาม สนุกสนานเป็นอย่างมากหลังจากนั้นให้ทุกคนแยกย้าย อาบน้ำ แปรงฟัน แล้วไปทานข้าว และมาพร้อมเพรียงกันทำกิจกรรมสำคัญต่อไป 
        หลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนมารวมกันที่ห้องประชุมโดย
อ.อุบลได้เริ่มกิจกรรมธรรมบำบัดแบบ workshop โดยให้แบ่งกลุ่ม 10 คน และให้หัวข้อ
1.ปัญหาของแต่ละคน สุขภาพ การเงิน การงานและอื่นๆ
2.ให้แต่ละคนช่วยบำบัดเพื่อน
3.เมื่อบำบัดแล้วให้มารายงานผล
         อ.อุบลได้ให้ผู้นำกลุ่มขึ้นมาบนเวที โดยกลุ่มคุณเหมี่ยวได้บำบัดน้องผู้ชายที่ปวดตา ตาแดง บวม โดยนำจี้ปิดไว้ที่ดวงตา สักพักเมื่อนำจี้ออก ปรากฏว่า ตาหายแดงและบวม และเข่าขวาของคุณเจี๊ยบที่ด้านและเป็นสีดำ ก็บางลงเป็นสีขาวอย่างเห็นได้ชัด อ.อุบล บอกว่าที่คุณเหมี่ยวช่วยบำบัดแล้วได้ผลเพราะคุณเหมี่ยวช่วยคนเยอะ ช่วยคนพิการไว้มาก ทำให้คุณเหมี่ยวมีพลังในการช่วยคน อ.อุบล บอกว่าหากเราช่วยคนได้ 99 คนไม่ต้องใช้พลังจากจี้ พลังจักรวาลจะส่งผ่านตัวของคนๆนั้นได้เองและที่อาจารย์อุบลให้ทำ workshop และให้แต่ละคนช่วยเพื่อนนั้นเพราะเมื่อถึงเวลาภัยพิบัติมาถึง เราทุกคนไม่สามารถมาหาอ.อุบลได้ทุกคน เราจึงมีหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือคนอื่นโดยให้สารภาพบาปกับจี้ และ ใช้รหัสอ.อุบล ช่วยด้วย เพราะในหากที่คนคนนั้นสลบไม่สามารถพูดเองได้ เราสามารถช่วยพูดแทนได้ และที่น่าแปลกใจกลุ่มเด็กซึ่งคุณธนาเป็นหัวหน้ากลุ่มได้เสนอความคิดเห็นที่จริงใจและตรงๆว่าการช่วยเหลือคนอื่นทำได้โดย ให้เค้าอนุโมทนาหน้าจอ,ดูclipรายการคุยไปแจกไปครบ 9 ตอน,การเขียนธรรมทาน,การขึ้นเล่าธรรมทานบนเวที,การเลิกกินเนื้อสัตว์,การรักษาศีล5,การใช้จี้ช่วยคน ไม่น่าเชื่อว่าเด็กๆจะเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนขนาดนี้ อนุโมทนาด้วยนะค่ะ
        อ.อุบลสอนว่าให้เราท่องคาถาพระศรีอาริยเมตไตร ให้บารมีคุ้มครอง กาย วาจา ใจ และท่องให้ได้ 99 จบต่องไว้ จนครบ 9 วัน ให้ท่องคาถาเงินล้าน ให้ใส่บาตรวิรัทโย ละคำว่าอยาก ละเนื้อสัตว์และคนที่มาบ้านสวนฯไม่จำเป็นต้องรวย ประสบความสำเร็จ แต่ต้องมีศรัทธาเต็มร้อยเท่านั้น รวมทั้งต้องมีศีล 5 มีพรหมวิหาร 4 มีความเมตตา คิดช่วยเหลือคนอื่นและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวน บ้านจะปลอดภัย อย่างตัวอย่างลูกบ้านสวนที่อยู่อยุธยาน้ำท่วมทุกบ้านเป็นเมตรแต่หลังนั้นได้บูชาพีระมิดจากบ้านสวนน้ำมาเพียงแค่ตาตุ่มเท่านั้น มหัศจรรย์จริงๆค่ะ บางคนสารภาพกับแหวนก็หายจากอาการเจ็บป่วยได้ หรือ นำจี้ไปจุ่มน้ำแล้วดื่มก็หายได้แต่อาจารย์น่ารักพูดขำๆว่าควรนำไปล้างเหงื่อไคลออกก่อนนำไปแช่ให้คนอื่นดื่ม  
         ช่วงต่อมาเป็นหัวข้อชมบารมีพระศรีอาริย์ อ.อุบล ได้นำอีกหัวข้อคือนำภัยพิบัติขั้นวิกฤติมาบอกพร้อมกัน และได้ให้ชมclip vdo ซึ่งมีความหมายแฝงใน clip vdo แต่ละอันด้วย
clip vdo แรกเป็นควายเดินอยู่สัก 5 ตัวโดยมีลูกความเดินรั้งท้ายและสิงโตประมาณ 5 ตัว วิ่งมาด้านหลังมาจับลูกควายเพื่อไปกินตอนแรกคิดว่าลูกควายต้องโดนกินแน่ สักพักมีฝูงควายตามมาช่วย โดยตัวที่กล้าสุดได้ใช้เขาขวิดสิงโตก่อน สักพักควายตัวที่กล้าตัวต่อไปก็ไปช่วยขวิดสิงโต และ อีก 2 ตัวที่กล้าก็มาช่วยขวิดสิงโตและลูกควายก็รอดมาได้ อ.อุบล สอนว่าศัตรูจะมาทำร้ายคนที่อ่อนแอ คนที่ไม่สู้ ไม่ดิ้นรน และหากมีคนมาทำร้าย ให้ร้าย สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราต้องพร้อมปกป้อง ไม่ใช่ปล่อย ไม่สนใจ รักตัวเอง แต่เราต้องหาวิธีปกป้อง แม้แต่หากใครมาพูดถึง อ.อุบล ในทางที่ไม่ดี เราก็ต้องพร้อมปกป้องด้วย ไม่ใช่นิ่งเฉย ให้อาจารย์ต่อสู้ตามลำพัง

clip2 งูกินจระเข้ และจระเข้กินงู ซึ่งเป็นการจองเวรไม่รู้จบ และปัจจุบัน จระเข้ที่หลุดเมื่อน้ำท่วมปีที่แล้วยังจับไม่ได้ หากเกิดภัยพิบัติต้องระวังจระเข้ให้ดี และปัจจุบันหมูก็กินคนแล้ว ตามข่าวที่เกิดขึ้น

clip3 สิงโต 1 ตัวกำลังจะกินม้าลาย 1 ตัว เป็นการต่อสู้กันแบบ 1 ต่อ 1 สิงโตรู้วิธีการกัด กัดที่คอเพื่อกัดให้เส้นเลือดขาดและม้าลายจะตาย หากม้าลายไม่ต่อสู้ ยอมแพ้ อ่อนแอ ก็ต้องตายแต่ม้าลายเลือกที่จะสู้ ม้าลายก็รอด แต่เป็นการสู้เพียงลำพังไม่มีม้าลายตัวอื่นมาช่วย อ.อุบลจึงสอนว่าหากเราไม่ช่วยเหลือใคร ก็จะไม่มีใครช่วยเหลือเราเช่นกัน
 
clip4 ปลาฉลามกินคน คนเดิน อยู่บนฝั่งแท้ๆ กำลังให้ภรรยาถ่ายรูปกับน้ำทะเลที่น้ำตื้นๆเท่านั้น สักพักมีปลาฉลามโฉบมากินโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง อ.อุบลจึงสอนว่าหากเรากินปลา ปลาจะกลับมากินเราเช่นกัน

clip5และ6 เกี่ยวกับสิงโต clip5คนไปเที่ยวในสวนสัตว์เปิด มีพ่อ แม่และลูก พ่อเปิดประตูไปถ่ายสิงโต สิงโตเห็นจึงทะยานกัดกิน ไม่มีใครแม้แต่คิดช่วย คนที่ถ่าย vdo ก็ไม่ช่วยยังถ่ายต่อ อ.อุบลจึงสอนว่าหากภรรยาตั้งสติได้ขับรถชนสิงโตและให้รถคร่อมคนนั้นไว้สิงโตก็กินคนนั้นไม่ได้แล้ว ส่วน clip 6 คนเข้าไปให้อาหารสิงโตในกรงแล้วสิงโตกัดและจะกินคนนั้น แต่มีคนนอกกรงจำนวนมากแต่ไม่มีใครวิ่งเข้ามาช่วย แต่สักพักมีคนมีสติ ยิงปืนจนสิงโตตาย แต่อ.อุบลสอนว่าหากมีสติเข้าไปจับขาสิงโตคนละขา สิงโตก็ไม่ตาย คนนั้นก็รอด แต่ปัจจุบันคนเรารักแต่ตัวเองไม่คิดช่วยคนอื่น ภัยพิบัติจึงได้ใกล้มาแล้ว

มีต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 12:35:45


ความคิดเห็นที่ 438 (1633032)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุก ๆ ท่านที่มาเหลาให้คนทีไม่ได้ไปร่วมงานได้รับรู้

เหมือนอยู่ในงานก็ไม่ปาน มีความสุขสดชื่นเมื่อได้อ่านธรรมทาน และมีความรู้สึกว่า

บ้านสวนพีระมิดกำลังก้าวกระโดดไปในทิศทางแห่งบุญบริสุทธิ์ เป็นประเทศไทยจำลองขึ้นทุกวัน เพราะกิจกรรมแต่ละกิจกรรมจะมีการพัฒนาตลอด ความศักดิ์สิทธิ์ก็จะมีเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ

นี่แหละหนาคนมีบุญก็ต้องมาเจอสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เสียดายที่ตัวเองบุญยังน้อย

ไม่สามารถฟันฝ่าเข้ามาในค่ายนี้ได้ วันที่รู้ว่าไม่ได้รับคัดเลือก ใจมันสั่นยังไงก็ไม่รู้ ตกใจและสับสน 

ทำงานต่อแบบไม่เต็มร้อย กลัวว่าจะทำงานผิดพลาด ทำแล้วต้องตรวจสอบนานกว่าปกติเพราะกลัวทำงานผิดพลาด

เมื่อวานนั่งดูรายการคุยไปแจกไป ตอนที่ ดร.จิตรา บอกว่า

พระนางเนเฟอร์ตารีมาเกิดแล้ว พระศรีอารย์ก็เกิดแล้ว เป็นผู้หญิง ก็มองที่ตัวท่านอ.อุบล แล้วก็บอกตัวเองเลยว่า "ใช่เลย"

เพราะคุณสมบัติที่อ.อุบล มี ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา คำสั่งสอน ความเมตตา อยู่ในตัวท่านอ.อุบล ทั้งหมด

และยิ่งมาเห็นเคสของพี่อมร ที่มาตอกย้ำว่าบารมีพระศรีอารย์

เราต้องศรัทธาและบอกให้ถูกจะยิ่งมีพลังมหาศาล

ลูกจะขอติดตามและเดินตามทางที่ท่าน อ.อุบลได้ปูทางไว้ให้

สำหรับลูกบ้านสวนฯ ทุกคน

ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสได้พูดคุยกับใครก็จะพยายามบอกกับทุกคน

ให้รักษาศิล 5 ให้บริสุทธิ์ เมื่อวันก่อนลูกค้าเข้ามาติดต่อและบอกว่าตอนนี้เครียดมากบางวันนอนไม่หลับ เพราะได้ยินมีคนมาว่าให้ไม่สบายใจ ใส่แหวนเพชรก็ว่า ก็ปลอบพี่เค้าไปว่าอย่าไปถือโทษโกรธเค้าเลย ถ้ามีโอกาสพูดก็บอกเขาและชี้ให้เห็นถึงบาป-บุญในการว่ากล่าวให้ร้ายผู้อื่น แต่ถ้าไม่มีโอกาสพูด ก็คิดเสียว่าแสดงว่าเรามีดีซิ เขาถึงอิจฉา เราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ก็คุยกันอยู่สักพัก พอพี่เขาลากลับก็บอกว่าเออดีเนาะได้มาคุยกับน้องทำให้พี่สบายใจมาก และถามว่าเดี๋ยวนี้ไปทำบุญที่ไหน ก็บอกพี่เค้าไปว่า ตั้งแต่ไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดมาหนูก็ดีขึ้นทุกด้าน เค้าถามว่าอยู่ที่ไหนไปคราวหน้าพี่จะไปด้วย ก็เลยบอกกับเค้าไปว่าถ้าพี่จะไปต้องดูรายการให้ครบอย่างน้อย 9 ตอนแล้วก็แจกคู่มือหนีกรรมและจดรหัส อ.อุบลช่วยด้วยให้พี่เค้าใช้ด้วย

และเดี๋ยวนี้ก็มีหลายคนที่อยากไปบ้านสวนฯ ก็จะบอกกับทุกคนว่า การทำบุญที่บ้านสวนฯ ไม่มีการง้อคน ถ้าคุณอยากไปจริง ๆ คุณต้องดูรายการให้ครบ 9 ตอนและทำตามกฎได้ด้วย

หนูขอกราบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ บารมีพระศรีอารย์ อ.อุบล-อ.มงคล ศุภาเดชาภรณ์และคุณท๊อป ที่ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมบุญกับบ้านสวนฯ  สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 12:56:16


ความคิดเห็นที่ 439 (1633033)

สรุปสาระสำคัญในค่าย13

อยากสรุปเพื่อให้หลายๆท่านที่ไม่ได้เข้าค่าย สามารถอ่านและปฏิบัติได้ทันที

1.การเขียนธรรมทาน ให้เขียนทุกวัน ทำต่อเนื่อง เพราะเป็นบุญที่มีกำลังบุญมาก ที่ขึ้นมารับพระบารมีพระศรีอาริย์แล้วไม่หายหมด 100% แต่ดีขึ้น 50-90%ในแต่ละท่านนั้น พอรับปากว่าจะเขียนธรรมทานทุกวัน ส่วนใหญ่หาย100%ในทันที นี่คือสิ่งที่พระศรีอาริย์ท่านเน้นย้ำให้ลูกหลานทุกคนต้องทำ

2.อย่าห่วงเรื่องงาน เงิน และอื่นๆมากเกินไป ตอนนี้เหลือเวลาน้อยมากแล้ว ขอให้ทุกคนมุ่งสร้างบุญให้มากที่สุด อยู่บ้านก็เขียนธรรมทานทุกวัน สร้างความดีทุกลมหายใจ เพราะภัยพิบัติอย่างไรก็เกิดแน่นอน

3.ทาง2แพร่ง เราสามารถเลือกได้ว่า

3.1เอาตัวเองรอด ทำตัวเองให้ดีสร้างบุญเยอะๆถึงวันเกิดภัยฯ เราก็รอดคนเดียว หรือ

3.2เรารอดด้วย คนอื่นรอดด้วย ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่นให้มีโอกาสรอดและมีโอกาสถึงนิพพานด้วย เราจะเลือกอย่างไร

หากเลือก 3.2) พวกเราต้องตั้งใจและทำกันอย่างจริงจังเพื่อหาพระศรีอาริย์ให้พบก่อนเกิดภัยใหญ่ และพระองค์ท่านจะพาพวกเราเข้าสู่ยุคใหม่ ภัยใหญ่ไม่เกิด แต่จะเกิดภัยเป็นหย่อมๆแทน เพื่อล้างคนบาปที่ไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองจริงๆ

4. ช่วยกันหาพระศรีอาริย์ โดยหาคุณสมบัติของพระองค์ และช่วยกันพิสูจน์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ให้ทุกคนพิสูจน์ด้วยตนเองได้ ซึ่งพวกเราอาจเข้ามาเขียนเสนอว่า รู้จักคนไหนที่เขาบอกว่าเขาเป็นพระศรีอาริย์บ้าง เราก็เชิญเขามาพิสูจน์กัน ให้เป็นที่ยอมรับว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่

5.ให้ทุกคนปฏิบัติบูชา จิตเกาะเกี่ยวอยู่กับความดีทุกลมหายใจ

5.1 สวดคาถาอิติปิโสฯ คาถาปะโตเมตัง คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ คาถาเงินล้าน คาถาบูชาพระศรีอาริย์ ทุกวันตอนตื่นเช้าก่อนลุกจากที่นอน ก่อนนอน เป็นต้น

5.2 สวดคาถาบูชาพระศรีอาริย์วันละ 99จบ 9วันติดต่อกันเป็นอย่างน้อย สวดมากเท่าไหร่ยิ่งดี ให้จิตเกาะเกี่ยวกับพระองค์ท่านตลอดเวลา

6.เผยแพร่รหัสจักรวาล อ.อุบลช่วยด้วย การช่วยคนโดยใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์ เพื่อแสดงกฏแห่งกรรม ช่วยผู้คนให้เปลี่ยนจิตใจโดยเร็วที่สุด มากที่สุด

7.คนที่ได้รับผลกรรมจากภัยพิบัติ เช่นจากน้ำท่วม แผ่นดิไหว พายุถล่ม ภูเขาไฟระเบิด และอื่นๆ ล้วนเกิดจากการผิดศีลข้อ2 ซึ่งนี่คือคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงสอนไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นขอให้ทุกคนรีบรักษาศีล5ให้บริสุทธิ์ ความดี และบุญเท่านั้นคือที่พึ่งของทุกคนในยามคับขัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน บุญจะนำทางไปสู่ที่ปลอดภัยและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยอยู่ตลอดเวลา

8.เกิดเหตุอัศจรรย์ที่ญาติธรรมนำมาเล่าคือ

8.1)คุณป้าสมจิต จากสัตหีบได้โทรมาเล่าเหตุการณ์อัศจรรย์เกี่ยวกับจี้องค์เทพสฟิงซ์ ซึ่งป้าแกสวมใส่ถึง3องค์และจู่ๆจิตใจก็อยากลองฝึกมโนมยิทธิดู และอยากรู้ว่าจักรวาลเป็นอย่างไรซึ่งไม่เคยรู้เห็นและเกี่ยวข้องมาก่อนเลย พอภาวนานะมะพะธะ ได้สักพักก็เห็นแสงสว่างก็เลยตามไป และป้าแกบอกว่า ตอนนี้ป้ารู้แล้วว่าจักรวาลเป็นอย่างไร ไปท่องมาหมดแล้ว

8.2)น้องชิม หนุ่มนครสวรรค์เจ้าของตำนานรักแท้ในคาราโอเกะ ได้เล่าว่าตนเองได้สั่งบูชาจี้องค์เทพสฟิงซ์ให้เพื่อน 11องค์ พอกล่องมาถึงร้าน ปรากฏว่ามีลูกค้ามากมายเข้ามาซื้อสินค้าชนิดที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลย จนกระทั่งพนักงานในร้านเหนื่อย ไม่ได้กินข้าวเลย ตนเองเกิดความสงสาร เลยลองเอากล่ององค์จี้ฯไปไว้ที่อื่น ลูกค้าก็เริ่มซาทันทีเลย ว้าวววว เคล็ดลับความรวยนี่เอง 555

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทราบว่าองค์จี้นั้นมีพลังงานจากอนันตจักรวาลมหาศาลอยู่แล้ว แต่เมื่อมารวมกันจำนวนหลายองค์ก็ยิ่งเกิดพลังงานมหาศาลยิ่งๆขึ้นไป และเราได้ทดสอบสมมติฐานดังกล่าว โดยนำจี้ฯที่น้องชิมเพิ่งบูชามาสดๆร้อนๆ9องค์ห้อยอยู่ในคอเป็นสง่า 555

ให้เพื่อนๆที่มีปัญหาแค่ลองสวมใส่จี้ทั้ง9องค์ของน้องชิม ปรากฏว่าอาการที่เจ็บป่วยมีปัญหาหายไปแบบปลิดทิ้งในทันที เพียงนับแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่ที่อึ้งสุดๆเช่น

ป้าพร น้องสาวป้าเตือน ปกติหูตึงมาทำบุญค่ายต่างๆสม่ำเสมอ เป็นนักบุญตัวยง มาครั้งนี้พอได้สวมจี้ฯแป๊บเดียว อาการหูตึงก็ดีขึ้นอย่างมากมาย ได้ยินเสียงท่านอาจารย์อุบลชัดเจนแบบชนิดเจ้าตัวยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว

น้องลิน ลูกสาวอาจารย์พัน เดินขาบิดมานานนนแสนนาน ไม่รู้จะรักษาอย่างไร พอสวมใส่จี้ฯเท่านั้นละครับ ได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดจากพี่น้องล้นหลาม เพราะหายทันทีน่ะดิก๊าบบเดินตรงสวยได้ใจเลย ทุกคนดีใจกับน้องลินมั่กกก อาจารย์ณี อาจารย์พันก็ยิ้มแก้มปริเยยยย ดีใจด้วยก๊าบบ 

ไว้มาโม้ต่อนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 13:08:57


ความคิดเห็นที่ 440 (1633034)

เช้าวันอาทิตย์ที่ 7

ได้มีกิจกรรมธรรมะบำบัด โดยแบ่งคนเป็นกลุ่ม เพื่อระดมสมองว่า

1. ในกลุ่มของตนนั้นมีใครมีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การเงิน การงาน ด้านจิตใจ ฯลฯ

2. เมื่อท่านมาบ้านสวนเห็นวิธีการบำบัดของท่านอาจารย์อุบล เมื่อคืนวันเสาร์ แล้วจะช่วยบำบัดให้เพื่อนในกลุ่มอย่างไร

3. รายงานผลการบำบัดโดยละเอียด

กิจกรรมนี้เหมือนที่คุณธนาว่าไว้คือ

เป็นการรวมพลังบุญ พลังปัญญา ความรัก ความสามัคคี

ใช้ธรรมะบำบัดช่วยเหลือกันและกัน

หลังจากรายงานผลของแต่ละกลุ่มแล้ว

ท่านอาจารย์ได้สรุปที่ละกลุ่ม ซึ่งประมวลได้ว่า

ที่ให้เราทำ workshop ธรรมะบำบัดนี้เพื่อเตรียมความพร้อมของเรา

ถ้าเกิดภัยพิบัติ หรืออุบัติเหตุ มีคนได้รับบาดเจ็บ ลูกบ้านสวนจะทำอย่างไร

ให้นำวิธีการของกลุ่มคุณเหมี่ยวมาประยุกต์ใช้ เพราะเป็นเหตุเฉพาะหน้าเร่งด่วน

(กลุ่มคุณเหมี่ยว ใช้พลังของจี้หลาย ๆ อันนำมารวมกัน

แล้วนำไปแตะอวัยวะส่วนที่ต้องการบำบัด เช่นเจ็บตาก็ไปประคบที่ตา

แล้วอธิษฐานขอบารมีพระศรีอารย์ ให้ช่วย)

แต่เราไม่ต้องถอดจี้ไปให้เขา ให้ชูจี้ออกมา หรือถ้าจำเป็นก็คือนำจี้ไปแตะเขา

ที่สำคัญอยู่ที่  ศรัทธาเต็ม 100 หรือไม่


จากกิจกรรมธรรมะบำบัด สิ่งที่ได้ คือ ทำให้คนที่ไม่เคยใช้จี้ช่วยคน

มีประสบการณ์ตรง มีความมั่นใจ และสามารถนำไปใช้ช่วยคนด้วยความมั่นใจ

 

        ในการ workshop ธรรมะบำบัดนี้ คุณธนาได้แยกเด็กออกมา 1 กลุ่ม และได้รวบรวมความคิดเห็นของเด็ก ๆ มานำเสนอ ไม่น่าเชื่อว่ามีเด็ก ๆ ตั้งแต่ประมาณ 5 ขวบถึง 12 ขวบ ได้ซึมซับความรู้ที่ท่านอาจารย์นำมาใช้ช่วยเหลือคนอื่น ได้ถึง 10 ข้อ เป็นความคิดเห็นที่มาจากใจ

        1. ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

        2. สารภาพบาปกับจี้

        3. สารภาพกับอาจารย์อุบล โดยตรงเลย

        4. ใช้แรงกายที่บ้านสวน

        5. ให้เค้าอนุโมทนาหน้าจอเมื่อดูรายการคุยไปแจกไป

        6. ดูคลิปรายการคุยไปแจกไปให้ครบ 9 ตอน

        7. เขียนธรรมทานในเว็บบ้านสวนพีระมิด

        8. เล่าธรรมทานบนเวทีบ้านสวนพีระมิด

        9. การเลิกกินเนื้อสัตว์

        10. การรักษาศีล5

จากข้อมูลที่เด็กๆ รวบรวมมาค่อนข้างจะครบถ้วนนี้ ผู้ใหญ่ถ้าลืมก็นำมาใช้ได้

ต้องขออนุโมทนากับทุก ๆ ธรรมะทานในทุกช่วงกิจกรรมของบ้านสวนพีระมิดด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 13:15:20


ความคิดเห็นที่ 441 (1633045)

 กราบเรียน อ.อุบล อ.มงคล และ คุณท็อป

เรื่อง ธรรมทานในวันเข้าค่าย 6-7 ต.ค.55

             ให้เรารักษาศีล 5 ให้ทานเต็มกำลัง มีอารมณ์ใจของพรหม มีเมตตา สงสาร ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี เราจะพลอยมีความสุขใจด้วยและให้มีอุเบกขา เพราะหากมีการพลัดพรากจากคนในครอบครัว และต้องคอยช่วยเหลื่อคนอื่น 
        อ.อุบลได้ให้ทุกคนทำกิจกรรม workshop โดยแบ่งกลุ่ม 20 คนโดยในกลุ่มได้หัวข้อ พระศรีอาริย์จะนำคนสู่ยุคทองได้อย่างไรและให้ตัวแทนไปพูดบนเวที โดยแต่ละท่านได้บอกว่าท่านต้องทำให้ทุกคนเป็นคนดีพร้อมโดยศีล5 พรหมวิหาร4 ทุกคนอยู่ด้วยความรัก มีเมตตาและแสดงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ให้ทุกคนหายป่วยแบบฉับพลันทันที อ.อุบลบอกว่ากิจกรรมต่อไปจากไปจะเน้นการทำแบบ workshop มากขึ้นและกิจกรรมจะเข้มข้นไปเรื่อยๆทุกอาทิตย์ อ.อุบลเน้นย้ำให้เราช่วยเหลือคน และให้หยุดทำผิดศีลทุกข้อ,ไม่เล่นอบายมุข,ไม่เที่ยวกลางคืน,ไม่ดูละคร ไม่ติดเกมส์,ไม่เล่นหวย,ไม่เล่นการพนัน,ไม่ขี้เกียจหลังยาว,ไม่คบคนชั่วเป็นมิตร
            ก่อนนอน ให้สวดมนต์ ไหว้พระ จะนั่ง นอน ยืน ก็ได้ แต่ใช้จิตที่ตั้งใจ ศรัทธา ท่องบท นะโม 3 จบ, อิติปิโส 1 จบ,คาถาปะโตเมตัง,คาถาเงินล้าน,คาถาบูชาท้าวเวสสุวรณ,คาถาบูชาพระศรีอาริย์(อาจารย์ย้ำว่าคาถานี้ต้องท่องทุกวันและท่อง 99 จบเป็นเวลา 9 วัน) และต้องท่องทุกคาถาทุกวัน จะเกิดพลัง ให้ท่องจนหลับไป และก่อนลุกจากที่นอนให้สวดมนต์ก่อน
        หลังจากนั้นอ.อุบล ได้ให้ทุกคนได้รับชมบารมีพระศรีอาริย์โดยคนที่ยังมีอาการเจ็บป่วยอยู่ให้เดินผ่านหน้าอาจารย์โดยบอกอาการที่เป็นอยู่และบอกอาการหลังเดินผ่านหน้าท่านอาจารย์แล้ว ก่อนขึ้นเวทีจินมีอาการปวดเมื่อยแขนมากแต่เมื่อเดินผ่านหน้าท่านอาจารย์แล้ว หายปวดไป 80% อาจารย์บอกว่าได้เขียนธรรมทานบ้างหรือไม่ จินบอกเขียน อาจารย์ถามว่าเขียนกี่ครั้งจึงบอกอาจารย์ว่าเขียนทุกครั้งที่ได้ร่วมงานที่กรุงเทพฯ 2 ครั้ง อาจารย์บอกว่าต่อไปต้องเขียนทุกวัน จึงรับปากว่าได้ค่ะ อาจารย์ให้ดูว่าหายหรือยัง เมื่อดูอาการปรากฏว่าอาการปวดแขนหายไปจริงๆค่ะ มหัศจรรย์จริงๆค่ะ ทำให้สัมผัสได้ว่าทุกอย่างอยู่ที่บุญโดยแท้ค่ะ การทำความดี การทำบุญ ทำให้เราพบเจอแต่สิ่งดีดี ได้ทั้งการงาน การเงิน สุขภาพ ขอบคุณในบุญของตัวเองที่ทำให้ได้พบอาจารย์ อุบล ค่ะ และขอบคุณอาจารย์อุบลที่มีความเมตตาพวกเราเป็นอย่างสูงที่ให้ความช่วยเหลือทุกคนให้พ้นทุกข์ ซึ่งจริงๆแล้วหากวันเสาร์ อาทิตย์ ท่านควรได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวแต่ต้องมาช่วยเหลือใช้ธรรมบำบัดพวกเรา ต้องสละแรงกาย แรงทรัพย์ ทำเพื่อพวกเรา ขอบคุณอาจารย์มากจริงๆนะค่ะ หนูจะปฏิบัติในสิ่งที่อาจารย์สอนทุกอย่างค่ะอาจารย์

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 14:02:42


ความคิดเห็นที่ 442 (1633047)

 ตอนชมบารมีพระศรีอารย์

แล้วเดินผ่านท่านอาจารย์อุบลแล้ว

แขนที่ปวดจากการใช้แรงงานยังไม่หาย 100 %

ท่านอาจารย์ให้กลับไปเขียนธรรมทานมาก ๆ


ได้นึกสารภาพบาปว่าถ้าเคยใช้ให้ใครยกของแบกของ

โดยเขาไม่เต็มใจและไม่ใช้หน้าที่ของเขา

ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว

ปรากฏว่าหายจากการเจ็บแขนค่ะ

กราบขอบพระคุณพระศรีอารย์และอาจารย์อุบล

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 14:24:53


ความคิดเห็นที่ 443 (1633051)

กราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ พระศรีอารีย์ ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล และคุณท็อปค่ะที่ได้เมตตาให้หนูและครอบครัวได้เข้าค่าย 13 ครั้งนี้

ตอนเข้าบ้านสวนประทับใจมากตั้งแต่ทางเข้าค่ะ รู้สึกตื่นตาตื่นใจ บ้านสวนพัฒนารวดเร็วมากค่ะ หนูได้มาบ้านสวนครั้งล่าสุดเมื่อช่วง 8-9 กันยายน 55 (งานบวงสรวงพระศรีอารีย์) ท่านอาจารย์ตกแต่งสวรรค์บนดินได้สวยงาม เมื่อได้เข้าไปนั่งรู้สึกเย็นสบาย เย็นกายเย็นใจค่ะ และวันเสาร์ท่านอาจารย์ เปิดงานและได้แนะนำให้ท่องถาคาพระศรีอารีย์ให้ได้ 99 ครั้ง 9วันเป็นอย่างต่ำ และให้ท่องตลอดเวลา และหนูก็ได้ท่องไปทำบุญแรงกายไปด้วย วันนี้รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงานไม่เหนื่อย ไม่หิว และทำงานมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกค่ะมีความสุข เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ช่วงเย็นมีการแสดงอย่างอลังการงานสร้างทุกชุดเลยค่ะ

และท่านอาจารย์ได้ให้แบ่งกลุ่มทำงาน และได้มีอาหารว่างให้รับทาน และท่านอาจารย์ได้บำบัด โดยใช้จี้ 9 องค์ ของคุณชิมให้ทุกคนลองสวมใส่เผื่อบำบัด ผลการบำบัดได้ผล 100 % ทุกคนเลยค่ะหนึ่งในนั้นมีหนูได้ลองสวม เพราะมีอาการเจ็บที่ไหล่ขวามาก พอสวมไม่ถึง 5 วินาที มีอาการเหมือนมีอะไรกระชากความเจ็บปวดออกจากหัวไหล่ค่ะ

สำหรับกิจกรรมของกลุ่มหนูได้รับหัวข้อ ถ้ามีคนปรามาส ท่านดร.อาจอง  ท่านว. และพระอริยะ จะทำอย่างไร และกลุ่มเราก็ได้ช่วยกันระดมสมอง และแยกเป็นหัวข้อ ว่าถ้าปรามาสทางเวบไซด์ ก็จะช่วยโพสข้อมูลดี ๆ ผลงานของท่าน เพื่อให้ข้อมูลที่ปรามาสหายไป และเจ้ง 1212 เพื่อร้องเรียนค่ะ  สำหรับถ้าเป็นการปรามาส ซึ่ง ๆ หน้า ก็จะถามเค้าว่าเค้าไปได้ข้อมูลมาจากที่ไหน   ก็จะถามคนเหล่านั้นว่า  ท่านไปทำความเดือดร้อนอะไรให้คุณหรือ

และวันอาทิตย์ท่านอาจารย์

ได้ให้ทำกิจกรรมกลุ่ม เรื่องถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินเราจะช่วยผู้อื่นอย่างไร

สำหรับกลุ่มหนู ได้ถามปัญหาสมาชิกในกลุ่ม

นำจี้และวัตถุมงคลของบ้านสวนมารวมกัน และให้สมาชิกในกลุ่มสวม

โดยนำวัตถุมลคลบ้านสวนรวมกันเช่นจี้ 9 องค์ อุปกรณ์ 14 องค์ จี้พีระมิด 1องค์ ธนบัตรขวัญถุง 1ฉบับ แหวน 2 วง

รวมกันรู้สึกเหมือนมีพลังงานความร้อน รับรู้ได้ถึงคนข้างเคียง  และอาการเจ็บป่วยก็หาย

อาจารย์ได้เมตตาสอนว่า พลังความสามัคคีจะช่วยได้มาก และถ้าเราไม่มีพลังบุญเพียงพอ เรารักใครก็สามารถรับพลังจากคนนั้นได้  ถ้ารักพี่เหมี่ยวด้วยความบริสุทธิใจ ให้คิดถึงพี่เหมี่ยวเพราะพี่เหมี่ยวเคยไช้จี้ช่วยคนมากพี่เหมี่ยวก็จะมีพลังบุญมาก เราก็จะสามารถรับพลังบุญจากพี่เหมี่ยวมาช่วยคนอื่น มาช่วยเราได้โดยที่เราไม่ต้องบูชาจี้ 9 องหรือหลาย ๆ องค์ ที่สำคัญถ้า    คิดดถึงท่านอาจารย์อุบล ก็ได้รับพลังบุญจากท่านอาจารย์อุบล  เพราะอาจารย์อุบลเคยช่วยคนมากกว่า 99 คน ช่วงหลังทานข้าวอาจารย์

 

ได้ให้ดูคลิบวิดีโอที่เป็นปริศนาธรรม ดูแล้วเกิดปัญญามากเลยค่ะ

อาจารย์อุบลฉลาดที่สุดเลยค่ะ ทำทุกวิธีทางให้ลูกหลานเกิดปัญญา

ที่ผ่านมาอาจารย์พยามสอนให้เลิกทานเนื้อสัตว์ แต่ก็ยังไม่เห็นภาพยังไม่ได้ทำตาม 100 %

พอเห็นภาพแล้วสุดยอดค่ะเกิดความกลัว และเลิกได้โดยปริยาย โดยเฉพาะลูก ๆ ของหนู

น้องบิ๊กซันกับน้องจีจ้าบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่แอบทานเนื้อสัตว์อีกแล้ว กลัวปลามากินเราบ้างอย่างวีดีโอที่ท่านอาจารย์ให้ดู 

และไม่กล้าเถียงพ่อแม่ พูดจาเพราะขึ้นมากค่ะ เค้าบอกว่าเค้ากลัวตกลงไปในหลุมยุบเพราะอาจารย์อุบลบอกว่าคนที่จะตกหลุมหยุบคือคนที่ด่าพ่อแม่ เถียงพ่อแม่ ตีพ่อแม่ และคิดไม่ดี พูดไม่ดีกับพระหรือพระเจ้าอยู่หัว และอาจารย์อุบล

พอช่วงบ่ายอาจารย์ก็ได้ให้ทำกิจกรรมกลุ่มเกี่ยวกับการตามหาพระศรีอารีย์

หลายกลุ่มก็ได้แสดงความคิดเห็นหลายความคิด

แต่หนูประทับใจกลุ่มเด็ก ๆ มากเลยค่ะไม่น่าเชื่อว่าพวกเค้าจะคิดได้ และความคิดเค้าดีซะด้วย

และที่หนูได้รับในการเข้าค่ายครั้งนี้ มันคุ้มค่ามากเลยค่ะ มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อความสุขแบบนี้ไม่ได้ และไม่มีที่ใหนที่ได้แบบนี้

หนูชอบรูปแบบการเข้าค่ายครั้งนี้มากเลยค่ะทำให้ทุกคนช่วยกัน มีความรัก มีความสามัคคี มีความอบอุ่น มากค่ะ และไม่ทำให้ง่วงนอน  เราได้แสดงความคิดเห็นของเราออกมาอาจถูกหรือผิดไม่เป็นไร  และท่านอาจารย์ก็รู้ว่าพวกเราคิดอยู่หลงทางอยู่หรือไม่ และอาจารย์ได้แนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง

 ท่านอาจารย์ได้สอนให้ปฏิบัติตัวก่อนนอน และก่อนตื่นนอน โดยให้สวดมน บทอิติปิโส คาถาบูชาท่านท้าวเวสุวรรณ คาถาปะโตเมตัง คาถาเงินล้าน และคาถาบูชาพระศรีอารีย์ให้ถ่องจนหลับ ทำให้หลับในอารมย์ฌาณ หากตายจะได้ไม่ลงที่ต่ำ และก่อนตื่นก็ทำเช่นเดียวก่อนนอนและขอพระบารมีพระศรีอารีย์ บังคับกระแสจิตให้คิดดี พูดดี ทำดี  และให้อุทิศบุญให้ ให้เทวดา สรรพวิญาณ  และเจ้ากรรมนายเวร

และที่สำคัญครอบครัวหนูได้รับการบำบัดสุขภาพกายสุขภาพใจ แข็งแร็งทุกคนค่ะ

เช่นตัวหนูเองมีปัญหาคือ ละวางความโกรธไม่ค่อยได้ และได้ร่วมกิจกรรมกลุ่มได้แจ้งปัญหา และได้รับพระบารมีพระศรีอารีย์ที่ท่านอาจารย์ได้เมตตา อาราธนามาช่วยลูกหลาน หนูสังเกตุตัวเอง มีเหตุการหลายครั้งเช่นมีคนตำหนิ หรือ มีคนขับรถปิดท้าย ปิดหน้าออกไม่ได้ แต่ก่อนจะโมโหง่ายมากเลยค่ะใครว่าอะไรไม่ได้ต้องสวนกลับทันที หรือ จะต้องบ่น หรือด่าในใจ แต่วันนี้ ดีมากเลยค่ะ ใจสงบ สบาย ไม่โกรธ เฉยๆ ไม่เครียด  หนูสังเกตตัวเองเราทำไม่นิ่งสงบจังเลย  ดีใจมากเลยค่ะ ที่หนูเอาชนะความโกรธ เอาชนะใจตัวเองได้ เพราะพยามยามมานานแล้ว    ฝึกสมาธิมาหลายที่ อ่านหนังธรรมะมาหลายเล่ม ฟังพระเทศมาหลายองค์แต่ไม่เคยทำได้ มาครั้งนี้ได้รับความเมตตาจากพระศรีอารีย์ จากท่านอาจารย์อุบล  หนูมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขณะพิมพ์อยู่นี้น้ำตาไหลปิติมาก และอยากจะบอกว่าหนูรักอาจารย์อุบลมากที่สุดค่ะ ท่านอาจารย์อุบลให้ทุกอย่างแก่ชีวิตหนู ถึงคราวเคราะห์ท่านอาจารย์อุบลก็ช่วยหนู เงินขาดมืออาจารย์อุบลก็ช่วยหนู มีปัญหาเรื่องงานอาจารย์อุบลก็ช่วยหนู อาจารย์อุบลคือผู้ที่ให้ทุกสิ่งในชีวิตหนูค่ะ

 

สามี(นายผดุง สุดจิตต์) ปวดขามาก พออาจารย์อาราธนาพระบารมีพระศรีอารีย์ และทำจิตน้อมตาม อาการปวดหาย 100% โดยไม่ต้องเข้าแถวรับพระบารมีเลยค่ะ และทำให้กระตือรือร้นที่จะเขียนธรรมทานและ เร่งหาช่างติดอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง  เพราะที่บ้านใช้แอร์การ์ด ติดๆ ดับ เข้าอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยได้ 

ลูกชาย บิ๊กซัน บอกว่า ชอบกิจกรรมกลุ่มค่ะ และน้องไม่สบายเป็นภูมิแพ้ไซนัสเรื้อรัง ได้รับพระบารมีพระศรีอารีย์ และได้รับการบำบัดจากพี่ธนาใช้จี้  น้องก็สารภาพปาบว่าฆ่ามด ช่วยพ่อฆ่าปลวก ตบยุง รังแกน้อง และตีหมา ตีแมว ขโมยขนม โขมยดินสอเพื่อน  หยิบของคุณพ่อไปใช้โดยไม่ขออนุญาต น้องบอกว่าอาการหาย หายใจโล่ง และเมื่อเช้าสังเกตุดูไม่มีน้ำมูกเลยค่ะ เพราะปกติทุกเค้าเวลาอาบน้ำเสร็จจะมีน้ำมูก จามตลอดเวลา และน้องพูดจาเพราะขึ้น รับฟังเหตุผลของผู้ใหญ่มากขึ้นน ไม่เถียง

สำหรับน้องจีจ้า เป็นภูมิแพ้ จามตอนเช้า ๆ  ได้รับการบำบัดจากกิจกรรมเข้ากลุ่มแล้ว วันนี้น้อง ไม่จามเลยค่ะ น้องพูดจาเพราะขึ้น ไม่มีอาการหงุดหงิดงี้เง้า

 หนูเคยตั้งสัจจะกับตัวเองว่า ถ้าทำบุญบ้านสวนหรือมาเค้าค่ายหรือร่วมกิจกรรม จะไม่กลับก่อน  ถ้าอาจารย์ไม่กล่าวปิดงาน ยังไม่ได้เก็บเก้าอี้   จะไม่กลับ เพราะหนูเคยกลับก่อนในตอนมางานพิธีบวงสรวงพระศรีอารีย์ กลับตอนบ่าย 3 โมงซึ่งอาจารย์ยังไม่ได้ปิดงาน ด้วยมีเหตุผล ต่าง ๆ  นา ๆ  (ไปส่งแม่ที่ขอนแก่นกลัวมืด) ทำให้พอออกจากบ้านสวนแล้วรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ สามีก็บ่นว่าทุกครั้งมาทำบุญบ้านสวนจะมีกำลังมีแรง จะสุขภาพดี ขับรถไม่เหนื่อยไม่ล้า แต่งานนี้ รู้สึกเมื่อยล้า ปวดขา  หนูคิดว่าคงเป็นเพราะเราไม่ได้อยู่จนอาจารย์กล่าวปิดพิธี และถ้าเรากลับก่อนเหมือนเราไม่ให้เกียรติท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์อุตสาห์ มีเมตตากับพวกเรามาก ท่านเสียเวลาเสียแรงกาย เสียเงินเพื่อเตรียมงาน เพื่อคอยต้อนรับ ให้คอยแต่สิ่งดี ๆ กับทุกคน  และท่านเหนื่อยกว่าเราหลายพันเท่า งานท่านเยอะกว่าเราหลายเท่า ในเมื่อท่านยังไม่กล่าวปิดงานท่านยังนั่งอยู่ในพิธี เราจะไม่ควรกลับ   และครั้งนี้มาเข้าค่าย 13  หนูตั้งใจ และปิดโทรศัพท์ไม่รับรู้เรื่องภายนอกตลอดเวลาที่อยู่บ้านสวน และก็ร่วมกิจกรรม กับอาจารย์นั่งรับฟังคำสอนจากอาจารย์จนจบพิธีและที่สำคัญได้รับพรจากอาจารย์ อาจารย์ได้อวยพรและอาราธนาพระบารมีพระศรีอารีย์ส่งลูกหลานกลับบ้านอย่างปลอดภัย  และช่วยเก็บเก้าอี้ กราบลาอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล พี่แมว พี่ธนา คุณแม่น้อย พี่เจี๋ยบและพี่ ๆ หลายท่าน รู้สึกอบอุ่น มีความสุขมากค่ะ และที่สำคัญกราบไหว้พระพุทธองค์ก่อนกลับ พอออกจากบ้านสวนก็อุ่นใจ สามีบอกว่าครั้งนี้มีความสุข  มีกำลังแรงใจไม่ง่วง ไม่หิว ไม่เหนื่อย ระหว่างทางฝนตกปลอย ๆ ถึงบ้าน ห้าทุ่มครึ่ง ก็ไม่เพลีย ตื่นเช้ามาก็สดชื่น ปกติถ้าไม่ได้มาบ้านสวน ถ้านอนดึก หรือทำงานในไร่ จะเหนื่อยและเพลียมากแทบมาทำงานไม่ไหว แต่ครั้งนี้มีกำลังมีแรงสดชื่นอย่างน่าอัศจรรย์ และลูก ๆ ก็ตื่นเช้าแบบสดชื่นเบิกบานค่ะ ถึงแม้จะนอนดึก 

หนูขอกราบขอบพระคุณ พระศรีอารีย์ เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์  ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท็อป พี่แมว พี่ธนา คุณอัม คุณอัง และทุกท่านที่ได้อำนวยความสะดวก และทุกท่านที่ได้ทำอาหารที่แสนอร่อยให้พวกเราได้ทานค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 14:45:19


ความคิดเห็นที่ 444 (1633054)

 ช่วงบ่ายอาจารย์ได้ให้ชมคลิปวีดิโอสั้น หลายเรื่อง ล้วนแต่ให้ธรรมะและแง่คิดสอนใจ

เรื่องแรก เป็นเรื่องการต่อสู้ของควายกับสิงโต

เรื่องมีอยู่ว่า  มีควายเดินอยู่สัก 5 ตัวโดยมีลูกควายเดินรั้งท้าย ต่อมามีสิงโตประมาณ 5 ตัว วิ่งมาด้านหลังและคาบลูกควายเพื่อไปกิน (อาจารย์บอกว่า ศัตรูจะทำร้ายโดยเลือกคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน)   ควายตัวใหญ่วิ่งหนีไปโดยไม่ได้ช่วยอะไร  พวกสิงโตก็ลากลูกควายลงทึ้งกันในบึงน้ำ ในบึงนั้นก็มีจระเข้ ขึ้นมาแย่งลูกควายกับสิงโต  มาชักกะเยอกันไปมา (อาจารย์พูดว่าหนีเสือปะจรเข้มันเป็นอย่างนี้) ในที่สุดลูกควายก็ถูกสิงโต ลากขึ้นมาพ้นจากจระเข้  แต่ก็เจ็บสะบักสะบอม  สักพักมีฝูงควายฝูงใหญ่วิ่งมาช่วย  แสดงว่า ควายที่วิ่งหนีไปตอนแรกวิ่งไปตามพรรคพวกมา แต่มาแล้วก็ยืนนิ่ง ๆ ไม่ได้ทำอะไรทั้ง ๆ ที่พวกก็มากกว่า ตัวก็โตกว่า   ทันใดนั้นก็มีควายตัวที่กล้าที่สุด 1 ตัว วิ่งออกไปใช้เขาขวิดสิงโต และวิ่งไล่สิงโตไป   สักพักจึงมีควายที่รวบรวมความกล้าออกไปช่วยขวิดสิงโตอีก 1 ตัว  และต่อมาก็มีอีก 2 ตัวก็พึ่งจะกล้ามาช่วยขวิดสิงโต  ในที่สุดลูกควายก็รอดมาด้วยความสะบักสะบอม  

        อ.อุบล สอนว่าฝูงควายเปรียบเสมือนลูกบ้านสวน ที่มีจำนวนมาก สิงโตก็คือคนที่จ้องทำลายซึ่งมีเพียงน้อยนิด  ควายตัวกล้าคืออาจารย์อุบล ลูกบ้านสวนมัวแต่มองดูอาจารย์ต่อสู้กับศัตรูเพียงลำพัง ดังนั้น ลูกบ้านสวน จะต้องเปลี่ยนตัวเอง ต้องมีความสามัคคี พร้อมที่จะช่วยเหลือต่อสู้ ปกป้องและป้องกัน จากคนที่มาทำลาย 3 ร่มโพธิ์ศรี คือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย นิ่งดูดาย  ไม่สนใจ

      

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 14:56:48


ความคิดเห็นที่ 445 (1633057)

ธรรมทานค่าย 13

กราบเรียน ท่านอาจารย์อุบล
สืบเนื่องมาจากค่าย 13 อาจารย์เน้นย้ำเรื่องการเขียนธรรมทานอย่างแรง จนตนเองรู้สึกผิดว่าไม่ค่อยเขียนเท่าไร เขียน อาทิตย์ละครั้ง และไม่ค่อยนั่งจด แต่ใช้จำ และจะเล่าที่โดนใจ ประทับใจ ต่อไปนี้ก็ยังจะขอเล่าสิ่งที่โดนใจเท่านั้น แต่ต่อไปจะตั้งใจจดจำมาเล่าให้มากขึ้น เนื่องจากค่ายนี้มีผู้สอบตกไม่ได้ถูกคัดเลือกหลายคน แต่ขอให้ตั้งใจทำความดีกับบ้านสวนต่อไป ความดีของท่านเทวดาจะบันทึกไว้ ตัวเองที่ถูกคัดเลือกจริงๆแล้วอาจทำตัวแย่กว่าพวกท่านที่สอบตกก็ได้ ขอเข้าเรื่องที่น่าตื่นเต้นแล้วกัน

เหตุใดจึงต้องมีภัยพิบัติเกิดขึ้นในโลก

ทุกวันนี้ผู้คนไม่มีศีลธรรมกันเลย ผิดศีลกันทุกข้อ อบายมุขจะทำกันจนปกติ แค่เล่นหวย ติดละคร ตนเองก็เพิ่งทราบว่าเป็นสาเหตุให้ตกนรก ก็เมื่ออ.อุบลสอนนี่เอง
โดยภัยใหญ่มาล้างคนเลวผิดศีลธรรมให้ออกไปจากโลก คนจำนวน 1 ใน 10 เท่านั้นที่จะรอด โดยคนที่จะรอดจะต้องเป็น โสดาบันเท่านั้น นอกนั้นไม่น่าไว้ใน อจ.บอกว่ารอดแต่พิกลพิการจะมีมากพวกเราก็ควรเตรียมพร้อมกันได้ คนที่ไม่ประมาทคงมีโอกาสได้เดินทางเข้าสู่ยุคของพระศรีอารย์ ที่ท่านจะมาช่วยให้เรารอด ตอนนี้เราก็ต้องตามหาท่านกัน แต่ตนเองปัญญาน้อย เป็นควายของบ้านสวนเหมือนกัน ตามยังไงก็ยังงงๆๆๆ

เอาแค่นี้ก่อน แล้วจะมาคุยให้ฟังอีกจ้า

จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 15:09:47


ความคิดเห็นที่ 446 (1633058)

 สิ่งที่ได้รับความเมตตาจากการเข้ารับบารมีพระศรีอาริย์

ความปิติที่สัมผัสด้วยตา+ใจ (หายจากโรค ในฉับพลันทันที) สำหรับตัวลูก

 หายจากอาการเจ็บเข่าทั้ง 2 ข้าง อาการหูอื้อดีขึ้น 70 % หายจากอาการ

หายปวดต้นแขนทั้ง 2 ข้าง(มีอาการขณะที่ยืนรอบำบัดฯ)

จริงๆแล้วตัวเองได้ทำผิดศีลทั้ง ข้อค่ะ


ปัญหาสุขภาพ

        1. หูอื้อ (เสียงดังในหู ประมาณ 5 ปี)

       2. เจ็บเข่าทั้ง 2 ข้าง (หกล้มเข้ากระแทกพื้น 2 ครั้ง ) เข่าขวา ประมาณ

             5 เดือนก่อน เข่าซ้าย  2 สัปดาห์ก่อน นั่งยองๆไม่ได้เจ็บมาก


****************

สารภาพบาปเพิ่มเติมที่มีผลให้

หูอื้อ+สายตายาว+เจ็บเข่าทั้ง 2 ข้าง

ทำหูทวนลม คิดไม่ดีกับคำสอนของพระพุทธเจ้า

ส่งจม.+ข้อความ ให้ความหวังกับผู้ชายประมาณ คน 

คุยโทรศัพท์ในเวลางาน(คุยกับแฟน) มีชู้ มีกิ๊ก ใช้สายตา

ดูหนังโป้ ชอบดูละคร ไปในที่อโคจร (เทค โรงแรม ร้านอาหาร) 

เล่นคุณไสย ฯลฯ ใช้เท้าทำงานแทนมือ ใช้เท้าเขี่ยเหรียญ

เคยหันเท้าไปทางพระ กระทืบเท้าเวลาไม่พอใจ

อ่านข้อความ+ดูภาพ ฟังเสียงที่ไม่เหมาะสม

**********

ปัญหาสุดท้ายคือปวดต้นแขนทั้ง 2 ข้าง
ปวดแบบทันทีทันใด

สาเหตุจากการไม่เขียนธรรมทาน หรือเขียนบ้าง

ลูกสำนึก และกราบขอบคุณในความเมตตา

ของพระองค์ ที่เมตตาเตือนให้ลูกได้รู้

และแก้ไขสาเหตุแห่งปัญหา และเกิดปัญญา

แก้ไขปรับเปลี่ยนตัวเอง รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น


*******

ลูกรับรู้ด้วยตา และใจแล้วว่าขณะนี้เข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์แล้ว

และท่านก็เมตตามาโปรดแล้วลูกหลาน

ให้ได้รับความสุข หายจากโรค 

มีความสุขกาย สุขใจ 


 

ลูกจะบอกกล่าวเรื่องราวที่ได้รับรู้ให้กับคนอื่นๆต่อไปเจ้าค่ะ

อนุโมทนากับน้องหนึ่งที่เป็นสะพานบุญเรื่องการเดินทาง การโพสต์ธรรมทาน

กำลังใจในการก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงธรรม ฯลฯ

จบตอนที่ 1

ยังมีต่อค่ะ (น.ส.เบ็ญจากาญจน์  ศุภศิริวัฒนา)

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 15:22:00


ความคิดเห็นที่ 447 (1633059)

และที่หนูได้รับในการเข้าค่ายครั้งนี้ มันคุ้มค่ามากเลยค่ะ มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อความสุขแบบนี้ไม่ได้

หนูชอบการเข้าค่ายลักษณะแบบนี้มากเลยค่ะทำให้ทุกคนช่วยกัน มีความรักมีความอบอุ่น มากค่ะ และไม่ทำให้ง่วงนอน

 เราได้แสดงความคิดเห็นของเราออกมาอาจถูกหรือผิดไม่เป็นไร

ความเห็นจาก คุณมยุรฉัตร สุดจิตต์

-----------------------------------------------------------------------

โดนใจอย่างแรงครับ ผมเห็นด้วยครับ ผมได้แอบไปสังเกตการณ์ตามกลุ่มต่างๆได้เห็นแต่ละท่านช่วยกันแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ มีมุมมองที่หลากหลาย

ที่สำคัญต่างพูดถึงเรื่องของธรรมะของพระพุทธองค์เพื่อนำมาใช้กับหัวข้อที่ได้รับมอบหมายอย่างฉะฉาน มั่นใจ

ว้าวว...แบบนี้ต้องบอกว่า เอาอีก เอาอีก เอาอีก

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 15:22:58


ความคิดเห็นที่ 448 (1633060)

โอ้โห รศ.เบญจรัตน์ และท่านอื่นๆเล่าได้ละเอียดยิบ เก็บทุกเม็ดอย่างนี้ เป็นบุญชาวเกาะทุกท่านแท้ๆเลยครับ สาธุ

และแต่ละท่านนั้นเขียนแบบไม่มีเม้มเลย ทำให้ค่าย13สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการเขียนธรรมทานของลูกบ้านสวนฯอย่างแท้จริงเลย

ยังไงก็อย่าลืมนะครับ ขอให้พิจารณาข้อมูลกันดีๆว่าอันไหนสมควรเขียน หรือไม่ควรเขียน เห็นนักเขียนหน้าใหม่แต่เขียนแบบหน้าเก่าอายม้วนไปเลย สวดดดยอดด เอาใจช่วยทุกท่านนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 15:30:40


ความคิดเห็นที่ 449 (1633065)

 1)  ขอขอบคุณในโอกาสทองที่ได้รับ

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ (6 – 7ตค. 55) นะคะหนู รู้สึกดีใจมากเลยที่ได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์ได้มอบโอกาสทองให้มาเข้าร่วมค่าย  13 ในครั้งนี้   ตอนแรกที่ หนูกลัวจะไม่ได้รับเลือก เนื่องจากคุณสมบัติไม่น่าจะครบ แต่หลังจากที่ท่านได้เฉลยบนเวทีในตอนท้ายหนูจึงได้รับทราบจากท่านว่า ท่านได้เมตตาพิจารณา และตัดสินใจอีกครั้งเพื่อให้โอกาสนี้แก่คนที่ยัง 1) ไม่ค่อยเขียนธรรมทาน และ 2) ไม่ค่อยเผยแพร่รหัส และใช้จี้ช่วยคน ก็เพื่อที่จะมอบโอกาสดีนี้ให้หลายๆคนรวมทั้งตัวหนูด้วยในให้การมาร่วมค่ายนี้ หนูร้สึกซาบซึ้งมากๆ และขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ เทวดาที่รักษาตัวท่านอ.อุบล และครอบครัว

ท่านที่ไม่ได้มาคงอยากรู้สินะคะว่าค่าย 13นี้ เราทำอะไรกันบ้าง พอมาถึงบ้านสวนฯ เราก็เห็นทุกคนทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เราก็เลยรีบวางของไปลงทะเบียนและ ไปช่วยทำงานกันคะ ในตอนนั้นทุกๆคนกำลังช่วยกันส่งถังปูนเทลงหลุมที่เป็นฐานของตึกใหม่ หนูเลยรีบวิ่งเข้าไปเสียบหาช่องว่างและทำงานกับทุกคนอย่างต่อเนื่องทันที

งานชิ้นที่สองก็คือการผูกเหล็กเส้นเป็นคานค่ะ ตอนแรกที่พี่เสริฐมาสอนคะก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่พอหลังๆนี้โอ้โหทุกคนนี่แบบคล่องปรื๋ออแย่งกันทำอย่างสนุกสนานกันมากค่ะ

เดี๋ยวหนูจะกลับมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ ตอนนี้ขอไปทำทุระก่อนค่ะ

 

2)  กราบเรียนขออนุญาตเขียนเรื่องบ้านสวนพีระมิดที่ข้าพเจ้าได้สัมผัส เป็นหัวข้อการบ้านเรียงความช่วงปิดเทอม

สืบเนื่องจากที่หนูได้มีโอกาสในค่าย 13นี้หลังการแสดงบนเวที่ที่หนูได้แสดงความขอบคุณโดยวาจา แด่ท่านอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ที่สถิตย์ ณ บ้านสวนพีระมิด และเทวดาทุกๆท่านที่รักษาตัวท่านอ.อุบล และครอบครัว ที่ให้หนูก็ได้ใช้รหัสจักวาล.อุบลช่วยด้วย ช่วยให้หนู เกิดความคิดดีๆในการทำการบ้านปิดเทอมด้วยค่ะ หนูจึงอยากจะกราบเรียนขออนุญาติท่านอาจารย์ ขอนำเรื่องบ้านสวนพีระมิดในมุมมองที่หนูได้สัมผัส (ที่เผยแพร่ได้) เป็นไอเดียการเขียนนิทานเล่มหนึ่งคะ ท่านอาจารย์

เหตุผลของหนูคือว่า หนูเชื่อว่าจะเขียนทั้งที ต้องดี และมีประโยชน์ที่สุด หนูมาคิดดู เวลานี้ ชั่วโมงนี้ เรื่องราวของบ้านสวนพีระมิดนี้ น่าจะเยี่ยมที่สุด เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่สุด เพราะว่าขนาดกับตัวของหนูเอง กับทุกคนในครอบครัว ยังสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง ขัดเกลา ให้ได้ตระหนักถึงเรื่องกฏแห่งกรรมได้อย่างชัดเจน ในระยะเวลาอันสั้น และใกล้ตัวเราทุกคนมากๆ ทำให้หนูกลัวเวรกรรม จึงระมัดระวัง ไม่กล้าสร้างกรรมใหม่ และจะเดินหน้าสร้างแต่บุญ ทำความดีให้ถึงที่สุด ละเว้นความชั่ว โดยใช้แนวทางศีล 5 เข้าจับในการใช้ชีวิตประจำวัน ให้มีพรหมวิหาร 4  ให้ลด ละ เลิก อกุศลกรรมบถ 10 ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็น คำสอนของพระพุทธองค์ที่ดูเหมือนเราๆ ทุกคนจะคุ้นเคยกันทั้งนั้น แต่...อนิจจา... ที่พวกเราไม่เคยปฏิบัติได้จริงจัง และต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะ... เพราะ ไม่เห็นความสำคัญ และจำเป็น ว่าทำไม..จึงต้องเปลี่ยนทันทีทันใด อาจเป็นเพราะ..ไม่เคยทราบถึงผลของกรรมแต่ละอย่าง ว่ามีความสัมพันธ์กัน  เป็นเหตุ เป็นผล อย่างไร และส่งผล ดี หรือ ชั่วเพียงใด  และพอตายแล้วยิ่งน่ากลัวกว่าเพียงใด ทำไมโลกเราจึงต้องเผชิญกับภัยพิบัติ เกี่ยวข้องอย่างไรกับการกินเนื้อสัตว์ แต่...ท่านอาจารย์ได้เมตตาเปิดโลก เปิดมุมมองใหม่ๆ เปิดหู เปิดตาพวกเรา อดทนพากเพียรหาวิธีที่ดีๆ ที่ง่ายๆ ที่จะสอนพวกเรา แสดงให้เราได้รู้ได้เห็น ได้เข้าใจ ได้สอนให้เราวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ว่าผลที่เราเป็น ที่เราได้รับทุกวันนี้ ล้วนแล้ว เกิดจากเหตุที่เราสร้างไว้ทั้งสิ้น สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ ให้เราได้เข้าใจว่าหากเราต้องการให้ผลออกมาดี เราจึงจำเป็นจึงต้องตั้งหน้าตั้งตาสร้างแต่เหตุที่ดีเท่านั้น เพราะการดับเหตุ ก็คือการดับผล นั่นเอง  และท่านยังได้สอนวิธีที่จะแก้ปัญหาชีวิตของแต่ละคน ได้อย่างยืนยั่งยืน สิ่งที่ดีวิเศษทั้งหมดทั้งมวลคือให้เราตระหนักรู้ และช่วยกันรักษา สามร่มโพธิ์ศรี คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แบบเป็นรูปธรรม ไม่ยาก และทุกคนสามารถปฏิบัติได้จริงๆ    

 

สิ่งดีๆเล่านี้เมื่อหนูและครอบครัวได้รับ หนูก็อยากจะแบ่งปันให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆหนูได้รับเหมือนกัน  หนูเชื่อว่า ถ้าคุณครูได้อ่าน ต้องเข้าใจ เห็นด้วย และอยากเผยแพร่ บอกต่อต่อให้นักเรียนคนอื่นรู้ให้ทั่วโรงเรียนแน่ๆ และน่าจะจุดประกายให้นักเรียน และพ่อแม่ของพวกเค้า ได้ตระหนักรู้ เป็นโอกาสที่จะได้เปลี่ยนให้เด็ก เป็นเด็กที่ดีขึ้น โตขึ้นก็เป็นคนดีให้สังคม และประเทศชาติ ให้เห็นความจำเป็นที่จะต้อง เปลี่ยนแปลงตนเองให้เร็วที่สุด ให้ได้เหมือนที่ที่หลายๆคนทำได้ เหมือนที่หนูกำลังพยายามอยู่ และจะทำต่อเนื่องให้ดีที่สุดค่ะ 

 

อาจารย์อุบลขา มาถึงตรงนี้หนูจึงอยากจะกราบขออนุญาติ เพื่อเขียนเรื่องราวของบ้านสวนพีระมิด ที่หนูได้สัมผัสเป็นหัวข้อการบ้านปิดเทอมด้วยค่ะ  ท่านอาจารย์จะกรุณาอนุญาติไหมคะ คุณครูได้กำหนดความยาวไว้ที่ 50 หน้าค่ะ ถ้าท่านอาจารย์ อนุญาติ หนูจะเขียนให้เสร็จ แล้วส่งให้ท่านพิจารณาก่อนเปิดเทอม แล้วจึงส่งคุณครูค่ะ  หนูขอความกรุณาท่านอาจารย์โปรดพิจารณาด้วยนะคะ 

หนูขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ และ ขอขอบพระคุณเทวดาทุกๆพระองค์ที่รักษาตัวท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

กฤตยวรรณ ภิรมย์รักษ์

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กฤตยวรรณ ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 15:38:23


ความคิดเห็นที่ 450 (1633067)

 

 
บรรยากาศค่าย 13 
ในส่วนของตุ้ยนั้นได้เดินทางไปถึงวันเสาร์ที่ 6 ต.ค
ไปถึงก็เห็นลูกบ้านสวนกำลังทำงานส่งปูนกันตั้งแต่เช้าเลยค่ะ
ทุกคนไม่มีใครยอมใคร หวังจะมาโกยบุญงานนี้กันจริงๆ
เรียกว่าหากบริษัทไหนได้พนักงานเป็นเหมือนลูกบ้านสวน
ประเทศชาติและองค์กรคงเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน

 
ในการแสดงค่ำคืนนี้
มีการเต้นรีวิวประกอบเพลง ช้า - เร็ว
ซึ่งมีคุณอัมเป็นเจ้าภาพนำชุดการแสดงมาให้
พี่น้องบ้านสวนได้แสดงกัน
รวมทั้งก๋วยจั๊บ ก็อร่อยมาก
เรียกว่าสวยแล้วยังใจบุญอีกด้วยค่ะ
ส่วนการแสดงชุดสองเป็นละครเืรื่องสังข์ทอง
ชุดสวยงามอลังการมาก โดยพี่อรของเรา
พี่โฆษิต เขียนบทละครเรื่องนี้ได้ดีมาก ๆ
ดูกระทัดรัด ได้ใจความ
สนุก ให้สาระประทับใจจริง ๆค่ะ


และครั้งนี้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงแบบไม่น่าเชื่อ
ในส่วนของพื้นที่บริเวณหน้าห้องน้ำด้านหน้า
ที่แต่เดิมเป็นกองดินสูง พื้นที่เฉอะแฉะ
ต้นไม้ ต้นหญ้าขึ้นรก
แต่ท่าน อ.อุบลและทีมงาน
ได้ช่วยกันปรับพื้นที่บริเวณนั้น
ด้วยการทำพื้นให้เรียบเสมอกัน 
นำกระเบื้องมาวางให้เดินสะดวกขึ้นไม่เฉอะแฉะ
จนกลายเป็นวนอุทยาน ซึ่งสวยงาม
และร่มรื่นเย็นสบายมาก
ทั้งมีกลิ่นหอมของการะบูน
ยุงก็ไม่มีมารบกวนพวกเราเลยค่ะ
แถมมีสิงสาราสัตว์ ให้มองดูแล้วเพลิดเพลินยิ่งนัก
โดยตามแต่ละจุด ก็ผลหมากรากไม้
ห้อยไว้ให้พวกเราได้กินกัน
นับว่าเปลี่ยนภูมิทัศน์จากเดิมได้แบบสวยงามเกินคาด
ไม่เหลือเค้าเดิมไปเลยค่ะ


และบุคคลที่ตุ้ยประทับใจในค่าย 13 นี้
ก็คือคุณป้าอุ๊ค่ะ ป้าอุ๊เป็นบุคคลตัวอย่าง
ที่หน้าเอาเยี่ยงอย่าง
ในด้านการทำความดี แบบปิดทองหลังพระ
โดยป้าอุ๊ ซึ่งอายุ 58 ปีแล้ว แต่ใบหน้ายังเต่งตึง
และดูอ่อนกว่าอายุมาก เรียกว่าสาวๆ  อายไปเลยค่ะ
เพราะป้าอุ๊ ได้คอยช่วยดูแลเฟสบุ๊คบ้านสวน
ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับคนที่เข้าใจ
เจตนารมย์บ้านสวนแบบผิดๆ
และท่านยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี
สนุกสนาน ร่าเริง และที่สำคัญ
ป้าอุ๊เพิ่งมาบ้านสวนครั้งแรก แต่เหมือนท่าน
มาบ้านสวนเป็นปี ๆ แล้ว รู้กฎ 
กติกามารยาทของบ้านสวนเป็นอย่างดี
สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างจริงๆ ค่ะ
 
 

และในค่ำคืนนั้น พวกเราก็มีการทำ workshop 
โดยแบ่งกลุ่ม ให้เราระดมความคิดเห็น
กันพร้อมนำเสนอผลสรุปให้ท่าน อาจารย์ฟัง
ระหว่างทำ workshop
ท่าน อ.อุบล ก็มีบาบิคิว มัน ปิ้งย่างกัน
เป็นที่สนุกสนาน พร้อมกับท่านได้ร่วมสนทนาธรรม 
ให้ธรรมทานกับพวกเรา พร้อมถ่ายรูปหมู่ ท่ามกลาง
บรรยากาศ วนอุทยานด้านหน้าบริเวณองค์พีระมิด
เป็นการพูดกันแบบสบายๆ อบอุ่นและเป็นกันเองมากค่ะ
และได้มีการพูดคุยกับถึงอานุภาพขององค์จี้สฟิงซ์
ที่นอกจากช่วยให้คนสารภาพกรรมแล้วหาย
ยังมีอานุภาพด้านอื่นๆ อย่างที่เราคิดไม่ถึงกันมากมาย
เช่น คุณชิม ได้บูชาจี้ไป 10 กว่าองค์
เมื่อจี้ส่งพัสดุมาส่งที่บ้าน
ก็ทำให้ลูกค้าเข้าร้านแบบไม่ได้หยุดเลยทีเดียว
ต้องเอาจี้ออกไปไว้นอกร้าน ก่อน
คนงานถึงจะได้พักกินข้าวกัน


และท่านอื่นๆ ที่บูชาจี้ไปมากกว่าหนึ่ง
บ้าง 2 องค์ บ้าง 3 องค์
ก็ล้วนเจอปาฏิหารย์
ทั้งทำให้ฝึกมนโนได้
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฝึกเท่าไรก็ไม่ได้
 และอย่างพี่เอกลูกป้าเตือนทำให้มโนแจ่มใสขึ้นด้วย
บางคนก็สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น
และท่าน อ.อุบลบำบัดผู้ที่ยังมีอาการเจ็บป่วยอยู่ 
โดยขอยืมจี้ที่คุณชิมห้อยคอไว้ 9 องค์ มาสวมใส่ให้
แต่ละท่านที่ยังมีอาการเจ็บป่วยอยู่ได้สวม
และลองนับตามเลยว่ากี่วินาทีจึงจะหาย
ผลคือหายได้ทุกคนค่ะ
 
 
 
แต่ที่ตัวเองประทับใจ
ก็คือเคสของป้าพร ซึ่งป้าพร หูตึง ต้องมีเครื่องช่วยฟัง
ตอนที่แกออกไป ท่าน อ.อุบลพูดอะไรด้วยป้าก็เฉย
แต่พอท่าน อ.อุบลอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์มา
และให้ป้าพรสวมจี้ไว้ 9 องค์ 
ปรากฎว่าป้าพรยิ้ม บอกว่าดีขึ้นมาก
แกได้ยินที่ท่าน อาจารย์พูด
ดูแกดีใจมาก และเปลี่ยนเป็นคนละคน
กลายเป็นคนร่าเริงสดใส ขึ้นมาทันตาเห็นเลยค่ะ
ส่วนของคุณลิน ที่ปลายเท้าชี้เข้าหากัน
เวลาเดินก็จะไม่สมดุล อันนี้หลายท่านก็บอกว่า
กลับมาเดินได้ตรงขึ้นเห็นๆ
พอดีตุ้ยไปห้องน้ำค่ะจึงไม่ได้เห็นกับตา
แต่วันรุ่งขึ้นก็เห็นว่าการเดินของคุณลินดีขึ้น
ปลายเท้าเริ่มตรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 15:40:40


ความคิดเห็นที่ 451 (1633076)

ค่าย 13 ป้าปุ๊ได้รับความ มหัศจรรย์ใจ

อย่างมาก

1.เป็นคนแรกที่สวมสร้อยของคุณซิม

มีจี้ 9 + 1 ของป้าเอง 1

พอยกขึ้นบูชาแล้วสวมศีรษะ

 

เหมือนมีพลังพุ่งมาที่ศีรษะแล้วไหล

 

ไปทั่วร่างกายจนถึงปลายเท้า

พอขยับแขนไหล่ขวาที่ปวดก็หาย

ถึงเข่าและเท้าที่ปวดก็หายเป็นปลิดทิ้ง

เกิดปิติจนขนลุก

2. วันศุกร์ทำบุญแรงกายร่วมในการยกหิน

เพื่อผสมปูนเทฐานเสา 8 หลุม

โดยลุงบุญใช้บุ้งกี๋แมคโคตักเท

เห็นประโยชน์ของรถที่ใช้งานได้มาก

หลุมที่ 9 -12 ต้องใช้คนลำเลียงเป็น

สายพาน ทำ ทำ ไปก็เริ่มปวดแขนมากขึ้น

ก็อธิษฐาน ขอให้บุญนี้แก่เจ้ากรรมนายเวร

ที่ทำให้ปวดแขน ปวดเข่า ปวดส้นเท้า

แล้วก็สารภาพว่าใช้มือตีลูก ตีนักเรียน

ขโมยเงินพ่อ แม่ สามี ลุงถมป้าจี่

ขโมยขนมแป๊ะเก๋า ขโมยของซ้อร้านจิ๋บตั้งเส็ง

เอาสิ้นค้าใช้แล้วส่งไปเปลี่ยนเอวอน

ขโมยกระดุมไม้ร้านขายเสื้อผ้าทางเหนือ

ในงานองค์พระปฐมเจดีย์

เอาของโรงเรียนมาใช้ส่วนตัว

ทำเอกสารการเงินเท็จ

ขอบารมีพระศรีอาริย์ ฯ ว่าลูกมีปัญหาเจ็บปวด

อาการปวดก็ทุเลาลงสามารถทำได้จน

เสร็จในวันเสาร์

3.คืนวันศุกร์นอนไม่หลับเพราะปวดส่วนต่าง ๆมากและปัสสาวะบ่อย

พอคืนวันเสาร์และอาทิตย์นอนท่อง

คาถาบูชาพระศรีอริย์ ฯ ก็หลับได้สบาย

และไม่ลุกปัสสาวะเลย

4.ช่วงเย็นของวันอาทิตย์ท่านอ.อุบล

อาราธนาบารมีของพระศรีอริย์ ฯมาสถิต

ในกาย วาจา ใจ ของท่านอาจารย์

พอได้เดินผ่านอาการเจ็บป่วยที่เหลืออยู่

ก็หายไปหมดสิ้นเลย

 

ลูกขอกราบพระบาทสมเด็จพระศรีอริย์ฯ

พระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวน

ทุกพระองค์ และเทวดาที่รักษาท่านเจ้าของบ้านสวนทุกท่านค่ะ

กราบ กราบ กราบ เท้าท่านอ.อุบล

สะพานบุญที่มีพระคุณอย่างสูง

ที่ทำให้ลูกได้รับความ มหัศจรรย์

เหลือเกินค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัชรินทร์ เกษมณี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 16:32:51


ความคิดเห็นที่ 452 (1633082)

ธรรมทานจากค่าย 13

ความเปลี่ยนแปลงของสถานที่

     ก้าวแรกที่เข้ามาบ้านสวน ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสถานที่ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด และออกมาสวยงามร่มรื่น มากๆ คือ บริเวณ หน้าห้องน้ำใหม่ ที่ อาคารที่พวกเราเพิ่งสร้างมานั้น สามารถใช้เป็นที่พัก โดยแบ่งออกเป็น 4 ห้อง มีสวนที่เพิ่งจัดได้ ร่มรื่น สวยงาม มีรูปปั้นสัตว์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกวาง กระรอก กระต่าย ตรงบริเวณนี้ บรรยากาศ เย็นสบายมากๆ ยิ่งเวลากลางคืน เหมือนเปิดแอร์ เลยครับ ส่วนที่ชอบมากๆ ก็คือ ที่นั่งรอบๆ ต้นไม้ ที่ดัดแปลงโดยใช้ท่อซีเมนต์ ที่วางไว้ในหลายๆ จุด ลงตัวมากๆ แล้วก็มีผลไม้ ใส่กระด้ง ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ ไม่รู้ว่าเป็นการจำลอง ยุคศิวิไลซ์ รืเปล่าที่ มีอาหาร จากต้นไม้ สมบูรณ์ ที่แปลกใจอีกอย่างหนึ่งคือ ซุ้มไก่ ก็นำมาดัดแปลง เป็นที่แขวนดอกไม้ ดูครีเอท ดีมากๆ ครับ ได้ทราบภายหลังว่า การตกแต่งสถานที่ให้สวยงามก็เหมือนเป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดพลังงานที่ดีเข้ามา

กิจกรรมบุญแรงกาย วันเสาร์

     วันนี้พวกเราก็ ร่วมกันสร้างบุญวิหารทาน อาคารเอนกประสงค์หลังใหม่ ซึ่งดูๆแล้ว สามารถรองรับคนได้เป็นจำนวนมาก โดยทุกคนก็ ร่วมกัน โกยหิน โกยทราย ขนหิน ส่วนผสมปูนนั้นเราก็มีเครื่องผสมปูนเ้ข้ามาช่วย ทำให้งานดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยที่โชคดีมากๆ ที่ฝนไม่ตกหนักเหมือน ที่ กรมอุตุทำนายไว้ ว่าจะมีพายุเข้า เห็นได้ชัดเลยว่า เขตบุญ ย่อมได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่อื่น สมาชิกอีกส่วนหนึ่งก็ไปช่วยกันผูกเหล็กตอหม้อครับ จนถึงช่วงเย็น ก็มารับชมการแสดงต่อ

การแสดงชุดแรก แม่พระผู้ให้
     การแสดงชุดนี้ ความหมายของเพลงดีมากครับ ทำนองเพลงช้าๆ เพลงเพราะ นักแสดงแต่ละคนก็ ใส่ชุดลายดอก สดใส ใช้้้เวลาซ้อมกันไม่นานก็แสดงกันออกมาได้ดีำำพร้อมเพรียงครับ นักแสดงก็มีทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า นำทีมโดยคุณอัม
การแสดงชุดที่ 2 เชิญมากินผัก
การแสดงชุดนี้ ก็เป็นเพลงทำนองลูกทุ่งเร็วๆ ส่วนชุดก็ลายดอกสดใส มีทั้งสมาชิกเก่า และสมาชิกใหม่เช่น ป้าอุ๊ ก็เอากะเขาด้วย เนื้อหาของเพลงก็เชิญชวนให้ คนหันมาทานผัก ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ ก่อนที่เขาจะมาเอาคืน เราในไม่ช้า
การแสดงชุดที่ 3 สังข์ทองตอน รจนาเลือกคู่
     การแสดงชุดนี้ นำทีมโดย พี่โฆษิตรับบทเจ้าเงาะ และ น้องเบสรับบท รจนา นักแสดงชุดนี้ก็ หลายท่าน เครื่องแต่งกายก็ ครบเครื่องสวยงามเหมือนหลุดมาจาก หนัง จักรๆ วงศ์ๆ เนื้อหาก็สอดแทรกธรรมทาน และ วัตถุมงคลบ้านสวน รหัสอ.อุบลช่วยด้วย ผสมกับมุขฮา ท่าเต้น ดูแล้วเพลิน และได้สาระดีครับ
กิจกรรม workshop วันเสาร์
     กิจกรรม workshop ให้ทุกคนช่วยกัน รวมพลัง แสดงความคิดเห็น โดยหัวเรื่องของแต่ละกลุ่มก็แตกต่้่างกัน เช่น เราจะทำอย่างไรเมื่อมีผู้จาบจ้วง ล่วงเกิน 3 สถาบัน ส่วนตัวชอบกิจกรรมนี้มากครับ เพราะ ได้รับความคิดเห็นในแต่ละมุมมองของแต่ละคน ได้รวมพลังสามัคคีกัน
ธรรมทาน
     ให้ทุกคนเริ่มสวดคาถามบูชา พระศรีอาริย์ วันละ 99 จบ ต่ิอเนื่องกัน 9 วัน จะสวดในใจก็ได้ ออกเสียงก็ได้ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ทำได้หมด ยิ่งตอนนอนก็ ภาวนาจนหลับไปเลยยิ่งดีเพราะการสวดจนหลับก็ถือว่า จิตอยู่ในฌาณ
คาถาบูชาพระศรีอาริบ์
เมตตานะ ศรีอาริยะเมตโต
พุทธานะมะ สันติเกโล อนาคามิ สาธุ สาธุ สาธุ
ปาฏิหาริย์ จี้องค์เทพสฟิงค์
     หลังจากที่กิจกรรมตรงเวทีจบลง พวกเราก็มานั่งรับฟังธรรมทานจากท่านอาจารย์อุบลต่อ และก็มีมันปิ้งทานไปด้วย อากาศบริเวณสวนใหม่นี่เย็นสบาย ร่มรื่นมากครับ แต่ละคนก็ ออกมาเล่าธรรมทาน แต่ที่คนให้ความสนใจมากๆ คือ เรื่อง จี้องค์เทพสฟิงค์ จากน้องชิม ตอนที่พัสดุมาส่งที่้บ้าน ซึ่งมีจี้อยู่ในกล่องพัสดุ 11 องค์เพราะ เพื่อนคุณชิมได้ฝากบูชาด้วย หลังจากที่พัสดุมาถึงลูกค้าก็เข้าร้านไม่หยุด ทั้งๆ ที่ ร้านน้องชิมเป็นร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือ ไม่ใช่ของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทำเอาคุณชิมประหลาดใจและึึคิดว่าต้องเป็นเพราะ จี้องค์เทพสฟิงค์แน่ๆ
     และำพี่แมวก็ได้ออกมาเล่าธรรมทานเรื่องจี้เหมือนกัน คือ คุณป้าสมจิตจากชลบุรี โทรมาถามว่า จี้ต้องใส่กี่องค์ ซึ่งป้าำได้บูชาไป 3 องค์ แล้วก็ใส่ทั้ง 3 องค์เลย หลังจากที่สวมแล้วก็นั่งสมาธิตามปรกติ และก็สงสัยว่า จักรวาลคืออะไร หลังจากนั้นก็นั่งสมาธิก็ได้คำตอบ ได้เห็นเหมือนคนที่เขาฝึกมโนมยิทธิทั้งๆ ที่ป้าเองไม่เคยฝึกมาก่อน เมื่อคุณทราบข้อมูลจากพี่แมวก่อนหน้านี้จึงได้ไปบูชาจี้ จำนวน 9 องค์
     ท่านอาจารย์อุบลก็ลองให้ทุกคนได้ลองอานุำภาพซึ่งแต่ละคนที่ใส่นั้นก็ หายป่วยโดยแตกต่างกันไป โดยที่พวกเราก็นับเลขตามไปด้วย และทุกคนที่มีอาการป่วยก็ได้พบปาฎิหาริย์
     แต่ที่ประทับใจมากๆ ก็มี 2 คนคือป้าพรที่หูตึงต้องใช้เครื่องช่วยฟังตลอด อาการได้ยินชัดขึ้นมาก เห็นป้าพรดีใจทั้งน้ำตาเลย อีกคนก็คือ พี่ลืนมีอาการเดินขาแกว่ง เดินไม่ตรงมาตั้งแต่เกิด ใส่แล้วก็เดินไปเดินมา ไม่กี่รอบ ก็กลับมาเดินขาตรง หลังจากนั้น พี่ลินกับ อ.ณี ก็ดีใจกอดกันยกใหญ่ เห็นแล้วก็มีความสุขกับทุกๆท่านด้วยครับ หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
     ก็เป็นความรู้ใหม่ครับ ว่าจำนวนของจี้ มีผลเหมือนกัน เลยได้ทราบว่า ยิ่งพวกเราอยู่กันหลายๆ คน มีจิตเมตตาอยากให้คนที่เรารักษาหาย ช่วยกันหลายๆ คนก็ทำให้เกิดพลังมากขึ้นได้
จบกิจกรรมวันเสาร์
(เดี๋ยวมาเล่าต่อของวันอาทิตย์ครับ)
ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 16:58:59


ความคิดเห็นที่ 453 (1633088)

 กราบเรียนท่านอาจารย์อุบลที่เคารพรัก

 

สืบเนื่องจากเวิร์คชอบของค่าย 13 หัวข้อที่ได้รับคือ ถ้ามีใครมาปรามาส ล่วงเกินบุคคลที่ทำคุณงามความดี และผู้ทรงศีลทรงธรรมตัวอย่างเช่น ท่านอาจารย์ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา และท่านว.วชิรเมธี ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เราจะทำอย่างไร

 

จากการระดมความคิด และพลังสมองจากสมาชิกประมาณ 30 กว่าท่านในกลุ่มสุดท้ายรวมฮิต (กลุ่มที่น้องขวัญกรุณาไปเป็นตัวแทนบนเวทีในหัวข้อของวันอาทิตย์น่ะค่ะ) เราสามารถประมวล และสรุปคำตอบแบ่งเป็น 2 แนวทางเป็นดังต่อไปนี้คือ

ทางเวบไซต์

1.  1. อย่าส่งต่อ อย่าสนใจ แต่ให้ลบทิ้งทันที เพราะจะเข้าทาง และเป็นการตอบสนองถูกต้องตามจุดประสงค์ของผู้ส่ง ไม่ลืมที่จะบอกผู้คนรอบ เพื่อนๆในโซเชียลมีเดียที่เราใช้อยู่ให้เขาได้ทราบจะได้ไม่หลงกลตกเป็นเหยื่อ

2.  2. ถ้าเป็นเฟสบุ้คก็เข้าไปเพื่อจะกด Report page ให้ทางทางแอดมินเพจลบ ซึ่งทำได้ถี่ที่สุดคือทุกๆ 6 ชั่วโมง อย่าหลงไปอ่านอาจทำให้เราจิตตก และเป็นอัปมงคลแก่โสต

3. 3.  ช่วยกันรายงานไปที่ ฝ่ายรับร้องเรียนของกระทรวง ไอซีที ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ได้ผล แต่ก็ยังถือเป็นการบันทึกเป็นทางราชการ อาจเป็นผลดีเข้าสักวันหนึ่งที่ถ้าทางราชการปรับปรุงนโยบาย และกลยุทธการทำงาน

4.  4. งดเว้นคำหยาบ ถ้าโอกาสอำนวย อาจตอบแบบเชือดนิ่มๆ แต่ลึกซึ้ง ให้เค้ารู้สึกว่าเค้ากำลังแสดงความโง่เขลาเบาปัญญา ถ้าขอมูลไม่ปึ้ก เค้าตอบโต้ไม่ได้เค้าจะแป้ก และอายหยุดไปเอง เพราะการด่าทอ และคำหยาบไม่ใชแนวทางที่เราถนัดเชี่ยวชาญเราก็อาจเพลี่ยงพล้ำ จนมุมให้เค้าฮึกเหิมเข้าทางเค้าอีก แต่อาจยกตัวอย่างหากเราเคยผิดพลาดมาก่อน และต้องทนทุกข์ทรมานกับผลกรรมนั้น เป็นการบอกล่วงหน้าว่าเค้าก็จะประสบเคราะห็เฉกเข่นเดียวกัน

5.  5. ลองแชร์ข้อมูลความจริงสวนกลับไป แบบตีปิงปอง ให้พวกเค้าลองพิจารณาดู หากเค้าไม่เลวโดยเนื้อแท้ อาจพอแก้ไขได้ คิดซะว่าทำบูญทำทานผู้ยากไร้

6.  6. แผ่เมตตา และ เบิกบุญให้เทวดาที่รักกษาตัวเขากำราบเอง

 

ในกรณีโดยวาจาปัจจุบันทันด่วน

 

1.ถามกลับว่าถึงแหล่งของข้อมูล เชื่อถือได้แค่ไหน มีหลักฐานแสดงหรือไม่ ลำเอียงหรือไม่ อย่างไร

2. ถามกลับอีกว่า ด้วยคุณงามความดีที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนในสี่อสาธารณะที่มีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมต่างๆนี้คุณคนที่ว่า เคยสร้างได้บ้างหรือไม่ ถ้าได้ เท่าซักครึ่งของท่านนั้นหรือมากกว่าหรือไม่อย่างไร

3. ถ้ามีเวลา อาจลองฟังข้อมูลทั้งหมดที่เค้าทราบ อันไหนที่แก้ไขให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ประกอบหลักฐานที่สนับสนุนได้ก็ทำเลย

4. ลองถามเขากลับไปว่า เอ... บุคคลท่านนั้นได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้คุณหรือ (เผื่อมี ) หรือว่าคุณจะอิจฉาในข้อดีเด่นของเขา

5.ใช้ความจริงใจ และด้วยความเมตตา ลองให้ธรรมทาน/ประสปการณ์ตรงที่กรณีใกล้เคียง และเตือนให้ระวังตัวให้ดี ให้เตรียมพร้อมเถิด อีกไม่นานจะไม่ตัวเขาหรือคนที่เค้ารัก และหรือบุพการี ก็จะได้รับผลกรรมใกล้เคียงกันแน่นอน ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม ถ้าไม่อยากเจอก็ยุติการกระทำนั้นทันที

7.บอกเค้าว่าเวลาของมนุษย์นั้นมันสั้นนัก อย่ามัวเสียเวลาไปสร้างกรรมใหม่ ลำพังกรรมเก่ายังทุกข์ ยังเจ็บ ยังจน ยังหายนะไม่พอหรือ ลองยกคำที่ท่านอาจารย์อุบลสอน อย่ามัวเสียเวลาสนใจจริยาผู้อื่น อย่ามัวเพ่งโทษผู้อื่น ให้เอาเวลาที่มีอยู่นอนนิด หมั่นสร้างความดี และให้หมั่นจับผิดตัวเองบ่อยๆ เพื่อจะได้ปรับปรุง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นๆ

 

พวกเราได้ยกตัวอย่างจริงที่สมาชิกในกลุ่มได้ประสบพบจริงมาลองตอบดังต่อไปนี้ค่ะ

 

1.  1.  ไปขอ ของดีคือชานหมากจากสมมุติสงฆ์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง แล้วท่านไม่ให้ เลยเอาท่านมาด่าประจานลับหลัง

ตอบ ขึ้นชื่อว่าของดี ถ้าคุณอยากได้ก็ต้องพิสูจน์ว่าคุณดีพอ เช่นมีศีลครบไม๊ จริยาดีมั้ย ท่านไม่ให้ ท่านคงรู้ว่าคุณยังไม่ดีพอ คุณก็รีบปรับปรุงตัวเองให้ดีในฉับพลันทันทีสิ เดี๋ยวท่านก็เมตตาคุณเองแหละ เอาท่านมานินทาอย่างนี้ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ท่านคงประเมินจริยาคุณออกก็เลยไม่ให้นะสิ

 

2.  2.  ดร. ท...เนี่ย เยนสติเฟื่อง อ้างว่าติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้

ตอบ   รูปถ่ายหลักฐานเค้ามี คุณนี่ไปอยู่หลังเขาไหนมาออกสื่อก็มี รายการวู้ดดี้ ช่องมิราเคิลแชนแนลก็มีเคยดูหรือเปล่า ไปดูซะก่อนแลัวค่อยมาพูด โดนแย้งกลับจะอายเค้าเปล่าๆ อย่าพูดจามั่วๆนะบาปปากตัวเองด้วย ท่านเป็นคุณหมอ เรียนจบจากที่ไหนรู้มั้ย ที่เดียวกับพระชนกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยทำงานที่ไหน มีคุณวุฒิสูงขนาดนี้คงไม่ว่างพอที่จะให้ข้อมูลอะไรที่ ไม่มีมูล ลองเชื่อท่านดูก็ไม่เสียตังค์นี่นา น่าจะคิดขอบคุณที่ท่านมีจิตเมตตาเตือนเรากว่านะ

 

3.  3.  ดร. ก...คนนี้อีก ทำงานถึงนาซ่า แต่ดันมากล่าวหาเลื่อนลอยว่าเขื่อนเมืองกาญจน์จะแตก เพ้อเจ้อสร้างความแตกตื่นทำไม

ตอบ แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่แตก  เคยศึกษาดูแผนที่รอยเลื่อนหลักฐานความเสี่ยงที่กรมธรณีวิทยาทำไว้มั้ย  คุณว่าบุคคลที่มีต้นทุนสังคมสูงๆอย่างนี้ เขาจะได้ทรัพย์ หรือประโยชน์จากใครหรือไม่  รู้มั้ยแม้แต่นาซ่าเองก็เคยออกประกาศคำเตือนภัยพิบัติที่รวมเรื่องแผ่นดินไหว แผ่นดินกลืนกันทั่วโลกรวมทั้งไทยลักษณะนี้ แต่เป็นการภายในเท่านั้น มีทั้งเป็นเอกสาร ทั้งคลิบ ลองไปหาดูเอาบ้างนะจะได้ทันเขา ไม่ตกข่าว และรู้จักเตรียมตัว โชคดีแค่ไหนที่เขามี่จิตเมตตา สงสารมาเตือน น่าจะดีใจขอบคุณเค้ามากกว่านะ

 

บันทึกโดยคุณตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์

 

ประมาณนี้ค่ะท่านอาจารย์อุบล โปรดพิจารณาด้วยเจ้าค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาจินต์ ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 17:50:11


ความคิดเห็นที่ 454 (1633095)

กราบสวัสดี ท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล ที่เคารพรัก และศรัทธายิ่งค่ะ

  ขอขอบคุณทุกธรรมทาน ทุกท่านที่เข้าค่าย 13 ได้เขียนธรรมทานละเอียด ทำให้ ได้รับธรรมความรู้ไปด้วย  เพื่อมาพัฒนาตนเอง ทำดี และช่วยเหลือผู้อื่นลูกสวดมนต์ได้เพราะเวปบ้านสวน โดยตั้งใจสวดบูชา 9 จบ ก่อนอ่านธรรมทาน และจะสวดตามที่ท่าน อ.อุบล สอน  ซึ่งปัจจุบันลูกบ้านสวนเขียนธรรมทานได้โดยอัตโนมัติ เพราะเป็นเรื่องของตนเอง ทำมากับมือ และจากการพร่ำสอน กระตุ้นเตือนจากท่าน อ.อุบล โดยท่านเข้ามาสอนธรรมและทักทายกับทุกคนสม่ำเสมอทุกวัน  พร้อมทั้งคุณชนิดา คุณธนา และอีกหลายท่านที่เขียนให้คำแนะนำ ทักทายให้กำลังใจทุกคน ต้องขอขอบพระคุณทุกท่าน ขอบคุณมากค่ะ 

                                                         

ผู้แสดงความคิดเห็น สุระณี สิริมานุวัฒน์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 18:46:08


ความคิดเห็นที่ 455 (1633099)

กราบท่านอ.อุบลที่เคารพที่เมตตาให้ลูกได้เข้าค่ายนี้

               กขอรายงานสรุปค่ายที่13  ในส่วนที่ลูกจำความได้นะคะ

            วันที่ 6  ต.ค.55  เวลา 6.30- 7.30  น  ออกกำลังกาย  (เป็นการให้แต่ละคนคิดท่าออกกำลังกาย) โดยมีคุณธนาเป็นหัวหน้าทีม

         เวลาจำไม่ได้             -  ลงแปลงเกษร  /ทานอาหาร

                                      ท่านอ.เปิดค่าย (สาระสำคัญใครจำได้บอกด้วยค่ะ)    หลังจากนั้น ทำบุญด้วยแรงกายโดยการสร้างวิหาร    /ทานข้าว    

            เย็น หลังอาหาร    1) ท่านอ.อุบล จัดกิจกรรมวิธีใหม่

                                         โดยการ กิจกรรมบนเวที

                                   2)รูปแบบใหม่จัด ทำWorkshop  แบ่งเป็นกลุ่มย่อย ประมาณ 15 คนต่อหนึ่งกลุ่มยกเว้นกลุ่มสุดท้ายที่มีมากกว่ากลุ่มอื่น และมีหัวหน้ากลุ่มเพื่อนำเสนอ และทีมงานได้มีการเปิดหนังเกี่ยวกับภัยภิบัติ เช่นหนังเรื่อง 1212  เพื่อทำให้ทุกคนเตรียมพร้อมทั้งกายและใจกับเหตุการณ์เมื่อเกิดกับเราในอนาคต  หลังจากนั้นก็แจกคำถามแต่ละกลุ่มซึ่งก็จะไม่เหมือนกันทั้งนี้ก็จะประกอบไปด้วยลักษณะคำถามวิธีการปกป้อง คุ้มครองร่ม 3  โพธิ์ศรีซึ่งประกอบด้วย ชาติ  ศาสนา และพระมหกษัตริย์ พวกเราจะมีวิธีการอย่างไรปกป้องคุ้มครอง  ร่ม 3  โพธิ์ศรีนี้

              ระหว่าง workshop  ท่านอ.อุบลได้ย้ายที่ workshop สถานที่ไปเป็นสวนซึ่งสวยมากขอเรียกว่าสวยสวรรค์มีอากาศสบายจนถึงเย็นเมื่อเปรียมเทียบกับห้องประชุม  ณ ที่แห่งนี้จะมีการย่างมัน   ย่างฟักทอง และอื่น ๆ ทำให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมจะได้ความรู้และท้องอิ่ม....... ที่สุด ท่านอก็.มีเมตตาต่อลูก ๆๆๆเสมอคือมีน้องชาย(ขอโทษจำชื่อไม่ได้)  ได้มีองค์สฟิงส์คล้องที่คอถึง  9  องค์แต่ตัวเองก็เจ็บขา ท่านอ.อุบลก็เมตตาช่วยเหลือให้หาย  และก็บังเอิญมีเหตุการณ์หนึ่งที่ท่าอ.อุบลได้ยินคุณแมวเล่าว่าคุณสมจิตที่อยูจังหวัดชลบุรีได้สั่งซื้อองค์สฟิงค์จากคนแมว 3 องค์แล้วได้นำไปใช้ขณะทำสมาธิและคุณสมจิตได้พบสิ่งอัศจรรย์กับตัวเองว่าในชีวิตนี้ไม่เคยทำสมาธิได้เลยแต่เมื่อมีองค์สฟิงค์แล้วสามารถขอในสิ่งที่ปรารถนาคือขอให้ได้เห็นจักวาลเมื่อนั่งสมาธิคุณสมจิตได้เห็นแสงสว่างและได้เห็นจักวาลตามปราถนา         และแล้วท่านอ.อุบลก็ได้เมตตาให้น้องที่มีองค์สฟิงค์ 9 องค์ทดลองกับผู้ปรารถนาจะหายจากเจ็บป่วยป้าปุ๊จากอ.โพธาราม จ.ราชบุรี ใช้บริการทันที่ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกบ้านสวนนั่งลุ้นกันตลอด   เพราะทุกคนหายจากอาการเจ็บทุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆได้รับเมตตาตลอดและที่น่าอัศจรรย์ดทำให้ทุกคนทึกก็คือคุณรินลูกสาวท่านอ.พันธ์ซึ่งมีขาบิดทำให้เดินเหมือมคนขาไม่เท่ากัน............เมื่อคุณรินมาสวมสร้อยองค์สฟิงค์ที่มีถึง 9  องค์..............แฮ่...........ลุ้นใช่มั๊ยทุกคนไชโย.....คุณรินเดินได้เป็นปกติ..............ตื้นตันใจแทนคุณริน..........ทุกคนกล่าวคำว่าสาธุ  สาธุ  สาธุ.............ยังไม่พอทุกคนคงรุู้จักป้าพรพี่สาวหรือน้องสาวป้าเตือนจำไม่( ขอโทษค่ะ)  ได้เข้ามาลอง................ลุ้น............ผลป้าพรได้ยินแล้วค่ะ...............ทุกยินดีอนุโมทนากับป้าพรค่ะ          สาธุ  สาธุ  สาธุ    ท้ายสุดท่านอ.อุบลได้เมตตาถ่ายภาพหมู่   ภาพกลุ่ม    และให้ลูกบ้านสวนแสดงความคิดเห็น   ขอจบรายงานวันที่  6                                              

                     ว่าจะจบแต่ขอเกริ่นนิดๆๆ   คือประทับใจมีหนังอยู่สองเรื่องที่ลูกบ้านสวนควรจะได้รู้และ   นำไปพิจารณาว่าเราจะเป็นอะไร

     เรื่องแรกมีสัตว์อยู่ 3  ชนิดคือ ควาย   จรเข้   และสิงห์โต เรื่องมีอยู่ว่าฝูงควายกำลังหากิน     สิงห์โตคอยจ้องลูกควายจนมีควายตัวที่คงอ่อนแอสิงห์โตได้วิ่งไล่ลูกควายตัวหนิ่ึึงจนไปตกน้ำจรเข้ก็เข้างับขาควายจึงเกิดการแย่งชิงกันระหว่างสิงห์โต 6-7 ตัวกับหนึ่งจรเข้จู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆฝูงควายมากมายก็เข้ามาเพื่อช่วยลูกควายและมีควายอยู่หนึ่งตัวเข้าไปไล่ชนสิงห์โตจนสิงห์โตกระเจิงบางตัวถึงกับถูกควายถีบลอยขึ้นฟ้า............ท่าน.อ..ได้ถามว่า.ในฐานะลูกบ้านสวนใครจะเป็นสัตว์อะไร................ขอตอบขอเป็นควาย .........แล้วท่านจะเป็นควายตัวไหน........แล้วท่านจะมีวิธีการปัญญาปกป้องร่ม 3 โพธิ์ศรีอย่างไหร่........

                    วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะเพื่อนๆๆๆๆๆๆๆเมื่ออ่านแล้วช่วยเกาหน่อยนะคะขอบคุณค่ะ

                                  กราบท่านอ.อุบลด้วยความเคราพ

                                        ด.ญนิดหน่อย

ผู้แสดงความคิดเห็น วัณณิตา นันตะโรหิต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 18:59:56


ความคิดเห็นที่ 456 (1633100)

 เช้าวันเสาร์ที่ ๖ คุลาคม  ค่าย ๑๓

การปรับเปลี่ยนเพื่อการเตรียมรับภัยพิบัติ

ผมให้ชื่อว่าอย่างนี้แหละครับหลังจากการเข้าค่ายได้เสร็จสิ้นลง

เมื่อตอนค่ำของวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม

เลข ๑๓ ในความเชื่อของตะวันตกถือว่าเป็นเลขไม่เป็นมงคล

แต่ของบ้านสวนฯ ผมถือว่าเป็นเลขมงคล

เพื่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เห็นได้ชัดถึงการเปลี่ยนแปลง

ท่านอาจารย์อุบลได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของการเข้าค่าย

ให้มีรูปแบบที่แตกต่างจากการเข้าค่ายของบ้านสวนฯที่ผ่านมา

เริ่มจากการสภาพแวดล้อมในบ้านสวนฯ

ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เกิดการใช้งานได้เต็มพื้นที่มากขึ้น

พื้นที่หน้าห้องน้ำถูกปรับเปลี่ยนจากกระท่อมที่นอนของไก่อู

มาเป็นที่พักขนาดสามห้องนอนของคน

แต่ไก่อูเค้าก็ยังมีที่นอนอยู่นะครับ

และกองดินที่กองอยู่หน้าห้องน้ำก็ถูกเคลียร์พื้นที่เป็นลานกิจกรรม

ใต้ต้นไม้ทุกต้นมีการนำรางน้ำซิเมนต์

และฝาครอบมาปรับเปลี่ยนเป็นที่นั่งสำหรับพักผ่อนและพูดคุย

ที่ต้นไม้จะแขวนกระจาดผลไม้หลากหลายชนิดให้หยิบทานได้

เหมือนต้นกัลปพฤกษ์ในยุคพระศรีอาริย์

เมื่อคืนวันเสาร์ก็ใช้เป็นลานบาบีคิว ทำมันเผา

ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายไร้ฝน

บริเวณโรงทานเดิมตอนนี้มีการขุดหลุมเพื่อลงฐานรากใหม่

สำหรับสร้างอาคารมีตัวช่วยใหม่คือ

ไดโนเสาร์จอมขุดควบคุมโดยลุงเบิ้ม

ผู้มีประสบการณ์เครื่องจักรหนักทุกชนิด

ตัวช่วยที่สองคือตัวเขมือบ หิน ทรายและปูนตัวจริง 

ถูกรื้อออกมาแล้วเปลี่ยนมอเตอร์เพื่อช่วยในการผสมปูน

คนตักปูนตักกันแทบไม่ทันเลยแหละครับ 

การผสมแต่ละครั้งป้าอุ๊คนสวยเราบอกว่าได้ประมาณครั้งละ ๑๕๒ ถัง

สายพานมนุษย์ก็แทบจะไม่ได้หยุดพักเพราะเครื่องมันไม่ยอมเหนื่อย 

คุณอมรครับขอหยุดพักหายใจหน่อย

ท่องคาถาพระศรีอาริย์ไปไม่รู้กี่จบแล้วจำไม่ได้  หายใจไม่ทัน

อาจารย์อุบลบอกว่าควรจะท่องให้ได้วันละ ๙๙ จบทุกวัน 

หรือจะท่องกันไปจนหลับไปเลยก็ได้นะครับไม่ว่ากัน

แต่ทุกคนก็ขะมักขะเม่นกันไม่มีบ่นสักคำ 

ตั้งหน้าตั้งตาใช้แรงกายสร้างบุญกันจนลืมเหนื่อยลืมหิว

นี่แหละลูกบ้านสวนหละคูโบต้ายังอายเลยครับ

ห้องน้ำเดิมก็เปลี่ยนหลังคาจากหญ้าคา

มาเป็นกระเบื้องที่แข็งแรงทนทานเรียบร้อย

เพื่อความสะดวกและเพิ่มพื้นที่การใช้งานได้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังตกแต่งสวยงามด้วยดอกไม้นานาพันธุ์

สิงห์สาราสัตว์ยกขบวนกันมายืนโชว์เต๊ะท่ากัน

มีเสียงน้ำตกมาช่วยสร้างบรรยากาศและขับเคลื่อนพลังศักดิ์สิทธ์

และสร้างความสดชื่นภายในบ้านสวนฯ

เห็มมั๊ยครับว่ามีการปรับเปลี่ยนกันแยะเยอะ

ในส่วนของสภาพแวดล้อมภายในบ้านสวนพีระมิด

เนรมิตให้เป็นสวนทิพย์ที่ร่มรื่นและอบอุ่น

แล้วจะกลับมาเขียนต่อครับ  ขอบรรยายบรรยากาศโดยรวมก่อน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชัย ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 19:05:14


ความคิดเห็นที่ 457 (1633102)

 หลังจากลุ้นอย่างตื่นเต้นในที่สุดก็ได้ไปค่าย 13 ค่ะ 

        การมาบ้านสวนในครั้งนี้รู้สึกตกตะลึงมากๆเลยค่ะ  เพราะบ้านสวนเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆๆ ตั้งแต่ความสวยงามของสวนน้ำตกทางเข้าที่สวยงามมากๆ ตกแต่งด้วยดอกไม้ และฝูงเหล่าสัตว์ต่างๆ โรงทานเก่าก็รื้อไปแล้ว โรงทานอาคาร 3 ชั้นหลังใหม่ก็เป็นระเบียบสวยงาม  บริเวณหน้าธรรมจักร และหน้าบ้านท่านอาจารย์ก็มีตกแต่งด้วยน้ำตก และกวาง สุนัข สัตว์น้อยใหญ่ที่สวยงามมากๆ 

        ที่ตื่นตาที่สุดก็คือ บริเวณหน้าพีระมิด องค์ใหญ่ ด้านหน้าที่เมื่อก่อนเป็นกองดินสูง  ดูไม่ค่อยเพลิดเพลินสายตา  ตอนนี้ได้กลายเป็นสวรรค์บนดินไปแล้วค่ะ ทั้งม้านั่ง ต้นไม้ ที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้ ลิงน้อยโหนต้นไม้ กล้วยไม้ที่ติดตกแต่งต้นไม้  ซีเมนที่วางไว้เฉยก็เปลี่ยนเป็นม้านั่งล้อมรอบต้นไม้สวยงาม มีกวางน้อยและพืชผักสวนครัวตกแต่งอาคารที่พักหน้าห้องน้ำ พื้นก็ปูด้วยกระเบื้องสีส้มอิฐ  ต้นไม้ก็มีกระเช้าสำหรับใส่อาหารให้เรารับประทานได้  สวยงาม สดชื่น เย็นสบาย ให้ความรู้สึกมีความสุขจริงๆเหมือนได้อยู่นิพพานบนดินจริงๆค่ะ

        ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์อุบล และทุกท่านที่ได้เนรมิตบริเวณนี้ให้เป็นนิพพานบนดินด้วยค่ะ สาธุ  มิ้มเห็นท่านอาจารย์ดูแลตกแต่ง  ทุกอย่างด้วยตัวท่านเอง มาตรวจดูอาคารที่ลูกบ้านสวนจะนอนพัก  นำการบูรมาโปรยให้หอม ป้องกันยุงแมลงให้กับลูกๆ  เห็นแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจ ให้ความเมตตา ความเอาใจใส่ ให้ความเป็นกันเอง เสมือนแม่ที่ดูแลลูกทุกคนจริงๆค่ะ ทั้งที่ท่านอาจารย์สูงส่งแต่ท่านก็ให้ความรัก ความเมตตาเป็นกันเองเหมือนเราเป็นลูกแท้ของท่านจริงๆๆ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อีกครั้งค่ะ

        กลางคืนวันศุกร์เข้านอนประมาณตีหนึ่ง นอนไปได้ซักพักหนึ่ง  ก็รู้สึกว่ามีมดเข้ามาในเสื้อผ้าใต่ตามตัว เหมือนมดกัดแต่ก็ไม่ได้กัด มิ้มก็แผ่เมตตาให้ จับเค้าออกแต่ก็ยังมี ก็เลยมองไปด้านนอก ( มิ้มนอนพีระมิดองค์ใหญ่สีเหลืองค่ะ ) ก็เห็นลุงเบิ้ม และผู้คนคึกคัก เหมือนพูดคุยกัน มีความสุข ดูสว่างมาก  มิ้มก็คิดว่าคงเช้าแล้วก็เลยเดินถือสบู่ผ้าขนหนูจะไปอาบน้ำแล้วจะได้ไปร่วมบุญ  ก็ไปเจอพี่แมว  บอกพี่แมวว่าจะมาอาบน้ำเช้าแล้ว  พี่แมวบอกว่านี่ตี 3 มิ้มก็แปลกใจ มิ้มก็เลยหันกลับไปมองที่มิ้มเห็นคนเยอะแยะก็ไม่มีคน  ก็พึ่งจะเข้าใจว่าคงเป็นเหล่าเทวดาที่ท่านมาพูดคุยกัน เพราะบริเวณนี้สวยงาม มีกลิ่นหอม และยังมีพีระมิดองค์ใหญ่จึงดึงดูดพลังงานดีๆต่างๆมามาก

        แค่มาคืนแรกวันศุกร์ก็อัศจรรย์แล้วค่ะ ( เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ )

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 19:14:28


ความคิดเห็นที่ 458 (1633107)

 ผมได้เข้าบ้านสวนวันที่ 5 แปลกตาแปลกใจเปลี่ยนแปลงไปมาก

 เห็นลุงบุญกับโป็กลูกชาย กำลังนำรองปูนมาทำที่นั่งรอบต้นไม้

 ลุงบุญขยับรองปูนตัวใหญ่โยกไปมาเพื่อให้เข้าที่ ขยับทีเดียวเข้าเลย

 ผมลองขยับบ้าง แหมนึกว่าง่ายไปตามแรงมือ ที่ใหนได้หนักไม่ใช่เล่น

 มันมีเทคนิคนิดหน่อย ที่ลุงบุญบอก ของหนักแบบนี้ต้องอาศัย

แรงหมุนที่เสียดทานพื้นน้อยที่สุด

คือจังหวะโยกและเลื่อนให้สำพันกัน

 เห็นหลุมที่วางตอหม้อ 20 กว่าหลุม ลุงบุญบอกต้องเทพื้นให้ได้มากที่สุด

ก่อนที่ฝนจะตก

ผมถามว่าเทหนาเท่าไรแกบอกว่าสัก 20 ซ.ม คำนวญกันเลยใช้ปูนกี่ลูกต่อหลุม

รถผสมปูน ผสมครั้งละ ปูน 1ลูก / หิน 10 บุ้งกี๋ / ทราย 8 บุ้งกี๋ / น้ำ 3 ถัง

ลุงเบิ้มบอกว่าถ้าจะเทให้ได้มาก ก็เทใส่บุ้งกี๋รถแบ็คโค ใวมาก สรุปตามนี้

เริ่มเทหินก่อน 5 บุ้งกี๋ ตามด้วย ปูน จ่ายไฟเข้าเครื่อง

เครื่องผสมหมุนดูว่าหินกับปูนเข้ากันดี

ใส่น้ำ 2 ถัง ตามด้วยทราย 8 บุ้งกี๋ และหินอีก 5 บุ้งกี๋ เติมน้ำไปอีกถัง

ปล่อยให้หมุนอีกหน่อย

นำรถแบ็คโคมารับปูนไปเท ได้หลุมละ 3 บุ้งกี๋รถแบ็คโค  7 หลุมใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ

 ที่เหลือรถยื่นแขนไม่ถึง เลยใช้สายพานคนลำเลียงแทน 

    เหล็กเส้น 4 หุนที่มาผูกทำคาน ซื้อมาเขาจะงอครึ่งเพื่อขนส่งสะดวก

ลุงบุญบอกจะดัดส่วนที่งอให้ง่ายให้นำมาดึงก่อนแบบดึงให้ตึงนะ

แล้วจับเหล็กให้ส่วนที่งอตั้งขึ้น ช่วยกันกดให้เตี้ยลง เพื่อนำเหล็กมาดัดจะง่ายและเร็ว

ส่วนการก่ออิฐบล็อกเพื่อทำเป็นแบบเสาให้ใส่เหล็กดัดตัว C ระหว่างก้อนช่วง

ปลายชนกันเป็นมุมฉาก เพื่อกันล้มหรือเบนออก ทำให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

   ข้อมูลเบื้องต้นก่อสร้างในยุคใหม่

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 19:31:17


ความคิดเห็นที่ 459 (1633112)

 กิจกรรมใช้แรงกายในวันเสาร์

กิจกรรมแรกในเช้าวันเสาร์ เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายเพื่อรับพลังปราณ มโนธาตุ อากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอด  และพวกเราก็ได้ไปถางหญ้าทำร่องน้ำให้กับต้นเผือก  โดยอาจารย์พันท่านบอกว่านำดินกลบเผือกจะได้หัวใหญ่ๆ  ตอนเช้าแม่ครัวแสนสวยใจบุญคุณอัมและคณะได้ทำก๋วยจั๊บเจให้พวกเราทาน  อร่อยมากๆๆค่ะ สลัดผัก ขนม ผลไม้ ก็เยอะมากที่เหล่าลูกบ้านสวนนำมาร่วมบุญกัน  ขออนุโมทนาทุกท่านด้วยนะคะ สาธุ

ตอนเช้าท่านอาจารย์เปิดงานได้พูดเรื่องอาถรรพ์เลข 13 ซึ่งเป็นเลขแห่งการเปลี่ยนแปลง และพวกเราก็จะมาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ไปในทางที่ดี  ท่านอาจารย์ให้ต่อไปนี้ให้เราภาวนาคาถาบูชาพระศรีอาริย์ เพื่อเตรียมเข้าสู่ยุคของท่าน  โดยภาวนาได้ทุกเวลาที่เราทำกิจกรรมต่างๆอย่างน้อยวันละ 99 จบ ติดต่อกัน 9 วัน ร่างกายของเราจะมีการขับถ่ายสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายด้วยค่ะ

เมตตานะ  ศรีอาริยะเมตโต  พุทธานะมะ

 สันติกาโร  อนาคามิ  สาธุ สาธุ  สาธุ

หลังจากพวกเราก็ได้ร่วมกันใช้แรงกายงานก่อสร้างวิหาร  ก็ภาวนาคาถาบูชาพระศรีอาริย์และทำงานไปด้วยค่ะ  วันนี้อากาศเย็นสบาย ไม่มีแดด มีฝนปรอยลงมาเป็นน้ำมนต์ให้พรเราให้เราสดชื่นในช่วงต้นด้วยค่ะ  พวกเราช่วยกันทำงาน ก่อสร้างเทปูน  มัดเหล็กเพื่อเป็นเสาก่อสร้างกันด้วยความสามัคคี  ทำงานกันไม่ยอมหยุดพักค่ะ  จนพี่ธนาต้องเป่านกหวีดให้หยุดดื่มน้ำ

ในช่วงบ่ายเราก็ร่วมกันก่ออิฐที่หลุมเสาต่างๆ หลังจากนั้นก็ขนเศษกระเบื้องปูน ที่ได้จากการรื้อวิหารหลังเก่ามาถมเสา  โดยน้องบูมลูกชายคนเก่งของลุงเบิ้มเป็นคนควบคุมรถแทรกเตอร์ขนอิฐใส่รถเข็น  ให้ประโยชน์มากมายจากรถแทรกเตอร์ก็วันนี้แหละค่ะ อนุโมทนาก็ความมุ่งมั่น สามัคคีในการร่วมบุญของทุกท่านด้วยนะคะ  สาธุ

เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 19:49:55


ความคิดเห็นที่ 460 (1633117)

อาจารย์อุบลขา มาถึงตรงนี้หนูจึงอยากจะกราบขออนุญาติ เพื่อเขียนเรื่องราวของบ้านสวนพีระมิด ที่หนูได้สัมผัสเป็นหัวข้อการบ้านปิดเทอมด้วยค่ะ  ท่านอาจารย์จะกรุณาอนุญาติไหมคะ คุณครูได้กำหนดความยาวไว้ที่ 50 หน้าค่ะ ถ้าท่านอาจารย์ อนุญาติ หนูจะเขียนให้เสร็จ แล้วส่งให้ท่านพิจารณาก่อนเปิดเทอม แล้วจึงส่งคุณครูค่ะ  หนูขอความกรุณาท่านอาจารย์โปรดพิจารณาด้วยนะคะ 

หนูขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ และ ขอขอบพระคุณเทวดาทุกๆพระองค์ที่รักษาตัวท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

กฤตยวรรณ ภิรมย์รักษ์

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กฤตยวรรณ ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 15:38:23

 

 

โอ้โห

น้องบัวคนสวย

ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ ที่สัญญามาแล้ว

ทำดี ต้องส่งเสริมค่ะ

 

เมื่อหนูเขียนแล้ว

อ.อุบล จะให้คณะกรรมการบ้านสวน

อ่านเรื่องราวของหนู

เพื่อช่วยหนูกลั่นกรองอีกครั้ง

นะจ๊ะคนดี

 

ในที่สุด

น้องบัวก็ลุกขึ้นมาเขียนธรรมทาน

ได้แล้ว ยินดีด้วย นะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 20:07:55


ความคิดเห็นที่ 461 (1633118)

 การแสดงในช่วงกลางคืน  ระดมสมองปกป้องเมื่อมีคนปรามาสสามร่มโพธิ์ศรี

        การแสดงในช่วงกลางคืน  การแสดงชุดแรกนำโดยคุณอัมเป็นการแสดงที่สวยงามมากๆเลยค่ะ เนื้อหาของเพลงก็เป็นกล่าวถึงคุณแม่ทางธรรมของพวกเราผู้เป็นผู้ให้ทุกอย่างกับพวกเรา  ต่อด้วยการเต้นชวนมากินผักมิ้มก็ได้แสดงด้วยค่ะ ใช้เวลาซ้อมกันไม่ถึงชั่วโมงเลยค่ะแต่พวกเราก็ตั้งใจทำกันเต็มที่  และสุดท้ายคือรจนาเลือกคู่ที่สอดแทรกธรรมในบ้านสวนพีระมิด  พร้อมความฮาไปในขณะเดียวกันค่ะ ^__^

        หลังจากการแสดงเสร็จพวกเราก็ได้แบ่งกลุ่มร่วมทำ work shop แรก ก็คือร่วมกันเสนอแนวทางปกป้องเมื่อมีคนมาปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธ์ ในหลวง ท่านอาจารย์อุบล พระอาริยสงฆ์ ดร.อาจอง และผู้ทรงภูมิธรรมต่างๆ  ขอยกแบบอย่างที่น่าชื่นชมก็คือคุณป้าอุ๊ แสนสวยของพวกเรา  ซึ่งใช้วิธีการโพสต์เรื่องราวดีๆ  เพื่อให้ข้อความไม่ดีเหล่านั้นตกไป 

ขอยกตัวอย่างวิธีการพูดปกป้องนะคะ

-          ท่าน...... ไปทำอะไรให้คุณ

-         คุณไปละเมิดท่าน....ทำไม

-         คุณทำได้ดีกว่าท่าน.....หรือเปล่า

-         คุณได้รับผลกระทบอะไรจากการกระทำของท่าน

การที่มีผู้ให้ร้ายปรามาสในหลวง ท่านอาจารย์อุบล พระอาริยสงฆ์ ดร.อาจอง และผู้ทรงภูมิธรรม  ถ้านิ่งเฉยไม่ตอบโต้ก็ถือว่าได้ร่วมโมทนาบาปร่วมปรามาสไปกับกลุ่มคนนั้นๆด้วยค่ะ

การที่ท่านอาจารย์อุบลและป้าอุ๊  นั้นสวยขึ้น  สาวขึ้น  ก็เพราะเป็นผู้มีความกตัญญูปกป้องครูบาอาจารย์  ปกป้อง 3 สถาบัน  ทำให้ได้รับอานิสงส์นี้ค่ะ สาธุ

เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 20:30:56


ความคิดเห็นที่ 462 (1633120)

สำหรับค่าย 13 นี้ 


สิ่งแรกที่ประทับใจ คือ สถานที่บริเวณหน้าองค์พีระมิดองค์ใหญ่

ที่ได้นำกองดินขนาดใหญ่ออกจนโล่งเตียน และถูกปรับแต่งเป็นสถานที่นั่ง โดยนำร่องปูนที่ไว้ทำท่อน้ำมาตกแต่งรอบโคนต้นไม้แต่ละต้น ไม่สังเกตุไม่รู้เลยว่าเป็นท่อน้ำ และม้าหินที่วางไว้ให้ได้นั่งพักผ่อน ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนที่รีสอร์ท ตกดึกอากาศก็หนาวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งต่างจากด้านหน้าเวที ที่ยังอุ่น ๆ ทั้งที่ระยะความห่างกันแค่เล็กน้อย เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ

ช่วงกิจกรรม มีการแสดงนำทีมโดยคุณอัม ที่มารีวิวประกอบเพลงแม่พระผู้ให้ ที่มีความหมายลึกซึ้ง ในชุดลายดอกไม้สีชมพูหวาน ดูสบายตา บวกกับท่าทางที่อ่อนช้อย พร้อมเพรียงกัน แม้จะซ้อมก่อนขึ้นเวทีไม่กี่ชั่วโมง แต่เพราะความตั้งใจของทุกท่าน ทำให้ออกมาดูเหมือนมืออาชีพ สมใจพี่อัมซะทีนะคะ เพราะก้อยมีโอกาสได้ทราบว่า พี่อัมตั้งใจจะ้ทำให้ท่านอาจารย์มานานแล้ว

ต่อด้วยเพลงเชิญมากินผัก ที่มีจังหวะสนุกสนาน น่ารัก ๆ โดยเฉพาะป้าอุ๊ ที่ทำตัวเหมือนรุ่นเดียวกะหลาน ๆ ได้เนียนมาก ๆ

และชุดการแสดงละครสังข์ทองของพี่โฆษิต ที่มีเนื้อหาธรรมทานได้ครบ เช่น การใช้รหัส อ. อุบลช่วยด้วย, การใช้จี้สฟิงค์รักษา และทำให้ต้องหัวเราะกันท้องแข็งกับมุขตลกที่เยอะจริง ๆ

ได้ตื่นเต้นกับกิจกรรม workshop ที่ท่านอาจารย์ได้ให้พวกเราแบ่งทีมกันระดมความคิด 

ก้อยได้ในหัวข้อ "ถ้ามีใครมาปรามาส ล่วงเกินบุคคลที่ทำคุณงามความดี และผู้ทรงศีลทรงธรรม" และก็ได้ช่วยกันสรุปตาม คห. ที่ 454 ที่พี่แหล๋นได้แจ้งไว้ ตอนนั้นรู้สึกว่า ทุกคนตั้งใจแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา มีความกระตือรือร้น และก็ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำงานได้ดีมาก

ช่วงท้าย ๆ รายการ ท่านอาจารย์ได้เลี้ยงบาร์บีคิวมันเผา ฟักทองเผา หอมอร่อยมาก, ร่วมกันถ่ายรูป และพูดคุยถึงความอัศจรรย์ขององค์จี้สฟิงค์ ที่อยู่ในกล่องพัสดุ จำนวน 11 องค์ ที่เพื่อน ๆ ของคุณชิมฝากบูชา ว่าตั้งแต่มีกล่องจี้นี้มาถึงร้านที่ตัวเองเปิดขายอุปกรณ์สำหรับงานฝีมือ เย็บ ปัก ถัก ร้อย ซึ่งไม่ได้จำเป็นในชีวิตประจำวันมากสักเท่าไหร่ แต่มีคนเข้าร้านจนแน่น ไม่ขาดสาย จนลูกน้องไม่มีเวลาพักทานข้าว 

ทำให้คุณชิมรู้สึกว่าต้องเป็นเพราะอนุภาพจากจี้ในกล่องนี้แน่ ๆ 

ประกอบกับพี่แมวก็ได้เล่าถีงคุณป้าที่ชื่อสมจิต ที่ได้โทรสั่งจี้จากพี่แมว จำนวน 3 องค์ และได้ใส่ตอนนั่งฝึกมโนฯ ที่ตนเองได้สงสัยในเรื่องของจักรวาลว่าเป็นยังไง และก็ได้รับคำตอบขึ้นมาเอง
ทั้งที่ยังไม่ได้มโนฯ

คุณชิมจึงบูชาจี้มาใส่เอง จำนวน 9 องค์

ท่านอาจารย์ได้ให้ทุกท่านลองพิสูจน์อนุภาพของจี้ โดยเริ่มจากป้าปุ๊  ที่มีอาการปวดขา เวลาเดินจะโยก ๆ นิด ๆ ก็หายจากอาการปวด และก็เดินได้ปกติทันที

และอีกหลาย ๆ ท่านก็หายจากอาการเจ็บป่วยทันทีเช่นกัน แต่ที่ตะลึงสุด ๆ ก็คืออาการของป้าพร ที่หูไม่ได้ยินมานาน กลับได้ยินท่านอาจารย์พูดชัดขึ้น รู้สึกดีใจกับป้าพรไปด้วย

และก็พี่ลิน ลูกสาวของอ. พันธ์ และแม่นี ที่เท้าบิดเข้าหากันตั้งแต่เด็ก ๆ  เวลาเดินจะคล้ายกับการเดินของเป็ด แต่เมื่ออธิษฐานกับจี้ทั้ง 9 องค์ ขาก็ตรงเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ 

คืนนี้จบด้วยราตรีสวัสดิ์ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนได้หลับแบบมีความสุขมาก ๆ 

และแอบลุ้นกับกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ ว่าจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์พวกอีก...

..พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ...11
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 20:45:01


ความคิดเห็นที่ 463 (1633123)

 

ธรรมทานจากการเข้าค่าย 13 วันที่ 6-7/10/55
        ไปถึงบ้านสวนเช้าวันศุกร์ที่ 5 เพื่อช่วยท่าน อ.เตรียมงาน เพราะจำได้ว่าเวลาที่จัดงานเข้าค่าย หรืองานในบ้านสวน ช่วงก่อนเตรียมงาน และหลังเลิกงานจะเป็นงานที่หนักกว่าวันงาน มีรายการบุญให้ทำเยอะมากๆ มีโอกาสได้ไปช่วยปูกระเบื้องที่หน้าองค์พีระมิดหลังใหญ่ กับคุณแม่เตือน และน้าพร แทบไม่น่าเชื่อว่าบ้านสวนสวยยังกะแดนสนธยา ดอกไม้นานาพรรณ สิงห์สาราสัตว์ เป็นธรรมชาติมากๆ ช่วยให้ผู้คนที่เข้าไปหลุดโลกยุ่งๆ ได้ดีทีเดียว อดนึกไม่ได้ว่าท่าน อ.อุบลได้เตรียมการเพื่อบำบัดจิตใจของผู้ที่จะต้องเจอวันเกิดภัยพิบัติในเวลาอันใกล้นี้หรือเปล่าหนอ วันข้างหน้าบ้านสวนคงต้องเป็นศูนย์พักพิงของคนที่เดือนร้อนจากภัยพิบัติ และช่วยเหลือผู้คนที่เดือนร้อนเป็นอย่างมาก คงต้องเยียวยาจิตใจขนานใหญ่ โดยใช้ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นโอสถ
        พอบ่ายๆ ก็ได้ช่วยกันเทปูนเสาถึง 16 หลุม เหลืออีก 6 หลุมให้คนที่มาในวันที่ 7 ได้บุญบ้าง เลยหยุดก่อน กับจำนวนคนไม่ถึง 20 คน  ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ เสร็จลุล่วงได้ดีเพราะมีท่านอื่นๆ ที่ไม่ปรากฏกายคอยช่วยด้วย ด้วยอาการที่เป็นไข้หวัดอยู่ก่อน แต่ก็ทำงานเต็มที่ พอเหนื่อยมากๆ ก็ไปชาร์ทพลังงานเข้าไปนั่งที่องค์พีระมิด ประมาณ 15 นาทีได้พลังก็ออกมาลุยใหม่พักไป 3 ยก เกือบจะเป็นลมแต่ก็ไม่เป็นซักที ไม่รู้แรงมาจากไหน ท่าน อ.อุบลบอกว่ามารจะอยู่รอบๆ ตัวเราคอยยุไม่ให้เราทำความดีจนถึงที่สุด บางคนพอเหนื่อยก็จะเลิกทำเลยกลัวตายเป็นต้น ดังนั้นเราต้องขอบารมีพระศรีอาริย์เพื่อดันพลังงานชั่วร้ายไม่ดี ที่ใกล้ตัวเราให้ออกไป
ทำงานไปด้วยก็ท่องคาถาพระศรีอาริย์ไปด้วย ซึ่งท่าน อ.อุบล ได้รับการสื่อสารมาย้ำเตือนว่าต่อนี้ไปให้พวกเราท่องคาถาพระศรีอาริย์ติดต่อกัน 9 วันๆ ละไม่น้อยกว่า 99 จบ สังเกตวันแรกๆ จะมีอาการถ่ายท้อง ซึ่งจะเป็นการถ่ายพลังมืดออกไป ถ้าใครทำได้เกิน 9 วันขึ้นไปก็จะดีมาก หากทำร่วมกับการออกกำลังกาย ให้ทำความดีจนเสียเหงื่อ เหนื่อยล้า ให้ทำจนเต็มพิกัด เหมือนพระอรหันต์ ท่านทำงานทำจนเหนื่อย จนจิตไม่คิดจะอยาก จะเอาอะไร จนสามารถทิ้งบาปเก่าๆ ได้หมด
          พอตกกลางคืนก็ได้มีการจัด Work Shop เป็นค่ายแรก ที่จริง ท่าน อ.อุบลตั้งใจจะจัดเพียงแค่ค่าย 12   แต่มีเหตุการณ์บังคับ ดังนั้นคนที่ได้มีโอกาสมาเข้าค่ายครั้งนี้อย่าพึ่งย่ามใจ ว่าตนเองดีแล้ว เพราะมีบางคนที่ไม่มีคุณสมบัติภาวะผู้นำปนเข้ามาด้วย แต่ท่าน อ.อุบลต้องการให้โอกาสได้เข้ามาแก้ตัว เปลี่ยนแปลงตัวเองและแก้ไขตัวเอง ให้มาเห็นตัวอย่างของคนที่ขี้กลัวไม่กล้าแสดงออกถึงความกล้าหาญ  และแต่ละคนที่เข้ามาบ้านสวนบางคนก็จะมีทั้ง พลัง - + เราต้อง Save ตัวเองให้ดี การระมัดระวังการใช้ภาชนะ แก้วน้ำ ล้างให้สะอาด ฟองน้ำใช้เสร็จต้องล้างอย่าให้ฟองค้าง จะก่อเชื้อโรคได้ โรคระะบาดที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่รักษาความสะอาดพอ ขี้เกียจ และไม่มีการพัฒนาตัวเอง อ.อุบล ได้บอกว่าท่านจะคอยดูว่า ในห้องครัวหากมีสัตว์หลงเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว ไก่ จะดูว่ามีใครยังทำตัวอยู่เฉยๆ ไม่สนใจมั๊ย แต่ถ้าคนที่รีบเข้าไปเอาสัตว์ออกแสดงว่ามีภาวะด้านผู้นำ 
-      มีน้องใหม่ที่มาครั้งนี้คือป้าอุ๊ (หน้าเอ๊าะมากๆ อายุเกือบ 58 ปี) เป็นแฟนพันธุ์แท้บ้านสวนคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นนินจา ทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องบ้านสวนจากเวปชั่วที่ล้อเลียน และจาบจ้วงท่าน อ.อุบล โดยวิธีการของ ป้าปุ๊มี2 วิธี คือ
1.   เข้าไปโพสอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ สาระ ความรู้ต่างๆ ให้มากๆ เพื่อให้กระทู้คำพูดไม่ดี พวกนั้นตกไป
2.ใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย ขอให้เกิดปัญญาหาวิธีจัดการพวกนี้ โดยไม่ต้องไปโต้ตอบให้เสียเวลา เพราะพวกนี้จิตชั่ว เขาอยากยุแหย่ให้เราเกิดอารมณ์ ที่จริงเราควรจะคิดว่า พวกเขาสุดยอดเสียสละตัวเองแค่ไหนที่ยอมเป็นตัวทดสอบอารมณ์พวกเรา    ว่าสามารถละอัตตาได้หรือไม่     จิตใจเราอยู่ในระดับใด    เป็นตัวฝึกใช้พรหมวิหาร 4 ไปในตัว พระพุทธองค์ท่านจึงฝีกให้เราอย่าไปซ้ำเติม ด่าว่าใคร ทันทีที่เราคิดไม่ดี เราย่อมรู้ดี และเราก็จะได้รับผลนั้นก่อน ความคิดไม่ดีจะส่งผลให้เราก่อน ถ้าใครได้อ่านแล้วยังจิตตก แสดงว่าไปนิพพานยังไม่ผ่าน
          ซึ่งท่าน อ.อุบลได้บอกว่า การกระทำของป้าอุ๊เป็นการต่อสู้ให้กับเวปบ้านสวนอยู่ข้างนอก ไม่เปิดเผยตัว เหมือนดังเช่นที่ท่าน อ.อุบลได้ต่อสู้และปกป้อง ในหลวง และหลวงพ่อเสงี่ยม ท่าน อ.อุบลได้ต่อสู้อย่างสุดตัวเพื่อเป็นการปกป้อง 3 ร่มโพธิ์ศรี และหากใครที่คอยปกป้อง 3 ร่มโพธิ์ศรีก็จะทำให้ได้เข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์ สุขภาพจิตดี แต่ถ้าใครไม่ได้ปกป้องอย่างเต็มที่ อาจรอดชีวิตแบบพิการๆ จะครบ 32 ประการหรือไม่ และผลนี้เองทำให้ท่าน อ.อุบล สาวขึ้นๆ ป้าปุ๊ก็หน้าเด็ก ตรงนี้มีส่วน ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของความดี เราจะปล่อยให้คนชั่วมาจาบจ้วงล่วงเกิน 3 สถาบันต่อหน้าต่อตาโดยไม่โต้ตอบเชียวหรือ (มีต่อค่ะ)
ผู้แสดงความคิดเห็น อัญชลา บุตรโส (อัญ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:03:27


ความคิดเห็นที่ 464 (1633125)

เรื่องเล่าจากค่าย 13 (วันที่ 6- 7 ตุลาคม 55)

เดินทางออกจากบ้านเช้าวันเสาร์มีลุ้นนิดหน่อยว่าจะมีพายุฝนตกหนักหรือเปล่าที่จะเป็นอุปสรรคในการเดินทางไปบ้านสวนปรากฎว่ามีฝนตกบ้างปรอยๆแถวๆบ้านเท่านั้นตลอดการเดินทางจนถึงบ้านสวนก็ไม่มีฝนตก อากาศดีมาก(เหมาะแก่การทำงานที่แปลงเกษตรอย่างยิ่ง)

เมื่อลงจากรถ(รับจ้าง)หน้าบ้านสวน โอ้โฮ!(นึกในใจ)อะไรกันเนี่ย จากไปแค่ 5 วัน ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว งามจริงๆงามแท้ๆ เห็นครั้งแรกก็ประทับใจแล้วอยากจะเดินเข้าไปสัมผัสไปอยู่ใกล้ๆเลยแหละ จะเรียกว่าอะไรดีถึงจะสมกับสภาพ สวนเนรมิตร หรือวนอุทยาน เป็นสวรรค์บนดินจริงๆเลย จากพื้นดินบริเวณหน้าห้องน้ำและองค์พีระมิดที่มีบ้านไก่ตั้งอยู่ บัดนี้มีแต่พื้นดินที่เรียบสะอาด ส่วนหนึ่งปูด้วยกระเบื้อง มีดโต๊ะม้าหิน ชิงช้าไม้ ให้นั่ง มีสัตว์น่ารักๆหลายสิบตัวยืนต้อนรับที่โหนอยู่บนต้นไม้ก็มี(ลิงหลายตัว) ดอกไม้หลากหลายสีออกดอกบานสะพรั่ง รอบๆต้นกระท้อนก็มีที่นั่งพักเป็นท่อซีเมนต์ทางระบายน้ำแล้วมีแผ่นปูนวางข้างบนอีกที นั่งแล้วเย็นสบาย แล้วก็มีกระจาดผลไม้เอาไว้หยิบกินได้ด้วย ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ จนเป็นสถานที่(มุม)ที่ประทับใจของทุกคนด้วยคะ

กิจกรรมสร้างบุญด้วยแรงกายของวันเสาร์ก็มีงานเทปูนลงหลุมที่จะก่อเสาสร้างอาคาร งานตัดเหล็ก ผูกเหล็ก ทุกคนช่วยกันทำทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ เริ่มจากผสมปูนด้วยเครื่องผสมปูนกะบะแรกกระป๋องใส่ปูนก็เหมือนจะลอยไปเทลงหลุมด้วยแรงคนที่ยืนลำเลียง ทุกคนทำอย่างมีความสุข ช่วยเทปูนได้กะบะเดียว ก็ไปปลูกต้นมะพร้าวกับพี่แป้น พี่เปลวที่ด้านหลังปลูกบริเวณริมรั้ว เสร็จแล้วก็มาดายหญ้าที่แปลงเกษตร วันนี้อากาศเต็มใจแดดไม่ร้อนทำให้ทำงานอย่างมีความสุขไม่เหนื่อย ตกเย็นหญ้าก็เรียบหมดทุกแปลงด้วยแรงของทุกคนที่ช่วยกันทำ

จบตอนที่ 1

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญานี ถือธรรม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:05:15


ความคิดเห็นที่ 465 (1633126)

ต่อตอนที่ 2

ช่วงคืนวันเสาร์ได้ดูวีดีโอเกี่ยวกับภัยพิบัติมีทั้งเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์จำลอง ดูแล้วก็ลุ้นระทึกว่าถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์อย่างนั้นจะทำอย่างไร จะสติแตกหรือเปล่าเราพร้อมหรือยังที่จะเผชิญ เวลาเหลือน้อยเต็มที คำตอบยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไรเลย ยังมีความประมาทและชะล่าใจอยู่บ้าง

ค่ำคืนนี้มีการแสดงเต้นประกอบเพลงจากสาวๆสวยๆโดยเฉพาะป้าอุ๊ที่อายุ 57 กว่าๆแต่ยังสาวและสวยเหมือนอายุ25 กว่าๆนำทีมแสดงโดยคุณอัม(เจ้าภาพเลี้ยงก๋วยจั๊บเจเมื่อตอนเช้า อร่อยมากๆจนต้องบอกต่อ(ชามที่2) ดูแล้วสบายตา สบายใจ มีความสุขเพราะผู้เต้นตั้งใจและมอบสิ่งดีให้กับทุกคน เนื้อเพลงก็มีความหมายได้สาระ

ต่อด้วยชุดการแสดงเรื่องสังข์ทองตอนรจนาเลือกคู่ นำทีมโดยคุณโฆษิตหนุ่ม(ตัว)น้อยผู้มีความสามารถเป็นทั้งผู้กำกับ เขียนบท และพระเอก(เจ้าเงาะ) ดูแล้วสนุกสนานเฮฮาสอดแทรกสาระ ทุกคนแสดงได้ถึงบทประทับใจผู้ชมโดยเฉพาะรจนา(แสดงโดยน้องเบส)สวย หุ่นดี เต้นได้มันส์...มากๆ ขอบอก  ขอบคุณทีมผู้เต้นและแสดงทุกคนนะคะที่มอบความสุขให้แก่ผู้ชม

จากนั้นจะเป็นการแบ่งกลุ่มทำ workshop ในกลุ่มที่ตัวเองอยู่มีอ.อภิชัยเป็นหัวหน้ากลุ่มหัวข้อที่ต้องช่วยกันระดมความคิด ก็คือถ้ามีคนลบหลู่ดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นลบหลู่พระพุทธเจ้า ท่านท้าวเวสสุวรรณ เราจะทำอย่างไร ทุกคนก็แสดงความเห็นหลากหลาย แต่ก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน ขณะที่ทำกลุ่มคุณอัญก็นำมันปิ้งร้อนๆมาให้ทุกคนได้กินกัน เสร็จแล้วทุกคนก็ไปรวมกันที่บริเวณสวน(สวรรค์)มุมที่ทุกๆคนชอบ ถ่ายรูปหมู่กับท่านอาจารย์อุบล

 แล้วก็มีธรรมทานเริ่มจากน้องชิม(เจ้าของร้านขายอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย)ที่แขวนจี้องค์เทพสฟิ้งช์ 9  องค์ได้เล่าว่าเมื่อได้รับกล่องพัสดุบรรจุจี้ที่สั่งบูชาซึ่งเป็นของเพื่อน 11 องค์ ของตัวเองด้วย 1 องค์มาวางในร้านโดยที่ยังไม่ได้แกะออกมาดู ปรากฎว่ามีลูกค้าเข้ามาซื้อของมากจนผิดปกติจากที่เคยขายได้ขายภายใน 2 ชั่วโมงรายได้เท่ากับที่ขายครึ่งวัน ขายจนลูกน้องไม่มีเวลากินข้าว เรียกว่าขายจนเหนื่อยจนต้องนำกล่องพัสดุไปไว้ที่อื่นเมื่อนำออกไปแล้วเหตุการณ์ก็เป็นปกติเหมือนเดิมคือขายได้เรื่อยๆไม่มากเท่ากับตอนที่มีกล่องบรรจุจี้วางอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้องชิมมั่นใจว่าเป็นเพราะอานุภาพของจี้ในกล่องนั้นแน่นอน

ท่านอาจารย์ให้ทุกคนพิสูจน์ถึงอานุภาพของจี้ที่รวมกัน 9 องค์โดยให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยร่างกายอยู่ได้คล้องจี้ ซึ่งปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นทันทีทันใดกับผู้ที่ได้คล้องจี้เริ่มตั้งแต่ป้าปุ๊ที่มีอาการปวดแขน ปวดเข่าและเท้าเมื่อได้คล้องจี้ทั้ง 9 องค์อาการเจ็บปวดที่เป็นอยู่ก็หายทันที และอีกหลายคนที่ได้คล้องจี้ก็หายและมีอาการดีขึ้นมาก รายที่ดีใจแทนด้วยมากๆก็คือป้าพรที่มีอาการหูตึงต้องใช้เครื่องช่วยฟังมาตลอดนั้น ปรากฏว่าได้ยินเสียงท่านอาจารย์ดังชัดขึ้นกว่าเดิมมากป้าพรพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจจนคนที่ได้เห็นพลอยตื่นเต้นดีใจไปด้วย

จบตอนที่ 2

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญานี ถือธรรม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:05:16


ความคิดเห็นที่ 466 (1633132)

 ค่าย 6 + 7 

 เป็นค่ายที่ใส่ตะแกรงร่อนหาผู้นำที่เป็นผู้ให้ ผู้กล้า ผู้นำพา ผู้กอบกู้ ผู้เสียสละ 

 และผู้ที่อาสาตามมาช่วยงานท่านอาจารย์

 จึงถือเอาค่ายนี้ เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงสร้างผู้ที่ร่วมต่อสู้

 กอบกู้ สามร่มโพธิ์ศรี เพื่อให้แผ่นดินไทยนี้ในอนาคตที่ไม่นานนัก

 เป็นเสาเอกของโลก รองรับความเจริญรุ่งเรืองที่มีแต่ผู้คนที่อยู่ในศีลในธรรม

 ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นได้ เราจะต้องเจอะเจออุปสรรค กับฝ่ายตรงข้าม

 ที่แข็งแรงกว่าเรามากมายนัก อยู่ที่จะใช้ปัญญาความสามัคคี

 ร่วมต่อสู้ใหม ดังที่ท่านอาจารย์ยกเรื่องจริงของฝูงเสือไล่กัดกินลูกควาย

 ซึ่งมีเสือเข้ามาไล่กัดกินพากันวิ่งหนี ลูกควายตัวที่อ่อนแอกว่าทน

 แรงของเสือที่รุมกัดไม่ได้จึงถูกจับกิน อยู่ตัวเดียวก็พยายามสู้ดิ้นรนให้รอด

 ก็กลิ้งตกน้ำ ดังคำโบราณว่า หนีเสือปะจระเข้ ซึ่งทั้งลูกควายและเสือตกน้ำนั้น

 ก็มีจระเข้เข้ามาจะเอาลูกควายไปกินต่อจากเสือ เสือนั้นเองมีกันมากก็พยามดึง

 เหยื่อขึ้นมาไม่ให้จระเข้ เยื้อแย่งอยู่อย่างนั้นจนเสือดึงลูกควายขึ้นมาได้

 เหล่าควายที่วิ่งหนีเสือไปได้ก็ไปตามพวกควายด้วยกันมาฝูงใหญ่

 ทั้งที่มากันมากแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปทำร้ายเสือที่กำลังกัดลูกควาย

ุ ทันใดนั้นมีผู้กล้าตัวหนี่งวิ่งเข้าเตะเสือที่กำลังกัดกินอยู่ ส่วนเสืออีก 2-3 ตัว

 ก็ยังคงกัดกินลูกควายอยู่  เหล่าูฝูงควายก็ยังคงล้อมวงอยู่ไม่กล้าที่จะ

 เข้ามาช่วยลูกควายตัวนั้น จนควายตัวผู้กล้าต้องวิ่งเข้าช่วยจนลูกควายนั้นรอด

 ปลอดภัย ท่านอาจารย์ท่านเปรียบให้ฟังขนาดนี้ ก็ขอให้ผู้ที่อาสามาใช้ความกล้า

 ความสามัคคีที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนให้มาก

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:33:46


ความคิดเห็นที่ 467 (1633140)


ป้า อุ๊ขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม ให้ฟังหน่อยนะคะ ในขณะที่ท่านอาจารย์กำลังบรรยายเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับภัยพิบัติและการเตรียมการสำหรับลูกบ้านสวนนั้น ป้าก็ได้รับสัญญาณถึงการใช้จี้สฟิงซ์ในเวลาที่เกิดภัยพิบัติขั้นอุกฤต โดยสัญญาณให้ต้องไปบอกเดี๋ยวนี้ ป้าเลยลุกขึ้นจากที่นั่งและก็ได้เดินไปขออนุญาติท่านอาจารย์ แล้วก็บอกกับลูกบ้านสวนถึงการใช้จี้สฟิงส์ (รายละเอียดขอไว้จะเล่าให้ฟังนะคะเรื่องการข้ามมิติเวลา) ป้าอุ๊รู้สึกผิดมากเลยที่ไม่มีกาละเทศะที่เดินไปพูดในขณะที่ท่านกำลังพูด อยู่ ป้าอุ๊กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิที่ปกปักรักษาท่านอาจารย์และบ้านสวนปิรามิดมา ณ ที่นี้ ที่ป้าอุ๊กระทำการอันมิสมควรค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนิษฐา นาคามดี (ป้าอุ๊) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:03:24


ความคิดเห็นที่ 468 (1633141)

 ขอเล่าต่อนะค่ะ ในช่วงเย็นวันเสาร์ 

ได้ชมการแสดงซึ่งแต่ละชุดนักแสดงสวยๆและหล่อกันทั้งนั้น แสดงได้เก่งแต่ประทัใจทุกชุดเลยค่ะ เต้นประกอบเพลง 2ชุดแรก นั่งชมอยู่รู้เลยว่านักแสดงเต้นออกมาจากใจเต็ม100% ไม่น่าเชื้อนะเนี้ยว่าจะซุ้มซ้อมกันแค่แปบเดียวเอง ส่วนชุดสุดท้ายเป็นละครเรื่องสังข์ทอง นักแสดงทุกคนเก่งมาค่ะ สื่อธรรมทานออกมาได้ชัดจมมากเลยค่ะ 

หลังจากนั้นได้แบ่งกลุ่มกันทำ work shop ให้แต่ละกลุ่มระดมความคิดเกียวกับเรื่องผู้ที่จาบจ้วง3สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ว่าเราจะมีวิธีป้องกันโดยการโต้ตอบผู้ที่กล่าวหา 3 ร่มโพธ์ศรีนี้ได้อย่างไร การทำwork shopเรื่องนี้ทำให้ทราบความคิดเห็นที่สมาชิกในกลุ่มทุกคนได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน ทำให้รับรู้ความคิดใหม่ๆที่ดีๆน่าสนใจของแต่ละคนและสามารถนำไปปรับใช้ได้ เสร็จจากการทำ work shop และท่านอาจารย์ได้พาพวกเราไปนั่งคุยกันที่บรรยายกาศสบายๆใต้ต้นไม้ ทานมันเผาและฟักทองไปด้วย แล้วใครที่มีธรรมทานก็ออกมาเล่าธรรมทานของตัวเอง เช่นคุณซิม มีคนฝากบูชาจี้ 11 องค์เมื่อพัสดุมาถึงที่ร้านก็พบความอัศจรรย์ทันที คือลูกค้าเข้าร้านมากผิดปกติ ทำให้ทราบว่าจี้หลายองค์เมื่อมารวมกันและจะมีพลังและอนุภาพมาก ตอนนี้คุณซิมก็ใช้จี้คล้องคออยู่ 9 องค์ค่ะ และท่านอาจารย์อุบล ได้เมตตาว่าท่านที่ยังเจ็บป่วยอยู่ก็ออกมาทดลองคล้องสร้องของคุณซิมดูว่าอาการเป็นอย่างไร ตัวหนูเองก็ออกไปอาการที่คัดจมูกอยู่ก็โล่งเลยค่ะ แต่ที่พิเศษก็คือพี่ลิน จากที่เดินเท้าบิดอยู่น่าจะตั้งแต่เด็กๆเลยนะค่ะ ก็สามารถเดินเท้าตรงปรกติได้ ส่วนป้าพรที่หูตึงอยู่ ก็บอกว่าโล่งได้ยินชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมเลยค่ะ 

วันอาทิตย์

ได้แบ่งกลุ่มกันทำ work shop ช่วงเช้าจำโจทย์ไม่ได้แต่เกียวกับเรื่องจะมีวิธีอย่างไรในการบำบัดช่วยเหลือให้ได้ผล แล้วบำบัดเสร็จแล้วได้ผลอย่างไร  กลุ่มที่หนูอยู่มีกันอยู่9คน ในแต่ละคนระดมความคิดก็ได้สรุปออกมาว่า   ภายในกลุ่มทุกคนต่างก็มีจี้ แล้วเอาจี้ออกมา แล้วให้แต่ละคนในกลุ่มเล่าปัญหาของตัวเองอยากให้อะไรดีขึ้นอย่างไรโดยเล่าเป็นรายคน จากนั้นเมื่อครบทุกคน ก็ อาราธนาบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบล อันเชิญมาสถิตย์ภายในจี้ ขอให้ทุกคนหายจากอาการที่เป็นอยู่ ขอให้ชีวิตดีขึ้นการเงินหนี้สินดีขึ้น จากนั้นก็มาดูผลกัน ปรากฏว่า ตัวหนูเองที่คัดจมูกอยู่ก็หายทันที คุณฉันทนาปวดประจำเดือนอยู่ก็หาย อาจารย์นีที่เสียวขาอยู่ก็หาย ส่วนคนอื่นๆต้องขอโทดด้วยนะค่ะที่จำได้ได้แต่ทุกคนก็ดีขึ้นทุกคนค่ะ ส่วนทางด้านเรื่องการเงินเราก็จะมารายงานผลให้ทราบภายหลังจากนี้1อาทิตย์แล้วจะให้ตัวแทนนำมาเล่าในเวบไชค์ค่ะ   ในความคิดของหนูนะค่ะ จากที่สมาชิกต่างส่งใจที่เปี่ยมล้นด้วยความศรัทธาเต็มร้อย+พลังของจี้ที่รวมกันหลายองค์ ทำให้เกิดพลังมากมาก ทำให้แต่ละคนหายจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ในตอนนั้นได้ทันทีค่ะ  หลังจากนั้นก็ให้แต่ละกลุ่มออกมารายงานผลบนเวที ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีวิธีที่แตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ได้ผลเป็นอัศจรรย์ทุกกลุ่ม 

work shop ช่วงบ่าย ได้ใช้โจทย์ประมาณว่า จะทราบได้อย่างไรว่าพระศรีอาริย์จะใช้วิธีไหน ในการปราบมาร ซึ่งกลุ่มคนในกลุ่มแต่ละคนก็ระดมความคิดกันต่างๆนานา จะได้ข้อสรุปว่า ท่านจะลงมาปราบโดยท่านจะใช้ทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ของท่านมาปราบคนชั่วทังหลาย ค่ะ คำตอบที่ได้มาก็ไม่ค่อยจะตรงประเด็นซะเท่าไหร่ค่ะ

หลังจากนั้นช่วงสุดท้ายของกิจกรรม คือชมบารมีพระศรีอาริย์ ให้ผู้คนที่เจ็บป่วยได้ขึ้นไปบนเวทีและเดินผ่านท่านอาจารย์เพื่อรับบารมีกันอย่างใกล้ชิด และแต่ละท่านก็ต่างได้รับรางวัลกลับบ้านกัน บางท่านก็หายสนิท บ้างก็ยังมีอาการหลงเหลืออยู่บ้าง ท่านอาจารย์เมตตาบอกว่าให้ไปเขียนธรรมทานค่ะ ส่วนตัวหนูเอง อาการตอนนี้คือคัดจมูก เหมือนมีเสมหะอยู่ในลำคอ สายตาสั้น 

อาการคัดจมูกได้หายโล่งตั้งแต่ออกมายืนเข้าแถว    อาการเสมหะอยู่ในลำคอเมื่อยืนใกล้ๆกับเวทียังมีอาการอยู่ประมาณ 50% พอขึ้นไปด้านบนเหลือประมาณ30% พอเดินผ่านท่านอาจารย์อุบลก็ยังมีอาการเหลืออยู่ยังไม่หาย ท่านเมตตาถามว่าชอบเถียงพ่อแม่ ชอบนินทา ใช่มั้ย หนูตอบเต็มคำว่าใช่ค่ะ แล้วเขียนธรรมทานหรือเปล่า หนูตอบว่า เขียนบ้างค่ะแต่ไม่บ่อย ท่านบอกว่าถ้าไม่บ่อยก็จะไม่ได้มาบ้านสวนอีกต่อไป ตอนนั้นก็ยอมรับการกระทำของตัวเองนะค่ะ เพราะเป็นความผิดของตัวเองไม่มีข้อแก้ตัว  ท่านอาจารย์เมตตาถามว่าถ้ากลับไปเขียนธรรมทานหรือเปล่า ถ้าเขียนเขียนอาทิตย์ละกี่ครั้ง หนูตอบว่า เขียนค่ะ ถ้าเป็นไปได้จะเขียนทุกวันค่ะ แต่ถ้าวันที่มาบ้านสวนขอไม่เขียน ท่านอาจารย์บอกว่าถ้ารับสัจจะไปล้วต้องทำให้ได้  ถ้าถามความรู้สึก ณ ตอนนั้นตอนเดินลงมาน้ำตาไหลร้องไห้ค่ะ แต่ไม่ได้ร้องเพราะความเสียใจแต่อย่างใด แต่น้ำตาออกมาเพราะท่านเมตตาไม่สามารถบรรยายออกเป็นคำพูดได้ว่ายังไงมันตื่นตัน ทราบซึ่งในความเมตตาของท่าน ที่สามารถรับรู้ด้วยใจ ท่านให้โอกาสเราขนาดนี้แล้ว หนูขอตอบแทนในความเมตตาของท่านอาจารย์ โดยจะปฎิบัติตามคำสอนของท่าน ตั้งใจช่วยงานแรงกายบ้านสวนอย่างเต็มกำลัง ค่ะ คิดเรื่องนี้ทีไรน้ำตาไหลออกมาทุกครั้ง วันนี้ก็ยังเป็นอยู่เลย  อยากกราบขอบพระคุณในความรักความเมตตาที่ท่านอาจารย์มอบให้อย่างหาที่สุดไม่ได้จริงๆนอกจากที่เคยได้รับจากพ่อกับแม่แล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะไปหาความรักแบบนี้แบบที่ท่านอจารย์มอบให้ ลูกบ้านสวนทุกคนแบบนี้จากที่ไหนแล้ว ขอกราบขอบพระคุณที่เปิดโอกาสให้คนที่โง่ที่เดินหลงผิดทางยังชั่วอยุ่เยอะ ได้มีโอกาสเข้ามาสร้างบุญและจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ รักท่านอาจารย์อุบล  ขอกราบ กราบ กราบค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:03:45


ความคิดเห็นที่ 469 (1633144)

 ขอเล่าถึงการเตรียมงานค่าย 13 ของพวกเราก่อนน๊ะค่ะ

               นับว่าเป็นความเมตตาจากท่านอ.อุบลฯ  อย่างมากๆจริงๆที่ได้  มีโอกาส   มาร่วมสร้างบุญ        ในครั้งนี้   โดยเริ่ม ตั้งแต่ วันพฤหัสบดี ตอนเกือบ 3 ทุ่มแล้ว เมื่อไปถึง ก็พบว่า   ท่านอ.อุบลฯยังเตรียม งานกันอยู่เลย   โชคดีที่ท่านอ.อุบลฯ ได้มอบหมายให้  อ.พันธ์ คุณอมร และ อ.นี เป็นผู้ช่วย   ได้ปลูกต้นไทร  ที่ท่านอ.อุบลฯ ซื้อมาเพิ่มอีก 20 ต้น เมื่อปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สวยงามมากและใช้ เป็นที่       บังแดดของพวกเราค่าย 13 ........ .กันไง!

            พอวันศุกร์ตอนเช้าท่านอ.อุบลฯ ก็ได้มาตรวจดูความเรียบร้อยของสวนสัตว์แสนสวย  อีกและมี   คณะร่วมค่าย 13 มาสมทบอีก  จำนวนหนึ่งและได้ช่วยจัดตกแต่งกันไปทำให้ดูงดงามเพิ่มขึ้นไปอีก         จนดูเหมือนแดนสวรรค์เลยทีเดียว ทำให้มีหลายคนได้ไปถ่ายรูปไปเป็นแบบอย่างกัน     (แต่ต้อง          ขอเตือน......... ผู้ที่ต้องการภาพสวยๆต้องขออนุญาตท่านอ.อุบลฯก่อนน๊ะค่ะ)

            หลังจากที่เรารับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว  พวกเราก็ได้มีโอกาสสร้างบุญกันเต็มที่เต็ม   กำลังกันเลย   โดยการช่วยเทฐานเสากันได้ทั้งหมด 16 ต้นเรียกว่า    ใช้เวลากันคุ้มมากเลยทีเดียว        หลุมละ15 นาทีจำนวน 3 ถังโม่ปูนต่อ 1หลุม (อ้อ! ลืมบอกไปว่าพวกเรามีที่โม่ปูนแล้วเลยไม่ต้องผสม    ปูนกันเอง)  ได้บุญใหญ่น๊ะนี่ !   โอ๊ยดีใจจังเลยที่ได้มาสร้างบุญ แต่   ก็ยังแบ่งบุญเหลือไว้ให้          พี่น้องที่มาค่าย 13 อีกจำนวน 6 หลุม พอถึง วันเสาร์  แทบทุกคนก็ ได้ร่วมสร้างบุญกันและบางท่านที่สร้างบุญ เทฐานกันแล้วก็เลยไปแปลงเกษตร ได้มี การตัดหญ้ากันไปได้มากพอสมควร   ส่วนคุณติ๋ม            (ป้าติ๋ม..เล็ก)ก็ได้นำต้นข่ามาจากบ้านมากพอสมควรมาปลูกไว้ใกล้ๆแปลงเกษตรของพวกเราจ้า!                          (ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ)

            อ้อ! ลืมบอกไปว่า มี คุณหมอวัฒนา ฯ ที่น่ารักก็ได้ไปร่วมถากหญ้าที่แปลงเกษตร  ด้วยน่ะ   ช่วงบ่ายวันเสาร์   วันเข้าค่าย ก็ได้ไปสร้างบุญเรียกว่า ผูกโครงเสาเหล็ก เพื่อการก่อสร้างวิหารทาน      ก็ได้มีสมาชิก  ค่าย13   หลายท่าน  ช่วยกันสร้างบุญมากมาย ซึ่งในการผูกเหล็กในตอนแรก ก็ยาก           พอสมควร เล่นเอาหลายท่านที่ช่วยกันเป็นพี่เลี้ยงต้องปรับแก้กันหลายครั้ง  เฮ้อ!..พอเป็นแล้วนี่ซิ   

ไม่เห็นยากเลย( ขออนุโมทนาบุญกับ น้องเหมี่ยว น้องลิน ป้าเตือนและคุณแหลนด้วยค่ะ!)

(ยังมีต่อค่ะ *****)                    

                                                     สาธุ สาธุ  สาธุ

                     **************

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 18:47:38

แก้ไข
ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:15:43


ความคิดเห็นที่ 470 (1633146)

บรรยากาศค่าย 13

          นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และเซอร์ไพรส์มาก อันดับแรกคือ สถานที่ ต้นไม้ถูกจัดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบให้ความเย็นสดชื่น และท่านอาจารย์ได้เนรมิตตกแต่งบริเวณด้านหน้าพีระมิดองค์ใหญ่ได้อย่างสวยสดงดงามพร้อมทั้งตะกร้าผลไม้ห้อยระย้าลงมาจากต้นไม้ด้วยความเมตตาจากพระศรีอาริย์ (ขออาหารจากต้นไม้ได้เห็นๆ) ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย สบายๆชิวๆ แต่แฝงด้วยพลังงานเหมือนกับการชาร์ตแบตทั้งร่างกายและจิตใจ

          ช่วงบ่ายวันเสาร์ พวกเราแบ่งงานกันเป้นกลุ่มๆ บ้างก็ลงหลุมก่ออิฐบล็อกวางเรียงเป็นต้นเสา บ้างก็ผสมปูน ขนดิน หิน เทลงบนหลุมเสา

          กิจกรรมภาคกลางคืน มีการแสดงเต้นเพลงบูชาคุณครู เพื่อแสดงความกตัญญูต่อท่าน อาจารย์อุบล นำแสดงโดยคุณอัม และทีมงานคุณตุ้ย คุณก้อยและการแสดงชุดสังข์ทอง ตอนรจนาเลือกคู่ ที่สอดแทรกความรู้และธรรมะ พร้อมความลับที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ ว่าที่แท้เจ้าเงาะเค้าใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยนี่เอง ถึงได้รจนามาเป็นคู่ครอง แล้วต่อมาท่านอาจารย์พาพวกเราเปลี่ยนบรรยากาศแบบสบายๆเป็นกันเองอย่างอบอุ่นเหมือนพี่น้องแม่ลูก พร้อมเตาบาร์บีคิวปิ้งย่างเผือกมันฟักทองแสนอร่อย เป็นความรู้สึกที่หาซื้อไม่ได้รวมกับธรรมทานที่ตื่นเต้นเร้าใจชนิดที่ว่าแปลกใหม่เข้ากันได้อย่างลงตัว ว่าด้วยเรื่อง

พลังอานุภาพที่องค์เทพสฟิงซ์

                น้องิมบูชาจี้องค์เทพสฟิงซ์ 12 องค์ วันที่พัสดุถึงร้านของขายดีมาก ลูกค้าเข้าร้านทั้งวันไม่หยุดเป็นที่น่าแปลกใจจนตัวเองนำจี้องค์เทพสฟิงซ์ออกมานอกร้านทั้งหมด ลูกค้าก็ได้หยุดเข้าร้านและคุณสมจิตบูชา 3 องค์ นั่งสมาธิเห็นทั้งจักรวาล คุณน้อยบูชา 3 องค์ สุขภาพดีขึ้นจนเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่า เมื่อจี้หลายองค์มารวมกัน ทำให้พลังมากขึ้นตามจำนวน แถมเวลาในการบำบัดก็รวดเร็วมากขึ้น ถึงทันทสิ่งมหัศจรรย์ ในบ้านสวนพีระมิดเกืดขึ้นอีกแล้วคะท่านผู้ชม จี้องค์เทพสฟิงซ์หรือวัตถุมงคลทุกอย่างในบ้านสวนคือพลังทั้งหมดจากอนันตจักรวาล

            พระศรีอาริย์ก็จัดสรรให้มีไอเดียใหม่ขึ้นมา คือ นำจี้องค์เทพสฟิงซ์จำนวน 9 องค์ที่คอน้องชิมมาให้คนที่เจ็บปวดตามร่างกายลองใส่ ป้าปุ๊ อาการปวดไหล่ ปวดเข่า และขา หายเป็นปลิดทิ้งในทันที บางคนแค่ถือและขอบารมีศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอาราธนาอันเชิญมาทำให้อาการต่างๆ หายโดยฉับพลันทันที โดยที่ไม่ต้องสารภาพบาป แต่ละคนใช้เวลาเพียงนิดเดียว เช่น คุณฉันทนาปวดท้องใช้เวลา 4 วินาที ก็หาย คุณวิปวดเข่าใช้เวลา 21 วินาที หาย!! คุณภาปวดหัว 10 วินาที หาย!! คุณตุ้ยปวดหลัง 6 วินาที หาย!! คุณมิ้มปวดแขน 6 วินาที หาย!! คุณทัศนีปวดคอ 21 วินาที ดีขึ้น 80% น้องมาร์คปวดขา 10 วินาที หาย!! น้องรินเดินขาออกด้านข้างเหมือนเป็ดตั้งแต่เกิดปรากฎว่าเดินได้ตรงเป็นปกติทันทีอย่างน่าอัศจรรย์ใจมาก รวมทั้งป้าพรมาจากเชียงรายอาการหูตึงที่เป็นมานานก็ได้ยินชัดขึ้น ทำให้ทุกคนพลอยยินดีตามไปด้วย

                   เช้าวันอาทิตย์ กิจกรรมเริ่มขึ้นแบบเซอร์ไพรส์จัดเต็ม ท่านอาจารย์ให้พวกเราจับกลุ่มทำเวิร์คช็อป แต่ละกลุ่มจะได้หัวข้อที่ต่างกัน กลุ่มอร มีด็อกเตอร์จิ๋ม เป็นหัวหน้าได้หัวข้อเรื่อง เหตุการณ์เมื่อคืนคุณคิดว่าจะช่วยคนได้อย่างไร ทุกคนในกลุ่มเริ่มด้วยการถามปัญหาที่มีแต่ละคน เสร็จแล้วก็ใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์ของทุกคนรวมกัน 9 องค์ บำบัดน้องหนึ่งซึ่งกำลังปวดหัวอยู่ ทุกคนอธิษฐานจิตขอบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอันเชิญมาสถิตที่จี้ทุกองค์นี้ ให้อาการปวดหัวของน้องหนึ่งหายในฉับพลันทันทีด้วยเทอญ ปรากฎว่าได้ผลค่ะ อาการดีขึ้น 80% คุณฉันทนาปวดท้องอยู่ ป้าทองดีปวดคอ และมีจิตอนุโมทนาคอยยินดีไปด้วย อาการก็ดีขึ้นตามอย่างเห็นได้ชัด (มีต่ออีกคะ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:19:53


ความคิดเห็นที่ 471 (1633148)

 

โอ้โห ผ่านไปคืนเดียวเท่านั้น พี่น้องบ้านสวนฯเข้ามาช่วยกันเขียนธรรมทานยาวเหยียดเลยค่ะ ต่อนี้ไปคนที่ตั้งตารออ่านธรรมทานคงจะจุใจแน่นอนค่ะ เพราะพวกเราจะปฏิวัติตัวเองใหม่ ให้สมกับที่ทุกคนได้ให้สัญญากับท่านอาจารย์ไว้ ว่าจะเขียนธรรมทานทุกวันค่ะ

เจี๊ยบจะขอเล่าต่อค่ะ

ในวันอาทิตย์ ท่านอาจารย์ให้พวกเราทำ Workshop การบำบัดคนที่เจ็บป่วย มีปัญหาการงาน การเงิน โดยที่ไม่มีอาจารย์อยู่ด้วย ว่าเราจะช่วยเหลือคนได้ยังไง โดยแบ่งกลุ่มละ 10 คน โดยมีหัวหน้ากลุ่มแต่ละกลู่ม เจี๊ยบอยู่ในกลุ่มของพี่เหมี่ยว ซึี่งกลุ่มของเรานั้น เริ่มแรกเราถามปัญหาของทุกคนในกลุ่มว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เจ็บป่วยตรงไหน เริ่มแรกเราเอาปัญหาสุขภาพก่อน เพราะสามารถเห็นผลทันทีได้ ส่วนปัญหาการงาน การเงินนั้นไม่สามารถเห็นผลทันที เลยพักไว้ก่อน

จากนั้นเราเริ่มทำการบำบัดคนแรก คือป้าน้อยแม่ของคุณแหวน ซึ่งมีอาการปวดขาโดยคุณแหม่มเป็นผู้บำบัดให้ ป้าน้อยก็สารภาพกรรมที่เคยทำมา อาการดีขึ้น 60 %

ก็ให้นึกกรรมอีก ป้าน้อยก็นึกได้อีกว่าเคยตีหลานที่ขา หันเท้าไปทางพระ เหยียบเหรียญ อาการปวดก็ดีขึ้น เป็น 90% ก็ให้ป้าน้อยใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย ปรากฏว่าหายหมดเลยค่ะ

ต่อมาคุณนก สุรดา ซึ่วมีอาการปวดคอ ปวดบ่า เอ็นพลิกที่คอ โดยน้องก้อยเป็นผู้บำบัด คุณนกก็สารภาพกรรมที่เคยทำมาแต่รายของคุณนก หายได้สูงสุดที่ 95 % เหลือความเจ็บปวดนิดหน่อย 

รายต่อมาคือคุณอ๋อย เพ็ญศิริ มีอาการปวดแขน ก็ได้นึกสารภาพกรรมที่เคยทำมาหลายอย่าง อาการปวดก็ดีขึ้น 90 % ปรากฏว่่่าระหว่างที่สารภาพ พี่เหมี่ยวก็หายจากอาการปวดด้วย และเมื่อสารภาพกรรมที่เคยตอกบัตรแทนกันให้พนักงานคนอื่น ทำให้คุณแหม่มนึกได้ว่าเคยตอกบัตรให้เพื่อนเหมือนกัน ทำให้อาการปวดต้นแขนของคุณแหม่มหายหมดเลย ส่วนคุณอ๋อยก็หายหมดเลย

รายต่อมาคือน้องก๊อต ซึ่งมีอาการตาแดง เจ็บ ระคายตา ขอบตาล่างบวมแดง พี่เหมี่ยวเสนอว่าเราลองใช้วิธีเดียวกับของคุณชิม คือจี้หลายๆองค์รวมพลังรักษา ต่างคนต่างถอดมารวมกันและคุณสมจิตมีจี้ที่เพิ่งจะบูชามาอีก 4 องค์ รวมทั้งหมด 14 องค์ มาแปะที่ดวงตาของน้องก๊อต เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอาการเจ็บตาก็หายไป อาการตาแดงนั้นก็เหลือเพียง 5% หายไป 95 %  ถุงใต้ตาก็ยุบลง เมื่อสารภาพบาปก็หายสนิททันที

รายต่อมาคือเจี๊ยบเอง ซึ่งมีอาการคันที่หัวเข่า  จะเกามันมาก เป็นมาประมาณ 7 ปี หาหมอมาหลายครั้งหมอก็ลงความเห็นว่าไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่คันเฉยๆ จนกระทั่งบริเวณหัวเข่า หน้าแข้ง ผิวหนังจะหยาบหนา แข็ง และดำด้วย เจี๊ยบก็ได้นำพวงสร้อยที่มีจี้ 14 องค์นั้นมาอธิษฐาน ขอบารมีพระศรีอารย์มาช่วยรักษา ปรากฏว่าพลังจี้นั้น ทำให้เจี๊ยบเหงื่อแตก โซมอยู่คนเดียว เมื่อขอบารมีพระองค์ท่านเสร็จ อาการคันก็หายไป

คุณนกก็เลยขอบารมีจากจี้รวมพลังนั้น ขอให้อาการที่เหลืออยู่หายไป สุดท้ายคุณนกก็หายหมดค่ะ

จากนั้นเราก็มาคุยเรื่องปัญหาการงาน การเงิน ซึ่งจะไม่เห็นเห็นผลในเร็ววัน จึงตกลงกันว่า ประมาณ 1 อาทิตย์ เราจะมารายงานผลทางกระทู้

ซึ่งกลุ่มของเราได้แชร์ความคิดกัน และสรุปผลงานว่าวิธีของเราซึ่งรวมพลังจี้นี้จะช่วยเหลือคนได้อย่างปัจจุบันทันด่วน โดยไม่ต้องสารภาพกรรมก็สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่จะช่วยเหลือคนตอนเกิดภัยพิบัติ จะได้ช่วยคนอย่างทันท่วงที

ขออนุญาตมาต่อพรุ่งนี้ค่ะ ง่วงแล้วค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:42:44


ความคิดเห็นที่ 472 (1633151)

ขอเล่าบรรยากาศที่บ้านสวน ด้วยคนนะค่ะ

 

 

เดินทางถึงบ้านสวนประมาณ9.30น ของวันเสาร์ที่6ตุลาคม เห็นความแปลกตาของบ้านสวนทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรม ค่ะ

 

 

เห็นสวนที่ท่านอาจารย์พาลูกบ้านสวนจัดใหม่ ตรงพีระมิดองคใหญ่ด้านหน้ามีการปูกระเบื้อง มีโต็ะนั่ง มีตะกร้าผลไม้  บรรยากาศหน้านั่งมากค่ะ

 

 

ประกอบกับวันนั้นอากาศเย็นสบายไม่ร้อน พอญาติธรรมทานอาหารเช้าเสร็จทุกท่านก็ร่วมมือกันสร้างบุญในรูปของบ้านสวนนะค่ะ ผสมปูน ส่งปูนเพือสร้างวิหารหลังใหม่ กันอย่างสนุกสนาน  พอเสร็จจากการเทปูน  เราก็ไปแปลงผักกันค่ะ ช่วยกันถางหญ้าที่รกออกจากแปลง

 

 

ถึงเวลาอาหารเที่ยง ทานอาหารมือเที่ยงที่แสนอร่อยค่ะ ด้วยแม่ครัวมือดีนำโดยคุณแมว คุณอัง คุณอัม เจ้าภาพอาหารทุกครั้งที่มีกิจกรรมบ้านสวนค่ะ และอีกหลายท่าน มีก๋วยจับ  ขนมจีนน้ำยากะทิ น้ำยาป่า แกงไตปลาขอบอกเผ็ดมากแต่อร่อยสุดๆๆค่่ะ อาหารคาวหวานอีกมากมาย บรรยายไม่หมด อร่อยทุกอย่างเลยนะค่ะ ทานจนพุงกางเลยค่ะ  ขอบคุณแม่ครัวทุกๆๆท่านนะค่ะ

 

 

พอช่วงบ่ายเรามาเร่งสร้างบุญกันต่อค่ะ ก่อฐานปูนสร้างเสาขึ้น อันนี้ทำเป็นครั้งเเรก ยอมรับค่ะว่ามันยากแต่ก็พอทำใด้ ให้ลุงบุญเเนะนำค่ะ  ขอบคุณลุงบุญนะค่ะที่แนะนำ 

 

 

มีสิ่งหนึ่งที่ประทับใจนะค่ะ ลูกชายลุงเบิ้มค่ะ ขับรถแม็คโคใด้ด้วยน้องเขายังเด็กอยู่ค่ะ  สมาธิน้องเขาดีมากเลยนะค่ะ ตักซากหินที่เราเอาไปกองใว้ที่ต้นมะม่วงให้เราเอามาถ่มหลุมที่กำลังสร้างวิหารใหม่

 

 

พอช่วงกลางคืนอาบน้ำเสร็จ ใด้ยินเสียงภาพยนต์ มาระทึกใจมากค่ะ คิดถึงบรรยากาศตอนอยูต่างจังหวัดเลยนะค่ะ เหมือนกำลังมีงาน แล้วมีหนังกลางแปลงมาฉายให้ดู เลยรีบวิ่งไปดู ถึงรู้ว่าเขากำลังฉายหนังค่ะ หนังเรือง เกียวกับภัยพิบัติปี 2012 หลังจากนั้น

 

 

มีการแสดงรำอวยพรให้ท่านอาจารย์ นำโดยคุณอัม คนสวยของเรา ดูเเล้วน่าประทับใจมากค่ะ เพราะนางรำทุกท่านตั้งใจเกินร้อย ทุกอย่างออกมาดีมากๆๆเลยค่ะ  ตามด้วยละครของคุณโกษิตเรือง เงาะป่าตอนนางรจนาเลือกคู่ นักแสดงทุกท่านเล่นใด้ดีมากๆๆค่ะ

 

 

หลังจากนั้น ท่านอาจารย์มอบหมายให้พวกเรา ทำworkshop  แบ่งเป็นกลุมค่ะ

 

 

กลุ่มของเราใด้หัวข้อเรื่อง ถ้ามีใครมาจาบจ้วงล่วงเกิน สิ่งศักดิ์สิทธ์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ พระพุทธเจ้า เราจะตอบโต้อย่างไร

 

 

นำทีมโดย อาจารย์อภิชัยค่ะ  เราก็ระดมสมองช่วยๆๆกันผิดถูกไม่เป็นไร

 

 

หลังจากนั้น ท่านอาจารย์ให้ไปนั่งที่สวน ที่ท่านอาจารย์จัดใหม่มีเต่าบาบีคิว มี่มันย่าง ฝักทองย่าง พิชซา  ขนม ผลใม้เพียบ

 

 

ท่านอาจารย์ก็แจกธรรมทาน ให้ทุกคน แบ่งปั่นประสบการการใช้จี้สฟิ้งช่วยเหลือคน

 

 

แล้วคุณชิมก็เล่าประสบการให้ฟังตอนสั่งซื้อจี้ 12องค์  พอพัสดุมาถึงบ้าน เท่านั้นแหละลูกค้าเข้าร้านแบบไม่ขาดสาย จนขายของไม่ทันกันเลยทีเดียวค่ะ  พอเอาพัสดุออกจากร้าน คนก็ทยอย บางตาลงค่ะ

 

 

อนุภาพของจี้เวลารวมตัวกัน พลังโชค ลาภ ก็หมาศาลเช่นกันค่ะ

 

 

แค่นี้ก่อนนะค่ะ 

 

คุณชิมใด้ให้คนที่มีปัญหา สุขภาพ ลองสวมสร้อยที่มีจี้ทั้งหมด 9องค์

 

 

ป้าปุ้ปวดแขน ปวดขา เดินกระเพลกๆ ให้ดู พอใด้สวมจี้ ก็ยกมือขึ้นใด้ แล้วเดินตรง ในพริบตา น้องหลิน มีปัญหาเวลาเดินขาข้างขวาเดินใม่ค่อยตรงมาแตกำเนิดพอใด้สวมจี้ ก็เดินตรงใด้ ส่วนภาเอง ปวดหัวมากพอใด้สวม อาการปวดก็หายในพริบตา และอีกหลายๆๆท่านก็ใด้สัมผัสบารมีพระศรีอาริย์เช่นกันค่ะ ขอจบบรรยากาศของกิจกรรมวันที่6 ตุลาคมเท่านี้นะค่ะ

 

 

กราบขอบพระคุณพระศรีอาริย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆๆพระองค์ ท่านอาจารย์อุบล และครอบครัว อย่างสูงค่ะ

 

 

สาธุ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:59:10


ความคิดเห็นที่ 473 (1633153)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่มาเล่าบรรยากาศงานเข้าค่าย 13 รู้สึกอบอุ่นจริงๆ

งานค่าย 13 ในครั้งนี้มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป  จากงานเข้าค่ายอื่นๆ  ซึ่งน่าสนใจมาก  โดยเฉพาะ ท่าน อ.อุบล ได้เมตตาบอกความลับจักรวาลหลายๆอย่างกับเรา  ซึ่งพวกเราได้แต่ร้อง

อู้ฮู้ๆๆๆ   ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยในเวปไซค์ได้  รู้สึกเสียดายแทนคนที่ไม่ได้เข้าค่าย

ดังนั้นใครที่ยังประมาท ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง  ไม่ทำตามที่ท่านอาจารย์สั่งสอน  ท่านบอกให้ทำอะไรก็ไม่ทำ เช่น ทำบุญธรรมทาน  การไม่ปฎิบัติตามกฎระเบียบ  ซึ่งงานนี้ไม่มีเด็กเส้น ไม่มีอภิสิทธิ์ชน  ต่อให้คุณเป็นระดับผู้นำ ก็สามารถถูกคัดออกได้

 

ขอเหล่าบรรยากาศค่าย 13 ดีกว่า

ไปถึงบ้านสวนวันศุกร์เย็น ไปถึงก็เข้าช่วยในครัวเลย ไม่ได้เดินไปที่อื่น  แต่พอพี่แมวจัดที่นอนให้  ที่บ้านหลังใหม่หน้าห้องน้ำ  ซึ่งท่านอาจารย์เมตตาติดมุ้งลวด ปูเสื่อน้ำมัน และลงมือทำความสะอาดด้วยตนเอง ( กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์ด้วยค่ะ) เดินถึงหลังเวที ก็เกิดอาการชะงักงัน  โอ้แม่เจ้า  นี่เราทะลุมาอีกมิติรึเปล่า   ด้านหลังเวที เดิมมีกองดิน มีป้อมยามซึ่งต่อมากลายเป็นที่นอนของไก่  มีต้นมะม่วง ซึ่งมีข้าวของอุปกรณ์ค่อนข้างรก   แต่ปรากฎว่า กองดินหายไปกลายเป็นพื้นเรียบ  รอบต้นมะม่วงทุกต้น มีเก้าอี้ซึ่งดัดแปลงมาจากที่ระบายน้ำ วางรอบเป็นสี่เหลี่ยม   ไว้สำหรับนั่งเล่น มีการตกแต่งรอบต้นมะม่วงด้วยไม้ประดับ และตุ๊กตาต่างๆ   พื้นส่วนใหญ่ปูด้วยกระเบื้องสีแดง   มองดูแล้วเหมือนสวรรค์  เห็นแล้วน่านั่งเล่น   ดูแล้วสามารถเป็นลานธรรม อันร่มรื่น เย็นสบาย   ซึ่งคืนวันเสาร์ท่านอาจารย์ก็ได้จัดให้มีบาร์บีคิว  มันเทศ  ฟักทอง พิซซ่า แล้วท่านก็สอนธรรมะที่ลานธรรมแห่งนี้  มีความสุขมาก อากาศเย็นสบาย ได้กลิ่นหอมการบูรมาเป็นระยะ  ยุงก็ไม่มี หอมสดชื่น   แถมยังได้ถ่ายรูปหมู่กับท่านอาจารย์อีก 

แค่นี้ก่อนดีกว่า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:00:53


ความคิดเห็นที่ 474 (1633155)

 เช้าวันเสาร์ผมขับรถเข้ามาบ้านสวนพีระมิดพร้อมกับครอบครัว

เห็นพวกเราลูกบ้านสวนฯต่อแถวยาวเป็นสายพานส่งถังปูน

พร้อมเครื่องโม่ปูนที่ถูกนำมาใช้งานแล้ว

ซึ่งก่อนหน้านี้นอนหลับอยู่ข้างวิหารไม้ไผ่

โถ...นึกว่าจะลืมผมซะแล้ว  ทิ้งให้ตากแดด ตากฝน สนิมจับอยู่ตั้งนาน 

หลังจากเปลี่ยนมอเตอร์ใหม่ เติมน้ำมัน

ก็ตื่นขึ้นมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่ง

พอจอดรถและเสร็จธุระแล้วก็รีบกระโดดเข้าไปช่วยตักปูนโดยทันที 

สลับกับคุณธนาคนละหนึ่งถัง ถ้าไม่สลับกันมีหวังหลังผมแย่แน่ๆ

เพราะต้องก้มลงตักต่อเนื่องกันตลอดเวลา

ผมตัวสูงก็จะฝืนแรงโน้มของโลกเยอะกว่าคนหุ่นดีแบบคุณธนา

จริงๆแล้วไม่กล้าบอกว่ากำลังจะพ้นวัยกลางคน

นึกว่าตัวเองยังสามสิบยังแจ๋ว  ใกล้เลขห้าเข้าไปทุกที

พวกเราเทปูนฐานรากทั้ง ๒๘ หลุมเสร็จในช่วงเช้าวันเสาร์

ขออนุโมทนาสำหรับอาหารกลางวันแสนอร่อย

ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่า ก๊วยจั๊บ ขนมจีนและน้ำยา

เลือกได้สามระดับความเผ็ด

เผ็ดจนหูอื้อ ปากร้อนก็ต้องแกงไตปลา 

และคลายความเผ็ดด้วยรวมมิตร น้ำแข็งไสใส่น้ำแดง

ปิดท้ายด้วยไอติมแท่ง

เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว บ่ายก็รีบมาจองหลุม  ไม่ใช่ฝังตัวเองนะครับ  

แต่มาช่วยกันก่ออิฐสำหรับเทเสา

จากนั้นผมก็ แว๊บ...มาสร้างสมเด็จองค์ปฐมในช่วงบ่ายกับน้องวิน

ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำบริเวณเท้าและขา

โดยการปรับขนาดให้เหมาะสมและฉาบผิวให้เรียบร้อย

เพื่อความพร้อมในการประดับตกแต่งลวดลายต่อไป

ในตอนค่ำมีการนำเสนอฉากการเกิดภัยพิพัติจากภาพยนตร์

เห็นแล้วจะอึ้งตะลึงพรึงเพริดกับความน่ากลัว

ไม่อยากให้พวกเราประสบภัยพิบัติเหมือนในฉากภาพยนตร์

ชมการแสดงสองชุดสดใสน่ารักจากบรรดาสาวๆบ้านสวน

นำทีมโดยคุณอัมและป้าอุ๊

และการแสดงชุดสังข์ทองตอน รจนาเลือกคู่

สุดอลังการงานสร้างจากการจัดชุดของนักแสดงโดยคุณอร

และการเขียนบทที่ใช้เรื่องเดิมผสมผสาน

กับการสอดแทรกธรรมบ้านสวนฯ 

ได้แนวความคิดใหม่ๆในปัจจุบันได้อย่างลงตัว

ได้แง่คิดที่เป็นประโยชน์โดยคุณโฆษิต

ขอยกนิ้วให้คราวหน้าเอาอีกนะครับ

และขอแสดงความดีใจกับน้องกอหญ้า

ที่ได้ยกระดับมาเป็นพระมเหสีในคราวนี้

นึกว่าน้องกอหญ้าจะถูกนำไปหมักทำปู๋ยในถังของอาจารย์พันธ์ซะแล้ว

ผู้กำกับของเรานี่ช่างเลือกเนอะแสดงเป็นเจ้าเงาะ

สวมรูปเงาะแล้วดูแงะ แงะ  แงะ ว่าเล่นหรือว่าจริง

และสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกรูปแบบหนึ่งคือมีการทำ workshop

ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่เคยทำกันมาก่อน

มีการจัดแบ่งคนเป็นกลุ่มๆละ ๑๕ คน 

มีการจัดเตรียมหัวข้อให้แต่ละกลุ่มไประดมความคิดกัน

ให้คนในกลุ่มได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นกันอย่างถ้วนหน้า

กลุ่มผมได้รับหัวข้อ

ถ้าใครมาลบหลู่พระพุทธเจ้า

 

ท่านท้าวเวสสุวรรณ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราจะทำอย่างไร

ยากครับว่าจะทำอย่างไร 

เพราะพระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จับต้องไม่ได้ 

ต้องใช้ความรู้สึกและศรัทธา

ครั้นจะอธิบายให้เข้าใจเหมือนอย่างที่ปํญญาชน

เค้าทำกันเห็นจะไม่ได้ผล

พวกคนพาลที่ฝ่ายมารส่งมาต้องมีการตอกกลับ

แบบฉับพลันและต้องเหนือชั้นกว่า

และต้องให้ได้ผลฉับพลันและรวดเร็วด้วย

แต่ละคนก็ช่วยกันครับคิดครับโน่นนี่นั่น 

แต่ก็ยังไม่ได้ผล  ในทางปฏิบัติอาจจะไม่สัมฤทธิ์ผล

พอที่จะกำหราบพวกคนพาลสันดานหยาบที่ไม่ฟังเหตุผล

ถ้าเป็นคนมีการศึกษาและมีวุฒิภาวะก็อาจจะพูดถึงคำสอนของ

พระพุทธเจ้า เช่น เรื่องของธรรมะ  กฏแห่งกรรม

หรือยกพระไตรปิฏกมา

แต่คนเหล่านี้( พวกใต้โคลนตม ซึ่งพวกนี้สอนยาก )

ก็คงจะปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไร

ปวดหัวซิครับยังไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ

บางความคิดก็ให้ตอกกลับ

ถ้าคนในครอบครัวคุณเสียชิวิตหรือตัวคุณเอง  จะให้พระมาสวดมั๊ย

หรือจะปล่อยให้เน่าหรือเอาไปฝังโดยไม่มีพิธีกรรมใดๆ

สิ่งที่คุณมองไม่เห็น  ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง  เช่น สัญญาณโทรศัพท์ คลื่นวิทยุ  เชื้อโรคต่างๆ ฯลฯ   

หรือถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ชวนให้มาพิสูจน์ที่บ้านสวนกันเลยเชียว

ผลจะเป็นอย่างไรไม่รับประกันความปลอดภัย

แต่...พวกนี้จ้างให้ก็คงจะไม่มา

มาได้รับคำตอบที่ท่านอาจารย์อุบลให้ใช้ได้ในหลายสถานะการณ์

คุณเป็นใคร ทำความดีอะไรกับเขาบ้าง

ทำความดีได้เท่ากับท่านเหล่านั้นมั๊ย 

คุณมีสิทธ์อะไรที่ไปลบหลู่พระพุทธเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธ์

เป็นแนวทางที่จะตอบโต้แบบฉับพลันที่สามารถนำไปใช้ได้

พวกเราจึงถึง บางอ้อ 

หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนสถานที่มาคุยรวมกันที่ลานบาบีคิว 

ใต้ร่มมะม่วง  ปิ้งมันเผากันไปคุยกันไป

แต่ไม่ค่อยได้คุยหรอกเพราะมีของกินเต็มปาก

กำลังเอ็นจอยอี๊ดติ้ง

อ้าปากค้างกันอีกครั้งตอนคุณธนาให้คุณชิม

มาเล่าเรื่องการบูชาจี้สฟิ้ง

เมื่อ จี้สฟิ้ง ๑๒ องค์  ได้ถูกส่งไปที่ร้าน 

มีลูกค้าเข้าร้านแน่นจนลูกน้องไม่มีเวลากินข้าว

เป็นสิ่งที่ผิดปกติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

และเมื่อยกกล่องพัสดุไปไว้ที่อื่นลูกค้าจึงลดลง

เมื่อคุณชิมมาถึงบ้านสวนฯก็รีบบูชาจี้สฟิ้งทีเดียวห้อยเต็มคอ ๙ องค์

จัดหนักเลย  คุณชิมบอกสัมผัสถึงพลังจนร้อน

เอ..ทีร้อนนี่เพราะกระเป๋าแฟ๊บไปรึป่าว คุณชิม

ท่านอาจารย์อุบลเลยต้องให้พิสูจน์ว่า

ถ้ามีจี้หลายองค์แล้วพลังจะมีเพิ่มขึ้นมั๊ย

ป้าปุ๊ของเราคนแรก พอคล้องจี้ปุ๊บอาการปวดแขนและขาหายทันที

เอาละซิครับเกิดอะไรขึ้น

หลังจากนั้นก็แถวยาวเลยครับ อย่างนี้ต้องพิสูจน์

แต่ที่ประทับใจผมมากคือ

ป้าพร  หูที่ไม่ค่อยได้ยินต้องใช้เครื่องช่วยฟัง 

ตอนนี้ป้าพรได้ยินอาจารย์อุบลชัดมาก แอบนินทาป้าพรไม่ได้แล้วนะ

น้องลินลูกสาวอาจารย์พันธุ์และอาจารย์ณีเดินไม่ตรง

ขาข้างขวาเวลาเดินจะบิดเข้ามา  แต่พอคล้องจี้และลองเดินดูขาก็ตรง

ตกตะลึงกันไปเลย 

จำนวนจี้ที่เพิ่มขึ้นสามารถเพิ่มพลังในการบำบัดได้มากจริงๆ

หลายๆคนได้เข้ารับการพิสูจน์ด้วยตนเอง

แต่ผมง่วงนอนซะก่อน  แต่ทราบว่าดึกครับ ตีหนึ่งหรือตีสอง

ท่านอาจารย์ก็คงจะนอนสักตีสาม

ผมคงจะสวีทดรีมไปนานแล้ว 

เพราะวันนี้มีความประทับใจหลายอย่าง

มีความสุขมากครับ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชัย ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:09:16


ความคิดเห็นที่ 475 (1633158)

บรรยากาศ ค่าย 13

พจน์ได้ไปถึงบ้านสวนฯประมาณ 4 ทุ่มค่ะ พอไปถึงก็รู้สึกมีสิ่งที่แปลกตาไป โดยเฉพาะด้านหลังเวที หรือด้านหน้าพีระมิดทั้ง 5 องค์ ซึ่งถูกตกแต่งใหม่ ดูร่มรื่น สะอาดตา สวยงาม อย่างกับรีสอร์ทเลยค่ะ ชอบมากๆ และที่ถูกใจอีกอย่างก็ที่นั่งตามต้นไม้ที่ถูกดัดแปลงมาจากบล็อกปูนท่อระบายน้ำที่มีฝาปิดมาทำเป็นที่นั่งรอบต้นไม้ ซึ่งเป็นไอเดียที่บรรเจิดมากเลยค่ะ ชอบๆๆค่ะ

กิจกรรมวันเสาร์

-        ตื่นเช้ามาทุกคนก็ได้มารวมกันเพื่อออกกำลังกายกันค่ะ ซึ่งให้แต่ละคนออกมานำออกกำลังกายกันคนละ 1 ท่า แต่ก็ไม่ได้นำทุกคนเพราะคนเยอะค่ะ 

-        รับฟังการปฐมนิเทศเปิดค่าย13 จากท่านอาจารย์อุบลค่ะ ท่านอาจารย์บอกให้ทุกคน ท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์ให้ได้วันละ 99 ครั้ง ขึ้นไป ทำให้ได้ต่อเนื่อง 9 วัน แล้วจะทำให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายค่ะ และสามารถทำต่อไปเรื่อยๆให้ได้ตลอดก็จะดีมากค่ะ

-        หลังจากนั้นก็ร่วมทำบุญแรงกายกันค่ะ ในขณะที่ทำงานกันไปต่างคนก็ต่างพากันท่องคาถากันใหญ่เลย เห็นบางคนก็ท่องทำปากขมุบขมิบด้วยค่ะ ตั้งใจกันใหญ่เลย

-        กิจกรรมภาคกลางคืน มีการเต้นประกอบเพลงช้า เพลงเร็ว ซึ่งเนื้อเพลงจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะค่ะ และพจน์เองก็ได้มีโอกาสร่วมแสดงด้วย หลังจากนั้นก็ได้มีการเล่าประสบการณ์การใช้รหัสของแต่ละคน สำหรับตัวพจน์เองใช้เป็นประจำค่ะ โดยเฉพาะเกี่ยวกับน้องแมว ทั้งแมวป่วย แมวหาย ก็ได้ผลค่ะ หรือตัวเองป่วยก็ใช้ค่ะ และก็ได้บอกต่อให้กับลูกค้าที่มาซื้อของที่ร้านด้วย หลังจากนั้นท่านอาจารย์อุบลได้เมตตามอบอุปกรณ์ให้กับทุกคนที่มาแสดง ในขณะที่รับอุปกรณ์ ตอนนั้นพออุปกรณ์สัมผัสมือมีความรู้สึกว่าร้อนๆอุ่นๆค่ะ แต่ไม่กล้าพูด ได้แต่บอกกับท่านอาจารย์ว่ารู้สึกดี แต่ตอนนั้นก็รู้สึกดีจริงๆค่ะ ทั้งดีใจ ทั้งมีความสุขค่ะ การแสดงชุดถัดมาเป็นละครเรื่องสังข์ทอง ซึ่งมีเนื้อหา สอดแทรกธรรมะ ทั้งสนุก ทั้งฮา และโดยเฉพาะชุดที่ใส่ ขอบอก อลังการมากเลยค่ะ เรียกได้ว่าทุกท่านทุ่มเทกันสุดๆ ค่ะ

-        หลังจากนั้นได้มีกิจกรรมรูปแบบใหม่ คือ มีการแบ่งกลุ่มทำ work shop โดยมีหัวข้อให้แต่ละกลุ่มทำแตกต่างกันไป โดยคืนนั้นจะเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า เราจะมีวิธีจัดการอย่างไรกับผู้ที่มาปรามาสพระพุทธเจ้า ท่านท้าวเวสสุวรรณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงศีลทรงธรรม ท่าน อ.อุบล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ดร.อาจอง ฯลฯ ทั้งต่อหน้าที่เจอกัน และทางเว็ปไซด์ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และสามารถทำได้อย่างเป็นรูปธรรม หลังจากนั้นก็ได้มีปาร์ตี้มันเผาที่ด้านหลังเวทีกันค่ะ มีถ่ายรูปร่วมกัน แชร์ประสบการณ์ธรรมทานโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผู้ที่มีประสบการณ์ในการห้อยจี้พีระมิดทีละหลายๆองค์ โดยเฉพาะน้องชิมที่ห้อยจี้ทั้งหมด 9 องค์ และมีการทดลองกันโดยให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่ออกมาทดลองสวมจี้ของน้องชิมที่มี 9 องค์ ปรากฏว่าแต่ละคนหายจากอาการเจ็บปวดที่เป็นอยู่ บางคนก็ดีขึ้น มากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน แต่ที่น่าอัศจรรย์ที่สุด คือพี่ริน ลูก   อ.พันธ์ค่ะ ที่เวลาเดินเท้าจะผิดรูป พอสวมจี้แล้วลองเดินอยู่หลายรอบ ปรากฏว่าเท้าที่ผิดรูปสามารถเดินได้ตรงเหมือนคนปกติเลยค่ะ ทุกคนต่างตื่นเต้นกันใหญ่เลยค่ะ และป้าพรมีอาการหูตึงมาหลายปี พอสวมจี้หูกับได้ยินขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์เช่นกันค่ะ ทั้งที่เมื่อก่อนใครที่คุยกับป้าพร ป้าพรจะตอบกันคนละเรื่อง เพราะฟังไม่ได้ยิน เลยไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้ได้ยินแล้ว ได้ยินชัดด้วย ป้าพรดีใจมาก พจน์เองก็รู้สึกดีใจไปกับป้าพรและทุกท่านด้วยค่ะที่หายเจ็บ หายป่วยค่ะ

ยังไม่จบนะคะเดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อค่ะ...

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:18:32


ความคิดเห็นที่ 476 (1633159)

 

ค่ายนี้มีความพิเศษอีกอย่างคือ  ท่านอ.อุบล ได้จัดรูปแบบกิจกรรมใหม่  คือให้พวกเราแบ่งกลุ่มทำ Workshop 2 เรื่อง

เรื่องแรก ถ้าเราเจอกับคนที่ปรามาศท่าน อ.อุบล  พระพุทธเจ้า ในหลวง  ครูบาอาจารย์ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ  เราจะตอบโต้อย่างไรที่จะทำให้พวกนั้นหยุดได้ 

ซึ่งส่วนใหญ่พวกเราจะเน้น พูดสั่งสอนคนเหล่านั้น  ให้ความรู้ ซึ่งคนพวกนี้ไม่ฟังอยู่แล้ว  คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นบัวใต้โคลนตมอยู่แล้ว  การไปพูดธรรมะสั่งสอน  ย่อมไม่ได้ผล   ซึ่งเราควรจะเน้นใช้คำถาม  ถามกลับ เช่น ถามจริงๆ อ.อุบลทำความเดือดร้อนอะไรให้คุณ  หรือ อ.อุบลทำอะไรให้คุณเสียผลประโยชน์รึเปล่า ทำไมตั้งหน้าตั้งตาว่า หรือตำหนิท่าน  หรือ คุณดีเท่า อ.อุบลรึเปล่าถึงกล้ามาว่าท่าน     เพราะเบื้องหลังของคนพวกนี้ที่ปรามาศ อ.อุบล หรือแม้แต่ในหลวง มักมาจาก คนที่เสียผลประโยชน์จากการช่วยเหลือผู้คนของท่าน   หรือไม่สามารถอ้างชื่อพวกท่านทำมาหากินหาผลประโยชน์ได้  หรืออิจฉาริษาพวกท่าน เห็นคนส่วนใหญ่รัก และศรัทธาพวกท่านแล้วมันทนไม่ไหว   ไหนๆเราก็ใช้ชื่อท่านทำมาหากินไม่ได้แล้ว  ก็ทำลายซะเลย  ไปหาพวกหน้าโง่ ชีวิตมีแต่ความผิดหวัง ไม่มีใครคบ ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ ไม่เคยมีใครมาชื่นชม เป็นพวก Nobody แต่อยากเป็น Somebodyในทางชั่ว  หลอกคนพวกนี้เป็นเครื่องมือในการทำลายคนดีดีกว่า  ยืมมือคนอื่นฆ่าคนดีกว่า  คนพวกนี้มันไม่มีทางรู้ทันหรอก

เรื่องที่สอง   ตามหาพระศรีอาริย์

 ซึ่งพระศรีอาริย์ท่านมีคุณสมบัติใหญ่ๆ 2 ข้อคือ

1.ปราบมาร  โจทย์คือ พระศรีอาริย์จะปราบมารโดยใช้วิธีใด

2.นำพาผู้คนให้พ้นทุกข์เข้าสู่ยุคทองยุคที่มีแต่ความสงบสุข   โจทย์คือ พระศรีอาริย์จะนำพาผู้คนเข้าสู่ยุคทองได้ยังไง

ซึ่งเนื่องจากเป็น Workshop ครั้งแรก และพวกเราตีโจทย์ไม่แตก  คำตอบออกมาจะเป็นแนวพูดถึงธรรมะของพระพุทธเจ้า   แต่ไม่ได้วิธีที่ออกมาเป็นรูปธรรม  ซึ่งถ้าเราบอกหรือได้วิธีที่เป็นรูปธรรม  ตอบโจทย์ทั้ง 2 ข้อได้  ก็จะทำให้เรามีวิธีพิสูจน์เพื่อตามหาพระศรีอาริย์ได้

ถ้าเพื่อนๆมีไอเดีย หรือคิดว่าสามารถตอบโจทย์ทั้ง 2 ข้อนี้ได้ก็ลองแสดงความคิดเห็นมานะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:26:33


ความคิดเห็นที่ 477 (1633161)

 ค่าย13 ค่ายที่ต้องบอกว่า ว้าว...ว้าว...ว๊าว..!!! เลยครับ

1.เริ่มจากความประทับใจแรก

เพียงแค่เลี้ยวรถสู่ประตูทางเข้าบ้านสวน ก็เกิดความประทับใจอย่างแรกแรกด้วยน้ำตกที่กระทบแสงไฟและแวดล้อมไปด้วยเหล่าสรรพสัตว์นานาชนิดที่คอยออกมาทักทายต้อนรับผู้ที่มาเยือนเสมือนกำลังเข้าสู่ไนท์ซาฟารี

ผมไปถึงบ้านสวนคืนวันศุกร์ประมาณ 4ทุ่ม หลังจากลงทะเบียนก็เข้าที่พักซึ่งผมได้พักอาคารพักหลังใหม่หน้าองค์พีระมิด เมื่อเดินถึงหน้าอาคารพักก็ต้องตกตะลึงกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป อย่างกับพลิกผืนดินให้เป็นสรวงสวรรค์ยังไงยังงั้น เริ่มด้วยรอบต้นมะม่วงถูกจัดวางด้วยบล็อกปูนท่อระบายน้ำที่เพียงจับพลิกคว่ำลงกับกลายเป็นที่นั่งพักผ่อนอันแสนลงตัวและเหมาะสม หน้าองค์พีระมิดและอาคารพักที่พื้นถูกจัดเรียงด้วยกระเบื้องสีส้มแดง และทุกหลังจะมีโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ แวดล้อมด้วยหมู่มวลดอกไม้นานาพันธุ์ที่มีสีสันสดใสตัดกับสีเขียวของใบมะม่วงช่างงดงามอะไรเยี่ยงนี้ ประกอบกับอากาศที่เย็นสบายกำลังดี พร้อมด้วยถาดผลไม้ที่ห้อยลงมาจากกิ่งมะม่วงถูกจัดวางด้วยลองกอง มังคุด แอปเปิ้ล

ต้องบอกความรู้สึกส่วนตัวครับว่านี้บ้านสวนพีระมิดหรือสวรรค์เนรมิตกันแน่นี้  ความงดงามยังตรึงใจอยู่ และแทบทุกมื้ออาหารผมจะเดินมานั่งทานที่โต๊ะบริเวณนี้ครับ ลองนึกภาพดูซิครับ ได้ลิ้มรสอาหารที่แสนอร่อย พร้อมกับได้ชื่นชมบรรยากาศที่สวย สงบ ร่มเย็น  จะหาความสุขอย่างนี้ได้ที่ไหนครับ

เบื้องหลังแห่งความสวยงามตระการตานี้ ก็คือท่าน อ.อุบล ท่านลงมือทำด้วยตัวท่านเอง พร้อมด้วยญาติธรรมที่เสียสละเวลาเตรียมงาน และสถานที่ มีทั้งคุณแหวน แม่คุณแหวน อ.พัน อ.นี พี่เหมี่ยว พี่อมร น้องปอและท่านอื่นๆ ต้องขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์และญาติธรรมที่เตรียมงาน สถานที่ทุกท่านด้วยครับ

โอ้ย..ชื่นชมบรรยากาศแค่นี้ก่อน ขอตัวเข้าอาคารพักหลังใหม่ไปทักทายพี่ๆก่อนครับ

เดี๋ยวมาต่อนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:29:49


ความคิดเห็นที่ 478 (1633163)

ท่านอาจารย์ได้มอบหมายคุณธนาให้จัดทำคลิป ภัยพิบัติ และคลิปขอบภัยจากสัตว์ เช่น งู จระเข้ กระสือ เป็นต้น

คลิปภัยพิบัติ เป็นเนื้อเรื่องของหนังเรื่อง 2012 และ The day after tomorrow เป็นหนังฝรั่งที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ ทั้งอุกกาบาตพุ่งชนโลก ทำให้เกิดสึนามิสูงเสียดฟ้า แผ่นดินไหว น้ำท่วม เห็นภาพคนตกใจ วิ่งหนีไปคนละทิศละทาง   ดูแล้วรู้สึกหนาวในอก  คิดว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ที่กำลังหนี  และ เห็นคนตายต่อหน้าต่อมามากมาย เราจะยังมีกำลังใจที่พยายามจะหนีเพื่อให้มีชีวิตรอดรึเปล่าน้า  หรือถ้ารู้ว่ายังไงก็หนีไม่รอด จะวิ่งทำไมให้เหนื่อย ยืนรอความตายอย่างสงบดีกว่ามั๊ย อันนี้ท่าจะยาก  เพราะธรรมชาติเราต้องหนีสุดชีวิต รอด ไม่รอดค่อยว่ากันอีกที

อีกคลิป เป็นการรวบรวมคลิปสัตว์ต่างๆที่ทำร้ายกันเอง  ฆ่าคน กินคนบ้าง ดูแล้วก็หนาว  แต่ประทับอยู่คลิปซึ่งเป็นการสะท้อนพฤติกรรมของตัวเองมากๆ  ก็คือ คลิปแม่ควาย และลูกควาย กินหญ้าในทุ่งกว้างใกล้แม่น้ำ  ต่อมามีสิงโตหลายตัวมาตามล่า  ซึ่งสิงโตเหล่านั้นจับได้ลูกควาย  ทั้งๆที่ลูกควายหนีลงน้ำ  พวกสิงโตพยายามลากลูกควายขึ้นจากน้ำ  ขณะยื้อยุดกันอยู่นั้น  ก็มีจระเข้มาดึงลูกควายเพื่อแย่งสิงโต  ยื้อยุดไปมา  เห็นภาพหนีสิงโต ปะจระเข้อย่างชัดเจน   ซึ่งระหว่างนั้น แม่ควายได้วิ่งหนีไป   สักพักขณะที่สิงโตชนะจระเข้  สามารถลากลูกควายขึ้นฝั่งได้  ก็เห็นภาพฝูงควายฝูงใหญ่ วิ่งห้อ ตะบึงมากลุ่มใหญ่ ตอนดูอยู่นึกดีใจว่าลูกควายรอดแล้ว  เพื่อนๆมาช่วยแล้ว  แต่ไม่น่าเชื่อ  พอฝูงควายวิ่งมาถึงลูกควายที่กำลังถูกสิงโตรุมทึ้ง   พวกมันกลับหยุดอยู่รอบๆแล้วยืนดูเฉยๆ  ทั้งๆที่พวกควายตัวโตกว่าสิงโต  จำนวนมากกว่าเป็นฝูง  สิงโตแค่ 4-5 ตัว ควายไม่ทำอะไร ยืนดูตาปริบ  ทั้งๆที่ภาพตอนวิ่งห้อมาดูน่าเกรงขามมาก  สุดท้ายมีควายผู้นำ 1 ตัวได้ออกมาเตะสิงโตกระเจิง และวิ่งไล่  เตะสิงโตบางตัวให้ไปไกลๆ  แต่ยีงมีสิงโตบางตัวกลับมารุมทึ้งลูกควายเหมือนเดิม  ซึ่งควายที่เหลือก็ยังยืนดูเฉยๆ

ท่านอาจารย์ถามว่าพวกเรารู็สึกคุ้นๆกับพฤติกรรมของฝูงควายพวกนี้รึเปล่า

ฮะ ฮะ นี่มันพฤติกรรมพวกเราลูกบ้านสวนฯนี่นา  บอกท่านอาจารย์ว่าเราจะช่วยกันกอบกู้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เสียงดังแข็งขัน ฟังดูฮึกเหิม  เหมือนฝูงควายตอนที่วิ่งมา  แต่พอมีคนมาจาบจ้วงล่วงเกินในหลวง  หรือแม้แต่ท่าน อ.อุบล เรากลับนิ่งเฉยไม่ได้ทำอะไรที่ปกป้องพวกท่านเลย  ทั้งๆที่พวกเรามีจำนวนมากกว่า  คนที่จาบจ้วงเป็นคนกลุ่มน้อยไม่กี่คนเท่านั้น  ม้อ ม้อ  

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:49:32


ความคิดเห็นที่ 479 (1633164)

ความประทับใจจากการเข้าค่าย 13

 
อันดับแรก คือ การจัดสถานที่ มีการปรับปรุงทัศนียภาพ
โดยพื้นที่บริเวณด้านหน้าองค์ปิรามิดด้านหน้าห้องน้ำ
ได้ถูกพัฒนาสร้างเป็นห้องพัก
บริเวณโคนต้นไม้ มีกาารนำรางคอนกรีตมาวางประกบ
กันเป็นม้านั่ง ปรับพื้นดินให้เรียบและแน่น และมีการตกแต่งประดับประดาสถานที่อย่างงดงาม
 
ซึ่งต้องขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนในเรื่องนี้ทุกคนครับ
 
ด้านอาหารการกิน บ้านสวนฯ ยังคงอุดมสมบูรณ์
มีญาติธรรมหลายท่านเป็นเจ้าภาพนำอาหารมาเลี้ยง
เป็นสังฆทานทั้ง อาหาร ขนม ผลไม้ เท่าที่จำได้
มีคุณอัม คุณอร อุ่นศรี คุณสิทธิ์ (ที่ไม่ได้มาแต่รับเป็นเจ้าภาพน้ำแข็ง)
และอีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวนามมา
และมีคุณแมว คุณอัง แม่น้องต้นอ้อที่อาการดีขึ้นแล้วเป็นแม่ครัว
รวมทั้งผู้ช่วยคนอื่น ๆ เช่น น้องภา ขออนุโมทนาบุญครับ
 
มีการปรับเปลี่ยนระบบเครื่องนอน คือ หมอน และผ้าห่ม
ซึ่งเดิมเก็บไว้ที่เรือนไม้ไผ่ ซึ่งแมวเหมียวมักจะไปฉี่รด
มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ จึงได้ย้ายมาเก็บไว้ที่โรงทาน
และให้มาลงชื่อเบิก โดยมีคุณแมว รับภาระในการจัดการ
โดยคุณแหวนและคุณแม่ ช่วยกันซักผ้าห่มให้ผู้เข้าค่าย
ได้ใช้นอนอย่างหอมสดชื่น ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 
กิจกรรมภาคกลางวัน วันเสาร์ เรามีการทำบุญแรงกาย
ก่อสร้างอาคารที่สร้างเชื่อมกับอาคารอเนกประสงค์
ส่วนด้านการเกษตร ก็ช่วยกันถางหญ้าและยกร่องแปลงผัก
แปลงเผือก แปลงมันสำปะหลัง
 
โดยมีคุณแม่ของน้องตั๊กและพี่ชายของคุณน้อยจากอุดร
เป็นหัวเรียวหัวแรงในเรื่องนี้ ส่วนผม คุณนก (สุรดา) พี่สมจิต
คุณแหม่ม และคุณหมอวัฒน์ก็ช่วยกันถางหญ้าและขุดแปลงผัก
ช่วยถ่ายปุ๋ย และกากปุ๋ยออกเพื่อเปลี่ยนถังหมักปุ๋ยใหม่
ตกเย็นอาจารย์พันธ์ พี่จิ๋ม คุณกุ้ง(นักข่าว TNN)
ผมและคุณนักข่าวชายจากมติชน (ขอประทานโทษที่จำชื่อไม่ได้)
ก็นำปุ๋ย BIO และปุ๋ยผักที่ถ่ายไว้ไปรดนาข้าว 2 แปลง
ที่เริ่มขาดปุ๋ย ออกอาการใบเหลืองน่าเป็นห่วงครับ
 
ส่วนวันอาทิตย์มีการปรับปรุงโดยแบ่งกลุ่มร่วมกันทำ workshop
ตามหัวข้อต่าง ๆ ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ของบ้านสวนฯที่จัดขึ้น
เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันแสดงความคิด
ซึ่งสิ่งที่ได้ก็คือการพัฒนาภูมิธรรมของแต่ละคน
รวมทั้งการหายจากอาการเจ็บป่วย ทุกข์ทางกายทางใจ
ซึ่งจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับตามความตั้งใจของแต่ละคน
ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรม
 
ตัวอย่างเช่น กลุ่มของผมซึ่งไม่ขอออกนาม เพราะพี่อมรหัวหน้ากลุ่ม แกบอกว่าเป็นพวกบ้ากาม ต่างมารวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ในการทดสอบใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์เพื่อช่วยเพื่อนในกลุ่มให้หายจากปัญหาความทุกข์ต่าง ๆซึ่งเป็นที่น่าภาคภูมิใจว่า เราสามารถเชื่อมโยงกรรมจากการผิดศีลข้อสามหรือกาเม ไปสู่กรรมจากการผิดศีลข้ออื่น ๆ ทั้งตนเองและคนอื่นที่เราไปเกี่ยวข้องด้วย  เช่น ตัวผมเองที่ยอมรับว่า บ้ากามตัวจริง รักสนุกไปวันๆ กะล่อน ปลิ้นปล้อน ผิดศีลข้อกาเมยังไม่พอ ยังผิกศีลข้อมุสา อีกด้วย และชีวิตก็เจอแต่คนประเภทเดียวกัน จึงหาแฟนไม่ได้สักที น้องตุ้ย ที่ภูมิใจในความงดงามของตนเอง ที่สามารถสับรางผู้ชายได้ถึง 3 คน ในที่สุดก็ต้องช้ำใจเพราะผู้ชาย 1 ในสามคนนั่นเอง น้องมิ้ม ที่มีปัญหาเรื่องความรักไม่สมหวัง เพราะธุรกรรมคล้ายๆ น้องตุ้ย หรือ พี่อมร ที่รับถ่ายรูปศิลป์ (ภาพไม่ใส่เสื้อผ้า) มีการเชียร์ให้เค้าถ่าย ซึ่งสมมติว่า เจ้าของภาพ นำภาพที่ถ่าย ไปใช้ยั่วยุกามารมณ์ ขายบริการ ทำให้คนอื่นผิดศีลกาเม หรือหลอกเงินทำให้คนอื่นเสียทรัพย์ผิดศีลข้อสอง กรรมเหล่านี้ก็จะตกเป็นของพี่อมรด้วย เพราะเป็นต้นเหตุ กรรมเหล่านี้ก็จะรวมตัวทำให้เกิดอุปสรรค ความทุกข์ในชีวิต
 
สารภาพกันไป ก็ต้องคอยสอนน้องบัว และน้องพาย เด็กที่หลุดมาอยู่ในกลุ่มของเราด้วย ว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำแล้วจะมีผลอย่างไร สงสารเด็ก ๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จริง ๆ อายเด็กก็อาย
 
และเราสามารถนำจี้ของทุกคนมารวมกัน โดยทุกคนยังคงใส่จี้ไว้กับตัว ไม่ได้ถอดออกมา โดยจินตนาการว่า มีองค์เทพสฟิงซ์ประทับตรงกลางกลุ่มพวกเรา ขณะที่บำบัดให้สมาชิกในกลุ่มด้วย หลังจากเราสารภาพบาปแล้ว ก็ตรวจสอบอาการ ก็พบว่า อาการเจ็บป่วยก็หายและทุเลาลง เช่น ป้าติ๋ม เจ็บไหล่น้อยลง สะบักขวาของผมที่ปวดก็หายอย่างน่าอัศจรรย์
 
เอ เขียนไปเขียนมา เลยรู้โฉมหน้าคนบ้ากามเกือบหมดเลย ต้องขออภัยทุกท่านที่เอ่ยนามด้วยครับ
 
ที่สำคัญ คือ กิจกรรมเกี่ยวกับการตามหาและวิธีการเผยแพร่พระธรรมของสมเด็จพระศรีอาริย์เมตไตรย์ ซึ่งทุกกลุ่มยังไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งเพราะทุกคนไม่ได้ตั้งใจตามหาพระองค์ท่านอย่างจริงจัง ซึ่งสอดคล้องกับธรรมทานในกระทู้ตามหาสมเด็จท่านของเว็ปบ้านสวนฯ ที่ไม่ค่อยมีใครไปแสดงความคิดเห็น
 
กิจกรรมภาคกลางคืน ในคืนวันเสาร์ ก็มีการแสดงรีวิวประกอบเพลง นำโดยคุณอัม ที่นำนักแสดงหญิงล้วนมาเต้นประกอบเพลงเชิดชูพระคุณท่านอาจารย์อุบล ทุกคนแสดงได้ดีแม่จะเพิ่งมาเจอกันจากเกือบทั่วทุกภาค ด้วยชุดแต่งกายที่สดใสสวยงาม (รวมทั้งป้าอุ๊ ที่ไม่น่าเชื่อว่าอายุจะมากแล้ว แต่ที่ยังสาวอ่อนกว่าวัย ก็เนื่องจากได้ทำหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์)  ส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นละครจักร ๆ วงศ์ ๆ เพื่อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เรื่อง สังข์ทองตอนรจนาเลือกคู่ ซึ่งพระธิดาสะเก็ดดาว (พี่เหมี่ยว) และรจนา (น้องเบส) ต่างแจ้งเกิดในค่ำคืนเดียว งานนี้ต้องขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับนักแสดงทุกคนที่ต่างตั้งใจละอัตตากันเต็มที่  คุณอรที่สนับสนุนเครื่องแต่งกาย น้องตุ้ยและก้อยที่มาช่วยเรื่องการแต่งหน้านักแสดง น้องเอิ้นที่ช่วยเปิดเพลงประกอบ และท่านอื่น ๆ ที่ขออภัยหากขาดตกบกพร่องไป
 
การแสดงทุกชุดแม้ไม่ค่อยได้ซักซ้อมกัน แต่ก็ประสบความสำเร็จด้วยความสามัคคีของทุกคนครับ
 
ภาคดึกก็มีปาร์ตี้บาร์บีคิวมันเผาบริเวณที่ปรับปรุงใหม่ ท่านอาจารย์ได้เมตตาให้ถ่ายรูปหมู่กับท่าน และมีการจัดกิจกรรมแชร์ประสบการณ์ในการใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์ในการรักษา ซึ่งพบว่า ใช้วิธีของน้องชิม จากนครสวรรค์ที่ห้อยจี้ถึง 9 องค์ก็สามารถช่วยให้หูของป้าพรที่ตึงมา 5 ปี และขาของน้องลินที่เดินขาบิด กลับขาตรงได้อย่างฉับพลันทันที
 
ท่านอาจารย์ต้องการให้ทุกคนเร่งสร้างบุญกัน ท่านจึงเข้มงวดทำหน้าที่ของลูกหลานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในการเข้ามาเขียนธรรมทานทั้งในเว็ปและเฟสบุ๊ค การปกป้องบ้านสวนฯ การไม่ปล่อยจิตให้ตกไปในฝ่ายมาร โดยการสำรวมกาย วาจา ใจไว้เสมอ แต่ละวันตื่นเช้ายังไม่ลุกจากที่นอน ก็ขอให้สวดคาถาบูชาสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ คาถาปะโตเมตังและคาถาเงินล้าน และสามารถสวดได้ตลอดวัน ได้ทุกอิริยาบท นั่งเดิน ยืน นอน และก่อนนอนก็ทำเช่นเดียวกัน จะสวดโดยออกเสียงหรือในใจก็ได้ ตอนนอนก็สวดไปจนหลับเพื่อให้เป็นฌาน โดยคาถาบูชาสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์ ขอให้สวดให้ได้อย่างน้อยวันละ 99 จบ เป็นเวลา 9 วัน ก็จะหลุดพ้น และเร่งช่วยกันเผยแพร่รหัสจักรวาลและใช้จี้ช่วยบำบัดเพื่อเปลี่ยนแปลงคนอื่นให้พ้นทุกข์ โดยเปลี่ยนคนให้เป็นคนดีให้มากที่สุด นอกจากนี้เราสามารถเพิ่มพลังของจี้ในการรักษาคนอื่นโดยไม่ต้องห้อยจี้หลาย ๆ องค์ โดยการนึกถึงคนที่เรารักที่สวมจี้ เพื่อนำพลังจากจี้ของคนนั้น ผ่านมารวมกันที่เราในการรักษาคนอื่นได้ ซึ่งผมคิดว่า สิ่งที่จะขาดไม่ได้ในการรักษา คือ ความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ที่ปรารถนาให้เค้าพ้นทุกข์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และคนที่เรานึกถึงเพื่อขอพลังจากจี้ก็ต้องเป็นคนที่เรารักด้วยความบริสุทธ์ใจ จึงจะสามารถรวมพลังมาที่จี้ของเราเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้
 
และอย่าลืมแผ่บุญให้เทพ จิตวิญญาณและสัตว์นรกให้เค้าพ้นทุกข์ แล้วเค้าจะมาคอยช่วยเหลือเรา ซึ่งท่านอาจารย์ได้เคยทำมาก่อนจนถึงปัจจุบันก็ทำทุกวัน เทพพรหมถึงได้ตามรักษาท่านเป็นจำนวนมาก
 
ธรรมทานนอกจากจะเป็นทานที่มีอานิสงส์สูงมากแล้ว ท่านอาจารย์ยังส่งบุญให้ผู้เขียนทุกท่าน ตามตัวอักษรที่แต่ละท่านเขียนกันอีกด้วย ดังนั้นเข้ามาเขียนธรรมทานกันให้มาก ๆ นะครับ 
 
ผมขอกราบขอบพระคุณสมเด็จพระศรีอาริยเมตรไตรย์ ท่านอาจารย์อุบล ที่ทำให้อาการเจ็บป่วยปวดแขนซ้าย ตึงขาขวา คัดจมูก และปวดต้นคอครับ หายไป 90%
 
ซึ่งท่านอาจารย์บอกว่า หายแค่นี้ก็ดีแล้ว เนื่องจากผมไม่ค่อยได้เขียนธรรมทาน และไม่ค่อยปกป้องเว็บบ้านสวนซึ่งผมต้องกราบขอบขมาเป็นอย่างสูง รวมทั้งตกใจจนไม่ได้พูดกราบขอบพระคุณสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์และท่านอาจารย์บนเวที และจะตั้งใจปรับปรุงตัวครับ
 
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:56:01


ความคิดเห็นที่ 480 (1633166)

กิจกรรมเข้าค่าย13นี้ ท่านอาจารย์เน้นย้ำเรื่องเขียนธรรมทาน

ท่านอาจารย์เมตตาเล่าให้ฟังว่าการเขียนธรรมทานของท่านอาจารย์ ต้องเขียนทุกวัน เขียนให้มากกว่าเดิม แม้กระทั้งก่อนนอน อาบน้ำ แต่งตัว ตลอดเวลา  แล้วท่านอาจารย์ ก็ไล่อ่านทุกธรรมทาน แล้วส่งบุญให้ทุกๆๆธรรมทาน

ท่านอาจารย์พูดว่า หน้าที่ของท่านเกิดมาเพื่อช่วยเหลือคนอื่น

เป็นบุญเหลือเกินค่ะที่ลูกใด้รู้จักครูบาอาจารย์ที่ดี  ฟังแล้วน้ำตาคลอ  ทราบซึ้งในความเมตตาค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่เมตตาให้ลูกใด้เข้าค่าย13

ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ช่วงสัมผัสบารมีพระศรีอาริย์

ลูกมีอาการปวดเเขนทั้งสองข้าง ปวดเหงือก เคืองตาข้างขวา

พอยืนเข้าแถวรอข้างล่าง ท่านอาจารย์อาราธนาบารมีพระศรีอาริย์

อาการปวดแขน ดีขึ้น 50%

พอขึ้นเวทีไกล้ท่านอาจารย์อาการปวดเหงือกก็หาย อาการเคืองตาก็หาย

อาการปวดเเขน ดีขึ้นเป็น 80 % พอเดินผ่านท่านอาจารย์ อาการปวดเเขนหาย100%เต็ม ค่ะ

บ่ายนั้นมีคนปวดเเขนเยอะมากค่ะ เป็นเพราะไม่ชอบเขียนธรรมทาน  ชอบเป็นชาวเกาะอ่านธรรมทาน

ท่านเลยจัดหนักให้ทุกคนทราบสาเหตุุแห่งทุกข์  หลายๆท่านก็สัญญาว่าจะเขียนธรรมทานให้มากขึ้น

สาธุค่ะ




ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:00:12


ความคิดเห็นที่ 481 (1633167)

ขอย้ำอีกครั้งครับ!!

ก่อนเขียนธรรมทานใดๆขอให้พิจารณาให้ดีๆว่าสิ่งใดที่ท่านอาจารย์อุบลอนุญาติให้เขียน และสิ่งใดที่ท่านไม่อนุญาติให้เขียน เพราะบางสิ่งสำคัญมากเป็นความลับที่ให้รับรู้เฉพาะคนที่เข้าค่าย13เท่านั้น

การฝ่าฝืนจะทำให้ท่านได้รับเคราะห์กรรมอย่างหนัก และส่งผลต่อครอบครัวและคนรอบข้างของท่านเอง เรื่องรอดในวันเกิดภัยใหญ่นั้น...หมดหวังครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:05:27


ความคิดเห็นที่ 482 (1633168)

เข้าค่าย 13

วันศุกร์ก่อนวันค่าย ขวัญมาถึงบ้านสวนตอนบ่ายๆ ก่อนเล่า หนูขออนุญาตกราบขอขมาท่านอ.อุบล และทุกท่านที่เกี่ยวข้องค่ะ คือหนูนำน้ำมันโซล่ามาร่วมบุญแต่ว่าไปวางที่หน้าบ้านไม้ไผ่ ลืมไปวางหน้าบ้านท่านอาจารย์ค่ะ ทำให้ท่านต้องลำบากย้ายที่

ผลจากการเคยดื่มแอลกอฮอล์ เคยว่าคนอื่นว่าขี้ลืม ทำให้หนูสะเพร่า ชอบไม่มีสติ เป็นคนไม่ละเอียด ยังลืมวางกระดาษกับปากกาตอนทำเวิร์คช็อปที่ม้านั่งหน้าโรงทาน ตั้งใจจะไปสร้างบุญแต่กลับไปสร้างบาปเพิ่ม อยู่บ้านก็วางของไม่เป็นระเบียบ ลืมทิ้งขยะบ้าง เห็นขยะบางทีก็ขี้เกียจเก็บ แล้วการทำให้สถานที่ไม่เรียบร้อยสกปรก ส่งผลให้เกิดกรรมผิวพรรณด้วยจริงๆค่ะ 

******************

ตอนมาถึงบ้านสวน แรกเห็นคือความเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนทุกครั้งที่มาค่ะ มีสิ่งก่อสร้างผุดขึ้นมา แต่ครั้งนี้เหมือนถูกเนรมิตใหม่ ข้างหน้าบ้านตกแต่งด้วยน้ำตก ไม้ประดับ ตุ๊กตาสัตว์ และอื่นๆ รู้สึกสดชื่นตั้งแต่เห็น และตรงบริเวณหน้าห้องน้ำใกล้ทางเข้ามีอาคารนอนเพิ่ม มีที่นั่งประยุกต์จากท่อระบายน้ำ ม้านั่ง มีกระเช้าผูกลงมาจากต้นไม้ใส่ขนม ผลไม้ และต้นไม้ก็ตกแต่งด้วยตุ๊กตาสัตว์ รอบๆตกแต่งด้วยไม้ประดับ บรรยากาศร่มรื่นมากๆ และเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะกับการฟังธรรม สนทนาธรรม เห็นได้ชัดถึงความรักที่ท่านอาจารย์มีต่อลูกหลานว่าไม่มีประมาณจริงๆค่ะ

กิจกรรมบุญในวันนั้นคือ สร้างวิหารทาน ผสมปูน ส่งต่อถังปูน เทปูน ประดับตกแต่งบ้านสวน และอื่นๆค่ะ

******************

วันเสาร์ ตอนเช้า ออกกำลังกาย ต่อด้วยถางหญ้าที่แปลงเกษตร หลังทานข้าวเช้า ก่อนปฐมนิเทศน์ พี่ธนาได้แนะนำว่า พวกเราควรตั้งใจทำบุญสร้างบารมีเพื่อช่วยสามร่มโพธิ์ศรี หากต้องการทำบุญเพราะมีความอยากนำหน้า ก็อาจไม่ได้บุญเลย เพราะเจตนาไม่บริสุทธิ์ เจือด้วยกิเลส หวังผลตอบแทน ช่วงปฐมนิเทศน์จากท่านอ.อุบล หนึ่งในสารสำคัญคือสวดคาถาบูชาพระศรีอาริย์ เมตตานะ ศรีอาริยเมตโต พุทธานะมะ สันติเกโล อนาคามิ 99 ครั้งต่อวัน ให้ครบ 9 วัน ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ทำอะไรก็ภาวนาคาถาไป ขวัญคิดว่าเกิน 99 ครั้งยิ่งดีแน่ๆและทุกคนต้องพิสูจน์ดูความเปลี่ยนแปลงกับจิตใจและชีวิตตัวเองและนำมาเล่าเป็นธรรมทานค่ะ

จบการปฐมนิเทศน์ ก็เป็นกิจกรรมทำบุญแรงกายตลอดทั้งวัน เช่น สร้างเสาวิหารทานด้วยการเทปูน ก่ออิฐ ถมเสาวิหารทานใหม่ด้วยเศษปูนกระเบื้องจากการรื้อวิหารทานเก่า ตัดเหล็ก ผูกเหล็ก ปลูกต้นมะพร้าว

ตอนกลางคืน มีการแสดงสองชุด ชุดแรกเต้นประกอบเพลง 2 เพลงเตรียมโดยคุณอัม จากจ.สุพรรณบุรี เพื่อถ่ายทอดความรักถึงท่านอ.อุบลโดยเฉพาะ แล้วสาวๆที่เต้นก็มาจากหลายจ. และซ้อมเพียงชั่วโมงเดียวโดยประมาณ แต่ผลออกมาสวยงาม ทำให้ซาบซึ้งไปกับเนื้อเพลงด้วยค่ะ

หลังจากนั้นแต่ละท่านก็ได้เล่าผลการใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย ซึ่งทุกท่านใช้ได้ผลกันหมด เช่น พี่พจน์ ใช้รหัสตามหาแมว ก็เจอ พี่แหวน ใช้รหัสทำให้หาของเจอ และท่านอาจารย์ก็ให้อุปกรณ์พีระมิดเป็นรางวัลการละอัตตาตัวตนแด่นักแสดง ซึ่งทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลัง บางคนปิติ ขนลุก บางคนรู้สึกถึงพลังไหลเข้ามาในตัว

พี่ปอที่ร่วมเต้นเล่าว่าหายปวด(จำไม่ได้ว่าที่ไหนค่ะ)หลังจากเต้นเสร็จ องค์ประกอบส่วนหนึ่งที่ทำให้หายคือความตั้งใจจริง เพราะก่อนหน้านี้ไม่เต็มใจจะขึ้นแสดง

การแสดงชุดที่ 2 ดัดแปลงจากสังฆ์ทอง ซึ่งสอดแทรกธรรมะมากมาย เช่น การใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย การบำบัดด้วยจี้สฟิงซ์ อย่างในการแสดง พระราชาสารภาพว่า เป็นชู้กับแม่นม ซึ่งเป็นการผิดศีลข้อกาเม ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ และนักแสดงทุกท่านก็ได้รับรางวัลเป็นอุปกรณ์พีระมิด

ขอตัดมาที่หลังจากทำworkshop ไปนั่งฟังธรรมจากท่านอาจารย์ที่ลานฟังธรรมใหม่ที่ร่มรื่น สงบสุข ให้บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อนที่รีสอร์ต ถ่ายรูปกับท่านอาจารย์ ฟังธรรมทานจากหลายๆท่าน เช่น

1.พี่ชิม ได้รับพัสดุจี้ที่ได้โอนเงินบูชา หลายองค์ด้วยกัน ซึ่งทำให้คนเข้าร้านมากผิดปกติ มีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้นที่มีพัสดุห่อนี้อยู่ในร้าน จนขายของไม่ทัน ลูกน้องแทบไม่ได้แตะข้าว เลยยกพัสดุออกไปนอกร้าน คนถึงค่อยๆซาลง

2.คุณสมจิตที่ได้บูชาจี้ไป 3 องค์จากพี่แมว โทรมาเล่าให้พี่แมวฟังว่า สวมจี้ แล้วภาวนา นะมะ พะธะ อยากทราบว่าจักรวาลคืออะไร ก็เห็นแสงส่องมาที่ตัว แล้วดวงจิตก็ได้ตามแสงนั้นไปและได้ทราบคำตอบ

3.คุณเบญจรัตน์ ได้ทำ powerpoint ให้ลูกน้องดูเกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิด รหัสจักรวาลอ.อุบลช่วยด้วย สารภาพบาปเพื่อบำบัดทุกข์ ทำให้ลูกน้องศรัทธาฝากบูชา จำไม่ได้ว่าจี้หรืออุปกรณ์พีระมิดค่ะ

หลังจากนี้ ช่วงชมบารมีพระศรีอาริย์ ท่านอาจารย์ได้ให้ทุกคนที่มีอาการเจ็บป่วยคล้องจี้ 9 องค์ของพี่ชิม และนับ 1,2,3,… ว่าหายเมื่อถึงเลขอะไร สำหรับขวัญปวดแขน 2 ข้างและปวดท้อง เพียงแค่ลุกขึ้นมาจะไปพิสูจน์ อาการปวดแขนก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พอสวมจี้ 9 องค์ใกล้ท่านอาจารย์ อาการปวดแขนก็หายอย่างรวดเร็วเมื่อถึงเลข 10 และคิดว่าอาการปวดท้องก็หายค่ะตอนนั้น ทุกๆคนที่เจ็บป่วยและสวมจี้ 9 องค์ใกล้ท่านอาจารย์ ก็มีทั้งหายหรือดีขึ้นมากๆ

พี่ลิน เท้าตรงขึ้น ก่อนหน้านี้เวลาเดินเท้าไม่ตรง

ป้าพร ที่หูแทบไม่ได้ยินเสียง ต้องพูดใกล้ พอสวมจี้ 9 องค์ ก็ได้ยินเสียงท่านอาจารย์ชัดขึ้นมาก

อ.ณี หายปวด ไม่แน่ใจว่าเข่า/ขา/เท้าค่ะ

คืนนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความสุข กราบขอบพระคุณพระศรีอาริย์ ท่านอ.อุบล เทวดารักษาท่านอ.อุบลทุกพระองค์ค่ะ

(ยังมีต่อค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:14:02


ความคิดเห็นที่ 483 (1633169)

 

ความลับจักรวาลอีกเรื่องถูกเปิดเผย

เริ่มมาจากน้องชิม จากนครสวรรค์ ได้บูชาจี้สฟริงซ์ 11 องค์ รวมของตัวเองอีก 1 องค์เป็นทั้งหมด 12 องค์  ซึ่งวันที่พัสดุมาส่ง  ปรากฎว่าวันนั้น  มีเหตุการณ์พิเศษแปลกมาก   คือขายของดีผิดปกติ ลูกค้าเข้าร้านตลอด ไม่ได้นั่งเลย ขนาดลูกน้องท่านข้าวไม่ทันหมดจาน จนข้าวแห้งติดจานทีเดียว  ทั้งๆที่ร้านน้องชิมขายอุปกรณ์ตัดเย็บ ไหมพรม ซึ่งไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภคอะไร  ซึ่งเหตุการณ์เกิดสดๆร้อนๆ ก่อนมาเข้าค่าย 13 

เอาละสิ  พวกเราหูผึ่งทันที  เพราะมาวันนี้น้องชิมสวมจี้องค์สฟริงซ์ 9 องค์   ท่านอาจารย์บอกให้พวกเราพิสูจน์ซิ ว่าจำนวนองค์สฟริงซ์มีผลจริงๆรึเปล่า   ก็เลยให้คนที่มีอาการเจ็บป่วย เจ็บปวดอะไรอยู่ให้น้องชิมถอดจี้มาถือไว้  จะอธิษฐานร่วมด้วยก็ได้ไม่ต้องสารภาพบาป  ปรากฎว่ามีทั้งอาการหาย 100% หรือดีขึ้นมากๆ  ซึ่งคนที่ไม่หายทันที มักจะทำกรรมหนัก  ซึ่งมีตัวอย่าง เช่นป้าอุ๊ จากกาญจนบุรี  เป็นคนแรก ปวดแขน ยกแขนไม่ขุ้น ปวดขาหรือหลังไม่ชัวร์  พอถือจี 9 องค์ ปรากฎว่าหาย 100% ยกแขนขึ้นทันที หายปวดขา หรือหลัง, น้องลิน ลูกสาว อ.พันธ์ หัวหน้าเกษตรของเรา  เดินเท้าขวาบิดเข้าหาตัว  เป็นมาตั้งแต่เกิด  เวลาเดินเหมือนเป็ด พอถือจี้พร้อมเดินกลับไปมา  ปรากฎว่าหายเดินเท้าขวาตรงอย่างอัศจรรย์ สาธุ, ป้าอุ๊ ( ฉายาเฒ่ากล่องดำ  admin 3 เวปไซค์) เอ็นแขนขวาอักเสบมาหลายปีขอเข้ามาพิสูจน์ด้วย  พอถือจี้แรากฎว่าอาการเจ็บหายไป เหลือแต่อาการชา  ซึ่งป้าอุ๊ดูแปลกใจมาก  และได้บอกว่า พวกเราโชคดีที่มาเจอท่าน อ.อุบลและบ้านสวนฯ ขอให้พวกเรามีความจริงใจ เชื่อมั่นได้  เพราะที่นี่เป็นที่เดียวในโลกที่ทำได้อย่างนี้ ดูท่าป้าอุ๊ จะมีสัมผัสพิเศษ  ได้รับสื่อจากครูบาอาจารย์  สามารถสัมผัสได้ว่าบ้านสวนฯของจริง  และไม่ธรรมดา

 

เอาไงดีเนี่ย เรามิต้องบูชาจี้ 9 องค์เหรอเนี่ย เรื่องบูชาไม่มีปัญหา  พอไหว  แต่จะต้องมาคล้องคอ 9 องค์ เนี่ย จะทำไงดีน้า  ไอ้ชุดทำงานเราก็ออกแนวหญิงๆ  เปิดคอตลอด ห้อย 9 องค์จะไหวมั๊ย   ตอนนั้นคิดหาทางออก

วันอาทิตย์ท่านอาจารย์มาเฉลยว่าเราไม่ต้องบูชาจี้องค์เทพสฟริงซ์ขนาดนั้นก็ได้  มีวิธีที่จะขอบารมีจี้ได้มากเท่าไหร่ก็ได้  เพื่อมารวมพลังช่วยตัวเอง และคนอื่น

แอ่น แอน แอ๊น ก็คือ  ให้พวกเราตั้งใจอธิษฐานถึงคนที่มีจี้ที่เรารัก เราชอบเค้า  ไม่ได้คิดลบ  ตั้งแต่ท่าน อ.อุบล น้องขวัญ( เพราะน้องขวัญใช้จี้ช่วยคนแล้ว 85 องค์ ทำให้มีพลังมาก) คุณธนา ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม พี่เหมี่ยว พี่อมร หรือใครก็ได้ที่มีจี้และเราคิดดีกับเขา รวมพลัง แล้วขอบารมีให้ท่านช่วย  พลังจากอนันตจักรวาลที่ส่งมาที่จี้แต่ละองค์จะส่งมาช่วยพวกเรา   ลองใช้วิธีนี้ดูนะคะแล้วอย่าลืม ได้ผลอย่างไรมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:18:45


ความคิดเห็นที่ 484 (1633172)

ก่อนอื่นขอกราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบลและครอบครัวที่เมตตาให้โอกาสข้าพเจ้าและพี่เปลวได้มาร่วมกิจกรรมค่าย 13 ในครั้งนี้ด้วยค่ะ

            วันที่ 6 ตุลาคม  2555

          เดินทางถึงบ้านสวน 8 โมงเศษ  โอ้โฮ! ไม่ได้มา 2 สัปดาห์แปลกตาไปเยอะเลย  หลังเวทีหน้าองค์ปิรามิดใหญ่ ช่างสวยงามและดูร่มรื่นอะไรปานนั้น  ค่ายนี้มีสมาชิกหน้าใหม่ ๆ เยอะเลย ก่อน 9 โมงท่านอาจารย์กล่าวเปิดงาน ท่านให้ท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์ให้ได้วันละ 99 ครั้งเป็นอย่างน้อย ทำต่อเนื่อง 9 วัน จะพบความมหัศจรรย์ ท่าน อ.บอกว่าถ้าท่องวันแรกได้ 99 ครั้งหรือมากกว่า บางคนจะถ่ายท้องเหมือนท้องเสีย เพราะขับสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย  หลังเปิดงานพวกเราไปรับประทานอาหารเช้า  มีก๋วยจั๊บแสนอร่อยโดยคุณอัมนางฟ้าของข้าพเจ้าเป็นเจ้าภาพ และอาหารอื่นๆอีกมากมายรับประทานไม่ไหว  เพราะเยอะมากจริงๆ เจอ อ.พันธ์บอกให้เอามะพร้าวที่รากงอกลงดินไปปลูกได้แล้ว ข้าพเจ้า พี่เปลว และอัมพร เลยขอเป็นสายพานเข้าแถวส่งปูนเทหลุมได้ 10 กว่าเที่ยวแล้วชิ่งไปปลูกมะพร้าวกัน แล้วตัดหญ้าแปลงเกษตรต่อ  บ่ายหลังกินข้าวมื่้อเที่ยงแล้ว มีกิจกรรมบุญแรงกายหลายอย่าง  ข้าพเจ้ากับพี่เปลวช่วยส่งถังปูนก่ออิฐก้นหลุม เห็นแล้วอยากทำบ้างเลยชวนกันลงไปทำ โดยมีน้องผิงลงไปช่วยทำด้วย หลังจากนั้นไปปลูกมะพร้าวที่เหลืออีกกับพี่เปลวจนเสร็จ นับได้รวม 29 ต้น เลข9 อ.มงคลเจงๆ  แล้วพี่เปลวชวนลงแปลงนาจะตัดข้าวปน สุดท้ายเก็บไว้ก่อน สัปดาห์หน้าค่อยมาตัด เผลอๆไว้ทำข้าวยาคูก็ยังได้  เลยถอนหญ้าในแปลงนาดีกว่า

       ภาคกลางคืนให้ดูคลิบภัยพิบัติก่อน ดูแล้วเกิดอาการสยอง! นึกถึงเครื่องบินชนตึก เวิลด์เทรดที่สหรัฐฯ สึนามิที่ญี่ปุ่น  ถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นจะสติแตกไหม? และมันกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้  งั้นขอไปทำใจ...สวดมนต์และเข้านอนก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:42:52


ความคิดเห็นที่ 485 (1633180)

 ค่าย 13 ค่ายแห่งพลังมหัศจรรย์

เช้าวันเสาร์ที่ไปถึงบ้านสวนฯก็ต้องตื่นตา ตื่นใจอีกแล้ว กับบรรยากาศของสวนสวยดุจแดนสวรรค์

ที่เนรมิตขึ้นได้ในแค่ข้ามคืน น่านั่งนอนเล่น  รู้สึกมีความสุขและได้รับพลังอย่างประหลาด

ช่วงเช้าหลังจากที่อ.ได้ปฐมนิเทศแล้วทุกคนก็ได้ช่วยกันทำงานเทเสาปูน

และูช่วยกันพูกเหล็กเพื่อนำมาหล่อคานเสาด้วยพลังมด

ต่อภาคบ่ายด้วยการก่อฐานเพื่อหล่อเสาด้วยอิฐบล็อคต้องจองกันเป็นหลุม.. 55

กลางคืนหลังจากชมการแสดงชุดน่ารัก จากทีมคุณอัญและู้คุณโมษิต

ที่ตอนนี้เป็นมือเก๋าแล้ว เรียกทั้งความฮาและสาระเรื่อง"สังข์ทอง"แล้ว

อ.ได้ให้คุณธนาแบ่งกลุ่มเพื่อทำเวิร์คชอ็ปกันหน้าวิหาร

ซึ่งได้หัวข้อเรื่อง"ถ้ามีใครปรามาสล่วงเกินู้ทรงศีล ทรงธรรม"

ทุกคนสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันดีตามที่คุณแหล่นได้สรุปไว้

อ.ได้แนะว่าการตีโจทย์ยังไม่ถูกเท่าไร

ในนำไปคิดด้วยในครั้งต่อไปด้วย

จากนั้นได้ย้ายมาสวนสวรรค์ มีทั้งบาบีคิว มันเทศ ฝักทองฯลฯ

หอมอบอวลใต้ต้นไม้ก็มี ขนม พลไม้ในทาน

คุณธนาได้ถาม น้องชิมว่า

ทำไมห้อยจี้ตั้ง9 องค์ น้องชิมได้เฉลยว่าหลังจากทราบว่า

มีคุณสมจิตได้จี้ไปสวม 3 องค์ จากที่นังสมาธิไม่นิ่ง

และอยากรู้เรื่องจักรวาลเป็นอย่างไง

ก็สามารถ่รุู้ได้ ประจวบกับก่อนมาบ้านสวนฯ

ได้รับจี้ที่ส่งพัสดุมาทั้งหมด11องค์

รวมของตัวเองด้วยเป็น12

ปรากฎว่าขายดีเป็นเทนำ้เทท่า

จึงพิสูจน์กันโดยนำจี้ของน้องชิมมาสวมรวมกับของตัวเอง

ป้าปู้หายเจ็บขาและเดินดีขี้นไม่เจ็บซ้นเท้า

น้องรินเดินได้ตรงเท้าไม่แบะเเข้าเวลาเดิน

ป้าพรหูดีขึ้นมากดีใจจนจะร้องให้บอกว่าได้ยินอ.ชัดมาก

ตัวฉันฯเองก็หายปวดบ่าด้วยค่ะ

เข้าคิวกันหลายคนจำไม่ได้ก่อนจะถ่ายรูปหมู่กับอ.และแยกย่ายกันเข้านอน

ค่อยมาต่อนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:56:57


ความคิดเห็นที่ 486 (1633181)

มาต่อครับ

2.กิจกรรมวันเสาร์

เช้าวันเสาร์กำลังดื่มด่ำกับอากาศที่เย็นสบาย ผมยังคงทอดกายหลับอยู่ครับ แต่ต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงสัญญาณว่าเป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว และเสียงสัญญาณนั้นรู้ได้ทันทีคือเสียงนกหวีดของ อ.พัน ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว แต่ทันใดนั้นพี่ธนาได้เรียกพวกเรามารวมกันที่สวนหน้าองค์พีระมิดและบอกว่าพวกเรามารื้อฟื้นกิจกรรมออกกำลังกายยามเช้าเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อกิจกรรมในค่าย13 พวกเราล้อมวงกันเพื่อออกกำลังกายครับ( ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงภาพอากง อาเจ๊ก อาซิ้ม อาอึ้ม มารวมตัวกันที่สวนลุมนะครับ..อิอิ) แล้วก็ให้แต่ละท่านสร้างสรรค์ท่ากายบริหารคนละท่า แล้วออกมาเป็นผู้นำออกกำลังกายผลัดกันไปเรื่อยๆ ครับ

บรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น พร้อมกับการออกกำลังกายที่สนุกสนาน และใบหน้าที่แต่ละท่านที่เต็มเปี่ยมไปด้วยด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ปิดท้ายด้วยการนวดบริหารใบหน้าชะลอความแก่ที่ได้ป้าติ๋มออกมาเป็นผู้นำ นี้ก็เป็นความประทับใจอีกครั้งหนึ่งครับ

จากนั้นก็ยกพลกันไปสร้างบุญแต่เช้าด้วยการดายหญ้าและยกร่องต้นเผือก แล้วก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและทานอาหารเช้า แล้วมาพร้อมกันที่อาคารประชุมเพื่อรอท่านอาจารย์ทำพิธีปฐมนิเทศและเปิดกิจกรรมค่าย13  ท่านอาจารย์กล่าวเปิดงานและได้แนะนำให้ท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์ให้ได้วันละ 99 ครั้ง ขึ้นไป ทำให้ได้ต่อเนื่อง 9 วัน แล้วจะทำให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายและสามารถทำต่อไปเรื่อยๆให้ได้ตลอดก็จะดีมากครับ

เสร็จแล้วก็เริ่มทำบุญแรงกายด้วยบุญวิหารทานหล่อเสาเข็ม ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ร้อนเย็นสบาย แต่ละท่านต่างช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้น มีทั้งกลุ่มเตรียมหิน เตรียมทราย กลุ่มชายฉกรรจ์โม่ปูน กลุ่มสายพานลำเลียง กลุ่มงานเหล็ก ทำงานกันอย่างสนุกสนานมากครับ บางท่านแอบเงียบ สงสัยกำลังท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์อยู่แน่ๆเลยครับ พอถึงช่วงพักเบรกดื่มน้ำก็มีสายฝนโปรยลงมาให้ได้ชุ่มฉ่ำกันครับ แล้วมาต่อจนเทปูนเสาเข็มครบทุกต้น โมทนาสาธุกับทุกท่านครับ

จากนั้นพักกลางวันด้วยอาหารอันโอชะ ต้องบอกว่าค่ายนี้อาหารอร่อยมากจริงๆครับ ขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญกับแม่ครัวฝีมือเลิศทุกท่านด้วยครับ

ภาคบ่ายพวกเราได้ก่ออิฐบล็อกทำเสาเข็มกัน และผูกเหล็กทำเสาเข็ม จากนั้นช่วงเย็นก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวทำสวยทำหล่อเพื่อมาร่วมกิจกรรมภาคกลางคืนครับ

ขออนุญาติมาต่อพรุ่งนี้นะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:58:06


ความคิดเห็นที่ 487 (1633182)

 

ค่าย 13 ธรรมบำบัด ชมบารมีพระศรีอาริย์ เตือนภัยพิบัติ

ค่าย 13 นี้ ช่างมีมนต์ขลัง ใจมีความสุขม๊ากหลังจากทราบว่าได้

รับความเมตตาให้เข้าร่วมค่าย 13 ค่ะ นั่งรถรับจ้างถึงหน้าบ้านสวนฯ

เริ่มได้สัมผัสพลังงานที่ดี ทำให้จิตใจมีความสุขมาก ร่างกายสดชื่น

สัมผัสได้ว่าเหมือนกับเรากำลัง.................................... 

                          กำลังก้าวเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง

               เหมือนเข้าสู่มิติของสรวงสรรค์

    และสิ่งที่ได้รับสัมผัสนั้น ก็เป็นแดนสวรรค์จริงๆๆ

   บริเวณด้านพีระมิดองค์ใหญ่ ต้นมะม่วง ถูกประดับ

   ประดับประดา ด้วยต้นไม้เล็ก ๆ ดอกไม้พลาสติก

สวย ๆ มองดูแล้ว เย็นตา  เย็นใจ เหลือเกิน

ช่างเหมือนเราหลุดเข้ามาสู่อีกมิติหนึ่งค่ะ.................

     ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมกันเนรมิต

           ตกแต่งดินแดน สรวงสรรค์ เหมือนข้ามมิติเข้าสู่สวรรค์       

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:13:36


ความคิดเห็นที่ 488 (1633183)

      อย่างที่หลายท่านเขียนธรรมทานไว้ล่ะครับ ว่าค่าย13นี้ เป็นค่ายแห่งการเปลี่ยนแปลงจริงๆครับ  ไม่ว่าจะเป็นทั้งบรรยากาศ สถานที่ รูปแบบการทำกิจกรรม รวมทั้งผู้เข้าร่วมทุกท่าน ซึ่งค่ายนี้ ผมสังเกตว่า มากกว่าครึ่งเป็นคนที่พึ่งมาบ้านสวนฯและยังไม่เคยพบท่านอาจารย์อุบลมาก่อนครับ

     บรรยากาศในงาน สดชื่นรื่นรมย์ครับ ในบ้านสวนมีแต่ดอกไม้กับต้นไม้เต็มไปหมด มีการประดับไปด้วยสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ ที่ที่ผมชอบมากคือ ไก่ป่าครับ อ่าวเกี่ยวไรเนี่ย ป่าวหรอกครับ คือผมสังเกตว่า ช่วงหลังมานี้ ไก่ป่าเข้ามาในบ้านสวนฯเยอะจริงๆครับ ดูเหมือนว่าจะเยอะขึ้นๆทุกวัน ที่สำคัญคือเค้าเดินไม่กลัวคนด้วยครับ แต่ก่อน เห็นยังมีวิ่งหนีบ้าง ไรบ้าง แต่มาระยะหลังๆ นี้ ไม่เห็นมันหนีเรยครับ นี่แสดงว่า ไก่มันรู้ว่าที่ไหนปลอดภัย มันคงสัมผัสได้
   กิจกรรมบุญแรงกาย พวกเราช่วยกันเทปูนและก่อเสาสำหรับเตรียมโครงสร้างอาคารหลังใหม่ ดูทุกท่านตั้งอกตั้งใจกันมากๆเรยครับ เรียกว่าโกยบุญกันเต็มที่ว่างั้นเรยครับ
 ในช่วงกิจกรรมภาคกลางคืน เริ่มต้นด้วยการแสดงทั้งหมด 3ชุด
 ชุดแรก+ชุดสอง เป็น การเต้นครับ แหม่มนักเต้นแต่ละคนเนี่ย โยกกันสุดเหวี่ยงเรยครับ ผมชอบหลายท่านน่ะครับ เช่น พี่ดร.จุ๋ม ก็ยังเอาก็ค่อยด้วย โยกย้ายส่ายเอวกันใหญ่ล่ะครับ อีกคนนึงก็เป็นคุณเล็ก นี่ก็จัดเต็มเหมือนกันครับ มีอยู่ท่านึง น่ารักดี คือเต้นโยกไหล่ ดูแล้วน่ารักทุกคนเรยครับ ส่วนชุดสวยสำหรับนักแสดงนั้นคุณอัมจัดให้ครับ….นักแสดงแต่ล่ะท่านน่ะครับ มาจากหลายจังหวัดครับ จากเชียงใหม่ เชียงราย พิจิตร พังงา สุพรรณ ฯลฯ นี่นักแสดงดรีมทีมครับท่าน
 ชุดที3 สังทอง : Producer พจน์ บ้านสวนฯ
   ชุดนี้ไอเดียบรรเจิด ครับ เป็นเรื่องราวของครอบครัวของกษัติย์ ที่มีลูกสาว3คน แต่ยังหาสารมีไม่ได้ ฮาดีครับ ที่ฮาเพราะว่า ลูกสาวทั้ง 3 คน ก็แสดงโดย พี่เหมียว ดร.จุ๋ม และน้องเบส ยิ่งตอนให้ลูกสาวทั้ง3 เต้นเนี่ยฮามากกก
 จากนั้นก็เริ่มด้วย กิจกรรม Work shop#1 ผมค่อนข้างเซอร์ไพร์มาก เพราะก่อนมาก็งงเล็กน้อย คือนึกไม่ออกว่า work shop จะออกมาประมานไหน พอเห็นปั๊ป ได้คำตอบเรยครับ ว่าทำไมค่าย13 นี้คือค่ายแห่งผู้นำ เริ่มต้นจากเราแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มๆละประมาณ10คน ท่านอาจารย์ได้ตั้งโจทย์ ให้ลูกบ้านสวนประมาณ4ข้อครับ
1)      ถ้าท่านไปเจอผู้ที่ปรามาส อ.อุบล ท่านจะทำอย่างไร
2)      ถ้ามีใครจาบจ้วงล่วงเกิน ในหลวง เราจะทำอย่างไร ณ เวลานั้นโดยไม่ให้มีความรุนแรงหรือแตกแยก
3)      ถ้าท่านไปเจอผู้มี่ล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะทำอย่างไร เพื่อหยุดยั้งการกระทำนั้น
4)      ถ้าที่ใครที่ล่วงเกินพระอริยะสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำ หรือทางเวปไซด์ เราจะหยุดยั้งการประกอบกรรมอย่างไร
 เปนไงครับ แค่ฟังโจทย์ก็หนาวแล้วครับ….ลูกบ้านสวนฯ ก็พยายามออกความเห็นกันอุตลุด ไม่รู้ว่าจะเล่าบรรยากาศยังไง คือมันทั้งเครียด ทั้งเฮฮา เครากันไป ที่สำคัญคือต้องใช้ปัญญาอย่างแท้จริงเลยครับ ….คิดไปก็กินมันเผาไป แหมมเพลินไปอีกแบบ  ปล.ท่านอาจารย์ปิ้งให้ทานกันเลยน่ะ
 จากนั้นเรามานั่งล้อมวงคุยกันกับท่านอาจารย์ แต่ละท่านก็ออกมาเล่าเรื่องของตนเอง ทีเด็ดก็เป็นเรื่องของเจ้าชิม หนุ่มนครสรรค์ ที่พบปาฏิหาริย์แห่งจี้องค์เทพสฟิงค์ พอดีน้องเค้าองสั่งซื้อบูชาจี้11องค์ ทางไปรษณีย์ พอพัสดุมาถึง แต่น้องชิมยังไม่ได้แกะออก พอดีน้องเค้าทำอาชีพค้าขาย ปรากฏว่าขายดีมากๆครับ ดีขนาดว่า ไม่มีเวลาจะกินข้าวเรยครับ จนไม่ไหวต้องนำจี้ ไปไว้ที่อื่นก่อน ลูกค้าถึงเบาบางลง แหม่มเป็นผมน่ะ จะเอาไว้อย่างนั้นทั้งวันเรย 55 งกอ่ะ จากนั้นเรยทดลอง ให้ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย ลองใส่ดู โอ้วสุดยอดเรยครับ หายเจ็บหายป่วยกันเป็นแถวๆ….วิดวะตะลึงเรยฮะ ที่ผมตะลึงที่สุดมี2 กรณี คือป้าพรกับน้องลิน กรณีของป้าพรเคยหูดับแต่หลังจากที่ใส่จี้ 9 องค์แล้ว หูกลับมาได้ยิน เกือบปรกติ ส่วนน้องลินเดิมเวลาเดิมนั้น มีลักษณะเหมือนเป็ด แต่หลังจากใส่จี้9องค์แล้ว ลองทดลองเดินก็กลับมาเดินปรกติได้ มหัศจรรย์จริงๆครับ นั่นแสดงว่าจำนวนจี้ที่ใส่มีผล อย่างเป็นรูปธรรมที่พิสูจน์ได้จริง โอ้ยังคงต้องมีความลับที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอีกอย่างแน่นอนเรยครับ….คงต้องติดตามตอนต่อไปครับ   
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:16:01


ความคิดเห็นที่ 489 (1633184)

เรียน

ท่านที่ไม่ได้รับคัดเลือก

ให้เข้าค่าย 13

ทุกท่าน

 

บ้านสวนพีระมิด

จะส่งเงินค่าเข้าค่ายคืนให้ท่าน

โดยจะเริ่มดำเนินการ

ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

(อังคารที่ 9 ต.ค.55)

ทางธนาณัติ

ตามที่อยู่ที่ท่านให้ไว้ในใบสมัคร

 

แม้ว่า

บางท่านจะได้แจ้งว่า

ถ้าไม่ได้รับคัดเลือกไม่ขอรับเงินคืน

หรือ

ขอนำเงินดังกล่าวร่วมบุญกับบ้านสวนฯ

 

ซึ่งทางบ้านสวนพีระมิด

ไม่อาจจะรับเงินร่วมบุญจากท่านใด

ด้วยวิธีเช่นนี้ได้

 

การทำบุญ

ต้องเกิดจากความตั้งใจ

ไว้ตั้งแต่แรก

 

แต่เงินนี้

เป็นเงินที่ท่านตั้งใจ

จะเป็นค่าสมัครเข้าค่าย 13

ไม่ได้ตั้งเป้าทำบุญ

 

ดังนั้น

บ้านสวนจึงขอคืนเงิน

ให้ทุกท่านเต็มจำนวนค่ะ

 

โดย

คุณแมวจะเป็นผู้ดำเนินการ

แทน อ.อุบล ค่ะ

 

ขอบคุณ คุณแมว

ในความอนุเคราะห์ทุกเรื่องค่ะ

(ไม่มีค่าจ้าง มีแต่บุญที่ยกให้ทั้งหมดค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:21:34


ความคิดเห็นที่ 490 (1633185)

 

ได้รับโอกาศจากท่านอ.ให้มาเข้าค่าย13

คืนวันศุกร์ฝนตกหนักมากใจก็กลัวว่าจะตกทั้งคืนถึงเช้า

ก็ขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าตอนเช้าขอให้ฝนอย่าตกขออย่ามีอุปสรรค์ในการเดินทางเลย

และก็ผ่านด่านสามีมาด้วยความราบรื่น(เมื่อวานยังไม่ยอมให้มาอยู่เลยจึงหวั่นๆใจ)

พอพ้นประตูบ้านมาแล้วก็รู้สึกโล่งอกมากๆเลย

 

และรู้สึกมีความสุขมากตลอดการเดินทาง นั่งรถก็สวดมนต์มาตลอด และวันนี้โชคดีจัง

ที่พอดีเหลียวไปเห็นลูกบ้านสวนเพราะใส่เสื้อบ้านสวนพีรามิด

ทั้งที่ข้ามไปแล้วไม่รู้ว่าทำไมจึงเหลียวกลับมา

อย่างนี้ต้องเรียกว่าบุญนำพาใช่ไหมคะ และเจ้าของรถก็คือคุณฉันทนานั่นเอง

ซึ่งคุณฉันทนาใจดีมากมักจะเก็บตกลูกบ้านสวนเวลามาถึงที่บ้านนาเสมอขอขอบคุณนะคะ

 

ถึงบ้านสวนเห็นทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดสวยงามตระการตามองไปมุมไหนก็มีความสุข

ปกติก็รักต้นไม้อยู่แล้ว แม้ไม่มีพื้นที่ก็ทำสวนแนวตั้งที่หน้าระเบียง

ได้มาเห็นต้นไม้ที่บ้านสวนท่านอ.แล้วรุ้สึกประทับใจและทึ่งมากๆเลยค่ะ

 

ถึงบ้านสวน 7:32 ลงทะเบียน เก็บกระเป๋า แล้วกำลังจะเดินไปที่ซุ้มจอบเสียม

เพื่อไปแปลงเกษตร

ก็เห็นมีหลายคนเดินมาและก็ทราบว่าคุณธนาให้หยุดพักทานข้าวเช้า

เมื่อเข้าโรงทานอาหารยังไม่เสร็จจึงช่วยคัดแยกถั่งพลู ส่วนที่แก่นำไปทำไบโอดีเซล

 

และขอโมทนาบุญเจ้าภาพที่เลี้ยงอาหารแสนอร่อยทุกมื้อและทุกๆท่านที่ร่วมทำด้วยค่ะ

 

ทานข้าวเสร็จ ช่วงแจ้งลายละเอียดของค่ายจากคุณธนา

แนะนำว่าทำงานอย่ากลัวเหนื่อย ทำให้เต็มที่เจ้ากรรมนายเวรของเราเขาต้องการบุญ

การที่เราทำเต็มที่ปอดเวลาที่เราหายใจเข้าปอดเต็มที่ เราจะรับเอาพลังปราณมโนธาตุ

ที่มีอยู่ทั่วบริเวรบ้านสวนจะช่วยฟื้นฟูให้สุขภาพดี เตือนเรื่องมักมีผู้ลืมผ้าอนามัยที่ใช้แล้วในห้องน้ำ

เป็นกรรมหนักมากและเตือนเรื่องการรักษาความสะอาดตามห้องน้ำ

 

ง่วงแล้วพรุ่งนี้มาเล่าต่อค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:23:29


ความคิดเห็นที่ 491 (1633186)

ค่าย 13 ช่างมหัศจรรย์วิเศษ

เหมือนเลข 13

  จี้องค์เทพสฟิงซ์ถ้ามีตั้งแต่ 9 องค์ขึ้นไป

    สามารถดึงดูดพลังงานด้านบวก พลังงาน

    จักรวาล พลังงานอนันตจักรวาล ทำให้ผู้ที่

    เจ็บป่วยหายได้ทันที (โดยยังไม่ได้สารภาพบาป)

  ช่วยให้การฝึกสมาธิสงบได้เร็วจิตมีความ

    เข้มแข็งไปท่องเที่ยวยังจักรวาลได้

      (แต่ต้องละคำว่าอยากออกจากจิตก่อนการฝึก)

  ผู้พิการทางด้านร่างกายหายได้ทันที

   เช่น เท้าเดินผิดปกติตั้งแต่เกิด อาการหูหนวก

  ใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์ห้อยที่คอแล้วนับ1 2 3

    ไปเรื่อยๆอาการปวดคอ ไหล่ หัว หายได้แค่

    นับถึง 3 มหัศจรรย์ม๊ากค่ะ ถ้าเราปวดหัว

    ไม่ต้องพึงยาแก้ปวด วงการแพทย์ตะลึง

ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ที่พระศรีอาริย์เมตไตร

ประทานให้กับลูกหลานเจ้าค่ะ ได้รับสัมผัส

พระบารมีเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:28:26


ความคิดเห็นที่ 492 (1633188)

เรียน คุณปณวัฒน์ 

ช่วยซ่อนอีเมล์ด้วยครับ

เพราะลงติดกัน 2 ครั้ง ซ่อนอีเมล์เพียงครั้งเดียวครับ

(ความเห็นที่ 413)

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:35:45


ความคิดเห็นที่ 493 (1633189)

ยังมีความลับ

ของ "จี้องค์เทพสฟิงซ์"

ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย อีกมากมาย

เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้

อีกไม่นานนี้ท่านที่มีบุญวาสนา หรือว่า

กำลังจะหมดกรรม

จะได้มีโอกาส สัมผัสพลังบุญอันมหาศาล

จากจี้องค์เทพสฟิงซ์

 

ป้าพร + น้องลิน

คือการส่งสัญญาณ

เป็นความนัยย์ว่าพระศรีอาริย์

มีเมตตาตา ต่อคนพิการ หาที่สุดมิได้

 

สัปดาห์นี้

13-14 ต.ค.55

เรามีนัดกัน ที่ชิงช้า

หน้ามหาพีระมิด ด้วยพระเมตตา

บารมีพระศรีอาริย์

จะประทานบุญฤทธิ์ ธรรมฤทธิ์

ผ่านจี้องค์เทพสฟิงซ์

ให้ลูกหลาน ได้ชม เป็นบุญตา

 

ผู้ใดที่รู้ตัวว่า

ยังมีกรรมใด ที่ยังไม่ปลดเปลื้อง

อย่ารอช้า เร่เข้ามา เข้าเฝ้า

ขอชมบารมีพระศรีอาริย์

ณ ลานธรรม

สรวงสวรรค์บนแดนดิน

ที่พวกเราหลายคนขนานนาม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:35:48


ความคิดเห็นที่ 494 (1633190)

**สวรรค์บนดิน**

น้องใหม่ (ค่าย) อย่างเราขอเหลาความประทับใจในค่าย 13 นี้ก่อนนะคะ ตั้งแต่เริ่มเข้างานไประหว่างที่ท่านอ.ปฐมนิเทศในวันเสาร์ หรือและวันอาทิตย์แม้แต่ตอนทำนั่งสัมมนา หรือช่วงของการอารธนาบารมีพระศรีอาริย์ หนึ่งจะได้กลิ่นหอมอ่อน เย็น เป็นระยะๆตลอดงาน เลยนึกถึงที่ท่านอ.บอกว่าตอนนี้บารมีพระศรีอาริย์มาสถิตอยู่ในบ้านสวนทุกอณู แถมตอนขับรถกลับบ้านก็จะได้กลิ่นหอมนี้ในรถเป็นระยะทำให้รู้สึกอบอุ่นใจมากเพราะท่านอ.เมตตาบอกว่าขากลับบ้านบารมีพระศรีอาริย์จะส่งทุกคนถึงบ้าน……กราบๆๆๆพระบาท ลูกซาบซึ้งมากคะ 

นอกจากนี้ยังประทับใจกับความสวยงามของสถานที่มาก เหมือนกับมานอนรีสอร์ทมากๆยิ่งตอนเช้าวันอาทิตย์อากาศสดชื่นจริงๆคะ มีความสุขมากเหมือนอยู่บนสวรรค์จริงๆเพราะเราลืมความทุกข์ต่างๆไปหมดมีความสุขทุกวินาทีที่อยู่ในบ้านสวน

 **อยากจะดูอ่อนวัยก็ต้องปกป้อง 3 ร่มโพธิ์ศรี**

ท่านอ.เริ่มปฐมนิเทศสมาชิกค่าย 13 หนึ่งไปถึงช้าจับใจความได้ว่า “ป้าปุ๊คนงามของเราที่มีร่างกายที่แข็งแรงดูอ่อนวัย เกิดจากบุญที่ปกป้อง 3ร่มโพธิ์ศรี ซึ่งใครอยากจะหน้าเด็กแบบป้าปุ๊ของเราก็ให้ทำหน้าที่แบบป้าปุ๊

** เศษปูนเข้าตาแท้ๆแต่สายตาเห็นชัดขึ้น**

 ช่วงเช้าทุกคนช่วยงานเทปูน สามัคคีคือพลังจริงๆ ลูกบ้านสวนทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่สู้งานไม่ถอยทำให้งานเทปูนเสร็จไว้มาก ระหว่างทำงานไปก็ท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์ไปด้วย ช่วงที่ก้มรับถังปูนเศษปูนกระเด็นเข้าตารอบแรกก็ทำเฉยๆแค่ให้งานต่อเนื่อง พอสักพักก็เจอเศษปูนเข้าตาอีกข้าง วิ่งไปล้างตาที่โรงทานและได้พี่บุญตาช่วยเขี่ยเศษปูนออกให้พอเดินออกมาจากโรงทานเท่านั้นมองอะไรก็สว่างมากขึ้น ตัวอักษรก็เห็นชัดเจนมากขึ้นตอนนั้นก็ไม่แน่ใจเลยไม่ได้บอกใคร นอกจากเล่าให้พี่วิฟังตอนกลางวัน….(กราบขอบพระคุณพระศรีอาริย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่ทรงเมตตากับลูกคะ)

**การแสดงคืนวันเสาร์**

ทางคุณอัมได้จัดการแสดงมา 2 ชุดคือการเต้น ซึ่งมีนักแสดงสมาชิกใหม่ร่วมแสดงด้วย แต่ละคนสวยจึงตะลึงโดยเฉพาะป้าปุ๊จำแทบไม่ได้เลยจนต้องเปลี่ยนจากเรียกป้าเป็นพี่

ส่วนชุดที่สามเป็นการแสดงละคร สอดแทรกธรรมะตอนรจนาเลือกคู่ (จำชื่อเรื่องไม่ได้นะคะ ) โดยได้รับความอนุเคราะห์เรื่องชุดจากคุณอร ซึ่งประทับใจทุกคนแต่ที่ชอบมากๆคือ น้องเบสเปลี่ยนกายเป็นนางรจนามาก แถมเต้นที่เล่นเอาพี่จุ๋มที่ร่วมแสดงแอบมองชำเลืองอยู่เป็นระยะๆๆ , แล้วก็คุณโฆษิตที่เปลี่ยนกายเป็นเจ้าเงาะป่าอยากจะบอกว่าคุณโฆษิตเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ 555…อีกคนก็พี่จุ๋มกับบทพูดตอนเลือกเจ้าชายที่อยากจะได้แต้มกับเขาบ้างมันขัดกับภาพที่หนึ่งเคยเห้นจริงๆคะส่วนพี่เหมียวเป็นเจ้าหญิงสะเก็ดดาว ใครนะช่างคิดชื่อ…..หุหุหุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:41:30


ความคิดเห็นที่ 495 (1633191)

**ปาร์ตี้บาบีคิว มัน และฟักทองเผา**

จบกิจกรรมการแสดงท่านอได้จัดปาร์ตี้บาบีคิว มัน และฟักทองเผา เหมือนมาตั้งแค้มปิ้งจริงๆคะและมีการถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน มีการนั่งคุยแลกเปลี่ยนปาฏิหารย์จี้สฟิงซ์และแชร์ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้ช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแต่ละคนมากๆๆ โดยเฉพาะอ.เบญจรัตน์ที่นำวิธีและธรรมของบ้านสวนไปใช้ในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรม

 

**ปาฏิหาร์ยจี้สฟิงซ์ 9 องค์**

หลังจากนั้นคุณธนาก็เปิดประเด็นเรื่องที่คุณชิมบูชาจี้สฟิงซ์ 9 องค์โดยคุณชิมได้เล่าปาฏิหาร์ยหลังจากที่ก่อนหน้าได้บูชาจี้ไป 11 องค์ซึ่งคุณแมวได้จัดส่งทางพัสดุไปให้ เมื่อพัสดุไปถึงที่ร้าน (รวมที่คุณชิมใส่อีก 1 องค์เป็น 12 องค์) ปรากฏว่าลูกค้าเดินเข้าร้านอย่างต่อเนื่องไม่หยุด

ท่านอ.ก็เลยเมตตาให้พวกเราที่มีอาการเจ็บปวดต่างๆได้มาทดลองใส่จี้ 9 องค์ และมีการนับเพื่อจับระยะเวลา ป้าปุ๊ที่มีอาการปวดแขนยกแขนสุดไม่ได้ก็หายทันที และที่ประทับสุดคงจะเป็นน้องลินที่ฝ่าเท้าด้านขวามีความผิดปกติเวลาเดิน คือจะบิดเข้าข้างใน พอนับได้ประมาณ 20กว่าๆฝ่าเท้าก็สามารถบิดกลับมาตรงได้อย่างน่าอัจรรย์….

ส่วนตัวของหนึ่งเองมีอาการปวดต้นคอขึ้นมาดื้อก็ได้ออกไปลองสวมจี้กับเขาบ้าง..ตอนเองก็เกิดปิติขึ้นมามีขนลุกซู่ทันทีทีจับสร้อย พอสวมไปได้สักพักก็เกิดอาการชาและหายจากอาการเจ็บปวด ( ขอบพระคุณบารมีพระศรีอาริย์ องค์เทพสฟิงซ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์คะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:43:54


ความคิดเห็นที่ 496 (1633192)

 Workshop จุดเริ่มต้นของการก้าวเดิน

ค่าย 13 นี้ท่านอ.ได้ให้เรารู้จักการทำงานเป็นทีมโดยแบ่งกิจกรรมทั้งคืนวันเสาร์และวันอาทิตย์

@Workshop วันเสาร์ : เป็นการฝึกในการโต้ตอบการแสดงจุดยืนในการปกป้อง 3 ร่มโพธิ์ศรี ว่าแต่ละกลุ่มมีแนวทางอย่างไร

โดยที่แต่ละกลุ่มก็จะได้หัวข้อเรื่องไม่เหมือนกัน มีทั้งการกรณีที่เราต้องอยู่ในเหตุการณ์ที่มีคนปรามาส พระเจ้าอยู่หัว คนปรามาสดร.อาจองค์และท่านว.วชิระเมธีคนปรามาสท่านอ.อุบลแต่ละกลุ่มจะโต้ตอบกันอย่างไร

@Workshop วันอาทิตย์ ภาคเช้า: เป็นการฝึกฝนทักษะลูกบ้านสวนรู้จักคิดหาแนวในการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

@Workshop วันอาทิตย์ ภาคบ่าย: เป็นระดมความคิดในการช่วยกันค้นหาพระศรีอาริย์อย่างเป็นรูปธรรมซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะได้รับโจทย์ที่แตกต่างกันออกไป

 

สรุปภาพรวม workshop วันเสาร์กับหัวข้อกรณีที่ต้องอยู่ในเหตุการณ์ที่มีคนปรามาสในหลวง

กลุ่มของหนึ่งมีสมาชิกทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าทั้งสว.และไม่สว. นำทีมโดยคุณหมอวัฒนาและพี่จิ๋ม ปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่มคือเรารู้สึกว่าคำตอบของเรามันกว้างมากแต่ละคนที่เสนอความคิดที่หลากหลายจน เราไม่สามารถเขียนสรุปได้

เราเลยช่วยกันตีโจทย์ใหม่ว่าคนที่ปรามาสในหลวงแบ่งเป็นกี่ประเด็นแล้วให้ทุกๆคนมาแชร์ความคิดกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเด็นคือ

1.ท่านสร้างภาพ

2.ลูกหลานของพระองค์ท่าน

3.ท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเมือง

4.ท่านอยู่เบื้องหลังสถานการณ์รัชกาลที่ 8

แต่วิธีการโต้ตอบที่แต่ละคนช่วยกันคิดก็มีช่องโหว่หลักๆคือ ยาวไป, พูดแล้วเป็นการเปิดช่องให้คนอื่นสวนกลับมาได้, แล้วก็พูดจาโดยเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งแทนสติ

ดังนั้นจึงคิดว่าวิธีการพูดจะต้องสั้นๆ ง่ายๆ กระชับ โดยที่เราไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรขอแค่เป็นการแสดงจุดยืนของเราเท่านั้น ซึ่งจะทำให้คนที่ปรามาสไม่กล้าที่จะพูดต่อ

เราต้องนึกว่าในหลวงหรือพ่อของเรา ถ้าใครมาว่าพ่อของเราก็ถามเขาไปว่า คุณไม่ชอบท่านแล้วมาอยู่ในแผ่นดินท่าน มาใช้เงินตราที่มีรูปของท่านทำไม แล้วคุณมีความดีมากกว่าท่านหรือยังไง

กิจกรรมนี้ทำให้กลุ่มของเราค้นพบจุดอ่อนของตนเองที่ทำให้เราเพิกเฉยเวลาที่มีคนมาปรามาสพระองค์ท่าน ดังนั้นเราจะต้องแก้ไขจุดอ่อนของเราให้ได้เสียก่อน

1.ตัวของเรายังมีความสงสัยในพระองค์ท่าน

2.เราไม่มีความเข็มแข็ง มัวแต่ขี้ขลาดอ่อนแอ

 

หนึ่งประทับใจมากคือทุกคนช่วยกันคิดหาคำตอบและแสดงจุดยืนของตนเอง แต่ก็มีสมาชิกหน้าใหม่ๆที่ไม่ค่อยกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นหรือ ไม่ก็มีจุดอ่อนคือยังมีความสงสัยในพระองค์ท่าน แต่มีอยู่คนหนึ่งที่หนึ่งประทับใจมากคือ พี่ยุ้ยหรือครูยุ้ยของเรา  ไม่ใช่ว่าคำตอบของสมาชิกทุกคนจะไม่ดี แต่ดูจากบุคลิกของพี่ยุ้ยจะเป็นคนนิ่มๆไม่รู้ว่าจะเถียงใครทันหรือเปล่า แต่พี่ยุ้ยแสดงจุดยืนและคำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นมาก จนหนึ่งรู้สึกระอายใจว่าตนเองเคยอยู่ในเหตุการณ์จริงแต่ยังไม่เข็มแข็งเท่าพี่ยุ้ยเลย….>___<!

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:47:15


ความคิดเห็นที่ 497 (1633194)

ผู้ใดที่รู้ตัวว่า

ยังมีกรรมใด ที่ยังไม่ปลดเปลื้อง

อย่ารอช้า เร่เข้ามา เข้าเฝ้า

ขอชมบารมีพระศรีอาริย์

ณ ลานธรรม


องค์เทพสฟิงซ์

เป็นเทพผู้กุมความลับของจักรวาล

ความลับของจี้องค์เทพสฟิงซ์ที่จะเปิดเผยนี้

น่าจะเกี่ยวข้องกับการนำพาให้ผู้คนพ้นทุกข์

โดยเฉพาะต่อคนที่พิการ

ผมคนที่มีกรรมหนักอยู่อีกมาก

ขออนุญาตเข้าเฝ้า

สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์ด้วยครับ

กราบขอบพระคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:48:15


ความคิดเห็นที่ 498 (1633195)

 **สรุปงานกลุ่ม workshop วันอาทิตย์ภาคเช้า หัวข้อเรื่องเราจะมีวิธีการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไร**

โดยครั้งนี้กลุ่มของหนึ่งมีพี่จุ๋มเป็นหัวหน้าทีม, ช่วงแรกของกิจกรรมเราได้ให้สมาชิกแต่ละคนบอกปัญหาที่ตนเองยังมีหลักๆ คือ การเงิน, การงาน, สุขภาพและครอบครัว ถึงปัจจุบันแต่ละคนจะยังมีปัญหาในทุกๆด้านแต่บอกเป็นเสียงเดียวกัน ชีวิตโดยรวมของทุกคนดีขึ้น แม้จะยังไม่สามารถวัดได้ (ยกเว้นกรณีของคุณอรที่ หนี้เดิมมีอยู่ 12 ล้าน พอขอปิดรหัสมีหนี้เพิ่มขึ้น 20 ล้าน รวมเป็น 32 ล้าน แต่พอได้รับพระเมตตาจากพระศรีอาริย์และขอเปิดรหัส หนี้ลดลงมาดังเดิมเหลือ 12 ล้าน) แต่ทุกคนก็ได้รับความสุขที่ใจมากขึ้นและรู้จักปล่อยวางกันมากขึ้น

แนวทางในการช่วยเหลือของกลุ่ม

1.   ให้สารภาพกับจี้แล้วนำมาเล่าเป็นธรรมทาน  (เคสนี้ทางพี่วิได้ทดลองกับตนเองคือ พี่วิมีอาการปวดหัวได้สารภาพกรรมของตนเองกับจี้ของตนเอง ก็มีอาการดีขึ้นแต่ยังไม่หาย จึงได้โทรมาหาหนึ่งและก็เล่าเรื่องอาการและกรรมที่ทำให้หนึ่งฟัง ปรากฏว่าพอเล่าเสร็จอาการปวดหัวหายไป

2.   ขออารธนาบารมีพระศรีอาริยืที่ท่านอ.อุบลเป็นผู้อัญเชิญให้มาสถิตย์ในจี้แล้วนำจี้ไปจุ่มในน้ำเพื่อทำน้ำพีระมิด

3.   สุดท้ายหนึ่งเกิดไอเดียขึ้นมาให้สมาชิกในกลุ่มได้ทดลองพร้อมใจ ขออารธนาบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอ.อุบลเป็นผู้อัญเชิญ ขอให้สมาชิกในกลุ่มนี้ใครที่ยังมีอาการเจ็บป่วยหลงเหลืออยู่ก็ขอให้หายจากอาการนั้นๆฉับพลันทันทีปรากฏว่าทุกคนเกิดปิติขึ้นมา มีบางคนขนลุก บางคนรู้สึกว่าอาการเจ็บปวดทางร่างกายที่ได้รับเบาขึ้น โล่งมากขึ้น …..

เราเลยสรุปกันว่าเพราะใจเราต้องการเป็นผู้ให้ ทำให้จี้ยิ่งมีพลังอานุภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ทางกลุ่มก็ได้ใช้วิธีข้อ 3 อีกครั้งแต่เป็นการขอให้ปัญหาทางการเงินของแต่ละคนคลี่คลาย ซึ่งจะต้องติดตามผลแล้วนำมาเขียนเป็นธรรมทานกันอีกครั้ง

และช่วงที่ไปพักกินข้าวเสร็จแล้ว ทางกลุ่มของหนึ่งก็ได้มานั่งรอกิจกรรมภายภาคบ่าย ระหว่างที่รอก็มีการพูดคุยกับคุณอรซึ่งยังมีอาการปวดหัวอยู่ อยู่ๆหนึ่งก็ได้ความคิดอยากทดลองอะไรบางอย่าง คือ หนึ่งได้ขอ ขออารธนาบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอ.อุบลเป็นผู้อัญเชิญ ขอให้คุณอรหายจากอาการหายปวดหัวในฉับพลันทันทีคุณอรก็มีอาการปิติขนลุกและก็หายจากอาการปวดหัวในทันที

พี่เอิบ ฉันทนานั่งอยู่ข้างๆก็เลยทดลองกับพี่เอิบบ้าง ขออารธนาบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอ.อุบลเป็นผู้อัญเชิญ ขอให้พี่เอิบหายจากอาการปวดท้องประจำเดือนโดยให้พี่เอิบสัมผัสได้ในทันทีพี่เอิบก็มีอาการปิติขึ้นมาและรู้สึกเย็นในช่วงท้องเช่นกัน

(จริงๆหลังจากที่ได้แบ่งกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมนี้หนึ่งได้แอบขออารธนาบารมีพระศรีอาริย์ขอให้ตนเองมีสติปัญญาในการคิดวิเคราะห์ต่างๆด้วย ความรู้สึกเหมือนท่านมาดลใจทำให้เราคิดหาวิธีการใช้จี้ให้ได้อานุภาพมากขึ้น กราบขอบพระคุณพระศรีอาริย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์คะ)

 

**สรุปงานกลุ่ม workshop วันอาทิตย์ภาคบ่าย : หัวข้อพระศรีอาริย์จะเป็นผู้มีคุณสมบัติลักษณะอย่างไรในการปราบมาร**

หัวหน้ากลุ่มในครั้งนี้คืออ.(รศ) เบญจรัตน์และพี่จุ๋ม ระหว่างที่ระดมความคิดท่านอ.เมตตาคอยมาไกด์วิธีการคิดให้พวกเราด้วย

ในหัวข้อนี้เห็นได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในกลุ่มคือ ทุกคนจะกล้าแสดงความคิดเห็นกันมากขึ้น แม้แต่สว.ที่ปกติจะนิ่งนั่งฟังเฉยๆหรือน้องใหม่ของบ้านสวนที่จะนั่งดูเชิงเฉยๆ….

ครั้งนี้กลุ่มมีแนวความคิดไปในทิศทางด้วยกันคือเราใช้สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านสวนมาเป็นแนวทาง พระศรีอาริย์จะทรงใช้ความรักความเมตตาและมีความเด็ดขาดในการปราบอธรรม คือจะทรงใช้ทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ให้เห็นผลในฉับพลันทันที เป็นคนที่ใครปรามาสแล้วจะได้รับผลกรรมในทันที และถ้าใครที่สำนึกกลับตัวกลับใจได้ก็จะให้เห็นผลในทันทีเช่นกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:50:32


ความคิดเห็นที่ 499 (1633196)

**จากใจส่วนลึกๆ**

ส่วนตัวหนึ่งชอบกิจกรรมค่ายในครั้งนี้มาก เพราะทำให้เราได้เกิดความสนิทสนมกันมากขึ้น เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรียนรู้การเป็นผู้นำและได้รู้จุดอ่อนของตนเองในการทำกิจกรรมกลุ่มทั้งเรื่องของระบบความคิด, การนำเสนอ

เรายังเรียนรู้ถึงพลังของความสามัคคี พลังความรัก ความเมตตาที่เรามีให้แก่กันและได้ รู้จักช่วยเหลือตนเองมากขึ้นเพราะกิจกรรมค่ายครั้งนี้ทำให้เรารู้ถึงวิธีการใหม่ๆในการใช้จี้ซึ่งเป็นวิธีที่ลูกบ้านสวนค้นพบด้วยตนเองโดยที่ท่านอ.นั่งคอยบอกเราเหมือนแต่ก่อน แถมเราไม่ต้องมานั่งรอให้ท่านอ.จัดธรรมะบำบัดอีกด้วย

นอกจากนี้ในกิจกรรมเกี่ยวกับการตามหาพระศรีอาริย์นั้น พวกเราที่มักจะพายเรือในอ่างเกี่ยวกับพระศรีอาริย์ได้เริ่มที่จะก้าวขาออกไปเพื่อทำการค้นหาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยปกติเรามักจะหาข้อมูลกันจากอินเตอร์เน็ทอย่างเดียวซึ่งครั้งนี้ท่านอ.เมตตาให้พวกเรารู้จักคิดวิเคราะห์ (เหมือนกับฝึกมโนไปในตัว)

และปัญหาหนึ่งที่ท่านอ.เมตตาบอกเราคือ

1.พวกเรามีปัญหากับการฟังนำคำสั่ง ทำให้เราตีโจทย์ไม่แตก ท่านอ.เมตตาบอกว่าการฟังคำสั่งของผู้นำมีผลกับการอยู่รอดในช่วงที่เกิดวิกฤติมากก

2.พวกเรายังตั้งฝึกฝนวิธีการคิดให้ถูกต้อง เพื่อทำให้เราสามารถแก้โจทย์ต่างๆได้ ซึ่งท่านเมตตาบอกว่าจะ สอนเราผ่านทางธรรมทานในเว็บไซด์ต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:53:08


ความคิดเห็นที่ 500 (1633197)

ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการรับบารมีพระศรีอาริย์ 

 

ท่านอ.ได้อัญเชิญบารมีพระศรีอาริย์พอเราเดินเข้าไปใกล้ท่านอ.อาการที่เจ็บป่วยต่างๆก็ทุเลาลง และยิ่งส่วนใหญ่ได้เดินผ่านท่านบางคนก็หายจากอาการเจ็บป่วยเลย

มาให้ลูกหลานได้รับสัมผัสเพื่อให้หายจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ สมาชิกค่าย 13 ส่วนใหญ่ยังคงเหลืออาการเจ็บป่วยต่างๆ

ตอนหลังท่านอ.ได้ให้พวกเราบางคนสัมผัสกับจี้องค์เทพสฟิงซ์จำนวนหนึ่งอาการที่เหลือก็หายไป

แต่ส่วนใหญ่ยังมีอาการเหลือบริเวณไหล่และแขนอันเนื่องมาจากไม่ยอมเขียนธรรมทาน ซึ่งท่านได้ให้พวกเรามาเขียนธรรมทานเพื่อให้อาการต่างๆหายไปและไม่กลับมาเป็นอีก

สำหรับหนึ่งนั้นมีอาการปวดบ่าด้านขวามาก บริเวณที่ปวดกล้ามเนื้อก็ขึ้นมาเป็นก้อนๆพอช่วงที่เดินขึ้นบันไดเวทีอาการดีขึ้น 50-60% และพอเดินผ่านท่านอ.ก็ดีขึ้นอีกเป็น 80-95% ส่วนอาการที่เหลือท่านอ.เมตตาให้มาเขียนธรรมทาน ระหว่างที่เขียนนี้อาการคงเหลือก็หายไปด้วยคะ สาธุ สาธุ สาธุ ดีใจและมีความสุขมากคะ 

สุดท้ายนี้หนึ่งได้รับความเมตตาจากท่านอ.มาก ในช่วงสรุป workshop บนเวทีพี่จุ๋มก็ได้ยกตัวอย่างที่ลูกชายของหนึ่งป่วยก่อนที่หนึ่งจะมาเข้าค่าย (น้องมีอาการป่วยทุกครั้งที่จะมาเข้าค่าย) ซึ่งท่านก็เมตตาอุทิศบุญกุศลให้เทวดาที่รักษาตัวลูกหลานบ้านสวนและสมาชิกทุกคนในครอบครัวด้วย นาทีนั้นหนึ่งเชื่อสนิทใจว่าลูกชายจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน กราบขอบพระคุณท่านอ.ที่เมตตาคะ

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์มีสมเด็จองค์ปฐม, พระศรีอาริย์และเสด็จพ่อเวสสุวรรณและท่านอ.อุบลและครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ที่เมตตาให้ลูกได้รับอนุญาติเข้าร่วมกิจกรรมค่าย 13 และขอบุญกุศลอันใดที่ลูกได้กระทำในค่าย 13 นี้ ขอถวายแด่สัมวิญญาณทุกๆพระองค์ทุกในและนอกบ้านสวนโดยมีสมเด็จพ่อองค์ปฐม พระศรีอาริย์และเสด็จพ่อเวสสุวรรณเป็นที่สุดรวมถึงเทวดาทุกๆพระองค์ที่ปกปักรักษาท่านอ.อุบลและครอบครัวรวมถึงพระเทวทัตและพระเจ้าอชาตศัตรู ขอให้มีรัศมีกายที่สว่างไสวยิ่งๆขึ้นคะ

สุดท้ายก็ขอบคุณคณะแม่ครัวและผู้ช่วยที่ทุ่มเทกำลังกายจนทำให้ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม workshop ในบางช่วงไม่ว่าจะเป็นคุณแมว คุณอัง คุณอัม คุณอัญ คุณเวียน มา, พี่บุญตาและคนอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยชื่อคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 01:55:29



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 [5] 6 7 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.