ReadyPlanet.com


13-14 Workshop การช่วยคนรอบข้าง+ตัวเอง จากการเจ็บป่วย+ความจน+ภัยพิบัติ แบบเห็นผลทันที


สัปดาห์

13-14 ต.ค.55 นี้

เราจะมีการทำกิจกรรมแบบเข้มข้น

เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาร่วมงาน

ได้เรียนรู้วิธีการ

ช่วยเหลือคนรอบข้าง

คนที่เรารู้จัก พบเจอ ตลอดจนตัวเราเอง และ ครอบครัว

 

จากอาการเจ็บป่วย

พิการเรื้อรัง

ไม่มีสภาพคล่องทางการเงิน

 

ตลอดจน

วิธีเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ

สัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ

วิญญาณร้าย

คนพาลสันดานหยาบ

 

ถ้าต้องพบเจอ

 

ชมควิป วี.ดี.โอ

เรื่องจริง

ที่เราจะต้องพบเจอ

แล้วจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

อย่างไร

 

โดยจะร่วมกัน

ทำ Workshop ระดมสมอง

ให้เห็นผล เป็นที่ยอมรับได้

พิสูจน์ได้ทันทีทันใด

 

ส่วนเรื่อง

สภาพคล่องทางการเงิน

ต้องมีการติดตามผล

รายงานผล

 

งานนี้

เราจะเตรียมพร้อม

รับงานวันศุกร์ที่ 19 ต.ค.55

 

ซึ่ง

ดร.จิ๋ม อาสา

เป็นเจ้าภาพจัดงานอีกครั้ง

โดยขอให้

เพื่อนฝูง ญาติมิตร

มาร่วมงานได้แบบที่โรงแรม

แต่

ย้ายมาเป็นบ้านสวนฯ

เดี๋ยวจะแจ้งข่าวต่อไป

 

สำหรับทั้ง 2 งานนี้

จะรับเฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติ

มีภาวะผู้นำ ฉับไวในการเขียน

ธรรมทาน แก้ปัญหา

 

สำหรับ

13-14 ต.ค.55 นี้

ไม่ต้องส่งรูปและสำเนา

เพียงขออนุญาต

ล่วงหน้า 2-3 วันโดยจะมี

กรรมการกลั่นกรอง

 

หลังจาก 13-14 ต.ค.55

เราก็จะมาแจ้งผล

หรือ

เขียนธรรมทาน

ในกระทู้นี้

และ

จะเปิดกระทู้ใหม่รายสัปดาห์

เพื่อบันทึกผลแยก

กิจกรรมแต่ละสัปดาห์ให้

ผู้อ่านหาอ่านง่ายขึ้น

 

ใครจะร่วมกิจกรรม

เชิญมาลงชื่อ แสดงความเห็น

ส่งเสียง และ เสนอแนะได้

ในกระทู้นี้จ๊ะ

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-09 20:37:36


<< ก่อนหน้า 1 [2] 3 4 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 101 (1634504)

 ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล เป็นอันดับแรกครับ

        ผมได้รับโอกาสที่ในการบำบัดอาการพูด-คิดช้า เกี่ยวระบบประสาทสั่งงาน ถือว่าเป็นปัญหาของผมเลยครับ เวลาคิดได้แล้วว่าจะพูด ปากทำงานช้าไม่สอดคล้องกัน  บางครั้งพูดออกเสียงไม่รู้เรื่อง ผมเข้าใจเอาเองว่าเป็นผลจากการถอนฟันตั้งแต่ปี 2551 จนทำให้เป็นปมด้อยขาดความมั่นใจในการพูด  จากการมาบ้านสวนพีระมิด อ.อุบล บอกว่า "ปวดฟันจนถอนฟัน มีผลถึงระบบประสาท การคิดการพูด เป็นผลของกรรม ที่เกิดจากการผิดศีลข้อสี่  พูดโกหก ปลิ้นป้อน กระล่อน ตอแหล ใช้ปาก ประกอบกรรมผิดศีลได้ทุกข้อ  ผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ ผมจำได้ว่าผมผิดศีลข้อนี้มากจริง ๆ หนักว่าใคร ๆ แน่นอน จึงเป็นผลถึงระบบประสาท      

        อ.อุบลได้พูดเรื่องจี้สฟิ้งซ์รุ่น สามร่มโพธิ์ศรี  ที่ผมเข้าใจเอาเองว่าเป็นรุ่นที่สามารถบำบัดคนได้ เพียงจับหรือสวมแล้วหายจากโรคได้โดยไม่ต้องสารภาพบาป   และผมก็ทึ่งที่ลุงเบิ้ม บอกหายปวดไหล่เมื่อสวมใส่ และ พี่จิ๋ม ซึ่งเป็นโปลิโอ ขายาวไม่เท่ากัน สวมใส่แล้วสามารถ เดินได้คล่องแคล่วการโยกตัวเวลาเดินไม่มากเหมือนแต่ก่อน เท้าที่สั้นก็สามารถแตะพื้นได้ไม่เจ็บเท้า  ไหล่ซึ่งเอียงผิดรูปก็ตรงมองแทบไม่ออกว่า พี่จิ๋มเป็นโปลิโอ และอีกหลายท่านครับ ผมทึ่งครับ ทึ่งจริง ๆ

ผมโง่เซ่อมากครับที่คิดเองไม่ได้ ว่าต้องขอรับการบำบัดอาการ คิด-พูดช้า อาจารย์อุบล มีความเมตตาต่อผมมากมายครับ  จนท่านเป็นผู้พูดเอง ว่า...อมร ไม่คิดจะบำบัดเหรอ ?  ผมว่าตัวผมเป็นคนที่แย่มากครับ ที่ต้องให้อาจารย์อุบลเป็นผู้บอกอย่างนี้  ผมขอยกความเมตตานี้ไว้เหนือเกล้าเหนือเศียรเลยครับ 

การบำบัดเริ่มด้วยการสวมใส่จี้ รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี  ในทันทีก็รู้สึกเห็นได้ชัดเลยว่า เหมือนมีพลังอัดแน่น เคลื่อนไหวในตัวเรา ดูคล้ายอึดอัด แต่ไม่ใช่ อึดอัด ผมหายใจเข้าออกสองถึงสามครั้งก็คลายตัวเป็นปรกติ

คิดในใจว่า เราจะพิสูจน์ผลการบำบัดอย่างไร     อ.อุบลให้พูดว่า  อาจารย์อุบลช่วยด้วย  เพียงพูดอาจารย์อุบลช่วยด้วยครั้งที่สอง ผมก็รู้สึกแปลกๆ  หัวใจเต้นแรงมาก ขนลุกจากคางไปที่กกหูทั้งสองข้าง และโล่งเบา หลังพูดรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ไปรอบแรก ราว 10 ครั้ง    แล้วพูดอาจารย์อุบลช่วยด้วย อีกรอบราว เก้าถึงสิบครั้ง รู้สึกชัดเจนมากว่า ปิติในใจ เหมือนมีพลังแห่งความสุขใจอัดแน่ในตัวเราอยากร้องดังๆ ออกมา เหมือนเรากำลังคิดสิ่งที่เราคิดไม่ออก แล้วเกิดคิดออก มันโล่ง มันมั่นใจ  มันไม่สงสัย มันดี๋ด๋า บอกไม่ถูก เป็นอย่างงั้นจริง ๆ

อาจารย์อุบล ใช้อีกวิธี โดยให้ผมเล่าธรรมทาน ที่ผมได้บำบัดคนพิการอัมพฤษ์แล้วหาย ผมคิดหนักทุกครั้งถ้าจะให้ผมเล่าอะไรสักอย่าง ต่อหน้าอาจารย์อุบล หรือต่อหน้าใคร ๆ มันเป็นปมด้อยผมจริง ๆ  จนผมขาดความมั่นใจในตนเองไปเลย  ผมเล่าครั้งนี้ ก็เหมือนทุกครั้ง สติผมจับจด เรื่องราวที่จะต้องพูด เพื่อให้คนเข้าใจ ผมไม่ได้สนใคร ใครเลยว่า ผู้ฟังกำลังทำอะไรอยู่บ้าง หรืออาจารย์อุบลกำลังประเมินผลการพูดของผมอยู่ขณะนั้น  ผมรู้เพียงสิ่งที่ผมคิดและพูดออกมามันรื่นไหลไม่ติดขัด คือ คิดแล้วพูดได้ตามลำดับการคิด  ไม่สะดุดเมื่อการคิดล่วงหน้าเป็นลำดับต่อไป ผมมีความตื่นเต้นบ้าง ตอนมีเสียงหัวเราะ เพราะผมไม่รู้ว่าผมพูด หรือทำอะไรผิดหรือเปล่า ได้ยินคุณแมว พูดว่า "ป๋อเลยนะ" ผมเองก็งง ๆ ครับ ไม่เชื่อตนเองว่า ปัญหา การคิดและการพูด ของผมจะสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการบำบัดแบบนี้

ผมเคยเห็นความสุขของคนที่หายจากการบำบัดด้วยวิธีที่อาจารย์อุบลเป็นผู้สอนให้ทำ อาการของความสุขถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน  ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย แต่นี่เกิดกับตัวเอง มันจุก มันตื้นตันใจ อารมณนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ นะครับครับ

พลังและอานุภาพของจี้สฟิงซ์ รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี ทำให้ผม มีสติลำดับการพูด ได้คล่องและไม่ติดขัดสะดุด อย่างอัศจรรย์ นี่เป็นการพิสูจน์ที่ผมสามารถยืนยันได้ ว่าผมได้รับสิ่งนี้จริง เห็นผลจริง ผมถือว่าเป็นการหายจากอาการ โดยการแขนจี้สฟิงซ์รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี  โดยอาจารย์อุบลเป็นผู้บอกวิธี  วิธีนี้เห็นผล พลังและอานุภาพมีจริง  ผมจะต้องบูชาจี้ รุ่นนี้เพื่อการบำบัดอย่างแน่นอน  และผมจะต้องหมั่นเขียนธรรมทานให้มาก โดยจะต้องเขียนทุกวัน   ทำความดี ทั้งปวง ให้ทาน รักษาศีล  ทำสมาธิ จนเป็นนิสัย ควบคู่กันไปครับ

จริงอย่างที่อาจารย์อุบล บอกไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ สถานการณ์ใดๆ เราก็ต้องใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย  และสามารถใช้ร่วมกับวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิด ทุกอย่าง ประกอบกับผู้ใช้ต้องมีความศรัทธาในตัวอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด   เราต้องสร้างความดี ให้ทาน ทำสมาธิ รักษาศีล เพื่อให้ผลการบำบัดดียิ่ง ๆ ขึ้นไป  ที่สำคัญเมื่อได้รับความสุขสมหวังแล้ว เราต้องขอบคุณและต้องบอกต่อ

        อาจารย์อุบล ได้เสียสละ แรงกาย สละทรัพย์ เสียสละเวลา เสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อมาช่วยเหลือดูแลคนที่มีความทุกข์ เจ็บป่วยทางกาย ทางใจ ประสบปัญหาการงาน การเงิน ความรัก สารพัดมาขอรับการบำบัด  ซึ่งอาจารย์อุบลได้ใช้ หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า  และความจริงใจปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ เป็นการบำบัดที่เห็นผลโดยฉับพลันทันที  และผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางจากอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา มีความทุกข์มาเหมือนกันครับ มาขอรับความเมตตาจากอาจารย์อุบล เพื่อมาบำบัดทุกข์  ผลที่ได้รับก็สามารถแก้ไขปัญหา และพบหนทางดับทุกข์ได้ จริงๆ โดยไม่สงสัยใดเลย ครับ

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล และบ้านสวนพีระมิด เป็นอย่างสูงครับที่เมตตาผม ให้โอกาสผม ให้ได้รับความสุข ให้ปัญญา และให้วิธีฝึกฝนตนเองจนผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้และสัญญาว่าจะไม่กลับไปประกอบกรรมชั่วอีก และขอเทิดทูนและปกป้องสามร่มโพธิ์ศรี 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด  บารมีพระศรีอาริย์ที่อาจารย์อุบลเป็นผู้อัญเชิญ ขออุทิศบุญทุกบุญที่ผมได้กระทำมาทุกภพชาติ ให้ถึงแก่ เทวดาประจำตัว รักษาอาจารย์อุบล  อ.มงคล คุณท๊อป  สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 15:10:00


ความคิดเห็นที่ 102 (1634521)

 ต่อภาคกลางคืนวันเสาร์ 13

ก่อนเริ่มกิจกรรมท่านอาจารย์ให้ชมคลิ๊ปเหตุการณ์เกิดภัยพิบัติ

และเหตุการณ์จริงซึนามิที่ญี่ปุน และเหตุการณ์ที่สัตว์แต่ละตัวถูกนำมาฆ่าเพื่อเป็นอาหารให้กับผู้คน ภาพที่สัตว์รู้ตัวว่าจะถูกฆ่าเป็นอาหารมีอาการกลัวตายขนาดไหน อยากจะหนีเอาชีวิตรอดก็ไม่ได้

ทั้งถูกทุบ ตี ไฟฟ้าช็อต ยิงปืน ปาดคอ เครื่องบดอัด

สัตว์โกรธ ตกใจ กลัว ตื่นเต้น อย่างรุนแรงเขาจะหลั่ง

สารอะดรีนาลีน

เป็นสารที่เกาะติดในร่างกายสัตว์

ถ้าเรานำมาบริโภคเข้าไปมากๆ สารตัวนี้จะไปก่อเกิดเป็นมะเร็ง

เนื้อร้ายในร่างกายคนที่กินเข้าไปอีกที

และคนที่กินสัตว์เหล่านี้สะสมไปมากๆก็รอวันเขามาเอาคืน

เช่นเมื่อเร็วๆนี้มีข่าวหมูกินคน

เราควรจะเลิกกินเนื้อสัตว์หันมากินอาหารที่ไม่เบียดเบียนชีวิต

เอาชีวิตเขามาเป็นชีวิตเรา

ซึ่งจะเป็นการไม่สร้างเวรกรรมกับสัตว์ทั้งหลายต่อไป

 

เริ่มเข้ากิจกรรมแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอ

จากหัวข้อที่ได้รับไปทำมา

กลุ่มผมทำกิจกรรมแปลงเกษตรกำจัดวัชพืช

ช่วงทำงานต้องมีการท่องคาถาพระศรีอาริย์ตลอด

เพื่อมีสมาธิในการทำงานและเป็นการฝากบุญให้กับเจ้ากรรม

ผมเองนั้นท่องไปเกี่ยวหญ้าไปมีจังหวะหนึ่ง

ความคิดหลุดไปคิดเรื่องที่จะออกนำเสนองานไม่ได้ท่อคาถาเท่าไร

เคียวที่ใช้เกี่ยวหญ้าต้องกดเคียวให้ต่ำติดพื้นเพื่อให้ต้นหญ้าสั้นที่สุด

ปรกติผมเองใส่ถุงมือจับต้นหญ้าแล้วนำเคียวเกี่ยวหญ้าดึงเข้าตัว

ทีแรกถุงมือขาดที่ปลายนิ้วชี้

ก็แปลกใจไปโดนอะไรขาดเห็นนิ้วมือ

ก็ตัดหญ้าไปเรื่อยๆ

คราวนี้เคียวปาดเอานิ้วที่โผล่ออกมาจากถุงมือที่ขาด

เลือดครับไหลทะลัก

ผมรีบเอานิ้วโป้งกดปิดปากแผลเพื่อหยุดเลือด

ให้รหัสอาจารย์อุบล ช่วยด้วย ยังไม่หยุด

ขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อาจารย์อุบลเป็นผู้อัญเชิญ

เลือดหยุดไหลเนื้อเริ่มประสาน

คิดหาเหตุจากทำกรรมอะไรก็ไม่ออก

ท่านอาจารย์บอกไม่เขียนธรรมทาน เขียนน้อยเกิน

ท่านมาบอกเหตุแล้วถ้าไม่เขียนอีกก็จะให้นิ้วขาด

รับปากว่าจะเขียนธรรมทานวันละ 2 ครั้ง

ซึ่งก็น้อยเกินไปที่จะสร้างบุญให้ได้มากและเร็ว

ในขณะที่ภัยพิบัติกำลังมา

ซึ่งต้องอาศัยบุญแต่ละคนที่สะสมมาเพื่อที่จะอยู่

รอดในยุคพระศรีอาริย์

 

จากกิจกรรมการเกษตรที่ทำวันนี้

 ปัญญาที่เกิด

มีการจัดลำดับความสำคัญของงาน

ใช้วิธีการเกี่ยวหญ้ารอบต้นชะอมที่มีหนาม

โดยการเกี่ยวทีละด้านของต้น หน้า หลัง

การร่วมแรงร่วมใจสามัคคี

ทำให้ได้งานมากเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม

 

       ต่องานเลี้ยงบาบีคิว

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 17:00:30


ความคิดเห็นที่ 103 (1634526)

สวัสดีทุกท่านค่ะ

    วันนี้ญาขอมาเล่าธรรมทานประสบการณ์ที่ไปร่วม Work shop 13-14 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยละเอียดค่ะ  เรียกได้ว่าเป็น work shop สร้างสภาวะผู้นำตัวจริงก็ว่าได้น่ะค่ะ
 
 
         
 
 เสาร์ที่ 13 ต.ค
              ช่วงเช้า 
                   - - - ญาไปถึงบ้านสวนฯ ประมาณ 10.00 โมงเช้า พอไปถึง ได้ไปร่วมล้างหินขัดบริเวณด้านหลังกับพี่ๆ ยกหิน ล้างหิน ได้สักพัก ก้อมารับประทานอาหารกลางวัน พี่ธนาได้ให้โจทย์สำหรับทำ Work shop มา โดยให้คนที่มีปัญหาตามที่โจทย์ตั้งมาเข้าตามกลุ่มละ 5 คน สำหรับญาเลือกกลุ่มที่มีปัญหาผิวพรรณ และโรคอื่นๆ เพราะส่วนตัวญามีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ผิวหนังเวลาเจออากาศเย็น หรือร้อนไป จะเป็นลมพิษง่าย และมีปัญหาเรื่องไซนัส แต่ก่อนทำมีอาการปวดศรีษะอย่างหนัก สำหรับโจทย์นี้ ผู้ที่มีปัญหานี้ คือผู้ที่เพิกเฉยต่อสิ่งที่รกหูรกตาเห็นแต่ไม่เก็บ รู้แต่ไม่สน ประมาณนั้นค่ะ ทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณขึ้นได้ ตัวญายอมรับว่ามีบ้างเป็นบางครั้งเลยเลือกข้อได้ตรงทีเดียว ได้รับหน้าที่ให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำด้านหลังพอได้รับหน้าที่ก้อมาทำการแบ่งหน้าที่กันทำความสะอาด สำหรับกลุ่มญา จะมีพี่จิตร พี่แหม่มน้องวิน และพี่ทัศนีย์ เราก็ทำกันอย่างเต็มที่ อย่างขมักเขม่น ขณะทำก้อท่องคาถาพระศรีอารย์ จนห้องน้ำด้านหลังสะอาด พอทำเสร็จ เราก็มานั่งระดมความคิดว่า เราได้รับผลอะไรกันบ้าง อาการหายไหม พี่จิตรเดิมทีมีอาการคันที่แขนก้อกลับมาอาการหายคัน และผื่นหายไปอย่างทันตา ส่วนตัวญาอาการปวดหัวก้อยังไม่ดีขึ้นจนมานั่งทบทวนว่าวันนี้เราได้ทำอะไรไปบ้างและอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร
ก้อหายเป็นปกติแต่ที่เป็น ไฮไลท์ของญาเรียกได้ว่าพอโดนก้อถึงกลับสลดไปเลย  คือโดนไฟของตู้เชื่อมดูดอย่างแรงจนแขนบวม และแดงนูนขึ้นมา พี่แหม่มซึ่งอยุ่ด้วยกันใส่จี้สฟริ้งเลยไม่ได้โดนดูด แต่พี่แหม่ม ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย และได้นำจี้มาบำบัดให้ญาเดี๋ยวนั้น นำจี้มาวางที่แขนและใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย อาการบวมก้อหายเป็นปริดทิ้ง ไม่แดงอีก อ.ท่านผ่านมาเห็นเหตุการณ์เลยถามว่าเป็นอะไร บำบัดกันทำไม พี่แหม่มก้อแจ้งว่าญาโดนไฟดูด อ.ท่านเมตตาบอกว่าไม่ได้เขียนธรรมทาน ญาคอตกยอมรับแต่โดยดี นั่งคิดว่าเราไม่ได้เขียน ท่านเลยมาเตือนแบบนี้ 
 
 
          ช่วงเย็น
                   ---- ท่านอ.ให้ดูคลิปวีดีโอภัยพิบัติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น เช่นสินามิ มีอยู่คลิปนึงที่น้ำมาแล้วแต่คนไม่หนีเนื่องจากมัวแต่ห่วงสมบัติอยู่พยายามจะเอาขึ้นมาหลบด้วย แต่ก้อไม่พ้น ไม่ยอมเอาตัวเองรอดมัวแต่ห่วงสมบัติ และคลิปที่กว่าสัตว์จะมาเป็นอาหารมนุษย์ ดูไปร้องไห้ไป แทบอยากจะอาเจียน เราไปกินเค้าได้อย่างไร วัวถูกเชือด ร้องครวญคราง ร้องเหมือนคน โอ้ยยยยยยยย!!!!!! ดังมาก
หมูถูกยิงที่หัว ไก่ถูกลำเลียงสายพาน ให้ใบมีดที่รอฆ่าอยู่หั่นคอทีละตัว ทีละตัว ความโหดร้ายของมนุษย์ไม่มีอะไรเกินกว่านี้อีกแล้วทอดปลาโดยที่ทอดเสร็จแล้ว ปลาก็ยังพะงาบๆ อยู่อย่างนั้น สะเทือนใจอย่างแรงจนต้องหันมาปฏิวัติตัวเองใหม่คิดใหม่ ทำใหม่ เราต้องตั้งใจไม่กินเค้าอีกต่อไปนับจากนี้ และภาคกลางคืนก็มีบาบิคิวเห็ดแสนอร่อยมาให้กินกัน และอ.ท่านได้ให้สัมผัส บารมีของจี้องค์สฟิงค์รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีให้ทุกคนได้ลองสัมผัสบารมี สำหรับญาพอใส่แล้ว ได้กำหนดจิต เห็นสมเด็จพระศรีอารย์ เป็นแก้วใสเปล่งฉัพรรณรังสี สวยงามเป็นสีรุ้งมายืนให้พร ด้านหน้า ขนลุกน้ำตาซึม แต่ที่เป็นไฮไลท์ของช่วงนี้คือ ดร.จิ๋ม ที่เดินตัวตรงได้อย่างหน้าอัศจรรย์ ถอดรองเท้าเดินแทบจะวิ่ง เพียงแค่ได้สวมใส่ จี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี อย่างหน้าอัศจรรย์ ดร.จิ๋มดีใจมาก ๆ ที่เดินได้คล่องแบบนี้ ใหล่ก้อตรงขึ้นมาทันทีทันใด อัศจรรย์ใจยิ่งนัก
 
 
             อาทิตย์ที่ 14
                               ช่วงเช้า
                     ได้ร่วมทำกิจกรรม Work shop ภาค 2 เที่ยวนี้จับกลุ่มกันแบบให้นับ ว่าตัวเองได้เลขอะไร พอตรงกันก้อมาอยู่กลุ่มเดียวกันสำหรับญาได้โจทย์ กลุ่ม 3 มีดร.จิ๋ม ญา และพี่เบญ  "ถ้าเราตกอยู่ในสภาวะหลังภัยพิบัติ ไม่มีภาชนะใดเหลือเลยคงมีแต่ข้าวสารอย่างเดียว เราจะทำอย่างไรจึงจะหุงข้าวได้ให้ลงมือทำจริง จะทานข้าวกับอะไร ใช้อะไรแทนจานช้อน"
พอได้รับโจทย์ถึงกะอึ้งกิมกี่ เราจะทำได้ป่าวเนี่ยะ ขนาดมีหม้อหุงข้าวอยู่ที่บ้าน ยังหุงแฉะไปแข็งไป ไม่เคยได้ดีเลยยยยยส้ากครั้งเดียว เลยขอบารมีพระศรีอาร์ย + ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย เดินไปเดินมาไปเจอกระบอกไม้ไผ่ พอดีมือ พอดีหุงเลยทีเดียว พี่เบญก้อนำกระบอกไม้ไผ่ไปล้างให้สะอาด ญาก้อไปเตรียมข้าว มาหุง เตรียมน้ำ ดร.จิ๋มเตรียมจุดไฟ ช่วยกันหาฟืน หากิ่งไม้ หาใบไม้ จนอ.พันธ์เดินมาคงอดไม่ได้ เลยบอกให้ใช้ หญ้าแฝกจากที่ทิ้งตอนมุงหลังคามาให้ และให้ขยี้ ๆ เป็นเชื้อไฟก่อน แล้วให้ใช้กระดาษจุดนำไป ตอนแรกๆ ก้อจุดติด ไปๆมาๆ ดับซะงั้น ทีนี้ดร.จิ๋ม นั่งจุดติดๆ ดับๆ กันต้างนาน T^T จนสิ่งศักดิ์สิทธิดลใจให้นึกถึงรหัสอ.อุบลช่วยด้วย ทุกคนพูดพร้อมกัน ไฟติดพริบบ ขึ้นมาทันตาเห็น มีของดีก้อไม่ยอมเอามาใช้กันแต่แรก เหนื่อยฟรีเลยทีนี้ แหะๆ พอไฟติดดีได้ที่ เราก้อเอาข้าวใส่ในกระบอก แล้วเอาใบตองมาอุด ทำเหมือนจะเผาข้าวหลามซะงั้น พี่เบญเลยเอาพวกข้าวโพด ถั่วลิสง ถั่วแระ มาใส่ในกระบอกเพิ่มคุณค่าสารอาหารลงไป ญาเหลือบไปเห็นไปตอง เลยเอามาทำเป็นจานใส่ข้าว แต่เอาไปล้างให้สะอาดก่อนแล้วน่ะค่ะ อิอิ นั่งเฝ้าอยู่สัก ก้อคอยเปิดใบตองที่อุดกระบอกไม้ไผ่ เช็คข้าวว่าสุกมั้ย นั่งรอไปใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยขอให้ข้าวออกมาสวยงามน่ากิน พอผ่านไป 1 ชม.เช็คอีกที ข้าวสวยยยยม้วกกกกกกกก หอมน่ารับประทาน ได้ที่แล้วก้อทำการดับฟืน แล้วเอาข้าวมาชื่นชม "พวกเราทำกันได้แล้ววว"
 
 
                    ช่วงบ่าย
 
                ---- แล้วก้อมา Present กับท่านอ.ว่า เราทำกันอย่างไร ผลออกมาเป็นอย่างไร อ.ท่านก้อเมตตา บอกว่าเมื่อถึงเวลาั้นั้น ถ้าเราไม่มีข้าวสาร ไม่สามารถจุดไฟได้ เราจะทำอย่างไร อ.ท่านเมตตาบอกว่า เราก้อทานผักสด ผลไม้ กล้วย ใบไม้ หญ้าต่างๆ หัวเผือก หัวมัน ยอดผักต่างๆ เท่าที่พอจะประทังชีวิตได้ อ.ท่านแจ้งว่่าจะมี work shop ให้เราได้ลองถูกปล่อยเกาะบ้านสวนดู แล้วให้หาอาหารประทังชีวิต ว่าจะทานอะไรได้บ้าง ให้ได้ทุกท่านได้ทำกันโอกาสหน้าคะ หลังจากกลุ่มอื่น present กันเสร็จ ก้อมาถึงธรรมทานของพี่ป้อมค่ะ ซึ่งตรงตาม concept ของ workshop ครั้งนี้มาก ๆ ประสบการณ์ตรงเลยทีเดียว ญาพอจะสรุปได้ว่า ถ้าเราไม่มีความกตัญญู เราเสแสร้ง เราตีสองหน้า หรือเราไม่มีความรับผิดชอบ รับปากอะไรไว้ แล้วไม่ทำตาม หรือเราเห็นที่พึ่งอื่นดีกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิืท่านก้อจะปล่อยเราค่ะ ไม่คุ้มครองไม่ปกป้องเราอีกต่อไป สาธุ สาธุ สาธุ ลูกขอเป็นลูกของท่านต่อไป มีท่านอยู่ในทุกขณะจิต ทุกลมหายใจเข้าออก ท่านอ.ได้บอกว่าท่านได้ที่เป็นลูกของท่าน เมื่อเวลาถึงภัยพิบัติมา เราอยู่ที่ไหนเราก็จะรอด อยู่ที่ได้ก็จะสบาย มีอาหารให้กิน มีที่ให้นอนอย่างสบาย แล้วเราจะเลือกข้างไหนล่ะ และก็ได้มีเรื่องของคนบางคนที่เข้ามาแอบแฝงใช้คนในบ้านสวนซึ่งจิตตกมาครอบงำ มาพยายามโน้มน้าวดึงออกไปจากบ้านสวน แฝงเข้ามาทำเป็นคนดี ให้คนนับถือยกย่อง แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ อ.ท่านเตือนให้เราใช้สติในการพิจารณาคนที่เข้ามาหาเรา คนที่เข้ามาบ้านสวน ให้ใช้ศีล 5 จับว่าเค้าเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เข้ามาทำอะไรในบ้านสวน ทำให้ทุกท่านเกิดปัญญากันเป็นอย่างมาก
                    สำหรับญา การได้มาทำ Work shop อาทิตย์นี้ ได้รับประสบการ์ และปัญญามากมาย ได้รับความรู้ ความรัก ความเมตตา จากพระศรีอาริยเมตไตร์ ท่านอ.อุบล และมิตรภาพดีๆ ของลูกบ้านสวนทุกท่าน ญารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก สำหรับอาทิตย์นี้ เพราะคนที่เราบางทีมาก้อไม่เคยได้คุย หรือคุยก็ 2-3 คำ แต่ทำ workshop ครั้งนี้ ได้คุยได้สนิทกับคนอื่นมากขึ้น และได้รับปัญญามากขึ้น กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล ที่ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ 
 
                  สาธุ กราบ กราบ กราบ
^/^ 
 
 
 
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น Ya Ya (ธนัญญา พลตรี) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 17:24:24


ความคิดเห็นที่ 104 (1634527)

เช้าวันนี้

พวกเราที่บ้านสวน

ยังได้คุยกันถึงเรื่องเหตุการณ์

คืนวันเสาร์ ที่เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับ

ดร.จิ๋ม + คุณอมร + ท่านอื่นๆ

แต่ที่คิดไว้แล้วตั้งแต่

ก่อนหน้านี้

คือ

นึกถึง

 ดร.จิ๋ม + คุณอมร

เพราะคนอื่นเขาต่อคิวบำบัดกัน

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

แต่ ดร.จิ๋ม ไม่อยู่ด้วย คือกลับบ้านก่อน

หลังถ่ายรูปหมู่ + ทาน บาร์ บี คิว

 

ส่วนคุณอมร

มัวแต่ถ่ายรูป ทั้งที่ตัวเอง

ก็มีปัญหาเรื่อง การพูด ซึ่งไม่ใช่ติดอ่าง

แต่พูดไม่ทันฟัง กว่าจะเปิดปากได้

เรียกว่า คนฟังต้องลุ้นว่า

เมื่อไหร่แกจะพูด

ซักกะทีนะ

 

คุณอมร

เคยเขียนตอนขอสมัคร

เข้ารับบารมีพระศรีอาริย์หรือว่า

งานบวงสรวง หรืออะไรนี่แหละ

แต่ก็ไม่เห็นเคยต่อแถว

กะเค้าเลย

 

เราก็เลยคิดว่า

อีตาหมอนี่ ดีแต่บ่น

แต่ไม่เห็นขอความเมตตา

จากท่านเลยยยย

 

ดร.จิ๋ม

ซึ่งกรรมเยอะกว่าใคร

ในบรรดา ที่ได้บำบัดไปแล้ว

เรารู้สึกว่า ทำไม นะ ดร.จิ๋มจึงไม่อยู่

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ

คืนนั้น หมดช่วงกิจกรรมแล้ว

เป็นช่วงพักผ่อน นั่งคุยกัน ทานกันไป

สบายๆ เฮ ฮา ตามประสา

คนครอบครัวเดียวกัน

นานๆ มาเจอกัน

(อาทิตย์ละครั้ง ทำยังกะไม่เจอกันเป็นปี)

 

แต่ ดร.จิ๋ม

นอนแต่หัวค่ำ ไม่เหมือน

พวกนกฮูก ไม่รู้จักหลับจักนอน

ตื่นก็เช้าอีกตะหาก

ไม่รู้เอาพลังมาจากไหนกัน

อัศจรรย์จริงๆนะเนี่ย

 

สัปดาห์ที่แล้ว

จู่ๆคุณธนาแกก็นึกครึ้มขึ้นมา

เห็นคุณชิม บูชาจี้ 9 องค์

เลยคุยกันไปคุยกันมาได้เรื่อง

เลยเล่า กลายเป็น แต่ละคน

หูผึ่ง

มีบางคนแอบพูดว่า

ถ้าเป็นเรานะ เราไม่เอากล่องพัสดุ

ออกไปจากร้านหรอก

555

เราจะขายทั้งวันเลย

 

**************

โม้ซะยาว ไม่เข้าเรื่อง

ดร.จิ๋ม ซักกะที

เห็นการใช้จี้ 9 องค์ให้คนสวม

อ้าวคนพิการแต่กำเนิด

หายด้วยหรือนี่

 

คนหูหนวก

หาย อ้อ ไม่ใช่ สิ

ต้องเรียกว่า กลับมาได้ยินแล้ว

แบบชัดแจ๋วเลย เอาละซี

คนที่ชอบตะโกน

คุยกับป้าพร

อย่าเผลอตะโกนนะ

เดี๋ยวป้าพร ตอบกลับ ตรงประเด็น

เดี๋ยวหาว่า ไม่เตือน อิ อิ

 

คราวที่แล้ว

มีพิการแต่กำเนิดแบบ

ชัดเจน ที่ขาบิด 2 คน คือน้องลิน

กับน้องอีกคนหนึ่ง ที่มากันทั้งครอบครัว

5 คนด้วยกัน

 

ก็เลยนึกถึง

ดร.จิ๋ม ที่เป็นโปลิโอ

ตั้งแต่เกิดได้ 6 เดือน

 

พึ่งทราบเมื่อวันเสาร์นี้เองว่า

คุณพ่อ คุณแม่ ที่เป็นหมอ

ไม่ได้รักษา เพราะ รักษาไม่ได้

หมอบอกว่า

ไม่มีทางรักษาได้

 

แต่

อ.อุบล

เชื่อพระพุทธเจ้า

วันนี้ ก็ได้คุยเรื่องพระพุทธเจ้า

กับ อ.มงคล ว่า

คำสอนของพระองค์ท่าน

เที่ยงแท้ แน่นอน พิสูจน์ได้ ไม่ต้องกังวล

 

เมื่อท่านยืนยัน

ท่านรับรองผล ว่า

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ

หรือดับเหตุใด้ ผลต้องดับได้

 

ตรงนี้เป็นปริศนาธรรม

ที่ถ้าใครนำมาคิด และ ลองทำจริงจัง

ก็ต้องเกิดผล

 

ยกเว้น

ไม่ยอมค้นหาเหตุ

หรือ

ไม่กล้าให้ใครแตะต้องเหตุ

กลัว อาย จึงไม่ต้องการ

บำบัด ดับเหตุ ด้วยวิธีนี้

 

จึงแก้ไม่ได้

รักษาไม่ได้ จริงๆจังๆ

 

ในการค้นหาเหตุนั้น

ต้องเป็นสาเหตุจากการกระทำ

ของตัวเราเอง

ทั้งชาตินี้ และ อดีตชาติ

 

ซึ่งการใช้จี้

ไม่มีการสารภาพบาป

จะได้ผลดีที่สุด กับคนเข้าถึงธรรม

จิตฝักใฝ่ความดี บุญกุศล

 

ซึ่งทั้ง ดร.จิ๋ม+คุณอมร

ต่างก็มีใจใฝ่ทางธรรมกันอยู่แล้ว

แต่มันยังไม่ปลดเปลื้อง

 

ดังนั้น

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น

กับ ดร.จิ๋ม + คุณอมร + ท่านอื่นๆ

ที่สวมจี้แล้วหาย แม้ไม่ได้สารภาพบาป

ให้ข้อคิด และ ปริศนาธรรม

อะไรกับเรามากมาย

 

ว่า

ปรากฎการณ์

ที่เกิดขึ้น เบื้องบนต้องการ

สื่อ หรือ บอกอะไร

กับพวกเรา

บ้าง

 

ให้พวกเรา

ช่วยกันคิดวิเคราะห์

ตรงนี้กัน อย่ามัวแต่ ดีใจ

ที่มีคนหาย เพราะเรื่องดีใจนั้น

เราก็ดีใจเป็นธรรมดา

ที่พวกเราที่ทุกข์มานานแสนนาน

ได้พ้นทุกข์ได้ในพริบตา

แต่

สิ่งที่เหนือกว่า

ซึ่งอยู่เบื้องหลังการหาย

นั้นต่างหาก น่าสนใจยิ่งกว่า

ว่า

พวกเราคิดว่า

การหาย เกิดจากอะไร

เพราะ ไม่มีการใช้ยา ไม่มีการผ่าตัด

ไม่มีการทำกายภาพบำบัด

และที่สำคัญ กล้ามเนื้อลีบตายแล้ว

 

ส่วนคุณอมร

ก็ไม่ได้มีปัญหาอย่าง

ดร.จิ๋ม

 

แต่เป็นปัญหาที่เจ้าตัว

รำคาญตัวเอง เสียบุคลิก

คิดได้ว่าจะพูดอะไร แต่ปากไม่พูด

คนฟังก็ เซ็ง นะ บางครั้ง

ว่าเมื่อไหร่แกจะรีบๆพูดๆ ให้จบๆ

มัวแต่หยุดคิดอยู่นั่นแหละ

 

วันที่แกสวมจี้

สามร่มโพธิ์ศรีซึ่งอันนี้

คนละรุ่นกันแล้วนะ กับของคุณชิม

 

ของคุณชิม

คล้อง 9 องค์ เป็นพวงเลย

แต่รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี

ที่ให้ ดร.จิ๋ม + คุณอมร + ท่านอื่นๆ

คล้องสัปดาห์นี้ คล้องกัน 3 องค์

อีกคนหนึ่ง เดินปร๋อ

ไหล่ที่เคยเอียงก็ยืดตรง

ต้องดูหน้าตา หนูเหมี่ยว นะขอบอก

 

ทำตาโต ลุกวาว

ทำท่า ทำทางให้ดูด้วยว่า

เหมี่ยวเห็นพอ ดร.คล้องจี้นี้แล้วนะ

ไหล่ของ ดร.ยืดขึ้นไปได้เลยละค่ะ

เหมี่ยวเห็นเลยค่ะ ไหล่ยืดได้จริงๆ

 

แล้วพอเริ่มเดิน

ดร.จิ๋มก็บอกว่า ขาที่มีปัญหา

คือ ลีบ และ ยาวข้างหนึ่ง

ที่เคยผิดรูปนั้น

ปวดแต่ตรง

ขาตรงแล้วค่ะ ปวดอยู่ค่ะ

เอาละซี

ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

 

อ๋อ

ไม่มีอะไรหรอก

เจ้ากรรม เขาจะอำลา ส่งท้าย

กรรมวิธีบำบัด กำลังทำงาน

ต้องจัดกระดูก กล้ามเนื้อใหม่ ให้เข้ารูป

ก็อาจจะเจ็บ เพราะ ต้องบิดขา

เข้าที่ เข้าทาง ที่เขาอยู่ผิดที่ผิดทาง

มาตั้ง 52 ปีนี่นา

 

ว่าแล้วก็ให้เดินไป เดินมา

เดินมา แล้วก็เดินไป

เดินไป แล้ว เดินมา

ๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปรากฎว่า ไม่ปวด ไม่เจ็บ

ไม่ต้องเขย่งแล้วนี่นา

 

เอ้า

ใครก็ไม่รู้

ส่งเสียงมาดังๆว่า

ลองถอดรองเท้าดูซิคะ

(เพราะใส่รองเท้าพิเศษ หนาข้าง บางข้าง)

 

พอถอดรองเท้า

ดร.จิ๋ม จึงบอกว่า จิ๋มปกติไม่ถอดรองเท้า

ดร.จุ๋ม พูดเสริมว่า อยู่บ้านก็ใส่ค่ะ อ.

เดินที ปั๊ปๆ เลยค่ะ

 

ที่ไม่ถอดเพราะว่า

ถ้าถอดแล้ว ต้องเขย่งเท้า

จะปวด เดินไม่ได้

 

วันนี้

ถอดรองเท้าเสร็จ

แรกๆ ยังเห็นปลายเท้า

ลงก่อน อยู่เลย

พอเดินไปสัก 2-3 ก้าว

เท้าก็เริ่มลงแนบพื้นด้วยกัน

 

เล่นเอาพวกเรา

ต้องตาลุก และ ปรบมือ

ทุกคนส่งใจให้ ดร.จิ๋ม

นี่คือพลังรัก ที่พวกเรามีให้ ดร.จิ๋ม

ต่างนั่งบ้าง ยืนบ้าง คิดตรงกันว่า

ขอให้ขา ดร.จิ๋มหาย

ด้วยเถอะ

 

นี่พวกเรา

คิดกันดังขนาดนี้เลย

ปรบมือเป็นระยะ

 

ดร.จิ๋ม

เดินใหญ่เลย

 

หนูขอลองไปเดินบนหญ้า

เดินเร็วขึ้นๆ จนไม่ยอมหยุด

 

ดร.จิ๋ม

ช่วงเดิน เราสังเกตุกันว่า

ดูมีความสุขมาก พูดว่า

จิ๋มกำลังสนุกกับการเดินค่ะ

จิ๋มไม่เคยเดินได้อย่างนี้เลยค่ะ

 

ทั้งเดินเร็ว เดินตรง ไหล่ตรง

เท้าแนบพื้นทั้งสองข้าง

 

โอ้

นี่ยาอะไร

ที่จะรักษาโปลิโอ ได้

หายรวดเร็วขนาดนี้นะ

 

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้

ก็อัศจรรย์พออยู่แล้ว

แต่นี่

หายได้ ในพริบตา

ใครรู้ช่วยบอกที หรือ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร

ช่วยวิเคราะห์ได้ ผิดถูกไม่เป็นไร

ถือว่า ทำ Workshop

กลุ่มเดียวกับ อ.อุบล ทางเวปไซด์

ก็แล้วกัน เผื่อว่า

ท่านอาจจะได้รับอานิสงส์

เหมือนกลุ่ม Workshop บ้านสวน

บ้างก็ได้ อิ อิ เผื่อฟลุ๊ค

เอาเชิญค่ะ...และขอให้ท่านที่ร่วม

วิเคราะห์หายจากอาการ

เจ็บปวดนะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 17:54:31


ความคิดเห็นที่ 105 (1634529)

ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญธรรมทานทุกท่านด้วยครับ

วันนี้แหม่มไปช่วยดายหญ้าบริเวณต้นเสาวรส กับพี่สมจิต

ลูกเสาวรสโตเร็วมากค่ะ คิดว่าอีกไม่นานคงได้เก็บกินกันแน่เลย ท่านอ.มงคล

บอกว่านอกจากจะมีวิตามินซีมากแล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างซึ่งเหมาะกับ

ผู้หญิง เอ...แล้วผู้ชายจะกินได้มั้ยคะ

.....................................................................

คุณแหม่มครับ ดูจากชื่อแล้วผมว่าน่าจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าครับ

เสาวรส = สาวขึ้น สวยขึ้น+ลดริ้วรอย ลดความแก่

 ผู้หญิงทานแล้วน่าจะสาวขึ้นและลดอายุลง รึเปล่าครับ....อิอิ

..........................................

 

 

 

ป๊าดดด ป๊าดดดด ทีมป้าเหมี่ยวนี่เห็นผลจะๆ ทำเอาท่านอื่นน้ำยายหยัยเป็นทางเลย

...................................................

โอ้ย...อ่านแล้วน้ำยายหยัยย้อย

ต่อมอยากตื่นตัวเลยครับพี่ธนา

เอ๊ะสงสัยจัง...ทำไมน่ะ กลุ่มป้าเหมี่ยวทำไม

ถึงทำอะไรก็เห็นผลทันตา

อาทิตย์ที่แล้วค่าย13สมาชิก

กลุ่มป้าเหมี่ยวก็หายเจ็บป่วยกันแบบฉับพลันทันที

อาทิตย์นี้ป้าเหมี่ยวพาลูกทีม

ปลดเปลื้องกรรมผิวพรรณแบบหายกันจะจะตาอีก

สงสัยครั้งหน้าคงจะมีแต่คนแย่งกัน

อยู่กลุ่มป้าเหมี่ยวแน่เลย

เอ้...สงสัยจังป้าเหมี่ยวมีของดีอะไรครับ

กระซิบบอกผมบ้างครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 18:06:34


ความคิดเห็นที่ 106 (1634530)

กิจกรรม work shop 13-14 ต.ค.55 โดยบ้านสวนพีระมิด

วันแรกที่เดินทางไปถึงบ้านสวนประมาณทุ่มครึ่ง

พอได้เห็นบริเวณด้านหน้าองค์พีระมิด 5 องค์ โอ๊ว ดินแดนนี้สวยงามผิดจากเดิมไปมาก แล้วพวกเรา 6 คนมี พี่วิชาภา,คุณทัศนี,เบญ,น้องโก้,น้องเซี่ยวปิง,น้องบีเอ็ม ก็เข้าไปลงทะเบียนแล้วก็ให้เด็ก ๆ ทำความสะอาดโรงทานเป็นงานแรกก่อนเพราะเรามากันค่ำแล้ว ท่านอ.อุบล ได้เดินเข้ามาในโรงทานพวกเราก็เข้าไปไหว้ น้องบีเอ็มพอเห็นท่านอาจารย์ก็รีบมาเรียกคุณวิชาภา(ย่า) คุณย่า ๆ อ.อุบลมาแล้ว อาจารย์แซวน้องบีเอ็มว่ารู้จักอาจารย์ด้วยเหรอ บีเอ็มบอกว่ารู้จักเพราะดูรายการมาและขณะที่คุยอยู่น้องบีเอ็มสะอึก ตัวเองก็บอกให้น้องบีเอ็มเรียกอ.อุบลช่วยด้วยซิเพราะอยู่ใกล้อาจารย์แล้วบีเอ็มก็ยกมือไหว้แล้วเรียกรหัส ท่านอาจารย์เมตตาเอามือแตะหัวแล้วบอกว่า "เอ้าหายนะลูก" ฉับพลันทันทีเลยค่ะหายเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งบีเอ็มสะอึกมาเป็นชั่วโมงแล้ว

-เช้าวันเสาร์พวกลูกบ้านสวนมีเพิ่มขึ้นประมาณ 40-50 คน ทุกคนต่างแยกย้ายทำงาน ตัวเองได้ล้างขวดใหญ่ใส่น้ำในครัว 3 ขวด แล้วก็กวาดถูและเก็บในโรงทาน พอทานข้าวเสร็จก็มาช่วยกันเกลี่ยดินตรงโรงทานเก่าและก็ได้ดัดเหล็กผูกคานซึ่งตอนแรกคิดว่ายากแต่หัดทำโดยการสอนจากคุณธนา อุแหม่ ! ไม่ยากอย่างที่คิดนี่นา

-ช่วงบ่ายหลังทานข้าวเสร็จท่านอาจารย์ให้ทำwork shop ...โดยแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5 คน ของตัวเองกลุ่มปัญหากรรมผิวพรรณ โดยได้ทำความสะอาดห้องน้ำด้านหน้า มีคุณอ้อย,คุณอัญ,พี่เปลว,น้องก้อย เราวางแผนกันโดยแบ่งงานเป็นกลุ่มย่อย 2 กลุ่มเพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้นโดยเบญได้ย้ายเศษหิน,ไม้,หลังคาเก่าไปเก็บข้างหลังกับพี่เปลว เราทำกันไปก็อาราธนาบารมีพระศรีอาริย์กันไปเหนื่อยแต่มีความสุขมาก เคยคิดว่าอยากจะล้างถังใส่น้ำอาบมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสพอเสร็จจากขนหินจะขึ้นไปทำความสะอาดข้างบนห้องน้ำ คุณอ้อยและคุณก้อยบอกว่าพี่เบญกับพี่เปลวทำความสะอาดห้องน้ำดีกว่าจะได้เสร็จพร้อมกันก็บอกกับพี่เปลวว่าเราล้างห้องน้ำแล้วล้างถังด้วยเนาะ กำลังล้างถังน้ำอยู่มีรถขนม้าลาย,กวางมาวางสวนข้างหน้า อ.อุบลเดินมาดูและขึ้นนั่งหลังม้าลายแล้วอาจารย์ก็เรียก "คุณเบญดูคนขี่ม้าลายนี่" รู้สึกอบอุ่นมากเลยค่ะอาจารย์

เดี๋ยวมาเหลาต่อค่ะ เพราะค่ำแล้วยังไม่ได้กลับบ้านเลย มีเรื่องต้องหนังตื่นอีกเยอะเลย 555

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 18:08:44


ความคิดเห็นที่ 107 (1634533)

 ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

 

   กราบเรียนท่านอ. หนูขอตอบว่า เป็นเพราะบารมี ของพระศรีิอริยเมตไตย ที่มาสถิตย์ในจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี อัญเชิญบารมีท่านโดยผ่านท่านอ.อุบล บารมีของสมเด็จองค์พระปฐม บารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ บารมีของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ บารมีของท่านอ.อุบล บารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิบ้านสวนพีระมิด และพลังทั่วอนัตจักรวาล ที่ได้เมตตาสงเคราะห์ลูกหลานบ้านสวน ให้ได้รับความเมตตาขจัดทุกข์ ขจัดโศก ขจัดโรค ขจัดภัย ให้กับผู้ที่สวมใส่และผู้ที่สวมใส่ก้อมีภูมิธรรมสูง มีจิตฝักใฝ่ในธรรม เป็นผู้มีจิตใจดี มีความศรัทธา สิ่งต่างๆ เลยส่งผลให้เกิดปาฏิหาร์ย ให้ทุกท่านหายจากอาการเจ็บ อาการป่วย ที่มีมานานแสนนานน ในครั้งนี้ พิมพ์ไปขนลุกไปซะงั้นค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น Ya Ya (ธนัญญา พลตรี) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 18:20:45


ความคิดเห็นที่ 108 (1634534)

เอ๊ะสงสัยจัง...ทำไมน่ะ กลุ่มป้าเหมี่ยวทำไม

ถึงทำอะไรก็เห็นผลทันตา

อาทิตย์ที่แล้วค่าย13สมาชิก

กลุ่มป้าเหมี่ยวก็หายเจ็บป่วยกันแบบฉับพลันทันที

อาทิตย์นี้ป้าเหมี่ยวพาลูกทีม

ปลดเปลื้องกรรมผิวพรรณแบบหายกันจะจะตาอีก

สงสัยครั้งหน้าคงจะมีแต่คนแย่งกัน

อยู่กลุ่มป้าเหมี่ยวแน่เลย

เอ้...สงสัยจังป้าเหมี่ยวมีของดีอะไรครับ

กระซิบบอกผมบ้างครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 18:06:34

 

 

ลุงก๊อตเอ้ย

ที่ป้าเหมี่ยว มีดี บำบัดใครก็หาย

คนพิการ หายมา ทุกคนที่เข้าร้านป้าเหมี่ยว

คิดดูสิ

มาถ่ายรูปร้านป้าเหมี่ยว

ถ้าป่วยมานะ เรียบร้อย โรงเรียนมอญเลย

**************

แต่

ป้าเหมี่ยว + ลุงมอญ

มีเคล็ดลับ ทีเด็ด ที่นอกเหนือจาก

การบำบัดคนที่เข้ามาที่ร้าน

เป็นประจำทุกวันแล้ว

ยังทำสิ่งที่

พิเศษสุด ที่เขาเชื่อมั่นว่า

เพราะสิ่งนี้แน่นอน

 

อันที่จริง

สัปดาห์ที่ผ่านมา

ว่าจะให้ป้าเหมี่ยว + ลุงมอญ

สาธิตอะไรซักหน่อย

แต่กิจกรรม

เยอะ

แน่นเอี๊ยดดดดด

เลยลืมไปเลย

 

เอาใหม่ เอาเป็น

สัปดาห์นี้ดีกว่า 19 ต.ค.55

อ๊าว

จะมีปรากฎการณ์

สะท้านโลกาอีกแล้วหรือนี่

ว่าจะอุบไว้ก่อน

แล้วนะนี่

 

เผลอบอกคุณก๊อต

จนด้ายยยย

แต่

ยังไม่บอกรายละเอียด

หรอกนะ

 

อยากทำได้แบบ

ป้าเหมี่ยว ก็ให้เริ่มด้วย

การช่วยคนทุกๆวันแบบป้าเหมี่ยว

ซีจ๊ะ แล้ว จะทำได้อย่างป้าเหมี่ยว

จ้า คุณลุงก๊อตตต

***************

 

ลุงก๊อตรู้ไหม

ตอนนี้มีคนวิเคราะห์ว่า

ตาอย่ากระพริบนะ

ถ้าลุงก๊อต

ไม่ได้ไปบ้านสวน 1 สัปดาห์

ลุงก๊อต ตกเทรน เลยหละ

 

อ้อ

หนูอัญบอกว่า

หนูจะไม่พลาดเลย

แม้แต่อาทิตย์เดียว เพราะ

จะตาม บุญ ไม่ทัน

555

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 18:36:36


ความคิดเห็นที่ 109 (1634538)

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

+++++++++++++++++++++

เบสก็เป็นอีกคนหนึ่งครับที่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น

ซึ่งเรียกได้ว่าอะไรที่ไม่เคยได้เห็นก็จะได้เห็นจริงๆครับ

โดยไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้ันกับตานั้น

มันเกินกว่าคำบรรยายครับ

ถ้าคนที่ไม่เห็นด้วยตาตัวเองคงคิดว่าโม้แน่ๆครับ

เพราะ ดร.จิ๋มที่เป็นโปลิโอมาถึง 50 กว่าปี

วันนั้นได้สวมจี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี

แล้วการเดินดีขึ้นเรื่อยๆ

โดยเมื่อได้สวมจี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี และเดินไปมา

ทุกคนต่างจับจ้องและเห็นด้วยกันกับตา

ว่า ดร.จิ๋ม ค่อยๆเดินดีขึ้น ใหล่ถูกยกขึ้นให้เท่ากกัน ขาทั้งสองข้างไม่แบะไปข้างนอกแล้ว

และเดินตรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็ต่างดีใจ 

ต่างตบมือเชียร์

ต่างร่วมกันยินดีอย่างสุดหัวใจ ที่ได้เห็น ดร.จิ๋ม

ผู้ที่เป็นที่รักของพวกเรามีอาการดีขึ้น

เบสคิดแล้วก็ปลื้มปิติมาก

คิดว่าสิ่งศักสิทธิ์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพระศรีอาริย์นั้น

ท่านมีเมตตาหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ

คิดแล้วก็ตื้นตันว่า ทำไมท่านถึงมีความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้

ท่านมาช่วยทั้งคนปกติ คนพิการ เรียกได้ว่าท่านช่วยทุกคน

เบสคิดว่าในจี้องค์เทพสฟิงค์นั้น

จะต้องมีบารมีของสิ่งศักสิทธิ์มากมายอยู่

และที่สำคัญต้องมีบารมีของพระศรีอาริย์อยู่อย่างแน่นอน

เพราะคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ข้อหนึ่งคือ เดินไปใกล้ๆแล้วหาย

จี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรีนี้ เปี่ยมไปด้วยบุญบารมี เปี่ยมไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ของพระศรีอาริย์

จึงทำให้คนที่ได้สวมใส่นั้น มีอาการดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรอยู่ก็ตาม

เบสคิดว่า นี่คงเป็นเหมือนแสงทอง เป็นความหวังของคนพิการทั้งหลาย

ที่อยากจะมีร่างกายปกติ และเบสเชื่อว่า

บารมีของจี้รุ่นสามร่มโพิธิ์ศรีนี้

จะต้องมีอานุภาพมาก

และเมื่อเรื่องราวการที่คนพิการสวมใส่แล้วหาย หรือดีขึ้นนั้น

ได้แพร่ออกไป

จะต้องเป็นที่บันลือสีหนาทไปทั่วโลกอย่างแน่นอนครับ


 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 18:39:52


ความคิดเห็นที่ 110 (1634548)

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

+++++++++++++++++++++

กราบเรียน  ท่านอาจารย์อุบล  ที่มีปาฏิหารย์เกิดขึ้นก็ด้วยความเมตตาจากพระพุทธองค์  พระบารมีพระศรีอาริย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ที่อยู่ในจี้ ท่านมาให้ความเมตตาและแสดงฤทธิ์ เพื่อให้ทุกคนที่ได้รับการบำบัดจากท่านอาจารย์อุบล เชื่อมั่น มั่นใจในคำสอนของพระพุทธองค์ซึ่งผู้ที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป จะต้องให้ทาน  รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิ  มีจิตใจเป็นผู้ให้  ซึ่ง ดร.จิ๋ม และ พี่อมร  ได้มาทำบุญที่บ้านสวนอย่างต่อเนื่องและยาวนานมาทุกสัปดาห์ ทำอย่างเต็มที่และทุ่มเทโดยไม่หวังผลตอบแทน ขอแต่ได้ทำบุญมากๆ มีความรักต่อครูบาอาจารย์  ช่วยเหลือผู้คน  มีความสามัคคีกันในหมู่คณะ  มีความเป็นผู้นำ  และใช้จี้องค์เทพสฟิงค์บำบัดผู้ได้รับความทุกข์  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์จึงให้ความเมตตา  ให้ความช่วยเหลือ  เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจน  มั่นใจที่สุดว่า ทำวิธีการอย่างนี้จะได้รับความเมตตาที่ยิ่งใหญ่จากทุกๆ พระองค์ คะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 20:26:23


ความคิดเห็นที่ 111 (1634550)

 วันที่13ตค.55

   ต่ายได้ไปช่วยตกแต่งพีระมิดหลังบ้านอ.อุบล ซึ่งกลุ่มWorkshopของต่ายเป็นกลุ่มที่มีปัญหาผิวพรรณซึ่งมีต้นเหตุมาจากการไม่มีระเบียบ เป็นคนมักง่าย เป็นคนสกปรก กลุ่มของต่ายอยู่กลุ่มที่1 มีป้าเหมี่ยว ป้าแพม ป้าเจี๊ยบ น้าศักดิ์ ป้าแป้นและต่าย ทุกคนต่างมีปัญหาผิดพรรณกันหมด เช่นป้าเหมี่ยว:ที่มือของป้าเหมี่ยวจะมีหนังมีหยาบๆเป็นตุ่มๆดูแล้วไม่สวย แต่พอทำงานและตรวจผล ปรากฎว่ามือที่ด้านๆนิ่มขึ้นดูสวยขึ้น และในความคิดของต่ายป้าเหมี่ยวใบหน้าใสขึ้นด้วยค่ะ  ป้าแพม:ป้าแพมก่อนทำงานป้าแพมเป็นสะเก็ดเงินขึ้นตามตัวหลายๆจุดแต่เมื่อทำงานตรวจผลเสร็จ ปรากฏว่า รอยสะเก็ดเงินบนใบหน้าป้าแพมหายไปดูเหมือนไม่เคยเป็นสะเก็ดเงิน ที่แขนป้าแพมปกติจะเห็นว่าแดงและมีอาการคันแต่ที่แขนป้าแพมกับไม่มีอาการคันและแดงน้อยลงเยอะค่ะ ป้าเจี๊ยบ:หัวเข่าป้าเจี๊ยบจะเห็นเป็นรอยดำ แข็งและสาก แต่เมื่อทำงานและสำรวจผลเสร็จหัวเข่าป้าเจี๊ยบจากที่ดำๆก็จางลงและแข็งกระด้างน้อยลงค่ะ น้าศักดิ์:ใบหน้าลำตัวจะดูดำคล้ำแต่เมื่อตรวจผลเสร็จใบหน้าของน้าศักดิ์ดูกระจ่างใสขึ้น ผิวที่แขนก็ดูดีขึ้นค่ะ ป้าแป้น:หน้าป้าแป้นดูดำๆและเมื่อทำงานและสำรวจผลเสร็จก็เห็นว่าหน้าป้าแป้นดูขาวดูการจ่างใสมากค่ะ  ส่วนของกระต่าย ตอนแรกก่อนทำจะรู้สึกคันนิดหน่อย แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆก็ตันมากขึ้นก็เลยใช้รหัสอ.อุบล จากนั้นแขนจากที่คันๆ ก็ลดลงจนไม่คันค่ะ และพึ่งนึกได้ว่า ในหูของต่ายมันเหมือนมีเม็ดสิวอยู่พอจับๆก็ปวด เลยใช้รหัสอ.อุบลขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อ.อุบลอัญเชิญมา ขอให้เม็ดที่เหมือนสิวในหูหาย จากนั้นพอทำงานไม่เรื่อยๆสิวนั้นมันก็ยังไม่หายแต่มันแห้งขึ้น และพอวันอาทิตย์ตอนที่ไปรายงานผลWorkshopต่ายก็ลองแกะดูปรากฏว่าสิวนั้นมันหลุดออกมา ปกติถ้าแกะสิวหรือบิวสิวมันก็เหมือนมีอะไรไหลออกมาเป็นน้ำๆหน่อยๆ แต่นี่ไม่ใช่ค่ะ มันออกมาทั้งเม็ดเลยและจากนั้นก็หาย95%ค่ะเพราะมันยังปวดอยู่5% และเมื่อวันจัทร์ที่15ต่ายก็ลองจับดูตรงแผลมันก็เหมือนมีหนังแห้งออกมาและก็ไม่ปวดแล้วค่ะ สาธุ แต่ตรงส่วนหนังแห้งมันลักษณะเหมือนแผลที่พอเลือดแข็งตัวเสร็จแล้วเราไปแกะมันอ่ะค่ะ มันหายสนิทและไม่มีร่องรอยแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ และเมื่อต่ายไปส่องกระจกและลองจับสิวบนหน้าผากดูก็รู้สึกว่าสิวลดน้อยลงค่ะ 

กระต่ายขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทุกๆพระองค์ เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่รักษาตัว

ท่านอ.อุบล และอ.อุบลกับรหัสอ.อุบลช่วยด้วยค่ะ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ด.ญ. ยุพินดา วรรณรักษ์ ( น้องกระต่าย) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 20:37:11


ความคิดเห็นที่ 112 (1634551)

 กิจกรรมวันที่ 13-14 ตุลาคม 55

                 กิจกรรมยามเช้าที่แปลงเกษตรของเราก็มี น้องเบส น้องทัด คุณจตุพล  มาช่วยและ  

 ชมความงามของแปลงผักเราก็มีมะเขือยาว  มะเขือเปราะและถั่วพู   จ้าวเดิมที่แสนอร่อย  

ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มสวยงามขึ้นมาอีก วาระหนึ่ง   อ้อ....!ลืมบอกไปว่าเรามี แตงกวาที่กำลังขึ้นมา

อย่างสวยงาม  เห็นลูกแล้ว 2-3 ลูก   คาดว่า อาทิตย์หน้าเราคงจะมีแตงกวาแสนอร่อยให้    พวกเราได้ชิมกัน.........จ้า!

                หลังจากที่เรารับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว   พวกเราก็แยกย้ายกันไปสร้างบุญกันหลายกลุ่ม   มีกลุ่มที่จัดการหญ้าที่แปลงผักและแปลงเผือกทำให้   ดูค่อยโล่งโปร่งตาลง ไปบ้าง โดยมี อ.พันธ์  คอยให้คำแนะนำและลับจอบขยันให้คมๆ เพื่อการถากหญ้าที่ง่ายขึ้น.

               ต่อจากนั้นหลังเที่ยงเราก็มีกิจกรรมทำ work shop กันโดยแบ่งกลุ่มออกไป  9 กลุ่ม  โดยแต่ละกลุ่ม ก็ได้โจทย์ของงานกันไปแตกต่างกัน ซึ่งครั้งนี้ตัวเองอยู่ใน กลุ่มที่ 7 โจทย์ที่ได้รับเป็น    เรื่องการเจ็บป่วยและการขาดปัญญา  ก็มีน้องเบส  คุณป้อม   น้องนัท ดร.จิ๋ม และอ.นี   ก็ได้ร่วมช่วยกันเตรียมแปลงเพื่อที่จะใช้ในการ ปลูกผักได้สำเร็จ จำนวน     3 แปลง โดยเริ่มตั้งแต่การวางแผนกันดังนี้

1)   -***   เตรียมว่าเราจะทำงานอะไรกัน

2)    ***  อุปกรณ์ที่ใช้ให้เหมาะสมในการทำงาน

3)    ***  บุคคลที่จะดำเนินการขุดแปลง ก็มี น้องเบส น้องวินและคุณป้อม

4)    ***  ผู้ที่เตรียมการถ่ายปุ๋ยน้ำออกจากถังหมักก็มี ดร.จิ๋ม อ.นี

5)    ***  ผู้ที่ขนหญ้าหมักมาเพื่อเตรียมคลุมแปลง น้องเบส น้องวิน คุณป้อม

6)    ***  ผู้ที่คลุมหญ้าหมักในแปลง ดร.จิ๋ม อ.นี

7)    ***    สุดท้ายก็ช่วยกันใช้แสลนคลุมแปลงไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ฝนตกชะล้างปุ๋ยจากหญ้าหมัก              และ กันไก่มาคุ้ยเขี่ยทำลายแปลงผักเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์

       ในที่สุดก็สำเร็จเรียบร้อยทันเวลาตามกำหนด 5 โมงเย็นอาจจะกว่าเล็กน้อย   พอถึงช่วง

ค่ำพวกเราก็เตรียมรายงานกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายกันมา   โดยมีหัวหน้ากลุ่มและตัวแทน

กลุ่มหมุนเวียนกันมารายงาน   ซึ่งจากการที่แต่ละกลุ่มได้ขึ้นมารายงาน  ก็ทำให้เราทราบว่า

ส่วนมากทุกคนได้รับ  ผลบุญตรง  จะได้ตามที่ขอ  บารมี  พระศรีอาริย์ ช่วยโดยเฉพาะกลุ่ม  

ที่มีปัญหาด้านผิวพรรณจะเห็นได้เร็วมาก    เช่นคุณเจี๊ยบเข่าดำก็  มีสีจางลงและขาวขึ้น    

คุณแป้น มีฝ้าก็จางลง 80 %   คุณเปลวมีด่างขาวทีมุมปาก ก็จางลง     ส่วนคุณแพรวที่        

มาจากUSA.เป็นโรคสะเก็ดเงิน  ก็จางลง และไม่คัน  ดีขึ้น  80% ฯลฯ                                         นี่เป็นตัวอย่างผลบุญที่ได้รับจากการทำความสะอาดและตกแต่งสถานที่ในเขตบุญ

และทุกคนได้ขอบารมีพระศรีอาริย์กันตลอดค่ะ.   พอเสร็จจากการรายงานกลุ่มแล้ว ก็มา

 ด้านหลังที่เป็นสวนสวรรค์ฯของพวกเรา เพราะมี  บาร์บีคิวเห็ดและน้ำจิ้มที่แสนอร่อยโดย

ฝีมือคุณแมวเช่นเคยจ๊ะ!  และแล้วทุกคนก็ได้พบปาฏิหาริย์จาก  จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี  ที่มี

อานุภาพมากที่ท่านอ.อุบลฯนำมาให้เราได้พิสูจน์กัน.............      ( เดี๋ยวมีต่อ..........ค่ะ!)

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 20:38:01


ความคิดเห็นที่ 113 (1634554)
ธรรมทานค่ำคืน วันเสาร์ที่ 13 ตค. 55 วันทำ workshop รับเหตุการณ์ภัยพิบัติ
                วันนี้หลังจากรายงานกลุ่มแต่ละกลุ่ม ที่ได้รับโจทย์ในการทำงานต่าง ๆ ที่จะแก้กรรมที่เกิดมากับตัวเราแล้ว อาจารย์ก็ให้จัดบาร์ บี คิว เล็ก ๆ ที่สวนหย่อมแสนสวย หน้าห้องน้ำ หลังเวที ซึ่งติดกับบริเวณเรือนพักที่ใช้นอนของทุก ๆ ท่าน พออาจารย์เริ่มให้ไปต่อคิว จิ๋มก็ไปต่อคิวด้วย ได้คนที่สอง ต่อจากคุณป้อม ซึ่งเป็นโรคตาแดง เพราะฝุ่นเข้าตาขณะทำงาน  ตัวจิ๋มเองนั้น บอกไป 3  อาการ คือ เจ็บคอ ไอ อาการปวดหลัง และอากาเจ็บฝ่าเท้า จากการเดิน ก่อนหน้าที่จะมาที่ลาน บาร์ บี คิว พบว่าในวิหาร มีอาการปวดตามแนวยาวของขาด้านขวาที่เป็นโปลิโอซึ่งเป็นขาที่มีปัญหา (การเป็นโปลิโอของจิ๋มก็คือ ขาข้างขวา จะยาวกว่าปกติประมาณ 10 เซนติเมตร จะเดินเอียง และขาบิด มาตรงที่ซุ๊ม บาร์ บี คิว ท่านอาจารย์ให้แขวน จี้ สามกษัตริย์ 3 องค์ ขณะสวมจะสังเกตได้ว่ามีพลังบางอย่างไปครอบเราอยู่ รู้สึกเหมือนสดชื่น สบายตัว และมีกำลังมากขึ้นพบว่าอาการปวดหลัง และขาจะดีขึ้นมาก เลยลองเดินดู ตอนแรกค่อย ๆ เดินช้า ๆ ก่อน ก็เดินได้ตรงขึ้น คล่องขึ้น ตอนนั้นรู้สึกอยากเดินขึ้นมา สนุกกับการเดิน ก็เลยเดินไว ๆ ขึ้น พบว่าคนรอบ ๆ บอก ดังนี้ ป้าเหมี่ยว บอกว่าขณะที่จิ๋มยืนอยู่ เหมือนกับว่ามีคนมายกไหล่ จากที่เอียงให้ค่อยตรง ส่วนขาขวาที่มีอาการปวดตึงตามแนวยาว ตอนที่อยู่ในวิหาร ก็ยังปวดอยู่ แต่น้อยลง เหมือนกับมีใครจะพยายามมาบิดขาจิ๋มให้ตรงนั่นเอง 
                ได้ทำการเดินหลายแบบ โดยใช้รองเท้าเดิมที่เสริมส้น ให้อีกข้างยาว อีกข้างสั้น ก็เดินได้ ลองถอดรองเท้าดู และเดินก็เดินได้ โดยไม่เจ็บฝ่าเท้า ซึ่งปกติจะเดินไม่ได้ เพราะจะเจ็บ ผู้คนรอบ ๆ ทีดูอยู่ก็ลุ้นกับมาก น้องบัว ตะโกนมา ให้รองใช้รองเท้า ของคนธรรมดาดู ก็เลยใช้รองเท้าของจุ๋ม ก็พบว่ายิ่งเดินได้คล่องและเร็วขึ้น ไม่ค่อยเจ็บฝ่าเท้าแล้ว ท่านอาจารย์อุบลเมตตา บอกให้ไปบูชา จี้สามกษัตริย์ นี้มาเพิ่มให้ใส่ตลอด จิ๋มจึงไปบูชามาอีก 10 องค์ และจะลองใส่ดู
                กรรมจากการเป็นโปลิโอนี้เป็นกรรมในอดีตชาติ ที่ท่านอาจารย์อุบล เคยบอกไว้ ตอนที่ท่านขับรถตามจิ๋มเดินกลับจากการสร้างพระองค์ปฐม เมื่อต้นปี จิ๋มทำกรรมฆ่าคน โดยขับรถชนคนตายแล้วหนี เคยเอาปืนไรเฟิลยิงคนที่ขา จนขาขาดกระจุย เคยข่มขืนหญิงนับไม่ถ้วน และเคยมีส่วนรู้เห็นและร่วมทำแท้งเด็ก มีวิญญาณเด็กตามมาขอส่วนบุญด้วย
                ลูกขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้านสวนพีระมิดที่ได้เมตตา ช่วยในการบำบัด ให้เดินดีขึ้นมาก ๆ จนไหล่ตรงเหมือนวันนี้ เป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่มหาศาล ยากที่จะตอบแทนได้หมดในภพชาตินี้ รวมทั้งเพื่อน ๆ พี่ น้อง ลูกบ้านสวนทุกท่าน ที่ร่วมลุ้น และส่งกำลังใจให้จิ๋มเพื่อจะพยายามเดินให้ได้ดีขึ้น ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
จิ๋ม ชัชวลี
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 20:45:32


ความคิดเห็นที่ 114 (1634555)

หนูขออนุญาตตอบตามความรู้สึกตัวเองค่ะ

ในจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

มีพลังของสมเด็จองค์ปฐม พระศรีอารีย์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์และสิ่งศักดิ์ทั้งอนันตจักรวาล  และที่สำคัญมีพลังความรักชาติ ศาสนา พระมาหากษัตริย์ (3 ร่มโพธิ์ศรี)  จึงมีความพิเศษและมีพลังมากทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานานหมอรักษาไม่หาย  หายได้ในฉับพลันทันทีค่ะ

หนูขอกราบขอพระคุณสมเด็จองค์ปฐม พระศรีอารีย์ สิ่งศักดิสิทธิทุกพระองค์ ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล และคุณท็อป ค่ะ ที่ได้เมตตาลูกหลาน ค่ะ

 

ขออนุโมทาบุญกับ ดร.จิ่ม ที่หายเดินได้ปกติ ค่ะ

และขออนุโมทธนาบุญกับทุกท่านที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ค่ะ

อ่านธรรมทานแล้วทำให้ชาวเกาะอย่างหนูน้ำลายไหยเหมือน          พี่ธนาบอกเลยค่ะ

กิจกรรมwork Shop และทำงานเป็นกลุ่มตามปัญหาที่มีอยู่ สุดยอดเลยค่ะ

และอานธรรมทานพี่เจียบแล้วนึกถึงสัตว์ที่ถูกฆ่าอย่างสยดสยองเพื่อเป็นอาหารของคน นึกภาพตามแล้ว สุดสยองเลยค่ะ ดีที่หนูเลิกทานเนื้อสัตว์เป็นการถาวร

อยากให้คนที่ยังทานเนื้อสัตว์อยู่ได้เห็นภาพแบบนี้จังเลยค่ะจะได้เลิกทานเนื้อสัตว์กัน

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 20:49:14


ความคิดเห็นที่ 115 (1634558)

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

+++++++++++++++++++++

เจี๊ยบคิดว่าปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นจากการใช้จี้ 3 ร่มโพธ์ศรีนั้น เพราะจี้นั้น บรรจุพุทธคุณบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และพระบารมีญาณของพระศรีอาริยเมตไตรย์และพลังรักทีเปี่ยมด้วยความเมตตาของทุกๆพระองค์ เพื่อให้เราสัมผัสได้ถึงความรักที่พระองค์ได้เมตตาเรา ถ้าเราตั้งมั่นอยู่ในความดี รักษาศีล 5 มีความรักให้กับเพื่อนมนุษย์ทุกๆคน เราก็จะได้พบแต่สิ่งดีๆ ปาฏิหารย์เกิดได้เสมอ ถ้าเราเชื่อมั่นในพระองค์

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:02:26


ความคิดเห็นที่ 116 (1634562)

 

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้

13 - 14 ต.ค. 55

กราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบลอย่างที่สุดค่ะ

ที่ทำให้ซาบซึ้ง..และบอกได้เลยค่ะว่า

ธรรมะ ที่ได้ในครั้งนี้

ก็คิดถึงประโยค

ที่ต้องสรรเสริญพุทธคุณ

ดุจดวงประทีป ชัชวาล

แห่งองค์พระศาสดาจารย์

ส่อง  สัตว์  สันดาน

สว่าง กระจ่าง ใจมน

และรับรู้ด้วยตัวเองเลยนะคะว่า

การเป็น

ผู้รู้  ผู้ตื่น  ผู้เบิกบาน แล้วนั้น

มีอารมณ์เป็นอย่างไรค่ะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ข้าฯ  ขอโอนอ่อนอุตมงค์

นพคำจำนงค์  ด้วยจิต และ กายวาจา

กราบ กราบ กราบ

*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

และจะเห็นได้ว่า

สัปดาห์นี้ทุกคนที่ได้ร่วม

กิจกรรม

ก็มีความสุข

ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม

เรียกว่า  เบิกบานกันถ้วนหน้าคร๊า

สนุกสนาน กับ workshop

บอกได้ว่า สุด สุด

( ขอเบรคแป๊บ.บ.บ.บ.นะคะ )

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:18:14


ความคิดเห็นที่ 117 (1634566)

                                 พวกเรา*******

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 *********

กราบเรียนอ.อุบลฯ

กระผมขอร่วมข่วยวิเคราะห์ว่า

 เป็นพลังอานุภาพจากบารมีสมเด็จ

องค์ปฐมบรมธรรมบิดา  พระศรีอาริย์ฯ

และองค์เทพสฟิ้งซ์ครับ/

*********

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:26:56


ความคิดเห็นที่ 118 (1634570)

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบล อาจารย์มงคล คุณท๊อป และญาติธรรมชาวบ้านสวนพีระมิด

ได้อ่านธรรมทานเกี่ยวกับที่ท่านอาจารย์อุบล และทุกท่านร่วมลุ้นให้จิ๋มเดินปกติ หายจากโรคโปลิโอ แล้วก็ดีใจ และสำนึกในบุญคุณทุกท่านที่มีต่อเรา พร้อมกับส่งความรักและปรารถนาดีมาให้ รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีอันนี้จะไม่ลืมเลย  ถึงแม้เราจะไม่ใช่ญาติกัน แต่ความรักและผูกพันที่มีต่อกันมันบรรยายได้ยากจริง ๆ

จริง ๆ แล้ว ถึงจิ๋มเป็นโปลิโอ ก็ไม่ได้ทำให้จิ๋มมีความทุกข์อะไรมาก อาจจะเป็นเพราะตัวเองชินแล้ว ที่คนอื่นมองเราเป็นคนแปลก เดินแปลก ๆ แต่เราก็ถือว่าเราเดินของเราไม่เกี่ยวกะใคร และตัวจิ๋มเองนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องทำตัวเองให้สวย ให้เหมือนคนอื่น เพราะได้ตัดความสวยงาม ออกจากใจไปแล้ว แต่ก่อนยังเคยคิดว่า ดีเสียอีกที่เกิดมาเป็นคนพิการ ขาเป็นโปลิโอ พอผู้ชายเห็นเรา เขาจะได้หนีไม่ต้องมาเข้าใกล้เราก็อยู่เป็นโสดสบายใจไปเลย

แต่ความคิดที่อยากหายก็มีอยู่บ้างเป็นระยะ ๆ เช่น เห็นจุ๋ม เขาต้องมาจูงเรา และคอยเป็นห่วงว่า อย่าเดินเร็วนะ เดี๋ยวล้ม อย่ายกหนักนะเดี๋ยวขารับแรงไม่ไหว  เราก็รู้สึกว่า ถ้าเราหายนะ เราก็จะได้ช่วยงานหนัก ๆ ได้ดีกว่านี้ละมัง

ส่วนเรื่องที่อาจารย์ให้วิเคราะห์ว่าทำไมจี้สามร่มโพธิ์ศรีนี้ทำให้จิ๋มหาย ก็เป็นเพราะ คนที่ท่านจะช่วย ก็คือคนที่พร้อมที่จะทำงานเพื่อกอบกู้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กลับมา และให้อยู่ยั่งยืนต่อไป ซึ่งจิ๋มคิดว่าตัวเองตั้งเป้าหมาย เช่นนี้ จึงได้มาเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์อุบล

       อีกเหตุผลนึงที่จี้ทำให้ เราที่ขาพิการดีขึ้นได้มาก เพราะจี้องค์นี้มีความเกี่ยวข้องกับบารมีพระศรีอาริย์  ท่านจึงสามารถแผ่บุญที่ผู้สวมใส่ทำไว้ ไปให้เจ้ากรรมนายเวรของบุคคลนั้น พอเขาได้รับบุญเราโดยผ่านบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลเป็นสื่อกลางอัญเชิญมานั้น บุญนั้นจะยิ่งใหญ่ ทับทวีคูณ จนทำให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้นั้นใจอ่อน และไม่กลับมาทำร้ายอีก

         จำได้ว่า วันนั้นท่านอาจารย์ถามจิ๋มว่า จะใส่จี้หลาย ๆ องค์มั๊ย ตอนแรกจิ๋มบอกว่าไม่ใส่หมดหรอกค่ะ มันหนัก เอาไว้ข้างนอกไม่ได้ต้องไว้ในเสื้อ ท่านก็บอกว่าไว้ในเสื้อนั่นแหละ ก็แสดงว่าท่านอยากให้เราใส่ ฉะนั้นต้องใส่ให้ได้  เมื่อวานก็เลยบูชามา 14 องค์ ของจุ๋ม 3 องค์ ของจั๋ม 1 องค์ ที่เหลือจิ๋มใส่เอง หมด นั่นคือขณะนี้สวมจี้สามร่มโพธิ์ศรี 10 องค์ และจี้เดิมอีก 1 องค์ พีรามิดจำลองที่เป็นจี้ 5 ชั้นอีก 1 องค์ สังเกตว่าเวลาใส่ อาการที่เคยไอก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ขาก็เดินคล่องขึ้น แต่ขาอีกข้าง ที่เป็นข้างขวารู้สึก เจ็บ ๆ เวลาเดินไม่ตรง  ตอนนี้เหมือนต้องหัดเดินใหม่ ให้ตรง ถึงจะไม่เจ็บค่ะ

ขอบอกว่าจี้นี้มีพลังมากใส่แล้วรู้สึกถึงพลัง ไม่ง่วง ไม่เบื่อ สดชื่น ทำงานได้อย่างรวดเร็วเลยค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล และเทวดาที่รักษาท่านทุกพระองค์ ลูกขอถวายบุญอันน้อยนิดที่ลูกได้ทำให้กับท่านอาจารย์และเทวดาที่รักษาท่านด้วย  การกระทำใด ๆ ที่ลูกจะตอบแทนบุญคุณท่านได้ ลูกยินดีทำทุกอย่าง ขอให้ท่านได้สื่อมาที่จิตใจของลูกด้วยเทอญ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:42:58


ความคิดเห็นที่ 119 (1634571)

มาต่อดีกว่าครับ

กิจกรรมWorkshop ฐานบุญที่ตอบโจทย์ปัญหาต่างๆของผู้คนได้ตรงจุดที่สุด ล้วนเป็นที่ถูกอกถูกใจของทุกๆคน ต่างแย่งกรูกันเข้าฐานต่างๆแบบประมาณว่า ฐานนี้ของชั้น ฐานนี้ของผม 5555

เอางี้ ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศสลับมาเป็น Workshop วันอาทิตย์บ้าง เพราะวันอาทิตย์นี้เป็นการตอบโจทย์ว่า "ภัยพิบัติและการเอาตัวรอด" ของพวกเราทุกคนจะทำอย่างไร ทั้งก่อนและหลังเกิดภัยพิบัติแล้ว

กลุ่มแรก ดังไฟให้ด้ายยย(ภาษาอีสานเด๊หนี่) ดังไฟแปลว่า ก่อไฟ ให้ได้ แม้ว่าขณะนั้นคุณไม่มีอะไรเลย ไฟแช็คก่าบ่มี ไม้ขีดไฟก่าบ่มี ป๊าดด ช่างจำลองเหมือนจริงขนาดเลย เอาล่ะสิ ใช้ปัญญากันมันส์หยดเลย

อาจารย์พันนำทีมลุยไปบริเวณข้างวิหารไม้ไผ่ ลองสารพัดวิธี ทั้งใช้หินกระทบกัน ใช้ไม้ไผ่สีกัน ใช้วิธีการปั่นไม้ในกระบอกไม้ไผ่ เรียกว่างัดทุกกลยุทธ์เพื่อก่อไฟให้ติด ลองเดาดูครับว่าสุดยอดฝีมือกลุ่มนี้ก่อไฟสำเร็จหรือไม่???

ผมแอบไปสังเกตการณ์มา เห็นอาจารย์พันปั่นไม้ในกระบอกไผ่ซะหน้าดำหน้าแดง เฮ้ยยๆๆๆควันขึ้นมาแล้ว ไชโยๆๆๆ ใกล้ได้เสร็จแว้ววว

แต่ว่า เฮ้ยๆๆ ทำไมควันสีแปลกๆหว่า ป๊าดดด นั่นมันฝุ่นขุยไม้ไผ่นี่นา โธ่ ไอ้เราก็แอบลุ้นไปด้วย 5555

อีกมุมหนึ่งน้องนัทกับพวกก็สีไม้ไผ่กันมันส์เลย สีไปสีมา นั่งหอบแฮ่กก แง๊ๆๆ ไฟบ่ติดเด้อพี่น้อง

สรุปว่า หากเป็นวันเกิดเหตุจริง พวกเราหนาวตาย อดตายกันแน่นอน เอาใหม่!!!ระหว่างสัปดาห์นี้อาจารย์พันจะกลับไปหาวิธีการใหม่เพื่อก่อไฟให้ติดแม้ว่าจะเจอสถานการณ์ชื้น เปียก ไม่มีอะไรเลยก็ตาม เอาใจช่วยอาจารย์พันด้วยก๊าบบ

การยื้อแย่งที่หลบภัย

โอ้วว...เรื่องนี้ว่าไม่ได้เลยนะครับ เพราะโจทย์นี้ต้องตีปัญหาให้แตกว่าเราจะเตรียมตัวกันอย่างไร สมมติว่าภัยพิบัติเกิดขึ้นตอนนี้เลย เราจะไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้อย่างไร และต้องทำอย่างไรบ้าง

บางกลุ่ม เช่น กลุ่มคุณอ้อย ก็เสนอว่าต้องคิดสเต็ปทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยก่อนเลยว่า เราจะทำอะไรเป็นลำดับๆและซ้อมไว้ตั้งแต่วันนี้เลย พอถึงเวลาเราก็จะทำตามที่ซ้อมไว้แบบอัตโนมัติ

เช่นว่า ก่อนอื่นต้องร้องว่า อาจารย์อุบลช่วยด้วยยยย พร้อมกันนั้นก็วิ่งหนีไปที่เราวางแผนไว้ด้วย ตะโกนบอกคนอื่นไปด้วย เป็นต้น

แต่สถานที่ปลอดภัยนั้น อันนี้ลำบากใจหน่อยครับ เพราะหลายๆท่านยังไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหนจะปลอดภัยสำหรับตนเอง

สำหรับผมเองก็ได้มีโอกาสคุยกับป้าอุ๊คนงามขณะนั่งรถไปบ้านสวนด้วยกัน ป้าอุ๊บอกว่า ป้าอุ๊เองซึ่งเป็นแอดมินเวปเกี่ยวกับภัยพิบัติและเวปธรรมะ3แห่ง ก็ยังไม่มีสถานที่ที่จะไปเลยหากเกิดภัยพิบัติขึ้นมา เมื่อมีคนถามเรื่องที่หลบภัย ป้าอุ๊ก็จะบอกว่า ยังไม่มีเลย

จนป้าอุ๊ได้มาร่วมกิจกรรมของบ้านสวนฯและได้เห็นปรากฏการณ์ต่างๆภายในบ้านสวนฯ บังเอิญผมก็ได้ยินป้าอุ๊คนงามได้คุยกับท่านอาจารย์อุบลว่า

"ก่อนหน้านี้ใครถามเรื่องที่หลบภัย ป้าอุ๊ก็บอกว่าไม่มี ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า ที่ที่ป้าอุ๊จะมาอยู่ก็คือ บ้านสวนพีระมิด"

โอ้ววว...แหมทุกๆคนที่มาบ้านสวนพีระมิด ต่างก็มั่นใจว่าบ้านสวนพีระมิดนี่แหละคือที่ปลอดภัยสุดๆล้านเปอร์เซ็นต์ แม้แต่ป้าอุ๊คนงามซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเตือนภัยพิบัติยังอยากมาอยู่เลย

โอ้วว อย่างนี้วันเกิดภัยพิบัติ คนที่อยากมาบ้านสวนเพื่อหลบภัยนี่ ใครๆอยากมาก็ได้หรือเปล่าครับเนี่ยย ???

ขนาดป้าอุ๊คนงามเพิ่งมาครั้งแรกผมก็สงสัยว่า ทำงานด้านเตือนภัยพิบัติมาตั้งนานยังไม่มีที่หลบภัยเลย แต่มาบ้านสวนฯครั้งแรกทำไมอยากเลือกมาหลบภัยพิบัติที่บ้านสวน ???

บ้านสวนพีระมิดนี่ สมแล้วครับเป็นแดนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พรหมเทพเทวา ใครๆที่ได้มาต่างก็รู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย แต่ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ใครล่ะ ที่จะได้มาอยู่ในวันเกิดภัยพิบัติ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:43:10


ความคิดเห็นที่ 120 (1634573)

พวกเรา*******

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

*****************

อ้อยคิดว่าจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีนี้มีพลังอานุภาพ

จากองค์พระศรีอาริย์

และอนันตจักรวาล

ที่จะมานำพาคนดี มีศีลธรรม

ได้เข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์

ซึ่งเป็นยุคทอง

ไม่มีคนจน คนเจ็บ

มีแต่คนรักกัน คนสมหวัง

ทุกคนมีแต่ความสุข

ดังนั้นความทุกข์ทั้งปวงที่พวกเรากำลังได้รับ

จะได้รับการปลดเปลื้องให้หมดไป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:57:07


ความคิดเห็นที่ 121 (1634574)

เห็นคนตื่นเต้นกันสวดดๆๆกับอานุภาพของจี้สามร่มโพธิ์ศรี แล้วอดคิดถึงเจ๊ชนิดาคนงามบ่ได้ อยากเล่าเรื่องเด็ดๆให้คนไกลได้รู้มั่ง อิอิ

ยางงายยเจ๊คนงามก็เช็คเมล์หรือแชทในเฟสบุ๊คมาหากันแหน่เด้อ ไม่ทันสมัยกับเขาแล้วอย่ามาโทษกันเด๊ะ 555 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:11:05


ความคิดเห็นที่ 122 (1634575)

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

..................

ผมคิดว่าจี้3ร่มโพธิ์ศรี 3องค์ ที่ดร.จิ๋มได้สวมแล้วเกิดเหตุอัศจรรย์นั้น เพราะดร.จิ๋มเป็นผู้ฝักใฝ่ในธรรม เชื่อมั่นและศรัทธาพระพุทธเจ้า ประกอบกับมีความมุ่งมั่นปกป้องชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ จึงสามารถใช้จี้ได้ผลอย่างมหัศจรรย์ โดยไม่ต้องสารภาพบาป และยังได้รับพลังความรักความปราถนาดีจากญาติธรรมที่ต่างคอยลุ้นและให้กำลังใจ ดร.จิ๋ม ซึ่งแต่ละท่านก็สวมจี้องค์เทพสฟิงค์กันด้วยรวมแล้วหลายสิบอันรวมพลังส่งให้ ดร.จิ๋มครับ

และจี้นี้มีพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งอนันตจักรวาลครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:13:42


ความคิดเห็นที่ 123 (1634576)

อ.อุบล

เชื่อพระพุทธเจ้า

วันนี้ ก็ได้คุยเรื่องพระพุทธเจ้า

กับ อ.มงคล ว่า

คำสอนของพระองค์ท่าน

เที่ยงแท้ แน่นอน พิสูจน์ได้ ไม่ต้องกังวล

 เมื่อท่านยืนยัน

ท่านรับรองผล ว่า

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ

หรือดับเหตุใด้ ผลต้องดับได้

===

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้

ก็อัศจรรย์พออยู่แล้ว

แต่นี่

หายได้ ในพริบตา

======

คิดว่าจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีนี้มีอานุภาพจากพลังของ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริย์

และเทวดาที่ปกปักรักษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ซึ่งก็คือ ท่านท้าวเวสสุวรรณและบริวาร

นอกจากนั้นแล้วคนที่ได้รับพลังก็ยังเป็นคนที่ตั้งใจ

จะรักษา 3 ร่มโพธิ์ศรีให้คงอยู่

นอกจากนี้ยังได้ประกอบกุศล ทาน ศีล ภาวนา

ในเขตบุญใหญ่คือบ้า่นสวนพีระมิด

มาเป็นตัวประกอบให้เกิดมหัศจรรย์หายในฉับพลัน

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:15:56


ความคิดเห็นที่ 124 (1634581)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทานที่หลายๆท่านได้เข้ามาเขียนอย่างคึกคัก

Workshop วันเสาร์

ท่านอาจารย์ได้กำหนดกิจกรรมกลุ่มไว้ทั้งหมด 9 กลุ่ม

โดยโจทย์จะเกี่ยวกับปัญหาหลักๆที่พวกเรายังปลดเปลื้องไม่ได้

เช่น 

-กรรมทางผิวพรรณ มีปัญหาฝ้า กระ และอื่นๆ เกิดจากกรรมส่วนหนึ่งที่ไม่ค่อยจัดระเบียนทำความสะอาดสถานที่   มักโกรธ ได้รับกิจกรรม ทำความสะอาด และตกแต่งบริเวณห้องน้ำ และหน้าพีระมิดหลังบ้านอาจารย์ให้เป็นระเบียบ  สวยงาม

-ปัญหาการงาน การเงินหนี้สิน เน้นสร้างวิหารทาน ขนอิฐบล๊อค ซึ่งวันนั้นเป็นการช่วยผูกเหล็กสร้างอาคารหลังใหม่  ซึ่งกรรมนี้เกิดจากผิดศีลข้อ 2 ไม่วางแผนการใช้เงิน ที่สำคัญ ท่าน อ.อุบล บอกว่า เบื้องหลังที่กรรมนี้ไม่ได้รับการปลดเปลื้อง เพราะว่าชอบยืมเงินคนอื่น แล้วไม่ยอมใช้ ซึ่งท่านให้ใช้เงินเท่าที่มี  ถึงไม่พอใช้ก็ต้องทำให้ได้  เลิกยืมคนอื่น กัดฟันใช้หนี้ไปเรื่อยๆ  แล้วปัญหาจะคลี่คลาย

-ปัญหาเจ็บป่วยและขาดปัญญา ได้ไปทำงานที่แปลงเกษตร  ได้เลือกขุดเตรียมแปลงผัก 3 แปลง ซึ่งแต่ละคนทำไม่เป็น ถึงแม้ในกลุ่มจะมี อ.ณี แต่ อ.ณีก็บอกว่าทำไม่เป็นเช่นกัน  กลุ่มนี้ได้เรียนรู้ว่าการทำเกษตรต้องใช้ปัญญา   เพราะต้องคอยประเมินว่า วิธีที่เลือกใช้ โอเคมั๊ย  หรือจะต่อยอดความรู้หรือวิธีที่ทำยังไง  ให้ได้งานที่มากที่สุด ด้วยเวลาน้อยที่สุด เป็นการฝึกใช้ปัญญาอย่างแท้จริง

-ปัญหาการเงินและเจ็บป่วย ก็ทำกิจกรรมวิหารทาน  ซึ่งพี่อมร ได้ปัญญาว่า  ปัญหาตรงนี้ส่วนหนึ่งเกิดจาก  การที่พวกเราพอมาทำบุญใช้แรงกายแล้ว  ไม่ยอมเก็บ ทำความสะอาดเครื่องมือ  ทุกคนในกลุ่มปล่อยให้พี่อมรเก็บคนเดียว   ซึ่งนี่เป็นอีกปัญหาที่อ้อยพบเจอเสมอ   ทุกคนที่มาทำบุญที่บ้านสวนฯ  มักจะมาแบบทำตัวเป็นแขก  หมายถึง พอมาถึงก็เตรียมตัว พุ่งไปทำงานใช้แรงกายอย่างเดียวตรงไหนคนเยอะ  มุ่งไปตรงนั้น  ไม่ดูว่าตรงไหนที่ต้องการความช่วยเหลือ  พอถึงเวลากินก็มากิน  อ้อยเคยเจอว่าน้ำในคูลเลอร์หมด คนส่วนใหญ่ก็แค่บอกว่า น้ำหมด แล้วก็สะบัดก้นจากไป  โดยไม่มีสำนึกว่า น้ำหมด เราควรจะเอาคูลเลอร์ไปเติมน้ำและน้ำแข็ง   จานชามที่ล้างแล้ว คว่ำใส่เข่ง ต่อให้เข่งแน่นยังไงฉันก็จะยัดลง  แทนที่จะมองหาเข่งใหม่มาเพิ่ม พื้นเปียก ก็เหยียบย่ำมันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จักหาผ้ามาเช็ด  ไม่ช่วยกับเก็บขยะที่ตกหล่น เดินข้ามไปมา  เตรียมน้ำใส่กระติกไปทาน พอกลับมาก็สักแต่เอากระติกมาวาง มุมไหนก็ได้ที่ชอบ  แทนที่จะล้างเก็บ   โต๊ะขนม ผลไม้โคตร รก ก็ไม่สนใจจัด  แทนที่จะมองหากระจาดมาใส่ ก็ปล่อยให้รกอยู่อย่างนั้น   อ้อยคิดว่าที่คนส่วนใหญ่มาบ้านสวนฯแล้ว  ยังมีปัญหาการงาน การเงิน เพราะละเลยรายละเอียดงานอย่างนี้

เพราะเราคิดว่าเรามาอย่างเป็นแขก  ชั้นมาทำบุญใช้แรงกายนะ    ถึงเวลากินต้องได้กิน  แถมต้องกินดี กินไม่มีน้ำใจ ไม่สนคนมาทีหลัง ตักอาหารเยอะเกินไป  ถึงเวลาประชุมก็รีบไปโดยทิ้งโรงทาน สกปรก โต๊ะไม่เช็ด ไม่จัด  ถึงเวลากลับบ้านก็กลีบเลย  ไม่สนใจเก็บเครื่องมือล้าง  ทำความสะอาด

พวกเราส่วนใหญ่จะหยาบ ไม่สนใจรายละเอียด ไม่ใช้ข่าวของให้คุ้มค่า ไม่ประหยัด

-กลุ่มปัญหาการเงินและขาดปัญญา  เลือกทำกิจกรรมกำจัดวัชพืชแปลงชะอม   ซึ่งคุณตาโต๊ะโดนเคียวบาดนิ้ว   ไม่ต้องสงสัยค่ะ   กรรมเขียนธรรมทานน้อยนั้นเอง

-กลุ่มปัญหาการเงิน ขาดปัญญา เจ็บป่วย  ทำกิจกรรมทำความสะอาดทั้งบ้านสวนฯ  ปัญหาใดที่ทำได้ทันทีให้ทำ ก็คือตัดตกแต่งต้นไม้ และรั้วบ้านสวนฯ

 

ซึ่งภาพรวมของ Workshop ครั้งนี้ให้อะไรบ้าง

-การแบ่งกลุ่มเล็ก คือกลุ่มละ 5 คน ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมและรับผิดชอบมากขึ้น

-ทำให้เรารู้ว่าบุญใด ส่งผลอานิสงส์เรื่องใด  ทุกคนจะได้เลือกกิจกรรมบุญให้ตรงตามปัญหาของตัวเอง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:33:43


ความคิดเห็นที่ 125 (1634582)

อ.เบญจรัตน์คะ

ช่วยเปิดโทร.มือถือสักครู่นะคะ

มีคนหน้าตาดี อยากคุยด้วย

เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัวค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:33:46


ความคิดเห็นที่ 126 (1634583)

เพราะพวกคุณคือผู้ที่ได้อธิษฐานมอบกายถวายใจ

รับใช้ติดตามพระศรีอาริย์

นั่นหมายความว่า

พวกคุณจะยังไม่ได้นิพพานในชาตินี้

พวกคุณจะได้ติดตามองค์พระศรีอาริย์ไปจุติอีกครั้งหนึ่ง

ในชาติที่พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

พูดตามที่เข้าใจให้ตรงก็คือ

พวกคุณในชาตินี้จะได้บรรลุเป็นพระอนาคามี

ซึ่งจะเป็นชาติก่อนชาติสุดท้าย

เพราะพวกคุณคือเหล่าพระอนาคามีทั้งหลาย

ที่จะเป็นผู้นำสันติมาให้แก่โลก

ซึ่งแต่เดิมนัชญ์เข้าใจว่าองค์พระศรีอาริย์มาจุติเป็น

พระอนาคามีองค์เดียวที่จะนำสันติมาให้แก่โลก

แต่ขณะนี้นัชญ์ได้เข้าใจว่า

พวกคุณก็คือเหล่าพระอนาคามีที่นำสันติมาให้แก่โลก

โดยการนำขององค์พระศรีอาริย์ผู้มาจุติเป็น

พระอนาคามีเช่นกัน

ข้อความจากคุณ ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา

---------------------------------

ผมเห็นว่าข้อความนี้น่าสนใจดีครับ เลยอยากนำมาแบ่งปัน เพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติโดยตรง ซึ่งพวกเรากำลังช่วยกันเตรียมตัวหาวิธีช่วยเหลือตนเองและคนอื่นๆอยู่ผ่านกิจกรรม Workshop

ตรงๆเลยครับว่าคุณภัคณัฐฏ์ มีความเห็นซึ่งสอดคล้องกับอีกหลายๆท่านที่สำคัญคือเป็นไปตามตำราและแหล่งข้อมูลต่างๆพวกเรารับรู้กันมา และผมก็เชื่อเช่นนี้มานานมากกเลยครับ

แต่ก็มาเปลี่ยนใจ คือ ปล่อยวางความเชื่อ หรือความรู้ที่ผมเคยฟังเคยอ่านมานับไม่ถ้วนจากแหล่งต่างๆ เพื่ออยู่กับปัจจุบันและพิสูจน์กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆในปัจจุบันที่ผมเห็นคาตา สัมผัสด้วยตนเอง ซึ่งไม่ต้องอ้างอิงกับใครเลย

และเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน ผมก็ได้รับความเมตตาจากป้าอุ๊ โทรมาให้ความรู้เรื่องนี้ ซึ่งป้าอุ๊แนะนำและบอกกับผมด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย และหนักแน่นว่า

ขอให้ผมแยกแยะและพิจาณาให้ดีก่อน อย่าหลงประเด็นเด็ดขาด เพราะพระศรีอาริย์ท่านยังไม่ได้ลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในตอนนี้ ท่านลงมาเพื่อนำคนเข้าสู่ยุคใหม่

และท่านจะลงมาเกิดเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าในอีก 10,000,000 ปีข้างหน้าไม่ใช่ตอนนี้

ดังนั้นคนที่เป็นสาวกพระศรีอาริย์นั้นจะไม่ได้นิพพานในชาตินี้นะ ต้องกลับมาเกิดใหม่อีก

สำหรับป้าอุ๊แล้วเป็นสาวกของพระสมณโคดม และจะต้องช่วยพาคนกลับนิพพานในชาตินี้

ซึ่งความเมตตาแนะนำผมในครั้งนั้น ผมก็ได้เรียนตอบป้าอุ๊ไปตรงๆตามที่เขียนไว้ข้างต้นแล้วว่า ผมขอวางสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรือฟัง/อ่านมาทั้งหมด เพื่ออยู่กับความจริงในปัจจุบัน และขอพิสูจน์สิ่งที่เห็นในปัจจุบัน ไม่ปิดกั้นโอกาสตนเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

ตรงๆนะครับ สำหรับผมเอง พระศรีอาริย์ก็คือพระพุทธเจ้า ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ก็คือ พาคนกลับนิพพาน ไม่ใช่สวรรค์ พรหม หรือการเป็นพระอนาคามี

ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดหรอกครับที่บอกว่า อย่าเพิ่งนิพพานนะ รอชาติที่ท่านเป็นพระพุทธเจ้าก่อนค่อยกลับพร้อมท่าน มีแต่ท่านจะรีบให้ทุกคนพ้นแดนทุกข์กลับบ้านนิพพานให้เร็วที่สุด

ผมก็ได้ตอบป้าอุ๊ไปเหมือนกันว่า ท่านอาจารย์อุบลบอกไว้อย่างชัดเจนเหมือนกันว่า ท่านมีหน้าที่ช่วยพาคนกลับนิพพานในชาตินี้

ที่สำคัญคือ พระศรีอาริย์ที่พระองค์ลงมานั้นก็เพื่อพามวลมนุษย์กลับนิพพาน ไม่ใช่พาคนไปพรหม หรือสวรรค์

หากจะมองว่า หากเป็นสาวกพระศรีอาริย์(ซึ่งพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะกำลังตามหาพระองค์ท่านอยู่)แล้วยังไม่ได้นิพพานชาตินี้

ผมก็คิดว่า แสดงว่าก่อนที่พระศรีอาริย์จะมาโปรดผู้คน ตอนนี้ผู้คนก็พากันเป็นพระอรหันต์กันเยอะแยะแล้วหรือเปล่านะ??? ไม่งั้นหากพระศรีอาริย์มา ก็จะต้องพากันไปรอเกิดอีกชาติหนึ่งหรือเปล่า??

หากในความเป็นจริง ผมมองว่าจะนิพพานหรือไม่นั้นขึ้นกับว่าตัวเราเองต่างหากที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะนิพพานแล้วรึยัง เรายังอิจฉาริษยา ฆ่าสัตว์ ขโมย ผิดศีล5 และตัดกิเลสต่างๆได้แล้วรึยัง คงไม่ได้ขึ้นกับว่าพระศรีอาริย์จะมาแล้ว หรือว่าเราเป็นสาวกพระองค์ท่านรึไม่

นี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ท่านอื่นๆเห็นว่าไงครับ เพราะผมคิดว่าประเด็นนี้น่าสนใจจริงๆครับ เพราะหลายคนสงสัยในเรื่องนี้กันมากจริงๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:36:52


ความคิดเห็นที่ 127 (1634584)

 

ขอเหลาบรรยากาศ กิจกรรม 13- 14 ต.ค.

ขอเริ่มจากบ่ายวันเสาร์ หลังจากกินข้าวเสร็จ

คุณธนา ก็ได้ให้ทุกคนมารวมตัวกัน

ดูทุกคนรู้สึกตื่นเต้น  ถ้าใครมีปัญหาอะไร

ก็ให้รีบยกมือใครมีปัญหาผิวพรรณ

มือหลายสิบคู่ก็พร้อมใจชูขึ้นมา

จนต้องให้คุณธนาเคลียร์

เพราะกลุ่มหนึ่งมีแค่5คน

ในที่สุดผมก็ได้อยู่กลุ่มน้องสะเก็ดเงิน

อ๋อ ไม่ใช่น้องสะเก็ดดาว สมใจอยาก 555+

กลุ่มของผมมีหน้าที่

จัดสวน ตกแต่ง ข้างองค์พีระมิดใหญ่

หลังบ้านอาจารย์  ก่อนจะลงมือทำ พวกเราก็ได้

มาสำรวจอาการของแต่ละคน

พี่เหมี่ยว มือลอก คัน

คุณหมอแป้น มีฝ้าที่แก้มทั้ง2 ข้าง

คุณแพม เป็นสะเก็ดเงิน

(งานนี้ควงสอง ทั้งสะเก็ดเงิน และสะเก็ดดาว)

พี่เจี๊ยบ เข่าดำ คัน

น้องกระต่าย คันที่มือ   

ส่วนผมเวลาตากแดด เหงื่อออกก็จะคัน แสบ

แล้วอารธนาบารมีพระศรีอาริย์  

และท่องคาถาบูชาพระศรีอาริย์ระหว่างทำงานไปด้วย

แล้วก็เริ่มลงมือทำงาน พี่เหมี่ยวก็แบ่งหน้าที่  แยกย้ายกันทำ

ต่างคนก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน ใครมีไอเดียอะไร

ก็ใส่เต็มที่เลย

จับโน่นวางนี่ เดี๋ยวสวยเอง

ถ้าเอาอันนี้ จะสวยกว่าไหม ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นเต็มที่

เรื่องการจัดสวนผมความคิดของทุกคนไม่มีไครผิดไครถูก

เราอาจจะเคยคิดว่าความคิดของเราดี  และ ถูก ที่สุด

แต่ว่าถ้าเรายอมเปิดใจฟังคนอื่นซักนิด เราก็จะได้สิ่งที่ดีกว่า

………………………………….

พอทำไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ หน้าพี่แป้นขาวขึ้น

เสียงใครไม่รู้ดังขึ้น

ทุกคนเลยรุมกันใหญ่เลย  ขาวขึ้นจริงๆด้วย

พี่แป้นยิ้มหน้าบานเลย

แล้วทุกคนก็เช็คอาการของตัวเอง

ตัวผมเอง ถึงจะร้อน เหงื่อออก แต่ไม่มีอาการคันเลย

พี่เหมี่ยว มือก็ดีขึ้น ส่วนคนอื่นก็ดีขึ้น 

แล้วทุกคนก็ทำงานต่อไป ห้าโมงเย็น

พวกเราก็มาสรุปอาการกันอีกครั้งหนึ่ง 

พี่เหมี่ยว มือที่ลอก ดีขึ้น หายตึ่ง

คุณหมอแป้น ฝ้าที่แก้มทั้ง2 ข้าง ก็จางลง ขาวขึ้น สวยขึ้น

พี่แพม เป็นสะเก็ดเงินทั้งตัว  บริเวณศรีษะ หาย100 %  

พี่แพมเสยผมให้ดู แทบมองไม่เห็นรอยแดง

ที่แขน ดีขึ้นมาก ผื่นแดงจางลง

พี่เจี๊ยบ เข่าที่ด้าน ดำ ก็ขาวขึ้น  ไม่คัน

น้องกระต่าย มือก็หายคัน

ส่วนตัวผม มีเหงื่อออกก็ไม่แสบ ไม่คัน

 

ทำงานอย่างสบายใจ 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:44:26


ความคิดเห็นที่ 128 (1634585)

 ขอเล่าต่อค่ะ............พวกเราก็ได้มานั่งล้อมท่าน อ.อุบลฯกัน โดยมีทั้งผู้ที่ต้องการ  

พิสูจน์กับพวกที่  มานั่งชมบารมีพระศรีอาริย์ โดยท่านอ.อุบลฯได้เตรียม จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี 

ให้พวกเราได้  พิสูจน์กันจำนวน 3 องค์  ซึ่งแต่ละคนที่ได้ขึ้นไปรับบารมีท่าน  แล้วมี        

อาการต่างๆกันเช่น   บางคนเมื่อจับแล้วเหมือนมีพลังวูบๆเข้ามา ในตัว  มีอาการขนลุก        

มีอาการเย็นๆ    มีอาการปิติ    แล้วมีอาการสั่นไปทั้งตัวและพูดเหมือนเสียงร้องไห้  เป็น

เวลานานมาก แล้วปาฏิหาริย์ที่เห็นได้     ชัดอีกอย่าง   ก็คือ   คุณอมรฯ   ลูกบ้านสวนฯ        

ของเราเดิมจะมีอาการพูดช้า   เหมือนคิดนานกว่าจะพูดได้ ซึ่งหลังจากได้รับบารมี   จี้  

รุ่น3โพธิ์ศรีย์ฯ  แล้วเปลี่ยนไปพูดได้เร็วขึ้น  เร็วขึ้น  ในที่สุดก็พูดเหมือนคนปกติ ......สาธุ      

(.ด๊ใจด้วยค่ะ........)    ดร.จิ๋ม ของพวกเราซึ่งมีอาการขา  เป็นโปลิโอมาตั้งแต่อายุ 6 เดือน        

ขาสองข้างไม่เท่ากัน (ต้องเสริมรองเท้าเวลาเดิน) แล้วเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงพื้นไม่ได้          

จะเจ็บมาก    เวลาเดินแล้วไหล่จะเอียงไปข้างหนึ่ง    แต่พอได้รับบารมีพระศรีอาริย์ ฯ                                                                                                                                                          จาก   จี้รุ่น3โพธิ์แล้ว  ท่านอ.อุบลฯ ให้เดินไปมาหลายๆรอบ..ทุกคนที่นั่งล้อมวงได้เห็นกัน        

หมดว่า   ดร.จิ๋มเดินไหล่ตรงขึ้น   ขาเริ่มตรงขึ้นตัว  ตัวไม่เอียงแล้ว  ปลายเท้าข้างหนึ่งเริ่ม  

ตรงขึ้นแล้ว  ให้ลองถอดลองเท้าดูปรากฏว่า  ปลายเท้าข้างหนึ่งซึ่งปกติเหยียบพื้นไม่ได้        

จะเจ็บมากจนไม่ยอมเหยียบ ในที่สุด   ก็เหยียบพื้นได้เป็นเท้าเหมือนคนปกติทั่วไป            

ใส่รองเท้าแตะปกติได้   (โอ้วว........ปาฏิหาริย์จริงๆ ขอแสดงความยินดีกับดร.จิ๋มด้วยค่ะ)/   

(เดี่ยวมีต่อค่ะ.........)

       คราวนี้มาถึง อ.นี  มีอาการคันที่มีลักษณะบวมนูนขึ้นมาที่ต้นคอประมาณ 4-5 เดือนแล้วเมื่อเข้าไปใกล้ๆ    ท่านอ.อุบลฯ ท่านก็ทักว่า   พวกไม่ชอบเขียนธรรมทาน   มีความสุขแล้วลืม!  เหมือนกันทั้ง พ่อ- แม่ ลูกเลย! แล้วท่านก็หันมาย้ำว่า   ต่อไปนี้จะเขียนไหม ?  ก็รับปากว่าเขียนค่ะ! แล้วท่านก็ถาม ว่า เป็นยังไง  ปรากฏว่า    อาการคันและบวมนูนยุบลงไป โดยที่ยังไม่ได้รับ                              จี้ รุ่น  ร่ม3โพธิ์ศรี3 องค์มาเลย

         ลูกต้องกราบขอบพระคุณบารมีพระศรีอาริย์และเทวดาที่ดูแลรักษาท่าน อ.อุบลฯและสิ่งศักดิ์สิทธิ์   ทุกๆพระองค์แห่งบ้านสวนฯด้วยค่ะ ต่อไปลูกจะพยายามแล้ว   ตั้งใจเขียนธรรมทานให้มากที่สุด /

          หลังจากนั้นก็กลับมานั่งที่เดิมแล้วท่านอ.อุบลฯก็เรียก   ให้ผู้ที่ยังมิได้พิสูจน์บารมีพระศรีอาริย์   ให้เข้าไปลองกันก็เลยเข้าไปอีก   ซึ่งหลายๆคนก็มีอาการวูบวาบ  เย็นวาบๆ  ขนลุก   ส่วน อ.นีมีอาการ    ปิติมาก  แล้วก็กลับมานั่งเหมือนเดิม    ลองขยับเข่าข้างขวาซึ่งปกติจะเสียวเป็นบางครั้ง  ปรากฏว่าตอนนี้   ไม่มีอาการเสียวเลย และหลังจากเสร็จงานแล้ว   ทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน   อ.พันธ์ก็ถือโอกาสไปบูชา      จี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์นั้นมา    อ.นีก็ถือโอกาสใส่ทั้งคืนพอรุ่งเช้าก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย เฉยๆ  ยังไม่ได้สังเกตุอะไร   เพราะวันนี้เรา ทำ  work  shop  กัน   เพิ่งมาสังเกตุ ตอนก่อนกลับบ้าน   นั่งกราบพระ  เอ๊ะ!ทำไม  เรานั่งได้   ไม่ตึง   เส้นยึด     เหมือนเก่า    แล้วก็ลุกขึ้นได้ตัวเบา   ลองเดินดูก็คล่องแคล่วดี  ก็เดินมาขึ้นรถกลับบ้าน  พบท่านอ.อุบลฯ ก็รายงานให้ท่านทราบ  บอกว่าเดิน ได้คล่องแล้วและเดินให้ท่านดู   ท่านก็ดี ใจด้วยอย่างมาก/                               ลูกต้องขอกราบขอบพระคุณบารมีพระศรีอาริย์   จี้รุ่น3ร่มโพธิ์ศรีที่เมตตาและเทวดาที่ดูแล รักษาอ.อุบลฯและท่านอ.อุบลฯและครอบครัวตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์แห่งบ้านสวนพีระมิดค่ะ                            

                                                                กราบ  กราบ  กราบ

 

                                                                                         ***********                          

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:52:49


ความคิดเห็นที่ 129 (1634586)

ทีนี้ขอเล่ารายละเอียดกลุ่มของอ้อย ได้โจทย์เรื่องกรรมทางผิวพรรณ 

สมาชิกกลุ่ม 5 คน คือ อ้อย พี่เปลว พี่เบญ น้องก้อย และน้องอัญ

กิจกรรมของเราคือ ทำความสะอาด จัดระเบียบบริเวรณห้องน้ำด้านหน้า และบริเวณรอบๆ 

พวกเราได้เคลียร์บริเวณใต้บันได  ซึ่งค่อนข้างรก จากการที่นำกระเบื้องเก่าๆ แตกหัก มาวางจึงย้ายออก และนำอิฐมาปูพื้น  จัดเก็บของบนห้องเหนือห้องน้ำ  ล้างห้องน้ำและล้างถังน้ำทุกห้อง  ทำความสะอาดรอบๆห้องน้ำ

ผลการทำกิจกรรม

-อ้อย มีปัญหาคัน ผื่นแดงที่บริเวณคอด้านหน้า  หายไปประมาณ 1 ชั่วโมงหลังทำงาน  และมีปัญหาฝ้า กระ ที่โหนกแก้มทั้งสองข้าง  ซึ่งหลังจากเสร็จกิจกรรม พบว่ากระด้านโหนกแก้มซ้าย จางลงอย่างเห็นได้ชัด  ส่วนฝ้าที่โหนกแก้มขวาที่เป็นปื้น  ดีขึ้น กลับจางลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว  นี่ขนดใช้เวลาทำกิจกรรมแค่ 3 ชั่วโมง  และที่สำคัญยังมีความโกรธ  ของขึ้นบ่อยๆ  ยังได้อานิสงส์ขนาดนี้  นี่อ้อยคิดว่าจะซื้อดอกไม้  ต้นไม้ไปตกแต่งแถมห้องน้ำเพิ่มเติม

-พี่เปลว เป็นด่างขาวที่มุมปากสองข้างและที่ปลายนิ้วมือทั้งสองข้าง  ปรากฎว่า ไม่น่าเชื่อค่ะ ขนาดรอยด่างขาวที่มุมปากพี่เปลวขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด  สุดยอดจริงๆ  แต่ที่ปลายนิ้วยังไม่ดีขึ้น

-น้องก้อยเป็นสิวอักเสบ แดง เจ็บเพราะแกะมาหมาดๆ   พบว่า สิวแดงจางลง  ที่สำคัญอาการเจ็บหายไป  แแและที่สำคัญ สิวผดผื่นที่เป็นทั่วหน้าหายไป  ลูบดูหน้าเนียนมาก

-พี่เบญ เป็นกระที่หลังมือทั้งสองข้าง และสิวที่หน้า แดง กดเจ็บ ผลปรากฎว่า สิวจางลง กดไม่เหลือความเจ็บเลย  และกระที่หลังมือจางลงอย่างเห็นได้ชัด 

   ซึ่งกลุ่มเรา ก่อนทำกิจกรรมไม่ได้ขอบารมีองค์พระศรีอาริย์ ให้ช่วยปลดเปลื้องปัญหาของพวกเราก่อนทำกิจกรรมบุญ   ได้แต่บอกปัญหาของแต่ละคนไว้ก่อน  พอหลังกิจกรรมบุญพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  แต่พอเราขอบารมีองค์พระศรีอาริย์รวมกับบุญกุศลท่าน อ.อุบลรวมกับ จี้องค์สฟริงซ์ของลูกบ้านสวนฯทุกคน ได้โปรดช่วยให้ปัญหาของแต่ละคนหายด้วยเทอญ   เราจึงได้เห็นอานิสงส์บุญตามที่อ้อยได้เขียนไว้แล้ว   ซึ่งเวลาเราเห็นกระจางลง  ด่างขวาเล็กลง สิวอักเสบสีจางลง  พวกเราจะร้อง อู้หู ๆๆๆๆๆๆๆ ตลอด

- น้องอัญ เป็นสิวแดง  พบว่าสีจางลง

ดังนั้นใครที่มีปัญหากรรมผิวพรรณ ก็มาเลือดทำกิจกรรมทำความสะอาด จัดระเบียบสถานที่ ทั้งห้องน้ำ หรือที่อื่นไได้เลย รับรองคุณจะได้พบความอัศจรรย์อย่างที่กลุ่มเราได้รับค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:54:24


ความคิดเห็นที่ 130 (1634588)

กิจกรรม Workshop 13-14 ต.ค. 2555่

วันเสาร์ที่ 13 ต.ค. 2555

     เมื่อเข้ามาถึงบ้านสวน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นก็คือ พื้นที่บริเวณหน้าที่พักใหม่หน้าห้องน้ำ มี หญ้าปูเขียว ดูแล้ว เป็นลานธรรมย่อมๆเลยครับ เพราะ หน้าที่พักก็จะมี กระเบื้องปู ที่นั่ง ไว้เป็นที่พักผ่อน และ ทำบาบีคิวทานกันตอนกลางคืน

     กิจกรรมวันเสาร์ก็จะแบ่งกัน 9 กลุ่ม ตามแต่ล่ะปัญหา ให้คนที่มีปัญหาคล้ายๆ กันไปทำบุญแบบเดียวกัน เช่น กรรมผิิวพรรณ ก็ต้องเกี่ยวกับการทำความสะอาด ส่วนตัวผมได้กลุ่นที่ 6 กลุ่มพี่อมร ก็คือ ปัญหาการเงิน สุขภาพ โดยส่วนตัวน่าจะรวมขาดปัญญาไปด้วยครับ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังโง่อยู่ T T

     ส่วนภารกิจบุญที่พวกผมต้องไปทำก็คือ สร้างวิหารทาน ซึ่งนับว่าเป็น บุญที่ใหญ่ กว่า สังฆทาน ตั้ง 100 เท่า แฮะๆ แบบนี้สิค่อยสมน้ำสมเนื้อกับ บาป ที่ผมได้ทำไว้ก็มากมายเหลือเกิน ทีม 6 เราก็มีอมรเป็นหัวหน้าทีมที่มีลีลา พูดนิ่ม ช้า(แต่ตอนนี้อาจจะพูดเป็นต่อยหอยแล้วก็ได้ 55+) แต่เรื่องงานพี่เขา สุดยอดเลย ไม่น่าเชื่อว่า พี่อมร ถึงกับหมดแรง ด้วยอากาศที่อบอ้าว ร้อน ส่วนตัวผมเองก็เหมือนกันครับ ต้องเิติมน้ำหลายรอบเลย

     พวกผมก็ช่วยกันผูกเหล็ก ยกอิฐก็ได้ปัญญา จากการทำงานดังนี้ครับ ในส่วนของการผูกลวด เวลาผูกแล้วถ้าเกิดเราออกแรงบิดมากเกินไปก็ทำให้ลวดขาดเสียหายทำให้เป็นหนี้สงฆ์ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำงานอย่างรอบคอบและจำน้ำหนักมือเอาไว้ อีกอย่างก็คือ การผูก ผูกอย่างไรให้ลวดแน่น

     ส่วนการยกอิฐก็ได้ปัญญาว่า การส่งแบบสายพาน ประหยัดแรง แต่งานที่ออกมาได้ประสิทธิภาพมากครับ ถ้าจำนวนคนเกินก็แบ่งสายพานเป็น 2 สายก็ยิ่งไวไปอีก

     สุดท้ายเลยก็คือหลังเสร็จงานเราเก็บข้าวของเรียบร้อยหรือเปล่า พี่อมร บอกว่า ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยมีอาการเหนื่อยแบบนี้มาก่อนเลย หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการให้ธรรมมะอะไรกับเรา พี่อมรก็เกิดปัญญาครับ เมื่อเห็นข้าวของต่างๆ ที่พวกเราทำงานกันไว้แล้วไม่เก็บให้เรียบร้อย สุดท้าย ต้องให้เจ้าบ้าน หรือคนอื่นมาเก็บก็ทำให้เราเกิดปัญญาว่า มาทำบุญแล้วทำไม ปัญหาอุปสรรคชีวิตถึง ไม่คลี่คลายสักที เพราะเรามาสร้างบุญแต่ก็สร้างบาป สร้้างภาระให้ท่านอาจารย์อุบลอีก หลังจากพี่อมรเห็นก็เลยตามเก็บหมดเลยครับทั้งๆ ที่เวลาก็มืดค่ำแล้วต้องรอรายงานผลอีก

     หลังจากนั้น ผมกับพี่อมร พี่แมว พี่อัญ คุณก้อย ก็ช่วยกันเตรียมเตาบาบีคิว ได้ข่าวว่ามีคลิปตื่นเต้นๆ หลังจากนั้นพี่อมรก็แยกตัวไป present workshop หลังจากนั้นพวกเราก็ มาปาร์ตี้บาบีคิว พร้อมกับ ทดสอบอานุภาพจี้สฟิงค์ ก็เป็นเหตุการณ์ที่ตื่นเต้น มากๆ หลายเหตุการณ์ ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้เคยมาบ้านสวนเลยอาจจะบ่นว่า ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง แต่ที่บ้านสวนแล้วปาฏิหาริย์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เวลาไปพูดให้เพื่อนฟังทีไร เขาก็ทำหน้าแบบ เหมือนเราเพี้ยน แต่ก็ไม่ได้โกรธเลย แค่รู้สึกว่า เราโชคดีกว่าพวกเขามากกว่า ที่ได้สัมผัสปาฏิหาริย์

      ว่าแล้วก็มาถึงช่วงทดลองอานุภาพ รุ่นสามร่มโพธิ์ศรีกันดีกว่า ที่สุดเซอร์ไพรส์ ที่สุดก็คือ ดร.จิ๋ม ที่เป็นโปลิโอมาตั้งแต่กำเนิด ผมได้เห็นพัฒนาการของพี่เขามาเรื่อยๆ ครับเรื่องขา แต่มาวันนี้หลังจากที่ดร.จิ๋มได้ สวมจี้ แล้วเดินไปเดิน อยู่ดีดี ไหล่จากที่เคยเอียง ก็มาตั้งตรง รองเท้าของดร.จุ๋มที่ดร.จิ๋มไม่สามารถใส่ได้เพราะ ขาอีกข้างนั้นไม่สามารถวางแนบกับพื้น เห็นหลายๆคน รวมทั้งตัวผมเองก็นั่งลุ้น  อยากให้ ดร.จิ๋ม หาย 100 เปอร์เซนต์ แต่สังเกตุเวลา ยืนตรงๆ ก็เหมือนคนปรกติเลยครับ นี่ขนาดใส่แค่แปปเดียวนะ ถ้าใส่ตลอดเวลาจะเป็นยังไงนะ อิอิ

     อีกคนที่ประทับใจก็คือ พี่อมร ที่ปรกติ จะพูดช้า แต่พอสวมจี้แล้วเล่าธรรมทานไปเรื่อย ปรากฎว่าพูดจนลิงหลับ(สงสัยตอนนั้นเริ่มดึก 55+) หลังจากทดลองอานุภาพจี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรีเสร็จทุกๆคนก็แยกย้ายไปนอนกันครับ

(เดี๋ยวมาต่อกิจกรรมวันอาทิตย์ครับ)

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

***

ผมคิดว่าน่าจะเป็นพลังจากสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆำพระองค์ พระศรีอาริย์ สิ่งศักดิ์ทุกพระองค์ ทรงประธานความสุขมาให้ลูกหลานที่ได้อยู่ต่อในยุคพระศรีอาริย์ เพื่อกอบกู้ 3 ร่มโพธิ์ศรี ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:04:04


ความคิดเห็นที่ 131 (1634589)

 เมื่อคืนวานง่วงจัดไปหน่อย สมองเลยเบลอๆ ไม่ค่อยสั่งการ พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกค่ะ และขอขอบคุณ คุณชนิดาด้วยค่ะ ที่จะมอบเหรียญทองให้เจี๊ยบ นั่นเป็นเพราะท่านอาจารย์อุบลได้เมตตาย้ำเตือนเรื่องการเขียนธรรมทาน ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสให้ทำค่ะ

มาต่อค่ะ

เริ่มจาก Workshop ในวันเสาร์ที่ท่านอาจารย์ได้ให้หัวข้อเรื่องเพื่อที่จะแก้ปัญหาของพวกเราก่อน ใครมีปัญหาอะไร ก็ทำเรื่องนั้น โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆละ 5 คน มีทั้งหมด 9 กลุ่มใช้เวลาเริ่มงานตั้งแต่หลังพักทานข้าวเที่ยง จนกระทั่ง 5-6 โมงเย็น ประมาณ 4 ชั่วโมง ตอนค่ำเราก็นำผลงานที่เราได้รับมอบหมายมาสรุป ว่าเราได้รับประโยชน์อะไรบ้าง ได้ปัญญาจากงานที่ทำอย่างไรบ้าง

กลุ่มที่ 1  กลุ่มพี่เหมี่ยว เจี๊ยบ พี่แป้น คุณศักดิ์ คุณแพม และน้องกระต่าย ซึ่งมีกรรมผิวพรรณเป็นของตัวเองแต่ละคน ได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดองค์พีระมิดหลังใหญ่ข้างบ้านท่านอาจารย์ และตกแต่งสวนข้างบ้านท่านอาจารย์ให้ดูดี แต่ละคนไม่มีความรู้ด้านการจัดสวนเลย ต้องอารธนาพระบารมีของค์พระศรีอารย์ ที่ท่านอุบลอัญ้ชิญมา  มาช่วยให้เราคิดออกระหว่างทำงาน ก็ท่องคาถาพระศรีอารย์ไปเรื่อยๆ หลังจากทำงานผ่านไป 1 ชั่วโมง เราก็มาตรวจดูอาการของผิวพรรณของแต่ละคน เราเริ่มความเปลี่ยนแปลงของผิวเราในด้านดีขึ้น ดังที่ได้เขียนไว้ก่อนนี้ และเมื่อเสร็จงาน อาการทุกคนดีขึ้นหาย เกือบ 100 % สาธุค่ะ

กลุ่มที่ 2 ของคุณอ้อย ซึ่งเป็นกลุ่มมีปัญหาผิวพรรณเช่นกัน ได้รับงานทำความสะอาดด้านหน้าบ้านสวนฯและบริเวณห้องน้ำใหม่ ใต้บันไดและรอบๆบริเวณ โดยตอนทำงานสวดคาถาพระศรีอารย์ หลังจากทำงานเสร็จ 5 โมงเย็น ยังไม่มีอาการดีขึ้น เมื่อมาสรุปงานแต่ละคน แล้วขอบารมีพระศรีอารย์ อาการของทุกคนก็ดีขึ้นทันที

   1.คุณอ้อย มีอาการคันคอ ก็เริ่มหายไป

   2.พี่เปลวมีอาการด่างขาวที่มุมปาก ก็เป็นรอยเล็กลง

   3.คุณเบญ สิวก็ไม่อักเสบ  กระที่หลังมือก็จางลง

   4.น้องก้อย สิวและรอยสิวจางลง สิวเสี้ยนเม็ดเล็กๆหายเกลี้ยง

   5.น้องอัญ สิวยุบลง หน้าใสขึ้น

สรุป ทุกคนได้อานิสงค์ผลบุญจากการทำความสะอาดเห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม

    คนดี คนสะอาด เดินผ่านตรงไหนตรงนั้นก็จะสะอาด

    คนขี้เกียจ คนสกปรกเดินผ่านตรงไหน ตรงนั้นก็จะสกปรก รกรุงรัง ไม่มีระเบียบ

กลุ่มที่ 3 ของคุณญาญ่า คุณสมจิต คุณแหม่ม คุณทัศนีย์ และน้องวิน ทำเรื่องปัญหาผิวพรรณและเจ็บป่วยด้านอื่นๆ ทำความสะอาดบริเวณห้องน้ำเก่า

วิธีการ ก่อนทำขอบารมีพระศรีอารย์ หลังจากทำงานเสร็จจึงจะมาถามปัญหาของแต่ละคน

-คุณสมจิต คันที่แขนมา 6-7 ปี ระหว่างทำงานคันที่แขนมากขึ้น แต่เมื่อ 1 ชม.ผ่านไป ก็หายจากอาการคัน

-คุณทัศนีย์ ปวดหลัง หน้ามืด วูบ อาการหน้ามืด วูบหายไป แต่ยังมีอาการปวดหลัง

-คุณญาญ่า ปวดหัวมาก จนกระทั่งงานเสร็จมาระดมความคิดก็หายปวด

-น้องวิน ปวดหัว ระหว่างล้างห้องน้ำดีขี้น 70 % เพราะทำงานไม่เต็มที่จึงดีขึ้นแค่นี้

-คุณแหม่ม ปวดหัวนิดหน่อย ตอนทำก็หายไปเลย

ช่วงทำงานได้เกิดอุบัติเหตุกับคุณญาญ่า โดนไฟดูดที่แขน แขนบวม คุณแหม่มใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย และขอบารมีพระศรีอารย์ แขนก็ยุบลงทันที ท่านอาจารย์เมตตาบอกกรมเพราะไม่เขียนธรรมทาน จึงได้รับผลแบบนี้

เรื่องลูกบ้านสวนฯได้รับความสุขแล้ว ไม่เขียนธรรมทาน ไม่บอกเล่าความสุขที่ได้รับ ไม่แสดงความกตัญญู เป็นคนเห็นแก่ตัว โดนทำโทษกันถ้วนหน้าหลายคนหลายอาทิตย์มาแล้ว ตั้งแต่ที่เริ่มรื้ออาคารโรงทาน ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะที่นิ้ว มือ และแขน ซึ่งรวมเจี๊ยบด้วย

  กลุ่มที่ 4 อ.อภิชัย คุณแหล่น คุณโฆษิต คุณยุวรัตน์ คุณนพวรรณ เรื่องปัญหาการงานและการเงิน สร้างวิหารทาน ผูกลวด ขนอิฐบล๊อก ขนปูน

ใช้วิธีสวดบูชาพระศรีอารย์ไปเรื่อยๆ ทำให้มีสมาธิในขณะทำงานและมีความระมัดระวังในการผูกลวดไม่งั้นจะตำมือ

ปํญญาที่ได้จากการทำงาน

ไม่มีวินัยในการใช้เงิน เพราะผิดศีลข้อ 2 คือชอบยืมเงินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ต้องเลิกยืมเงิน มีเท่าไรใช้เท่านั้น ไม่ก่อหนี้ใหม่ เลิกชอบของฟรี สวดคาถาเงินล้าน  หัดเป็นคนมีน้ำใจ

ส่วนผลที่ไดรับจะต้องติดตามผล เนื่องจากปัญหาการงานการเงิน ไม่ทราบผลทันที

กลุ่มที่ 5 คุณจั๋ม คุณแตน ปัญหาการงานและการเงิน ทำงานผูกเหล็ก ขนอิฐ

วิธีการทำ ขอบารมีพระศรีอารย์ ตอนแรกผูกไม่เป็นก็ถามเขา จากนั้นต่อมาก็ผูกคล่องขึ้น แต่ต้องใช้สมาธิในการผูกเหล็ก เพื่อไม่ให้ตำมือ

สรุป การทำอะไรให้สำเร็จต้องมีการวางแผน

กลุ่ม 6 คุณอมร น้องเหมียว พี่ชายของคุณยุวรัตน์ ได้ปัญหาการงานและการเงิน ทำวิหารทาน ใช้วิธีท่องคาถาพระศรีอารย์ไปเรื่อยๆ

ปัญญาที่ได้

 1. การทำสิ่งของในบ้านสวนฯเสียหาย สูญเสีย ไม่ประหยัดวัสดุ อุปกรณ์ ทำให้ไม่หลุดพ้นกรรม

2.ความตั้งใจในการทำงานทำได้รับมอบหมาย คุณอมรมีอาการหมดแรงตั้งแต่ทำงาน 2 ชม.แรก ใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วยดีขึ้นชั่วคราวแล้วเป็นอีก เมื่อมาทบทวนการทำงาน เพราะว่าไม่เก็บอุปกรณ์ ที่ใช้ในเวลาเลิกงาน อุปกรณ์ของคุณอมรเก็บแล้ว แต่คนอื่นยังไม่ได้เก็บ คุณอมรจึงเก็บล้าง ทำความสะอาดให้ อาการหมดแรงก็หายไป

สรุป

การทำบุญแรงกายไม่ใช่สักแต่ว่าทำ แต่ต้องมีความขยันทุ่มเท ต้องมีความระมัดระวังในการทำงานไม่ให้สิ้นเปลือง ถ้าเราทำด้วยความละเอียด รอบคอบ ปราณีต ประหยัด เราก็จะไม่มีปัญหาการงาน และการเงิน

กลุ่ม7 สิงห์ป้อม น้องนัฐ ดร.จิ๋ม น้องเบส อ.นี ทำเจ็บป่วยและขาดปัญญา ทำงานที่แปลงเกษตร ทำแปลงผักขุดดิน ก่อนเริ่มงานขอบารมีพระศรีอารย์

ปัญญาที่ได้รับจากการทำงาน

-ทำอย่างไรให้ใช้แรงน้อย วิธีขุดประหยัดแรง

-การพรวนดินใช้จอบยังไง ไม่เหยียบขอบแปลง ซึ่งขุดกันคนละฝั่งแล้วเดินถอยหลัง

-ถ่ายปุ๋ยโดยใช้ลำเลียงสายพาน ทำให้งานเสร็จเร็ว ไม่เหนื่อย

กลุ่ม 8 คุณตาโต๊ะ ทำปัญหาการงานและการเงิน ทำงานที่แปลงเกษตร กำจัดวัชพืช ตกแต่งกิ่งแปลงชะอม

ปัญญาที่ได้รับ

-เรียนรู้อุปกรณ์ในการตัดหญ้า

-กำจัดวัชพืชโดยไม่ใช้สารเคมี

-วางแผนงานให้เสร็จโดยเร็ว

กลุ่ม 9 อ.พันธ์ ดร.จุ๋ม คุณสุรพล ทำปัญหาการงาน การเงิน ขาดปัญญา เจ็บป่วย(ทุกปัญหา) ทำงานรอบๆบ้านสวนฯ

ปัญญาที่ได้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ป้ญหา

คุณธนามาสรุปทุกกลุ่มว่า

1.แต่ละคนรู้ว่ามีปัญหาอะไร ทำไม จะต้องแก้อย่างไร

2.แต่ละคนเริ่มแสดงบทบาทความเป็นผู้นำมากขึ้น

3.แต่ละคนเมื่อเริ่มรู้จักวางแผน ต้องติดตามผลของตัวเองเพื่อจะแก้ไขต่อไป

ขอจบลงตรงนี้ก่อนค่ะ แบตเตอรี่หมดอีกแล้วค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:07:25


ความคิดเห็นที่ 132 (1634590)

 ขอเล่ากิจกรรมวันที่ 13-14 ต.ค.55 นะค่ะ

ในช่วงเช้าแต่ละคนต่างแยกย้ายกันไปทำงาน หนูได้ไปที่แปลงเกษตร เอาเคียวไปเกียวหญ้าที่ขี้นรก โดยมีอาจารย์ณีเป็นผู้นำ แต่ทำไปได้ไม่นานนักก็ต้องหยุดพักและก็พยายามฝืนทำต่อเพราะแดดร้อนมาก เหมือนร่างกายอ่อนเพลียแทบหมดแรง แต่ก็พยายามฝืนและก็นั่งพักด้วยค่ะ

ในช่วงบ่ายก็มีกิจกรรมworkshop โดยแบ่งกลุ่มๆละ5คน โดยให้เลือกอยู่ตามความสมัครใจโดยการแบ่งจะให้ปัญหามาเป็นข้อๆแล้วดูว่าตัวเองมีปัญหาตรงไหนก็ไปอยู่กลุ่มนั้น ส่วนหนูได้อยู่กลุ่มปัญหาการเงินและความเจ็บป่วย โดยมีสมาชิกในกลุ่มคือ พี่อมร พี่เอิ้น ป้านัด พี่ที่เป็นพี่ชายคุณน้อย(ขอโทษด้วยนะค่ะจำชื่อไม่ได้) และตัวเหมียว ได้โจทย์ให้ทำงานก่อสร้าง ผูกลวด ขนอิฐ ซึ่งพอได้รับโจทย์บุปแต่ละกลุ่มก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ๆได้รับมอบหมาย ขณะที่ทำก็ให้ท่องคาถาพระศรีอาริย์ด้วยและขอบารมีขอพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอันเชิญมา ในขณะที่เริ่มผูกลวดก็รู้สึกว่าอากาศร้อนมาก สังเกตเห็นแต่ละคนจะมีเหงื่ออาบหน้าทั้งนั้นทั้งๆที่นั่งทำอยู่ในที่ร่มก็ตาม หลังจากผู้ลวดกันเสร็จก็ไปช่วยกันขนอิฐบล๊อกกันมาไว้เพื่อที่จะเตรียมก่ออิฐค่ะ หลังจากเสร็จงานก็แยกย้ายกันไปเขียนข้อสรุปของแต่ละกลุ่ม ในกลุ่มแต่ละคนต่างคนต่างลืมเก็บอุปกรณ์กัน แต่มีพี่อมรนึกขึ้นได้จึงไปเก็บ อันนี้เป็นความผิดพลาดในการทำงานอย่างหนึ่งพอทำงานกันเสร็จก็แยกย้ายกันไปเขียนข้อสรุปแต่ไม่นึกถึงผลที่ตามมาด้านหลัง ต้องขอคุณพี่อมรค่ะ ที่ตอนหลังได้มาพูดเตือนสติเราให้รู้ในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป

สรุปผลการทำworkshopของวันเสาร์นะค่ะ ทำให้มีความรับผิดชอบกับงานท่ได้ทำมากยิ่งขึ้น หาวิธีแปลกใหม่เพื่อทำให้งานเสร็จรวดเร็วขึ้น ได้ฝึกวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น

ช่วงกลางคืน วันเสาร์ ก็ได้ชมคลิปเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติและเกี่ยวกับเรื่องการฆ่าสัตว์ซึ่งแต่ละคลิปน่ากลัวมาก เรื่องภัยพิบัติเมื่อดูแล้วรู้สึกกลัว หดหู่ใจว่ามันต้องเกิดแน่นอนต้องเตรียมใจรับกับความสูญเสียให้ได้ อย่าประมาท อย่าห่วงทรัพย์สินต้องห่วงชีวิตตัวเองก่อน ส่วนคลิปการฆ่าสัตว์เห็นแล้วน่าสงสารมากค่ะ ย้อนกลับมานึกถึงตัวเราเองถ้าเราโดนจับแบบนั้นแล้วหนีไม่ได้ไม่มีวิธีไหนเลยนอกจากตายอย่างเดียว สภาพจิตใจตอนนั้นคงย้ำแย่มากๆค่ะ สัตว์ก็เช่นกันต่างก็รักชีวิตของตัวเองทั้งสิ้น พยายามดิ้นรนเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดออกมาแต่ก็ไม่พ้นน้ำมือของผู้ฆ่า ดังนั้นเห็นแบบนี้แล้วอยากให้คนที่เค้ายังทานเนื้อสัตวอยู่ได้เห็นบ้างว่าก่อนที่จะเป็นอาหารสตกแต่งอย่างสวยงามที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารให้รับประทานกัน สัตว์กี่ตัวแล้วที่ยังต้องสังเวยชีวิตเพื่อที่จะให้มนุษย์กินเนื้อเค้าอย่างอร่อย 

หลังจากนั้นท่านอาจารย์ก็พาพวกเราไปนั่งที่บรรยากาศสบายๆในสวนหย่อมด้านหน้าพร้อมทั้งกินบาบีคิวกัน และท่านอาจารย์ก็ได้ให้พวกเราสัมผัสบารมีจี้องค์สฟิงซ์รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี ก็มีหลายท่านค่ะที่สัมผัสบารมีของท่าน เช่น ลุงเบิ้มปวดไหล่ก็หายภายใน9วินาที คุณป้อมคันตามตัว ก็หายหายใน7วินาที ส่วนตาที่แดงอยู่ก็ดีขึ้น คุณเจี๊ยบเจ็บนิ้วก็หาย น้องบัวเป็นตะคริวก็หายภายใน 30 วินาที คุณเปรวปวดหัวไหล่ หายสนิทภายในเวลา 9วินที น้องเสี่ยวปิง ปวดหัวอยู่ก็หายแต่ยังเหลือสายตาเอียง  หมอแป้นปวดหลังหายภายใน 9 วินาที ตัวหนูเองปวดกกหูเวลาหายใจ ใช้เวลา16วินาทีก็หาย ท่านอาจารย์ได้เมตตาบอกว่าที่เป็นแบบนี้เพราะดื้อกับพ่อแม่ ส่วนรายที่เป็นเด็ดๆก็มี ดร.จิ๋มโหหลังจากใส่แล้วไหล่ค่อยๆตรง ยืนได้ตรงมากและเวลาเดินขาจะแนบก็พื้นได้เลย ดูแกจะมีความสุขกับการเดินมากเพราะบอกว่านี้เป็นครั้งแรกที่เดินแล้วไม่เจ็บปรกติเวลาเดินจะต้องใส่รองเท้าที่ทำพิเศษและนี่ไม่ต้องใส่ก็เดินได้และเดินได้เร็วด้วยและที่สำคัญใส่รองเท้าแตะแบบปกติได้แล้วค่ะไม่หลุดด้วย เห็นแล้วมีความสุขมากค่ะ และอีกคนหนึ่งคือคุณพี่อมร โดยที่เป็นคนพูดช้า ท่านอาจารย์มีวิธีบำบัดโดยให้คุณอมรเล่าเรื่องที่ได้บำบัดให้กับคนพิการ เล่าไปเล่ามาพูดคล่องซะงั้นนนน  เห็นแต่ละท่านได้รับความสุขกับไปก็ได้มีความสุขค่ะ อ้อตอนกลับเห็นอาจารย์นีไปบูชาแล้วคล้อยคอกลับสรุปว่าเดินเร็วขึ้นมากเหมือนจะวิ่งได้เลยค่ะ อาจารย์นีดูมีความสุขมมากเลยค่ะ

วันอาทิตย์

ช่วงเช้าก็ไปช่วยทำที่แปลงเกษตร โดยถากหญ้าบริเวณแปลงที่รกๆอยู่ เพื่อเตรียมไว้ปลูก เอ้จำม่ได้ว่าปลูกอะไรเหมือนกันค่ะ แต่สรุปแล้วก็ยังทำไม่เสร็จเพราะได้เวลาทานข้าวเช้าซะก่อน  หลังจากทานข้าวก็ได้มีกิจกรรม workshop โดยกลุ่มนึงมี3คน โดยสมาชิกในกลุ่มมีพี่ตาโต๊ะ พี่อัญ และตัวเหมียวค่ะ โดยได้โจทย์ประมาณว่า ถ้าในพื้นที่ที่อยู่ได้เกิดโรคระบาดขึ้น โรคนี้ก็รุนแรงใครเป็นต้องตายภายใน 3 วัน โดยในกลุ่มก็ลงมติว่า ให้ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย และทำน้ำมนต์ขึ้น โดยน้ำมนต์ที่ทำเราก็จะเพ่งจิตไปที่น้ำและขอบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลเป็นผู้อันเชิญมา และขอบารมีท่านอาจารย์อุบล ขออาจารย์อุบลช่วยด้วย ขอพลังของลุกบ้านสวนทุกคนที่มีจี้ ของให้น้ำนี้กลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อได้ดื่มกิน ทาแล้วหายได้โดยฉับพลันทันทีด้วยเทอด จากนั้นก็ได้พิสูจน์โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเหมียวเอง ตัวเองได้มีผื่นขึ้นบริเวณหัวเข่าขึ้นไป เป็นผื่นบวมแดงจนดำเป็นวงใหญ่ ก็ได้ลองทำน้ำมนต์ใช้รหัสอจารย์อุบลช่วยด้วย และได้ขอบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอันเชิญมา ขอบารมีท่านอาจารย์อุบล  ขออจารย์อุบลช่วยด้วย ขอพลังของลูกบ้านสวนทุกคนที่มีจี้และทุกอย่างของลูกบ้านสวน ขอให้น้ำนี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์เมื่อใช้และหายฉับพลันทันทีด้วนเทอด จากนั้นก็เอานำมาดื่มและทาบริเวณที่เป็น สักพักอาการคันก็ไม่ค่อยคันและ แต่เม็ดที่บวมๆอยู่ก็ยังบวม แต่ก็น้อยลงกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ  จากนั้นช่วงบ่ายท่านอาจารย์ก็ให้ต่ละกลุ่มออกมาสรุผลworkshop ของกลุ่มตัวเอง ซึ่งแต่ละกลุ่มที่ได้โจทย์ไปต้องหาวิธีคิดและแก้ปัญหากันต่างๆนานา ผลที่ได้ออกมาได้ผลดีทุกกลุ่มเลยค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จได้เพราะความร่วมมือกันสามัคคีค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอันเชิญมา สิ่งศักดิ์ทุกๆพระองค์ ท่านอาจารย์อุบล ค่ะ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:11:00


ความคิดเห็นที่ 133 (1634591)

 ต่องานเลี้ยงบาบีคิว

หลังจากนำเสนองานแต่ละกลุ่มเสร็จแล้ว

มาต่อที่สวนสวรรค์หน้าองค์พีระมิด

ท่านอาจารย์เลี้ยงบาบีคิวเห็ดย่างหอมอร่อยมากพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด

แกล้มกับหมี่ขาวน้ำปรุงหวานมัน

วันนี้มีการทดสอบพุทธคุณจี้รุ่น สามร่มโพธิ์ศรี

หนึ่งองค์จะมีพลังเท่ากับจี้รุ่นแรก 9 องค์

ท่านอาจารย์มาให้ทดสอบ 3 องค์แขวนเรียงกันอยู่บนสร้อย 2 กษัตริย์

โดยมีการร่วมทดสอบ ดังนี้

ลุงเบิ้ม ปวดบ่า สวมประมาณ 20 วินาที หายปวดบ่า

คุณป้อม คัน ตาแดง สวม 20 วินาที อาการคันดีขึ้น 70 %

ลองนำมาวางปิดที่ดวงตา สบายตาเบา หายตาเยิ้ม

คุณจิ๋ม ไอ คันคอ สวมใส่ ที่ 3 องค์ไอดีขึ้น คันคอหายคัน หลังหายปวด

ช่วงที่ใส่คอทดลองเดินไปมาไหล่เริ่มเสมอกัน เดินตรง เดินไวขึ้น

ถอดรองเท้าเดินเท้าแตะพื้นได้ปรกติเดินไม่ได้เจ็บฝ่าเท้า

ลองสวม 9องค์ เจ็บฝ่าเท้าน้อยลง 70 %เดินคล่องขึ้น

ขาซ้ายที่ไม่เคยลงพื้นได้ก็ลงพื้นได้

 ขาขวาที่เป็นโปลิโอแต่ขายาวกว่าขาซ้าย

ลองสวม 20 องค์ เดินไม่เจ็บฝ่าเท้า เดินได้เร็วขึ้น เท้าแนบกับพื้นมาก

ขาเริ่มเบนออกเหมือนคนปรกติ

ท่านอาจารย์บอกว่าพลังจากจี้กำลังทำการรักษาต้องใช้เวลาปรับสภาพซึ่ง

พลังนี้เป็นพลังจากอนันตจักรวาล

คุณเจี๊ยบ นิ้วชี้ที่โดนเสาปูนทับ นิ้วไม่ได้ใช้นานๆ นิ้วงอไม่ได้แข็ง

ลองสวมเวลาผ่านไป 20 วิ งอได้ 50 % เพิ่มอีก 5 องค์

และเขียนธรรมทานมากบุญส่งผลงอได้ 80 %

เกิน 1  นาที งอได้ 90 %

น้องนัท นิ้วกลางตึงเวลากำมือ ลองสวม ดีขึ้น 99%

จี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรีนี้คนพิการจะใช้ได้ดีสำหรับคนที่รู้จักบ้านสวนพีระมิด

น้องบัว เป็นตะคิวขาขวา 30 วิ หายเป็นตะคิว สิวที่จมูกเรียบ

คุณเปลว ปวดหัวไหล่ สวม 10 วิ หายปวด ด่างขาวที่มุมปากลดลง

น้องปิง ปวดหัวสายตาเอียง สวมแล้วไม่หาย ท่านอาจารย์จับที่หัวหายปวด

ให้เดินเก็บใบไม้รอบบริเวณ ตามองชัดขึ้นหน่อย

คุณโก้ โดนแมลงกัดเลือดออกแขนบวมทั้งสองข้างไม่เท่ากัน

สวมใส่ 3 องค์ เบาหายบวมไม่หายปวด ท่านอาจารย์จับที่แขนเบาขึ้น

คุณจตุพล ฟันโยก ปัญหาที่เหงือก สวม 3 องค์ ฟันเริ่มแน่นขึ้น

สวม 20 องค์ฟันแน่นขึ้น 70%ไม่เจ็บ

.นี เป็นตุ่มคันที่หลังคอ บอกจะไปเขียนธรรมทานยุบลง 100 %

คุณแมว ปวดกล้ามเนื้อ ตึง ยังไม่ได้สวมจี้ก็หายหมด

น้องมะเหมี่ยว เวลาหายใจปวดกกหู สวม 3 องค์ 16วิ หายปวดกกหู

อาการนิ้วล็อก เพราะขี้เกียดทำงาน สวม 20 องค์ ดีขึ้น 50%

หมอแป้น ปวดหลัง สวมได้ 9 วิ หายปวดบอกเหมือนมีพลังมารักษา

พี่อมร อาการพูดช้า ลองใช้รหัสท่องไปเรื่อยๆไม่หายสวม 3 องค์เสียงดี

ท่านอาจารย์ลองให้เล่าเรื่องที่ทำบำบัดคนพิการบ้านให้ฟัง

พูดไปได้เร็วขึ้นแบบไม่ต้องหยุดคิดเลย

พี่เหมี่ยว ลองสวม 3 องค์ มือนิ่มดีขึ้น

ส่วนคนที่เหลือไม่มีอาการเจ็บป่วยท่านอาจารย์

อนุญาตให้มาลองสวมใส่รับพลังพุทธคุณ

คุณน้อย ลองสวมใส่ประตูจิตเปิด รับพลังได้มีความสุขมากถึงกับร้องไห้

ออกมาและสั่นไม่หาย

ครบทุกคนแล้วท่านอาจารย์ให้พักผ่อนกันก่อน

 

……ต่อเช้าวันอาทิตย์

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:15:45


ความคิดเห็นที่ 134 (1634592)

 

 โมทนากับเรื่องเล่าของทุก ๆ ท่าน

ทำให้มองเห็นภาพตามไปด้วย

และเห็นถึงความเมตตาของเบื้องบนที่จะช่วยเหลือลูกหลานจริง ๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:16:01


ความคิดเห็นที่ 135 (1634593)

 

เช้าวันนี้

พวกเราที่บ้านสวน

ยังได้คุยกันถึงเรื่องเหตุการณ์

คืนวันเสาร์ ที่เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับ

ดร.จิ๋ม + คุณอมร + ท่านอื่นๆ

**********************************

ยอมรับว่ากิจกรรมลานธรรมหน้าพีระมิดองค์ใหญ๋ 5 องค์ คืนวันเสาร์นั้น

ดร.จิ๋มกับพี่อมร เป็นดาวเด่นมาก

ดร.จิ๋ม นั้นเป็นโปลิโอตั้งแต่ 6 เดือน เดินขาเป๋มาตลอด  เวลาเดินตัวจะโยกไปมา  ไหล่เอียงเห็นได้ชัด  ถึงแม้จะใส่รองเท้าเสริมส้นแล้วก็ตาม

พอสวมจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี ก็เดินได้ตรงขึ้น  โดยเฉพาะที่ไหล่ข้างที่เอียงปรากฎว่ายืดตรงขึ้นทันที  พี่เหมี่ยวเป็นคนแรกที่ร้องบอก  ว่าไหล่ยืดตรงแล้วด้วยเสียงอันตื่นเต้น

หลังจากนั้นดร.จิ๋ม ก็เหมือนเด็กหัดเดินที่เพลิดเพลินกับการเดินไปมาอย่างไม่มีเบื่อ  ด้วยใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุข

ซึ่งตอนนี้ทราบมาว่าได้บูชาจี้ 3 ร่วมโพธิ์ศรีมาจำนวน 11  องค์  เพราะท่านอาจารย์กระซิบบอกว่า จี้ 3 ร่มโพธิ์ศณ๊ 1 องค์เหมือนกับมีจี้รุ่นเดิม 3 องค์ (แต่จริงๆท่านรู้สึกว่าเท่ากับ 9 องค์)  นั้นก็เท่ากับว่า ดร.จิ๋มจะสวมจี้จำนวนเท่ากับ 99 องค์  ดี๋ญวเราต้องติดตามผลต่อไปดีกว่า

ส่วนพี่อมร

มีปัญหาพูดช้า ใช้เวลาคิดนาน  บางทีอ้อยก็แซวว่า ถ้าพูดจบแล้วบอกด้วย จะไปทำอย่างอื่นก่อน

พอสวมจี้เท่านั้น แกก็พูดเป็นต่อยหอย  เพราะท่านอาจารย์ใช้กุศโลบายให้แกเล่าเรื่องที่แกช่วยคนพิการด้วยจี้องค์เทพสฟริงซ์  แกเล่าได้คล่องมาก  จนพี่แมวแซวว่าขอบำบัดให้แกพูดน้อยลงได้รึเปล่า

ซึ่งระหว่างที่แกเล่า  แกคงไม่รู้ตัวว่าแกพูดได้คล่องมาก  พวกเราฟังไปก็นั้งยิ้มยินดีไปด้วย

พอเล่าจบ ท่านอาจารย์ถามว่าเป็นไงบ้าง  พี่อมรแกตื้นตันมาก พูดไม่ออก ดูแล้วคงตื้นตันจนจุกอก  แล้วก็น้ำตาไหล  เป็นภาพที่ตื้นตันมาก  พวกเราแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ทีเดียว  พวกเรามักได้รับการบำบัดเรื่องปวด นั่น นี่ โน่น  ซึ่งก็ว่าสุดยอดแล้ว  แต่ตอนนี้กับคนขาพิการ คนพูดช้า คิดช้า แล้วอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โอ๊ย มีที่ไหนในโลก ที่อานิสงส์บุญเห็นชัดขนาดนี้

ไม่มีอีกแล้ว

บ้านสวนพีระมิด

เป็นที่เดียวในโลกที่อานิสงส์บุญสามารถพิสูจน์ได้

เห็นได้

อย่างฉับพลันทันที

เป็นที่ที่จะทำให้คนทั้งโลก

เชื่อในสัจธรรมที่ว่า

ทำดีได้ดี

ทำชั่วได้ชั่ว

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:18:28


ความคิดเห็นที่ 136 (1634595)

 

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้

ก็อัศจรรย์พออยู่แล้ว

แต่นี่

หายได้ ในพริบตา

======

จี้ รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี

วิเคราะห์ตามชื่อนะครับ ผมคิดว่า ท่านอาจารย์

คงอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาลที่มีหน้าที่

คอย ดูแล ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

มาใว้ในจี้รุ่นนี้ แล้วลองคิดดูซิว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ท่านใดบ้าง ที่ดูแลชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ผมคิดว่าอาจารย์คงอาราธนามาหมดทั้งจักรวาล

อานุภาพของจี้ถึงทำให้พี่จิ๋ม ดีขึ้นแบบทันตาเห็น

อีกคนหนึง อ.นีพอสวมจี้ 3 องค์ที่อาจารย์ใช้บำบัดใน

ตอนกลางคืน พอเลิกอ.พันก็ขอบูชาจากมืออ.อุบลตอนนั้นเลย

แล้วอานุภาพของจี้จะมีขนาดไหน

ถึงทำให้อ.นีดูมีความสุขกับการเดิน

แทบอยากจะวิ่งเลย

........................

อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

ผมสงสัยทำไมตั้งชื่อว่า รุ่น3สามร่มโพธิ์ศรี

รออาจารย์มาเฉลย

ขอบคุณครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:24:16


ความคิดเห็นที่ 137 (1634597)

                                                                                ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

******

หนูคิดว่าในจี้รุ่น3ร่มโพธิ์ศรีนี้ มีบารมีของพระศรีอาริย์และบารีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ทั่วทั้งจักรวาล ค่ะเพราะจากที่เห็นดร.จิ๋มแล้วบอกได้คำเดียวเลยว่าท่านส่งพลังอย่างมหาศาลอยุ่ตลอดเวลาจริงๆค่ะ จากภาพตอนแรกที่เห็น ดร.จิ๋มเริ่มเดินตัวเอียงๆ ไหล่เอียง ตัวก็ค่อยๆตรงขึ้นมา เท้าข้างหนึ่งซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าข้างไหนจากที่ไม่แตะพื้นก็ค่อยๆแตะพื้นที่ละนิดระหว่างเดิน เหมือนท่านกำลังส่งพลังและบารมีของท่านมาตลอดเวลา เป็นภาพที่มองเห็นอย่างเป็นสเต็ปๆได้ชัดเจน พร้อมทั้งเสียงลุ้นเสียงเชียร์เหมือนดร.จิ๋มกำลังลงสนามแข่งบอลโลกเลยค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:29:49


ความคิดเห็นที่ 138 (1634602)

 พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้

ก็อัศจรรย์พออยู่แล้ว

แต่นี่

หายได้ ในพริบตา

======

คิดว่ามีพระบารมีสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

บารมีพระศรีอาริย์ ที่ประทานแสงทิพย์ฉัพพรรณรังษีลงใน

จี้สามร่มโพธิ์ศรี

เพื่อให้ลูกหลานหายเจ็บหายป่วยหมดทุกข์

อีกทั้งบารมีเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

ที่ทรงช่วยปลดปล่อยวิญณาณ

ที่ยังเกาะเกี่ยวอยู่กับลูกหลานได้ขึ้นสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น

ตามความรู้สึกครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:50:30


ความคิดเห็นที่ 139 (1634603)

รู้สึกวันนี้เขียนธรรมทาน ลื่นปรื๊ด ลื่นปรื๊ด

ขอเล่ากิจกรรมวันอาทิตย์ต่อเลยดีก่า

ท่านอาจารย์มี Workshop มาให้เราทำต่อค่ะ  เกี่ยวกับการเอาตัวรอดเวลามีภัยพิบัติแบ่งเป็น 15 กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน

เริ่มจากกลุ่มอ้อยดีกว่า ได้กลุ่ม 2 โจทย์คือ ถ้าเราเจอพายุ ฝนตกหนัก มีน้ำมากระทันหัน ท่วมขึ้นสูงเหมือนภาพเหตุการณ์จริงที่ดูคลิปคืนวันเสาร์( สุนามิที่ญี่ปุ่น ตอนที่มีบางกลุ่มหนีมาอยู่บนภูเขา แล้วเห็นเหตุการณ์ที่สึนามิทำลายบ้านเรือน ตึก รถ อาคาต่างๆโดยไม่มีสิ่งใดต้านทาน) เราจะทำอย่างไร อยู่บ้าน หรือหนี วิธ๊หนี ทำอย่างไร และจะใช้ความรู้ที่ได้รับมาจากบ้านสวนฯ  ตลอดจนรหัส วัตถุมงคลช่วยอย่างไร  เอาตามความจริงว่าในกลุ่มมีอะไรอยู่กับตัวบ้างเวลานี้

ตอบ   เราทั้งกลุ่มใช้ชีวิตอยู่ในเมือง  ซึ่งถ้าสึนามิมาแบบมองเห็นอยู่หลัดๆ  เราเลือกหนีค่ะ  หนีขึ้นสูง  ซึ่งแต่ละคนควรคิดไว้ว่า ถ้าอยู่บ้านเราจะวิ่งไปไหน  ถ้าอยู่ที่ทำงานจะวิ่งไปไหน  อ้อยคิดไว้ว่าถ้าอยู่บ้าน จะวิ่งขึ้นคอนโดที่อยู่ติดๆกันสูง 20 กว่าชั้น  ถ้าอยู่ที่ทำงาน อยู่ตึก ชั้น 25 อยู่แล้ว  ถ้าอยู่ตามโรงพยาบาลก็วิ่งขึ้นตึกใดตึกหนึ่งได้ (ถึงแม้จะเชื่อมั่นว่าจะได้อยู่มาอยู่ที่บ้านสวนฯ อิ อิ)

เรามีขั้นตอนปฎิบัติดังนี้

1.ลูกบ้านสวนฯต้องมีสติ ทันทีที่เห็นภัย หรือกรณีนี้น้ำมา  ให้พูดว่า "อ.อุบลช่วยด้วย ขอให้น้ำหยุด และพวกเรารอดปลอดภัย"

2. เป่านกหวีด เพื่อให้พวกที่แตกตื่นหยุด แล้วตะโกนว่า "ใครอยากรอดให้ทำตาม"  บอกให้ทุกคนขึ้นที่สูง  ระหว่างวิ่งพูดว่า "อ.อุบลช่วยด้วยขอให้น้ำหยุด " แล้วก็ออกวิ่งทันที โดยเราต้องนำพูดรหัสไปเรื่อยๆ

3.พออยู่ที่สูงปลอดภัย ให้บอกให้ทุกคนพูดตาม

"ขอบารมีพระศรีอาริย์ ที่ท่านอ.อุบลอาราธนาบารมีมา รวมกับบุญกุศลท่าน อ.อุบล รวมกับจี้องค์สฟริงซ์ของลูกบ้านสวนฯทุกคน ขอให้น้ำหยุด และพวกเรารอดปลอดภัยด้วยเทอญ

ซึ่งเราเชื่อมั่นล้านเปอร์เซ็นต์ว่าน้ำจะหยุด หรือเปลี่ยนไปทางอื่นแน่นอน

4.กรณีมีคนบาดเจ็บ พิการ  ให้ทุกคนพูดตาม (เน้นพลังสามัคคี)

"ขอบารมีองค์พระศรีอาริย์ที่ท่าน อ.อุบลได้อาราธนาบารมีมา รวมกับบุญของท่าน อ.อุบล รวมกับจี้องค์สฟริงซ์ของลูกบ้านสวนฯทุกคน ขอให้ทุกคนที่บาดเจ็บและพิการหายฉับพลันมันทีด้วยเทอญ"

นี่คือขั้นตอนที่กลุ่มเราคิดได้  และถ้าใครเห็นว่าเป็นประโยชน์ ให้จำขั้นตอนเหล่านี้ไว้  มีเวลาว่างๆก็นึกทบทวนไว้   พอเหตุการณ์เกิดขึ้นเราจะทำตามนี้เป็นอัตโนมัติ  คอนเฟิร์ม

เพราะอ้อยเคยมีประสบการณ์มาแล้ว  อ้อยเคยคิดว่าถ้าไฟไหม้เราจะทำยังไง (กรณีอยู่ที่บ้านโโยเฉพาะตอนนอนหลับ)

อ้อยมีขั้นตอนดังนี้

1. ใส่ คอนแทคเลนส์ เพราะสายตาสั้นมาก

2. สวมเสื้อผ้าให้ครบ ทั้งชั้นใน ชั้นนอก เพราะเวลาเกิดเหตุการณ์ อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าทุกอย่างจะเคลียร์  จะมาใส่ชุดนอนไม่มีชั้นในได้อย่างไร ชิมิ ชิมิ

3.สะพายกระเป๋าถือลงมา  เพราะในกระเป๋าถืออ้อยจะมีทะเบียนบ้าน Passport และอื่นๆครบ

ซึ่งหลายปีมาแล้วสมัยเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ชั้น 5 กลางดึกคืนหนึ่ง  หลับอยู่ ได้ยินเสียง รปภ.ตะโกน ไฟไหม้ๆๆๆ  เปิดประตูออกมา โอ้โห ควันไฟเต็มไปหมด  ปิดประตู แล้วก็ทำตาม 3 ขั้นตอนอย่างเป็นอัตโนมัติ  พอลงมาข้างล่าง เพื่อนๆถามว่าพึ่งกลับจากเที่ยวเหรอ  เราบอกเปล่าพึ่งตื่นเหมือนกัน   ไม่น่าเชื่อพอเกิดเหตุการณ์จริง เราจะทำตามสิ่งที่เราเคยคิดมาก่อนเลย

ดังนั้น Workshop ที่ท่าน อ.อุบลให้ทำ จะเป็นกุศโลบายที่ทำให้เราจำขั้นตอนการเอาตัวรอดได้  อย่างเป็นอัตโนมัติ  โดยเฉพาะ  ต้องเริ่มต้นด้วย " อ.อุบลช่วยด้วย" ก่อนเสมอ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:50:53


ความคิดเห็นที่ 140 (1634604)

 ทีนี้ขอเล่ารายละเอียดกลุ่มของอ้อย ได้โจทย์เรื่องกรรมทางผิวพรรณ 

สมาชิกกลุ่ม 5 คน คือ อ้อย พี่เปลว พี่เบญ น้องก้อย และน้องอัญ

กิจกรรมของเราคือ ทำความสะอาด จัดระเบียบบริเวรณห้องน้ำด้านหน้า และบริเวณรอบๆ 

*******************************

ขอเหลาต่อจากพี่อ้อยเลยนะคะ 

เวลาการทำกิจกรรมนี้ทั้งหมดประมาณ 3 ชม.

ช่วงที่พวกเรากำลังยกกระเบื้อง พอพี่อ้อยยก

มีตะขาบตัวใหญ่มาก วิ่งออกมา (พี่อ้อยไม่เห็น)

ใจคิด"อ.อุบลช่วยด้วย" แต่ปากไม่ออกเสียง (พูดไม่ออก)

มัวแต่ชี้ ๆ เรียกพี่อ้อย ! ตะขาบวิ่งหนีไปและ (ไม่ผ่านบททดสอบจนได้)

อัญร่วมทำกิจกรรมนี้ประมาณ 1 ชม.

จากนั้นก็มาเป็นลูกมือช่วยพี่แมวในครัว

 แต่พี่ ๆใจดีแบ่งบุญให้ (ได้ตั้ง 90%) 

ทำให้สิวอักเสบที่เป็นอยู่ยุบและจางลงอย่างเห็นได้ชัด ประมาณ 80%

หลังจากร่วม กิจกรรมนี้กลับมาทบทวนว่า

เป็นคน ไม่ค่อยจัดระเบียบที่อยู่ ที่ทำงานสักเท่าไหร่

กลับมาจึงปฏิวัติตัวเอง วันนี้จัดระเบียบออฟฟิตใหม่

แล้วจะจัดบ้านใหม่ด้วย ตอนนี้สิวยุบและจางลง 100% แล้วจ้า

กิจกรรมนี้สอนให้รู้ จะทำดี ทำสะอาด ไม่ใช่จะทำเฉพาะที่บ้านสวน

แต่ต้องทำทุก ๆ ที่ ที่เราอยู่ หรือแม้แต่ แค่เราเดินผ่าน

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:51:04


ความคิดเห็นที่ 141 (1634605)

 เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

ได้อ่านความอัศจรรย์ของจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

ที่ทำให้ ดร.จิ๋ม หายจากโปลิโอ

พี่อมร หายจากปัญหาเรื่อง ประสาท สั่งงานช้า

  ที่ทำให้มีปัญหาพูดติดขัด พูดไม่ได้ดังใจคิด

อ่านแล้วรู้สึก ปีติ มีความสุข มากๆๆจริงๆๆค่ะ

  เป็นพระเมตตา ความรักที่ได้รับจากเบื้องบนทุกพระองค์

อย่างมิอาจประมาณได้จริงๆๆค่ะ

  รู้สึกหัวใจในเวลานี้ มีความสุข กับ พี่จิ๋ม และพี่อมร

 จนอิ่มเอิบไปทั้งหัวใจจริงๆ

 

มิ้มคิดว่า พลังจากจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีนี้

เป็นพลังจาก สมเด็จองค์ปฐมพระบรมธรรมบิดา

 พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระบารมีพระศรีอาริย์

เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ  หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

  สิ่งศักดิ์เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล

ทั่วอนันตจักรวาลทุกพระองค์

ที่ทรงพระเมตตา มอบความรัก ปรารถนาดี

ให้พวกเราได้พ้นจากทุกข์

และนี่ คือ สิ่งที่เป็นหลักฐานที่ชัดเจน

ว่า พวกเราได้เข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์

ยุคศิวิไลน์

ที่ไม่มี คนเจ็บ คนพิการ คนป่วย คนจน หรือมีทุกข์

ผู้ที่มีคุณสมบัติจะเข้าสู่ยุคศิวิไลน์ได้

คือ ผู้ร่วมปกป้อง 3 ร่มโพธิ์ศรี

และเป็นผู้เข้าถึงธรรม จิตใจใฝ่ความดี

ซึ่งจะได้รับอานุภาพจากจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีอย่างชัดเจน

แม้ไม่ได้สารภาพบาป

เหมือน เช่น ดร.จิ๋ม และ พี่อมร

เป็นพระเมตตาจากเบื้องบน เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล

ที่ส่งพลังจากอนันตจักรวาล

พระเมตตา ความรักที่มีให้มากเหลือประมาณ

ลูกกราบแทบพระบาททุกพระองค์กราบขอบพระคุณค่ะ

ลูกขออุทิศชีวิตรับใช้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

ตราบเข้าสู่นิพพานค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:51:55


ความคิดเห็นที่ 142 (1634607)

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ขอตอบด้วยคนคร๊า

จี้สามร่มโพธิ์ศรี

เป็นพลัง

ความรัก

ความเมตตา

ของ

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

สูงสุดคือ

สมเด็จองค์พระปฐมฯ

และแน่นอนอย่างที่สุด

พระศรีอาริย์

เสด็จ

ปกปักษ์ รักษาแล้ว

สิ่งปาฏิหารย์

อานุภาพที่เกิดขึ้น

กับจี้สามร่มโพธิ์ศรี

ก็คงไม่พ้น

ความเมตตาของ

องค์ท่าน

ท่านท้าวเวสสุวรรณ

เพราะองค์พระศรีอาริย์

ก็คือ

พระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป

เป็นเพราะ

ท่านท้าวเวสสุวรรณ์

มีพลังความรัก ความศรัทธา

ต่อองค์พระพุทธเจ้าอย่างล้นพ้น

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

วันนี้

ได้รับโทรศัพท์จาก

คุณทัศณี จากพิษณุโลก

ว่า

เมื่อวานนี้ได้บูชา

จี้สามร่มโพธิ์ศรีไปพร้อมกับสร้อย

ปรากฏว่า

มีสร้อยเกินไป 1 เส้น

แต่ยังไม่ทราบ

และขณะที่ได้เดินทางกลับบ้าน

ลูกชาย เกิดอาการปวดศีรษะ

ทำอย่างไรก็ไม่หาย

และในที่สุด

ก้มารู้ว่า มีสร้อยเกินไป 1 เส้น

ก็ได้อธิฐานบอกว่า

จะโอนเงินค่าสร้อยมาให้

ทางบ้านสวนฯ

อาการของน้องก็ดีขึ้นทันที

สาธุ...คร๊า

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

จะเห็นว่า..

ท่าน อ.อุบล ไม่เคย

โกงใคร หลอกใคร

ก็เลย...มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์

รักษ์ + ปกปักษ์

ผลที่ได้รับ

ก็คือ

ความซื่อสัตย์

ที่ได้รับ...สาธุ

  

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:59:42


ความคิดเห็นที่ 143 (1634609)

อ.เบญจรัตน์คะ

ช่วยเปิดโทร.มือถือสักครู่นะคะ

มีคนหน้าตาดี อยากคุยด้วย

เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัวค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 22:33:46

 

@ คนหน้าตาดี

ตอนนี้ รศ.เบญจรัตน์

ได้เปลี่ยนเบอร์แล้วคร๊า

ถ้าจะโทรหาท่าน

กรุณา

โทรหา คนหน้าตาดีกว่าก่อนแระกัลล์

อิ อิ ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 00:05:52


ความคิดเห็นที่ 144 (1634610)

ขอยินดีกับทุกท่านด้วยค่ะ ที่มีอาการดีขึ้นจากอาการเจ็บป่วย และ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ ที่ได้ร่วมทำ workshop ครั้งนี้ 

ได้อ่านธรรมทานของทุกท่านแล้ว รู้สึกปิติมากค่ะ ดีใจที่ได้ทราบว่า อาการดีขึ้นจนเกือบหายกันเลยทีเดียว บอกได้คำเดียว อ่านไปก้อ wow ! 
และรู้สึกว่า หนูพลาดอย่างแรง T_T ที่ไม่ได้ไปร่วมงานอาทิตย์นี้  

ลินขอยินดีกะดร. จิ๋มด้วยนะค่ะ ที่สามารถบำบัดขาโปลิโอจนมีอาการดีขึ้นอย่างอัศจรรย์ จากท่านอาจารย์อุบลโดยจี้สฟิงส์ สามร่มโพธิ์ศรี ทราบข่าวนี้แล้วดีใจด้วยมากมากเลยค่ะ  คิดถึงตัวเองอาทิตย์ก่อนโน้น ก้อมีอาการคล้ายดร.จิ๋มเหมือนกัน คือมีอาการเจ็บ ที่ปลายเท้าขวาด้วย หลังจากที่ เดินตรงแล้ว เพิ่งถึงบางอ้อ ก้อคราวนี้เอง ว่าเป็น 
"กรรมวิธีบำบัด กำลังทำงาน

ต้องจัดกระดูก กล้ามเนื้อใหม่ ให้เข้ารูป

ก็อาจจะเจ็บ เพราะ ต้องบิดขา

เข้าที่ เข้าทาง ที่เขาอยู่ผิดที่ผิดทาง" 

                          มาตั้ง 33 ปีนี่นา ^^ (ขออนุญาติแก้ตัวเลขนะค่ะ) 

 ขอกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลที่ได้ให้ปัญญาแก่ลูกด้วยค่ะ 
 
                                                     ################################

โอ้

นี่ยาอะไร

ที่จะรักษาโปลิโอ ได้

หายรวดเร็วขนาดนี้นะ

 

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้

ก็อัศจรรย์พออยู่แล้ว

แต่นี่

หายได้ ในพริบตา

ใครรู้ช่วยบอกที หรือ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร 


  ################################


 ขอร่วมทำwork shop ด้วยคนนะค่ะ  ลินขอ ตอบว่า เป็นเพราะบารมี ของสามร่มโพธิ์สี (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์)  ที่มาสถิตย์ในจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีนี้  โดยการ อัญเชิญบารมีผ่านท่านอ.อุบล โดยมีบารมีของพระศรีอาริย์ ทรงเป็นองค์ ประธาน และพลังทั่วอนันตจักรวาล ค่ะ ทำให้จี้นี้มีพลังมหาศาลค่ะ 

 
 
เด๋วกลับมารอลุ้นอาจารย์เฉลยกันค่ะ ^____^ 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ลิน (อลินนันท์ อัครวิชนนท์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 00:06:41


ความคิดเห็นที่ 145 (1634611)

 ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

************************

ด้วย อาณุภาพพระเมตตาบารมีของ

พระศรีอาริย์

ที่ ท่าน อ.อุบล เป็นผู้อาราธนาอัญเชิญ

บวกกับ

พลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งอนันตจักรวาล

มารวมกันอยู่ ที่

จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

จึงทำให้พวกเราได้สัมผัสปรากฎการณ์

คนป่วย คนพิการ หายฉับพลันทันที

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 00:09:47


ความคิดเห็นที่ 146 (1634614)

โอ้โฮ! เพิ่งได้เข้ามาตอนนี้  มีแต่เสือปืนไวทั้งนั้นเลย ยังไงก็ขอเนื้อที่เล่าบ้างนะคะ

วันที่ 13  ตุลาคม  2555

 

ดิฉันและพี่เปลวเดินทางถึงบ้านสวนตอนสาย ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 00:28:12


ความคิดเห็นที่ 147 (1634615)

 ขออนุโมทนาทุกธรรมทานด้วยค่ะ สาธุ

ชอบ work shop กลุ่มพี่อ้อยมากๆๆเลยค่ะ

ขอกดไลค์ๆๆๆๆ ให้เยอะๆเลย

1.ลูกบ้านสวนฯต้องมีสติ ทันทีที่เห็นภัย หรือกรณีนี้น้ำมา  ให้พูดว่า "อ.อุบลช่วยด้วย ขอให้น้ำหยุด และพวกเรารอดปลอดภัย"

2. เป่านกหวีด เพื่อให้พวกที่แตกตื่นหยุด แล้วตะโกนว่า "ใครอยากรอดให้ทำตามบอกให้ทุกคนขึ้นที่สูง  ระหว่างวิ่งพูดว่า "อ.อุบลช่วยด้วยขอให้น้ำหยุด " แล้วก็ออกวิ่งทันที โดยเราต้องนำพูดรหัสไปเรื่อยๆ

3.พออยู่ที่สูงปลอดภัย ให้บอกให้ทุกคนพูดตาม

"ขอบารมีพระศรีอาริย์ ที่ท่านอ.อุบลอาราธนาบารมีมา รวมกับบุญกุศลท่าน อ.อุบล รวมกับจี้องค์สฟริงซ์ของลูกบ้านสวนฯทุกคน ขอให้น้ำหยุด และพวกเรารอดปลอดภัยด้วยเทอญ

4.กรณีมีคนบาดเจ็บ พิการ  ให้ทุกคนพูดตาม (เน้นพลังสามัคคี)

"ขอบารมีองค์พระศรีอาริย์ที่ท่าน อ.อุบลได้อาราธนาบารมีมารวมกับบุญกุศลท่าน อ.อบล รวมกับจี้องค์สฟริงซ์ของลูกบ้านสวนฯทุกคน ขอให้ทุกคนที่บาดเจ็บและพิการ หายฉับพลันทันทีด้วยเทอญ

ต่อไปนี้ มิ้มคงต้องเปลี่ยนใส่ชุดนอนแบบพร้อมเดินทางแล้วค่ะ 

กระเป๋าเป้สิ่งของจำเป็น ทะเบียนบ้าน พร้อมกับภัยพิบัติที่มาไว้ทุกเวลา

ขอบคุณและขออนุโมทนาทุกธรรมทานที่มีประโยชน์มากๆๆ ขอบคุณค่ะ ^__^

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 00:31:42


ความคิดเห็นที่ 148 (1634616)

 

 

บ้านสวนพีระมิด

เป็นที่เดียวในโลกที่อานิสงส์บุญสามารถพิสูจน์ได้

เห็นได้

อย่างฉับพลันทันที

เป็นที่ที่จะทำให้คนทั้งโลก

เชื่อในสัจธรรมที่ว่า

ทำดีได้ดี

ทำชั่วได้ชั่ว

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:18:28

************************

ขอนั่งยัน ยืนยัน เหมือนพี่อ้อย ด้วยคนจ๊า ว่า 

บ้านสวนพีระมิดสามารถพิสูจน์ผลบุญบาป ได้แบบฉับพลันทันที

วันนี้ได้คุยกับพี่ที่ออฟฟิตเรื่องนี้อยู่พอดี

พี่เค๊าเป็นนักบุญ ชอบทำบุญ และทำทุกวัน (ให้ทาน)

แต่ก็มีทุกข์ มีปัญหา เรื่องงาน เรื่องเงิน ทุกข์ใจ

คุยไปคุยมา ก็หาเหตุเจอว่า มาจากการ

ผิดศีลข้อ 3 โดยมีกรรมทางความคิด (ข้ออื่น ๆ ด้วย)

จึงบอกให้พี่เค้าัรักษาศีล 5 ให้ได้ เพื่อดับที่เหตุ

(แต่คำตอบที่ได้รับคือ)  "พี่ทำไม่ได้"

ที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า

ถ้าอัญ ไม่ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด

ท่าน อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ และครอบครัว 

ไม่ได้ศึกษา เข้ามาเรียนรู้ และปฏิบัติด้วยตัวเอง

อัญก็ต้องเป็นแบบพี่เค้าเหมือนกัน

ไม่รู้ว่าบุญ-บาปนั้น หน้าตาเป็นยังงัย 

(ขออภัยนะคะที่อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้ เผอิญกลอนพาไปค่ะ)

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 00:46:03


ความคิดเห็นที่ 149 (1634624)

 13 - 14 การทำ Work Shop การช่วยคนรอบข้าง

ตัวเองจากการเจ็บป่วย ความจน ภัยพิบัติ

แบบเห็นผลทันที

วันที่ 13 ตุลาคม 2555

กิจกรรมของวันแรก ได้ให้มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 9 กลุ่มๆละ 5 คน

สำหรับน้อยได้นั้นได้อยู่กลุ่มที่ 4 มีสมาชิกในกลุ่มดังนี้

คุณโฆษิต คุณอาจินต์ อ.อภิชัย น้อย(ยุวรัตน์) นพวรรณ

กลุ่ม 4 สำหรับคนที่มีปัญหาการงาน การเงิน

กลุ่มนี้ให้ไปร่วมกิจกรรมสร้างวิหารทาน คือ งานก่อสร้าง ซึ่งมีทั้งงาน

ตัดเหล็ก ผูกเหล็ก ขนหิน ดิน และอื่น ๆ โดยให้ทำให้เต็มความ

สามารถเพราะปัญหาการเงินส่วนหนึ่งเพราะเราทำงานแบบรักสบาย

แต่อยากมีรายได้มากกลัวเหนื่อย กลัวเสียเปรียบ

ให้คอยสังเกตว่า

เมื่อเราทำกิจกรรมนี้แล้วเราเกิดปัญหา รู้คิดอะไรขึ้นมาบ้างตอนไหน

ในขณะทำงาน ร่างกายจิตใจเป็นอย่างไร เกิดความคิด ปัญญาอะไร

แล้วให้รายงานผลในตอนกลางคืนวันที่ 13 ต.ค 55

........................................................................

ทุกต่างก็ตั้งใจกันใหญ่โดยเข้าปฏิบัติการตั้งแต่เข้าไปผูกเหล็ก คนที่

ผูกเหล็กไม่เป็นก็ได้รับการสอนจากลุงบุญ ตัดเหล็ก ขนอิฐบล๊อก

ขนถังปูน ก่ออิฐบล๊อก ในช่วงที่ทำกิจกรรมอยู่นั้น น้อยได้รับรู้ทาง

ร่างกายรู้สึกว่าเหงื่อจะออกมากแต่บริเวณดังกล่าวไม่แดด และสังเกต

ดูคนอื่นก็มีลักษณะเหมือนกันคือ เหงื่อจะออกมากโดยบริเวณดังกล่าว

ไม่แดดร่ม แต่น้อยมีความรู้สึกว่าเหมือนกับเราได้ถ่ายเทพลังงานลบ

หรือพลังงานที่ไม่ดีออกจากร่างกายแล้วเราได้หายใจเอาออกซิเจน

ที่ดีโดยได้รับพลังปราณ พลังมโนธาตุ เข้าไปสู่ร่างกายของเราก็ได้

เพราะสิ่งที่ได้รับคือ ร่างกายจะสบาย ใจมีความสุข ถึงแม้เราจะรู้สึก

เหนื่อยและมีเหงื่อมาก  และขณะที่ร่างกายเหนื่อยเต็มที่รู้สึกถึงว่า

จิตใจของเราเริ่มสงบ ปล่อยวาง เกิดความคิดผุดขึ้นมาว่าร่างกายนี้

สกปรกไม่แน่นอน ร่างกายนี้ต้องตายแน่ มีความรู้สึกเบื่อหน่ายใน

สังขารร่างกายนี้ และจิตใจเริ่มจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ พร้อมกับฟังเทศน์

หลวงปู่ฤาษีลิงดำไปด้วย ท่องคาพระศรีอาริย์ไปด้วย ทำให้จิตใจ

ของเราได้ฝึกฝนอย่างมาก ต้องต่อสู้กับความเหนื่อยเราจะสู้ไหม

ทำให้จิตใจมีความเข้มแข็งขึ้น อดทนมากขึ้น มีกำลังมากขึ้น 

หลังจากการทำงานเสร็จทุกคนมาร่วมกันวิเคราะห์

 -เกิดความคิดและปัญญาอะไร เราได้ทำงานที่เป็นโครงสร้างฐานราก

ผูกเหล็กคาน ขนอิฐบล็อก ขนปูนเสริมคานอาคารให้มั่นคงเปรียบเทียบ

ได้กับชีวิตของเราก็ต้องรู้จักมีการวางแผน ไม่ว่าทั้งการใช้เงิน การงาน

-การทำงานรู้จักวางแผนการวัสดุ อุปกรณ์ ให้เหมาะสมกับงาน ใช้วัสดุ

อุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช้วัสดุที่สิ้นเปลือง เมื่อใช้

วัสดุอุปกรณ์ต่างๆแล้วต้องรู้จักเก็บให้เข้าทีทำความสะอาดให้เรียบร้อย

เปรียบเทียบกับชีวิตของเราที่รู้จักวางแผน รายรับ - รายจ่าย วางแผน

ในการทำงานของเราในแต่ละวัน ควบคุมพฤติกรรมการใช้เงินของเรา

แต่สิ่งสำคัญท่านอ.อุบลแนะนำให้พวกเราทำดังนี้

ให้ทำงานแบบทุ่มเท แล้วอย่าสร้างกรรมใหม่ คือ เลิกยืมเงิน

ไม่ชอบของฟรี ใช้หนี้เก่าระหว่างทำให้ท่องคาพระศรีอาริย์

ขอให้ท่านร่วมบังคับจิตให้เลิกก่อกรรมที่ทำให้จน

น้อยก็ขออนุโมทนาบุญกับท่านอ.อุบลทุกๆกิจกรรมและทุกคนที่เข้า

ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ค่ะ คุ้มสุดคุ้มม๊ากค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 04:04:57


ความคิดเห็นที่ 150 (1634629)

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา


ตามความคิดของผม

จี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรีมีพระบารมีแห่ง

พุทธคุณ ธรรมคุณและสังฆคุณ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาล

ที่รักษาท่านอาจารย์และครอบครัว

 

และทีสำคัญ คือ พระบารมีแห่ง

สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์

พระผู้มากด้วยเมตตาบารมีเป็นที่สุด

และชื่อรุ่น "สามร่มโพธิ์ศรี"

ก็เป็นนัยอยู่แล้วถึงความยิ่งใหญ่

ที่สร้างขึ้นเพื่อรักษาทั้ง 3 สถาบัน

ซึ่งเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากที่พวกเราทุกคน

จะต้องช่วยกันปกป้องและรักษา

ถือเป็นหน้าที่ และสร้างกำลังใจพร้อมด้วย

มีจิตเมตตาต่อการรักษาส่วนรวม

และตามที่ท่านอาจารย์บอก

พี่จิ๋มและครอบครัวทำบุญกับบ้านสวนฯ

มานาน ทำมาก ด้วยความเต็มใจ

ทั้งปัจจัย แรงกาย สิ่งของ

บุญจึงถึงเวลามารวมตัวกันส่งผล

และพวกเราทุกคนส่งพลังใจ

ส่งความปรารถนาให้พี่จิ๋มอย่างเต็มที่

เป็นความรักอันบริสุทธิ์

ปรารถนาให้พี่จิ๋มพ้นทุกข์

รวมทั้งพวกเราต่างก็ใส่จี้ ใส่แหวน

ใส่เสื้อบ้านสวนฯ

ทุกอย่างที่มาเสริม มารวมตัวกัน

และมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่

ทำให้เกิดความมหัศจรรย์ขึ้น

ที่ทำให้พี่จิ๋มหายได้ในระยะเวลาไม่นานครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 04:51:27


ความคิดเห็นที่ 151 (1634631)

 

การได้เข้าร่วม Work Shop 13 - 14 ต.ค 55

ในครั้งนี้คุ้มค่ามากค่ะ การเดินทางกลับบ้านวันอาทิตย์ 14ต.ค55

ที่จังหวัดอุดรธานีตลอดปลอดภัยเช่นเดิมค่ะเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์

คอยช่วยเหลือจริงๆค่ะถึงอำเภอบ้านนาเย็นมากแล้วเกือบ 1 ทุ่ม

ก็ยังมีรถตู้ไปบขส.สระบุรีเช่นเดิม มีรถทัวร์ ไปถึงอุดรธานีรถสามีมา

รอรับเช่นเดิมกลับถึงบ้านตลอดปลอดภัย พลังงานที่ดีที่ได้รับคือ

ปกตินั่งรถทัวร์กลับบ้านจากบขส.สระบุรีถึงจ.อุดรธานีประมาณ7ชม.

จะเหนื่อยมากปวดตามตัวแต่มาครั้งนี้กลับนั่งรถสบายตัวถึงบ้านก็รู้

สึกสดชื่นไม่เหนื่อย วันแรกของการทำงานวันที่ 15 ต.ค 55 รู้สึกจิตใจ

เข้มแข็งพร้อมเข้าทำงานเคลียร์งานตัวเองอะไรที่ด่วนมาก ที่ต้องทำ

ก่อนรีบทำสังเกตตัวเองมีความคล่องในการทำงานมากขึ้น มีความ

อดทนในการทำงานมากขึ้นในระหว่างทำงานมีลูกน้องเข้ามาช่วยงาน

ซึ่งเขาช่วยงานของเราด้วยความตั้งใจ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทันที

ซึ่งเข้ากับกิจกรรมที่ผ่านมาชีวิตเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดี

ทันที น้อยขอกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล อ.มงคล น้องท๊อป

ที่ชีวิตดีได้ก็เพราะท่านทั้ง 3 ที่ได้เสียสละทุกๆอย่างเพื่อเพื่อนมนุษย์

ด้วยกันจริงๆค่ะ ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนฯทุกๆ

พระองค์ พระองค์ปฐม พระศรีอาริย์เมตไตร ท่านท้าวเวสสุวรรณ

องค์เทพสฟริงซ์ หลวงปู่ฤาษีลิงดำ ท้าวมหาราชทั้งสี่ ท่านมเหสักขา

บารมีพลังอนันตจักรวาล บารมีท่านอ.อุบล อ.มงคล คุณท๊อป และพี่ๆ

ทุกๆท่านพี่แมว พี่ธนา พี่อมร คุณอัญ และญาติธรรมทุกๆท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 05:00:02


ความคิดเห็นที่ 152 (1634632)

 

Work Shop 13 - 14 ต.ค 55(โดยคุณพิชัย ภูกิ่งพลอย)

มาบ้านสวนพีระมิดครั้งนี้อ.อุบลมีเมตตาให้ทำกิจกรรมว่าเราทำไมจึง

ยังจนและเจ็บป่วยกันอยู่โดยกลุ่มพวกเราได้มีโอกาสทำงานก่อสร้าง

วันนี้ได้ผูกเหล็ก ขนอิฐ ก่ออิฐ ตอนที่เรากำลังทำงานอ.อุบลให้เรา

ท่องคาถาพระศรีอาริย์เมตไตรไปด้วยและให้พวกผมใช้ปัญญาไปด้วย

ว่าทำไมถึงยังจนและเจ็บป่วยอยู่ พวกผมจึงเข้าใจว่าการที่เรายังเจ็บ

ป่วยอยู่ก็เพราะการทำงานของเราส่วนมากแล้ว

1) จะทำโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีสมาธิ คือการที่เรามีสมาธิในการทำงานก็จะ

    ทำให้งานเราออกมาดี ไม่เสียหาย

2) งานทุกอย่างที่เราจะทำเราต้องศึกษาก่อนว่าวิธีการควรทำอย่างไร

    และฝึกฝนก่อน ก่อนที่เราจะปฏิบัติลงมือทำจริงเพื่อความละเอียด

    ถูกต้องและไม่ผิดพลาด

3) ความอดทน อดกลั้นต่ออุปสรรคต่างๆในระหว่างทำงานไม่ท้อถอย

    เพราะจะทำให้เรามีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีขึ้น

4) ความสามัคคี การที่จะทำให้เราหายจนได้เราต้องอาศัยความ

    สามัคคีในครอบครัวของเราช่วยกันทำงานไม่ต้องจ้างคนอื่นเพราะ

    คนอื่นอย่างไรแล้วเขาคงไม่ทำงานให้เราได้เต็มร้อย

สรุปแล้วพวกผมจึงเข้าใจหลักการสอนของท่านอ.อุบลได้อย่างดีพอสมควร  

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 05:05:18


ความคิดเห็นที่ 153 (1634633)

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้ก็อัศจรรย์พออยู่แล้วแต่นี่

หายได้ ในพริบตา ใครรู้ช่วยบอกที หรือ ไม่รู้ก็

ไม่เป็นไรช่วยวิเคราะห์ได้ ผิดถูกไม่เป็นไร

ถือว่า ทำ Workshop กลุ่มเดียวกับ อ.อุบล

ทางเวปไซด์ ก็แล้วกัน เผื่อว่าท่านอาจจะได้

รับอานิสงส์เหมือนกลุ่ม Workshop บ้านสวน

บ้างก็ได้ อิ อิ เผื่อฟลุ๊ค  เอาเชิญค่ะ...และขอให้

ท่านที่ร่วม วิเคราะห์หายจาก

อาการเจ็บปวดนะจ๊ะ

.........................................

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลม๊ากค่ะที่ให้ได้ฝึกปรือปัญญามี

เมตตาให้ลูกศิษย์ได้รับอานิสงส์ที่ดีกันถ้วนหน้าค่ะ

เพราะผู้จัดทำจี้รุ่น 3 โพธิ์ศรี 3 องค์นี้ คือ

ท่านอ.อุบล

มีจิตใจอันบริสุทธิ์

ปรารถนาให้ผู้ที่ได้สัมผัสจี้โดยมีความศรัทธา

ให้มีความพ้นทุกข์หายเจ็บ หายจน

ตลอดจนเข้าถึงทางธรรมได้โดยง่าย

ดังนั้นเหตุที่จัดทำบริสุทธิ์ทุกอย่าง

พระบารมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ

พระสังฆคุณ

พระบารมีครูบาอาจารย์ทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็นพระบารมีพระองค์ปฐม

พระบารมีพระศรีอาริย์เมตไตร

พระบารมีท่านท้าวเวสสุวรรณ

บารมีองค์เทพสฟริงซ์

พลังอนันตจักรวาล

บารมีท่านอ.อุบลทุกๆอย่างมารวมตัวกัน

จะส่งผลให้คนพิการเจ็บป่วยมานานที่หมอบอก

ว่ารักษาไม่ได้แล้วหายในพริบตาได้

เพราะบารมีข้างต้นค่ะ

น้อยเองก็ได้เข้าสัมผัสบารมีจี้รุ่น 3 โพธิ์ศรี

3 องค์มาแล้วค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่สุดย๊อดม๊ากค่ะ

นั่งเกาะขอบในระหว่างที่ท่านอ.อุบลให้แต่ละ

ท่านที่มีอาการเจ็บป่วยต่างๆคล้องที่จี้มี 3 องค์

พลังเท่ากับ 9 องค์ของรุ่นเดิม ใครเจ็บป่วย

ปวดตามส่วนต่างๆของร่างกายก็หายได้ทันที

โดยไม่ได้สารภาพบาป แต่ที่พวกเราลุ้นกันมาก

คืออาการของดร.จิ๋มที่เป็นโปลิโอมาตั้งแต่เกิด

เป็นมาแล้ว 52 ปี ขนาดพ่อแม่ที่เป็นหมอยัง

บอกว่าวงการแพทย์ไม่มีทางรักษา 

ซึ่งเป็นอะไรที่สุดย๊อด สุ๊ดย๊อดมากค่ะ

น้อยเองช่วงท้ายๆรายการท่านอ.อุบลให้

เข้ารับสัมผัสบารมีจี้ถึงแม้ไม่มีอาการเจ็บป่วย

ก็ให้ลองสัมผัสบารมีแต่แท้จริงแล้วระหว่าง

เกาะขอบเวทีอยู่นั้นน้อยเองมีอาการปวดแขน

ด้านซ้ายมากและปวดเอวด้านขวาระหว่าง

เฝ้ารอแต่ละท่านบำบัดอยู่นั้นได้

อนุโมทนาบุญ

ร่วมไปเรื่อยๆ อาการของตัวเองก็เลยหายไปใน

พริบตาเช่นกัน

ในทันทีเข้าไปคล้องจี้นั้นตอนแรกรู้สึกเกร็ง

แต่รู้สึกสั่นๆ

ท่านอ.อุบล ก็เลยบอกว่าให้ลองใหม่

น้อยตั้งสติใหม่นั่งพนมมือในใจนับ 1,2 3 ไปด้วย

แต่ทันใดนั้น

รู้สึกได้รับพลังงานเริ่มมาจากขาสองข้างวิ่งขึ้น

มาตามตัวมาที่มือที่นั่งพนมมืออยู่

มือเริ่มสั่นๆจนกลายเป็นพนมมือตรงๆ

แล้วมีอาการปิติม๊าก

จนร้องไห้ออกมาแต่ข้างในปิติม๊ากเหมือนจะ

ระเบิดออกมาให้ได้

แล้วเหมือนกับตัวเราจะเหาะขึ้นไปข้างบนให้ได้

แต่น้อยรีบถอดจึ้ออกจากคอก่อน

ถ้าไม่ถอดออกก่อน

อาจจะลอยได้จริงแฮะๆๆๆๆๆ

เสียด๊ายเผื่อเหาะได้จริ๊งๆๆๆๆๆคงเท่ห์

ว๊า..มีแต่เท่ห์

ถ้าเหาะแล้วถึงพระนิพพานพ้นทุกข์เลย

ไม่ต้องเวียนวายตายเกิดอีกก็คงดี

แต่น้อยว่าจี้ต้องมีพลังงานม๊ากต้องพา

พวกเราไปถึงพระนิพพานได้

จริ๊งๆๆๆๆ

กราบท่านอ.อุบลถอยออกมา

ขณะกำลังขอบพระคุณท่านอ.อุบลอยู่นั้น

พลังงานก็ยังเหลืออยู่คือนั่งพนมมือ

ก็ยังมีอาการสั่น

เย็นมาที่แขนสองข้าง

แล้วจิตใจที่น้อยสัมผัสได้ตอนนั้นคือน้อย

ทำแท้งเหมือนลูกที่ทำแท้งที่เกาะอยู่

ข้างหลังของเราได้รับ

พระบารมีจี้ไปด้วย

รู้สึกเขาจะขึ้นข้างบนได้แล้ว

และต่อมาเย็นที่แขนสองข้าง

สุ๊ดย๊อด สุ๊ดย๊อด สุ๊ดย๊อดจริงๆๆๆๆๆค่ะ

เหนือคำบรรยายอักษร

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล อ.มงคล คุณท๊อป

พระบารมีพระองค์ปฐม พระศรีอาริย์เมตไตร

ท่านท้าวเวสสุวรรณพร้อมบริวารของท่าน

ทุก ๆ พระองค์ องค์เทพสฟิงค์

พลังงานอนันตจักรวาล

ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนพีระมิด

ทุกๆพระองค์ม๊ากค่ะ

และขออนุโมทนาบุญกับดร.จิ๋ม พี่อมรมากค่ะ

ที่ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดีขึ้นค่ะ

เหมือนกับเราได้ชุบกายใหม่จริงๆๆๆๆ 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 05:51:00


ความคิดเห็นที่ 154 (1634634)

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากทุกๆท่านด้วยนะคะ

 

พอวันนี้ได้มาอ่านธรรมทาน

จากหลายๆท่านเพิ่มขึ้นแล้ว

ทำให้มองเห็นภาพการทำ Workshop

เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา

ได้ชัดเจนขึ้นมากเลย

 

 

แล้วก็ทำให้ทั้งผู้ร่วมกิจกรรม

และผู้อ่านได้ตระหนักถึง

สัจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า

สร้างเหตุไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

และถ้าจะดับผล

ก็ต้องไปดับที่เหตุ..เสียก่อน

 

เพราะทุกกิจกรรม ทำให้เราได้เห็นเลยว่า

สร้างกรรมใดไว้

จึงส่งผลให้มีปัญหาเช่นนี้

แล้วพอไปสร้างบุญได้ตรงจุด

ก็ได้รับอานิสงค์กันแบบ

ฉับพลันทันทีเลยทีเีดียว

 

อย่าง คนที่มีกรรมผิวพรรณ

ก็ให้สร้างบุญด้วยการ

ไปทำความสะอาดในเขตบุญ

และยังต้องเป็นคนที่หมั่นรักษาความสะอาด

และความเป็นระเบียบในทุกๆสถานที่ที่เราอยู่

ไม่เพิกเฉยต่อสิ่งที่รกหูรกตา ...

 

 

ส่วนกลุ่มคุณน้อย

ที่มีปัญหาเรื่องหนี้สินหรือการเงิน

 

ได้เห็นวิธีการคิดและมุมมองต่างๆ

ที่คุณน้อยคิดได้

ในขณะที่ทำกิจกรรมอยู่

 

ซึ่งอ่านที่คุณน้อยถ่ายทอดออกมาแล้ว

ก็รู้สึกว่าเห็นผลได้ชัดเจน

มากๆเลยนะคะว่า

 

ถ้าเราทุกคน เป็นคนที่คิดวางแผน

ทุกๆขั้นตอนในชีวิตตลอดเวลาล่ะก็

เราจะ"พลาด"น้อยมาก

ฉะนั้น ปัญหาการงาน การเงิน

ก็คงจะไม่เกิด แน่นอน...

..........................

แล้วก็ยินดีกับคุณพี่จิ๋มและพี่อมร ด้วยนะคะ

ที่ได้รับอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์

และสูงส่งจากจี้สามร่มโพธิ์ศรี

ให้หายจากอาการโปลิโอ

และปัญหาการพูดช้า..แบบฉับพลันทันที

จี้นี้...วิเศษจริงๆค่ะ สาธุ

......................

ส่วนกิจกรรมในวันอาทิตย์

ก็เป็นการคิดค้น

เพื่อพลิกฟื้นวิถีชีวิตคนยุคก่อน

ว่าเค้าใช้ชีวิตกันได้อย่างไร

ทั้งๆที่ไม่มีไม้ขีด ไม่มีน้ำประปา

ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้

 

ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ได้โจทย์หินๆ

ทั้งนั้นเลยนะคะ

แต่หลายกลุ่มก็เอาตัวรอดได้เนอะ

คิดได้ไงเนี่ย หุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่ เก๋อ่ะ

 

แต่ที่ หินสุดๆ ก็คือ  ถ้าไม่มีไม้ขีดไฟ

หรือ ไฟแช็ค ให้ใช้ จะจุดไฟอย่างไรเนี่ย..

แหม่..เคยเห็นแต่ในหนัง

เค้าเอาหินมาสีๆกันจนเกิดประกายไฟ

หรือไม่ก็ เอาไม้มาสีกัน

แต่การ workshop ครั้งนี้

คงจะทำให้เรารู้ว่า

ความรู้ในตำรา อ่านๆ ก็ดูเหมือนง่าย

 

แต่พอลองมาทำจริงๆแล้ว

โห..ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะคะ

ขนาดนักเกษตรมือหนึ่งอย่าง อ.พันธ์

สี...จนหืดขี้นคอ

ยังหาประกายไฟไม่เจอ..เลย

 

 

แต่ไอเดียการวางแผนหนีภัย

จากกลุ่มคุณอ้อย ก็เลิศมากๆ

คงต้องจดไว้เหมือนกันค่ะ

เพราะถ้าไม่คิดไว้ก่อน

ถ้าเหตุการณ์จริงมา

ไม่รู้ว่าจะทันคิดอะไรได้หรือเปล่า นะคะ

 

 

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง

รวมถึงทุกๆท่านที่มีส่วนร่วม

ในการคิดกิจกรรม workshopนี้

 

และขอบคุณทุกๆท่าน

ที่มาเขียนรายงานผลอย่างละเอียด

ทำให้"ชาวเกาะ" ได้คิดตาม

อย่างเห็นภาพชัดเจนที่สุดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 05:57:15


ความคิดเห็นที่ 155 (1634635)

 

ธรรมทานประจำวันที่ 13-14 ต.ค. 55 ครั้งที่ 2
 
คืนวันเสาร์ มีกิจกรรมสำคัญ 2 อย่าง คือ การฉายภาพภัยพิบัติทั้งที่เป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง และจากภาพยนตร์ เพื่อเป็นสถานการณ์ตัวอย่างให้พวกเราได้เตรียมตัว เตรียมใจกัน และคลิปการฆ่าสัตว์เพื่อนำเนื้อมาเป็นอาหารที่เราเคยทานกันอย่างอิ่มเอม สรรหาเมนูสารพัดมาทำเป็นอาหารอันโอชะ เพื่อความอยู่รอดของเรา โดยการดับชีวิตของผู้อื่น ซึ่งไม่เคยเห็นเบื้องหลังการฆ่า หรือเคยเห็นแต่ไม่สนใจ คิดว่าเค้าเกิดมาเป็นอาหารของเรา ต้องกินเพื่อไม่ให้ลูกหลานเราขาดสารอาหาร ได้เจริญเติบโต เฉลียวฉลาด โดยหารู้ไม่ว่า ก่อนจะมาเป็นอาหารของทุกคน พวกเขาต้องทรมานทั้งกายทั้งใจ ก่อนจะขาดใจ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีใครอยากถูกทรมาน ถูกฆ่า ภาพที่เห็นลูก ครอบครัว เพื่อนฝูง ของตัวเองถูกทรมาน ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาจนถึงตาตนเอง เป็นสิ่งที่ทรมานใจมาก และแน่นอนเป็นธรรมดาที่ต้องอาฆาตทุกคนที่ฆ่า โดยเฉพาะคนที่นำเนื้อไปกินเป็นอย่างมาก จิตใจที่เครียด พยาบาทก็จะทำให้หลั่งสารที่ทำให้เนื้อของพวกเค้ามีคุณสมบัติที่เป็นพิษต่อคนกิน นอกจากนี้ยังติดตามเป็นพลังงานด้านมืดที่ติดตามคอยให้โทษแก่ผู้ที่กินทุกคนไปจนกว่าจะสำนึกผิด ขอโทษและทำบุญที่สูงส่งไปให้ เช่น บุญพระกรรมฐาน และบุญบ้านสวนฯที่สร้างถวายในหลวง
 
ภาพที่ปลาฉลาม ปลาวาฬถูกเรือไล่ทั้งฝูงต้อนเข้าหาฝั่ง ที่มีเพชรฆาตจำนวนมากถือมีดคอยฆ่าฟัน จนท้องทะเลแดงฉานไปด้วยเลือด การนำสัตว์ออกมาจากกรงอย่างไม่เห็นว่าเค้ามีชีวิตเช่นตนเอง ถือไปฟาดพื้นไป จะฉีกขาด ทิ่มแทง เชือดเฉือน ร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ อย่างเย็นใจ โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของสัตว์เหล่านั้น ว่าเขาก็รักชีวิต รักครอบครัวเหมือนตน กรรม ที่ตามสนองจึงต้องทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนที่กิน ต้องได้รับทุกข์ทั้งกายใจมากกว่าที่พวกเขาได้รับ ทั้งตนเอง ครอบครัวเช่นเดียวกัน
 
ภาพภัยพิบัติที่เกิดขึ้นก็เช่นเดียวกัน จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว ขณะที่เรากำลังนอนหลับสบาย กำลังทำกิจการงาน ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เราเคยวางแผนไว้เพื่อรับมือมานั้นอาจจะใช้อะไรไม่ได้เลย
 
ตัวอย่างเช่น Workshop ครั้งที่ 2 ที่กลุ่มของผม กลุ่มที่ 14 ที่มีคุณป้อม น้องนัท และผม ที่ได้รับโจทย์ว่า หากรู้ว่าจะเกิดภัยพิบัติ ไม่ว่า ภัยด้าน ดิน น้ำ ลม ไฟ สัตว์ร้าย ผีร้ายต่างๆ เราจะเตรียมการอย่างไร ให้เป็นรูปธรรม อย่างทันที และทำอย่างไรให้คนที่ทั้งเชื่อและไม่เชื่อในเรื่องนี้ เช่น คนในครอบครัว รับมือกับภัยทุกรูปแบบได้ ซึ่งเราก็ตกลงกัน วางแผนในเรื่อง การเตรียมกาย เตรียมใจ และการช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ทำได้
 
การเตรียมกาย ก็ได้แก่ วางแผนเตรียมปัจจัยสี่ ที่พัก ยานพาหนะ เป้ฉุกเฉินและอุปกรณ์ต่าง ๆ สำรองไว้ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และสถานที่ปลอดภัยที่เตรียมไว้ มีการวางแผน นัดแนะ จุดที่จะไปเจอกัน หรือ หากเกิดกระทันหัน ณ บริเวณใด อย่างน้อยเราไม่ต้องห่วงเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งกระตุ้นเตือนครอบครัว มีป้าย มีข้อความเตือนและบอกวิธีการว่า เกิดอะไรขึ้น ข้าวของอะไรอยู่ที่ไหน ต้องทำอย่างไร หรือต้องไปเจอกันที่ไหนเป็นต้น
 
ที่สำคัญ คือ การเตรียมวัตถุมงคลของบ้านสวนฯ ไว้กับตัว และที่พักที่เราคิดว่าจะไปอยู่ รวมทั้งการเตรียมคุณสมบัติที่จะทำให้เราสามารถใช้วัตถุมงคล ทั้ง จี้ แหวน เสื้อ องค์ปิรามิด รหัสจักรวาล อาจารย์อุบลช่วยด้วย เพื่อช่วยให้เรา ครอบครัว และคนอื่น ๆ สามารถพ้นภัย การยกจิตให้พร้อมรับภัยพิบัติ การตั้งสติ และการไม่ห่วงในชีวิต เพื่อเป็นการเตรียมใจหลังจากที่เตรียมกายมาแล้ว
 
การช่วยแจ้งเตือนโดยให้คนที่รู้จัก และคนอื่น ๆ ช่วยกันตามหาสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์ ที่เป็นทางรอดเดียวที่จะช่วยให้ภัยพิบัติไม่เกิด หรือเกิดแต่ไม่เสียหายมาก ตามแนวทางบ้านสวนฯ โดยใช้จี้ รหัสจักรวาล เพื่อให้คนอื่นเห็นผล ในเวลาที่ยังไม่เกิดภัยพิบัติ เพื่อเร่งรัดให้รีบเปลี่ยนแปลงกรรม เห็นผลของการรักษาศีล
และการรักษาปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เลิกเห็นแก่ตัว
 
แต่ท่านอาจารย์ได้บอกว่า ถึงเราจะเตรียมการสิ่งใดไว้ เหตุก็จะเกิดโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น เรานั่งฟังท่านอาจารย์อยู่ในขณะนี้ จะทราบได้อย่างไรว่าภัยกำลังมาแล้ว และที่พักอันปลอดภัย ก็ต้องรู้แล้วว่าเป็นที่ใด เพราะเป็นลูกศิษย์ท่านต้องทำทันที ไม่รอช้า และถามพวกเราว่า มีใครเตรียมตัวเตรียมอะไร ไว้พร้อมหรือยัง ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ไม่พร้อมหรือไม่ได้เตรียม และที่สำคัญ ท่านสอนว่า หากเราปฏิบัติตนเป็นพุทธบุตรที่แท้จริง ไม่ต้องกลัวภัยพิบัติ เพราะพระท่าน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะช่วย เช่น ยกพื้นที่ที่เราอยู่ให้พ้นน้ำ และให้พวกเราอยู่อย่างปลอดภัย และมีอาหารการกินด้วยครับ
 
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง คุณท๊อบ
และเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์และครอบครัวทุกพระองค์ครับ
ที่ให้โอกาสผมได้มาสร้างบุญ และกราบขอขมากรรมทุกอย่าง
ที่พลาดพลั้งล่วงเกินต่อท่านอาจารย์ทั้งสอง คุณท๊อปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ที่เคยกระทำแล้วทั้งกาย วาจาและใจ
ทุกภพชาติที่ผ่านมาจนปัจจุบันครับ โดยเฉพาะการไม่รักษาศีล
การไม่ปกป้องท่านอาจารย์และบ้านสวนฯครับ
 
ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานจากทุกท่านครับ
 
วันนี้ขอจบธรรมทานเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 06:02:52


ความคิดเห็นที่ 156 (1634636)

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

.......................................

จากนัยยะชื่อของ

จี้ รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี

น่าจะมีความพิเศษจากจี้รุ่นอื่นๆ

เพราะคงจะเป็นจี้ ที่ถูกสร้างขึ้นมา

เพื่อปลดเปลื้องทุกข์

ให้กับผู้ที่มีความกตัญญู

และมีความตั้งใจอย่างยิ่งว่า

จะอยู่เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา

พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะ เท่านั้น

 

 

นั่นแสดงว่า

พลังจากพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

พลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาล

ที่ท่านอาจารย์เคยแจ้งไว้

รวมถึงพลังแห่งความเมตตาของพระศรีอาริย์

ที่สถิตในจี้ และพลังบุญอันมหาศาล

จากท่านอาจารย์เอง

ที่ทำให้"จี้"มีพลังอันมหาศาลแล้ว

 

พลังนั้นต้องมาคลิกลงล็อคพอดี

กับ"จิต"ผู้สวม

ถึงจะปลดล็อคกรรมนั้น ได้

และเห็นผลฉับพลันทันที

ถึงแม้จะเป็นโรคที่หมอรักษาไม่ได้ก็ตาม


แล้วท่านอาจารย์ก็บอกเป็นนัยๆ ด้วยว่า

จี้นี้สร้างมาเพื่อรักษา

พี่จิ๋มและพี่อมร โดยเฉพาะเลย 

 

 

นั่นแสดงว่า จี้วิเศษนี้

จะเห็นผลที่วิเศษสุดๆ

ถ้าผู้สวมเป็นผู้ที่ได้รับเลือก

ให้อยู่รอด ในยุคพระศรีอาิริย์

 

ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่รักชาติ ศาสนา

พระมหากษัตริย์

และมีความกตัญญูเป็นที่ตั้ง


หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ

เราก็ทำตัว ทำจิตของเราให้วิเศษได้

ด้วยการรักสามสถาบันด้วยความจริงใจ

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปนั่นเอง สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 06:28:31


ความคิดเห็นที่ 157 (1634663)

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้

13 - 14 ต.ค. 55

กราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบลอย่างที่สุดค่ะ

ที่ทำให้ซาบซึ้ง..และบอกได้เลยค่ะว่า

ธรรมะ ที่ได้ในครั้งนี้

ก็คิดถึงประโยค

ที่ต้องสรรเสริญพุทธคุณ

ดุจดวงประทีป ชัชวาล

แห่งองค์พระศาสดาจารย์

ส่อง  สัตว์  สันดาน

สว่าง กระจ่าง ใจมน

และรับรู้ด้วยตัวเองเลยนะคะว่า

การเป็น

ผู้รู้  ผู้ตื่น  ผู้เบิกบาน แล้วนั้น

มีอารมณ์เป็นอย่างไรค่ะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ข้าฯ  ขอโอนอ่อนอุตมงค์

นพคำจำนงค์  ด้วยจิต และ กายวาจา

กราบ กราบ กราบ

*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

และจะเห็นได้ว่า

สัปดาห์นี้ทุกคนที่ได้ร่วม

กิจกรรม

ก็มีความสุข

ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม

เรียกว่า  เบิกบานกันถ้วนหน้าคร๊า

สนุกสนาน กับ workshop

บอกได้ว่า สุด สุด

Ha ha ha

เช้าวันเสาร์ที่ 13

ขณะที่พวกเราได้

รับประทานข้าวต้มเป็นอาหารเช้า

ก็มีการแบ่งกลุ่ม แยกย้าย

กันไปทำบุญแรงกาย

กลุ่มที่แบ่ง ก็แบ่งตามปัญหา

ที่ต้องการบำบัด...สุดยอด

เช่น กลุ่มที่ 1 และ 2

ใครมีปัญหาผิวพรรณ ? ออกมาครับ

ทุกคนที่มีปัญหานี้ ทิ้งเก้าอี้

รีบออกไป..

กลุ่ม 1 รู้สึกว่า จะเกินนะ ( 6 คน )

เอ้า ใครมีปัญหาน้อยออกไป

พี่แบม...ยกมือ พี่เป็นมากที่สุด

ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า พี่แบมเป็นเยอะจริง ๆ

จ๊ะ จ๊ะ จ๊ะ 55555555555++

พี่แบม..คนนี้

มาจาก อเมริกา

ได้โทรมาหา ในวันพฤหัส

ว่า อยากจะขอ อนุญาติเข้าบ้านสวนฯ

ค่ะ..พี่ต้องขออนุญาติล่วงหน้า 3 -7 วันนะคะ

โฮ.ฮ.ฮ.ฮ.ฮฮ.ฮ. พี่เธอร้องไห้

แล้วบอกว่า...ขอเถอะนะคะ

พี่อยากกราบ ท่าน อ.อุบล

ที่อยากทำบุญ...แม่พี่พึ่งเสียไป

พี่อยากทำบุญให้แม่

แล้วพี่ก็ไม่มีเวลาแล้ว พี่จะกลับ

อเมริกา คืนวันเสาร์แล้ว

ค่ะ ค่ะ ค่ะ 

แล้วถามนิดนึง...ว่า

พี่รู้จัก ท่าน อ.อุบล

รู้จักบ้านสวนพิรามิดได้ยังไง

จากเวป พลังจิตค่ะ

พี่เข้าไปเจอ...

ปกติแล้วพี่เป็นคนที่ศรัทธา

พระอาจารย์รัตน์

พี่เข้าไปอ่าน..อ่านเรื่อย ๆ

ก็มีใครไม่รู้ ลิงค์ บ้านสวนฯ

เข้าไปในเวปพลังจิต

พี่อ่าน และพี่ก็ศรัทธา อ.อุบลมากๆ

พี่ตามลิงค์เข้ามาอ่าน

เวปบ้านสวนพิรามิด

พี่ศรัทธา อยากสร้างพระ

อยากใช้แรงกาย..สักนิดหน่อย

ก็ยังดี พี่อยากทำบุญให้แม่

ค่ะ แมวจะเรียนท่าน อ.อุบล ให้นะคะ

อ.อุบล  อนุญาติ!!!!

และ

 ในเวลา สาย ๆ

ของวันเสาร์ พอดิบพอดี

มองออกไปทางหน้าต่างครัว

พี่แบม กำลังเดินมาที่วิหารใหม่

เป็นเวลาที่ อ.อุบล ขับรถกอฟท์

มาพอดี

พี่แบม...หันไปเห็น อ.อุบล

เท่านั้นแหละ....

พี่แบม วิ่งถลา เข้าไปก้มกราบ

ร้องไห้ โฮ ๆๆๆๆๆๆๆ ดังมาก ๆ

เหมือนดีใจสุด ๆ ที่

ได้เห็น ได้กราบ อ.อุบล

เราที่ได้เห็นภาพ

ก็แอบอมยิ้ม เป็นปลื้มไปกับพี่แบมอ่ะ

พี่แบม มีสีหน้าที่มีความสุขมาก ๆ

ยิ้ม ทั้งน้ำตา

และพี่แบมก็ตั้งใจ..ร่วมกิจกรรมแรงกาย

เรียกว่า ลืมเรื่องที่จะต้องกลับ

555++ อ้าว พี่แบม ยังไม่กลับอีก

รถเที่ยวสุดท้าย 6 โมงเย็นนะคะ

เดี๋ยวเถอะ ตกเครื่องกันมั่งหละ

พี่แบม อ้าวจริง ๆ ด้วย กี่โมงแล้ว

จนพี่เหมี่ยวต้องบอก ไปเลย เร็ว ๆ

เรียกรถมารับเดี๋ยวนี้เลย

เพราะพี่แบมต้องเดินทางกลับ

อเมริกา คืนวันเสาร์นี้นั่นเอง

และนี่คือ นาทีที่คุ้มค่า

ที่ได้กลับมาเมืองไทยครั้งแรก

หลังจากที่ต้องไปอยู่อเมริกามาหลาย ๆปี

ของ...พี่แบม....

ผู้สมหวังในรักและศรัทธา

ต่อ

อ.อุบล  บ้านสวนพิรามิด

และความสุขที่พี่แบมได้รับก็คือ

ผื่นที่หน้าผาก และแขนของพี่แบม

หายไป...สุดยอดอ่ะ

(พี่แบมเป็น สะเก็ดเงิน )

พี่แบมไม่ต้องเอากลับไปอเมริกา

ด้วยแร้ว.ว.วว.ว.

สาธุ

แค่ได้กราบ อ.อุบล ก็หายแร้ว.ว.ว.

ดีใจด้วยจริง ๆ ค่ะ พี่แบม ขา

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 08:54:49


ความคิดเห็นที่ 158 (1634665)

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แหม่มคิดว่าจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี นี้มีบารมีของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และพระศรีอาริย์ ที่จะมารักษาคนที่จะต้องอยู่รอดไปถึงยุคพระศรีอาริย์ เพราะคนที่จะอยู่รอดไปถึงยุคนั้นก็คือคนที่จะปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก่อนที่เขาจะทำหน้าที่ได้ก็จะต้องกำจัดทุกข์ที่มีนั้นไปก่อน เพื่อที่จะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์

และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ จี้นี้เป็นของพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านได้สอนว่าทุกอย่างเกิดจากเหตุ เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับ เมื่อคนสำนึกผิดได้ รู้ว่าทำผิดอะไรและไม่กลับไปทำอีก ก็คือจะหายจากโรคที่เป็น และในวงการแพทย์ไม่สามารถทำได้ เพราะวงการแพทย์รักษาที่ปลายเหตุ แต่พระพุทธองค์รักษาที่ต้นเหตุ นี่คือสิ่งยืนยันว่าการรักษาของแพทย์ยังตามไม่ทันและอาจจะรักษาอย่างผิดวิธี จึงไม่หาย ซึ่งก็มีอีกหลายโรคด้วยกัน ที่แพทย์รักษาไม่หาย (ผิดหรือถูก ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 09:01:27


ความคิดเห็นที่ 159 (1634668)

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

****

     หนูคิดว่าในจี้นี้คงรวมพลังพุทธคุณจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทั้งอนันตจักรวาล  และด้วยพระบารมีแห่งความเมตตา

จากพระศรีอาริย์ จึงทำให้จี้นี้สามารถช่วยผู้ที่ไม่มีทางรักษาแล้ว

หายได้โดยฉับพลันทันที  และชื่อรุ่น  สามร่มโพธิ์ศรี น่าจะ

เป็นสิ่งที่ช่วยให้คนหันมาทำความดี  และร่วมกันปกป้อง

ทั้งสามสถาบันอย่างเต็มที่ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 09:30:36


ความคิดเห็นที่ 160 (1634669)

   ได้อ่านธรรมทานจากทุกท่าน  ที่ร่วมทำ  work shop

ในวันที่  13-14  ตุลา  55  ทำให้เห็นภาพของการมำงานร่วมกัน

และทุกคนต้องคิดช่วยกัน  เพื่อตอบโจทย์ที่ได้มา  จากการอ่าน

ทำให้รู้วิธีการเตรียมตัว  เตรียมใจ  และที่สำคัญ   ทำให้เห็น

ภาพ  ปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมา  ให้เรานำกลับมาคิดต่อว่า

เราจะเตรียมตัวอย่างไร  แต่ก่อนที่ท่าน อ. อุบล เคยเขียนเตือน

ก็ไม่รู้สึกว่ามันจะยุ่งยาก  เพราะเราไม่เคยลองทำ 

เรามีแต่ความรู้  แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติ  เห็นทีเราต้องลงมือทำ

แล้วแหละ  เพื่อจะได้รู้ว่า  ความรู้ที่มีอยู่  นำมาใช้ได้จริงหรือ

เปล่า

            และขอแสดงความยินดี  กับ  ดร. จิ๋ม  คุณพี่อมร

และทุกท่าน  ที่ได้รับความสุข  จากการได้สัมผัสบารมี

จี้สามร่มโพธิ์ศรี  สาธุ  สาธุ  สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 09:45:25


ความคิดเห็นที่ 161 (1634670)

 กิจกรรม วันที่13-14 ต.ค.55

        ลานธรรมปูหญ้าเขียวชอุ่ม  ทำให้เพิ่มความเขียวขจีของพื้นที่  ผมไปถึงบ้านสวน  หกโมงเย็น ไม่ทันได้ช่วยเลย คุณแมว บอกว่า อ.อุบล พาทำฝนกำลังตกพอดี ไม่ต้องรดน้ำ เสร็จแล้ว   ปูหญ้าแล้วเพิ่มความสดชื่นขึ้นอีกมากมาย

        ช่วงเช้ากำลังคนยังไม่มาก ได้กระจายกันไปทำงาน โหลดขยะใส่ถังไบโอแก๊ส งานเกษตร ทำความสะอาด วิหาร และบริเวณลานธรรมทีมช่างลุงบุญ  เตรียมวางเหล็กทำคานฐานล่าง ญาติธรรม ช่วยกันยกเหล็ก สอดเหล็ก มัดเหล็กและปรับระดับพื้นดิน ของโครงสร้างฐานล่าง วันนี้แดดแรง ร้อนอบอ้าวพอสมควร

        ช่วงบ่าย ทำ Work Shop  รู้สึกตื่นเต้นกับกิจกรรมนี้มาก ตอนแบ่งกลุ่ม ก็ให้สมัครใจกับปัญหาที่ตัวเองประสบ กลุ่มละ 5 คน ดังนี้ ป้านัส น้องเหมียว น้องเอิ้น คุณพิชัย และผมอมร ได้หัวข้อ  ปัญหาการเงิน และการเจ็บป่วย 

          ปัญหานี้เป็นผลมาจากการผิดศีลข้อ 2  เคยลักทรัพย์ โกงผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้ทรัพย์ของผู้อื่น  ชอบของฟรี ทำให้เป็นหนี้ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และเจ็บป่วย

        แนวทางการแก้ปัญหา หาทางใช้หนี้เก่า มีสติรู้จักวางแผนการใช้จ่ายเงิน ต้องทำให้มีรายได้มากว่ารายจ่าย และที่สำคัญต้องไม่สร้างหนี้ใหม่ สร้างบุญธรรมทาน วิหารทาน ไม่กลับไปผิดศีลข้อ 2 อีก

กลุ่มผมรับมอบหมายงานเพื่อคลี่คลายปัญหา คือ ทำบุญด้วยแรงกายสร้างวิหารทาน  เช่น งานผูกเหล็ก ขุดดิน งานปูน ยกอิฐ ก่ออิฐถือปูน

ก่อนการลงภาคสนาม ได้สรุปปัญหาของทุกคนว่า เป็นหนี้ทุกคน และก็เจ็บป่วย น้องเหมี๋ยว มีอาการเสมหะติดที่ลำคอ น้องเอิ้นเป็นหวัด คุณพิชัยมึนหัวป้านัส มึนหัวเหมือนกัน ผม อมร มีอาการคิด-พูดช้า

ขณะปฏิบัติงาน  ปฏิบัติงานร่วมกันกับกลุ่มของ อ.อภิชัย  ทุกคนทำงานท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว การผูกเหล็กทำฐานล่าง ผมได้สังเกต สมาชิกในทีม มีความตั้งอกตั้งใจทำ แม้ว่างานนี้จะไม่เคยได้ทำมาก่อนแต่ก็สามารถเรียนรู้ได้ และทำได้ จนสำเร็จ และช่วยกันลำเลียงอิฐบล็อก เตรียมก่อเป็นแบบคานฐานล่าง  เฉพาะงานผสมปูนและก่ออิฐ ทำได้ไม่มากนัก หมดเวลา ต้องไปสรุปงาน

ขณะทำงานได้เกิดสติปัญญาระลึกได้ ดังนี้

1.    ความปลอดภัย การระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นระหว่างทำงาน เช่น ลวดอาจแทงนิ้วมือได้ การเดินอาจสะดุดเหล็ก การใช้กกระแสไฟฟ้าในการทำงาน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงการใช้เครื่องมือ จอบเสียว และอื่น ๆ

2.    รู้คุณค่าวัสดุที่ใช้ ต้องใส่ใจมีสติเสมอในการทำงาน อาจทำให้สูญเสียวัสดุโดยความประมาท ความไม่ใส่ใจของเรา เช่น ผูกเหล็ก บิดลวดจนขาด หรือผูกลวดผิด ทำให้เสียลวด ลวดบางอันสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ไม่นำมาใช้ประโยชน์ต่อ

3.    เป็นหนี้สงฆ์ วัสดุสิ่งของที่เสียหายเกิดจากการขาดสติในทำงาน มักเกิดความเสียหาย เป็นการทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ โดยไม่จำเป็น ถ้างานเป็นของเราเอง หากงานเสีย เราก็ต้องเสียทรัพย์เช่นกัน

หลังจากเสร็จงาน ไม่เก็บทำความสะอาด ภาชนะ อุปกรณ์ วัสดุงาน และเครื่องมือ เช่น ถุงมือ ถัง จอบ พั่ว คีม ลวด 

สรุปว่า.... การทำบุญวิหารทาน เพื่อคลี่คลายปัญหาการเงินและเจ็บป่วย วิธีการทำบุญถูกต้อง แต่การทำงานให้เป็นบุญจะได้บาปมากว่า  ทำงานด้วยการขาดสติของเสียหาย ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ ต้องเป็นหนี้สงฆ์ การไม่เก็บทำความสะอาดพื้นที่งาน และไม่เก็บเครื่องมือ ทำความสะอาดเครื่องมือ ก็จะทำให้เจ็บป่วย

การแก้ไขคือ

-ก่อนการทำงาน ต้องวางงแผนการทำงาน

-ขณะทำงาน  ต้องมีสติ มีความอดทน ขยัน ใจใส่งานให้เกิดความเสียหายให้น้อยที่สุด

-หลังการทำงาน ตรวจตรางาน เพื่อสรุปผลงาน เพื่อส่งมอบงาน หรือทำต่อในช่วงต่อไป และเก็บ ล้างทำความสะอาด วัสดุเครื่องมือให้เรียบร้อย

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 09:53:49


ความคิดเห็นที่ 162 (1634672)

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

*******************************

จี้สามร่มโพธิ์ศรีนั้นคือบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ผนวกกับครอบครัวของ

ท่านอ.อุบลผู้นำอารธนาบารมีมาสถิตในกาย วาจา ใจ บ้านสวนและที่ท่านอ.อุบลไป  ทุกแห่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักวาลท่านประทานงานใหญ่นี้ เพื่อชาติ ศาสนา  พระมหากษัตริย์  ที่จะอยู่รอดในยุคศิวิไลเป็นยุคทองของผู้นำพาทุกๆท่านทำความดีมีความรักความสามัคคีเพื่อให้เกิดความสมดุลย์กับธรรมชาติอย่างที่ว่าธรรมะ คือธรรมชาติ

อีกอย่างหนึ่งที่เราเกาถูกที่คันแล้วทั้งที่หมอเองก็เป็นมะเร็งแต่ไม่สามรถรักษาตัวเองได้เลยคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่สามรถยกเลิกได้แต่วิทยาศาสตร์มีความเปลี่ยนได้ซึ่งวงการแพทย์ยังตามไม่ทัน ในการรักษาหรือบำบัดหาเกิดว่า เช่นทำดี ย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วฉันใดก็ฉันนั้น

ด้วยสมองอันน้อยนิดถูกผิดอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 09:59:49


ความคิดเห็นที่ 163 (1634674)

รบกวนพี่แมวช่วยโพสต์ตอบกระทู้  13-14 Workshop

 ด้วยนะคร๊าบ

ขอขอบคุณและอนุโมทนา

ในบุญที่พี่แมวสงเคราะห์ปอด้วยนะคร๊าบ


ขออนุโมทนากับ พี่ดร.จิ๋ม พี่อมร

และทุกท่านที่ร่วมค่าย

และได้รับบารมีจากจี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี

หายจากโรคฉับพลันทันที

อัศจรรย์และได้รับความปิติไปด้วย

(ขนแขนสแตนอัพ)


ในจี้นี้


มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์


เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา
/////////////////////////////////////////////


ปอเชื่อว่านอกจากบารมี จากจี้สามร่มโพธิ์ศรีแล้ว ยังน่าจะเป็นเมตตาต่อผู้ที่มีจิตศรัทธาที่แน่วแน่ ต่อ สามร่มโพธิ์ศรี และต่อท่านอาจารย์ เป็นแน่แท้ รวมไปถึงเบื้องบนต้องการสื่อให้รู้ว่า ถ้ามีจิตใจแน่วแน่ ศรัทธาอย่างไร้ข้อสงสัย ผลที่ได้จะเป็นอัศจรรย์อย่างที่ปรากฏให้เห็นกับตา และต้องการย่นย่อเวลา เมื่อภัยพิบัติใกล้เข้ามา อย่างที่ท่านอาจารย์เมตตาบอกกล่าวบ่่อยครั้งว่าเบื้องบนท่านเร่งมาแล้ว

อนุโมทนาในทุกธรรมทานนะคร๊าบบบ คงได้เป็นชาวเกาะกันต่อไป และต้องเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างจริงจัง


อภาธินี จินดาพล

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 10:11:50


ความคิดเห็นที่ 164 (1634679)

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ไปร่วมกิจกรรมในวันที่13-14ที่ผ่านมาและ ขออนุโมทนาบูญธรรมทานที่ทุท่านได้เขียนเล่าทำให้ผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมในวันนั้นได้ทราบว่ามีการทำอะไรกันบ้างฯ

โหยยี้งอ่านยี้งมีความปลาบปลื้มกับทุกๆท่านเป็นอย่างยี้งตื่นเต้นดีใจจนเนื้อเต้นขนลุกซ่าไปทั้งตัวทั้ดีใจและเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วม เมื่อคนมัวแต่ไปอ่านของข้อความการขอเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่19เลยมาอ่านกระทู้นี้ช้า ดีใจกับคูณเจี้ยบ หมอเหมี่ยว หมอแป้นและทุกท่านที่เขียนมาให้ได้โมทนาด้วย ขอบคูณทุกท่าน เขียนกันได้ดี่มากมากทุคนเลย โดยเฉพาะน้องเบส แจกแจงได้ระเอียดทุกกลุ่มเลยคูณโฆษิต พ่อโหญ่ธนางี้ ป้าดดดเห็นภาพตามเลยอีหลีจ้า เห็นภาพสวนสวรรค์หลังเวทีที่ติ๋มเองมีโอกาสได้ช่วยปูกระเบี้องในวันที่4,5ก่อนวันเข้าค่ายเป็นปลื้มกับทุกท่าน ยี้งน้องเบสบอกตอนนี้มีสนามหญ้าอีก (ป๊าดดขออุทานตามพ่อโหญ่ธนา)ทำให้อยากไปบ้านสวนเดี๋ยวนี้เลย ด้วยจิตที่ส่งไปร่วมบูญแรงกายขณะที่ตัวไม่ได้ไปยังส่งผลให้ตัวติ๋มเองได้รับอนิสงค์ด้วยเลย คือสามารถขายของได้ง่ายๆมีรายได้หลายบาทเพราะก่อนออกไปทำงานได้แวะอ่านที่ท่านอาจารย์เขียน ถึงจี้รุ้น สามร้มโพศรี จิตคิดว่าอยากได้จังจะได้มีพลังช่วยคนได้เย้อๆ เมื่อวานมีออเดอร์ เย้ๆๆ แยกเงินเรียบร้อย ไส่บาตรวิระทโย และบูชาจี้ ตั้นทุน ค่า้ำมันไปบ้านส่วน ซื้อเห็ดหอมไปร่วมบูญ รับรู้มานานแล้วเรื่องการจัดสัญแบ่งเงินไห้เป็นหมวดหมู่ หลวงพ่อฤาษีท่านก็สอน แต่ลูกหยาบเอง เลยทำให้ขาดสภาพคร่อง ขณะนั่งพิมย์ก็มีลูกค้าโทรมาสั่งของ และได้บอกเล่าเรื่องระหัสจักรวาลกับน้องเค้าไป เค้าบอกขนลุกเลยดีใจมากและขอบคูณเราที่แบ่งปัน เลยบอกให้ขอบคูณ อาจารย์อุบลและเทวดารักษาตัวท่าน แล้วให้บอกต่อเมื่อไช้แล้วได้ผล น้้องเค้ากำลังอ่านหนังสือจะไปสอบ ผู้พิพากษา ถ้าจำไม่ผิด และเมี่อมาถึงตรงนี้มีออเดอร์อีก นิดหย่อยเป็นค่าอาหารกลางวันนิ (^_^)/ สาวัสดีค่ะ_/l_

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 10:47:04


ความคิดเห็นที่ 165 (1634685)

หนูคิดว่าจี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี มีพลังอานุภาพมาก(คิดว่าคงมากกว่าจี้องค์เทพสฟิงซ์) มีบารมีของพระศรีอาริย์เพราะพิสูจน์มาด้วยตัวเองแล้วว่าเมื่อได้รับพระบารมี อาการเจ็บป่วยของตัวเองบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น การหายจากโรคโปลิโอเมื่อคล้องจี้สามร่มโพธิ์ศรี จี้ต้องมีบารมีของพระองค์แน่ๆ และคิดว่ามีบารมีของเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ (คิดแล้วรู้สึกปิติมากค่ะ) และเบื้องบนทุกพระองค์ (สมเด็จองค์ปฐม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระยายมราช ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ทั่วทั้งจักรวาล) ที่ท่านรวมพลังไว้ในจี้เพื่อช่วยสามร่มโพธิ์ศรีโดยเฉพาะ ช่วยกอบกู้ภัยพิบัติ ช่วยให้ผู้คนกลับตัวมาปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า (เมื่อหายเจ็บป่วย หลุดจากทุกข์ ก็มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนจิตใจ และคิดว่าจี้รุ่นนี้คงช่วยให้คนเป็นคนดีได้เร็วขึ้น) รวมถึงช่วยผู้ที่จะช่วยสามร่มโพธิ์ศรีให้ประกอบภารกิจได้สำเร็จ

แล้วดร.จิ๋มนั้น จากที่หนูได้เจอและคุยตอนอยู่บ้านสวน มีจิตใจดี มาบ้านสวนเพื่อมาสร้างบารมีจริงๆ ทุ่มเทกับการทำบุญแรงกาย อีกทั้งทำบุญด้วยปัจจัยและสิ่งของ จัดกิจกรรมธรรมบำบัดช่วยเหลือคนจำนวนมาก ซึ่งเป็นการช่วยสามร่มโพธิ์ศรี ดังนั้น จี้รุ่นนี้จึงช่วยดร.จิ๋มค่ะ

ได้ทราบปรากฏการณ์ดร.จิ๋มแล้ว ตัวเองก็อยากพิสูจน์และนำไปพิสูจน์กับคนอื่นด้วยค่ะ ขนาดขวัญเคยคล้องจี้องค์เทพสฟิงซ์ 9 องค์(+ธนบัตรขวัญถุง+จี้พีระมิด+อุปกรณ์พีระมิด) อาการเจ็บป่วยของตัวเองก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน คนข้างๆก็ดีขึ้นไปด้วย คนรอบๆก็รู้สึกถึงพลัง แต่คล้องจี้สามร่มโพธิ์ศรี 3 องค์ ถึงขั้นหายจากโรคโปลิโอ มหัศจรรย์จริงๆ สาธุค่ะ กราบขอบพระคุณเทวดารักษาท่านอ.อุบลทุกพระองค์และท่านอ.อุบลค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 11:09:31


ความคิดเห็นที่ 166 (1634691)

 

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆ ธรรมทานด้วย

-----------

พวกเรา

 

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

 

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ เป็นพลังอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดและเทวดาที่รักษาจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีและพลังแห่งความบริสุทธิ์ ความจริงใจ ของ ดร.จิ๋ม และเพื่อน ๆ ลูกบ้านสวนซึ่งในตอนนั้นส่งแรงใจส่งพลังความรักอันบริสุทธิ์รวมพลังไปที่ศูนย์รวมที่ ดร.จิ๋ม ที่ต้องการให้ หาย เชื่อมโยงไปยังพลังศักดิ์สิทธิ์ของจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีด้วยอีกแรง ความร้กความสามัคคีจะมีพลังที่มหาสานเพิ่มขึ้นโดยที่ทุกคนไม่คาดหวังก็ได้  ขนาดผมได้อ่านธรรมทานของทุกๆ คน ยังอดปลื้มแทนน้ำตาซึม ๆ เลย ดีใจกับ ดร.จิ๋ม คุณอมร และทุกๆ คนด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 11:34:04


ความคิดเห็นที่ 167 (1634695)

วันเสาร์ที่13 ตค. กับกิจกรรมการทำงานเป็นทึมเพื่อแก้กรรม
ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ธรรมทานทุกท่าน ที่เป็นผู้นำหน้า พี่จุ๋มขอเป็นกองหลังเก็บตกความประทับใจในรายละเอียดตามที่ได้ยินแล้วกัน


กลุ่มที่ขอสร้างบุญเพื่อบำบัดกรรมผิวพรรณ
กลุ่มคุณเหมี่ยวที่ถูกจัดให้ไปทำความสะอาด และจัดภูมิทัศน์ให้สวยงามในบริเวณพีรามิด หลังบ้านอจ อุบล ทุกคนในกลุ่มไม่เคยทำงานเหล่านี้เลย ก่อนเริ่มทำจึงขอบารมีพระศรีอารย์ที่อ อุบล เป็นผู้อัญเชิญ ให้มาช่วย ทุกท่านก็ทำได้ดี เท่าที่จำได้เพราะเดินผ่านไปทักทาย ก็เจอ คุณหมอแป้น คุณเจี๊ยบ คุณ อดิศักดิ์ เมื่อทำงานลุล่วงไปได้ เห็นว่าแขนและมือคุณเหมี่ยวดีขึ้น คุณเจี๊ยบเข่าที่หนาดำก็ขาวมากขึ้นอีก ส่วนคุณหมอแป้นหน้าขาวมากขึ้น ฝ้าจางลง ส่วนคุณอดิศักดิ์ หน้าขาวขึ้นดูมี auraทันที อจ บอกว่าเมื่อกอน จะดำและเขียว แต่ตอนนี้เห็นความขาวขึ้นมาเลย
นอกจากนี้กลุ่มคุณอ้อย น้องก้อย ทำความสะอาดห้องน้ำรวมด้านหน้า และห้องเก็บของบนห้องน้ำ ก็เห็นว่ารับผลบุญ สิวยุบ หน้าขาวไปตามกัน

กลุ่มขนอิฐผูกเหล็ก ของน้องจั๋มผู้มีปัญหาการเงิน
กลุ่มนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่าเป็นคนใหม่ๆ ท่านจึงจัดหนัก เพื่อจะได้สร้างบุญมากๆ จั๋มน้องสาว เพิ่งหายไข้ออกจากโรงพยาบาล เขาก็มีแรงทำได้ แต่เห็นว่าตอนกลางคืนปวดหลังมาก ตอนไปรายงานก็ขอความเมตตาให้ อจ.อุบลรักษา โดยกำจี้สามร่มโพธิ์สรีไว้จึงหาย

สำหรับกลุ่มคุณอมร ที่รับงานหนัก บริเวณใกล้ๆกันนี้ เธอมีอาการเหนื่อยมากจนแทบหมดแรง ตอนเสร็จงานคุณอมรลงมือ เก็บล้างจอบ เสียม บุ้งกี๋ ที่มาใช้และเก็บเข้าที่คนเดียว โดยลูกทีมไปพักกันหมดแล้ว พอเก็บล้างเสร็จ คุณอมรก็พบความสดชื่น อาการเมื่อยล้าหายอย่างฉับพลันทันที เรื่องนี้สอนให้เราทุกคน ต้องระมัดระวังการเก็บของใช้อุปกรณ์ทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นจะได้รับผลกรรม ยิ่งถ้าต้องให้ท่านเจ้าของบ้าน ตามเก็บทุกอย่าง กรรมเป็นทวีคูณ ร้อยเท่าพันเท่า เพราะท่านบุญมาก พวกเราก็ต้องบาปมากขึ้นไปอีก

กลุ่มเกษตร ที่จะบำบัดความเจ็บป่วย
กลุ๋มนี้มีคนเกษตรที่คุ้นเคย คือ อ.นีย์ ภรรยา รมต เกษตร ดร จิ๋ม คุณป้อม น้องรจนาเบส แต่ตอนลงมือทำต้องวิ่งตามให้ อจ พันธ์ มาช่วยสอนงาน งานที่ทำคือ เตรียมแปลง ขุดให้ดินร่วน นำหญ้าหมักมาคลุมดิน แล้วปิดด้วย ผ้าตาข่ายดำๆ การพรวนดินของจิ๋มกับคุณป้อม จะขัดกับคำสอนของอจ พันธ์ที่พรวนเดินหน้า แต่จะช้าเพราะเท้าก็จะยำที่พรวนไว้ต้องมาแต่งใหม่ จิ๋มเขาจึงทำตามสบาย คนละครึ่งแปลงกับคุณป้อม ก็สำเร็จลงได้โดยเร็ว  นอกจากนี้ยังถ่ายปุ๋ยโดยรองแล้วส่งต่อๆ ทำให้งานเสร็จเร็ว กลุ่มนี้งานหนัก พี่เดินมาดูยังช่วยเขาคลุมหญ้านิดหน่อย

สำหรับกลุ่มพี่จุ๋ม บำบัดผู้มีปัญหาทุกเรื่อง โดยให้ดูแลความเป็นระเบียบรอบบ้านสวน
โชคดีได้ อจ พัน เป็นผู้นำ กลุ่มเราได้เน้นที่ความเป็นระเบียบหน้าบ้าน โดยตัดกิ่งต้นไม้ และกวาดลานหน้าบ้าน ทั้งสองข้างให้สะอาด กลุ่มนี้มีน้องใหม่เขาขออนุญาตกลับก่อน ก็เลยมี คุณพลนักข่าว ช่วยกัน 2คน เพราะ อจ พัน ท่านต้องวิ่งรอกช่วยสอนงานเกษตรด้านหลัง ตอนกำลังทำตัดกิ่ง กวาดพื้นที่รกๆ ยังรู้สึกเหนื่อยๆ แต่พอทำเสร็จ รู้สึกได้ถึงความเย็นความโล่งโปร่งสบาย มาสัมผัสตัวเอง ไม่มีความเหนื่อยเลย วิ่งไปช่วยจิ๋มทำแปลงได้อีกนิดหน่อย
ท้ายสุด อจ พันธ์ ท่านเสนอแนะ เรื่องต้นโมกที่มีอยู่ที่รั้วรอบบ้านสวน ว่าถ้าพวกเราช่วนกันตัดแต่งเอากิ่งด้านข้างออกบ่อยๆ ต้นโมกจะโตสูงเป็นรั้วที่ดี อาจสูงได้ถึง 2เมตรทีเดียว ส่วนบริเวณแปลงเกษตร อจพัน เสนอให้ปลูกต้นไผ่ เป็นรั้ว อจ อยากจะกันไก่ที่มากินผักที่แปลงเรา

ขออนุโมทนา กับอจ อุบล ผู้จัด ให้เราได้บุญกัน และเสริมปัญญาให้คิดแก้ปัญหาในการทำงาน
จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 12:29:25


ความคิดเห็นที่ 168 (1634697)

    ในสัปดาห์นี้มีเรื่องเกิดขึ้น ทั้งเกือบตาย ตื่นเต้น สนุกและได้ปัญญาหลายเรื่องเรยหล่ะครับ

  วันเสาร์ กิจกรรมก่อนอาหารมือ้เช้า
 ตัวผมไปช่วย ลุงบุญ ขุดดินปรับระดับพื้น และผูกเหล็กเพื่อเตรียมเทคานของอาคารหลังใหม่ครับ ขณะที่ทำไปก็ท่องคาถาบูชาพระศรีอริยะเมตไตยครับ ในบางขณะก็ทวบทวนเรื่องของตนเองที่ทำผิดพลาดไป  เพื่อแก้ไขตนเองใหม่ครับ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันทานอาหารเช้ากันครับ โมทนาบุญกับทีมแม่ครัวทุกท่านครับ พี่แมว พี่เหมี่ยว พี่อ้อย คุณอัญ ฯลฯ
เวิร์คช็อปที่1
 หลังจากพวกเรากินข้าวเช้าเสร็จ อาจารย์ก็ให้พวกเราทำเวิร์คช็อปกันครับ โดยพวกเราแบ่งกันออกเป็น 9 กลุ่ม กลุ่มล่ะประมาณ5คนครับ สำหรับกลุ่มผมได้ภาระกิจดังนี้ครับ
      +++ สำหรับคนที่เจ็บป่วย+ขาดปัญญา ++ งานของพวกเราคืองานเกษตรครับ คือในโจทย์ กล่าวว่า ในขณะที่ทำงาน มีปัญญาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ระหว่างทำงาน และให้สังเกตุว่า ใครที่เจ็บป่วยอยู่ ให้สังเกตุว่า อาการดังกล่าวหาย หรือ ดีขึ้นหรือไม่อย่างไร เกิดขึ้นเวลาใด และในขณะที่ทำงานนั้นให้ท่องคาถาบูชาพระศรีอริยะเมตไตย ไปด้วยครับ  
   กลุ่มของผม ประกอบไปด้วย พี่จิ๋ม / อ.นี / น้องเบส /น้องนัท รวมแล้ว 5 ท่านครับ
    เราเลือกงานที่ทำดังนี้ครับ คือ ขุดดินเตรียมแปลงเพื่อปลูกผักครับ จำนวน 3 แปลงครับ ขนาดของแปลงผักที่เตรียม ขนาด 12 * 1.5 เมตร และนอกจากขุดดินแล้ว ต้องนำหญ้าหมักมาคลุมให้หมดด้วยครับ ซึ่งถ้าดูจากงานแล้ว ไม่ใช่เล่นๆเรยน่ะครับ ขอบอก เราใช้เวลาทำกันประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าครับ จึงเสร็จ ทีมผมนั้นไม่มีใครมีความรู้ในการเตรียมแปลงผักเรยครับ โชคดีที่อาจารย์พันธ์ แวะมาช่วยให้คำแนะนำ ไม่งั้นคงไม่สำเร็จเป็นแน่แท้ครับ
   ผมขอสรุป ผลดังนี้ครับ
   อาการเจ็บป่วย ก่อน และหลัง เป็น รายบุคคลดังนี้ครับ
 1.พี่จิ๋ม ก่อนทำกิจกรรม มีอาการ เจ็บคอและไอ แต่หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ อาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติเรยครับ แต่จำไม่ได้ว่าเริ่มดีขึ้นตอนไหนครับ
 2.อาจารย์ณี ก่อนทำกิจกรรม มีอาการปวดคอด้านซ้าย หลังจากทำกิจกรรม อาการหาย 100เปอร์เซ้นครับ แต่ไม่รู้ว่าหายตอนไหนครับ
3.น้องเบส ก่อนทำกิจกรรม มีอาการปวดหลัง แต่หลังจากอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรแล้วอาการดีขึ้น แต่ไม่หาย แต่หลังจากทำกิจกรรมไป ก็หายไปตอนไหนไม่รู้ครับ
4.น้องนัท มีอาการนิ้วซ้นเจ็บ หลังทำกิจกรรมก็ยังหาย แต่มามีอาการดีขึ้นหลังจากที่เข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปกิจกรรมครับ แต่ยังไม่หมดครับ อาจารย์อุบลท่านเมตตา บำบัดให้จนอาการดีขึ้นเกือบ100 เปอร์เซ้นเรยครับ
5.ผมเอง มีอาการเจ็บตาข้างขวาและแดง หลังจากอารธนาบารมีพระศรีอริยะเมตไตยก็หายเจ็บขึ้นมาประมาณ50เปอร์เซ็นต์ครับ และเจ็บตา100เปอร์เซ็นประมาณ หลังจากทำงานได้2ชั่วโมงครับ เหลือแต่อาการตาแดงครับ
  ปัญญาที่ได้รับระหว่างทำงานมีดังนี้ครับ
1.น้องเบสได้วิธีการจับจอบในการขุดดินอย่างไร จึงจะช่วยให้ประหยัดแรงครับ คือให้จับที่ปลายจอบครับ
2.การแบ่งหน้าที่ในทีมให้เหมาะสมกับงานครับ คือให้ผมชายมีหน้าที่ขุดเตรียมดิน ส่วนผู้หญิงก็ไปเตรียมหญ้าเปียกในขั้นตอนถัดไป เรียกว่า แบ่งทั้งความถนัด และ ประหยัดเวลาในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย
3.เราถ่ายปุ๋ยน้ำจากถังขนาด200ลิตร ได้ด้วยวิธีไม่เหนื่อยแรงครับ โดยใช้วิธีแบบสายพานครับ อันนี้ประยุกต์มาจากที่เราเทปูนกันครับ อันนี้เวิร์คมากๆเรยครับ ประหยัดแรงได้เยอะมากครับ
4.ได้ปัญญาจากการขุดดิน ขุดดินอย่างไรให้ได้ดินที่ละเอียด อาจารย์พันธ์มาแนะนำว่าให้ขุดดินแบบเดินหน้า แต่มีข้อเสียคือ วิธีนี้จะมีรอยเท้าของเราย้ำอยู่บนแปลง ต้องเสียเวลามากลบดินอีกครั้งนึง ดังนั้นพวกเราจึงไม่ทำตามอาจารย์พันธ์ เพราะเห็นว่าช้าและต้องมาลบรอยเท้าเดิมอีกด้วย ดังนั้นเราจึงใช้สองคนช่วยกัน โดยแบ่งกันคนล่ะครึ่งแทบ ดังนั้น งานของเราจึงออกดี โดยเสร็จเร็วครับ
    สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างนึงในกิจกรรมนี้ คือ ความมุ่งมั่นของแต่ละท่านเพื่อให้งานออกมาดี ก็คือ ทุกคนไม่กลัวร้อน ทั้งที่วันนั้นแดดแรงมาก แต่ทุกคนชนะใจตนเอง โดยทำไม่หยุด และทำอย่างสม่ำเสมอ และผมก็ประทับใจพี่จิ๋มกับน้องเบสมาก เพราะแม้ว่าขาของพี่จิ๋มจะไม่ค่อยดี แต่พี่จิ๋มก็ทำให้เห็นว่าคนขาดีๆแท้ยังสู้ไม่ได้ ส่วนน้องเบสนั้นดูเหมือนไม่มีแรง แต่น้องเบสก็ทำให้เห็นแล้วว่าความพยายามอยู่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นครับ
 อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณอาจารย์พันธ์ที่มาช่วยแนะนำพวกเรา ถึงแม้ว่าเราจะพลั้งพลาด เหยียบขอบแปลงไปบ้างไรบ้าง แกก็ยังมาคอยแนะนำและเป็นห่วงพวกเรางานเกษตรอยู่เสมอครับ
เดี๋ยวมาต่อน่ะครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 12:34:24


ความคิดเห็นที่ 169 (1634698)

เหลาต่อค่ะ

ค่ำของคืนวันเสาร์

ท่าน อ.อุบล ได้นำคลิป

เรื่องราว ภาพเหตุการณ์

ที่ดูแล้ว ต้องจี๊ด

ภัยพิบัติ  การฆ่าเพื่อเป็นอาหาร

ชัดเจนค่ะ

เนื้อสัตว์ที่พวกเราได้ทาน เคยทาน

เป็นการเบียดเบียนชีวิต

น่ากลัว น่าสงสาร

มนุษย์

คือสัตว์โลกที่โหดร้อยที่สุด

-*-*-*-*-*-*-

ต่อจากนั้น

BBQ เห็ดย่าง

น้ำจิ้มซีฟู๊ด..

ที่ท่าน อ.อุบล เตรียมไว้ให้พวกเรา

เอ้า...เร่เข้ามา

เห็ดย่าง จ้า เห็ดย่าง

ใครรู้ตัวว่า  ชอบ

เปรี้ยว เผ็ด เค็ม มัน

เชิญทางนี้จ้า

หวานไม่เอา

หน่อมแน๋มไม่ต้อง

มันเลี่ยนจ้า 55555++

ก็มันเป็นจริง ๆ นะคะ

การทำ Workshop นี้

ต้อง ลุย ถึงจะผ่านได้

หากใครมัวแต่

โน่น ก็เย้

นี่ ก็เย้

ทำไม่ได้  รับไม่ได้

ตาย อย่างเดียว

( เตือนตัวเองอ่ะ )

ทานไป ฟังธรรมไป

ผ่อนคลาย สุดยอดค่ะ

ท่าน อ.อุบล ได้เปิดตัว

จี้สามร่มโพธิ์ศรี

ให้พวกเราได้สัมผัสบารมีกัน

โอ้ว...แม่เจ้า

จี้รุ่นนี้ 1 องค์ เป็นการรวมพลัง

ของจี้รุ่นเดิมเท่ากับ 3 องค์

และ

ที่ท่าน อ.อุบล นำมารวมไว้ 3 องค์

เท่ากับ 9 องค์...

ขลัง สุด ๆ

ใครที่มีปัญหา ต้องการบำบัด เชิญ

5555++

ลูกศิษย์ลูกหา ตีวงล้อม อ.อุบล

บรรยากาศอบอุ่นจริง ๆ นะคะ

เริ่มจาก คุณพี่ ดร.จิ๋ม

ท่าน อ.อุบลถอดสร้อยให้พี่จิ๋มสวม

ซึ่งขณะนั้นพี่จิ๋มมีอาการปวดขา

พี่จิ๋ม เดิน เพื่อบำบัด

โอ๊ะ...นั่น ๆ ไหล่ตรงได้งั๊ย.ย.ย.

เสียงร้องบอกกล่าวของสาวสำเนียงโคราช

ทุกคน ตะลึง จริงด้วย

พี่จิ๋ม ถึงกระสะดุ้งเล็กน้อย จริงด้วย

คราวนี้เดินใหญ่เล๊ย

พี่จิ๋มบอกว่า

เดินได้แล้วจริง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้

เดินลงเท้าแบบเต็ม ไม่ได้จะปวด

แต่ตอนนี้ พี่จิ๋มเดินได้ ไม่ปวด

เดินไป เดินมา อยู่พักหน่อย

555++ พอถึงตอนถอดสร้อยคือ อ.อุบล

ถอดเส้นผิด ฮากระจาย

คนต่อมาที่น่าเป็นปลื้ม

คือ พี่อมร ที่ได้รับเมตตา

พี่อมร ออกไปรับบำบัดเรื่อง

การพูด

เพราะพี่อมรมีปัญหา คือ

เป็นคนที่ พูดช้า

ความคิด กับการพูด ไม่สัมพันธ์กัน

ท่าน อ.อุบล ให้สวมสร้อย

แล้วก็ชวนพี่ อมร คุย

แล้วให้เล่าเรื่อง ที่ได้ไปบำบัด

คนที่เป็นอัมพฤก หาย

ให้พวกเราฟังกัน5555++

โห...พี่อมร เปลี๊ยน ไป๊ย.ย.ย

กลายเป็น พี่ ป๋อ

คุณพี่เธอพูดเล่าเรื่องราว

และแสดงท่าทาง ได้อย่างราบรื่น

เรียกว่า ไหล เลยค่ะ

ไม่มีติด หรือ ขัดเลย

สาธุ..

หากเป็นก่อนหน้านี้

ต้องโยนไม้ ให้พี่เหมี่ยว เล่าต่อ

เลยทำให้ดูเหมือนว่า

พี่เหมี่ยว จัดเอง

แต่ตอนนี้ พี่เหมี่ยวไม่ต้อง พี่มร เว้าเอง

ขอเบรคก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อ

รับรองว่า การบำบัดที่ อ.อุบล

มอบให้ในคืนนี้น่ะ

แซ๊บ.บ.บบ. แซบ

แซบกว่า น้ำจิ้มซีฟู๊ดซะอีก

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 12:42:31


ความคิดเห็นที่ 170 (1634706)

 มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

++++++++++++

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาลนี้ สามารถที่จะแสดงพลัง อานุภาพ ปาฏิหาริย์ให้เราได้รับรู้ได้ด้วยสัมผัส ทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ตามกำลังใจ กำลังบุญของแต่ละคน

จี้ รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี ผมถือสิ่งอัศจรรย์ อย่างหนึ่ง ที่มีพลังของจักรวาล อนันตจักรวาล มารวมกันที่จี้นี้ ที่สามารถสัมผัสและจับต้องได้ สามารถหายจากอาการเจ็บป่วยได้โดยทันที ผู้พิการก็จะสามารถหายได้   ผมเองมีอาการคิด-พูดช้า ได้พิสูจน์แล้ว ปัญหาดังกล่าวได้หายไป ในฉับพลันทันที เช่นกัน อย่านี้เราต้องพิสูจน์เองครับ

แต่ที่สำคัญครับ การแสดงผลที่อัศจรรย์เช่นนี้ อยู่ที่ผู้จัดทำ อาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน บริสุทธิ์ใจ ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วยความปรารถนาดีและจริงใจ มอบกายถวายชีวิตเป็นพุทธบุตร นำ และปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อย่างเคร่งครัด ปกป้องและรักษาสามร่มโพธิ์ศรี สิ่งศักดิ์ทั้งจักรวาล ได้มาร่วมอนุโมทนา ทุกภารกิจ ทุกกิจกรรมบุญของ อาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด

พระบารมีพระศรีอาริย์ มาสถิต ณ บ้านสวนพีระมิด และสิ่งศักดิ์ทั่วทั้งจักรวาลต้องการสื่อให้ผู้ที่มีความเชื่อบาปบุญคุณโทษ  พิสูจน์กฎแห่งกรรม และที่สำคัญมีความศรัทธา อาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด จะได้ผล เห็นผลได้ชัดเจนที่สุด นะจะบอกให้

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 13:09:29


ความคิดเห็นที่ 171 (1634710)

โอ๊ะๆๆ ต้องบอกว่า คนที่ใจไม่ถึงควรหาผ้าเช็ดน้ำหมาก เอ๊ย น้ำตารอไว้เลย

เพราะเสาร์ที่ผ่านมานี้ ทำเอาหลายๆคนน้ำตาคลอ พร้อมทั้งเบียนหน้าหนีกับภาพอันแสนโหดร้าย ที่มนุษย์เบียดเบียนชีวิตสัตว์ต่างๆ โดยบอกว่า "นี่คืออาหารของเรา"

เห็นภาพแล้วหวาดเฉียวววที่ฉุดเยย มีดคมๆปาดลงบนคอของปลาโลมา เลือดแดงฉานทะลักออกมาอย่างมากมาย ปลาโลมาตัวนี้ดิ้นสุดชีวิตด้วยความทรมานแสนสาหัส ตัวบิดงอ จนต้องยกหางและหัวบิดกลางอากาศด้วยความเจ็บปวดก่อนลมหายใจสุดท้ายจะหลุดลอยออกจากร่าง

ยิ่งโรงฆ่าสัตว์ยิ่งหนักเข้าไปอีก ใช้เท้ากระทืบลูกหมู ไก่ ราวกับโกรธแค้นอาฆาตสัตว์เหล่านี้มานับเป็นแสนๆชาติ เลื่อยยนต์ที่ปาดคอวัว เลือดไหลพุ่งเกรอะกรังไปทั่วบริเวณ

แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นอาหารจานโปรดที่พวกเราเคยทานกัน แต่เบื้องหลังคือความเจ็บปวด ทรมานอย่างแสนสาหัส โดยไร้ทางต่อสู้ หรือแม้แต่จะวิงวอนขอชีวิตก็ไม่มีเลยสักนิดเดียว

พอดูคลิปต่างๆเสร็จ พี่น้องเราแต่ละคนทำหน้าทำตา แบบคิ้วขมวดเข้าหากัน หดหู่ใจกันแบบสุดๆ

วอนล่ะครับ เทศกาลกินเจ ปีนี้ขอให้ทุกท่านถือเป็นฤกษ์งามยามดี หยุดกินเนื้อสัตว์กันตลอดไปเถอะครับ อย่าสร้างวิบากกรรมวนเวียนกันต่อไปอีกเลย...

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 13:21:51


ความคิดเห็นที่ 172 (1634712)

 น้อมกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

พระบารมีพระศรีอาริย์ที่ อาจารย์อุบลเป็นผู้อัญเชิญ

อาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด อาจารย์มงคล คุณท๊อป

ที่เมตตาผมอย่างที่สุด ขอยกไว้เหนือเกล้าเหนือเศียรครับ

และขอบพระคุณลูกบ้านสวนทุกท่านที่ส่งกำลังใจ

ให้ผมทั้งก่อนการบำบัด ขณะบำบัด หลังการบำบัด

และผู้ร่วมอนุโมทนาทุกท่าน

ขอนำบุญของผมที่ทำมาทุกภพชาติ

ทุกๆ บุญที่บ้านสวนพีระมิด

ให้ถึงแก่เทวดาประจำตัว รักษาตัวท่าน ด้วย เทอญ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 13:27:36


ความคิดเห็นที่ 173 (1634713)

กิจกรรม Workshop วันอาทิตย์นี้ก็สุดยอดมั่กกก ผมมั๊กล๊ายหลายเด้อพี่น้อง

เพราะว่าได้จำลองสถานการณ์จริงๆว่าหากเกิดภัยพิบัติแว้วว เราจะก่อไฟอย่างไร เราจะหุงข้าวอย่างไร กินอะไร หากในขณะนั้นไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

เราเริ่มได้ปัญญาขึ้นมาบ้างแล้วว่า หากถึงตอนนั้นต้นไม้หลายๆชนิดก็สามารถทานได้ เช่น ยอดใบกระท้อน ยอดมะม่วง กล้วย หยวกกล้วยนี่แหละสุดยอดสารอาหารเลย มีน้ำเยอะด้วย และอื่นๆอีกมากมาย

โอ้ ว่าไปหากเราไม่ศึกษา ไม่รู้อะไรสักอย่าง หากถึงวันนั้นอดตายแน่นอน

ที่สำคัญอีกเรื่องคือการเตรียมตัวรับมือกับภัยต่างๆ เช่น หากเจองูยักษ์ เสือ จะทำอย่างไร

หากเจอผีกระสือ ปอบ เสือสมิง จะทำอย่างไร

หากเจอแผ่นดินไหว สุนามิ จะทำอย่างไร

หากเจอโรคระบาดที่เป็นแล้วต้องตายใน 3 วันจะทำไง

สุดท้ายทุกกลุ่มก็เจอคำตอบคล้ายๆกันว่า อาจารย์อุบลช่วยด้วย คือทางออกที่รวดเร็วที่สุด ให้ผลที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่งบางกลุ่มก็ได้มีตัวอย่างการช่วยคนจริงๆกับสมาชิกในกลุ่มเพื่อแสดงให้เห็นว่า ใช้ได้ผลจริงหรือไม่

เช่น กลุ่มน้องมะเหมี่ยว ลองใช้รหัสจักรวาล และขอบารมีพระศรีอาริย์ ทำน้ำพระพุทธมนต์รักษาโรคระบาด โดยทดลองใช้กับอาการเจ็บป่วยที่ขาของน้องมะเหมี่ยวแล้วเห็นผลชัดเจน คือดีขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจ จึงทำให้แต่ละทีมซึ่งได้ลองใช้จริงๆ จึงเกิดความมั่นใจว่าหากมีภัยมาจริงๆพวกเราใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย จี้องค์เทพสฟิงซ์ หรือ อัญเชิญบารมีพระศรีอาริย์มา ช่วยได้แน่นอนที่ซู๊ดดด

จำไว้ว่า บุญเป็นที่พึ่งที่สำคัญที่สุดนะครับ เพราะไม่ว่าอยู่ในที่ใดก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา อย่าคาดหวังว่าพวกเราจะต้องหนีไปอยู่ที่ปลอดภัยที่เราวางแผนไว้ได้ทัน ซึ่งไม่แน่เสมอไป

เพราะผมได้มีโอกาสคุยกับป้าอุ๊เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งป้าอุ๊ก็ได้เผยความลับสำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และป้าอุ๊บอกว่านี่คือการเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า

"อาจมีลูกศิษย์ก้นกุฏิของบ้านสวน จะไม่ได้มาอยู่ที่บ้านสวนฯ"

ว้าววว นี่คือการเปิดเผยครั้งแรกเลยก็ว่าได้

ซึ่งผมก็ได้เรียนตอบป้าอุ๊ไปว่า "ก็เป็นเรื่องปกตินะ เพราะพวกเราทุกคนมาทำบุญไม่ได้คาดหวังอะไร หรือคิดว่าต้องได้มาอยู่ที่บ้านสวนฯหากเกิดภัยอะไร ไม่เคยคิดหวังแบบนั้นเลย"

อ๊ะๆๆ ผมเองก็สงสัยไม่น้อยกับความลับสุดยอดนี้ ก็เลยมีโอกาสเรียนถามเรื่องนี้กับท่านอาจารย์อุบลโดยตรงเลย เพราะตนเองไร้ความสามารถ ไม่สามารถติดต่อกับสมเด็จพ่อฯได้เหมือนป้าอุ๊

ก็เลยขอความเมตตาจากท่านอาจารย์อุบล เพราะท่านสามารถติดต่อกับสมเด็จองค์พระปฐม และทุกๆพระองค์ได้ จนได้คำตอบที่ชัดเจนจากท่านอาจารย์อุบล

น๊านแน่!!! อยากรู้อะดิว่าคำตอบคืออะไร 555 รู้แล้วจะหนาววววว แจ่มแจ้ง ชัดเจนที่ซู๊ดดดด

แต่โทษทีครับ คำตอบนี้มีไว้สำหรับลูกบ้านตัวจริง เสียงจริงทุกๆคนเท่านั้น หรือที่เรียกว่า "ลูกศิษย์ก้นหม้อ"บ้านสวนฯ ซึ่งมีมากมายเจงๆ

แล้วท่านล่ะคาดหวังไว้หรือไม่ว่าท่านมาทำบุญกับบ้านสวนฯอย่างทุ่มเทแล้ว วันเกิดภัยใหญ่ท่านจะต้องมาอยู่ที่บ้านสวนฯ หรือว่าท่านวางแผนจะไปหลบภัยที่ไหนก๊าบบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 13:45:20


ความคิดเห็นที่ 174 (1634716)

                                ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

******************

แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าในจี้ จะต้องมีพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ที่เต็มเปี่ยมอยู่อย่างแน่นอนครับ นั่นหมายถึงว่า พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และเทพพรหมเทวา ทุกๆพระองค์ทั่วจักรวาลต้องส่งพลังมาในจี้นี้แน่ ครับ และอีกอย่างนึงครับ คือผู้ใช้จี้จะต้องมีศรัทธาเกินร้อย และต้องมีศีลมีธรรมด้วยครับ จึงจะเกิดผลอย่างนี้ครับ ขออนุโมทนาบุญกับพี่จิ๋มและพี่อมรด้วยครับ สาธุครับพี่

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 13:59:06


ความคิดเห็นที่ 175 (1634717)

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้

ก็อัศจรรย์พออยู่แล้ว

แต่นี่

หายได้ ในพริบตา

ใครรู้ช่วยบอกที หรือ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร

ช่วยวิเคราะห์ได้ ผิดถูกไม่เป็นไร

ถือว่า ทำ Workshop

กลุ่มเดียวกับ อ.อุบล ทางเวปซ์

ได้อ่านธรรมทานแล้วพลอยรู้สึกตื่นเต้นและยินดี

กับ ดร.จิ๋มด้วยจริงๆค่ะ

โห!!!!

พลังอานุภาพ จี้ รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี

ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีกแล้ววว

ท่านอาจารย์เจ้าขา รุ่นเดิมยังไม่หายตื่นเต้นเลยค่ะ 

ตอนนี้ท่านประทานรุ่นใหม่มาให้ ฮู้!!! หายใจ หายคอ

แทบไม่ทันเลยค่ะ

อรคิดว่าน่าจะเป็น ความรักความเมตตามาก่อนอันดับแรก

ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข เมตตาในทุกสรรพสัตว์ ทุกที่่ทุกเวลา

อันดับที่สองคือ พลังอานุภาพ ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

กับพระศรีอาริย์คือสมบัติแก้วจักพรรดิ ท่านกําลังนํา

สมบัติแก้วที่มีความหมายต่างๆกัน ออกมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อลูกหลาน อย่างดร. จิ๋ม น่าจะเป็

ขุนพลแก้ว

 ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีคุณสมบัติจะอยู่รอดในยุคพระองค์ท่าน

ขณะเดียวกันท่านกําลังฝึกลูกหลาน บริวารที่พร้อม

เป็นผู้นํา ที่เฉลียวฉลาด และก็จะมีรูปงาม สวย หล่อกันทุกคน

แม้แต่ความพิการ พระองค์ท่านยังแสดงให้หายได้อย่าง

มหัศจรรย์

อันดับที่สาม คือ ความศรัทธาเชื่อมั่น ที่มีต่อพระศรีอาริย์

สิ่งศักสิทธิ์ทั้งมหาจักรวาล

และ

พลังบุญ กุศล ที่สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อลูกหลานทุกคนร่วมปกป้องทั้ง3ร่มโพธิ์ศรี

ท่านจึงทรงโปรดเมตตาคุ้มครองดูแลยิ่งกว่า

พระองค์ท่านให้ลูกหลานยิ่งกว่าที่ท่านได้รับ

มากมายนัก

กราบ กราบ กราบ

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:00:15


ความคิดเห็นที่ 176 (1634719)

ขอเบรคก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อ

รับรองว่า การบำบัดที่ อ.อุบล

มอบให้ในคืนนี้น่ะ

แซ๊บ.บ.บบ. แซบ

แซบกว่า น้ำจิ้มซีฟู๊ดซะอีก

  

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 12:42:31

 

 

คุณแมวเหมียว

เมื่อกี้นี้ ไปดูลุงเบิ้มทำงานมา

วางเสาไฟไปด้านหลังกะน้องบูม

ส่วกลุ่มลุงบุญก็งานก่อสร้างต่อ

 

ตอนจอดรถก๊อล์ฟ

เห็นลูกแมวตัวน้อยๆน่าเอ็นดูเชียว

แอบมองเรา กลัวๆ กล้าๆ

แม่เค้าเลยมาเคลียคลอขาเราให้ลูกเค้าดู

ว่า ไม่ต้องกลัวนะลูก คนนี้แหละที่เลี้ยงดูเราฯลฯ

นั่งมองหน้าตา เหมือนแบ๊งค์จูเนียร์เลยอ่ะ

*************

 

เห็นแมว

แล้วก็นึกถึงคุณแมว

ทีแรกเขาขู่ แต่พอคุณแมวอุ้มเขา

ก็หลับคาไหล่เลย

 

สัปดาห์นี้

คุณแมวไม่รู้เป็นไร

เดินไปไหนก็ร้องเพลงคนเดียว

จนต้องถามว่า

คุณแมว มีความสุข จริงนะ

 

ค่ะ อาจารย์

ยิ่งนับวัน ยิ่งมีแต่เรื่อง

ที่ทำให้แมว อัศจรรย์ และดีใจ

กับคนที่เขาหาย เพราะเคสมันหนักขึ้น

 

อย่างคุณแบม

ที่มาจาก USA. เค้าร้องไห้โฮ

ตั้งแต่ตอนที่แมวคุยกับเขา

ทางโทรศัพท์แล้วค่ะ

ว่าเขาต้องขอล่วงหน้า 3- 7 วัน

เขาร้องไห้โฮ ดังมากเลยค่ะ

เขาบอกว่า

เขาจะกลับเมกาวันเสาร์กลางคืน

ขอเถอะนะ อีก 5 ปี กว่าจะได้กลับมา

ขอไปทำบุญ ไปกราบ อ.อุบล

นิดเดียวก็ได้ ฯลฯ

ประมาณนี้ที่คุณแมวเล่า

 

ตอนนั้น

คุณแมวก็ไม่รู้ว่าเขาเป็น

โรคอะไร ด้วยซ้ำ

 

จนวันเสาร์ตอนเข้าบ้านสวน

อ.กำลัง ขับรถก๊อล์ฟ คุณหมอแป้น

เดินมาสวัสดี พูดคุยด้วย

คุณแบมเดินผ่านพอดี กำลังมุ่งหน้า

เข้าไปลงทะเบียน

 

แกเหลือบมาเห็น

วิ่งปรี่เข้ามา ก้มกราบที่ตัก

แล้วก็ร้องไห้โฮเสียงดัง

 

ตอนคุณแมวเล่า

ยังนึกภาพไม่ออกว่าแกร้องโฮ

เป็นยังไง แต่วันนั้น เข้าใจแล้ว

แกก้มหน้าร้องไห้

อยู่นาน

จนต้องบอกให้ลุกขึ้น

ไปลงทะเบียนเถอะ แล้วแกบอกว่า

หนูอยู่ได้ไม่นานค่ะ อ.

หนูต้องบินคืนนี้ 5 ทุ่มค่ะ

 

ก็เลยบอกแก

บริหารเวลา แล้วจะกลับ

รถอะไร ต้องเช๊คอิน ล่วงหน้า

3 ชั่วโมงนะจ๊ะ เดี๋ยวตกเครื่อง

(เพราะ เพื่อน อ.อุบล

ซึ่งเป็นคนหวานเย็น ตกเครื่องประจำ)

 

บางครั้งเราไปกับเขา

ทำให้เราต้องตกเครื่องไปด้วย

เพราะความใจเย็นของแก

 

ช่วงทานอาหารกลางวัน

อ.อุบล ได้นำเอกสารการทำ

Workshop

ไปให้คุณธนา คุณแบมก็เลย

เปิดแขนให้ดูว่า

หนูมีปัญหาค่ะอาจารย์

 

เราก็ได้แต่ดู แต่ต้องรีบไป

ทำงานเตรียมกิจกรรมไว้ให้วันอาทิตย์ต่อ

เลยไม่ได้คุยถามว่าเป็นโรคอะไร

เห็นแต่ว่า แขนแก เป็นวงใหญ่มาก

เหมือนหัวเข่าคุณเจี๊ยบ

แต่ขอบแดง ตรงกลาง ผิวหนังหนา

ขรุขระ แห้ง ขนาดวงใหญ่

เท่ากับแผลหัวเข่าคุณเจี๊ยบเห็นจะได้

 

ก็ได้แต่บอกว่าให้ไปเข้ากลุ่ม

กิจกรรมกับเขา บอกคุณธนาว่า

ถ่ายรูปแขนเขาไว้หน่อยซี

แล้วก็เดินกลับ

ไม่ทราบว่าใครถ่ายรูปไว้หรือไม่

 

มาทราบอีกที

ว่ากลุ่มผู้มีปัญหาผิวพรรณ

ได้ผลทันตากันทุกคน

หนึ่งในนั้น มีคุณแบมอยู่ด้วย

แต่ตอนรายงาน

คุณแบมกลับไปก่อนแล้ว

ได้แต่ฟังรายงานจากหัวหน้ากลุ่ม

และเสียงวิพากวิจารณ์

ของคนที่เห็นเหตุการณ์ที่ร่วมกลุ่ม

และไม่ได้ร่วมกลุ่ม แต่ได้เจอคุณแบม

 

ตอน อ.เจอเขา

เขาใส่เสื้อแขนยาว ปกปิดไว้

ส่วนหน้า ไม่ได้สังเกต

เพราะพอเจอแกๆก็ร้องไห้ก้มหน้า

ฟุบกับตัก อ.อุบล อีก

 

ตอนคุยช่วงทานข้าว

ก็ไม่ได้มองอีก เพราะมัวแต่

จะบอกเรื่องงานกับคุณธนา

แกเปิดแขนให้ดู

ก็ดูแต่แขนไม่ได้มองหน้า

 

แต่มารู้อีกทีว่า

ที่ไหนได้ แกเป็นสะเก็ดเงินทั้งตัว

แค่เห็นแขนก็หนักแล้ว

แต่นี่ทั้งตัวเลยหรือนี่

แล้วที่สำคัญ

 

คำสอนของพระพุทธเจ้า

เป็นจริงที่สุด ไม่มีข้อสงสัย

ท่านถึงบอกว่า

ไม่ให้สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า

ให้เชื่อแล้วทำตามจะเห็นผล

 

กรรมผิวพรรณ

ท่านให้แก้ไขด้วยการ

1.บริจาคเสื้อผ้าอาภรณ์

2.ถวายผ้าไตรจีวรให้พระ

3.ทำบุญด้วยสิ่งที่ทำความสะอาด

เช่นไม้กวาด ไม้ถูพื้น น้ำยา ผงซักฟอก

ฯลฯ

4.ทำความสะอาดห้องน้ำ เขตบุญ

จัดตกแต่งให้สวยงาม เก็บกวาด เช็ดถู

อย่าให้สกปรก รก รำคาญตา

 

5.เลิกโกรธ แค้น อิจฉา ริษยา

ด่า พูด เขียน คิด คำหยาบคาย ไร้สาระ

หรือ ทำอภัยทานนั่นเอง

 

สิ่งที่พวกเราทำกิจกรรม

อันนี้แค่ทำตามคำสอนของพระองค์

เพียงเรื่องเดียว ทำนิดเดียว

ในเวลาอันสั้น ยังหาย เห็นผลทันทีขนาดนี้

แล้วถ้าพวกเรา ต่างคนตั้งใจทำ

ทำทุกเวลานาที ทำทุกที่

ไม่ใช่แต่ในบ้านสวน เราจะผิวพรรณดี

หายจากปัญหากันได้ขนาดไหน

 

แล้วยิ่งถ้าทำทุกอย่าง

ที่ท่านบอก จะหาย จะผิวสวย

กันขนาดไหน อันนี้ ลองคิดดูนะจ๊ะ

 

กลุ่ม 1 กรรมผิวพรรณ

เขาจับเวลา การหาย หรือได้ผล

ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังทำงาน

คุณแบม

สะเก็ดเงินที่หน้ารอบตีนผม

หายเกลี้ยงหมด 100 %

ส่วนตามตัว หาย 90%

 

อันนี้แค่ตัวอย่างเดียว

คนเดียว ที่โรคหนักกว่าเพื่อน

รู้สึกว่าโรคนี้ คุณหมอศิริพร

เคยถาม อ.อุบล ว่า

โรคสะเก็ดเงิน อ.รักษาได้ไหม

มีเพื่อนเป็นนักการเมือง

หมอทำสารพัดวิธีแล้ว ไม่หาย

 

ดังนั้น

เรื่องคุณแบม

คงยืนยันหลักคำสอน

ของพระพุทธเจ้าว่า ล้ำหน้า

กว่าวงการแพทย์แน่แท้

พิสูจน์ได้

 

อันที่จริง

ก็พิสูจน์กันมาตั้งนานแล้ว

ในบ้านสวนฯ

 

เพียงแต่แพทย์

อาจจะยังไม่สนใจนำเอา

หลักธรรมคำสอนนี้

ไปใช้ร่วมกับการรักษาคนไข้

 

หมอคนไหนทำ

หมอคนนั้นจะร่ำรวยและ

โด่งดังมีชื่อเสียง เป็นที่เชื่อถือ

ของคนไข้อย่างยิ่ง

 

อ.อุบล

บ้านสวนพีระมิด

ไม่ได้มุ่งรักษาโรคให้ใคร

จึงไม่เปิดเสรี ให้คนเข้ามา

แต่

ต้องการแสดงกฏของกรรม

ให้เห็นเป็นตัวอย่างชัดเจนเท่านั้น

 

คนที่ได้เข้ามาและมาหาย

ก็คือคนที่ อาสามาทำหน้าที่

ร่วมแสดงกฏของกรรม

กับ อ.อุบล เท่านั้น

 

ส่วนคนที่ไม่ได้มา

ก็สุดแล้วแต่ว่า ดูแล้ว เห็นแล้ว

รู้แล้ว จะเชื่อ ไม่เชื่อ

ก็ไม่เป็นไร

 

หน้าที่ อ.อุบล และพวกเรา

คือบอก

 

แต่เรื่องการจะ

หมดกรรมหรือไม่ พ้นทุกข์หรือไม่

ไม่ได้อยู่ที่ อ.อุบล

แต่

มันอยู่ที่ บุญ และ บาป

ของแต่ละคน

ที่ทำกับ

เจ้ากรรมนายเวร

เขาหายแค้นหรือไม่

ยอมปล่อยหรือไม่

 

ถ้าเขาให้โอกาส

คนนั้นก็จะมีจิตคิดสำนึกขึ้นมาเอง

ที่เรียกว่า เทวดาดลใจ

 

แต่ถ้า

ซาตานดลใจ

ก็คงมีใจต่อต้านกฏแห่งกรรม

นั่นก็คือ เขาต้องแค้นมาก

เขาไม่เปิดโอกาสให้หาย ให้พ้นทุกข์

เขาก็จะดลจิต ดลใจ

ให้ทำแต่บาปมากขึ้น ตรงไหนที่จะทำให้

ได้รับผลกรรมหนักๆ เขาก็จะ

ดลจิตใจให้ไปทำกรรมตรงนั้น

เพื่อเวลาใช้กรรม

จะได้สาสมกับความแค้น

 

กรณีคุณแบม

มันคงฝังใจคุณแมว

เพราะเป็นคนเจอคุณแบม

ร้องไห้โฮทั้งทางโทรศัพท์และตอน

เขาเจอ อ.อุบล แล้วก็คง

อิ่มอก อิ่มใจ

ที่เขาหายจากสะเก็ดเงิน

 

คุณแมวดูมีความสุขมาก

จนออกอาการ เรียกว่า เก็บอาการไม่อยู่

พึ่งรู้ว่า เรื่องคุณแบมนี่เอง

 

แต่ตอนวันอาทิตย์

คุณแมวบอก มีความสุขมาก

ที่อาทิตย์นี้ คนที่ร่วมกิจกรรม

ประสบความสำเร็จทุกกลุ่ม

และเคสที่เป็นหนักๆ

หายทันที

 

และที่สำคัญ

ที่ทำให้คุณแมวหน้าบาน

บอก ไม่น่าเชื่อว่า

ข้าวต้ม ที่แมวทำ เยอะมาก

หมดเกลี้ยง เลยค่ะ

 

5555

 

ทั้งหายป่วย ทั้งอิ่มอร่อย

ทั้งเปรมปรีย์ กับสวนสวย ลานธรรม

ทั้งได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกัน

หายป่วย มีปัญญา

ดวงตาเห็นธรรม

 

แสดงว่า

พวกเราเดินทางกันมา

ได้ไกลพอควรแล้ว

พวกเรามีจิตหลุดพ้นกันได้แล้ว

จริงๆ อนุโมทนา

และ

รู้แล้วว่า ทำไม คุณแมว

เดินร้องเพลงคนเดียว

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:07:23


ความคิดเห็นที่ 177 (1634721)

 

 

 

พวกเรา

มาช่วยกันคิด ช่วยกันวิเคราะห์

กันหน่อยซี ว่าทำไม

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงการสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

 

ในจี้นี้

มีสิ่งใด อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลัง อาณุภาพ

จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

********

  ขอตอบ.........ค่ะ!   จี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี นี้มีบารมีของสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดและบารมี

ของพระศรีอาริย์ฯและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาลและอนันตจักรวาลตลอด

จนความเมตตาจากเบื้องบน  เทวดาที่ดูแล รักษา อ.อุบลฯและ ท่านอ.อุบลฯที่

ทุกท่านประทานความเมตตามาให้ลูกหลานที่มีความทุกข์ให้ได้รับความสุขจากอานุภาพ  จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี  ได้อย่างชัดเจน จริงๆค่!

 

                                ลูกขอกราบพระคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่เมตตาให้ลูกได้รับอานิสงส์อย่างแท้จริง หลังจากการที่ได้บูชาจี้3 ร่มโพธิ์ศรีมาแขวนไว้ 3องค์   ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นคนที่เดินได้ค่อนค่างช้ากว่าปกติ เป็นสิ่งที่น่ารำคาญ ว่าทำไมเราเดินไม่ทันเขาเลย แล้วถ้ายิ่งรีบเดินก็จะทำให้เจ็บต้นขา ซึ่งอาการนี้เป็นมาประมาณเกือบ10ปี แต่เดี๋ยวนี้เดินได้เร็วขึ้นมากจนเป็นที่น่าอัศจรรย์มากเลยค่ะ!   ลูกขอกราบขอบพระคุณอานุภาพและบารมีของจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี อย่างสูงค่ะ/                         กราบ  กราบ  กราบ  

                                ************

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:10:07


ความคิดเห็นที่ 178 (1634722)

จำไว้ว่า บุญเป็นที่พึ่งที่สำคัญที่สุดนะครับ เพราะไม่ว่าอยู่ในที่ใดก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา อย่าคาดหวังว่าพวกเราจะต้องหนีไปอยู่ที่ปลอดภัยที่เราวางแผนไว้ได้ทัน ซึ่งไม่แน่เสมอไป.....

ถูก ถูก ต้องแล้ว คร๊าบ 

บุญ คือสิ่งที่อย่ามองข้าม เป็นอันขาด ครูบาอาจารย์ทุกท่าน

สอนให้เร่งทำบุญ เพื่อคว่มแคล้วคลาดปลอดภัยจะภัยทั้งปวง

สิ่งที่ต้องวางแผนในชีวิตปัจจุบัน คือ แผนการทำบุญดีกว่า

ที่จะวิ่งหา ที่อยู่ที่ปลอดภัย..ไม่รู้ว่าจะวิ่งได้ทัน กาล เวลา

และไม่รู้ว่า ภัยจะเกิดขึ้นเมื่อใด....

ฉะนั้น ขอกำลังบุญ   คุ้มกะลาหัวดีก่า...เน๊อะ  น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

บุญ จะพาเราไป ในที่ ที่ปลอดภัย จำไว้ อ.อุบล กล่าวเตือนเสมอ

อย่า !!!! ห่างบุญกันนะลูกก.ก.ก 

****************************************

 

 ผมได้มีโอกาสคุยกับป้าอุ๊เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งป้าอุ๊ก็ได้เผยความลับสำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และป้าอุ๊บอกว่านี่คือการเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า

"อาจมีลูกศิษย์ก้นกุฏิของบ้านสวน จะไม่ได้มาอยู่ที่บ้านสวนฯ"

ว้าย.ย.ย.ย อยากจะร้องดัง ๆ ว่า  ม่ายช่าย....

หากป้าอุ๊ พูดอย่างงี้ ก็แสดงว่า ป้าอุ๊คิด

ว่า สิ่งที่ลูก ๆ บ้านสวนฯ เข้ามาประจำ ๆ นั้น เข้ามาเพื่อ

ต้องการหาที่ปลอดภัย ยามเกิดภัยพิบัติ 

ตอบได้เลยว่า ป้าอุ๊คิดผิด..ถึงแม้ว่า ป้าจะบอกว่า ป้าอุ๊สื่อได้

ก็ย้ำว่า ป้าสื่อผิด...

ลูก ๆ บ้านสวนฯ ที่ได้เข้าไปร่วมรับความอนุเคราะห์จาก อ.อุบล

สิ่งที่พวกเราได้รับนั้น มากมาย พวกเราเห็นถึงสิ่งที่พวกเราได้

รับ และต้องการตอบแทนบุญคุณท่านเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามกำลัง

ของแต่ละคน...เรียกว่า หัวจิต หัวใจ มันเกิน มันเลย ไปถึงไหน

เรา อยากเป็นผู้ให้ มากกว้าผู้รับ ถึงเวลา อ.อุบล สอนเสมอว่า

บุญ จะพาเราไปในที่ ที่ปลอดภัยเสมอ อย่าเป็นห่วง ให้เรา

เตรียมใจ ฝึกจิตใหพร้อม ให้สมบูรณ์  อย่าไหว หวั่น

กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด...

จะว่าไปต้องกราบเท้าขอบพระคุณ อ.อุบลอีกร้อยครั้งพันครั้งค่ะ

จากภัยพิบัติ เมื่อปีที่แล้ว พวกเราลูกบ้านสวนฯ ศิษย์ก้นกุฎิ

วัดผลบุญ อย่างเป็นรูปกระทำ...พวกเราไม่มีใครประสบภัย

น้ำท่วมบ้านกันเลย แม้แต่คนเดียว..จิง จิ๊ง สิบอกให้...

และถึงหากไม่เป็น ก้นกุฎิ หากบ้านใดที่มีวัตถุมงคล

ของบ้านสวนพิรามิด จะเห็นผลถึงคำว่า  ปลอดภัย ทุกคน

อยุธยา น้ำท่วมสูงทั้งเมือง แต่บ้านที่มีพิรามิดจำลอง

ของบ้านสวนพิรามิด น้ำเข้าบ้านแค่ ตาตุ่ม 555++

พอน้ำลด ออกจากบ้านได้ เอาเครื่องสีข้าวมาให้ อ.อุบล

เพื่อเป็นการขอบคุณ...อุ๊ย หนังตื่นอ่ะคะ

แต่เอ้...หากศิษย์ก้นกุฎิ ไม่ได้มา แล้วใครจะได้มาเน๊อะ

เพราะได้ยินป้าอุ๊ บอกกับ อ.อุบล ของพวกเราว่า

พวกที่ทำเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติ เค้ามีการสร้าง บังเกอร์คอย

กันไว้แล้ว แต่อุ๊ยังไม่มีค่ะ ตอนนี้ อุ๊รู้แล้วว่า

อุ๊จะไปไหน อุ๊จะมาที่บ้านสวนพิรามิดค่ะอาจารย์ 555++

คำบอกกล่าวของป้าอุ๊ที่ มอบไว้กับคุณธนา มีนัยยะ

อะไรหรือเปล่าเนี่ย...น่าคิด...อ้าว พวกเรา คิด ๆ กันหน่อยเร๊ว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:16:24


ความคิดเห็นที่ 179 (1634726)

เพราะผมได้มีโอกาสคุยกับป้าอุ๊เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งป้าอุ๊ก็ได้เผยความลับสำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และป้าอุ๊บอกว่านี่คือการเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า

"อาจมีลูกศิษย์ก้นกุฏิของบ้านสวน จะไม่ได้มาอยู่ที่บ้านสวนฯ"

ว้าววว นี่คือการเปิดเผยครั้งแรกเลยก็ว่าได้

อ๊ะๆๆ ผมเองก็สงสัยไม่น้อยกับความลับสุดยอดนี้ ก็เลยมีโอกาสเรียนถามเรื่องนี้กับท่านอาจารย์อุบลโดยตรงเลย เพราะตนเองไร้ความสามารถ ไม่สามารถติดต่อกับสมเด็จพ่อฯได้เหมือนป้าอุ๊

ก็เลยขอความเมตตาจากท่านอาจารย์อุบล เพราะท่านสามารถติดต่อกับสมเด็จองค์พระปฐม และทุกๆพระองค์ได้ จนได้คำตอบที่ชัดเจนจากท่านอาจารย์อุบล

น๊านแน่!!! อยากรู้อะดิว่าคำตอบคืออะไร 555 รู้แล้วจะหนาววววว แจ่มแจ้ง ชัดเจนที่ซู๊ดดดด

แต่โทษทีครับ คำตอบนี้มีไว้สำหรับลูกบ้านตัวจริง เสียงจริงทุกๆคนเท่านั้น หรือที่เรียกว่า "ลูกศิษย์ก้นหม้อ"บ้านสวนฯ ซึ่งมีมากมายเจงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 13:45:20

 

 

ป้าอุ๊คนสวย

ได้คุยกับ อ.อุบล ว่า

ป้าอุ๊ทำเรื่องเตือนภัยพิบัติ

พักพวกป้าอุ๊ เขาต่างมีบังเกอร์

เตรียมที่กันไว้แล้ว

ปีที่แล้วน้ำท่วม บ้านป้าอุ๊ก็ท่วมถึงอก

ป้าอุ๊ยังไม่รู้เลยว่า

จะไปอยู่ที่ไหน ดี ที่จะปลอดภัย

แต่วันนี้

ป้าอุ๊รู้แล้วว่า สถานที่ ที่ป้าอุ๊จะไปพักพิง

คือบ้านสวนพีระมิด นี่เอง

 

ที่นี่เต็มไปด้วย

พลังรัก พลังความศรัทธา

คำนี้ ป้าอุ๊พูดตอนบำบัดแขน

ซึ่งป้าอุ๊ปวดแขน บำบัดแล้วหาย

วันนั้น พวกเรา คงเห็น

คงได้ยินกันนะจ๊ะ

 

มิน่าพ่อใหญ่ธนา

เขียนถามไว้ เพราะพ่อใหญ่

ก็ได้รู้ว่า ป้าอุ๊จะมาขอพักพิงหลบภัย

ที่บ้านสวนพีระมิด

จึงถามมาว่า การที่ใครจะมาพักพิง

อ.อุบล จะคัดเลือกยังไง

ถามประมาณนี้ใช่ไหม

ไม่รู้อยู่กระทู้ไหน ช่วยก๊อปมาทีนะ

 

ป้าอุ๊

เป็นผู้มาใหม่

มาครั้งแรก ก็มาช่วยทำให้

พวกเราลูกบ้านสวน

ได้ปัญญากันมากมาย

ต้องขอบคุณป้าอุ๊ คนสวย

หน้าอ่อนกว่าวัย

ที่มาทำให้ลูกบ้านสวน

เกิดปัญญา และ บำเพ็ญบารมี

ได้รวดเร็ว รวบรัด ยิ่งๆขึ้น

ด้วยแรงกระตุ้น

จากป้าอุ๊

จ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:33:29


ความคิดเห็นที่ 180 (1634727)

ปีที่แล้ว 54

ตอนน้ำท่วม กทม.

อ.อุบล ต้องประกาศทางเวปไซด์

ว่าให้ลูกบ้านสวนที่อยู่ กทม.

รีบออกจาก กทม.

ด่วน

เดี๋ยวนี้ แล้วมาที่บ้านสวน

ไม่ต้องห่วงสมบัติ ให้เอาแต่ชีวิตมา

 

พวกเรามารวมกันอยู่ที่นี่

พาไปดูงานวัด

คลายเครียด พาไปประกวดร้องเพลง

 

แต่สำหรับปีนี้ 55

และปีต่อๆไป พวกเราได้บอกกัน

ไว้แล้ว สำหรับลูกบ้านสวนฯ

ตัวจริง เสียงจริง

พูดจริง ทำจริง

ร่วมทุกข์ ร่วมสุข

กันมาจริง

 

เราจะงดประกาศ

ทางเวปไซด์

 

ซึ่งเราจะมีวิธีการสื่อสารกัน

ช่วยเหลือกัน อีกทางหนึ่ง

ซึ่งจะรับรู้ได้เฉพาะ

ตัวจริงเท่านั้น

ซึ่ง

เราจะมีรหัสสัญญาณ

ในการสื่อสาร

มิใช่นกพิราบหรอกน้า

 

เราไม่ใช้เวปไซด์แน่นอน

แต่ละคน จะได้รับรหัสนี้

จาก อ.อุบล โดยตรงจ้า

และ

เป็นรหัสลับในการที่จะ

นำพาแต่ละคน

ไปที่ปลอดภัย อุดมสมบูรณ์

สะดวกสบายด้วย

อานิสงส์แห่งบุญที่ทำด้วย

กำลังใจเต็ม

 

และ

จะบอกวิธีพิสูจน์

ว่ารหัสที่ได้นั้น จริงหรือปลอม

คนฟังสามารถพิสูจน์ได้

ไม่ต้องถามใคร

จ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:44:15


ความคิดเห็นที่ 181 (1634729)

ความเห็นที่ 119

การยื้อแย่งที่หลบภัย

แต่สถานที่ปลอดภัยนั้น อันนี้ลำบากใจหน่อยครับ เพราะหลายๆท่านยังไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหนจะปลอดภัยสำหรับตนเอง

สำหรับผมเองก็ได้มีโอกาสคุยกับป้าอุ๊คนงามขณะนั่งรถไปบ้านสวนด้วยกัน ป้าอุ๊บอกว่า ป้าอุ๊เองซึ่งเป็นแอดมินเวปเกี่ยวกับภัยพิบัติและเวปธรรมะ3แห่ง ก็ยังไม่มีสถานที่ที่จะไปเลยหากเกิดภัยพิบัติขึ้นมา เมื่อมีคนถามเรื่องที่หลบภัย ป้าอุ๊ก็จะบอกว่า ยังไม่มีเลย

จนป้าอุ๊ได้มาร่วมกิจกรรมของบ้านสวนฯและได้เห็นปรากฏการณ์ต่างๆภายในบ้านสวนฯ บังเอิญผมก็ได้ยินป้าอุ๊คนงามได้คุยกับท่านอาจารย์อุบลว่า

"ก่อนหน้านี้ใครถามเรื่องที่หลบภัย ป้าอุ๊ก็บอกว่าไม่มี ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า ที่ที่ป้าอุ๊จะมาอยู่ก็คือ บ้านสวนพีระมิด"

โอ้ววว...แหมทุกๆคนที่มาบ้านสวนพีระมิด ต่างก็มั่นใจว่าบ้านสวนพีระมิดนี่แหละคือที่ปลอดภัยสุดๆล้านเปอร์เซ็นต์ แม้แต่ป้าอุ๊คนงามซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเตือนภัยพิบัติยังอยากมาอยู่เลย

โอ้วว อย่างนี้วันเกิดภัยพิบัติ คนที่อยากมาบ้านสวนเพื่อหลบภัยนี่ ใครๆอยากมาก็ได้หรือเปล่าครับเนี่ยย ???

ขนาดป้าอุ๊คนงามเพิ่งมาครั้งแรกผมก็สงสัยว่า ทำงานด้านเตือนภัยพิบัติมาตั้งนานยังไม่มีที่หลบภัยเลย แต่มาบ้านสวนฯครั้งแรกทำไมอยากเลือกมาหลบภัยพิบัติที่บ้านสวน ???

บ้านสวนพีระมิดนี่ สมแล้วครับเป็นแดนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พรหมเทพเทวา ใครๆที่ได้มาต่างก็รู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย แต่ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ใครล่ะ ที่จะได้มาอยู่ในวันเกิดภัยพิบัติ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:43:10

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:46:29


ความคิดเห็นที่ 182 (1634730)

  ผมได้มีโอกาสคุยกับป้าอุ๊เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งป้าอุ๊ก็ได้เผยความลับสำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และป้าอุ๊บอกว่านี่คือการเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า

"อาจมีลูกศิษย์ก้นกุฏิของบ้านสวน จะไม่ได้มาอยู่ที่บ้านสวนฯ"

     ถ้าใครได้ยินประโยคนี้ แล้วคิดว่าตัวเองมาสร้างบุญเพียงต้องการที่หลบภัย แสดงว่า เป็นการสร้างบุญ ที่เจือด้วยกิเลส ผมเชื่อว่าหลายๆ คนไม่มีใครคิดแบบนี้แน่ๆ ผมยังคิดเลยว่า ถ้าวันนั้น เกิดไม่ได้มาบ้านสวนพอดี หรือไปอยู่ที่อื่น เราก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ ด้วยวัตถุมงคลบ้านสวน นำความรู้จากกิจกรรม workshopไปช่วยเหลือตนเองและคนรอบข้างได้ 

     เหตุการณ์น้ำท่วมปีที่แล้ว ยังจำได้ดีเลยครับ ที่ท่านอาจารย์อุบลเมตตาให้พวกเรา ที่อยู่ใน กรุงเทพฯ มาหลบภัยชั่วคราว ด้วยความรัก ความเป็นห่วงจริงๆ

     สภาพจิตใจตอนนั้นแต่ละคน ก็กังวล ไม่สบายใจ ท่านก็คงเห็นเลยพาพวกเราไปเที่ยว งานวัด หลังจากเหตุการณ์เริ่มเบาบางลงบ้างพวกเราก็กลับมาบ้านเหมือนเดิมเพราะ ถ้าอยู่นานๆ จะยิ่งเพิ่มภาระให้อาจารย์ของเรา ถ้าใครคิดว่าที่มาทำบุญเพียงเพราะต้องการที่หลบภัยพิบัติ ผมว่าคิดผิดแล้วครับ เรามาสร้างบุญ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้น บุญก็ต้องส่งผลแน่นอน

     ปีที่แล้ว ซอยข้างๆ บ้านผมน้ำท่วมหมด แต่ซอยบ้านผม น้ำำแห้ง ไม่มีน้ำเลย คิดว่าน่าจะเป็นเพราะบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์อุบล ผลบุญที่พวกเรามาทำไว้ ทำให้พวกเราส่วนใหญ่ ได้รับผลกระทบน้อย หรือไม่ได้รับผลกระทบเลย ต้องกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ พอจะลากลับ กทม.กันก็กอดลากัน ยังจำได้อยู่เลยครับ 

     ตอนนี้ทำได้ดีที่สุดก็คือสร้างบุญอย่างเดียวให้เต็มที่ครับ คิดว่า บุญก็ต้องติดตามเราไปแน่นอน 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 14:51:23


ความคิดเห็นที่ 183 (1634731)

แต่สำหรับปีนี้ 55

และปีต่อๆไป พวกเราได้บอกกัน

ไว้แล้ว สำหรับลูกบ้านสวนฯ

ตัวจริง เสียงจริง

พูดจริง ทำจริง

ร่วมทุกข์ ร่วมสุข

กันมาจริง

 

เราจะงดประกาศ

ทางเวปไซด์

 

ซึ่งเราจะมีวิธีการสื่อสารกัน

ช่วยเหลือกัน อีกทางหนึ่ง

ซึ่งจะรับรู้ได้เฉพาะ

ตัวจริงเท่านั้น

-------------------

เอื๊อก.ก.ก.

อ่านแล้วมันจุกที่คอหอยค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะอาจารย์

อ่านปุ๊บ...ต้องสำรวจตัวเองปั๊บ

ว่าเรา

ตัวจริง  เสียงจริง

พูดจริง  ทำจริง

ร่วมทุกข์  ร่วมสุข

เรียกว่า เป็น คนจริง

ไม่ใช่หมา...เห่า  หอน

ไปวัน ๆ สร้างความรำคาญ

คอยงับ  คอยแทะ

อิ อิ หมาแบบนี้

น่าสงสาร จังอ่ะคะ

เพราะมันต้องโดน

เตะปาก เข้าสักวัน...

อั๊ยหย่า....

ขอตัวไปสำรวจ คุณสมบัติ

ตัวเองก่อนนะคะ

ว่าจะเป็น ตัวจริงที่ จะมีบุญได้รับ

รหัส จาก อ.อุบล หรือไม่

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 15:02:48


ความคิดเห็นที่ 184 (1634738)

 ทั้งหายป่วย ทั้งอิ่มอร่อย

ทั้งเปรมปรีย์ กับสวนสวย ลานธรรม

ทั้งได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกัน

หายป่วย มีปัญญา

ดวงตาเห็นธรรม

 

แสดงว่า

พวกเราเดินทางกันมา

ได้ไกลพอควรแล้ว

พวกเรามีจิตหลุดพ้นกันได้แล้ว

จริงๆ อนุโมทนา

---------------------------------------------------

นี่แหละค๊า..สาเหตุสำคัญว่าทำไมอัญกลัวตามบุญบ้านสวนไม่ทัน บ้านสวนพีระมิดได้จำลองยุคศิวิไลท์  ที่มีแต่สิ่งดีงาม ความสวยงาม ทั้งผู้คนและสถานที่  ทุก ๆ อย่าง เปี่ยมล้นด้วยความรักและความเมตตาที่บริสุทธิ์  มีแต่ผู้ให้มากกว่าผู้รับ  

ในเมื่อ ท่าน อ.อุบล  ได้เมตตามอบวัคซีนป้องกัน โรคร้าย (ละวาง ความโลภ โกรธ หลง)  และเรียนรู้การเตรียมตัวรับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น  ด้วยการให้พวกเราเร่งสร้างบุญสร้างกุศลทำบุญให้ทานเต็มกำลัง มีพลังรัก พลังศรัทธา มีความกตัญญู รู้คุณ อย่างบริสุทธิ์จริงใจ ให้ทุก ๆ คน  

ถึงเวลาเกิดภัยพิบัติ ลูกศิษย์ก้นกุฏิของบ้านสวน ถึงจะไม่ได้มาอยู่บ้านสวนฯ แต่วัคซีนที่ได้รับนั้น  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงเมตตาช่วย ไม่ให้น้ำท่วมบ้านถึงหน้าอกแน่นอน

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 15:17:19


ความคิดเห็นที่ 185 (1634742)

            จากข้อมูลที่พี่ธนาเล่ามานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความลับต่างๆ ที่รู้มาจากป้าอุ๊นั้น งั้นผมขอแชร์เรื่องที่ได้ยินมาบ้างล่ะกันครับ

      เรื่องนี้ผมทราบมาจาก คนๆนึงที่มาร่วมค่าย13 หมาดๆเรยนี่ล่ะครับ พอดีได้คุยกันโดยบังเอิญหรือเจตนา อันนี้ไม่ทราบครับ คือคนๆนั้นบอกว่า เขาสามารถติดต่อสื่อสารกับเบื้องบนได้ครับ คนๆนั้นเรียกท่านที่มาสื่อสารกับแกว่า สมเด็จฯพ่อ ในความหมายของผมตอนนั้นก็คือ สมเด็จฯองค์ปฐมนั่นเอง แกก็เล่าเรื่องราวต่างๆของแกให้ผมฟัง และที่สำคัญคือ แกถามผมว่า รู้ม่ะว่าแกเป็นใคร..ผมจะไปรู้ได้ไง ว่าแกเป็นใคร ก็เพิ่งจะรู้จัก เพิ่งจะได้คุยกันครั้งแรก อันนี้บ่นในใจน่ะครับ ผมตอบว่า ผมไม่รู้ แกบอกว่า ถ้าอยากรู้ให้ไปถามท่านฤาษีลิงกัง แล้วจะรู้ว่าแกเป็นใคร แกยังบอกอีกว่า แกอธิฐานจิตเอาไว้ ว่าถ้าใคร ได้คุยกะแก จะได้เข้านิพพานชาตินี้แน่นอน...ฮึ่ม..สุดยอดเรยอ่ะ ผมโชดดีจริงๆเรยครับ ได้คุยกะแกตั้งนาน  เสร็จแล้วแกก็บอกว่า เนี่ยแกมีลูกศิษย์หลายคน มีทั้งคนในเฟสบุ๊กเป็นเพื่อนกับแกเยอะเรย เป็นพันเลยน่ะ แต่ก่อนมีไม่กี่ร้อย แต่ไม่นาน เขามาขอเป็นเพื่อนอีกเยอะเรยล่ะ ประมาณว่าอยากให้ผมรู้..ว่าแกเป็นใคร แล้วแกก็ให้เสนอเบอร์โทรแกไว้ให้ แล้วบอกอีกว่า โทรมาได้ตลอดเรยน่ะ ตีหนึ่งตีสองก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจน่ะ
    วันรุ่งขึ้น ผมก็เห็นพฤติกรรมอย่างอื่นอีกกับลูกบ้านสวนฯท่านอื่นๆ เช่น เห็นแกกำลังแจกเบอร์โทร อย่างเป็นล้ำเป็นสัน หลังจากเลิกกิจกรรมค่าย13 แกบอกกับผมว่า ขออาศัยรถกลับด้วย พอดีบ้านใกล้กัน แหม...โชคดีของผมจริงๆเลย ที่ได้กลับกับผู้มีณาญพิเศษด้วย ระหว่างทางขากลับก็ได้คุยกันเต็มที่ครับ แกบอกกับผมว่า แกเป็นแอ็ดมินอยู่หลายเว็ปไซด์ แกอยู่ของแกเฉยๆน่ะ แต่มีคนมาติดต่อแกเอง คือขอให้แกช่วยหน่อยทำนองนั้น ตอนนั้นตัวผมเองกำลังจิตตกอยู่ ในเรื่องว่าทำไมเราจึงไม่ผ่านคุณสมบัติของค่าย13 จึงเล่าให้แกฟัง ว่าผมจิตตกอยู่น่ะ ...แกก็พยายามปลอบผม แกบอกด้วยอีกว่า ที่จริงที่ป้อมได้มาค่าย13เนี่ยะ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก และการที่ได้มาพบกับแกนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้หรอก ...แกเล่าอีกว่า แกได้รับภาระกิจมาจากท่านอาจารย์อุบล อาจารย์ได้มอบหมายงานที่สำคัญให้แกทำ โดยมีเวลาจำกัด คือต้องหาคนเข้ามาช่วยบ้านสวนฯ ทำนองนี้แหละครับ และต้องเสร็จภายใน...วันนี้แหละครับ อันนี้ผมจำไม่ค่อยได้ ก็แค่แปลกใจว่า ในเมื่อมันสำคัญแล้ว มาเล่าให้เราฟังทำไมว่ะเนี่ยะ เรากำลังจะโดนถีบออกจากบ้านสวนฯอยู่แล้ว....แกบอกว่า แกต้องมาช่วยงานอ.อุบล แต่แกจะอยู่เบื้องหลัง ส่วนอาจารย์น่ะ อยู่เบื้องหน้า นอกจากนี้ แกยังบอกอีกว่า แกอ่ะน่ะ รู้จักคุ้นเคย กับ ดร.ก้องภพ นักวิทยาศาสตร์ แห่งองค์การนาซ่า ขนาดว่า ได้รับข้อมูลเชิงลึกจาก ดร.ก้องภพ เชียวน่ะ สรุปก็คือ ได้รับความไว้ใจจาก ดร.ก้องภพ นั่นเองครับ ...แกกล่าวถึงกลุ่มเขากะลา แกบอกว่าพวกเขากลุ่มกะลาน่ะ กลัวแกมาก แกบอกว่าหน้าที่ของแกอยู่เหนือกลุ่มเขากะลาอีก ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ แกมีหน้าที่ดูแลกลุ่มเขากะลาอีกทีนึงน่ะครับ ...ซาหรุป แกไม่ธรรมดาจริงๆครับ ยิ่งใหญ่และกว้างขวางเป็นที่สุด
     แกบอกว่าแกสอนธรรมะอยู่ครับ สอนฝึกสมาธิด้วยครับ มีลูกศิษย์เยอะ ผมก็เรยปรึกษาแกเรื่องนึงครับ คือผมอยากออกจากกาม อยากตัดกามให้ได้100เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ มันทรมานอ่ะ เวลามีความรู้สึกอย่างนั้น แกเรยให้คำแนะนำอย่างนี้ครับ เด็ดๆมากๆเรยครับ ถ้ารู้สึกอยาก ก็ไปใช้บริการ ขายบริการสิ ผมรีบตอบกลับไปเรย...อ้าวพี่...มันผิดศีลน่ะ แกตอบอันนี้ผิดด้วยหรือ มันเป็นธรรมชาติน่ะ ..โอ้ย จะขอคำปรึกษาสักหน่อย ดันให้แนะนำให้เรา ทำผิดศีลเฉยเลย นี่ตกลงแกรู้ธรรมะจริงป่ะเนี่ยะ ติดต่อเบื้องบนได้จริงป่ะเนี่ยะ คิดเอาเองน่ะครับ
    พอจะส่งแกลงจากรถ แกก็เรียบๆเคียงๆทำนองจะขอเบอร์ผม พอดีตอนนั้นผมยังไม่สะดวก เรยไม่ได้ให้แกไป บอกว่าเผื่อวันหลังแกจะมาบ้านสวนฯ แกจะได้ไว้ติดต่อกันเพื่อติดรถมาด้วยน่ะ
    วันถัดมา ผมเข้าไปทักทายแกในเฟสบุ๊ก แล้วให้เบอร์แกไว้ แกก็ถามผมอีกว่า เข้าไปดูโฟลไฟล์ของแกมารึยังล่ะ คือรู้รึยังว่าแกเป็นใคร นั่นไง ถามอีกล่ะ แกบอกว่าถ้าอยากรู้ก็ แช็คไปถามท่านฤาษีลิงกังดูน่ะ แล้วบอกท่านฤาษีลิงกังด้วยว่า ผมรู้สึกอย่างไรกับแก ท่านจึงจะบอก พอเวลาผ่านไปแป๊ปนึง ท่านฤาษีลิงกังตอบกลับมา ว่า คนนี้..ในอดีตเป็น แม่ลักษมี เป็นพระโพธิสัตย์บารมีเต็มแล้ว มาเกิดชาตินี้ชาติสุดท้าย เป็นญาณแม่ที่ มาช่วยคนกลับนิพพาน หลังจากนั้นไม่ถึง 10 นาที ท่านฤาษีลิงกัง เอาที่ผมโพสถาม ไปลงโพสตัวเองเฉยเรย แล้วไม่ตัดชื่อผมออกเรย เอามันโท่งๆเรย ไม่รู้ว่าท่านคงคิดว่า ผมคงล่ะอัตตาได้แล้วมั้ง แหมม ไม่ขออนุญาติ แถม ยังไม่มีมารยาทอีกด้วย
   เอาแค่นี้ก่อนล่ะกันครับ ก็เป็นแค่ข้อมูล โปรดใช้วิจารณะญานในการอ่านด้วยน่ะครับ เผื่อลูกบ้านสวนฯบางท่านอาจจะกำลังปลื้ม ท่านนี้อยู่ก็เป็นได้ครับ...                 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 15:28:11


ความคิดเห็นที่ 186 (1634743)

 พวกเรามาช่วยกันคิด  ช่วยกันวิเคราะะห์

กันหน่อยซิ  ว่าทำไม  ปรากฎการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้นได้

เพียงสวมจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 3 องค์

ในจี้นี้ มีสิ่งใด  อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

เป็นพลังอานุภาพ  จากอะไร  พระองค์ใด

หรือสิ่งอื่นใด  จึงทำให้คนพิการ

ที่เจ็บป่วยมานาน  ที่หมอบอกว่า

รักษาไม่ได้แล้ว  กลับหาย ในพริบตา

เพราะว่าเป็นบุญของดร. จิ๋ม  ที่ทำบุญ

แบบทุ่มสุด ๆ ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์

ผลบุญเลยตอบแทนเห็นทันตา จริง ๆ

ทำให้พวกเราได้รับบุญจากท่านอ.อุบล

ที่ได้ให้พวกเราได้มีจี้  3 ร่มโพธิ์ศรี

ได้ผลเกินล้าน  เพราะพวกเราเทิดทูล

ชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์ และอ. อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาล  จึงมารวมพลังที่  

จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีนี้ค่ะ

เพราะว่าบุญทุกบุญ อาจารย์อุบลจะยกถวาย

ให้ในหลวงของเรา

จึงทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์

เห็นผลทันตาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วิลาสินี ศิลารัตน์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 15:37:54


ความคิดเห็นที่ 187 (1634759)

 Work shop วันอาทิตย์ แบ่งเป็น 15 กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน 

กลุ่ม 7  สมาชิก 1. คุณสิงห์เงิน อุดมศิริ (พี่ตาโต๊ะ)

                            2. คุณวรางคณา  พุฒศรี (น้องเหมียว)

                            3. คุณอนัญญา  สุขถาวร (อัญค๊า)

ข้อหัวที่ได้รับคือ  ถ้าเกิดโรคระบาดขึ้นทั่วโลก ทั่วประเทศ รวมทั้งที่เราอยู่อาศัยและโรคนี้เราเห็นแล้วว่า ใครเป็นต้องตายใน 3 วันแน่นอน และไม่มียารักษาได้  เราจะทำอย่างไร และเชื่อมั่นแค่ไหนว่าจะได้ผล เพราะอะไร  เราจะทำอย่างไร

เราจะทำอย่างไร   อันดับแรกใช้รหัส จักรวาล "อ.อุบลช่วยด้วย" ขอปลอดภัย และขอให้โรคระบาดที่เกิดขึ้นนี้หายไปแบบฉับพลันทันทีด้วยเทอญ   

และเชื่่อมั่นแค่ไหนว่าจะได้ผล เพราะอะไร เราจะทำอย่างไร   พวกเราลูกบ้าน ฯ มีความเชื่อมั่น ศรัทธา ใน "รหัส อ.อุบลช่วยด้วย" ว่าเป็นรหัสจักรวาลที่ สามารถช่วยคลายทุกข์และปัญหา ได้ทุกอย่าง และใช้ได้ทุกคน ทุกกรณี ไม่แบ่งแยก เชื้อชาติ ศาสนา  ดังนั้นหากเกิดโรคระบาดและทุก ๆ คน รวมกันเรียก "รหัส อ.อุบลช่วยด้วย" สามารถหยุดยั้งโรคระบาดได้ ล้านเปอร์เซ็นต์

ปัญหาคือ เราจะทำให้คนอื่น ๆ ที่ไม่รู้เหมือนเราเชื่อได้อย่างไร? และเชื่อมั่นแค่ไหนว่าจะได้ผล ระหว่างที่กำลังช่วยกันคิดอยู่นั้น    น้องเหมียว ก็มีอาการแสบคันบริเวณเข่าจนถึงหน้าขาขวา ลักษณะจะเป็นปื้นแดง จนออกดำ อย่างเห็นได้ชัด   

เราจึงร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน ได้ใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย ผลคือ อาการดีขึ้น  จากนั้นก็คิดว่าลองช่วยกันตั้งจิตอฐิษฐาน อีกครั้ง โดยเพ่งไปที่น้ำในขวดที่วางอยู่ เพราะเป็นขวดน้ำของน้องพอดี และ กล่าวว่า

ขออาราธนาบารมี พระศรีอาริย์ ที่ ท่าน อ.อุบล เป็นผู้อาราธนาอัญเชิญ อ.อุบลช่วยด้วย ขอบารมี ท่าน อ.อุบล และ พี่น้องบ้านสวนทุก ๆ คน ที่มีจี้ มีของบ้านสวนพีระมิด ขอให้น้ำนี้สามารถรักษาโรคได้ทุกโรคให้หายแบบฉับพลันทันทีด้วยเทอญ สาธุ

แล้วน้องเหมียวก็ดื่มน้ำ และ หยดทาลงที่คัน อาการก็ดีขึ้นอีก ที่เป็นปื้นดำ ๆ ยุบลงทันที  ผื่นเริ่มจาง 50% อาการคันดีขึ้น 30% แล้วก็ลองดื่มน้ำอีกครั้ง ขาน้องเหมี่ยว ก็ขึ้นเกือบ 100%  (ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที) ช่วงที่กำลังเขึยนรายงาน

สรุปผล Work shop นี้ ท่านอ.อุบลเมตตา ว่า "ถึงเวลาเกิดโรคระบาดขึ้นจริง น่าจะมีวิธีที่ง่ายสั้นกว่านี้โดยไม่ต้องใช้น้ำหรืออะไรเลย" แต่ท่าน อาจารย์ยังไม่เฉลย ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ

ส่วนตัวอัญคิดว่าเบื้องบนท่านเมตตาสร้างหลักฐาน คือ อาการคันที่ขา ของน้องเหมี่ยว เพราะตัวน้องศรัทธา  แต่ไม่เชื่อมั่นจริงใจเต็ม 100%  

หากเกิดโรคระบาด  ถ้าเราทุกคนบนโลกช่วยกันตะโกนดัง ๆ ว่า "อ.อุบลช่วยด้วย ขอให้ พวกเราปลอดภัย ขอให้โรคระบาดนี้หายไปแบบฉับพลันทันทีด้วยเทอญ" ต้องช่วยด้วยอย่างแน่นอนค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 16:14:30


ความคิดเห็นที่ 188 (1634760)

 แกอธิฐานจิตเอาไว้ ว่าถ้าใคร ได้คุยกะแก จะได้เข้านิพพานชาตินี้แน่นอน...ฮึ่ม..สุดยอดเรยอ่ะ 

--------------------------------------

โอ้...โห...สู๊ดยอด จริง ๆ

ถูกใจ สิงห์ป้อม เลยละสิ

เนี๊ยะแหละ อภิญญา..!

ที่ตามหาและอยากได้มานาน

ไม่ต้องปฏิบัติ

เพียงแค่ได้คุย ก็เข้าถึงนิพพานและ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 16:28:07


ความคิดเห็นที่ 189 (1634761)

วันอาทิยต์ที่14ตค.55

มีการแบ่งกลุ่มเป็นWorkshopทั้งหมด15กลุ่มต่ายเป็นกลุ่มที่8 กลุ่มที่8จะต้องใช้สมองในการวิเคราะห์โจทย์ที่อ.อุบลให้มา กระต่ายได้ร่วมทีมกับป้าแหลนและน้า(จำชื่อไม่ได้เเต่รู้ว่าเป็นบก.คมชัดลึกค่ะ)ได้ร่วมทีมกัน3คน พวกเราก็ช่วยกันคิดวิเคราะห์ค่ะ และเมื่อถึงเวลาออกไปพรีเซนซึ่งน้าแหลนเป็นคนพูด:)  ต่ายก็นั่งฟังเฉยๆเมื่อพูดจบก็ถึงตาของกลุ่มต่อไปพูด แต่ต่ายรู้สึกอยากลองก่อไฟโดยใช้อุปกรณ์พวกไม้เชือกอะไรอย่างนี้ค่ะเพราะเกิดมาไม่เคยก่อไฟแบบนั้น เคยแต่จุดแก๊สที่บ้าน เเละอีกอย่างนึงที่อยากทำคือการหุงข้าวใส่กระบอกไม้ไผ่ค่ะ ต่ายก็ได้ลองชิมข้าวมันออกเป็นกลิ่นสมุนไพรหน่อยๆซึ่งหอมกว่าข้าวสวยธรรมดาอีกค่ะ ในการทำWorkshopครั้งนี้ได้สาระความรู้ได้พัฒนาสมองได้ลองวิเคราะห์โจทย์เเละได้สาระดีดีอีกมากมายค่ะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ด.ญ. ยุพินดา วรรณรักษ์ ( น้องกระต่าย) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 16:29:07


ความคิดเห็นที่ 190 (1634766)

 วันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา  ผมก็ได้ไปร่วมสร้างบุญแรงกาย ฯลฯ ที่บ้านสวนพีระมิด  หลังจากที่ผมไม่ได้ไปมาสักสองอาทิตย์  ครั้งนี้มีกิจกรรมเปลี่ยนแปลงไปมากครับ  ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เคยมา  นั่นคือ มีการแบ่งกลุ่มทำ workshop  ซึ่งหลังจากที่ผมได้ร่วมทำ workshop  ซึ่งจะมีอยู่ทั้งสองวัน  วันแรกมีอยู่ 9 กลุ่ม กลุ่มละ  5 คน  วันที่สองมีอยู่ 15 กลุ่ม  กลุ่มละ 3 คน  ซึ่ง workshop  ที่พวกเราลูกบ้านสวนฯได้ร่วมทำกันครั้งนี้  สำหรับผมแล้วผมว่าดีมากครับ   

                workshop ครั้งแรกแรกนั้นท่านอาจารย์ได้มีหัวข้อเรื่องใครมีปัญหาอะไร อย่างไร  เช่นมีปัญหาที่ ผิว  การงาน  การเงิน  สุขภาพ  ปัญญา  ซึ่งก็ให้พวกเราแต่ละคนเลือกว่าจะอยู่กลุ่มปัญหาที่ตนเองมีแบบไหน  ซึ่งผมคิดว่าดีเลยครับ  เพราะเหมือนเป็นการเปิดโอกาสสำหรับพวกเราที่จะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุในสิ่งที่พวกเรากำลังประสบ  ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ตามหลัก อริยสัจ 4 ผมจึงคิดว่าดีมากครับ  และเป็นการฝึกทำในสิ่งที่ตนเองยังไม่เคยทำมาก่อน  เช่น คนบางคนถนัดงานก่อสร้าง  แต่พอตนเองเจอหัวข้องานนี้ ซึ่งเป็นปัญหาชีวิตที่ตนประสบงานที่ต้องทำกลับกลายเป็ยเกษตรกรรม  ซึ่งก็ไม่ค่อยมีพื้นฐาน  แต่เมื่อเราได้ลองทำดูแล้ว  เราก็จะคล่องไปเอง  เหมือนการฝึกทำหลายๆอย่าง  เผื่อว่าในภายภาคหน้านั้นพวกเราอาจจะต้องทุกอย่างเองเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้น  หลังจากภัยภิบัติผ่านพ้นไปแล้ว   

ส่วนวันที่สองนั้น  จะเป็นโจทย์ซึ่งต่างจากวันแรก  และจำนวนสมาชิกในกลุ่มน้อยกว่า  คือ 3 คนต่อกลุ่ม  ซึ่งหัวข้อในวันนี้ก็ต่างกัน  คือจะเป็นหัวข้อที่ท่านอาจารย์ตั้งคำถามแต่ละกลุ่ม  และวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ซึ่งเราต้องหาคภตอบ แต่มีอยู่ 2 กลุ่มที่ได้โจทย์ที่ต้องปฏิบัติ คือ กลุ่ม 1 ถ้าหากเกิดพายุฝน กระหน่ำ  อากาศชื้น  ไม่มีไฟแช็ค ไม้ขีด จะจุดไฟอย่างไร  ให้ติด  และกลุ่ม 2 คือ  หลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว  ไม่มีภาชนะอะไรเลย  มีแต่ข้าวสาร  จะหุงข้าวประทังชีวิตได้อย่างไร  ส่วนโจทย์สำหรับกลุ่มอื่นๆ  นั้นจะเป็นการตอบปัญหาเชิงวิเคราะห์  ให้สมาชิกกลุ่มได้คิด  ถึงทางออกต่างๆ  ที่เหมาะสม  ซึ่งจะเน้นใช้ปัญญา  ถือว่าการมาสองวันเราสามารถได้ทุกสิ่งทุกอย่าง  ทั้งการเรียนรู้ในการที่จะทำ  และการคิด  รวมถึงได้ธรรมทานต่างๆ  ได้ความสามัคคี  2-3 วันนี้จึงเป็นวันที่ล้ำค่ามากครับ  ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล  และครอบครัว  รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พรองคืที่บ้านสวนนมากครับผม  ที่เมตตาพวกเรา  และชี้ทางกลับบ้านให้แก่พวกเรา  กราบขอบพระคุณมากครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ณภัทร ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 16:45:49


ความคิดเห็นที่ 191 (1634769)

พอพ่อสิงห์ป้อมเอ่ยถึง

กลุ่มเขากะลา

ทำให้คิดถึง อ.จักร กับ อ.เหมา

ซึ่งท่านทั้งสอง ได้เคย ให้เกียรติมาเยือน

บ้านสวนพีระมิด อย่างเป็นทางการ

 

ดูท่านทั้งสอง เป็นคนสุขุม

จิตใจสูง ไม่มีอะไรซ่อนเร้น แอบแฝง

ทั้งต่อหน้า และ ลับหลัง

 

ดังนั้น

การที่กลุ่มเขากะลา

เขาอยู่ เขามีมาช้านานแล้ว

โดย

มี ดร.เทพนม เมืองแมน

เป็นที่ปรึกษา หรือ ตำแหน่งอะไร

นี่แหละ จำไม่ได้

 

อ.อุบล

ก็ได้รู้จัก สัมภาษณ์

ดร.เทพนม อยู่บ่อยๆ

 

ดังนั้น

เรื่องที่กลุ่มเขากะลา

เขาทำกิจกรรมเพื่อช่วยสังคม

ช่วยคน ด้วยจิตอันสูงส่ง

เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคม

 

ดังนั้น

การที่จะมีคนสนใจ

หรืออาจจะมีไอเดียอะไรสักอย่าง

เพื่อใช้ชื่อเสียงของกลุ่มเขากะลา

หรือ

ของกลุ่มใดก็ตาม

ที่เขาเติบโตมาด้วยบำแข้ง

ด้วยการปฎิบัติ ด้วยการบำเพ็ญบารมี

ซึ่งต้องลงมือบำเพ็ญเอง

 

แต่สำหรับคนที่

ไม่บำเพ็ญ แต่ต้องการ

เทียบเท่า หรือ เหนือกว่า

ก็คงต้องหาวิธีการ ทางลัดที่สุด

ที่จะทำให้ตัวเอง

มีบารมีสูงกว่า หรือเทียบเท่า

 

แต่ของจริง

ก็ย่อมเป็นของจริง

 

ของปลอม

ก็ต้อง ทำไม่ได้จริง

 

ดังนั้น

พวกเราทั้งหลาย

ที่จะร่วมมือกันกอบกู้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

 

ได้ลุกขึ้นมา

แสดงจุดยืนของตัวเอง

กันหรือยัง

 

ถ้าเราเห็นว่า

ใครก็ตาม หรือ กลุ่มใดก็ตาม

อย่างกลุ่มเขากะลา

ถ้าเขาทำงานเพื่อส่วนรวม

แล้ว

มีคนมาหาทางสวมรอย

เราก็ควรนำความจริงนั้น มาเปิดเผย

บอกเล่าให้สังคมได้รับรู้

 

ก็จะถือเป็นการ

ปกป้องคนดี ที่ทำดี

แม้ว่ากลุ่มเขากะลาจะไม่รู้ก็ตาม

เราก็ต้องช่วยกันปกป้อง

 

การที่ใคร

จะไม่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาว

มีจริง

 

ก็ไม่ต้องเชื่อ

ไม่ต้องเดือดร้อน

 

แต่คนที่เขาเชื่อ

คือคนที่เขาเคยเห็นเคยสัมผัส

แต่คนไม่เคยเห็น

ไปบอกว่าไม่จริง

 

อันนี้

เห็นจะต้องบอกว่า

พวกที่พูดว่าไม่จริงนี้ ก็คงเหมือนกับ

 

ปลา

ที่อยู่แต่ในน้ำ

พอเต่า ไปบอกว่า

รู้ไหม ฉันนี่นะ อยู่ในน้ำก็ได้

ขึ้นไปบนบกก็ได้ ฉันเห็นคน

เห็นหมา เห็นแมว เห็นสิ่งต่างๆมากมาย

 

ปลา

ก็ต้องบอกว่า

ฉันไม่เชื่อหรอก เธอโกหก

เป็นไปไม่ได้

อยู่บนบกจะอยู่ยังไง

จะหายใจยังไง ผิวก็แห้งตายสิ

ไอ้เต่าบ้า เพ้อเจ้อ งมงาย

โง่สิ้นดี อย่ามาหลอกกันให้ยากเลย

ฉันเชื่อว่า ในน้ำนี้แหละ

กว้างใหญ่ไพศาล

เป็นโลกเดียว ที่มีอยู่

 

เต่าบอกว่า

เธออยากรู้ เธอก็ลองกระโดด

ขึ้นเหนือน้ำแล้วมองดูก็ได้

 

ไม่

ฉันไม่เชื่อ ไม่กระโดด

มันเหนื่อย เปลืองแรง ฉันว่ายน้ำ

อยู่อย่างนี้ ก็ดีที่สุดแล้ว

เรื่องอะไรจะโง่

กระโดดให้เหนื่อย อย่ามาโกหก

ไม่ต้องมาแนะนำอะไรฉัน

***************

 

อันนี้

เรื่องของคน

ไม่เชื่อ สิ่งที่คนอื่น เห็น

สิ่งที่คนอื่นเขาทำได้ และมีผลพิสูจน์

รับรองไว้ แต่ไม่ยอมรับ

 

คนบางคน

ไม่ต้องใช้เวลาดูนาน

อย่าง อ.จักร กับ อ.เหมา

ท่านทั้งสอง

ยังคงทำงานด้วยอุดมการณ์

มายาวนาน ท่ามกลาง

แรงเสียดทาน

สารพัดได้

 

แสดงว่าท่าน

แน่

และละอัตตาได้ และ

มองโลกทะลุปรุโปร่งแล้ว

อ่านจิตคนออกทะลุแล้ว

และ

ท่านมีสิ่งที่เหนือกว่ามนุษย์

ช่วยเป็นแบ๊คอั๊พ

อีกต่างหาก

 

ใครที่คิดไม่ดี

หรือมีสิ่งแอบแฝงซ่อนเร้น

ต้องเสี่ยงมากหน่อย

หรือไม่ก็คง

เป็นแผนของเบื้องบน

ส่งคนบาปเข้าโรงเชือดนั่นเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 17:00:29


ความคิดเห็นที่ 192 (1634771)

วันนี้ก็วันอังคารแล้ว รู้สึกว่าจะมีการเขียนถึงกลุ่มกิจกรรมวันอาทิตย์น้อยมากเลยครับ

พวกเราก็รู้แล้วนะครับว่า คนที่ไม่เขียนธรรมทานหลังจากกลับมาจากร่วมกิจกรรมต่างๆที่บ้านสวนฯก็จะไม่ได้รับคัดเลือกให้มาร่วมกิจกรรมในวันที่ 19ตุลานี้และกิจกรรมอื่นๆอีกต่อไป

ธรรมทานในวันอาทิตย์นี้ให้ประโยชน์และปัญญาดีมาก ซึ่งช่วยให้คนที่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมได้เห็นถึงสถานการณ์ และวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้นำไปเป็นการบ้านในการหาทางแก้ไขด้วย

ด่วนเลยครับ ขอให้ผู้นำหรือตัวแทนแต่ละกลุ่มหรือคนในกลุ่มกิจกรรมวันอาทิตย์ทั้ง15กลุ่ม มาเขียนธรรมทาน Workshop ที่สุดเข้มข้นให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ขอบคุณมากครับ อนุโมทนาบุญกับทุกๆธรรมทานครับ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 17:11:05


ความคิดเห็นที่ 193 (1634781)

โอ้วว อย่างนี้วันเกิดภัยพิบัติ คนที่อยากมาบ้านสวนเพื่อหลบภัยนี่ ใครๆอยากมาก็ได้หรือเปล่าครับเนี่ยย ???

ขนาดป้าอุ๊คนงามเพิ่งมาครั้งแรกผมก็สงสัยว่า ทำงานด้านเตือนภัยพิบัติมาตั้งนานยังไม่มีที่หลบภัยเลย แต่มาบ้านสวนฯครั้งแรกทำไมอยากเลือกมาหลบภัยพิบัติที่บ้านสวน ???

บ้านสวนพีระมิดนี่ สมแล้วครับเป็นแดนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พรหมเทพเทวา ใครๆที่ได้มาต่างก็รู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย แต่ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ใครล่ะ ที่จะได้มาอยู่ในวันเกิดภัยพิบัติ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 21:43:10
 

 

ขอบคุณมากครับ

พ่อใหญ่ธนา คนหน้าตาหล่อใส

ที่ก๊อปมาให้ดูอีกครั้ง

แต่ถือว่า

ได้ตอบไปแล้วข้างต้น

คร๊าบบบบบ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 17:45:13


ความคิดเห็นที่ 194 (1634782)

ขอเหลาต่อจากความเห็น 106

พอทุกกลุ่มทำ.Work chop.........เสร็จแล้วก็มีการวิเคราะห์ว่างานที่เราทำกันนั้นมีผลต่อปัญหาของตัวเองอย่างไรบ้าง

-กลุ่ม 3 เราก็มาพร้อมกันที่โรงทานแล้วขอบารมีพระศรีอาริย์และรหัสอ.อุบลช่่วยด้วยขอให้

1.พี่เปลวเป็นด่างขาวที่มุมปากขอให้หาย พอดูแล้วโอโฮเฮะด่างหายไปมากเหลือแค่จุดเล็ก ๆนิดหน่อย

2.เบญเป็นสิวอักเสบและกระหลังมือ สิวอักเสบน้อยลงมากกดไม่เจ็บ กระหลังมือดูจางลง

3.คุณอ้อยมีสิวอักเสบและมีน้ำหนองไหล ฝ้าโหนกแก้ว สิวไม่อักเสบ ฝ้าจางลงมากแทบมองไม่เห็น

4.คุณก้อยเป็นสิวรอยแกะและอักเสบ ก็อักเสบน้อยลงหน้างี้ใสเชียว

5.คุณอัญเป็นสิวนิโหน่ย อักเสบโน้ย ๆ อาการหายไปเลย และกลับมีสีผิวผ่องขึ้นด้วยค่ะ ข้อนี้รับประกัน

พอเสร็จแล้วเราก็แยกย้ายไปอาบน้ำ ไม่รู้เป็นไงวันนี้ทำไมอาบน้ำช้ามาก พอจะไปทานข้าวปรากฎว่าเกือบทุกคนทานกันเสร็จแล้ว กับข้าวก็หมดก็ไปบอกคุณแมวขอทอดไข่คุณแมวก็บอกว่าเวลาทานข้าวให้ทานพร้อม ๆ กัน ข้อนี้ขอยอมรับผิดค่ะ ทำให้คิดได้เลยว่ากฏระเบียบเราต้องจำไว้จะละเลยไม่ได้ ขอขอบคุณคุณแมวที่ช่วยเตือนค่ะ

ทานข้าวเสร็จก็ไปชมคลิป คลิปน่ากลัวมากซึ่งหลาย ๆ คนได้เหลาแบบได้อรรรถมากดีแล้ว พอชมคลิปเสร็จ อาจารย์ให้ทุกกลุ่ม.Present......พอถึงกลุ่มเราอาจารย์ให้เบญพูดด้วยแต่ช่วงที่พูดครั้งแรกไม่รู้ตัีวว่าตัวเองพูดค่อยมาก ทำให้อาจารย์ต้องบอกว่า "พูดให้ดัง ๆ ถ้าไม่ดังจะให้กลับกำแพงเพชรเดี๋ยวนี้" อาจารย์ค๊ะเป็นความเมตตาจริง ๆ ค่ะถือว่าได้รับการตักเตือนที่ได้ปัญญาอีกแย้ววว.......

-วันอาทิตย์ที่ 14 ทานข้าวเช้าเสร็จ อาจารย์ให้ทำ..Work chop...กลุ่มเบญได้หัวข้อ."ถ้าเราตกอยู่ในสภาวะหลังภัยพิบัติ ไม่มีภาชนะใดเหลือเลยคงมีแต่ข้าวสารอย่างเดียว เราจะทำอย่างไรจึงจะหุงข้าวได้ให้ลงมือทำจริง จะทานข้าวกับอะไร ใช้อะไรแทนจานช้อน" พอได้หัวข้อเราก็มาวิเคราะห์กันว่าจะใช้อะไรแทนหม้อหุงข้าวก็มาลงความเห็นว่าต้องเป็นกระบอกไม้ไผ่ เราก็เตรียมก่อเตาโดยใช้หิน แล้วนำเศษใบไม้,กิ่งไม้แห้งทำเชื้อเพลิง น้องยาไปซาวข้าว เบญกับดร.จิ๋มช่วยกันก่อไฟ ก่ออยู่นานมากประมาณ 30 นาทีได้ ไฟไม่ยอมติดสักที จนน้องยาเอาข้าวมาเพื่อเตรียมใส่กระบอกแล้วไฟก็ยังไม่ติดจนอ.พันธ์เดินมาเห็นบอกว่าหาเชื้อใหม่ ก็ได้แฝกเก่าที่ทิ้งแล้วมาแล้วพับทบกันใช้มือขยี้แบบหมุนไปหมุนมาเพื่อให้เชื้อฟูไฟก็ติด แต่พอเดี๋ยวเดียวไฟดับอีกแว้ว...ว้าจะทำไงดีเดี๋ยวหมดเวลาข้าวก็ยังไม่ได้ลงกระบอกเลย แว๊ปคิดได้ว่าเราทำไมไม่ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยล่ะ ที่นี้แหละ 3 คนพูดพร้อมกันอ.อุบลช่วยด้วยขอให้จุดไฟติด ปาฎิหารย์เกิดขึ้นจริง ๆ ไฟติดง่ายดายทั้งที่ก็จุดวิธีเดิม สิ่งศุักดิด์สิทธิ์ท่านคงเตือนว่ารหัสจักรวาลนี้เราจะลืมไม่ได้จะอยู่ในเหตุการณ์ไหน ๆ จะต้องเรียกใช้ให้ขึ้นใจจะได้ไม่มีเวลาลืม

-ช่วงเย็นตอนกลับบ้านปกติจะกลับบ้านไม่เกินบ่าย 3 เพราะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชม. แต่ธรรมทานวันนีัเข้มข้นมากยังไม่อยากกลับก็นั่งฟังต่อไปเรื่อย ๆจนจบเป็นเวลา 6 โมงเย็นก็รีบละทีนี้ วิ่งไปซื้อของกับอ.มงคล วิ่งมาเก็บของ วิ่งมาไหว้พระ เดินลงมาเห็นท่านอ.อุบล ขับรถกล๊อฟผ่านมารีบเข้าไปลาอาจารย์ที่ตักท่านอาจารย์ให้พรขอให้มีความสุขเดินทางปลอดภัย อาจารย์ค๊ะครั้งนีั้แปลกมากเลยค่ะใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.เองค่ะหนูนึกถึงตอนที่อาจารย์มาบอกว่า อาจารย์ไปบ้านคุณโอ๋ ๆต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชม.แต่ท่านอาจารย์เดินทางแค่เพียง 1 ชม.ความมหัศจรรย์ปาฏิหาริย์ของบ้านสวนพีระมิดไม่มีอัลลิมิตจริง ๆ ค่ะ

-ปาฏิหารย์ขณะนั่งในรถคุณทัศนีนำถุงจี้องค์เทพสฟิ้งซ์ที่ซื้อออกมาดู ก็อุทานว่า เอ๊ะ !!! ซื้อสร้อยมาเส้นเดียวทำไมมีสร้อยมา 2 เส้น ก็รีบบอกกับเพื่อนเลยว่า "ธรรมจัดสรรอีกแล้ว" ก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยโอนเงินมา ลูกชายคุณทัศนี ปวดหัวมากตอนนั้นยังไม่คิดเรื่องสร้อย  ทุกคนในรถก็เรียกอ.อุบลช่วยด้วยขอให้น้องปิงหายปวดหัว อาการก็ไม่ดีขึ้น ทุกคนก็นำจี้ที่มี 5 องค์ให้ปิงถือและอธิษฐานขอให้หายปวด เพียงแต่เบานิดหน่อย จนมาถึงสิงห์บุรีเข้าห้องน้ำก็ถามน้องปิงว่าหายหรือยังน้องปิงบอกว่ายัง ก็นึกว่าเอ........หรือพ่อเขาจะมาขอส่วนบุญ ก็ให้เขาอุทิศก็ยังไม่หาย แม่เขาก็พูดว่าหรือจะเป็นเพราะสร้อยหรือเปล่าก็เก็ตเลย....ทั้งแม่ทั้งลูกก็ขออโหสิแล้วจะรีบโอนเงินไปพรุ่งนี้เลย อาการก็ดีขึ้นมากจนน้องปิงกินข้าวเจที่เซเว่นได้ตั้ง 2 กล่องแน่ะ

วันนี้น้องปิงและแม่เขียนธรรมทานใส่กระดาษมาให้แล้วแต่ยังไม่มีเวลาเขียนให้ ขอยกยอดไปพรุ่งนี้นะค๊ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 17:48:12


ความคิดเห็นที่ 195 (1634783)

 เป็นพลัง อาณุภาพ


จากอะไร พระองค์ใด หรือ

อื่นใด จึงทำให้คนพิการ เจ็บป่วยมานาน

ที่หมอบอกว่า รักษาไม่ได้แล้ว

กลับหายได้ ในพริบตา

 

แค่หายได้

ก็อัศจรรย์พออยู่แล้ว

แต่นี่

หายได้ ในพริบตา

ใครรู้ช่วยบอกที หรือ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร

ช่วยวิเคราะห์ได้ ผิดถูกไม่เป็นไร

ถือว่า ทำ Workshop

*********************

หนูคิดว่าที่ ดร.จิ๋มสามารถหายจากโปลิโอ
ที่เป็นมาแต่กำเนิดได้นั้น
ก็เพราะอานุภาพขององค์จี้สฟิงซ์
บวกกับพลังของจักรวาล 
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์
ที่ท่านเมตตาให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น
และที่สำคัญที่สุดคือบารมีของพระศรีอาริย์
เพราะคนในยุคของพระองค์
จะไม่มีคนเจ็บป่วย พิการ
ทุกคนจะมีแต่ความสุข มีทรัพยฺ์สินเงินทอง
ไม่มีความทุกข์
ซึ่งเริ่มเห็นกันชัดๆ ที่บ้านสวนแล้วค่ะ

และจี้ที่ท่านสวมนั้น มีถึง 3 องค์
ซึ่งจำนวนของจี้นั้นมีผลมาก
ตั้งแต่เมื่อครั้งกรณีของคุณชิม
และครั้งนี้ ดร.จิ๋มท่านก็คล้องถึง 3 องค์
พลังต่างๆ จึงดับเบิ้ลทวีคูณขึ้นไปอีก

และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ  
ดร.จิ๋มท่านเป็นผู้ที่มีศรัทธากับท่าน อ.อุบล
และบ้านสวนพีระมิด
แบบเต็ม 100% สร้างบุญอย่างต่อเนื่อง
สม่ำเสมอ และมากขึ้น
 จึงส่งผลให้เกิดปาฏิหารย์
ได้แบบฉับพลันทันทีค่ะ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 17:48:33


ความคิดเห็นที่ 196 (1634784)

ธรรมทาน 13 - 14  ตุลาคม 2555

เดินทางถึงบ้านสวน ประมาณ 10 โมงเช้า ไปถางหญ้าแปลงเสาวรสกับคุณแหม่มจนได้เวลาทานข้าว ส่วนพี่น้องบ้านสวนก็แยกย้ายกันสร้างบุญแรงกายตามจุดต่าง ๆ ในบริเวณบ้านสวน วันเสาร์นี้มีสมาชิก 45  คน แบ่งกลุ่มทำ Work shop  กลุ่มละ 5 คน จำนวน 9 กลุ่ม

 Work shop กลุ่ม  3 มีผู้ร่วมกลุ่มคือ คุณแหม่ม น้องญาญ่า น้องวิน คุณทัศนีย์ สมจิต ทุกคนมีปัญหาผิวพรรณและเจ็บป่วยอื่น ๆ ได้รับมอบหมายให้ไปทำความสะอาด จัดตกแต่งบริเวณด้านใน และบริเวณโดยรอบห้องน้ำเก่าทุกด้าน ทั้งด้านซ้าย ขวา ด้านหน้า หลัง ให้ทำความสะอาดให้เอี่ยม เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดจากการที่ไม่ชอบจัดตกแต่งความสวยงาม มีระเบียบ ความสะอาด ไม่มีจิตคิดขจัดปัญหา หรือสิ่งที่ไม่เจริญหู เจริญตา ให้ทุกคนช่วยกันทำให้เต็มที่ ปรึกษากันว่าจะแบ่งกันหรือช่วยกันทำอะไร ไม่ต้องกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ทำผิดถ้าตั้งใจเต็มที่ต้องออกมาดี ระหว่างทำให้ท่องคาถาพระศรีอาริย์เพื่อขอบารมีท่านช่วย ให้บุญที่กำลังทำนี้รักษาอาการให้หายทันทีด้วย ให้คอยสังเกตุอาการที่เป็น ว่าอาการเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนไหนให้จดจำไว้เพื่อมารายงานผล ในตอนกลางคืน  การออกไปรายงานผลให้สรุปผลกิจกรรมที่ทำ ว่าตัดสินใจทำอย่างไร ผลงานออกมาอย่างไร ใช้เวลาแค่ไหน ผลบุญมีจริงหรือไม่ มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรให้เห็นบ้าง

คุณทัศนีย์ เก็บ กวาด ถูบริเวณโดยรอบห้องน้ำ วันเสาร์ตอนเช้าขณะที่คุณทัศนีย์ถอนหญ้าที่แปลงเกษตร มีอาการจะวูบอยู่หลายครั้ง  มื่อทำ work shop อาการวูบหายไป อาการเจ็บปวดหลัง แลอาการอื่น ๆ ยังคงเดิม  

คุณแหม่ม ช่วยคุณทัศนีย์ทำความสะอาดบริเวณรอบห้องน้ำ และนำแจกัน กระถางต้นไม้ ดอกไม้มาประดับบริเวณด้านหน้าห้องน้ำจนสวยงาม มีอาการปวดศรีษะ ทำงานได้ชั่วโมงกว่า ๆ อาการปวดก็หาย และรู้สึกว่าผิวขาวขึ้น  

จิต น้องญาญ่า น้องวิน ขัดภายในห้องน้ำ และช่วยงานเก็บกวาดด้านนอก

น้องวิน มีอาการปวดหัว ไม่กระปรี้กระเป่าขณะทำงาน เมื่อทำได้ชั่วโมงกว่า ๆ อาการปวดก็หายไป

น้องญาญ่า ขณะทำงานปวดหัวมากแบบไมเกรน แถมโดนไฟดูดขณะช่วยคุณแหม่มเข็นตู้เชื่อมเหล็กจนเจ็บแขน บวมชา เมื่อรู้ว่าน้องญาญ่าโดนไฟดูด คุณแหม่ม จึงเรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วย เพื่อช่วยญาญ่า และรีบถอดจี้ของตัวเองใส่มือน้องญาญ่า คุณแหม่มไม่โดนไฟดูดเพราะคุณแหม่มสวมจี้  สาเหตุที่โดนไฟดูดเพราะน้องญาญ่าไม่ค่อยเขียนธรรมทาน ครั้งนี้น้องรับปากว่าจะเขียนธรรมทานให้มากขึ้น  

จิต มีอาการคันบริเวณแขน และจุดดำ มีปวดหัวนิดหน่อย ขณะทำงานมีความรู้สึกว่าคันมากประมาณ 5 นาที เมื่อทำไป 1 - 2 ชั่วโมง ก็หายปวดหัว หายคัน จุดดำเล็กและจางลง  

ยังมีต่อ 

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 18:04:19


ความคิดเห็นที่ 197 (1634787)

ขอให้กลุ่ม

Workshop วันอาทิตย์

ทั้ง 15 กลุ่ม

เข้ามาเขียนธรรมทาน

รายงานตัวด่วน เดี๋ยวพ่อใหญ่ธนา

ไม่เสนอฃื่อให้มาร่วมกิจกรรมวันที่ 19 นี้นะจ๊ะ

ซึ่งจะปิดรับ และ คัดเลือก

วันนี้หลัง 3 ทุ่มจ้า

 

ผู้ใดอยู่กลุ่มใด รีบมาเหลาเลยค่ะ

เอ้าเชิญ

 

กลุ่ม 1.

ถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่อากาศหนาว

ฝนตก ไฟดับ ไม่มีไฟแช๊ค ไม้ขีด เราจะ

ก่อไฟอย่างไร ให้ทำจริง

กลุ่มนี้ มี อ.พัน เป็นหัวหน้า

และคุณจารุวรรณ จินดา ด.ช.ศรัญญู

เชิญมารายงานค่ะ

 

กลุ่ม 2.

ถ้าเราเจอพายุ ฝนตกหนัก

มีน้ำมา กระทันหัน ท่วมขึ้นสูง

เหมือนภาพเหตุการณ์จริงที่เราดูกันเมื่อวาน

เราจะทำอย่างไร

จะอยู่บ้าน หรือ หนีไปไหน วิธีหนี ทำอย่างไร

และจะใช้ความรู้ ที่ได้รับมาจาก

บ้านสวนพีระมิด

ตลอดจนรหัส วัตถุมลคล ช่วยอย่างไร

เอาตามความจริง ว่าคนในกลุ่ม

มีอะไรอยู่กับตัวบ้างเวลานี้

คุณอ้อย + คุณทัศนีย์ +คณวิชภา

เชิญด่วนที่สุดจ้า

 

 

กลุ่ม 3.

ถ้าเราตกอยู่ในสภาวะภัยพิบัติ

ไม่มีภาชนะใดเหลือเลย คงมีแต่ข้าวสาร

อย่างเดียว เราจะทำอย่างไร

จึงจะหุงข้าวได้ ให้ลงมือทำจริง จะทานข้าว

กับอะไร จะใช้อะไรแทนจาน ช้อน

กลุ่มนี้ คุณเบญ + ญาญ่า+ดร.จิ๋ม

มารายงานตัวด่วนจ้า

 

 

กลุ่ม 4.

ถ้าเราพบสัตว์มีพิษ เช่นงู ตะขาบ

จำนวนมาก หนีไปไหนก็ไม่ได้ เราจะทำ

อย่างไร จะจัดการอย่างไร และถ้ามีใคร

คนใดคนหนึ่งถูกกัด แต่ไม่สามารถ

ไปหาหมอได้ เราจะใช้ความรู้จากบ้านสวน

ช่วยอย่างไร แล้วเรามีความเชื่อมั่น

ขนาดไหนว่าจะช่วยได้

กลุ่มนี้ คุณเจี๊ยบ ดร.จุ๋ม คุณทัศนีย์

รายงานด่วนจ้า

 

กลุ่ม 5

ถ้าเราพบสัตว์ดุร้าย

เช่นเสือ จระเข้ งูยักษ์ ปลาฉลาม

บุกเข้ามาอาละวาด ในพื้นที่ ที่เราอยู่

แบบไม่ทันตั้งตัว เราจะช่วยตัวเอง+

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้อย่างไร

เพราะอะไร เราจึงตัดสินใจเช่นนั้น

หนูเหมี่ยว กับ ครูแตน ด.ช.ศักดา มาเลยจ้า

 

กลุ่ม 6

ถ้าเราเจอผีกระสือ

ผีกระหัง ปอป เสือสมิง ฯลฯ

อาละวาด เราจะทำอย่างไร เพราะอะไร

เชิญด่วนค่ะ สมาชิกทั้ง 3

 

กลุ่ม 7

ถ้าเกิดโรคระบาดขึ้นทั่วโลก

ทั่วประเทศ รวมทั้ง ที่เราอยู่อาศัยและโรคนี้

เราเห็นแล้วว่า ใครเป็นต้องตาย

ใน 3 วันแน่นอน และไม่มียารักษาได้

เราจะทำอย่างไร และเชื่อมั่นแค่ไหน

ว่าจะได้ผล เพราะอะไร

 

น้องมะเหมี่ยว และ พักพวกเชิญจ้า

 

กลุ่ม 8

ถ้ามีคนรู้ว่า บ้านสวนพีระมิด

เป็นที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อมีภัยและก็รู้ด้วยว่า

บ้านสวนพีระมิด เข้มงวด

มีพื้นที่จำกัด สำหรับคนที่มีศรัทธาแรงกล้า

เท่านั้น ที่จะได้เข้ามาพักพิงอาศัย

แต่ คนที่คอยจ้องจะเข้ามา ยังไม่สามารถ

หาวิธีที่จะเอาตัวเองแทรกเข้ามายึดพื้นที่ได้

และบุคคลเหล่านี้

ต้องคิดหาวิธีที่แยบยลยิ่ง ในการกำจัด

บุคคลที่เคยมาประจำ (หรือ อยู่ในนี้)

ท่านคิดว่า เขาจะมีวิธีการอย่างไร

ที่จะจัดการกับคนที่เคยมา ให้ไม่ได้เข้ามา

และทำให้ตัวเขา ได้เข้ามาโดยที่

คนทั้งหลาย ไม่สงสัย แต่กลับให้การต้อนรับ

แบบเต็มอกเต็มใจ ท่านจะมีวิธี

สังเกตุพฤติกรรม คนเหล่านี้ได้อย่างไร

และจะจัดการอย่างไร

 

กลุ่มนี้ คุณแหล๋นรายงาน คุณพล และ

ใครอีกเชิญด่วนจ้า

 

 

กลุ่ม 9

ขณะนี้ มีผู้คนจำนวนมาก

รู้ว่าวัตถุมงคลทุกอย่างของบ้านสวนพีระมิด

มีอานุภาพจริง พิสูจน์ได้ ท่านคิดว่า

จะมีคนอยากทำเลียนแบบ ของปลอม

หรือไม่ปลอม แต่ไม่ใช่ของ อ.อุบล

แต่อาจอ้างว่าของ อ.อุบล

หรือต่างสำนัก แล้วมาชักชวนให้ท่านบูชา

ทั้งที่รู้ว่า ไม่มีอานุภาพดังที่กล่าวอ้าง

ท่านจะตอบ หรือ มีวิธีพิสูจน์อย่างไร

จึงจะทราบ และ เห็นผลชัดเจน

ทันทีต่อหน้า ก่อนบูชา หรือจะทำอย่างไร

คุณน้อย ยุวรัตน์ ตอบได้เด็ดขาดมาก

ขอให้มาเหลาด่วนที่สุด

และผู้ร่วมกลุ่มด้วยจ้า บุญใครบุญมันนะจ๊ะ

 

กลุ่ม 10

เดี๋ยวมาต่อจ้า เชิญแต่ละกลุ่ม

อันที่จริงไม่ต้องให้ทบทวนหรอกนะ

แต่ที่มาเขียนนำให้

จะได้เรียงหัวข้อจ้า

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 18:23:13


ความคิดเห็นที่ 198 (1634789)

ที่ อ.อุบล

มาเขียนหัวข้อให้

ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเขียน

แบบเรียงทีละกลุ่มนะคะ

ใครพร้อมก่อน

เขียนก่อนได้บุญก่อน

จ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 18:26:39


ความคิดเห็นที่ 199 (1634791)

กลุ่ม 10

ถ้ามีคนเข้ามาบ้านสวนพีระมิด

แล้วแสดงความเคารพรัก อ.อุบล

แสดงว่าตัวเองเป็นนักปฎิบัติ จนมีคุณวิเศษ

แล้วอวดอ้างอภิญญา ฤทธิ์

แจกจ่ายเบอร์โทรศัพท์

ขอเบอร์ท่าน

 

แอบติดต่อท่านลับหลัง อ.อุบล

พูดจาให้รู้สึกลังเลสงสัย อ.อุบล

ชักชวนให้ไปหา บอกว่าสื่อกับเบื้องบนได้

ต้องการบอกเรื่องสำคัญ

ว่าท่านคือคนที่เบื้องบนเลือก ว่า

ให้ทำงานลับ ให้ อ.อุบล ท่านคิดว่า

คนเหล่านี้ เป็นคนอย่างไร และท่านจะ

ทำอย่างไร และถ้ามีคนเชื่อและทำตาม

ท่านคิดว่า คนนั้น เป็นคนอย่างไร

ท่านในฐานะลูกบ้านสวนฯ จะจัดการอย่างไ

กับคนเช่นว่านี้

 

คุณเอิ้น กับพวก ได้หัวข้อนี้

ขอให้เข้ามารายงานผลด่วนที่สุดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 18:33:02


ความคิดเห็นที่ 200 (1634795)

 

รู้สึกวันนี้เขียนธรรมทาน ลื่นปรื๊ด ลื่นปรื๊ด

ขอเล่ากิจกรรมวันอาทิตย์ต่อเลยดีก่า

ท่านอาจารย์มี Workshop มาให้เราทำต่อค่ะ  เกี่ยวกับการเอาตัวรอดเวลามีภัยพิบัติแบ่งเป็น 15 กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน

เริ่มจากกลุ่มอ้อยดีกว่า ได้กลุ่ม 2 โจทย์คือ ถ้าเราเจอพายุ ฝนตกหนัก มีน้ำมากระทันหัน ท่วมขึ้นสูงเหมือนภาพเหตุการณ์จริงที่ดูคลิปคืนวันเสาร์( สุนามิที่ญี่ปุ่น ตอนที่มีบางกลุ่มหนีมาอยู่บนภูเขา แล้วเห็นเหตุการณ์ที่สึนามิทำลายบ้านเรือน ตึก รถ อาคาต่างๆโดยไม่มีสิ่งใดต้านทาน) เราจะทำอย่างไร อยู่บ้าน หรือหนี วิธ๊หนี ทำอย่างไร และจะใช้ความรู้ที่ได้รับมาจากบ้านสวนฯ  ตลอดจนรหัส วัตถุมงคลช่วยอย่างไร  เอาตามความจริงว่าในกลุ่มมีอะไรอยู่กับตัวบ้างเวลานี้

ตอบ   เราทั้งกลุ่มใช้ชีวิตอยู่ในเมือง  ซึ่งถ้าสึนามิมาแบบมองเห็นอยู่หลัดๆ  เราเลือกหนีค่ะ  หนีขึ้นสูง  ซึ่งแต่ละคนควรคิดไว้ว่า ถ้าอยู่บ้านเราจะวิ่งไปไหน  ถ้าอยู่ที่ทำงานจะวิ่งไปไหน  อ้อยคิดไว้ว่าถ้าอยู่บ้าน จะวิ่งขึ้นคอนโดที่อยู่ติดๆกันสูง 20 กว่าชั้น  ถ้าอยู่ที่ทำงาน อยู่ตึก ชั้น 25 อยู่แล้ว  ถ้าอยู่ตามโรงพยาบาลก็วิ่งขึ้นตึกใดตึกหนึ่งได้ (ถึงแม้จะเชื่อมั่นว่าจะได้อยู่มาอยู่ที่บ้านสวนฯ อิ อิ)

เรามีขั้นตอนปฎิบัติดังนี้

1.ลูกบ้านสวนฯต้องมีสติ ทันทีที่เห็นภัย หรือกรณีนี้น้ำมา  ให้พูดว่า "อ.อุบลช่วยด้วย ขอให้น้ำหยุด และพวกเรารอดปลอดภัย"

2. เป่านกหวีด เพื่อให้พวกที่แตกตื่นหยุด แล้วตะโกนว่า "ใครอยากรอดให้ทำตาม"  บอกให้ทุกคนขึ้นที่สูง  ระหว่างวิ่งพูดว่า "อ.อุบลช่วยด้วยขอให้น้ำหยุด " แล้วก็ออกวิ่งทันที โดยเราต้องนำพูดรหัสไปเรื่อยๆ

3.พออยู่ที่สูงปลอดภัย ให้บอกให้ทุกคนพูดตาม

"ขอบารมีพระศรีอาริย์ ที่ท่านอ.อุบลอาราธนาบารมีมา รวมกับบุญกุศลท่าน อ.อุบล รวมกับจี้องค์สฟริงซ์ของลูกบ้านสวนฯทุกคน ขอให้น้ำหยุด และพวกเรารอดปลอดภัยด้วยเทอญ

ซึ่งเราเชื่อมั่นล้านเปอร์เซ็นต์ว่าน้ำจะหยุด หรือเปลี่ยนไปทางอื่นแน่นอน

4.กรณีมีคนบาดเจ็บ พิการ  ให้ทุกคนพูดตาม (เน้นพลังสามัคคี)

"ขอบารมีองค์พระศรีอาริย์ที่ท่าน อ.อุบลได้อาราธนาบารมีมา รวมกับบุญของท่าน อ.อุบล รวมกับจี้องค์สฟริงซ์ของลูกบ้านสวนฯทุกคน ขอให้ทุกคนที่บาดเจ็บและพิการหายฉับพลันมันทีด้วยเทอญ"

นี่คือขั้นตอนที่กลุ่มเราคิดได้  และถ้าใครเห็นว่าเป็นประโยชน์ ให้จำขั้นตอนเหล่านี้ไว้  มีเวลาว่างๆก็นึกทบทวนไว้   พอเหตุการณ์เกิดขึ้นเราจะทำตามนี้เป็นอัตโนมัติ  คอนเฟิร์ม

เพราะอ้อยเคยมีประสบการณ์มาแล้ว  อ้อยเคยคิดว่าถ้าไฟไหม้เราจะทำยังไง (กรณีอยู่ที่บ้านโโยเฉพาะตอนนอนหลับ)

อ้อยมีขั้นตอนดังนี้

1. ใส่ คอนแทคเลนส์ เพราะสายตาสั้นมาก

2. สวมเสื้อผ้าให้ครบ ทั้งชั้นใน ชั้นนอก เพราะเวลาเกิดเหตุการณ์ อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าทุกอย่างจะเคลียร์  จะมาใส่ชุดนอนไม่มีชั้นในได้อย่างไร ชิมิ ชิมิ

3.สะพายกระเป๋าถือลงมา  เพราะในกระเป๋าถืออ้อยจะมีทะเบียนบ้าน Passport และอื่นๆครบ

ซึ่งหลายปีมาแล้วสมัยเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ชั้น 5 กลางดึกคืนหนึ่ง  หลับอยู่ ได้ยินเสียง รปภ.ตะโกน ไฟไหม้ๆๆๆ  เปิดประตูออกมา โอ้โห ควันไฟเต็มไปหมด  ปิดประตู แล้วก็ทำตาม 3 ขั้นตอนอย่างเป็นอัตโนมัติ  พอลงมาข้างล่าง เพื่อนๆถามว่าพึ่งกลับจากเที่ยวเหรอ  เราบอกเปล่าพึ่งตื่นเหมือนกัน   ไม่น่าเชื่อพอเกิดเหตุการณ์จริง เราจะทำตามสิ่งที่เราเคยคิดมาก่อนเลย

ดังนั้น Workshop ที่ท่าน อ.อุบลให้ทำ จะเป็นกุศโลบายที่ทำให้

เราจำขั้นตอนการเอาตัวรอดได้  อย่างเป็นอัตโนมัติ  โดยเฉพาะ  ต้องเริ่มต้นด้วย " อ.อุบลช่วยด้วย" ก่อนเสมอ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-15 23:50:53

 

 

                                             กลุ่ม 2 ขอรายงานตัวค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 18:53:57



<< ก่อนหน้า 1 [2] 3 4 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.