ReadyPlanet.com


ส+อา 27-28 ต.ค.55 รับพระบารมี 3 ร่มโพธิ์ศรี+ปลดล๊อกกรรม เพื่ออยู่ในยุคพระศรีอาริย์ชาตินี้


สัปดาห์นี้

เสาร์+อาทิตย์ 27-28 ต.ค.55

 

เราจะมีกิจกรร

รับพระบารมี 3 ร่มโพธิ์ศรีกัน

เพื่อเตรียมความพร้อม

ทั้ง

ร่างกาย + จิตใจ

ที่จะอยู่ในยุคของ

พระศรีอาริย์......ในชาตินี้

ซึ่งพระองค์ จะทรงเสด็จมา

ปลดล๊อกกรรมให้

มวลมนุษย์

ที่เชื่อมั่น และ ศรัทธาพระองค์

นำผู้คนเข้าสู่นิพพาน

ในชาตินี้

 

ใครสงสัย หรือ ไม่สงสัย

แต่

ประสงค์จะเข้ารับ

พระบารมี 3 ร่มโพธิ์ศรี

ก็ขอเชิญมาแสดงตัวได้เลยจ้า



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-22 22:12:24


<< ก่อนหน้า 1 2 [3] 4 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 201 (1637171)

เห็นน้องกระต่ายมาเขียน

ธรรมทาน

เป็นคนแรกแล้วตั้งแต่เมื่อคืน

 

โอ

เด็กรุ่นใหม่

 สว.อย่าประมาท นะจ๊ะ

 

และ

ได้ข่าวว่า

สัปดาห์หน้านี้นะ

เค้าจะเลื่อนตำแหน่งจาก

ผู้ช่วยแม่ครัว เป็น คนปรุงแล้ว

นะจ๊ะ

 

ส่วนแม่ครัว

จะขอเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไป

เป็นผู้ช่วยแม่ครัว

แทน

แล้วนะจ๊ะ

 

การเขียนธรรมทาน

ของน้องกระต่าย ก็เป็นธรรมชาติ

คิดยังไง ทำอะไร ก็เขียน

ตามความรู้สึก

 

ไม่ต้องปรุงแต่ง

ไม่ต้อง พยายาม สร้างภาพ

ให้ดู ไฮโซ ใช้ศัพท์ หรู

แต่อ่านดู ไม่รู้เรื่อง

ไม่มีพลัง

 

บุญ

ก็เลยได้น้อย

หรือบางที เขียนสิ่งที่

ไม่สมควร

เลยได้บาปไปแทน

 

เอาเป็นว่า

ขอให้ทุกท่าน

ใช้ปัญญา ไม่ใช่ สัญญา

ในการเขียนธรรมทาน

 

ปัญญา

คือใช้สมองคิดวิเคราะห์

หาเหตุผล ในสิ่งที่ตนเอง

พบ และ เห็น

รู้สึกยังไง มันเกิดจากอะไร

ดึงเอาปัญญาออกมาใช้

เพื่อให้สมอง

พัฒนา

 

ส่วนการเขียธรรมทาน

แบบ ใช้สัญญา

คือ

ใช้แต่ความจำ จดมาบ้าง

จำมาบ้าง แล้วก็มาเขียน

เหมือนเล่าเรื่อง หรือ ถอดเทป

เขียนโดยไม่มีความรู้สึกร่วม

ได้แต่เล่าสิ่งที่เห็นสู่กันฟัง

เหมือนคุณคุณณากร

เขียนเรื่องรายการคุยไปแจกไป

ที่ได้ดูแล้วก็มาสรุปเขียน

แต่ไม่มีความรู้สึก

ว่าดูแล้ว

ได้ความคิด ได้ปัญญา

อะไรบ้าง

 

เช่นกัน

การเขียนธรรมทาน

ของหลายคน คือการจด

เหตุการณ์มาเล่าเท่านั้น

 

พออ่านแบบนี้

จากของ 2-3 คน ก็ไม่อ่านแล้ว

เพราะจดมาเหมือนกัน

ดูมาเหมือนกัน

 

ไม่มีการใช้ปัญญา

ของตัวเองคิดวิเคราะห์

ในสิ่งที่เห็น ในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

 

เช่นว่า

อย่าง ดร.จิ๋ม

เป็นโปลิโอ แล้วหายได้

ดีขึ้นได้นี่นะ

 

ลองมาคิดตามปัญญา

ของเราเอง

หมอเขาบอกรักษาไม่หาย

แล้วทำไม จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีจึงช่วยได้

 

ในจี้นี้มีอะไร

มีสิ่งใด ทำให้หาย

ทำให้เกิดปรากฎการณ์

มีพลังงาน หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ที่คนมองไม่เห็น ไม่ค่อยแน่ใจ

ไม่เชื่อ แต่ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้

กำลังบอกอะไรเรา

 

เรา

ไม่ได้อยู่กัน

เพียงมนุษย์ใช่หรือไม่

มีสิ่งใด อยู่รอบตัวเรา เห็นเรา

ดู เฝ้ามองเราอยู่ ตลอด

ใช่หรือไม่

 

สิ่งที่ว่านี้

ต้องมีอำนาจมาก

เหนือมนุษย์ เหนือ....ฟ้าฯลฯ

ใช่หรือไม่

 

ในเมื่อหมอทำไม่ได้

แต่จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีทำได้

 

แล้วจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

เอาพลังเหล่านี้มาบรรจุในจี้

ด้วยวิธีไหน ทำยังไง

ใครอยู่เบื้องหลัง

 

เรา

ประมาทไม่ได้แล้ว

เรา มีคน เฝ้ามองดู เรา

อยู่ทุกวินาที

รึป่าว

 

อันนี้

คือยกตัวอย่าง

ย่อๆ นิดๆ หน่อยๆ

ในการเขียนธรรมทาน

แบบ

ใช้ปัญญา ใช้หลักกรรมฐาน

 

คือให้ใช้สมอง

 

ไม่ใช่แค่ความจำ

จะทำให้พ้นทุกข์ได้ง่ายดาย

เพราะ

เมื่อมีปัญญาซะแล้ว

ทุกเรื่องก็คลื่คลายได้ทั้งหมด

 

แต่

ถ้าไม่มีปัญญา

ชีวิต ก็มีแต่ปัญหา

แล้วพอเกิดปัญหา มันไม่มีปัญญาแก้

 

บางคนจึง

ทุกข์ ไม่สิ้นสุด

เพราะขาดปัญญา

 

ต่อแต่นี้ไป

ใช้ปัญญา อย่าใช้แต่ สัญญา

 

สัญญา ทิ้งไม่ได้

แต่อย่าใช้ล้วนๆ ต้องใช้

การคิดร่วมด้วยเสมอ

นะจ๊ะ

 

จะได้เลิกเจ็บ เลิกจน

กันซักที

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 08:56:22


ความคิดเห็นที่ 202 (1637177)

เรียกว่า

ทั้ง อ.มงคล + คุณท้อป

เขาไม่คัดค้าน และ เป็นผู้ส่งเสริม

อยู่เบื้องหลัง อ.อุบล จึงทำเช่นนี้ได้

จึงช่วยคนอื่นได้จ้า

 

เพราะ

ลำพังตัวเองคนเดียว

คงทำไม่ได้ แน่นอน คอนเฟอร์ม

 

อันที่จริง

ควรขอบคุณ 2 คนนั้นแหละ

ถูกต้องที่สุดเลยจ้า

หนูส้มจ๋า

ค่ะ อาจารย์ :)

- - - - - - - - - - - -

โมทนาบุญกับทุกท่าน

ที่ได้ร่วมกิจกรรมเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา

และขอขอบคุณสำหรับธรรมทาน

ที่มาเล่าให้ผู้ด้อยโอกาสฟังนะคะ :)

- - - - -

เรื่องที่คุณธนาเล่ามาทำให้คิดได้ว่า

ชีวิตเรามันไม่ได้มีเวลามากพอ

ที่จะทำทุกอย่างได้ครบหมด

ในเมื่ิิอเราหวังนิพพานเป็นที่ไป

ก็ควรทำตามครูสอน

พระพุทธเจ้าทรงชี้แนะแนวทาง

ท่านอาจารย์ก็นำมาขยายแนะให้ทำ

ก็ควรทำตาม

บางอย่างนั้นดีจริง น่าจะทำ

แต่ถ้าไม่ใช่หนทางตรงเข้าสู่เป้าหมาย

จะไปเถลไถลทำไมกัน

ความตายไม่มีสัญญาณเตือน

ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายแล้วหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเอง

เร่งทำความดี

เดินตามทางด่วนที่เหล่าอาจารย์ท่านแนะนำดีที่สุดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญมณี สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 09:28:00


ความคิดเห็นที่ 203 (1637179)

เห็นหลายคน

มาเขียนเรื่องลำดับการเขียนธรรมทานแล้ว

ก็เลยต้องมาทบทวนให้ใหม่

เพราะยังตกหล่น

บางหัวข้อสำคัญซะด้วย

****************

อันที่จริง

ไม่ได้หมายถึงเฉพาะ

การเขียนธรรมทาน แต่หมายถึง

การทำความดี ทุกอย่าง

ซึ่งก็รวมทั้ง

การเขียนธรรมทาน นั่นแหละ

 

5 ข้อ ต้องทำให้ครบ

คือ

1.ให้ทำทันที

2.ให้ทำอย่างง่ายๆ

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.ทำอย่างต่อเนื่อง

5.ทำให้มากขึ้น

 

คำว่า "ทำทันที"

ยกตัวอย่าง เข้ามาถึงบ้านสวน

ไม่ต้องรอถามใครหรอก

ว่าจะให้ทำอะไร

ถ้าเขายังไม่แบ่งงาน

เดินเข้าไปโรงทาน เห็นพื้นไม่สะอาด

หยิบไม้กวาดเลย ทำเลย ไม่ต้องให้ใครสั่ง

บุญเกิดเลย ง่ายๆ

 

กวาดแล้วยังเห็นขยะเต็มถัง

นำไปทิ้งลงหลุมเลย ถ้าเคยมาแล้ว

รู้แล้วนี่ ว่าทิ้งตรงไหน

ถ้ายังไม่เคย ก็ถามเลย ว่าทิ้งตรงไหน

ใช้ปากให้เป็น ไม่ใช่เอาไว้นินทา

เอาไว้ถาม ให้เกิดบุญขึ้นมาทันที

 

เดินเข้ามา

เห็นถุงมือหล่นที่พื้น เก็บเลย

เก็บแล้ว จะเอาไปไหน

อย่างน้อย เก็บจากพื้นขึ้นมาก่อน

ถ้าเห็นว่า เกินกว่าจะซัก

ทิ้งขยะไปเลย

 

เดินไปห้องน้ำ

เห็นใบไม้หล่นเต็มสนามหญ้า

เก็บใบไม้ทั้งขาไป ขากลับ

นี่เขาเรียกว่า เดินไปไหน ก็ได้บุญ

เก็บเล็กเก็บน้อยไปทั้งหมด

 

แล้วเราจะเป็นคนที่

ไปไหน จะมีเทวดาตามติดตลอด

เพราะ

เทวดา ทำบุญเองไม่ได้

แต่จะคอยตาม คนมีบุญ เพื่อคอย

อนุโมนา และ คอยช่วย

พอท่านช่วยคนดี คนดีจะมีสำนึกดี

เขาจะอุทิศบุญ หรือ แม้ไม่ทันอุทิศ

ถ้าเทวดา ท่านตาม คนกำลังทำดี

ท่านคิดแค่ว่า สาธุ ท่านก็ได้บุญเรา

แล้วท่านจะมีกำลัง

ช่วยเราทุกเรื่อง ไม่ว่าเราไปไหน

แต่ถ้าคนที่

ไม่ชอบทำความดีทุกที่

เทวดาจะไม่ตาม คุ้มครอง

แต่

จะมีภูติผีปีศาจ

คอยตาม คอยบังคับจิต

ให้คิดผิด ให้พูดผิด ให้ทำผิด

เพื่อให้ชีวิตมีทุกข์

มีอุปสรรค เจ็บป่วย เสียเงิน

แล้วผีเหล่านี้ ก็จะหัวเราะ สะใจ

 

ดังนั้น

การทำความดี

พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ทำ

ทันที แล้วทำแบบ ง่ายๆ

ไม่ต้องท่าเยอะ พิธีรีตรองเยอะ

มันไม่ใช่วิธีของพระพุทธเจ้า

แต่เป็นวิธีของคนโง่ ที่อยากอวดฉลาด

ทำให้ยุ่งยาก บางคนก็เลย ไม่ได้ทำสักที

หรือ พาลไม่ทำ

เพราะคิดว่า การทำความดี นี่มันต้อง

ใช้พิธีกรรม ใช้เงิน ใช้เวลามาก

 

อย่างเข้าห้องน้ำ

เดินเข้าปุ๊บ เห็นพื้นสกปรก

ก่อนออกมา ทำเลย ทำง่ายๆ

 เห็นน้ำไม่เต็มถัง

เปิดใส่เลย แล้วอย่าเปิดทิ้งล้นล่ะ

มันจะเกินดี กลายเป็นบาป

เห็นอะไรพัง อะไรเสีย อย่าดูดาย

ซ่อมได้ ทำได้ ทำเลย

ทำไม่ได้ ก็มาแจ้ง มาบอก

เรียกว่า เราไม่ดูดาย ต่อสิ่งที่พบเห็น

อันนี้ เป็นความดี แบบทันที และ ง่ายๆ

 

คำว่าทำแบบง่ายๆ

มันมีความหมายลึกซึ้ง

ซึ่งพวกเราหลายคน ที่ตีความตรงนี้

ผิดเพี้ยน หรือ คับแคบไปหมด

 

เมื่อยกตัวอย่าง

การเขียนธรรมทาน

คำว่า ทำแบบง่ายๆ ไม่ได้หมายเฉพาะ

ใช้ภาษาง่ายๆ แต่หมายรวมถึง

วิธีการเขียน

อย่าทำให้ยุ่งยาก

 

ไม่ต้องร่างใส่กระดาษก่อน

ไม่ต้องไปพิมพ์ไว้ที่หนึ่งก่อน

แล้วค่อยมาลงในกระทู้

 

โอ

กว่าจะได้แต่ละความเห็น

เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต

 

เหตุผลสารพัด

กลัวไม่สละ สลวย กลัวผิด

 

โอ

กลัวอยู่นั่นแหละ

สุดท้าย ต้อง กลัวตาย

เพราะบุญธรรมทาน ส่งผลไม่ทัน

กับกรรมที่ทำมาเยอะ

 

เวลาทำบาป

ไม่เคยวางแผนเลย

ทำได้ทันที ทำแบบง่ายๆ

ทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างต่อเนื่อง

และทำมากขึ้น

 

ครบสูตรบาปเลย

 

แต่เวลาจะทำดี

มีลีลา มีข้ออ้าง มีปัญหาเยอะ

นี่แหละ กรรมมันจึงตาม ตลอด

บำบัดเท่าไหร่ ทำบุญยังไง ไปบ้านสวน

นานแค่ไหน มันก็ไม่คลี่คลายหรอก

เพราะ

จะทำความดี มีข้อแม้เยอะ

 

ก็เคยบอกแล้ว

ว่า

พิมพ์ไปเลย ในกระทู้ ในความเห็น

ช่องที่ให้พิมพ์นี่แหละ

เขียนตามที่ความคิดขณะนั้นระลึกได้

ผิดช่างมัน ให้คนอ่าน อ่านเข้าใจ

เป็นพอ เราก็เคยอ่าน

ของคนที่เขาพิมพ์ผิด เราก็รู้ว่า

เขาจะเขียนอะไร

 

แต่ทำไม

เวลาเราจะเขียน จะพิมพ์

ต้องคิดเยอะนัก

 

เอ้อ

กรรมมันบัง

ผี

มันมา พาให้คิดอย่างนี้

จริงๆ นะ

 

เมื่อไหร่

ที่เอาชนะ ผี พวกนี้ได้

ก็จะหนีเขาได้

 

คือ

เขารู้ว่า

เขาบังคับจิตเราไม่ได้

เขาก็ไปเอง

ไปหาคนใหม่ ที่บังคับได้ต่อไป

 

ทีนี้

ทำอย่างสม่ำเสมอ

เพราะอะไร

 

เวลาเงิน อยากได้ สม่ำเสมอ

ข้าว กินทุกวัน วันละหลายมื้อ

ตะกละตะกลามกิน

 

น้ำ

ไม่อาบสักวัน เหม็นไหม

 

เสื้อผ้า ใส่แล้ว ไม่ซัก อยากใส่อีกไหม

 

งาน ต้องทำทุกวันไหม

จึงจะได้ค่าตอบแทน

 

แต่พอทำความดี ทำบุญ

ทำปีละครั้งสองครั้ง

หรือ

อาทิตย์ละวัน สองวัน

แถมทำแบบแก้บน ตามๆมั่วๆไป

อาศัยคนอื่นไป

 

แล้วปัญหา

มันจะคลี่คลายได้ยังไง

 

ชีวิต

มันจึงเหมือนคนที่

ไม่มีจะกิน กินไม่อิ่ม ไม่ได้กินของชอบ

ไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสะอาด

 

เพราะ

ทำบุญไว้ ขาดๆ แคลนๆ

ทำน้อย อยากได้มาก

 

ก็ทำไมคิดไม่ออกล่ะ

ว่า

ลองทำให้มาก อยากได้น้อยๆ

หรือ

ทำความดี ให้มาก ทุกเวลานาที

แม้แต่ทำงาน ก็ทำให้ดีที่สุด ทำเต็มที่

ไม่อู้งาน ไม่ล้างผลาญทรัพย์ที่ทำงาน

ประหยัด ทำให้สะอาด ทำให้เรียบร้อย

ทำให้เร็ว ทำให้ถูก ทำให้เสร็จ

ก่อนกำหนด ไม่ใช่แค่ตามกำหนด

 

แล้วอย่าสนใจ

ว่า

ใครจะทำ ไม่ทำอย่างเรา

มันเรื่องของเวรกรรมของเขา

เราจะหนีกรรม เขาไม่หนี ก็ไม่ต้องไปอยู่

เป็นเพื่อนเขา หนีไปก่อน

ถ้าเขาเห็นเราหนีไปดี ชีวิตดี เดี๋ยวเขาก็ตามเอง

 

แต่เรา

เล่นไปร่วมวงนินทา

ไปแสดงปัญญาอันสูงส่งซะก่อน

แต่ไม่ลงมือทำ อวดแต่รู้

มันต้องอวดด้วยการลงมือทำ

อย่าเก่งแต่พูด

 

ประเทศไทย

มีคนเก่งแต่พูดกันเยอะ

ประเทศถึงเป็นอย่างนี้

ต่อไปนี้

เราไม่เอาพวกเก่งแต่ปาก

เราจะยอมรับนับถือเฉพาะคนที่

ลงมือทำให้เราเห็นผลงาน

เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดี ที่ยอมรับได้

 

เราต้องเริ่มที่เราก่อน

โดยทำทันที ทำอย่างง่ายๆ

อย่างสม่ำเสมอ

อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ที่สุด

ที่ทำให้มีชัยชนะ

อุปสรรคทั้งปวงได้

คือ

ทำให้มากขึ้นตลอดไป

 

ตั้งใจไว้เลย

ถ้าทำไม่ได้

ให้มันตายไปเลย

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 09:30:45


ความคิดเห็นที่ 204 (1637184)

 

การเขียนธรรมทาน

คำว่า ทำแบบง่ายๆ ไม่ได้หมายเฉพาะ

ใช้ภาษาง่ายๆ แต่หมายรวมถึง

วิธีการเขียน

อย่าทำให้ยุ่งยาก

ขอขอบคุณครับท่านอาจารย์แม่

เคาะกระโหลกผมอีกแล้วแฮ่ๆ

งั้นจะเขียนให้เป็นธรรมชาติน๊าครับ

สิ่งที่รู้สึกมีความสุขกับเต้นใหม่จากความเมตตา

ท่านอาจารย์แม่สู่ลูกบ้านสวน ได้คลายร้อน

ก็ความขยันขอพี่น้องบ้านสวน ไม่มีบ่นไม่มีอู้

ทำไปยิ้มไป ใช้ รหัส อาจารย์ อุบล ช่วยด้วย

กันไป เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย เมื่อยก็ไม่เมือย

มีพลังอะำไรมาจากไหนมัยรู้ ท่าทางมีความสุขกันจริงๆ อิอิ

และที่สำคัญ คาถา บูชา พระศริอารย์ โหท่องกันทุกคน

เรียกว่าทำงานไปมีสติ ใจจดจ่อกับกุศลกันไป

ไม่ให้วอกแวก กับมโนกรรมอกุศล สร้างบุญเต็มกำลัง

และที่เซอร์ไพรส์ ก็คือ น้องชิม สามารถชวน

คุณแม่ สุดที่รัก รักที่สุดมาร่วมงาน เสาร์อาทิตย์

ที่ผ่านมาด้วยเพราะที่ผ่านมารู้สึกว่า

คุณแม่ จะไม่ค่อยอยากมาบ้านสวน

คงเพราะคุณ ชิมเค้าเคยผิด ศิล4 มาอยากโชกโชน

เลยเล่าอะไรเกี่ยวกับ ปฏิหารต่างๆในบ้านสวน คุณแม่เค้าไม่อยากจะเชื่อ(คุณชิมเค้าเคยสารภาพกับผมน๊าครับ)

แต่หลังจากได้แจกคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

เกือบ 8000 ฉบัับ และ ได้บอกเล่าเรื่องราว

ความจริงกับสิ่งที่เกิดในบ้านสวนและตนเองกัน

ผู้คนต่างๆในเขต นครสวรรค์

ทำให้เกิดศรัทธา กันมากมายฝากบูชาจี้กันเยอะเลย

ทั้งหมดคุณชิม ขออย่างเดว ส่งบุญให้กับคุณแม่และเทวดาที่รักษาคุณแม่ให้ ได้มาบ้านสวนและได้มารับความสุข

และพ้นทุกข์ จึงทำให้เกิดการมาเมื่อเสาร์ อาทิตย์ครับ

สาธุ กับ น้องชิม และพี่น้องบ้านสวนทุกท่านนะครับ

ขอแสดงความเสียใจ กับพี่ตุ้ย ที่ศูนย์เสียคุณแม่

แต่ยังไงผมเชื่อว่า คุณแม่พี่ตุ้ย น๊าจะมาอยู่ที่บ้านสวน

หลังจากที่ผมเชื่อว่าแม่ของผมก็มาอยู่แล้วเช่นกันครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรพุทธ ศรีคุ้ม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 10:48:19


ความคิดเห็นที่ 205 (1637193)

เมื่อวานวันที่ 29 ต.ค.55ไปรับคุณแม่(คุณยายเล็ก)ที่บ้านสวนฯ โดยนัดคุณแม่ไว้ 4โมงเย็น ระหว่างทางรถติดเป็นระยะๆ ในใจก็คิดว่าคงถึงบ้านสวนฯเกิน 4 โมงแน่เลย แต่ไม่อยากผิดศีลข้อมุสา ก็เลยอธิษฐานขอให้ไปถึงตามเวลานัด ผลคือพอเลี้ยวรถเข้าบ้านสวนฯ แล้วมาดูนาฬิกาเวลา 4.00น.เป๊ะเลยค่ะ แล้วก็เห็นคุณแม่เดินออกมาพอดีกันเลยค่ะ มหัศจรรย์จริงๆ นี่คงเป็นเพราะความตั้งใจที่ไม่ต้องการผิดศีล ท่านจึงเมตตาให้ไปถึงตามเวลา

ขอกราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ที่บ้านสวนฯอ.อุบลและครอบครัวในความเมตตาที่ให้คุณแม่ได้มีโอกาสทำบุญที่บ้านสวนฯเป็นอย่างสูงค่ะ

 สาธุ สาธุ สาธุ      กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุษกร วงศ์สุวรรณ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 11:28:53


ความคิดเห็นที่ 206 (1637195)

     เป็นยังไงกันบ้างครับ คิดว่าชาวเกาะทุกท่านคงรออ่านธรรมทานของสัปดาห์นี้กันอยู่ใช่ป่ะครับ สัปดาห์นี้มีทั้งเรื่องลับและเรื่องไม่ลับมากมายน่ะครับ งั้นเอาเรื่องไม่ลับก่อนน่ะครับ 55+พี่ชนิดากับน้องหญิงอย่าเพิ่งน้ำลายน่ะครับ

    ( เรื่องส่วนตัวคืนศุกร์ )
       หลังจากเดินทางมาถึงบ้านสวนฯ ตอนดึก ผมก็นั่งเสาเหร่กับพี่น้องผองเพื่อนครับ น้องมิ้มก็ทักทายผมคนแรกเรยครับ บอกว่า..พี่ป้อม อาทิตย์นี้หน้าใสขึ้นน่ะ อาทิตย์ก่อน พี่ป้อมหน้าดำมากเรย ขอบตาก็ดำ มันผิดปรกติไม่เหมือนเดิมน่ะ มิ้มยังคุยกับพี่ๆน้องๆอยู่เรย เหมือนคนโดนของเรย พอผมมานั่งคุยกะพี่เหมี่ยว พี่อมร พี่ธนา พี่เหมี่ยวก็ทักผมเหมือนกัน ว่าเออ...หน้ามันใสขึ้นแล้ว พอคุยกันแป๊ปนึง ท่านอาจารย์ก็ขับรถกอล์ฟมาทักทายครับ ผมก็เรยเรียนถามท่าน ว่าผมโดนคุณไสย์หรอครับ ท่านก็เมตตาบอกว่า..ก็น่าจะโดนน่ะ ก็ไปรับเขาเข้ามาเองนิ....แป่ว คือ อยากจะบอกพี่ๆน้องๆ ไว้ครับ ว่าแค่เปิดใจรับ เออ ออ ห่อหมก เห็นด้วย ก็โดนคุณไสย์ได้ เพราะฉะนั้น ก็ระมัดระวังตัวกันไว้บ้างเด้อครับ
   ( กิจกรรมบุญวันเสาร์ )
    เรามีเวริ์คช้อป กัน 11 กลุ่มครับ กลุ่มละประมาณ 6-7 คนครับ ดูเหมือนว่าสัปดาห์นี้ ทุกคนมีความมุ่งมั่นอย่างมากมาย สงสัย..แอบหวังว่าจะปลดล็อกกรรมให้ได้กันอะดิ 55+ ขำ
   หลังจากแบ่งกลุ่มแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไป ตามฐานของตนเองครับ ฐานหลักๆที่ผมจำได้ ก็จะมี รื้อพื้นที่วิหารไม่ไผ่ งานก่อสร้าง ลานจอดรถด้านหลัง และงานเกษตรครับ ซึ่งตัวผมอยู่ฐานงานเกษตรครับ
   สมาชิกของกลุ่มผม มีกัน 6 คนครับ รวมผมด้วยเป็น 7 คนครับ วันนี้เป็นอีกวันนึง ที่อากาสร้อนมากๆครับ คือแดดเปรี้ยงเรยครับ งานของกลุ่มคือ ถางหญ้า2ข้างทาง จากแปลงเกษตร จนถึง องค์พระด้านหลัง นี่ถือว่า ไม่หมูเรยน่ะครับ เพราะว่าร้อนและระยะทางค่อนข้างไกลด้วยครับ เราถางหญ้ากันไป ก็ภาวนากันไปครับ...อ่อ ลืมบอกไปครับ วันนี้เรามีนักข่าว จากบางกอกโพส มาทำข่าวด้วยน่ะครับ ในช่วงเช้า เราถางหญ้ากันไป สลับกับฟังบรรยาย จาก อ.พันธ์ เป็นช่วงๆครับ 55+ แกแวะมาตรวจงานเป็นระยะๆ  แล้วก็บ่นน่ะครับ 55+ ฉงฉัย ทำไม่ถูกใจวัยสะรุ่นอย่างแกนะครับ ทำๆไปผมก็เช็คอาการเจ็บป่วยของสมาชิก เป็นระยะครับ
     ช่วงเบรคพักกินข้าวเที่ยง เราได้ทานไอติม ชื่นใจ จากน้องเต้ ครับ โอ้ววว คลายร้อนไปได้เยอะเรยครับ สาธุกับน้องเต้ด้วยครับ
     กินข้าวเที่ยงเสร็จ พี่ธนาก็เรียกประชุมชี้แจงในบางเรื่อง รวมทั้งชี้แจงเรื่องสำคัญคือ ให้ทุกกลุ่มเปลี่ยน หมุนเวียนสลับฐานกัน เพราะว่าจะได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมบุญครับ เสร็จแล้วพี่ธนาก็ถามทุกคนว่า เป็นไง เห็นด้วยไหม๊ ปรากฎว่า ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะว่า งานเก่าในแต่ละกลุ่มทำไว้นั้น ยังทำไม่เสร็จ อยากให้มันต่อเนื่อง เรียบร้อย.....55+ ความโง่ เข้ามาเยือน อย่างที่พวกเรา ไม่รู้ตัวเรยครับ ว่า ทำไม..พี่ธนา จึงจี้แจงและเสนอแบบนั้น ซึ่ง พี่ธนาได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านอาจารย์ และท่านอาจารย์ได้รับรหัสการปลดล็อกกรรมมาจากเบื้องบนอีกทีนึง......ตอนนั้นพวกเราไม่ได้ ไตร่ตรอง และคิดพิจารณา ประเด็นนั้นๆเรย ตอนนั้น รู้แต่เพียงว่า เรากำลังมีปัญหาเรื่องนี้ เรื่องนั้นอยู่ เราอยากหาย อยากรวย อยากผิวพรรณดี เพราะฉะนั้น เราจะอยู่ฐานนี้ ทำกิจกรรมนี้ เราจะได้ปลดล็อก ....... ตอนนั้น คิดแบบนี้กันหมดเรย ไม่มีใคร เอ๊ะ เรย...เรื่องนี้ขออุบไว้เหลาตอนหลังต่อน่ะครับ
    ช่วงบ่ายสรุปก็คือ ทุกคนยังคงทำกิจกรรมฐานเดิมอยู่ครับ ก็ทำกันจนเย็นเรยครับ เลิกงานก็ประมาณห้าโมงครึ่งครับ ทุกคนเหนื่อยกันลิ้นห้อยเรยครับ ซึ่งงานของกลุ่มผม ก็สำเร็จไปได้ประมาณ 90 เปอร์เซนครับ
    งั้นผมขอสรุปผลของกิจกรรมของกลุ่มผม ดังนี้น่ะครับ กลุ่มผล หาย100เปอร์เซน 2 คน ดีขึ้น 1 คน รอติดผล 3 คนครับ
1. พี่จิ๋ม ก่อนทำมีอาการปวดหลัง และไอเจ็บคอ หลังกิจกรรม ปวดหลังหาย 100เปอร์เซน ส่วนไอเจ็บคอ ดีขึ้นครับ ทั้งหมดนี้หายภายในเวลา 3 ชั่วโมง
2. น้องวิน ก่อนทำ มีอาการเจ็บแผลที่ขา+เป็นสิวอักเสบ แต่หลังจากทำกิจกรรมแล้ว อาการเจ็บแผลที่ขาดีขึ้น 80เปอร์เซนต์ ปากแผลปิดสนิท ส่วนใบหน้าใสขึ้นครับอย่างเห็นได้ชัดเจนครับ
3. น้องบัว ก่อนทำ มีอาการเจ็บที่หน้าอก แต่หลังจากทำงานไป ก็หาย100เปอร์เซนต์ ภายใน 30 นาทีเท่านั้นเองครับ
4. พี่หน่อย ก่อนทำ พี่เค้ามีอาการ ปูดบวมเป็นก้อนที่หัวเข่าขวาครับ หลังจากทำกิจกรรม ขนาดบวมปูดที่ขา เล็กลง ประมาณ30-40เปอร์เซนครับ ไม่น่าเชื่อครับ สุดยอดครับ
5. พี่รัตน์ นั้นต้องติดตามผลครับ คือของพี่เค้าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีครับ จะไปตรวจผลอีกทีประมาณ เดือนมีนา ปีหน้าครับ ก็ขอให้โชคดีครับ ถ้าปีหน้ายังมีอยู่น่ะ 55+
6. น้องเต้ นี่ก็อีกรายครับ ที่ต้องติดตามผลครับ น้องเต้ บอกว่า มีปัญหาเรื่อง ลูกดื้อ+เมียดื้อ ครับ อันนี้ผมไม่รู้ว่า ตกลงใครดื้อกันแน่ อิอิ.
7. ส่วนตัวผม ก็ไม่มีอาการโรคหัวใจกำเริบใดๆ ในระหว่างทำงานครับ สบายๆ ชิวๆ ครับ แต่ว่ามามีอาการปวดหลังครับ แต่ผมก็ไม่อุทิศบุญให้น่ะครับ คือเจตนาผมนั้น ตั้งใจให้โรคหัวใจเจ้าเดียวครับ แต่มารู้อีกที่ตอนที่ออกไปรายผลกับท่านอาจารย์นั้น ว่า จริงๆแล้วเป็นเจ้าหนี้เดียวกัน พออาจารย์พูดจบปุ๊ป ก็ถามผมว่าเชื่อม่ะว่าเจ้าเดียวกัน ผลบอกว่าเชื่อครับ พอลองสังเกตุที่ลัง ปรากฎว่า อาการปวดหลังปวดเอว หายไปเรยครับ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ
 เดี๋ยวมาต่อ น่ะครับ...  
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 11:36:35


ความคิดเห็นที่ 207 (1637213)

เราต้องเริ่มที่เราก่อน

โดยทำทันที ทำอย่างง่ายๆ

อย่างสม่ำเสมอ

อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ที่สุด

ที่ทำให้มีชัยชนะ

อุปสรรคทั้งปวงได้

คือ

ทำให้มากขึ้นตลอดไป

 

ตั้งใจไว้เลย

ถ้าทำไม่ได้

ให้มันตายไปเลย

แฮะ แฮะ

ท่านอาจารย์เจ้าขา ทําก็ตาย ไม่ทําก็ตาย

ขอทําทันทีเลยดีกว่าค่ะ

เพราะ อร ก็ไม่รู้ว่าจะตาย ตอนใหน

เมื่อไหร่ อย่างไร

จะได้มีบุญไว้เลี้ยงตัว

ในโลกหน้า

เพราะท่านอาจารย์ รับรองผลไว้แล้ว

จะทําให้ดีที่สุดตามกําลังสติปัญญาค่ะ

กราบ กราบ กราบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:17:46


ความคิดเห็นที่ 208 (1637215)

     กินข้าวเที่ยงเสร็จ พี่ธนาก็เรียกประชุมชี้แจงในบางเรื่อง รวมทั้งชี้แจงเรื่องสำคัญคือ ให้ทุกกลุ่มเปลี่ยน หมุนเวียนสลับฐานกัน เพราะว่าจะได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมบุญครับ เสร็จแล้วพี่ธนาก็ถามทุกคนว่า เป็นไง เห็นด้วยไหม๊ ปรากฎว่า ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะว่า งานเก่าในแต่ละกลุ่มทำไว้นั้น ยังทำไม่เสร็จ อยากให้มันต่อเนื่อง เรียบร้อย.....55

ข้อความโดย สิงห์ป้อม

วันนั้นได้บอกกับทุกคนว่า ให้ทุกกลุ่มเปลี่ยนฐานกิจกรรมกัน เพื่อให้ได้ทุกๆบุญ หากเป็นผมก็ต้องให้เปลี่ยนกลุ่มแน่นอน ตอนนี้มีกลุ่มไหนจะเปลี่ยนกลุ่มกันบ้าง 

ซึ่งตอนนั้นพี่ๆน้องๆต่างพากันตอบว่าขออยู่ฐานเดิม ไม่เปลี่ยนกลุ่มเพราะต้องการทำงานที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จ 

ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจากผมไม่เด็ดขาด ทั้งๆที่รู้ว่าท่านอาจารย์มีคำสั่งมาแล้ว ผมควรเปลี่ยนฐานให้ทุกกลุ่มทันที แม้ว่าจะมีหลายๆความเห็นก็ตาม แต่ผมควรยึดมั่นคำสั่งท่านอาจารย์อย่างเคร่งครัด

แต่สิ่งทีเกิดขึ้นในกิจกรรมวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า

"รูปแบบและวิธีการดำเนินกิจกรรมนั้น มีผลอย่างยิ่งและโดยตรงต่อผลการบำบัด"

"ที่สำคัญพบว่าการทำงานโดยหมุนเวียนฐานนั้น งานสำเร็จเสร็จอย่างง่ายดายและทุกคนรู้สึกไม่เหนื่อยและมีความสนุก ตื่นเต้นกับความท้าทายใหม่ๆที่รออยู่ในแต่ละฐาน"

เห็นชัดๆว่า นี่คือบทเรียนของผมที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วนในหลายๆเรื่อง อย่างน้อยก็ยังดีที่มีโอกาสปรับตัวในวันอาทิตย์ ทำให้เห็นผลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนว่า

"การทำตามผู้นำนั้น สำคัญที่สุด"

ท่านอาจารย์ได้รับการสื่อสารมาและท่านได้พิจารณาทุกอย่างดีแล้ว ท่านจึงสั่งการออกมา ที่ผ่านมาฉลาดเกินไปครับ จึงไม่พ้นทุกข์สักที

ขอน้อมรับผิดและจะปรับปรุงตัวโดยด่วนครับ ขออภัยทุกท่านด้วยครับที่ทำให้ทุกท่านไม่สามารถปลดล็อคกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:20:51


ความคิดเห็นที่ 209 (1637217)

(มาต่อแล้วครับ)

หลังจากที่ทุกคนมารวมกันพร้อมแล้วที่วิหารชั้น 1 ก็มีนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ชื่อดังมาทำข่าว โดยเริ่มจากท่าน อ.อุบลได้เริ่มแนะนำรูปปั้นขององค์เทพต่างๆ ว่าเป็นผู้ใด และมีความสำคัญอย่างไร จากนั้น ก็ได้ให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่ออกมาเพื่อพิสูจน์อานุภาพของจี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี โดยในครั้งนี้ ไม่ต้องจับก็สามารถหายได้ แค่ให้คนที่มีอาการอยู่จ้องที่จี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี และพวกเราก็เริ่มนับกันเป็น วินาที แล้วปรากฎว่าหายจริงๆ ซึ่งเบสคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงมาก เพราะว่าไม่ต้องสัมผัส เพียงแค่จ้อง มอง จี้รุ่นสามร่มโพธิ์ศรี ก็สามารถทำให้หายได้ ซึ่งนับวัน เราจะยิ่งเห็นอานุภาพของจี้รุ่นสามรุ่นโพธิ์ศรีกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น พวกเราก็แยกย้ายกันไปทำงานที่ได้รับมอบหมายกันต่อ ....

โดยในกลุ่มของเบส พวกเราก็ได้กลับมายกท่อระบายน้ำเพื่อใช้ในการตกแต่งกันต่อ...

เวลาประมานบ่ายโมง พวกเรามาพร้อมหน้ากันกินข้าวที่โรงทานและร่วมพูดคุยกันในเรื่องอาการที่เป็นอยู่ของแต่ละคน

โดยในกลุ่มของเบสนั้น มีสมาชิก 5 คน และในตอนบ่าย ก็มีพี่ชิมมาเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 6 คน

หลังกินข้าวเสร็จ ก็ออกมาทำงานกันต่อ ซึ่งหลังจากที่กลุ่มของเบสตกแต่งบริเวณที่จอดรถด้านหน้าเสร็จแล้ว ก็มาช่วยงานก่อสร้าง

โดยพวกเราได้ช่วยกันยกอิฐบล๊อค เพื่อใช้ในการทำฐานอาคาร เพื่อเตรียมเทปูนในโอกาสถัดไป ซึ่งเราก็ได้ช่วยกันอย่างแข็งขัน และเฮฮา สนุกสนาน เมื่อจบกิจกรรมเวลาประมาน 5 โมงเย็น กลุ่มของเบสก็ได้มาร่วมประชุมกันเพื่อสรุปผลที่ได้รับจากกิจกรรมในตลอดทั้งวัน

โดยปัญหาของแต่ละคนก็คือ 1  เบส มีอาการ เป็นโรคภูมิแพ้ และขาดปัญญา หลังจากร่วมกิจกรรมแล้ว รู้สึกจะมีปัญญาขึ้นมานิดหนึ่ง (แต่ก็ยังโง่เหมือนเดิม T___T) ส่วนอาการภูมิแพ้นั้น ต้องรอติดตามผล

2 พี่เอิ้น เป็นโรคติดเชื้อในกระแสเลือด และภูมิแพ้ พี่เอิ้นบอกว่าขณะที่ทำกิจกรรมนั้น อาการภูมิแพ้หายไปแล้ว แต่เมื่อย้ายไปอีกฐานในตอนบ่าย อาการก็กลับมาเป็นอีก โดยพี่เขาบอกว่า น่าจะเกิดจากได้ฆ่ามด แมลงต่างๆ ขณะทำงาน

3 อ.นี มีอาการปวดเอวด้านหลัง อาการดีขึ้น 95%

4+5 ป้าสองคนนี้จำชื่อไม่ได้ โดยมีคนหนึ่งมีอาการไอ ซึ่งในขณะที่ทำงานก็ไม่มีอาการปรากฎให้เห็น แต่ป้าบอกว่ากลับมาเป็นอีก ซึ่งเป็นเพราะกรรมที่มาจากการผิดศีลข้อที่ 4 มาแสดงผลนั่นเอง / ส่วนป้าอีกคนหนึ่ง นอนไม่หลับ และมีความดันสูง จึงต้องรอติดตามผล ว่าจะมีอาการดีขึ้นหรือไม่ ซึ่ง อ.อุบลเมตตาบอกว่า เป็นเพราะว่าป้าออกเงินกู้แล้วคิดดอกเบี้ย จึงทำให้นอนไม่หลับ ซึ่งป้าก็บอกว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

6 พี่ชิม มีอาการหัวเข่าดังเวลานั่งยองๆ ซึ่งเป็นกรรมจากการที่ผิดศีลข้อสามมามาก โดยมีอาการดีขึ้น 60% และเมื่อออกมารายงาน อ.อุบลบอกว่า พี่ชิมไม่ได้เป็นแค่ชาตินี้ แต่สำส่อนมาหลายชาติ เมื่อ อ.อุบลพูดจบ ก็ให้พี่ชิมลองนั่งยองๆดู ประกฎว่าเสียงดังหายไปสนิท ทำเอาทุกคนอึ้งกันเป็นแถวเลยครับ

โดยในขณะที่พวกเรารายงานสรุปในแต่ละกลุ่มกัน ก็จะย่างมัน และย่างเห็ดกินกันไปด้วย เรียกได้ว่า ได้ทั้งสาระ ได้ธรรมะ ได้ทั้งอิ่มท้องไปด้วยครับ ครบเต็มรูปแบบจริงๆครับ

จากนั้นพวกเราก็นั่งคุยเล่นกัน และเบสก็เดินออกมาคุยเล่นกับพี่ๆบริเวณประตูหน้าบ้านสวน ตรงบริเวณที่พระแม่ธรณีอยู่ เราก็คุยกันเฮฮาสนุกสนานไปตามปกติ และก็มี UFO บินมาให้เห็นเป็นพักๆ พวกเราก็ต่างชี้ให้กันดูด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่รู้ใคร ชวนกันเต้น เพื่อให้ UFOมา พวกเราก็เต้นๆกัน ปรากฎว่า มาจริงๆด้วย เห็นชัดกันมากเลย ตาก็มองฟ้า ตัวก็เต้นไปด้วย คิดทีไรก็อดขำไม่ได้ เพราะตอนแรกก็มี ประมาน ห้า หก คน แต่หลังๆ มาเต้นกันเป็นสิบ เรียกได้ว่าเป็นการร่วมสังสรรเฮฮากัน ก่อนนอน~

ในเช้าวันอาทิตย์ เบสรีบตื่นแต่เช้า เพราะว่าจะต้องกลับบ้านในตอนเช้า วันนี้อาการเย็นมากครับ เบสมองไปรอบๆแล้วคนอื่นๆก็เริ่มตื่นกันบ้างแล้ว เบสก็ได้บอกลาพี่ๆที่เจอ และเก็บกระเป๋า และขึ้นรถกระป้อ เพื่อกลับบ้าน คิดแล้วก็ใจหายนะครับ อยู่มาตั้ง 9 วัน อิอิ ~

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:24:56


ความคิดเห็นที่ 210 (1637218)

กราบเรียน ท่าน อ.อุบล และ ท่าน อ.มงคล

หนูเป็นอีกคนที่ได้ร่วมเข้ากิจกรรม

รับพระบารมี 3 ร่มโพธิ์ศรี เมื่อวันที่ 27-28 ตค. 55

ต้องบอกว่า ก่อนไปหนูไม่มีแรง และง่วงมากๆ

เพราะอดนอนมาหลายคืน เนื่องจากงานที่รับผิดชอบอยู่

ต้องทำตั้งแต่ตี 1 จนถึง 10 โมงเช้า ตั้งแต่วันจันทร์ -เสาร์

คิดในใจว่าคงไม่ได้ไปแน่ๆเลย แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดาย

เลยตั้งจิตอธิษฐานของพระบารมีองค์สมเด็จปฐม 

พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และ พระศรีอาริยเมตตรัย

ว่า หากไปใครนี้ แล้วจะทำให้ชีวิตของหนูดีขึ้น กลับมา

ขายของได้ ก็ขอให้ได้ไป บ้านสวนฯด้วยเถิด

ปรากฎว่าหลังจากนั้นหนูก็มีแรง

ขึ้นรถตู้เิดินทางไปบ้านสวนพีระมิดได้อย่างปลอดภัยค่ะ

แต่ไปถึงก็เที่ยงกว่าแล้ว

เห็นลูกบ้่านสวนฯยังทำงานไม่หยุด ไม่ยอมพักขึ้นข้าว ขยัน และตั้งใจทำบุญถวายแรงกายกันจริงๆ โมทนาบุญด้วยนะึคะ

จากนั้น แม่นี ก็มาเรียกให้เข้าไปในวิหาร

เพื่อร่วมบันทึกเทปรายการโทรทัศน์ด้วยกัน

ตอนนั้นหนูมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสบารมีของ

จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี เพื่อรักษาอาการอ่อนเพลีย ปวดบ่าไหล่

ซึ่งอาการเหล่านี้

ก็หายไปหมดตั้งแต่เดินยังไม่ถึงตัว ท่าน อ.อุบล เลยค่ะ

แล้วแต่ที่ปาฏิหาริย์สุด คือ พี่ที่ป่วยเป็นโรคไตค่ะ

ตอนแรกไม่มีแรง ใบหน้า้เกือบเป็นสีเขียวคล้ำ

แต่พอมาบ้านสวนฯ กลับทำบุญถวายแรงกายได้ซะงั้น

จากนั้นหน้าตาของพี่เค้าก็เริ่มสดใส มีเลือดฝาด

แต่ที่ดีใจมากๆ คือ ตอนที่ ท่าน อ.อุบล

เรียกพี่เค้าออกไปรับบารมี จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

คือ การได้เห็นพี่เค้าความหวัง และ เชื่อมั่นว่าจะหายจากโรคได้

ดวงตาพี่ดูเป็นประกาย แถมยังเชื่อมั่นในบุญบารมี

ที่ได้ทำไว้กับบ้านสวนฯ

หนูก็หวังว่า บุญบารมีของ ท่่าน อ.อุบล และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนฯจะช่วยให้พี่เค้าหายป่วยได้เร็วๆค่ะ

จากนั้นหนูได้ขออนุญาตน ท่าน อ.อุบล นำผ้าที่เตรียมมาจากบ้าน

ไปเช็ดรูปปั้นเทพสฟิงซ์ และ รูปปั้นท่านท้าวเวสสุวรรณ ด้วยค่้ะ 

รู้สึดดีใจจริงๆ ที่ได้ทำบุญใหญ่ สมกับที่ตั้งใจไว้ก่อนมาว่า

จะตั้งใจทำบุญถวายพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระศรีอริยเมตตรัย

ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 พระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เทวดารักษา ท่าน อ.อุบล และ เทวดารักษาตัวหนูเองค่ะ

 

พอพักเที่ยง คุณธนา ได้เรียกหนูให้เข้าไปร่วมกลุ่มกับพี่อ้อย

ก็ไปทำบุญวิหารท่านค่ะ พอทำเสร็จเกิดอาการปวดเอว

และปวดหลังมากๆค่ะ ไม่รู้ทำไม

 

และพอถึงเวลากลางคืน

ได้มาร่วมรับฟังการรายงานผลการทำบุญถวายแรงกายของแต่ละกลุ่ม หนูดีใจมากที่รู้ว่า จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี มีพุทธคุณมาก สามารถ 

และให้หลายๆคนอาการดีขึ้น

โดยเฉพาะป้าพร ที่แค่อยากไ้ด้จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

ก็มีก้อน ( ขี้หู) หลุดออกมา ทำให้ได้ยินชัดขึ้น

น้องชิม ที่กระดูกเข่ามีปัญหา ก็ค่อยๆดีขึ้น 

ส่วนหนู ก็ยังปวดเอว ต่อไป.....

แล้วจะกลับมาเล่าต่อนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กรภัทร์ อคะรินทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:25:10


ความคิดเห็นที่ 211 (1637219)

5 ข้อ ต้องทำให้ครบ

คือ

1.ให้ทำทันที

2.ให้ทำอย่างง่ายๆ

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.ทำอย่างต่อเนื่อง

5.ทำให้มากขึ้น

++++++++++++++++++++++

กราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ครับ

เบสรู้ตัวว่ายังเลวมาก

แต่ก็จะพยายามทำให้ได้ และทำให้มากขึ้น

เพื่อที่ว่าอย่างน้อย

เวลาที่จะตาย จะได้ไม่คิดเสียชาติเกิด

จะได้ไม่คิดว่า อุส่าเกิดมาเป็นคนทั้งที

แต่กลับไม่ได้สร้างบุญอะไรไว้เลย

หรือคิดว่า

ถ้ารู้อย่างนี้

ทำมากกว่านี้...ก็ดีหรอก ~

กราบขอบพระคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:31:13


ความคิดเห็นที่ 212 (1637220)

ขอเหลาธรรมในสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ

วันศุกร์ที่ 26ตุลาคม2555

วันนี้มาถึงประมาณ 5ทุ่มนิสๆ พอขับมาเกือบถึงหน้าบ้านสวนฯก็แปลกใจว่า ทำไมมันมืดๆผิดปกติก็เลยไม่มั่นใจคิดว่ายังไม่ถึงมั้ง หรือว่าไฟดับหว่า ป๊าดดดด...ขับเลยหน้าบ้านสวนไปประมาณไม่กี่เมตร

ฮ่วยย...ทำไมวันนี้มืดจัง แต่ก็เหลือบเห็นภายในบ้านสวนฯมีแสงสว่างหลายจุดมาก ก็เลยคิดว่า เราคงเข้าใจผิดไปว่าไฟดับ แต่พอเหลือบไปมองบ้านข้างๆก็พบว่าไฟดับมืดสนิทเยย

ก็เลยรู้ว่าไฟที่สว่างนั้นมาจากระบบไฟสำรองของบ้านสวนฯนั่นเอง ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าไฟสำรองนั้นมีประโยชน์มากมายเลยครับ เวลาไฟดับมืด แสงจากเครื่องไฟสำรองนั้นสว่างเอาการเลยทีเดียว ว้าววว... ท่านใดสนใจจะทำบุญด้วยโซล่าเซลล์ หรือชุดไฟสำรอง ก็เชิญเลยนะกั๊บบ

บรรยากาศยามค่ำคืนของวันศุกร์นั้นเริ่มเย็นและหนาววว เอาเรื่องเลยทีเดียว ยังกะไปเที่ยวเมืองเหนือประมาณนั้น ได้คุยกับพี่ๆน้องๆสักพัก แล้วมีโอกาสได้คุยกับท่านอาจารย์เรื่องงานกิจกรรมพรุ่งนี้ จากนั้นก็มีพี่น้องมาร่วมวงอีกจำนวนหนึ่งก็คุยกันอีกสักพักเดียว

เสร็จแว้ววก็ว่าจะไปนอนแล้ว ออกมาจากโรงทานก็เหลือบไปเห็นกลุ่มพี่เหมี่ยว พี่อมร น้องอัญ กำลังนั่งคุยกันเพื่อคอยสิงห์ป้อมอยู่ ไอ้เราก็ดันไปรีบปรี่ร่วมวงด้วย จนสิงห์ป้อมมาและโม้กันหลายเรื่อง เช่น หน้าสิงห์ป้อมซึ่งดำแหล่นี่โดนของบ่น๊อ โม้ไปโม้มาสักพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไปนอน คร่อกกกก.....

เด๋วมาต่อกั๊บบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:35:23


ความคิดเห็นที่ 213 (1637222)

พี่ ธนาก็เรียก ประชุม รวมทั้งชี้แจงเรื่องสำคัญคือ ให้ทุกกลุ่มเปลี่ยน หมุนเวียนสลับฐานกัน เพราะว่าจะได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมบุญครับ เสร็จแล้วพี่ธนาก็ถามทุกคนว่า เป็นไง เห็นด้วยไหม๊ ปรากฎว่า ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะว่า งานเก่าในแต่ละกลุ่มทำไว้นั้น ยังทำไม่เสร็จ อยากให้มันต่อเนื่อง เรียบร้อย.....55+ ความโง่ เข้ามาเยือน อย่างที่พวกเรา ไม่รู้ตัวเรยครับ ว่า ทำไม..พี่ธนา จึงจี้แจงและเสนอแบบนั้น ซึ่ง พี่ธนาได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านอาจารย์ และท่านอาจารย์ได้รับรหัสการปลดล็อกกรรมมาจากเบื้องบนอีกทีนึง......ตอนนั้น พวกเราไม่ได้ ไตร่ตรอง และคิดพิจารณา ประเด็นนั้นๆเรย ตอนนั้น รู้แต่เพียงว่า เรากำลังมีปัญหาเรื่องนี้ เรื่องนั้นอยู่ เราอยากหาย อยากรวย อยากผิวพรรณดี เพราะฉะนั้น เราจะอยู่ฐานนี้ ทำกิจกรรมนี้ เราจะได้ปลดล็อก ....... ตอนนั้น คิดแบบนี้กันหมดเรย ไม่มีใคร เอ๊ะ เรย...เรื่องนี้ขออุบไว้เหลาตอนหลังต่อน่ะครับ

รอลุ้นอยู่นะคะ คุณป้อม (รีบมาเล่าต่อด่วนจ้าา ส.วใจร้อน)

อรว่านะ ถ้าเราทําสิ่งใดที่เจือด้วยกิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น  ความสําเร็จจะเห็นได้ยาก โดยเฉพาะการปฎิบัติ เพราะทุกสิ่ง ทุกอย่างในบ้านสวนฯ ท่านอาจารย์ พาพวกเรา ปฎิบัติจริงทุก ย่างเก้า

วิธีการทําเิวิร์คช้อป ซึ่งเบื่องบนเป็นผู้จัดสรร แต่ละครั้ง ทําให้พวกเราได้ประสบการณ์  การเรียนรู้ที่ออกมาจากจิตของเราโดยตรง ล้วนๆ และรู้ได้เฉพาะตนจริงๆ

จากความศรัทธา เชื่อมั่น ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เต็มร้อย ไม่มีความอยาก ไม่ลังเลสงสัย ทําตามที่ท่านอาจารย์ แนะนํา

ผลที่ได้ก็คือ หายป่วย หายทุกข์ แถมได้ปัญญา เต็มร้อยทันที

หากศรัทธาแค่ 50 ยังลังเลสงสัย คิดโน้น นี่ นั้น ผลก็ได้ 50

หากไม่ศรัทธา ไม่เชื่อมั่น ยังคิดไม่ดี จิตยังมีโต้แย้ง อันนี้ นอกจากจะไม่พ้นทุกข์แล้ว กับจะได้เพิ่มทุกข์ให้กับตัวเองด้วยซั้า

ผลอันนี้เห็นได้จากวันที่ 19 ต.ค ในงาน กิจกรรมบําบัดที่ผ่านมา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:47:28


ความคิดเห็นที่ 214 (1637239)

อาทิตย์ที่ผ่านมามีเรื่องปาฏิหารย์เกิดขึ้น

ในวันอังคารที่แล้วผมตื่นขึ้นมาเหมือนรู้สึกว่านอนทับอะไร

หยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นแหวนสฟิ้งหลุดจากนิ้วไปตอนไหนไม่ทราบ

พอผมดัดวงแหวนก็เลยหักจึงนำไปเก็บไว้บนหิ้งพระ

พอตอนสายรู้สึกเจ็บคอและครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนไม่สบาย

จึงนอนพักตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสายๆ คราวนี้ปวดไปทั้งตัว

จึงคิดว่า เอ...เราไปติดเชื้อหวัดที่ไหนมาก็ไม่มีคำตอบ

แต่มีคำตอบเดียวที่ขึ้นมาคือเราทำแหวนหักแล้วยังไม่ได้ขอขมา

จึงขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์  ใช้รหัส

และขอพระบารมีและท่องคาถาพระศรีอาริย์ไปตลอดจนนอนหลับไป

ด้วยความอ่อนเพลียสลับกับลุกขึ้นมาฉิ้งฉ่องบ่อยมาก

ประมาณเป็นสิบครั้งทั้งๆที่ดื่มน้ำเพียงเล็กน้อย  ยังแปลกใจตัวเองอยู่

นอนซมอยู่สองวันมาสังเกตุตัวเองอีกที

คือเมื่อยล้ากล้ามเนื้อนิ่มไปหมดทั้งตัวพอดูที่ เท้า

ประหลาดใจมากครับเท้าแฟบเหี่ยวไม่มีร่องรอยของการบวมเลย

รู้สึกตื่นเต้นมากไม่เคยเป็นเป็นแบบนี้มานานตั้ง ๒๐ กว่าปีแล้ว

คือปกติเท้าจะบวมจนชินตาแต่ที่แฟบลงนี่ดูไม่ปกติครับสำหรับผม

ถือเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีใจสุดๆ  ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้

ท่านอาจารย์อุบลเคยบอกไว้ว่า

หลังจากที่ได้สารภาพความผิดตอนเดือนเมษา ๒๕๕๔

ว่าอาการตึงจะหายไปแต่อาการบวมจะค่อยๆหายไปเอง 

ต่อเมื่อภารกิจเสร็จนั่นแหละเท้าจึงจะหายบวม

ความผิดที่เคยกระทำ คือ การล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ขาดความเคารพ ไม่ได้ขอขมาท่านในขณะที่ขึ้นไปเขียน

ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพุทธปทีปจนเป็นความเคยชิน

จนได้มาพบกับท่านอาจารย์อุบล

และได้รับความเมตตากรุณาจากพระพุทธองค์มอบภารกิจให้ทำ

คือ ผมต้องสร้างและปั้นเสริมในส่วนของสมเด็จองค์ปฐมฯให้สมบูรณ์

ใช้เวลาทำ ๗ เดือนครับโครงสร้างของสมเด็จองค์ปฐมฯก็เสร็จ

เหลือแต่การตกแต่งประดับลวดลายใส่เครื่องทรงให้พระองค์ท่าน

ตอนนี้เท้าที่เคยบวมหายเกือบเป็นปกติแล้วครับ  

ผมคิดว่ากรรมของผมได้ถูกปลดล๊อคบ้างแล้วครับ

ผมขอบคุณ แหล๋น ภรรยาของผมที่เป็นสะพานบุญให้ผมและลูกๆ

ได้มีโอกาสได้พบกับท่านอาจารย์อุบล อาจารย์มงคล คุณท๊อป

และบ้านสวนพีระมิด   ได้มาสร้างบุญด้วยแรงกายร่วมกับญาติธรรม

ทุกท่าน  ได้ฝึกจิต ฝึกกาย และบุญอื่นๆมากมาย

ได้รับความเมตตากรุณาอย่างใหญ่หลวงจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์

ที่ได้ให้โอกาสผมได้แก้ไขความผิดที่ผมได้กระทำมา

ด้วยความเคารพอย่างสูงสุดครับ  สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชัย ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 14:34:00


ความคิดเห็นที่ 215 (1637250)

"การทำตามผู้นำนั้น สำคัญที่สุด"

ท่านอาจารย์ได้รับการสื่อสารมาและท่านได้พิจารณาทุกอย่างดีแล้ว ท่านจึงสั่งการออกมา ที่ผ่านมาฉลาดเกินไปครับ จึงไม่พ้นทุกข์สักที

ขอน้อมรับผิดและจะปรับปรุงตัวโดยด่วนครับ ขออภัยทุกท่านด้วยครับที่ทำให้ทุกท่านไม่สามารถปลดล็อคกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 13:20:51

ผู้นำ ณ บ้านสวนฯ คือท่านอาจารย์อุบล หรือผู้ที่ท่านมอบหมายงานให้ทำ ให้สั่งการแทน คนที่มาบ้านสวนฯควรจะเดินตาม ทำตาม คุณธนาเป็นผู้ได้รับมอบหน้าที่จากท่านอาจารย์โดยตรง เมื่อรับคำสั่งมา ทุกคนควรรับทราบตามนั้น

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ และคุณธนาค่ะ ทำให้นึกถึงคลิปลูกควายที่โดนฝูงสิงโตขย้ำจังเลยค่ะ เพราะเดินออกนอกฝูง ไม่เดินอยู่ในกลุ่ม จึงง่ายต่อการถูกสังหาร หรือไม่เดินตามผู้นำนั่นเอง จะจดจำไว้บอกตัวเองค่ะ

ขออนุโมทนากับธรรมทานของทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 15:34:49


ความคิดเห็นที่ 216 (1637260)

การเขียนธรรมทาน  5 ข้อต้องทำให้ครบ ศีล 5  ละความดีหนีความชั่ว + พรหมวิหาร4

1.ทำทันที   ถ้าไปที่ไหนหรือที่บ้านเราก็ตาม เช่นเห็นใบไม้ร่วงให้หยิบไม้กวาดๆทันที ฯลฯ

2.ทำอย่างง่ายๆ เช่นเข้าครัวเห็นถ้วยชามวางเกะกะเก็บเข้าที่ถ้าไม่รู้วางตรงไหนให้ถาม

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ  ตัดความขี้เกียจ

4. ทำอย่างต่อเนื่อง  ทำอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

5. ทำให้มากขึ้น 

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล  ที่เมตตาเตือนทุกท่านค่ะแต่สำหรับหนูแล้วเป็นการเกาถูกที่ถ้าทนให้กระตุกต่อมเลวเราทนรับได้แล้วเปลี่ยนทันทีจะดีมากเลย และการที่ท่านอ.อุบล หรือใครก็ช่างพูดตรงไปตรงมากับใครสักคนหนึ่งถ้าคนนั้นเปลี่ยนตัวเองได้ถือว่าคนนั้นได้ประโยชน์แล้วพอเขาคิดได้เขาจะขอบคุณ ( ทั้งๆที่การพูดตรงนั้นหรือคนที่ถูกตำหนินั้นหน้าแตก แต่ถ้าคิดให้ดีแล้วหน้าแตกดีกว่าสติแตก ) 

ขออนุโมทนานากับธรรมทานทุกๆท่านค่ะสาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 16:29:27


ความคิดเห็นที่ 217 (1637267)

 

 

เทวดา ทำบุญเองไม่ได้

แต่จะคอยตาม คนมีบุญ เพื่อคอย

อนุโมนา และ คอยช่วย

พอท่านช่วยคนดี คนดีจะมีสำนึกดี

เขาจะอุทิศบุญ หรือ แม้ไม่ทันอุทิศ

ถ้าเทวดา ท่านตาม คนกำลังทำดี

ท่านคิดแค่ว่า สาธุ ท่านก็ได้บุญเรา

แล้วท่านจะมีกำลัง

ช่วยเราทุกเรื่อง ไม่ว่าเราไปไหน

แต่ถ้าคนที่

ไม่ชอบทำความดีทุกที่

เทวดาจะไม่ตาม คุ้มครอง

แต่

จะมีภูติผีปีศาจ

คอยตาม คอยบังคับจิต

ให้คิดผิด ให้พูดผิด ให้ทำผิด

เพื่อให้ชีวิตมีทุกข์

มีอุปสรรค เจ็บป่วย เสียเงิน

แล้วผีเหล่านี้ ก็จะหัวเราะ สะใจ

ท่านอาจารย์รู้บางสิ่งที่เราไม่รู้

แล้วค่อยๆเผยความลับที่จะแก้ไขชีวิตให้ได้พบกับความสุขได้จริง

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตา คอยมาเตือน  มาสอน

ให้ปฎิบัติเพื่อความพ้นทุกข์เจ้าค่ะ

และโมทนาบุญธรรมทานจากทุกท่านที่เล่าได้อรรถรสแบบ อ่านไปยิ้มไป มีความสุขค่ะ

และโมทนาบุญทุกท่านที่ไปสร้างบุญที่บ้านสวนอย่างต่อเนื่องนะคะ

 สาธุ  สาธุ  สาธุค่ะ 

 

                     

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 17:31:22


ความคิดเห็นที่ 218 (1637270)

กราบท่านออุบล ที่เคารพ

                วันที่ 27  ต.ค.55  ด้วยความเมตตาจากท่านอ.อุบลจึงทำให้ด.ญ นิดหน่อยได็รับการเข้าค่ายครั้งนี้ด้วยความมุ่งหวังปลดล็อกกรรม  แต่เพราะพวกลูกหลานไม่เชื่อมั่นในคำสั่งของท่านอ.อุบลซึ่งได้รับคำสั่งจากเบื้องบน ที่กำหนดให้การจัดกิจกรรมที่มีประมาณ 5-6 กิจกรรมและแบ่งเป็นกลุ่มละประมาณ 4-6 คน เพื่อทำกิจกรรมต่างๆที่ได้กำหนดอาทิเช่นใครมีปัญหาสุขภาพก็ไปอยู่กลุ่มที่ได้กำหนดซึ่งจะมีหัวหน้ากลุ่มยืนพื้นอยู่แล้ว     และทุกๆ กลุ่มเมื่อทำงานครบ 1  ช.ม.จะต้องมีการย้ายฐานการทำงานไปอยู่อีกหัวหน้าคนหนึ่ง  สรุปเมื่อคุณธนามาสอบถามหลังอาหารกลางวันเรื่องย้านฐานปรากฏว่าทุกกลุ่มมีความเห็นไม่ขอย้ายฐานโดยอ้างว่าการทำงานติดพันอยู่  คิดว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนคงไม่เข้าใจงานที่จะทำต่อเหมือนพวกเรา (ความโง่ยังมีอยู่เยอะ)  และการทำงานทุกคนเร่งบุญกันมาก  แต่ขณะทำงานเวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็นน้องบัวซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกันมาแจ้งว่าจะมีกลุ่มอื่นมาเปลี่ยน  พอได้ยินแอบดีใจเพราะจะไม่ได้อยู่กลางแดดแล้ว  ผลคือไม่มีใครมาเปลี่ยนเลย

               สรุปทำงานในวันนี้เหนื่อยมากเพราะไม่มีใครมาเปลี่ยนเลยและสถานที่ทำคือแปลง.เกษตร นั้นเอง

             วันที่ 28 ต.ค.55 มีการทำงานเช่นวันแรกแต่เรามีการย้ายฐานทุก 1 ช.ม ผลก็คือมีความสุขผลของงานได้มากกว่าเก่าเป็น 100%  และระหว่างที่ทำงานเกิดคันที่พุง  มาก และมีการท่องคาถาพระศรีอาริย์ ฯ  และคาถา อ.อุบลช่วยด้วย  ผลคืออาการคันหายไปตอนไหนก็ไม่รุู้  กราบ  กราบ  กราบ   สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนทุก  ๆ พระองค์  และกราบท่านอ.อุบล ค่ะ  และระหว่างทำงานท่านอ.อบลทักเรียกชื่อด.ญนิดหน่อย ทำให้ปลื้มมากน้ำตาไหลรินด้วยความปลื้มค่ะท่านอ.อุบล

              สุดท้าย  ลูกขอกราบขอขมาที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งขอท่านอ.อุบล    เรื่องการย้ายฐาน

 

                              กราบท่านออุบลด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

                           ด.ญ นิดหน่อย

 

 

 

 

 

 

 

 

   ไม่ประสบความสำเร็จแต่ได้รับข้อคิดเห็นธรรมทานที่มีคุณค่าจากท่านอ.อุบล ที่กำหนดให้  5  ข้อ 1.ให้ทำทันที  2.ให้ทำอย่างง่ายๆ 3.ทำอย่างสมำเสมอ  4.ทำอย่างต่อเนื่อง  5.ทำให้มากขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น วัณณิตา นันตะโรหิต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 17:50:30


ความคิดเห็นที่ 219 (1637271)

 

อาทิตย์ที่ 27-28 ต.ค.54

อาทิตย์นี้ต้องบอกว่าใครพลาด ต้องเสียใจแน่ ๆ เลยค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านสวนมันเป็นปรากฎการณ์ที่มหัศจรรย์ขึ้นเรื่อย ๆ เลยค่ะ

ตอนนี้จี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี เราไม่ต้องถอดออกจากคอแล้วนะคะ ให้คนที่เราจะรักษามองเพ่งไปที่จี้ก็สามารถหายได้ อาจารย์ได้พิสูจน์แล้วค่ะ ตอนนี้อาการสายตายาวของแหม่มดีขึ้นอย่างมากเลยค่ะ  ตอนนี้อยู่นครนายกก็เห็นนครนายกแล้วค่ะ แต่ก่อนอยู่กรุงเทพถึงจะเห็นนครนายก

ตอนที่ท่านอ.อารธนาจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีเพื่อมาคุ้มครองลูก ๆ บ้านสวนทุกคน แหม่มปิติมากๆๆๆๆเลย ขนลุกตลอดเป็นเวลานานมาก ยังต้องให้น้องพจน์จับดู (มีพยานค่ะ)

ส่วนงานปลดล๊อคกรรมครั้งนี้ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ เราแบ่งเป็นฐานประมาณ 4 ฐานคือ 1 เกษตร

2 ตกแต่งบริเวณลานจอดรถ

3.รื้อบริเวณวิหารไม้ไผ่

4.ก่อสร้าง

กลุ่มของแหม่มเป็นปัญหาการงาน การเงิน อุปสรรค ขาดปัญญา

 ก็เลยได้ฐานแรกเป็นงานเกษตร(สำหรับพวกมีปัญหาปัญญาน้อย(อ่อน) กลุ่มแหม่มเองค่ะ มีคุณอดิศีกดิ์เป็นหัวหน้ากลุ่ม คุณธนาช่างเลือกได้เหมาะ เพราะในกลุ่มดูจะติ้งต๊องกันทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะหัวหน้า ภายนอกดูดี แต่ภายในต้องถามเจ้าตัวเองค่ะ เดี๊ยวจะว่าใส่ร้าย

ขั้นตอนแรกหัวหน้าก็เริ่มให้ปัญญาก่อนเลย ก่อนที่เราจะทำงานเกษตรจะต้องเลือกเครื่องไม้เครื่องมือให้เหมาะกับงาน เช่นเลีอกจอบ ถ้าจะขุดก็ต้องเลือกจอบที่มีน้ำหนัก ถ้าจะดายหญ้า ก็เลือกจอบขยัน

อ.พัน ถามหัวหน้าว่าต้องการงานหนักหรืองานเบา หัวหน้าบอกว่าปัญญาอ่อนอย่างกลุ่มเราต้องงานหนักเพื่อเสริมสร้างปัญญาให้เพิ่มขึ้น ก็เลยให้ไปขุดร่องเผือก ซึ่งมันก็ยากซ์จริง ๆ นะคะ อ.พันก็พยายามสอนให้เรารู้มาก ๆ แต่สมองของแหม่มก็น้อยนิดเหลือเกิน จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ต้องคอยช่วยกันตลอด แต่ก็ดีค่ะเป็นการสร้างความรักสามัคคีกันในกลุ่ม

ฐานที่ 2

กลุ่มสาวผิวเนียนของเรา คุณเหมี่ยว เธอจะประจำฐานที่เกี่ยวกับผิวพรรณตลอดไม่รู้ว่าตอนสาว ๆ อยากจะประกวดนางสาวไทยหรือปล่าว แต่ว่าพลาด ก็เลยจะอยู่แต่ฐานที่เกี่ยวกับความงามตลอด ซึ่งก็ได้ผลมากทีเดียว ต้องบอกว่าตอนนี้พี่เหมี่ยวของเรามีผิวพรรณที่เนียนมาก ทั้ง ๆ ที่ทำงานตากแดดตลอด ที่หลังมือที่แต่ก่อนเหมือนหนังคางคก จะสาก เป็นรอยเกา เป็นผื่น ตอนนี้ดีขึ้นมากเลยค่ะ หลังจากที่ไปจ้องมองจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีของท่านอ.อุบล บวกกับบุญที่มาทำที่บ้านสวน และประจำการที่หลังบริเวณลานจอดรถ มันเปลี่ยนไปมาก จนต้องโชว์ความเนียนให้พวกเราได้สัมผัสกันอย่างจะ จะ เลย

พวกกลุ่มของเราก็อยากจะสวยเหมือนพี่เหมี่ยวกันบ้าง เพราะทุกคนที่มากลุ่มพี่เหมื่ยวก็จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงให้เห็น 100% ทุกที แหม่มและเพื่อน ๆ ก็ได้มาช่วยเก็บเศษไม้ที่ผุพัง นำไปเผา ขนดินไปใส่หลุมก่อสร้างด้านหน้า อยากบอกว่าต้องอึดจริง ๆ ค่ะ และก็ช่วยย้ายไม้ไผ่ เพื่อให้บริเวณหลังวิหารไม่ไผ่ ดูสวยงามมากขึ้น

เหลืออีก 2 ฐานเดี๋ยวมาต่อค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 18:09:12


ความคิดเห็นที่ 220 (1637274)

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญธรรมทานของทุกๆท่านครับ

กิจกรรมวันเสาร์27 ต.ค. 2555

กรณีคุณจอย ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

วันเสาร์เราได้แบ่งกลุ่มทำเวิร์คช็อปกัน โดยกลุ่มผมได้รับมอบหมายงานให้ตกแต่งสถานที่ลานจอดรถด้านใน พี่ธนาให้ผมดูแลกลุ่มเก็บตกผู้ที่มาหลังจากจัดกลุ่มแล้ว แต่เป็นกลับกลายว่าผมได้สมาชิกท่านหนึ่งที่น่าสนใจมากคือคุณพิมพ์ประพรรณ บุญช่วยเหลือหรือคุณจอย มาจาก จ.ระยอง คุณจอยมาบ้านสวนเป็นครั้งแรกครับ มากับคุณแม่และหลานชาย คุณจอยป่วยด้วยโรคไตวายระยะสุดท้ายครับ ต้องฟอกไตอาทิตย์ละ2ครั้ง ผมเห็นคุณจอยครั้งแรกยังตกใจว่าคุณจอยจะทำงานไหวไหมเนี้ย ลักษณะคุณจอยจะผอมมาก ผิวดำคล้ำ หน้าดำ ริมฝีปากเขียวคล้ำ อาการภายนอกที่คุณจอยจะบำบัดในวันนี้คือ อาการปวดหลังซีกซ้ายและซีกขวา อาการคันที่คอและแขน อาการภูมิแพ้คัดจมูก อาการแน่นในท้องหายใจไม่ค่อยออก แต่อีกอย่างหนึ่งที่ยากกว่านั้นคือแขนข้างซ้ายที่ต้องใช้ต่อสายฟอกเลือดจะมีคล้ายมอเตอร์ติดอยู่ในแขนและหมอห้ามทำงาน ปกติคุณจอยจะไม่มีแรง แค่เดินจากหน้าบ้านไปหลังบ้านก็หมดแรงต้องนั่งพักแล้วแต่นี้คุณจอยต้องมาใช้แรงกายที่ค่อนข้างหนัก คงต้องลองดูครับ แต่คุณจอยได้พูดว่ามาด้วยศรัธาและมั่นใจว่าจะหายได้  ผมก็เอาช่วยคุณจอยครับ

ช่วงแรกผมได้ให้คุณจอยเก็บกวาดใบไม้ที่ลานจอดรถก่อน ผ่านไป15นาที ผมลองเข้าไปสอบถามอาการคุณจอย ปรากฏว่าอาการปวดหลัง คันผิว คัดจมูกดีขึ้น และรู้สึกร่างกายสดชื่นขึ้นมีแรงดีมาก ผมเลยเปลี่ยนงานให้คุณจอยมาเข็นรถเศษไม้และดิน ซึ่งงานหนักขึ้น และระหว่างที่ทำงานผมก็บอกให้คุณจอยภาวนา อ.อุบลช่วยด้วยและท่องคาถาพระศรีอาริย์ไปด้วย คุณจอยเข็นรถหลายรอบมากครับกว่าจะพัก  คุณจอยใช้แรงกายไป1ชม.45นาที ก็ถึงเวลาพักกลางวัน ผมก็เข้าไปสอบถามอาการคุณจอย ผลคืออาการคันที่คอและแขนหาย100% อาการภูมิแพ้คัดจมูกหาย100% อาการแน่นท้องหายใจไม่ค่อยออกหาย100%(หายใจโล่งและสดชื่นมากครับ) อาการปวดหลังซีกขวาหาย100% อาการปวดหลังซีกซ้ายดีขึ้น70% ช่วงกลางวันคุณจอยได้ออกไปให้ธรรมทานและรับพระบารมีจี้3ร่มโพธิ์ศรีอาการปวดหลังซีกซ้ายดีขึ้นเป็น80% และริมฝีปากที่มีสีเขียวคล้ำกลับมีสีชมพูขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ ภาคบ่ายคุณจอยก็ทำบุญใช้แรงกายโดยตกแต่งลานจอดรถและผูกเหล็กสร้างวิหาร ช่วงเย็นก่อนกลับคุณจอยดีใจมากและผมเห็นหน้าคุณจอยมีความสุข ริมฝีปากที่เมื่อเช้ามีสีเขียวคล้ำตอนนี้มีสีชมพูอย่างชัดเจนครับ คุณจอยยังบอกอีกว่าจะหาโอกาสมาสร้างบุญที่บ้านสวน9วันครับ ส่วนที่คุณจอยต้องฟอกไตอาทิตย์ละ2ครั้งจะขอติดตามผลต่อไปครับ

กรณีคุณจอยซึ่งเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ผมมีความเห็นว่าดูจากร่างกายภายนอกต้องบอกว่าโคม่ามากครับ และหมอก็ห้ามทำงานหนัก แต่คุณจอยสามารถมาสร้างบุญแรงกายและทำงานหนักได้ โดยที่ไม่ช็อคแถมขณะทำงานก็สดชื่นอีกต่างหาก ผมเชื่อว่าเป็นเพราะทุกบริเวณในบ้านสวนมีบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อัญเชิญมาสถิตย์ ณ บ้านสวน และด้วยผลบุญบ้านสวนทำให้คุณจอยหายจากอาการภูมิแพ้คัดจมูก คันตามตัว แน่นหายใจไม่ออก ปวดหลังหายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณจอยมีศรัทธาท่านอาจารย์อุบลและบ้านสวน และมีความมั่นใจว่าจะต้องหายจากโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 18:31:48


ความคิดเห็นที่ 221 (1637275)

(ต่อค่ะ)

ฐานที่ 3 รื้อบริเวณชั้นล่างของวิหารไม้ไผ่ ซึ่งผุพังมากแล้ว นำไปเผาไฟบริเวณบ่อน้ำ ซึ่งตอนนี้ทำเป็นเสมือนเตาเผาขยะไปก่อน จำลองนรกจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าร้อนมากๆเลย ใครที่อยากสัมผัสความร้อนของนรก ก็ลองลงไปที่เตาเผาที่นี่ก่อนได้นะคะ อาจารย์บอกว่าในนรกร้อนกว่านี้อีกมาก ขนาดอยู่บนปากบ่อไกล ๆ หนูยังทนไม่ค่อยไหวเลยค่ะอาจารย์ หนูขอสละสิทธิ์คนแรกค่ะ

ฐานที่ 4 งานก่อสร้าง ต้องบอกว่าเป็นงานถนัดของแหม่มและเพื่อน ๆ มาก เพราะทำมาตลอด มีความสุข ถึงแม้แดดจะแรงจนเกียบจะเป็นลม แต่ท่านอ.อุบลก็ยังเป็นห่วงไปซื้อเต้นมากางให้พวกเรา กลัวพวกเราจะตัวดำขอขอบคุณมากค่ะในความเมตตา อ.อุบล ดูแลพวกเราทุกอย่าง ตั้งแต่การกิน การนอน การทำงาน ไม่มีที่ไหนอีกแล้วค่ะ

ก็มาช่วยพี่อมร ก่ออิฐบล็อก เกลี่ยพื้นดินให้เสมอกัน และฐานนี้ก็จะช่วยเรื่องการเงินเป็นอย่างมากด้วย

สิ่งที่ประทับใจแต่ละฐานนะคะ

ตั้งแต่หัวหน้าฐานทุกคน จะกล่าวต้อนรับพวกเรา โดยเฉพาะนางงามของเรา พี่เหมี่ยวชวนเชิญมาก จะเห็นว่าฐานนี้คนจะมากเป็นพิเศษ ระหว่างรองานก็จะมาช่วยฐานนี้ก่อน ไม่รู้ว่ามีเสน่ห์อะไร แต่เจ้าตัวไม่ยอมบอก

สิ่งที่ประทับใจสำหรับwork shop นี้

ชอบค่ะ เปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ ทำให้ไม่รู้สึกว่าเหนื่อย และก็จะครอบคลุมปัญหาในทุก ๆ ด้านที่เรามีด้วยค่ะ เพราะแต่ละคนที่มาก็คงไม่ได้มีปัญหาเดียวหรอกค่ะ ปัญหาเจ็บป่วย การเงิน การงาน ความรัก เท่ากับว่าท่านอ.อุบลจะช่วยให้เราปลดล็อคให้ทุกปัญหา เพราะเมื่อเราอยู่ในยุคของพระศรีอาริย์แล้ว ทุกคนจะมีแต่ความสุข ท่านก็เลยจัดให้ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คนที่ไม่ได้มาก็คงจะเสียดายแย่เลย แต่ท่าน อ.บอกว่าสัปดาห์หน้ายังมีปลดล็อคกรรมอีกค่ะ ถ้าคุณพลาดอีก คุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องนะคะขอบอก ตอนนี้อ.อุบลนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเลยค่ะ คนมาทุกอาทิตย์ยังตามไม่ทันเลยค่ะ

กลุ่มของแหม่มคงยังต้องติดตามผลในตอนต่อไปค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 18:39:34


ความคิดเห็นที่ 222 (1637279)

 

กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ที่บ้านสวนพีระมิด อ.อุบล

 

เป็นครั้งแรกที่น้องได้ไปที่บ้านสวนพีระมิดเป็นครั้งแรกก็ประทับใจในทุก ๆ ด้านเลย เข้ามาก็รู้สึกถึงความอบอุ่น กับ อ.อุบลที่มีแต่ความเมตตาและก็ให้โอกาส น้องเริ่มประทับใจตั้งแต่ อาจารย์สอนให้เราเข้าใจถึงธรรมะโดยใช้ภาษาง่าย ๆ ไม่เน้นคำศัพท์ทางพระจนเกินไปซึ่งบางทีถ้าเราไม่เคยเรียนก็จะงงไปเลยว่าคืออะไร อาจารย์ทำให้น้องเห็นว่าการที่เราจะเป็นคนดีมีศีลธรรมได้ ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดขาว แต่เราก็สามารถรักษาศีลได้ ซึ่งเมื่อก่อนที่จะเจออาจารย์ น้องก็ใส่เสื้อผ้าชุดดำทำงานซะด้วยซ้ำแล้วก็คิดว่าถึงเราจะใส่สีดำ แต่ข้างในจิตเราไม่ดำนะแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด เพราะเราเห็นบางคนถือกินเจ และแต่งชุดขาวแต่ตัวเค้ายังผิดศีลอยู่เลยยังนั่งนินทาชาวบ้าน ยังนั่งโกหกหลอกลวงคน ยังผิดลูกผิดเมียคนอื่น ก็ทำให้เราไม่ศรัทธา และน้องก็ไม่กล้าที่จะใส่ชุดขาวเพียงเพราะให้คนอื่นรู้ว่าตอนนี้ชั้นกำลังปฏิบัติธรรมอยู่นะ ตอนแรก ๆ ก็เข้าเวปพลังจิตแล้วก็มีท่านนึงพาโพสต์ถึงบ้านสวนพีระมิดให้เราลองเข้าไปดู แต่ที่สำคัญห้ามลบหลู่ ก็ไม่สนใจปล่อยผ่านไปพอหลาย ๆ ครั้งเราก็ยังเจอเค้ายังโพสต์ถึงเวปบ้านสวนอีก ก็เอาวะไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองเข้าไปดูสักหน่อยเป็นไรมันต้องมีอะไรสิ เค้าถึงได้พยายามโพสต์หลาย ๆ กระทู้ พอเริ่มลองฟังอาจารย์พูด เอ๊ะทำไมเข้าใจง่าย ๆ เลย อาจารย์เน้นธรรมะที่ออกจากใจ ธรรมะที่ไม่ต้องประดิษฐ์คำพูดอะไรมากมาย แล้วอาจารย์ก็สอนเรื่องศีล ข้อนี้แหละที่ทำให้น้องเห็นตัวเองเลย ว่าโอ้นี่เราเลวขนาดนี้เลยหรอ

โดยเฉพาะข้อที่หนึ่ง ปาณาติบาต

การฆ่าสัตว์ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนเราเคยมาหมดเลย ฆ่าปลาจำนวนมากทุบหัว ฆ่ามด ฆ่าปลวก กุ้ง หอย ปู ปลา เห็บ หมัด ไก่ นก หนู ยุง แมลงสาป จิ้งเหลน ไส้เดือน ตั๊กแตน หนอน โดยเฉพาะ การฆ่าคน แนะนำเพื่อนให้ไปทำแท้ง และก็พาแม่ไปทำแท้ง

ผลกรรม การฆ่าสัตว์ของน้องที่มองเห็นได้ง่าย คือเจ็บป่วยเป็นภูมิแพ้ ปวดศรีษะ ปวดคอ จนกระทั่งอาเจียนเลยและทุกครั้งที่อาเจียนออกมาเราก็จะเห็นภาพไก่ตาเหลือกตอนที่เราฟาดคอเค้าก่อนที่เค้าจะตาย

ส่วนเรื่องการแนะนำคนไปทำแท้งตอนที่เพื่อนมาปรึกษาเราก็แนะนำไปคิดแค่ว่าถ้าเอาออกซะก็จบเรื่องแค่นั้นตอนนั้นยังอยู่ช่วงเรียน ปวช. ก็ยังไม่รู้เรื่องศีล จากนั้นไม่พอแม่ก็มีน้องแล้วแม่ก็อยากจะเอาออกเพราะคิดว่าแก่แล้วมีลูกจะอายเค้า และเราก็กลัวว่าถ้ามีน้องแล้วเราก็จะไม่สำคัญเพราะตอนนี้เราเป็นลูกคนเล็กเรียกได้ว่ากลัวตัวเองจะอิจฉาน้อง แม่ก็เลยถามว่าเพื่อนไปทำแท้งที่ไหนมา แล้วเราก็เป็นคนพาแม่ไปทำแท้งด้วยตัวเอง จากนั้นก็เริ่มเจอกับวิบากกรรมเรื่อย ๆ โดยที่เราก็ยังไม่คิดอะไร ทำงานเจ้านายก็ไม่รักคอยแต่จะจับผิด มีแฟนแต่ละคนก็เจอแต่คนที่หลอกเรา ก็ไม่เป็นที่รักของพ่อแม่สักเท่าไร การงานก็ตอนแรก ๆ ก็พุ่งกระฉูดทำงานรายได้เดือนนึงตกเป็นแสน ก็โดนคนโกงซะจนเหมือนกับหมดตัวเหลือแต่ของกลับบ้าน ไปไหว้พระขอพรที่โน่นที่นี่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยคนอื่นขอได้ ไปหาหลาย ๆ คนที่คิดว่าพอจะช่วยได้ หมอดู ร่างทรง แต่เราก็พบว่าแม่นแค่ครั้งแรก ๆ พอหลัง ๆ ไม่เห็นช่วยอะไรเราได้เลย ก็มาเจอหนังสือเรื่องกฎแห่งกรรม ก็เลยเริ่มถึงบางอ้อ โหศีลทุกข้อฉันทำหมดเลย เข้าใจแล้วคำว่าบาปบริสุทธิ์ คืออะไร ก็คือการที่เราทำบาปโดยไม่มีการงานตรองเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีการยับยั้งชั่งใจ ก็เลยเริ่มสวดมนต์ขออโหสิกรรม แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร ปีแรกเห็นผลเลยตรงสุขภาพเรื่องภูมิแพ้หายไปเฉยเลย ทั้งที่เราเป็นมานานจนอายุเกือบสี่สิบแล้ว เพียงเพราะเราเริ่มสำนึกผิด สำนึกถึงการกระทำที่เราเคยทำร้าย เด็กที่ทำแท้ง ทำร้ายสัตว์เยอะแยะ สำนึกที่ออกจากใจ ไม่ใช่เพียงคำพูดที่ขอแค่อโหสิกรรม ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าสัตว์หลาย ๆ ตัวเริ่มจะปลดปล่อยข้าพเจ้าบ้างแล้ว แต่พอข้าพเจ้าหยุดสวดมนต์ไหว้พระแล้วแผ่ให้พวกเค้าก็เหมือนความเจ็บป่วยก็จะเริ่มกลับมาอีก ข้าพเจ้าลองดูสิว่าถ้าหยุดเนี่ย เป็นเพราะข้าพเจ้าดวงดีเองรึเปล่าทั้งหน้าที่การงานก็กำลังดีช่วงที่ทำไม่เคยขาดการสวดมนต์ ทำสมาธิ แต่พอข้าพเจ้าลองหยุดทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม มีแต่เรื่องไม่ดี ทำแล้วหยุดลองอยู่ประมาณ 3 ครั้งได้ จนข้าพเจ้าเชื่อมั่นแล้วว่า "กฎแห่งกรรมมีจริง"

เมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่เชื่อเลยเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่ศรัทธาในพระสงฆ์บางองค์ ไม่ศรัทธาในชุดขาว จนวันที่ข้าพเจ้าเจอกรรมหนักเล่นงาน หน้าที่การงานแย่ลง ไม่มีใครจริงใจกับเราสักคนแม้กระทั่งเพื่อน พอลับหลังก็มีแต่คนนินทาเรา ลองทุกทางจนเชื่อแล้วว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจริงเสมอ ตอนนี้สวดมนต์เป็นประจำแผ่เมตตาให้เค้าทุกวัน สำนึกผิดในความชั่วของเรา แต่นั่งก็ยังเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเรื่องการแนะนำให้คนไปทำแท้งสองคน

 

จนวันนี้ที่ข้าพเจ้าตัดสินใจ จะยังไงก็ตามข้าพเจ้าขอสร้างบุญที่ใหญ่ ๆ บุญที่บริสุทธิ์ที่บ้านสวนพีระมิดนี่ละ ที่ข้าพเจ้าดูอาจารย์แสดงกฎแห่งกรรม และบอกศีลแต่ละข้อ ทำให้ข้าพเจ้ามีหวังที่จะหาทางทำให้น้องสองคน (ที่ข้าพเจ้าแนะนำไปทำแท้ง) ได้เลื่อนไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นไปให้ได้ ธรรมะที่อาจารย์บรรยายออกมาทำให้น้องได้เข้าใจง่าย และพยายามศึกษาคลิปหลาย ๆ ตอนจนเกิดความศรัทธาที่เต็มเปี่ยม และตั้งใจที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ให้ได้ทั้ง 5 ข้อ และคิดว่าตอนนี้ศีลที่ยังพร่องเหลือเพียงข้อมุสานิดหน่อย นอกนั้นข้าพเจ้ามั่นใจเต็มที่เลยเพื่ออาจารย์จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการบำบัดข้าพเจ้าเยอะ

วันแรก วันที่ 27 ตุลา 55 น้องเริ่มมาถึงบ้านสวนเวลา 9.00 น. ก็นั่งรอเวลาที่จะทำกิจกรรม ความที่ดีใจจัด จนลืมความตั้งใจว่าบุญนี้ข้าพเจ้าต้องการมาสร้างให้น้องที่ทำแท้งทั้งสองท่าน แทนที่ใจจะจดจ่อกับคำภาวนาและอุทิศบุญให้น้องทั้งสอง แต่ข้าพเจ้าตั้งใจที่ทำงานที่อาจารย์มอบหมายให้เต็มที่คือ งานก่อสร้าง สำหรับผู้ที่มีปัญหาการเงิน พอคุณธนาบอกให้เลือกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในใจก็แอบคิดว่าจริง ๆ แล้วเราก็อยากทำทุกอย่างเลยนะอยากอยู่ทุกกลุ่มเลย แต่ต้องเลือกเอาวะการเงินก็ได้ เริ่มทำประมาณ 10.00 น. ข้าพเจ้าก็ตอนแรก ๆ ก็ทำงานในเขตร่มหน่อยแล้วกัน แต่พอทำเหมือนคนไม่มีแรงก็เลยออกแดดอย่างเดียว แปลกนะออกแดด แต่ไม่ร้อนเลย แต่พอช่วงสักประมาณ เกือบเที่ยงน้องเกิดปวดหัว ปวดจนพาลจะอาเจียนซะให้ได้ ก็คิดว่าสงสัยเราคงหิวข้าวแล้วนี่มันบ่ายแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลยเดี๋ยวลองดูก่อน พอกินกลับยิ่งปวดหนักผะอืดผะอม พอช่วงบ่ายสองก็ขอคุณธนาเปลี่ยนกลุ่ม ไปทำงานที่อาคารไม้ไผ่ (ในใจแอบดีใจว่าวันนี้เราได้สองอย่างเลย ได้งานก่อสร้างวิหาร (การเงิน) ได้ทำความสะอาดอาคารไม้ไผ่ (ได้ผิวพรรณ)  พอตกค่ำอาจารย์ก็มาบอกว่าอาจารย์สั่งให้เปลี่ยนงานแล้วทำไมไม่เปลี่ยนแทนที่จะได้ปลดล็อคกรรมทุกอย่าง ก็เลยถึงบางอ้อว่าเป็นคำสั่งจากเบื้องบน แทนที่จะปลดล็อคกรรมได้ทุกอย่างตั้งแต่วันแรก ตอนกลางคืนอาจารย์ก็เลยให้มารายงานผล พอถึงกลุ่มข้าพเจ้า อาจารย์ก็ถามว่าผลของแต่ละท่านเป็นไง น้องก็บอกปวดหัวและหลังก็ชา อาจารย์ก็เลยให้สารภาพมาว่าไปทำอะไรมา น้องน้ำตาแตกเลยไม่อายใครแล้ว นึกถึงแต่ความเลว ที่เราเคยแนะนำคนไปทำแท้งรายเดียวก็แย่แล้วนี่สองราย และก็เหตุที่น้องปวดหัวก็เพราะน้องไม่มีสมาธิในการภาวนา และอุทิศถึงเค้าทั้งสองเพียงพอ อาจารย์ก็เลยให้บุญของอาจารย์ อาการก็หายปวดหัวทันที ทั้ง ๆ ที่จะอาเจียนอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมกินยา เพราะมาถึงนี่ไม่ต้องใช้ยา (รอขอบารมีสิ่งศักดิ์ 3 ร่มโพธิ์ กับบุญอาจาย์ดีกว่า) พออาจารย์อุทิศให้น้องทั้งสองเท่านั้นอาการหายปวดหัวหมดเกลี้ยง หลังชาก็หายเลย พอเสร็จกิจกรรมก็มีช่วงเบรคกินบาร์บีคิว พี่เค้าก็ไปมุงดูอะไรกันไปมุงมั่งดีกว่า เห็นจานบินมา (ไม่ใช่เครื่องบินแน่ ๆ เพราะลักษณะการบินไม่ได้บินตรง)

28 ตุลาคม 55 ไม่รอช้าเลยเช้าตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันตอน 6 โมงกว่านิด ๆ วันนี้รีบไปกวาดลายจอดรถก่อนเลย (รีบเก็บเกี่ยวหน่อย) พอเสร็จพี่ท่านนึงก็ชวนไปแปลงเกษตร ก็เอาจอบดายหญ้าไปด้วย พอไปถึงอาจารย์พันก็ให้ดายหญ้า แล้วก็ไปผสมเกสรแตงกวา เพิ่งรู้จักดอกตัวผู้เป็นไง ตัวเมียเป็นไง ตัวผู้ดอกสั้น ตัวเมียดอกยาว แล้วก็เก็บหญ้าเข้ากระสอบจนแปดโมงคุณธนามาตาม วันนี้ได้ทำครบทุกที่ ที่แรกก็เริ่มจากอาคารไม้ไผ่เก็บหนังสือย้ายของออกจากอาคาร เพื่อที่จะรื้อพื้นอาคาร (วันนี้ตั้งใจแน่วแน่ทำไปอุทิศไป) ที่สอง ไปก่อสร้างก็ยืนดูว่าจะทำอะไรดีคนเต็มไปหมด จะลงไปก่อปูนถังปูนก็ไม่พอต้องรอ จะไปช่วยยกปูนมาคนก็เต็ม จะรอยกอิฐ ๆ ก็เยอะอยู่ เลยบอกพี่สาวเห็นเค้ากำลังขนดินเอาไปถมหลุมเสา บอกพี่สาวเหมียวไปช่วยอันนั้นกันเถอะ เดี๋ยวเราจะไม่ได้ทำอะไรพอดีเพราะแป๊บเดียวก็ชั่วโมงนึงแล้ว ตกลงวันนี้ก่อสร้างเลยได้ถมดิน วิ่งให้ได้หลาย ๆ รอบให้มากที่สุด บางช่วงก็ความหนักของรถพอเข็นได้เพราะแม็คโคร(เรียกว่าแบคโฮรึเปล่าไม่แน่ใจ)ตักบางอันที่มีหินปนก็ไม่หนักเท่าไรออกแรงตัวเองเต็มที่เข็น แต่บางเที่ยวตักดินให้เต็มคันรถโหหนักน่าดู เอาละขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดู รถวิ่งฉิวเหมือนมีใครมาช่วยผลักวิ่งโลดเลย ก็เลยบ้าพลังใหญ่ จนหมดเวลา ไปที่สามต่อ เป็นลานจอดรถต้นมะม่วง เคลียรไม้ไผ่ออกจากต้นมะม่วงแล้วก็เอาไปทิ้งขยะจนเตียนโล่ง พักทานข้าว ช่วงบ่าย แปลงเกษตร อาจารย์พันสอนพลิกดินที่มีหญ้าคลุมต้นเผือกอยู่ให้ตักดินขึ้นมาเป็นก้อน แล้วให้พลิกต้นหญ้าให้คว่ำลง เพราะจะได้กลายเป็นปุ๋ยของต้นเผือกต่อไป พอคนเริ่มเยอะเอาละสิจอบจะฟันก้นกันเองซะแล้ว อาจารย์พันก็เลยให้ไปขุดร่องเพื่อแต่งแปลงให้สวย กลุ่มนี้เน้นปัญญา ร่องแรกอาจารย์ชมสวย พอร่องสองเริ่มเบี้ยวเป็นเพราะการวางแนวเผือกตั้งแต่แรกเบี้ยวจะไปแซะเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะอันแรกต้องแซะซ้ายที ขวาที ตรงเบี้ยว ๆ ก็แซะซะตรงกลางนี่แหละ ไม่งั้นโดยต้นเผือกเดี๋ยวเผือกตาย แทนที่จะได้บุญกลับทำของสงฆ์เสียหาย โล่งอกไม่โดนอาจารย์ว่า วันนี้น้องทำเต็มที่เพื่อที่จะได้มีบุญส่งให้น้องทั้งสอง แต่แปลงสุดท้ายยอมรับเลยค่ะว่าเริ่มล้า เหงื่อตกมาก แต่พยายามไม่รบขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพลัง บุญนี้พี่ขอทำเพื่อน้องทั้งสอง ขอสู้ด้วยแรงกายตัวเองจนหมดเวลา

จนถึงตอนสุดท้ายบ่ายสามอาจารย์ปลดล็อกกรรมให้อีกรอบ วันนี้หลังชาเป็นช่วง ๆ อาจารย์บอกนั่นคือเค้ายังรอบุญต่อที่เราจะส่งให้เค้า อาจารย์ให้มองจี้ก็ยังเหลืออาการ อยู่พออาจารย์ขอบารมี 3 ร่มโพธิ์ศรีเท่านั้นแหละหายเลย

สิ่งที่อยู่ในใจที่พยามบอกน้องทั้งสองตลอด(วิญญาณเด็กที่แท้ง) พี่คนนี้ขอโทษออกจากใจจริง พี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าการฆ่าคนรึสัตว์มันจะเป็นบาปมากมายถึงเพียงนี้ พี่รู้แล้วว่าความทุกข์ทรมานที่พี่ได้รับในโลกมนุษย์ กับความทุกข์ในโลกวิญญาณของน้องมันต่างกันโดยสิ้นเชิง กว่าที่เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์มันช่างยากเย็นแสนเข็ญ ต้องสร้างบุญเยอะเท่าไร แล้วพี่ยังมาปิดโอกาสไม่ให้น้องทั้งสองได้เกิดอีก พี่คนนี้มันเลวจริง ๆ แต่วันนี้พี่มีโอกาสได้มาสร้างบุญอุทิศแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด ขอบุญกุศลที่พี่คนนี้ได้ทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บุญแรงกายที่บ้านสวน จงส่งถึงน้องทั้งสอง ขอให้น้องทั้งสองจงไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ ต่อจากนี้ไปพี่คนนี้จะไม่หยุดทำความดี จะพยายามสร้างบุญให้ได้เยอะ ๆ เท่าที่มีโอกาส พี่จะขอนำเรื่องของน้องทั้งสองเป็นธรรมทาน เพื่อจะได้บอกให้คนที่ไม่รู้ถึงบาปบุญคุณโทษของผลของ ศีลข้อที่ 1 ให้เข้าใจผลกรรมของการฆ่าคน รึสัตว์ให้ได้มากที่สุด

 

และผลของการพิสูจน์ จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี มาวันนี้น้องได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าอาการของแต่ละคน มีผลมาจากกระทำอะไรในอดีต แล้วสามารถหายได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่างคนเป็นอาการไตวาย ตอนแรก ๆ น้องก็มองเค้าเอ๊ะคนนี้เป็นอะไรนะเดินดูช้าไม่มีแรง ผิวคล้ำ ปากซีดแต่เค้าก็พยายามทำเพราะความศรัทธา บวกกำลังใจ พอผ่านกิจกรรมแรกไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เห็นความเปลี่ยนแปลง ปากเริ่มสีชมพูด ใบหน้าเริ่มดูสดใสขึ้น ทั้ง ๆ ที่ไตวายระยะสุดท้าย แล้วอีกหลาย ๆ ท่านที่มีความเปลี่ยนแปลงละท่านก็เพราะผิดศีลต่างกันไป

กรรมในอดีตส่งผลกับปัจจุบัน กรรมปัจจุบันจะส่งผลในอนาคต ในอดีตหากเราทำกรรมไว้มากมาย แต่ก็ไม่ค่อยที่จะสร้างบุญขึ้นมา พอกรรมทุกอย่างมารวมตัวกันก็จะเจอหลายเด้งหน่อย ก็ถ้าเป็นโรคก็จะเป็นโรคที่หมอรักษาไม่หายเหมือนตัวน้องเป็นภูมิแพ้ทั้งปวดหัวทั้งอาเจียน พอหมอตรวจก็ไม่มีอะไร จนหมอเรียกแม่ไปพบ หาว่าลูกสาวมีปัญหาอะไรรึเปล่า จนสุดท้ายต้องยอมกินยาภูมิแพ้เองตลอดจนเกือบอายุจะสี่สิบพอเริ่มยอมรับในกฎแห่งกรรม สำนึกผิดออกจากใจจริง ๆ แล้วก็เริ่มจริงจังกับศีล 5 สวดมนต์ สมาธิ เน้นฝึกลมหายใจ อาการก็เริ่มดีขึ้นใช้เวลา 1 ปีเพียรสวดมนต์ ขออโหสิกรรม แผ่เมตตา สาเหตุความเจ็บป่วยของน้องก็คือการฆ่าสัตว์มากมายตั้งแต่เด็ก

 

แต่พอมาเจออาจารย์ อาจารย์ใช้บารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับทำให้ทุก ท่านหายได้ในเวลาเพียงอึดใจแค่นั้นเอง พี่สาวน้องยิ่งศรัทธาทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งอาจารย์อุบลเลยค่ะ

 

กราบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ที่บ้านสวนพีระมิด อาจารย์อุบล

กราบขอบคุณอาจารย์มงคล และคุณท็อป ที่เปิดโอกาสให้น้องและหลาย ๆ ท่านได้มาปลดล็อคกรรม

กราบขอบคุณคุณแมว แม่ครัวทุกท่าน ที่ทำอาหารให้ข้าพเจ้าได้รับประทาน

สิ่งที่น้องได้จากการไปบ้านสวนพีระมิดอีกอย่าง คือความรู้สึกเหมือนเราหลุดไปอยู่อีกโลกนึงเลย โลกที่ไม่มีการแบ่งชนชั้น พบคนที่มีจิตใจเอื้ออาทร เอื้อเฟื้อต่อกัน มีแต่ความรักความจริงใจให้กัน ผิดกับสังคมภายนอกที่กำลังเผชิญ

 

ก่อนกลับก็ได้ไปกราบอาจารย์ตามความตั้งใจ และก็ท่านท้าวเวสสุวรรณสัมผัสเลยว่าท่านใจดีจะตายขอเพียงแต่เราตั้งใจที่จะเป็นคนดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก่อนหน้านั้นเวลาที่น้องที่ไม่เคยมีใครเห็นความดีของเราก็พยายามบอกกับตัวเองตลอดว่า ไม่เป็นไรคนธรรมดาเหมือนกันกับเรามองไม่เห็น แต่เบื้องบนท่านจดไว้หมดแล้ว

ขอบคุณลูกบ้านสวนทุก ๆ ท่านด้วยค่ะที่ทำให้น้องได้อิ่มเอิบใจในน้ำใจไมตรีที่ได้รับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธันย์วรินทร์ ศรีรักษา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 18:59:53


ความคิดเห็นที่ 223 (1637293)

โหหมอดีใจจังที่ได้อ่านพบว่าเท้าของอจ. อภิชัยยุบบวมแล้ว เป็นมานานตั้ง 20 ปี คงจะเบาเนื้อเบาตัวลงมากเลยนะcatt7

โชคดีที่ได้พบ อจ. อุบลสอนให้ทำบุญไถ่บาป ที่หมอทั่วไปจะค้นหาสาเหตุของโรคไม่พบ อย่างนี้ก็เป็นวิทยาศาสตร์แน่นอน

เมื่อทราบเหตุ ผลก็คือหาย สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 20:27:23


ความคิดเห็นที่ 224 (1637294)

 

ในเช้าวันอาทิตย์ เบสรีบตื่นแต่เช้า เพราะว่าจะต้องกลับบ้านในตอนเช้า วันนี้อาการเย็นมากครับ เบสมองไปรอบๆแล้วคนอื่นๆก็เริ่มตื่นกันบ้างแล้ว เบสก็ได้บอกลาพี่ๆที่เจอ และเก็บกระเป๋า และขึ้นรถกระป้อ เพื่อกลับบ้าน คิดแล้วก็ใจหายนะครับ อยู่มาตั้ง 9 วัน อิอิ 

 

 ข้อความ...น้องเบส

..............................................

โหวววว......เบส เล่าซะเห็นภาพ

นึกว่าพจมานเก็บกระเป๋าออกจากบ้านทรายทองเลยนะ....555+

ความรู้สึกของพี่ก็รู้สึกว่าทำไมวันเสาร์อาทิตย์

ที่เราอยู่บ้านสวนเวลาที่มีความสุข เจอพี่ๆน้องๆ พบมิตรที่ดี ได้สร้างบุญใหญ่

เวลาชั่งเดินเร็วเหลือเกิน แต่เวลาที่อยู่นอกบ้านสวนทำไมเวลามันเดินช้าจังครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 20:31:00


ความคิดเห็นที่ 225 (1637295)

กิจกรรมวันเสาร์ 27 ต.ค. 55

วันนี้ได้มาถึงบ้านสวนฯก่อน 9 โมงเช้า ถือว่าเช้ากว่าทุกๆครั้งที่เคยมา เพราะรู้ว่าจะมีการปฐมนิเทศตอน 9.09 น. และก็เห็นด้วยว่าหลายๆท่านก็มาถึงกันก่อน 9 โมงเช้าเหมือนกัน 555 ก็ทำให้คิดได้ว่าถ้ามาถึงกันแต่เช้าก็ทำกันได้นิ แต่ทำไม๊ทำไมเมื่อก่อนเราถึงมาสายล่ะ เอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยกว่าจะมาถึงได้ก็ 10 โมงกว่าทุกที พอมาถึงแล้วก็แวะทักคนนั้นที คนนี้ที กว่าจะได้เริ่มสร้างบุญก็จวนจะเที่ยงเข้าไปแล้ว ทำให้เสียเวลาไปโดยป่าวประโยชน์ ทำให้เห็นถึงความผิดพลาดตั้งแต่แรกเริ่มกันเลยทีเดียว และก็ต้องปรับปรุงตัวเองทันทีด้วยเช่นกันค่ะ

มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าค่ะ วันนี้ก็ได้มีการแบ่งกลุ่มทำเวิร์คช็อปกัน พจน์เองอยู่กลุ่มปัญหาการเงิน ปัญหาหนี้สิน เราก็ได้ไปสร้างบุญวิหารทานกัน มีจำนวนสองกลุ่ม โดยกลุ่มของพจน์มีพี่อมรเป็นหัวหน้าทีม ซึ่งตอนแรกทุกคนก็ได้ช่วยกันเกลี่ยดิน และก็มาผูกลวดเหล็กเพื่อทำคานกัน ซึ่งตอนแรกก็งงๆว่าจะทำอย่างไรก่อนก็ได้สอบถามลุงบุญเป็นระยะๆ เพราะตอนนั้นหัวหน้าต้องไปช่วยทำงานในส่วนอื่นๆ งานผูกลวดพอจะทำได้ค่ะ เพราะเคยทำมาบ้างแล้ว แต่แนวโครงสร้างยังงงๆว่าจะไปยังไง ทำกันอยู่ 4 คน ซึ่งมือใหม่กันทั้งนั้น และผลงานชิ้นแรกก็เสร็จ แต่ขอบอกว่างานนี้ขาดทุนค่ะ  เพราะออกมาไม่ค่อยสวย ไม่ค่อยตรงด้วย พอเสร็จหนึ่งคาน ก็ได้มีเวลาไปคุยกับพี่อมร หัวหน้าทีม ซึ่งพี่อมรแนะนำสมาชิกกลุ่มว่า เราต้องทำงานอย่างละเอียดรอบครอบ ใส่ใจทุกขั้นตอนในการทำงาน ระมัดระวังไม่ทำให้ของเสียหาย ใช้วัสดุทุกอย่างให้คุ้มค่า ประหยัด ทำงานอย่าให้เสียของ ของเก่าที่ยังใช้ได้ควรนำกลับมาใช้อีก และเวลาทำงานเสร็จแล้ว ควรสำรวจเก็บอุปกรณ์ทุกอย่าง ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนเก็บเข้าที่ จะทำให้เราได้บุญอย่างเต็มที่โดยไม่ขาดทุน พอทุกคนได้ฟังคำแนะนำจากพี่อมรกันแล้วก็กลับไปทำงานกันต่อ ซึ่งสำหรับตัวพจน์เองพอมาเริ่มทำใหม่อันที่สอง ถือว่าสอบผ่านจากการประเมินของตัวเอง และเพราะได้คำแนะนำจากพี่แหม่มในการผูกด้วยว่า เราควรผูกบนกับล่างก่อน แล้วค่อยมาผูกตรงกลาง จะทำให้ได้โครงเหล็กที่ตรง สวยงาม และแข็งแรง 555 อย่างที่ท่านอาจารย์บอกเลยค่ะว่า ถ้าไม่รู้ก็ให้ถาม ไม่ใช่ดันทุรังทำกันไปเรื่อย นอกจากจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จแล้ว ยังทำให้ของเสียหายสิ้นเปลือง แถมสร้างกรรมเพิ่มให้กับตัวเองอีก ถึงทำให้พวกเราหลายๆคนรวมถึงตัวพจน์เองด้วย จึงได้ไม่หลุดกรรมกันเสียที ก็เพราะพวกเราได้สร้างกรรมกันอย่างง่ายๆ ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ทันที และมากขึ้นกันนี่เองทำกันแบบไม่ปรึกษาใครด้วย เฮ้อถึงได้เป็นลูกควายที่ไม่รู้จักโตเสียที (อันนี้ ขอบอกกับตัวเองค่ะ)

พอช่วงพักเที่ยง พี่ธนาก็ได้สอบถามทุกคนว่าจะย้ายฐานกันไหม ซึ่งส่วนใหญ่ก็บอกว่าไม่ และหนึ่งในนั้นก็มีพจน์ด้วยค่ะ ที่ยังโง่ไม่เคยเปลี่ยน ช่วงที่ทำงานก็แอบคิดในใจอยู่เหมือนกันค่ะว่า เห็นท่านอาจารย์เขียนไว้ว่าเราจะทำงานกันฐานละ 1 ชั่วโมง และวนให้ครบทุกฐานเพราะจะได้ครบทุกๆบุญเพื่อให้ครอบคลุมทุกปัญหา แต่เอ๊ะไม่เห็นมีคนมาบอกเลย ฮ่าฮาฮา โง่อีกแล้ว จะรอแต่ให้คนอื่นเอาอาหารมาป้อนใส่ปากให้ แต่ไม่คิดที่จะหาอาหารกินเองเล๊ย คิด แต่ก็ไม่ถาม สงสัยคงกลัวว่าตัวเองจะพ้นทุกข์เร็วอ่ะค่ะ ขนาดมีคนเอาอาหารมาป้อนให้แล้ว แต่ก็ยังปฏิเสธ ทั้งๆที่ท้องก็หิวจะแย่อยู่แล้ว อย่างนี้ต้องเรียกว่าทั้งโง่+งี่เง่าอีกด้วย อ้าวโม้ซะยาวเลย เข้าเรื่องกันต่อค่ะ ช่วงบ่ายก็ได้กลับไปทำฐานก่อสร้างเหมือนเดิม แต่พอทำไปได้สักพักใหญ่ๆ พี่ธนาก็ได้มาบอกให้เปลี่ยนฐานไปทำในส่วนของกลุ่มพี่แหลนและกลุ่มคุณก็อตที่ทำเกี่ยวกับกรรมผิวพรรณ ซึ่งทำความสะอาด จัดระเบียบใหม่ตรงลานจอดรถด้านหลัง ก็เลยทำให้วันนี้เรายังโชคดีนิดนึงที่ว่าได้ทำสองฐาน จากคำสั่งของพี่ธนา ก็ไม่รู้เป็นเพราะว่าพี่ธนาไปเห็นผู้สูงวัยกำลังยกท่อระบายน้ำ ที่เป็นปูนหนักมากๆอยู่หรือเปล่า แล้วคงจะเห็นว่าเกินกำลังหรือเปล่า จึงให้มาเปลี่ยนกับกลุ่มก่อสร้างที่ดูจากลักษณะแต่ละคนแล้ว น่าจะทึก บึกบึน และแข็งแรง ก็เลยให้ไปยกแทน 555 แต่งานนี้ต้องขอขอบคุณพี่ธนาค่ะ ที่ทำให้ได้บุญถึงสองฐาน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลุ่มอื่นๆได้ย้ายฐานเหมือนกันอ่ะป่าว และเราก็ได้ทำงานในฐานใหม่กันประมาณ 1.30 ชั่วโมง ไปถึงก็ได้งานหนักเลยค่ะ โดยไปยกท่อปูนกัน และตอนยกนั้นเห็นคุณชิมใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วยให้ไม่หนัก พอยกๆไปคุณชิมบอกเบามากและมีพี่ผู้ชายอีกสองคนจำไม่ได้ว่าเป็นใครก็บอกว่าไม่หนักเหมือนกัน แต่พจน์บอกว่าทำไมเราหนักล่ะ ตอนนั้นยกกัน 4 คน ทุกคนหัวเราะ ถามว่าได้ใช้รหัสหรือป่าว พจน์ก็บอกว่าป่าว พอรู้แล้วก็ยังไม่ได้ใช้อีก ยกหนักอยู่คนเดียวจนถึงที่ สงสัยคงจะกลัวว่าตัวเองจะมีความสุขจริงๆแหล่ะค่ะ และพอเสร็จงาน เห็นคุณก็อตบอกว่าพวกเราทำกันได้ไวมาก จะไม่ไวได้ไงล่ะจ๊ะ ก็แบบว่าชอบใช้กำลังมากกว่าใช้หมองอ่ะ และก็มีแต่วัยละอ่อนกันทั้งนั้นเลย อิอิ

เดี๋ยวมาเหลาต่อนะคะ.....

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 20:39:06


ความคิดเห็นที่ 226 (1637296)

ส่วนเรื่องการแนะนำคนไปทำแท้งตอนที่เพื่อนมาปรึกษาเราก็แนะนำไปคิดแค่ว่าถ้าเอาออกซะก็จบเรื่องแค่นั้นตอนนั้นยังอยู่ช่วงเรียน ปวช. ก็ยังไม่รู้เรื่องศีล จากนั้นไม่พอแม่ก็มีน้องแล้วแม่ก็อยากจะเอาออกเพราะคิดว่าแก่แล้วมีลูกจะอายเค้า และเราก็กลัวว่าถ้ามีน้องแล้วเราก็จะไม่สำคัญเพราะตอนนี้เราเป็นลูกคนเล็กเรียกได้ว่ากลัวตัวเองจะอิจฉาน้อง แม่ก็เลยถามว่าเพื่อนไปทำแท้งที่ไหนมา แล้วเราก็เป็นคนพาแม่ไปทำแท้งด้วยตัวเอง จากนั้นก็เริ่มเจอกับวิบากกรรมเรื่อย ๆ โดยที่เราก็ยังไม่คิดอะไร ทำงานเจ้านายก็ไม่รักคอยแต่จะจับผิด มีแฟนแต่ละคนก็เจอแต่คนที่หลอกเรา ก็ไม่เป็นที่รักของพ่อแม่สักเท่าไร การงานก็ตอนแรก ๆ ก็พุ่งกระฉูดทำงานรายได้เดือนนึงตกเป็นแสน ก็โดนคนโกงซะจนเหมือนกับหมดตัวเหลือแต่ของกลับบ้าน ไปไหว้พระขอพรที่โน่นที่นี่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยคนอื่นขอได้ ไปหาหลาย ๆ คนที่คิดว่าพอจะช่วยได้ หมอดู ร่างทรง แต่เราก็พบว่าแม่นแค่ครั้งแรก ๆ พอหลัง ๆ ไม่เห็นช่วยอะไรเราได้เลย ก็มาเจอหนังสือเรื่องกฎแห่งกรรม ก็เลยเริ่มถึง

                                                     ***************************************************************

ขออนุโมทนาบุญกับคุณธันย์วรินทร์

ที่มาบ้านสวนฯครั้งแรก

ก็สามารถเขียนธรรมทานได้ละเอียด

และสัมผัสได้ถึงความจริงใจในการเขียน

ถ้าดูจากภายนอก ดูเท่ห์ดี คล้ายๆทอม(โทษนะ คิดอย่างนี้จริงๆ อิ อิ)

ดูไม่น่าจะอิน หรือ เก็ท เท่าไหร่

ดูเฉยๆ

แต่คุณเก็บอาการได้ดีมาก

อ้อยก็เคยทำแท้งมาหนึ่งครั้ง

ประสบปัญหาเหมือนที่คุณเขียนมาทั้งหมด

ซึ่งเหมือนกฎแห่งกรรม

เค้าช่างจัดสรร

จัดให้เราดูเหมือนจะประสบความสำเร็จก่อน

แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝัน

ล้มเหลว ผิดพลาด

ซึ่งมันเจ็บปวดมาก  ใครไม่เจอจะไม่รู้

ไม่เข้าใจหรอก

ขอเป็นกำลังใจให้คุณเข้มแข็ง

มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนตัวเอง

ทำตามที่ท่านอาจารย์บอกให้ทำทุกอย่าง

ชีวิตคุณจะพลิกกลับ

มาสำเร็จทั้งการงาน

การเงิน

หรือทุกสิ่งที่คุณต้องการ

คอนเฟริ์ม

เพราะพิสูจน์มาแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 20:41:13


ความคิดเห็นที่ 227 (1637297)

อยากให้คนที่เจ็บป่วยในโลกนี้ เกิดมีศรัทธา เข้ามาที่บ้านสวนพีระมิด เหมือนคุณจอย จะได้พบหนทางที่จะพ้นจากทุกข์โศกโรคภัยที่ยากที่จะเยียวยา

แต่โดยความเป็นจริงเราก็จะพบเห็น ว่ามีผู้คนอีกมากมายที่ แม้ว่าจะอยากมีความสุขอยากหายจากโรค แต่ก็ขาดความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อ้างว่างมงาย ไม่เป็นวิทยาศาสตร์  กว่าถั้วจะสุกงาก็คงไหม้พอดีcatt3

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 20:47:22


ความคิดเห็นที่ 228 (1637299)

เห็นด้วยกับคุณอ้อยที่ว่าคุณธันย์วรินทร์ มาครั้งแรกก็เก็บรายละเอียดได้หมด เห็นภาพชัดเจน หมอขออนุโมทนาคะ

อย่างที่อาจารย์อุบลเคยพูดเสมอว่าไม่มีใครไม่เคยทำบาปมาก่อน แม้ว่าเราจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่เราก็สามารถทำอนาคตให้ดีได้ และตั้งใจว่าจะไม่ทำสิ่งที่ผิดนั้นอีก สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 20:59:22


ความคิดเห็นที่ 229 (1637304)

 

จี้สามร่มโพธิ์ศรี พลังบารมีสูงส่ง (จิ๋ม ชัชวลี เล่าสู่กันฟัง)
            วันนี้ตอนเย็น (29 ตค 55) เป็นวันที่ จั๋มน้องสาวของจิ๋มที่มาจากอเมริกา จะทานข้าวและอยู่กับครอบครัวเป็นวันสุดท้าย ก่อนจะไปขึ้นเครื่องตอนตีสี่ ในวันอังคารที่ 30 ตค เราก็เลยเอากล้องเข้ามาถ่ายรูปกันกับคุณพ่อ ซึ่งเป็นอัมพาตอยู่ในห้องนอน สีหน้าพ่อ ก็ดูดีใจที่ลูกอยู่กันครบ 3 คนหลังจากหายไปนาน แต่หน้าพ่อดูเหนื่อย และเหมือนกับไม่มีแรงเลย จิ๋มเลยเอาจี้พวงนึง มีองค์จี้สฟิงซ์รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 5 องค์ใส่ให้พ่อทางศรีษะ ยกมือไหว้ขอโทษก่อนสวมให้ท่าน สักพัก สีหน้าท่านเปลี่ยนไป ดูสดชื่น ขึ้น สักพักก็เริ่มยิ้ม จั๋มเขาเอากล้องมาถ่ายรูปด้วย แหละ จิ๋มก็เลยอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญมา ให้มาช่วยพ่อ ขอให้พ่อหายอาการเจ็บปวด และดีขึ้นด้วยเถิด เห็นหน้าพ่อสดชื่น ก็เลยถอดจี้ออกมาไม่ลง ต้องให้ท่านสวมต่อ เพราะท่านสดชื่นมาก อยากให้ท่านสดชื่นต่อไป เอาไว้จิ๋มไปเช่าบูชามาอีกทีหลังก็ได้ค่ะ
หายเร็ว ๆ นะจ๊ะพ่อจ๋า ลูกรู้ว่าพ่ออยากทำบุญ แต่ทำไม่ได้ ลูกจะทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด ลูกรู้ว่าบุญที่ลูกทำก็จะส่งผลถึงพ่อได้ เพราะเรามาจากส่วนหนึ่งของท่าน ขอบุญที่ลูกได้ทำส่งผลให้ถึงเจ้ากรรมนายเวร และเทวดาที่รักษาพ่อด้วยเถิดค่ะ
ได้ฟังท่านอาจารย์พูดว่า จี้สามร่มโพธิ์ศรี จะใช้ได้กับคนที่รักษาศีล และมีบุญสัมพันธ์กับท่านอาจารย์อุบล จี้นี้มีพลังบารมีขององค์พระปฐมบรมบิดา พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระศรีอาริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรวมเอาพลังจากอนันตจักรวาลมารวมกัน รวมทั้งพระศาสดาของศาสนาอื่น ทุกฯ ศาสนา มีอานุภาพ ทำให้ผู้ที่สัมผัสบารมี จะมีความสุข เมื่อเจ็บไข้ ก็มีอาการดีขึ้น บางคนก็สามารถหายได้อย่างฉับพลันทันที
ส่วนคนที่ได้สัมผัสกับจี้แล้วยังไม่หายนั้น ก็ไม่ต้องแปลกใจ หรือน้อยใจในวาสนาว่า โถ บุญเราไม่มีเลยนะ ทำไมคนอื่นหายได้ แต่เราไม่หาย นั่นก็เป็นเพราะเหตุมันมี พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ว่าทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับ นั่นคือ เราไม่หายเพราะเราทำกรรมไว้เยอะกว่าคนอื่น เปรียบเหมือนเรามีเจ้าหนี้หลายราย เราไม่สามารถใช้หนี้กับเจ้าหนี้ได้ทุกรายพร้อมกัน นั่นคือ อาการของโรคบางโรค ก็ยังคงค้างอยู่ เวลามาทำบุญบ้านสวนแล้ว เราทำบุญได้เต็มที่มั๊ย ทำบุญด้วยแรงกายแล้วก็จริง แต่ไม่ระมัดระวังทำข้าวของเสียหาย เช่น จานแตกบ้าง หรือทิ้งข้าวของให้เจ้าของบ้านเก็บกวาด เช่น ไม่ล้างเครื่องมือ หลังทำงานเสร็จ ถอดถุงมือทิ้ง เปิดน้ำ ไฟ ทิ้ง ไม่ประหยัด ทิ้งขยะ กระดาษเกลื่อนกลาด สิ่งเหล่านี้ก็จัดว่าเป็นการทำกรรมให้บ้านสวนพีระมิดอีก ดังนั้นเมื่อตั้งใจมาทำบุญ ก็ควรระมัดระวังข้าวของส่วนรวมให้ดีที่สุด มิฉะนั้นผลบุญ และบาป เมื่อหักลบกลบหนี้กันแล้ว จะไม่เหลือบุญเท่าไร เจ้ากรรมนายเวรของเราก็จะไม่ได้รับบุญเพียงพอที่เขาจะอภัยให้เราหายจากโรคได้
            คนที่ได้สัมผัสจี้ จากท่านอาจารย์อุบล แล้วมีอาการหายอย่างฉับพลันทันทีนั้น เพราะเขาสร้างเหตุมาดี หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เขามีเครดิตดี สะสมบุญไว้เยอะ พอ ที่จะเบิกเอาบุญมาใช้ก่อน ให้หายเจ็บ หายจนได้
            จี้สามร่มโพธิ์ศรีนี้ อาจารย์บอกว่าใช้กับคนที่มีศีลแล้ว และเวลาใช้ ในการรักษาคนอื่น ให้อาราธนาบุญบารมีของพระศรีอาริย์ ที่ท่านอาจารย์อุบลเป็นผู้อัญเชิญ อย่าบอกว่าขอเอาบุญตัวเองไปรักษา คนอื่น เพราะบุญเราน้อยนิด เท่าแสงหิ่งห้อยเท่านั้น ถ้าเอาไปหมด ตัวคนช่วยเองนั่นแหละจะหมดบุญ พอช่วยคนให้หายได้แล้ว ให้ขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล และเทวดาผู้รักษาอาจารย์อุบลทุก ๆ พระองค์ พระศรีอาริย์ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย ที่ทำให้เราหายจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่
 
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของ ท่านอาจรย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ในบ้านสวนพีระมิด
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 21:07:40


ความคิดเห็นที่ 230 (1637305)

กราบสวัสดีค่ะอาจารย์อุบล
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในกรุงเทพค่ะ จั๋มต้องขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลอย่างสูงน่ะค่ะ คราวนี้จั๋มได้เรียนรู้มากมายจากการทํางานร่วมกับพี่ๆน้องๆทุกๆคนใน workshop จากงานเกษตร งานก่อสร้าง งานทําความสะอาดสถานที่ รวมทั้งงานบดขยะกับพี่จุ๋มพี่จิ๋ม ล้วนแล้วแต่เป็นนงานที่ต้องใช้ความมานะความอดทนเพื่อที่จะให้งานสําเร็จลุล่วงไป สําหรับความเหนื่อยยากนั้นก็แทบจะไม่มีเลยค่ะแต่กลับกลายเป็นตั้งใจและสมาธิอันแข็งกล้า ขออนุโมธนาสาธุด้วยค่ะ

จั๋ม
 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิรีวรรณ กล้าหาญ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 21:30:46


ความคิดเห็นที่ 231 (1637306)

เรียกว่า

ทั้ง อ.มงคล + คุณท้อป

เขาไม่คัดค้าน และ เป็นผู้ส่งเสริม

อยู่เบื้องหลัง อ.อุบล จึงทำเช่นนี้ได้

จึงช่วยคนอื่นได้จ้า

 

เพราะ

ลำพังตัวเองคนเดียว

คงทำไม่ได้ แน่นอน คอนเฟอร์ม

 

อันที่จริง

ควรขอบคุณ 2 คนนั้นแหละ

ถูกต้องที่สุดเลยจ้า

ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 09:28:00

 

 

กราบ กราบ กราบ ท่านอาจารย์อุบล

กราบ กราบ กราบ ท่านอาจารย์มงคล

กราบ กราบ กราบ คุณท็อป

 

เมื่อได้เห็นความมีน้ำใจของ

คนในครอบครัวทั้งสองของท่านอาจารย์อุบล

นัชญ์ซาบซึ้งในความเสียสละของ

ท่านทั้งสองมากที่เสียสละ

เพื่อให้ท่านอาจารย์ได้ปฏิบัติภารกิจ

ที่สำคัญมากแก่ผู้คน

นัชญ์ขอกราบขอบพระคุณ

ทั้งสองท่านที่อยู่เบื้องหลังท่านอาจารย์อุบล

ด้วยเจ้าค่ะ

 

นัชญ์ขอเล่ารายงานผลจากการเข้าร่วมบุญ

วันที่  27 -28 ตุลาคม ที่บ้านสวน ดังนี้ค่ะ

 

ในวันแรก นัชญ์ขอผลเกี่ยวกับครอบครัว

ขอให้ มีสติปัญญาที่ตัดสินใจได้ถูกต้อง

และสามารถชี้นำ พ่อ แม่และป้า ได้

ผลคือ  นัชญ์กลับมาบ้าน

ขอเงินพ่อให้ร่วมทำบุญ

ปกติ พ่อให้ครั้งละ 20 บาท

และก็ชอบบ่น  

แต่คราวนี้ ขอพ่อมา 100 พ่อก็ไม่บ่น

และก็ไปขอมาอีกรอบ อีก 20 บาท พ่อก็ไม่บ่น

นัชญ์ก็นำไปสมทบกับบเงินของแม่และป้าและ

นัชญ์ เพื่อนำไปถ่ายเอกสาร รหัสจักรวาล

ได้มา 300 ชุด  ก็เอาของเก่าไปแจกด้วย

วันนี้ก็แจกไป 300 กว่าชุด

ทุกคนร่วมอนุโมทนา ด้วยน่ะค่ะ

 

แล้วสำหรับกิจกรรมในวันที่ 28 ตุลาคม

นัชญ์ขอผลในเรื่อง การงาน การเงิน

นัชญ์ เลยได้รู้ว่า

การเงินนัชญ์  ทำผิดคือ

ท่านอาจารย์บอกว่า

นัชญ์ ชอบของฟรี  เอาของที่ทำงานกลับบ้าน

ขี้เหนียว ไม่ชอบทำบุญ

คือว่า นัชญ์  มักถ่ายเอกสารเรื่องส่วนตัว

ในที่ทำงาน  ทั้งเรื่องเอกสารธรรมะต่าง ๆ

นัชญ์ ใช้กระดาษหลวงเยอะมาก ๆ ในปฐพี

เป็นรีม ๆ    ใช้ในเรื่องส่วนตัว

ใช้กระดาษหลวงด้วย  ผิดหลายต่อเลย

และหลัง ๆ มานี่

นัชญ์ก็ไม่ค่อยชอบใส่ซองทำบุญเท่าไหร่ 

คือนัชญ์เปลี่ยนไป  แต่นัชญ์อยากส่งเงิน

มาทำบุญกับบ้านสวนที่เดียว

 

และนัชญ์ก็มาทำงานสาย 

และที่สำคัญ ก่อนหน้านี้ ก็ติดเฟสบุ๊ค

ใช้คอมที่ทำงาน เล่นเฟสบุ๊ค ทั้งวัน

เพราะงานนัชญ์เป็นอิสระ 

ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีใครมาตรวจ

และต่อมา ก็ติดเว็ปบ้านสวน

เข้าตลอด  บางวันไม่ทำงานเลย 

เข้าแต่เว็ปบ้านสวน

 ผิดศีลข้อสองมาก มาก

นัชญ์สำนึกผิดแล้วค่ะ

 

แต่วันนี้วันที่ 29 ตุลาคม 2555

  ก็อยากเขียนธรรมทานทันทีมาก

เพราะที่บ้านไม่มีคอม

ก็เลยแอบใช้คอมที่ทำงานอีก

แต่ก็รู้สึกผิด  แล้วต่อมา ก็ปวดแขน

รู้ทันทีเลยว่า

ท่านท้าวเวสสุวรรณ มาเตือนว่า

ถ้าปลดล็อกกรรม แล้วก็อย่าผิดศีล 5 อีก

นัชญ์รู้ตัวก็หยุดเล่นเน็ตเลย 

และก็สารภาพบาปกับจี้ 

และตั้งใจทำงานทันที

ก็เลยหายปวดแขน

ตอนก็เลยมานั่งพิมพ์ที่ร้านเกม 

2 ทุ่มกว่าแล้วยังไม่เสร็จเลย

ผลจากการเข้ากิจกรรม วันที่ 28 ตุลาคม คือ

ทำให้ นัชญ์รักษาศีลห้า ได้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

เพราะนัชญ์เขียนไว้ในคำขออนุญาต

เข้าบ้านสวน เป็นวัตถุประสงค์ข้อสุดท้าย

เลยว่า  ขอให้รักษาศีลห้าได้บริสุทธิ์

 

สรุปว่า นัชญ์ได้บรรลุวัตถุประสงค์หลายข้อ ค่ะ

ถ้ามีเพิ่มเติม ก็จะเข้ามา อัพเดตค่ะ

 

แล้วเรื่อง ที่สำคัญมาก ๆ ๆ ๆ ๆ

คือ พอ นัชญ์เจอท่านอาจารย์อุบล เข้าไปกราบ

แล้วนัชญ์ก็ร้องไห้  นัชญ์ดีใจมาก

ตอนที่เขียนถึงท่านอาจารย์นี่

ก็จะร้องไห้อีกแล้ว ไม่รู้เป็นอะไร

ตอนลาท่านอาจารย์

กราบ กราบ กราบ

แล้วนัชญ์ก็ร้องไห้อีก

ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ปลื้มใจมาก ๆ

อย่างที่ไม่เคยเป็น

นัชญ์จะทำหน้าที่ของนัชญ์ให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ

 

ท่านอาจารย์อุบล เป็น idol ของนัชญ์ ค่ะ

ปกติ นัชญ์มักมี idol เป็นดารา นักร้อง

ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว

แต่ทุกวันนี้ คือท่านอาจารย์อุบลค่ะ

 

และตอนที่ท่านอาจารย์ขอบารมีทุกพระองค์

ให้คุ้มครองลูกบ้านสวนทุกคน

และครอบครัวคนที่รัก

นัชญ์ก็จะร้องไห้อีก

 

ขอกราบขอบพระคุณ สมเด็จพ่อองค์ปฐม

พระศรีอาริย์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ท่านอาจารย์อุบล

ท่านอาจารย์มงคล  คุณท็อป

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่บ้านสวนพีระมิด

ที่ให้ความเมตตาแก่นัชญ์และครอบครัวค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 21:31:46


ความคิดเห็นที่ 232 (1637307)

พวกแก่กะโหลกกะลาอย่างเรา

สู้น้องกระต่ายไม่ได้เลยเรื่องเขียนธรรมทาน

Workshop วันเสาร์ที่ 27 ต.ค. 55

อ้อยเป็นหัวหน้ากลุ่ม

ปัญหา ปวดหัว คอ บ่า ไหล่ และการเงิน

กิจกรรม คือ วิหารทาน

ได้เกลี่ยดินทำคาน และผูกเหล็ก

 มีสมาชิก 2 คนที่ผลงานดูน่าวิเคราะห์ คือ

- ป้าเล็ก ปวดทั้งตัว ดีขึ้นแค่ 20% ซึ่งแปลกมาก ทำไมได้อานิสงส์น้อยจัง  เพราะตั้งแต่ท่านอาจารย์ได้ขออาราธนาบารมีองค์พระศรีอาริย์มา   อ้อยสังเกตุพบว่า พวกเราจะได้รับอานิสงส์บุญชัดเจน  ทำน้อยได้มาก  ทำมากยิ่งเท่าทวี  ซึ่งจากการสังเกต พบว่าป้าเล็กน่าจะกำลังบุญไม่พอ  จากที่ไม่ได้ทุ่มเททำงานเต็มที่ ถึงแม้ว่าป้าเล็กจะ ส.ว. แล้ว  ถึงแรงกายสู้หนุ่มสาวไม่ได้   แต่วัดจากกำลังใจก็ยังน้อย  ดูเอ้อระเหย เชื่องช้า  ซึ่งอ้อยได้ถามป้าเล็ก  คิดว่าตัวเองทำเต็มที่รึเปล่า  ป้าเล็กบอกว่าเต็มที่แล้ว  แต่ป้าน่ะเจ้ากรรมนายเวรเยอะ  ตั้งแต่ชาติก่อนๆ  ท่านอาจารย์เคยบอกไว้  ซึ่งดูแกจะอินและยึดติด กับอดีตมากไปหน่อย   อ้อยก็เลยพยายามฟีดแบ็กว่า  แต่ในมุมมองอ้อยคิดว่า  ป้ายังทำไม่เต็มที่นะคะ  ลองปรับใหม่นะคะ สู้ๆ

อ้อยคิดว่าในบ้านสวนฯ ไม่มีข้ออ้างหนุ่ม สาว ไม่มีคนแก่ ไม่มีเด็ก   ทุกคนสามารถทำงานทุกอย่างได้เหมือนกันหมด  ดูอย่างต้นกล้า ยังต้องจับจอบทำงานเหมือนผู้ใหญ่  ต้องขนดิน ยกหินเหมือนกัน  แถมน้องกระต่าย น้องบัว ก็กำลังจะยกฐานะ  เป็นแม่ครัวปรุงอาหาร (อายนะเนี่ย)  สิ่งสำคัญอยู่ที่กำลังใจ  ไม่ใช่แรงกาย

- พี่ทัศนีย์  เป็นคนที่มักจะมีอาการดีขึ้นค่อนข้างน้อย 20-30% เรื่องปวดหลัง ปวดมือสองข้าง  ครั้งนี้ก็เช่นเดิม   ทำให้ต้องช่วยกันค้นหาสาเหตุ   เพราะเท่าที่ดูพี่เค้าขยันมาก ไม่ขี้เกียจ ดูมีน้ำใจ เป็นเพื่อนแท้ในการทำงานได้   เพื่อนแท้ในที่นี้ ก็คือ เป็นคนที่จะอยู่ช่วยกันจนเสร็จ พร้อมเก็บล้าง  ไม่หายตัวล่องหนไปก่อน   เอ๊ กำลังใจดูเต็มร้อย  แล้วปัญหามันอยู่ที่ไหนละเนี่ย  พอพูดคุยซักพัก พี่เค้าก็ยอมรับว่า  ขณะทำบุญมีความกังวลว่าตัวเองทำบาปมาเยอะ  ทั้งฆ่าเต่า ตะพาบน้า อีเห็น ด้วยวิธีโหด***ม อำมหิต   แล้วดูงานวันนี้ ผูกเหล็ก มันดูเบาไป ดูไม่ค่อยหนัก  แกเลยกังวลว่าจะได้บุญน้อย ไม่พออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร   อ้อยไม่เห็นด้วยในความคิดนี้   ทำงาน หรือบุญอะไร Key สำคัญ คือ เราได้ทำเต็มที่ จดจ่อกับงานหรือเปล่า  หนักเบา ไม่สำคัญ ถ้างานเบาเรายิ่งต้องเนี๊ยบไม่ผิดพลาด   แสดงว่าความกังวลนี้ทำให้จิตเราเปิดไม่เต็มที่  ปิดกั้นทางเข้าของบุญที่เราจะได้รับ  และก็จริงที่ว่าพี่เค้าทำบาปมาเยอะ  ต้องอาศัยกำลังบุญเยอะๆ และใช้เวลา ทยอยใช้หนี้เค้าไป  ที่สำคัญพี่เค้าไม่ค่อยได้เขียนธรรมทาน  ไม่ได้ทำบุญอานิสงส์สูง  เลยอาการดีขึ้น 20%

 

ตอนบ่าย อย่างที่คุณธนาเล่าไว้  พวกเราไม่ยอมเปลี่ยนฐาน  ซึ่งท่านอาจารย์บอกว่า  ตอนที่ท่านได้ยินว่าพวกเราส่วนใหญ่ไม่ยอมเปลี่ยนฐาน  ท่านรู้เลยว่าเจ้ากรรมนายเวรคงไม่อยากให้พวกเราปลดล็อคกรรม

พวกเราขัดบัญชาสวรรค์  ขัดบัญชาพระศรีอาริย์

ซึ่งพวกเรารู้สึกเสียใจมาก  ที่ไม่ยอมเชื่อคำสั่งท่านอาจารย์  ทั้งๆที่รู็อยู่แล้วว่าทุกอย่างที่ท่านอาจารย์ให้เราทำ  เป็นบัญชาสวรรค์  เป็นสิ่งที่เบื้องบนคิดให้แล้วว่า  เป็นทาง ลัด ตรง ให้พวกเราพ้นทุกข์แน่นอน

ซึ่งพวกเราขอโอกาสแก้ตัว  ว่าวันอาทิตย์ขอแก้ตัวใหม่  ย้ายฐานทุก 1 ชั่วโมง

ปรากฎว่า Workshop วันอาทิตย์ พวกเราเปลี่ยนฐานทุก 1 ชั่วโมง  แต่ผู้นำกลุ่ม ต้องประจำฐานเดิม เพื่อที่จะได้รู้งาน และให้กลุ่มต่อไปมาทำงานต่อได้เลย   ปรากฎว่า พอมาประเมินผลงาน  ทุกคนล้วนบอกว่า  ชอบการทำงานแบบย้ายฐานทุก 1 ชั่วโมงมาก   เพราะทำแล้วสนุก  ไม่เหนื่อยมากเพราะระหว่างเดินเปลี่ยนฐานเป็นการพักไปในตัว   แถมตื่นเต้น ตื่นตัว พร้อมเรียนรู้งานฐานต่างๆมาก  ทำแล้วไม่เบื่อ  ไม่ล้า 

ซึ่งท่านอาจารย์เมตตาบอกว่า  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านวางแผนมาให้แล้ว  และรู้ว่าทำแบบไหนที่เราจะได้อานิสงส์บุญสูงสุก  ครบถ้วน  เพื่อปลดล็อคกรรมทั้งหมดที่ยังเหลือในชีวิตให้ได้   เพื่อเตรียมตัวอยู่ในยุคพระศรีอาริย์อย่างมีความสุข

สรุปว่า อาทิตย์นี้ กิจกรรมปลดล็อคกรรมของเรา  ทำได้ไม่ครบ  ขัดบัญชาสวรรค์   ก็รอความเมตตาจากท่านอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะต่อให้พวกเราในอาทิตย์ต่อไปหรือเปล่า

เฮ้อ พวกเราก็ยัง  ทำตัวเป็นลูกควาย  ชอบอวดฉลาดอย่างโง่อีกแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 21:45:41


ความคิดเห็นที่ 233 (1637309)

 

ผลจากการเข้ากิจกรรม วันที่ 28 ตุลาคม คือ

ทำให้ นัชญ์รักษาศีลห้า ได้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

เพราะนัชญ์เขียนไว้ในคำขออนุญาต

เข้าบ้านสวน เป็นวัตถุประสงค์ข้อสุดท้าย

เลยว่า  ขอให้รักษาศีลห้าได้บริสุทธิ์

 

สรุปว่า นัชญ์ได้บรรลุวัตถุประสงค์หลายข้อ

*********************

ขออนุโมทนาบุญกับคุณนัชญ์

ที่มาบ้านสวนฯครั้งแรกก็มีความมุ่งมั่นที่จะ

รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์

เราต้องรู้ตัวและยอมรับว่าเราทำอะไรผิด

เราจึงจะสามารถแก้ไขได้

คุณนัชญ์เป็นตัวอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่

ไฟแรง มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนตัวเองทันที

ที่ทำให้ลูกบ้านสวนรุ่นเก่า(แก่) ต้องหนาว

เพราะบางคนยังเปลี่ยนไม่ได้เลย

สิ่งวัดผลว่าเรายังเปลี่ยนไม่ได้

ก็คือ

ดูจากปัญหาของเรา

การงาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว

คลี่คลาย หรือออกไปจากชีวิตเราหรือยัง

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 22:00:14


ความคิดเห็นที่ 234 (1637310)

 

ตอนนั้นต่ายก็พูดว่า

"รู้และทำไมแม่ครัวมักจะอาบน้ำหลังคนอื่นเขาตลอด"

พอได้มาทำก็รู้

ว่างานนี้มันไม่ใช่ขี้ขี้เยย

มันเป็นงานที่ต้องคอยดูตลอด

ว่าข้าวหมดหรือยัง

อันนั้นขาดอะไร อันนู้นขาดอะไร

ก็ต้องคอยดู

การทำงานครัวนี่ต่ายว่ามันเป็นงานที่

ต้องใช้ความอดทน

 

****************************************************

ไม่ใช่เฉพาะอาบน้ำทีหลังอย่างเดียวนะคะ

น้องกระต่าย

แม่ครัวยังต้องทานข้าวทีหลัง

คนอื่นด้วย

เพราะคอยลุ้นว่าอาหารจะพอมั๊ย

มีอะไรขาดเหลือบ้าง

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 22:24:36


ความคิดเห็นที่ 235 (1637314)

 

จากความเห็นที่201ของท่านอ.อุบลค้าาา><

เห็นน้องกระต่ายมาเขียน

ธรรมทาน

เป็นคนแรกแล้วตั้งแต่เมื่อคืน

 

โอ

เด็กรุ่นใหม่

 สว.อย่าประมาท นะจ๊ะ

 

และ

ได้ข่าวว่า

สัปดาห์หน้านี้นะ

เค้าจะเลื่อนตำแหน่งจาก

ผู้ช่วยแม่ครัว เป็น คนปรุงแล้ว

นะจ๊ะ

 

ส่วนแม่ครัว

จะขอเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไป

เป็นผู้ช่วยแม่ครัว

แทน

แล้วนะจ๊ะ

*******************************

อิอิเดี่ยวต้องไปติวเค้ม

สูตรการปรุงอาหารจากป้าแมวซะแว้ว

___________________________________

กระต่ายมาเล่าต่อจากความเห็นที่183จ้าาาา

 

จากการทำworkshopวันอาทิตย์ที่28

ต่ายอยู่workshopเดิม

อยู่ในครัวจ้าบบบบ

แต่วันอาทิตย์ต่ายมีเพื่อนมาอยู่ในworkshop

อีกคนจ้า แอ่นแอนแอ๊นนน!!

คนคนนั้นคือบัวจ้า

ต่ายกับบัวก็ได้มีหน้าที่

คอยบริการเสริฟน้ำเสริฟผ้าเย็น

ช่วยงานในครัวช่วยงานป้าแมวและก็พี่อันจ้า

งานของต่ายกับบัวในวันอาทิตย์นี้

ถือว่ายังไม่ดีพอ บางทีน้ำตามฐานอื่นๆหมด

เขาก็ถือกระติดมาในครัวทั้งๆที่เป็นหน้าที่ต่ายกับบัว

ถือว่าอาทิตย์นี้ยังทำงานได้บกพร่องในหน้าที่อยู่

เดี่ยวอาทิตย์ต่อๆไปจะทำให้ดีกว่านี้

และให้ดีขึ้นเรื่อยๆค้า สู้ตายเห้ 

-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-

และต่ายก็ต้องอนุโมธนาบุญกับทุกๆท่านที่มาแสดงความเห็นมาเขียนธรรมทานด้วยนะจ้าคิคิ.__.

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ด.ญ. ยุพินดา วรรณรักษ์ ( น้องกระต่าย) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 22:32:52


ความคิดเห็นที่ 236 (1637319)

 5 ข้อ ต้องทำให้ครบ

คือ

1.ให้ทำทันที

2.ให้ทำอย่างง่ายๆ

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.ทำอย่างต่อเนื่อง

5.ทำให้มากขึ้น

****************************

อ๊ากกกกก..กระต่ายสอบตกอย่างแรง

เดี่ยวต่ายจะเริ่มพัฒนาตัวเองเเล้วค้า

อิอิต่ายก็ต้องขอบคุณอ.อุบลนะค้า

ที่ตั้งบ้านสวนพีระมิด

เพราะถ้าไม่มีอ.อุบลไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์

ป่านี้ต่ายคงเหลวไหลมัวแต่ไปทำเรื่องไร้สาระสะซ่วนใหญ่

 

ปกติเด็กรุ่นใหม่ติดเฟสบุ๊ค

แต่ตอนนี้ต่ายเริ่มติดเวปไซด์บ้านสวนเเล้วซิอิอิ555

 


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ด.ญ. ยุพินดา วรรณรักษ์ ( น้องกระต่าย) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 22:43:19


ความคิดเห็นที่ 237 (1637320)

ตอนกลางคืนอาจารย์ก็เลยให้มารายงานผล พอถึงกลุ่มข้าพเจ้า อาจารย์ก็ถามว่าผลของแต่ละท่านเป็นไง น้องก็บอกปวดหัวและหลังก็ชา อาจารย์ก็เลยให้สารภาพมาว่าไปทำอะไรมา น้องน้ำตาแตกเลยไม่อายใครแล้ว นึกถึงแต่ความเลว ที่เราเคยแนะนำคนไปทำแท้งรายเดียวก็แย่แล้วนี่สองราย

---------------------------------------------------

อ่านข้อความของคุณน้องธันย์วรินทร์ ศรีรักษา แล้วรู้สึกดีมากเลยครับ เป็นข้อความที่ออกจากใจ จนคนอ่านรู้สึกและสัมผัสได้

คืนวันเสาร์ผมก็เห็นน้ำตาเธอไหล จนผมก็อดน้ำตาซึมกับเธอไม่ได้ ดูแล้วคุณน้องคงมีอะไรในใจที่เก็บไว้มานานเลย พอได้มาอ่านก็ถึงบางอ้อ

นึกไม่ถึงเลยครับว่าสมาชิกใหม่อย่างคุณน้องจะทำให้สมาชิกเก่าๆอายม้วนไปเลยในเรื่องของการเขียนธรรมทาน เพราะเขียนได้ดีมาก เป็นธรรมชาติ อ่านแล้วรู้สึกอยากติดตามและอินไปด้วย

สวดดยอดดด สาธุหลายๆเด้อครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 22:45:31


ความคิดเห็นที่ 238 (1637324)

ป๊าดดโธ่....ช่วงนี้ทำไมเห็นแต่คนโชคดี ร่ำรวย เรียกว่า รวย รวย รวย แต่ผมก็สังเกตอย่างหนึ่งนะ เพราะจำได้แม่นในคืนวันเสาร์เมื่อซักสองสัปดาห์ก่อน

ท่านอาจารย์พูดถึงอานิสงค์ของการเขียนธรรมทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ "ออกรบ" ด้วยใจที่เต็มร้อย ร่วมปกป้องสามสถาบันและบ้านสวน จะเห็นอานิสงค์ชัดเจน รวดเร็ว สุดๆ

มาวันนี้ก็เห็นได้แล้วว่าแต่ละคนที่ ออกรบ ก็ได้รับอานิสงค์แบบฉับพลันทันทีเลย

เช่น คุณผดุง สุดจิตต์ ที่เขียนปกป้องบ้านสวนฯแบบตรงไปตรงมา กล้าเขียนถึงบุคคลที่มาดดีแต่หวังร้ายกับบ้านสวนฯ หวังจะแอบมาหลอกกินลูกควาย แต่บังเอิญคุณผดุงดันไปเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แล้วอดไม่ได้จนมาเฉลยให้ลูกบ้านสวนฯท่านอื่นๆได้รับรู้สิ่งที่เห็น บรื๋อออ...

น้องเอิ้น ที่เริ่มโต เบื่อเป็นลูกควาย เริ่มใช้เขาขวิด แล้วก็ขวิดๆพวกที่มาคอยทำลายบ้านสวนฯในเวปไซต์อื่นๆ

ดูสิเขียนปุ๊บ ได้รับอานิสงค์ปั๊บทันทีเลย สวดดยอดดด เสี่ยเอิ้นปกติปลายปี กิจการที่บ้านจะซบเซา แต่จู่ๆกลับมีลูกค้า มีรายได้แบบยิ้มแก้มปริเลย

ยังมีอีกหลายๆท่านที่ผมมั่นใจว่าได้รับอานิสงค์จากการ "ออกรบ" แต่เขียนกระจายตามกระทู้ต่างๆ หรือยังไม่ได้เขียนก็มี

อ้าว มัวแต่ยืดยาด ชักช้า เดี๋ยวโดนจัดหนัก เบื้องบนท่านให้รางวัลได้ ท่านก็เอาคืนได้เน้ออ...สิบอกให้ 5555

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 22:54:38


ความคิดเห็นที่ 239 (1637328)

จากการร่วมงานบุญบ้านสวนครั้งที่ 3

 ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านค่ะ ในการเขียนธรรมทาน

เริ่มอ่านธรรมทานเรื่อยๆ ไล่ไปถึงน้องกระต่าย อ่านแล้วรู้สึกว่าน้องเค้าเขียนมาจากความรู้สึกหรือการที่

เค้าได้ลงมาทำจริงๆ จากการที่ไปร่วมทำกิจกรรม แต่ละกิจกรรมเน้นให้ทุกคนใช้ปัญญา สมาธิ ทำกัน

อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างุบุญให้กับตัวเอง เพื่อปลดล๊อคกรรมอย่างที่ท่านอาจารย์ได้ตักเตือน แต่ที่สัง

เกตุทุกคนทำงานกันอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยไม่กลัวร้อนไม่กลัวแดด ทำให้คิดว่าทำงานกันอย่างไงนะ

หน้าใสกันทั้งนั้นเลย เริ่มตั้งคุณธนา พี่เหมี่ยว เอิ้น พี่อมร และยังแอบมองไปถึงลุงบุญด้วยว่าลุงบุญอายุ

เท่าไหร่นะ หน้าลุงเด็กกว่าอายุแน่ๆ(อายุเท่าไหร่ค่ะ) ยังมองไปถึงพี่แมวว่าหน้าเด็กลงและผอมลง เปรียบ

เที่ยบจากการมาร่วมบุญครั้งแรกและสอง บุญทำให้มีความสุขความเจริญ ขอกราบขอบพระคุณในความ

เมตตาของท่านอาจารย์อุบลที่ให้ลูกมีโอกาสร่วมบุญที่บ้านสวน กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก

พระองค์ที่เมตตา ลูกขอน้อม  กราบ กราบ กราบ

ลูกขอถวายบุญที่ลูกได้กระทำมาตั้งแต่อดึตจนปัจจุบันให้กับเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อบุลทุกๆพระองค์

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางรัชตวรรณ พิกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:03:15


ความคิดเห็นที่ 240 (1637332)

      เสาร์นี้  ที่แปลงผักของเรามีหลายท่านมาช่วยกันเก็บผักและเก็บหญ้ากัน

หลายท่านเลยทีเดียว แปลงผักของบ้านสวนฯก็เลยดูคึกคักพอสมควร แต่ต้น    

ผักเราก็ยังไม่สดใสเหมือนเดิมเพราะอยู่ในระหว่างพักฟื้นและห่างหายจาก      

การเติมปุ๋ย ประกอบกับช่วงนี้อากาศก็ร้อนมากเลยทีเดียว.

               หลังจากอาหารเช้าแล้วพวกเราก็แยกทำกิจกรรมกันหลายกลุ่มด้วยกัน ส่วนตัว

เองนั้นอยู่ในกลุ่มมีปัญหาที่ต้องการบำบัดคือ    ความดันโลหิตสูง   ภูมิแพ้เป็นหวัด            

ปวดบริเวณเอวด้านหลัง   ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมมีจำนวน 5 ท่านด้วยกันค่ะ.........

1.    คุณธันยาภรณ์ ช่างยิ้ม อายุ 53 ปี เป็นความดันโลหิตสูงและนอนไม่ค่อยหลับ

2.    คุณเบญจวรรณ์ โชติมูล อายุ 49 ปี อาการไอ และความดันสูงโลหิตสูง

3.    นางกันต์สินี อัครวิชนนท์ ปวดเอวบริเวณด้านหลัง

4.    นายพัฒพงษ์ ปรับโตวิดโจโย     เป็นหวัด หัวหน้าทีม

5.    วีร์พสุทธ์ ลิ้มสกุลภักดี  ภูมิแพ้ เป็นหวัด

         พวกเราทั้งหมดได้ร่วมกันทำกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายคือใช้ท่อระบายน้ำมาปรับ        

ทำเป็นที่นั่งรอบต้นมะม่วงบริเวณที่จอดรถด้านหน้า ซึ่งในตอนแรกก็ยังคิดว่าพวกเราจะ

ทำกันได้เหรอ   แต่ด้วยพระบารมีของพระศรีอาริย์และรหัสอ.อุบลช่วยด้วยและในช่วง

ระหว่างทำเราก็ได้สวดคาถาพระศรีอาริย์และอ.อุบลฯ ช่วยด้วยตลอดเลย โดยที่ในระหว่าง  

ขนย้ายเราก็ต้องใช้ปัญญากันตลอดเช่นเวลาวางท่อระบายน้ำเราต้องคอยวางแผนกันว่า    

จะขนย้ายกันอย่างไรจึงจะได้เร็ว   วางอย่างไรถึงจะสวยและเหมาะสมกับแต่ละจุดที่เราจะ    

วางลงไป แต่สุดท้ายเราก็ทำได้.... ทุกคนมีความสุขกันมากเลยที่ทำสำเร็จ.. .......หลังจาก        

นั้นทุกคนก็ได้มาสำรวจตัวเองว่าอาการที่มีปัญหานั้นเป็นเช่นไรกันบ้าง   ก็พบว่าตนเอง          

ที่มี  อาการปวดหลังลดลงไป 50 % แล้ว

             ต่อจากนั้นเราก็ได้ช่วยกันขนอิฐบล๊อคไปให้ลุงบุญจำนวน 500 ก้อน  แต่ยังไม่      

เสร็จก็ได้เปลี่ยนฐานไปที่บริเวณลานจอดรถใต้ต้นมะม่วงที่มี  คุณแหลนเป็นหัวหน้าทีม          

ก็ได้ช่วยกันเก็บย้ายไม้ไผ่จากต้นมะม่วงไปกองไว้ด้านริมรั้วกัน  จนเสร็จจำนวน 2 กองทำ      

ให้บริเวณโคนต้นมะม่วงนั้นดูโล่งไปเลย  หลังจากนั้นก็นำท่อ ระบายน้ำมาวางปรับเป็นที่      

 นั่งเพิ่มเติมอีก  ดูแล้วก็ได้ความสวยงามไปอีกแบบหนึ่งจ๊ะ/  (เดี๋ยวมีต่อจ๊ะ.......)จริงๆแล้ว

เราได้งานปรับตกแต่งสถานที่กัน  ซึ่งในตอนแรกกลุ่มของเราก็มีทั้งสว.และหนุ่มน้อย

ซึ่งในตอนแรกเราก็ยังคิดเลยว่าเราจะทำงานนี้เสร็จเหรอ!   แต่ทุกคนก็เหมือนมีกำลัง            

ใจที่ดีมากคือระหว่างทำสวดคาถาพระศรีอาริย์และอ.อุบลฯช่วยด้วยไปเรื่อยๆทำให้ทุก        

คนทำงานไปโดยไม่รู้จักเหน็จเหนื่อย ได้งานสมดังที่ตั้งใจใว้   นี่แหละคือ  การรวมพลัง        

ทั้งความคิด และกำลังใจที่ เราได้มา จึงทำให้งานเราสำเร็จได้ดังใจปราถนา/

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:28:45


ความคิดเห็นที่ 241 (1637333)

    พิมพ์ธรรมทานที่ตัวเองชอบมากที่สุดแล้วแจก เขียนธรรมทานแล้วถ่ายแจก

ให้ที่ทุกคนที่พบเจอคนไม่รู้จักก็แจก

ไม่อ่านก็แจกฝากให้คนอื่นไปอ่าน

แจกแหลก

เมื่อวันเสาร์ผมได้รับเอกสารจาก ดร.จิ๋ม เป็นกิจกรรมธรรมะบำบัดครั้งที่ 2

ผมเองขอเป็นเอกสารต้นแบบนำร่องถ่ายแจกก่อน 200 ชุด ซึ่งเนื้อหาครอบคลุมดีมากพยายามให้ทุกคนกลับตัวมาเป็นคนดี รักษาศีล ให้เข้าใจถึงกฏแห่งกรรมการผิดศีล ที่ยังทุกข์ ยากจน เจ็บป่วย ไม่หายเสียที

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:29:29


ความคิดเห็นที่ 242 (1637334)

    เป็นชาวเกาะ  แต่เข้ามาช้า  รู้สึกผิดค่ะ

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน 

ทุก ๆ บุญด้วยนะคะ 

   และกราบขอบพระคุณท่าน อ. อุบล

ที่ได้มาอธิบายเรื่องการทำบุญให้ได้ผล

เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย  และถูกต้องยิ่งขึ้นค่ะ

1.ทำทันที   ไม่ต้องรอใครสั่ง

2.ทำอย่างง่ายๆ ทำตามความคิดของเรา  แต่ถ้าไม่รู้ต้องถาม

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ  ต้องตั้งใจจริง

4. ทำอย่างต่อเนื่อง  ไม่ทำแค่เฉพาะเวลามีปัญหา

5. ทำให้มากขึ้น  ต้องอาศัยกำลังใจช่วย

    และขอชื่นชมน้องกระต่าย  ที่มาเขียน

ธรรมทานก่อนใคร  ด้วยสำนวนที่เป็นธรรมชาติ

น่าอ่าน  ทำให้รู้ว่าน้องกระต่าย  รู้สึกอย่างไร

ในขณะที่ทำงาน

    และจากสรุปของ  คุณธนา เรื่องการเปลี่ยนฐาน

การทำงานทุกหนึ่งชั่วโมง  แต่ในวันเสาร์

ไม่ได้ทำตามที่ ท่าน อ. อุบล บอกไว้

อ่านแล้วก็ได้สำรวจตัวเองไปด้วย

ทำให้เราเองต้องมามองตัวเองว่า

เราอยู่ในฐานะอะไร  ทำหน้าที่อะไร

ก็รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะผู้ตาม

ดังนั้น  เรา จะต้องรู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา

อย่าทำตัวแตกแถวเหมือนลูกควายน้อย 

ต้องขอบคุณ คุณธนานะคะ  ที่นำมาเล่าให้ฟัง

เพื่อให้ได้เห็นความคิด  ที่จะพาเราหลงทาง

เป็นการระวังความคิดของตัวเอง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:32:39


ความคิดเห็นที่ 243 (1637336)

    และได้รู้ความลับอีกอย่างของจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี

เพียงแค่มองก็หายแล้ว  ความอัศจรรย์

เริ่มมีมาให้เราเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

   แต่ก็ยังสงสัยอีกนิดค่ะว่า  มองเฉย ๆ

โดยไม่ต้องคิด  ไม่ต้องพูดอะไรเลยรึค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:35:25


ความคิดเห็นที่ 244 (1637338)

       เจี๊ยบสตาร์ทเขียนธรรมทานก่อนคนอื่นเขา แต่เขียนได้หัวข้อนิดโหน่ย ก็ราตรีสลบซะแล้ว รุ่งเช้าวันนี้ เพื่อนๆต่างดาหน้ากันเข้ามาเขียนกันยาวเหยียดเลย แซงกันไม่เห็นฝุ่นแล้ว  ฮู้ว รอด้วยๆๆ

  ขอแวะเล่าเรื่องนี้ก่อนค่ะ เจี๊ยบใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วยกับเจ้านายเจี๊ยบในการยื่นใบลาพักร้อนขอหยุดวันเสาร์ถึง 4 เสาร์นับจากวันเสาร์ที่ 27 ต.ค. เลย เพราะปรกติเจี๊ยบต้องทำงานวันเสาร์ครึ่งวัน กว่าจะมาถึงบ้านสวนก็บ่าย 2 โมงแล้ว เพื่อนๆโกยบุญกันๆไปถึงไหนแล้วเราเพิ่งจะมา ยิ่งช่วงหลังๆท่านอาจารย์จัดให้มีการทำกิจกรรมที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจว่าเราช้าไม่ได้แล้วตามเพื่อนไม่ทันแน่นอน จึงได้ยื่นใบลาครั้งเดียว ลา 4 เสาร์เลย ปรกติเจ้านายจะไม่ค่อยให้ลา ลายากมาก ต้องซักไซ้ไล่เรียงเป็นนาน 2 นาน

หลังจากใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย ก็ไปยื่นใบลาให้เจ้านายเซ็น โห เจ้านายเซ็นใบลาอย่างงงๆ ไม่ถามซั๊กคำว่าทำไมลาเยอะ ตานี้ละจะได้โกยบุญให้เต็มที่ นี้เป็นเพราะเทวดาท่านคงดลใจเจ้านายของเจี๊ยบไม่ให้พูดมาก จะได้หยุดงานไปสร้างบุญได้ และเทวดาท่านก็คงจะได้รับบุญจากการอนุโมทนาในบุญที่เจ๊ยบทำด้วย สาธุ ค่ะ

กราบขอบคุณเทวดาที่รักษาท่าน อ.อุบล และท่าน อ.อุบลที่เมตตาให้ลูกได้ใช้รหัสได้ผลในการมาสร้างบุญที่บ้านสวนค่ะ

   ถเลถไลนอกเรื่องไปเรื่อย เลี้ยวกลับมาที่เหตุการณ์ในวันเสาร์ที่ 27 ต.ค.กันค่ะ

เจี๊ยบไปถึงบ้านสวนตอน 8.30 น เลยเพราะตั้งใจจะไปโกยบุญเต็มที่ ไปถึงอ้าวไหงกลายเป็นโกยข้าวใส่ท้องก่อน เพราะกำลังจะแบ่งกลุ่มทำ workshop ทำงานแล้ว วันนี้เพื่อนๆมากันเกือบ 70 คน คุณธนาแบ่งคนเป็นกลุ่มๆออกเป็น 11 กลุ่ม ตามปัญหาของแต่ละคน เช่นกรรมผิวพรรณ เจ็บปวดตามร่างกาย โรคหนักๆเช่นมะเร็ง ไวรัสตับอักเสบ ปัญหาการงานการเงิน ขาดปัญญา โดยมีหัวหน้ากลุ่มรับผิดชอบลูกทีม เจี๊ยบไปเข้ากลุ่มปัญหาผิวพรรณเพื่อต้องการบำบัดปัญหาเข่าดำ ด้าน หนา เหมือนหนังควาย ให้มีผิวละเอียดซั๊กที โดยมีพี่เหมี่ยวเป็นหัวหน้ากลุ่ม ทีมเรามีกัน 6 ชีวิตคือ พี่เหมี่ยว เจี๊ยบ น้องมิ้ม น้องตั๊ก คุณนนทพร คุณรชยา

งานที่เราได้รับ รื้อวิหารไม้ไผ่ เคลียเอกสาร ข้าวของทุกอย่าง และรื้อพื้นไม้ไผ่ออกให้หมด ซึ่งงานไม่ได้ง่ายเลย เพราะพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ แถมยังมีเอกสารที่เก็บไว้แจกเยอะมาก ต้องมาเคลียกัน  และต้องเคลียพื้นไม้ไผ่ออกให้หมดด้วย เมื่อมาถึงหน้างาน พี่เหมียวก็บอกงานที่จะต้องทำอย่างคร่าวๆ และให้ท่องรหัส อ.อุบลช่วยด้วยไปเรื่อยๆสลับกับคาถาพระศรีอารย์ จากนั้นเราก็เริ่มงานกัน 

เราเริ่มจากการเก็บเอกสาร จากนั้นเราก็เริ่มเคลียพื้นไม้ไผ่ พื้นไม้ไผ่มีทั้งผุและก็ยังอยู่ในสภาพดี เราก็เริ่มทุบไม้ไผ่ ทำตอนแรกยังไม่มีปัญญาทุบมันทื่อๆไปงั้นแหละ แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ เริ่มใช้ปัญญาในการทำงาน ว่าเราจะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น เพื่อให้งานออกมาดี เราเห็นว่าถ้าเรานั่งไล่ทุบพื้นไม้ไผ่ที่ละช่อง วันนี้ทั้งวันก็คงจะไม่เสร็จ เราเลยได้ไอเดียทุบพื้นไม้ไผ่ห่างกันเป็นล็อคๆ เลาะไม้ไผ่ออกเป็นช่องเป็นแนวยาว จะเห็นไม้ไผ่เป็นลำขวางรองอยู่ด้านล่าง เอาเลื่อยเลื่อยไม้ที่วางขวางนั้นเลื่อยให้ขาดออกจากกัน ถ้าท่อนไหนผุก็โชคดีแค่เอาค้อนทุบก็หลุดขาดออกจากกัน  ทำให้งานไวขึ้น เหนื่อยน้อยลง แล้วเราก็ช่วยกันเอาไม้ไผ่ที่เลื่อยออกมาแล้ว ยกไปทีละล็อคไปเผาทิ้งในบ่อน้ำพีระมิดที่ขุดขึ้น ให้เราลองสัมผัสไฟนรกจำลองดูว่าร้อนแค่ไหน โอย/ ร้อนจริงๆ

ช่วงที่ทำงานกันนั้น แต่ละคนต่างก็เหยียบตะปูที่ติดไม้ไผ่ทะลุรองเท้าโผล่ขึ้นมาประมาณครึ่งนิ้ว แต่แปลก สุดมหัศจรรย์ ไม่มีใครได้แผลจากตะปูตำเท้าซั๊กคน เอ้ /ลูกบ้านสวนเริ่มหนังเหนียวกันแล้วนะ ไม่ช่าย/ นั้นเป็นเพราะว่า พวกเรามาสร้างความดีกัน เทวดาที่คอยอนุโมทนาบุญกับพวกเรา ท่านช่วยคุ้มครอง ดูแลเราไม่ให้ได้รับอันตรายต่างหาก กราบขอบพระคุณในความเมตตาค่ะ

   ก่อนพักเที่ยงงานของเราสำเร็จไปประมาณ 50 % แหม ปลื้มใจมากค่ะที่ได้เนื้องานเยอะ หลังจากพักทานข้าวเสร็จ คุณธนาให้พวเราเปลี่ยนฐานการทำงานไปทำตรงที่อื่นบ้าง ปรากฏว่าพวกเราไม่ยอมเปลียนฐาน เพราะเห็นว่ากำลังติดพันงานที่ทำอยู่ ทุกคนแสดงความโง่ออกมา คิดเอง เออเองว่า เดี๋ยวคนอื่นมาทำงานของเราไม่ได้ ต้องทำเองจนเสร็จ คุณธนาก็ถามความเห็นทุกคน ต่างบอกว่าไม่เปลี่ยน คุณธนาก็ตามใจ ซึ่งการกระทำอย่างนี้เป็นการขัดคำสั่งท่านอาจารย์ ขัดคำสั่งสิ่งศักดิ์สิทธ์ บอกให้ทำอย่างนี้ ก็ไปทำอีกอย่าง ไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้นำ เหมือนคลิปลูกควายที่โดนสิงห์โตไล่กัดเพราะไม่เชื่อฟังคำสั่งจ่าฝูง

คิดเอง เออเองว่า เราคิดถูก โดยที่ยังไม่ได้ทำตามผู้นำเลย สุดท้ายตอนบ่าย เราเริ่มล้ากัน ได้มาเปลี่ยนฐานกันตอนบ่าย 3โมงแล้ว ไปทำก่อสร้างมัดลวดเหล็กที่ใช้เทคาน วิหารไม้ไผ่ก็เคลียได้ประมาณ 70 % งานไม่สำเร็จลุล่วง

เราเลิกงานกันตอน 17.30 น. ก็ช่วยกันล้างเครื่องมือเก็บเข้าที่ จากนั้นช่วงค่ำก็มีปาร์ตี้มันเผา และเห็ดย่าง ที่เสริฟด้วยน้ำจิ้มแสนอร่อยฝีมือคุณแมว

แต่ละกลุ่มก็ไปสรุปผลงานที่ทำมาทั้งวัน และสรุปการบำบัดของแต่ละคนว่ามีอาการดีขึ้น หรือหายหรือเหมือนเดิม

กลุ่มเจี๊ยบ ทั้ง 6 ชีวิตมีดังนี้

1.พี่เหมี่ยว ปัญหามือผิวไม่เรียบ เป็นคล้ายหูด ผิวตะปุ่มตะป่ำทั้ง 2 มือ มีอาการดีขึ้น 70 % และหน้าใสอ๋องต๋อง

2.เจี๊ยบ ปัญหาคันตามผิวหนังเข่าดำ หนา หยาบ มีอาการดีขึ้น ไม่คันเลยระหว่างทำงาน ตั้งแต่ชั่วโมงแรก ส่วนเข่าขาวขึ้น 70% ภายใน 2 ชั่วโมง

3.น้องมิ้ม ปัญหาสิวอักเสบ เห่อ แดงทั่วใบหน้า มีอาการดีขึ้น 80 % สิวยุบลง อาการเห่อแดง จางลงหายเกือบหมด

4.น้องตั๊ก มีปัญหาสิวอักเสบ เห่อแดงทั่วใบหน้า มีอาการดีขึ้น 80 % สิวยุบลง

5.คุณนนทพร มีปัญหาฝ้าดำเต็มหน้า โดยเฉพาะ 2 แก้ม มีอาการดีขึ้น 30 % ภายใน 1 ชม.แรก หลังจากนั้นก็ดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งเสร็จงาน ดีขึั้้น 80 %

หน้าขาวขึ้น ฝ้าจางลง เริ่มเห็นหน้ามีสีชมพูบ้างแล้ว

6.คุณเหมี่ยว มีปัญหาสิวอักเสบ แพ้ฝุ่น มีอาการดีขึ้น 70 % ภายใน 2 ชม.แรก

สรุป กลุ่มเราไม่มีหาย 100 % เลย มีอาการดีขึ้น 70 -80 % ทั้ง 6 คน

วิเคราะห์ๆได้ว่า เพราะเราทำงานไม่เสร็จ จึงไม่ได้รับผลบุญเต็ม 100% แต่เราก็ได้รับอานิสงค์ผลบุญกันมากทุกคน จนเห็นได้ชัด และอีกอย่างคือไม่เชื่อผู้นำ  ทำให้เราไม่ได้ทำงานที่ฐานอื่นบ้าง ทำให้เราไม่สามารถปลดล็อคกรรมได้ทุกกรรม เพราะแต่ละคนไม่ได้มีกรรมอย่างเดียว ตัวอย่างเจี๊ยบเอง ก็มีปัญหาผิวพรรณ ปัญหาการเงิน ปัญหาสุขภาพ ดังนั้นท่านอาจารย์มีเมตตาให้เราปลดล็อคกรรมได้ทุกกรรม แต่เจ้ากรรมนายเวรของเรายังไม่ปล่อย เลยโง่คิดไม่ออก ไม่ทำตามท่านอาจารย์ วันนี้ก็เลยยังไม่ได้ปลดล็อคกรรม

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:44:59


ความคิดเห็นที่ 245 (1637340)

     ขออนุโมทนากับธรรมทานจากทุกๆท่านด้วยนะครับ เห็นหลายๆคนเริ่มธรรมทาน ที่ใส่ความรู้สึกกันมากขึ้นอ่านแล้วรู้สึกบ่งบอกถึงบุคลิคของแต่ละท่านเลย เรื่องราวเดียวดัน แต่"ลีลาไม่ซ้ำกันจริงๆ" 

     มาสังเกตุ font ตอนนี้ก็เปลี่ยนรูปแบบการปรับระดับ จากเดิมที่เป็นภาษษา อังกฤษ มาเป็น ตัวเลข ทำให้เวปดูมีลูกเล่นมากขึ้น ซึ่งมาสังเกตุนอกจากสีที่มีให้เลือกใช้มากแล้ว ตัวหนังสือก็ยังปรับได้เยอะอีก 

     ขอเล่าธรรมทานจากคุณจอย(เพิ่งจะมาทราบชื่อถายหลัง) ที่เป็นไตวาบเรื้อรัง ระยะสุดท้าย ด้วยคนครับ คือ หลังจากที่รู้ว่าพี่เขาเป็นโรคไตวาบ ต้องฟอกไต อาทิตย์ละ 2 ครั้งพอได้มาทำบุญที่บ้านสวน อาการปวดหัวข้างขวา ภูมิแพ้ และอาการหายใจติดขัดหายเป็นปลิดทิ้งเลย 

     ซึ่งสวนทางกับทางการแพทย์ เพราะุ้ถ้าป่วยแบบนี้ คงทำงานหนักๆไม่ได้ มีโอกาสได้คุยกันหลังจากนั้น และได้ชวนพี่เขาขนขยะมาเผาด้วย ดูสีหน้าพี่เขามีความหวัง นัยย์ตาดูเป็นประกายขึ้นมาเลยครับ

     ถึงแม้ตาจะดูเหลือง ด้วยโรคที่เป็นอยู่ ผมเชื่อว่าพี่ต้องหายได้แน่ๆ "เพราะ ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ" ครับ ซึ่งพี่เขาเองก็ติดตามรายการคุยไปแจกไป อยู่บ่อยๆ (ยังจำผมได้ด้วย อิอิ) 

     และพี่เค้าก็หวังว่าจะได้มาสร้างบุญแรงกายให้มากกว่านี้ ก็เลยแนะนำวิธีทำน้ำพีระมิดให้พี่เขาดื่มแทนน้ำธรรมดา ไปด้วย สอบถามพี่เขา จึงได้ทราบว่า มีปิรามิดจำลองอยู่ แต่ไม่เคยรู้วิธีทำน้ำพีระมิดเลย ก็ได้ข้อคิดเลยว่า "มีของดีอยู่แต่่เรายังไม่รู้วิธีใช้ก็ถือว่าเสียโอกาส"

     ก็เลยได้ตุยเรื่องจี้สามร่มโพธิ์ศรี พี่เขาก็ยังเสียดายที่ ไม่ได้กดเงินมาเพื่อบูชาจี้ รุ่นสามร่มโพธื์ศรี เพราะตอนที่พี่มอง พี่เขาบอกว่ารู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างเข้ามาในตัว ก็เลยพูดว่า คนอื่นๆ ที่เขาไม่ได้มาสัมผัสบ้านสวนจริงๆ อาจจะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ต้องมาเจอเองแบบพี่จอย จะได้หายสงสัยซะที  

     เชื่อว่าความรู้สึกสดชื่นนั้นเกิดจากที่พี่เขาได้รับพลังปราน พลังมโนธาตุที่มีอยู็ในบ้านสวน รวมกับบารมีพระศรีอาริย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ที่ได้เมตตาให้พี่เขาได้สัมผัสด้วยตัวเอง

     ก็เลยแนะนำเรื่องบุญธรรมทานกับเขาด้วยว่ามันมีผลมากจริงๆ เพื่ือให้พี่เขาได้มีโอกาสสร้างบุญ ในช่วงที่ไม่ได้มาบ้านสวน แลเบุญธรรมทาน ก็เป็นบุญที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้ส่งบุญนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรได้ครับ

     เหมือนที่ท่านอาจารย์อุบลบอกพวกเราเรื่องบุญธรรมทาน ว่าให้ "ทำทันที ทำง่ายๆ ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างต่อเนื่องและมากขึ้น" ซึ่งเป็น"สูตรของความสำเร็จ" ของการพ้นทุกข์เลย และยังเอาวิธีนี้ำไปใช้ได้ในทุกๆ อย่างด้วย ก็คือ ทำอะไรก็ควร "ใส่ใจ" ลงไปด้วยเป็นประการแรกส่วนประการหลังๆ ก็เพื่อ"ให้เกิดความเคยชิน และกลายเป็นความชำนาญ"ในที่สุด

     ซึ่งการเขียนธรรมทานรูปแบบใหม่ นี่ ก็ต้องใช้ "ปัญญาไม่ใช่สัญญา" เพราะเมื่อก่อนเราก็เขียนกันแบบจดไป จำไป แล้วก็เขียน เลยดู ไม่ค่อยน่าอ่าน เวลาคนมาอ่านก็เหมือนอ่านเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ก็อาจทำให้เบื่อไม่อยากอ่าน

     เป็นไงล่ะครับ คนที่มาเขียนท้ายๆ ก็ไม่มีคนอ่านแล้ว เพราะมันเรื่องเดิม ก็อาจจะทำให้เราตกบุญไปได้ อิอิ ดังนั้นมา"สร้างสีสัน ด้วย ปัญญา" ในการเขียนธรรมทานกันดีกว่า ว่าสิ่งที่เราพบเห็น เราเห็นอะไร เราคิดอย่างไร เพิ่ม การวิเคราห์เข้าไปด้วย

     มาย้อนเรื่องปัญญากับสัญญา สิ่่งไหนล่ะที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ ก็ปัญญานี่ เหมือนเมื่อก่อน ตัวผมเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากๆ ยังโดนพี่ธนาแซวเลย ว่าถามอะไรก็ตอบได้หมด (ไม่ใช่อับดุล นะ ภามอะไร ตอบได้หมด 55+)

     แต่พอได้มารู้จักบ้านสวน เริ่มเจอของจริง ใช้ปัญญา ก็ไม่ได้เรื่องเลย โง่เหมือนเดิม นั่นแหละถึงว่า "รู้เพียงสัญญา ไม่ลึกซึ้งเท่า รู้แบบปัญญา"คือ ปัญญาที่มาจากการปฎิบัติแน่นอน

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:46:36


ความคิดเห็นที่ 246 (1637341)

ต่อน่ะครับ

(กิจกรรมค่ำคืนวันเสาร์)
   กิจกรรมภาคกลางคืน เราเริ่มกันด้วยการรายผลของการทำเวิร์คช็อปของแต่ละกลุ่มครับ ก็มีหลายกลุ่มที่ออกไปรายงาน ถึงสมาชิกในกลุ่ม ว่าอาการเจ็บป่วยก่อนและหลังทำเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ที่ผมประทับใจมาก ก็คือกลุ่มของพี่อมรครับ ประทับใจอะไรหรอครับ ผมประทับใจ วิธีคิดของหัวหน้ากลุ่มนี้ครับ คือพี่อมรมีวิธีคิดที่ ผมเองนึกไม่ได้ ไปไม่ถึงครับ
   เช่น มีสมาชิกท่านนึงของกลุ่มพี่อมร มีอาการเจ็บป่วยหลังจากทำงาน ซึ่งถ้าหากเป็นผมเอง ผมก็คงคิดไปว่า นั้นอาจเป็นเพราะ เจ้ากรรมนายเวรของเขามาทวงหนี้มั้ง ผมก็จะมองแต่มุมนี้มุมเดียวตลอดเสมอ แต่พี่อมรจะมองมุมอื่นไปด้วยที่ผมเองนั้นคิดไม่ถึง และไม่เคยคิดด้วย คือพี่อมรแกมองว่า ปรกติทำงานที่บ้านสวนฯ มันมีแต่หายหรือ อาการดีขึ้น แต่ที่แย่ลง หรือ เจ็บป่วยเพิ่มนั้น มันต้องมีเหตุอื่น แกก็พยายามพิจารณา ใคร่ครวญ จนพบ และพิสูจน์ด้วย ว่ามันจริง มันใช่  อย่างกรณีนี้ พี่อมรมองว่า ต้องมีงานอะไรที่ทำไม่เสร็จ และไม่เรียบร้อยแน่ จึงมีอาการเจ็บปวดถึงมาแสดง ในกรณีนี้ เป็นเพราะ ไม่เก็บเครื่องมือ หลังจากทำงานเสร็จแล้ว พอเก็บเครื่องเสร็จ อาการเจ็บปวดนั้นก็หายไปทันที อันนี้แหละครับที่ผมทึ่ง ทึ่งในปัญญาของแก แหมม ทำไม เราเองมันถึงคิดไม่ได้ยังงี้ฟ่ะ
อีกเรื่องนึงผมได้แง่คิดจากกลุ่มพี่อมรอีกเช่นกันครับ คือ การใช้สิ่งของอย่างคุ้มค่า และประหยัด โดยพยายามอธิบายและปลูกฝังลูกทีมให้ทำแบบนั้น และยังมีการติดตามผลงานของลูกทีมตนเองด้วยว่า เป็นอย่างไร เช่น เดินตรวจดูว่า มีเศษลวดผูกเหล็ก หล่นทิ้งบ้างหรือไม่ นี่แหละครับ แกละเอียดจริงๆครับ ทำให้ผม จะนำเอาแนวคิดนี้ไปใช้กับกลุ่มของผมบ้างในคราวถัดไปครับ
และที่อุบ เอาไว้ข้างต้นนั้น คิดว่าทุกท่านคงทราบจาก ธรรมทานของพี่ธนาไปแล้ว แหม อุบนานไปนิด คนอื่นเรยเหลาหมดเรย แป่ววว
สรุปก็คือ จากกิจกรรมทั้งวันในช่วงวันเสาร์ เราทุกคนไม่สามารถปลดล็อกกรรม ได้ครับ เพราะฉลาดเกินไป ไม่เชื่อฟังผู้นำ เอาความคิดตนเองเป็นที่ตั้ง ซึ่งความจริงก็น่าจะเอ๊ะใจบ้าง หากสงสัยก็น่าจะถามพี่ธนา แต่นี่ ไม่ถาม...ก็สมควรครับ ผมน้อมรับครับ
แต่หลังจากจบกิจกรรมภาคกลางคืน ได้ยินประโยคนึงจากพี่อมร คือฟังแล้วมันโดนใจอ่ะครับ เรยหยิบมาเหลาสักนิดนึงคือ ดีแล้วที่ยังไม่ปลดล็อกกรรม ลองคิดดูสิ เราทำกับเขามาตั้งเยอะ ตั้งมากมาย เขาเจ็บปวดแค่ไหน แล้วเราจะมาปลดล็อกกันง่ายๆยังงี้ ได้หรอ ฟังแล้วมันโดนใจจริงๆครับ
ขอโทษน่ะพีอมร ธรรมทานช็อตเนี๊ยะ พาดพิงพี่เยอะไปนิสนึงน่ะ คือมันชอบอ่ะ
เดี๋ยวมาต่อน่ะครับ  
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:51:16


ความคิดเห็นที่ 247 (1637343)

 ขอน้อมรับคำสั่งสอนของท่าน อ.อุบล

-          วีธีสร้างบุญใหญ่ด้วยแรงกายในบ้านสวนพีระมิดมี 5 ข้อ

1.    ให้ทำทันที

2.    ให้ทำอย่างง่ายๆ

3.    ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.    ทำอย่างต่อเนื่อง

5.    ทำให้มากขึ้น

-          การเขียนธรรมทาน ให้ใช้ปัญญา ไม่ใช่สัญญาเขียนแบบง่ายๆ                        

ใช้ภาษาง่ายๆ วีธีการเขียนอย่าทำให้ยุ่งยาก

-          การรับพระบารมี 3 ร่มโพธิ์ศรี ให้ใช้วิธีมองดูจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีที่ตัวผู้สวมใส่          

ไม่ต้องถอดจากคอไปให้ผู้อื่นจับรับบารมี

-          กิจรรมสร้างบุญปลดล็อคกรรมต้องย้ายฐานกิจกรรมทุกชั่วโมงให้ครบ                

ทุกฐานกิจกรรม

-     กิจกรรมฐานเกษตร     ช่วยด้านปัญญาการงาน    การเงินพบว่า  ทุกคนตั้งใจ          

สร้างบุญเพื่อช่วยการเงิน   แต่ด้านปัญญาจะพบความแตกต่างในการปฏิบัติตาม          

คำบอก   การปฏิบัติของหัวหน้ากลุ่มซึ่งแสดงถึงการพัฒนาในทางปัญญา  ให้ค่อยๆ      

ดีขึ้นตามเวลาที่ปฏิบัติ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 23:55:01


ความคิดเห็นที่ 248 (1637345)

 ธรรมทานวันเสาร์ที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา

กลุ่มตุ้ยได้รับโจทย์เรื่องปัญหาผิวพรรณ

และได้รับผิดชอบในส่วนของโรงทาน - ครัว

มีพี่แมวเป็นหัวหน้ากลุ่ม 

โดยเริ่มด้วยการจัดเคาเตอร์ลงทะเบียนให้ดูเรียบร้อยขึ้น

ซึ่่งเท่าที่ตุ้ยจัดไปก็เห็นว่าพวกธรรมทาน

โดยเฉพาะคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

 เก็บไว้ไม่ได้เอาออกมาวางอีกเป็นลังๆค่ะ

เกรงว่าจะพวกปลวกมอดจะมากินเหมือนกันค่ะ

 

 

งานครัวเป็นงานที่ต้องทำตลอดค่ะ

จะมีพักบ้าง ช่วงหลังมื้อเที่ยงค่ะ

มีนู่นนี่นั่นให้ทำตลอด เข้าใจแม่ครัวดีขึ้นเลยค่ะ

ว่าต้องเสียสละแค่ไหน ตื่นก่อน นอนทีหลัง

แล้วก็ตื่นก่อน กินทีหลัง

แล้วก็รู้สึกว่าสนุก และมีความสุขนะคะ

ที่เราเตรียมอาหารร้อน ๆ แล้ว

มีคนมากินอาหารที่พวกเราทำ

เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ครัวถึงไม่ค่อยกินข้าว

เพราะมันอิ่มอกอิ่มใจนี่เองค่ะ

วันนั้นก็ทำงานเพลินค่ะ ไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไรค่ะ


และได้ธรรมทานช่วงกลางคืนวันเสาร์

จากท่าน อ.อุบล ว่า

ผู้ที่อยากมีสภาพคล่องทางการเงิน

ต้องไม่ยืมเงินเด็ดขาด ให้เราตั้งใจมั่น

ว่าเราจะไม่ยืม แล้วจะมีเข้ามาเอง

ให้มีเท่าไรใช้เท่านั้น

ที่ผ่านมาตุ้ยเองก็ยืมมาตลอด

แถมบางทีไปกินอะไรกัน

ก็ใช้ระบบวางบิลค่ะ สิ้นเดือนจ่าย

จึงทำให้ปัญหาเรื่องการเงินไม่คลี่คลายสักที

แถมยิ่งยืมก็ยิ่งเป็นหนี้ ยืมคนนั้น

เอามาใช้คนนี้ เหมือนงูกินหาง

ไม่มีวันจบต่อแต่นี้เราต้องแน่วแน่

เข้มแข็งค่ะ แล้วจะมีสภาพคล่องแน่นอนค่ะ


ช่วงค่ำคืนท่าน อาจารย์ก็มีเมนูปิ่งย่าง

ทั้งมันเผา เห็ดย่าง น้ำจิ้มซีฟุ๊ด รสเด็ดของพี่แมว

สุดยอด กินไปตาสว่างเลยค่ะ ของเขาแซ่บจิงไรจริง

แถมก่อนเข้านอนพวกเรายังได้พบเจอ ufo แบบชัดมั่กๆ

ไม่รู้ว่าเป็นผลจากการเต้น

แอ๊บเปิ้ล มะละกอ กล้วยส้มหรือเปล่านะคะ

ขอขอบคุณธรรมทานของพี่น้องบ้านสวนทุกท่านด้วยค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 00:09:50


ความคิดเห็นที่ 249 (1637346)

 ขอเล่าwokeshop วันเสาร์ที่27 ต.ค

เหมียวได้อยู่กลุ่ม ปัญหา ปวดคอ บ่า ไหล่ และปัญหาการเงิน  ซึ่งมีพี่อ้อยเป็นหัวหน้าค่ะ ถ้าถามว่าทำไมมาอยู่กลุ่มนี้ได้ อันนี้บอกได้เลยว่าปํญหาเรื่องเงินค่ะ อิอิ แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสินอะไรกับใครเลย แต่ติดตรงที่ว่า อยากมีเงินเก็บกะเค้าบ้าง รู้สึกว่าพอได้เงินมาก็จ่ายเก่งเหลือเกิน วันไหนไม่จ่ายก็ไม่จ่ายแต่พอจ่ายแล้วก็ออกเยอะ ทำให้เงินเดือนที่ได้มาไม่เหลือ ถ้าจะว่าไม่พอก็ไม่ใช้ ก็พอกินอยุ่ เอ๊ะหรือว่าเราโลภเงินหรือเปล่าเน้อ แต่แค่อยากมีเงินพอเก็บสักนิดสักหน่อยก็ยังดีค่ะ ฮ่านี้เพิ่งทำงาน3เดือนเองความโลภครอบงำแระเนี้ยเรา  ค่ะส่วนเรื่องปวดเมื่อยไม่มีเลยรู้สึกโล่งมากในวันนั้น ก็เลยขอบำบัดเรื่องการเงินอย่างเดียวค่ะ

งานที่ทำฐานแรกก็คืองานก่อสร้างค่ะ ทำในช่วงเช้า งานนี้ช่วงแรกรู้สึกเหนื่อยหมดแรงเหมือนกันค่ะ ต้องยกจอบขุดดินแดดก็ร้อน แต่ทำเต็มที่เต็มกำลังแม้จะมีพักบ้าง ดื่มน้ำบ้าง ส่วนช่วงบ่ายก็มาทำตรงก่อสร้างต่อแต่จะเป็นการผูกลวด อันนี้งานเบาๆนั่งอยู่กับที่ทำแบบสบายๆ แต่ก็ต้องใช้ปัญญาในการผูกลวดเหมือนกันค่ะ แต่ทำตรงส่วนนี้สักแปบเดียวก็ย้ายไปทำฐานไปทำฐาน ศาลาไม้ไผ่หัวหน้าคือป้าเหมี่ยวค่ะ ก็มีการขนย้ายสิ่งของจากศาลาไปไว้บนห้องน้ำใหม่ชั้น2 และ บนโรงทานชั้นสอง อันนี้ตัวเองรู้สึกผิดค่ะเกือบจะขัดคำสั่งท่านอาจารย์ซะแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า ด้านบนห้องน้ำชั้น2 ท่านอาจารย์ให้ใช้เป็นที่เก็บของเพียงห้องเดียวคือห้องในสุด แล้วตอนที่ขึ้นไปจัดด้วยกันกับคุณโฆษิต ของที่ย้ายมาจากศาลาไม้ไผ่เยอะมาก มีทั้งหนังสือธรรมทานหลายลัง มีทั้งดอกไม้ประดิษฐ์ และอื่นๆอีกมากมาย แต่พื้นที่ห้องมันไม่พอเพราะว่าของที่จัดอยู่ก่อนหน้านั้น คือเหมือนไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบ เหมือนอะไรยัดเข้าได้ก็ยัด พอตัวเองมาเห็นก็คิดว่าจะจัดยังไงดี พยายามเอาของนี้มาใส่ตรงนู้ตรงนี้ ก็ยังไมเรียบร้อยอยู่ดี ก็เลยไปถามป้าเหมี่ยวว่า ขอใส่ของมาอีกห้องหนึ่งได้มั้ยเพราะมันไม่จุแล้ว ไม่รู้จะจัดจะยัดไปตรงไหนดี ป้าเหมี่ยวบอกว่าต้องห้องเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องทำให้ได้ เป็นคำสั่งของท่านอาจารย์ อ่าาตอนนั้นนึกในใจแย่แล้วเราเกือบไปแล้วล่ะสิ ก็เลยขึ้นไปพยายามหาทีเผื่อจะใส่ของให้ได้ แต่สุดท้ายแล้ววางไม่ได้จริงๆก็คุยกันกับคุณโฆษิตว่า ถ้าพรุ่งนี้มีโอกาสได้ทำตรงนี้อีก จะมาจัดให้เรียบร้อย แต่แล้วเมื่อวันอาทิตย์ก็ไม่ได้ขึ้นไปด้านบนตรงนั้นค่ะ 

สรุปผลการทำกิจกรรมนะค่ะ 

จากที่พี่อ้อยเล่ามาแล้วข้างต้นเรื่องคุณป้าเล็กในความเห็นของตัวเหมียวเองนะค่ะที่ได้สัมผัสที่ได้ทำงานด้วยกัน ก็คล้ายๆกับที่พี่อ้อยบอกคือดูว่าป้าเล็กไม่ค่อยเต็มที่เท่าไร ดูช้าๆ จะหยิบจับอะไรก็ดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง ตอนนั้นตัวเองคิดไม่ดีในใจอีกแระ รู้สึกว่าเอ้ป้าแกทำอะไรขัดใจเราจัง จิตทรามของตัวเองเริ่มมาอีกแระมโนกรรมเยอะจริงๆเรยเรา แหมตัวเราเองก็ทำให้คนอื่นเค้าขัดใจเหมือนกันก็ไม่ได้ดีไปจากใครเลย ยังชั่วอยู่ แล้วไปว่าคนอื่นเค้าทำไม(เพิ่งคิดได้หลังจากที่คิดว่าป้าไป) ป้าเล็กเลยบำบัดได้ผลน้อย อาจจะเป็นเพราะยังไม่เต็มที่กับงานเท่าที่ควร

พี่ทัศน๋ก็เช่นกันค่ะคนนี้ก็ได้ผลน้อย เพราะกรรมทำมาเยอะ ก็ได้คุยกับพี่ท้ศน์นะว่าเวลาพี่ทำงานพี่มีจิตคิดไม่ดีหรือเปล่า ไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานที่ทำรึเปล่า ที่ถามพี่เค้าแบบนั้นเพราะเราเอาสิ่งที่เราทำสิ่งที่เราเป็นไปถามเค้า เพราะว่าตัวเหมียวเองจิตใจไม่อยู่นิ่งคิดนู่คิดนี้ไปเรื่อยเปื้อย บางครั้งตั้งสติได้ก็เรียกจิตกลับเข้ามาอยุ่กับงาน แถมบางครั้งชั่วก็นีอีกจิตคิดไม่ดีกับคนนู่คนนี้ ทั้งที่แบบว่าเราไม่อยากคิดแต่ทำไมมันถึงคิดได้ ตรงนี้โมโหตัวเองทุกครั้งเลยที่เป็นแบบนี้ สิ่งที่ทำให้จิตอยุ่นิ่งได้ก็คือร้องเพลงในใจเพลงที่ชอบร้องในใจไปตลอดไม่สนอะไรแล้ว ทำสลับกับท่องคาถาพระศรีอาริย์ เพราะถ้าท่องอย่างเดียวท่องๆอยู่แวบไปตรงอื่นอีกแล้ว เง้อไม่ไหวไม่ไหว ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้มโนกรรมเยอะจริงๆ อ้าวพูดซะยาววกเข้าเรื่องพี่ทัศน์ พี่แกไม่เคยคิดอะไรแบบไม่ดี พี่แกขยันตั้งใจทำงานมากค่ะ แต่แสดงว่าเป็นเพราะกรรมของเค้าจริงๆเลยได้ผลช้ากว่าคนอื่นเค้า และที่สำคัญอย่างที่พี่อ้อยบอก มัวแต่กังวลว่างานเบาได้บุญน้อย งานหนักได้บุญเยอะค่ะ

ซึ่งทุกคนส่วนมากในกลุ่มก็ได้ผลกับเกือบทุกคนแต่ปัญหาเรื่องการเงินก็ต้องติดตามกันตอนต่อไปคราบบ

กลุ่มของเรายอมรับบเลยว่าได้หัวหน้าที่ดีมาก นำลูกน้องได้ดี ก่อนทำงานก็จะมีการพูดคุยตรวจสอบอาการของแต่ละคนกันก่อน มีการนำพาขอบารมีพระศรีอาริย์ จากนั้นก็แยกย้ายกันทำระหว่างทำพี่อ้อยจะเตือนลูกน้องเสมอย่าลืมท่องคาถาด้วยนะ ซึ่งเหมียวนี้แหละจะลืมทุ้กทีจิตเราแวบไปเทียวบ่อยเกิ้น พอพี่อ้อยเตือนก็เรียกใจกลับมาอยู่กลับตัวแล้วก็ท่องต่อเรื่อยๆค่ะ  พอเสร็จกิจกรรมก็มีมานั่งประชุมมานั่งสรุปแล้วที่สำคัญมีการมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมคนนี้หายคนนี้ไม่หาย ให้สมาชิกในทีมช่วยกับวิเคราะห์กันว่าเป็นเพราะเหตุใดจะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ตรงจุด อันนี้เรื่องวิเคราะห์อาการ กลุ่มที่เหมียวอยู่ยังไม่เคยมีมานั่งวิเคราะห์อาการกันเลยเพราะเสร็จงานบุปแต่ละคนก็จะมาสรุปกับแปบเด่วก็แยกย้ายกันไปทำภาระกิจ ก็ไม่ค่อยมีเวลาในส่วนตรงนี้ เหมียวอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับตรงส่วนนี้ด้วยเพราะว่า การวิเคราะห์อาการของแต่ละคน ตัวเราเองจะได้รู้ด้วยว่าเราต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเองอย่างไร บ้างครั้งเราดูตัวเราไม่รู้ต้องให้คนอื่นช่วยบอกเรา  ทำงานในครั้งหน้าจะได้บำบัดอาการได้หายร้อยเปอร์เซนสักที แต่นี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่ายอมรับและยินดีที่จะเปลี่ยนหรือเปล่าค่ะ  ขอบคุณพี่อ้อยมากเลยค่ะ หัวหน้ากลุ่มเราดูแลลูกน้องได้เยี่ยมไปเลย

แล้วที่สำคัญต้องยอมทำตัวโง่ๆเอาไว้นะค่ะ อย่าทำเก่งอย่ารู้มากเพราะเราต้องตามผู้นำ อย่าเดินตามใจตัวเอง คำสั่งมาอย่างนี้แล้วทำอย่างอื่น อันนี้ถือว่าทำอะไรจะไม่ได้ผล มีแต่พลาด เหมียวขอเป็นคนโง่เดินตามผู้นำตามคำสั่ง จะได้ทำอะไรสำเร็จกะเค้าสักทีค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 00:21:45


ความคิดเห็นที่ 250 (1637350)

 5 ข้อ ต้องทำให้ครบ

คือ

1.ให้ทำทันที

2.ให้ทำอย่างง่ายๆ

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.ทำอย่างต่อเนื่อง

5.ทำให้มากขึ้น

"""""""""""""""""

จะกึ๋ยๆ สอบตกเป็นคนแรกเลยเรา อายเด็กรุ่นใหม่อย่างน้องกระต่ายจริงๆ สอบตกทุกข้อเลยค๊า.....

วันเสาร์ได้อยู่กลุ่ม ปัญหาผิวพรรณ สว.ทั้งนั้นเลย มีป้าเตือน ป้าพร แม่ทองดี อำพร ดิฉัน ได้คุณแหลนมาเป็นหัวหน้ากลุ่มแทนคุณอดิศักดิ์ (ที่ถูกซิวไปเฉยเลย) คุณแหลนก็เลยงงๆ อยู่

ได้รับมอบหมายไปปรับแต่งสถานที่บริเวณที่จอดรถ ดีที่ได้กลุ่มน้องก๊อด มาช่วยกันทำ เพราะยกท่อวางล้อมต้นมะม่วง ต้องช่วยกันหลายคน กลุ่มนี้มีน้องจอย(มาจากระยอง)ซึ่งเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง คุณแม่บอกว่า อยู่บ้านแค่เดินจากหน้าบ้านไปหลังบ้านก็ไม่ไหวแล้ว แต่งานนี้ขอบอก เก็บกวาดใบไม้ ช่วยยกท่อปูน และฝาท่อไปวางได้โดยไม่เหนื่อย และหายใจโล่งขึ้น  พวกเราได้บอกให้เขาใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย ภาวนาคาถาบูชาพระศรีอาริย์นะไปเรื่อยๆนะ  บวกกับเขามีความศรัทธา และเชื่อว่าต้องหายแน่ๆ  ไม่ลังเลสงสัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็จัดให้  เอาไปเลย ดูเขาสดใสขึ้นและมีความหวัง ดีใจกับเขาด้วย 

คิดเหมือนหลายๆคนคือ ทำฐานนี้ไม่เสร็จกลัวว่าทิ้งไว้ครึ่งๆกลางๆจะเป็นกรรม เลยต่อรองคุณธนา ขอทำต่อนะ ๆ 

ผลก็เลยไม่ได้ปลดล๊อคกรรม ดีว่าท่าน อ.เมตตาบอกให้พวกเรารับรู้โดยทั่วกัน

ยังเหลือวันอาทิตย์อีกวัน พวกเราพร้อมใจกันขอแก้ตัวใหม่ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 00:32:19


ความคิดเห็นที่ 251 (1637353)

ต๊ะเอ๋...Oho

สาธุ..กับทุกธรรมทานนะคะ

คนเขียนก็เขียนกระจาย

คนอ่านก็อ่านกันมันส์.ส.ส.อ่ะ

หากไม่ได้ อ.อุบล

บด บี้ ขยี้ เรียกว่า

ต้องเคี้ยวก่อนป้อนกันทีเดียว

ทำให้พวกเราได้รู้ถึง

ระดับอานิสงค์ของบุญ

เฮ่อ โง่ไม่เลิก

ทั้ง ๆที่ท่าน อ.อุบล ก็ทำให้เห็น

ได้แต่อ่าน ๆๆๆๆ ไม่เก็ต

ตอนนี้เริ่ม มีการสังเกตุเห็นแล้วว่า

ทำไม่ พระดัง ครูดี

ถึงได้ตีพิมพ์สื่อต่าง ๆมากมาย

หนังสือธรรม ฯลฯ

พวกเราก็ช๊อบ ชอบ

ชอบอ่าน...คือชอบที่จะเป็น

ผู้รับกันอย่างเดียว

ไม่ชอบเขียน ก็คือ..ไม่มีจิตเป็นผู้ให้

เอาอย่างเดียว ไม่รู้จักให้

มองดูก็คือ การเห็นแก่ตัวจริง ๆ

เข้าใจแล้วค่ะว่า

ทำไม อ.อุบล ต้องการให้เรา

เป็นผู้นำ...

และ คุณสมบัติของผู้นำก็คือ

การให้ การเสียสละ

ไม่เห็นแก่ตัวเองเป็นสำคัญ

ฉะนั้น...การเขียนธรรมทาน

เป็นการให้ ที่ใหญ่หลวงจริง ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 00:39:21


ความคิดเห็นที่ 252 (1637359)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกคนครับ

เรียกว่า เข้ามาเขียนกันอย่างถล่มทลาย

ทำบุญกันแบบทันที และทำแบบต่อเนื่องด้วย

ซึ่งหากทำกันมากขึ้นและทำเป็นประจำ

ท่านอาจารย์บอกว่า กั้นเงินทองอย่างไรก็กั้นไม่อยู่

เรียกว่า เตรียมรับทรัพย์กันอย่างถ้วนหน้า

 

สำหรับผมได้มีโอกาสช่วยพี่เหมี่ยวย้ายของจาก

วิหารไม่ไผ่ ในตอนเย็นวันเสาร์ และต่อเนื่องในเช้า

วันอาทิตย์ ที่ได้ช่วยคุณอ้อย ที่วิมานไม้ไผ่อีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งพบว่า เรามีหนังสือที่ญาติธรรมนำมาบริจาคไว้เยอะมาก

ทั้งคู่มือหนีกรรม การทำสมาธิแสงสว่าง การอุทิศบุญ

ที่ได้ผลอย่างทันที และอื่น ๆ ซึ่งได้นำไปเก็บไว้ที่เดียวกัน

ที่ชั้นสองของอาคารห้องน้ำ เพื่อให้สะดวกแก่การค้นหา

 หนังสือส่วนใหญ่ยังมีสภาพดี แต่ก็เหม็นอับและชื้น

 

ซึ่งผมคิดว่า เราน่าจะมีการจัดการหนังสือ

โดยคัดเลือก นำมาตากแดด จัดทำรายชื่อและนำมา

แจกญาติธรรมที่โรงทาน เพื่อให้ผู้ที่นำมาบริจาคได้รับ

บุญธรรมทาน เป็นการระบายหนังสือไปในตัว 

 

วัสดุอุปกรณ์ที่เก็บไว้ในห้องเก็บของที่ชั้นสองก็เช่นกัน

น่าจะมีการจัดทำบัญชีไว้ ว่าจัดเก็บอะไรไว้ที่ไหนบ้าง

เพื่อให้สะดวกในการค้นหาและนำมาใช้ในยามที่ต้องการ

ไม่ใช่กองไว้รวมกันไว้อย่างที่เป็นอยู่

รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์อีกส่วนหนึ่งที่นำไปวางไว้

ที่ชั้นสองของอาคารอเนกประสงค์

 

นึกดูแล้วก็คล้ายกับข้าวสารถุง

ที่มีผู้นำมาทำบุญแล้วมีมอดขึ้น และลามไปยังถุงอื่น ๆ

รวมทั้งน้ำมันพืช นม อาหารแห้งต่างๆ ที่เก็บไว้ที่ชั้นสอง

ของอาคารโรงจอดรถ ที่อาจมีบางส่วนใกล้หมดอายุ

หรือหมดไปแล้ว ที่ควรทำบัญชีและจัดการนำส่วนที่มาก่อน

มาใช้ก่อน และเก็บของใหม่ไว้ใช้ในคราวต่อไปครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 01:14:54


ความคิดเห็นที่ 253 (1637361)

ต่อกิจกรรมวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม  55

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันแล้วก็ไปทำงานต่อที่ฐานที่ตั้งเดิม ตอนที่อยู่โรงทานคุณธนาก็ถามทุกกลุ่มว่ามีกลุ่มไหนอยากเปลี่ยนฐานทำงานกันบ้าง กลุ่มเราก็ไม่ได้ขอเปลี่ยนสำหรับตัวเองคิดเอาเองว่างานที่ทำไว้ยังไม่เสร็จตามที่ตั้งใจจะทำ ก็อยากจะทำอยู่ที่เดิมให้เสร็จไปเลย ไม่ได้คิดกลับอีกทีว่าถึงกลุ่มเราไม่ได้ทำตรงนั้นก็มีกลุ่มงานมาทำแทน ซึ่งจะทำได้ดีกว่าที่เราทำด้วยซ้ำ

ก็ไปทำต่อที่ฐานเดิมบริเวณที่จอดรถก็ช่วยกันขนกระเบื้องมาวางตกแต่งที่นั่งพักรอบต้นไม้ที่ทำไว้เมื่อเช้า ทุกคนก็ช่วยกันเต็มที่เพื่องานจะได้ออกมาดีที่สุด และมองหาจุดอื่นที่จะต้องทำต่อ ทำไปได้ซักพักคุณธนาก็ให้เปลี่ยนฐานกับกลุ่มที่ทำงานก่อสร้างวิหาร กลุ่มที่ทำตรงนี้จะแดดร้อนมาก ส่วนตรงที่เราทำนั้นร่มรื่นไม่มีแดด ทุกคนก็ยินดีไปช่วยกันขนอิฐบล็อกมาวางที่หลุมเสาร์แต่ละต้น ฐานนี้มีน้องเบสเป็นหัวหน้าทีม  

เห็นป้าๆทุกคนทำงานกันแล้วน่าชื่นชม ทั้งแรงกาย แรงใจ เกินร้อยจริงๆ ทำกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ตัวเองนั้นเจอแดดยังมีล้าบ้าง เสร็จงานขนอิฐทั้ง 3 ป้า (ป้าเตือน ป้าพร ป้าทองดี)ได้ช่วยผูกเหล็กตรงกลุ่มคุณอ้อยทำอยู่ งานผูกเหล็กดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่ลองทำแล้วกลับยากสำหรับตัวเอง เพราะทำได้ไม่ดี ขนาดน้องเบสบอกวิธีผูกแล้วยังงงทำไม่ถูกอีก ก็เลยได้แต่ช่วยจับเหล็ก ส่งลวดให้ป้าๆได้ทำกัน กว่าจะเสร็จก็เย็นมาก

ช่วงหัวค่ำก็รวมตัวกันที่ลานธรรมมีบาร์บีคิวเห็ด และมันเผาให้รับประทานอีกรอบ พร้อมๆกับที่แต่ละกลุ่มออกไปรายงานผล work shop ที่ทำกิจกรรมเมื่อกลางวัน    ขอเล่าผลของการสร้างบุญแล้วอาการเจ็บป่วยที่เป็นหายได้ของกลุ่มตัวเองก่อนนะคะทุกคนจะมีปัญหาเรื่องของผิวพรรณ หลังจากที่ทำงานมาทั้งวัน

อาการที่เป็นอยู่หายร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็มีป้าทองดีมีอาการคันที่ขาก็หายคัน พี่แป้นปวดเอว คุณแหลนคันที่ลำคอ(แมลงกัด)ก็หายเป็นปกติ ส่วนป้าพร อาการคันที่เอวก็หาย เช่นกัน สำหรับป้าพรยังมีเรื่องเล่า ป้าพรบอกว่าตอนนี้หูได้ยินชัดเจนมากขึ้นจากคราวที่แล้วอีก ขนาดไม่ได้ใส่หูฟังยังได้ยินเสียงของเหรียญที่ป้าพรใส่บาตรวิระทะโย ซึ่งก่อนหน้านี้ใส่เหรียญลงไปก็เงียบสนิท ป้าพรยังได้ดูรายการคุยไปแจกไปและได้อ่านหน้าจอว่ามีจิ้ 3 ร่มโพธิ์ศรีให้บูชา ด้วยแรงศรัทธาและตั้งใจจะบูชาจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีเท่านั้น ป้าพรบอกว่ามีก้อนกลมๆสีเหมือนช็อคโกแล็คออกมาจากหู ทำให้โล่งแล้วได้ยินเสียงชัดขึ้นมาก ดีใจกับป้าพรด้วยนะคะ ในความคิดตัวเองนั้นที่ป้าพรหูได้ยินชัดเจนมากขึ้น สามารถฟังและตอบได้ตรงกับที่ถาม ได้ยินเสียงผู้คนรอบข้างโดยไม่ได้ไปรักษากับทางแพทย์ เป็นเพราะด้วยพระบารมีของจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรี แรงศรัทธาและบุญที่ป้าพรได้ทำกับบ้านสวน นั่นเอง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญานี ถือธรรม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 01:34:45


ความคิดเห็นที่ 254 (1637362)

วันอาทิตย์ผมได้มีโอกาสไปช่วยงานการเกษตร

ซึ่งอาจารย์พันธ์ท่านได้สอนการขุดดินแปลงผักแบบใหม่

ที่เหมาะกับปลูกพืชผักหน้าหนาวที่มีอากาศแห้งแล้ง

ซึ่งต้องยกแปลงให้สูงและแต่งแปลงไปในขั้นตอนเดียว

รวมทั้งต้องขุดดินก้อนใหญ่ เพื่อป้องกันฝนชะ

ในกรณีที่ยังมีฝนตกและยังไม่ได้คลุมหน้าดิน

 

มีญาติธรรมหลายคนมาช่วยงานในตอนเช้า

ระหว่างที่ยังไม่มีการจัดกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ต่างตั้งใจ

ทำบุญแรงกายกันอย่างเต็มที่

 

มีบางคนที่มาช่วยขุดดิน แต่ใช้จอบขยันที่ใช้สำหรับ

ดายหญ้าในการขุด ซึ่งอาจารย์พันธ์ท่านก็ให้หยุดทำ

เพราะทำให้หน้าดินเสีย ไม่ได้แปลงผักที่ถูกต้อง

นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือไม่เหมาะสม จะทำให้เครื่องมือ

เสียหายเป็นการทำลายของสงฆ์ ติดหนี้สงฆ์อีกต่างหาก

 

ผมเองก็เช่นกัน นำจอบแบบบาง ที่เบามาใช้ขุด

โดยไม่รู้ว่า เป็นจอบที่ใช้ดายหญ้า ไม่ใช่สำหรับขุดดิน

ซึ่งขุดเท่าไรก็ไม่ลงลึก หรือไม่กินดิน ซึ่งผมก็แปลกใจ

คิดว่าตัวเองคงไม่มีแรง แต่ลองเปลี่ยนจอบใหม่ที่หนักกว่า

ก็ปรากฎว่า ขุดได้ครับ (ยังมีแรงอยู่บ้าง)

 

ตอนบ่ายก็ได้กลับไปทำการเกษตรอีกครั้งหนึ่ง

โดยการขุดแต่งแปลงเผือก

ที่ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษเพียงแค่จุดเดียว

คือ ใช้ดินคลุมโคนต้นเผือกไม่ให้มีหญ้าขึ้นแซม

โดยที่ห้ามถอนหญ้า ซึ่งพบว่า บางคนใช้ดินกลบต้นเผือก

ไม่เรียบร้อย มีหญ้าขึ้นแซมอยู่หลายต้น

ทั้งที่เป็นข้อควรระวังเพียงจุดเดียวเท่านั้น

และจะเป็นเหตุให้หญ้าขึ้นแซม คลุมต้นเผือก

และแย่งอาหารเผือกอีกต่อหนึ่ง

 

เลยมาคิดถึงคำสอนของท่านอาจารย์ที่สอนว่า

ทำงานไม่ต้องรีบเร่งมาก

แต่ให้ทำงานอย่างถูกต้อง ทำงานให้เรียบร้อย

ไม่ต้องมาแก้ไขให้เป็นภาระของคนอื่นอีกต่อไป

ซึ่งจะช่วยปลดล็อคปัญหาเรื่องการงานและสภาพคล่อง

ดีกว่าทำงานเร็ว แต่เสียหาย

แล้วชีวิตจะหมดทุกข์หมดโศกได้อย่างไรครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 01:42:49


ความคิดเห็นที่ 255 (1637364)

 กราบเรียน ท่าน อ.อุบล และ ท่าน อ.มงคล

กลับมาเล่าต่อตามสัญญาค่ะ.... 

หลังจากตื่นเช้าขึ้นมาเป็นวันที่ 28 ตค. 55

หนูก็ยังมีอาการปวดเอวอยู่

แต่ก็เห็นคนอื่นช่วยกันทำความสะอาด

กวาดใบไม้ กันอย่างขยันขันแข็ง

หนูจึงเข้าไปช่วยคุณตาโต๊ะกวาดใบไม้

บริเวณลานจอดรถ ต่อด้วยเอาขยะไปทิ้ง

และเข้าไปเกี่ยวหญ้าที่แปลงเกษตร เพราะกลัวทำไม่ครบทุกฐาน

กลัวจะไม่ได้รับการปลดล็อคกรรม...ฮิฮิ งก

จากนั้น คุณธนาได้เรียกประชุมเพื่อแบ่งกลุ่มทำงาน

คราวนี้ หนูได้อยู่กลุ่มที่มีปัญหา การเงิน การงาน

อุปสรรคในชีวิต ขาดปัญญา ปัญหาครอบครัว

และความรัก โดยมีคุณอดิศักดิ์ เป็นหัวหน้ากลุ่ม

พวกเราได้รับมอบหมายให้ไปที่แปลงเกษตร เพื่อฝึกปัญญา

โดยทำงานพรวนดิน กลบหญ้าในแปลงเผือก

ตอนแรกพวกเราทำโดยไม่ใช่ปัญญา

เลยโดน อ.พันธุ์ อบรม และสอนวิธีทำ

คือให้ถากเอาหน้าดินที่มีหญ้าไถกลบลงไป ยกเป็นร่องสวน

เพื่อให้แปลงเผือกมี ปุ๋ยธรรมชาติ จากหญ้าที่ไถ่กลบ

ไม่ต้องหาปุ๋ยที่อื่นมาเพิ่ม

แต่กว่าที่แต่ละคนจะทำได้ตามคำสั่ง ดูเหมือนว่าจะทำให้

อ.พันธุ์หมดน้ำลายไปหลายปี๊บเลยค่ะ

ก่อนทำงานฐานนี้ หนูได้ขอพระบารมีองค์สมเด็จปฐม

พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และ พระศรีอาริยเมตตรัย

มาช่วยให้หนูมีแรงทำงาน สร้างบุญถวายแรงกายได้อย่างเต็มที่ค่ะ

แต่ที่ดีใจสุดๆ  มาทำงานที่ฐานนี้ จู่ๆ อาการปวดเอวของหนูก็หายไปค่ะ

แต่ทำได้ไม่นาน ก็ต้องเปลี่ยนฐาน ไปช่วยโกยเดิน

เทในหลุมที่งานก่อสร้าง และขนไม่ไผ่

รวมถึงเศษไม้ต่างๆ ไปเผา

เห็นทุกคนตั้งใจทำงานด้วยความจริงจัง หวังปลดล็อกกรรม

หนูก็ขอให้ทุกคนสมหวังเร็วๆนะคะ

พอครบชั่วโมงเราก็เปลี่ยนฐานไปที่วิหารไม้ไผ่

พวกเราช่วยกันรื้อพื้นไม้ไผ่ เอาไปเผา และ แกะมวลสาร กันอย่างจริงจัง ซึ่ง

ซึ่งกิจกรรมนี้ทำให้พวกเราได้มีโอกาสคุยกัน

และ ทำความรู้จักกันมากขึ้น

รู้สึกสนิทใจที่ได้เป็นลูกบ้านสวนเหมือนกันค่ะ

พอช่วงบ่าย หนูได้ไปช่วยผสมปูน แบกปูนที่ผสมแล้วไปให้กับพี่ๆที่เค้าช่วยกันเทปูน และที่ฐานนี้เอง

หนูได้มีโอกาสพูดคุยกัย ท่าน อ.อุบล

ซึ่งก็ได้รับข้อคิดที่ดีจากท่านว่า

พวกนักข่าว ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ขาดสภาพคล่อง

เพราะชอบผิดศีลข้อ 4 โกหก มุสา มักใส่สีตีไข่ ในข่าวที่รายงาน

ไม่ใส่ใจกับความจริงของเนื้อหา ใส่ใจแต่รูปแบบ หรือ production

ขาดการพัฒนาจิตใจ และระบบวิธีคิด ไม่รู้จักใช้หลักธรรมมานำเสนอ 

ท่าน อ.อุบล ยังบอกว่า ต่อไปให้เน้นนำเสนอแต่ความจริง ไม่ต้องโกหก

โดยเปรียบเทียบให้เห็นจากกับรายการคุยไปแจกไปของบ้านสวนฯ 

ท่าน บอกว่า หากทำได้ต่อไปจะมีปัญหาเรื่องการเงิน

ไม่ขาดสภาพคล่อง หนูขอกราบน้อมรับไปปฏิบัติค่ะ

และผลที่ได้จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร

จะกลับมารายงานให้ทราบภายหลังนะคะ

ฐานงานก่อสร้างนี้ หนูทำได้ประมาณ 30 นาทีก็ต้องขอตัวเดินทางกลับก่อน

เพราะมีภารหน้าที่ ต้องทำงานประจำตอนกลางคืน

เลยไปกราบขออนุญาต ท่าน อ.อุบลกลับก่อน

ซึ่งท่านก็อนุญาต และหนูก็ได้ติดรถ พี่จุ๋ม พี่จิ๊ม และพี่จั้ม

ไปลงที่บ้านนา เพื่อต่อรถตู้เข้า กทม.

ยังไงก็ขอกราบขอบพระคุณไว้ที่นี่ด้วยค่ะ

 

เสียดายไม่ไ้ด้อยู่ชมบารมีพระศรีอริยเมตตรัย

ที่ท่าน อ.อุบล เป็นผู้อารธนามา เพื่อปลดล็อคกรรมให้กับลูกบ้้านสวนฯ 

แต่หนูจะติดตามในรายการคุยไปแจกไป ในตอนต่อๆไป นะคะ สุดท้ายต้องขอโมทนาบุญกับลูกบ้านสวนฯทุกคน

และหนูหวังว่าจะได้รับอานิสงค์เช่นเดียวกับลูกบ้านสวนฯคนอื่นๆ

สามารถปลดล็อคกรรมเรื่องการเงิน การงาน ชีวิตความเป็นอยู่ แคล้วคลาดปลอดภัยจากเภทภัยทั้งปวง นะคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กรภัทร์ อคะรินทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 01:57:35


ความคิดเห็นที่ 256 (1637365)

ได้กลับมาบ้านสวนครั้งนี้ดีใจมากมากก

เพราะได้พาแม่มาด้วย ซึ่งแต่ก่อนแม่ไม่ค่อยพอใจกับการมาบ้านสวนสักเท่าไร

1.เพราะอยู่ไกล กลัวเปลืองน้ำมัน (จริงๆใจผมว่าไม่ไกลนะ เพราะเวลาขับไม่เคยคิดว่าไกลเลย คิดอย่างเดียวว่าต้องไปให้ถึง)

2.ผมชอบพูดถึงอาจารย์อุบลกับทุกคนบ่อยมากๆๆๆๆๆๆๆ แจกคู่มือหนีกรรมค่อนข้างเยอะ เวลาเกิดปราฏิหาริย์ผมชอบเล่าให้แม่ฟังแม่ก็หาว่าอุปทาน

จนแม่เป็นห่วงว่าเราหลงงมงายอะไรรึเปล่า เพราะปราฏิหาริย์แบบฉับพลันทันยายเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในหน้าวิชาประวัติศาสตร์ชาติใดๆในโลกมาก่อน

ออกแนวเป็นห่วงลูกชายกลัวจะกู่ไม่กลับ และแล้วก็กู่ไม่กลับจริงๆ เพราะหลังจากแม่พาตัวเองมาครั้งแรก ก็ดูเหมือนว่าจะกู่ไม่กลับกันทั้ง2 แม่ลูกซะแล้ว

เพราะได้พบกับสิ่งอัศจรรย์กับตัวเองจะๆแบบปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือหลังทำบุญด้วยแรงกายแล้วอาการผิวหนังดำไหม้บริเวณขาทั้ง2ข้างก็มะลายหายไปสิ้น ซึ่งเม่อก่อนถูยังไงรอยดำก็ไม่ยอมออก ส่วนกระที่แขนก็จางลง หน้าดูผ่องใสยิ่งขึ้น

ท่านอาจารย์อุบลเมตตาบอกว่าเพราะอานิสงค์ของจี้สฟิงค์รุ่นบวงสรวงพระศรีอาริย์9องค์ ที่มีอานุภาพ ดลจิตดลใจให้แม่ โอนเอนมาทางที่ดี มีจิตเปิดพร้อมมาบ้านสวน เพื่อปลดล็อคตัวผมให้สามารถมาบ้านสวนแบบไม่ต้องพะวงหลังอีกแล้ว และสามารถออกไปช่วยคนโดยที่แม่เข้าใจแล้วว่าช่วยคนจริงๆ

และอานิสงค์จากการแจกคู่มือหนีกรรมผิวพรรณแล้วให้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย

ซึ่งทำให้ผมค้าขายดีจนมีเงินมาบูชาจี้ได้เยอะ

คือผมรู้ตัวว่าเป็นคนบุญน้อยก่อนหน้านี้มาบ้านสวนไม่ได้นานประมาณครึ่งปีเพราะแม่ไม่ยอมมาด้วยและไม่อยากทิ้งแม่อยู่บ้าน

เลยพยามแจกคู่มือหนีกรรมผิวพรรณเพื่อหวังว่าจะได้ขายดีมีบุญกับเค้าบ้างและเอาบุญนี้ให้แม่ด้วย ตอนนี้แจกคู่มือไป99x80ชุดแล้ว

ส่วนรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้ไปกี่คนก็ดันจดไม่ทันซะแล้ว ตอนนี้มีน้องคนนึงเค้าเรียกผมว่าพี่อาจารย์อุบลช่วยด้วย

และต้องขอบคุณป้าขายผัดไท และ เฮียเจ้าของร้านตัดผมที่เป็นกำลังสำคัญช่วยเผยแพร่คู่มือหนีกรรมผิวพรรณ และให้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยอย่างสม่ำเสมอ

เห็นทางร้านตัดผมบอกว่ามีร่างทรงมารับคู่จากเค้าไปวางตามศาลเจ้า

ตอนนี้ศาลเจ้าใหญ่ๆที่อำเภอเมืองนครสวรรค์มีคู่มือหนีกรรมผิวพรรณหมดทุกศาล

เค้าว่างั้นนะครับผมไม่เคยไปดูหรอก

รวมทั้งที่ศาลหลักเมืองก็มีด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชิม วัชระ เลิศวิทยากรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 02:55:28


ความคิดเห็นที่ 257 (1637368)

 

    กิจกรรมกลุ่ม เสาร์-อาทิตย์ 27-28 ต.ค.

 เช้าวันเสาร์เข้ากลุ่มทำ work shop ปัญหาปวดหัว บ่า คอ ไหล่ การเงินและปวดทั้งตัว มีคุณอ้อยเป็นหัวหน้ากลุ่ม กิจกรรมคือวิหารทาน โดยสมาชิกทุกคนช่วยกันเกลี่ยดินใต้คานเหล็กให้เสมอและกว้างเท่าแนวเสาทุกด้าน เคลียพื้นที่เสร็จก็ผูกเหล็กต่อ หัวหน้ากลุ่มของพวกเราที่มีภาวะผู้นำชั้นเยี่ยมแถมสวยอีกต่างหาก(ชื่นชมด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์จริงๆนะ ฮิฮิ)กล่าวนำให้ทุกคนขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อ.อุบลอัญเชืญมาและใช้รหัสจักรวาลก่อนเริ่มงาน วันนี้ทำงานรู้สึกกดดันเพราะทุกคนลุ้นดูอาการของทัศนีย์รวมถึงตัวเองด้วย คุณอ้อยก็คอยติดตามอาการสมาชิกกลุ่มเป็นระยะๆ อากาศร้อนอบอ้าว แค่เริ่มงานช่วงแรกมองดูทุกคนแสดงสีหน้าอ่อนล้า เหนื่อย บรรยากาศผิดจากสัปดาห์ก่อนมากที่ทั้งขนหิน ขนทราย ยกถังปูนทั้งวันยังดูสดชื่นกว่า หลังพักทานข้าวเที่ยงคุณธนาถามความสมัครใจเรื่องเปลี่ยนฐาน น่าแปลกใจมากที่ทุกคนจะขออยู่ฐานเดิมเพื่อทำงานให้เสร็จ ตัวเองก็คิดด้วยปัญญาโง่ๆว่าทำงานก่อสร้างเหนื่อยดีจะได้บุญมากกว่างานเบาๆ บุญที่จะอุทิศให้สรรพสัตว์ที่ตัวเองฆ่าอย่างโหด***มทารุณจะได้รับเต็มๆ ก่อนหมดเวลาช่วงเย็นชั่วโมงกว่าๆคุณธนามาบอกว่าทุกคนต้องย้ายฐาน จึงเปลี่ยนฐานมาอยู่วิหารไม้ไผ่ มีคุณเหมี่ยวเป็นหัวหน้ากลุ่ม ภาพที่เห็นคึอคุณเหมี่ยวสีหน้าเหนื่อยล้า อิดโรยบอกว่าหมดแรงแล้วไม่มีแรงยกแล้ว เหนื่อยมาก  เพราะยังมีของต่างๆ ตู้ เก้าอี้ กองเอกสารที่ต้องขนออกไปเก็บที่อี่นล้วนเป็นของหน้กๆทั้งนั้น เท่าที่เคยเห็นคุณเหมี่ยวจะเป็นหญิงจอมพลังไม่เคยแสดงท่าทางหมดสภาพเช่นวันนี้มาก่อน พวกเราสมาชิกใหม่ก็ช่วยกันขนของไปเก็บที่ชั้นสองของโรงทานและห้องน้ำจนหมดเวลาทำกิจกรรม

 หลังจบกิจกรรมทั้งวันอาการเจ็บป่วยของตัวเองก็ยังไม่กระเตื้องขึันยังคงปวดหลังเท่าเดิม ปวดนิ้วมือดีขึ้นแค่ 20-30% ทำไม่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาบ้าง ทุกคนล้วนดีขึ้น คนอื่นก็ฆ่าสัตว์ใหญ่(วัว ควาย คน) ก่อนเริ่มงานเราก็ขอบารมีพระศรีอาริย์และถวายบุญทั้งหมดแด่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระศรีอาริย์ ในหลวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลที่ปกปักรักษาอ.อุบล ใจเราก็ทุ่มงานเต็มร้อย ไม่เคยปรามาสอ.อุบล ผลลัพธ์แทบไม่มีซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงกฎแห่งกรรมว่ากรรมที่ทำเป็นกรรมหนักถึงแม้ว่าจะเป็นการฆ่าสัตว์นั้นมาเป็นอาหารเราก็ต้องแลกด้วยชีวิต ที่สำคัญคือฆ่าสัตว์ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามและบริวารของท้าวเวสสุวรรณด้วย(เต่า ตะพาบน้ำ งู ) นอกจากนี้ยังคิดกังวลใจบุญเลยได้ไม่เต็มที่และเขียนธรรมทานน้อย

 ผลสรุปโดยรวมทุกกลุ่มได้ผลบำบัดไม่เต็มที่ มีอาการเหนื่อยล้า ขาดพละกำลังเวลาทำงาน เพราะพวกเราขัดคำสั่งอาจารย์ ไม่ทำตามผู้นำ ขัดคำสั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่รู้จักใช้ปัญญา โง่ยังอวดฉลาดอีก เป็นเหตุให้ทุกคนปลดล็อคกรรมไม่หมด โอ้..เวลาใกล้ตี่สี่แล้วขอนอนเอาแรงเพื่อทำงานพรุ่งนี้ต่อก่อนนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 03:49:19


ความคิดเห็นที่ 258 (1637369)

โอ้โห วันนี้กระทู้คึกคักมากเป็นพิเศษ

ชาวเกาะอย่างเราก็ตามอ่านแทบไม่ทัน 

เพราะแต่ละคนเริ่มเข้ามาเขียนธรรมทานกันมากขึ้น

หลายๆคนอาจจะอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน

แต่การที่จะเขียนสื่อออกมานั้นมันต่างกัน

เรียกได้ว่า ต่างคน ต่างเก็บมุมที่ประทับใจของตนเองมา

พอมารวมกันหลายๆคน มันเหมือนเป็นเหตุการณ์เดียว

แต่มีครบทุกรสชาติ ทุกรูปแบบ

เรียกว่าแต่ละคนล้วนมา เติม ในสิ่งที่ขาดให้มัน เต็ม จริงๆ

 

กราบขอบพระคุณอ.แม่ 

ที่มาเน้นย้ำในเรื่องของการเขียนธรรมทานด้วยนะคะ

โง่อยู่นาน ปล่อยให้ผีบังคับเราอยู่ได้

เป็นคนแท้ๆ โชคดีกว่าผี 

แต่กลับทำให้ผี รู้สึกว่าโชคดีกว่าคน

หนูจะทำให้ดีที่สุด เพื่อหนีผีพวกนี้ให้ได้ค่ะ

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 04:28:49


ความคิดเห็นที่ 259 (1637373)

เมื่อคืนได้อ่านเรื่อง

ความผิดพลาดในวันเสาร์แล้ว

ก็ยังไม่เก็ทว่าอะไรเป็นอะไร

ก็เข้าใจว่า พ่อใหญ่ธนา

ลืมให้ทุกคนเปลี่ยนฐานตามที่อาจารย์สั่ง

แต่พอมาอ่านธรรมทานครบชุดในวันนี้

 

ถึงได้รู้ว่า เป็นความสมัครใจ

ของสมาชิกทุกคน

ที่จะยอม"ติดกรรม"ต่อไป

เพราะยังยึดติดกับฐาน

กับผลงานความดี

ของตนเองอย่างเต็มที่นั่นเอง

 

"ความผิดพลาดในครั้งนี้"

น่าจะให้"ข้อคิด"เตือนใจเราได้ลึก

ถึงก้นบึ้งของหัวใจเลยนะคะ

 

เพราะมันจะสะท้อนความคิด

และจิตใจของเราทุกคนชัดๆเลยว่า

ไอ้ที่ทุกข์ไม่คลี่คลาย

และกรรมทั้งหลายไม่เบาบาง

เพราะลึกๆแล้ว

เราก็ยังคิดและยังทำ

ตามวิถีคิดเดิมๆของเราอยู่ดี

 

ทั้งๆที่รู้กันชัดๆหลายรอบแล้วว่า

คำสั่งและคำสอนที่ท่านอาจารย์นำมาบอก นั้น

คือทางที่จะทำให้เราพ้นทุกข์

ได้สั้นและตรงที่สุดแล้ว

แต่พวกเราก็อยากจะเดินอ้อมซะงั้น 

 

แต่ที่น่าสะเทือนใจสุดๆ

ก็คือ ไม่มีใครเห็นต่าง...ซักคนเลยหรือ

หรือว่า อาจจะมี

แต่คนกลุ่มใหญ่ว่าไง ก็ว่าตามกัน 

 

 

แต่ในทางกลับกัน

เหมือนเป็นความผิดพลาด

ที่ถูกกำหนดไว้เหมือนกันนะคะ

 

เพราะจะได้เห็นผลเปรียบเทียบ

กันอย่างชัดเจนเลยว่า

 

ถ้าทำตามคำสั่งและคำสอน

ของท่านอาจารย์อย่างเคร่งครัด

ผลที่ได้ก็คือ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

ทำงานไปด้วยความสนุกสนาน

แถมผลงานก็ได้ตามที่หวังอีกต่างหาก

 

ส่วนถ้าคิดสวนทางกับอาจารย์

ซึ่งเป็นผู้มานำทางพวกเราสู่นิพพาน

 

ผลที่ได้ก็คือ ทุกข์ก็ัยังอยู่ คู่ท่านต่อไป

ไม่รู้จักจบจักสิ้น เห็นๆ

 

 

แต่การทำเวิร์คช็อปแบบเปลี่ยนฐาน

ก็น่าจะสะท้อน"ธรรม" ได้มากพอดูนะคะ

 

ตัวลูกทีมเอง ก็จะได้เห็นความคิด

ของตัวเองด้วยว่า ตัวเองเป็นคนแบบไหน

 

บางคนอาจจะมีความคิดว่า

ไม่ว่าจะฐานไหนก็คือผลงานของเรา

ฉะนั้นต้องทำให้เต็มที่

และได้ผลงานมากที่สุด

 

เพื่อจะได้เหลืองานหรือภาระ

ให้กลุ่มหลังๆที่มาทำต่อจากเราให้น้อยที่สุด

สงสัยคนส่วนใหญ่จะคิดแบบนี้มั้ง

ผลงานถึงได้ออกมาดีเยี่ยม

 

แต่ก็อาจจะมีบางคน แอบคิดในใจว่า

โอ๊ย ไม่ใช่ฐานประจำเราซักฐาน

ฉะนั้น ก็ทำไปสบายๆเรื่อยๆให้ถึงชั่วโมงก็พอ

เพราะจะดีหรือแย่ก็ไม่ใช่ผลงานเราอยู่ดี

(อิอิ ไม่รู้มีคนคิดแบบนี้รึเปล่านะคะ)

 

แต่ที่แน่ๆ คนที่เป็นผู้นำ

และต้องอยู่ประจำฐานของตน

คงจะได้เห็นธรรม

เห็นกรรมของคนยิ่งขึ้นนะคะ

 

เพราะคงจะได้คิด ได้มอง

ได้วิเคราะห์ การคิด

และการทำงานของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม

แล้วก็อาจจะได้ข้อสรุป

อะไรบางอย่างในใจ ได้ชัดๆ ก็ได้

 

 

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากทุกๆท่านด้วยนะคะ

เพราะมีนักธรรมทานทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า

มาสร้างผลงาน

ได้น่าจับตามอง หลายท่านทีเดียว

..........................................

อนุโมทนากับคุณจอยด้วยนะคะ

ที่มาสร้างบุญที่บ้านสวนฯ

ด้วยใจที่เกินร้อย

แล้วก็ได้ผลเกือบร้อยซะด้วย สาธุ

..................................

ยินดีกับทุกๆท่านที่ได้ปลดล็อคกรรม

กันไปบ้างบางส่วนแล้ว...นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 07:15:38


ความคิดเห็นที่ 260 (1637375)

ชีวิต

มันจึงเหมือนคนที่

ไม่มีจะกิน กินไม่อิ่ม ไม่ได้กินของชอบ

ไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสะอาด

 

เพราะ

ทำบุญไว้ ขาดๆ แคลนๆ

ทำน้อย อยากได้มาก

 

ก็ทำไมคิดไม่ออกล่ะ

ว่า

ลองทำให้มาก อยากได้น้อยๆ

หรือ

ทำความดี ให้มาก ทุกเวลานาที

แม้แต่ทำงาน ก็ทำให้ดีที่สุด ทำเต็มที่

ไม่อู้งาน ไม่ล้างผลาญทรัพย์ที่ทำงาน

ประหยัด ทำให้สะอาด ทำให้เรียบร้อย

ทำให้เร็ว ทำให้ถูก ทำให้เสร็จ

ก่อนกำหนด ไม่ใช่แค่ตามกำหนด

 

แล้วอย่าสนใจ

ว่า

ใครจะทำ ไม่ทำอย่างเรา

มันเรื่องของเวรกรรมของเขา

เราจะหนีกรรม เขาไม่หนี ก็ไม่ต้องไปอยู่

เป็นเพื่อนเขา หนีไปก่อน

ถ้าเขาเห็นเราหนีไปดี ชีวิตดี เดี๋ยวเขาก็ตามเอง

............................................

กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์

ชัดเจนจนไม่ต้องมี

บทสรุปใดๆอีกแล้ว

 

ขอน้อมนำไปคิดไปเตือนสติ

เพื่อปรับปรุงแก้ไขตัวเองต่อไป

ทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

สาธุ  สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 07:30:36


ความคิดเห็นที่ 261 (1637440)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทานได้ใจของทุกท่านค่ัะ

ดูเหมือนของน้องกระต่ายมาก่อนใคร

ยิ่งได้ใจ ได้อารมณ์จริงๆ


ดีใจกับครอบครัวภิรมย์รักษ์ นะคะ

โดยเฉพาะเด็กๆได้ ปาป๊า คนเดิมเท้าเล็กลงแล้ว

ว่าแต่คุณแหลนต้องหารองเท้าคู่ใหม่ให้อีกน่ะซี

อนุโมทนาบุญค่ะ


ครอบครังพี่จิ๋ม สุดยอดกตัญญู

คุณพ่อคุณแม่สดชื่นดีวันดีคืน

โมทนาบุญที่คุณพี่น้อง จ จาน ทั้งสาม

ที่ได้ทุ่มเทเก็บเกี่ยวบุญน้อยใหญ่มาโดยตลอดและต่อเนื่องนะคะ


ดีใจกับคุณจอย แม้มาแค่ครั้งแรกแต่ด้วยศรัทธาที่เกินร้อย

บวกกับได้หัวหน้ากลุ่มที่ดูแลให้คำแนะนำอย่างดี

อย่าง หนุ่มก็อด ที่หน้าตาดี น้ำใจงามคนนี้เอง

ทำให้ร่างกายโดยรวมดีขึ้นถนัดตา

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 12:45:57


ความคิดเห็นที่ 262 (1637442)

ตอนนี้เท้าที่เคยบวมหายเกือบเป็นปกติแล้วครับ 

ผมขอบคุณ แหล๋น ภรรยาของผมที่เป็นสะพานบุญให้ผมและลูกๆ

ได้มีโอกาสได้พบกับท่านอาจารย์อุบล อาจารย์มงคล คุณท๊อป

และบ้านสวนพีระมิด   ได้มาสร้างบุญด้วยแรงกายร่วมกับญาติธรรม

ขอดีใจด้วย อีกคนค่ะ อ.อภิชัย

ในที่สุด วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง เพราะ อ. มีศรีภรรยาที่ดี มีศีลธรรม แถมมีลูกที่น่ารักเดินตาม อีก 3คน จึงทําให้ อ.และครอบครัวมีความสุขและได้รับผล จากการทําความดี โดยมีท่าน อาจารย์ อุบล และครอบครัวเป็นผู้นํา

สาธุ ในทุกๆบุญด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 12:58:11


ความคิดเห็นที่ 263 (1637446)

 กลุ่มของเรายอมรับบเลยว่าได้หัวหน้าที่ดีมาก นำลูกน้องได้ดี ก่อนทำงานก็จะมีการพูดคุยตรวจสอบอาการของแต่ละคนกันก่อน มีการนำพาขอบารมีพระศรีอาริย์ จากนั้นก็แยกย้ายกันทำระหว่างทำพี่อ้อยจะเตือนลูกน้องเสมอย่าลืมท่องคาถาด้วยนะ ซึ่งเหมียวนี้แหละจะลืมทุ้กทีจิตเราแวบไปเทียวบ่อยเกิ้น พอพี่อ้อยเตือนก็เรียกใจกลับมาอยู่กลับตัวแล้วก็ท่องต่อเรื่อยๆค่ะ  พอเสร็จกิจกรรมก็มีมานั่งประชุมมานั่งสรุปแล้วที่สำคัญมีการมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมคนนี้หายคนนี้ไม่หาย ให้สมาชิกในทีมช่วยกับวิเคราะห์กันว่าเป็นเพราะเหตุใดจะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ตรงจุด อันนี้เรื่องวิเคราะห์อาการ กลุ่มที่เหมียวอยู่ยังไม่เคยมีมานั่งวิเคราะห์อาการกันเลยเพราะเสร็จงานบุปแต่ละคนก็จะมาสรุปกับแปบเด่วก็แยกย้ายกันไปทำภาระกิจ ก็ไม่ค่อยมีเวลาในส่วนตรงนี้ เหมียวอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับตรงส่วนนี้ด้วยเพราะว่า การวิเคราะห์อาการของแต่ละคน ตัวเราเองจะได้รู้ด้วยว่าเราต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเองอย่างไร บ้างครั้งเราดูตัวเราไม่รู้ต้องให้คนอื่นช่วยบอกเรา  ทำงานในครั้งหน้าจะได้บำบัดอาการได้หายร้อยเปอร์เซนสักที แต่นี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่ายอมรับและยินดีที่จะเปลี่ยนหรือเปล่าค่ะ  ขอบคุณพี่อ้อยมากเลยค่ะ หัวหน้ากลุ่มเราดูแลลูกน้องได้เยี่ยมไปเลย

 

 ป้าเล็กบอกว่าเต็มที่แล้ว  แต่ป้าน่ะเจ้ากรรมนายเวรเยอะ  ตั้งแต่ชาติก่อนๆ  ท่านอาจารย์เคยบอกไว้  ซึ่งดูแกจะอินและยึดติด กับอดีตมากไปหน่อย   อ้อยก็เลยพยายามฟีดแบ็กว่า  แต่ในมุมมองอ้อยคิดว่า  ป้ายังทำไม่เต็มที่นะคะ  ลองปรับใหม่นะคะ สู้ๆ


อนุโมทนากับน้องมะเหมี่ยว

เป็นอีกทีมนึงที่่ประทับใจนะ

ในความห่วงใย จริงใจและเข้าใจ

ของคุณอ้อยต่อทุกๆคน

ทำให้เค้าได้มีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันท่วงที

ซึ่งบางทีการที่เรามารู้เองภายหลังมันอาจสายเกินไปเลยก็ได้

หากจิตเราตอนนั้นยังไม่เข้มแข็งพอ

อาจเกิดอาการท้อถอยไปซะก่อนก็เป็นได้ค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 13:07:11


ความคิดเห็นที่ 264 (1637459)

 จากworkshopวันอาทิตย์

ต่ายทำงานในครัว

และพอได้ไปดูกระจก

ก็เห็นว่าหน้าตัวเองใสขึ้นปิ้งๆ

และหน้าก็หน้าเนียนขึ้น555

เกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เกิดจากการได้มาสร้างบุญ

ได้เข้ากลุ่มworkshop

เลยทำให้หน้าดีขึ้นจ้า

ต่ายขอขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ อ.อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองท่านอ.อุบลนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ด.ญ. ยุพินดา วรรณรักษ์ ( น้องกระต่าย) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 13:36:55


ความคิดเห็นที่ 265 (1637490)

ความประทับใจในกิจกรรมการปลดล็อคกรรม 27-28 ตค.

การแบ่งงานเป็นกลุ่มเพื่อไปทำกิจกรรมหลายๆจุด เป็นอะไรที่มีประสิทธิภาพมากๆ ตอนนี้บ้านสวน จะมีความสะอาดเรียบร้อยในทุกๆที่ ครอบครัว จ จาน มาถึงประมาณ 9 โมงครึ่ง เขามีกลุ่มกันเกือบหมด เลยได้ไปทำเกษตรโดยมี อจ พันธ์ แนะนำกิจกรรม และจุดหมายคือ การดาหญ้า สองข้างทางยาวตลอดถึงองค์พระ กลุ่ม อจ พันธ์ มี 6 คน รวมกับกลุ่มของสิงห์ป้อม อีก 6 คน กลุ่มเรามี สว หญิงเป็นส่วนมาก มีน้องบัว แรงงานเด็กหญิง น้องวินพี่ชาย จากครอบครัวภิรมย์รักษ์  พวกเราก้มหน้าก้มตาทำ เพราะ บางจุดหญ้าสูงรกมาก แดดก็แรง แต่ผู้นำกลุ่มคอยให้กำลังใจ มาลับคมให้จอบขยัน เราก็ฟันอย่างเดียวลุล่วงไปด้วยดี ตอนพักกลางวัน จริงๆแล้วก็อยากเปลี่ยนฐานกับเขาเหมือนกันเพราะร้อน แต่อีกใจก็อยากเห็นงานที่เริ่มทำสำเร็จด้วยมือตัวเอง พอดีเสียงส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนฐาน ก็กลับไปอยู่ร้อนๆต่อไป

งาน highlight ที่ประทับใจมากคือการมีโอกาสไปถางหญ้า เก็บหิน จัดระเบียบกองอิฐ บริเวณองค์ปฐม ปางนิพพาน บริเวณนั้นร่มเย็น พวกเราทุกคนกลับดูมีเรี่ยวแรง ทำความสะอาดถวายองค์ปฐม จนดูโล่งเตียน จากนั้นก็ได้อาศัยรถคุณเต้ ใส่จอบเสียมไปล้าง รอดตายเพราะไม่ต้องเดินกลับ อนุโมทนากับคุณเต้ เจ้าภาพไอติมแท่งของเราด้วยค่ะ

ตกค่ำกลุ่มของ อจพันธ์ และสิงห์ป้อมที่ทำด้วยกัน ทุกคนก็ดูดีหายเจ็บหายปวดกันเป็นส่วนมาก จั๋มเขาก็ดูสดชื่นหายจากหวัด นี่ขนาดตากแดดตลอด ตอนท้ายสุด อจ.บอกว่าพวกเราทำผิดคำสั่งจากสวรรค์ไม่ยอมเปลี่ยนฐาน จะปลดล๊อคกรรมไม่ได้ พวกเราทุกคนก็ยอมก้มหน้ารับกรรมกันโดยดี ไม่ต้องโทษผู้นำสุดหล่อของเราหรอก กรรมคงหนัก เจ้ากรรมเขาไม่ปล่อยหรอก

แต่วันรุ่งขึ้นเห็นทุกคนเปลี่ยนฐานทำกิจกรรมกันหนุกหนาน จั๋มน้องสาวเขาก็ชอบมากได้สัมผัสสิ่งใหม่ ส่วนจุ๋มกับจิ๋ม ต้องทำงานประจำคือ บดขยะ Biogas ทีเครื่อง Biogas มีปัญหา สายพานหลุด แบบว่าเขาออกแบบแนวนอน ทำให้สายพานหย่อน ต้องรบกวนลุงเบิ้มมาดัดแปลง ซ่อมให้ใช้ได้วันเสาร์ และปรึกษากันว่าจะเปลี่ยนเป็นสายพานคู่ จะไม่มีปัญหาสายพานหย่อนอีกต่อไป อนุโมทนากันช่างใหญ่ของเราช่างรอบรู้ อะไรอะไรก็ซ่อมได้ ท้ายสุดคุณอมรก็ได้มาแก้ปัญหา drain น้ำขยะสีดำออกให้ สาเหตุจากการหยุดกวน 2-3 วัน ขยะติดเป็นก้อนต้องถอดท่อกระทุ้ง ฐาน Biogas ต้องขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับช่าง ทั้งสองด้วย ลูกบ้านสวนเก่งๆกันมีปัญญาดีกว่าควายแน่นอน อย่างน้อยก็ 2 ท่านนี้ ลุงเบิ้ม คุณอมร สอบผ่าน

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ    จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 15:18:17


ความคิดเห็นที่ 266 (1637497)

จากworkshopวันอาทิตย์

ต่ายทำงานในครัว

และพอได้ไปดูกระจก

ก็เห็นว่าหน้าตัวเองใสขึ้นปิ้งๆ

และหน้าก็หน้าเนียนขึ้น555

***********************

ยินดีกับน้องกระต่ายด้วยนะจ๊ะ 

ที่หน้าใสปิ๊ง วิ้งขึ้นทันตา

ว่าแต่อย่าลืมเช็คส่วนสูงด้วยละ

จะได้ร้องไชโยขึ้นไปอีก

และขออนุโมทนากับธรรมทานของทุก ๆ ท่านค่ะ

หากไม่ได้ อ.อุบล

บด บี้ ขยี้ เรียกว่า

ต้องเคี้ยวก่อนป้อนกันทีเดียว

*****************

เห็นภาพชัดเจนเลยค่ะพี่แมว

สิ่งที่ไ้ด้รับจาก ท่าน อ.อุบล

บด บี่ ขยี้ ซะละเอียด แล้วก็กรอกตามสาย

ลงสู่กระเพาะ พร้อมดูดซึมเข้าร่างกาย

แต่ทำไม๊ ทำไม แม่บำรุงดีขนาดนี้

ลูก ๆ ยังไม่โต ไม่ฉลาดกันซักที

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 15:36:35


ความคิดเห็นที่ 267 (1637513)

 ตอนที่ท่านอ.อารธนาจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีเพื่อมาคุ้มครองลูก ๆ บ้านสวนทุกคน แหม่มปิติมากๆๆๆๆเลย ขนลุกตลอดเป็นเวลานานมาก ยังต้องให้น้องพจน์จับดู (มีพยานค่ะ)

************************ 

พี่ไม่เป็นคนเดียวหรอกจ้า

อัญก็ด้วยเหมือนกัน

ปกติจะรับสัมผัสไม่ค่อยได้เ่ท่าไหร่

แต่เมื่อวันอาทิตย์ ตอนที่ ท่าน อ.อุบล

ขออาราธนาบารมี จี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 

จะเห็นแสงจ้าสว่างมาก

พุ่งตรงมาบริเวณกลางหน้าผาก และ ลำตัว

แล้วเหมือนมีพลังหมุน ๆ ไปตามร่างกาย

ทำให้ขนลุก ตลอดเวลา น้ำตาไหล

ที่พิเศษมาก ตลอดเวลาที่ท่าน อ.อุบล บรรยาย

อัญเห็นดอกไม้เล็ก ๆ ใสเหมือนเพชร

ออกมาจากปากท่าน อ.อุบล

(เห็นด้วยตาเนื้อ) มันเป็นความรู้สึก

ที่ยากจะบรรยายจริง ๆ  ค่ะ

จากนั้นรู้สึกโปร่งโล่งเบาสบายทั้งตัว

โดยเฉพาะที่ตา มองเห็นภาพอย่างชัดเจน 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 16:11:11


ความคิดเห็นที่ 268 (1637537)

มาต่อครับ...

วันอาทิตย์ 28 ต.ค. 2555

วันอาทิตย์เราได้แบ่งกลุ่มกันอีก แต่ละท่านตั้งใจจะแก้ตัวกันใหม่ หลังจากเมื่อวานที่พวกเราโง่แล้วอวดฉลาดขัดคำสั่งท่านอาจารย์ ซึ่งคิดกันเอาเองว่าไม่อยากย้ายฐานเพราะงานติดพัน กลัวกลุ่มอื่นทำแทนไม่ได้ หรือทำได้ก็ไม่เหมือนที่เราวางแผนไว้ ผลสุดท้ายพวกเราคิดผิดครับ

วันนี้ผมได้รับมอบหมายจากพี่ธนาให้ดูแลกลุ่มโรคหนัก+การเงิน กลุ่มผมมีสมาชิกทั้งหมด5คน มีคุณน้อย คุณแม่ดารา คุณมงคล คุณจารุวรรณ และผม กลุ่มเราได้รับมอบหมายให้ตกแต่งลานจอดรถหลังวิหารไม้ไผ่ แต่ทุก1ชม. สมาชิกต้องย้ายฐานเหลือเพียงหัวหน้ากลุ่มที่ต้องอยู่ประจำฐาน ผมได้ร่วมกิจกรรมกับกลุ่มพี่เหมี่ยวครับ ซึ่งรู้สึกว่าช่วงนี้พี่เหมี่ยวกำลังฮอตมากเพราะใครได้อยู่กลุ่มพี่เหมี่ยวจะได้รับอานิสงส์สวยขึ้นหล่อขึ้นกันแทบทุกคนครับ ผมคงต้องหล่อขึ้นบ้างล่ะทีนี้...อิอิ

ก่อนเริ่มงานผมเลยวางแผนกับสมาชิกในกลุ่มก่อนครับ ผมกำหนดให้สมาชิกทุกท่านเป็นผู้นำทุกคน โดยเป็นผู้นำตนเองก่อน โดยให้ทุกท่านขณะทำงานก็ให้สำรวจอาการที่เป็นอยู่ของตนเองไปด้วย ถ้าใครดีขึ้นหรือหายก็ให้เดินมาแจ้งคุณน้อย ซึ่งจะเป็นคนจดบันทึก และให้คุณน้อยเป็นผู้ควบคุมเวลาโดยถ้าอีก10นาทีจะหมดเวลาต้องย้ายฐานก็ให้แจ้งสมาชิกกลุ่มเพื่อจะได้รีบสะสางงานที่คั่งค้างก่อนย้ายฐาน และให้ทุกท่านแบ่งเวลาไปเสริฟน้ำและผ้าเย็น เพื่อนๆฐานอื่น จะดูสิว่าการเสริฟน้ำและผ้าเย็นจะมีผลในการบำบัดหรือไม่ 

ปรากฏว่าวันนี้ทุกๆกลุ่มรักษาระเบียบกันดีมากครับ ถึงเวลาก็ย้ายฐานกันอย่างรวดเร็ว และงานออกมาดีมากครับ โดยด้านหลังวิหารไม้ไผ่ก็ได้เก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยม กองดิน+หินก็ถูกย้ายไปถมพื้นวิหาร กองไม้ไผ่ที่พาดต้นมะม่วงได้ถูกย้ายไปไว้ริมรั้วด้านในและถูกแทนด้วยความสวยงามของเก้าอี้จากแท่งปูนท่อระบายน้ำ ริมรั้วก็ซ่อมแซมจนเสร็จเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดี โดยภาพรวมงานออกมาเสร็จสมบูรณ์ครับ ดีกว่าเมื่อวานครับ

หลังจากเสร็จงานสมาชิกก็ได้มาสรุปผลกัน ผลคือทุกท่านมีความสุขมาก แต่ที่เห็นจะมีความสุขที่สุดคือคุณจารุวรรณ ผมเห็นเสริฟผ้าเย็นไปก็ยิ้มไปด้วย เอาไว้ให้คุณจารุวรรณเล่าความรู้สึกเองล่ะกันครับ ส่วนคุณน้อยก็มีความสุขและเก็บรายละเอียดได้ดีมาก ผมเลยให้คุณน้อยเป็นผู้รายงานกลุ่ม

ในกลุ่มของผมจะเป็นโรคภายในซึ่งไม่สามรถเห็นผลทันทีจึงต้องติดตามผลต่อไปครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 17:23:18


ความคิดเห็นที่ 269 (1637540)

มาต่อกิจกรรมคืนวันเสาร์ค่ะ

ก็เป็นช่วงสรุปผลการทำเวิร์คช็อปของแต่ละกลุ่มค่ะ ก็เริ่มที่กลุ่มพี่อมรซึ่งพจน์ก็อยู่กลุ่มนี้ด้วยค่ะ เป็นเรื่องปัญหาการเงิน ปัญหาหนี้สิน ซึ่งยังไม่สามารถสรุปผลได้ในตอนนี้ ต้องรอติดตามผลและรายงานทางเวปไซด์ค่ะ แต่ก็มีสมาชิกบางท่านที่มีอาการเจ็บป่วยและเห็นผลได้ในทันทีขอสรุปดังนี้ค่ะ

คุณจารุวรรณ  มีอาการปวดท้อง หาย 100% ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มงานเลยค่ะ

คุณอมร คุณวีรดา คุณยุวรัตน์ คุณนพวรรณ อาการโดยรวมดีขึ้นเกิน 50% ค่ะ และมีคุณยุวรัตน์กับคุณนพวรรณได้ไปเดินเก็บอุปกรณ์เผื่อว่าจะมีหลงเหลืออยู่ตามคำแนะนำของหัวหน้ากลุ่ม ก็มีจริงๆค่ะและได้ช่วยกันเก็บเข้าที่ ปรากฏว่าคุณนพวรรณ อาการเจ็บป่วยหาย 100% เลยค่ะ ดูจากสีหน้าพี่เขาแล้วคงดีใจมิใช่น้อยเลยค่ะ ส่วนคุณยุวรัตน์ก็ดีขึ้นอีกแต่ก็ยังไม่หายค่ะ สวนพจน์เองต้องรอติดตามผลเรื่องการเงินค่ะ แฮ่ะๆๆ ทำให้เห็นว่าการทำงานทุกอย่าง เราต้องละเอียดรอบครอบทุกขั้นตอนจริงๆค่ะ ไม่อย่างนั้นแทนที่จะได้บุญกับกลายเป็นการสร้างบาปเพิ่มแทนค่ะ

และหลังจากที่ทุกกลุ่มรายงานผล ทำให้เห็นว่าวันนี้ผลการบำบัดดูจะไม่ค่อยเห็นผลมากสักเท่าไหร่ ก็เป็นเพราะว่าพวกเราอวดฉลาด ทำตัวเก่งกว่าผู้นำ ไม่เชื่อผู้นำ ขัดคำสั่ง ไม่ทำตามโค้ดปลดล็อกกรรม จึงทำให้พวกเรายังไม่สามารถปลดล็อคกรรมได้ ท่านอาจารย์บอกว่ารู้สึกเสียใจที่พวกเราสอบตกกันหมดเลย หนูเองก็รู้สึกเสียใจและผิดหวังกับตัวเอง ท่านอาจารย์ทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเราได้พ้นทุกข์ แต่พวกเรากลับปฏิเสธมันด้วยตนเอง แต่ก็ยังไม่ท้อนะคะ เพราะทุกคนขอแก้ตัวกันใหม่ในวันอาทิตย์ค่ะ

พอรายงานผลกันเสร็จท่านอาจารย์ได้บอกให้พวกเราทานมันเผากัน ตอนนั้นพจน์เองก็คิดว่าจะไม่กิน และท่านอาจารย์ก็ได้บอกย้ำกับทุกคนว่า บอกให้กินก็กินสิ ประมาณนี้ค่ะ แฮ่ะๆๆยังไม่ทันไรเลย ขัดคำสั่งอีกแย้วเรา แต่สุดท้ายก็กินค่ะ ขอบอกว่าอร่อยมาก พึ่งจะได้ทานมันเผาบ้านสวนฯครั้งแรกค่ะ จากเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่มาบ้านสวนฯครั้งแรก เจอท่านอาจารย์ ท่านบอกว่ากล้วยที่ห้อยไว้กินได้นะ ไม่ได้ห้อยโชว์ไว้เฉยๆ แต่ด้วยความโง่ ก็ไม่ยอมกิน พอมาครั้งที่สอง ตอนนั้นอยู่กันที่องค์พระปฐมด้านหลัง ท่านอาจารย์ก็บอกกับทุกๆคนอีกว่ากล้วยนี่กินได้นะ กินแล้วทำอะไรจะได้กล้วยๆ ถึงบางอ้อเลยค่ะ รีบกินใหญ่เลย กินไปหลายลูกด้วย แต่แหม..เซ็งกับตัวเองค่ะ นอกจากไม่มีปัญญาแล้ว สัญญายังไม่ดีอีกด้วย ดันลืมเหตุการณ์นั้น ทำให้มันเผาเกือบซ้ำรอยเรื่องกล้วยๆซะแล้ว จำได้ว่าเคยมีคนบอกว่า ถ้าท่านอาจารย์ให้ทำอะไร ก็ทำ เพราะทุกอย่างมีนัยยะหมด แต่ท่านจะไม่บอกกับพวกเราตรงๆ แฮ่ะๆๆขนาดท่านบอกตรงๆ ยังไม่ค่อยจะทำเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเราจะโง่ไปถึงไหนอ่ะค่ะ

เดี๋ยวมาต่อของวันอาทิตย์ค่ะ...

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 17:27:19


ความคิดเห็นที่ 270 (1637543)

การเดินทาง 26 ต.ค. 55 เพื่อไปร่วมกิจการ work shop 27-28 ต.ค. 55

เริ่มการเดินทาง ในเวลา 18.15 น.โดยประมาณ ของวันที 26 ต.ค. 55

โดยรัชมีผู้ร่วมเดินทางอีก 1 คน คือ เจ้าอัญระหว่างการเดินก็มีเรื่องตื่นเต้น

ด้วยการรถติดนานมาก จนขับรถมาถึงช่วงหนองเสือ หรืออะไรสักอย่าง

ไม่ค่อยมั่นใจว่าแถวนั้นเค้าเรียกอะไรกัน รัชขับ อัญนั่ง 2 คน ก็เม้าส์กันไปเรื่องโน่นนั่นนี่

อยู่ๆอัญก็เรียกพี่รัชดูนั่นสิจานบินพี่รัช ไอ้เราก็ขับรถ เราก็บอกว่าเครื่องบินมั้ง

อัญบอกต่อว่าพี่รัชไม่ใช่เครื่องบิน เครื่องบินอะไรมีแสงส่องลงมาข้างล่างได้

ไอ้เราก็หันไปดู เออว่ะจริงด้วยแสงที่ส่องลงมาใหญ่มาก

อัญไม่เคยเห็นใหญ่ขนาดนี้เลยทั้งใกล้และใหญ่ สักแปบ อัญบอกว่าแค่นึกในใจว่า

ใช่มั้ยนะ เท่านั้นแหละหายวับไปกลับตา (อัญจ๋า มาเหลาต่อสิ่งที่ตกหล่นนะจ๊ะ)

 พอเดินทางถึงบ้านสวนปุ๊บ ก็เห็นความเปลี่ยนแปลง

ของบ้านสวน (ไม่ค่อยได้มาร่วมบุญค่ะ ..อิอิ) แตกต่างจากที่รัชเคยมา 1-2 ครั้ง

เดินเข้าไปในโรงทางก็เพื่อนพ้องน้องพี่หลายคน ไม่ขอเอ่ยนามนะค่ะ จำไม่ได้

แต่ที่จำได้แน่นอนแบบไม่ลืมเลือน ท่านอาจารย์อุบล

 โชคดีแค่ไหนกันไปถึงได้เห็นท่านก็กราบท่านอาจารย์ก่อนเลย

ท่านก็เอ่ยถามหนูอัญไม่มีใครชอบเรื่องหน้าบ้างเลยหรอว่ามันหน้าดีขึ้นใสขึ้น

เพื่อนไม่ทักเลยหรอ ได้จังหวะรัช

ตอบทันทีว่า ได้แต่นึกในใจว่าอัญหน้าใส หน้าดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ชมอัญออกมา

เนี่ยล่ะน้าผลของการทำบุญอย่างมุ่งมั่นของ คุณอนัญญา  สุขถาวร ค่ะ

ยินดีและขออนุโมทนาบุญกับอัญและทุกท่านด้วยนะค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางรัชตวรรณ พิกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 17:33:14


ความคิดเห็นที่ 271 (1637552)

กิจกรรมวันอาทิตย์ วันนี้ตื่นมาช่วงเช้าก่อนทานข้าว ก็คิดว่าเอ๊ะเราจะไปทางไหนดี สุดท้ายก็ไปแปลงเกษตรดีกว่า เพราะเมื่อวานยังไม่ได้ทำ ก็ได้ไปช่วยยกร่องแปลงเผือกค่ะ พอสักพักก็ประชุมแบ่งกลุ่มกัน ฮ่าฮาฮา จากเหตุการณ์เมื่อวาน ทำให้วันนี้เลือกอยู่กลุ่มปัญหาการงาน การเงิน หนี้สินและก็ขาดปัญญา

ฐานแรก ที่ได้ทำคือแปลงเกษตรโดยยกร่องแปลงเผือกค่ะ ดูเหมือนง่ายค่ะ แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ปัญหาก็คือ อ.พันธ์บอกให้ทำแบบนี้ ก็ทำกันอีกอย่าง เวลาสอนก็ไม่ตั้งใจดูและฟัง พอไม่เข้าใจก็ถามกันเอง แทนที่จะถามผู้รู้ สุดท้ายก็ทำกันในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งก็ผิดกันซะส่วนใหญ่และด้วยเวลาที่จำกัด ทำให้หลายๆคนไม่มีโอกาสได้แก้ตัวค่ะ

ฐานสอง จัดระเบียบลานจอดรถด้านหลังวิหารไม้ไผ่

ฐานสาม จัดระเบียบวิหารไม้ไผ่

ฐานสี่ ก่อสร้างวิหารหลังใหม่

แต่ละฐานจะมีเวลา 1 ชั่วโมง โดยหัวหน้ากลุ่มต้องอยู่ประจำในแต่ละฐาน จะย้ายฐานกันแค่เพียงสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งทุกคนจะตั้งใจในการทำงานในแต่ละฐานกันเต็มที่ค่ะ เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาให้ได้เนื้องานมากที่สุด พอเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาทีก็ตื่นเต้นกันที เพราะว่าเราไม่รู้ว่าฐานใหม่ที่กำลังจะไป มีอะไรให้เราทำ เหมือนได้ลุ้นดีค่ะ แถมยังได้ทำงานหลากหลาย พูดง่ายๆก็คือทำให้ทุกๆคนได้ทำงานเป็นทุกอย่าง และก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าเหนื่อยล้ามากเกินไป อย่างเมื่อก่อนเวลาเรามาบ้านสวนฯจากที่สังเกตุดูหลายๆคนก็มักจะเลือกทำงานที่ตัวเองชอบ ตัวเองถนัดเหมือนเดิมแทบทุกอาทิตย์ มันก็ดีนะคะเลือกที่ตัวเองถนัด แต่ไม่หลากหลาย และอาจจะไม่ตรงจุดกับที่เรามีปัญหาอยู่ด้วยค่ะ

และทำให้เห็นเลยว่าการเป็นผู้นำนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ต้องใช้กำลังใจสูงมาก เพราะเห็นผู้นำแต่ละกลุ่มแล้วขอยกนิ้วให้เลยค่ะ ทั้งเสียสละ ทุ่มเท ต้องคิดวิเคราะร์ วางแผน การทำงานทั้งหมด ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะให้งานเสร็จทันเวลาอย่างมีคุณภาพด้วย แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบอย่างสูง อย่างตัวพจน์เองซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มพอเรามาเจอฐานที่หนักๆเรายังคิดเลยว่า หนักอ่ะ เหนื่อยด้วย แต่ก็มีกำลังใจตรงที่ เอาน่ะทำให้เต็มที่ทำแค่ 1 ชั่วโมงเอง เดี๋ยวก็เปลี่ยนฐานแล้ว คือเราแค่รับผิดชอบกับงานใน 1 ช.ม.เท่านั้น แต่หัวหน้าทุกกลุ่มนี่ ถ้าเจองานหนักนี่ ไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนฐานเลย ต้องทำให้จนเสร็จเรียบร้อยทั้งวัน ทำให้คิดสงสารเหมือนกันค่ะ เพราะอย่างพวกเราสมาชิกกลุ่มยังได้พักช่วงเวลาเปลี่ยนฐาน แต่หัวหน้ากลุ่มนี่หมดสิทธิ์เลย

จากการทำเวิร์คช็อปที่ผ่านมา ขอบอกว่าชอบนะคะ รู้สึกว่าได้เนื้องานเยอะดี จากที่เมื่อก่อนเราจะไปออกันทำงานอย่างเดียว ซึ่งบางครั้งก็รู้สึกว่าคนเยอะกว่างาน วันนึงทำให้ได้เนื้องานอยู่ที่เดียว แต่พอแบ่งกลุ่มกันทำงานแล้ว รู้สึกว่าในหนึ่งวันได้เนื้องานมากขึ้นและเกือบทุกจุด และทุกคนก็ได้สร้างบุญกันอย่างเต็มที่ ไม่ต้องไปออกัน ไปรอกัน ได้ทำงานทุกอย่างด้วย เป็นการฝึกให้เราทำเป็นทุกอย่างและสามารถพึ่งตัวเองได้และต่อยอดไปเป็นผู้นำเพื่อช่วยผู้อื่นได้ด้วย ท่านอาจารย์แม่ของพวกเรานี่เก่งสุดยอดไปเลยค่ะ เป็นไอดอลของหนูเลย หนูอยากเก่งแบบท่านอาจารย์มั่งจัง ได้แค่ติดฝุ่นก็ยังดีอ่ะค่ะ (ยิ้ม) หนูต้องขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์แม่เป็นที่สุดเลยค่ะ ที่เมตตาพวกเราทุกคนมากๆ ไม่ว่าพวกเราจะทำผิด ทำพลาดกันจนนับครั้งไม่ถ้วน ท่านก็ไม่เคยทอดทิ้งหรือละทิ้งพวกเรา ยังคงคอยบอก คอยสอนคอยเตือนพวกเราตลอดเวลา ขนาดในบางครั้งนอกจากไม่เชื่อฟังแล้วยังนำพาความเดือดร้อนมาให้ท่านอีก แต่ท่านก็ไม่เคยที่จะโกรธและให้อภัยพวกเราเสมอและยังให้ข้อคิดเตือนสติให้พวกเราเดินกลับมาให้อยู่ในร่องในลอย ทุกอย่างที่ได้รับนี้มันเกินคำบรรยายจริงๆค่ะ ไม่รู้จะพูดอย่างไรเลย รู้แต่ว่าอยากขอบคุณจริงๆค่ะ ขอน้อมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อีกครั้งค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 19:13:21


ความคิดเห็นที่ 272 (1637573)

มาสายเลยเราตามอ่านไม่ทันเลย

ขอเริ่มworkshop วันเสาร์ก่อน  ผมก็ได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม

ปัญหา การงาน การเงิน

กลุ่มผมก็มี พี่ติ๋ม พี่พิชัย พี่ตาโต๊ะ คุณน้อง

ในกลุ่มส่วนมากก็มีฐานะกันทุกคน ทั้งอยากจน

อยากรวย พี่ติ๋ม โดนหลอกให้เสียเงินหลายแสนบาท

ทวงคืนก็ไม่รู้จะได้คืนไหม

พี่ตาโต๊ะ เพื่อนยืมเงินไป 5-6 หมื่น ป่านนี้

ยังไม่เอามาคืนเลย

พี่พิชัย ณ อุดร มีปํญหาหนี้สิน พี่ชายคุณน้อย

ทำงานสุดยอด ขยัน ทั้งพี่ทั้งน้อง

คุณน้อง ธันวรินทร์ มีปัญหาการเงิน หลังชา

ส่วนผม มีปํญหาเรื่องงาน หัวหน้าไม่ยอมให้หยุด

วันเสาร์- อาทิตย์ เพื่อนร่วมงานคนอื่นเขาก็อยากหยุด

เสาร์- อาทิตย์เหมือนกัน จนทำให้หัวหน้าลำบากใจ

ทั้งหมดคือปัญหากลุ่มผม

มีปัญหาการเงินต้องไปสร้างวิหารทาน

ก่อสร้างเลยครับ  ไปเอาจอบ เสียม เกลี่ยดิน ใต้คาน

วิหาร3 ชั้น  เจ็บปวดไม่มี อาการอย่างอื่นไม่มี

ยกเว้นคุณน้อง ที่หลังชา ไม่ต้องดูแลมาก

ผมก็ไปต่อไฟ เครื่องโม่ปูน เสร็จก็ไปต่อไฟ

ให้อ.พันธ์ และข้างพระองค์ปฐมด้านหลัง

พอกลับมาลูกน้องหายไปไหนหมด

ก็เดินตามหาไปเจออยู่ลานจอดรถ

วันนี้เลยได้ 2 ฐาน

ตอนเย็นก็มาถามอาการคุณน้อง หลังยังชาอยู่

แถมมีอาการปวดหัวเพิ่มาอีก ใช้รหัสก็ไม่ดีขึ้น

ผมเลยถอดจี้ รวมกับจี้พี่พิชัย ได้4 องค์ให้กำ

อาการดีขึ้น 50%  สงสัยต้องให้อ.อุบลช่วย

เป็นจริงอย่างที่พูดครับ ตอนออกไปรายงาน

ในตอนกลางคืน คุณน้องคนเดียวที่มีอาการเจ็บปวด

อาจารย์ก็ได้ให้สารภาพว่าเคยทำอะไรมาบ้าง

เคยแนะนำคนให้ไปทำแท้ง 2 ครั้ง

พอพุดจบอาการหลังชา ปวดหัว ก็หาย

เวลาพูดคุณน้อง จะมีน้ำตาคลอเบ้า บอกถึงการ

สำนึกผิด ปนกับความดีใจที่ได้ระบาย

ความอัดอั้นตันใจออกมา ผมคิดว่าคุณน้อง

คงอึ้ง และดีใจที่หลังก็หายชา และได้พูด

สารภาพความผิดของตัวเอง

ส่วนปัญหาของทั้ง 4 คน

ก็ต้องติดตามผลกันต่อไป

จะรายงานให้ทราบทางเวปไซด์ครับ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 20:34:21


ความคิดเห็นที่ 273 (1637577)

กระผมผดุง สุดจิตต์

ขอขอบคุณคุณธนาครับที่ให้กำลังใจกระผม

แต่ก่อนผมขี้ขลาดครับ มัวแต่อาย ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นครับ

แต่พอใด้รับความเมตตาจากอาจารย์

ก็มีความกล้ามากขึ้นครับ

และเวลาผมมาบ้านสวนผมก็แอบมองผู้คน  

คนที่มาบ้านสวนหลายคนมองแล้วก็น่าทำตามเช่นดร.จุ๋มจิ๋ม

คุณแมว  คุณสิทธิ์ คุณธนา คุณอมร คุณเหมี่ยว อาจารย์พันธ์ อาจารย์ณี อาจารย์อภิชัยและครอบครัว

และหลายๆ ท่าน

แต่ก็มีบางคนมาแล้วมีการพรีเซ็นต์ดตัวเอง

บบออกแนวแบบเรียกร้องความสนใจ

ทำให้ผมคิดว่าเค้ามาทำอะไรในบ้านสวนกันแน่

 ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลครับที่ได้เมตตาผม

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 20:45:14


ความคิดเห็นที่ 274 (1637580)

ทำความดี ให้มาก ทุกเวลานาที

แม้แต่ทำงาน ก็ทำให้ดีที่สุด ทำเต็มที่

ไม่อู้งาน ไม่ล้างผลาญทรัพย์ที่ทำงาน

ประหยัด ทำให้สะอาด ทำให้เรียบร้อย

ทำให้เร็ว ทำให้ถูก ทำให้เสร็จ

ก่อนกำหนด ไม่ใช่แค่ตามกำหนด

 

แล้วอย่าสนใจ

ว่า

ใครจะทำ ไม่ทำอย่างเรา

มันเรื่องของเวรกรรมของเขา

เราจะหนีกรรม เขาไม่หนี ก็ไม่ต้องไปอยู่

เป็นเพื่อนเขา หนีไปก่อน

ถ้าเขาเห็นเราหนีไปดี ชีวิตดี เดี๋ยวเขาก็ตามเอง

ลูกขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ที่ได้เมตตาเตือนสติลูกให้เร่งทำความดี

ทุกลมหายใจ และทำให้มากขึ้น

หนูยอมรับค่ะแต่ก่อนจะลีลาเยอะ

จะมีเงื่อนไขเยอะหน้าบาง

หรือบางทีก็มีจิตชั่วร้ายมักจะคิดว่า

มีงานบางแผนกทำไมเค้าไม่เห็นทำงานเหมือนเราเลย

เค้ากลับบ้านเร็ว เอาเวลางานไปเดินเที่ยวตลาดได้

โดยปกติการทำงานของหนู 1 ชิ้น หรือ 1 ราย จะมี

เวลาทำงานใช้เวลา 90 วัน ในการตรวจเอกสาร

และสรุปสำนสวนและปิดสำนวน

หนูไม่เคยทำเสร็จก่อน จะประมาณ 88-90

วันหรือบางก็เกิน 90 วันติดตัวแดงถูกตัดคะแนนค่ะ

อู้งานเป็นประจำ มัวแต่มองคนอื่น

ถ้าจะทำเสร็จก่อนกลัวน้อยหน้าคนอื่น

และหนูก็มีปัญหาด้านการเงิน หนี้สินเยอะ

เชื่อท่านอาจารย์ ล้านเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ

ผลกรรมที่ทำให้มีหนี้เยอะ

มีปัญหาด้านการเงินเงินไม่พอใช้

ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ได้เมตตาชี้ทางให้ลูกมีปัญญาค่ะ สาธุ สาธุ ค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกธรรมทานจากทุกท่านนะคะ

ทำให้ชาวเกาะอย่างหนูอ่านเพลินเลยค่ะ สุดยอดค่ะ

 

หนูคิดว่ากิจกรรมในอาทิตย์ที่ผ่านมา

ไม่สามารถปลดล็อกกรรมได้

เนื่องจาก ไม่เชื่อฝัง ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้นำ

อย่างเคร่งครัด หนูคิดว่าเป็นบทเรียนราคาแพง

ที่ไม่อาจซื้อได้ แต่จะทำให้ลูกบ้านสวนจดจำขึ้นใจ

และโชคดีที่ยังมีโอกาสแก้ตัว

แต่ถ้าเกิดสถานะการจริง มีภัยพิบัติจริง

ก็คงไม่มีโอกาสแก้ตัวแล้ว

ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนทุกพระองค์

ท่านอาจารย์อุบลพร้อมครอบครัวค่ะที่ได้

เมตตาลูกหลานทุกคนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 21:03:32


ความคิดเห็นที่ 275 (1637585)

มาต่อ workshop วันอาทิตย์

หลังจากที่วันเสาร์ ได้ 2 ฐาน  วันนี้เป็นหัวหน้ากลุ่ม

ปํญหา การงาน การเงิน ขาดปํญญา

ก็ตรงทั้ง 3 ข้อ สมาชิกในกลุ่มก็มี

ป้าแหม่ม คุณกุ้ง ภรรยาคุณก็อต คุณหนิง น้องมะเหมี่ยว

วันนี้ได้รวมกลุ่มกับอ.พันธ์ ที่แปลงเกษตร

ยกร่องแปลงเผือก หญ้าสูง แล้วจะขุดกลบหญ้ายังงัย

ทุกคนคงเข้าใจกันแล้วนะ ผลงานที่ออกมาต้องให้อ.พันธ์สรุป

ให้ฟังนะครับว่าเป็นยังงัย กลุ่มแรกผ่านไป

กลุ่ม2 มาถึงอ.พันธ์ก็บอกว่าให้ใช้ปัญญา

ดู แล้วลงมือทำ โดยที่อ.พันธ์ ไม่สอน

ต่างคนก็ลงมือขุด  ใครขุดแล้วหยุด ๆ

เพราะส่วนมากทำผิด อ.พันธ์ต้องมาทำเป็นตัวอย่าง

ทุกคนถึงใด้เข้าใจ

งานเกษตรเป็นงัยครับ ทั้งร้อน ต้องใช้แรงเยอะ

ต้องอดทน ใครทำได้ถือว่ากำลังใจดีมากครับ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 21:14:50


ความคิดเห็นที่ 276 (1637588)

ที่พิเศษมาก ตลอดเวลาที่ท่าน อ.อุบล บรรยาย

อัญเห็นดอกไม้เล็ก ๆ ใสเหมือนเพชร

ออกมาจากปากท่าน อ.อุบล

(เห็นด้วยตาเนื้อ) มันเป็นความรู้สึก

ที่ยากจะบรรยายจริง ๆ  ค่ะ

จากนั้นรู้สึกโปร่งโล่งเบาสบายทั้งตัว

โดยเฉพาะที่ตา มองเห็นภาพอย่างชัดเจน 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 16:11:11

 

 

จริงอ๊ะป่าว

หนูอัญ

 

แล้วดอกอะไรกันล่ะจ๊ะ

 

บอกมั่งดิ

 

อย่าบอกนะว่า

 

ดอก

อะ ลู มี ไร้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 21:31:52


ความคิดเห็นที่ 277 (1637614)

อนุโมทนากับน้องมะเหมี่ยว

เป็นอีกทีมนึงที่่ประทับใจนะ

ในความห่วงใย จริงใจและเข้าใจ

ของคุณอ้อยต่อทุกๆคน

ทำให้เค้าได้มีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันท่วงที

ซึ่งบางทีการที่เรามารู้เองภายหลังมันอาจสายเกินไปเลยก็ได้

หากจิตเราตอนนั้นยังไม่เข้มแข็งพอ

อาจเกิดอาการท้อถอยไปซะก่อนก็เป็นได้ค่ะ

************************************

อ้อยคิดว่าตอนนี้เวลาเราเหลือน้อยแล้ว

และคิดว่าลูกบ้านสวนฯ

น่าจะเป็นคนที่ยอมรับความจริงได้

โดยเฉพาะคำวิจารณ์จากคนอื่นๆ

ซึ่งในสังคมนอกบ้านสวนฯ

ไม่มีหรอกค่ะ

ที่จะบอกข้อผิดพลาดของเรา

หรือเตือนเราด้วยความจริงใจ

  มีแต่หวังดีประสงค์ร้าย

แต่ในบ้านสวนฯ 

เรากล้าบอกข้อบกพร่อง เพื่อที่เราจะได้ปรับปรุงตัวได้ทัน 

ไม่ให้สิ่งไม่ดีกลายเป็นนิสัยประจำตัว

  หรือสิ่งที่ทำดีอยู่แล้ว

ก็บอกเพื่อเป็นกำลังใจ

หวังว่าเราจะเปลี่ยนจากจิตตก

ที่ถูกวิจารณ์

มาฮึดสู้

เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างทันทีดีกว่านะคะ

อ้อยก็มีข้อเสีย คือ

พูดจาห้วนๆ

พูดไม่เพราะ

ดูไม่อบอุ่น เวลาพูดแนะนำใคร

อาจดูเหมือนไปด่าเค้า มากกว่าเตือน

เจตนาดีแต่

วิธีการอาจต้องปรับปรุง

แถมพื้นฐานเป็นคนทำอะไรเร็ว

ดังนั้นจะดูขี้หงุดหงิด

 ขี้โมโห

ก็กำลังปรับปรุงตัวอยู่

แต่มักจะลืมตัวบ่อยมาก

แต่ก็พยายามจะรู้ตัวให้เร็วนะคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 22:48:33


ความคิดเห็นที่ 278 (1637626)

                อาทิตย์นี้ เป็นกิจกรรมบุญเพื่อปลดล๊อกกรรม แต่พวกเราพลาดกัน ที่คำสั่ง ให้เปลี่ยนฐาน โดยให้ทุกกลุ่มกิจกรรมสลับเปลี่ยนงานกัน ทุก 1 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี จะทำให้ ได้เรียนรู้ทุกกิจกรรม และสับเปลี่ยนกันกำลังไม่ตก ไม่เหนื่อย ไม่ตากแดดนาน หรืออยู่ในร่มนาน

       แล้วทำไมทุกคนไม่ยอมเปลี่ยน ในเมื่อผู้นำสั่ง ต้องสลับฐานกิจกรรม เพื่อปลดล๊อก  เพราะนี่คือกุญแจ

กรรมที่จะต้องถูกปลดล๊อก คงไม่ถูกปลดง่าย ๆ บ้านสวนพีระมิดนี่ ของจริง เรื่อง กรรม ไม่มีอะลุ่มอล่วย ไม่มีเหยาะแหยะ ทำแบบขอไปที แทนที่จะหมดกรรม แต่ต้องได้กรรมเพิ่ม หรือไม่ก็โดนยันครืนแน่ๆ

กรรมที่จะต้องถูกปลดล๊อก ก็ถูกปลดได้เช่นกัน ถ้าหากเชื่อคำสั่ง อาจารย์อุบล แบบไม่ต้องสงสัย ไม่โต้แย้ง ทำไปแบบคนโง่ ๆ และต้องใส่ใจ ในรายละเอียดของงานให้มากเป็นพิเศษโดย

-      ให้ทำด้วยความตั้งใจ และมีสติ

-      ต้องถามแบบผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ฝึกฝน หมั่นสังเกต

-      มีความอดทน ไม่เสียดายแรง มีจิตอาสา

-      รู้จักคุณค่าของวัสดุ  ใช้ของอย่างมัธยัส

-      งานออกมาต้องดี ประณีต อย่าให้เสียของ

-      เก็บทำความสะอาดสถานที่ และเครื่องมือ อุปกรณ์ หลังเลิกงานทุกครั้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 23:40:43


ความคิดเห็นที่ 279 (1637627)

 ดอกไม้ที่เห็นไม่ทราบว่าเรียกอะไรค่ะ

คล้าย ๆ ดอกแก้ว แต่เล็กกว่ามาก

เป็นดอกเล็ก ๆ ใส ๆ 

ระยิบระยับ สวยงามมากค่ะ

แต่ไม่รู้ว่า จะสวยสู้ "ดอกอะลูมีไร้" ได้อะป่าวค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 23:41:51


ความคิดเห็นที่ 280 (1637628)

ขอเล่าต่อเกี่ยวกับกิจกรรมวันอาทิตย์นะครับ

ตามที่มีญาติธรรมหลายคนได้นำเรื่อง

การเขียนธรรมทานแบบใหม่ที่ท่านอาจารย์

ได้เมตตาสอน คือ เป็นธรรมทานเกี่ยวกับ ปัญญา

คือ ใช้ปัญญาในการเขียนและให้ปัญญาแก่ผู้อ่าน

ไม่ใช่การเขียนแบบ สัญญา หรือ การจดจำ

 

ธรรมทานที่ไม่ดีดูได้จากของใคร

จากธรรมทานที่ผ่านมาของผมเลยครับ

เขียนทื่อๆ เหมือนถ่ายคำพูดจากเทปเท่านั้น

คงจะคล้ายตัวจริงของผมนะครับ

 

คราวนี้ธรรมทานที่ดี ที่ให้ปัญญา เป็นอย่างไร

ก็ดูจากธรรมทานของคุณชนิดา ณ โปแลนด์

คุณแมว ปวีณา ณ บ้านสวน และน้องใหม่

ที่เขียนธรรมทานได้อย่างได้สาระและได้อารมณ์

เหมือนเจอตัวจริงของเธอมาเล่าให้เราฟัง นั่นคือ

คุณน้อย ยุวรัตน์ ณ บ้านเชียง

Come from อุดรธานี นั่นเองครับ

 

จากนั้น ก็มาถึงช่วงระทึกใจ

ที่ท่านอาจารย์ได้ให้พวกเราสัมผัสพระบารมี

ของจี้สามร่มโพธิศรี โดยการหายจากอาการที่ยังหลงเหลือ

ซึ่งท่านได้แย้มให้เราทราบตอนกลางคืนวันเสาร์

ว่า แค่มองเท่านั้น ก็หายได้แล้ว

ซึ่งตอนที่ท่านอาราธนาพระบารมี

ผมเองรู้สึกว่า ตัวเองจะร้องไห้

แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะน้องมิ้มที่นั่งข้าง ๆ

ร้องไห้อย่างจริงๆ จัง ๆ เพราะสัมผัสพระบารมีได้นั่นเอง

 

ท่านอาจารย์พิสูจน์โดยให้คนที่ยังมีอาการ

ออกไปตั้งแถวหน้าโต๊ะที่ท่านนั่งอยู่และมองไปที่จี้

รุ่นสามร่มโพธ์ศรีที่ท่านคล้องไว้ และเริ่มนับ 1 2 3 ไปเรื่อย ๆ

นับไปก็เริ่มมีคนหายและรายงานผลให้ท่านทราบว่า

หายจากอาการอะไร หายกี่เปอร์เซ็นต์

ซึ่งผมอยากจะบอกว่า ขนาดที่ผมไม่ได้ออกไปยืน

แต่มองอยู่ด้านข้าง อาการปวดหลังยังหายไปกว่า 50%

และหายหมดเมื่อไปยืนเข้าแถว รวมทั้งอาการปวดบ่า

ปวดแขนที่คิดว่าเกิดจากขุดดินแปลงผักก็หาย 90%

และเข่าขวาที่ปวดขึ้นมาแบบกระทันหันก็หายไปด้วย

 

อาการที่ยังเหลืออยู่ คือ สายตายาวเพราะชอบมองภาพไม่ดี

ชอบใช้สายตาทำร้ายคนอื่นกระทั่งพ่อแม่ น้อง 

และอาการปวดคออีกเล็กน้อย

ซึ่งท่านอาจารย์ได้เมตตาบอกว่า สมเด็จฯท่านเตือนให้

แก้ไขที่ชอบคุยระหว่างมีกิจกรรม และให้ออกศึกปกป้อง

สถาบันและบ้านสวนฯมากกว่านี้ ซึ่งผมขอขมาเป็นอย่างสูง

ขอรับผิดโดยไม่มีข้อแก้ตัวครับ

 

จี้องค์เทพสฟิงซ์รุ่นแรก ๆ ว่ามีอานุภาพมากแล้ว

พอมาถึงรุ่นสามร่มโพธิ์ศรี ที่ท่านอาจารย์ได้อธิฐาน

รวมพระบารมีแห่งพระบรมธรรมบิดา

สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์ และพระบารมีแห่งในหลวง

มารวมไว้ด้วยกัน ก็ยิ่งมีอานุภาพมีพลังมากขึ้น

ซึ่งหลังจากกับมา ผมได้ใช้จี้รุ่นนี้ช่วยรักษาคนทีมี

อาการปวดหัว มึนหัว ปวดแขน ปวดหลัง ให้หาย

โดยการมองจี้แล้วถึง 3 คน มีอีก 1 คน ที่มองแล้วเบาลง

แต่ต้องใช้จี้ไปแตะจึงหายจากอาการที่ยังหลงเหลือครับ

 

สำหรับสัปดาห์นี้ ท่านที่ได้รับอนุญาตให้เข้าบ้านสวนฯ

อย่าลืมเขียนข้อบกพร่องของตนเองที่ต้องการขอพระบารมี

สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์ช่วยให้หาย จิดไปด้วยนะครับ

และขออนุโมทนาบุญกับน้องอัญที่มีเห็นพระธรรม

หรือดอกมะลิแก้ว ออกจากปากของท่านอาจารย์ครับ

 

สุดท้ายนี้ผมขอกราบขอบพระคุณสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์

ท่านอาจารย์ทั้งสองและคุณท๊อปครับ ที่ให้สติปัญญา ให้โอกาส

และให้ผมหายจากอาการเจ็บป่วย และปรับตัวเพื่อเป็นคนดีครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 23:41:54


ความคิดเห็นที่ 281 (1637629)

กิจกรรมวันเสาร์ที่ 27 ต.ค.55

       Work shop กลุ่มที่ 1 กลุ่มปัญหา การงาน การเงิน หนี้สิน และเจ็บป่วย  ได้รับมอบหมายงานก่อสร้าง ผูกเหล็ก ตัดเหล็ก ดัดเหล็ก

       ก่อนเริ่มงานทุกคนสร้างกำลังใจแก่กันโดยการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ขอบารมีพระศรีอาริย์ เพื่อปกคลุมกายของลูกทั้งหลายให้มี สติ ปัญญา มีพละกำลังในการทำงาน

การทำงานให้ทุกคนเน้นที่ประสิทธิภาพของงาน เพื่อประเมินตนเองด้วย

สมาชิก 6 คน คือ

1.นายอมร  ศิริมาศกูล        ปัญหา ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และสายตายาว หลังเลิกงาน สายตาดีขึ้น 50 %

2.คุณวีรดา  อยู่นวล    ปัญหาการเงินและสายตายาว หลังเลิกงาน ดีขึ้น

3.คุณยุวรัตน์  พันธุวงษ์ ปัญหาการเงินหนี้สิน ท้องผูก ภูมิแพ้ หลังเลิกงาน อาการท้องผูก ดีขึ้น  อาการภูมิแพ้ดีขึ้น 80 %

4.คุณจารุวรรณ  จินดา ปัญหา หนี้สิน การเงิน ปวดท้อง หายตอนทำงานได้ 1 ชม.

5.คุณนพวรรณ  ใจตรง ปัญหาหนี้สิน การเงิน  

6.คุณพรหมภัสสร กฤตกร    ปัญหาการเงินรายรับไม่พอกับรายจ่าย เป็นหนี้

ส่วนปัญหาการเงิน เป็นหนี้  จะรายงานผล การพบช่องทางในการคลี่คลายปัญหา หมดปัญหา แก้ปัญหา ทางเวปไซด์  ในการทำกิจกรรมนี้ ทุกคนประเมินการทำงานของตนเองเพื่อเป็นต้นทุนการแก้ปัญหาของตนเอง โดยเฉลี่ยประเมินตนเองไว้เพียง 80 % โดยทุกคนสัญญาว่าจะพัฒนาตนเองกับงานให้มีประสิทธิ์ภาพยิ่งขึ้นไป

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 23:45:16


ความคิดเห็นที่ 282 (1637637)

 เจตนาดีแต่

วิธีการอาจต้องปรับปรุง

+++++++++++++++

ปรบมือดัง ๆ พร้อม กดไลท์ให้พันครั้ง กับประโยคข้างต้น

เพราะการพูดจา ของอัญก็ไม่ต่างกับพี่อ้อยเลยค๊า

ออกจะมากกว่าด้วยซ้ำไป  ยิ่งมีหน้าตาเป็นอาวุธ

ยิ่งแย่ไปใหญ่ บางครั้งเราพูดไปแล้วไม่ยิ้ม คนฟังนึกว่าโกรธ

แต่ในใจไม่ใช่เลย   นึกสโกแกนให้ตัวเองได้และ

"มีหน้าตาเป็นอาวุธ ปากหมา หนังหนา หน้า้ด้าน" 

แหมถูกจริตกับตัวเองจริง ๆ 

แต่ยังงัยก็จะพยายามปรับปรุงตัวค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-30 23:57:29


ความคิดเห็นที่ 283 (1637645)

         วันเสาร์ได้ทำ workshop อยู่กลุ่มปัญหาการงานการเงินทำที่วิหารสามชั้นโดยการปรับดินใต้โครงเหล็กจากพื้นถึงขอบเหล็กบนประมาณ 20 ซ.ม.เพื่อก่ออิฐบล็อกสูง 3 ก้อนสำหรับเทปูนเป็นคานต่อไป งานนี้ต้องให้กำลัง ความมุ่งมั่น กับอุปสรรค์ที่มีกองดินใหญ่ขวางทาง จอบ เสียม ที่จะปรับดินให้เสมอกัน และยังมีโครงเหล็กขวางเครื่องมืออีก workshop ฐานนี้สอนให้ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาและอุปสรรค์ที่ขวางกั้น ความอดทนอดกลั้นกับความร้อน ซึ่งเราสามารถนำวิธีการแนวคิดลักษณะนี้ไปใช้งานชีวิตประจำวันได้ ทำให้ดี ทำให้เร็ว ถูกต้อง ของไม่เสียหาย ตอนกลางคืนมีเลี้ยงบาบีคิวเห็ด มันย่าง + ปิ้ง อกหักสอบตก ไม่ผ่านการปลดล็อกกัน มายืนโสเหล่กันกลางถนนชมจานบินกัน ขอชมเต็มรูปแบบท่านก็จัดให้ ยืนจนเมื่อยคอเต้นกันจนเมื่อยขา

    วันอาทิตย์ ทำworkshop ต่อ แบ่งเป็น 4 ฐาน เดิมผมอยู่กลุ่มอาจารย์พัน แล้วขอย้ายมาอยู่กลุ่มคุณอมร เนื่องจากฐานคุณอมรต้องทำวิหารสามชั้น แล้วให้เป็นตัวหลักในการช่วยลงบุญก่ออิฐบล็อกเป็นแบบเทปูนซึ่งถ้าไม่มีตัวหลักการตั้งก่ออิฐจะเอียงล้มได้งานจะช้า เลยไม่ได้ย้ายฐานกับเขา แต่ก็เป็นการรวมตัวที่ทำกรรมมาหนักทั้งกลุ่ม ผมอยู่งานสนามกางแดดแบบนี้บางครั้งถอดแว่นตาทำงาน แล้วลืมนึกว่าใส่แว่นอยู่เหมือนกับสายสายเริ่มยืดมองได้ไกลชัด สว่างขึ้น เดิมปรกติถอดแว่นออกจะหยีตาเพราะแสบแบบแพ้แสง แล้วอุปสรรค์ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 00:20:08


ความคิดเห็นที่ 284 (1637653)

ขอเล่าต่อในกิจกรรมวันอาทิตย์ที่ 28 ต.ค.

วันอาทิตย์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการค่อยข้างอ่อนเพลีย เหมือนอยากนอนต่อ แต่ไม่ได้แล้วถ้านอนจะเสียเวลากอบโกยบุญ เพราะบุญเปรียบเสมือนเงินเหมือนทองเรยนะเนี้ย ตอนเช้าก็ได้ช่วยกันเก็บกวาดใบไม้บริเวณหน้าองค์พีระมิด จากนั้นก็ได้แบ่งกลุ่มกันทำกิจกรรม workshopกันต่อ ซึ่งคราวนี้เหมียวอยู่กลุ่ม ปัญหาการงาน การเงิน อุปสรรค ในกลุ่มก็มีคุณอดิศักดิ์เป็นหัวหน้าทีม ฮ่าาคุณอดิศักดิ์มักจะโดนแซวว่าชอบทิ้งลูกทีม แต่คราวนี้ลูกทีมต้องทิ้งคุณอดิศักดิ์แทน เพราะว่าต้องเปลี่ยนฐานไปเรื่อยๆจร้า ฐานแรกที่ต้องไปทำคือ ฐานงานเกษตร ว้าววงานหนักแต่เช้าเลย แต่ว่าในกลุ่มก็ไม่มีใครย่อท้อ มุ่งหน้าตรงไปที่เครื่องมือเกษตรโดยมีอาจารย์พันธ์เป็นคนเลือกเครื่องมือและก็สอนว่าจอบนี้ใช้ขุดนะ จอบนี้ใช้ถากนะ อันนี้ใช้ถากไม้ได้นะ ต้องสังเกตตรงตัวเลข2ปอน 3ปอน อันนี้ แฮะๆเหมียวจำมะได้แย้วว หลังจากเลือกเสร็จก็มุ่งตรงไปแปลงเกษตรกัน อาจารย์พันเริ่มสอนวิธียกร่องแปลงเผือก โดยสาธิตให้ดู เหมียวมีข้อสังเกตุอยู่อย่างหนึ่งคือว่า เวลาอาจารย์พันธ์สอน จะชอบมีคนพูดสวนมาเวลาแกสอน ไม่รับฟังแล้วมัวเถียงมัวสงสัยในการทำ จะทำให้อาจารย์พันธ์อารมณ์เสีย(ไม่รู้อาจายร์พันธ์อารมณ์เสียรึเปล่าเดาเอาจากน้ำเสียงนะค่ะ ) เพราะฉะนั้นคนที่ไปทำงานที่แปลงเกษตร เวลาอาจารย์พันธ์สอน ขอให้รับฟังก่อนถ้าไม่เข้าใจค่อยถามที่หลังจะดีกว่านะค่ะ หลังจากทำที่แปลงเกษตรตัวเองเริ่มหมดแรง ทั้งๆที่ได้ทำแปบเดียวเอง บวกกับอาการปวดท้องกำเริบขึ้นมา ทำให้ทำงานในแต่ละฐานไม่เต็มที่ ถัดจากฐานแปลงเกษตรก็มาฐานป้าเหมี่ยว ปรับพื้นที่บริเวณลานจอดรถ โดยขนกองหิน โยกย้ายรถเข็นและอุปกรณ์ที่ชำรุด ไม่ไผ่ไปไว้อีกที่หนึ่ง หลังจากทำตรงฐานนั้นเสร็จ อาการปวดท้องและอาการไม่มีแรงก็ยังอยู่ไม่จากไปไหน ยังจะตามเหมียวไปที่ฐานคุณอ้อย รื้อศาลาไม้ไผ่ อันนี้ก็ทำงานให้ไม่เต็มที่ รู้สึกขัดใจกับตัวเองท้องมันบีบเป็นพักๆซึ่งมันทรมานมาก มันไม่มีแรงจะเดินจะยืน หลังเครียศาลาไม่ไผ่เสร็จก็ได้มานั่งพักอย่างหมดแรงไม่ใช่หมดแรงที่ทำงานนะ แต่หมดแรงเพราะปวดท้องและไม่มีแรงเอาซะเรย ระหว่างนั่งป้าติ๋มก็มีคำพูดที่เตือนใจเรา รู้สึกว่าจะบอกว่า มองก็รู้แล้วว่าใจไม่สู้ถ้าใจสู้เราก็จะชนะมัน แต่นี้มองก็ออกเลย ว้าวววว ทำให้รู้สึกเลยว่า ใจเราไม่สู้จริงๆ ตัวเราทนรับความเจ็บปวดไม่ได้ พยายามให้ความเจ็บปวดมาชนะเราจนได้ใจ จากนั้นก็เลยไปเอาจี้คุณซิมมาสวม เท่านั้นแหละมีแรงขึ้นมาทันที แต่ว่าอาการปวดท้องก้อยังไม่จากไปไหน แต่รู้สึกมีแรงขึ้นนับจากนั้น ช่วงบ่ายได้งานที่ฐานก่อสร้างอันนี้ตัวเหมียวเองตั้งใจจะเอาชนะ ความปวดท้องให้ได้ ป้าติ๋มบอกว่าขอโทดนะที่พูดแรงๆ เหมียวบอกไม่เป็นไรค่ะดีแล้วจะได้เตือนสติเหมียวทำให้เราสู้กับอาการปวดท้องได้ จากนั้นก้อทำงานต่อไปเรื่อยๆทั้งขนปูน ทั้งขนอิฐแต่และแล้ว ก็แพ้มารจนได้รู้สึกเหมือนปวดเข้าห้องน้ำพอไปเข้า ก็ยังปวด นั่งอยู่สักพัก พอเข้ามาที่ฐานอีกที่ก็ได้ช่วยแค่นิดเดียวก็หมดเวลาซะแล้ว ตัวเหมียวเองรู้สึกเลยว่า วันนี้ทำไมเน้อทำงานได้แค่นี้ไม่เต็มที่ซึ่งเราไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ทำไมเราถึงทนการปวดท้องไม่ได้ แต่ปวดอย่างอื่นทนได้นะแต่กับท้องมันจะไม่ไหวจริงๆ แล้วอีกอย่างเรื่องไม่มีแรงสงสัยว่าเราจะไปคิดว่าป้าเล็กว่าแกไม่ค่อยมีแรง ทำอะไรได้ช้า ได้น้อย เอาล่ะสิว่าแค่คิดว่าป้าแกวันเสาร์ วันอาทิตย์อาการไม่มีแรงกำเริบเลยยเรา  

หลังจากเสร็จกิจกรรม ในกลุ่มก็มานั่งสรุปผล แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องการเงิน ต้องรอการรายงานผลผ่านทางเฟสบุคจร้าา

เสร็จกิจกรรมทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตัวเหมียวเองก็มีอาการปวดท้องอีก ก็ได้ไปบอกท่านอาจารย์อุบล ท่านเมตตาตอบว่า ให้ไปเก็บสิ่งของที่ยังไม่เรียบร้อย ไปเก็บให้เรียบร้อย ก็ได้ทำตามท่านอาจารย์บอกแต่ก็ยอมรับทำได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ค่ะ เพราะตัวเองต้องรีบกลับ

ตอนนี้อาการปวดท้องเหมียวดีขึ้น วันจันทร์มีอาการปวดท้องอยู่แต่จะปวดช่วงเย็นประมาณ2ชั่วโมงได้  วันอังคารอาการปวดท้องก็ยังคงอยู่ตั้งแต่ตอนเที่ยงถึงตอนเย็นค่ะ 

และก็มารายงานข่าวว่า เคยใช้รหัสขอให้ อาจารย์อุบลช่วยด้วยในการย้ายห้องขึ้นข้างบน ปกติอยู่ชั้น1ซึ่งไม่ปลอดภัยแน่ถ้าน้ำท่วม ตอนนี้เหมียวได้ย้ายห้องมาอยุ่ชั้น3แล้วค่ะ รู้สึกว่าเร็วดีจังผ่านมาไม่กี่เดือนเอง  ขอขอบคุณเทวดารักษาตัวท่านอาจารย์อุบล ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและขอบคุณท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 00:56:51


ความคิดเห็นที่ 285 (1637660)

 อนุโมทนากับธรรมทานทุกๆท่านค่ะ

ส่วนน้อยโง่แล้วอวดฉลาด

เหตุมีอยู่ว่าวันเสาร์ที่ 27 ต.ค 55 มีกิจกรรมต่างๆให้ทำเช่น

งานก่อสร้าง ตกแต่งพื้นที่ลานจอดรถ แปลงเกษตร วิหารไม้ไผ่

มีการแบ่งกลุ่มร่วมกิจกรรมตามปัญหาชีวิตของตัวเอง

ฐานแรกน้อยเข้าปฏิบัติการ งานก่อสร้าง บุญคือ วิหารทาน

พอถึงช่วงคุณพี่ธนาประกาศให้เปลี่ยนฐานน้อยก็สรุปเองว่า

เราไม่เปลี่ยนฐานหรอกอยากทำฐานนี้แหละเพราะงานยังเหลือ

อีกเยอะแถมอานิสงส์บุญก็เยอะ

ช่างโง่จริงๆๆๆๆ

มิหน่าชีวิตถึงแย่ๆๆๆอย่างทุกวันนี้

เมื่อเปรียบเทียบกับการดำรงชีวิตของตัวเองในประจำวัน

เรียกว่าไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง (โง่) ยังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกต้อง

มิหน่าชีวิตที่ผ่านมาช่างมีบทเรียนราคาแพงเหลือเกิน

ที่บอกว่าราคาแพงเพราะ มาสาย กินเวลาล่วง เขียนเอกสารเท็จ

ไปราชการเบิกน้ำมันเกินจริง ซื้อวัสดุ ครุภัณฑ์ในราคาแพงๆ

เพื่อให้เหลือเปอร์เซ็นต์เยอะๆๆเข้ากระเป๋า ทำงานก็ไม่มีใคร

เห็นใจ เอาของหลวงกลับบ้านเช่น ปากกา ดินสอ กระดาษ

การทำงานเจอแต่

พวกไม่มีศีลธรรมด้วยกันเจอมาเฟียร์สั่ง สั่ง สั่ง โกง ๆๆๆๆๆๆๆ

โทษแต่เขาไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้แทนที่ตัวเองจะมองดูตัวเอง

สำรวจตัวเองแก้ไขวิธีการทำงาน ใช้ปัญญาทำงาน

เพราะเราทำงานเหมือนควาย

ไถ่นา ไถ่อยู่นั้นแหละ เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน

เพราะมองไม่เห็นความโง่ตัวเอง

จึงได้ข้อคิดที่ว่า

จงอย่าไปคอยนินทาคนอื่นชั่วอย่างงั้นอย่างนี้

เขาไม่ยอมทำงานอย่างนั้นอย่างนี้

เราต้องทำ..อย่างตั้งใจ..อย่างมีปัญญา..

ทั้งหมดทั้งมวล

ตัวเราโง่จริงๆๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 02:05:48


ความคิดเห็นที่ 286 (1637661)

 เพราะความโง่มาหลายภพหลายชาติ

ตกนรกหลายภพหลายชาติ

แม้แต่ชาติปัจจุบันก็ตกนรกทั้งเป็น

มิหน่าชีวิตไม่มีปัญญาชำระกิเลสได้ซะที

เหตุเพราะว่า

น้อยคิดว่าตั้งแต่เกิดจากท้องพ่อท้องแม่เราก็รู้จักว่าเรา

เป็นชาวพุทธรู้จักการไปวัดทำบุญ ตักบาตร ทำความสะอาด

ภายในวัดมีการถอนหญ้าในวัด ขนทรายเข้าวัด

แถมยังฮอตฮิตคือ

ชาวพุทธทุกคนที่เป็นฆราวาส

ที่พอโตขึ้นมาหน่อยที่ทุกคนทราบดีคือ

ทุกคนต้องมีศีลห้านะลูก

ศีลข้อหนึ่ง ห้าฆ่าสัตว์ ศีลข้อสอง ห้ามลักทรัพย์

ศีลข้อสามห้ามประพฤติในกาม ศีลข้อสี่ ห้ามพูดปด

ศีลข้อห้า ห้ามดื่มเหล้า

เพราะโง่ตั้งแต่เกิดจริ๊งๆ โง่มาหลายภพหลายชาติจริ๊งๆ ค่ะ

โง่อันดับแรก

พระพุทธเจ้ามีข้อปฏิบัติคือให้รักษาศีลห้า อย่าละเมิดศีลน่ะ

จะบาปได้ยินหนักหนาจากคำสอนพ่อแม่สอนสอนเมื่อยังเป็นเด็ก

เมื่อพ่อแม่ส่งเรียนก็สั่งสอนอย่างนั้น อย่างนี้ ถึงจะเรียนจบนะลูก

แต่ที่ไหนได้

โง่ ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ชีวิตก็ผิดศีลมาทุกข้อ

โง่ เพราะพ่อแม่สอน  ก็สวนทางคำสอนพ่อแม่

ความโง่ของน้อยมีมากมายเหลือคณาคือ

ศีลข้อหนึ่ง ทำแท้งโดยเจตนาสองครั้ง ฆ่าสัตว์ ปลา กุ้ง หอย

ไก่ เป็ด นก หนู หมา คางคก กบ เขียด ยุง ปลวก ค้างคาว

กุ้ง หอยทาก ตั้กแตน แมลงต่าง ๆ สัตว์อื่นๆ (เยอะแยะ)

กิ้งก่า(ขีกะปอม)ภาษาอีสาน  

ศีลข้อสอง ขโมยเงินแม่ เงินพี่ชาย หมุนเงินที่ทำงาน

ยักยอกเล่ห์เหลี่ยมหาทางเอาเงินหลวงมาใช้ส่วนตนเช่น

เขียนเอกสารเท็จ ปลอมลายเซ็น เขียนบิลน้ำมันหลวง

เอาของหลวงกลับบ้าน

ศีลข้อสาม อยู่กินกับสามีคนปัจจุบันนี้สมัยเรียนหนังสือ

มีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน แอบชอบสามีคนอื่น

และเคยให้สามีคนอื่นช่วยงานตัวเอง

ศีลข้อสี่  โกหกพ่อแม่ พี่ชาย เจ้านาย ลูกน้อง นินทาพ่อแม่

นินทาพระสงฆ์ นินทาเพื่อนร่วมงาน นินทาพ่อแม่ตัวเอง นินทา

พ่อแม่สามี ปรามาสพระเยซูคริสต์ว่าไม่เก่งเท่าพระพุทธเจ้า

ทั้งๆที่ตัวเองน่ะโง่แล้วอวดฉลาด

ศีลข้อห้า เคยกินเหล้า กินเบียร์ เพราะคิดว่ากินเบียร์แล้ว

รักษาโรคความดันต่ำได้ เพราะโง่เล้ยคิดเช่นนั้น คนอื่นบอก

ก็เล้ยทำตาม  เพิ่งมารู้ที่หลัง ที่บ้านสวนพีระมิด

ว่าโรคความดันมีเหตุมาจากคนโกรธง่าย เอาแต่ใจตัวเอง

งี่เงาไร้สาระ ร้องไห้ง่าย ขี้วีน

เพราะความโง่ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากเรา โง่

แสดงว่าน้อยไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า

ถึงการให้รักษาศีลห้า เราก็ฟัง แต่ไม่ทำตาม ช่างเหมือน

กิจกรรมบุญที่บ้านสวนพีระมิดเราก็ฟัง แต่เราไม่ทำตาม

ให้เปลี่ยนฐานก็ไม่ยอมเปลี่ยนเป็นงัย

ชีวิตก็เล้ยโง่ดักดานชีวิตก็เล้ยยังแย่

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 02:38:59


ความคิดเห็นที่ 287 (1637662)

 พูดอย่างงัยถึงจะส่าแก่ใจ

ในความโง่ของตัวเอง

เพราะเป็นควายไถ่นามาน๊าน

หลายภพหลายชาติ

เนื่องจากก็ขออนุญาตเข้าบ้านสวนพีระมิดหลายครั้ง

เหตุการณ์ครั้งนั้นอ่านข้อความของท่านอ.อุบลบอกว่า

ใครจะทานอาหารที่บ้านสวนฯหรือหาอะไรมาทานเอง

ก็ขอให้แจ้งในความคิดเห็นที่ขออนุญาตเข้าบ้านสวนฯ

เพราะคนมันโง่

เอ่อไม่ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ไม่มีคนเยอะเราก็จะเตรียมขนม

ไปทานเองและแบ่งไปทำบุญต่างหาก

ดังนั้นเราต้องหาขนมไปทานเอง ไปทำงานมาเหนื่อยๆ

เล้ยอาบน้ำเข้านอนในพีระมิด

หิวข้าว

ไม่เป็นกินโรงทานหรอก

เราจะหาอะไรทานเอง มีขนมที่แบ่งไว้ ค่ะ ก็กินขนมใน

พีระมิดซะเล้ย อิ่มค่ะ แถมไปดูพี่ชายเห็นนอนแล้ว

เอาขนมไปให้กินอีก

ไม่น๊าน

ลุงเบิ้มมาเรียกน้อยไปทานข้าวที่โรงทาน

ไม่หรอกลุงน้อยกินขนมแล้ว

พรุ่งนี้เช้า

ลุงเบิ้ม ..  น้อยออกมาเดี๋ยวนี้เล้ย

น้อย..ทำไมละลุงท่านอาจารย์ไม่ให้นำขนม อาหารมาทาน

ในพีระมิด

อะย้า...เพราะเราโง่จริ๊งๆๆๆ

ขาดปัญญา

โง่แล้วอวดฉลาด

ลุงเบิ้ม..ไปเล้ยไปชวนพี่ชายไปขอขมาท่านท้านเวสสุวรรณ

พระองค์ปฐม ขอขมาท่านอ.อุบล

กรรมที่ได้รับทันทีคือ ท้องบวมค่ะ

หลังจากขอขมาแล้ว ท้องผายลม ค่อยสบายท้องขึ้นมาหน่อย

และเป็นกรรมใหม่ที่น้อยก่อในบ้านสวนพีระมิด

เดิมทีน้อยก็ท้องผูกอยู่แล้ว

กรรมที่น้อยปลดล๊อกยังไม่ได้ 100% คือ อาการท้องผูก

ปลดล๊อกได้แค่  50%

นี่แหลค่ะอุทาหรณ์สอนใจว่า

นิสัยเดิมๆเราเคยเอาอาหาร ขนม ผลไม้ ของกินไปกิน

ในห้องนอนของตัวเองแล้วนิสัยเหล่านั้นจึงติดตามตัวเรา

ไปทุกทีจึงทำให้สิ่งที่ตัวเองทำมานั้นคิดว่าใช่ไม่เป็นไร

ที่ไหนได้ไม่มีวินัย ไม่มีระเบียบ ชีวิตถึงเจ็บป่วย ถึงจน

ชีวิตถึงมีแต่หนี้ๆๆๆ มีแต่ยืมๆๆๆ เพราะไม่มีปัญญานี่เอง

และที่บ้านสวนพีระมิด

มี Work shop กิจกรรมบุญให้ได้ปัญญา มีเงิน

กิจกรรมบุญให้มีวินัย ทำงานแล้วต้องรู้จักเก็บเครื่องมือ

พร้อมล้างอุปกรณ์ต่างๆให้เรียบร้อย

เดินไปไหนเจอขยะเก็บทันที เห็นอะไรรกไม่สวยงามจัดการ

จัดให้สวยงามทันที เห็นอะไรควรไม่ควรทำควรจัดการ

ทันทีช่างเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนโง่ๆๆอย่างน้อย

ได้ฝึกพัฒนาสันดาน นิสัยตัวเองเสียใหม่จริงๆๆค่ะ

น้อยขอบพระคุณลุงเบิ้มที่เตือนสติคนขาดปัญญาอย่างน้อย

น้อยขอบพระคุณท่านอ.อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้าน

สวนพีระมิดค่ะ

เพราะทำให้น้อยได้สำนึกค่ะว่า

นิสัยเดิมๆที่เราเคยทำมาจนติดเป็นสันดาน

ควรระวัง..ควรปรับปรุง..แก้ไขตัวเอง..ให้มี

สติปัญญามากกว่ากิเลสสันดานในตัวตนของเราเองค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 03:13:12


ความคิดเห็นที่ 288 (1637665)

 กิจกรรมวันเสาร์ที่ 27 ต.ค 55

ช่วงที่ทุกคนเข้าปฏิบัติตามฐานในช่วงเช้าและสังเกตทุกคน

จะไม่ยอมเปลี่ยนฐานกันจนหลังทานข้าวเที่ยงเสร็จ

จึงยอมเปลี่ยนไปทำฐานใหม่

โดยเฉพาะน้อยไม่ยอมเปลี่ยนฐาน

แถมน้อยกับพี่ชายชวนกันไม่เปลี่ยนฐานในช่วงเช้า

ว่าช่วงบ่ายๆเราค่อยเปลี่ยนเนาะ

ความรู้สึกของน้อยในระหว่างการทำงาน

รู้สึกจิตใจไม่มีความกระตือรือร้น

จิตตกทั้งวันคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยระหว่างทำงาน

ท่องคาถาพระศรีอาริย์ได้ไม่ได้นานก็ใจลอยคิดเรื่องโน้นเรื่อง

นี้ไปเรื่อยเปื่อยพอนึกได้ก็กลับมาท่องใหม่

ถึงเวลารายงานผลกิจกรรม

หัวหน้ากลุ่มคือ พี่อมร

พี่อมรออกไปรายงานความรู้สึกก็งั้นๆแหละ

เหมือนในร่างกายของเราไม่สดชื่น เหนื่อย งอยเหงา เศร้าซึม

ฟังๆไปนั้นแหละ

จนท่านอ.อุบลมาแนะนำพร้อมเตือน

ทุกคนว่า

วันนี้ทีทุกคนไม่สามารถปลดล๊อกกรรมได้

เพราะ

ไม่เชื่อคำสั่งท่านอ.อุบลที่ได้รับบัญชามาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เพื่อเป็นวิธีการที่ช่วยในการปลดล๊อกในครั้งนี้

ให้กับ

ชีวิตลูกศิษย์ที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้

แต่หารู้มั้ย

แต่ละกลุ่มไม่ยอมเปลี่ยนฐาน

ท่านอ.อุบล

จึงเมตตาเตือนพวกเราทุกคนว่า

ที่เป็นอย่างนั้นเพราะ

เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ยอมปล่อย

ดังนั้นวันอาทิตย์ที่ 28 ต.ค 55 ให้ทุกคนแก้ตัวใหม่

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ม๊ากค่ะ

ที่คนโง่ๆอย่างน้อยยังมีสิทธิ์แก้ตัวในวันอาทิตย์

แต่ชีวิตความเป็นจริงภัยพิบัติก็เกิดขึ้นเป็นระยะๆแล้ว

จะแก้ตัวได้ทันเหมือนกิจกรรมหรือเปล่าหนอ

น้อยขอใช้รหัสลับจักรวาลค่ะ

เพราะคนโง่ๆอย่างน้อยต้องมีตัวช่วยไม่งั้นจะโง่ดักด่านค่ะ

ขอท่านอ.อุบลช่วยด้วย ขอให้มีปัญญาแก้ปัญหาในชีวิตตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นความโง่ ความไม่มีปัญญา ขอให้มีปัญญา

รอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ด้วยเทอญเจ้าค่ะ เมื่อรอดพ้นก็ขอให้

มีปัญญาช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 03:35:17


ความคิดเห็นที่ 289 (1637668)

 อ้อยก็มีข้อเสีย คือ

พูดจาห้วนๆ

พูดไม่เพราะ

ดูไม่อบอุ่น เวลาพูดแนะนำใคร

อาจดูเหมือนไปด่าเค้า มากกว่าเตือน


**************************************

แต่ข้อเสียของพี่อ้อยหญิงก็ชอบนะคะ

ดูเป็นคนจริงใจ ไม่น่ากลัวดีค่ะ

เพราะเวลาคิดอะไร พี่อ้อยก็จะบอกมาตรงๆ

ซึ่งบางทียังคิดเลยว่า

อืม...พี่อ้อยนี่เจ๋งอะ คิดแบบนี้ แถมกล้าบอกตรงๆด้วย 

อาจดูห้วนไป แต่ฟังแล้วมันดูจริงใจดีอะค่ะ

*********************************************

อัญเห็นดอกไม้เล็ก ๆ ใสเหมือนเพชร

ออกมาจากปากท่าน อ.อุบล

(เห็นด้วยตาเนื้อ) มันเป็นความรู้สึก

ที่ยากจะบรรยายจริง ๆ  ค่ะ

จากนั้นรู้สึกโปร่งโล่งเบาสบายทั้งตัว

โดยเฉพาะที่ตา มองเห็นภาพอย่างชัดเจน 

ว๊าววว อ่านแล้วนึกถึงละครเรื่อง พิกุลทอง เลยอะค่ะ อิอิ

นึกภาพแล้วคงจะมีความสุขมากๆเลยนะคะเวลาที่ได้เห็น

อนุโมทนาสาธุกับพี่อัญและทุกๆท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 05:12:48


ความคิดเห็นที่ 290 (1637669)

(โดยนายพิชัย  ภูกิ่งพลอย) 

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2555

(เรื่องลูกควายหลายตัว)

ช่วงเย็นได้กราบลาท่านอาจารย์อุบลกลับบ้านได้ขออาศัยรถเก๋งมาลง

ที่คลองไทรมาด้วยกัน 4 คน ตอนนี้ไม่กลัวอะไรแล้วเพราะ

ถ้าเปรียบเทียบเหมือนควายก็คงจะดีกว่าลูกควายที่ถูกจระเข้และสิงห์โต

รุมกัดอยู่มั่งคิดเข้าข้างตัวเอง

ต่อมาได้ขึ้นรถตู้เจอหน้าโวเฟอร์รถตู้ เออ..ใช่แล้ว..คนเดิม

ที่ผมและน้องเคยขึ้นด้วยและคุยเรื่องบ้านสวนพีระมิดให้ฟัง

พร้อมเคยบอกรหัสอ.อุบลช่วยด้วย

แต่ตอนนั้นเราเหมือนลูกควายคือโซเฟอร์จะคุยขย้ำผมกับน้องอย่างเดียว

คุยแต่เรื่องไม่ดีทับถม คุยแต่ว่าตัวเองรักษาศีลไม่ได้ทำแล้วไม่เห็นมีอะไร

แต่วันมาวันนี้พวกเรามีกำลังถึง 4 คน คุยเรื่องบ้านสวนพีระมิด

มีพี่หน่อย พี่รัตน์ ที่มาจากจ.อุบลฯไปขึ้นรถที่บขส.สระบุรีด้วยกัน

และอีกสองคนคือผมและน้องแต่มาวันนี้โซเฟอร์คุยถึงความดีที่ตัวเอง

เคยทำมาเพราะมีพวกเราหลายคนคุยถึงเรื่องบ้านสวนฯคุยถึงการทำ

ความดี เช่น เขาได้ช่วยผู้โดยสารยามดึกดื่นๆบ้าง และมีเรื่องหนึ่ง

ที่ผมฟังแล้วประทับใจคือ ตัวโซเฟอร์เองจะไม่ชอบทานเนื้อสัตว์

ซึ่งมีเหตุผลอยู่ว่า ตัวเขาเคยเลี้ยงควายสมัยเด็กๆ เวลาถูกคนฆ่าเพื่อ

เอาเนื้อมีคนขโมยเนื้อไว้ไม่อยากแบ่งเพื่อนบ้างเพราะเวลาแบ่งจะได้

เยอะกว่าเพื่อนและเขาก็เข้าใจสัจจะธรรมคือ

ตอนแม่เขาตายลูกๆทุกคนต่างก็แก่งแย่งทรัพย์สมบัติทำให้เขา

คิดถึงขณะที่ควายถูกฆ่าที่ทุกคนต่างคนต่างแย่งเอาเนื้อควายกัน

เพื่อที่จะให้ได้เนื้อควายเยอะๆๆ จึงทำให้เขาสลดใจม๊ากเขาจึงไม่กิน

เนื้อนับแต่นั้นมา ผมจึงได้สัจจะธรรมที่ว่านี่ละหนอเมื่อตายแล้ว

เราก็เหลือแต่ความดีและความชั่วไว้นั้นแหละ

ส่วนร่างกายมีแต่ผุพังเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ไปทั้งหมด

ส่วนธาตุดิน เนื้อ กระดูกก็กลายเป็นอาหารของอีแร้งและอีกาเท่านั้น

พอได้สัจจะธรรมจากโซเฟอร์ขับรถตู้แล้ว ผมกับน้องก็มาซื้อตั๋วรถ

ปรากฎว่าเต็มหมดมีเหตุให้ได้มานั่งรถตู้อีกตามเคย

นี่บุญหรือกรรมของเรากันเนี่ยะเพราะรถตู้ก็วิ่งสุดปลายทาง

แค่จังหวัดขอนแก่นก็มีเหตุอีกนั้นแหละเพราะมาถึงบขส.จ.ขอนแก่น

ตี 2 กว่าๆ ถ้าจะรอรถ ป.2 ต้องรอถึงตี 4 ผมและน้องตัดสินใจเหมารถ

เก๋งพอดีมีเพื่อร่วมเดินทางอีก 3 คน พอขึ้นรถผมและน้องเริ่มคันปาก

อีกแล้วเอกสารก็แจกหมดแล้วตอนอยู่สระบุรีตอนนี้ต้องใช้วาทะแล้วละ

เอ.ต้องแปลไหมเนี้ยะ

น้องก็เริ่มพูดเรื่องรหัสอ.อุบลช่วยด้วยดีอย่างไร ใช้อย่างไร

ทั้งโซเฟอร์และผู้ร่วมเดินทาง

แต่รู้สึกพวกเขาก็ยังงงๆๆ ยังไม่เข้าใจ ทำให้ผมต้องออกแรงช่วย

ผมก็แหย่ไปว่านี่เราถ้าไม่เกิดความอยากเราก็คงไม่ทุกข์ไม่เป็นหนี้

ขนาดนี่แหละ เอาที่นี้ 3 คนที่มาด้วย เริ่มคันปากบ้างเล่าเรื่องของ

ตัวเองบ้าง บางคนก็ว่าถ้ามีคนมาขอภรรยาก็จะยกให้ทันทีเพราะไม่มี

ความอยากแล้วก็สงสัยคงจะเหี่ยวมากมั้งๆๆ ผมจึงถามถึงศีลห้าว่ามี

อะไรบ้างทำได้คนละกี่ข้อปรากฎว่าไม่มีคนตอบ

ผมต้องอธิบายให้ฟังอยู่คนเดียวประมาณ 30 นาที

เอ..ผมเริ่มผิดสังเกตุว่าทำไมเงียบจังมอบไปมองมาเออ.หลับหมด

นี่คงซึ่งในรสพระธรรมมากแม้แต่น้องก็หลับเหมือนกัน

สุดท้ายหมดคนพูดด้วยผมกับหลับบ้าง

และก็ถึงบขส.จ.อุดรธานี ยังสรุปไม่ได้ว่า รหัสอ.อุบลช่วยด้วย

คนฟังเขาเข้าใจบ้างไหมเนี้ยะ ศีล 5 เขาเข้าใจไหมเนี้ยะ

ต่างคนต่างแยกกันกลับบ้าน

พอถึงบ้านอันดับแรกผมต้องเช็คอาการบวมที่หน้าของแม่ก่อนว่าดีขึ้น

หรือเปล่าที่ผมและน้องไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดเพราะบุญที่ทำ

ทั้งหมดผมและน้องได้อุทิศบุญให้เทวดารักษาแม่ อุทิศบุญให้

เจ้ากรรมนายเวรของแม่

ผลปรากฏว่า

หน้าของแม่ดีขึ้น 80 %

พวกผมดีใจมากคงจะทำให้แม่มีดวงตาเห็นธรรมบ้างที่แม่ต้องเจ็บป่วย

เพราะแม่ฆ่าปลวด ฆ่ามด แมลง ฆ่าปลา ฆ่าไก่ สัตว์เล็กสัตว์น้อยชอบบี้

เวลาเจอมดตัวเล็กไม่ได้ต้องบี้ทันทีหรือฆ่าเขาทันที

ก็ได้แต่หวังว่าแม่จะสำนึกในบาปกรรมที่ก่อไว้บ้าง

ผมและน้องคงจะทำบุญไปเรื่อยๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 05:22:40


ความคิดเห็นที่ 291 (1637685)

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากทุกๆท่านด้วยนะคะ

วันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นฟีดแบค

ของลูกทีมซะมากกว่านะคะ

 

ซึ่งผลสรุปโดยรวมแล้ว

ทุกคนก็พึงพอใจที่ได้ทำงานเปลี่ยนฐาน

เพื่อจะได้เปลี่ยนงาน เปลี่ยนบรรยากาศ

และได้มีเวลาพักผ่อนไปด้วยในตัว

และที่สำคัญยังทำให้ทุกคนตื่นตัว

ที่จะได้เรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ

ในฐานใหม่ๆอีกด้วย

 

แบบว่า ได้ทั้งความรู้ ครบครัน

และความบันเทิง ครบถ้วน

เพราะไม่ซ้ำซาก จำเจ เหมือนแต่ก่อน

 

บางท่านอาจจะได้ค้นพบ

ความสามารถพิเศษของตน

ที่ซ่อนๆอยู่ก็ได้นะคะ

 

 

แต่รู้สึกว่า อย่างหนึ่งที่ทุกคนเห็นตรงกัน

ก็คือ ฐานที่ยาก งานหนัก

และต้องใช้กำลังใจสูงสุดๆ

ก็คือ ฐานงานเกษตร

ที่ดูแลโดยท่านอ.พันธ์ นี่เอง

 

เพราะอาจจะต้องเรียนรู้ จดจำ

องค์ความรู้ที่ละเอียด ปลีกย่อยมากมาย

ให้ได้ในคราเดียว

ก็เลยจำไม่แม่น และทำไม่ได้

แล้วก็อาจจะไม่ตั้งใจฟังกันด้วยป่ะ..อิอิ

 

ชนิดาว่า ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า

เราอ่อนด้านนี้

ฉะนั้น ก็หาอ่านความรู้เพิ่มเติม

ที่เป็นพื้นฐานเรื่องงานเกษตร

ไปก่อนดีไหม๊คะ

 

เผื่อไปถึงหน้างาน จะได้ไม่"มึน"ซะ่ก่อน

สงสัย อ.พันธ์ ต้องรวบรวม

ตำรา การเกษตร

ที่เป็นความรู้พื้นฐาน

พิมพ์แจกให้พี่น้องบ้านสวนฯ

หรือ ผู้มาเยือนบ้านสวนฯ ได้นำกลับไปอ่าน

ไปศึกษาที่บ้านแล้วมั้งคะเนี่ย...

(อ.พันธ์ บอก งานเข้าอีกแล้ว...เรา )

หรือไม่ก็ติดตามอ่านกระทู้ อ.พันธ์

ไปก่อนก็จะเป็นประโยชน์นะคะ


แล้วก็อยากอ่าน

ธรรมทานจากผู้นำ

ที่อยู่ประจำฐานมากกว่านี้จังเลยค่ะ

 

เผื่อจะได้เป็นความรู้ต่อผู้อ่านทุกๆคน

ที่เคยเป็นแต่ผู้ตาม

เค้าจะได้รู้ว่า คนที่เป็นผู้นำ

เค้ามีความคิดแบบไหน

พอเห็นโจทย์

แล้วเค้ามีการวางแผน

การทำงานไว้อย่างไร

และจ่ายงานลูกทีมแบบไหน

ที่จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

 

และที่สำคัญ งานเดิมแต่ต้อง

เปลี่ยนหน้าคนมาทำทุกชั่วโมง

เค้าอธิบายและกระจายงานแบบไหน

 

หรือเจอและแก้ปัญหาต่างๆยังไงบ้าง

 

 

เผื่อซักวันนึง ผู้ตาม

จะต้องเปลี่ยนบทบาท

ไปเป็นผู้นำบ้าง

เค้าจะได้มีแนวทางในการทำงาน

จากผู้นำ หลายๆท่านเป็น ไกด์ไลน์ ด้วย 

...................................

อนุโมทนากับหนูอัญด้วยนะจ๊ะ

ที่ได้เห็น"มะลิแก้ว" ด้วยตาเนื้อ

ในขณะที่ท่านอาจารย์ ถ่ายทอดธรรม

 

คงจะเป็นภาพที่ซาบซึ้งและตราตรึงใจ

ผู้พบเห็นเป็นที่สุด สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 08:23:44


ความคิดเห็นที่ 292 (1637686)

workshop การปลดล็อคกรรม วันที่ 27-28 ตค

วันนี้เป็นวันเสาร์ จุ๋ม จิ๋ม จั๋ม ก็เข้าบ้านสวนเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ เพราะจะเป็นการที่จั๋ม เขาจะมาเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากต้องกลับอเมริกาอีกแล้ว พอมาถึงเขาแบ่งกลุ่มกันไปแล้ว (มาสายเรื่อยเลย) เจอคุณธนา พอเห็นหน้าเรา ก็บอกว่าไปอยู่กลุ่มเกษตรแล้วกัน ยังไม่มีคน ทีแรก จิ๋ม ไป กะจั๋มแค่ 2 คน และจุ๋มไปอยู่ กลุ่มทำความสะอากสถานที่จอดรถ แต่สักพักจุ๋มก็ตามมาที่แปลงเกษตร เพราะบอกว่าตรงนั้นไม่ค่อยมีงานทำ มาตรงนี้งานเยอะกว่า ท้าทายดี เพราะร้อนมาก ๆ (หม.เวลาร้อน ๆ จิ๋มจะคอยนึกให้กำลังใจตัวเองว่า ทนไปเถอะ ตอนอยู่นรก ร้อนกว่านี้ยังทนได้ พวกเราลองใช้ดูค่ะ มันจะทนได้เอง)

พอมาถึงพวกเรากำลังถางหญ้า บริเวณหลังพีรามิด ซึ่งแต่ละองค์ท่านจะอ้วนกว่าปกติ เพราะหญ้าเข้าไปอยู่ในองค์ซึ่งเป็นผ้า พอหญ้าดัน ก็จะอ้วน และผ้าก็ขาดไปในที่สุด เราก็เลยยกองค์พีรามิดออก แล้วถางหญ้า เอาหญ้ามาคลุมต้นไม้รอบ เช่น ต้นกล้วย ต้นมะนาว ต้นส้ม เป็นต้น  ปัญหาของงานคือ จอบ ไม่คม ถอนไม่ออกต้องใช้แรงมาก จิ๋มก็ไปเอาเคียวมาด้วย ก็ต้องก้มไปดายหญ้า ก็พอใช้ได้ แต่ไม่ค่อยเกลี้ยงเหมือนใช้จอบ

ตอนทำอาจารย์พัน และคุณป้อม หัวหน้ากลุ่ม ก้คอยบอกให้ท่องคาถาพระศรีอาริย์ และอธิษฐานว่าจะให้อะไรหาย ตอนนั้นจิ๋มเป็น 2 อย่าง คือ ปวดหลัง และไอเจ็บคอ ก็เลยเอา 2 อย่าง พบว่าไม่ได้ผลชัดเจน บางทีก็ปวดหลังดีขึ้น บางทีก็กลับเป็นอีก ส่วนไอ ตอนทำงานไม่ไอเลย เพราะอากาศร้อน แดดร้อน ตั้งใจขุดอย่างเดียว เลยไม่ค่อยไปสนใจกับคอมันก็หายไป แต่พอตอนเย็นมานั่งฟังอาจารย์ก็เอาจิตไปสนใจกะคออีก ก็รู้สึกไออีก พอดีกลางคืนเย็นกว่ากลางวัน

จึงสงสัยว่า ถ้าจิตเราแยกจากกายไป ไม่ต้องเอาเข้าไปยึดในกายได้ เราก็คงไม่เจ็บไม่ปวดอีก  แต่พวกมนุษย์เดินดินอย่างเรา คอยแต่รักกาย รักใจ ตัวเองจิคต้องมาวนเวียน บางทีก็ต้องปรุงต่งต่อ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง จึงได้รับอานิสงค์เช่นนี้เรื่อยไป

สรุป ถึงแม้การเข้า workshop ครั้งนี้ จะไม่ได้เปลี่ยนฐาน แต่เวลาทำงาน อ.พันธ์ ก็คอยให้แรงกระตุ้นลูกทีมตลอด ให้ทำงานหนัก แล้วเราจะหายจากโรค และให้ผิวพรรณดีขึ้น หรือหลุดจากปัญหาการงานการเงิน และพวกเราก็ตั้งใจกันดี ทำงานได้ลุล่วงไปได้มาก ก็นับว่าเป็นที่ภูมิใจ ของเรามากโขแล้ว ก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนเข้ากลุ่มนี้ หัวหน้ากลุ่ม น้องป้อม ลืมบอกว่า เราจะปลดล็อคหนี้กรรม เรื่องอะไร เช่น การงาน การเงิน หรือปัญญา ซึ่งกลุ่มเราก็ดีใจหาย ไม่ถามเล้ย เห็นงานแล้ว โอ้มันเยอะมาก ดังนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำอย่างเดียวเลย น่ารัก จริง ๆ แต่ก็พบว่า พอมาถามตอนหลัง ก็หายได้ 100% หลายคนอยู่ค่ะ

จิ๋ม ชัชวลี

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 08:43:02


ความคิดเห็นที่ 293 (1637777)

ขอรายงานผล ทำ workshop เสาร์ - อาทิตย์ ที่ผ่านมา

ปํญหาของผมคือ หัวหน้าไม่ยอมให้หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์

 เพราะผมทำงานโรงแรม ไม่ได้หยุดเหมือนงานออฟฟิต

2 อาทิตย์ก่อนก็รู้สึกกังวลมาก กลัวจะได้มาบ้านสวนฯใน

วันธรรมดาแล้วไม่เจอใคร คงเงียบเหงาน่าดู

ก็ไปขอกับสมเด็จองค์ปฐม คือขอทุกองค์

และเขียนปํญหาตัวเองลงใน ใบ workshop อีก

วันนี้ตารางเวรเดือนหน้าออกมา สมใจอยากครับ

หยุด เสาร์ - อาทิตย์ ทั้งเดือน แถมใด้หยุดพักร้อน

ยาว 9 วัน เตรียมตัวลุยงานเต็มที่เลยครับ

เพือ่นร่วมงานก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ขอหยุด

ก็ขอขอบคุณเทวดาประจำบ้านสวนฯทุกๆพระองค์

อ.อุบล ที่ช่วยให้ผมสมหวัง ขอบคุณมากครับ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 19:20:44


ความคิดเห็นที่ 294 (1637794)

        ช่วงเช้าวันเสาร์ เหมี่ยวจะเข้าไปช่วย คุณแมวทำครัวคอยช่วยเป็นลูกมือเก็บกวาดเช็ดถูและปอกกระเทียม ล้างอุปกรณ์ต่างในครัวพอเสร็จภารกิจในครัวเสร็จแล้วก็กินข้าวกัน คุณแมวขอเราจะมีฝีมือในทุกด้านและก็ทำดีที่สุด แม้แต่อาหารที่พวกเรากินคุณแมวจะใส่ใจมาก ในการปรุงอาหารให้พวกเรากิน ขอบคุณคุณแมวมากเลยจ๊ะ

ช่วงทำกิจกรรม เหมี่ยวก็ได้อยู่ในหัวข้อของกรรมผิวพรรณ ส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวกับผิว สิว ฝ้า พวกเราก็จะขอบารมีพระศรีอาริย์และใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ขอบุญที่พวกเราทำส่งผลให้ผิวของพวกเราได้หาย เขตบุญที่ได้รับมอบหมายก็คือ วิหารไม้ไผ่ชั้นล่าง ซึ่งผุพังจนหมด ด้วยฝีปากของมอด และปลวกแทบจะไม่มีชิ้นดีเลย

สมาชิกของเหมี่ยวช่วยกันรื้อและทุบพื้นออกหมด และเก็บกวาดไม้ไผ่ที่ผุไปเผาไฟตะปูที่โผล่ขึ้นมายาวมากพวกเราก็เผลอไปเหยียบตะปูทิ่มทะลุรองเท้าเหมี่ยวและเพื่อน แต่ไม่สามารถที่จะถึงผิวพวกเราได้ ขนาดตะปูทะลุพื้นรองเท้าตั้งครึ่ง  เหมี่ยวและเพื่อนคิดตรงกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่วิหารไม้ไผ่ต้องคอยดูแลพวกเราแน่นอน

พวกเราอยากเห็นงูตัวใหญ่สีเหลืองทองที่อยู่ใต้ถุนไม้ไผ่ที่พวกเรารื้อ ครูมิ้มบอกว่า งูตัวใหญ่มากเท่าแขน ครูมิ้มออกมาให้ครูมิ้มเห็น พวกเราทำความสะอาดทุกระเบียดนิ้ว เผื่อว่าที่จะได้เห็นงู งานเสร็จก็ยังไม่เห็นงู  ผลบุญที่พวกเราทั้ง 6 คนได้ทำก็ส่งผล

1.  เหมี่ยวก็มีมือที่สวยขึ้น 80%

2.  คุณเหมี๋ยว หน้าที่เป็นผิวอักเสบก็แห้ง

3.  ครูมิ้ม หน้าตาที่วิตกกังวลและเป็นสิว หน้ามัน ก็ดีขึ้นมาก รูขุมขนก็กระชับขึ้น

4.   น้องตั๊ก หน้าก็เป็นสิวเหมือนกัน แต่ไม่เยอะก็ดีขึ้นจนน้องตั้กพอใจ

5.  คุณนันท์พร  เธอมาจากอเมริกาแต่หน้าตาเธอเป็นฝ้าหนาทึบเหมือนเพิ่งมาจากต่างจังหวัด เหมี่ยวแนะนำเธอให้อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร ในขณะทำงานใบหน้าของเธอขาวขึ้นเยอะมาก เธอดีใจมากทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้หวังว่าจะหาย นี่แหล่ะไม่หวังก็ได้เพราะบุญที่บ้านสวน เป็นบุญที่บริสุทธิ์ไม่ต้องคิดต้องหวังถ้าพวกเราให้แล้วซึ่งแรงกายแรงใจที่บริสุทธิ์ผลของบุญยิ่งให้ผล 100%

6.  คุณเจี๊ยบ เธอก็ไม่แพ้พวกเราทุกคนสิ่งที่เธออยากหลุดพ้นก็คือเจ้ากรรมนายเวรที่เกาะอยู่บนหัวเขา พอเขาได้รับบุญที่คุณเจี๊ยบทำเจ้าหัวเข่าที่แข็งหยาบและสีดำก็จะขาวและนิ่มเหมือนกับว่าอิ่มบุญ

เวลาเหมี่ยว สร้างบุญอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร  เหมี่ยวลืมบอกให้เขาเหล่านั้นขึ้นไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นกว่าเดิม ได้ให้แต่บุญเขาอย่างเดียว ขอโทษด้วยนะ เจ้ากรรมนายเวรที่เกาะเกี่ยวอยู่ที่มือของเหมี่ยว มือที่เหมี่ยวเคยขโมยของคนอื่น เช่น ขนม ผลไม้ และอย่างอื่นที่จำไม่ได้ เคยฆ่ามด แมลง เคยใช้มือเขียนบิลเท็จ ที่ลูกค้ามาจ้างเขียน ซึ่งก็เท่ากับโกงชาติโกงแผ่นดิน ใช้มือตีลูกชายแรงมากซึ่งถ้าท่านทั้งหลายได้รับบุญที่เหมี่ยวมาทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด ขอให้ท่านไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นด้วยเถิดเจ้าค่ะ อาจารย์อุบลช่วยด้วย ช่วยบอกให้เจ้ากรรมนายเวรของเหมี่ยวมารับบุญนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ ขอบคุณเทวดารักษาตัวท่าน อ.อุบลเจ้าค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุนีย์ ศิริมาศกูล (นู๋เหมี่ยว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 20:35:34


ความคิดเห็นที่ 295 (1637795)

 วันอาทิตย์พวกเราก็ได้ร่วมกิจกรรมกันเหมือนเดิม วันนี้จะมี 4 ฐาน คือ ก่อสร้าง  เกษตร  วิหารไม้ไผ่    ที่จอดรถหลังวิหารไม้ไผ่   เหมี่ยวได้ฐานที่ 4 ดูแลทำความสะอาดเก็บสิ่งที่รกออกไปให้หมดพร้อมทิ้งและความมีระเบียบและสวยงาม งานตรงนี้เป็นงานที่หนักพอสมควรก็

โกยหินที่เป็นกองไปเทใส่หลุมที่กำลังก่อสร้าง แล้วนำไม้ไผ่ที่ตั้งไม่เป็นระเบียบที่โคนมะม่วงไปเก็บที่ใหม่ให้ดูสวยงามขึ้น

นำปูนที่เป็นร่องน้ำมาวางทำเป็นที่นั่งใต้ต้นมะม่วงแล้วก็ซ่อมแซมรั้วที่มีการชำรุดเสียหายให้ดีขึ้น

เศษไม้เศษหญ้าผุพังพวกเราก็นำไปเผาทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของยุงของสัตว์มีพิษต่างๆ

อาทิตย์นี้ ท่านอาจารย์อุบลได้ให้มีการสับเปลี่ยนฐาน หมุนเวียนกันทุกๆ 1 ชั่วโมง แต่หัวหน้ากลุ่มคงอยู่ที่เดิม เหมี่ยวรู้สึกชอบมากเพราะแต่ละฐานจะมีลักษณะงานต่างกันก็คือ ทุกคนมีกรรมไม่เหมือนกันเมื่อมาทำมาถึงฐานใหม่บุญฐานนั้นก็ส่งผลเช่นเกี่ยวกับผิวพรรณ เกี่ยวกับการปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้ไม่สบาย ปวดโนนนี่นั้นรวมไปถึงกรรมที่หนักๆ เช่นโรคเบาหวาน มะเร็ง ไวรัสบวก ฯลฯ เยอะแยะมากมาก กรรมที่ทำให้ไม่มีสภาพคล่องทางการหน้าที่การงาน

       อีกอย่างก็คือทุกคนได้ปรับเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานไปฐานไหนๆก็ทำได้หมด ข้อได้เปรียบก็คือตรงนี้นี่เอง ทุกคนสามารถทำงานได้ทุกอย่าง ส่วนหัวหน้ากลุ่มก็ได้มีเวลาคิดว่าต่อไปเราจะให้ลูกทีมทำอะไรต่อไป สุดยอดเลยค่ะอาจารย์ขา แล้วงานก็ออกมาดีมากๆ 100% เลยผลของการทำงานและผลของอุปสรรคต่างๆ เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ทุกคนมีความสุขโรคภัยไข้เจ็บก็หายโดยที่ไม่รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยเลย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุนีย์ ศิริมาศกูล (นู๋เหมี่ยว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 20:36:22


ความคิดเห็นที่ 296 (1637832)

วันอาทิตย์ที่ 28 ต.ค.

คุณธนาจัดกิจกรรมให้พวกเราโดยมีทั้งหมด 4 ฐาน ทั้งฐานมีปัญหาสุขภาพร่างกาย ปัญหากรรมผิวพรรณ ปัญหาการงาน ปัญหาการเงิน ปัญหาครอบครัว โดยทุกคนทุกกลุ่มได้เวียนทำงานทั้ง 4 ฐาน เพราะทุกคนไม่ได้มีปัญหาเพี่ยงแค่ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง แต่มีกันคนละหลายปัญหา ตามสภาพกรรมของแต่ละคนที่ทำมา วันนี้พวกคนโง่ไม่มีใครอวดฉลาดแล้ว ทำตามคำสั่งเปี๊ยบเลย เพราะเข็ดจากเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่โง่แล้วอวดฉลาด ไม่เชื่อฟังผู้ำนำ จึงทำให้ไม่สามารถปลดล๊อคกรรมได้

วันนี้พวกเราตั้งใจทำงานกันเต็มที่ ทุก 1 ชั่วโมงปั๊บ คุณอมรก็เป่านกหวีด ปรี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงดังฟังชัด พวกเราก็จะขมีขมันกันเปลี่ยนฐานทันที ไปหาผู้นำของแต่ละฐาน ว่ามีอะไรให้ทำบ้าง

เช่นฐานของพี่เหมี่ยว ที่ลานจอดรถด้านหลัง ก็ให้ช่วยกันรื้อไม้ไผ่ที่ดี ยังใช้ได้ เอาไปเก็บที่อื่น ส่วนอันผุพังก็เอาไปเผา แล้วส่วนมากมันก็แต่อันผุนั่นแหละ เพราะทิ้งไว้นานแล้ว มันก็เลยผุ ดำ เป็นรังมดบ้าง หอยทากบ้าง เราก็ต้องคอยให้มดหนีก่อน เพราะถ้าสู้กับมด แน่นอน เรานั่นแหละแพ้ ต้องคอยยกเท้าเกา โอย โอย เดี๋ยวก็โอย กว่าจะหมดกองไม้ไผ่ ก็ได้หลายแผลเลย

ส่วนฐานคุณอมร ที่งานก่อสร้าง ได้เรียนงานเอาปูนมาวางบนอิฐบล๊อคให้เป็นทรงพีระมิดสูง แล้วเอาอิฐบล๊อควางบนปูน ทำยังไงให้ปูนตกหล่นน้อยที่สุด เสียหายน้อยที่สุด สมาธิจดจ่ออยู่กับงานปูน ทำเพลินๆ อ้าว ได้ยินเสียงนกหวีดของคุณอมร เป่าปรี๊ดๆๆๆๆๆ อีกแล้ว ก็วิ่งกันอีกไปที่ฐานอื่น

สรุปว่าวันนี้เราทำกิจกรรมอย่างมีความสุข ตื่นเต้น ตื่นตัว กับการทำงานของทั้ง 4 ฐาน ผลงานก็ออกมาดี ทุกคนได้เรียนรู้ว่า การคิดเอง เออเอง โดยไม่เชื่อผู้นำ ทำให้เราเสียโอกาสดีๆที่เราจะได้รับอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว

ซึ่งการทำงานวันนี้ ผลที่เจี๊ยบได้รับคือ ฝ้า กระที่ใบหน้าจางลง ประมาณ 70 % เข่าดำดีขึ้น 20 % สายตาสั้นดีขึ้น 50 %

ส่วนปัญหาสภาพคล่องทางการเงินนั้น ถึงแม้สำหรับตัวเองแล้ว จะยังไม่เห็นผล แต่โรงแรมที่เจี๊ยบทำงานนั้นได้อานิสงค์จากการปลดล็อคกรรมได้ครึ่งเดียวนั้น เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ ก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นมา 20 % โดยไม่ได้มีการจองล่วงหน้าเลย และจนถึงวันนี้ลูกค้าก็ยังเพิ่มขึ้นอีกทุกวัน สาธุค่ะ

ช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ท่านอาจารย์ได้เมตตาบอกวิธีการรักษาแบบใหม่ โดยใช้วิธีมองจี้นั้น ท่านอาจารย์บำบัดให้พวกเราที่มีปัญหาด้วยการให้มองจี้ของท่านอาจารย์

เจี๊ยบก็ออกไปขอรับการบำบัดอาการเข่าดำ หนา เช่นกัน ตอนนั้นนึกได้โรคเดียว สักครู่ก็ได้ยินเสียงคุณอ้อย แจ้งท่านอาจารย์ว่าหายจากอาการสายตาสั้นแล้วค่ะ อ้าว เราลืมโรคสายตาสั้นนี่หว่า  พระพุทธองคเจ้าขา ลูกขอบำบัดสายตาสั้นเพิ่มอีกโรคนะค่ะ เท่านั้นแหละ สายตามัวหนักกว่าเก่าเลย เข่าก็ยังมีอาการเท่าเดิม เลยหันไปมองรอบๆคิดว่าสายตาล้า ที่ไหนได้ สายตามัวลงจริงๆ สมน้ำหน้าตัวเอง เพราะโลภมาก เรื่องมาก ยังบำบัดโรคนี้อยู่เลย ดันไปเอาอีกโรคมาเพิ่มซะแล้ว พระพุทธองค์ท่านคงลงโทษให้เราอยู่ในความพอดี พอเพียง ลูกสำนึกแล้วเจ้าค่ะ

แล้วท่านอาจารย์ได้อัญเชิญบารมีพระศรีอารย์มาให้ลูกหลานได้รับสัมผัส นั้น เจี๊ยบก็มีอาการสบาย โล่ง และแล้ว สายตาก็กลับมาปรกติเหมือนเดิม เข่าก็ขาวขึ้นทันตา ทันที เพราะบารมีของพระศรีอารย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญมา และสิ่งศักดิสิทธ์ที่สถิตย์บารมีอยู่กับท่านอาจารย์ จึงทำให้เกิดอนุสาสนีย์ปาฏิหารย์ทันตา และเจี๊ยบก็ได้รับอานิสงค์ผลบุญนั้น

เจี๊ยบขอกราบขอบพระคุณพระศรีอารย์และเทวดาที่รักษาตัวท่านอาจารย์อุบลที่เมตตาให้เจี๊ยบได้รับผลแห่งอนุสาสนีย์ปาฏิหารย์นี้

ช่วงหลังๆนี้เจี๊ยบจะได้รับผลแห่งอนุสาสนีย์ปาฏิหารย์หลายครั้งเลยค่ะ

ตั้งแต่นิ้วชี้โดนคานทับ แล้ว กระดูกไม่แตก เพราะพระพุทธองค์และพระศรีอารย์ท่านประสานกระดูกให้ไม่แตก เลือดหยุดไหล ไม่มีอาการเจ็บปวด

เข่าดำ หนาเป็นหนังควาย ซึ่งเป็นมาตั้ง 6-7 ปี รักษาที่โรงพยาบาลก็ไม่หาย ก็ค่อยๆมีอาการขาวขึ้น หนังนุ่มขึ้น เป็นลำดับ ถ้าเลิกโกรธได้คงจะหายสนิทเลยค่ะ เพราะเป็นคนขี้โกรธ ขี้โมโห ขี้งอนมาตั้งหลายปีจึงทำให้ได้รับผลกรรมนี้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 22:25:30


ความคิดเห็นที่ 297 (1637861)

โอ้โห

คุณเจี๊ยบ เปลี๊ยนไป๋

เขียนธรรมทานได้ดี เป็นธรรมชาติมาก

ไม่ใช้แต่สัญญา เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

อ่านแล้วมีพลังมากเลยจ๊ะ

คุณเจี๊ยบจ๋า

 

ในที่สุด

คุณเจี๊ยบก็ทำได้

เปลี่ยนได้จริงๆ และดีมากด้วย

 

แต่

ตรงขอบารมีพระศรีอาริย์น่ะ

อ.อุบล ขอเพิ่มเติมให้

นิดหน่อยนะคะ

 

คือ

ครั้งนี้

ขอบารมี 3 ร่มโพธิ์ศรี

จ้า คุณเจี๊ยบ จ๋า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 23:58:42


ความคิดเห็นที่ 298 (1637866)

     กิจกรรม เสาร์ที่ 27 ต.ค 55          

   กลุ่ม 1 ปัญหาหนี้สิน การงาน การเงินและอุปสรรคต่างๆ

   พี่อมร เป็นหัวหน้ากลุ่ม    คุณน้อย นำขอบารมีพระศรีอาริย์ค่ะ

   ก่อนทำงาน พี่อมรได้รับทราบปัญหาของแต่ละคน จึงสอนก่อนว่าให้รู้จักใช้ของให้คุ้มค่า ไม่ทำให้เสียของ ระหว่างทำงานให้ตั้งใจทำ สิ่งของต่างๆเก็บให้เรียบร้อยอย่าให้หลงเหลือ ฝึกให้รับผิดชอบด้วยตัวเอง ถ้าเราทำไม่ดี ไม่ตั้งใจ จะทำให้เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดกับชีวิตได้ทุกปัญหา

  ก่อนรับงานกลุ่ม จาวมีอาการปวดท้อง อาการปวดเหมือนอาหารเป็นพิษ เพิ่งมาปวดที่บ้านสวนก่อนเริ่มกิจกรรม  ใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย ก็ยังไม่หาย น่าจะเกิดจากตอนเริ่มจะจัดกลุ่ม ขอไปเอาของที่มาร่วมบุญไปไว้ที่บ้านอาจารย์ พอดีเห็นว่าอาจารย์มงคลอยู่ตรงนั้น ก็เลยจะถือโอกาสบูชาของ แค่ได้คิดและพูด  แล้วต้องรีบมาให้ทันเข้ากลุ่ม ของที่ถือไปเป็นของกิน จึงส่งผลให้ปวดท้อง...โดนลงโทษซะแล้ว

   งานของกลุ่มคือวิหารทาน ปรับพื้นดินใต้คาน  ผูกเหล็ก

   เมื่อมาถึงสถานที่ก่อสร้างโรงทาน อาการปวดท้องก็ค่อยๆหายไปทันที ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือทำงาน...สักนิด

   งานผูกเหล็ก เป็นงานที่ไม่เคยทำมาก่อน ลุงบุญเป็นผู้สอนงานให้

   ช่วงแรก ไม่ถนัดเอาเสียเลย  ลองทำไปสักพัก พอเริ่มทำได้ รู้สึกสนุกและมีความสุขกับงานที่ทำ...ก็หมดเวลาพอดี...

                       เฮ่อ...กำลังมันส์ส์ 

  ไม่เข้าใจว่า มันสุขและสนุกได้ยังไง รู้แต่ว่าทำตามที่ลุงบุญสอนตามขั้นตอน...ก็เท่านั้นและต้องทำให้ได้ 

               มองดู ใครๆเขาก็ทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ 

    คุณจอย มาจากระยอง ป่วยเป็นไตวายขั้นสุดท้าย ออกมาพูดถึงอาการป่วย เธอมาทำบุญแรงกายที่บ้านสวนทั้งๆที่ไม่น่าจะทำได้ แต่เธอสามารถทำได้จริงๆ รู้สึกถึงความหวังและความมุ่งมั่นของเธอ มองเธอด้วยความสงสารอยากให้เธอหายจากความทุกข์ที่เป็นอยู่... ปลื้มใจจนต่อมน้ำตาแตก เห็นหน้าตาเธอเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ขอบตาที่คล้ำจางลงมาก ปากที่คล้ำก็แดงขึ้นจนสังเกตได้ เชื่อว่าเธอคงได้รับสัมผัสพระบารมีพระศรีอาริย์จริงๆ หน้าตาเธอโดยรวมดีขึ้นมาก..ดีใจกับเธอจริงๆ 

  งานช่วงบ่าย ให้ทำต่อที่เดิมไปสักพักใหญ่ แล้วย้ายไปจัดสถานที่ลานจอดรถ

   ช่วยกันขนย้ายไม้ไผ่ ออกจากต้นไม้ใหญ่ มาจัดรวมกันให้เป็นระเบียบ ใช้แท่งระบายน้ำพร้อมฝา มาทำเป็นม้านั่งใต้ต้นไม้ ดูร่มรื่นขึ้นมาทันที...

   ช่วงค่ำ พี่อมร รายงานผลของแต่ละคน

   คุณหนิง หายปวดท้องเพราะตามไปเก็บของที่หลงเหลืออยู่ ทำให้หายจากอาการทันที

   พี่แหม่ม วีรดา  สายตายาวดีขึ้น 60%

   คุณน้อย  อาการท้องผูก ยังมีอาการอยู่ รอดูผล

   น้องพจน์  ปัญหาการเงิน ติดตามผล

   ส่วนจาว  นอกจากหายปวดท้องแล้ว ระหว่างรายงาน เกิดความสุข รู้แต่ว่าตัวเองยิ้มแทบตลอดเวลา พยายามจะหุบยิ้มก็แทบหุบไม่ลง ยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหนอ...

   กิจกรรม วันอาทิตย์ 28 ต.ค 55 ขอต่อใหม่ตรงนี้ค่ะ เพราะพิมพ์แล้วหาย ต้องพิมพ์ใหม่อีกครั้ง (2 พ.ย 55)

   ปัญหาโรคหนักและการเงิน  มีคุณก็อต เป็นหัวหน้า คุณน้อยเป็นเลขา

   จาว มีปัญหาโรคไวรัสตับอักเสบ บี เรื้อรัง จะอ่อนเพลีย เหนื่อย อยากจะนอน ไม่อยากออกแรงทำงาน เป็นคนขี้โกรธมาก โมโหง่าย

   ได้ไปทำงานที่ลานจอดรถ โดยขนหินไปถมหลุม โกยใส่รถทิ้ง

   ย้ายมาทำแปลงเกษตร ยกร่องเผือก โดย อ.พันธ์ เป็นผู้สอน แถมทายปัญหาประเทืองสมองสนุกๆ คลายเหนื่อย พร้อมเกษตรธรรมะ ให้พวกเราในแปลงได้คิด งานเกษตรไม่ใช่งานง่ายๆเลย คนเขียนตำราไม่ได้ลงมือทำ คนที่ลงมือทำ เป็นผู้รู้จริง รู้วิธีการ จะปลูกอะไรช่วงไหน เก็บเกี่ยวให้ได้ราคาดี ต้องรู้ว่าผลผลิตจะออกช่วงใด

    มิน่า...บางคนปลูกแล้วรวย บางคนปลูกยังไงก็ไม่รวยสักที ยังจน  

    อยู่ที่  วิธีคิดและก็..บุญ

    เปลี่ยนฐานมาที่งานก่อสร้าง มีก่ออิฐ ขนปูน ทำได้แค่ขนปูน หยิบของ เลยเปลี่ยนมาบริการน้ำเย็นในกลุ่ม  เดินแจกผ้าเย็นตามฐานต่างๆแล้วกลับมาทำงานขนปูนต่อ  รู้สึกว่ามีแรงมากขึ้นมาทันที สุข สดชื่นยกถังปูนสบายๆ

    ช่วงบ่าย ได้งานวิหารไม้ไผ่ ช่วยทำความสะอาดกระท่อมไม้ไผ่ได้ไม่มากเลย ทำงานน้อยมากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ

    รู้สึกได้ว่า เมื่อวานทำงานได้มากว่าวันนี้ แต่วันนี้ได้งานหลายฐาน แตกต่างกันเยอะ และยังรู้สึกว่าหลังจากไปบริการผ้าเย็นได้ทำงานที่เหนื่อยน้อยลงไปทีเดียว

   โรคที่เป็นอยู่ต้องติดตามผลเลือด และต้องละวางความโกรธให้ได้ แต่หลังจากทำงานแล้ว รู้สึกว่าถ้าคิดโกรธขึ้นมา ก็จะรู้ว่าโกรธและจะรีบดับให้เร็ว รู้สติขึ้นกว่าก่อนมากค่ะ

 

   

   

 

  

  

   

 

 

 

     

   

ผู้แสดงความคิดเห็น จารุวรรณ จินดา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 00:24:54


ความคิดเห็นที่ 299 (1637881)

 

 

ธรรมทานกิจกรรม

รับพระบารมี 3 ร่มโพธิศรี ปลดล็อคกรรม

27 – 28 ต.ค. 2555

กิจกรรมวันเสาร์

     09.09 น. เริ่มกิจกรรมคุณธนาได้แบ่งกลุ่ม ตามหัวข้อให้แต่ละคนเลือกหัวข้อปัญหาที่ตัวเองต้องการบำบัด (ก่อนเข้ากลุ่มได้เอาถุงข้าวต้มมัดไปที่หน้าบ้านอ.อุบลตั้งใจนำไปวางที่โต๊ะของร่วมทำบุญ แต่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ตรงเวลา แทนที่ได้ยินเสียงนกหวีดดังแล้ว ยังไปยืนโอ้เอ้อยู่ ใจหนึ่งอยากบูชารูปอ.อุบล ใจหนึ่งยืนเป็นเพื่อนน้าๆที่กำลังบูชาของ อีกใจหนึ่งอยากรีบเข้าโรงทานเข้ากลุ่มทันที)

     หนิงเข้ากลุ่มหัวข้อ หนี้สิน การงาน การเงิน และอุปสรรคต่างๆ  มีหัวหน้ากลุ่มรวมสมาชิกทั้งหมด 6 คนค่ะ

               1.คุณอมร     ศิริมาศกูล       (พี่อมร)

               2.คุณวีรดา    อยู่นวล         (พี่แหม่ม)

               3.คุณยุวรัตน์  พันธุวงษ์     (น้องน้อย)

               4.คุณพรหมภัสสร  กฤตกร  (น้องพจน์)

               5.คุณจารุวรรณ  จินดา        (พี่จาว)

               6.คุณนพวรรณ์   ใจตรง      (พี่หนิง)

         กลุ่มของเราได้รับมอบหมายให้ ทำงานสร้างวิหารทาน (ก่อสร้าง) ก่อนการทำงาน พี่อมรให้คำแนะนำน้องๆ ในการทำงานเราควรทำอย่างมีสติ ใช้ปัญญา วัสดุ อุปกรณ์ อย่างประหยัดคุ้มค่า เมื่อเสร็จงานก็ต้องล้างเก็บอุปกรณ์ที่เอามาเข้าที่เดิมให้เรียบร้อย เพราะทุกอย่างที่เราทำจะมีผลต่อสภาพการเงิน การงาน ปัญหาอุปสรรคของเราเอง ถ้าเราทำอย่างรู้คุณค่า ไม่ทำเสียของ ก็จะทำให้การงาน การเงินมีสภาพคล่อง แต่เมื่อไหร่เราทำไร้ความประณีต เสียของช่างมันไม่ใช่ของเราเมื่อนั้น ผลก็จะเกิดเป็นปัญหาย้อนกับเข้าตัวเราเพิ่มขึ้น หรือไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นสร้างกรรมใหม่เพิ่มให้ตัวเอง  ก่อนที่เราจะแยกกันลงมือสร้างบุญ เรารวมกลุ่มล้อมวงกันอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์ ให้การทำงานประสบผล ปลดล็อคกรรมได้

            งานที่ลงมือ เริ่มต้นด้วยงานปรับพื้นดินใต้คาน งานมัดเหล็กงานนี้ต้องอาศัยกำลังข้อมือดันเหล็กเส้น+เหล็กเส้นดัดรูป 4 เหลี่ยมให้เข้ามุมก่อน แล้วใช้ลวด 2 เส้นมัดไขว้ให้แน่น จากนั้นใช้คีมขันให้แน่น งานนี้ถือได้ว่าเป็นโครงสร้างของคานรับน้ำหนัก ต้องทำอย่างประณีต ทำไปท่องบทพระศรีอาริย์ไปด้วยทำให้ใจจดจ่ออยู่กับงานได้ดีมาก ถ้าทำแบบไม่ตั้งใจสักแต่ว่าให้เสร็จๆ ลุงบุญก็จะให้เรารื้องานทำใหม่ เสียเวลา เสียของ(ลวดมัดเหล็กที่ใช้มัดหงิกงอแล้วทิ้ง ทั้งๆที่สามารถดัดแล้วใช้มัดอีกครั้งได้) เสียแรงไปเปล่าๆ แทนที่จะได้งานเสร็จสมบูรณ์ ได้เนื้องานเยอะ ก็เหมือนการทำงานตามอาชีพ ถ้าไม่ใส่ใจในงานก็ทำให้เราย่ำอยู่กับที่ ไม่พัฒนาไปข้างหน้าเสียที นี่แหละน่ากลัวที่สุดในการทำงาน

             ก่อนลุกออกจากที่ที่นั่งทำงาน ก็ต้องเก็บลวด ม้านั่ง จอบ บุ้งกี๋ (หนิงรู้สึกว่าตั้งแต่ก่อนเริ่มสร้างบุญแรงกาย  มีอาการปวดท้องน้อย จุกเสียดยังไงชอบกล รู้สึกปวดเป็นระยะ ๆ)

             เสียงนกหวีดดังขึ้นรวมพลลูกบ้านสวนทุกคนกัน เพราะมีนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ชื่อ ดังมาทำข่าวในบ้านสวนพีระมิด  ตื่นเต้น ๆๆๆๆ มากๆ 

            กลางวันหลังทานข้าวเสร็จแล้ว คุณธนาประกาศหมุนฐานสำหรับสร้างบุญ แต่หลายคนต้องการทำที่เดิม เพราะงานยังไม่เสร็จเรียบร้อย ดังนั้นเสียงส่วนใหญ่ว่าไงก็ว่ากันตามนั้น

             ตอนบ่ายกลับมาที่เดิม มัดเหล็กเส้นกันต่อ อากาศร้อนมั๊กๆๆ แต่ได้รับความเมตตาจากท่านอ.อุบลค่ะ เนรมิตเต็นท์ให้ลูกๆทำงานกันในร่ม มีลมพัดให้ชี่นใจเป็นระยะๆ แต่ทำไมวันนี้ใจหนิงไม่นิ่ง จิตไม่เหมือนเดิม แว๊บบ่อยๆ ท่องบทพระศรีอาริย์ หลุด ยืนคุย ใจลอยบ่อยๆ ปวดเสียดท้องน้อยเป็นระยะๆ อ๊ายเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย!!!!!! พยายามคุมตัวเองสุดกำลังให้ตั้งใจ สร้างบุญและอุทิศบุญ

               กำลังจะหมดแรง พอดีได้ยินเสียงคุณธนาดังขึ้นให้กลุ่มย้ายฐานไปจัดบริเวณลานจอดรถด้านข้างวิหารไม้ไผ่ ทำที่นั่งเล่นไอเดียแจ่มมาก ใช้ลางน้ำปูนปิดฝาเป็นม้านั่ง ปูแผ่นกระเบื้อง  สายพานขนย้ายลำไม้ไผ่ ถางหญ้า ไม่น่าเชื่อพอเราร่วมมือกันทำแล้ว สภาพ บรรยากาศแวดล้อมเปลี้ยนไป๋ สะอาดตารื่นรมย์มากค่ะ

               ช่วงกลางคืนสรุปผลกิจกรรม

          1.นายอมร ศิริมาศกูล ปัญหา ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และสายตายาว หลังเลิกงาน สายตาดีขึ้น 50 %

2.คุณวีรดา อยู่นวล ปัญหาการเงิน  สายตายาว หลังเลิกงาน อาการดีขึ้น

3.คุณยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ปัญหาการเงิน หนี้สิน ท้องผูก ภูมิแพ้ หลังเลิกงาน อาการท้องผูก ดีขึ้น อาการภูมิแพ้ดีขึ้น 80 %

4.คุณจารุวรรณ จินดา ปัญหา หนี้สิน การเงิน ปวดท้อง หายก่อนทำงาน

5.คุณนพวรรณ ใจตรง ปัญหาหนี้สิน การเงิน ปวดท้อง หายเพราะได้รับคำแนะนำจากพี่อมรให้กลับที่เราทำตอนเช้าดูว่ามีอะไรยังตกค้างนำไปเก็บให้เรียบร้อย สามารถตามเก็บได้ม้านั่งเล็ก เหล็กดัดโค้ง ถุงมือหนึ่งข้างเข้าที่ค่ะ

6.คุณพรหมภัสสร กฤตกร ปัญหาหนี้สิน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน

กลางคืนอ.อุบลมีมันเผา เห็ดย่างจิ้มซีฟู๊ดมังสวิรัติ ให้ลูกๆทานไปฟังสรุปผลกิจกรรมไปค่ะ อาหย่อย

อ.อุบลได้เตือนสติ การเป็นคนฉลาด ให้ทำไม่ทำ โต้แย้ง ทำให้วันนี้ ไม่สามารถปลดล็อกได้สำเร็จ ส่วนตัวเองก็ประเมินตัวเอง รู้สึกวันนี้ไม่เต็มร้อย เปอร์เซ็นการทำงานให้แค่ 70

ผู้แสดงความคิดเห็น นพวรรณ์ ใจตรง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 01:03:26


ความคิดเห็นที่ 300 (1637882)

โอ้.....ห่างหายไปวันเดียว  เขียนธรรมทานไม่ทันเลย สปีดกันชนิดไม่มีใครยอมใคร  ขอเกาะขบวนด้วยคนนะคะ

    เช้าวันอาทิตย์  เดินไปแปลงเกษตรเห็นหลายคนทำร่องเผือก ตัดหญ้าแปลงผักเดิม  อ.พันธ์เรียกให้ถากหญ้าแปลงผักเก่า   แต่!...ขอไปดูแปลงนาก่อนนะคะ ไม่ได้ดู 2 สัปดาห์แล้ว  ไม่ลืมที่จะถือเคียวอเนกประสงค์ไปด้วย  ก็เลยไปเจอข้าวพันธุ์อื่นขึ้นแซมอีกเกือบทุกแปลง อ้าว! 2 สัปดาห์ก่อนไปตัดครั้งนึงแล้วกับพี่เปลว ต้องรีบลงไปตัดทิ้งอีก เพราะจะทำให้ข้าวกลายพันธุ์ได้  กะว่ามีเวลาจะเลือกตัดรวงแก่ไปให้ไก่กิน(อ.พันธ์ มาตามให้ไปรวมตัวเพื่อแบ่งกลุ่มเข้าฐานทำ Workshopซะก่อน) ทีนี้มีปัญหาตรงข้าวเป็นพันธุ์สีนิล อะแฮ้ม! เลยดูไม่ออกว่าสุกพอจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อไหร่  ได้กลับไปคุยกับพี่เปลวและนัดกันว่าไปดูวันเสารที่ 3 นี้นะ   พอดีญาติผู้ใหญ่ครูบาอาจารย์มาถึงแก่กรรมก่อน  เลยยังไม่ว่างอีกแว้ว.....

   

วันอาทิตย์ได้อยู่กลุ่ม อ.พันธ์  ปัญหาคือขาดปัญญา  เชื่อคนง่าย  สมาชิกมี ดิฉัน  อำพร คุณเจน(พี่ติ๋ม) คุณแหล๋น คุณชิม อ.พันธ์ให้ทำร่องเผือก สอนแล้วสอนอีก ขาดปัญญาชัวร์ๆ หลังทานข้าวเช้าแล้ว ทำต่ออีกประมาณ 10 นาที  ก็ย้ายฐานมาปรับปรุงสถานที่หลังวิหารไม้ไผ่  ขนดิน  เก็บของให้เป็นระเบียบ ช่วยซ่อมช่องรั้ว  ถึงประมาณ 11 โมงย้านฐานไปรื้อพื้นชั้นล่างวิหารไม้ไผ่ต่อจนแล้วเสร็จ  พอมีเวลาเหลือไปช่วยแยกมวลสาร

 

   วันนี้พวกเราพร้อมใจกันเปลี่ยนฐานตามเวลาเพราะได้บทเรียนจากวันเสาร์  คือโง่ ขาดปัญญา(สมชื่อที่ได้เข้ากลุ่มวันนี้ซะ) ไม่ทำตามคำสั่งผู้นำ โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก บ่ายหลังทานข้าวแล้วได้หมุนเวียนไปอยู่ฐานก่อสร้างอาคาร  ทำรวมกัน 2 กลุ่มทุกฐาน  วันนี้สังเกตเห็นได้ว่าทุกคนกระตือรือร้นมากขึ้น ทำให้ได้เนื้องาน  ปลดล๊อคกรรมได้มากกว่าวันเสาร์ และมีความพอใจกับกิจกรรม Workshop แบบนี้เพราะได้เรียนรู้งานทุุกงาน

   ผลที่ได้รับจากการทำกิจกรรมของดิฉัน วันเสาร์ ได้อยู่กลุ่มมีปัญหาผิวพรรณ เป็นฝ้าที่ใบหน้า  ฝ้าจางลง 70% หน้าใสขึ้น

   วันอาทิตย์    ก็เคยผิดศีลข้อ4 ข้อ 5 และอบายมุขมาเยอะ เคยโกหกหลอกลวงคนอื่น ดื่มของมึนเมามา ทำให้ขาดปัญญา เชื่อคนง่าย แถมทำอะไรเชื่องช้าด้วย  สงสารและเห็นใจผู้นำกลุ่มที่มีลูกทีมที่โง่เป็นลูกควายอย่างตัวเราซะจริงๆ  ต่อไปจะพยายามปรับปรุงและพัฒนาตนเอง ขอโอกาสให้คนโง่ได้ร่วมกิจกรรมต่อไปด้วยนะค๊า.....

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 01:03:44



<< ก่อนหน้า 1 2 [3] 4 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.