ReadyPlanet.com


ทุกคนต้องเร่งบุญธรรมทาน รูปแบบใหม่ ให้เห็นผลบุญทันที


ที่ผ่านมา

เราทำบุญธรรมทานกัน

ก็ได้บุญเหมือนกัน แต่ยังน้อยอยู่

เพราะ

เราทำบุญธรรมทานกัน

ยังไม่ได้ใช้กำลังใจเต็ม+ปัญญา

 

เราทำตามๆกัน

แบบไร้ชีวิต ชีวา ไม่น่าสนใจ

 

เพราะ

ธรรมทานของเรา

ไม่ได้เข้าไปในจิตใจใคร

ไม่มีผล ดลให้ใคร สำนึกบาป

สะท้อนกรรมตัวเองได้

แบบทันทีทันใด

 

บุญ

หรือผลบุญ

จึงไม่เกิดทันทีทันใด

 

สิ่งที่ได้

ไม่ทำให้พ้นทุกข์โศก

โรคภัย และ ความลำบากยากจน

 

ดังนั้น

พระพุทธเจ้า

องค์พระปฐมบรมธรรมบิดา

พระศรีอาริยเมตไตรย์

ท่านให้เรา

ปฎิวัติ

การทำบุญธรรมทาน

รูปแบบใหม่

 

ซึ่ง

-จะให้ผลทันทีทันใด

-ทำให้พ้นทุกข์โศกโรคภัย

-ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน

-ทำให้ความปรารถนาสมหวัง

ฯลฯ

 

ดังพระบัญชา

ต่อไปนี้

 

1.ให้เขียนเล่าเรื่องตัวเอง

ที่มีทุกข์ มีปัญหา มีอุปสรรค

เจ็บป่วย ด้วยโรคใด

แล้วเรามารับรู้ว่า

เกิดจาก กรรมใด ได้อย่างไร

และ

เราแก้ไขอย่างไร

ผลของการแก้ไข เป็นอย่างไร

 

หาย หรือ ดีขึ้น

เพราะอะไร ยังไม่หายเพราะอะไร

 

การเล่าเรื่องตัวเอง

เป็นบุญธรรมทานที่ได้บุญ

สูงที่สุด ไม่มีบุญใดเสมอเหมือน

เล่ากี่ครั้ง ก็ไม่ผิด ไม่บิดเบือน

ยกเว้นเจ้าตัวจะบิดเบือน

 

ในชีวิตเกิดมา

มีปัญหาตั้งหลายอย่าง

ปัญหาแต่ละอย่าง

แก้อย่างไร

อะไรเป็นสาเหตุ

เล่าให้หมด

 

การเล่าปากเปล่า

ก็ต้องทำ แต่มันจะช้า

ไม่เหมือนเล่าด้วยปากด้วย

เขียนด้วย

 

เขียนอย่างไร

จึงจะได้บุญมาก

1.เขียนใส่กระดาษ

ถ่ายเอกสารแจก

อันนี้ทำได้ทุกวัน ทุกครั้งที่นึกได้

 

ให้แจกไปเรื่อยๆ

เหมือนอาหาร ก็ต้องกินเรื่อยๆ

บุญจะส่งผลรวดเร็วมาก

 

2.เขียนในเวปไซด์บ้านสวนฯ

หรือเวปอื่น ที่ทำได้

อันนี้ บุญจะกว้างขวาง รวดเร็ว

ถ้ากระทู้ที่เขียนนั้น

เป็นกระทู้ที่อยู่ในความสนใจ

มีผู้คนได้อ่านเสมอ

 

แต่ถ้าไปเปิดกระทู้เอง

แล้วกระทู้นั้น ฮ๊อต ก็ดีไป

แต่ถ้ากระทู้ที่เปิดเอง ไม่มีคนสนใจ

บุญก็ไม่ได้ เพราะ ไม่มีคนอ่าน

กระทู้ตกไป บุญก็หยุดเดิน

 

ธรรมทาน

ที่แท้จริง ที่ได้บุญจริง

คือการให้ธรรมะ หรือ กฏแห่งกรรม

เป็นทาน

 

ซึ่งต้องพิจารณา 3 ส่วน

คือ

1.เจตนาการให้ธรรมทาน

บริสุทธิ์

อยากให้คนได้รู้ ว่าปัญหาของเรา

เกิดจากเราทำผิดพลาดอะไร

เขาอ่านแล้วจะได้นึกถึงตัวเขา

ว่าทำอย่างเรารึไม่

ถ้าทำ จะได้มีทางออก

ถ้าไม่ทำ จะได้ไม่คิดทำ หยุดคิดทำ

อันนี้เป็นเจตนาการเขียน

การเล่าธรรมทาน

ต้องเพื่อความพ้นทุกข์ของ

ผู้รับทานจากเรา

 

2.วัตถุทานบริสุทธิ์

คือ

เรื่องธรรมทานที่เราเล่า

จริงทุกอย่าง ไม่บิดเบือนใดใด

เป็นเรื่องของเรา หรือเรื่องที่

เราได้เห็น ได้รู้มากับตา ต่อหน้า

จริงๆ หรือ รับการถ่ายทอดมา

แบบเชื่อถือได้

ซึ่งข้อนี้ ให้พิจารณาให้จงหนัก

เพราะ

 

ถ้าพลาด

ขาดความบริสุทธิ์

จะทำให้ไม่ครบองค์ประกอบ

3 ส่วน

ที่ทำให้ผลของธรรมทาน

เกิดฉับพลันทันทีได้

 

3.ผู้รับทาน หรือ เนื้อนาบุญ

บริสุทธิ์

 

ในที่นี้ หมายความว่า

เราจะต้องรู้ว่า เราจะให้ธรรมทาน

กับใคร คือให้ไปแล้ว มีคนรับรู้

มีคนอ่านหรือไม่ อันนี้สำคัญ

 

แต่

ไม่ได้หมายความว่า

ให้คิดแทน ให้ระแวงว่า

เขาจะไม่อ่านเลยไม่ยอมให้

 

แต่

หมายความว่า

การให้ธรรมทาน

ต้องเจตนาให้คนรับรู้มากๆ

 

ไม่ใช่ทำธรรมทาน

แบบแก้บน ทำๆไป ใครจะอ่าน

ของเราหรือไม่ก็ช่าง

ไม่อ่านยิ่งดี เพราะเราอาย

ถ้าคิดอย่างนี้

ผิดทั้งข้อ 1 และ ข้อ 3

ผลบุญจะไม่เกิดทันทีแน่นอน

 

อย่างบางคน

ชอบคิดว่ามาสารภาพบาป

กับ อ.อุบล สองต่อสอง

แล้วจะปลดกรรม หายป่วยได้

อันนี้บอกได้เลยว่า

คิดผิด ไม่หาย แน่นอน

เพราะเงื่อนไขการหายคือ

การให้ธรรมทานต่อคนจำนวนมาก

ยิ่งมาก ยิ่งได้ผลดีมาก

 

ถ้าคนรู้น้อย ก็ได้ผลน้อย

 

จะเห็นว่า

ทำไม คุณเหมี่ยว

ถึงช่วยคนได้มาก เพราะว่า

คุณเหมี่ยว มีเจตนาบริสุทธิ์

เสียสละ อยากให้เขาพ้นทุกข์

ไม่อิจฉา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม

คนเหลี่ยมมาก ทุกข์มาก ป่วยมาก

แล้วคุณเหมี่ยวกตัญญู

จะเชิดชู ครูบาอาจารย์

อันนี้ พระพุทธเจ้าท่านถือเป็นเรื่อง

ใหญ่มาก ในการสำเร็จธรรม

ทำให้เกิดปาฎิหาริย์ได้

(เดี๋ยวจะเล่าอีกที)

และ

คุณเหมี่ยว ให้เขาขอบคุณ

ให้เขาสำนึก ให้เขารู้ ว่าเขาหาย

เพราะอะไร ไม่ใช่แค่หาย

แล้วก็แยกย้ายกันไป

รีบๆ บำบัด ทำเป้าให้ได้มากๆ

ไม่ใช่ คุณเหมี่ยวจะพิถีพิถัน

เรื่องครูของตัวเอง

และถ่ายทอดความรู้สึกของตน

และคนที่ได้รับการบำบัดชัดเจน

ไม่เหมือนบางคน

บอกเล่าไร้ชีวิต ชีวา เหมือนกับว่า

การหาย เป็นเรื่องปกติ

ที่คนหาย ไม่เอะใจ ไม่แปลกใจ

ไม่มีอารมณ์อะไรเลย

 

อันนี้

เบื้องบนถือว่า

เราทำเพื่ออวดตัวเอง

ผลบุญจึงน้อยมาก

 

เนื้อนาบุญบริสุทธิ์

สำหรับผู้รับธรรมทานก็คือ

ทำให้จิตเขาเปิด เขาสำนึก

ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเลิศมา

แต่เราใช้ปรากฎการณ์

ทำให้เขา เปลี่ยนจิตใจ ณ บัดนั้น

เน้นย้ำให้รู้ว่าปรากฎการณ์นี้

คุณเคยเห็นมาก่อนไหม

หายทันที ดีขึ้นทันใด

แล้วบอกเขาไป ว่าเกิดจากอะไร

อันนี้ แม้จำนวนคนน้อยกว่า

แต่การขยายบุญธรรมทาน

จะมีผลต่อไปได้มากกว่า

 

ถ้าทำครบ 3 ส่วน

ให้บริสุทธิ์

อานิสงส์เกิดฉับพลันทันที

 

ไม่ต้องมาบ้านสวนก็ได้

ให้ทุกคนที่หาย

เขียนเล่าเรื่องตัวเองแจกจ่าย

ถ่ายเอกสาร บอกชื่อ สกุล

รายละเอียดที่สุด

แล้วบอกเวปไซด์บ้านสวน

บอกรหัส

อ.อุบล ช่วยด้วย

 

แจกไปเถอะ

ให้ดูคุณชิมเป็นตัวอย่าง

นั่นแจกคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

แต่

ท่านแจกธรรมทาน

ที่เขียนเอง

บุญจะแรง จะเร็วยิ่งกว่าอีก

 

ส่วนคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

ไม่ปิดกั้น แจกไปเลย

ถ้ามีกำลัง แจกได้ทั้ง 2 อย่าง

 

2.ถ้าต้องการ

อานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่

ยิ่งขึ้นไปอีก ก็ให้พริ้นท์

เรื่องราว

จากกระทู้ต่างๆในเวปนี้

ถ่ายเอกสารแจกจ่าย

ให้มากที่สุด

 

ยังไม่เห็นมีใคร

มาเขียนบอกเรื่องนี้เลย

 

มีแต่บอกเรื่อง การทำความดี

หรือทำบุญ ธรรมทาน

ต้องทำให้ครบ 5 ข้อ

 

1.ทำทันที

2.ทำแบบง่ายๆ

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.ทำอย่างต่อเนื่อง

5.ทำให้มากขึ้น

 

ส่วนรายละเอียด

ก็ให้ทำตามนี้ คือตามบัญชา

องค์พระปฐมฯ+พระศรีอาริย์

 

มีใครลงมือทำแล้วบ้าง

ได้ผลอย่างไร

มาเล่าถวายพระองค์บ้าง

จะได้รับอานิสงส์

ยิ่งๆขึ้นไป

 

หรือ

ใครสงสัยอะไร

ก็รีบมาถาม มาคุยกันได้

เลยจ้า

จะได้ปลดล๊อกกรรม

แม้ไม่ต้องไป

บ้านสวนพีระมิด ไงจ๊ะ

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-31 19:09:22


[1] 2 3 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1637801)

ผมขออนุญาติแนะนำช่องทางในการเขียนธรรมทานในเวปไซต์อื่นๆ ซึ่งเห็นว่ามีคนกำลังดูเยอะ สนใจเกี่ยวกับบ้านสวนฯเยอะพอสมควร

ท่านใดสนใจก็สามารถเขียนธรรมทานเรื่องของตนเองตามที่ท่านอาจารย์ได้เมตตาสอนไว้ข้างต้นได้เลยนะครับ

ซึ่งเวปไซต์นี้เป็นทั้งการเขียนธรรมทาน และการออกรบโดยใช้ปัญญาโดยตรง มิใช่การสักแต่ว่าเขียน ขอให้ยึดหลักที่ท่านอาจารย์ได้สอนไว้ข้างต้น คือเขียนเรื่องของตนเองนะครับ

board.palungjit.com/f2/ไครรู้จักบ้านสวน-พีระมิด-มั่งครับ-359996-13.html

และ

board.palungjit.com/f2/ถามเรื่องพีระมิดและสฟิ้ง-367682-2.html

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 20:47:14


ความคิดเห็นที่ 2 (1637802)

ขอแนะนำอีกสักเวปไซต์หนึ่งนะครับ เพราะเห็นว่านำธรรมทานของบ้านสวนฯไปลงเยอะมาก บางทีท่านอาจอ่านเห็นเรื่องของตนเองในเวปไซต์แห่งนี้ก็ได้ 555 สมัครสมาชิกก่อนนะครับ

www.dhammathai.org/karma/dbindex.php

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 20:53:24


ความคิดเห็นที่ 3 (1637811)

เรียนท่านอาจารย์อุบลที่เคารพ

วันนี้เป็นวันที่หนูรู้สึกว้าวุ่นใจมาก มันมีสาเหตุมาจาก เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ได้รับทราบว่าจะต้องไปพูดสนเทศ คือให้ความรู้กับสมาชิกสโมสรโรตารีพลอยราชบุรี ที่หนูเป็นสมาชิกอยู่ ตั้งแต่วันศุกร์หนูก็คิดแล้วว่า จะต้องพูดเรื่องรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย จึงได้จัดทำเอกสารขึ้นใหม่ที่รวบรวมเรื่องราวของบ้านสวนพีระมิดให้ได้มากที่สุดเท่าที่สติปัญญา และเวลาจะอำนวย ทำเสร็จเมื่อวานก็เอาไปถ่ายเอกสาร และนำมาแปะไว้ที่กระทู้อาจารย์อุบลช่วยด้วย ให้ผู้สนใจได้นำไปใช้กัน

https://docs.google.com/viewer?a=v&pid=sites&srcid=ZGVmYXVsdGRvbWFpbnxiZW5saWZlNTV8Z3g6NjUxODBiMDVlMmQwNzk1OA

 

ตอนเช้าคุณแม่ถามว่าจะไปพูดเรื่องอะไร หนูบอกว่าจะพูดเรื่อง รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

คุณแม่บอกว่าคิดดีแล้วหรือ มันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ ไม่กลัวว่าคนเขาจะว่าเรางมงายหรือ

ในใจตอนนั้นรู้สึกแย่มาก เพราะคนที่เราต้องการให้ใช้รหัสมากที่สุดคือคุณแม่ กลับมาพูดอย่างนี้ ก็บอกคุณแม่ไปว่าน้านันทนาบอกให้พูดเรื่องนี้  (เพื่อนคุณแม่ที่เคยพาไปที่โรงแรมเดอะแทรเวอเลอร์ด้วย)

จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาอธิษฐานในใจให้คุณแม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้พูดอะไร แถมยังโง่ขอบารมีพระศรีอาริย์ให้คุณแม่พูดกับเราก่อนเรื่องนี้ตอนกินข้าวเช้า จะได้อธิบายให้ฟังได้ ปรากฎว่าคุณแม่ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย

พอจะออกไปทำงาน จึงไปหยิบเอกสารธรรมทานที่เตรียมไว้แจกเป็นเล่มมีทั้งหมด 32 หน้ามาส่งให้คุณแม่โดยไม่ได้พูดอะไร ไปทำงานเลย

ทำงานด้วยความว้าวุ่นใจเราจะพูดเริ่มต้นอย่างไร จะยกตัวอย่างอย่างไรดีนะ เลยตัดสินใจโทรหาท่านอาจารย์อุบลเพื่อขอกำลังใจ ซึ่งท่านก็เมตตามาก...ให้กำลังมาอย่างดี ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่รู้หรอกว่า ... เราขวัญเสียมา เพราะคนที่เป็นเป้าหมายของเรายังไม่เข้าใจ แล้วเราจะทำให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไรกันนี่

ตอนเย็นไปเจอคุณแม่ที่สโมสรโรตารี เราเอาเอกสารที่เตรียมไปแจกมีทั้งเป็นเล่มและแผ่นพับ โดยเอาแผ่นพับขึ้นมาพับ ระหว่างฟังการประชุม วาระที่เราจะพูดเป็นวาระสุดท้าย ซึ่งขณะนั้นหมดเวลาไปแล้วเพราะปกติเขาจะประชุมถึงหกโมงครึ่ง คุณแม่ถามว่าพับเสร็จหรือยัง เราบอกว่าเสร็จแล้ว และบอกว่าจะแจกแต่แผ่นพับนะ คุณแม่พูดว่า ทำไมไม่แจกเล่มใหญ่ เขาค่อย ๆ อ่านไปจะได้เข้าใจ ใจเรามาเป็นกองเลย ถามกลับไปว่าแม่อ่านจบแล้วหรือ คุณแม่พยักหน้า เราสบายใจหายห่วงแล้ว ในใจนึกขอบคุณพระศรีอาริย์และเทวดารักษาอาจารย์อุบล ที่เป้าหมายใหญ่ของเราเข้าใจแล้ว ไชโย

วันนี้มีคนมาประชุมประมาณ 20 กว่าคน มีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของสนามกอล์ฟ เจ้าของกิจการ อาจารย์ ข้าราชการบำนาญ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร อดีต ส.ส.หลายสมัย ฯลฯ บางคนขอไปอีกบอกว่าจะเอาไปฝากคนอื่น   พอขึ้นไปพูดก็ไปโลด ยกตัวอย่างตัวเองที่ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยได้ผลอย่างไร และตัวอย่างของคนที่เราบอกต่อ แต่เวลามันจำกัดเลยพูดได้นิดเดียว จากนั้นทิ้งท้ายว่า รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ช่วยได้ชั่วคราว ถ้าอยากหายถาวรต้องนึกกรรมออกและสำนึกผิดและจะไม่ทำอีก เจ้ากรรมนายเวรจึงจะพอใจ  แล้วก็ถามว่ามีใครเจ็บป่วยแล้วต้องการหายมีไหมค่ะ

มีอาจารย์บรรจง เป็นข้าราชการบำนาญ ปวดไหล่มาหลายเดือนแล้ว  ก็บอกให้มองที่จี้สามร่มโพธิศรี ที่ห้อยอยู่ แล้วถามว่าหายเจ็บไหมค่ะ ปรากฏว่าดีขึ้นเล็กน้อยเลยบอกว่าให้พูดว่า อาจารย์อุบลช่วยด้วยให้หายเจ็บ ถามว่าหายมากขึ้นไหม จากนั้นให้อุทิศบุญให้เทวดารักษาอาจารย์อุบล เนื่องจากไม่มีเวลาแล้ว ปรากฏว่าเขาบอกว่าหายประมาณ 50 %  แต่มีคนอื่นชื่อคุณรัชนี เป็นเจ้าของร้านขายเครื่องสูบน้ำการเกษตร เขาบอกว่าเขานึกตามและเขาหายจากอาการปวดไหล่เหมือนกัน หาย 80 % 

แต่ลืมให้อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรของเขา พึงนึกได้ตอนนี้เองค่ะ

มีคนซักถามว่าทำไมต้องเป็นอาจารย์อุบล ก็บอกไปว่าเป็นรหัสจักรวาล เขาถามว่าทำไมต้องอุทิศบุญให้เทวดารักษา ก็บอกว่าคนที่มาช่วยเราคือเทวดารักษาอาจารย์อุบล

คือในเอกสารมีหมดแต่เราพึ่งแจกเอกสารตอนที่เราพูด เขาเลยยังไม่ได้ทำความเข้าใจและเวลามีจำกัด ตอนนั้นก็ปาเข้าไปทุ่มครึ่งแล้วค่ะทุกคนหิวข้าวมาก ๆ แล้ว

ต้องกราบขอบพระคุณพระศรีอาริย์เมตไตย เทวดารักษาอาจารย์อุบลทุกพระองค์ และอาจารย์อุบล ที่ช่วยให้วันนี้ผ่านไปด้วยดี เป้าหมายที่ต้องการเผยแพร่ ได้รับข่าวสารแล้วค่ะ

และขอเบิกบุญทานศีลภาวนาของลูกน้อมถวายแด่พระศรีอาริย์เมตไตย เทวดารักษาอาจารย์อุบลทุกพระองค์ และอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 21:25:25


ความคิดเห็นที่ 4 (1637813)

ผมใช้วิธีบอกรหัส อาจารย์ อุบล ช่วยด้วย

และใช้วิธี COPPY ข้อความบางส่วน

จากเวปบ้านสวน

ไปบอกกล่าวให้คนในโรงงาน

(ประมาณ 40 กว่าคน)

ให้รับทราบทั้งเรื่องภัยพิบัติ และการรักษาศีล

ทั้งหมดเป็นการส่งผ่านทางอีเมล

ไม่ค่อยได้พูดแบบปากต่อปาก

ไม่รู้ว่ากลัวรืออายอะไร

คิดว่าบุญคงน้อยเพราะทำไม่ค่อยต่อเนื่อง

และมากขึ้นอย่างที่ท่านอาจารย์บอก

แถมคนรู้ก็น้อยแค่ 40 กว่าคน

---------------

ส่วนเรื่องธรรมทานในชีวิตของตัวเราเอง

เคยคิดเหมือนกันครับ อย่างเช่น

เรื่องการสอนลูกของผมเองไม่ให้ฆ่าสัตว์

ผลของการที่เราฝึกลูกเวลาเค้าอยู่โรงเรียน

อาจารย์คนนึงทำท่ากำลังจะตีตัวอะไรสักอย่าง

แล้วลูกของผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเค้าจองมอง

การกระทำของคุณครู จนครูสงสัยหันมาถาม

โอปอ หนูมองอะไร

โอปอตอบคุณครูว่า พ่อบอกว่าไม่ให้ฆ่าสัตว์

เรื่องนี้คุณครูเค้ามาเล่าให้ภรรยาผมฟังอีกทีครับ

คุณครูกลับหัวเราะ ถามภรรยาผมว่า คุณพ่อเค้าเป็นคนธรรมะหรอ

แต่ผมไม่ทราบหรอกนะครับว่าครู

เค้าจะคิดอย่างไง

แต่ภูมิใจคำว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

มันเป็นอย่างนี้เอง

--------------

การทำธรรมทาน

เรื่องราวชีวิตตัวเองอย่าง

ที่ท่านอาจารย์ได้บอก

ผมว่าเขียนได้เยอะเลยครับ

อาจจะยกบางช่วงบางตอนที่นึกได้

ก็หมั่นมาเขียนเรื่อยๆ

สำหรับตัวผมเอง

ทำตัวเหมือนรู้ทุกอย่าง

แต่พอเอาเข้าจริง

ไม่ได้เรื่อง

นานๆ จะโผล่มาที

อย่าทำแบบผมนะครับ

เดี่ยวจะตกต่ำ

ไม่ตกสูง

------------

กราบ กราบ กราบ

ทุกๆ พระองค์ที่เมตตา

บอกทุกอย่าง

ลูกจะเพียรพยายาม

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 21:25:38


ความคิดเห็นที่ 5 (1637817)

ช่วงนี้ หนูปวด+เวียนหัว เป็นๆหายๆมาหลายวัน เมื่อกี้ก็มีอาการค่ะ แต่พอหนูเขียนธรรมทานในเว็บพลังจิต กระทู้ http://board.palungjit.com/f2/ไครรู้จักบ้านสวน-พีระมิด-มั่งครับ-359996-13.html#post6922078 เกี่ยวกับที่หนูเคยออกมาสารภาพบาปเป็นธรรมทานที่บ้านสวน ว่าเคยดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้หนูหายปวดหัวประมาณ 50% นอกจากนี้การดื่มยังทำให้ไปผิดศีลข้ออื่นอีก แล้วอาการปวดหัวที่เป็นอยู่ก็หายทันทีค่ะ ขอกราบขอบพระคุณสมเด็จองค์ปฐม พระศรีอาริย์ เบื้องบนทุกพระองค์ และท่านอ.อุบลค่ะที่เมตตานำพระธรรมมาเผยแพร่ ทำให้หนูหายปวดหัว และทำให้ชีวิตของหนูดีทุกด้านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 21:44:32


ความคิดเห็นที่ 6 (1637820)

    กราบขอบพระคุณท่าน อ. อุบล เป็นอย่างสูงค่ะ

ที่ได้แนะนำการเขียนธรรมทานแบบใหม่

ที่เห็นผลทันที ขอน้อมรับไปปฏิบัติค่ะ

   ที่ผ่านก็จะเล่าเรื่องของตัวเอง

ให้ผู้อื่นฟังเป็นระยะ ๆ ตามโอกาส

แต่ไม่เคยทำเป็นเอกสารแจกค่ะ

และจะเริ่มปฏิวัติตัวเองตั้งแต่บัดนี้ค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 22:04:00


ความคิดเห็นที่ 7 (1637829)

สัปดาห์นี้ 3-4 พ.ย.55

และ

ต่อไปนี้

ถ้าใครไปบ้านสวนฯ

อย่าไปมือเปล่า

 

นำเอาธรรมทานที่ตัวเองเขียน

หรือ พริ้นท์ ออกมา

ถ่ายเอกสาร ไปแจกจ่ายด้วย

 

ที่บ้านสวนฯ

เป็นแหล่งรวมผู้คน

ที่เป็นนักแสวงบุญ ปรารถนาบุญใหญ่

เมื่อแจกจ่าย เขาจะอ่านแน่นอน

และนำไปแจกต่อแน่นอน

 

(นี่แหละที่ว่า คนเขียน+คนแจก

ก็จะรอดปลอดภัย จากภัยพิบัติ

 จะหายเจ็บ หายจน)

 

พวกเรา

ต้องต่างคนต่างแลกเปลี่ยนกันอ่าน

แลกเปลี่ยนกันแจกจ่าย

รีบเร่งถ่ายเอกสาร

แจกทั้งของเรา และ ของเพื่อนเรา

ที่เขาแจกเรามา

 

เหมือนการต่อเทียน

ถ้าเราแจกคนเดียว หรือ แจกแต่

เฉพาะของเรา ก็เท่ากับ

มีเทียนส่องสว่างเล่มเดียว

 

แต่ถ้า

เราแจกออกไป

รับคนที่แจกเรามาแล้ว

ช่วยกันแจกต่อ

 

ก็เท่ากับว่า

เรามีเทียนส่องสว่าง

หลายดวง ยิ่งมีเทียนมาก

แสงสว่างก็ยิ่งมาก

 

ความสุข+ความดี+ความสมหวัง

ก็จะบังเกิดขึ้นมากมาย

ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์

 

 

เริ่มตั้งแต่บัดนี้

วันนี้+อาทิตย์นี้เลยนะจ๊ะ

 

ดูสิว่า

บุญธรรมทาน ส่งผลทันที

เป็นอย่างไร

 

นี่เป็น

ปรากฎการณ์ใหม่

นะจ๊ะ

 

แล้วเรามาพิสูจน์ผลกัน

สัปดาห์นี้เลย

 

หรือใคร

ได้อานิสงส์ก่อน

ก็รีบมาเล่าเลยนะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 22:15:07


ความคิดเห็นที่ 8 (1637835)

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ ผมขอเริ่มด้วยเรื่องของตนเองเลยดีกว่าครับ

ผมชื่อชวนินทร์ กฤตธกร ชื่อเล่นก็อต อาชีพค้าขาย อยู่จังหวัดลพบุรี

ขออนุญาตเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอและโดนมากับตัวเองครับ เป็นผลกรรมจากการผิดศีลข้อ2 ข้ออทินนาครับ

ย้อนไปเมื่อ5ปีที่แล้วก่อนที่ผมจะมาค้าขายทำธุรกิจของตัวเอง ผมเคยเป็นพนักงานบริษัท ตำแหน่งผู้แทนขายของบริษัท(เซลล์) ลักษณะงานเซลล์คือใน1เดือน ผมจะต้องออกไปพบลูกค้าที่ต่างจังหวัดเป็นเวลา20วัน และจะเข้าบริษัทมาสรุปงานและประชุมเพียง7วัน และสิ่งที่ผมทำผิดพลาดทำโดยไม่คิดว่าเป็นบาปกรรมคือช่วงเวลาที่ออกทำงานต่างจังหวัดเป็นเวลา20วัน ผมกลับทำงานให้บริษัทเพียงไม่ถึง7วัน ทำงานไม่เต็มที่  เอาเวลางานไปเที่ยวพักผ่อน ใช้รถและน้ำมันบริษัทไปใช้ในเรื่องส่วนตัว เอาเวลางานบริษัทใช้คุยโทรศัพท์คุยเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงานของบริษัท และในแต่ละเดือนบริษัทจะมีงบให้เลี้ยงรับรองทานข้าวกับลูกค้าผมก็ไม่ใช้งบนั้นเลี้ยงรับรองลูกค้า กลับนำงบไปเที่ยวดื่มเหล้ากับเพื่อนแทน เวลาที่บริษัทมีของสมนาคุณแจกลูกค้าผมก็ไม่นำไปแจกแต่กลับนำมาเป็นของตนเอง และเวลาบริษัทมีสินค้าออกมาใหม่ ทางบริษัทจะให้นำไปให้ลูกค้าทดลองสินค้าใหม่ ผมก็ไม่นำไปให้ลูกค้ากลับนำไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง เวลาที่อยู่บริษัทสิ่งที่ทำเป็นประจำคือ มาสายกลับก่อน อู้งาน นอนหลับในเวลางาน เล่นเกมส์ในเวลางาน เอาของใช้สำนักงานทั้งกระดาษ ปากกากลับบ้าน ดื่มเหล้าในเวลางานและในสำนักงาน แต่เงินรับเต็มเดือนแถมขอเพิ่มอีก โบนัสอยากได้มากๆ เรียกว่าอยากได้ผลประโยชน์จากบริษัทมากๆแต่งานไม่ค่อยทำครับ

ผลกรรมที่ได้รับ

หลังจากที่ผมตัดสินใจลาออกจากบริษัทมาเปิดร้านค้าขายเป็นของตนเอง ปรากฏว่าช่วงแรกค้าขายเป็นไปได้ด้วยดี มีกำไรต่อเดือนประมาณ1แสนบาท แต่แล้วผลกรรมที่เคยทำไว้กับบริษัทที่ผมเคยทำงานก็ย้อนกลับมาหาผมครับ อยู่ดีๆได้มีร่างทรงมาทำคุณไสยมนต์ดำใส่คนในบ้านผม มีทั้งผมและภรรยา คุณแม่ผม คุณพ่อตา คุณน้องชายของภรรยา เรียกว่าโดนกันแทบทั้งบ้าน หลังจากนั้นร่างทรงก็จะใช้กลอุบายหลอก ว่าจะมีเคราะห์เจ็บป่วยอาจถึงขั้นตาย ร่างทรงก็จะพูดทำนองเขาช่วยได้ โดยเขาจะสะเดาะเคราะห์ให้โดยฝากเงินเขาไป ช่วงแรกก็ทีละ10,000บาท แต่หลังๆมีเรียก50,000-60,000บาท บางครั้งที่ผมไม่เห็นด้วยกับร่างทรง เขาก็จะใช้ผีที่ติดตามทำให้ผมทรมานมีทั้งปวดหัว มึนหัว ปวดท้องเหมือนโดนบิดไส้ เรียกว่าทำงานไม่ได้ต้องนอนซมทั้งวัน ร่างกายก็ซูบผอมทำอะไรเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือนโดนผีครอบงำจิตใจ รวมแล้วที่โดนร่างทรงหลอกเสียเงินไปเกินกว่า350,000บาท กว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้เรียกว่าเกือบเอาชีวิตไม่รอดครับ แต่ช่วงนั้นก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าทำไมนะผมต้องมาเจอเรื่องคุณไสยด้วย ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยจนต้องมาเจอกับตัวเองเรียกว่าเป็นบทเรียนราคาแพงเลยครับ แต่ไม่จบเพียงแค่นั้นครับ ยังเจอเรื่องให้ต้องเสียเงินหลายอย่างทั้ง รถเสีย ภรรยาเจ็บป่วย หมาแมวไม่สบาย ล้วนแต่ทำให้มีแต่เรื่องเสียเงินครับเรียกว่าทุกข์เรื่องการเงินมากครับ

ค้นพบเหตุแห่งกรรม

หลังจากโดนคุณไสยมนต์ดำและเสียเงินไป ก็กลับมามุ่งมั่นยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงจัง จบมาพบเวปไซด์บ้านสวนอย่างบังเอิญ จากนั้นได้เข้ามาศึกษาและดูรายการคุยไปแจกไป จนได้มีโอกาสได้ไปสร้างบุญที่บ้านสวน และได้ศึกษาธรรมะจากท่านอาจารย์อุบลเรื่องศีล3ชั้น จนค้นพบเหตุที่ผมและครอบครัวต้องโดนคุณไสยและเสียเงินไป เกิดจากผมเคยสร้างเหตุผิดศีลข้ออทินาไว้สมัยที่เป็นพนักงานบริษัทนั้นเองครับ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลครับ ธรรมะที่ท่านอาจารย์แสดงที่ทำให้ผมค้นพบเหตุที่ทำให้ผมต้องโดนคุณไสยและเสียเงิน วันนี้ผมสำนึกในความผิดที่เคยทำมาและไม่ขอทำผิดอีกครับ

กราบแทบพระบาทขอบพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งอนันตจักรวาลที่เป็นที่พึ่งอันประเสริฐและสามารถทำให้ผมพ้นทุกข์ได้จริง

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล และคุณท็อป ที่ได้เปิดบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวอนุญาตให้ผมได้มีโอกาสสร้างบุญใหญ่ที่บ้านสวนครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 22:32:59


ความคิดเห็นที่ 9 (1637837)

ต่อไปนี้

ถ้าใครไปบ้านสวนฯ

อย่าไปมือเปล่า

 

นำเอาธรรมทานที่ตัวเองเขียน

หรือ พริ้นท์ ออกมา

ถ่ายเอกสาร ไปแจกจ่ายด้วย

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ดีจังค่ะ

กราบขอบพระคุณ

อาจารย์ค่ะ

ที่ได้ชี้ทาง มหาบุญให้อีก

ครั้งนี้..ต้องรวบรวม

เรื่องราวของตนเอง

ซึ่งมากโข อยู่ไม่น้อยเลย

ชีวิตใหม่ ที่ อ.อุบล มอบให้เนี่ย

เอาเป็นว่า พวกเราต้องเร่งทำบุญ

ให้เร็วที่สุด เพราะต้องแข่งกับเวลา

ที่นับวัน จะเร่งเร้า เจ้ากรรม นายเวร

ให้ทำงานอย่างพร้อมเพรียงกัน

อย่า..มัวแต่อู้ นะคร๊า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 22:45:23


ความคิดเห็นที่ 10 (1637857)

บัดนี้เวลา

มันขมวดเข้ามาแล้วจริงๆ

 

พวกเราจึงต้อง

เร่ง

สร้างบุญใหญ่ให้เต็มพิกัด

 

ตอนนี้

ให้ตัดความโกรธให้ได้

 

ตัด

ความอิจฉา ริษยา

ให้ได้

 

เห็นใครได้ดี ให้ยินดีกับเขา

 

เห็นใครทุกข์

ให้สงสาร ช่วยได้ก็ช่วย

แต่อย่าเบียดเบียนตัวเอง

ช่วยไม่ได้ ก็ให้ วางเฉย อย่าเครียด

อย่าทุกข์ อย่าซ้ำเติมเขา

 

ยกระดับจิตให้สูง

ให้เป็นจิตเหนือสำนึกให้ได้

 

คนที่จะรอดปลอดภัย

คือคนที่มีจิตเหนือสำนึกเท่านั้น

 

ส่วนคนที่

มีแต่จิตใต้สำนึก

จะถูกเก็บ กวาด ล้าง

 

ส่วนคนมีจิตสำนึก

จะรอด แต่ ไม่ปลอดภัย

ไม่สมประกอบ

 

ทำให้ได้นะจ๊ะ

อ.อุบล เอาใจช่วยทุกคน

จะได้อยู่เป็นเพื่อนกันนะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-31 23:46:10


ความคิดเห็นที่ 11 (1637887)

 กราบอนุโมทนาบุญกับธรรมทานคุณก๊อต

อนุโมทนาบุญกับคุณพี่เหมียวที่ได้ช่วยเหลือผู้คนเจ็บป่วย

มาม๊ากมีทั้งพิการและเมื่ออยู่ใกล้ๆพี่ท่านแล้วมีความสุขเช่นกันจ๋า

กราบอนุโมทนากับธรรมทานท่านอ.อุบลเจ้าค่ะ

ทุกๆอย่างที่ท่านอ.อุบลบอกกล่าวพร้อมเขียนเน้นใน

Web บ้านสวนพีระมิดช่างโดนจั้ยเหลือเกิ้นค่ะ

สัปดาห์ที่ 27-28 ตุลาคม 2555

ท่านอาจารย์ได้เน้นถึงบุญธรรมทาน

ต้องทำให้ครบ 5 ข้อ

1.ทำทันที  2.ทำแบบง่าย ๆ 3.ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.ทำอย่างต่อเนื่อง 5.ทำให้มากขึ้น

เย็นวันอาทิตย์ที่ 28 ต.ค 55 ขอติดรถไปกับป้าแป้นไปรอรถตู้

ที่คลองไทร ไอย้าเจอโซเฟอร์คู่ปรับอีกแล้ว

เหตุอยู่ว่า

เมื่อครั้งขึ้นรถตู้พ่อท่านฯ เมื่อคราวอาทิตย์ก่อนนู้น

โซเฟอร์..น้องมาทำอะรั้ย

น้อย..มาทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดค่ะ

โซเฟอร์..ที่บ้านสวนพีระมิด ที่มีพีระมิดม๊ากมายมีไว้ทำอะไร

แล้วมีอะไรดี

น้อย..โอ้ที่บ้านสวนฯมีรหัสลับจักรวาลดีม๊ากค่ะ

อ.อุบลช่่วยด้วย

คุยกับโซเฟอร์ไปเรื่อยๆ ปรากฎว่าท้้งคันเราโม้อยู่กันสองคน

ทั้งเสียงดัง

เจตนาน้อย

อยากให้ทุกคนในรถ

ได้ยิน

รหัสอ.อุบลช่วยด้วย

แต่เหตุการณ์วันนั้นโซเฟอร์คุยแต่เรื่องชั่วๆตัวเองศีลห้าทำย๊าก

ทำไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้

มาคราวนี้น้อยมีอาวุธลับมาด้วยเราขึ้นรถตู้ด้วยกัน 4 คน

อะย้า..ไม่กลัวค่ะมากันเป็นฝูงมีอะรั้ยเรารุมพ่อท่านฯโซเฟอร์แน่

น้อย..ยกมือสู้ตายค่ะทักทายโซเฟอร์..จำหนูได้มั้ยค่ะ

โซเฟอร์..จำได้

มากันเป็นฝูงมีพี่รัตนา พี่หน่อย จ.อุบลฯ พี่ชาย น้อย จ.อุดรฯ

วันนี้คนนั่งด้านหน้ากลับเป็นพี่รัตนา

พี่รัตนาเปิดฉากคุยกับโซเฟอร์ก่อน

ตามด้วยน้อยจำได้ว่าท่านอ.อุบลสั่งว่าทำทันทีทำง่ายๆ

ล้วงเอาเอกสารคาถาบวกรหัสอ.อุบลช่วยด้วย

แจกโซเฟอร์แจกทุกคนในรถทันที

พี่หน่อยนั่งด้านหลังน้อยรีบอธิบายๆๆๆ

โซเฟอร์เห็นท่ามาเยอะคราวนี้

รีบเปลี่ยนบทบาทใหม่

คุยสำนึกถึงคุณความดีของแม่ตัวเอง

บอกว่าตัวเองก็ไม่ชอบทานเนื้อสัตว์

คุยไปคุยมาเหมือนสำนึกดี

อนุโมทานาบุญกับพี่ท่านฯโซเฟอร์จ๋า

และก่อนสัปดาห์เข้าบ้านสวนฯน้อยได้รหัสลับอ.อุบลช่วยด้วย

บวกคาถาได้สั่งถ่ายเอกสารประมาณ 400 แผ่น

แบ่งคนครึ่งกับพี่ชาย

น้อยได้นำไปแจกด้วยเมื่อคราวไปสอบที่กทม.

ซึ่งคนมาสอบมาจากหลายจังหวัดม๊าก

เมื่อสอบเสร็จน้อยก็เริ่มปฏิบัติการ

รอแจก

ที่หน้าบันไดและตึก

คนเขาก็งงๆๆนะค่ะ

แต่มีพี่ผู้ชายท่านหนึ่งหลังได้รับเอกสารจากน้อยแล้ว

วิ่งมาหาน้อยทันที

น้องๆๆพี่ขออีกหน่อยเยอะน่ะเพราะที่รถพี่นะคนเยอะพี่ช่วยแจก

อีกแรงน่ะ  น้อยได้จ๊ะ แต่ขอแบ่งไม่ให้หมดน่ะ เพราะกั๊กไว้แจก

ที่รถตัวเองนั่งมามีพระมาด้วย 1 รูป

อานิสงส์

   เห็นทันทีเจ้าค่ะ

เพราะจะมีปัญหาการทำงานม๊าก เพราะระบบการทำงาน

ของท้องถิ่นนโยบ๊ายเยอะแยะไปหมดค่ะ

นโยบายทำม๊ากเหลือเข้ากระเป๋าเยอะๆๆๆ

แบบหาเสียงลงทุนมาม๊ากประมาณนั้น

เดิมทีผู้บัญชาการสูงสุ๊ด...จะเรียกน้อย...จะสั่ง สั่ง สั่ง สั่ง

มาบัดนี้ผู้บัญชาสูงสุ๊ดกลับไม่เรียกน้อย...กลับเรียกหัวหน้า

ขึ้นไปรับหน้าแทน

และหน.ท่านมักจะมองหาน้อยก่อนขึ้นขอกำลังจากน้อย

น้อยเคยแจกรหัสอ.อุบลช่วยด้วยบวกคาถาพร้อมฝากไปที่บ้าน

เพราะพี่ท่านอยู่ที่อำเภอนึง

ก่อนขึ้นไปน้อยก็จดใส่กระดาษเล็กๆให้หน.ว่า

อ.อุบลช่วยด้วย...ขอให้มีทางออกผู้บริหารอย่าสั่งอะรั้ยเกินควร

ขอให้มีปัญญามีทางออกแก้ไขปัญหาได้ในครั้งนี้ด้วยเทอญ

ผลออกมาสำเร็จจ๋า

และถ้าอยากดั้ยอะรั้ย

กลับบอกพี่อีกตำแหน่งแทนพี่เขางงม๊ากโทรศัพท์ลงมาแทนที่

จะสั่งอะรั้ยกับน้อย

แต่นี้กลับให้พี่ทำแทนน้อยซะงั้น

น้อยดีจั้ยม๊ากค่ะ

ไม่ต้องไปรับนโยบ๊ายม๊ากๆๆๆๆๆเหลือเข้ากระเป๋าม๊ากๆๆๆ

เอื้อประโยชน์พวกพ้องม๊าก

เวลามีงานประชุมน้องคนหนึ่งไม่ว่างก็มีอีกคนนึงว่างมาช่วย

งานจนดั้ยน้องที่เคยช่วยงานอยู่แล้วก็ยิ่งช่วยงานเราให้เสร็จ

เร็วขึ้นงานไหนเราด่วนน้องเขาก็เข้าใจรีบสะสางอันที่ด่วน

ให้ก่อนสรุปที่ผ่านมาน้อยไม่เคยเจอค่ะ

ถ้างานด่วนที่ผ่านถ้าน้อยทำไม่ทันโดนด่า

เวลาเข้าแถวตอนเช้ามาแล้ว

แบบประจานไปเล้ยถ้า...ไม่ดั้ยดังจั้ย..ผบ.สูงสู๊ด

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 02:26:04


ความคิดเห็นที่ 12 (1637894)

 เพราะเหตุแห่งบุญที่ท่านอาจารย์

ท่านหนึ่งที่พร่ำสอนไว้

นามท่านมีนามว่า

ท่านอาจารย์อุุบล

สร้างเหตุเช่นไรต้องได้รับผลเช่นนั้น

เพราะเหตุสร้างกรรมดีขึ้นมาทันที เดิมทีเราทุกข์

มีปัญหาที่ทำงาน เราทำบุญ

ธรรมทานทันที

เล้ยได้บุญทันทีเจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ม๊ากค่ะและท่านอ.มงคล

น้องท๊อปผู้ร่วมอุดมการณ์

ปั้นวัวปั้นควายอย่างน้อย

ให้เป็นคนและมนุษย์ขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่างมั้งแล้วค่ะ

และกราบขอบพระคุ๊ณพระองค์ปฐม พระศรีอาริย์

ท้าวเวสสุวรรณ บารมีพระเจ้าอยู่หัว องค์เทพสฟิงซ์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้านสวนพีระมิดเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 03:11:39


ความคิดเห็นที่ 13 (1637895)

ส่วนเรื่องการบ้านก็ไม่ได้ลืมค่ะ

ธรรมทานไหนที่ช๊อบประทับจั้ย ก็ได้ตั้งfile saveไว้เรื่อยๆ

ตั้งจั้ยว่าวันนี้จะนำไปถ่ายเอกสารเพิ่มเติมจ๋า

และยังมีอานิสงส์

ที่ได้รับอีกอย่างคือ

การเงินค่ะ

เดิมทีทำWork shop น้อยบอกว่าจะรายงานผล

ก่อนวันที่ 30 พ.ย 55

แต่มาวันนี้น้อยขอรายงานผลเล้ยค่ะ

เพราะวันนี้ 1 พ.ย 55 เริ่มมีสภาพคล่องทางการเงินแล้วค่ะ

เห็นๆเล้ยค่ะสามีแบ่งเงินโบนัสของสามีเองมาให้

มีหนทางเคลียร์หนี้ร้อยละห้า..นอกระบบ..สามารถเอา

ฮนกฮูกมาสับร่างกับตัวY

บ้างแล้วค่ะ

 ดีจั้ยจริ๊งๆๆค่ะ

เพราะผลกรรมที่ได้รับมันแสนทุ๊ขทรมานเหมือนตายทั้งเป็นค่ะ

การไม่มีเงิน การเป็นหนี้ การไม่มีสภาพคล่องทางการเงิน

ส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว สุขภาพจิต

ตัวเองไม่ออร่าดูแล้วซกม๊ก

เพราะเหตุเกิดจาก

ความชั่วที่เราก่อไว้ผิดศีลข้อสองมาม๊ากมายก่ายกอง

โอโห้ขณะน้อยบรรยายตัวอักษรอยู่ขณะนี้

ปกติน้อยจะท้องผูกม๊าก

มีอาการเบาท้องสบ๊ายท้องขึ้นม๊ากค่ะ

คืนมาทางเดิมค่ะมาโม้ต่อ

ศีลข้อสองที่น้อยฉลาดม๊ากทำมาเรื่อยๆคิดว่าทำแล้วจะรวยนะค่ะ

หรือเรียกว่าฉลาดน้อย

หรือแปลว่า โง่ น่ะค่ะ

ขโมยเงินแม่ ขโมยเงินพี่ชาย เคยแอบถอนเงินบัญชีแม่

ที่ทำงานก็เขียนเอกสารเท็จ ปลอมลายเซ็น โกงน้ำมันหลวง

เอาของหลวงกลับบ้าน ไปวัดก็ไปเอาอาหารขนมของวัด

กลับบ้านเกือบทุกครั้งที่ไปวัด

มิหน่า

ไปวัดตั้งน๊าน..ถึงยังป่วย..ยังเจ็บ..ยังจนอยู่

ก็เพราะเราไม่รู้เหตุของตัวเองที่ก่อไว้นี่เอง

หลังจากได้รับผลกรรม

เป็นหนี้ม๊ากมายก่ายกอง หมุนไม่ออก มีแต่ตัวเองหมุนติ้วๆๆๆ

หลังจากรู้จักบ้านสวนพีระมิด

ศรัทธาวิธีการทำบุญแบบบ้านสวนพีระมิด

คืออันดับแรกตั้งใจรักษาศีลห้าตลอดชีวิตตั้งใจฝึกมาเรื่อยๆ

ได้มั้งพลาดมั้งก็สู้มาเรื่อยๆ

ตั้งใจทานมังสวิรัติตลอดชีวิต

ตั้งใจทำบุญเล็กบุญน้อยตามท่านอาจารย์อ.อุบลแนะนำ

ตามกำลังปัญญา กำลังทรัพย์ตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน อภัยทานค่ะ

เพราะสร้างใหม่ที่ดีได้ ผลรับใหม่ก็เกิดขี้นได้ทันทีเช่นกันค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 03:27:20


ความคิดเห็นที่ 14 (1637897)

 ขอมาเตือนนักเรียนบ้านสวนพีระมิดทุกท่าน

เจ้าค่ะ

การบ้านธรรมทานที่คุณครูให้นำมาส่งอาทิตย์นี้นั้น

ขอกระซิบ

เบาๆนะค่ะว่า

ลอกกันดั้ยค่ะใครได้ปริ้น ได้เขียนไว้มั้งแล้ว ให้เพื่อนลอกได้ค่ะ

น้อยเองก็จะได้รีบทำค่ะจะดั้ยให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ลอกค่ะ

ฮะ ฮะ  ฮะ

ไม่ไช่อะรั้ยนะค่ะเดิมทีน้อยปึกม๊ากวิชาคณิตศาสตร์ทีไร

ให้พี่ชายสอนการบ้านเป็นต้องโดนเคาะกะโหลก

จนต้องร้องไห้เกือบทุกที

เพราะปึกแบบแปนปีก

(ปึกเหมือนไม้กระดาน)

แต่มาวันนี้  ฮ้า ฮ้า ฮ้า

พี่กลับต้องลอกการบ้านเรา

คนมันพัฒนาดั้ยค่ะ

ถึงปึกก็ปึกจริงๆๆโง่จริงๆๆ

แต่ โง่

แบบมีรหัสอ.อุบลช่วยด้วยค่ะ

จะเอาอะไรแลกจบหนอคราวนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 03:43:33


ความคิดเห็นที่ 15 (1637901)

ก่อนไปทำการบ้านธรรมทาน

น้อยมีนิทานเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ฟังให้อ่านค่ะ

ทุกท่านห้ามกระพริบตา

ตั้งใจฟังให้ดีๆนะค่ะ

(นิทานเรื่องควายตัวน้อยที่คิดว่าตัวฉลาด)

ควายตัวนี้เขาเป็นผู้หญิงชื่อว่า ยุวรัตน์  พันธุวงษ์

มีชื่อเล่นอีกว่า น้อย

ประสบการณ์อันโชกโชนของเขานะค่ะเขาไปท่องเที่ยวมาค่ะ

ไปเที่ยวทำผิดศีลข้อที่หนึ่ง (ห้ามฆ่าสัตว์)

แต่เขากลับทำผิดคือ

ทำแท้งโดยเจตนาสองครั้ง ฆ่าปลามามากม๊าย ฆ่าไก่ กบ เขียด

อึ่งอ่าง แมลงต่างๆ ปลวก ยุง หมาน้อย คางคก หนู ไส้เดือน นก 

ทำผิดศีลข้อที่สอง (ห้ามลักทรัพย์)

ควายตัวนี้ยังแอบไปขโมยเงินแม่ เงินพี่ชาย ทำเอกสารเท็จ

โกงเงินหลวง เขียนบิลน้ำมันหลวง เอาของหลวงกลับบ้าน

ไปวัดนำอาหารขนมเอกสารหนังสือสวดมนต์ของวัดกลับบ้าน

ควายตัวนี้ไม่ธรรมดาขโมยเงินได้ด้วย

ทำผิดศีลข้อที่สาม (ห้ามประพฤติผิดในกาม)

ควายตัวนี้ไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานจนต้องท้องโต

อยู่กับสามีคนปัจจุบันก่อนการแต่งงาน

ควายก็มีสามีกับเขาด้วยกลัวไม่มีฝูง

แอบชอบสามีชาวบ้าน

ทำผิดศีลข้อที่สี่ (ห้ามพูดปด)

ควายตัวนี้กลับนินทาพ่อแม่ตัวเอง เถียงพ่อแม่ตัวเอง นินทา

พ่อแม่สามี นินทาพระสงฆ์ นินทาเจ้านายลูกน้องเพื่อนร่วมงาน

นินทาคนอื่น ๆ

(ควายก็พูดเป็นด้วย)

ศีลข้อที่ห้า (ห้ามดื่มสุรา)

ควายตัวน้อยไปเที่ยวแล้วต้องเที่ยวสุดๆๆโอ....นี่น้ำอะไรน้อ

กลิ่นฉุนๆๆชิมดูหน่อยน้า

เขาก็เลยกินเหล้า กินเบียร์ค่ะ

และซื้อให้คนอื่นกินค่ะ

เขาคงคิดว่าตัวเองได้บุญมั้งและเท่ห์มั้ง

ที่ไหนทั้งป่วย ทั้งจน ทั้งเจ็บ ทั้งโง่

ทำอะไรเงอะงะ ซกม๊ก หลงหน้าหลงหลัง

ก็เล้ยไม่มีปัญญาทางธรรม

และควายตัวนี้สะเออะหาเรื่องใส่ตัว

ด้วยบังอาจเอื้อมไปถึงที่สูงกินหญ้าอยู่ดีๆไม่ชอบ

ไปปรามาสพระเยซูคริสต์ว่าไม่เก่งเท่าพระพุทธเจ้า

ของศาสนาพุทธ

ปฏิบัติตามแล้วไม่สำเร็จ

ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังเป็นควายยังสะเออไปว่าคนอื่น

มิหน่าถึงเป็นควาย

มีแต่อึด มีแต่ทน ทำงานจนตายก็เล้ยจะตายจริงๆๆๆ

และหล่อนยังไปเปิดร้านเกมส์ให้เด็กมัวเมา เคยดูภาพโปว์

ใช้เท้าเตะสามี(ควายมี 4 ขาเตะสามีได้)ถึงได้ปวดขาสมน้ำหน้า

ตีหมา ตีแมว ตีลูก ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจตัวเอง

ควายตัวนี้ก็เล้ยได้รับบทเรียนอย่างหนักจ๋า

ชีวิตครอบครัวของควายไม่เป็นฝูงชีวิตเขาไม่มีความสุข

มีปัญหาครอบครัว ลูกดื้อ สามีเจ้าชู้เอาแต่ใจตัวเอง ใจร้อน

ไม่เข้าทางธรรม ตัวเองปึก

เจ็บป่วยเป็นหวัดเรื้อรัง ภูมิแพ้ ท้องผูก

เวียนหัวอยู่บ่อยๆ

และแล้วควายน้อยตัวนี้หล่อนก็ไปท่องเที่ยวเจอ

บ้านสวนพีระมิด

อะย้า...คืออะไรน้อ

มีแต่พีระมิดเต็มไปหม๊ด

สร้างทำไม้หน๊อ

โอ้แม่เจ้า.....เจ้าของบ้านสวนพีระมิด

ส๊วยม๊ากค่ะ

ครั้งแรกเห็นโอ้ครีโอพัตราสวยม๊ากค่ะ

มีคุณสมบัติอื่นๆครบถ้วนเหมาะแล้วกับคำว่าผู้ดีค่ะ

ไม่ว่าความเก่ง ความสวย ฉลาดแหลมคม

บาดเข้าในใจควายตัวนี้เล้ยค่ะ

เพิ่นบอกว่าที่เรามีปัญหาอะไรม๊ากมายเพราะเราทำผิดศีลทุกข้อ

อะย้า..เหมือนตัวเราเล้ย

เมื่อชีวิตแย่แล้ว

แก้ไขตัวเองโดย

1.รักษาศีลห้าตลอดชีวิต 2.ทานมังสวิรัติตลอดชีวิต

3.ทำบุญเล็กบุญใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารทาน

ธรรมทาน อภัยทานตามกำลังปัญญา กำลังทรัพย์ของตัวเอง

และแล้วควายน้อยก็ลองทำตามดู

โอ้โห้

ชีวิตนี้ไม่ต้องกินหญ้าอีกต่อไปแล้ว

กินมังสวิรัติแทน

นอกจากหญ้าแล้วยังมีเผือก มีแตงโม แตงกวา แครอท ผักอื่นๆ

ผลไม้ส้มโอ แอบเปิ้ล หมากสีดา(ฝรั่ง) และอีกเยอะแยะ

อร่อยๆๆๆค่ะ  

ผลที่ทำตามท่านอาจารย์แนะนำปรากฏว่า

ชีวิตดีขึ้นม๊ากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยสุขภาพดีขึ้นม๊าก

การเงินเริ่มมีสภาพคล่อง ชีวิตครอบครัวที่เป็นฝูงมีความสุข

ม๊ากขึ้น ชีวิตการงานมีบริวารเข้ามาช่วยเหลือด้วยความจริงใจ

ปัญหาที่ทำงานเบาบางลงม๊ากค่ะ

และแล้วนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ถ้าไปเที่ยวแล้วชีวิตเจออะไรที่ผิดพลาดมาแล้ว

จงแก้ไขตัวเองเดี๋ยวนี้เล้ยก่อนที่ยังไม่ต้ายลงนรกจ๋า

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 03:54:18


ความคิดเห็นที่ 16 (1637909)

 กราบขอบพระคุณอ.แม่

ที่มาเร่งบอกให้พวกเราทำบุญใหญ่

เพื่อรอดพ้นภัยพิบัติ

หนูจะพยายามตัดอารมณ์ อิจฉาริษยาให้ได้ค่ะ

อ่านข้อความของอ.แม่แล้ว

เหมือนมันมาช่วยยกระดับจิตใจขึ้นมาอีกหน่อยนึง

มีสติรู้เท่าทันและไม่อยากโกรธใคร

ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วค่ะ

จะพยายามมีจิตที่อยู่เหนือสำนึกตัวเองให้ได้ค่ะ

เพราะที่ผ่านมาปล่อยจิตอยู่ใต้สำนึกมาตลอดเลย

เลยไม่พ้นทุกข์สักที

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 04:56:58


ความคิดเห็นที่ 17 (1637914)

 

1.ให้เขียนเล่าเรื่องตัวเอง

ที่มีทุกข์ มีปัญหา มีอุปสรรค

เจ็บป่วย ด้วยโรคใด

แล้วเรามารับรู้ว่า

เกิดจาก กรรมใด ได้อย่างไร

และ

เราแก้ไขอย่างไร

ผลของการแก้ไข เป็นอย่างไร

 

หาย หรือ ดีขึ้น

เพราะอะไร ยังไม่หายเพราะอะไร

 

การเล่าเรื่องตัวเอง

เป็นบุญธรรมทานที่ได้บุญ

สูงที่สุด ไม่มีบุญใดเสมอเหมือน

เล่ากี่ครั้ง ก็ไม่ผิด ไม่บิดเบือน

ยกเว้นเจ้าตัวจะบิดเบือน

 

ในชีวิตเกิดมา

มีปัญหาตั้งหลายอย่าง

ปัญหาแต่ละอย่าง

แก้อย่างไร

อะไรเป็นสาเหตุ

เล่าให้หมด

 

การเล่าปากเปล่า

ก็ต้องทำ แต่มันจะช้า

ไม่เหมือนเล่าด้วยปากด้วย

เขียนด้วย

................................

กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์

ที่เมตตามาแนะนำแนวทาง

ในการปฏิวัติ

การเขียนธรรมทานรูปแบบใหม่

ที่จะส่งผลทันทีทันใด

ในทุกๆด้านของชีวิต

 

ขอน้อมรับไปปฏิบัติค่ะ

 

และจะเลิกโกรธ เลิกอิจฉา

และอุเบกขาให้ได้ค่ะ...อาจารย์


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 07:54:26


ความคิดเห็นที่ 18 (1637916)

ท่านอาจารย์เมตตาบอกไว้ชัดเจนแล้วนะครับ ถึงวิธีการเขียนธรรมทานของตนเอง

สักครู่นี้ผมเพิ่งได้อ่านกระทู้ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ของคุณแพม ในเวปอื่น ซึ่งเป็นการเขียนไม่ใช่เรื่องตัวเอง แต่เป็นการเขียนสรรพคุณของท่านอาจารย์ ซึ่งสำนวนการเขียนเป็นการเขียนแบบเชิญชวนให้มารู้จัก และทำบุญกับอาจารย์อุบลแล้วจะหายเจ็บ ร่ำรวย

ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ที่ทุกคนไม่เชื่อฟังท่านอาจารย์ที่ให้เขียนเรื่องตัวเอง ไม่ใช่การเขียนแบบนี้ และเวปอื่นก็เคยแบนสมาชิกที่เขียนเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง

จึงขอรีบพิจารณาโดยด่วน นี่คือการสร้างปัญหาและทุกข์แก่ตัวคุณแพมเอง ไม่ใช่การสร้างบุญแก่ตัวเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 08:04:04


ความคิดเห็นที่ 19 (1637950)

พ่อใหญ่ธนาจ๊ะ

คุณแบม ที่ว่า คือคุณแพม

ที่อยู่อเมริการึเปล่าจ๊ะ

 

ถ้าเป็นคนนี้

จะได้ต่อเรื่องติดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 10:41:15


ความคิดเห็นที่ 20 (1637966)

วันนี้ได้ประชุมลูกน้องเป็นครั้งที่ 2 ในการระดมความคิดที่จะ

จัดนิทรรศการเรื่อง ศีล 5 และรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย...ในห้องสมุด

ได้แบ่งงานกัน ให้ช่วยหาข้อมูล จากในเว็บบ้านสวน และประสบการณ์ของตัวเองค้วย

ก็ช่วยกันคิดว่าเราจะทำเชิงรุก จะติดข้อความไว้ที่ไหนบ้าง

ชั้น 1 จะติดภาพรวม และทุกเรื่อง

เช่น ห้องน้ำชาย จะติดเรื่องการผิดศีลข้อ 3 และ 5

โดยในชั้นต่าง ๆ จะมีตัวอย่างไม่เหมือนกัน

ห้องน้ำหญิงจะติดเรื่องกรรมผิวพรรณ

ในลิฟท์จะติดรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย และคาถาพระศรีอาริย์

ชั้นต่าง ๆ ที่เหลือจะติด ตามมุมที่มีผู้ใช้บริการมาก ๆ

และมีตัวอย่างไม่เหมือนกัน

พร้อมทั้งจะแจกแผ่นพับ และเอกสารเล่ม

จะจัดแข่งขันตอบปัญหา ความรู้ที่ได้จากนิทรรศการ

จะประกวดการเขียนเรียงความ เรื่องการผิดศีล 5 ด้วย

ฉายคลิปวีดิโอ

โดยให้เวลาหาข้อมูล 1 สัปดาห์

และได้แบ่งหัวข้อตัวอย่าง การใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย เป็นด้าน ๆ

เช่น ใช้ในการเรียน ใช้ในด้านการงาน

การเงิน สุขภาพ  ครอบครัวละอื่น ๆ

ท่านใดมีความคิดเห็นอย่างไร เสนอแนะได้นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 11:22:01


ความคิดเห็นที่ 21 (1637978)

ต่อไปนี้

ถ้าใครไปบ้านสวนฯ

อย่าไปมือเปล่า

 

นำเอาธรรมทานที่ตัวเองเขียน

หรือ พริ้นท์ ออกมา

ถ่ายเอกสาร ไปแจกจ่ายด้วย

++++++++++++

กราบขอบพระคุณอ.อุบล

ที่คอยย้ำเตือนให้พวกเรามีสติ

ว่าพวกเราควรที่จะสร้างบุญใหญ่กันให้มากเพราะว่า

บัดนี้เวลา

มันขมวดเข้ามาแล้วจริงๆ

 

และเบสจะพยายามตัดความโกรธ

และมีจิตที่เหนือสำนึกให้ได้ครับ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 12:03:44


ความคิดเห็นที่ 22 (1637982)

น่านแน่หมอก็เผลออ่าน เรื่องควายน้อยจนจบ เพราะเล่าได้ออกรส เห็นภาพเลยหละ 

ว่าที่จริง ชีวิตของทุกๆคนก็หนุกแบบนี้แหละ อยู่ที่ว่าจะเล่าได้ถึงพริกถึงขิงได้อย่างไร มีหมดทั้งต้นและดอก ทุกอย่างอยู่ที่เราเลือกทำทั้งนั้น;)

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 12:13:18


ความคิดเห็นที่ 23 (1637984)

ขอโทษด้วยครับ พี่แพม ครับ ไม่ใช่พี่แบม ครับ ผมจำชื่อผิดครับ แก้ไขแล้วครับ ขอบพระคุณมากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 12:17:08


ความคิดเห็นที่ 24 (1637987)

อนุโมทนากับ

รศ.เบญจรัตน์ ค่ะ

ถ้าประเทศไทย มีคนช่วยกันทำอย่างนี้

เราสามารถหยุดภัยพิบัติ

ได้จริงๆค่ะ

 

และ

หน่วยงานไหน

องค์กรไหน ครอบครัวไหน

คนไหน ทำได้

คนนั้น

จะพบอานิสงส์ของบุญธรรมทาน

อย่างอัศจรรย์จริงๆ

ค่ะ

 

ทั้งพ้นทุกข์

ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติหรือไม่

ทั้งรอดปลอดภัย

ถ้าพัยมา

 

พวกเราลองอ่านดู

ลองพิจารณา สิ่งที่ รศ.เบญรัตน์ทำ

แล้วดูว่า เราทำอะไรได้บ้างนะคะ

 

อาจจะไม่เหมือน

เพราะหน้าที่การงานเราไม่เหมือน

แต่เราปรับได้ค่ะ เพื่อให้

เข้ากับองค์กร

และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 12:23:02


ความคิดเห็นที่ 25 (1637999)

และต่อไปนี้

จะถือเป็นกฏข้อหนึ่ง

ซึ่งเป็นข้อสำคัญยิ่ง

 

ในการที่ใคร

จะเข้าไปบ้านสวนพีระมิด

จะต้องมีธรรมทาน

ชีวิตตัวเอง

ถ่ายเอกสารเตรียมไปแจกด้วย

 

ทุกคน

ต้องส่ง อ.อุบล ก่อน

แล้ว อ.อุบล จะเป็นผู้ให้ทีมงาน

กลั่นกรอง และ

แจกธรรมทานของคุณเอง

 

ส่วนใครจะมีสำเนา

จากในเวปที่คนอื่นเขียนไปแจกด้วย

ก็ยิ่งดี แต่ยึด ของตนเอง เป็นหลัก

 

เริ่มสัปดาห์นี้เลย

ก็แล้วกัน

 

ส่งข่าว

ไปหลายๆกระทู้ด้วยนะจ๊ะ

และ

ถ้าคุยกันได้ ก็บอกกันด้วยนะ

 

มิฉะนั้น

หมดสิทธิ์เข้าบ้านสวน

นะจ๊ะจะบอกให้

 

อย่างยายแก้ว

คุณพยาบาลพระมงกุฎฯ

ไม่รู้ว่า

ทำไมอยากไปบ้านสวนนักหนา

ทั้งที่ อ.อุบล ก็ประกาศแล้วว่า

ถ้าใครไม่เขียนธรรมทาน

ตามที่ได้บอก แสนครั้งแล้ว ห้ามเข้า

ก็ยังเพียรจะเข้า

โดยยืนหยัด ที่จะไม่เขียนธรรมทาน

ต้องการใช้อภิสิทธิ์ชน

ต้องการเป็นคนพิเศษ

 

ชีวิตคุณแก้ว จึงพิเศษกว่าคนอื่น

ตรงที่ ไม่หายขาดสักที

จนถาวรตลอดชาติ

 

เพราะมึน อย่างเดียว

ตื๊อเท่านั้น.....ที่ครองโลก

ไม่ทำอะไรเพื่อใคร

ไม่รักตัวเอง

แต่

คิดว่า นี่ทำเพื่อ เฉพาะ

ตัวเอง แต่ ไม่เคย

ฉุกคิด

 

เอาแค่

มาทำบุญแรงกาย

แล้วหายหัวทิ่ม หัวตำ

หัวคะมำคว่ำลงพื้น

แค่นี้

ยายแก้วพอใจแล้ว

 

ส่วนมโนกรรม คิดลบ

อับปัญญา ไม่มีสภาพคล่อง

ยายแก้วไม่สนใจเลย

 

รอจังหวะ

อ.อุบล เผลอ

จะรอเข้าบ้านสวนให้ได้

 

แล้วก็อีกหลายๆคน

ที่รู้ทั้งรู้ว่า ตัวเองไม่ทำตาม

ที่ อ.อุบล ให้ทำ

แต่ อยากจะมา ชอบมา

 

เอ

บ้านสวนพีระมิด

นี่สงสัย อาหารดี ดนตรีเพราะ

เป็นแหล่งรวม ควายๆ

เป็นแหล่งเป้าหมาย ขายสินค้า

ทำธุรกิจ ติดต่อ

อยากไปเมืองนอก ก็มารอ

คนที่มาจากเมืองนอก

มาขอเบอร์ ขอเมลล์ ให้หาสามี

หาช่องทางให้

 

บางคน

ดูแล้ว ถ้าจะได้เหยื่อ

ได้ลูกค้า เพิ่มรายได้ เพิ่มผลงาน

ให้ตัวเอง ไม่ว่ากฎสวรรค์จะรุนแรง

เจ็บปวดทรมานแค่ไหน

ก็ทนได้

 

มีอุปสรรคในชีวิต

ก็ทนได้

ขออย่างเดียวให้ได้มา

ให้มีโอกาส มีช่องทางไว้ก่อน

 

เรื่องปรากฎการณ์บ้านสวน

เรื่องปาฏิหาริย์

เรื่องกฏแห่งกรรมไม่สน

 

สนแต่เงิน

สนแต่ผลประโยชน์

 

ยิ่งตอนนี้

ใกล้วันเวลาภัยพิบัติ

ที่เขาเล่าลือกันเข้ามาแล้ว

ต้องหาทางเข้ามา

บ้านสวนให้ได้

 

ได้ข่าวว่า

ที่นี่ปลอดภัยที่สุด

 

เอาหละ

คราวนี้ จะได้รู้ว่า

สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะรู้ไหม

ว่าคุณทั้งหลายมีเป้าหมายใด

ในการมา

 

ความในใจของคุณ

จะถูกเปิดโปงให้คนทั้งหลาย

ได้รู้แผนการณ์ได้หรือไม่

ต้องคอยดู

 

แล้ว

ลูกควาย และ พ่อแม่ควาย

บ้านสวน จะถูกกินไหม

 

จ่าฝูง

จะช่วยไหม หรือว่า

จะยืนมุงดู ลูกควาย ถูกรุมกิน

 

นี่ยกตัวอย่างคุณแก้ว

แต่ไม่ได้แปลว่า คนที่เข้ามาคนอื่น

จะทำดีแล้ว บางคน มีแผนมาเลย

ว่าฉันจะเข้าไปให้ได้

ไปให้ได้ ไปให้ได้ ไปให้ได้

ทางไหนก็ได้ รอจังหวะ เข้าบ้านสวนให้ได้

เพราะ

มันอดอยากปากแห้ง หิวเหยื่อมานาน

ดังนั้น อ.อุบล จะปล่อยให้

เสือหิว

เข้ามาหาเหยื่อดูอีกที

ดูซิ ควายทั้งฝูง และ ลูกควาย

จะมีใครถูกกินมั่ง

อาทิตย์นี้

 

ดูกันให้ดี ดูกันเอง

นะจ๊ะ

 

ไอ้เข้ เข้ามาบ้านสวน แล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 12:43:38


ความคิดเห็นที่ 26 (1638015)

ขอท้าวความ

เรื่องคุณ "แพม" ที่มาจาก

อเมริกา

 

มาบ้านสวนครั้งแรก

เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดย

โทร.ไปขออนุญาตกับคุณแมว

 

ซึ่งคุณแพม

ขอล่วงหน้าเพียง วันเดียว

คือ ขอวันศุกร์

จะเข้าบ้านสวนวันเสาร์

 

พอคุณแมวไม่ให้

เพราะขาดคุณสมบัติ คุณแพม

เธอร้องไห้โฮ

อ้อนวอนคุณแมว

ว่าจะกลับเมกา

วันเสาร์แล้ว ตอน 5 ทุ่มขึ้นเครื่อง

ดังนั้น ขอเถอะ

ขอมากราบ อ.อุบล สักครั้ง

อีก 5 ปีกว่าจะได้กลับมาอีก

 

คุณแมวเห็นว่า

เป็นเคสพิเศษ จึงได้โทร.ปรึกษา

อ.อุบล จึงได้อนุญาตไป

 

แต่ก่อนอนุญาต

ก็ให้สอบถามว่ารู้จักบ้านสวน

ได้ยังไง

ซึ่งคุณแมวก็ลงขออนุญาตให้

 

เธอได้เข้ามาบ้านสวน

ด้วยกรณีพิเศษ

ไม่ค่อยได้ศึกษาอะไรจากเวป

บ้านสวนพีระมิดเลย

 

เพราะพึ่งเจอเวป

เข้ามาอ่านเข้ามาดูคร่าวๆ

ก็อยากเข้ามาเลย

 

ดังนั้น

สิ่งที่พ่อใหญ่ธนา

และหลายคนเห็นคุณแพม

พูด คิด เขียน อะไร

ที่เป็นการขัดความรู้สึกพวกเรา

 

นั่นเป็นเพราะว่า

คุณแพม มีเวลาศึกษา

ธรรมะน้อย แต่ ชีวิต มีทุกข์มาก

 

เมื่อมาพบเจอ

สิ่งมหัศจรรย์ที่สุด ที่ไม่เคยเจอ

คือเรื่องของตัวเอง

ซึ่งเป็นโรคสะเก็ดเงินทั้งตัว

หัวจรดเท้า

แล้วหายได้ง่ายๆใน 1-2 ชั่วโมง

แม้ว่าไม่ได้หายทั้งตัว 100 %

 

แต่หน้า หัวเธอ

หายหมดเกลี้ยงจนตกใจ

 

ส่วนทั่วตัวหายเกิน 90 %

แล้วกลับไปเมกา

เธอบอกว่า เธอหายมากขึ้นเรื่อยๆ

 

อันนี้

น่าจะเป็นเรื่องอัศจรรย์

เรื่องช๊อคสำหรับเธอ

 

แต่ด้วยความที่

เธอ

มาพบเห็นคนอื่นเขาก็หายกัน

ง่ายๆ ไม่ใช่เธอคนเดียว

และแถมโรคต่างๆกันอีกด้วย

 

อันนี้

ทำให้คุณแพม

ยังคุมจิต คุมใจไม่ได้

 

ประกอบกับ

สาเหตุของโรคสะเก็ดเงิน

มาจาก

ความเป็นคนโกรธง่าย ใจร้อน

ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห ขี้วีน

เอาแต่ใจตัวเอง

ใครขัดใจไม่ได้ จึงเป็นโรคนี้

 

คนเป็นโรคนี้

มักทำกรรมหนักๆมามาก

กฎแห่งกรรม จึงให้ทุกข์มาก

ให้มีปัญหาที่ต้องอับอาย

มีปมด้อยมาก

 

ซึ่ง

สิ่งที่คุณแพมทำ

อยากให้พ่อใหญ่ธนา

เข้าใจ สงสาร เห็นใจ เธอ

ว่า

เจ้ากรรม เขาพาให้ทำ

พาให้เธอคิดแต่จะทำกรรมหนักเพิ่ม

เพื่อซ้ำเติมเธอ

 

เจ้ากรรม

เขาไม่ต้องการให้เธอ

พ้นทุกข์

 

เพราะ

เขาเห็นเธอกำลังหาย

แต่

เขาต้องการให้เธอได้รับทุกข์

อุปสรรคใหม่อีก

เขาจึงคอยดลจิต ดลใจเธอ

ให้หาเรื่องใส่ตัวอีก

ด้วยการ

เข้ามาเขียนเรื่อง อ.อุบล

ซึ่งเป็นคนที่ชี้ทางพ้นทุกข์ให้เธอ

และผู้คนทั้งหลายอีกมากมาย

 

เพราะ

ถ้าทำบาปกับ อ.อุบล

เธอจะได้รับผลบาปมากกว่า

ทำกับคนอื่น ที่ไม่มีพระคุณกับเธอ

 

สังเกตได้จาก

ที่เธอเริ่มคิดปรามาส อ.อุบล

แล้วจู่ๆ

เธอก็ต้องการเขียนเรื่อง อ.อุบล

ทั้งที่ อ.อุบล ได้บอกแล้ว

ว่า

ธรรมทานที่มีกุศลสูงสุด

คือเขียนเรื่องตัวเอง

ซึ่งมีแง่มุมมากมายให้เขียน

 

สิ่งที่เธอพบเห็น

ในบ้านสวน ในมุมมองของเธอ

เพื่อนร่วมกลุ่มเธอ

เธอสามารถเขียนได้แต่ไม่เขียน

 

เธอต้องการเขียน

ชื่นชม โอ้อวด สรรพคุณ อ.อุบล

ซึ่ง เป็นสิ่งที่ อ.อุบล ไม่นิยม

ไม่ต้องการให้ใคร

มายกให้

เป็นผู้วิเศษ ไม่ต้องมา

โฆษณาสรรคุณ

 

ถ้าจะโฆษณา

ให้โฆษณาสรรคุณตัวเอง

 

สรรเสริญ

คำสอนของพระพุทธเจ้า

ไม่ใช่คำสอนของ อ.อุบล เอง

 

อ.อุบล

เป็นเพียง ผู้เอามาบอก

 

ดังนั้น

คุณแพม ยังยึดติด

ตัวบุคคล

 

ต่อไปนี้

ถ้าคุณแพมจะเขียนธรรมทาน

ให้ชนะเจ้ากรรมนายเวรได้

ก็ให้เขียนเรื่องตัวเอง

 

ให้เผยแพร่เรื่องตัวเอง

อย่าหยุด แม้ว่าจะเขียน ซ้ำๆ

ก็ไม่เป็นไร แต่เขียนในหลายมุมมอง

 

เช่น

รู้สึกอย่างไร

ที่หายได้ รวดเร็ว

เคยรักษาที่ไหนมาบ้าง

เป็นมากี่ปี

 

เริ่มเป็นครั้งแรก

เป็นยังไง เมื่อไหร่ แล้วย้อนนึก

กรรมออกหรือไม่

 

แล้วทำไม

อยู่ประเทศเมกา

เมืองศิวิไลซ์จึงรักษาไม่หาย

 

การหาย

เกิดจากอะไร วิเคราะห์เรื่องนี้

ดีกว่าไหม คุณแพม

 

และ

ให้คนอ่านเขาช่วย

วิเคราะห์การหายของคุณแพม

น่าจะเป็นการเปิดประเด็น

ที่เป็นกุศลมหาศาล

ดลบันดาลให้

คุณแพม

ความปรารถนาสมหวัง

มีตังส์กลับบ้าน

ก็ได้นะ

 

และอย่าลืม

ลองหาวิธีช่วยคุณนัฐพร นิ่มเสน่ห์

ที่จะเผยแพร่รหัสจักรวาล

ให้ชาวอเมริกัน

และ

ชาวโลก พ้นภัยพิบัติ

จะดีกว่าไหมจ๊ะ

คุณแพม

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 13:24:03


ความคิดเห็นที่ 27 (1638024)

คุณนนทพร

ซึ่งมาจากอเมริกา

ได้มุ่งมั่นข้ามน้ำข้ามทะเลมา

ด้วยศรัทธา

แตละครั้งเธอจะมาอยู่หลายวัน

9 วันบ้าง 7 วันบ้าง

หรือกว่านั้น บางทริป มาหลายรอบ

ก่อนจะกลับ

 

ครั้งนี้

ก็มาอยู่ 7 วันแล้ว

 

ต้องยอมรับว่า

น้ำใจ คุณนนทพร ยิ่งใหญ่มาก

 

และ

การที่จิตเธอ

ทรงอุเบกขา กับแรงเสียดทาน

ต่างๆ ที่เธอได้พบ

ทั้ง ใน และ นอก บ้านสวน

 

ทั้งขณะอยู่บ้านสวน

และ

หลังจากกลับจากบ้านสวน

 

หลังจากกลับไป

อเมริกาแล้ว

 

ขอให้พวกเรา

ฟังตัวอย่างที่ 1 ก่อนนะ

เพราะมีหลายประเด็น

 

1.

คุณปิ่น

ซึ่งเป็นอดีต

เซ็นเตอร์พาเมล่า

ได้พบเจอคุณนนทพร

ณ บ้านสวนพีระมิด แล้ว

ได้ทำกิจกรรมด้วยกัน เช่น

งานเกษตร การแสดง

 

ยกตัวอย่าง

ณ งานเกษตร ที่ทำด้วยกัน

แล้วมีคำพูดหนึ่ง ซึ่งคุณปิ่นพูดกับ

คุณนนทพร สองต่อสอง

ว่า

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

ซึ่งคุณนนทพร

เขาบอก อ.อุบล และคนฟังว่า

เขายอมรับ และ รู้ตัว

ว่าเขาไม่สวย เขาเป็นจริง

อย่างที่คุณปิ่นว่า

 

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า

อ.อุบล และ หลายคนที่รับฟัง

ต่างก็ อึ้ง ในคำสนทนา

ที่คุณปิ่น บอก คุณนนทพร

 

บังเอิญ อ.อุบล เป็นคนโง่

 

อยากขอความเห็น

คนอ่าน หน่อยได้ไหมว่า

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า หรือว่า คุณปิ่น

ปรารถนาดีกว่านี้ อย่างไร

 

ช่วยตอบด้วยนะจ๊ะ

แล้วจะได้เล่าประเด็นและ

เรื่องราวต่อไปอีกหลายเรื่อง

 

แต่ละเรื่อง

เกี่ยวข้องกับคนที่มาบ้านสวน

ทั้งนั้น.........จ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 14:03:08


ความคิดเห็นที่ 28 (1638031)

 

กราบ กราบ กราบ  ท่านอาจารย์อุบลเจ้าค่ะ

 

นัชญ์ ได้เผยแพร่ ธรรมทานไปแล้ว เกือบ 1000 ฉบับ

หรืออาจมากกว่านั้น

ซึ่งค่าใช้จ่ายในการพิมพ์มาจาก นัชญ์ พ่อ แม่ และป้าค่ะ

 

วัตถุประสงค์ของนัชญ์คือ

ต้องการให้ทุกคนได้ใช้ รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

และขอใช้บารมีพระศรีอาริย์ที่อาจารย์อุบลได้อาราธนามา

เพื่อหยุดยั้งภัยพิบัติ

ความตั้งใจของ นัชญ์ และ แม่ และป้า เพื่อหยุดยั้งภัยพิบัติ

 

แต่นั่นยังไม่ได้เป็นธรรมทานที่นัชญ์เขียนเป็นชีวิตของตัวเอง

แต่นัชญ์จะรีบเขียนทันทีค่ะ  ตามคำสอนของท่านอาจารย์

ซึ่งที่นัชญ์แจกไป  เป็นธรรมทานของท่านอาจารย์ค่ะ

คือเป็นรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

วิธีการใช้ และต้องอุทิศบุญให้เทวดาและท่านอาจารย์ และ

การขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อาจารย์อุบลอาราธนามา

ผลที่ได้รับคือ เป็นปาฏิหาริย์มาก ๆ ค่ะ เพราะ

นัชญ์กำลังจะได้เปลี่ยนรถจาก

รถคันเก่าที่ใช้มานานกว่า 20 ปี

เป็นรถปิ๊กอัพที่นัชญ์ต้องการเพื่อใช้ในช่วงใกล้ภัยพิบัติ

ป้าจะซื้อให้นัชญ์ค่ะ   นัชดีใจมาก ๆ ค่ะ

 

แต่บางครั้ง นัชญ์ก็สงสัยค่ะ ว่าการตั้งใจทำความดี

ถ้ากลายเป็นทำความผิด  นัชญ์กลัวมากค่ะ

แล้วเราจะพิจารณาอย่างไรดีค่ะ 

ไม่ให้การทำความดีที่ตั้งใจกลายเป็นการสร้างบาปมหันต์

บางทีปัญญาของนัชญ์ก็นึกไม่ถึงว่าอาจามีผลร้ายอย่างไรบ้าง

เราจะพิจารณาอย่างไรค่ะ 

 

นัชญ์จะทำตามคำสอนของท่านอาจารย์ทุกอย่างค่ะ

นัชญ์จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด  

แม้นัชญ์อาจจะไม่ได้ไปเข้าร่วมกิจกรรมที่บ้านสวนในช่วงนี้ได้

อย่างสม่ำเสมอ

 

กราบ กราบ กราบ ท่านอาจารย์อุบลเจ้าค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณที่ท่านได้ให้พรที่มีค่าแก่นัชญ์

รวมทั้งคำสั่งสอนที่ล้ำค่า 

และพระบารมีที่ท่านได้เมตตาให้แก่ ผู้ที่ทำผิด

ทำบาปมามากมาย   ได้เห็นหนทางพ้นทุกข์ ค่ะ

 

กราบ กราบ กราบ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 14:35:32


ความคิดเห็นที่ 29 (1638035)

คุณปิ่นพูดกับ

คุณนนทพร สองต่อสอง

ว่า

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

ซึ่งคุณนนทพร

เขาบอก อ.อุบล และคนฟังว่า

เขายอมรับ และ รู้ตัว

ว่าเขาไม่สวย เขาเป็นจริง

อย่างที่คุณปิ่นว่า

 

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า

อ.อุบล และ หลายคนที่รับฟัง

ต่างก็ อึ้ง ในคำสนทนา

ที่คุณปิ่น บอก คุณนนทพร

 

บังเอิญ อ.อุบล เป็นคนโง่

 

อยากขอความเห็น

คนอ่าน หน่อยได้ไหมว่า

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า หรือว่า คุณปิ่น

ปรารถนาดีกว่านี้ อย่างไร

 

ช่วยตอบด้วยนะจ๊ะ

แล้วจะได้เล่าประเด็นและ

เรื่องราวต่อไปอีกหลายเรื่อง

 

แต่ละเรื่อง

เกี่ยวข้องกับคนที่มาบ้านสวน

ทั้งนั้น.........จ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์

 

   

นัชญ์คิดว่า  คุณปิ่น เป็นผู้ที่ยึดติดในรูป รส กลิ่น เสียง มาก ๆ

ติดอยู่ที่เปลือกภายนอก 

ไม่ได้มองคนที่คุณงามความดีที่อยู่ภายในจิตใจ

 

แต่ว่าคุณปิ่นอาจปรารถนาดีต่อคุณนนทพรก็ได้ค่ะ

ถ้ามองในแง่ที่ว่า

พูดแบบนั้น  เพื่อให้คุณนนทพรได้ทดสอบ

ความอุเบกขา  ที่มีอยู่

 

กราบ กราบ กราบ ท่านอาจารย์อุบลเจ้าค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 15:09:58


ความคิดเห็นที่ 30 (1638047)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่เลยนะ

เลยนะ

................................

ขนาดเพื่อนที่รู้จักกันมานาน

เล็กเองยังไม่กล้าพูดเลย

แต่คุณปิ่นช่างกล้า

คนที่กล้าพูดวิจารณ์คนอื่นแบบนี้

โดยเอาจุดด้อยคนอื่นมาพูดข่ม

เพื่อให้เขาดูด้อย กว่าตัวเอง

คงไม่คิดถึงใจคนฟัง ว่ารู้สึกอย่างไร

คิดว่าข้านี่แน่ ไม่ต้องเกรงใจ 

 รู้จักอ. อุบล และบ้านสวน มานานแล้วกว่าใคร

แล้วคงอิจฉาาา...คุณนนทพร

ซึ่งอยู่ต่างประเทศ คงอยากไปบ้างล่ะมั้ง

หรือคิดว่าคุณนนทพร รวย แล้วอยากรวยบ้าง

และคงไม่คิดว่า คุณนนทพรจะเอามาเล่าใคร

แล้วตัวเองจะเน่า

ผู้แสดงความคิดเห็น เยาวลักษณ์ เกิดมีทรัพย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 15:51:44


ความคิดเห็นที่ 31 (1638057)

31 ตค. 55 ธรรมทานจากนางวิชภา ดำรงพานิชชัย

ดิฉันจะเล่าประสบการณ์ที่เกิดกับดิฉันหลังจากกลับจากบ้านสวน

คือข้างบ้านมีสุนัขกระเป๋าชื่อลองกอง ๆโดนรถชนบาดแผลไม่มี

แต่คอกับหูถูกกระแทกอย่างแรงขยับคอได้ข้างเดียวเดินไม่ได้

หมอบอกว่ากระดูกคอเคลื่อนหายใจหอบเหมือนจะช๊อก

เจ้าของก็ร้องไห้ใหญ่ดิฉันจึงไปหยิบแหวน

พีระมิด/แหวนองค์สฟิ้งซ์และจี้รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีรวมกันแล้ว

อธิษฐานขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนทุกพระองค์และรหัส

อ.อุบลช่วยด้วย ช่วยให้ลองกองหายจากคอเคลื่อนด้วย

ดิฉันเอา 3 องค์จี้ไปที่ตรงคอสัก 5 วินาที ลองกองขยับตัว

ยกหัวขึ้นมองเหมือนขอบคุณ เจ้าของดีใจกันใหญ่ ดิฉันจึง

บอกให้ขอบคุณอ.อุบลพร้อมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆพระองค์ที่บ้าน

สวนพีระมิดพร้อม ๆ กันเลย เจ้าของน้องหมาก็ถามดิฉันว่า

บ้านสวนพีระมิดอยู่ที่ไหน ดิฉันก็บอกแกก็ถามว่าเมื่อไหร่

ดิฉันจะไปอีก ดิฉันจึงบอกให้แกไปดูรายการให้ครบ 9 ตอนก่อน

ดิฉันให้ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยเลยแล้วท่องคาถาพระศรีอาริย์

ถ้าได้ผลแล้วต้องขอบคุณรหัสจักรวาลนี้ด้วย

อีกเรื่องหนึ่งตั้งแต่ดิฉันกลับจากบ้านสวน กิจการขายน้ำผักผล

ไม้ปั่นดีขึ้นมา 30% และอีกหลายเรื่องเช่น ดิฉันนึกในใจว่า

จะเขียนธรรมทานเรื่องลองกองภายใน 3 วัน แต่ไม่ได้เขียนสักที

จนวันที่ 4 ดิฉันโดนถีบลื่นล้มอย่างแรงถุึง 2 ครั้ง พอมาวันนี้

(31/10/55) ตอนเช้าโดนน้ำมันลวกนิ้วชี้ซ้ายปวดแสบปวดร้อน

มาก ดิฉันรีบเอาจี้มาทาบกับนิ้วแล้วบารมีองค์สมเด็จพระ

สัมมาสัมพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์

และอ.อุบลช่วยด้วยช่วยให้ดิฉันหายปวดแสบปวดร้อนเถิด

เหมือนมีพลังบางอย่างดูดนิ้วมือประมาณ 3 วินาที พอดีมีลูกค้า

มาดิฉันก็ไปหยิบน้ำผักปั่นขายพอนึกได้อีกที อ้าว!!! หาย

ปวดแสบปวดร้อนตั้งแต่ตอนไหน ดิฉันก็เข้ามาที่ห้องพระ

แล้วก้มลงกราบกับพื้นขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่บ้าน

สวนพีระมิดและอ.อุบล ที่ทำให้ดิฉันพบเจอแต่สิ่งดี ๆ

ดิฉันได้มาปฏิบัติแล้วได้ผลจริง ๆ ดิฉันได้เล่าเหตุการณ์ให้

คนแถวบ้านฟังทำให้เค้าอยากจะมาบ้านสวน ดิฉันจึงบอกให้

ดูให้ครบ 9 ตอนก่อนและให้ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย ท่านให้มา

ฟรี ๆ ลองใช้ดูได้ผลอย่างไรขอให้มาเล่าดิฉันจะได้นำมาเขียน

ธรรมทานบอกต่อ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

นางวิชภา  ดำรงพานิชชัย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 16:06:47


ความคิดเห็นที่ 32 (1638062)

หนูคิดว่า คำพูดที่คุณปิ่นพูดกับพี่นนทพร ไม่ได้มาจากความรักความเมตตาเพื่อเป็นกระจกสะท้อนเงาค่ะ เพราะไม่มีประโยชน์ ไม่ช่วยให้พี่นนทพรพ้นทุกข์ เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับธรรมทาน ที่อาจส่งผลให้ผู้พูดมีรูปร่างหน้าตาอย่างนั้น และอาจโดนคนอื่นพูดทำร้ายจิตใจค่ะ 

คำพูดแสดงให้เห็นว่า คุณปิ่นยึดติดกับร่างกาย ซึ่งเป็นทุกข์ แทนที่จะสนใจในสิ่งที่ทำให้หายทุกข์ คือพิจารณาการกระทำที่เป็นบุญหรือบาป ว่าทำให้เกิดผลดีหรือผลเสียอย่างไร แล้วเราควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร

เรื่องนี้ ทำให้หนูได้คิดถึงบาปกรรม ที่หนูชอบพูดทำร้ายจิตใจ ระบายอารมณ์โกรธใส่คนอื่น โดยเฉพาะกับพ่อแม่ค่ะ ซึ่งส่งผลให้ เสียใจเพราะคำพูดของคนอื่น และทำให้ชีวิตยังมีอุปสรรคค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 16:15:08


ความคิดเห็นที่ 33 (1638066)

1 พย 2555
จุ๋ม ขออนุญาตท่านอาจารย์อุบล เล่าความชั่วผิดศีลของตนเองเป็นธรรมทาน ทั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ว่าให้รอดจากภัยพิบัติ การรอดหรือไม่จากภัยพิบัติ ตนเองรู้สึกปลง ความกลัวตายลดลงเรื่อยๆ การยกจิตเหนือสำนึกเป็นอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจค่ะ

ก่อนเข้าบ้านสวนตนเองยังไม่มีความเจ็บป่วยทางกายมากนัก แต่ก็เริ่มมีสัญญาน คือไปทำ memogram พบ cyst ขนาด 1 cm นี่ก็เป็นสาเหตุประกอบว่าทำไมเมื่อฟัง ดร อาจอง พูดเรื่องให้ทานมังสวิรัติ ตนเองก็ทำตามทันทีได้ง่าย เพราะคิดว่าเนื้อสัตว์จะไปหล่อเลี้ยง cyst นั้นให้โตกลายเป็นมะเร็งได้ ผ่านไป 1 ปี ได้มีโอกาสร่วมบุญที่บ้านสวนมากเข้าๆ cyst กลับเล้กลง หมอว่าปกติแล้ว

กรรมเด่นก่อนเข้าบ้านสวนทั้งตนเอง และจิ๋ม ได้คิดปรามาสมาก่อนว่า อ.อุบลแต่งตัวเซ็กซี่รัดรูป กว่าจะละอัตตาไปสารภาพบนเวที่ ค่าย 10 ได้ท่านอาจารย์เหนื่อย เพราะอัตตาว่าเราเคารพอาจารย์ ณ ตอนนี้ แต่ก็คิดไปแล้วในอดีต มีผลทำให้ต้นคอที่ปวดหายปลิดทิ้ง

ส่วนกรรมในสถานที่ทำงานเยอะมาก ช่วงทำงานก็ต้องทำหนูทดลอง เหม็นจนเป็นภูมิแพ้ ไอตลอด ตอนไปเรียนต่อโท ก็ทำหนูอีก เบ็ดเสร็จ 1000 ตัว เมื่อกลับมาก็มีผลให้เป็นภูมิแพ้มาตลอด

กรรมในที่ทำงานที่ติดเป็นสันดานจนปัจจุบัน คือ การนินทาเพื่อนร่วมงาน เช่น หัวหน้าภาค ตลอดจนลูกศิษย์ เล่าความไม่ดีของคนหนึ่งให้อีกคนฟัง ตอนนี้พยายามเลิกให้ได้ แต่ยังเผลอบ้าง

สำหรับความโกรธ ขุ่นมัว ก็มีกับแม่บ้าน และกับน้องบ้าง ประปราย ตนเองพยายามละให้ได้ ไม่ใช้วาจาเชือดเฉือนใครอีกต่อไปค่ะ ความโกรธนีเอง เป็นสาเหตุให้หน้ามีฝ้าดำที่แก้มมาจนปัจจุบัน

สายตายาวของตนเองน่าจะเกิดจาเคยเข้าไปดูเวปรูปหญิงโป๊ อยู่พักหนึ่ง และชอบดูละครนำเน่ามากๆเลย

กราบขอบคูณอาจารย์อุบล ที่พยายามช่วยลูกหลานให้หลุดกรรม และขอบคุณผู้อ่านมากๆ  ธารีรัตน์ จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 16:28:36


ความคิดเห็นที่ 34 (1638069)

อยากขอความเห็น

คนอ่าน หน่อยได้ไหมว่า

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า หรือว่า คุณปิ่น

ปรารถนาดีกว่านี้ อย่างไร

 

ช่วยตอบด้วยนะจ๊ะ

ผมมั่นใจว่าท่านอาจารย์เคยสอนให้พูดธรรมทานเป็นกระจกเงาแก่คนอื่นในข้อบกพร่องของเขา ด้วยความเมตตาหวังดี

แต่เท่าที่อ่านดู นี่ไม่ใช่แบบที่ท่านอาจารย์สอนแล้วล่ะครับ นี่มันเป็นการดูถูกกันชัดๆ

แถมเป็นการดูถูกแบบแอบแฝงด้วยอะดิ หากว่ากันไปตามตรงแล้ว คนที่พูดแบบนี้กับคนอื่นก็คงหวังให้เขารู้สึกต่ำต้อย เสียใจและรู้ว่าไม่คู่ควรแก่บ้านสวนฯ

หรือง่ายๆก็คือ อย่ามาบ้านสวนฯอีกเลยนะ ทั้งดำทั้งเตี้ย แถมขี้เหร่อย่างเธอนี่

โห อะไรจะใจดำใจร้ายสุดๆขนาดนั้นพี่ปิ่น แถมแอบแฝงด้วยวิธีการกำจัดคนออกจากบ้านสวนฯอีกแน่ะ

ไม่ได้เจตนาพูดให้คนพบทางสว่างพ้นทุกข์เลย มีแต่พยายามเหยียบย่ำให้ท้อแท้แบบหวังผลอย่างที่บอกแหละครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 16:40:27


ความคิดเห็นที่ 35 (1638083)

ป้าเห็นภาพที่จี้เป็น

ท่านอาจารย์อุบลที่เป็นราชินีอียิปต์

คือป้าบอกว่าเห็นเป็นราชินีที่สวย

แต่ไม่ใช่ของไทย  เขาอธิบายลักษณะ

ว่าชุดยาว  มีที่ใส่บนศรีษะ แต่ไม่ใช่ชฎา

เลยถามป้าว่า  เป็นราชินีของอียิปต์ใช่มั้ย 

ป้าบอกว่าใช่ เห็นท่านอาจารย์อุบล

เป็นราชินีอียิปต์

และก็เห็นท่านอาจารย์อุบลเป็น

ผู้หญิงสูงศักดิ์ในลักษณะต่าง ๆ 

 เป็นราชินีลักษณะต่าง ๆ มากมาย  หลายแบบ

และก็เห็นเป็นภาพหลวงพ่อฤษีด้วย

ตื่นเต้นมาก  แทบร้องไห้ 

นัชญ์อยากเห็นบ้างจัง

ตอนป้าเล่าแล้วก็ขนลุกไปด้วย

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-29 19:33:50

 

 

นัชญ์จะมาเล่าต่อค่ะ

เมื่อวานนี้ นัชญ์เห็นคุณป้าใส่เครื่องช่วยฟังอีก

แต่คุณป้าบอกว่า ใส่ไว้เฉย ๆ  หูได้ยินดีแล้ว

 

แต่นัชญ์ก็ขอบารมีองค์จี้ 3 โพธิ์ศรีบำบัดคุณป้า

โดยให้คุณป้าเพ่งสมาธิที่องค์จี้ 3 โพธิ์ศรีและองค์จี้พระศรีอาริย์

และขณะเดียวกันนัชญ์ก็อธิษฐาน

ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย  ,

ขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อาจารย์อุบลอาราธนามา ,

ขอบารมีองค์จี้ 3 โพธิ์ศรี และ

ขอบารมีองค์จี้พระศรีอาริย์

ให้คุณป้าหายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหมด

แล้ว คุณป้าก็บอกว่า

เห็นที่จี้เป็นภาพสมเด็จพ่อองค์ปฐม

และเห็นเป็นภาพอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งคุณป้าอธิบายไม่ถูก

พูดถูกแต่ภาพสมเด็จพ่อองค์ปฐม

ที่เป็นเหมือนภาพที่ติดที่บ้าน

เพราะที่บ้าน

จะมีภาพสมเด็จพ่อองค์ปฐมสีทองปางนิพพาน

ที่พระหัตถ์ทั้งสองวางที่หัวเข่า

เป็นปางนั่งห้อยพระบาททั้งสองข้าง ที่พระแท่น

นัชญ์คิดว่าการที่คุณป้านั่งเพ่งที่องค์จี้อย่างมีสมาธิมาก

จึงทำให้สามารถมองเห็นภาพต่าง ๆ มากมาย

ทั้ง ๆ ที่นัชญ์ ไม่เคยบอกคุณป้า เลยว่า องค์จี้ 3 โพธิ์ศรี

เป็นสมเด็จพ่อองค์ปฐม

พระศรีอาริย์

และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

และผู้ที่นัชญ์ใช้บารมีจี้ 3 โพธิ์ศรีอีกคนคือ

1. นายสิริศักดิ์  สมิตะสิริ พ่อของนัชญ์

เป็นโรคเบาหวาน ความดัน

พ่อบอกว่า ท้องผูกสองวันแล้ว

นัชญ์ก็เข้าไปนอนข้าง ๆ พ่อ

เพราะพ่อนอนอยู่

แต่ไม่รู้ว่าหลับหรือไม่

แล้วนัชญ์ก็เอามือนัชญ์จับจี้ 3 โพธิ์ศรีและจี้พระศรีอาริย์

วางไว้ให้อยู่ในมือพ่อ ให้พ่อได้จับจี้ทั้งสององค์

น่าจะประมาณซัก 5 - 10 นาทีได้

พร้อมทั้งอธิษฐานใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ,

และขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อาจารย์อุบลอาราธนามา ,

และขอบารมีองค์จี้ 3 โพธิ์ศรี ,

และขอบารมีองค์จี้ รุ่นบารมีพระศรีอาริย์

ให้ นายสิริศักดิ์  สมิตะสิริ หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหมด

สักพัก พ่อก็ลุกขึ้นไปเข้าส้วม  ถ่ายเป็นปกติ

นัชญ์ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ

 

นัชญ์ขอกราบพระบาท สมเด็จพ่อองค์ปฐม พระศรีอาริย์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ท่านอาจารย์อุบล

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่บ้านสวนพีระมิดและทั่วสากลโลก

ที่ได้มอบโอกาสให้นัชญ์ได้ช่วยเหลือบุพการีของนัชญ์ค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 14:08:29

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 17:48:15


ความคิดเห็นที่ 36 (1638107)

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

++++++++++++++++

เบสคิดว่ามันคือ

การหลอกด่า ดีดีๆนี่เองครับ

และต้องการยกตนข่มท่าน ต้องการแสดงอำนาจว่าตัวเองแน่กว่าคนอื่น

หรืออาจจะเป็นการพูดเพราะความอิจฉาก็เป็นไปได้ครับ

เพราะคุณป้า นนทพรมาจากอเมริกา

คุณปิ่นอาจนึกอิจฉาก็เป็นได้

เลยพูดแบบนั้นออกไป

เพื่ออาจจะหวังว่าจะสามารถทำให้คุณ นนทพรจิตตก

แล้วไม่มาบ้านสวนอีก

 

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า

++++++++++++++++++

คงไม่ใช่แน่นอนครับ

เพราะการบอกเพื่อเป็นกระจกเงานั้น

จะเป็นการบอกในสิ่งที่ไม่ดีของเขา

เพื่อช่วยให้เขาปรับปรุงตัวเอง

ให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม 

แต่คำที่ว่า อ้วน เตี้ย ดำ นี่มันเป็นคำที่เอาไว้ด่า

หรือเอาไว้เยอะเย้ยชัดๆเลยครับ

 



 


  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 18:48:47


ความคิดเห็นที่ 37 (1638112)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่เลยนะ

เลยนะ

อ๋อยคิดว่าที่คุณปิ่นพูดแบบนี้ เป็นการทำร้ายจิตใจ

คุณนนทพรชัดๆ มิได้มีความปราถนาดีอันใด

หากให้เดา คงอิจฉา

ที่คุณนนทพรมีสามีเป็นฝรั่ง

เท่าที่อ๋อยทราบมาจากคนรู้จักที่เขามีสามีเป็นฝรั่ง

อยู่ 2-3คน เขาบอกว่า ฝรั่งนี่นะเขาให้ความสำคัญ

ในด้านจิตใจมากกว่า รูปกายภายนอก

ผิดกับนิสัยของผู้ชายไทย ส่วนใหญ่

จะนิยม ขาว สวย อึ๋ม

แม้นิสัยจะแย่ยังไง ก็ไม่ถือ

ไม่เชื่อ ถามน้องสิงห์ป้อมก็ได้ อิ อิ

แต่ คำพูดของคุณปิ่นก็มิได้บั่นทอน

ความศรัทธาของคุณนนทพรที่มีต่อบ้านสวนฯ

และท่านอาจารย์

ยังคงที่จะมากราบท่านอาจารย์ เมื่อมีโอกาส

แผนการสกัดดาวรุ่งของคุณปิ่นจึงไม่ได้ผลค่ะ

และชีวิตของคุณปิ่นในปัจจุบันก็มิทราบว่าเป็นยังไง

แต่ที่แน่ๆ ชีวิตของคุณนนทพรกลับ มีแต่เรื่องดีๆ

กิจการเจริญรุ่งเรืองสวนกระแสที่เศรษกิจกำลังแย่

จนอดไม่ไหวที่ ต้องบินลัดฟ้ามาขอบคุณ

ผู้มีพระคุณ

ที่บ้านสวนพีระมิดจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 19:34:46


ความคิดเห็นที่ 38 (1638113)

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

-----------

เป็นการซ้ำเติม ตอกย้ำ

ซึ่งเรื่องเช่นนี้อาจารย์ก็ไม่แนะนำให้ซ้ำเติมใคร

มีแต่ให้พลอยยินดี

เมื่อเห็นเขาได้ดี

ส่วนคุณนนทพรทำตามเหมือน

ที่หลวงพ่อฤาษีบอกไว้แป๊ะ

คือถ้ามันจริงอย่างเค้าพูดก็ยอมรับ

ไม่โกรธไม่ว่า

แต่รู้สึกคุณปิ่นจะหยุดกรรมที่

ตัวเองก่อไปนั้นไม่ได้แล้ว

ว่าอย่างไงหรือเกลียดอะไร

ย่อมได้อย่างนั้น

----------

ธรรมที่พระพุทธองค์สอน

ให้มองความชั่วตัวเอง

เมื่อมันเห็นคนอื่น

มันไม่ได้ฝึก

มันจึงล้น

จากความคิด

ออกมาทางวาจา

ต้องใช้สติยับยั้งให้มันอยู่ในใจเรา

อย่าให้มันล้นออกมา

ตัวเรานี่แหละเลวสิ้นดี

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 19:35:14


ความคิดเห็นที่ 39 (1638119)

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

++++++++++++++++

ขอเดาค่ะว่า คุณปิ่นไม่ได้คิดหวังดีกับคุณนนทพร แน่ๆ เลยค่ะ

จากคำพูดที่ว่า

 

 

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่เลยนะ

  

     เหมือนยกตนข่มท่าน    โดยการตัดสินคนจากภายนอก ไม่ได้ดูความดีของคนจากการกระทำ  เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่  เที่ยวไปตัดสินคนโน้นคนนี้     โดยไม่ได้ดูตัวเองว่า  เราดีกว่าเขาตรงไหน  เราได้ดีมีเงิน  และได้อยู่ต่างประเทศอย่างเขาได้หรือเปล่า (อิจฉา) 

    ป้าเตือนขอแจมค่ะ ว่าอีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ คงอยากขายเครื่องสำอางค์พาเมล่าแน่ๆ เลยค่ะ  เผื่อคุณนนทพรจะเกิดอยากสวย สนใจเรื่องความงาม ก็จะได้เข้าทางคุณปิ่นที่รอเปิดประเด็นไว้ ลูกค้ารายใหม่(ตังค์หนัก)กำลังจะหมุนมา  เงินก็จะไหลมาเทมา  บาปกรรมเอาก่อนไม่สำคัญ  ตอนนี้เห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าเหนาะๆ  

    จะมองอีกด้านก็คือ  คุณปิ่นอาจต้องการทดสอบอารมณ์ใจของคุณนนทพรสมาชิกใหม่ว่ามีขันติ อุเบกขาทนต่อแรงเสียดทาน  ที่ตนพูดหยอกล้อหรือโต้ตอบมั๊ย มั้งคะโต้                                                                                                                   

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญชลา บุตรโส (อัญ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 20:07:33


ความคิดเห็นที่ 40 (1638121)

รูปภาพ : ไม่ต้องไปถาม ว่าคนนั้นคนนี้ นิสัยเป็นยังไง ดีใหม..?
ให้เอากระจกเงามาส่อง แล้วถามดูซิว่า...
คนที่อยู่ในกระจก นิสัยดีใหม..? น่าคบใหม..? 

ชอบรูปนีัที่คุณแมวเอามาให้ดู

ก่อนที่เราจะว่าให้ใคร ก็ต้องกลับมาดูต้วเองเสียก่อนเนาะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 20:10:49


ความคิดเห็นที่ 41 (1638122)

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

***

ผมคิดว่าคุณปิ่น เป็นคนไม่รู้จักคิดก่อนพูด และพยายามจะเหยียบคนอื่นให้ต่ำลงเพื่อที่ตัวเองจะได้สูงขึ้น ฟังแล้วก็ไม่ใช่การติเพื่อก่อเลยครับ

แล้วก็พูดแบบไม่คิดถึงใจคนฟัง แต่ผลกรรมมันก็ตกอยู่ที่ตัวผู้พูดนั่นแหละ คนที่ดูแย่ไม่ใช่คุณนนทพร แต่เป็นคุณปิ่นต่างหาก

 

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า หรือว่า คุณปิ่น

ปรารถนาดีกว่านี้ อย่างไร

คิิดว่าไม่ใช่ครับ น่าจะเป็นการตำหนิ ปมด้อยของคนอื่น ยังดีนะครับที่คุณนนทพร วางอุเบกขา ถ้าไปพูดที่อื่น มีหวังโดนดีแน่เลยครับ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 20:14:56


ความคิดเห็นที่ 42 (1638128)

 

รูปภาพ : ไม่ต้องไปถาม ว่าคนนั้นคนนี้ นิสัยเป็นยังไง ดีใหม..?
ให้เอากระจกเงามาส่อง แล้วถามดูซิว่า...
คนที่อยู่ในกระจก นิสัยดีใหม..? น่าคบใหม..?

 

 

ชอบรูปนีัที่คุณแมวเอามาให้ดู

ก่อนที่เราจะว่าให้ใคร ก็ต้องกลับมาดูต้วเองเสียก่อนเนาะ

ชอบเหมือนกันค่ะ คุณหมอขา

งั้นแมวขอกด Like ๆๆๆๆๆๆ ค่ะ

*******************************

 

 ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

++++++++++++++++

เป็นเพราะคุณปิ่น ไม่มีความคิด

ไม่มีจิตเมตตา

พูดเพื่อ..ให้ตัวเองดูดี

กดปม คนอื่น

ไม่มีมารยาท ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยรู้จัก

พี่นนทพรมาก่อนเลย

แบบนี้เค้าเรียกว่า ปากเสีย

ถ้าเป็นแมวนะ ก็จะตอบเลยค่ะว่า

ขอบคุณ นะคะคุณคนสวย

ที่ชี้แนะ

แต่ขอรับรองค่ะว่า

ไม่สวยข้างนอก

แต่ก็ไม่เน่าข้างในนะคะ

5555555555+++

คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า
คนจะสวย สวยกายา ใช่ตาหวาน
คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน
คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต 

***********

ชอบจังค่ะ กลอนบทนี้

สอนอะไรได้มากมาย

และก็เป็นอะไรที่ไม่นิยม

ประเภท

สวยนอก  เน่าใน

อีกเหมือนกัลล์

  

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 20:20:24


ความคิดเห็นที่ 43 (1638134)

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

***

การที่คุณปิ่นพูดเช่นนี้ คุณปิ่นไม่ได้หวังดีต่อคุณนนทพรแน่นอน

เพราะร่างกายนั้นไม่ได้สำคัญเ่ท่าจิตใจ

การเอาปมด้อยของคนอื่นมาเหยียบย่ำ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่มีอะไร

จะเทียบกับคุณนนทพรได้

ว่าไปแล้วคุณนนทพรก็เหนือกว่าคุณปิ่นทุกอย่าง

ดังนั้นคุณปิ่นคงอิจฉา จึงพยายามหาจุดด้อยของคุณนนทพร

เพื่อสร้างปมเด่นให้กับตัวเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 20:40:08


ความคิดเห็นที่ 44 (1638137)

 

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

..............................

คุณปิ่น

ซึ่งเป็นอดีต

เซ็นเตอร์พาเมล่า

 

......................................................................

คิดเหมือนป้าเตือน สงสัยอยากขายพาเมล่าแน่เลย

คงจะพูดแบบให้คนอื่นมีทุกข์

ในปมด้อย  ไม่สวย ดำ ถ้าคุณ นนทพรคล้อยตาม นี่

ขายพาเมล่าได้ขวด 

.......................................

หรือเขากลัวว่าพอคุณนนทพร เข้ามาแล้วอ.อุบล

จะให้ความสำคัญมากกว่าเขา กลัวมีคู่แข่ง

เลยต้องพูดประชดประชัน ให้คุณ นนทพร

รู้สึกไม่ดี แล้วจะได้ไม่ต้องกลับมาอีก

.................................

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 20:46:26


ความคิดเห็นที่ 45 (1638143)

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

.................

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

.......................

เอาแบบตรงๆเลยนะครับ เป็นกลอุบายการหาเหยื่อหรือหาลูกค้าครับ ถ้าคุณนนทพรฟังแล้วคล้อยตามและรู้สึกเป็นปมด้อย คุณนนทพรก็จะปรึกษาวิธีเพิ่มความสวยจากคุณปิ่น ทีนี้คุณปิ่นก็จะสบโอกาสเสนอขายเครื่องสำอางทันทีครับ

และอีกแง่มุมหนึ่งคือคุณปิ่นต้องการพูดเพื่อให้คุณนนทพรรู้สึกว่าด้อยกว่า ถึงแม้คำพูดคุณปิ่นจะเป็นความจริงแต่ก็เป็นคำพูดที่แล้งน้ำใจไม่ไยดีผู้อื่นและขาดเมตตาอย่างรุนแรงครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 21:13:40


ความคิดเห็นที่ 46 (1638164)

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

****

   จริง ๆ ก็ไม่ทราบว่าพี่ปิ่นคิดอะไร

แต่อ่านแล้ว  เป็นคำพูดที่แสดงให้รู้ว่า

เป็นคนไม่มีเมตตาเลย  ไม่คิดถึงความรู้สึก

ของผู้ฟังเลย ว่าจะเป็นยังไง เลยทำให้คิดต่อว่า

สงสัยจะอิจฉาพี่นนทพร  เลยหาเรื่อง

มาพูดให้ตัวเองดูดี  และข่มคนอื่นให้ด้อย

กว่าตัวเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 22:04:03


ความคิดเห็นที่ 47 (1638173)

 

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

.................

 

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

**************

อ้อยคิดว่า

ถ้าอยากรู้ว่าพี่ปิ่นคิดอะไร

เบื้องหลังคำพูดข้างต้น

ก็ดูจากสิ่งที่พี่ปิ่น

ได้รับอยู่ในปัจจุบัน

เพราะทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลตามนั้น

ตอนนี้พี่ปิ่นได้กระเด็นออกไปจากบ้านสวนฯแล้ว

และคงไม่ได้กลับเข้ามาอีก

แสดงว่าพี่ปิ่นพูดเพื่อหวังให้คุณนนทพร

เสียกำลังใจ

จิตตก

ไม่อยากมาบ้านสวนฯอีก

เพราะนับวันจะมีคนหลากหลาย

น่าสนใจ

เข้ามาที่บ้านสวนฯ

เดี๋ยวมาแย่ง

ที่กิน ที่นอน

ที่สำคัญ

เดี๋ยวมาแย่งความรักจากท่าน อ.อุบล

ตัวพี่ปิ่นจะได้อยู่ใน

บ้านสวนต่อได้สบาย

เพราะพี่ปิ่นรู้ตัวว่าไม่มีอะไร

เทียบคุณนนทพรได้

ดังนั้นใช้วิธี ทำให้เราดูดี

โดยการเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่นดีก่า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 23:05:25


ความคิดเห็นที่ 48 (1638177)

 การที่คุณปิ่นพูดแบบไม่คิดนั้นก็ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่

รู้แต่ว่าคุณปิ่นขาดเมตตามากๆ เอาปมด้อยของคนอื่น

มาพูด ไม่รู้ว่าพูดเพื่อให้ตัวเองดูดี หรืออิจฉาเรื่องอะไร

กันแน่ อีกอย่างก็คิดเหมือนป้าเตือนว่า คงอยากจะขายของ

เผื่อจะได้ลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มอีกรายหนึ่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 23:27:38


ความคิดเห็นที่ 49 (1638182)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข

 

 

สำหรับตุ้ยมองว่าพี่ปิ่นแกกำลังซ้ำเติม

ในรูปลักษณ์ของคุณนนทพรค่ะ

ทั้งๆ ที่พูดไปทั้งหมดไม่ได้มีข้อคิดอะไรดีๆ สักอย่าง

ฟังอย่างไรก็เป็นการเยาะเย้ย ซ้ำเติม ถากถาง

คนที่ด้อยกว่า (แต่หัวใจอาจงดงามกว่าคนพูด)

ไม่ได้มีความหวังดีใดๆ นอกจากความสนุกปาก

คะนองปาก เห็นคุณนนทพรไม่ตอบโต้

แกก็คงเอาใหญ่

ซึ่งถ้าจะมองให้ดีหน่อย พอแกหลอกด่าเสร็จ

แกก็อาจจะลูบหลังโดยการบอกว่า

แต่แกก็น่ารักของแกนะ อะไรประมาณนี้นะคะ อิๆ


ทำให้นึกถึงคำที่ท่าน อ.อุบลเคยบอก

พวกเราว่าอย่าสนใจในจริยาของผู้อื่น

อย่ายึดติด โดยเราลืมมองย้อนดูตัวเอง

ว่าเราดีกว่าเขาแล้วหรือยัง

คำบางคำไม่สร้างสรรค์แถมยังยิ่งทำให้

คนๆ หนึ่งจิตตกเศร้าหมองไปเลย

อย่างนี้มีแต่บาปกับบาป ผิดศีลข้อ 1 , 4

คือทำร้ายจิตใจผู้อื่นทางคำพูด  ด้วยค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-01 23:36:42


ความคิดเห็นที่ 50 (1638187)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

คุณปิ่นพูดจาแบบนี้ข้อแรกเป็นคนขาดความเมตราอย่างมาก

ทำให้คนที่กำลังสร้างบุญใหญ่ จิตตก คิดมาก

ขาดกำลังใจสร้างบุญต่อ

แต่ถ้าคุณนนทพร ไม่สนใจคำพูด ไม่เป็นดังเขาพูด

ยังคงสร้างสร้างบุญต่อไปถือว่ามีขันติมากครับ

ข้อที่สองคุณปิ่นกำลังคิดหาลูกค้าในเขตบุญ

มาทั้งทีมียอดติดมือสักหน่อย น่าคิดตรงที่ว่าถ้าอยู่บ้าน

ใช้วิธีนี้ลูกค้าคงจะหมดไปแล้ว มาใช้กับคนใจบุญสุนทาน

น่าจะเชื่อคนง่ายดีกว่า

ข้อที่สามกำลังเปิดกลวิธีขายของ ใช้วิธีรุก

เผื่อปลาติดเบ็ด

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 00:04:22


ความคิดเห็นที่ 51 (1638188)

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 00:07:02


ความคิดเห็นที่ 52 (1638190)

 

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ
 
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

 

 ชีวิตที่มั่นสร้างบุญไม่หยุด ทำบุญทุกโอกาศที่มี

อย่างคุณนนทพร

ผมว่ามีความสุขมากทั้งสุขกายและสุขใจ

เผื่อแผ่ไปยังคนในครอบครัวและรอบข้าง

เป็นอย่างมาก ความทุกข์นั้นแทบจะหมดไป

นี่ละพระพุทธเจ้าบอก ทุกสิ่งเกิดจากเหตุ

ปลูกมะม่วงก็ต้องได้มะม่วงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

ผิดกับชีวิตคุณปิ่น ผลกรรมที่สร้างในเขตบุญ

คงเล่นงานแล้ว ทั้งการงาน การเงิน ครอบครัว

ติดขัดไปทุกอย่าง ทุกข์แสนสาหัก

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 00:26:55


ความคิดเห็นที่ 53 (1638194)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

..............................

คุณปิ่น

 

ซึ่งเป็นอดีต

เซ็นเตอร์พาเมล่า   ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

*******

1) น่าจะเป็นความคิดที่อิจฉา ริษยาและตอกย้ำปมด้อย

ของผู้อื่น  ซึ่งความเป็นจริงแล้วคุณนนทพร

มีดีกว่า เขาเยาะยะเลย

คนอย่างคุณปิ่นไม่มีทางเทียบได้เลย.

 2) เป็นกลอุบายการหาเหยื่อการขายเครื่องสำอางค์

อีกวิธีการหนึ่ง

*********

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 00:40:57


ความคิดเห็นที่ 54 (1638201)

ขอสารภาพบาปอีกสักครั้งหนึ่ง เขียนทีไรก็ไม่จบ

นางสาว รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง ผู้หญิงที่ไม่เคยรักษาศีลห้า ครบสักครั้ง

ผิดศีลข้อ1  ฆ่าปลาทุกชนิด ฆ่าไก่ กบ ไส้เดือน หนู ตะขาบ แมงป่อง ยุง มด แมลง ทุกชนิด  เหยียบคางคก จิ้งจกตาย ตีหลังวัว ควาย ตีหมู ตีแมว ตีหมา  นั่งหลังวัว นั่งหลังควาย ตี- กัด -ตบ เพือนบ้างเวลาทะเลาะกันสมัยยังเด็ก  ชอบกินสัตว์ที่คนอืนไม่กินเช่นเนื้องู ไข่งู  เคยกินเนื้อสุนัข- เนื้อแมวเพราะอยากลิ้มรสชาด

ผลของการผิดศีลข้อ1 เป็นโรคหมอนรองกระดูก ไสนัส  ภูมแพ้ ผมร่วง แพ้อาหาร ลำไส้อักเสบ ปวดประจำเดือน

ผิดศีลข้อ 2 ลักทรัพย์ ผัก ผลไม้ของญาติพี่น้อง และไม่ใช่ญาติ บ้านไกล้กัน (โดยไม่เคยขออนุญาตก่อน อยากกินเก็บกินเลย บางครั้งใด้ยินเสียงเจ้าของเขาด่า ว่า ก็นิ่งเฉยในใจคิดแต่ว่ามันสนุกดี ลักขโมยเขากิน) ขโมยเงินพี่ชาย น้องชาย แม่  นี่สมัยเด็กนะค่ะ

พอถึงวัยทำงานชอบอู้งานไปสาย แอบนอนเวลางาน นินทานาย กินอาหารชา กาแฟ เวลางาน ชอบทำงานเอาหน้า เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น  ลักเศษทองในส่วนที่เรารับผิดชอบแต่เราควบคุมเปอร์เซ็นการสูญเสียใด้  พลอย มุก ที่ใม่ใด้คุณภาพกลับบ้าน  พูดง่ายๆๆก็ขโมยนั่นแหละ

เอาเวลาทำงานมานั่งอ่านหนังสือสอบ ตอนนั้นเรียนด้วยทำงานไปด้วย เอาอุปกรณ์สำนักงานใช้ส่วนตัวตั้งแต่สมุด ปากกา ดินสอ คอมผิวเตอร์

ชวนเพื่อนทำบัตรเครดิค เพราะเรามีเพือนขายบัตรแล้วเราก็จะใด้ค่านายหน้า  เพื่อนในบริษัททำกันเพียบ ติดหนี้กันเกือบทุก คนละหลายๆๆใบ

ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละห้า ถึงร้อยละสิบ  เขียนบิลเท็จ ชอบกินของฟรี ชอบให้เพื่อนเลี้ยงข้าว สั่งอาหารแพงๆ

ทำธุรกิจขายตรง ลงสื่อโฆษนา ทางอินเตอร์เนต ทางคนรู้จัก ชวนเพื่อนๆทำติดหนี้กันเพียบ

ผลของการผิดศีลข้อ2 เป็นโรคชามือ นิ้วล็อก ถูกเลิกจ้าง ด้วยนายจ้างผลประกอบการไม่ดีขายกิจการให้คนต่างชาติ  ด้วยการสุ่มรายชื่อเราติดหนึงในนั้น คนที่อยู่ทำงานต่อก็มีนายจ้างเป็นชาวต่างชาติไป

ธุรกิจขายตรงที่กำลังเจริญรุ่งเรืองดันโดนที่ปรึกษาโกงเงินที่ลงสื่อโฆษนาทางอินเตอร์เนต ที่มงานโดนที่ปรึกษาระดับสูงยักยอกทรัพย์ สั่งสินค้าไปไม่ใด้ของสูญเสียเงินมากมาย

เลยออกมาเปิดร้านเล็กๆๆด้านความสวยความงามประสบการไม่มีก็เจ๊งสองครั้งอีก หมดตัวพอกันที

ผิดศีลข้อ3 เป็นคนไม่ค่อยจริงจังกับใคร คบเล่นๆไม่รู้จักคำว่ารักคนอื่น รู้แต่รักตัวเอง แต่พอเราคิดว่าน่าถึงเวลาที่จะคบใครอย่างจริงใจก็โดนหลอกเต็มๆ  มีคบกับคนมีครอบครัวแล้วแป็ปหนึ่ง ก็เลิก  กราบขอบคุณคำพูดของท่านอาจารย์ที่บอกว่าแค่คิดก็บาปแล้ว

ผลของการผิดศีลข้อ3 โดนคนที่เรารักและไว้ใจหลอกใช้ ให้ช่วยเหลือทั้งเรืองเงิน ถึงใม่มีก็หาให้ โกหกเราทุกเรื่องแม้กระทักจะฆ่าตัวตายถ้าไม่ใด้เงินก้อนนี้ อีกเยอะที่นายจะพูดแต่เราก็เชื่อ

ผิดศีลข้อ4 ชอบพูดโกหก นินทานายจ้าง นินทาหัวหน้างาน ผู้จัดการ ผู้บริหารทุกระดับชั้น  พูดนินทาพระราชวงศ์ และชอบฟังเขานินทากัน

ยิ่งทำธุรกิจขายตรงคุยกับลูกค้าทางอินเตอร์เนต มักจะพูดเกินความจริงเกือบทั้งวัน พูดง่ายๆๆก็คือโกหก แม้กระทั้งขายของที่ร้าน ก็พูดเินความจริงเยอะมากค่ะ

ผลของการผิดศีลข้อ4 ปวดเหงือก ปวดฟัน ฟันโยก ฟันไม่สวย ฟันห่าง หมอสั่งถอนฟัน แต่เป็นคนกลัวหมอฟันมาก  อีกอย่างกลัวว่าถ้าถอนฟันแล้วจะเสียสติค่ะ ฟันเลยยังเหลือครบ

ผิดศีลข้อ5 ชอบเที่ยวกลางคืน ดื่มน้ำเมา  เล่นการพนัน เล่นหวย แทงบอล เปิดห้องเล่นไพ่

ผลที่ใด้คือ เป็นโรคปวดหัว ความจำเสือม ขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นหนี้สิน ชีวิดแย่ทุกๆๆด้าน







ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 01:13:50


ความคิดเห็นที่ 55 (1638204)

 

 ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

####################

 

 

ที่คุณปิ่นพูดกับคุณนนทพรแบบนี้ ลินคิดว่า คุณปิ่น คงลืมที่จะส่องกระจกมองตัวเองก่อนอะค่ะ แต่... เอ หรือว่าส่องแล้วแต่ คงจะมองเห็นแต่ด้านดีของตัวเองกระมัง

 

 

 

และก็คงจะมีหัวใจสีดำ ขาดเมตตา อย่างมากเลยละค่ะ ถึงได้กล้าที่จะพูดขนาดนี้ และคงจะคิดในทางลบแน่นอนค่ะ  

 

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า

#######################

 

 

ลินคิดว่า การพูด ติเพื่อก่อ เป็นสิ่งที่ดี คือพูดให้เค้าปรับปรุง แก้ไข และการเป็นกระจกเงาให้ผู้อื่นนั้น แต่คำพูดแบบนี้คงไม่ใช่ เพราะ เป็นการพูดปมของคนอื่น และไม่หวังดีแน่นอน 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลิน (อลินนันท์ อัครวิชนนท์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 01:31:01


ความคิดเห็นที่ 56 (1638207)

ต่อนะค่ะ

พอมารู้จักบ้านสวนโดยการแนะนำจากคุณสายรุ้งและคุณต้อม

คุณต้อมถามว่าเชื่อเรืองของกรรมใหม ถ้าเชื่อให้ไปด้วยกัน

ด้วยความที่เรากำลังหาสาเหตุของความทุกข์  ว่าใอ้ความทุกข์ของเราเกิดจากอะไร

ก็ใด้มาบ้านสวนตอนปี 2553 มาแต่เช้ามารอการบำบัด กรอกรายรายละเอียดประวัติของเราทำกรรมอะไรมาบ้าง ร่วมบุญปัจจัย สิ่งของที่นำมาร่วมบุญ  บุญแรงกายถางหญ้า เก็บลูกกระท้อน ขุดต่อ

ช่วงบ่ายมานั่งฟังท่านอาจารย์บำบัด เราก็โมทนาบุญไปเรื่อยๆๆอาการนิวล็อกก็หาย แต่มีปวดหลังมาก

พอถึงเวลาบำบัดไปนั่งหน้าท่านอาจารย์อาการปวดหลังก็หายทันที ก็แปลกใจมาก เลยถามท่านอาจารย์ว่าทำไมมันหายใด้  ท่านอาจารย์บอกว่าเจ้ากรรมนายเวรหลบทางให้  แสดงว่าสิงศักดฺสิทธ์มีแน่นอน มาครั้งแรกท่านเมตตาขนาดนี้แล้ว

เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้จักท่านอาจารย์อุบลเลย ไม่ใ้ดูรายการมาล่วงหน้าด้วย ท่านอาจารย์ก็เมตตาให้นังฟังบำบัดของคนอื่นๆก่อนนะ

หลังจากนั้นมาก็ร่วมบุญที่บ้านสวนเรือยๆๆ แต่ไม่บ่อยมาก ช่วงนั้นมีร้าน ที่หัวหิน จังหวัดประจวบขีรีขัน  แต่ร้านกำลังจะแย่

แต่สุขภาพกาย และใจ เริ่มดีขึ้น ใด้ธรรมะจากท่านอาจารยอุบล ธรรมะจากพระอาจารย์ฤๅษีลิงดำ

เลยปิดร้านที่หัวหิน ละทิ้งทุกอย่าง มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่กรุงเทพ

โดยการแนะนำของเพื่อน ให้มาทำงานกับเจ้านายคนเดิม ที่เปิดบริษัทใหม่ ที่กรุงเทพ

หลังจากนั้น ก็ใดมาร่วมุญกับบ้านสวนเรื่อยๆๆ 

ใด้มาเข้าค่าย9 ทำให้ชีวิตเปลียนอย่างมากคือ กลัวบาปมาก กลัวการผิดศีล รู้สึกว่านรกมัน มันน่ากลัว เลยหันมาทานมังสวิรัตอย่างจริงจัง รักษาศีล5

โรคที่เป็นอยู่  เช่นหมอนรองกระดูก ชามือ ชาเท้า ไสนัส ภูมิแพ้ ปวดประจำเดือน ลำไส้อักเสบ มันเริ่มลาจากเราไปเรื่อยๆแบบเราไม่รู้ตัว

คงด้วยบุญที่เราพยายามจะทำให้อย่างสมำเสมอ

แม้กระทั้งสายตาสั้นไม่เชื่อว่าจะหายใด้ ก็สามารถมองใด้ชัดปกติโดยไม่ต้องใส่แว่นด้วยบุญบ้านสวนโดยการนำไฟกระพริบมาติดประดับต้นไม้ที่บ้านสวนเพียงสองเส้น  ที่นำมาสองเส้นอยากแบ่งบุญให้เพื่อนที่สายตาสั้นด้วยกันหนึ่งเส้น  ไม่คิดเลยว่าอนิสงค์จะเเรงขนาดนี้

ส่วนเรื่องการเงินก็มีหนทาง ปลดหนี้มากขึ้น ทางธนาคารก็เมตตาให้ประนอมหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ยให้

ชีวิตเริ่มเห็นช่องทางสว่าง หน้าตาก็ดูสดใสขึ้น

ความสุขที่ใด้มาทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเมตตาจากท่านอาจารย์อุบล และครอบครัว

ลูกขอกราบขอบพระคณเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกๆๆพระองค์ ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท้อปอย่างสูงค่ะ



ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 02:05:52


ความคิดเห็นที่ 57 (1638208)

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

..............

เห็นดวยกับทุกๆๆท่านนะค่ะ

คุณปิ่นพูดให้คนอื่น แต่ใม่สำรวจตัวเองเลย

ทั้งๆที่คุณนนทพรดีกว่าเขาทุกอย่าง

คำพูดของคุณปิ่นนั่นแหละเป็นกระจก

สะท้อนตัวเขาเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 02:13:22


ความคิดเห็นที่ 58 (1638209)

                                                   คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

แสดงว่าคุณปิ่นมองค่าของคนอยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกและไม่คำนึงถึงคำพูดที่ตนพูดออกไปว่าหักหาญน้ำใจคนฟังหรือเปล่าแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม  บ่งบอกถึงมีจิตใจที่ต่ำ ขาดมนุษยธรรม ขาดความเมตตา ตอกย้ำปุมด้อยของผู้อื่นเพื่อทำให้ตัวเองเด่นขึ้น ดูดีขึ้น มีค่าขึ้น  มีความสุขที่ทำให้ผู้อื่นจิตตกและทุกข์

 

 

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

แน่นอนที่สุดว่าชีวิตคุณนนทพรมีความสุขมากกว่า เพราะยอมรับกฎธรรมชาติ ยอมรับสภาพความจริงและพอใจในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ มีจิตใจแน่วแน่มั่นคง ไม่หวั่นไหวกับคำพูดคน

คนทุกข์คือคุณปิ่นเองเพราะส่งจิตออกนอกแทนที่จะพยายามกอบโกยบุญให้เต็มที่กลับไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 02:15:05


ความคิดเห็นที่ 59 (1638212)

 

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

 

            คุณปิ่น แอบอิจฉา คุณนนทพร จะพูดให้เธอเสียความรู้สึกและไม่อยากให้เธอมาบ้านสวน

   คุณปิ่นคงรู้อยู่แล้วว่าคุณนนทพรเป็นใคร อะไรยังไง  คงเห็นว่าเธอดีกว่าทั้งฐานะและความเป็นอยู่

   กะว่าจะฆ่าคุณนนทพรให้ตายทั้งเป็น ด้วยคำพูดของเธอ

   ดีที่คุณนนทพร เธอไม่หวั่นไหวไปกับคำพูด

เพราะเธอฝึกมาดีแล้ว ยอมรับสภาพความเป็นจริงนั้นทั้งของเธอและของโลก 

    คุณปิ่น คงไม่ได้หวังดีกับเธอแน่

    ส่วน  คุณนนทพรมีความสุข เพราะเธอยอมรับความจริง ข้อนี้ แต่คุณปิ่น อาจทุกข์ไปอีกนานเพราะไม่สามารถแก้ไขที่ใจของเธอได้เลย

    

 

  

  

ผู้แสดงความคิดเห็น จารุวรรณ จินดา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 02:58:10


ความคิดเห็นที่ 60 (1638213)

 

คุณนนทพรนี่นะ
ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน
ทั้งหน้าตาขี้เหร่
เลยนะ
ท่านคิดว่า
คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้
เพราะคุณปิ่น คิดอะไร
พูดเพื่ออะไร
................
คุณปิ่นไม่มีความปรารถนาดี พูดจาไม่รักษาน้ำใจเช่นนี้อาจเป็นเพราะมีจิตคิดอิจฉาคุณนนทพรที่มีฐานะทางการเงินดีกว่า ชีวิตสุขสบายกว่า อยากจะเป็นเช่นนั้นบ้างแต่ก็ทำไม่ได้ เลยรู้สึกด้อยกว่าคุณนนทพร พูดไม่คิดแบบนี้ เพียงเพื่อช่วยให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ลดปมด้อยตนเอง ถ้่าต้องการหาลูกค้าเพื่อขายเครื่องสำอางค์ พูดจาไม่สร้างสรรค์เช่นนี้ คงไม่ได้ลูกค้าแน่นอน
 
ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น
ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์
มากกว่ากันจ๊ะ
 
คุณปิ่นชีวิตตอนนี้ก็คงประสบแต่ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของคุณปิ่นเอง ตรงกันข้ามกับคุณนนทพรชีวิตที่มีความสุข ร่ำรวยอยู่แล้วก็ดีขึ้นๆๆ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญานี ถือธรรม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 03:28:15


ความคิดเห็นที่ 61 (1638214)

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

...........................

แหม่..ก่อนตอบคำถาม

ขอแสดงความคิดเห็นก่อนนะคะ

เพราะเท่าที่เห็นคุณพี่นนทพร ออกทีวี

พี่เค้าก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นซักกะหน่อย

 

แถมเป็นคนที่ดูเป็นธรรมชาติมั่กๆ

ออกแนวขำๆ ฮาๆอีกต่างหาก

 

ว่าแล้วก็อยากรู้จังว่า ตอนที่คุณปิ่น

พูดประโยคเหล่านี้... คุณพี่นนทพร

รู้สึกอย่างไรกับคุณปิ่น

และทำไมเค้าต้องมาใช้คำพูด

ที่ชวนสะเทือนใจ...เหล่านี้กับเรา

 

แต่พี่นนทพรก็เจ๋งเนอะ

ฟังแล้ว อุเบกขา ได้

นับถือ...จริงๆค่ะ

 

ถ้าเป็นชนิดาคงอึ้งอ่ะ

เพราะถ้าเป็นเพื่อนสนิทก็พอว่า

อาจจะหาเรื่องมากัดเรา ขำๆ

แต่นี่ ให้คิดยังไงๆ

ก็ไม่ใช่..."เพื่อนสนิท" แน่ๆ

.................

ฉะนั้น ชนิดาคิดว่า

ที่คุณปิ่นพูดไปเช่นนั้น

คงจะมีความรู้สึกอะไรซ่อนๆ

อยู่ข้างในหลายปมแน่ๆ

 

ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลสะท้อน

มาจากความรู้สึกอิจฉา ก็ได้

เพราะพี่นนทพร

อาจจะได้รับการพูดถึงมากมาย

ทั้งก่อนไปบ้านสวนฯ

และแม้กระทั่งตอนที่อยู่ในบ้านสวนฯ

ท่านอาจารย์ก็นำเรื่องราวของคุณพี่เค้า

มาเหลาให้ฟังอยู่เนืองๆ

จึงทำให้คนที่ไปบ่อยๆ

ทุกอาทิตย์(ในช่วงนั้น)อย่างคุณปิ่น

 

แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึง

จึงเกิดความอิจฉา ขุ่นใจ

ก็เลยพยายามหาปม

ที่จะทำให้พี่นนทพร เสียความรู้สึก

และคิดไม่อยากมาบ้านสวนฯอีก..ก็ได้

หรืออีกนัยหนึ่ง

ก็อาจจะเป็นเทคนิคการขายสินค้า

รูปแบบใหม่(แต่โหด..โคตรๆ)

โดยเกริ่นนำ ถึงปัญหาผิวพรรณที่พี่เค้ามี

 

เพื่อจะได้แนะนำสินค้า

และฝากฝังให้สั่งกับตนโดยตรงก็ได้...

 

 

แต่ถ้าจะให้มองว่าเป็นการพูดความจริง

ที่แฝงไปด้วยความหวังดี

เพราะสะท้อนถึงปัญหาที่พี่เค้ามี

ก็ไม่น่าจะใช่

เพราะจะให้พี่นนทพร

ไปทำตัวขาว ตัวสูง

เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเอง

ก็ดูจะผิดธรรมชาติไปหน่อย

 

เพราะร่างกายนะไม่ใช่ จิตใจ

ที่จะแก้ไข ให้เปลี่ยน

จากดำ เป็นขาวใส...ได้ง่ายๆ

...............................................

 

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

..........................

เท่าที่มองภาพรวมๆ

น่าจะเป็นคุณพี่นนทพรนะคะ

ที่มีความสุขมากกว่า

เพราะธุรกิจการงานก็รุ่งเรือง มั่นคง

สวนกระแสกับภาวะเศรษฐกิจ

 

แถมชีวิตครอบครัวก็ดูน่าจะอบอุ่น

ขนาดมาเมืองไทยปีที่แล้ว

ก็มากันทั้งครอบครัวทั้งสามี ทั้งคุณลูก

แถมคุณแม่สามีของพี่เค้า

ก็ตามมาเที่ยวด้วยอีกต่างหาก

 

ฉะนั้น ดูแล้ว น่าจะเป็นครอบครัวหรรษา..อยู่

ส่วนครอบครัวคุณปิ่น

พวกเราก็ไม่ได้ยินข่าวคราวมานานมากแล้ว

แต่เท่าที่เคยได้อ่านก่อนที่จะหายไป

ก็ดูเหมือนว่าจะมีปัญหารุมเร้ามากมาย

ทั้งการงาน การเงินและครอบครัว

ฉะนั้น ขอสรุปว่า

คนอ้วน เตี้ย ดำ(ย้ำอีกแล้ว)

อย่างพี่นนทพร

มีชีวิตที่มีความสุขกว่า

คุณปิ่น แน่ๆ...คอนเฟิร์ม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 03:42:39


ความคิดเห็นที่ 62 (1638215)

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

--------------

การอยู่ใกล้พระพุทธองค์

ไม่ได้หมายความว่า

จะบรรลุหมด

พระองค์ถึงบอก

ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั่นเห็นเรา

การถูกกระแทกเสียดสีมันเป็นเรื่องของโลก

ใครที่ยังทำอยู่ก็ยังเกิดอยู่

เช่นนี้ต่อไป

ส่วนคุณนนทพรแล้วไซร้

จะได้ไปถึงซึ่งพระนิพพาน

ผู้ไม่เจ็บใจ

ในคำชมด่าว่า

ผู้นั่นกำลังเดินตามพระพุทธองค์

สาธุ

กราบ กราบ กราบ

ทุกๆ พระองค์ครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 04:35:46


ความคิดเห็นที่ 63 (1638219)

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555

น้อยมีธุระต้องขับรถยนต์เข้าในเมืองจังหวัดอุดรธานีเองพร้อม

เพื่อนอีกหนึ่งคนปรากฎว่าทั้งน้อยและเพื่อน

ก็เม้าท์กันเรื่องที่ทำงาน

ทั้งนินทาผบ.หัวหน้า.ลูกน้อง

(ในใจน้อยเราต้องฝึกให้ได้เราจะบอกเพื่อนให้เลิกนินทา)

(เลิกนินทาคนอื่นในที่ทำงานซะ)

(แต่เอ๋....เกรงใจเพื่อนจังเล๋ย)

แต่ขณะขับรถน้อยรู้สึกง่วงมากขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เพื่อนก็เล้ยบอกน้อยว่าถ้างั้นถ้าง่วงก็เปลี่ยนเรื่องเล่าดีกว่า

เอาเป็นว่าให้น้อยเป็นคนเล่าถึงเรื่องที่น้อยชอบแล้วกัน

หรือเกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิดก็ได้

น้อยก็คุยถึงความศรัทธาที่มีต่อบ้านสวนพีระมิด

ทันใดนั้น

ความง่วงหายไปดีขึ้นประมาณ 90%

น้อยก็เล้ยบอกเพื่อนว่าเราเลิกคุยหรือนินทาเกี่ยวกับที่ทำงาน

เถอะและน้อยไม่กล้าบอกตัวเองให้เลิกนินทาคนอื่นในที่ทำงาน

ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา

เรามีงานอะไรทำเราก็ตั้งใจทำของเราด้วยความตั้งใจไปดีกว่า

ที่เขาไม่กล้าบอกตัวเองหยุดนินทา

เพราะเกรงใจ กลัวตัวเองโกรธ

ที่นี่ให้เราสองคนตั้งใจ

ไม่นินทาทุกคนในที่ทำงานน่ะ

อาการง่วง

ของน้อยก็ดีขึ้น100%ขับรถต่อไปถึงในเมืองโดยปลอดภัย

เหตุที่เป็นเช่นนี้

เพราะเราตั้งใจแล้วว่าเราจะไม่ผิดศีลข้อสี่พูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ

แต่เรายังพลั้งเพลอ ไม่เข้มแข็ง ต่อกิเลสตัวเอง

การที่น้อยยังเกรงใจกลัวเพื่อนโกรธ

แสดงว่าน้อยยังอ่อนให้กับกิเลส

คราวหน้า

ถ้าเจอกิเลสแบบนี่หรือแบบอื่นคงโดนกัดกินจนตายแน่

แต่ที่เปลี่นสถานะการณ์ได้เร็ว

น้อยคิดว่าเพราะพระบารมีจี้ทุกรุ่นที่น้อยสวมไว้ที่คอเป็นแน่ไม่ว่า

จะเป็น

รุ่นแรกองค์เทพสฟริงซ์หนึ่งองค์

รุ่นสองบวงสรวงพระศรีอาริย์อีกสององค์

รุ่นที่สามรุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีอีกสามองค์

ที่มีพระเมตตาเตือนสติให้เรามีสติมากขึ้นให้เท่าทันต่อกิเลส

ให้เรารักษาศีลห้าให้ได้บริสุทธิ์ถึงขั้นละเอียดยิ่งๆขึ้น

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ท่านไม่ว่าจะเป็น

พระองค์ปฐม พระศรีอาริย์ พระเจ้าอยู่หัว ท่านท้าวเวสสุวรรณ

พระบารีท่านอ.อุบล อ.มงคล คุณท๊อป

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 05:39:40


ความคิดเห็นที่ 64 (1638220)

 

และต่อไปนี้

จะถือเป็นกฏข้อหนึ่ง

ซึ่งเป็นข้อสำคัญยิ่ง

 

ในการที่ใคร

จะเข้าไปบ้านสวนพีระมิด

จะต้องมีธรรมทาน

ชีวิตตัวเอง

ถ่ายเอกสารเตรียมไปแจกด้วย

 

ทุกคน

ต้องส่ง อ.อุบล ก่อน

แล้ว อ.อุบล จะเป็นผู้ให้ทีมงาน

กลั่นกรอง และ

แจกธรรมทานของคุณเอง

 

ส่วนใครจะมีสำเนา

จากในเวปที่คนอื่นเขียนไปแจกด้วย

ก็ยิ่งดี แต่ยึด ของตนเอง เป็นหลัก

 

เริ่มสัปดาห์นี้เลย

ก็แล้วกัน

 

ส่งข่าว

ไปหลายๆกระทู้ด้วยนะจ๊ะ

และ

ถ้าคุยกันได้ ก็บอกกันด้วยนะ

 

มิฉะนั้น

หมดสิทธิ์เข้าบ้านสวน

นะจ๊ะจะบอกให้

.......................

ชาวเกาะ ก็น้อมรับนโยบายนี้เช่นกันค่ะ

เพราะกลัวว่าจะถูกตัดสิทธิ์

ไม่ให้เข้าเว็บบ้านสวนฯเหมือนกัลล์

 

ฉะนั้น วันนี้ขอส่งหนึ่งธรรมทาน

เพื่อเป็น บัตรผ่านประตู

เข้าสู่เว็บบ้านสวนฯนะคะ

...........................................

 

ทุกสิ่งที่อาจารย์อุบลสอน

คือทางพ้นทุกข์...จริงๆ

 

หลังจากที่ติดตามอ่านธรรมทานทางเว็บบ้านสวนฯ และติดตามรายการคุยไปแจกไป มาสองปี ทำให้มั่นใจว่าทุกๆคำสั่งและคำสอนที่ท่านอาจารย์อุบล นำมาแนะนำให้ทำหรือปฏิบัติตาม ล้วนแล้วแต่เป็นหนทางที่ทำให้เราพ้นทุกข์...ได้จริง เพราะได้พิสูจน์ด้วยตนเองมาแล้ว

 

สำหรับวันนี้จะขอพูดถึง "อานิสงค์ของการสารภาพบาป"นะคะ เพราะเมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า การมานั่งคิด นั่งเขียน หรือพูดถึงบาปกรรมที่ตนเคยทำมาตลอดชีวิตนั้น จะทำให้ปลดแอกความทุกข์ได้ เพราะแรกๆก็ฟอร์มเยอะ ไม่กล้าสารภาพบาป คิดแต่ว่า จะรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ ก็พ้นทุกข์ได้แน่ๆ

ฉะนั้น จะมาสารภาพบาปให้อายตัวเองทำไม

 

และแล้ววันหนึ่ง ความคิดนี้ก็เปลี่ยนไปทันที หลังจากที่สมัครเข้าค่าย11ที่บ้านสวนฯ ซึ่งทุกคนต้องเขียนคำสารภาพบาปอย่างละเอียดจึงจะได้รับพิจารณาให้เข้าค่ายได้

 

งานนี้จึงเลี่ยงไม่ได้แล้ว นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่มานั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา รวมทั้งบาปกรรมที่เราเคยทำมาอย่างละเอียด โดยค่อยๆคิด ค่อยๆเขียน ไล่ออกมาที่่ละกรรมตั้งแต่ศีลข้อหนึ่งถึงห้า ว่าเคยเบียดเบียนคนและสัตว์มาอย่างไรบ้าง 

 

ในช่วงที่จิตกำลังจดจ่ออยู่กับความชั่วในอดีตของตัวเองนั้น มันน่าทึ่งมากๆค่ะ พอคิดอย่างแรกได้ อย่างอื่นก็ค่อยๆพรั่งพรูตามออกมา จนงงตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ตอนแรก ก่อนที่จะเริ่มเขียน มันเหมือนคิดอะไรไม่ค่อยออกซะด้วยซ้ำ แต่พอได้เริ่มเท่านั้นแหล่ะ พริ้วเชียว

 

และพอเขียนเสร็จ มันเกิดความรู้สึก ที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน อธิบายไม่ถูกค่ะ ทั้งรู้สึกผิดในบาปกรรมที่ทำมา และได้เห็นความเลวร้ายของตัวเองแบบชัดๆ(จนอึ้ง ว่าเราเลวขนาดนี้เลยเหอเนี่ย) และรู้สึกผิดต่อสัตว์ทุกๆตัวและทุกๆคนที่เราเคยเบียดเบียนมาทั้งทางความคิด คำพูดและการกระทำ

 

โดยเฉพาะคนใกล้ตัวของเรานั้น เห็นเลยว่า เราได้ทำร้ายจิตใจเค้าแทบจะตลอดเวลาเลย แต่ก็ไม่เคย"คิด" ไม่เคยสนใจมาก่อน 

 

แต่ในขณะเดียวกัน มันก็รู้สึกปิติ จิตเป็นสุข สงบ โปร่งและโล่งใจมากๆ เหมือนได้ยกภูเขาที่หนักอึ้ง ออกไปจากอกจนหมดสิ้น

จำได้ว่า วันนั้นรู้สึกขอบคุณท่านอ.อุบลและครอบครัวมากๆ ที่สร้างบ้านสวนฯขึ้นมา และทำให้เราได้มารู้จักวิธี ที่ทำให้เรามีความสุขได้ ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ได้เบียดเบียนใคร แล้วก็ไม่ได้เสียเงินซักบาทเลย

 

ตั้งแต่วันนั้น จิตจึงจำได้แม่นถึงอานิสงค์ของการสารภาพบาปว่า มันดีอย่างไร เพราะคนแรกที่ได้ประโยชน์สูงสุด ก็คือ ตัวเราเอง เพราะเราจะ"รู้ว่า" สิ่งใดคือ ความชั่ว แล้วเราก็จะ "ไม่อยาก" กลับไปทำความเลวเหล่านั้น อีกต่อไป

 

และถ้าเรานำเรื่องราวกรรมเหล่านี้ไปนำเสนอให้คนอื่นได้รับรู้ และได้พิจารณาถึง เหตุและผลของกรรมที่ได้รับ ก็จะทำให้ ผู้อ่าน ได้เข้าใจถึงคำว่า "กฏแห่งกรรม" ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และแน่นอนว่า เค้าก็ต้องละอายและเกรงกลัวต่อบาป และระมัดระวังกับทุกๆการกระทำของตัวเองมากยิ่งขึ้น

 

และลูกบ้านสวนฯหลายๆท่านคงได้รับรู้และเข้าใจความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว

 

ถ้าใครยังไม่เคยคิด ที่จะสารภาพบาป ก็ลองพิสูจน์ดูด้วยตัวท่านเองนะคะ แล้วท่านจะรู้ว่า การสารภาพบาป สามารถชำระจิต ให้สะอาดและเป็นสุข สงบ ได้จริงหรือไม่...

 

แล้วก็เป็นการพิสูจน์ด้วยว่า สิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลแนะนำนั้น ทำให้พ้นทุกข์ได้ จริงหรือไม่....

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 05:54:50


ความคิดเห็นที่ 65 (1638221)

 วันที่ 1 พ.ย 55

ข่าวดีนั้นก็มาถึงจริ๊งๆๆๆค่ะ

การที่ทำเราตั้งใจทำความดี

ต้้งใจรักษาศีลห้าตลอดชีวิต ตั้งใจทานมังสวิรัติตลอดชีวิต

ตั้งใจฝึกการรักษาศีลให้มีความละเอียดมากขึ้น

ทั้งกาย วาจา ใจ

เพื่อให้มีบารมี

พ้นจาก

ความทุกข์ทั้งหลายของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ทำงาน ปัญหาครอบครัวไม่มีความสุข

สามีภรรยาทะเลาะกัน ลูกดื้อ เรียนหนังสือไม่เก่ง

ไม่มีสภาพคล่องทางเงิน การเจ็บป่วย

และทุกครั้ง

ที่น้อยจะขออนุญาตเข้าบ้านสวนพีระมิด

จะขอพระบารมีพระศรีอาริย์เมตไตรว่า

ขอให้น้อยได้โอนย้ายไปทำงานที่โรงเรียนอนุบาลเจ้าค่ะ

และแล้ววันนี้ที่ทำงานผู้ใหญ่ได้เรียกแต่ฝ่ายขึ้นไปพบ

แต่ปรากฎว่า

น้อยไม่ถูกเรียกขึ้นไปด้วย

ในใจดีแล้วล่ะไม่ต้องไปรับสนองนโยบายแบบเข้ากระเป๋า

และสรุปผลออกมาว่า

จากเดิมน้อยทำงานส่วนสำนักปลัดเทศบาล

ให้ย้ายไปช่วยงานกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม

เอ้......ดีจั้ยจังเล้ยค่ะ..

เพราะส่วนงานนี้ถ้าจะโอนไปเป็นครูโรงเรียนอนุบาล

จะถูกระเบียบและทำเรื่องได้ง่ายขึ้นค่ะ

น้อยคิดคนเดียวเล้ยว่า

เพราะบารมีพระศรีอาริย์เมตไตร

เมตตาสงเคราะห์น้อยจริงๆค่ะถ้าโอกาสข้างหน้า

มีบุญก็จะทำเรื่องโอนไปเป็นครูรร.อนุบาล

ได้ง่ายขึ้นค่ะ

จะได้พ้นจากโดนสั่ง สั่ง สั่ง บังคับ เข้ากระเป๋า

ซะที

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

น้อยขอกราบ

กราบแทบพระบาทพระศรีอาริย์เมตไตร ท่านอ.อุบล อ.มงคล

พระบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ท่านในบ้านสวนพีระมิดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 05:55:54


ความคิดเห็นที่ 66 (1638224)

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

...........................

น้อยก็เคยร่วมทำงานร่วมทำกิจกรรมกับพี่ปิ่น

การสนทนาในระหว่างการทำงาน

หรือการแสดงร่วมกัน

น้อยก็สังเกตลักษณะคำพูดพี่ท่านเป็นแปล๊กๆๆ

อยู่น้อยก็พยายามคิดว่าพี่ท่านก็คงเป็นเหมือนเรา

กำลังฝึกฝนดัดนิสัยที่แย่ๆๆๆออกไปจากจิตตน

ฉะนั้นเราไม่ต้องสนใจในคำพูดกริยาท่าทางของพี่ท่านหรอก

มีอะไรเราก็ตั้งใจทำกว่าเราจะได้มาแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย

จากที่น้อยได้พูดคุยสังเกตุพี่ท่าน

ขอวิเคราะห์ว่า

พี่ท่านมีเจตนา

อยากขายพาเมล่าค่ะ

เพราะพี่ท่าน

เป็นตัวแทนขายพาเมล่าของบ้านสวนพีระมิดอีกคนหนึ่ง

จะได้ลูกค้าเพิ่มงัย

แต่เปิดประเด็นแบบให้ลูกค้าตกใจกลัวก่อน

แล้วให้ลูกค้าถามต่อ

ถ้าหน้าขี่เหร่แล้วมีอะไรให้ใช้ให้ทาเพื่อให้หน้าตาหรือ

รูปร่างดีขึ้นกว่านี้ไหม ให้หายอ้วน  หายดำ นะค่ะ

พี่ท่าน........เข้าทาง......มีซิค่ะ

ออ....พาเมล่างัย

และแล้วก็จะได้ลูกค้าพร้อมออเดอร์ค่ะ 

 

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

--------------

ขอวิเคราะห์เล้ยค่ะ

เหตุชัดเจนม๊ากขนาดนี้

ผลก็ต้องได้รับเหมือนกับเหตุละค่ะ

ชีวิตคุณพี่ปิ่นก็คงต้องได้รับความทุกข์ตามมาในหลายๆเรื่อง

ส่วนคุณพี่นนทพร

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วน้อยว่าเก่งม๊ากบางคน

อาจเกิดการทะเลาะ

กันก็ได้แต่นี่พี่ท่านยังสามารถควบคุมอารมณ์ได้

อุเบกขา ไม่สนใจ อยากพูดอะไร ก็พูดไปเถอะ

ผ่านบททดสอบ

ดีจั้ยด้วยค่ะ

ผลที่คุณพี่ท่านได้รับชีวิตก็คงมีความสุขมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว มีสภาพคล่องทางการเงิน

สุขภาพกายแข็งแรง  สุขภาพจิตดี

อนุโมทนาในธรรมทานทั้งสองพี่ท่านจ๋า

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 06:44:51


ความคิดเห็นที่ 67 (1638240)

 

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

--------------

 

                    ความสุข มันเกิดขึ้นที่ใจ 

คุณนนทพรส่องกระจก เห็นตัวเอง ทั้งดำ  เตี้ย

หน้าตาขี้เหร่ แต่ยังคิดได้ว่า เรามันดำ ขี้เหร่

อย่างที่คนอื่นเขาว่าจริงๆด้วย 

มันเป็นเรื่องจริงนี่หน่า

พอคิดอย่างนี้ใจก็ไม่เป็ทุกข์แล้ว

 ส่วนคุณ ปิ่น ในใจคงคอยจะคิดหาวิธีต่างๆ

ที่จะทำให้ตัวเองได้สิ่งที่หวังไว้

คงไม่มีเวลาสำรวจจิตใจ และ การกระทำของตัวเอง

เลยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะส่งผลให้มี

สุข หรือ ทุกข์

                                                 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 09:44:49


ความคิดเห็นที่ 68 (1638248)

 แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

***

ชีวิตคุณนนทพรแน่นอนครับ คิดดี พูดดี ทำดี มันก็ส่งผลดีต่อชีวิตเราเอง ถ้าคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว มันก็ส่งผลเสียต่อตัวเราอีกนั่นแหละ อีกอย่างคุณปิ่น มีนิสัยแบบนี้ คนคงไม่อยากเข้าใกล้เธอแน่ๆ ครับ เพราะไม่รู้จักคิดก่อนพูด

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 10:26:49


ความคิดเห็นที่ 69 (1638257)

                แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

***

ชีวิตคุณนนทพรต้องมีความสุขแน่นอนค่ะ

เพราะคุณนนทพร รู้จักวางอุเบกขา

ใครติใครว่าก็ไม่เดือดร้อน(แต่คงใช้ขันติน่าดู)

โชคดีนะขันไม่แตก

แต่คุณปิ่นคงจะมีแต่ความทุกข์ เพราะหวังจะเอาทุกข์ให้คุณนนทพร

แต่คุณนนทพรกลับไม่ทุกข์ด้วย

ก็คงจะรุ่มร้อนในอกเพราะทุกข์ใจที่ไม่สำเร็จ

ชีวิตคุณปิ่นเองตอนนี้ก็มีแต่ความทุกข์

เจอปัญหารุมเร้ารอบด้าน

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุจริงๆ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 11:53:47


ความคิดเห็นที่ 70 (1638259)

ในการที่ใคร

จะเข้าไปบ้านสวนพีระมิด

จะต้องมีธรรมทาน

ชีวิตตัวเอง

ถ่ายเอกสารเตรียมไปแจกด้วย

******************

น้อมรับและปฏิบัติพร้อมแล้วคร๊า

ขอบพระคุณ อ.อุบล ที่สุดเลยค่ะ

สัปดาห์นี้ได้รวบรวมเรื่องราวของตนเอง

ได้ประมาณหนึ่งซึ่ง มีมากมาย

ที่ต้องเขียนต่อ

จึงขอนำมาลงให้เป็นธรรมทาน

ไว้ในพื้นที่เวป บ้านสวนฯ

ด้วยความขอบพระคุณยิ่งค่ะ

คำนำ
ข้าพเจ้า นางประวีณา แค้มป์ อายุ 45 ปี
ได้มีประสบการณ์ตรง จากการที่ได้มาสัมผัส
บ้านสวนพิรามิด
อีกทั้งยังได้รับความเมตตาจากท่าน เจ้าของบ้าน
เรื่อง ราวปาฏิหารย์ ที่เกิดขึ้นกับชีวิต 
ที่สามารถคลายปม ความอับเฉาของชีวิต ด้วยธรรมะ
ที่ท่าน อ.อุบล บ้านสวนพิรามิด
ท่านมอบให้ด้วยความเมตตา
สิ่งที่ได้รับโดยตรงกับตนเองและบุคคลอันเป็นที่รัก
เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว ที่ได้สัมผัส
ทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ทั้งทางโลก และทางธรรม
ในระดับหนึ่งซึ่ง ตัวเองภูมิใจกว่าแต่ก่อนมากมาย
ทั้งนี้ สิ่งที่ได้ยิน คำสอนของท่าน อ.อุบล
ท่านบอกพวกเราเสมอว่า
เป็นคำสอนขององสมเด็จพระพุทธเจ้า
คำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
และสิ่งที่ทำให้รู้สึก สัมผัสได้ว่า
มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มี เสด็จท่านท้าวเวสสุวรรณ
คอยปกปักษ์ รักษา คุ้มภัย ตลอดเวลา
ความศรัทธา เคารพในครูบาอารย์ 
อ.อุบล ได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างที่น่าสรรเสริญที่สุด
ชีวิตนี้มีค่า เพราะ ได้พบครูอาจารย์อย่าง
อ.อุบล บ้านสวนพิรามิด
ทั้งนี้ เรื่องราวของข้าพเจ้า
ที่มีสาเหตุอะไร ทำไม จิตถึงเกาะเกี่ยว ผูกพัน
กับ อ.อุบล บ้านสวนพิรามิด มากมายเหลือเกิน
อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้าง ไม่มาก ก็น้อย
และ ศิล ทาน ภาวนา ที่ข้าพเจ้าปฏิบัติ
ขอน้อมนำแด่ ท่านผู้อ่าน ทุกท่านเทอญ..สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 11:59:32


ความคิดเห็นที่ 71 (1638260)

 

 
ไปเวียนเทียนกัน ที่นครนายก
และนี่คือ สวรรค์ได้เปิดทางบุญ
วันนั้นเป็นวัน วิสาขบูชา ปี 2553
เป็นวันแรกที่ได้ก้าวเข้าสู่
บ้านสวนพิรามิด
เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับ
อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
ทั้งนี้ ก็ได้แต่มอง และ สังเกตุว่า
ผู้คนที่มาสถานที่แห่งนี้น่ะ เขามาทำอะไรกัน
ก็ได้ฟัง ๆๆๆๆ พร้อมกับ ไม่นิ่งดูดาย
ใครเค้าทำอะไร ก็เข้าไปช่วยด้วย
อิ อิ เรามันเด็กกิจกรรมซะด้วยดิ
เรียกว่า ไปแบบไม่รู้อะไรเลย อ.อุบลก็ไม่รู้จัก
อ้อ !!! ลืมบอกไปว่า วันนั้น มีอาการปวดหลัง
และการไปบ้านสวนพิรามิดครั้งแรกนี้
ได้ไปขุดตอ ด้านหน้า แอ๊ะ..ใคร ๆ ก็แย่งกัน
แสดงว่า ต้องมีอะไรดีแน่ ๆ ขอร่วมด้วยคร๊า
ไม่กล้าที่จะขุดแรง เพราะปวดหลัง 
และการไปครั้งแรกนี้ ได้มีโอกาสร่วมช่วยงาน
ในครัว โดยการทำไข่พะโล้ ด้วยนะคะ
และแล้วก็ถึงเวลา ที่ได้พบ อ.อุบล
ท่านเดินออกมาจากไหนไม่รู้ ( ในตอนนั้น )
แต่ขอบอกว่า มองตาไม่กระพริบเลยเชียว
คืนนั้น พวกเรา นั่งฟัง อ.อุบล สอนธรรมะ
ที่ศาลาไม้ไผ่ และประโยคที่ชอบมาก ๆ 
ที่ได้ฟังก็คือ 
เป็นพระไม่ต้องมี ยูนิฟอร์ม
ตอนนั้น อยากตรบมือให้ อ.อุบลเลยค่ะ
ความเข้าใจส่วนตัวในความหมายแบบว่า
ถ้างั้น เรา ๆ ก็เป็นพระกันได้นี่น่า Yes!!!!
โอ้ว...และแล้ว อาการที่ปรากฏ
เมื่อท่าน อ.อุบล ส่งช่อดอกไม้มาให้
อาการขนลุก ตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า
เป็นอยู่นานพักใหญ่ ๆ เป็นอะไรนี่
อ.อุบล ได้นำพวกเราเวียนเทียน แบบง่าย ๆ
แต่ผลที่ได้ฉมัง เรานิ่ง เดินทำสมาธิได้
จากนั้น อ.อุบล ก็ให้พวกเราพักผ่อน
 
 
ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดใส
ตอนนั้นยังไม่ได้สังเกตุค่ะว่า
อาการปวดหลังที่พกมาด้วยเนี่ย
หายไป แบบสนิท ตั้งแต่เมื่อไหร่
หายจริง ๆ นะคะ ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้
ไม่มีอาการปวดหลังอีกเลย (ทั้งที่ไม่ได้เข้ารับบำบัด)
ครั้งแรกกับการไปบ้านสวนพิรามิด
ได้พบกับ ผู้คนที่ไปพร้อมความทุกข์
ที่เห้นชัด ๆ ก็น่าจะเป็น
อ.วิลาศินี ศิรารักษ์ 
ป่วยเป็นมะเร็ง
เราก็เฝ้ามอง สิ่งที่พี่เค้าต้องต่อสู้
ความมุ่งมั่นที่เห็น ต้องขอชื่นชมค่ะ
ทำเต็มที่ เหนื่อยก็เข้าไปนั่งสมาธิ
ในพิรามิด...แบบนี้ทั้งวัน
เหมือนจะไม่ไหวเอาด้วยซ้ำ
พี่เค้าลา อ.อุบล กลับตอนกลางคืน
อ้าว !!! เช้ามา เห้นพี่อีกแล้ว
โอโห ที่ไหนได้ พี่เธอขับรถ
กลับมาอีกครั้งในตอนเช้า
แล้วก็พบกับ อ.วิลาศิณี ที่สดใส
กว่าเมื่อวานที่ได้เห็น
และนี่ก็คือ อีกหนึ่ง ความประทับใจ
กับ
บ้านสวนพิรามิด
ที่สามารถ ชุบชีวิตใหม่
เพียงชั่วข้ามคืน
**************
จากการที่ตัวเองหายจากอาการ
ปวดหลัง
ก็คิดถึง แม่ ขึ้นมาทันที
เพราะแม่ปวดหลังมาก
หมอบอกว่า
เส้นประสาททับไขสันหลัง
ต้องผ่าตัด
และ หมอก็ได้นัดวันผ่าแล้ว
 
 
และในสัปดาห์ต่อมา
ได้พาแม่ไปที่
บ้านสวน พิรามิด
แม่ก็ยังปวดหลังมากอยู่
ต้องใส่ ซัพพอร์ต ตลอด
ตอนนั้น คนเยอะมาก ๆ ค่ะ
แม่เข้ารับการบำบัด
อ.อุบลเมตตา ไต่สวนกรรมให้แม่
อาการปวดหลังของแม่นี้
เกิดจากกรรมที่แม่ผิดศิลข้อ 1
การที่แม่ใช้ให้บุคคลอื่น ตีงู
อ.อุบลนำ ให้แม่ขออโหสิกรรม
และได้ให้แม่ไปทำงานหนัก ๆ 
ตอนนั้น สงสารแม่จับใจ
พาแม่ไปตักทรายขึ้นรถ
แม่ทำไป ก็ น้ำตาคลอ
เพราะปวดหลัง
ก็บอกให้แม่อดทน
และท่อง พุทโธ ไปด้วย
ขอให้แม่น้อมจิต ขออโหสิกรรม
แม่ทำตาม
ตอนนั้นบอกแม่ว่า ไม่ต้องกลัว
แมวจะช่วยแม่เอง
ขอให้แม่ทำให้เต็มที่
แม่เข็นรถ ที่มีทรายเต็ม
และหลังจากที่เททรายแล้ว
แม่ก็เรียก แมว ๆ
หลังแม่หาย แม่หายปวด
แมวดีใจมาก ถามแม่ไปว่า
อย่าล้อเล่นนะแม่ 
แม่บอกว่า ไม่ล้อเล่น แม่หาย
หายกี่ % แม่ ( แมวถาม )
แม่บอก 80% เลยลูก
โอ้ดีเลย งั้นเราไปรายงาน+ขอบคุณ อ.อุบลกันนะ
และแล้ว อ.อุบล บ้านสวนพิรามิด
ก็ชุบชีวิตใหม่ให้แม่ เพียงไม่กี่นาที
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 12:02:25


ความคิดเห็นที่ 72 (1638261)

 

 
ไม่เพียงเท่านั้น
1 เดือนถัดมา โดยประมาณค่ะ
ได้สมัครร่วมเข้าค่ายฯรุ่น 2
ต้องขออนุญาติ อ.อุบล
กลับก่อน
เนื่องจากได้รับข่าวร้าย จากทางบ้าน
ว่าแม่ เป็นมะเร็ง
อ.อุบล เมตตา เสมอ
โดยบอกกับแมวว่า
พาแม่ มาหา อาจารย์นะ
ประโยค ความเมตตา แววตา น้ำเสียง
ขอ อ.อุบล ในวันนั้น
ได้ฝังในความทรงจำ ไม่ลืมเลยค่ะ
แม่เป็นมะเร็งที่ ต่อมไทรอยด์
ระยะที่ 3 
แมวได้มาขอความเมตตาจาก
อ.อุบล และท่านก็บำบัด
โดยให้แม่คิดกรรม
กรรมที่แม่ผิดศิลข้อ 1 และ ข้อ 4 รวมตัว
ฆ่าสัตว์ ปากร้าย ด่าพระ ต่อว่าผู้มีพระคุณ 
ตอนนั้น แม่พูดไม่มีเสียง
อาการของแม่ดีขึ้น..ดูสดใสขึ้น
และวันนั้น แม่ก็โชคดี
ได้ขุดตอ อีกขอบอกว่าใหญ่มาก ๆ
ตอต้นข่อยยักษ์
แม่ทำเต็มกำลัง ของคนพึ่งออกจาก
โรงพยาบาล
แม่ดูสดใสขึ้น กว่าตอนที่มามาก ๆๆๆๆ
และแม่ก็ไม่เคยให้เคมีบำบัด
ไม่เคยให้ยาใด ๆ ของการรักษามะเร็งเลย
ก้อนเนื้อ ไม่มีการพัฒนา
แม่ถามหมอว่าเป็นยังงัยบ้าง อาการตอนนี้
หมอก็บอกไม่มีอะไร เหมือนเดิม
จากที่นัดเดือนละครั้ง ก็เป้น 3 เดือนครั้ง
จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน
จนคนไข้ ใจไม่ดีว่า
 
 
แมว นี่แม่เป้นหนักหรือเปล่า
หมอถึงไม่รักษาเลย
โอ้วแม่..แมวขอให้แม่คิดบวกนะ
แม่ไม่มีอะไรให้ต้องรักษามากกว่านะ
ตอนนี้ ขอให้แม่บำรุงตัวเองดี ๆ 
อย่าคิดเยอะ
และหากแม่ ไม่สบาย
แมวก็จะขอบารมี อ.อุบล ทุกครั้ง
เช่น
แม่ไม่สบาย อ่อนเพลีย
เข้ารับน้ำเกลือที่โรงพยาบาล
ก็ 
อ.อุบล ขา ช่วยแม่แมวด้วย
ขอให้แม่อาการดีขึ้น 
อย่าให้แม่เป็นอะไร ขอให้แม่หายป่วย
เพราะแม่เป้นมะเร็ง
การเข้าโรงพยาบาลของแม่
ก็สามารถทำแมวใจแป้ว ทุกครั้งซิน่า
แมวมี อ.อุบล เท่านั้น
ที่เป้นที่พึ่งเพราะ ใช้รหัส ช่วยแม่
และก็ได้ผลทุกครั้งจากวันนั้นถึงวันนี้
ผู้ป่วยมะเร็งระยะ 3 อยู่มาได้หากไม่บอกก็ไม่รูว่า
แม่เป้นมะเร็งและนี่คือสาเหตุที่แมว
รัก อ.อุบล 
มันเหนือคำว่ารัก ศรัทธาไปแล้ว
ท่านคือ ผู้มีพระคุณ ที่เคารพ
ท่านช่วยเรา ตอนเรามีเรื่องทุกข์ที่สุด
เพราะโดยพื้นฐานแล้ว
แมวเป็นคนที่ทุกข์ง่าย
อ่อนไหว ขาดความเข้มแข็ง
อ่อนแอ
อ.อุบล คือผู้ที่ช่วย กระตุก
ความเข้มแข็งขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว
ทั้งด้าน ความคิด การพูด การกระทำ
อ.อุบลคือ ผู้ให้
ที่ทำให้แมวรู้จัก
ทาน ศิล ภาวนา ค่ะ
 
 
รับรองค่ะว่า 
ลูกบ้านสวนพิรามิด
หลายต่อหลายคน
ได้ซึมซับ ความแข็งแกร่ง
แบบไม่รู้ตัว จาก อ.อุบล นี่เอง
*************
บ้านสวนพิรามิด
เป็นสถาที่เดียวโดยการนำ
ของ อ.อุบล
ที่ฝึกสมาธิให้พวกเรา
และแมวเอง ได้รับอะไรที่สุดวิเศษแล้ว
ในชีวิตนี้ เรียกว่า
ไม่เสียชาติเกิดค่ะ
ในการเข้ารับการฝึกสมาธิ
เพียงไม่กี่ครั้งจากท่าน อ.อุบล
แมวได้เห็น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในสมาธิค่ะ
เป้นภาพที่ชัดเจน
เห็นพระองค์ปางสมาธิ
รัศมีรอบพระเศียรเป็นสีเหลืองทอง
พระองค์สง่างามเหลือเกิน
และก่อนหน้านั้น ไม่กี่วัน
ได้เห็นดวงไฟ กลมโต สีเหลืองทอง
ด้วยตาเปล่า เวลาประมาณตีสอง
เห็นอยู่ 3 ครั้ง ก็ยังคิดสงสัยว่า
คือดวงอะไร
พอวันที่ได้เห็นพระองค์ในสมาธิ
ก็ได้คำตอบค่ะว่า
พระองค์อยู่กับพวกเราจริง ๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นกับตัวเอง
ทำให้แน่ใจค่ะว่า
อ.อุบล บ้านสวนพิรามิด
คือผู้มีบารมีจริง
และที่สำคัญ
ท่านเป็นผู้ให้ ที่หวังจะให้ จริง ๆ
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 12:03:49


ความคิดเห็นที่ 73 (1638262)

 

 
อ.อุบล ให้อะไร
ให้โอกาส...สุดแต่ใครจะคว้าได้
แมว..เป็นผู้ที่กระทำผิดศิลมาหมดทุกข้อ
และ
ได้มีความเข้าใจเรื่องของศิลดีขึ้น
ก็เพราะ อ.อุบล
การกระทำผิด ที่ผิดแล้วรู้จักสำนึก
และจะไม่กลับไปทำอีก
ย่อมได้รับการให้อภัยเสมอ
แมว ก็คือผู้ที่ อ.อุบล ให้อภัย
ศิลเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
จนทำให้คนหยาบ ๆ อย่างแมว
ยากที่จะเข้าใจ แถมทำผิดแล้ว
ยังไม่รู้ เข้าข้างตัวเองว่า
โห..แค่นี้ ไม่เห็นผิดตรงไหน
แต่ อ.อุบล ทำให้เข้าใจถึง
ความละเอียดของศิล
จากเหตุการณ์ของกลุ่ม
ดาวลูกไก่
เป็นบทเรียนที่ต้องจำ จนวันตาย
เพราะ โกหก อ.อุบล
อยากลืมนะคะ แต่ลืมไม่ลงว่า
เป็นบุคคลต้องห้าม
ไม่ให้เข้าบ้านสวนฯ หากเข้ามา
ต้องตายภายใน 99 วัน
แง ๆๆๆๆ
โอ้ นี่เราทำผิดอะไรมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ
อยากเข้ามากราบขอโทษ
สาเหตุ...เป้นเพราะปกปิด
ปกปิด เท่ากับโกหก
เพราะประโยคที่ว่า
อย่าไปบอก อ.อุบล นะ
ที่มีบุคคลสั่ง แล้วเชื่อทำตาม
หาอ่านย้อนหลังได้ในกระดานสนทนาค่ะ
แต่ตอนนี้ เข้าใจสุดยอดเลยค่ะว่า
อ.อุบล รู้สึกอย่างไร
อ.อุบล ให้อะไรเรา
 
เรา ทำอะไรไว้กับ อ.อุบล
กราบเท้า ร้อยครั้ง พันครั้ง
ก็ไม่ควรได้รับการอภัย
แต่
อ.อุบล ไม่เคยโกรธเราเลย
แต่กลับรู้สึก ตรงกันข้ามว่า
ท่านเมตตาและรัก เราจริง ๆ
เหตุการณ์ ดาวลูกไก่
ทำให้รู้ว่า 
อ.อุบล เป็นผู้ที่มีเมตตาสูงจริง ๆ
ตอนที่เขียนอยู่นี้ ก็รู้สึกผิดอยู่อีก
เฮ่อ...อยากอืม แต่ อืมไม่ลง
*************
นอกจากนั้น
บ้านสวนพิรามิด
ยังทำให้แมวได้รู้จักกับคำว่า
อึ่ง ทึ่ง เสียว 
เป็นอะไร ติดตาม ตอนหน้าค่ะ
*****************
ขอบพระคุณ อาจารย์ อุบลยิ่ง
กับทุกสิ่ง ให้ศิษย์ สัมฤทธิ์ผล
พิรามิด บ้านร่มเย็น ค้ำจุนคน
ได้หลุดพ้น ด้วยศรัทธา มาเนิ่นนาน
 เป็นร่มโพทธิ์ พักใจ ให้ร่มเย็น
ได้มองเห็น กระจ่างแท้ ในแก่นสาร
หมั่นทำบุญ กุศล และผลทาน
จิตเบิกบาน เพราะอาจารย์ ดั่งร่มไทร
เป็นแบบอย่าง ทางธรรม และทางโลก
คลายเศร้าโศก ชี้นำทาง สว่างไหว
คำแนะนำ ขับเกลา กล่อมหัวใจ
จิตผ่องใส เพราะได้คำ สอนอาจารย์
ด้วยความเคารพยิ่ง
ประวีณา แค้มป์ ( แมว )
 
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 12:05:14


ความคิดเห็นที่ 74 (1638264)

คุณปิ่นพูดกับ

คุณนนทพร สองต่อสอง

ว่า

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

ซึ่งคุณนนทพร

เขาบอก อ.อุบล และคนฟังว่า

เขายอมรับ และ รู้ตัว

ว่าเขาไม่สวย เขาเป็นจริง

อย่างที่คุณปิ่นว่า

 

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า

อ.อุบล และ หลายคนที่รับฟัง

ต่างก็ อึ้ง ในคำสนทนา

ที่คุณปิ่น บอก คุณนนทพร

 

บังเอิญ อ.อุบล เป็นคนโง่

 

อยากขอความเห็น

คนอ่าน หน่อยได้ไหมว่า

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า หรือว่า คุณปิ่น

ปรารถนาดีกว่านี้ อย่างไร

 

ช่วยตอบด้วยนะจ๊ะ

แล้วจะได้เล่าประเด็นและ

เรื่องราวต่อไปอีกหลายเรื่อง

 

แต่ละเรื่อง

เกี่ยวข้องกับคนที่มาบ้านสวน

ทั้งนั้น.........จ้า

**********************

เป็นการหลอกด่าแบบหยิกแกมหยอก หรืออีกอย่างหนึ่งว่าหมาหยอกไก่นั้นเองหรือไม่หวังดีการกระทำเช่นนั้นไม่ใช่ไม่ใช่คนที่ดีเขาทำกันหรือตัวเองมีปมด้อยแบบนั้นเองค่ะ + ชอบเห็นคนอื่นได้ดีกว่าเราไม่ได้อิฉาตาร้อนขึ้นมาทันทีทันใดอยู่ไกล้ใครเป็นไม่ได้ต้องใส่นิสัยไม่ดีของตัวเอง การกระทำของคุณปิ่นส่งผลให้เกิดกับครอบครัวในอนาคตแน่นอนเพราะเขาไม่รู้ตัวเองเองหรือถูกกิเลสภายในใจหยากที่จะเอาออกได้เหมือนเส้นผมบังภูเขาฉันใดก็ฉันนั้นแหละคุณปิ่นเป็นคนที่น่าสงสารมากกว่าที่คิดว่าที่ตัวเองทำไปนั้นคนอื่นๆเขารู้ไม่ทันนั้น( ไม่ทราบเอาสมองส่วนไหนคิดค่ะ ) คือความคิดของคุณปิ่นคนเดียว และเป็นความคิดที่ผิดมหันแต่ถ้าคนที่เขาไม่ได้ศึดษาธรรมะ + กับการที่เขาปฎิบัติธรรมด้วยนั้นแล้วเขาต้องให้อภัยคุณปิ่นแน่นอน  แต่คุณปิ่นรู้แล้วต้องกลับใจไม่ทำอีกเท่านั้น

ความดำ ขาว สวย หมวย อื๋ม สูง ต่ำ รวย จน  มันเป็นธรรมชาติให้มาจงพอใจกับสิ่งที่เราทำมาในอดีตมันจึงได้รับผลของกรรมที่ได้ทำมาเท่านั้น ดังคำที่พระผู้พระภาคเจ้าได้กล่าวว่า  สร้างเหตุเช่นไร  ได้รับผลเช่นนั้น  ถ้าเราแก้ไขแล้ว คือว่าเราได้ดับเหตุแล้ว ผลก็ดับค่ะ ( ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ถ้าดับเหตุผลก็ดับ ) เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกทางเดินเดินมิใช่หรือค่ะ? หรือเลือกทำในสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย หรือ มีศีล5 นั้นเอง นี่ต่างหากที่เป็นวัคซีน ใจ( หรือเป็นภูมิคุ้มกันตัวเองได้ถ้าเอาไปใช้ได้ผลชะงักแล )

ส่วนชิวิตของคุณนนทพรก็โชคดีจงเอาคำพูดของพี่ปิ่นมาเป็นกำลังใจ ว่าการที่มีคนมาพูดแบบนั้นที่จริงก็ดีนะค่ะ  เราก็หาจุดเด่นของเราให้เจอและทำจุดด้อยของตัวเองให้เป็นจุดเด่น  เพราะใครก็ตามที่เหมือนคุณปิ่นถือว่าเราได้ฝึกวิทยายุทธ เรียกว่าอุปสรรคไม่มีบารมีไม่เกิด อุปสรรคมากมีความดีจะเกิดแน่นอนฉันใดก็ฉันนั้น ( หรือใครจะว่าอย่างไรเราไม่สน ผลก็คือคนที่ว่าเราต้องรับผลกรรามนั้นๆ )

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 12:13:39


ความคิดเห็นที่ 75 (1638269)

ขอบคุณกับธรรมทานของคุณแมว

อ่านแล้วซาบซึ้งมากค่ะ

กด Like ให้ แสนครั้งเลยยย

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 12:41:51


ความคิดเห็นที่ 76 (1638270)

 

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

@@@@@@@@@@@@@@@@

คิดว่าที่คุณปิ่นพูดจาแบบนี้

เพราะคิดว่า ถ้าพูดถึงรูปร่างหน้าตา

แบบไม่เกรงใจ วิจารณ์ ให้คนฟังรู้สึกแย่

จะทำให้คนฟังรู้สึกดิ้นรน ยอมไม่ได้

ยอมให้พูดว่าต่อไปไม่ได้

ต้องหาทุกวิธีทำให้รูปร่าง หน้าตาดีขึ้น

เอ๊าล่ะซิ!!!  เข้าทางนักขายล่าเนื้อ

@@@@@@@@@@@@@@@@

ซึ่งคุณนนทพร

เขาบอก อ.อุบล และคนฟังว่า

เขายอมรับ และ รู้ตัว

ว่าเขาไม่สวย เขาเป็นจริง

อย่างที่คุณปิ่นว่า

@@@@@@@@@@@@@@@@

คุณนนทพร เป็นคนยอมรับความจริง

จึงไม่รู้สึกว่าคำพูดของคุณปิ่นว่าแบบนั้น

จะมากระตุ้นความอยากสวย

ยอมทุ่มเพื่อให้รูปร่างหน้าสวย

แต่ได้ถ้าคนที่ไม่รับความจริง

ก็ตกเป็นเหยื่อเสียทรัพย์ทันที

@@@@@@@@@@@@@@@@

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า หรือว่า คุณปิ่น

ปรารถนาดีกว่านี้ อย่างไร

@@@@@@@@@@@@@@@@

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรไม่ได้เป็นความหวังดี

ไม่ได้เป็นกระจกเงาให้คุณนนทพรค่ะ

แต่ตรงกันข้าม กลับเป็นกระจกเงาสะท้อนคุณปิ่น

สะท้อนให้เห็นตัวจริงของคุณปิ่นเสียเองค่ะ

@@@@@@@@@@@@@@@@

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

@@@@@@@@@@@@@@@@

หนิงคิดว่าชีวิตคุณนนทพร คือ

คนที่มีความสุขมากกว่าค่ะ

เพราะ เราเลือกรูปร่างหน้าตา ก่อนอุ๊แว๊ๆๆ บ่ได่ด๊อก

แต่เราเลือกชีวิตที่มีความสุขได้

“คนจะงามงามที่ใจใช่ใบหน้า

คนจะงามงามจรรยาใช่ตาหวาน”

ส่วนชีวิตของคุณปิ่น ทุกข์ค่ะ

ต้องคิดหาหนทาง หาคำพูด หาวิธีลงมือ

เพื่อดึงเงินจากเหยื่อให้ได้ค่ะ

มีคบหมด ทั้งวจีกรรม มโนกรรม กายกรรม

ตุกข์แต๊ๆๆเจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น นพวรรณ์ ใจตรง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 12:51:33


ความคิดเห็นที่ 77 (1638271)

คุณปิ่นพูดกับ

คุณนนทพร สองต่อสอง

ว่า

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

 

อยากขอความเห็น

คนอ่าน หน่อยได้ไหมว่า

ที่คุณปิ่นบอกคุณนนทพรนี้

เป็นความหวังดี

เป็นกระจกเงา ให้คุณนนทพร

หรือเปล่า หรือว่า คุณปิ่น

ปรารถนาดีกว่านี้ อย่างไร

 

ช่วยตอบด้วยนะจ๊ะ

 

**********************

คุณปิ่นคงไม่ได้หวังดี หรือ ปรารถนาดี หรือเป็นกระจกเงาให้คุณนนทพร 

แถมยังแอบพูดกันสองต่อสอง คงเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน แสดงว่าเรื่องที่พูดไม่ดีและเจ้าตัวคนพูดก็คงรู้ว่าไม่ดี แต่กิเลสและกรรมมาบังใจ ทำให้อยากพูด แต่ก็กลัวคนอื่นมาได้ยิน จะเสียหน้า

ที่คุณปิ่น พูดว่า คุณนนทพรนี่นะ ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน ทั้งหน้าตาขี้เหร่ เลยนะ คุณปิ่นคงคิดว่า จะข่มคุณนนทพร และอาจต้องการว่าให้เจ็บใจ แสดงให้เห็นว่าคุณปิ่นไม่ได้เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม...ที่อาจารย์อุบลนำคำสอนของพระพุทธองค์...มาบอกลูกศิษย์

คุณนนทพรไม่ได้รับผลอะไรจาก กรรมผิดศีลข้อ 4 กรรมริษยา ของคุณปิ่น แต่คนพูดได้รับไปเองเต็ม ๆ

การคุณปิ่นทำเช่นนี้ คงต้องการอุทิศตนแสดงกฎแห่งกรรมให้พวกเราได้เห็นว่าที่พระพุทธ์องค์สอนเป็นจริงอย่างไร ใครทำกรรมอันใดไว้ย่อมได้รับของกรรมนั้นเสมอ

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

คุณนนทพร มีความสุขมากกว่า คุณปิ่น เพราะการงานอาชีพเจริญก้าวหน้า

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 13:00:22


ความคิดเห็นที่ 78 (1638274)

กระผมนาย พรพุทธ ศรีคุ้ม

เมื่อ3ก่อน ชีวิตเรียกว่าหมดอะไรตายอยาก แม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ตนเองตกงาน  จิตตก มีปัญหาหาด้านการเงินอย่างหนัก จึงได้ไป วัดท่าซุงเพื่อ กราบหลวงพ่อฤษีลิงดำและได้ตั้งจิตอธิฐานขอเจอฆราวาส ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ เพื่อที่ได้ไปศึกษากับลูกศิษย์ท่านที่สามารถเข้าถึงเพื่อศึกษาธรรมะ ได้ดูรายการคุยไปแจกไป โดยท่านอาจารย์อุบล สอนได้เหมือนหลวงพ่อมาสอนเองเพราะอ่านหนังสือที่หลวงพ่อสอนหลายเล่ม หลังจากนั้นได้มีโอกาสไปที่บ้านสวนพีรามิด ทำให้ได้รู้ธรรมะที่เรียกว่าเมื่อเหตุดับผลจึงดับเช่นผิดศีลข้อ1 ตัวผมรู้เห็นในการทำแท้งทำให้มีปัญหาด้านการเงินอย่างมากและปวดหัวและต้นคอมาหลายปีเป็นๆหายๆ จึงได้สำนึกผิด ทำบุญรักษาศีล สารภาพบาปเป็นธรรมทาน  สร้างบุญสร้างโบสถ์ วิหารโรงทาน และอุทิศให้เจ้ากรรม จึงหาย

ผิดศีล ข้อที่2 ตัวผมเคยขโมยเงินแม่และรู้เหตุในการขโมยของ ทำให้มีปัญหาในด้านการ งานการเงิน เงินหายเอกสารหาย ให้เงินใครยืมมักจะไม่ได้คืนหรือได้คืนยากมาก ทำเอกสารเท็จ ทำให้ต้องเสียเงินแบบโดยไม่น่าจะเสียมากมาย ทั้งโดนโกงและ ซื้อของที่ไม่ดีมาเสียรู้  (เลิกคิดอยากได้ของผู้อื่นและของฟรีแล้วครับ)

ผิดศีล  ข้อที่3 ตัวผมลักลอบมีความสัมพันธ์ กับลูกและเมียของผู้อื่น โดยที่เค้าไม่ยินยอม เที่ยวซื้อ บริการ มีกิ๊ก มีชู้ และแอบมอง ทรวดทรง ของผู้หญิง ดูหนังโป้  ทำให้เคยเป็นโรค ทางเพศสัมพันธ์ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และที่ต้องทุกข์อยู่ทุกวันนี้เพราะ ทำให้กลุ้มใจอยู่มาก (แต่เดี่ยวนี้ดีขึ้นมากหลังจากไม่สร้างกรรมใหม่ และสำนึกผิด สร้างบุญ ทาน รักษาศีลข้อ3ครับ)

ผิดศีล ข้อที่4 ตัวผมทั้งโกหก ปลิ้นปอน กระล่อน พูดยุยงให้ทะเลาะกัน พูดหยาบคาย นิทา ทำให้มีอาการ  เป็นไข้หวัดลงคอ อยู่หลายปี (พอสำนึกผิดสร้างบุญอุทิศเจ้ากรรมและสัญญาว่าต่อไปนี้ไม่ทำอาการจึงหายไปครับ )

ผิดศีล ข้อที่5 ตัวผมดื่มเหล้า เบียร์ และ ยาเสพติดหลายชนิด ผลทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออก  โง่ นิสัยเสียโกรธง่าย  ตื่นสาย ขี้เกียจเที่ยวไปวันๆ ไม่ทำการงานเป็นที่หนักใจผู้คนรอบข้าง (ขณะนี้รู้สึกเสียใจและเลิกหมดแล้วครับ) จึงเน้นขยันสร้างบุญ ทำทาน รักษา ศีล สร้างพระองค์ปฐมบรมธรรม วิหารทาน ธรรมทาน อภัยทาน เพื่ออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ให้ไปอยู่ในภพภูมที่มีความสุขและสูงยิ่งขึ้น ตลอดชีวิตครับ

ได้รู้เหตุแห่งทุกข์ จากบ้านสวนพีรามิด ได้รู้รหัสจักวาล อาจารย์ อุบลช่วยด้วย  คาถา ตักบาตรวิระทะโย คาถาคุ้มกันภัย จึงขออธิษฐานและสร้างบุญขอให้ได้มาอยู่ที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ขอมีสถานที่ค้าขายดีๆจากนั้นไม่นาน จึงเริ่มหาและได้ทั้งหมดครับ ผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือ ในด้านสินค้าลงทุน เจ้าของบ้านไม่เก็บค่ามัดจำล่วงหน้าใดๆเลย (เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านช่วย) เพราะมีเงินทุนน้อยมาก และหลังจากนั้นเจ้าของบ้านยังลดค่าเช่าให้อีก หลังจากเรียกค่าเช่าก็ในราคาถูกอยู่แล้วเนื่องจาก สถานที่ติดถนนใหญ่ ค้าขายดี ปํญหาการงานการเงินก็หายไป รายได้ดีพอเหลือเก็บมีเงินทำบุญ ปัญหาป่วยไข้ ไม่สบาย ไม่กลับเป็นอีกเลยตลอด2ปีกว่าๆที่ผ่านมา ใจสงบมาก มีจิตเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น รักษาศีล5ได้เป็นอย่างดี รู้จักให้อภัยในทุกเรื่องอดีตและปัจจุบัน ทานอาหารมังสวิรัติได้ ระบบขับถ่ายดีตัวไม่เหม็น สามารถรักผู้คนรอบข้างได้มากขึ้นโดยใช้หลักพรหมวิหาร 4 และรักผู้ที่ไม่น่ารักที่สุดได้  ชีวิตที่เหลือ ขอทำเพื่อ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรพุทธ ศรีคุ้ม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 13:26:37


ความคิดเห็นที่ 79 (1638278)

 

 

 

กฏแห่งกรรมจากชีวิตจริงของผม
ชายพิการที่หายขาเป๋ภายใน1นาที
โดยใช้ธรรมะบำบัดจากบ้านสวนพีระมิด
 
ผมอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์และเป็นธรรมทานแก่ทุกๆท่าน เพราะเป็นเรื่องจริงๆของผมเอง ทำให้ผมจัดอยู่ในประเภทคนพิการประเภทหนึ่งซึ่งขาผมนั้นได้รับอุบัติเหตุมาประมาณ 30 กว่าปีกระดูกที่โผล่ออกมาทันทีที่ได้รับอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้กระดูกขาบิดตัวไม่ตรงทำให้ขาสองข้างของผมไม่เท่ากันและเนื้อที่ถูกปั่นเละในซี่ของฟันเฟืองรถสามล้อปั่นทำให้เป็นแผลเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

ผมจำภาพวันนั้นได้ดีครับทันทีที่หลายๆคนได้ช่วยกันแกะขาผมออกมาจากโซ่รถสามล้อปั่นผมก็พยายามยืนขึ้นแต่ขาผมพับเข้าทันทีไม่สามารถยืนได้กระดูกขาที่โผล่ออกมาทำให้คนอื่นๆตกใจสยดสยองแก่ทุกๆคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น

ผมได้คิดแต่โทษเพื่อนๆที่มีส่วนทำให้ผมได้รับอุบัติเหตุในครั้งนั้นคิดว่าเพื่อนเตะขาเราเข้าไปเพราะตอนนั้นต่างคนต่างสนุกแต่ในส่วนลึกเราก็โทษตัวเองด้วยที่ประมาทด้วย

หลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นผมกลายเป็นคนเดินขากระเผกไม่เท่ากันเวลานั่งขัดสมาธิแล้วเข่าชี้เด่ขึ้นมาทำให้ปฏิบัติธรรมไม่สะดวกและเห็นได้ชัดเจนเลยว่าขนาดของขาสองข้างไม่เท่ากันใครๆก็สังเกตเห็นได้ว่าผมเดินผิดปกติไม่เหมือนคนทั่วไป

สำหรับผมแล้วหมดหวังครับเพราะได้ขนาดนี้ก็บุญแล้วไม่ต้องตัดขาเป็นคนพิการขาขาดแค่นี้ก็ถือว่าดีสุดๆแล้วเรื่องการรักษาคงยากครับเพราะจะผ่าตัดเพื่อจัดกระดูกขาและให้ขาทั้งสองข้างยาวเท่ากันคงหมดหวังสำหรับผมก็ต้องยอมรับสภาพกันไปไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป

 

 
 
 
รู้สาเหตุของกรรมที่ทำมาในชาตินี้ :
ผมเป็นคนที่ชอบศึกษาสนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมมานานได้มีโอกาสไปกราบครูบาอาจารย์ดีๆหลายท่านได้รับฟังธรรมะเพื่อนำไปปฏิบัติได้ร่วมบุญต่างๆตามวาระโอกาสสะดวกอย่างสม่ำเสมอในหลายปีที่ผ่านมานี้

จนถึงได้มีโอกาสได้พบครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านทางเวปไซต์แห่งหนึ่ง ก็เลยลองค้นหาข้อมูลดูและได้เข้าไปเวปไซต์ดังกล่าว คือ
www.baansuanpyramid.comและได้พบครูบาอาจารย์สำคัญที่สุดคืออาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ บ้านสวนพีระมิดเป็นผู้ที่พลิกความคิดและสร้างปาฏิหาริย์ในชีวิตผมแบบผมก็ต้องยอมรับว่า “ไม่อยากเชื่อ” เพราะเกินกว่าจะเชื่อได้แต่สุดท้ายผมก็จำนนด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเพราะหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
 
อาจารย์ท่านนี้ท่านยิ้มและบอกผมว่าที่ขาเป็นเช่นนี้เพราะกรรมรวมตัวเชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนไหมล่ะว่ากรรมมีจริงผมเชื่อครับโดยไม่ต้องคิดแต่ในใจก็แย้งว่าที่ขาเราเป็นเช่นนี้เพราะอุบัติเหตุนะแต่หากบอกเรื่องกฏแห่งกรรมนั้นผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
 
ท่านบอกต่อว่าจะพิสูจน์ให้ดูว่าจริงหรือไม่ว่ากรรมต่างๆที่ทำให้ขาผมเกิดอุบัติเหตุจนต้องมามีสภาพอย่างนี้เกิดจากบาปต่างๆจากนั้นท่านบอกให้ผมนึกดีๆว่าตนเองเคยใช้ขาทำบาปอะไรมาบ้างและท่านก็ช่วยบอกเป็นหลักและผมก็นึกออกบางส่วนซึ่งผมก็แปลกใจมากที่ท่านพูดเรื่องต่างๆได้ถูกต้องเช่นผมน่ะชอบใช้ขาเตะรั้วของคนอื่นซึ่งยอมรับว่าใช่เลยเพราะเป็นของชอบตอนเด็กๆแต่ว่าลืมไปแล้วจำไม่ได้ฯลฯสรุปได้ว่าตัวอย่างกรรมที่ทำเคยทำมาตั้งแต่เด็กๆเลยคือ

-ผมเคยเดินกระทืบเท้าเวลาไม่พอใจพ่อแม่ตอนเด็กๆ
-ผมเคยใช้ขาเตะรั้วทำลายข้าวของคนอื่นด้วยความสนุกไม่สนใจคนอื่นว่าจะเสียหายอย่างไร
-ผมเคยใช้ขานี้เปิดพัดลมทีวีเขี่ยสิ่งของเรียกว่าใช้ขาผิดหน้าที่เพราะความขี้เกียจมักง่ายสุดๆ
-ผมเคยใช้ขาเตะถีบคนอื่นอันนี้ใช่เลยเพราะตั้งแต่เด็กมาชอบเล่นต่อสู้กันเตะถีบกันรุนแรงเลยและอื่นๆอีกเพียบ
-อันนี้สำคัญที่สุดคือท่านบอกว่าผมเคยหันเท้าไปทางพระซึ่งตรงนี้ผมยอมรับว่า“จริง” และท่านบอกว่านี่บาปหนักมาก
-ที่ผมจำได้อีกก็คือใช้ขาเหยียบเหรียญซึ่งมีรูปพระเจ้าอยู่หัวเงินธนบัตรเวลาปลิวและเดินเหยียบหรือข้ามรูปภาพของผู้ทรงศีลอีกมากมายเวลาตกบนพื้น

และกรรมอื่นๆอีกมากมายที่ผมใช้ขาทำบาปนับไม่ถ้วนและผลกรรมเหล่านี้จึงสร้างเหตุให้ผมได้รับอุบัติเหตุจนกลายมาเป็นคนพิการลักษณะนี้

นี่เป็นเพียงสาเหตุที่ท่านอาจารย์ท่านนี้บอกผมนะครับและท่านก็กำลังพิสูจน์ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่ตรงนี้นี่แหละครับที่ทำให้ผมคนเชื่อยากอย่างผมมักมองสิ่งที่มองไม่เห็นว่าไม่น่าเชื่อถือหรือหลอกลวงกลับมาเชื่อกฏแห่งกรรมสุดๆและรู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองเลวแค่ไหนคงจะอ้างว่าทำไปเพราะยังเด็กก็คงไม่ได้เพราะกฏแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด
 
พิสูจน์กฏแห่งกรรม:
ท่านบอกว่าเมื่อผมกล้าพูดและยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำบาปมาอย่างกล้าหาญและตั้งใจจะไม่กลับไปทำอีกคอยดูนะว่าขาที่ชี้เด่จะกลับลงมาเป็นปกติแน่นอน

ตรงๆเลยนะครับผมไม่อยากเชื่อครับเพราะคิดว่าเป็นไปได้ไงที่จะทำให้ขากลับมาเหมือนเดิมไม่ชี้เด่เวลานั่งขัดสมาธิ

ท่านบอกให้ผมตั้งจิตขอขมาพระพุทธเจ้าขอกราบขอขมาที่ล่วงเกินหันเท้าไปทางพระโดยที่ไม่ได้ตั้งใจและขอขมาพระแม่ธรณีที่เดินกระทืบเท้าขอขมาต่อพ่อแม่ผมซึ่งเดินกระทืบเท้าใส่ท่านเวลาโกรธและสัญญาว่าจะไม่ทำอีกเด็ดขาดผมก็ตั้งจิตตามท่าน

ท่านบอกให้ตั้งจิตขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายและขอบารมีพระพุทธเจ้าขอเบิกบุญทานศีลภาวนาทั้งหมดที่ทำมาทุกชาติและที่มาทำในวันนี้อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายผมก็ทำตามที่ท่านบอก

แล้วท่านก็ขอบารมีพระพุทธเจ้าบอกว่าบัดนี้ผมรู้สำนึกบาปที่ทำแล้วและตั้งใจจะรักษาศีลไม่ทำบาปอีกขอบารมีพระพุทธเจ้าทรงแสดงอานุสานียปาฏิหาริย์แสดงกฏแห่งกรรมให้ผมและคนอื่นๆได้รู้ว่าหากรู้เหตุที่ทำมาและดับที่เหตุแล้วผลที่เกิดขึ้นต้องดับลงเพื่อเป็นสิ่งพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าให้ผมและทุกคนได้ประจักษ์ด้วย

จากนั้นท่านใช้มือแตะเบาๆที่ขาข้างที่ผมมีปัญหาทุกคนที่ดูอยู่ก็ร้องกันโวยวายเสียงดังฮู้วว์ๆๆๆๆ
ผมก็ไม่รู้ว่าเขาร้องอะไรกันแต่พอเหลือบลงไปมองที่ขาเห็นขาตนเองที่ชี้เด่กำลังค่อยๆเคลื่อนลงสู่ตำแหน่งปกติเหมือนขาอีกข้าง

เฮ้ยยเป็นไปได้ยังไงเพราะปกติที่ผมลองมาหลายสิบปีหากเพียงแค่พยายามกดขาที่ชี้เด่นี้ลงก็จะเจ็บปวดกระดูกมากเพราะมันผิดรูปไปแล้วแต่ตอนนี้กระดูกขาผมกำลังเคลื่อนลงสู่ตำแหน่งของมันช้าๆ


ยอมรับว่าตกใจทุกคนที่นั่งดูอยู่ก็ร้องกันแบบตกใจเหมือนกันท่านให้ผมยืนขึ้นแล้วนั่งลงไปใหม่ผมก็ยืนแล้วค่อยนั่งลงปกติขาผมผลุบลงตำแหน่งปกติไม่ชี้เด่เหมือนเคย

จะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะครับนอกจากอึ้งตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นพอได้สติก็ต้องกราบพระพุทธเจ้าทันทีว่าสิ่งที่อาจารย์ท่านนี้พูดไว้ถูกต้องแน่นอนที่สุดหากไม่ใช่บารมีพระพุทธเจ้าก็คงไม่มีใครทำให้เรารู้ว่ากรรมส่งผลจริงไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน

นี่คือเรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นกับผมซึ่งบอกตรงๆว่าหากไม่เกิดกับตัวเองก็คงไม่ยอมเชื่อเด็ดขาดแต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าบาปกรรมมีจริงสิ่งที่พระพุทธองค์สอนนั้นเป็นจริงทุกๆประการอาจารย์ท่านนี้บอกให้ผมรักษาศีล5ด้วยชีวิตทุกวันนี้ผมเดินได้เหมือนคนปกติเดินไม่กระเผกเหมือนเคยนั่งสมาธิได้แบบคนทั่วไปเข่าไม่ชี้เด่แต่ร่องรอยแผลเป็นยังคงมีอยู่ตามปกติที่ควรจะเป็นจะเอาอะไรอีกละครับกับชีวิตนี้แค่หายพิการทางกายไม่พอยังหายพิการทางใจด้วยซึ่งมีค่ามากมายยิ่งนักสำหรับผม

 

 
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 14:02:22


ความคิดเห็นที่ 80 (1638286)

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

...........................

พจน์คิดว่านี่อาจจะเป็นการเริ่มเปิดประเด็น เพื่อหาลูกค้าและจะได้ขายเครื่องสำอางค์พาเมล่าค่ะ แต่คำพูดมันดูแรงมากๆเลยค่ะ ถึงจะเป็นเรื่องจริงแต่พูดไปแล้วกลับมองไม่เห็นถึงประโยชน์อะไรที่คุณนนทพรจะได้รับเลย มีแต่ทำให้เสียความรู้สึกป่าวๆ เพราะคำพูดที่คุณปิ่นพูดออกมาดูไม่เห็นจะก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้บ่งบอกว่าคุณจะดีหรือชั่ว แต่สำคัญที่จิตใจมากกว่า หรือมองอีกอย่างก็อาจจะเป็นการหาปมด้อยของคนอื่นมากลบปมด้อยของตัวเอง พูดง่ายๆก็คือคุณปิ่นอาจจะมีนิสัยขี้อิจฉา คือไม่อยากเห็นใครดีกว่าตัวเอง พูดให้คนอื่นดูแย่ เพื่อที่จะให้ตัวเองรู้สึกดูดีกว่าก็ได้ค่ะ

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

 

..........................

แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่า ต้องเป็นคุณนนทพรที่มีความสุขมากกว่าแน่ๆ เพราะอย่างแรกเลยคือคุณนนทพรสามารถวางอุเบกขาได้จากคำพูดของคุณปิ่น และคุณนนทพรบอกว่าเธอยอมรับว่าเธอเป็นอย่างที่คุณปิ่นพูดจริงๆ นั่นแสดงว่าคุณนนทพรอยู่กับความเป็นจริงและยอมรับความจริงได้อย่างสง่างาม แสดงว่าคุณนนทพรมีจิตที่คิดบวกเสมอค่ะ ส่วนคุณปิ่น แค่คำพูดที่พูดออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วค่ะว่าน่าจะเป็นคนที่มีแต่ความทุกข์ เพราะก่อนที่จะพูดออกมาได้ ใจต้องเป็นผู้ที่คิดก่อน ซึ่งการพูดถึงสิ่งที่เป็นด้านลบของบุคคลอื่นโดยที่พูดแล้วก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แสดงว่าจิตใจของคุณปิ่นน่าจะเป็นคนที่ชอบคิดลบ ถึงคอยแต่จะจ้องมองหาแต่ความไม่ดีของบุคคลอื่นอยู่ตลอดเวลาค่ะ เพราะถ้าคุณปิ่นมีความสุขแล้ว คงไม่มองหรือคิดที่จะตำหนิติเตียนผู้อื่นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 14:31:53


ความคิดเห็นที่ 81 (1638290)

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

    พี่นนทพรฟังพี่ปิ่นพูดแล้ว  ก็ทำใจได้

ว่าตัวเองเป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ

ยอมรับได้ในการเป็นตัวของตัวเอง

จึงทำให้พี่นนทพร  ไม่ได้ทุกข์ร้อน

กับคำกล่าวนั้น  ชีวิตจึงมีแต่ความสุข

    ในทางกลับกัน  พี่ปิ่นถ้าพูดเพื่อหวัง

ประโยชน์ให้กับตัวเอง  คงจะแค้นในใจ

ที่พี่นนทพร  ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

กับคำพูดนี้เลย  คนเราถ้าพูดเพื่อให้คนอื่น

มีปฏิกิริยาตอบกลับ  แต่ไม่เป็นผล

มันคงอึดอัดน่าดู ดังนั้นจึงต้องทุกข์

กับคำพูดของตัวเอง  ชีวิตจึงต้อง

ทนทุกข์ไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 15:04:31


ความคิดเห็นที่ 82 (1638291)

 

ดิฉันชื่อ นางบุญภิบาล  คงเขียว  ชื่อเล่น ตุ๊ก  อาชีพเป็นแม่บ้าน  ทำสวนกล้วยไม้และปลูกทุกอย่างที่กินได้ค่ะ อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี  คลองห้า ลำลูกกา

ขออนุญาตเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอกับตัวเอง  ครอบครัว   และบริวารว้านเครือ  เป็นผลกรรมจากการผิดทั้ง 5 ข้อค่ะ

ศีลข้อที่ 1. ฆ่าคน ฆ่าสัตว์ คือทำให้เขาตายด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ด้วยความตั้งใจ เริ่มตั้งแต่สัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่น ยุง แมลงทุกชนิด แมลงวัน แมลงสาบ ผึ้ง แตน ต่อ มดแดง มดทุกชนนิด แมลงกี่นูน แมลงแครง แมลงกุดจี้  แมลงกี่นูน  ตัวหนอนดักแด้  ไส้เดือน หอยทุกชนิด หอยแครง หอยแมลงภู่  ( หอยที่กินได้ทุกอย่างค่ะ )   ปลาดุก  ปลาหมอ   ปลาช่อน ปลากะโง่  ( ปลาที่กินได้ทุกอย่าง ) ปู่นาเอาตัวเป็นมาดองน้ำปลา  ปูทะเล  ปลาหมึก ปลาทู ปลาซิว  ปลากระดี่  ปลาไหล ฯลฯ  ปลากัด ปลาซักเก้อ   เห็บ  หมัด  เหา  จิ้งจก  กิ้งก่า  หมู  หมา  วัว ควาย ( ไม้แหย่ก้นวัว ก้นควาย ) ไก่ เคยรังแกให้เขาได้รับความเจ็บปวด  ลำบาก  ทรมาน เหมือนตายทั้งเป็น รวมทั้งคิดฆ่าครอบครัว และลูก แม่สามี  และน้องสามี ( และฆ่าตัวเองตายตามไปด้วย )

แล้วก็รวมถึงเคยทำแท้ง ฆ่าคน  ทั้งฆ่า สั่งฆ่า และวางแผน มีส่วนรู้เห็นกับการฆ่า  รวมทั้งคิดฆ่า คิดแกล้ง คิดทำร้าย คิดแก้แค้นอาฆาตพยาบาท  คิดทำลายชื่อเสียง เกียรติยศ อิจฉาริษยาไม  อยากให้คนอื่นดีกว่าเรา

ศีลข้อ 2. ลักทรัพย์  ชอบของฟรี คิดอยากได้ของคนอื่นโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมให้คนอื่นเสียทรัพย์โดยที่เขาไม่เต็มใจ  ชอบกิน  ชอบได้  เอาของวัดกลับบ้านไม่ว่าของกิน ของใช้  เอาของที่ทำงานกลับบ้าน เช่น ยาหม่อง กระดาษ ถ่ายเอกสาร ซาร์แบตโทรศัพท์ โกงตาชั่ง สนับสนุนให้ส.ส.ซื้อเสียงโดยการรับเงินสนับสนุนให้คนอื่นรับเงินจากส.ส. ด้วยค่ะ มีส่วนรู้เห็นที่ผู้สมัคร อบต. บึงคำพร้อยซื้อเสียง  ไม่ห้าม อู้งาน ลาป่วยทั้งๆที่ไม่ได้ป่วย  นินทานาย  เพื่อนร่วมงาน และคนที่เราไม่ชอบหน้า   คุยโทรศัพท์ระหว่างงาน  ทำงานไม่เต็มที่  เอาหินดินจากข้างถนนกลับบ้าน ขโมยไก่  สับปะรด  มะม่วง  กรรไกร  ฝรั่ง ขโมยปะการัง ล้อพ่อแม่เพื่อน  ล้อเลียนเพื่อนที่พูดไม่ชัด ขโมยดินสอ  ปากกา  มะขาม  เสื้อผ้า ของใช้

ศีลข้อ 3.  ชิงสุกก่อนห่าม มีชู้ มีกิ๊ก  เป็นทอม พูด คิด ส่อทางชู้สาว หมกหมุ่นเรื่องเพศ คิดถึง พูดถึง เขียนถึง  ผิดภรรยา ส่ำส่อน  ดูภาพโป๊  หนังx หนัง r   

ศีลข้อ 4.  พูดโกหก  ปลิ้นปล้อน  กะหล่อน ตอแหล   นินทา  ส่อเสียด เพ้อเจ้อ   หยาบคาย  ไร้สาระ  พูด เขียนโดยไม่สำนึก  ไม่มีความรับผิดชอบในสิ่งที่พูดที่ทำ พูดจาหยาบคาย สองแง่สองห้าม  พูดลามปาม เถียงพ่อแม่ ผู้ใหญ่   ต่อปาก ต่อคำ ไม่สำนึก ไม่มีมารยาท  พูดจา..ภาษาพ่อขุนราม คือ  มึง กู  ( หรือ คิง กับ ฮา  ) ใครสอนไม่ได้  เตือนก็ไม่ชอบโกรธ  เสียหน้า  เสียศักดิ์ศรี

ศีลข้อ 5. กินเหล้า  ไวท์  ข้าวหมาก  ของหมักดอง สูบบุหรี่  สูบกัณชา ข่วยพี่และพ่อพ่อขายเหล้า เบียร์   ยอดอง  ซื้อ หรือให้คนอื่น  สนับสนุนให้คนอื่นดื่ม ซื้อให้ ชงให้ จัดงานเลี้ยง  งานแต่ง  งายศพ   หรืองานรื่นเริงต่างๆก็ไปช่วยพี่สาวขายด้วย

ผลกรรมที่ได้รับ  เป็นริดสีดวงทวาร  เป็นนิ้วในถุงน้ำดี    เนื้องอกที่มดลูก   ปัสสาวะเล็ด  กรดไหลย้อน   โรคกระเพาะ  ไข้มาลาเรีย  ปวดหลัง ปวดเอว  เข่า บ่า ไหล่  กระดูกเสื่อม ( ตรวจกระดูกแล้วติดลบ วันที่ 20 พ.ย. 2555  หมอนัดเช็คกระดูก  ถุงน้ำที่นม  นอนไม่หลับ  ตาเป็นต้อลม  สายตายาวโรคกล้ามเนื้อที่ปากเมื่อยล้า  ท้องผูกบ่อยมากๆ เข่าลั่นดังก็อปแก๊บ  ลูกเดื้อ ไม่ประสบผลสำเร็จทั้งทางโลก และทางธรรม  ไม่มีสภาพคล่องทางเงิน  เพื่อนเงินแล้วไม่จ่าย  เป็นหนี้สิน  ลูกอายุสมองไม่บันล้านกับอายุปัจจุบัน ( เป็นเด็กพิเศษ )

แล้วมารับรู้ว่าเกิดจากกรรมใดเมื่อมารู้จักบ้านสวนฯ  และหาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนั้นๆ  แล้วแก้ไขด้วยการรักษาศีล 5 เคร่งครัด  เลิกทานเนื้อสัตว์  หันมาทานมังสาวิรัติ  เลิกโกรธ   ละความชั่วทุกอย่าง (  ฝึกทำความดี หนีความชั่ว  )  รักคนอื่นเหมือนกับเป็นพี่เป็นน้อง เป็นญาติของเรา

ผลจากการฝึกทำความดีทำให้สุขภาพดีขึ้นแข็งแรงหายเกือบทุกโรคค่ะเช่นกระดูกหมอห้ามยกของหนักแต่ตอนนี้ยกหนักไม่มีปัญหาไปหาหมอรพ.ภูมิพล เช็คแล้ว บอกหมอแล้วว่าไม่ได้ทานยาที่หมอให้เลยไปกินหญ้าที่บ้านสวนฯ เอายาไปให้โรงพยาบาลหยอดตู้เพื่อให้คนอื่นได้ใช้ต่อค่ะ

ส่วนที่ยังเป็นหายๆนั้น  คือผื่นคัน  บางครั้งเหยียบมด ซื้อเนื้อสัตว์ให้ลูกและสามี  รวมทั้งสัตว์เลี้ยงด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 15:13:35


ความคิดเห็นที่ 83 (1638299)

 ธรรมทานของเหมี่ยวค่ะ

ดิฉันนางสุนีย์ ศิริมาศกูล อายุ 47 ปี ชื่อเล่น เหมี่ยว  เป็นเจ้าของร้านศิริศิลป์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา อาชีพ ถ่ายรูป ถ่ายเอกสาร เคลือบบัตร ส่งแฟกซ์ เข้ารูปเล่ม พิมพ์การ์ดงานบวช งานแต่งและงานศพ ฯลฯ

ปัญหาที่ทำให้เป็นทุกข์มานานเข้าปีที่ 3 แล้วนั้นคือ มือทั้งสองข้างของเหมี่ยว ครั้งแรกที่เป็นจะมีอาการคัน เป็นตุ่มใสๆ ที่ง่ามมือและลามมาจนถึงหลังมือ เหมี่ยวคันก็เลยเกา เกาจนหนังขาดแล้วหลังมือก็แดงแสบ ทรมานมาก ไปหาหมอที่มีชื่อเสียงในทางโรคผิวหนังก็ไม่ดีขึ้น ซื้อยาที่มีคนบอกว่าดีมาทาก็ไม่ได้ผล จะมีอาการคันตลอด คุณหมอที่รักษาโรคผิวหนังเฉพาะทางบอกว่า เหมี่ยวแพ้น้ำยาซักผ้า -ล้างจาน มันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเหมี่ยวไม่เคยได้ซักผ้าสักเท่าไร จะจ้างซักตลอด

จนในที่สุดเหมี่ยวก็ได้มาพบบ้านสวนพีระมิด พบอาจารย์อุบล ได้ฟังธรรมที่อาจารย์อุบลท่านเมตตาสั่งสอนในเรื่องของกรรมใครทำกรรมอะไรไว้ จะต้องได้รับผลของกรรมนั้นๆ และพอได้ออกไปสารภาพต่อหน้าคนเยอะๆ ว่ามือสองข้างนี้

-เคยขโมยผลไม้ ในสวนของคนข้างบ้าน

-ขโมยขนมร้านค้าตอนที่เจ้าของร้านเขาไม่อยู่

-ใช้มือทั้งสองข้างทำบ่วงแล้วเอาข้าวสารโปรยให้ไก่มากินพอไก่กินข้าวแล้วขาอยู่ตรงบ่วง ก็ดึงเชือกให้มัดขาไก่แล้วก็เอาไก่ไปให้แม่เชือดเพื่อเป็นอาหาร

-เคยขโมยไม้ลูกชิ้นไม้ปิ้งไก่ไม้เสียบหมูของคนข้างบ้านไปขายโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต

พอมีครอบครัวเปิดร้านถ่ายรูป ถ่ายเอกสาร ฯลฯ มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ มาจ้างออกบิล ก็ทำเป็นประจำ เหมี่ยวก็ไม่เข้าใจในตอนแรกเกี่ยวกับการเขียนบิลเท็จมันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมากมาย เท่ากับโกงชาติโกงแผ่นดิน เพราะเงินที่เหล่าราชการเบิกนั้น เป็นเงินของหลวงเงินของแผ่นดิน

นอกจากนั้นยังเป็นคนที่มีอารมณ์โกรธ ขี้โมโห อีกด้วย

       ฉะนั้น สิ่งที่เหมี่ยวได้ทำเป็นการผิดศีล ข้อ 2 เป็นส่วนใหญ่ ผลกรรมรวมตัว จึงทำให้มือ ของเหมี่ยว มีสภาพดังกล่าวมาแล้วกรรมที่ทำมาตั้งแต่เล็ก เพิ่งมาส่งผลตอนนี้ ก็ปาไป 47 ปี มีมือที่มีผิวคล้ายหนังงู หนังคางคก

บัดนี้เหมี่ยวได้สำนึกถึงผลกรรมที่ทำมาแล้วตั้งแต่ต้น เหมี่ยวขอขมากับเจ้าของของทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมี่ยวเคยขโมย โปรดเมตตาเหมี่ยวด้วย อ.อุบลช่วยด้วย  ขอให้บุญที่เหมี่ยวได้ทำทุกบุญในบ้านสวนพีระมิด นี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมารับบุญของเหมี่ยวด้วยเถอะเจ้าค่ะ

       อานิสงส์ที่ทำตลอดระยะเวลา 2 ปี อาการของผิวนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เป็นตุ่มใสไม่คันจะแห้งแต่ยังมีร่องรอยของแผลอยู่ ซึ่งในปัจจุบันนี้ อ.อุบลได้ให้ทำworkshop กับรับบารมีพระศรีอาริย์ อาการที่เป็นก็หายเกือบหมด ถือว่าเป็นบุญกุศลของตัวเหมี่ยวเอง ที่ได้มาเจอ อ.อุบล และบ้านสวนพีระมิด

เหมี่ยวต้องขอบคุณ อ.อุบลที่เป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ของเหมี่ยวและของลูกบ้านสวนทุกคน ที่บุญทุกอย่างทำแล้วได้อานิสงส์แบบฉับพลันทันที ขอบคุณเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุนีย์ ศิริมาศกูล (นู๋เหมี่ยว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 16:03:38


ความคิดเห็นที่ 84 (1638300)

บ้านสวนพีระมิด ให้ชีวิตใหม่

 ผมชื่อ นายอมร  ศิริมาศกูล อายุ 50 ปี อาชีพค้าขายเป็นช่างภาพ อ.อำเภอเสิงสาง  จังหวัดนครราชสีมา

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมมาบ้านสวนพีระมิดครั้งแรกราวเดือนมิถุนายน 53 ด้วยเหตุหลังจากดูคลิปรายการคุยไปแจกไป ชอบตื่นเต้นแนวนี้อยู่แล้ว เลยต้องติดตาม เห็นเขาออกมาบอกความชั่วของตัวเอง ซึ่งเป็นต้นเหตุของความทุกข์ เป็นเหตุให้ต้องมาหาอาจารย์อุบล

ผมมีอาการผิดปรกติทางร่างกายคือ เส้นเอ็นยึด ปวดตามเนื้อตามตัว ปวดหัว ปวดต้นคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดเข่า ปวดขา  ทำให้รู้สึกว่าเราเริ่มผิดปรกติ  ไม่สบายเนื้อตัวเลย อาจารย์อุบล เป็นผู้ที่บอกสอนเรื่องกรรมให้ผล กรรมรวมตัว ผมก็เพิ่งรู้ เข้าใจเหมือนกันครับ การทำบุญอย่างไรถึงจะทำให้เจ้ากรรมนายเวรเราจะได้รับบุญ และพึงพอใจ ยอมอโหสิกรรม คือการทำให้เราหายป่วย นั่นเอง

บ้านสวนพีระมิด ทำให้ผมรู้ บุญแรงกาย ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเอง รักษาศีลไม่ละเมิดผู้อื่น ทำสมาธิ ให้ทาน ให้อภัยทาน และที่สำคัญ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องการสารภาพบาป ที่ผมได้ทำกรรมมา เป็นผลของการผิดศีลข้อ 1   ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนผู้อื่น เคยรู้เห็นการทำแท้ง แนะนำสถานที่ทำแท้ง ดูคนเขาฆ่าวัว หมู ลงมือฆ่าสัตว์เป็นอาหาร เป็ดไก่ ปลา ปู สัตว์เล็กสัตว์น้อย พวกเป็ดไก่เชือดคอ ปลาก็ทุบ ผ่าท้อง ฆ่าหนู ด้วยการจับที่หัวและดึงหาง ทำอย่างทารุณ  ทำอาชีพเลี้ยงไหม เคยนำตัวไหมไปทิ้งตากแดด เป็นแสน เป็นล้านตัว การฆ่า หรือการรู้เห็นทั้งหมดในตอนนั้น ไม่รู้สึกกลัวบาปเลยแม้แต่น้อย  ทำมาครึ่งค่อนชีวิต  มาคิดได้แล้วกลัวบาป นึกถึงอกเขา อกเรา หากเราถูกฆ่า ถูกล่า อย่างนี้บ้างจะเป็นอย่างไร  จึงเลิกทำฆ่าโดยเด็ดขาด

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 16:06:46


ความคิดเห็นที่ 85 (1638302)

      อ.อุบล เมตตาบอกให้เจ้ากรรมนายเวรของผม ผมรับบุญ ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น ผลปรากฏว่า อาการปวดหัว ปวดทั้งตัว หายทันทีอย่างอัศจรรย์ และอาการที่เหลือค่อยๆหายไปจนลืมไปเลยว่าเคยมีอาการปวด เพราะเราทำบุญที่บ้านสวนอย่างต่อเนื่องและอุทิศบุญตามคำแนะนำของอาจารย์อุบล

       ถ้าผมยังไม่รู้จักบ้านสวนพีระมิด อาจารย์อุบล ผมคิดว่า ตอนนี้ผมคงต้องป่วย ไม่ก็อาจตายไปแล้วก็ได้

รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย รหัสจักรวาลที่มีความสำคัญสำหรับชีวิตผมก็ว่าได้

อาจารย์อุบล เป็นผู้อัญเชิญบารมีพระศรีอาริย์ ให้มาสถิตย์ที่บ้านสวนพีระมิด  ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลครับที่ทำให้ผม รับสัมผัสพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถทำให้ผมหาป่วยได้อย่างฉับพลันทันที รอดพ้นจากอุบัติเหตุได้ แก้ปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ พบหนทางแก้ไข อีกทั้งแนะนำให้คนอื่นใช้ หรือบำบัดผู้อื่นโดยการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย หรือขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อาจารย์อุบลเป็นผู้อัญเชิญ ให้ผู้นั้นรับสัมผัสได้ ให้หายจากอาการป่วย   ก็ยังใช้ได้ผลเหมือนกัน (จะนำประสบการณ์มาเล่าในตอนต่อไป)

        บ้านสวนพีระมิด ทำให้ผมรู้จัก บุญแรงกาย ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเอง รักษาศีลไม่ละเมิดผู้อื่น ทำสมาธิ ให้ทาน ให้อภัยทาน และที่สำคัญ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องการสารภาพบาป ที่ผมได้ทำกรรมมา เป็นผลของการผิดศีลข้อ 1   ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนผู้อื่น เคยรู้เห็นการทำแท้ง แนะนำสถานที่ทำแท้ง ดูคนเขาฆ่าวัว หมู ลงมือฆ่าสัตว์เป็นอาหาร เป็ดไก่ ปลา ปู สัตว์เล็กสัตว์น้อย พวกเป็ดไก่เชือดคอ ปลาก็ทุบ ผ่าท้อง ฆ่าหนู ด้วยการจับที่หัวและดึงหาง ทำอย่างทารุณ  ทำอาชีพเลี้ยงไหม เคยนำตัวไหมไปทิ้งตากแดด เป็นแสน เป็นล้านตัว การฆ่า หรือการรู้เห็นทั้งหมดในตอนนั้น ไม่รู้สึกกลัวบาปเลยแม้แต่น้อย  ทำมาครึ่งค่อนชีวิต  มาคิดได้แล้วกลัวบาป นึกถึงอกเขา อกเรา หากเราถูกฆ่า ถูกล่า อย่างนี้บ้างจะเป็นอย่างไร  จึงเลิกทำฆ่าโดยเด็ดขาด

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 16:09:35


ความคิดเห็นที่ 86 (1638305)

      ถูกทวงถามเอาชีวิตจาก ชายกางเกงแดง 

        เมื่อราวปี 2548 ผมฝันกึ่งหลับกึ่งตื่น ว่ามีชายกางเกงแดง  มาหาผม และผมได้ถามว่า... จะไปไหนกัน ชายกางเกงแดง บอกว่า ....จะมาเอาชีวิตเจ้านั่นแหละ ผมอึ้งไปเลย ผมบอกว่า ... ได้ครับพร้อมครับ ขอผมกราบพระรัตนตรัยงามงามก่อนครับ พอกราบเสร็จ ผมจึงชวนชายกางเกงแดง  ว่า.. เราไปกันเถอะ  ชายกางเกงแดง บอกว่า... ไม่เอาแล้ว และก็หายจากไปเลย   ทำให้เกิดความสงสัยกับความฝันว่า จริงหรือไม่

หลังจากนั้นก็มาถามว่าลืมสัญญาหรือยัง   ชายกางเกงแดง  ได้มา บอกว่าให้เวลา สองปีครึ่ง เวลาผ่านไปผมต้องยอมจำนนกับความตายที่จะต้องเกิดขึ้น คงไม่มีใครที่จะทำให้ผมมีชีวิตต่อไปได้อย่างแน่นอน คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2553  วันส่งท้ายปีเก่า ท่านอาจารย์อุบล เมตตาให้เตรียมคำถาม จะตอบทุกคำถาม  ผมจะต้องหมดอายุจริงหรือไม่ ท่านตอบว่า... จริง   หากผมต้องการจะมีชีวิตต่อไปผมจะต้องทำอย่างไรครับ  ท่านอาจารย์อุบลบอกว่า... การจะมีชีวิตต่อไปจะอยู่เพื่ออะไร ต้องสามารถสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมได้ จึงจะได้รับการต่ออายุ  ผมขอมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อสร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิด ทำประโยชน์ บำเพ็ญตนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากระษัตริย์

ผมได้รู้คุณค่าของชีวิตที่เหลือจะต้องทำอะไรเพื่ออะไร ก็ตรงนี้ครับเห็นการดำเนินชีวิตของอาจารย์อุบล และครอบครัว การทำบุญถวายในหลวง มั่นคงในพระรัตนตรัย มอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุทิศตนให้ผู้อื่นได้รับความสุข มีความบริสุทธิ์ใจอยากจะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ที่สำคัญยืนหยัดปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากระษัตริย์

อาจารย์อุบล ได้นำหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามา โดยใช้หลักของความเป็นจริง และใช้ศีลเป็นบรรทัดฐาน สุดยอดเลยครับ ผมสมัครใจขอปฏิบัติตามบอกคำสอน ของอาจารย์อุบล และขอยกอาจารย์อุบล เป็นครูบาอาจารย์ ไว้เหนือเกล้า เหนือเศียร ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 16:10:48


ความคิดเห็นที่ 87 (1638306)

 การเจ็บป่วยปางตาย

       ผมตัวร้อน ปรอทวัดไข้ได้ 40 องศาc   อ.อุบล ก็เมตตาช่วยเหลืออย่างเป็นอัศจรรย์ สัมผัสพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แสงฉัพพรรณรังสี ที่พวยพุ่งออกมาครอบที่ตัวผม ก่อนที่ อ.อุบลจะมาถึงตัวผมไม่ถึงนาที อ.อุบลบอกว่าให้หายนะลูก อ.อุบล ถาม คุณเหมี่ยวว่า ไหนว่าตัวร้อนไม่เห็นตัวร้อนเลย ตัวเย็นแล้วนี่ คุณเหมี่ยวยังยืนยันว่าตะกี้ยังตัวยังร้อนอยู่เลยค่ะ

       หลังจากผมได้สติพิจารณาถึงผลดีของการมาสร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิด มีคนจำนวนมากที่อยากมาแล้วไม่ได้มา การสร้างบุญก็เกิดผลดีกับเราโดยตรงและโดยอ้อม โดยฉับพลันทันที และก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเราเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น อย่างชัดเจนทุกด้าน

จึงอายตนเองมากที่เมื่อก่อนคิดได้แค่ว่า ตัวเองได้มาสร้างบุญ แล้วได้บุญ คิดถึงแต่สิ่งที่ตนเองจะได้

ทุกวันนี้ ผมตั้งใจมากที่จะต้องขอร่วมสร้างบุญที่นี่ โดยเดินทางกลางคืนวันศุกร์ เพื่องานวันเสาร์-อาทิตย์อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง จนกลายเป็นความผูกพันธ์ ความคิดที่จะไม่มานั้นได้หมดไป คิดแต่ ไม่มาไม่ได้ จะต้องมา และได้เล็งเห็นภารกิจของบ้านสวนพีระมิด ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ทำเพื่อคนทั้งโลก  วันนี้ ผมจะขอทำทุกอย่างเพื่อผู้อื่นและทำให้คนอื่นได้บุญ  ตามที่ได้ตั้งสัจจะเอาไว้

เป็นพระมหากรุณาธิคุณ จากท่านท้าวเวสสุวรรณ และท่านอาจารย์อุบล ที่เมตตาสื่อ ต่อชีวิตให้ผมมีลมหายใจต่อไป กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทวดาประจำตัว รักษาอาจารย์อุบล และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ ที่ให้โอกาสผมได้มีส่วนร่วมในการสร้างบุญ และขอปฏิบัติตนสร้างความดี เพื่อบ้านสวนพีระมิดและอาจารย์อุบล อย่างมอบกายถวายชีวิต ขอรับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 16:12:10


ความคิดเห็นที่ 88 (1638313)

ธรรมทานของเจี๊ยบ

ดิฉัน นางสาวเพชรดา วรรณรักษ์ อายุ 51 ปี ปัจจุบันพักอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ทำงานอยู่ที่ถนนชิดลม แถวราชดำริ ปทุมวัน
 ชีวิตกว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงอายุ 51 ปีนี้ ก็มีประสบการณ์ชีวิตการทำความชั่วมามากมาย ไม่แพ้คนอื่นๆ ดิฉันนับถือศาสนาพุทธ แต่ก็เหมือนกับเอาไว้กรอกในทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชนเท่านั้น พระพุทธเจ้าสอนให้รักษาศีล 5 ซึ่งก็เรียนในตำรา ในโรงเรียนมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะปฏิบัติอย่างจริงจัง เข้มงวด เหมือนกับที่หลายๆคนทำอยู่ทุกวันนี้ที่ไม่รักษาศีล จนคิดว่าเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว
    ชีวิตตั้งแต่เด็กๆ ก็ผิดศีลตั้งแต่ข้อ 1 มาเลย ฆ่ามด ยุง ปลวก ทุบหัวปลา สั่งฆ่าปลา สัตว์เล็กสัตว์น้อย สารพัด สาบแช่งคนอื่น สมน้ำหน้าคนอื่น ล้อเลียนคนอื่น ซึ่งใครจะไปเชื่อว่าเป็นกรรมมเช่นกัน ผลกรรมที่ได้รับตัวเองมักจะเป้นคนปวดหัวบ่อยๆ
ศีลข้อ 2 ลักเล็กขโมยน้อย ชอบของฟรี ชอบให้คนอื่นเลี้ยงข้าว ผลกรรมจากการชอบของฟรี ทำให้เสียเงินจุกจิกเรื่อยไป
ใช้เล่ห์เหลี่ยมให้คนอื่นเสียทรัพย์โดยที่ไม่ได้เต็มใจ ผลกรรมที่ได้รับ ทำให้ตัวเองโดนหลอกขายสินค้า เอาของไม่ดีมาขายให้
เอาของวัดกลับบ้าน ไปทำบุญที่วัดแล้วเอาข้าว ขนม ผลไม้ของวัดกลับมาเพียงคิดว่าพระคงฉันไม่หมด หารู้ไม่ว่าเป็นบาปหนัก ผลกรรมนี้ทำให้ยากจน เงินขาดมือบ่อยๆ
ทำงานบริษัท ก็เอาของบริษัทกลับมาใช้ที่บ้านเช่น ปากกา ดินสอ ถ่ายเอกสารส่วนตัวที่บริษัท โกงเวลางานทำงานส่วนตัว มาสายกลับก่อน ใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัททำงานส่วนตัว ใช้อินเตอร์เน็ทเล่นเฟสบุ๊ค คุยโทรศัพท์ระหว่างงาน ทำงานไม่เต็มที่
โกงภาษี เลี่ยงภาษี ตกแต่งบัญชี
ศีลข้อ 3 มีกิ๊ก ชิงสุกก่อนห่าม ดูภาพดูหนังลามก ภาพโป๊ ผลกรรมจากการดูภาพโป๊ ทำให้สายตาสั้น
ศีลข้อ 4 พูดโกหก ปลิ้นปล้นกะล่อน ตอแหล พูดเพ้อเจ้อ ส่อเสียด กระทบกระแทกแดกดัน หยาบคาย ไร้สาระ เถียงผู้ใหญ่  ผลกรรมที่ได้รับคือไม่คอยมีคนเชื่อถือ
ศีลข้อ 5 ดื่มเหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาเสพติด การพนัน หวย ล็อตเตอรี่
ขายเหล้า เบียร์ ให้เหล้าเบียร์คนอื่นเป็นของขวัญในเทศกาล ให้เงินคนอื่นซื้อเหล้า ผลกรรมที่ได้รับคือเป็นคนขี้หลงขี้ลืม 
     
 
ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 16:44:04


ความคิดเห็นที่ 89 (1638314)

ต่อค่ะ

ผลกรรมที่เกิดจากรรมรวมตัว
เรื่องที่ 1 โกงภาษี หลีกเลี่ยงภาษีทำให้เกิดอุปสรรคทางการเงิน
       เมื่ออายุมากขึ้นกรรมเริ่มรวมตัว อุปสรรคต่างๆในชีวิต ก็เข้ามาเยี่ยมเยียนแต่ไหงไม่ยอมลากลับ ไม่ว่าอุปสรรคทางการเงิน ที่หาเงินมาได้เท่าไรก็จะมีทางออกไปจนหมดแทบจะไม่มีเงินเก็บ และเงินที่จ่ายออกไป ก็ไม่ได้ทำประโยชน์ให้เพิ่มพูน มีแต่จ่ายออกด้วยเรื่องที่น่าปวดหัว เช่น แม่ไม่สบาย หลานขอเงินเรียนหนังสือ ขอค่าเสื้อผ้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโน่นนี่ จิปาถะ มีรายการจ่ายทุกวัน สุดท้ายก็ไม่มีเงินเหลือเก็บ ซึ่งเป็นกรรมมาจากการโกงภาษี หลีกเลี่ยงภาษี โกงชาติโกงแผ่นดิน ซึ่งเป็นกรรมหนักมาก ตอนทำไม่ทราบว่าจะเป็นกรรมที่หนักมากตายไปต้องตกนรกขุมลึกสุดเพราะโกงชาติโกงแผ่นดิน เมื่อยังไม่ตายก็ได้รับผลกรรมนี้แล้ว โดยทำให้มีอุปสรรคทางการเงิน เงินไม่พอใช้ โชคยังดีที่ไม่มีหนี้สิน ถ้าโกงมากกว่านี้ คงจะมีหนีสินล้นพ้นตัว และเมื่อได้มาปฏิบัติธรรมกับท่านอาจารย์อุบล จึงได้ทราบกฏแห่งกรรมนี้ ท่านอาจารย์บอกว่ากรรมที่เกิดจากการโกงแผ่นดิน ต้องล้างหนี้ด้วยการสร้างพระ 9 ศอก แล้วไม่สร้างกรรมใหม่ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนไปสร้าง พระตั้ง 9 ศอก แต่ด้วยยังมีบุญบารมีอยู่บ้าง จึงทำให้มีบุญวาสนาได้สร้างพระ 9 ศอก โดยทำบุญด้วยการใช้แรงกายสร้างพระ ทุกวันนี้ก็เลิกทำบัญชีเลี่ยงภาษี
ผลบุญที่ได้รับ ทำให้ตัวเองมีสภาพคล่องทางการเงินขึ้น และตัวเองไม่ได้สร้างบาปเพิ่ม สำนึกบาปที่ตัวเองทำได้แล้วและจะไม่กลับไปทำชั่วทำบาปอีก นี่เป็นเพราะเชื่อฟังในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จึงทำให้เกิดปาฎิหารย์ขึ้น จากคนที่ขาดสภาพคล่อง ก็กลายเป็นคุณภาพชีวิตดีขึ้น
 เรื่องที่ 2 คือเรื่องโกรธ ทำให้ ผิวพรรณทราม
   เราเป็นคนขี้โกรธ ขี้โมโห ฉุนเฉียว และออกแนวพาล อารมณ์ไม่ดีใส่คุณแม่ ใส่น้อง ใส่หลาน โกรธได้ทั้งวันและหลายวัน ไม่คุยกับใครก็อยู่ได้เป็น 3 วัน 7 วัน ตั้งแต่เล็กจนแก่ แล้ววันหนึ่งก็ได้รับผลกรรมนี้ เมื่อ 7 ปีก่อน ไปหกล้มหัวเข่าถลอกที่โรงเรียนของหลาน ซึ่งมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปรกติ เมื่อแผลที่หัวเข่าหาย อาการคันก็มาเยือน คันได้ทั้งวันตรงที่หัวเข่าถลอก และแล้วอาการคันก็ย้ายที่คันไปเรื่อยจนรอบบริเวณหัวเข่า ไปหาหมอตรวจหลายครั้ง หมอก็ไม่รู้สาเหตุ หมอมีแต่ให้ยาแก้คัน ซึ่งก็ไม่ดีขึ้น คันเหมือนเดิม จนกระทั่งเข่าดำ หนาหยาบเป็นหนังควาย
และได้มารู้สาเหตุว่ามาจากกรรมที่ขี้โกรธ ขี้โมโหทำให้ผิวพรรณทราม ถ้าอยากจะหายให้เลิกโกรธ เลิกโมโห และกรรมจากการปล่อยให้บ้านช่องรก สกปรก ผิวพรรณเราก็จะไม่สวยงามตามไปด้วย เมื่อเราละความโกรธได้มากแล้ว แต่ยังไม่หมด และบ้านช่องก็พยายามดุแล รักษาความสะอาด อาการเข่าดำก็เริ่มจางลง หนังก็นุ่มขึ้น  
 
   ซึ่งที่เราทราบว่าทุกสิ่งที่ทำเป็นกรรมเพราะเราได้ไปปฏิบัติธรรมกับท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์  ที่บ้านสวนพีระมิด
ท่านอาจารย์อุบลเป็นฆราวาสที่สมารถปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา จนได้ธรรมะขั้นสูงได้ญานและการหยั่งรู้ ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเสงี่ยม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และศึกษาเรื่องพลังพีระมิดจากท่านอาจารย์รัตน์ รัตนญาโน
อาจารย์อุบล สร้างบ้านสวนพีระมิดเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อพาเพื่อนมนุษย์ไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน ที่นี่พิสูจน์กฏแห่งกรรม ว่าทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว
ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับผลก็ดับ
 โดยท่านอาจารย์จะนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติจริง เราต้องเชื่อบาปบุญคุณโทษ และกฏแห่งกรรม เราต้องสำนึกผิดคิดได้ และพร้อมที่จะแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนนิสัยของตัวเอง แล้วจะเกิดปรากฏการณ์ต่างๆมากมายที่ทำให้เราหายจากโรคภัยไข้เจ็บ ปัญหาต่างๆจะคลี่คลาย โดยท่านอาจารย์นำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาพิสูจน์ให้เห็นเป็นวิทยาศาสตร์

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 16:45:43


ความคิดเห็นที่ 90 (1638335)

 


คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

.................

 

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

*************

คุณปิ่นมองคน แต่ภายนอก แล้วก็เอาปมด้อยของคนอื่นมาประจานตอกยํ้า ไม่นึกถึงจิตใจผู้อื่น ว่าจะรู้สึกอย่างไร ไม่ได้มองให้ลึกเข้าไปข้างใน แสดงว่า คุณปิ่นมองไม่เห็นถึง จิตใจข้างในของคุณนนทพร เห็นแต่ตัวเอง ที่สวยแต่รูป แต่จูบไม่หอม

ท่านอาจารย์อุบล  สอนให้เรามองหรือดูคน ที่ใจ ไม่ไช่ดูที่รูปกาย ภายนอก เพราะหากเรามองให้ดีๆ และลึกๆแล้ว ไม่ว่าจะรูปร่างแบบใหน สูง ตํ่า ดํา เตี้ย หรือ ขาว สวย หมวย อึ่ม หรือนางงามจักรยานก็แล้วแต่  ลองไ่ม่อาบนํ้าสัก 3 วัน ฟันไม่แปรงสักอาทิตย์ ก็ล้วนแล้วแต่ ทั้งเหม็น ทั้งเน่า ไม่ต่างกันเลย


ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 20:17:50


ความคิดเห็นที่ 91 (1638337)

 กฎแห่งกรรมธรรมทาน

ผมนายสิงห์เงิน อุดมศิริ อายุ 48 อาชีพรับจ้าง พนักงานบ.อุตสหกรรมอ่างเวียน จำกัด อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา

 

  ตั้งแต่เล็กจนโตทำบาปสลับกับการทำบุญมาตลอด ศึกษาธรรมมาก็มากกราบไหว้ครูบาอาจารย์ก็มาก แต่ไม่เคยลึกซึ้งกับธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แม้ศีล 5 ข้อยังทำไม่ได้เท่าที่ควร จนมาพบเวบบ้านสวนพีระมิด โดยมีท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์เป็นผู้ก่อตั้งบ้านส่วนตัวเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า มีหลวงพ่อเสงี่ยม หลวงพ่อปาน หลวงฤๅษีลิงดำ เป็นครูบาอาจารย์ ท่านอาจารย์อุบล สอนธรรมะพระพุทธเจ้าแบบเข้าใจง่ายๆ ศีล ทาน ภาวนา จะบริสุทธิ์ต้องทำทั้งกาย วาจา ใจ ผมเองพึ่งจะมาเข้าใจเอาตอนนี้ ข้อความต่อไปนี้เป็นธรรมทานชิวิตจริงตั้งแต่จำความได้ เข้าใจง่ายๆ ศีลจะบี่ยม หลวงฤาษีลิงดำรย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์เป

    ผมเองตั้งแต่จำความได้เรื่องดีไม่เคยทำเรื่องระยำทำไว้เยอะ ตอนเด็กเรื่องการมองค้อน มองด้วยหางตา มองด้วยความหยิ่งผู้ใหญ่พูดเรียกใช้ก็ใช้สายตาเผด็จศึกทุกที เรียกว่าใช้สายตาในเรื่องไม่ดี โตมาอีกหน่อยก็ดูแต่สิ่งลามกทั้งหนังสือ วีดีโอ หนังโรงใหญ่ หรือแม้แต่กับคนทั่วไป จนปัจจุบันทุกวันนี้ผมมีปัญหาเรื่องสายตา สายตาสั้น ต้องใส่แว่นตาตั้งแต่เล็ก จนจะเลยกลางคนแล้ว ยังต้องใส่ๆถอดๆกับแว่นตานี่ คงคิดไปเอง คิดไม่ถึงหรือคิดไม่ได้ว่าการแอบผู้ใหญ่ดูสิ่งลามก ไม่ได้ทำร้ายใครไม่น่าจะทำให้มีผลต่อสายตาสั้นได้ขนาดนี้

   เรื่องขโมยของ เม้ม หยิบเล็ก หยิบน้อย ของเราไม่มีอยากได้อยากมีตามเขา เริ่มแต่เล็กก็เผลอไม่ได้เหมือนกัน มือไวใจเร็ว เล่นของเขาแล้วก็เอามาเป็นของตัวเอง ทำของเขาให้เสียหายบ้าง เล่นแล้วไม่เก็บบ้าง โตมาอีกหน่อยก็มีพฤติกรรมเหมือนเดิม ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้ผลกรรมตามทันหาเลี้ยงชีพไม่พอกิน พอใช้จะได้เงินมาก็มีอุปสรรคทำให้ไม่ได้ ไม่สมหวัง มีเงินอยู่กับตัวก็อยู่ไม่นานต้องมีเรื่องให้จ่ายออกไปตลอด บางครั้งเพื่อน พี่ น้อง ยืมเงินใจอ่อนก็หาหยิบยืมมาให้เขา จนทุกวันนี้ยังไม่ได้เงินคืน พอมีครอบครัวแล้วก็ทำหน้าที่หาเงินเข้าบ้านส่งเสียลูกเมีย แบบมีเท่าไรก็ไม่พอ เหมือนกับว่าเราเคยเอาของเขามาเท่าไรเราหาได้เท่าก็จะต้องมีเรื่องมาเอาคืนทุกที เวรกรรมนี่เขารอเวลามาเอาคืนทีเดียวรวมทั้งต้นและดอก เรานี้แทบตาย ยังดีที่เขาให้โอกาสให้ใช้ในส่วนที่หาได้บ้าง ดีนะที่หยิบฉวยแต่สิ่งที่มีราคาน้อย ถึงอย่างไรเสียไม่ว่าของสิ่งนั้นจะไม่มีราคาค่างวดที่มากมาย ในเมื่อเจ้าของเขายังไม่ได้อนุญาตก็เป็นการผิดศีลธรรม การที่เราจะทำการขโมยของเขาสักอย่างมันผิดตั้งแต่คิดแล้ว คิดแล้วลงมือทำ ทำแล้วสำเร็จด้วย เป็นการทำกรรมที่หนักซ้ำซ้อน จนชีวิตถึงได้มีแต่อุปสรรค์ไม่จบไม่สิ้นเสียที

    โตมารวมกลุ่มกันสิ่งที่ผู้ใหญ่ห้ามปรามนี่ มันเป็นอะไรที่ท้ายทายสนุกสนาน ห้ามยุ่งกับสิ่งเสพติด เหล้า บุหรี่ นี่ เดียวเพื่อนในกลุ่มจะไม่รับไม่ให้อยู่ด้วย ก็กินทั้งเหล้า เบียร์ กระแช่ สูบบุหรี่ แต่ไปไม่ถึงกัญชา เฮโลอิน แค่เสพของพื้นๆนี่ตั้งแต่วัยรุ่นจนกลางคนพึ่งจะเลิกยุ่งเกี่ยว รู้ทั้งรู้การเสพเข้าไปมากมากมีผลต่อสุขภาพ ทำให้เสียทรัพย์ เป็นที่รังเกียจ ขาดความน่าเชื่อถือ ของเหล่านี้ผิดศีลทั้งนั้น ผลจากการดื่มกินน้ำเมาทั้งหลายทำให้เป็นคนความจำสั้น คิดไปหน้าลืมหลัง ความคิดไม่แล่นไม่กว้างไกลวนอยู่กับเรื่องไร้สาระ คิดเรื่องความเจริญให้กับชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่สำเร็จ  มีอยู่เรื่องที่ทำให้ผมเลิกสูบบุหรี่ไปทันทีเลยปรกติไม่ใช่คนติดบุหรี่ วันนั้นผมนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบข้างสระว่ายน้ำจังหวัดเด็กผู้ชายสองสามคนกระโดดสปริงบอร์ดเล่นกันไม่มีผู้ใหญ่ดูแล เด็กคนหนึ่งช่วงจะกระโดดเกิดลื่นหัวฟาดกระดานตกน้ำ ความลึกน้ำประมาณ 5 เมตร จมอยู่สักพักไม่โผล่น้ำ เพื่อนตะโกนเรียกคนช่วย ผมเองได้ยินเสียงร้องเรียกก็กระโดดลงสระเลยดำน้ำลงไปเห็นเด็กแล้วจะเอามือคว้าเด็ก แต่ตัวเองต้องรีบขึ้นมาหายใจก่อนแล้วลงไปใหม่ ทำอยู่ 2-3 ครั้งไม่ได้ตัวเด็ก มีอีกคนลงมาช่วยดึงเด็กขึ้นจากน้ำ ตัวเริ่มซีด ผมนี้ช่างไม่มีความสามรถช่วยให้เขามีชีวิตรอดได้เลย ผลจากการสูบบุหรี่ทำให้เราไม่สามารถกลั้นหายใจในน้ำได้นานๆ บทเรียนนี้ช่างมีราคาแพงเหลือเกิน

     เรื่องเหล้า สุรา เบียร์ นั้นตอนนี้เลิกหมดแล้ว รวมทั้งไม่ซื้อให้ดื่ม ฝากซื้อ ให้เงินไปซื้อ หรือซื้อเป็นของฝากของขวัญ ไม่เอาทั้งนั้นเพราะเป็นการยุยงส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นผิดศีลกัน ซึ่งการผิดศีลข้อดื่มสุราแล้วจะพาไปผิดศีลลูกเมียคนอื่น ผมเองนั้นเหล้าเข้าปากอาการตึงๆแบบหน้าด้าน หน้าทน ไม่มียางอาย ก็พากันไปใช้บริการทางเพศ เที่ยวผู้หญิงบริการ ในสถานที่อโคจร หลายต่อหลายครั้ง ไปกันเป็นกลุ่มใครไม่ใช้บริการถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ว่ากันไปนั่น อยากทำชั่วแล้วอ้างเพื่อน แล้วก็ได้ผลพวงกลับมาเป็นโรคมั่ง ปล่อยโรคมั่ง เป็นการทำผิดศีล 2 ข้อในคราวเดียวกันปัจจุบันมีหน้าที่การงานกรรมส่งผลทำให้ลูกน้องที่อยู่ในความดูแลดื้อดึง ไม่เชื่อฟัง ขัดคำสั่ง ควบคุมไม่ได้มีแต่เรื่องปวดหัวมาให้ มีแต่ปัญหาและลูกเป็นที่รักก็เกเร ดื้อไม่ฟังเหมือนกัน ต้องทำใจยอมรับสภาพ ทุกวันนี้หยุดการกระทำอย่างนั้นหมดแล้ว ลดความโกรธ ทำอภัยทาน

     ตอนเป็นวัยรุ่นได้ไปอยู่สมาคมดนตรีจีน ไม่ว่างานศพ งานแต่งไปเล่นดนตรีกัน ถึงเวลากินก็แย่งกันกินแบบกินกันพุงกางก็ไม่เลิกไม่หยุด เห็นแก่กิน เห็นแก่ได้ เห็นแก่ของฟรี เห็นแก่ตัว อย่างมาก ทำมาจนติดเป็นนิสัย ทำให้คนอื่นเสียทรัพย์ ทำมามากหลายปี จากเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นการผิดศีลข้อลักทรัพย์ ทำให้ลำบากยากจนมีอยู่ช่วงไม่เงินจะกินข้าว หาได้เท่าไรก็ไม่พอใช้จ่าย ทุกวันนี้หยุดหมดแล้วไม่ยุ่งเกี่ยวเห็นแก่กิน ชอบของฟรี มีแต่ให้

     ผมนั้นเป็นคนที่ชอบพูดคุย นินทาจับกลุ่มเป็นที่สนุกสนาน ใส่ร้าย พูดส่อเสียดเหน็บแนม โกหก กระล่อน ปลิ้นปล้อน เพ้อเจ้อ

พูดสองแง่สามง่าม ก้าวร้าว พูดลามปาม ไม่มีมารยาท พูดจามึงกู เขียนคำลามก พูดเอาดีใส่ตัวเอาแต่ได้ พูดให้ดูดี แต่ละอย่างสรรหามาพูดได้หมดทุกเรื่อง สาระแนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ใครจะอยู่ใครจะไปใครจะได้กับใคร ไม่ได้กันก็พูดเป็นแม่สื่อติดต่อให้กันว่างั้นเถอะ ไม่ถูกใจก็พาลทะเลาะด่าพ่อแม่กันเป็นที่สนุกปาก ผลของการคุยสนุกแบบให้ร้ายไร้สาระ เป็นโรคฟันผุ ฟันแท้แทบจะไม่มี ที่มีก็เป็นของปลอม พูดจาไม่น่าฟัง เจ็บคอ ปากเปื่อย ผลกรรมรวมตัวสุขภาพไม่ดีเป็นโรคกรดไหลย้อน กินอิ่มมากก็ไม่ ต้องคอยกินยารักษาทุกข์ทรมารมาก กรรมจากการผิดศีลข้อ 4 มุสาให้ผลที่ร้ายแรงขนาดนี้

     เรื่องการฆ่าสัตว์ ทรมารสัตว์นี่ไม่ยอมแพ้ใครอยู่แล้วสมัยก่อนทางบ้านขายก๋วยเตี๋ยวแล้วแมลงวันมากวันวันต้องต่อสู้กับแมลงวัน ผลัดกันลุกผลัดกันแพ้ มีวันหนึ่งได้ยินว่าเคยลองเอาแมลงวันที่ตายแล้วมาทำให้พื้น เอ่อน่าสนใจท่าจะสนุก มีกติกาว่าต้องเอายางวงยิงให้แมลงวันหล่นบินไม่ได้ แล้วเอาขี้เถ้าเตาฟืนมากองทับให้ท่วมตัวแมงวัน สักพักแมลงวันขยับตัวเดินออกมาจากกองขี้เถ้าได้ เป็นที่น่าสนุกจริงๆ เยอะมากตายไปเยอะ กับไม้ตีแมลงวันก็เยอะ เอาถุงก๋วยเตี๋ยว ทำลมโป่งแล้วมาครอบตัวแมลงวันได้เป็นสิบแล้วมัดยางทิ้งไว้ปล่อยให้อากาศหมดแล้วตายไปเอง บางครั้งก็เอาถุงนี้โยนเข้าเตา พรึบพลับเสียงแมลงวันโดนไฟไหม้ ยังไม่หมดกิจกรรมฆ่า มดแดงมดคันไฟชอบขึ้นโคนเสาบ้านเผลอไม่ได้กัดเจ็บปวดมาก ทำการฆ่าโดยนำน้ำมันลาดแล้วจุดไฟตายยกกองหลายกองมาก เอาน้ำตาเทียนหยดใส่รังมด เหยียบ บี้ให้ตาย ถ้านับได้คงเป็นล้านตัว ยุงนี่สมัยก่อนชุมมาก มาเกาะแขนตีเปี๊ยเลือดเต็มมือ หนียุงเข้ามุ้งยุงบินตามก็ง่ายหน่อย ล่อไปจนมุมบี้ตายคามือ แมงหวี่ตอมหูตอมตาตายแต่ละครั้งตีเป็นสิบตัว ตักลูกน้ำให้ปลาหางนกยูง หน้าน้ำมีกุ้งก็ช้อนมาทอดกิน หอยขม หอยโข่ง เก็บมาทุบให้เปลือกแตกโยนให้เป็ดกิน ปูก็หักขาเล่น เหยียบมั่งตกปลา จับปลาเป็นอะไรที่สนุกสนานบนความทุกข์ของเขา งูนี่เจอกันเป็นตีให้ตาย ตีด้วยความกลัว หรือตีให้ตายความพยามพอกัน จิ้งจกนำยางวงมายิงเล่นให้ตกจากข้างฝาบ้าน หมากับผมก็ไม่ค่อยถูกกันหาหินเขวี้ยงให้เจ็บวิ่งหนีบ้าง แมลงปอตอนเด็กนี่ชอบมากจับก้นแล้วไม่ให้บินเพื่อจะดูปีกขยับเล่น เคยฆ่าคนตายโดยการพาแฟนไปทำแท้ง 1คน คิดอยากให้คนนั้นคนนี้ตาย แช่งคนให้ตายสมน้ำหน้าตายเสียได้ก็ดี คิดแกล้ง ทำร้ายร่างกาย จากการผิดศีลข้อ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ ผลการทำมาทั้งหมดก็มีเจ็บป่วยเป็นไข้นอนซม อยู่ๆก็ตกบันไดจากที่สูง มีอุปสรรค์ต่างๆ เป็นหวัดคัดจมูกเพราะฆ่ามดแมลงทั้งหลาย คันเกาเป็นเลือดเป็นแผลรอบตัว การงานมีอุปสรรคตลอดแบบว่าต้องออกแรงเหนื่อยจึงจะสำเร็จ.

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 20:29:25


ความคิดเห็นที่ 92 (1638339)

       

                เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง

 

                                        ผมชื่อนาย อดิศักดิ์ โพธิสาร

เรื่องที่ 1. ลิ้นทะลุ 

               ตอนอยู่ ป. 6 ตอนพักเที่ยง กินข้าวเสร็จ ก็มาเล่นเป่า

หนังยาง  พอเล่นสักพัก กำลังก้มเป่าหนังยาง  อยู่ๆเพื่อนก็วิ่งมาล้มทับ พอเกยหน้าขึ้นมามีเลือดไหลออกจากปาก ตอนนั้นชาไปหมด ไม่รู้ว่าเลือดไหลมาจากใหน คุณครูก็ให้นั่งซ้อนมอไซต์ เลือดก็ไหลเยิ้ม ไปถึงอนามัย หมอบอก  ฟันขบลิ้นจนทะลุ  หมอแค่ห้ามเลือดให้หยุดไหล  เป็นเดือนกว่าแผลจะหายสนิท เวลากินข้าวก็แสบแผล  มานึกย้อนเหตุการณ์ได้ตอนเรียน ปวส . ว่าอ๋อ ตอนที่เราเอาลูกนกเอี้ยงมาเลี้ยง พอโต อยากจะฝึกให้นกเอี้ยงพูดได้ เคยใด้ยินคนเฒ่าคนแก่บอกว่า ถ้าอยากให้นกพูดได้ต้องตัดลิ้นมัน  ไม่รอช้า จับนกอ้าปาก ดึงลิ้นมันนออกมา เอามีดเฉือนลิ้นมัน เลือดพุ่งปี๊ด นกก็ร้อง ตีปีก ด้วยความทรมาน

หลายอาทิตย์กว่าแผลที่ลิ้นนกจะหายสนิท  นึกย้อนตอนที่วันนั้นเหมือนกันเดะ นกมันคงทั้งเจ็บ ทั้งแสบ อย่างที่ผมเป็นอยู่  ผมก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด  กว่าลิ้นจะหายต้องทนแสบแผลอยู่หลายวัน 

...........................................................................................

เรื่องที่ 2. หัวแตก

 

 ........................................................................................................................................................................................................................

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตอนอายุ 17  มีรุ่นพี่ชวนไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อน ไปกันหลายคนขาไปผมเป็นคนขับมอไซด์ ไปถึงบ้านเพื่อนก็นั่งกินเหล้าก็กินๆๆๆๆๆๆๆ จนเมา ขากลับผมไม่ไหวเมาจัดขอซ้อนดีกว่า  ก็ให้พี่เป็นคนขับ เหล้ายังไม่หมดถือมาด้วย  ผมก็หลับอยู่ข้างหลัง ขับมาสักพัก รู้สึกว่า ตัวเองเอาหน้าไปถูกับถนนคอนกรีต  พอตั้งสติได้ ถามหาเหล้าก่อนแตกหรือเปล่า ? ไม่แตกโชคดีเว้ย   แต่หัวตัวเองแตกแทน  คิ้วข้างซ้าย แขน ซ้าย  เลือดไหลเยิ้มแผลเหวอหวะ  ตอนนั้น ก็ประมาณ 5- 6ทุ่ม ตามบ้านนอกก็ถือว่าดึกแล้ว อนามัยก็อยู่ไกลๆกว่าจะไปถึงเลือดก็เลอะเสื้อหมด ตัวเก่งซะด้วย  เสียดายเสื้อ  พอไปถึงอนามัยไฟปิดมืดมีคนเดินมาบอกว่า หมอไปประชุมที่อำเภอ ไม่รู้จะกลับกี่ทุ่ม  ตอนนั้นยังเมาอยู่  ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร  นอนรอตรงนั้นแหละ ถอดเสื้อโปะแผลไว้ กว่าหมอจะมาตี 1  หลับได้ตื่นหนึ่งพอดี  พอหมอเห็นแผล รู้ว่าเมามาใช่ไหม  เย็บแผลสดๆเลยครับ ไม่ต้องฉีดยาชาหนังก็ยุ่ย ๆ เย็บยากโดนหมอเย็บแบบนี้ สร่างเมาเลย 

 ผมคิดว่ากรรมนี้คงเกิดจาก เมื่อตอนเด็กๆ ก็ชอบยิงกิ้งก่า เวลาจะยิงต้องเล็งที่หัว ยิงมาหลายสิบตัว  และอีกเรื่องเคยจับไก่ เอาปีกขัดปี  แล้วตีหัว ก็ตีมาหลายตัว ถึงทำให้หัวผมต้องเป็นแบบนี้

 

 

 

 

 

        

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 20:36:46


ความคิดเห็นที่ 93 (1638341)

 คุณนนทพรนี่นะ

 

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

...........................

การที่คุณปิ่นพูดเช่นนี้ในสถานการณ์แบบนี้

พูดในเขตบุญ อีกทั้งไม่ได้สนิทสนมกับคุณนนทพร

แม้คนที่สนิทกันยังไม่กล้าพูดเลยค่ะ

ลองนึกถึงตัวเองค่ะ หากมีคนมาพูดกับเรา

เช่นนี้ ทั้งที่เป็นความจริงก็ตาม

มาสร้างความกัดดันในจิตใจยิ่งนั

เมื่อมองคุณปิ่น อืมคุณปิ่นทำไมดูดีจัง

ผิวก็ไม่ดำ รูปร่างก็สมส่วน หน้าตาก็ผ่องใส

แถมมีลูกสาว หน้าตาหน้าเอ็นดูด้วย

แล้วคุณปิ่นมีอะไรดีเหรอ บอกมั่งดิ

เอาล่ะ เขาทาง...เป็นเทคนิคการขายสินค้แบบนึงหรือเปล่า

แต่โชคดีที่คุณนนทพร มิได้หลงคารม จิตตก

ละวางอัตราได้ มีจิตใจที่มุงมั่น สร้างบุญอย่างเดียว

ทำตามกฎของบ้านสวนฯ

เลยรอดพ้นจากมาร

****************

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

--------------

เริ่มตั้งแต่การสนทนาแล้ว

ชีวิตคุณนนทพรย่อมมีสุขกว่าแน่นอน

เพราะดั้นด้น ข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาสร้างบุญ

แล้วก็มิได้นำพากับคำพูดของคุณปิ่น

แต่ได้นำคำสอนของท่านอาจารย์ไปปฏิบัติ

จนถึงวันนี้ คุณนนทพร

ก็มีความสุขที่สุด ชีวิตครอบครัวอบอุ่น ดีขึ้นทุกด้าน

และได้มาสร้างบุญที่บ้านสวนฯ ได้ติดต่อกันหลายวัน

 

ผิดกับชีวิตของคุณปิ่น ที่มีแต่ปัญหารอบด้าน

มิสามารถเข้าบ้านสวนฯได้

เนื่องจากไม่เคารพ ท่านเจ้าของบ้าน

ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์

หากแม้นคุณปิ่นตั้งใจ สร้างบุญจริงๆ

ละวางทุกสิ่งจริง ไม่ปล่อยให้ความโลภนำหน้า

ป่านนี้คุณปิ่นคงจะพบกับความสุข

มากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ บ้านก็อยู่ใกล้บ้านสวนฯ

สักวันหนึ่งคุณปิ่นคงจะคิดได้

แต่คงไม่ทันเวลาแล้ว.....

เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริวัฒนา

 
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 20:38:59


ความคิดเห็นที่ 94 (1638343)
ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 20:56:40


ความคิดเห็นที่ 95 (1638345)

เรื่องที่ 3. เรียนไม่รู้เรื่อง

               ตอนเรียน ปวส . ก็ตั้งเรียน นั่งข้างหน้า คิดได้ว่า ต้องเรียนให้จบ   เพราะค่าเทอมแพง แต่ว่าพอเรียนไปรู้สึกสมองมันไม่รับอะไรเลย ไม่ได้โดดเรียน เข้าเรียนทุกคาบ 

งงกับตัวเองมาก จำอะไรไม่ค่อยได้ เรียนก็ไม่เข้าใจ ตามไม่ทัน ที่อาจารย์ สอน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เรียนโง่ มัธยมก็อยู่อันดับต้นๆ ของห้อง แต่ทำไมตอนนี้เหมือนสมองมันเออเรอไปหมด กลับมาอ่านหนังสือก็ไม่เข้าใจ  แต่ก็ประคองตัวเองจนจบมาได้   จบมาหลายปี จนได้ดูคลิป แม่ชีทศพร มีผู้หญิงคนหนึ่งมาถามว่า ทำไมหนูเรียนไม่รู้เรื่องเลย ทั้งที่เขาก็เป็นเด็กเรียนเก่ง แม่ชีเลยบอกว่า หนูดื้อไหม เชื่อฟังพ่อแม่ไหม เวลาแม่พูดอะไรก็เดินหนี ทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่  ผมถึงบางอ้อเลยครับ  นึกขึ้นได้ว่า ตอนเรียนมัธยม พ่อแม่พูดอะไรไม่ฟัง รู้เหมือนกันน่าไม่ต้องมาบ่นมาก รำคาญ  เวลาพ่อพูดจะไม่ฟังเดินหนี  ขนาดนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันพ่อพูดมาปั๊บลุกเดินหนีเฉยเลย  จนพ่อต้องเขียนใส่กระดาษมาวางไว้ให้อ่าน นึกย้อนไปแล้วคิดว่าทำไมเรามันเลวขนาดนี้เลยเหรอ ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ  เพราะเราไม่เคยฟังพ่อแม่ถึงทำให้สมองมันก็ไม่ฟังที่อาจารย์เหมือนกัน

ทุกวันนี้ยังมีอาการขี้หลงขี้ลืม เดินมาจะเอาเครื่องมือ แต่พอมาถึงกลับไม่รู้ว่าจะเอาอะไร บางทีก็ทำให้เสียเวลาเดินหลายเที่ยว

สาเหตุคงมาจากกินเหล้ามาก เหมือนที่พุทธเจ้าท่านสอนไว้

 

 

เรื่องที่ 4 .เรียน 3 ปี ย้ายหอพัก 7 ครั้ง 

ตอนนนั้นได้ไปเรียนต่อ ปวส. ที่โคราช ไปคนเดียว ก็ไปหาหอพักแบบบ้านเช่า เดือนละ1500  จ่ายเงินเรียบร้อย มีเพื่อนที่มาจากบุรีรัมย์ คนหนึ่ง เจ้าของบ้านเลยให้อยู่ห้องเดียวกัน  คืนแรกก็มีเจ้าถิ่นมาเสนอขายยาบ้าถึงห้อง แถวนั้นเป็นดงยาบ้าเลยครับ เช้ามาเลยต้องย้ายออกทันทีไปเช่าหอห่างจากหอเดิมพอสมควร  เรา 2 คนมาจากต่างถิ่นไม่รู้อิโหน่อิเหน่  ดันไปเช่าหออยู่ในถิ่นอีกโรงเรียนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่อริกัน  ต้องย้ายด่วน  เก็บของแทบไม่ทัน   ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในถิ่นของเรา

เพื่อนมันรูปหล่อสาวๆชอบเยอะ มันก็พาแฟนมาห้อง แต่แฟนมันคนนี้ก็เป็นคนสวย  มีคนจีบเยอะเหมือนกัน แฟนเก่าเขาก็พาพวกมา 10 กว่าคน บุกถึงห้อง  มีบาทาหลายสิบคู่มาประเคนถึงห้องเลย  อยู่ไม่ได้ เขาเยอะกว่า ก็ย้ายอีก เป็นแบบนี้มา ตลอด 3 ปี ก็มานึกย้อนดู ว่าทำไมเราต้องเจอเรื่องแบบนี้  อาจจะมีสาเหตุ ตอนเด็ก ๆเราชอบไปพรากลูกนกจากพ่อแม่ของมันหรือเปล่า ตอนที่ไปเอาลูกนกมาจากรัง พ่อแม่มันก็จะร้อง บินตาม เอามาหลายตัว คงประมาณ 7- 8 ตัว  นี่อาจเป็นสาเหตุทำให้ผมต้องจากบ้านไป  ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ พอๆกับจำนวนลูกนกที่ผมไปพรากมาจากพ่อแม่มัน

 

 

 

 .............................................................................................

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 21:05:30


ความคิดเห็นที่ 96 (1638346)

เรื่องที่ 5. ชีวิตคู่มีปํญหา

                เรียนจบก็มาทำงานเป็นช่างไฟฟ้า  ประจำห้างสรรพสินค้า มีโอกาสเจอกับสาวๆ มากมาย  อาศัยความคุ้นเคย  แถมเป็นโสด ก็ขายขนมจีบไปเรื่อยเปื่อย  ทำให้มีสัมพันธ์สวาท

กับสาว ๆหลายคน บางคนโสด บางคนก็มีครอบครัว ตอนนั้นรู้สึกมีความภูมิใจว่า  เรานี่เก่งสามารถมีอะไรกับสาวได้หลายคน  มีผู้หญิงบางคนพอรู้ว่าผมไม่จริงใจ กับเขา ทำให้เขาต้องลาออกจากงาน เรื่องมาแดงตอนที่ผู้หญิงเขารู้ว่า ผมมีผู้หญิงอีกหลายคน คือตอนนั้นรับจ๊อบเป็นพนักงานสับรางรถไฟ  สับรางเก่ง   พอเรื่องถูกเปิดเผย อยูไม่ได้สิครับ ต้องลาออก  หันเหไปได้งานโรงแรม  และได้แต่งงาน  พอแต่งแล้วก็ยังแอบมีกิ๊ก  เมียรู้ก็ทะเลาะกัน เขาเสียใจมาก   อยู่กันสักพัก เขาก็มีคนอื่นบ้าง ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าเขามีคนอื่น มันเจ็บที่หัวใจแบบจี๊ดๆ     ตอนที่เราไปหลอกคนอื่นเขาก็คงเจ็บแบบนี้   คือเจ็บอย่างที่ไม่เคยเจ็บมาก่อน  กรรมติดจรวดจริงๆ  ตอนนี้ถือว่าต้องก้มหน้ารับกรรมต่อไปแต่ผมโชคดีที่เขามีแค่คนเดียว  แค่นี้ก็เจ็บจนจำขึ้นใจเลยครับ  แต่ทุกวันนี้เราก็ให้อภัยกันชีวิตก็กลับมามีความสุขได้

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 21:19:43


ความคิดเห็นที่ 97 (1638347)

เรื่องที่ 6. เอา สิบ เสีย ร้อย . เอา ร้อย เสีย พัน

           วันนั้นนึกขึ้นว่าต้องต่อไฟที่ห้อง  แต่ยังขาดเทปพันสายไฟ  ที่ทำงานมีเยอะไป ใช้ทิ้งใช้ขว้าง เอาไปม้วนเดียวคงไม่เป็นไร  ก็เอาใส่ไว้ใต้เบาะมอเตอร์ไซด์  เลิกงานก็ขับกลับบ้าน พอถึงกลางทางรถยางแบน เหยียบตะปู  ต้องเปลี่ยนยางใหม่  120   ครั้งที่ 2 รับจ็อบงานนอก ก็เอาเทปพันสายไฟ สกรู  พอขับรถออกไปเหยียบตะปูอีก เสียเงิน อีก 120  เทปพันสายแค่ 15 บาท แต่ไม่อยากเสียเงินซื้อ แต่อยากเอาเงิน 120 บาท ไปเปลี่ยนยางรถมอเตอร์ดีกว่า ยังไม่เข็ดครับ   มีครั้งที่ 3 . 4 

 เดือนนั้นเลยเปลี่ยนยางทั้งหมด 4  เส้น เข็ดแล้วไม่กล้าแล้ว   ผ่านไปหลายเดือน วันนั้นเดินไปเห็นไม้แขวนเสื้อวางไว้มัดหนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาทิ้งหรือเปล่า แต่สวยดี  ใจคิดอยากได้  คิดเข้าข้างตัวเองว่า เขาคงทิ้งแล้วมั้ง เลยหยิบใส่กระเป๋า เลิกงานก็ขับมอเตอร์ไซด์ฮ่างออกไป ยังไปพ้นขอบรั้วประตูโรงแรม

เลยครับ เครื่องดับ สตาร์ทยังงัยก็ไม่ติด จนต้องได้จูงไปหาร้านซ่อม พอไปถึงร้านซ่อม ช่างบอก ชุดสตาร์ทเสียต้องเปลี่ยนใหม่  พันหก   โอ้หนอชีวิต  เวรกรรมทำไมมันตามทันไวขนาดนี้    แถมคูณดอกเบี้ย 10 เท่า เวรก๊ำเวรกรรม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 21:30:07


ความคิดเห็นที่ 98 (1638354)

 

และต่อไปนี้
จะถือเป็นกฏข้อหนึ่ง
ซึ่งเป็นข้อสำคัญยิ่ง
ในการที่ใคร
จะเข้าไปบ้านสวนพีระมิด
จะต้องมีธรรมทาน
ชีวิตตัวเอง
ถ่ายเอกสารเตรียมไปแจกด้วย
ทุกคน
ต้องส่ง อ.อุบล ก่อน
แล้ว อ.อุบล จะเป็นผู้ให้ทีมงาน
กลั่นกรอง และ
แจกธรรมทานของคุณเอง
ส่วนใครจะมีสำเนา
จากในเวปที่คนอื่นเขียนไปแจกด้วย
ก็ยิ่งดี แต่ยึด ของตนเอง เป็นหลัก
เริ่มสัปดาห์นี้เลย
ก็แล้วกัน
ส่งข่าว
ไปหลายๆกระทู้ด้วยนะจ๊ะ
และ
ถ้าคุยกันได้ ก็บอกกันด้วยนะ
มิฉะนั้น
หมดสิทธิ์เข้าบ้านสวน
นะจ๊ะจะบอกให้
 
อย่าไปมือเปล่า 
นำเอาธรรมทานที่ตัวเองเขียน
หรือ พริ้นท์ ออกมา
ถ่ายเอกสาร ไปแจกจ่ายด้วย
 
ที่บ้านสวนฯ
เป็นแหล่งรวมผู้คน
ที่เป็นนักแสวงบุญ ปรารถนาบุญใหญ่
เมื่อแจกจ่าย เขาจะอ่านแน่นอน
และนำไปแจกต่อแน่นอน
 
(นี่แหละที่ว่า คนเขียน+คนแจก
ก็จะรอดปลอดภัย จากภัยพิบัติ
 จะหายเจ็บ หายจน)
 
พวกเรา
ต้องต่างคนต่างแลกเปลี่ยนกันอ่าน
แลกเปลี่ยนกันแจกจ่าย
รีบเร่งถ่ายเอกสาร
แจกทั้งของเรา และ ของเพื่อนเรา
ที่เขาแจกเรามา
 
เหมือนการต่อเทียน
ถ้าเราแจกคนเดียว หรือ แจกแต่
เฉพาะของเรา ก็เท่ากับ
มีเทียนส่องสว่างเล่มเดียว
 
แต่ถ้า
เราแจกออกไป
รับคนที่แจกเรามาแล้ว
ช่วยกันแจกต่อ
 
ก็เท่ากับว่า
เรามีเทียนส่องสว่าง
หลายดวง ยิ่งมีเทียนมาก
แสงสว่างก็ยิ่งมาก
 
ความสุข+ความดี+ความสมหวัง
ก็จะบังเกิดขึ้นมากมาย
ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์
  
เริ่มตั้งแต่บัดนี้
วันนี้+อาทิตย์นี้เลยนะจ๊ะ
 
ดูสิว่า
บุญธรรมทาน ส่งผลทันที
เป็นอย่างไร
 
นี่เป็น
ปรากฎการณ์ใหม่
นะจ๊ะ
 
แล้วเรามาพิสูจน์ผลกัน
สัปดาห์นี้เลย
 
หรือใคร
ได้อานิสงส์ก่อน
ก็รีบมาเล่าเลยนะจ๊ะ
 
                                                                                                           ผู้แสดงความคิดเห็นอ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
ผู้แสดงความคิดเห็น อัญชลา บุตรโส (อัญ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 22:01:22


ความคิดเห็นที่ 99 (1638357)

 

ประวัติชีวิต ของ จิ๋ม ชัชวลี จาก ผู้พิการเป็นโปลิโอแต่เล็ก......มาสู่อ้อมอกของบ้านสวนพีระมิด
                ชีวิตของจิ๋มในชาตินี้ ค่อนข้างสุขสบายไม่มีอะไรลำบาก เพราะเกิดมาเป็นลูกคนรวย พ่อกะแม่ เป็นหมอทั้งคู่ เขาหาเงินให้เราใช้อย่างสุขสบาย มีบ้านให้เราอยู่ มีคนเลี้ยงดูแลอย่างดี แต่ธรรมชาติไม่เคยให้เราได้สุขอย่างเดียว มักจะให้ธรรมที่เป็นคู่ ๆ เสมอ นั่นคือเมื่อมีสุข ก็ ต้องมีทุกข์ จิ๋มเกิดมาได้ 6 เดือน ก็มีอาการไข้สูง พอคุณพ่อ และ คุณแม่ ซึ่งเป็นหมอพามาโรงพยาบาล ก็พบว่าจิ๋มติดเชื้อโปลิโอ ทำให้ขาข้างหนึ่งลีบไป เดินกะเผลกมาตั้งแต่เล็ก และหมอมักให้เสริมรองเท้า เพราะขาไม่เท่ากัน  โรคนี้มาจากเชื้อไวรัส จึงรักษาโดยการกินยาฆ่าเชื้อไม่ได้ ต้องรักษาไปตามอาการเท่านั้น คุณแม่เล่าว่า ตอนเล็ก ๆ ที่จิ๋มเป็นก็ต้องพามานวด ที่ศิริราช เพื่อให้ขามีแรงขึ้น น่าจะเป็นการทำกายภาพบำบัดอย่างนึงนั่นเอง
                ผลของความพิการที่เราเดินไม่เหมือนกับคนอื่น ทำให้เราเป็นคนชอบเปรียบเทียบ ชอบอิจฉาริษยา คิดมาก แต่คุณพ่อ คุณแม่ ก็หาสิ่งทดแทนมาให้เรา เช่น เงินทอง ข้าวของมาให้ลูก เพื่อที่จะลดปมด้อยเหล่านี้ลง แต่จิ๋มคิดว่า ความพิการของเรานี้ ทำให้เรารู้จักสังเกตตัวเอง คอยระวังตัว รวมทั้งเข้าใจถึงอารมณ์ของเรา เช่น รู้จักน้อยใจ เสียใจ ว่าทำไมเราไม่เหมือนคนอื่น บางทีก็มีอารมณ์เศร้า ๆ อยู่ลึก ๆ ทำให้เราเข้าใจว่าความทุกข์เป็นยังไง บางทีก็ทุกข์กาย เพราะปวดเมื่อย บางทีก็ทุกข์ใจเพราะคิดมาก พอโตขึ้นจึงอยากหาความสงบให้กับจิตใจบ้าง จำได้ว่าตอนเล็ก ๆ โชคดีที่คุณยายมักพาไปวัดด้วยบ่อย ๆ สอนเราสวดมนตร์ ทำให้คุ้นเคยกับวัด โตขึ้นมาก็ชอบเข้าวัด เข้ามาหลายวัด เช่น วัดมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ที่ปทุมคลอง 3  วัดแถวอยุธยา วัดที่ศรีราชา และวัดที่นครปฐม เป็นต้น ครูบาอาจารย์แต่ละท่านล้วนแต่เก่ง และมีคุณธรรมสูงได้ถ่ายทอดวิชาของพระพุทธเจ้าให้แก่เรา ทำให้เราได้ปฏิบัติ และสะสมบุญขึ้นเรื่อย ๆ  แต่สังเกตได้ว่าเราก็ดีขึ้นตอนที่ปฏิบัติเท่านั้น แต่ก็ยังชอบโกรธ ชอบว่าคน ชอบน้อยใจ เสียใจอยู่ กรรมดังกล่าวทำให้เป็นโรคไขมันในเลือดสูง และมีอาการของคนวัยทอง จนกระทั่งมาดูรายการ คุยไปแจกไป เห็นท่านอาจารย์อุบลในทีวี ท่านสวยมาก เลยอยากสวยอย่างท่าน จึงชอบดูรายการนี้ แต่ก็ยังมีจิตแวบ และคิดไม่ดีกับท่านว่า ท่านแต่งตัวเซ็กซี่อีกด้วย พอดูไปเรื่อย ก็ชอบและสั่งซื้อเครื่องสำอางพาเมล่ากับท่าน เห็นในทีวีมีการทำบุญด้วยแรงกาย และเตือนภัยพิบัติก็สนใจอยู่ และในที่สุดก็ได้มาถึงบ้านสวนพีระมิด วันแรกที่มาก็ได้ไปทำการขุดดินที่บ่อน้ำพีระมิด และพบว่าพอกลับมาอาการที่ปวดหลังดีขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะไม่แน่ใจ ก็ลองไปใหม่อีกที ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตนเองศรัทธาบ้านสวนแอบโอนเงินมา 2 แสน จริง ๆ ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร แต่บังเอิญโทรศัพท์มันเสีย ก็เลยบอกชื่อตัวเองไม่ทัน แต่ในที่สุดท่านอาจารย์ก็รู้จักเราจนได้ โดยเรียกมาหน้าห้องและไต่ถาม พอทุกคนรู้จักเขาก็ต้อนรับเราอย่างดี ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นดี  
                 ก่อนเข้าบ้านสวน จิ๋มได้เข้าโรงพยาบาลผ่าตัดกระดูกคอ เนื่องจากเป็นโรคกระดูทับเส้นประสาท โดยมีอาการปวด และชา แขนข้างขวา กรรมที่เกิดนี้ก็เนื่องมาจากจิ๋มเป็นคนสั่งให้ เจ้าหน้าที่ กทม.มาเผารังตัวต่อ ที่อยู่หน้าบ้าน สักพักไม่ถึงอาทิตย์ตัวจิ๋มเองก็เข้าโรงพยาบาลเลย พอออกจากโรงพยาบาลสักพัก ก็ผ่าตัดตาปลาที่เท้าอีกครั้ง จิ๋มสังเกตว่าเวลาผ่าอะไรก็ตาม จะโดนซ้ำ 2 ครั้ง ผ่าตัดแต่ละครั้งทำ 2 ครั้งตลอด ไม่แน่ใจว่าชอบซ้ำเติมคนหรือเปล่า แต่เรื่องขาพิการเป็นโปลิโอตั้งแต่เด็ก ๆ นั้น ท่านอาจารย์อุบล ได้เห็นกรรมของจิ๋มและบอกว่า อดีตชาติจิ๋มเป็นคนรวย แต่เป็นอันธพาล ทำร้ายคน โดยยิงปืนไรเฟิลที่ขา จนขาขาดกระเด็นมา ทั้งยังเคยขับรถชนคนตายแล้วหนี ส่วนเรื่องผู้หญิงก็ ฟันผู้หญิงนับไม่ถ้วน และยังทำแท้งอีกด้วย ตัวจิ๋มเองก็รู้สึกเหมือนมีเด็กผู้หญิงตามเราอยู่ คงเป็นเขามาขอบุญเรา เพราะเราทำเขาไว้มาก ชาตินี้จึงต้องปวดหลัง เดินขาพิการอยู่ทุกวันนี้ ก็สาสมดีแล้วล่ะ
                ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็มีไม่น้อย เช่น เคยกระทืบเท้าใส่พ่อแม่ ตอนโกรธ เคยดุพ่อแม่ เป็นต้น กรรมอันนี้ก็ทำให้เจ็บฝ่าเท้าป็นประจำ เคยนวดแม่ ทำให้แม่เจ็บ ชอบดุ ด่า ว่า คนใช้ที่ทำงานไม่ถูกใจ การดุ ด่า ประจำทำให้เราขี้โกรธ เป็นฝ้า หน้าดำ  ทะเลาะกับ จุ๋ม และจั๋ม โดยเอาไม้กวาดตีกัน เคยตีตะขาบ ฆ่ามดแมลง โดยเฉพาะแมลงสาบ การฆ่ามดแมลงนี้ทำให้เราเป็นโรคภูมิแพ้ แถมยังต้องมาทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอีก ก็เลยแพ้กันใหญ่เลย ส่วนเรื่องงาน ก็มีไม่น้อย ชอบนินทาเจ้านาย พูดโกหกกับเจ้านาย อิจฉาคนอื่นที่ได้เลื่อนขั้น แต่เราไม่ได้เลื่อน เป็นต้น อานิสงค์ของการอิจฉาทำให้เราไม่มีลูกน้องช่วยงาน ต้องทำอยู่คนเดียว ส่วนเรื่องสายตายาว น่าจะเป็นเพราะ ไปดูรูปโป๊ และชอบใช้สายตาด่าคน เป็นต้น
      จากที่ได้สังเกตตัวเองก็คือ แต่ก่อนเราเข้าวัดมาหลายแห่ง ตอนไปวัดก็ดีอยู่ แต่พอกลับบ้านก็ยังโกรธกัน ทะเลาะกัน มาถึงที่ทำงานก็นินทากัน อิจฉากันแก่งแย่งกันเหมือนเดิม แต่พอเข้าบ้านสวน เขาได้แสดงตัวอย่างกฎแห่งกรรมให้เราดูมากมาย ทำให้เรากลัวบาปกันอย่างอัติโนมัติ ไม่กล้าทำอีก  แถมบางทียังเห็นอานิสงค์ผลแห่งบุญว่า คนทำดี บุญจะช่วยรักษาให้หายเจ็บ หายจน โดยฉับพลันทันที ทำให้ตนเอง ศิโรราบ ยอมจำนนกับผลที่ได้รับอย่างไม่มีเงื่อนไข  ทำให้พวกเราต่างตั้งมั่นในความดี และไม่กล้าทำชั่วอีก เพราะถ้าทำชั่วก็ต้องคิดหนักกว่าแต่ก่อน ว่า โอ แล้วเราจะเจออะไรอีกล่ะ ถ้าทำแบบนี้
ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์อุบล ที่ยอมเหนื่อยยากในการสรรหากลยุทธ์ มาสั่งสอนพวกเรา
จิ๋ม ชัชวลี
               
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 22:09:36


ความคิดเห็นที่ 100 (1638361)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร 

จากคำพูดนี้ ก้อยคิดว่าน่าจะไม่ได้พูดเพราะความหวังดีนะคะ เหมือนแฝงความอิจฉาริษยาไว้ด้วย การที่จะวิจารณ์คนอื่น ก็ควรหันมาดูตัวเองก่อน ว่าสวยกว่าหรือดีกว่าเขาตรงไหนบ้าง

ซึ่งคำพูดแบบนี้ไม่ได้ก็ไม่ทำให้คุณนนทพรรู้สึกดีด้วย และอาจทุกข์ใจด้วยซ้ำ

คุณปิ่นอาจจะพูดให้เข้าทางเพื่อจะได้ขายของของตัวเอง เพราะคุณนนทพรมาจากเมืองนอก คงจะมีเงินไม่น้อย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 22:13:33



[1] 2 3 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.