ReadyPlanet.com


ทุกคนต้องเร่งบุญธรรมทาน รูปแบบใหม่ ให้เห็นผลบุญทันที


ที่ผ่านมา

เราทำบุญธรรมทานกัน

ก็ได้บุญเหมือนกัน แต่ยังน้อยอยู่

เพราะ

เราทำบุญธรรมทานกัน

ยังไม่ได้ใช้กำลังใจเต็ม+ปัญญา

 

เราทำตามๆกัน

แบบไร้ชีวิต ชีวา ไม่น่าสนใจ

 

เพราะ

ธรรมทานของเรา

ไม่ได้เข้าไปในจิตใจใคร

ไม่มีผล ดลให้ใคร สำนึกบาป

สะท้อนกรรมตัวเองได้

แบบทันทีทันใด

 

บุญ

หรือผลบุญ

จึงไม่เกิดทันทีทันใด

 

สิ่งที่ได้

ไม่ทำให้พ้นทุกข์โศก

โรคภัย และ ความลำบากยากจน

 

ดังนั้น

พระพุทธเจ้า

องค์พระปฐมบรมธรรมบิดา

พระศรีอาริยเมตไตรย์

ท่านให้เรา

ปฎิวัติ

การทำบุญธรรมทาน

รูปแบบใหม่

 

ซึ่ง

-จะให้ผลทันทีทันใด

-ทำให้พ้นทุกข์โศกโรคภัย

-ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน

-ทำให้ความปรารถนาสมหวัง

ฯลฯ

 

ดังพระบัญชา

ต่อไปนี้

 

1.ให้เขียนเล่าเรื่องตัวเอง

ที่มีทุกข์ มีปัญหา มีอุปสรรค

เจ็บป่วย ด้วยโรคใด

แล้วเรามารับรู้ว่า

เกิดจาก กรรมใด ได้อย่างไร

และ

เราแก้ไขอย่างไร

ผลของการแก้ไข เป็นอย่างไร

 

หาย หรือ ดีขึ้น

เพราะอะไร ยังไม่หายเพราะอะไร

 

การเล่าเรื่องตัวเอง

เป็นบุญธรรมทานที่ได้บุญ

สูงที่สุด ไม่มีบุญใดเสมอเหมือน

เล่ากี่ครั้ง ก็ไม่ผิด ไม่บิดเบือน

ยกเว้นเจ้าตัวจะบิดเบือน

 

ในชีวิตเกิดมา

มีปัญหาตั้งหลายอย่าง

ปัญหาแต่ละอย่าง

แก้อย่างไร

อะไรเป็นสาเหตุ

เล่าให้หมด

 

การเล่าปากเปล่า

ก็ต้องทำ แต่มันจะช้า

ไม่เหมือนเล่าด้วยปากด้วย

เขียนด้วย

 

เขียนอย่างไร

จึงจะได้บุญมาก

1.เขียนใส่กระดาษ

ถ่ายเอกสารแจก

อันนี้ทำได้ทุกวัน ทุกครั้งที่นึกได้

 

ให้แจกไปเรื่อยๆ

เหมือนอาหาร ก็ต้องกินเรื่อยๆ

บุญจะส่งผลรวดเร็วมาก

 

2.เขียนในเวปไซด์บ้านสวนฯ

หรือเวปอื่น ที่ทำได้

อันนี้ บุญจะกว้างขวาง รวดเร็ว

ถ้ากระทู้ที่เขียนนั้น

เป็นกระทู้ที่อยู่ในความสนใจ

มีผู้คนได้อ่านเสมอ

 

แต่ถ้าไปเปิดกระทู้เอง

แล้วกระทู้นั้น ฮ๊อต ก็ดีไป

แต่ถ้ากระทู้ที่เปิดเอง ไม่มีคนสนใจ

บุญก็ไม่ได้ เพราะ ไม่มีคนอ่าน

กระทู้ตกไป บุญก็หยุดเดิน

 

ธรรมทาน

ที่แท้จริง ที่ได้บุญจริง

คือการให้ธรรมะ หรือ กฏแห่งกรรม

เป็นทาน

 

ซึ่งต้องพิจารณา 3 ส่วน

คือ

1.เจตนาการให้ธรรมทาน

บริสุทธิ์

อยากให้คนได้รู้ ว่าปัญหาของเรา

เกิดจากเราทำผิดพลาดอะไร

เขาอ่านแล้วจะได้นึกถึงตัวเขา

ว่าทำอย่างเรารึไม่

ถ้าทำ จะได้มีทางออก

ถ้าไม่ทำ จะได้ไม่คิดทำ หยุดคิดทำ

อันนี้เป็นเจตนาการเขียน

การเล่าธรรมทาน

ต้องเพื่อความพ้นทุกข์ของ

ผู้รับทานจากเรา

 

2.วัตถุทานบริสุทธิ์

คือ

เรื่องธรรมทานที่เราเล่า

จริงทุกอย่าง ไม่บิดเบือนใดใด

เป็นเรื่องของเรา หรือเรื่องที่

เราได้เห็น ได้รู้มากับตา ต่อหน้า

จริงๆ หรือ รับการถ่ายทอดมา

แบบเชื่อถือได้

ซึ่งข้อนี้ ให้พิจารณาให้จงหนัก

เพราะ

 

ถ้าพลาด

ขาดความบริสุทธิ์

จะทำให้ไม่ครบองค์ประกอบ

3 ส่วน

ที่ทำให้ผลของธรรมทาน

เกิดฉับพลันทันทีได้

 

3.ผู้รับทาน หรือ เนื้อนาบุญ

บริสุทธิ์

 

ในที่นี้ หมายความว่า

เราจะต้องรู้ว่า เราจะให้ธรรมทาน

กับใคร คือให้ไปแล้ว มีคนรับรู้

มีคนอ่านหรือไม่ อันนี้สำคัญ

 

แต่

ไม่ได้หมายความว่า

ให้คิดแทน ให้ระแวงว่า

เขาจะไม่อ่านเลยไม่ยอมให้

 

แต่

หมายความว่า

การให้ธรรมทาน

ต้องเจตนาให้คนรับรู้มากๆ

 

ไม่ใช่ทำธรรมทาน

แบบแก้บน ทำๆไป ใครจะอ่าน

ของเราหรือไม่ก็ช่าง

ไม่อ่านยิ่งดี เพราะเราอาย

ถ้าคิดอย่างนี้

ผิดทั้งข้อ 1 และ ข้อ 3

ผลบุญจะไม่เกิดทันทีแน่นอน

 

อย่างบางคน

ชอบคิดว่ามาสารภาพบาป

กับ อ.อุบล สองต่อสอง

แล้วจะปลดกรรม หายป่วยได้

อันนี้บอกได้เลยว่า

คิดผิด ไม่หาย แน่นอน

เพราะเงื่อนไขการหายคือ

การให้ธรรมทานต่อคนจำนวนมาก

ยิ่งมาก ยิ่งได้ผลดีมาก

 

ถ้าคนรู้น้อย ก็ได้ผลน้อย

 

จะเห็นว่า

ทำไม คุณเหมี่ยว

ถึงช่วยคนได้มาก เพราะว่า

คุณเหมี่ยว มีเจตนาบริสุทธิ์

เสียสละ อยากให้เขาพ้นทุกข์

ไม่อิจฉา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม

คนเหลี่ยมมาก ทุกข์มาก ป่วยมาก

แล้วคุณเหมี่ยวกตัญญู

จะเชิดชู ครูบาอาจารย์

อันนี้ พระพุทธเจ้าท่านถือเป็นเรื่อง

ใหญ่มาก ในการสำเร็จธรรม

ทำให้เกิดปาฎิหาริย์ได้

(เดี๋ยวจะเล่าอีกที)

และ

คุณเหมี่ยว ให้เขาขอบคุณ

ให้เขาสำนึก ให้เขารู้ ว่าเขาหาย

เพราะอะไร ไม่ใช่แค่หาย

แล้วก็แยกย้ายกันไป

รีบๆ บำบัด ทำเป้าให้ได้มากๆ

ไม่ใช่ คุณเหมี่ยวจะพิถีพิถัน

เรื่องครูของตัวเอง

และถ่ายทอดความรู้สึกของตน

และคนที่ได้รับการบำบัดชัดเจน

ไม่เหมือนบางคน

บอกเล่าไร้ชีวิต ชีวา เหมือนกับว่า

การหาย เป็นเรื่องปกติ

ที่คนหาย ไม่เอะใจ ไม่แปลกใจ

ไม่มีอารมณ์อะไรเลย

 

อันนี้

เบื้องบนถือว่า

เราทำเพื่ออวดตัวเอง

ผลบุญจึงน้อยมาก

 

เนื้อนาบุญบริสุทธิ์

สำหรับผู้รับธรรมทานก็คือ

ทำให้จิตเขาเปิด เขาสำนึก

ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเลิศมา

แต่เราใช้ปรากฎการณ์

ทำให้เขา เปลี่ยนจิตใจ ณ บัดนั้น

เน้นย้ำให้รู้ว่าปรากฎการณ์นี้

คุณเคยเห็นมาก่อนไหม

หายทันที ดีขึ้นทันใด

แล้วบอกเขาไป ว่าเกิดจากอะไร

อันนี้ แม้จำนวนคนน้อยกว่า

แต่การขยายบุญธรรมทาน

จะมีผลต่อไปได้มากกว่า

 

ถ้าทำครบ 3 ส่วน

ให้บริสุทธิ์

อานิสงส์เกิดฉับพลันทันที

 

ไม่ต้องมาบ้านสวนก็ได้

ให้ทุกคนที่หาย

เขียนเล่าเรื่องตัวเองแจกจ่าย

ถ่ายเอกสาร บอกชื่อ สกุล

รายละเอียดที่สุด

แล้วบอกเวปไซด์บ้านสวน

บอกรหัส

อ.อุบล ช่วยด้วย

 

แจกไปเถอะ

ให้ดูคุณชิมเป็นตัวอย่าง

นั่นแจกคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

แต่

ท่านแจกธรรมทาน

ที่เขียนเอง

บุญจะแรง จะเร็วยิ่งกว่าอีก

 

ส่วนคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

ไม่ปิดกั้น แจกไปเลย

ถ้ามีกำลัง แจกได้ทั้ง 2 อย่าง

 

2.ถ้าต้องการ

อานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่

ยิ่งขึ้นไปอีก ก็ให้พริ้นท์

เรื่องราว

จากกระทู้ต่างๆในเวปนี้

ถ่ายเอกสารแจกจ่าย

ให้มากที่สุด

 

ยังไม่เห็นมีใคร

มาเขียนบอกเรื่องนี้เลย

 

มีแต่บอกเรื่อง การทำความดี

หรือทำบุญ ธรรมทาน

ต้องทำให้ครบ 5 ข้อ

 

1.ทำทันที

2.ทำแบบง่ายๆ

3.ทำอย่างสม่ำเสมอ

4.ทำอย่างต่อเนื่อง

5.ทำให้มากขึ้น

 

ส่วนรายละเอียด

ก็ให้ทำตามนี้ คือตามบัญชา

องค์พระปฐมฯ+พระศรีอาริย์

 

มีใครลงมือทำแล้วบ้าง

ได้ผลอย่างไร

มาเล่าถวายพระองค์บ้าง

จะได้รับอานิสงส์

ยิ่งๆขึ้นไป

 

หรือ

ใครสงสัยอะไร

ก็รีบมาถาม มาคุยกันได้

เลยจ้า

จะได้ปลดล๊อกกรรม

แม้ไม่ต้องไป

บ้านสวนพีระมิด ไงจ๊ะ

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-31 19:09:22


<< ก่อนหน้า 1 [2] 3 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 101 (1638370)

                            คุณนนทพรนี่นะ

 

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

...........................

 

หนูคิดว่าพี่ปิ่นพูดแบบ

อยากจะเอาชนะคนอื่นประมาณว่ามองว่าคนอื่นด้อยกว่าตัวเอง

โดยไม่รักษาน้ำใจคนฝังทำให้คนฝังไม่สบายใจ ค่ะ

 

และชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ปิ่นก็เจอปัญหามากมาย

สำหรับพี่นนทพร ชีวิตกลับดีขึ้นทุกด้านค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 22:35:22


ความคิดเห็นที่ 102 (1638376)

นางสาววินิตา สุทธิวรา (ก้อย)  อายุ 32 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ตำแหน่ง Sales Executive  ขอเล่าธรรมทานผลกรรมจากการผิดศีลข้อ 2 การลักขโมย จนทำให้ชีวิตยากจน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน หนี้สินมากมาย ส่งผลให้จิตใจเศร้าหมองไปด้วย แลผิดศีลข้อ 4 โกหก นินทา ปลิ้นปล้อน กระล่อน ตอแหลสารพัด ทำให้รูปปากและฟันไม่สวย

เมื่อตอนอายุ 12 ปี ได้ย้ายมาอยู่กับพี่ชายคนโต และพี่สะใภ้ ๆ เป็นคนพูดจาไม่ค่อยรักษาน้ำใจ จนทำให้รู้สึกโกรธ และเกลียดเขามาก ไม่รู้จะแก้แค้นเขาด้วยวิธีไหน มีอยู่วันนึงเขาวางกระเป๋าสตางค์ไว้ จึงคิดแก้แค้นด้วยการขโมยเงิน ขโมยเกือบทุกวัน ครั้งละ 1,000-2,000 บาท เงินที่ได้ก็นำไปปรนเปรอเพื่อน ๆ ตอนนั้นทั้งสนุก และสะใจที่ทำแบบนั้น 

จนอายุประมาณ 17 ปี ก็ย้ายไปอยู่กับคุณแม่ที่อาศัยอยู่กับพี่ชายคนที่ 2 ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง พฤติกรรมเราก็เริ่มเปลี่ยน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เลิกเรียนก็ไปเดินห้างต่อกับเพื่อนทุกวัน บางวันก็ไม่เข้าเรียนหนีไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ เงินที่แม่ให้ไม่พอใช้ จึงต้องโกหกอ้างเป็นค่ารายงาน ค่าหนังสือที่เกินจริง ค่าโน่นนี่สารพัดค่าใช้จ่ายที่โรงเรียนเรียกเก็บ เพื่อจะนำเงินไปใช้กินเที่ยวกับเพื่อน ๆ ขโมยต่างหูทองของพี่สาว แล้วโยนความผิดไปที่พี่เขย ได้มาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ สันดานขโมยจึงส่อแววอีกครั้ง ช่วงที่ช่วยพี่ชายขายของก็จะแอบขโมยเงินครั้งละ 200-300 บาท เกือบทุกวัน
 
อายุประมาณ 20 ปี เริ่มทำงาน แต่เงินเดือนก็ยังไม่พอใช้อีก เพราะยังชอบสร้างสรรค์ ดื่มเหล้า เบียร์ เที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ๆ เกือบทุกวันหลังเลิกงาน สันดานขโมยทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเงินไม่พอ จึงต้องขโมยเงินของพี่ชายคนที่ 3 อีกหลาย ๆ ครั้ง ตอนขโมยก็คิดว่าจะเอามาใช้คืนให้ แต่ก็ไม่เคยใช้คืนเขาสักครั้ง 
 
ขโมยเงินแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วโยนความผิดไปที่พี่เขยอีกครั้ง เพราะคิดว่าแม่เชื่อเรามากกว่าพี่เขย และก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ยืมเงินเพื่อนร่วมงานหลายคน แล้วไม่คืน เอาของที่ทำงานกลับบ้านบ่อย ๆ เช่น กระดาษ คลิป แม็ก ปลั๊กไฟ ชา กาแฟ โอวัลติน เพราะไม่มีใครตรวจสอบได้ ชอบกินฟรี ให้เพื่อนเลี้ยงข้าวบ่อย ๆ 
เคยไปตั้งบูธขายมือถือกับเพื่อน 2 คน และยักยอกทรัพย์ด้วยการเขียนบิลเท็จ และเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ทำแบบนี้ทุกครั้ง เพราะเกลียดเจ้าของร้าน ตอนนั้นรู้สึกดีใจที่ได้ทั้งเงิน และได้สมน้ำหน้าเจ้าของร้านที่ชอบโกงเงินเดือนเรา คิดว่าเป็นสิ่งที่ยุติธรรมแล้ว

ที่รุนแรงที่สุดถึงขั้นตกนรกอเวจี ก็คือ ครั้งนึงพี่สาวฝากซองทำบุญมาให้เพื่อน ๆ หลายซอง เราก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่บาปหรอก ขอเอาเงินมาใช้ก่อนแล้วจะใส่คืนตามเดิม 
 
ชีวิตที่ผ่านมา คือ ตกต่ำ ย่ำแย่ ต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหาการเงิน หนี้บัตรเครดิตที่มากมาย  และหนี้สินจากการที่ค้ำประกันรถให้พี่สาวตัวเอง แล้วเขาไม่จ่าย ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เราเคยขโมยต่างหูทองมา เงินเดือนจะหมดตั้งแต่ต้นเดือนทุกเดือนตลอดมา 

จนอายุเกือบ 30 ปี ได้คิดน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง  คิดโทษพ่อที่ชอบเล่นการพนันจนต้องทำให้เราต้องมีชีวิตที่ลำบาก คิดโทษแม่ว่าทำไมถึงได้จน ไม่มีเงินทองมากมายเหมือนพ่อแม่คนอื่น ๆ แต่ไม่เคยคิดโทษตัวเอง   และมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ เพราะชอบสร้างสรรค์ดื่มเหล้า เบียร์ เป็นประจำ ซึ่งเป็นเพราะผิดในศีลข้อ 5 (การดื่มน้ำเมา)
 
ส่วนศีลข้อ 4 ที่มักใช้คำพูดหลอกล่อ ปลิ้นปล้อน กระล่อน ตอแหลสารพัด ตะกละ จนทำให้รูปปากไม่สวย ฟันผุ ฟันบิดเบี้ยว คือ ฟันล่างด้านหน้ายื่นออกมาครอบฟันบน ตอนอายุ 13 ปีได้ไปรักษากับคุณหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่ก็โดนคุณหมอหลอกเอาเงิน แล้วก็ไม่รักษาให้ มารู้ทีหลังว่าไม่สามารถจัดฟันได้ ต้องรักษาด้วยการตัดขากรรไกรทีละข้าง เจ็บ และเสี่ยงมาก มีค่าใช้จ่ายเป็นหลักแสน สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ปล่อยมาจนถึงปัจจุบันเป็นการประจารความชั่วจากการผิดศีลข้อนี้ 

จนได้มาพบท่านอ. อุบล ที่ได้นำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาเน้นย้ำ ให้รู้ว่าผลกรรมที่ได้รับมาทั้งหมด ไม่ได้มาจากใครเลย แต่มาจากการกระทำของเราทั้งสิ้น ทำให้เข้าใจในศีลมากขึ้น เคยเอาของใครมา ก็ต้องชดใช้ให้เขาไป เคยหลอกใครมา ก็ต้องถูกคนอื่นหลอกเหมือนกัน ถึงแม้ชีวิตในตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการรับกรรม เพราะยังผิดอยู่บ้าง แต่ก็ตั้งใจที่จะแก้ไขและไม่ทำอีก ทำให้ไม่ทุกข์เหมือนเมื่อก่อน มีหนทางปลดหนี้ได้บ้าง ชีวิตมีทางออกมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น ทำให้สุขภาพร่างกายดีตามไปด้วย

ขอกราบขอบพระคุณสำหรับความเมตตาของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เทวดาทั้งหลายที่ปกปักษ์รักษาท่านอ. อุบล  ท่านอ. อุบล และครอบครัว ที่ได้สร้างบ้านสวนพีระมิด เพื่อช่วยให้พวกเรามีหนทางในการปลดเปลี้องทุกข์ด้วยค่ะ 
 
 
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 23:06:31


ความคิดเห็นที่ 103 (1638379)

 

กว่าจะมาเป็นวันนี้
 
ดิฉันนางฉวีวรรณ นภาพรรณราย อายุ 47 ปี อดีตพยาบาล ปัจจุบันข้าราชการบำนาญ   จังหวัดสระบุรี
 
     ชีวิตที่เกิดมาแล้วต้องพบทั้งความสุข - ทุกข์
ความสมหวัง - ผิดหวัง  หัวเราะ - ร้องไห้ 
คละเคล้ากันไป  ก็คิดว่า  นี่คือสิ่งปกติธรรมดา
ที่มนุษย์ต้องเจอ  แต่ไม่เคยรู้  ไม่เคยคิดเลยว่า
เพราะเหตุใด  คนที่เกิดมาแล้ว  ถึงมีความแตกต่างกัน
ทั้งชาติกำเนิด  การศึกษา  ฐานะทางสังคม
ก็มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ  ตามที่ทำกันมา
 
       เหตุที่ทำให้หาทางพ้นทุกข์
     หลังจากที่มีลูกหนึ่งคน  แล้วลูกเป็นเด็กพิเศษ
ไม่อยู่นิ่ง  ไม่ฟังใคร  ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ไปโรงเรียน  ก็ไม่อยู่ห้องเรียน  วิ่งออกนอกห้องตลอด
คุณครูต้องให้ไปรับกลับ เพราะดูแลไม่ไหว
ไปหาหมอที่เขาว่าดี ๆ ก็ไปหาจนเหนื่อย
ทั้งกินยา และทำกิจกรรมบำบัด  ก็ดีขึ้นมาบ้าง
แต่เราคนเป็นแม่ทุกข์หนัก  ถ้าต่อไปลูกโตขึ้น
เขาจะอยู่ในสังคมได้อย่างไร  ถ้าเขาเป็นคน
ที่เข้าสังคมไม่เป็น  พูดขวานผ่าซาก  อยากทำอะไร
ก็ทำ กว่าจะโต  คงโดนตืบ เป็นร้อยครั้ง ไปที่ไหน
เขาก็แนะนำให้ฝึกลูกทำสมาธิ แล้วฉันจะทำยังไง
ตัวเองก็ยังไม่รู้ คิดว่าทำสมาธิ คือ นั่งนิ่ง ๆ
หลับตา พร้อมท่อง พุท โธ สงสัยว่าเราคงไปไม่รอด
จะให้ลูกนั่งนิ่ง ๆ ได้อย่างไร
     จนกระทั่งวันหนึ่งเปิดเจอรายการคุยไปแจกไป 
ของอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ 
เห็นอาจารย์อุบลบำบัดคน ที่มีทุกข์และโรค ต่าง ๆ แล้วหาย ก็เริ่มมีความหวังตั้งแต่ตอนนั้น ก็ได้พาลูกมาบ้านสวน เพื่อจะบำบัด    อาจารย์ก็บอกว่า ให้เอาเรื่องของตัวเองก่อน ตัวเองทำให้ดีก่อน     แล้วลูกก็จะดีเอง ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่า แล้วลูกจะดีได้อย่างไร   แต่ไม่เป็นไร อาจารย์บอกว่าอย่างนั้นก็ลองดู เราก็ลองมาหลายวิธีแล้ว
จะลองดูอีก ก็ไม่เห็นจะเป็นไร
          ต่อมาอาจารย์อุบล ได้บอกถึงผลของการผิดศีลแต่ละข้อ   ว่าจะส่งผลอย่างไรกับเราบ้าง จึงได้ถึงบางอ้อ ว่า ที่อาจารย์บอกว่า  ให้เราทำตัวให้ดีก่อน แล้วลูกจะดีเอง ก็เพราะเราผิดศีลข้อ 3 คือ
-                  ตอนยังไม่แต่งงาน ก็คบผู้ชายหลายคน พร้อมกัน ( ไม่สวยแต่อยากเลือก) เดี๋ยวไปกับคนนั้นที คนนี้ที เพราะคิดว่า ฉันยังไม่ได้เลือกใคร ฉันจะไปกับใครก็ได้ ขอคบดูก่อนแล้วถึงจะเลือก
-                 หลังจากแต่งงานแล้ว ก็มีคนมาบอกว่า เขาเสียใจมากที่เราแต่งงาน เขาขอคบหากับเราแบบเพื่อน แบบพี่ ซึ่งตอนนั้น    เราก็รู้สึกเห็นใจเขามาก ก็เปิดโอกาสให้เขา และคบหากันมาตลอด ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรา ไปเที่ยวด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน เราย้ายไปไหน เขาก็ตามเราไปตลอด ซึ่งตอนนั้น    เราคิดดีใจค่ะว่า นี่ขนาดเราแต่งงานแล้ว ยังมีคนมาตามตื้อเราอยู่
รู้สึกดี มีความสุข ทำให้คิดว่าเรายังมีโอกาสเลือกได้อีก 
             หลังจากรู้อานิสงค์ของการผิดศีลข้อ 3 แล้ว เราตั้งใจมั่น    ขอเปลี่ยนตัวเองทันที   ได้บอกเขาว่า ที่ลูกเราเป็นอย่างนี้   เพราะตัวเราผิดศีลข้อ 3 ต่อไปเราขอยุติการติดต่อ เพื่อลูกของเรา   พร้อมทั้งได้ขอขมาสามี ที่เราทำตัวไม่เหมาะสม และเราจะไม่ทำ
แบบนี้อีก
          การเปลี่ยนแปลงของลูก อาจเห็นไม่ชัดเจนทันที ทันใด   แต่มาถึงขณะนี้ เขารับผิดชอบตัวเองได้มากขึ้น ควบคุมตัวเองได้ เริ่มรู้ว่าอะไรควรพูด ไม่ควรพูด และเมื่อเขาทำผิด เขาจะมา
บอกเราทุกครั้ง 
           วันนี้ (2 พฤศจิกายน 2555) ได้คุยกับป้า
ข้างบ้าน เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้ลูกชาย ดูเรียบร้อยจัง ไม่ค่อยพูดมากเหมือนแต่ก่อน ขนาดถามยังไม่ค่อยจะพูดเลย ถ้าเป็นแต่ก่อนเจอคนไม่ได้ เธอต้องแถเข้าไปหา แล้วพูด ๆๆๆๆ เรื่องที่เธออยากพูด แต่ไม่สนใจว่า คนฟังเขาจะอยากฟังไหม ขอฉันได้พูดเป็นพอ และที่สำคัญที่ทั้งแม่และหมอรักษากลัวกันก็คือ เมื่อลูกโต
เป็นวัยรุ่นเมื่อไร เขาจะไม่ฟังใครทั้งนั้น เขาจะเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด และปัญหาต่าง ๆ ก็จะตามมา ซึ่งยังไงหมอก็ต้องให้ กินยารักษา ตอนนี้ลูกอยู่ ม.2 แล้ว เราไม่ได้ไปหาหมอมา ประมาณ 3 ปีแล้ว ตั้งแต่รู้จักบ้านสวน และเขาเป็นวัยรุ่นแล้ว
แต่สิ่งที่เรากลัว กลับผิดคาด แม้ว่าเขาจะไม่เหมือนคนปกติทั้งหมด อาจจะด้วยตัวเราเองยังสร้างบุญไม่มากพอ หรือส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะตัวเขาเอง แต่เท่านี้ก็ถือว่า ดีมหาศาลสำหรับเราและลูก เพราะไม่เคยคิดเลยว่า   การกระทำของเราเป็นตัวแปรตัวหนึ่ง ที่สามารถกำหนดชีวิตของลูกได้
    หากไม่ได้มารู้จักอาจารย์อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิดนี้   เราก็ไม่รู้ว่าชีวิตเราและลูกจะเป็นอย่างไร หนูกราบขอบพระคุณ  อาจารย์อุบลค่ะ ที่ช่วยให้หนูได้มีวันนี้ 
วันที่หนูมีลูกเป็นเด็กดี
วันที่หนูมองลูกแล้วมีความสุข ค่ะ
         
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 23:23:12


ความคิดเห็นที่ 104 (1638380)

ชีวิตใหม่ที่ได้รับจากบ้านสวนพีระมิดค่ะ

ครั้งแรกที่รู้จักบ้านสวน เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2554 เนื่องจากสามีติดจานดำหวังจะดูบอลแต่ดันดูไม่ได้

เลยลองไล่ดูรายการในจานดำ ก็แปลกใจช่องรายการมันเยอะมาก เนื่องจากไม่เคยมีเป็นของใหม่

ลองเปิดไปเรื่อย ๆ ไปเจอรายการคุยไปแจกไป เห็นช่วงที่คนสารภาพปาบ คุณลุงท่านหนึ่งไมสบายแล้วสารภาพปาบแล้วหาย

ก็แปลกดี และมาเจอคำสอนอาจารย์ อาจารย์สอนง่าย ๆ เข้าใจง่าย

และอาจารย์ก็สอนเรื่องศาสดาที่ใคร ๆ ทักท้วงไม่ได้  และอาจารย์ก็บอกว่าตามพระไตรปิฏกหน้า

เท่าไหร่จำไม่ได้ และอาจารย์ก็บอกให้คนลองเปิดดูมันตรงตามอาจารย์บอกก็สุดยอด จดเลขที่หน้าที่ว่าไว้

เลยลองซื้อพระไตรปิฏกฉลับที่ทำให้ง่ายมาดูบ้าง โอ้มันตรงตามอาจารย์บอกเลย

แสดงว่าอาจารย์อุบลท่านแจ๋งจริง ก็ดูรายการมาเรื่อย

และช่วงนั้นชีวิตมีทุกข์หนัก

เนื่องจากสอบเลื่อนระดับต้องย้ายไปรับตำแหน่งไหม่ที่กรุงเทพ

และก็มีเริ่มท้องด้วย อยากรับตำแหน่งก็อยาก ไป

แต่มีท้องก็สงสารลูกคนโต และกลัวแม่จะลำบาก

แต่ความยากมันมากกว่าเหตุผลใด ๆ ก็เลยไปรับตำแหน่ง

และเดินทางไปกลับกาญจนบุรี -กรุงเทพทุกวัน 

เพราะไม่อยากบ้านแตกแยกบ้าน

ค่าใช้จ่ายก็สูงและการเงินก็มีปัญหา เงิไม่ค่อยพอใช้

แม่ก็สุขภาพไม่ดี สามีก็หงุดหงิดทะเลาะกันบ่อย

และสามีบอกให้ลาออกทุกวัน (ก็คิดในใจว่าถ้าลาออกเผื่อวันไหนคุณทิ้งเราแล้วเราจะเอาอะไรเลี้ยงลูกกับแม่)

ก็ทนแรงกดดันทุกวัน เหนื่อยการเดินทางก็เหนื่อยเหนื่อยใจก็เหนื่อย

ไปขอความเห็นใจจากผู้ใหญ่ในกรมก็ไม่มีใครเห็นใจ

แถมแนะนำให้ลาเลี้ยงลูกโดยไม่ต้องรับเงินเดือน

ก็ทำตามลาคลอดบวกลาเลี้้ยงลูก 9 เดือนปีนั้นทั้งปี โดนแป๊คขั้น

คนในสำนักงานก็เขี่ยไปไว้งานนั้นงานนี้ มีแต่คนรังเกิยจ

เพราะเค้ามองว่าเป็นคนมีปัญหาโดนแป๊กขั้น

จนคลอดลูก ก็ไม่ได้ย้าย

เวลานั่งสมาธิก็จะนั่งไปร้องให้ไปทุกวันจิตใจไม่เคยสงบเลยค่ะ

จนมาดูรายการอาจาย์และมีช่วงหนี่งที่คุณพี่ท่านหนึ่งเป็นข้าราชการบำนาญบอกว่าใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยทุกวันก่อนเปิดร้านขายของจะขายดีมากเลย

อาจารย์ก็บอกว่าให้ใช้ได้ทุกเรื่อง

ก็เอาบ้างค่ะมองเห็นแสงสว่างในชีวิตทันทีค่ะ

คราวนี้ขอทั้งวันทั้งคืนค่ะขออาจารย์อุบลช่วยด้วยขอให้ลูกได้ย้าย

ไม่นานค่ะคำสั่งย้ายมีชื่อตัวเองได้ย้ายมาจังหวัดนครปฐมก็ ระยะทางก็ย่นลงค่ะ

พอย้ายมานครปฐมได้ 1 เดือน ได้ขอแลกตำแหน่งกับเพื่อน และเพื่อนก็ย้ายมาอยู่ที่นครปฐมแทน

ก็อัศจรรย์เหลือเกินรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย พอตัวเองเจอปาฏิหาริย์รีบ

แนะนำคนในบ้านคุณแม่ และสามี ซึ่งปกติเชื่ออะไรยากมาก

แต่ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้เชื่อและลองใช้ดู

และก็ดูรายการอาจารย์ ดูด้วยความศรัทธา

และมีอยู่คลิบวีดีโอช่วงหนึ่งที่มีน้องมาสารภาพปาบค่ะว่าชอบคิดหมกหมุ่น

และคลิบนั้นไม่รู้กรรมเวรอะไร ค่ะ ดันไปดูเป้ากางเกงอาจารย์

และเกิดจิตแวบลางมกขึ้นมาทันทีและไม่ยอมออกไป

ไปคิดกับใครไม่คิดคิดกับอาจารย์อุบลเกิดเรื่องค่ะ

นอนไม่หลับ อกแทบระเบิด จิตมันสู้กันเอง ทำอย่างไรก็ไม่หาย

ร้อนรนมากค่ะทนไม่ได้เร่งให้สามีดูให้ครบ 9 ตอนต้องอาศัยให้สามีพามาบ้านสวน

ก็ได้สมัครมาครั้งแรกรุ่นค่าย 10 ตอนเดือนตุลาคม 2554 แหวกว่ายน้ำมาค่ะ

และก็ได้กราบอาจารย์ขอขมาท่านอาจารย์

และท่านอาจารย์ได้เมตตาสอนว่าคนที่มีจิตแวบลามก

เคยเป็นสาวกพระเทวทัตสัญญาเดิมมี

และให้อุทิศบุญให้พระเทวทัตและขอลาออกจากการเป็นสาวกพระเทวทัต

ก็เริ่มทำตามทันทีค่ะ ก็ได้ผลทันทีค่ะ อาการจิตแวบค่อย ๆ หายไปจนไม่มีค่ะ

ตั้งแต่ไปเข้าค่ายครั้งนั้นครอบครัวหนูมีความสุขมากค่ะ

ได้รับความอุ่นจากท่านอาจารย์และครอบครัว

และพี่น้องบ้านสวนทุกท่านโดยเฉพาะพี่แมวและหนูแหวนค่ะ

ถ้าวันนั้นไม่ได้รับกำลังใจจากพี่แมวและหนูแหวนคงไม่ได้มาบ้านสวนค่ะ

หลังจากกลับจากเข้าค่ายรู้สึกว่าชีวิตครอบครัวอบอุ่นขึนค่ะมีความสุขและก็คิดว่าบ้านสวนพีระมิดใช่เลยคือสิ่งที่เราตามหา

เพราะเคยอธิฐานจิตว่าขอให้ลุกเจอครูบาอาจารย์ที่สอนได้ง่าน ตรงและลัดที่สุดค่ะ

หลังจากที่ตัวเองมีความสุขก็อยากให้คุณแม่มีความสุขบ้างเพราะคุณแม่เป็นโรครูมาตอยด์มา 30 ปี รักษาไม่หายมือหงิกงอและปวดทรมาณ

ก็ขออาจารย์อุบลช่วยด้วยขอให้คุณแม่ตั้งใจดูรายการ และอย่าได้ปรามาสอาจารย์

ก็ได้ผลค่่ะคุณแม่ตั้งใจดูจนเกิน 9 ตอน ก็มาบ้านสวนพีระมิดค่ะ

แต่คุณแม่ไม่ดาดหวังอยากหายค่ะแต่อยากมาทำบุญสร้างพระค่ะ

ช่วงนั้นอาจารย์ให้ลูกหลานทำบุญสร้างพระเทฐานองค์พระปฐมคุณแม่อยากทำบุญสร้างพระเพราะเป็นบุญใหญ่

ก็เกินคาดค่ะ อาจารย์ได้บอกคุณแม่ว่า คุณยายเป็นมือฆ่า เลยทำให้มือหงิกงอและปวดด้วยค่ะ

คุณแม่ก็ยอมรับค่ะ ว่าเคยฆ่าตั้งแต่คนคือทำแท้งลูก และสัตว์จำนวนมากมาย และเป็นมือลักขโมยผลไม้ตามรั้วสวนของคนอื่น เอาของวัดกลับบ้านค่ะ

และอาจารย์ได้จับนิ้วแม่ที่หงิกงอมันยืดได้อย่างอัศจรรย์ค่ะ

และอาจารย์ก็ถามว่ายายอยากหายปวด หรือหยากนิ้วตรงแต่ปวด

คุณแม่บอกว่าอยากหายปวดค่ะ ตั้งแต่ครั้งนั้นแม่ไม่ปวดมือเลยค่ะ

และก็ไม่ต้องทานยาอีกเลย และก็ขอรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยตลอดเวลาค่ะ

และคุณแม่เคยมีการช็อค ต้องนำส่งโรงพยาบาลเข้าห้องไอซียู คุณแม่บอกว่าคราวนี้ต้องตายแน่ ก็ทำใจและบอกแม่ว่าแม่ทำใจดี ๆ นะคะ

คิดถึงบุญที่เคยสร้างพระที่บ้านสวน และนึกถึงอาจารย์อุบล และขออาจารย์อุบลช่วยด้วย และถอดจี้องค์เทพสฟิ้งซ์สวมใส่คอให้แม่

ไม่ถึง 1 นาที่คุณแม่มีอาการดีขึ้นหมอให้ออกจากห้องไอซียูและให้กลับบ้านได้โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลค่ะ

 

บ่อยครั้งที่ชีวิตเฉียดตาย ก็อาจารย์อุบลช่วยด้วย จี้องค์เทพสฟิ้งช่วยไว้ทุกครั้ง

บ่อยครั้งที่มีปัญหาคลี่คลายไม่ได้ก็อาจารย์อุบลช่วยด้วย ก็ผ่านตลอด

ยิ่งตอนที่พาคุณแม่มาร่วมพิธีส่งวิญณาณแค้น

คุณแม่บอกว่ารู้สึกโล่งมากเลยเหมือนมีอะไรหลุดออกจากตัว

และคุณแม่บอกว่าเกิดมาไม่เคยเห็นที่ไหนที่ทำให้เราได้สัมผัสผลบุญผลและสำนึกบาปกรรมได้อย่างนี้

รู้สึกตายก็ไม่เสียดายแล้วแม่บอกว่าแม่โล่งมาก

สิ่งที่ลูกได้รับจากบ้านสวนมากมายเหลือเกินค่ะ

ท่านอาจารย์อุบลได้ให้ชีวิตใหม่แก่ลูก ให้แสงสว่างนำทางชีวิตลูก ทำให้ลูกไม่หลงทาง

ทำให้ลูกเข้าใจศิล 5 สอนให้เห็นโทษของการไม่รักษาศิล

อาจารย์ทำให้ลูกทั้งครอบครัวหยุดซื้อหวยซื้อรัฐเตอรี่ ได้แบบเฉียบขาดค่ะปกติหมดค่าหวยเดือนละ 3 พันค่ะ

อาจารย์ทำให้ลูกเลิกทานเนื้อสัตว์ได้โดยไม่รู้สึกอึกอัดเพราะมันเกิดจากใจที่ไม่อยากเบียดเบียน

ไม่ใช่กินเจตามแฟร์ชั่นหรือเห็นชาวบ้านกินก็กินมั่ง

และอาจารย์สอนให้ลูกละวางความโกรธแค้น 

พอทำได้มันมีความสุขจริง ๆ ค่ะความสุขที่แท้จริงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

และอาจารย์สอนให้เป็นผู้ให้ ปกติจะทำอะไรกลัวแต่ตัวเองจะขาดทุนจะเสียเปรียบ

 พอทำตามทานอาจารย์มันมีความสุขจริง ๆ ค่ะ

มันมีความสุขที่เห็นคนอื่นมีความสุข มันมีความสุขแบบสุด ๆ ค่่ะ

และที่สำคัญอาจารย์ทำให้หนูรู้ว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร

และให้รู้จุดมุ่งหมายของชีวิตค่ะ

 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ค่ะที่ทำให้ลูกได้รู้จักอาจารย์อุบลและครอบครัว

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะที่ได้เมตตาเปิดบ้าน สละแรงกาย แรงใจ แรงทรัพย์เพื่่อพวกเราทุกคนค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-02 23:35:26


ความคิดเห็นที่ 105 (1638383)

ขอเล่าเรื่องชีวิตจริงที่เกิดขึ้น ก่อนและหลัง ที่ได้มารู้จักบ้านสวนพีระมิด

ข้าพเจ้า ชื่อ อร นามสกุล อุ่นศรี  อาชีพ ค้าขายเสื้อผ้า 

ได้รู้จักบ้านสวนพีรมิดทาง เวปไซต์ เปิดเจอรายการคุยไปแจกไป เป็นตอนหนึ่ง ซึ่งมีสิ่งศักดิสิทธิ์ สื่อสาร บอกเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ ทําให้เชื่อเดี๊ยวนั้นเลย เพราะที่ผ่านมาจะสนใจเรื่องภัยพิบัติอยู่แล้ว เคยได้รับการสื่อสารทางความฝันอยู่บ่อยๆ+กับมี ครูบาอาจารย์ ที่สําเร็จแล้ว หลายสถานที่ หลายสํานักพูดถึงเรื่องนี้ และเคยจัดพิมพ์เผยแพร่เรื่องพุทธทํานาย และเรื่องที่เกี่ยวกับภัยพิบัติแจกอย่างต่อเนื่อง มาตลอด พอมาเจอเวปบ้านสวน ยิ่งทําให้เชื่อมากขึ้น จึงดูรายการมาเรื่อยๆ จนพบ ธรรมะพระพุทธเจ้า ที่ท่านอาจารย์ อุบล ถ่ายทอดนั้น ถูกจริตกับตัวเอง ท่านอาจารย์ สอนได้ตรงตัวมากๆ โดนใจสุดๆ มีคําถามกับตัวเองที่คาใจมามากมาย ได้คําตอบเบ็ดเสร็จหมด จากรายการคุยไปแจกไป ในแต่ละตอน ดูมาวันที่สาม มีตอนหนึ่ง ท่านอาจารย์ บอกว่า คนที่ดูรายการอยู่ทางบ้าน อนุโมทนาหน้าจอได้ ให้ลองดู จิตที่พลอยยินดีมีเต็มหัวใจอยู่แล้ว ตอนนั้น ก็สาธุด้วย ปรากฎว่า วันนั้นเลย ขายของได้ กว่า 3 แสนบาท นึกในใจว่า อาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด ศักดิสิทธิ์มากๆ ซึ่งก่อนหน้านั้น ตัวเองมีความทุกข์ หนักหนาสาหัส ในเรื่องการค้าอาชีพ เพราะตั้งแต่ ปฎิวัติ มีผลต่อเศรษกิจมากๆทําให้ขายไม่ดี บางวันก็แทบไม่ได้ขาย ติดลบต่อเนื่องมาตลอด มีหนี้สิน กว่าสิบล้าน หลังจากนั้นมาก็ขายได้ทุกวัน ยอดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหว ต้องมาทําบุญ มาขอบคุณให้ได้+ กับ ได้อ่านคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ และก็ต้องการใช้เครื่องสําอางพาเมล่าด้วย ตัวเองก็มีปัญหาเรื่องเป็นฝ้ามานาน เรียกว่าปัญหา ความทุกข์ทุกอย่าง ตอบโจทย์ได้หมดเลย พอได้พบท่านอาจารย์ อุบลครั้งแรก ท่านพูดว่า

อย่าห่างบุญนะลูก เข้ามาใช้แรงกายที่บ้านสวนยิ่งได้รับอานิสงค์ มากขึ้นการค้าดีขึ้นตามลําดับ ได้ฟังธรรมะ จากท่านอาจารย์อุบล ที่ละเอียดมาก ทั้งเรื่องศีล มี 3ระดับ

คือจุลศีล มัฌฉิมศีล มหาศีล ทุกคนที่ต้องเจ็บป่วย ทุกข์ จน ก็เพราะผิดศีลมาทุกข้อ ไม่รักษาศีล ท่านอาจารย์สอนให้รู้ เหตุแห่งทุกข์ เมื่อดับเหตุได้ ผลก็ดับ จึงทําให้รู้ที่มาของทุกข์ทั้งปวง ว่าเราผิดศีลมาทุกข้อเลย จึงเกิดทุกข์ เกิดโทษ อยู่จนทุกวันนี้    และพอได้รับ รหัส จักวาล อ. อุบลช่วยด้วย ยิ่งทําให้เกิดอัศจรรย์ ชนิดที่เอาไม่อยู่ ขายของดีมากก ในเดือนเดียวขายได้ 9 ล้าน ค้าขาย มาสิบกว่าปี ไม่เคยได้ ยอดขนาดนี้มาก่อน แถมมีออเดอร์ ล่วงหน้าอีก 3 เดือนเต็ม แล้วก็มีเข้ามาอีกเรื่อยๆจนรับไม่ทัน วันหนึ่งมีโอกาส มาขอบคุณสิ่งศักดิสิทธิ์ แล้วด้วยความประมาท ขาดปัญญา โง่เชลาเป็นที่สุด ได้สิ่งที่มีค่าประมาณมิได้อยู่กับตัว แต่กลับมองไม่เห็น บุญมีแต่กรรมบังจริงๆ ทําให้บอกว่า ตอนนี้รับงานไม่ไหว จนต้องหยุดใช้ รหัส จึงได้รับผลเดี๋ยวนั้นทันทีค่ะ กลับมาขายไม่ได้ สักบาท ทุกอย่างถูกปิดเลย ลูกค้าไม่เข้า ออเดอร์ที่ล่วงหน้าไว้ก็ไม่เอา กลายเป็นหนี้ 30 ล้าน หนักกว่าเดิมอีก ทั้งเครียด จิตตก เศร้า ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่มีทางออก ทําบุญทุกอย่างครบสูตร สวดมนต์ใหว้พระ

ใส่บาตรวิระทะโย ท่องคาถาเงินล้านทุกวัน สร้าง บุญแรงกาย ปัจจัย สิ่งของ ก็ยังไม่ดีขึ้น ก็เริ่มสงสัย ว่า ต้องมีอะไรสักอย่าง เมื่อก่อนที่เข้ามาบ้านสวน ได้รับผลมากมาย แต่ตอนนี้ยิ่งทํายิ่งแย่ ต้องทําอะไรผิดแน่ พี่เหมี่ยวเคยพูดว่า อร ไม่น่าไปบอกหยุดใช้ รหัสเลย ก็นึกอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เฉลียวใจ เกือบจะถอดใจแล้ว แต่คิดได้ก่อนว่า จะสร้างบุญให้ถึงที่สุดนั้นแหละ เป็นไง เป็นกัน

จนมาวันหนึ่ง เมื่อฟ้าประธาน สวรรค์เมตตา

พระศรีอาริย์เสด็จ ทรงโปรดเมตตา เหลือประมาณ หาที่สุดมิได้ พระองค์ท่าน ทรงแลเห็นความทุกข์ ของลูกมีอยู่ ท่านเมตตาทรงบอกเหตุ ให้รู้ว่า เพราะ อร ขอหยุดใช้ รหัส อ. อุบลช่วยด้วย จึงขายของไม่ได้ พระองค์ทรงบอก เหตุผลว่า ตอนที่ขายได้เพราะ อรใช้ รหัส เมื่อขอหยุดใช้ รหัส การค้าขายก็ไม่มีผล เพราะเหตุนี้เอง  วิธีดับเหตุ คือเมตตาให้ อร ขออนุญาต เปิดใช้ รหัส อ. อุบลช่วยด้วยใหม่ กับท่านอาจารย์อุบล ซึ่งเป็นเจ้าของ เซิฟเวอร์ ท่านอาจารย์ก็เมตตาให้ อรใช้ รหัสได้อีกครั้ง หลังจากนั้น อรก็ขายของได้ทันที อาทิตย์นั้นเลย ขายได้เกือบล้านบาท มหัศจรรย์มากและก็ขายได้ทุกวันดีขึ้นเรื่อยๆ

ตามลําดับจนถึงทุกวันนี้ ด้วยความเมตตาจากพระศรีอาริย์ จากท่านอาจารย์อุบลโดยแท้ที่เดียว

 ความชั่ว ที่ทํามาทั้งหมดที่ เกิดจากการผิดศีลทุกข้อ

เคยทําแท้ง ฆ่าเอง และสั่งฆ่าสัตว์ ทุกชนิดที่เป็นอาหาร และสัตว์เล็ก สัตว์น้อยทุกชนิดมากมาย เคยให้ยืมเงิน และรู้เห็นในการทําแท้ง เคยสมนํ้าหน้า เวลาเห็นคนที่เราไม่ชอบตาย เคยแช่งให้สามีตาย เพื่อตนเองจะได้หมดกรรม 

เคยลักทรัพย์ ผู้อื่น ขโมย เงิน ทอง ผลใม้ต่างๆในสวน ชอบของฟรี

ก๊อปสินค้า เลียนแบบลิขสิทธิ ยัดใส้ของให้ลูกค้า แต่งบัญชีเลี่ยงภาษี

ตัดไม้ทําลายป่า ขายของให้ลูกค้า ไม่สมราคาของ

เคยมีสัมพันธ์ กับผู้หญิงด้วยกัน ร่วมด้วยกับสามี เพื่อหลอกที่จะเอาเงินเค้า ดูหนังโป๊ ดูการเล่น เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน เล่นหวย

เคยโกหก ปลิ้นปล้อน กระล้อน พูดคําหยาบคาย พูดส่อเสียดให้ผู้อื่นเสียหาย เสี่ยมให้เค้าทะเลาะกัน พูดทิ่มแทงให้ผู้อื่นรู้สึกเจ็บปวด เสียใจ รู้เรื่องอะไรที่ไม่ดี จะบอกต่อทันที เรื่องดีๆ ไม่กล้าพูด ชอบใช้สายตาจิก ด่าคน มองค้อน โกรธง่าย โมโหร้าย ใจน้อย อิจฉา ริษยา เมื่อเห็นคนที่รู้จัก หรือไกล้ตัว ดีกว่า รวยกว่า สวยกว่า น่าด้านด้วย

เคยดื่มสุรา ของมึนเมาทุกชนิด เกียจคร้านการงาน คบคนชั่วเป็นมิตร

เมื่อกรรมจากการผิดศีลทั้งหมดรวมตัวผลที่ได้รับคือ

สุขภาพ ปวดหัว มึน ขี้หลง ขี้ลืม ความจําสั้น คิดอะไรไม่ค่อยออก  เกิดจากการผิดศีลข้อ5ดื่มสุราของมึนเมา ปวดคอ หลัง ไหล่ บ่า ขา ย้ายที่ปวดไปเรื่อยๆ เป็นริดสีดวงทวาร ถ่ายเป็นเหลือด เกิดจาก การทําแท้งฆ่าสัตว์ ทุกชนิด สายตาพล่ามัว เกิดจากการดูหนังโป๊ ใช้สายตาจิก ด่าคน เป็นฝ้าบนใบหน้ามานาน เพราะเป็นคนมักโกรธ ใจน้อย คิดแช่งผู้อื่น อคติ กับผู้อื่น อัตตาตัวตนสูง อิจฉาเมื่อเห็นคนไกล้ตัว หรือคนรู้ที่จัก ได้ดีกว่า รวยกว่า สวยกว่า จิตใจจะรุ่มร้อน นอนไม่หลับ อยากเป็นเหมือนเค้า หรือดีกว่าเค้า ปากคอเหม็น ฟันหัก เพราะพูดแต่สิ่งไม่ดี พูดคําหยาบ นินทา ว่าร้ายผู้อื่น

ความรัก ชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข ไม่รักกกัน คุยกันไม่รู้เรื่อง  ลูกดื้อ สามีดื้อ บริวารไม่เชื่อฟัง กระด้าง กระ่ดื่อง เกิดจาก ผิดศีลข้อ3 และกรรมทําแท้งมารวมตัว ไม่มีใครรักและเห็นใจ ทําความดีไม่มีคนเห็น

การงาน การเงิน มีหนี้สิน ล้นพ้นตัว บางทีดูเหมือนจะมีมาก แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม และหนักกว่าเดิม จนไม่สามารถปลดเปลื่องได้ ทั้งเจ็บ ทั้งจน เกิดจากการผิดศีลข้อ2 เคยลักทรัพย์ ชอบของฟรี ขโมยเงินพ่อแม่ ขโมยทอง ละเมิดลิขสิทธิ ลอกเลียนแบบสินค้า แต่งบัญชีเลี่ยงภาษี ติดหนี้แผ่นดิน ติดหนี้สงฆ์ ของที่ถวายพระแล้ว นํากลับมากินที่บ้าน ได้ยินเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับราชวงค์ แล้วนํามาพูดต่อให้คนอื่นฟังปรามาสในหลวง ไม่สํานึกพระคุณ ไม่รู้ที่ตํ่า ที่สูง ปากบอกว่ารักแต่ ไม่คิดปกป้อง แถมยังเห็นดีเห็นงาม ไปพูดต่อให้คนอื่นฟังทันที เรื่องดีๆไม่กล้าพูด จึงทําให้ ทั้งเจ็บ ทั้งจน ขัดสนเงินทอง มาทั้งชีวิต    

หลังจากได้เข้ามาบ้านสวนไดัรับฟังธรรมะ จากท่านอาจารย์อุบล จึงรู้เหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง ที่เกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัว ทําให้เปลี่ยนตัวเองได้ เลิกทานเนื้อสัตว์  มารักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด  มาใช้แรงกาย สร้างบุญ ปัจจัย สิ่งของ

อาการ เจ็บปวดต่างๆทางร่างกาย  ริดสีดวงทวาร ถ่ายเป็นเหลือดหายหมด ยิ่งตอนนี้ ได้รับสัมผัส บารมีพระศรีอาริย์ ที่ท่านอาจารย์อุบล อาราธนาอัญเชิญมา ยิ่งได้รับความสุขมากขึ้นในทุกๆด้าน ตามลําดับ ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ คิดว่าตนเองโชคดีมากมายที่พบเจอสิ่งที่ตามหามานาน คือได้พบครูบาอาจารย์ ที่รู้ธรรมะพระพุทธเจ้าอย่างท่องแท้ ที่พิสูจน์ได้ ด้วยการดับเหตุ ผลก็ดับ ได้พบตัวตนที่แท้จริงของตนเอง

กราบขอบพระคุณ สมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา พระศรีอาริย์ สิ่งศักสิทธิ์ทั้งอนันตจักรวาล ท่านอาจารย์ อุบล ที่เมตตาเหลือประมาณหาที่สุดมิได้ ต่อ ลูก อร อุ่นศรี กราบ กราบ กราบ 

 

 

   

     

       

     

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 00:01:20


ความคิดเห็นที่ 106 (1638385)

นางมยุรฉัตร สุดจิตต์ อายุ 35 ปี อาชีพรับราชการ นักตรวจสอบภาษี สำนักงานสรรพากรพื้นที่กาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

ขอสารภาพความชั่วของตัวเองดังนี้ค่ะ

มโนกรรม

- เคยคิดปรามาสใหหลวงเรื่องการเมือง เคยคิดปรามาส ฟ้าชาย หม่อนศรีรัตน์

-. คิดปรามมาสอาจารย์อุบลเคยมองเป้ากางเกงอาจารย์และคิดลามก

-เคยคิดน้อยใจแม่บ่อยครั้ง และคิดอยากให้แม่โอนที่ดินให้

-เคยคิดไม่ดีกับแม่ของสามี น้อยใจที่คุณแม่ไม่ยอมขายที่ดินให้แต่กลับขายให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกอุตสาห์กู้เงินธนาคารมาแล้ว

.เคยคิดไม่ดีกับคุณยายตัวเองคิดว่าคุณยายไม่สะอาด

-ชอบมองคนในแง่ไม่ดี คนที่ไม่ถูกชะตาก็จะคิดว่าเค้าไม่ดีไว้ก่อน

ผลกรรมที่ได้รับ มันทุกทรมาณทางใจมากเลยค่ะ มักมีจิตแวบที่ควบคุมไม่ได้ทั้งที่ไม่อยากจะคิด และเป็นโรคปวดหัวบ่อยเครียดง่าย เป็นโรคมืนงงน้ำในหูไม่เท่ากัน

ศิลข้อ 1  กุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด ลูกอ๊อด แมลงต่าง แย้ กิ่งก่า ซึ่งวิธีการฆ่าโหดร้ายทารุน เช่นลวกน้ำเดือดทั้งเป็น ทุบหัว แหวกท้องทุ้งเป็น  หักขากบขาเขียน บี้ท้องลูกอ๊อดจนใส้แตกตายทั้งเป็น เอาลูกนกมาเล่น เล่นแมลงปอ แมลงทับจนตาย ขับรถทับหมาตัวเองตาย ขับรถชนแมว  เคยกระทืบแมลงสาบ เคยเอาใส้เดือนไปเป็นเหยื่อล่อปลาเวลาตกเบ็ด เคยคั่วแมลงเป็น ๆ ใส่กระทะร้อนๆ เคยทำร้ายรังมดแดงเพื่อเอาไข่มดแดงมากิน เอาหมาแมวมาเลี้ยงแล้วไม่ค่อยดูแล ตบยุง จำนวนมาก ฆ่ามด จำนวนมาก ร่วมกันกับแม่ฆ่างู ฆ่าแมงมุม ฆ่าตะขาม ฆ่าแมงป่อง และแมงป๋องข้าง ตีลูก ตีสามีเพื่อหยอกล้อแต่สามีไม่ชอบ เคยคิดจะให้เงินคนไปทำแท้ง  เคยแช่งให้คนตาย

ผลกรรมที่ได้รับ เป็นโรคภูมิแพ้ เป็นโรคกระเพาะอาหาร เป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันบ่อย ปวดหัวบ่อย ปวดหลัง ปวดไหล่บ่อย

ศิลข้อ 2  เลี่ยงภาษีหาค่าลดหย่อนมากมายเพื่อจะได้ไม่ต้องชำระภาษี  เคยรับเงินที่ผู้บังคับบัญชาได้จากผู้เสียภาษีแล้วมาแบ่งให้ 2 ครั้งครั้งและ 5,000 บาท ใช้ของที่ทำงานอย่างไม่รู้คุณค่าไม่รู้จักประหยัด เอาของที่ทำงานกลับมาใช้ที่บ้าน เบิกค่าเดินทางเบิกค่าล่วงเกินเวลาเกินความจริง และเบิกเบี้ยเลี้ยงเกินความจิรง   มาทำงานสาย กลับก่อนเวลา ลาบ่อย นินทาหัวหน้า โทรศัพท์ระหว่างงาน ขี้เกียจทำงาน เอาของที่วัด ชอบของฟรี เอาเปรียบคนอื่น เคยโกหกแม่และคุณยายอยากได้เงินไปซื้อของไม่จำเป็น ยืมเงินญาติแล้วไม่ด้ใช้คืน ยืมของเพือนแล้วไม่คืน อยากได้สมบัติของแม่ อยากได้ที่ดินของแม่สามี ยืมเงินคุณแม่สามีบ่อยและคืนช้า ชอบกู้เงินยืมเงิน ทิ้งขยะไม่เป็นที่ไม่รู้จักรักษาความสะอาดในสถานที่ต่างๆ เคยมาใช้บุญแรงกายบ้านสวนแล้วไม่เก็บอุปกรณ์ ไม่เก็บถุงมือ และลูกมาเล่นอิฐบ้านสวนแตก เคยทำพัดลมบ้านสวนพัง (และก็ซื้อพัดลมและอิฐใช้หนี้สงฆ์แล้ว)

ผลกรรมที่ได้รับ มีปัญหาด้านการเงิน เงินไม่พอใช้ มีหนี้้สินเยอะ

ศิลข้อ 3  อยู่กับสามีก่อนแต่งงาน เคยดูหนังโป้กับสามี เคยคิดชอบผู้ชายหลายคนในเวลาเดียว มองเป้ากางเกงอาจารย์และคิดลามก

ผลกรรมที่ได้รับ ลูกซนมากไม่ค่อยเชื่อฟัง มีปัญหาด้านการเงิน สายตาสั้น

ศิลข้อ 4  ชอบนินทา พูดโกหก พูดให้คนเทาะกัน นินทาเพื่อนร่วมงาน  พูดเพ้อเจ้อ พูดเอาดีใส่ตัว  นินทาหัวหน้างาน เวลาเพื่อนร่วมงานนินทาผู้บังคับบบัญชาก็มักจะเข้าร่วมวงสนธนาประจำ ชอบคิดว่าตัวเองฉลาดแท้ที่จริงสุดจะโง่เง่าเบาปัญญา พูดจาทำร้ายจิตใจลูกทำให้ลูกเสียใจ พูดจาก้าวร้าวกับคุณแม่ทำให้แม่เสียใจ พูดจาประชดคุณแม่ พูดจาทำร้ายจิตใจสามีทำให้สามีเสียใจ พูดจากระแทกประชดประชันสามี

 

ผลกรรมี่ได้รับ ปวดฟันเป็นประจำฝันผุบ่อย ปากเหม็นตัวเหม็น พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ มักจะโดนหลอกเป็นประจำ

ศิลข้อ 5  เคยกินเหล้าผสมกับน้ำอัดลม เคยดื่มเบียร์สด เคยดื่มไวน์ เคยดื่มข้าวแช่ ส่งเสริมให้คนอื่นกินเหล้าช่งให้บ้่างหรือซื้อเป็นของขวัญบ้าง

ผลกรรมที่ได้รับ ปวดหัว ขี้หลงขี้ลม เป็นโรคมืนงง น้ำในหูไม่เท่ากัน

อบายมุข  เคยไปเที่ยวกลางคืนไป RCA ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุง เล่นหวยซื้อรัฐเตอรี่ ดูละครบ่อยมากและติดงอมแงม

คบคนชั่วเป็นมิตรและค้าก็ชักชวนทำผิดศิล ดื่มน้ำเมา ขี้เกียจทำงาน

ผลกรรมที่ได้รับ ทำให้ชีวิตย่ำแย่ มีปัญหาทั้งการงาน การเงิน และครอบครัวไม่มีความสุข

 

ตั้งแต่ลูกได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์ได้สอนให้            รูจักปาบเวรกรรมรู้จักกฎของกรรม ให้รู้จักศิล 5 แบบเข้าใจและละเอียดลึกซึ้งถึงก้นบึ้งของหัวใจ รู้จักทำความดีแบบง่ายและทำทันทีไม่รีรอ รู้จักการทำทานทีมีอานิสงฆ์มากและเห็นผลทันที รู้จักคุณสมบัติผุ้ดี ละอัดตาตัวตนได้ รู้จักทำบุญทาน ศิล ภาวนาให้เป็น รู้จักเป็นผู้ให้ รู้จักละวางความโกรธแค้น อภัยทาน  ทำให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้นมากในเวลาอันรวดเร็วค่ะ ดีขึ้นทุกด้าน การเงินสภาพคล่องขึ้นแต่ก็ยังมีหนี้มากพยามชดใช้ไปเรื่อย ๆ ไม่พยามก่อเพิ่ม และการงานก็อยูในสภาพที่รับได้มีความสุข ครอบครัวก็มีความสุข สุขภาพก็ดีมากตั้งแต่มาทำบุญบ้านสวนรับพระบารมีพระศรีอารี์ไม่มีการเจ็บป่วยอีกเลยไม่มีอาการมึนงงอีกเลย

 

ลูกขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์ทุกพระองค์

กราบขอบพระคุณทานอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะ

ที่ได้เมตตาให้ทางสวางแก่ชีวิตลูกฉุดลูกขึ้นมาจากขุมนรก

ฉุดลูกให้พ้นทุกข์ค่ะ สาธุ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 00:19:39


ความคิดเห็นที่ 107 (1638387)

 ขอแนะนำตัวเองนะค่ะ 

ชื่อ นางฉันทนา  ชูนุ่น อายุ 51 ปี ตอนนี้เป็นแม่บ้าน เคยทำงานด้านบัญชี+การเงิน

ผู้ตรวจสอบบัญชีเกษตรและสหกรณ์ และสถานธนานุบาล

ได้เข้ามารู้จักบ้านสวนฯจากพี่สาว หลังจากที่ได้อ่านคู่มือหนีกรรมผิวพรรณแล้ว

ก็พบธรรมะและสาเหตุแห่งการเกิดกรรมจากทำความชั่วที่เป็นตันเหตุแห่งทุกข์

ตัวเองเชื่อในกฎแห่งกรรมจึงได้เข้ามาดูเวปและได้สัมผัสความรู้ใหม่ในบ้านสวนฯ

เริ่มจากค่าย 5 จนบัดนี้  ที่ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองมีความสุขดีมากขึ้น ทั้งทางโลก

และทางธรรม ได้ฝึกสมาธิในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร  ยกจิตได้ ทำให้ไม่เครียด

จิตไม่ตกง่าย หายฟุ้งซ่าน สุขภาพดีขึ้น  จากคำสอนของอ.อุบลที่ได้นำธรรมะ

ของพระพุทธเจ้ามาให้เราได้สัมผัส ทำได้ง่าย เข้าใจง่ายโดยเฉพาะเรื่องศีล

ที่เคยคิดทำแต่ก็ไม่สามารถทำได้ซักที่ ได้รู้ความละเอียดของศีลแต่ละขั้นเพื่อ

การพัฒนาจิตใจ  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อ.อุบลได้ปฎิบัติให้เห็นเป็นแบบอย่าง

จากคำสอนของพระพุทธองค์และจากอนุสาสนีปาฎิหาริย์ ไม่ว่าโรคที่ร้ายแรง

เช่นมะเร็งทรวงอกของครูแตนที่ได้ผ่าตัดไปข้างหนึ่งแล้ว ต้องรับคีโมตลอด

แต่ด้วยแรงศรัทธาและเชื่อมั่นได้ปฎิบัติตามคำแนะนำของอ.อุบลโดยการสร้าง

บุญขุดตอก็ทำให้อาการมะเร็งหยุดและหายไป หรือ ป้าแดงที่นอน ร.พแล้วใครๆ

ก็พูดว่าไม่รอดแน่ๆ เนื่องจากทำผิดกฎของบ้านสวนฯที่ได้ห้ามพาคนมาโดยพละ

การ แต่ต้องการแค่หายจากโลกภัยไข้เจ็บเท่านั่น ไม่ดูรายการ ไม่ศรัทธา  ผู้พา

มาก็ต้องรับโรคจากผู้ที่ได้พามา  แต่สำหรับตัวเองอยากทำบุญแรงกาย ทำบุญ

ไปเรื่อยๆ เป็นบุญที่บริสุทธิ์เจ้ากรรมฯเขาคงจะพอใจรับจากเราที่เราได้สำนึกใน

ความผิด  จึงได้เข้ามาร่วมบุญ สร้างไว้ให้มากๆก่อน

**********************************************

ขอสารภาพความชั่วของตัวเอง

ศีลข้อที่1    ได้ฆ่าสัตว์เล็ก สัตว์น้อย ยุ่ง แมลงสาป แมลงวัน แมงมุม

เยอะมาก ทั้งตี ทั้งบี้ ใช้ไปซ๊อตบ้าง ใช้ยาฉีดฆ่า เผาไฟ จับเห็บ หมัด

ถ้าไม่เผาไฟก็จับใส่ขวด แช่น้ำมันก๊าดไว้ ฆ่าปลาโดยไม่เจตนา ซื้อปลา

จะเอาไปปล่อย วางไว้ในรถที่จอดไว้อากาศร้อนจนปลาตาย เอาน้ำกรอก

รูจิ้งหรีดและใช้ยางไม้จับนำไปทอดเพราะเพื่อนบอกว่าอร่อย ตลอดจน กุ้ง

หอย ปู ปลาที่ได้สั่งทำเป็นอาหาร โดยเฉพาะหอยที่ยังเป็นๆอยุ่ และตอนยัง

เด็กอยู่ได้เคยสับก้นหอยขมเพื่อให้แม่ทำเป็นอาหาร ขับรถทับงู แมว และ นก

ที่ผ่านมาด้วยขับรถเร็ว ทำร้ายหมาโดยไม่ตั้งใจ นำกระดูกมาให้หมาแทะ ปรากว่า

หมากินเข้าไปติดอยู่ที่คอ และได้อาบน้ำหมา ใช้น้ำยาราดบนตัวหมาแต่ถูกสะบัด

หลุดหนีไปจนบ่ายกว่าจะได้นำมาอาบน้ำ ทำให้น้ำยากัดตัวหมา

ผลกรรม เป็นริดสีดวงทวาร ปวดบ่า ตึงคอ เป็นภูมิแพ้ ตาและผิวหนัง คัดจมูก

(บวมในจมูก) แพ้แสงแดด ทำให้คันตา มีขี้ตาทำให้ขยี้ตาบ่อยๆ เป็นต้อลมที่ตา

ทำให้สายตาเอียง พร่ามัวเวลาใช้สายตาเยอะ  คันตามเนื้อตัว เหมือนมีไร มีมด

มาไต่อยู่ตามตัว ผิวพรรณไม่สวย เป็นฝ้า กระ ที่หน้าและแขน ปวดประจำเดือน

เคยฉีดเชื้อเพื่อให้มีลูก 3 ครั้ง แต่ก็หลุดทั้ง 3 ครั้ง

โรคที่เป็นอยุ่นั้น ก็ยังเกิดจากการเป็นคนใจร้อน ขี้โกรธ ขี้งอน ฉุนเฉียวง่าย ขี้

หงุดหงิด อาฆาตแค้น รวมถึงการใช้สายตามองค้อน ใช้สายตาพูด จิก เวลาไม่

พอใจ  ดูหนังโป๊ รูปโป๊ หมกมุ่นในกาม จึงทำให้เกิดความเจ็บปวด หลังจากได้

อ่านคู่มือหนีกรรมก็รู้สาเหตุ เกิดสำนีกที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ครั้งแรก

ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยเฉพาะความโกรธ  พยายามเตือนใจตัวเองและจากค

สอนแนะนำจากอ.อุบลในหลาย ๆเหตุการณ์ ทำให้รู้สึกตัวเองได้ใจเย็นขึ้น ไม่

กระวนกระวายใจไม่ทุกข์ใจไปกับเหตุการณ์ที่พบเห็น ได้มาสร้างบุญ ออกแรง

ทำงานหนัก ทำงานให้เต็มที่  อาการเจ็บป่วยก็คลายไปโดยไม่รู้ตัว  แต่บางครั้ง

อาการก็ได้กลับมาอีกก็คงจะเกิดจากการรักษาศีลยังไม่ดีพอ จะมีอาการคัน เป็น

ผื่น เป็นๆ หายๆ เพราะขาดสมาธิจีงยังมีการเบียดเบียนอยู่ อย่างเช่น มด ปลวก

มากันเยอะๆทีไร ก็เผลอทุกที่ โดยไม่เจตนา เมื่อมีรหัส มีตัวช่วยในการสมาทาน

ศีล และขอบารมีจากจี้ของอาจารย์ก็สามารถช่วยให้หายทุกข์ได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 03:11:04


ความคิดเห็นที่ 108 (1638388)

 

ธรรมทานคำสารภาพบาป

      นางนพวรรณ์   ใจตรง  อายุ 41 ปี จบครุศาสตร์  อดีตทำงานอาชีพครูเอกชน ปัจจุบันอาชีพเกษตรกร จำความได้ว่าตั้งแต่เด็กจนอายุปูนนี้ ได้สร้างเรื่องวีรกรรมความชั่วๆไว้จนจำแทบไม่หมด

ผิดศีลข้อ1.เว้นจากการทำลายชีวิต

-     ใช้ยาฆ่าแมลง  ใช้ไม้ช็อตไฟฟ้า ไม้ตบแมลง ใช้ไฟเผา น้ำมันเครื่อง น้ำผงซักฟอก ฆ่า มด ปลวก ยุง แมลงสาบ แมลงวัน แมลงหวี่ เหลือบ ลิ้น ไร เห็บ หมัด แมงมุม ผึ้ง ต่อ แตน ปู หนู หอย

-     เดินไม่ระวังเหยียบหอยทาก ไส้เดือน หนอน กิ้งกือ สัตว์เล็กสัตว์น้อย คางคก กบ เขียด

-     กินกุ้งเต้น นึ่งปูเป็นๆ ทุบหัวปลา ตกปลา

-     ใช้เท้าเตะ ลูบหมาแมว เขี่ย หยิบของ เปิดปิดพัดลม

-     ปิดประตู หน้าต่างหนีบ ขังจิ้งจก

-     พาหมาไปทำหมัน

-     ตีนักเรียน

-     ขับรถชนแมวโดยไม่ตั้งใจ

-     ใช้หนังสติกยิงไล่หมาขณะหมาผสมพันธุ์

-     ตีงู ตะขาบ แมงป่อง

-     เล่นขว้างซัดทรายใส่ไก่ที่ขังในสุ่ม

-     ใช้มือตีขาพ่อ

-     ให้เท้ากั้นประตูไม่ให้ยายเข้าประตู

ผลกรรมที่ได้รับ  ปวดแขนขา หัว หลัง มีผดผื่นคัน เคืองตา แพ้แดด เป็นสิวด่างขาว หน้ามัน เป็นหวัดคัดจมูก จามน้ำมูกไหล

ผิดศีลข้อ 2. ลักทรัพย์

-     ขโมยตุ๊กตาน้องข้างบ้าน

-     หยิบดินสอ ปากกา ยางลบ ไม้บรรทัด ของเพื่อนกลับบ้าน

-     อยากได้หยิบถุงกระดาษร้านขายผ้า

-     แอบหยิบเงินพ่อแม่เอง

-     กดเงินATM ของพ่อโดยไม่ขอ

-     ซื้อตำราเรียนแต่ทำเฉยไม่จ่ายเงินให้อาจารย์

-     อาสาขายเสื้อยืดให้อาจารย์แต่ไม่ส่งเงินที่ขายได้ 100 บาท

-     เก็บเงินค่าหนังสือเรียนแต่ตัวเองผิดพลาดทำให้นักเรียนที่จ่ายเงินแล้วต้องจ่ายซ้ำ

-     ชอบของฟรี  

-     ทำงานไม่เต็มเวลา

-     ใช้ไฟฟ้า กระดาษ วัสดุอุปกรณ์สำนักงาน สิ้นเปลืองไม่ประหยัด

-     ปิดบังอำพลางความผิดที่ตัวเองทำไว้

ผลกรรมที่ได้รับ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีหนี้สิน มีอุปสรรคในการทำงาน ไม่มีผู้สนับสนุนการงาน

ผิดศีลข้อ 3.ผิดในกาม

              - ดูรูป ดูหนังโป๊

              - คิด ลงมือแย่งแฟนผู้อื่น

ผลกรรมที่ได้รับ  สายตายาว ปวดประจำเดือน ความคิดเห็นไม่ตรงกันกับสามี

ผิดศีลข้อ 4.พูดเท็จ

-     พูดโกหกให้ตัวเองรอดความผิด

-     พูดให้เพื่อนเสียทรัพย์

-     ด่าว่า ส่อเสียดให้เสียใจ

-     นินทาเพื่อน คนในครอบครัว

-     ร่วมวงปรามาสพระบรมวงศานุวงศ์ ถึงจะแค่ฟังแต่ไม่ห้ามปราม

ผลกรรมที่ได้รับ   ปากเหม็น ฟันผุ แผลในปาก

ผิดศีลข้อที่ 5.ดื่มน้ำเมา

-     ดื่มเหล้าเที่ยวผับกลับเช้า

-     ชวนคนกินเหล้า

-     ให้เงิน ไปซื้อเหล้า เบียร์

-     ให้เหล้า เบียร์เป็นของขวัญ

-     ไปซื้อหาเหล้าเบียร์มาให้

ผลของกรรมที่ได้รับ  ขาดปัญญา มึน โง่ พูดฟังอะไรไม่ค่อยจะเข้าใจง่ายๆ ไม่มีไหวพริบ เอ๋อบ่อยๆ ได้หน้าลืมหลัง

อบายมุข    - เล่นหวย ใบ้หวย  ดูหนังฟังเพลง ขี้เกียจตัวเป็นขน นอนตื่นสาย งานดินพอกหางหมู ไม่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ

ผลของกรรมที่ได้รับ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่เจริญในหน้าที่การงาน ไม่ผู้สนับสนุนในหน้าที่การงาน   

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลค่ะ ที่นำหนทางให้ลูกลงมือเร่งสร้างบุญธรรมทานค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นพวรรณ์ ใจตรง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 03:17:08


ความคิดเห็นที่ 109 (1638389)

                                                                      ธรรมทานชีวิตติดกรรม

      ดิฉันชื่อ นางจารุวรรณ จินดา อายุ 41 ปี   

       การศึกษา   ปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ การตลาด มหาวิทยาลัยรังสิต 

       อาชีพค้าขายอุปกรณ์รีดนมโค บริษัท แพลทตินั่ม เอ็นริช จำกัด

       จ.ปทุมธานี

       รู้จักบ้านสวนพีระมิดผ่านทางเว็ปไซด์ของวัดท่าซุง ผ่านเรื่อง รหัสจักรวาล อาจารย์อุบล ช่วยด้วย  เมื่อต้นปี 2555 นี้เองค่ะ

       ก่อนรู้จักบ้านสวนก็เข้าวัดทำบุญมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวและคนรู้จักพากันชวนตะเวนเที่ยวทำบุญตลอดไปเหนือ อีสาน กลาง  แม้แต่สอบ นั่งรถก็ต้องเอาหนังสือไปอ่านด้วย ไม่ไปก็ไม่ได้ (จะได้ไม่โดนว่า)  วัดท่าซุงเนี่ย ไปบ่อยมากที่สุดตั้งแต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยังอยู่ มีงานก็พากันไป ทุกอย่างเป็นความเคยชินหมด รู้แต่ว่าวัดนั้นวัดนี้พระปฎิบัติก็ถูกพาไปทำบุญ (ด้วยปัจจัยและสิ่งของ) ค่ำมืดแทนที่จะพักโรงแรมก็พักที่วัดนั่นแหละ พระเณรชี ต้องเป็นธุระจัดหาที่พัก อาหารการกิน เครื่องนอนให้ เคยท้วง ก็บอกว่าดีกว่าเอาเงินไปให้โรงแรม เอามาทำบุญกับวัดดีกว่า

      ชีวิตที่ถูกเดินทางตะเวนทำบุญกับพระปฎิบัติ มาตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้ได้ธรรมะ รักษาศีลได้เลย เพราะรู้แต่ว่าต้องทำบุญกับพระปฎิบัติถึงจะได้บุญ  บางทีก็ไม่อยากไปทำบุญเลย อยากเที่ยวบ้างตามประสาวัยรุ่น ชมธรรมชาติก็ยังดี แต่น้อยมาก อยากไปไหนก็ไม่ได้ไป กว่าจะขอไปได้ แทบแย่  วันหยุดก็พาไปแต่วัด คิดไหมว่าเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก ปฎิบัติธรรม 8 วัน 7 คืนก็ไปมา กลางคืนก็ถูกพาไปนั่งปฎิบัติธรรมแทบทุกคืน (นั่งบ้างหลับบ้าง ได้บ้าง)

     คนภายนอกรู้แต่ว่าเข้าวัดทำบุญ ออกจะดูเรียบร้อย...เรียบร้อย  ในสายตา 

     โถ! สร้างภาพ   

     ศีลห้าข้อ ไม่เคยถือ  ถือแต่ศีลหก...หก มันหมดทุกข้อ   

ผิดศีลข้อที่ 1  ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย ตบยุง ฆ่ามด ฆ่าปลวก โดยเฉพาะฉีดยาฆ่าปลวกให้ตายเป็นจำนวนมาก ใช้เท้ากระทืบให้ตายด้วยความสนุก  เคยขายยาฆ่าแมลงทั้งที่ๆแม่ห้าม เคยคิดฆ่าย่าด้วยความเข้าใจผิด แต่ไม่ได้คิดจะลงมือทำจริง แค่โกรธ โมโห แต่ก็รู้สึกผิดชั่วชีวิตติดอยู่ในใจ  เคยคิดทำร้ายตัวเองและฆ่าตัวตาย  ฆ่าตะขาบ  เมื่อเจองู ก็บอกคนให้มาช่วยจับ พอเขาจับและฆ่างูก็ทำนิ่งเฉย ไม่รู้สึกผิด ก็ไม่ได้ทำเอง...นี่        

ผลกรรมตามติด  ถ้าเป็นหวัด จะคัดจมูก ภูมิแพ้ ลุกลามเป็นไซนัส เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ บี เรื้อรัง ไม่หาย  เหนื่อย เพลีย อยากนอน ไม่อยากทำงาน

ผิดศีลข้อที่ 2  เคยขโมยเงินแม่  ใช้อุบายเอาธุรกิจมาทำเองเพื่อครอบครัวเพราะคิดว่าถูกโดนเอาเปรียบ เหนื่อยมากทำไม่คุ้มกับที่เสีย ติดต่อเองดีกว่า  เลว อกตัญญูชัดๆ  โดนแช่งด้วยแหละ  สมัยเรียน แอบเอาเงินที่แม่ให้มาใช้ช่วยเหลือแฟน  จ่ายเงินติดสินบนเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้า หลอกตัวเองว่าจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แต่ไม่ได้เต็มใจจ่ายเลย ชอบของฟรี  เคยฉวยโอกาสซื้อของเวลาที่แม่ค้าบอกราคาผิด  โกงภาษี  หยิบของที่ไม่ได้รับอนุญาต มีหนี้ไม่ใช้คืน

ผลกรรมตามติด  มีปัญหาการเงิน ขาดสภาพคล่อง เป็นหนี้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้  ได้เงินมา ก็เหมือนไม่ได้ใช้ ทั้งๆที่ทำงานเหนื่อยแทบตาย เก็บเงินไม่อยู่มีเหตุต้องใช้เงิน  ถูกลูกค้าเอาเปรียบขอเงิน ขอของเพื่ออุดหนุนช่วยเหลือเสมอ  ไม่ให้ก็ไม่ได้กลัวว่าเขาจะไม่ซื้อของและโดนแย่งลูกค้า

ผิดศีลข้อที่ 3  ชิงสุกก่อนห่าม  เคยคิดแอบนอกใจสามี  ทำหมันสุนัขและแมวหลายตัว  ดูรูปโป๊  หนังโป๊  คลิปวีดีโอหลุด

ผลกรรมตามติด  สายตาสั้น  สามีไม่เชื่อฟัง มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ทำให้มีปากเสียง

ผิดศีลข้อที่ 4   โกหกพ่อแม่เพื่อรักษาน้ำใจ ไม่อยากร่วมทำบุญก็ทำไปจะได้ไม่โดนว่า  โกหกสามี โกหกลูกค้า ของที่ไม่ดีก็บอกว่าดี  ไม่ยอมรับความจริงเวลาโดนต่อว่า  นินทาเพื่อน นินทาบ่นด่าเถียงสามี นินทาพ่อแม่  ว่าพ่อแม่  เถียงพ่อแม่ ขาดความเคารพต่อผู้มีคุณ นินทาครอบครัว พูดคำหยาบเป็นนิสัย  คึกคะนองปากบอกสถานที่ทำแท้งทั้งๆที่ไม่รู้จริง พูดจาไม่ดีใช้คำหยาบคาย มึง กู จนติดเป็นนิสัย

ผลกรรมตามติด ทำให้มีกลิ่นปาก พูดให้ใครฟังเขามักจะไม่เชื่อถือ ถูกนินทาลับหลัง

ผิดศีลข้อที่ 5   เคยดื่มเหล้าขาว ดื่มไวน์ กินข้าวหมาก  จ่ายเงินให้ลูกค้าไปซื้อเหล้ากิน  ให้เหล้าเป็นของขวัญ  ชวนเพื่อนดื่ม

ผลกรรมตามติด  เป็นคนขี้หลงขี้ลืม  ได้หน้าลืมหลัง  โง่ในเรื่องไม่น่าโง่ ความจำสั้น

       นอกจากนี้ ยังขี้เกียจทำงาน หมกงานเป็นดินพอกหางหมู โยนความผิดให้ผู้อื่น  เล่นหวยใต้ดิน ใบ้หวย ซื้อล็อตเตอร์รี่ เป็นคนขี้โกรธ โมโหง่าย ไม่ยอมรับความจริงชอบเถียง 

ผลกรรมตามติด  ไม่เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน การเงินขาดสภาพคล่อง เพราะขาดความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน การงานและชีวิต ทำให้คิดหาทางทำอะไรก็มืดบอดไปหมดทุกด้าน ขาดปัญญา โดนดูถูก โดนว่าสารพัดทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทำผิดเป็นถูกทำถูกเป็นผิด

       เคยเอารูปในหลวงที่มีเหงื่อหยดออก เพราะคิดว่าตัวเองติดรูปนี้ทำให้ทำงานทั้งหนักและเหนื่อยและเอารูปในหลวงที่กระดาษยับ ทิ้งขยะเพราะไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน   ทำให้ชีวิตเหนื่อยตลอด ทำอะไรก็ไม่ว่าง แทบไม่ได้หยุดพัก การงานคั่งค้าง

ผลกรรมจากการผิดศีลทุกข้อ ส่งผลให้ชีวิตติดขัด ไม่มีใครช่วยเหลือ เห็นแต่ประโยชน์ไม่เห็นหัว เพราะขาดความกตัญญูต่อผู้มีคุณมีแต่คนจ้องจะใช้ประโยชน์ ใช้งาน พี่น้องแตกแยกไม่พูดคุยกันทำให้พ่อแม่เสียใจ ทำให้โรคไวรัสตับเสบ บี เรื้อรังไม่หาย  ใบหน้ามีแต่สิว ฝ้า หน้าหมองคล้ำ  มีกลิ่นปากเหม็น  ขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีหนี้สิน  ชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินพอจะได้มาก็ถูกใช้ไป

       เมื่อมารู้จักบ้านสวน อาจารย์อุบล สอนว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับผลก็ดับ

เริ่มสำรวจความไม่ดีของตนเองที่ผิดศีลทุกข้อมาทั้งชีวิต  ไม่ได้คิดแก้ไข เข้าใจอย่างผิดๆ เข้าวัดทำบุญฟังธรรมมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาขัดเกลาหล่อหลอมตนเอง  เข้าขั้นบรมโง่แล้วยังอวดฉลาดอีก มองเห็นแต่ความเลวของคนอื่นแต่ลืมดูความเลวของตนเอง   ไม่เคยรู้วิธีสร้างบุญอย่างๆง่ายด้วยแรงกาย และธรรมทาน   อาย  อายที่จะประกาศความเลวและความชั่วของตนเองผ่านธรรมทาน หนังหนา หน้าด้าน จิตทราม จนสุดบรรยาย  เปลี่ยนมาทานมังสวิรัติ์ตลอดชีวิต ชีวิตแม้จะติดขัดมีปัญหาก็จะพบทางออก โดยใช้ปัญญา  มีความสุขมากขึ้น

      กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล และคุณท็อป ผู้เป็นเจ้าของบ้านสวนพีระมิดและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลที่สถิตย์อยู่ในบ้านสวนพีระมิดแห่งนี้ที่ทำให้ดิฉันได้ค้นพบชีวิตที่ติดกรรมนี้มานานและไม่สามารถหาทางออกได้ ได้พบทางสว่างของชีวิต

      ขออานิสงค์ของธรรมทานนี้จะมีเพียงใด ขอให้ผู้อ่านพึงได้รับอานิสงค์นั้นเช่นเดียวกันกับดิฉันค่ะ 

                                                                     จารุวรรณ จินดา

                                                                      089-8012387

   

 

    

      

     

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จารุวรรณ จินดา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 03:19:00


ความคิดเห็นที่ 110 (1638390)

 ศีลข้อ 2   หยิบเงินแม่และของพี่ชายโดยไม่บอกแต่ของพี่ชายได้

เขียนบอกไว้ว่าหยิบเงินไปโดยไม่ได้ขอก่อน ทำบัญชีเท็จ รู้เห็นการ

ปลอมลายเซ้น  โกงหลวง เอาของหลวงกลับบ้าน  ทำเอกสารเท็จ

เพื่อเบิกเงิน  ไปใช้น้ำ-ไฟของวัดแต่ไม่ได้ชำระหนี้สงฒ์ หนี้แผ่นดิน

เคยออกเงินกู้  หยิบของคนอื่นโดยไม่ได้บอกกล่าว

ผลกรรม   มีเหตุให้ใช้จ่ายเงินก้อนโต ถูกยืมแล้วไม่ใช้ ถูกโกง 

มีปัญหาเรื่องบ้าน

ศีลข้อ 3   แอบมีใจให้คนอื่นที่ไม่ใช่แฟน เจ้าชู้  ทำผิดต่อบุพการีที่

ปล่อยตัวเกินขอบเขต ดูหนังโป๊ รูปโป๊

ผลกรรม   มีปัญหาทางสายตา ตาเอียง พร่ามัว ลูกดื้อ

ศีลข้อ 4   นินทาปรามาสพระสงฆ์ และศาสนาอื่นว่าพุทธดีกว่า  

นินทาเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน  ชอบพูดเสียดสี กระทบกระ

เทียบให้คนอื่น พ่อแม่เสียใจ โกหก เถียงแม่่

ผลกรรม   พูดจาไม่น่าเชื่อถือ มีกลิ่นปาก

ศีลข้อ5   ดื่มสุรา เบียร์ เที่ยวกลางคืน คบเพื่อนไม่ดี ขี้เกียจ

ลางานบ่อย  ซ์้อหวย ล๊อตตารี่ 

ผลกรรม   ทำให้เป้นคนขี้หลงขี้ลืม ความจำไม่ดี ปวดหัว ปวดคอ

ปวดหลัง 

หลังจากที่ได้เข้ามบ้านสวน ได้สร้างบุญ ทั้งศีล ทาน ภาวนา

ได้รวมกิจกรรมออกแรง  ปัจจัยและสิ่งของ ได้รับความสุข

สอนให้การรักษาศีลทำได้ง่าย สามารถเลิกทานเนื่อสัตว์ได้

ฝึกการละอัตตา และได้รับความเมตตาจาก รหัส " อ.อุบลช่วยด้วย"

ได้รับบารมีพระศรีอาริย์ และบารมีจากจี้ 3 ร่มโพธ์ศรี เพื่อให้ทุกคน

พ้นทุกข์ มีความสุข รู้จักการเป็นผู้ให้ 

ลูกขอกราบสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทุกพระองค์ พระศรีอาริย์และสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งอนันตจักรวาล

และท่านอ.อุบลและครอบครัวที่ได้เมตตา เสียสละเพื่อช่วยทุกๆคน

ให้พ้นทุกข์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 03:49:28


ความคิดเห็นที่ 111 (1638402)

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากทุกๆท่านด้วยนะคะ

แค่ตามอ่านเรื่องราว

อันหลากหลายจากทุกๆท่าน

 

ชนิดาว่าให้ข้อคิดได้หมดเลยนะ

หรือแค่เล่าถึงความทุกข์

หรือสาระพัดปัญหาต่างๆ

ในชีวิตของตนให้คนอื่นได้รับรู้

ก็เป็น"ธรรมทาน"ที่ดีมากๆแล้วนะคะ

 

 

เพราะชนิดาจำความรู้สึกประมาณนี้ได้

ตอนที่เคยไปทำสมาธิที่วัด

ที่มีแม่ชีชื่อดังท่านหนึ่งอยู่

คือทั้งเสาร์และอาทิตย์

ก็จะมีผู้คนมาเล่าเรื่องราวชีวิตอันรันทด

เช่น ลูกติดยารังแกทำร้ายตบตี

ผู้เป็นแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

บางคนสามีมีหญิงอื่น พาเข้าบ้าน

มาทำร้ายจิตใจกันต่อหน้าต่อตา

 

หรือบางคนพ่อแม่ป่วยหนัก หนี้สินรุงรัง

โอ๊ย..มันมากมายจริงๆค่ะ

คือไม่เคยคิดว่าชีวิตคนๆนึง

จะเจอกับความทุกข์ได้มากมาย

ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

 

จำได้ว่านั่งฟังสองวันเต็ม

กลับบ้าน ตัวเบาเลย

พร้อมกับถามตัวเองดังๆเลยว่า

"แล้วแก มีทุกข์เรื่องอะไร๊ ชนิดาเอ๊ย"

เพราะ พอได้มานั่งคิดดีๆแล้ว

หาและจับตัวทุกข์ที่เป็นเรื่องเป็นราว

อย่างที่คนอื่นเค้าเป็นไม่ได้เล๊ย

 

แต่"จิต"มันไม่สุข เลย

คงเพราะมัวแต่อยากให้คนนี้เป็นอย่างนั้น

ตามที่ใจเราต้องการทุกอย่าง

ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้

 

แต่ ตอนนั้นก็ไม่ได้พิจารณา

อะไรลึกซึ้งหรอกนะคะ

แค่ประณามตัวเองไปบ้างว่า

จะกระแดะทุกข์อะไรนักหนา

แค่นั้นเอง... อิอิ

 

 

แต่ธรรมทานจากลูกบ้านสวนฯ เจ๋งสุดๆ

เพราะสาธยายทั้งความทุกข์

แถมยังบอกได้ถึงสาเหตุ

ของทุกข์เหล่านั้นด้วย

 

และที่สำคัญ หลายๆท่าน

ก็แนะนำหนทาง"พ้นทุกข์"ให้ด้วย

 

 

ขอบคุณทุกๆธรรมทานเลยค่ะ

อ่า่นแล้ว ก็ต้องไปรวบรวม

เรื่องราวของตัวเองใหม่อีกที

เดี๋ยวจะ"ตกขบวน"

เพราะพี่น้องแต่ละคน

ไม่มีใครยอม เดินรั้งท้าย..เลยซักคน

 

ถ้าเมื่อไหร่ที่ ธรรมทานเหล่านี้

ผ่านการอนุมัติจากท่านอาจารย์แล้ว

 

ชนิดาขออนุญาตไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ

จะขอก็อปเรื่องราวของทุกๆท่าน

ไปฟอร์เวิร์ดเมลให้เพื่อนได้อ่านและส่งต่อบ้าง

เผื่อคนอ่านคนไหน...ที่ทุกข์อยู่

จะได้รู้ว่า You"re not alone!!!!

และจะได้รู้ว่า ทุกปัญหา และ ความทุกข์

มีทางออกเสมอ...

 

แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็แจ้งด้วยนะคะ

เพราะมีชื่อและนามสกุลจริงของทุกท่านอยู่

(แต่ท่านอาจารย์ก็เน้นให้เปิดเผย..นะคะ)

 

 


ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 07:41:05


ความคิดเห็นที่ 112 (1638422)

วันนี้จะขอเล่าประสบการณ์การรักษาตัวเอง

*********************************

รู้สึกปวดกระดูกหลัง ตั้งแต่กินเจปีนี้มา

ก็คิดว่าเดี๋ยวคงหายเพราะตอนทำอาหารเจ

ต้องทำเองคนเดียว คงเป็นเพราะนั่งล้างจาน

แต่หลังจากออกเจมา อาการก็ยังไม่หาย

และรู้สึกว่าอาการจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ

ก็เรียกอ.อุบลช่วยด้วยขอบารมีพระศรีอาริย์

ก็ไม่หาย เลยคิดว่าเสาร์-อาทิตย์นี้ต้องไปนอน

รพ.เพราะเมื่อ 3 ปีที่แล้วไปนอนรพ.จึงหาย

แต่พอวันพุธ พี่เหลา(วิชภา)เข้ามาที่บริษัท

เพื่อขอให้เขียนธรรมทานลงเวปให้หน่อย

จึงขอให้พี่เหลาเอาจี้องค์เทพสฟิ้งซ์รวมกัน

3 องค์ รุ่นแรก 1 องค์ รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรี 2 องค์

จี้ไปตรงกระดูกที่ปวด เรียกอ.อุบลช่วยด้วยและ

ขอบารมีพระศรีอาริย์ที่อ.อุบลได้อัญเชิญมา

อาการดีขึ้นประมาณ50-60% พอกลับไปบ้าน

อาบน้ำเสร็จก็ให้สามีนำจี้วางตรงที่ปวด อาการ

ดีขึ้นประมาณ 90-95% พอวันพฤหัสมาทำงาน

ก็คิดว่าวันนี้พอมีเวลาว่างจะต้องเขียนธรรมทาน

ของพี่เหลาให้ได้เดี๋ยวจะหลายวันไป ตอนบ่าย

พอว่างก็รีบเขียน บังเอิญวันนี้(พฤที่1/11/55)

ผู้ใหญ่จากสนญ.มาดูเรื่องที่ดินที่จะสร้างสนง.

กำลังเขียนอยู่ก็นึกว่าขอให้ผู้ใหญ่อย่าเพิ่งมา

ตอนนี้เพราะยังเขียนไม่เสร็จ พอเขียนส่งเสร็จ

ผู้ใหญ่มาถึงก็ลุกจากเก้าอี้เสียงกระดูกหลังลั่น

ดังกร๊อก โอ้!!!!!อ.อุบลเจ้าขาหลังหาย 100%

เลยเจ้าค่ะ และอีกเรื่องคือคิดว่าตัวเองมีกลิ่น

ปากมากก็พยายามรักษาความสะอาดตลอด

แปลงฟันวันนึงไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง แต่ก็รู้สึกว่า

ช่วยได้เพียงเบาบาง ก็เลยลองนำจี้องค์สฟิงซ์

อมก่อนนอนและอธิษฐานขออ.อุบลช่วยด้วย

บารมีพระศรีอาริย์ ขอให้กลิ่นปากลดลง

หรือว่าหมดไปพอจะหลับก็เอาออกมาไว้หัวนอน

ตื่นเช้ามาแปรงฟันรู้สึกว่ากลิ่นปากลดลงมาก

พอขับรถมาทำงานก็เลยอมตลอดทาง

และท่องคาถาพระศรีอาริย์ตลอดจนถึงที่ทำงาน

ณ ขนะนี้ก็คิดว่ากลิ่นปากน่าจะน้อยลงไปมาก

ลูกขอกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆพระองค์แห่ง

บ้านสวนพีระมิด อ.อุบล-อ.มงคลและคุณท๊อป

และขอน้อมบุญของลูกที่มีทั้งหมดถวายแด่

เทวดาผู้รักษาตัวอ.อุบล-อ.มงคลและคุณท๊อป

พร้อมทั้งเทวดาผู้รักษาบ้านสวนพีระมิด

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 13:17:57


ความคิดเห็นที่ 113 (1638426)

คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

****************

เพราะคุณปิ่นคิดว่า

1.สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนไม่มีจริงพูดแค่เรา 2 คน

ไม่มีใครได้ยิน

2.หวังผลเมื่อล/คหลงตามจะได้ขายของได้

3.เป็นคนเห็นแก่ตัวไม่คิดว่าผู้ฟังจะเสียความรู้สึก

4.ไม่ได้ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง

*************

แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

 

..........................

ก็ต้องเป็นชีวิตคุณนนทพรที่มีความสุขมากกว่า

เพราะคุณนนทพรไม่ได้ยี่หระกับคำพูดคุณปิ่น

คุณปิ่นเท่านั้นที่จะต้องทุกข์ใจว่าเอ....

ทำไมเราพูดขนาดนี้แล้วคุณนนทพร จึงไม่

ตอบโต้.... อาการของคุณนนทพรก็จะทำให้

คุณปิ่นจะต้องอาย แต่รึไม่อายก็ไม่รู้เนาะ???

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 13:42:41


ความคิดเห็นที่ 114 (1638438)

ได้อ่านเรื่องของแต่ละท่านแล้ว  ก็รู้ได้ว่าเราไม่ได้ชั่วคนเดียวในโลก เรามีเพื่อนแล้ว เรารู้ว่าเราชั่ว และก็กลับจิตกลับใจแล้วว่าจะไม่กลับไปทำในสิ่งที่ทำมาแล้วอีก กุหลาบก็โคตรชั่วเหมือนกันค่ะ  แต่ตอนนี้ขอไปเรียบเรียงก่อนนะคะ  ไม่ได้เข้าเว็ปหลายวัน สัญญาณเน็ตขาดหลายวันแล้ว  วันนี้มาที่บ้านไร่เลยดูได้ เพราะใช้สัญญาณเน็ตของนาย  ขอก่อนใช้ค่ะ กลัวบาปแล้ว ไม่กล้าใช้โดยพละการ  เพราะท่านอ.อุบลนั่นแหละที่ทำให้กลัวบาป  ขอตัวไปเขียนเรื่องตัวเองก่อนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กุหลาบ รักสนิท ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 16:24:51


ความคิดเห็นที่ 115 (1638465)

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ลูกนางมยุรฉัตร สุดจิตต์

ขออนุญาติคัดลอกธรรมทาน ของตัวเอง

คำสอนท่่านอาจารย์ และคัดลอกของคนอื่น

เพื่อนำไปถ่ายเอกสารแจกค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 21:20:59


ความคิดเห็นที่ 116 (1638467)

กระผมนายผดุง สุดจิตต์ อายุ 50 ปี อาชีพ รับราชการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข  เทศบาลตำบลวังโพธิ์ จังหวัดกาญจนบุรี  

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลครับที่ได้เมตตาสอนให้ลูกหลานเร่งสร้างธรรมทานต้านภัยพิบัติครับ

สำหรับผมรู้จักอาจารย์อุบล และบ้านสวนพีระมิด จากการแนะนำของภรรยาผมครับเค้าแนะนำให้ผมใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

ทำให้ผมประทับใจและศรัทธาท่านอาจารย์อุบล

จากการติดตามรายการคุยไป แจกไป และได้มาเข้าค่ายครั้งแรกค่าย 10 เดือนตุลาคม 2554  ท่านอาจารย์ได้สอนให้ผมได้รู้จักศิล 5 มากขึ้นและเข้าใจมากขึ้น และทำให้ผมรู้โทษของการไม่รักษาศิล และสอนให้ผมรู้จักละอายกับการทำปาบ ปกติผมจะรักษาศิลไม่ครบและไม่รู้ละเอียดเหมือนท่านอาจารย์สอน  ท่านอาจารย์ได้สอนให้ผมรู้จักการอุทิศบุญโดยเฉพาะอุทิศบุญให้เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล เหมือนเราได้ฝากบุญที่มั่นคง   ท่านอาจารย์ได้สอนให้ผมรู้จักการทำบุญ ศิล ทานภาวนา และอาจารย์ได้สอนให้ผมรู้จักการทำทานที่มีอานิสงฆ์มาก และสอนให้ผมรู้จักการทำอภัยทาน และสอนให้ผมรู้จักโทษของความโกรธแค้น ปกติผมไม่ค่อยเข้าใจครับ  และที่สำคัญท่าน            อาจารย์อุบลได้สอนให้ผมมีสภาพจิตใจที่สงบขึ้น จิตใจเข้มแข็งขึ้น ปกติผมเป็นคนที่จิตใจไม่เข็มแข็ง ทำอะไรไม่มีสติ เราสามารถใช้รหสำหรับความชั่วของผมนะครับ 

สำหรับความชั่วของผมครับ

ตอนเป็นวัยรุ่น ผมเคยเหยียบเงินเหรียญ ผมเคยคิดปรามาสในหลวง ปรามาสรัชกาลที่ 8 และปรามาสพลเอกเปรม

ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาครับไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

กระผมขอกราบแทบพระบาทขอขมากรรมต่อในหลวง

รัชกาลที่ 8 และผลเอกเปรมครับ

ผลกรรมที่ผมได้รับครับ ผมไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีปัญหาด้านการเงิน

ศิลข้อ 1 ผมเคยนำลูกนกมาเล่น และทำให้แม่นกบินหนีจากลูกนกไป ตอนเล็ก ๆ กระผมซนมากเล่นดินระเบิด และระเบิดใส่ตัวเองทำให้ไม่สบายทำให้แม่ต้องลำบากคอยดูแลผม 3-6 เดือน แม่ไม่เคยได้นอน เคยฆ่าไก่จำนวนมาก เลี้ยงเป็ดและฆ่าเป็ดจำนวนมาก และเลี้ยงหมู ฆ่าปลาจำนวนมาก ฆ่าใส้เดือนเพื่อเป็นเหยือสำหรับตกเบ็ด เคยมีการเทาะเลาะวิวาทและตบตีกันกับผู้หญิง

ผมไล่ยิงจิ้งจก ทำร้ายจิ้งจกจนตาย ผมทำร้ายหมาแมว และชอบโยนแมวขึ้นและลงจนมันหอบและเหนื่อย และผมชอบยิงนก และไก่ป่าเพื่อความสนุก ยิงแย้ ล่าสัตว์ ชอบแกล้งครู กระผมชอบทะเลาะวิวาทกับเพื่อนและชกต่อยกัน กระผมฆ่างู ตีงูหลายตัว และเอางูไปเผาในเตาแก๊ส ตีงูเหลือมใหญ่ ยิงตะกวด เคยใช้ปืนยิงคนเกือบตาย ร่วมรับรูในฆ่าหมาจำนวนมาก (ร่วมงานกับศูนย์ควบคุมโรคสุนัขบ้า) และฉีดยาคุมทำหมั่นหมาแมว ตบยุงโดยใช้ไม้ช็อตยุง ฆ่าแมลงจำนวนมากมาย แตะหมา และตีลูกบ่อย ขับรถทับหมาตัวเองตาย ขับรถชนแมว ทำร้ายรับปลวก ใช้ยาฆ่าแมลง มด ยุง เผาป่า เคยพูดจาให้ภรรยาไม่สบายใจ และยืมเงินแม่บ่อยทำให้แม่ไม่สบายใจ ใช้ไฟเผารังแตน และรังต่อ เคยล่าสัตว์ป่าหลายตัว จับลูกแมวทำให้แม่มันไม่สนใจลูกและลูกแมวตาย ตัดต้นไม้ใหญ่เกิน 5,000 ต้น กวาดหยากใย่ทำร้ายรังแมลงมุม ภรรยาคนแรกเคยแท้งลูกและก็เลิกร้างกันไป คิดไม่ดีกับแม่ และแม่ยาย เคยดักหนูด้วยกาวยาง ยิงนกเหยี่ยวตาย เคยทำลายจอมปลวกจำนวนมาก

ศิลข้อ 2 ไปทำงานสาย นินทานาย กลับก่อนเวลา ยืมเงินแม่บ่อยและคืนช้า เคยขโมยเงินแม่ตอนที่เป็นเด็กเก็บปืนของคนข้างบ้านได้แล้วไม่คืน เพื่อนเคยวางแผนลักทรัพย์ (เป็นโจร) และเห็นดีเห็นงามด้วย เคยเบิกเงินเท็จ และเบิกเงินหลวงเกินความจริง หาทางลีกเหลี่ยงภาษี

ศิลข้อ 3 สมัยวัยรุ่นเคยเที่ยวผู้หญิงประมาณ 400-500 คน หลอกลวงผู้หญิง อยู่กับภรรยาก่อนแต่งงาน เคยดูหนังโป้ ดูรูปโป้ ตอนวัยรุ่นชอบแกล้งผู้หญิงให้เค้าอับอาย ลวนลามผู้หญิงหลายคน พูดจาหยาบคายพูดเรื่องลามก พูดสองแง่สองง่าม เคยลวนลามผู้หญิงด้วยสายตาและความคิด

ศิลข้อ 4 พูดจาไม่ดีกับแม่ พูดให้แม่เสียใจ นินทาหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน พูดโกหก ไม่รักษาคำพูด เคยบนกับเจ้าพ่อโคดมว่าจะบวช 3 เดือน พอสำเร็จตามปรารถนาแล้วก็ไม่บวชตามที่เคยบนไว้

ศิล 5 ผมเคยดื่มเหล้าตั้งแต่เช้าจนเย็นแบบหัวราน้ำ เล่นไพ่ทั้งวันทั้งคืน เคยสูบบุหรี่วันละซอง เที่ยวกลางคืน เล่นหวยใต้ดินและรัฐบาล บรรพบุรุษเคยต้มเหล้าขาย ตอนเป็นวัยรุ่น เคยทดลองเสบยาบ้า เคยสูบกัญชา เคยเคี้ยวใบกระท่อม เคยฉีดเฮโลอีน และฝิ่นให้คนอื่น(เค้าร้องขอแต่ไม่ได้ห้ามกลับให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้พวกติดยาโดยให้เข็มและอุปกรณ์ในการฉีด) ชอบเอาเหล้าเป็นของขวัญให้ผู้ใหญ่ที่นับถือเป็นประจำ

สำหรับผลกรรมที่ผมได้รับครับ

ด้านสุขภาพ เป็นโรคกระเพาะอาหาร ปวดขา เคยโดนรถสิบล้อเหยียบขา 2 ข้างหัก และเป็นโรคไซนัสอักเสบ ความรู้สึกช้าปลายประสาทมีปัญหา มีปัญหาเรื่องที่ดินของแม่และถูกลอบยิง หงุดหงิดบ่อย ฝันผุบ่อย

ด้านการงาน การงานไม่ก้าวหน้า ทำธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จ

ด้านการเงิน มีปัญหาด้านการเงินขาดสภาพคล่อง มีหนี้สินเยอะ

ด้านครอบครัว ลูกดื้อไม่ค่อยเชื่อฟัง

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบลครับที่ได้เมตตาให้ผมรู้จักบ้านสวน ทำให้ผม

รู้จักและสำนึกในปาบกรรมทำให้รู้ว่ากรรมเวรมีจริง ปาบกรรมมีจริง และไม่กลับไปทำความชั่วแบบนั้นอีก และทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมีความสุขขึ้นครับ

ผดุง สุดจิตต์

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 21:29:59


ความคิดเห็นที่ 117 (1638470)

กระผมเด็กชายพอเจตน์ สุดจิตต์ (บิ๊กซัน) อายุ 10 ขวบครับ เรียนโรงเรียนชัยจิตต์วิทยาครับ

ผมเคยคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบลคิดว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงได้กางร่ม

ผลกรรมที่ได้รับไม่สบายครับพอมากราบขอขมาท่านอาจารย์แล้วก็หายครับ

ผมเคยคิดปรามาสพี่ธนา สงสัยว่าทำไมพี่ธนาชอบเป็นพิธีกร (สงสัยโดยไม่ใช้ปัญญาครับท่านอาจารย์อุบลบอกครับ)

เคยคิดปรามาสป้าแมวว่าป้าแมวดุจังเลย ทั้งที่ตัวผมเองซนมากและจะขโมยขนมในโรงทานแต่ป้าแมวได้ห้ามไว้

เคยคิดไม่ดีกับพ่อแม่คิดว่าพ่อแม่ดุ ไม่รัก คิดว่าพ่อแม่เก็บมาเลี้ยงเพราะจะโดนดุทุกวันครับ

เคยคิดไม่ดีกับคุณยาย คุณยายดุ 

เคยคิดไม่ดีกับคุณย่าคิดว่าทำไมคุณย่าขี้เหนียวจังเลย

คิดไม่ดีกับน้องคิดไม่อยากมีน้อง

ผลกรรมครับ ผมจะปวดหัวบ่อยครับ

ผลกรรมที่ได้รับ กลับบ้านไปผมตัวร้อนและปวดหัวมากพอสารภาพปาบอาการดีขึ้้นครับ ผมคิดว่าถ้าป้าแมวไม่เตือนผมคงจะปวดมากว่านี้หรืออาจเป็นมากกว่านี้ครับ ผมขอขอบคุณป้าแมวครับผมเข้าใจแล้วทำไมป้าแมวถึงได้คอยดุผมครับ (เพราะป้าแมวไม่อยากให้ผมไม่สบายครับ)

ศิลข้อ 1 ครับ

ผมเคยแกล้งแมวเอาแมวใส่น้ำในถัง จนแมวสำลักน้ำ แกล้งแมว ตีหมา ตีน้อง  กระทืบเท้าใส่พ่อแม่ เคยตีเพื่อน คิดอยากให้เพื่อนตายคิดแช่งเพื่อนเนื่องจากเพื่อนชอบแกล้งผม เคยฆ่ามด ฆ่าปลวก ฆ่าแมงมุม และหลายชนิดครับ เคยชอบกินไข่นกทาครับ และแต่ก่อนผมเคยทานเนื่้อสัตว์ครับแต่พอท่านอาจารย์อุบลบอกว่า ให้สงสารเค้าผมก็ไม่อยากทานเนื้อสัตว์อีกเลยครับ

ศิลข้อ 2

เคยโขมยเงินของพ่อ ของแม่ ของยาย ของย่า หยิบของคนอื่นโดยไม่ได้ขอนุญาตเช่นกล้องของพ่อ โทรศัพท์ ดินสอ ปากกา เคยดิดอยากกินของคนอื่นแบบของฟรีครับ หรือของที่คนเค้าเอามาแจกครับ ไม่ช่วยพ่อแม่ประหยัดครับ ใช้ของแล้วไม่ค่อยเก็บไม่ทะนุถนอมของใช้ ครับ เคยเล่นอิฐบ้านสวนแตก เคยเอาร้องเท้าไปล้างในห้องน้ำบ้านสวนทำให้ห้องน้าสกปรกครับ เคยเด็ดข้าวโพดในไร่คุณป้าครับ

ศิลข้อ 3 ผมคิดว่าผมไม่เคยผิดศิลข้อ 3 แต่ไม่แน่ใจว่าผมเคยเห็นอวัยยะของน้อง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรครับ มันบังเอิญเห็น แต่ก็ไม่ได้อยากดูครับ ไม่แน่ใจว่าผมจะผิดไหมครับ

ศิลข้อ 4  ผมพูดโกหกพ่อแม่บ่อยเพราะกลัวพ่อแม่ดุ หรือทำโทษครับ พูดไม่ดีเถียงพ่อแม่ เถียงคุณยาย  พูดไม่ดีกับน้อง พูดไม่ดีกับคุณยาย พูดไม่ดีกับเพื่อน

ศิลข้อ 5 ครับ ผมไม่เคยทำผิดศิลข้อนี้ครับ

อบายมุข ชอบเล่นเกมครับ และชอบดูการ์ตูนครับ เวลาแม่บอกให้ช่วยงานจะขี้เกียจครับ

ผลกรรมที่ผมได้รับครับ  ผมเป็นโรคภูมิแพ้ และไซนัสครับ แพ้อาหารทะเล แพ้อากาศ  ผมจะปวดหัวบ่อย ปวดท้องบ่อย หอบหายใจเร็ว            และจะโกรธง่ายและไม่สบายใจมากเลยครับเวลาที่โดนพ่อแม่ดุ

ผมขอสัญญาครับผมจะไม่กลับไปทำแบบนั้นอีก

ผมรักอาจารย์อุบลครับ ผมรักบ้านสวนครับ เวลาที่ผมมาบ้านสวนผมมีความสุขมากเลยครับไม่อยากจะกลับบ้านเลยครับ

เวลาผมไม่สบายผมขอรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยก็จะหายครับ และเวลาผมสอบผมใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยทำให้ผมสอบได้คะแนนดี

และและทำให้ผมสอบอัจรยภาพทางคณิตย์ศาสตร์ และวิทยาศาสต์ผ่านและได้รับใบประกาศผมดีใจมากเลยครับทั้งที่ผมทำไม่ค่อยได้ แต่ผมคิดว่าการสอบครั้งนี้เป็นเพราะอาจารย์อุบลช่วยด้วยครับ

ผมขอกราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบล พระศรีอารีย์ครับ ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล และพี่ท็อปครับ ป้าแมว พี่ธนาครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 22:00:51


ความคิดเห็นที่ 118 (1638471)

 แล้วพวกเราคิดว่า

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

 

333333333333333333333333333333333333333333333333

 

 

คุณนนทุพรค่ะ ที่มีความสุขที่สุด

คือได้มาสร้างบุญที่บ้านสวน

ฐานะการงาน การเงิน ก็ดีขึ้นทุกด้าน

ยิ่งเรื่องกรรมผิวพรรณ พี่นนทพร

ได้ทำ workshop หน้าตาแกก็สดใสขึ้นมาก

เรียกว่ามีความสุขทุกด้าน 

ถ้าเทียบกับคุณปิ่น

ที่ชีวิตทุกด้านเรียกว่าเจ๊ง

ทั้งการคิดทำธุรกิจในบ้านสวน

ความอิจฉาริษยาของตัวแกเอง

การคิดไม่ดี ขาดเมตตา ไม่ว่าเรื่องใดๆ

รวมแล้วทำให้ชีวิตของแก

เทียบอะไรไม่ได้เลยกับคุณนนทพรค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 22:44:42


ความคิดเห็นที่ 119 (1638472)

 

 
 
กฏแห่งกรรมของตุ้ย น.ส.ศิริพร โฉมจันทร์
 
ตุ้ยเองเป็นคนที่มีปัญหาด้านการเงินเริ่มมาจากช่วงที่ชีวิตคู่ก็มีปัญหา ต้องเลิกรากับแฟน ธุรกิจที่ทำจึงต้องหยุดลง เพราะเราเองมีปัญหากับนายของแฟนด้วย จึงทำให้ฐานะการเงินชักหน้าไม่ถึงหลังที่เคยใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อได้ก็ต้องฝืดเคืองหนี้สินที่เคยมีทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อ ฯลฯ ตามทวง ไม่เว้นวัน เวลามีเบอร์แปลกโทรมา จะหลอนมาก พาลไม่รับสายเอาซะเลย ชีวิตตอนนั้นเรียกว่า ทุกข์มากๆ เหมือนตายทั้งเป็น ไม่มีศักยภาพที่จะดูแลลูก ดูแลแม่ ดูแลพ่อ ซึ่งในชีวิตก็มีกันเท่านี้ แต่ยังไม่มีปัญญาหันหน้าไปหาใครก็ไม่มี สามีก็แย่ เรียกว่ามืดแปดด้าน จากการเป็นเจ้าของธุรกิจ ชีวิตพลิกผันต้องมาเป็นลูกจ้างเขา

 

เคยเป็นหนี้บัตร สินเชื่อ ก็หนี ก็โกง ลองขายเครื่องสำอางเอาของเขามาขายก่อน แล้วก็ไม่จ่าย คิดว่าเขาไม่มีทางรู้หรอก ทั้งที่เงินก็ไม่กี่บาท ทั้งโทรศัพท์รายเดือนเกือบทุกค่าย สมัยยังรุ่งโรจน์แฟนเอาไปเปิดจดทะเบียน ซึ่งเราก็ไม่เคยรู้เรื่อง 

 

พอเขาเรียกเก็บ มันมากมายหลายเจ้า เราก็หนี ก็โกง ไม่จ่ายเขา


 
 
 

เหตุการณ์ต่อไป คือเมื่อไม่มีธุรกิจของตัวเองแล้ว

 

ก็มาเป็นลูกจ้างเขาโดยได้เข้าทำงานเป็นแคชเชียร์ ของบริษัทหนึ่งเงินผ่านมือตลอด เมื่อชีวิตมันตีบตัน จึงยักยอกเงินจากเครื่องโดยเวลาลูกค้าจ่ายเราจะไม่เอาเงินเข้าเครื่องแต่เราจะกันไว้ก็คือทุจริตนั่นเอง เงินเกินก็เก็บไม่ให้บริษัทเรียกว่าหาช่องทุกเม็ด ในตอนนั้นคิดว่า ถ้าเรามีเราจะหามาใส่คืน แต่ก็ไม่มีปัญญา

รวมๆ แล้วเป็นเงิน ประมาณ 5000 บาทค่ะ

 

และอีกเหตุการณ์ก็คือ เคยขโมยเงินเพื่อน 1000 บาทโดยเอาบัตรเขาไปกด atm เพราะเรารู้รหัสเขาเราเคยยืนดู และจำไว้ ตอนนั้นที่ทำไปก็จนตรอกอีกเช่นเดิมกับเพื่อนคนนี้เขาดีกับเราทุกอย่าง แต่เราก็ทำเขาแบบเลือดเย็น หน้าตาย ทำไม่รู้ไม่เห็น

 

ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเงินเพื่อนที่หายไปคือเราเอาไปเอง


 

อีกเหตุการณ์ก็คือ ช่วงวัยรุ่น ได้ช่วยแม่ขายผลไม้ที่ร้านขายดี ตุ้ยก็จิ๊กวันละ 1000 แม่ก็ไม่รู้เพราะขายดีมาก แล้วเราก็คืดว่า

 

เราช่วยแม่เหนื่อยเหงื่อเป็นน้ำ ปิดเทอมก็ไม่เคยไปเที่ยวไหนเหมือนเด็กคนอื่น ดังนั้นเราจิ๊กบ้างไม่เป็นไรหรอก จิ๊กไปก็เอาไปกินไปเที่ยว ไปใช้จ่ายเพื่อความสวยความงาม เพื่อนฝูง ผู้ชาย

เพราะช่วงนั้นกำลังเป็นวัยรุ่นสะพรั่ง

 

แล้วก็ยังมีขโมยเงินน้า ซึ่งเขาก็มีบุญคุณคอยเลี้ยงดูลูกให้เรา แต่เราก็ขโมยเงินแกทุกครั้งที่ขโมยจะต้องสุดๆ แล้ว และคิดว่า

 

เราจำเป็นจริงๆ ที่ต้องขโมย ขโมยแล้วก็โยนความผิดให้ลูกชาย

ซึ่งตอนนั้นเขายังเล็ก เราก็อ้างว่าลูกคงเอาแบ๊งไปซ่อนที่ไหนแน่ๆเพราะเขาเคยเอาเงินไปเล่นบ่อย

แล้วก็เคยผิดหนี้สงฆ์ คืออยากได้ของวัดไปช่วยงานวัด ก็ไปใช้น้ำใช้ไฟ ดูทีวี เล่นคอมเอาสบู่ ยาสีฟัน โอวัลติน แป้ง ฯลฯ มาใช้ส่วนตัวช่วยงานสอยดาวทุกปี ก็ต้องมีข้าวของติดไม้ติดมือกลับบ้านและเห็นดีเห็นงามที่แม่ยืมเงินพระ ยินดีกับเรื่องยืมเงินพระมาก และเคยเอาเงินทำบุญมาใช้ก่อน โดยคิดว่าถ้ามีจะเอาไปใช้คืน และคิดว่าไม่ผิดอะไร แล้วก็เคยเอาของที่ทำงานกลับบ้าน ถ่ายเอกสาร ปริ๊นงานส่วนตัว 

การกระทำที่ผิดศีลทั้งหมดที่เล่ามาเป็นเพียงเคสใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะความจริงยังมีเรื่องชั่วๆ กับศีลข้อนี้อีกเยอะค่ะ

 
 

คราวนี้มาดูผลกรรมที่เกิดขึ้นนะคะก็คือหลังจากทำกรรมมายาวนาน ชีวิตก็เลยชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินเดือนไม่พอใช้ อยากใช้จ่ายอะไรที่จำเป็นก็ยังไม่มีปัญญา  เรืองดูแล แม่ และลูกนั้นไม่ต้องคิดเลยค่ะแม่อยากกินอะไร ลูกอยากได้อะไร ต้องพึ่งน้าตลอดไม่มีศักยภาพที่จะทำอะไรเลย เวลาเกิดศรัทธาอยากทำบุญก็ยังไม่มีเงินจะทำบุญกับเขาเลย ก็ใช้การอนุโมทนาบุญเอาค่ะ  น่าเศร้าใจมากๆ ต้องยืมเงินทุกเดือน เรียกว่ายิ่งยืมก็ยิ่งไม่มี ไม่รุ้ว่าอยู่มาได้อย่างไร ชีวิตติดลบ ทุกข์ทรมาน

 

นอนร้องไห้เรื่องเงินบ่อยมาก ถ้าตัวเราไม่มีกินไม่มีใช้ ก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับเวลาผู้มีพระคุณเอ่ยปากขอ แล้วไม่มีให้เขา นับว่าชีวิตตุ้ยตอนนั้น ทุกข์มาก ทุกข์จนเกินบรรยาย จึงได้มารู้จักบ้านสวนนี่แหล่ะค่ะ จึงเริ่มรู้เหตุ และวิธีแก้ ท่าน อ.อุบลบอกวิธีให้

แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำทันที ไม่ได้ทำอย่างจริงจัง เรียกว่าทำแบบขอไปที ศีลก็ยังรักษาบ้าง ผิดบ้าง  การพนันก็ยังเล่น ทำให้ชีวิตตุ้ยยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกเรื่องเงินอยู่ นั่นก็เพราะตัวเราไม่แก้ที่ตัวเราเองก่อน หวังรอแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วย พอเห็นตัวเองยังไม่ดีขึ้น ก็พาลน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตัวเอง แต่ถ้าเราคิดให้ดี สิ่งที่ อ.อุบลบอกเรา ถ้าเราลองทำจริงจัง เรียกว่าใช้เวลาไม่นานเกินรอเลยค่ะ ไม่อยากอยากให้ใครๆ ทำสิ่งผิดอย่างตุ้ยเพราะผลที่ได้รับมันไม่คุ้มเลย มันตายทั้งเป็น ขอธรรมนี้ให้ทุกท่านเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม อย่าสร้างเหตุให้เกิดทุกข์เลยนะคะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 23:37:33


ความคิดเห็นที่ 120 (1638477)

 ว่าแล้วก็มาเหลาเรื่องของตัวเองบ้างค่ะ

ก่อนหน้านี้ตัวหญิงเองก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปค่ะ ชอบเที่ยว ชอบสนุก

ชอบอยู่กับเพื่อนๆ แต่ก็เที่ยว ก็สนุกได้ไม่นาน เพราะต้องมาอยู่กับแม่ที่สวีเดน

ช่วงที่มาแรกๆพูดภาษาสวีดิชก็ไม่เก่ง เพื่อนก็ไม่มี อยู่แต่บ้าน

เพราะไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จักใคร ความรู้สึกตอนนั้นบอกตรงๆค่ะ

ว่าเหมือนคน ติดคุกทั้งเป็น น่าเบื่อมากๆ วันๆไม่ได้ไปไหน

เริ่มมีความรู้สึกอยากมีเพื่อน อยากไปเที่ยวเหมือนตอนอยู่ไทย

แต่ก็ได้แค่คิด หลังจากนั้นก็เข้า ร.ร. แต่เข้าได้ไม่นานด้วยความที่เป็นคนเกเร

ก็ไม่ยอมไปร.ร.ค่ะ เพราะเบื่อมาก ไม่สนิทกับเพื่อนๆ

จริงๆก็เป็นเพราะตัวเองด้วย ที่ไม่ค่อยเข้าหาใคร อยู่แค่ไหนก็แค่นั้น 

จากนั้นพอไม่ไป ร.ร. แล้วก็กินๆนอนๆอยู่แต่บ้าน ทำให้แม่ต้องทุกข์ใจ

และรู้สึกไม่ดีเหมือนกันค่ะที่ต้องมาทำตัวให้เป็นภาระแม่กับพ่อเลี้ยง

ปัญหาตามมาก็คือ ไม่มีเงินใช้ค่ะ เลยเริ่มคิดอยากทำงาน แต่ก็คงได้แค่คิด

เพราะแค่เรียนยังเรียนไม่จบเลย งานที่ไหนเค้าจะรับ

ก็เลยคิดแต่ว่างั้นขอลองไปฝึกดูก่อนละกัน เผื่อมีโอกาสได้งาน ช่วงนั้นก็ไป

ตระเวนฝึกมาแทบทุกที่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานดูแลคนชรา

แคชเชียร์, เป็นคนดูแลเด็กๆอายุประมาณ1-3 ขวบ, และอีกมากมายหลายอย่าง

แต่ก็ไม่มีหวังว่าจะได้งานเลย หลังจากนั้นก็หยุดฝึกงานไปพักนึงก็อยู่แต่บ้าน

เหงามากค่ะ แต่เริ่มชินกับความเหงาแล้ว และเริ่มชอบที่จะอยู่คนเดียว

เริ่มเปลี่ยนความคิด และคิดว่าเราไม่ต้องมีเพื่อนเราก็อยู่ได้

เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นเป็นไร และเริ่มคิดได้ว่าเวลาอยู่กับเพื่อนก็ไม่เห็นมี

ใครจริงใจสักคนรวมทั้งตัวเราเองด้วย ลับหลังก็มีแต่นินทา ไปไหนก็ต้องรอ

เพื่อน เพราะปกติจะไม่ชอบรอใครนานๆ อยากไปไหนก็ไป

ช่วงที่อยู่บ้านก็เล่นเนตทั้งวัน จนมาเจอเวปบ้านสวนนี่แหละค่ะ เจอจากเวป

พลังจิตก็เลยตามมา และเริ่มดูรายการคุยไปแจกไป

ดูไปดูมาก็ชอบ และเริ่มเข้าใจสัจธรรมของชีวิตมากขึ้น

ว่ามันต้องมีทุกข์ มีสุข เบื่อ เหงา เศร้า เซง เริ่มปฎิบัติตาม

คำสั่งสอนของอ.แม่ เริ่มรู้สึกว่าเราเจอสิ่งที่คิดว่าใช่จริงๆแล้ว(ธรรมะจากอ.)

และช่วงนั้นมันเหมือนมีความสุขค่ะ จิตใจเบิกบาน

แล้วช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ฝึกงานที่ใหม่พอดีแต่ในใจก็คิดอยู่แล้วว่า

เราคงไม่มีหวังแน่ๆ เพราะที่นี่เค้ารับพนักงานค่อนข้างยาก

ถ้าไม่ใช้เส้นหรือเก่งจริงก็อย่าหวังเลย บวกกับอีกอย่าง

เราก็เป็นคนต่างชาติด้วย คงหมดสิทธิ์แน่ๆ แต่ก็ฝึกเพื่อฆ่าเวลาไปงั้นๆ

เพราะไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ แต่ตอนนั้นก็ได้ใช้ รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย  

ในเรื่องงาน เพราะอยากทำงานที่นี่มากๆ เพราะคิดว่าอยู่ใกล้บ้าน

และงานค่อนข้างสบาย(สำหรับเรา) และปาฎิหาริย์รหัส อ.อุบล ช่วยด้วยก็มีจริง

เพราะหลังจากฝึกงานเสร็จเค้าก็ให้ทำงานต่อ แต่ยังไม่บรรจุ

แค่นี้ก็แทบกรี๊ดบ้านแตกแล้วค่ะ

จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้กับคนในบ้านอีกต่อไป ทุกคนทั้งพี่ป้าน้าอา

ก็ยินดีและดีใจมากๆค่ะ ที่เราได้ทำงานที่นี่ 

และเงินเดือนก็ค่อนข้างเยอะ(สำหรับหญิง) เพราะเรียนก็ไม่จบ

แค่ได้งานก็ถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีสุดๆแล้ว แถมเงินเดือนเค้าสตาร์ทให้ตามปกติ

ไม่ได้กดเงิน และเค้าไม่ซักถามประวัติอะไรสักอย่างว่าเรียนจบไหนมา มีวุฒิไหม

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้(ก่อนใช้รหัสสวรรค์)เคยถามสมัครงานเค้ายังบอกไม่มีตำแหน่ง

ว่างเลย แล้วก็ได้ทำมาตลอด ขนาดลากลับไทยเมื่อปีที่แล้ว 2 เดือน เค้ายังรอ

ให้เรากลับไปทำงานเลย พอกลับมาเค้าก็บรรจุให้ค่ะ

ดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ เพราะประเทศนี้หางานยากจริงๆค่ะ

ถ้าไม่ได้ทำธุระกิจส่วนตัว

ต้องกราบขอบพระคุณอ.แม่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์จริงๆค่ะ

ที่ทำให้หนูมีชีวิตที่ดีขึ้น 

เมื่อชีวิตดีทุกอย่างก็ไปได้สวยค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่

มีงานทำตั้งแต่ยังเด็ก อิอิ อยากได้อะไรเราก็ได้

ไม่เหมือนเมื่อก่อนอยากได้อะไรแต่ละอย่าง เก็บเงินตั้งนาน

แบบเหงื่อไม่ไหลไม่ได้เงินอะไรประมาณนี้อะค่ะ

เรื่องนี้เป็น 1 ในหลายๆเรื่องที่หนูได้รับความเมตตาจากอ.แม่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทุกพระองค์ ที่หนูไม่เคยลืมเลยค่ะ

หนูกราบขอบพระคุณจริงๆค่ะ ทุกอย่างในชีวิตหนูตอนนี้ก็ค่อนข้างสมหวังและดี

ขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่รู้จักบ้านสวน

วันนี้เป็นอีก 1 วันที่หนูมีความสุขมากๆเลยค่ะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 05:05:02


ความคิดเห็นที่ 121 (1638478)

    คุณนนทพรนี่นะ

 

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

************************************************

คิดว่าพี่ปิ่นคงอิจฉาพี่นนทพรค่ะ กลัวว่าจะเด่น จะดังกว่าตัวเอง

จึงคิดที่จะกำจัดพี่นนทพรให้ออกไปจากบ้านสวนด้วยคำพูดแบบนี้

และแสดงให้เห็นว่าจิตใจของพี่ปิ่นไม่มีความรัก ความเมตตาเลย

เพราะพี่นนทพรยังไม่ได้ไปทำอะไรให้เลย

แต่กลับกล้าที่จะพูดได้ขนาดนี้

และคิดว่าคงไม่ได้พูดเพื่อเป็นกระจกส่องเงาแน่ๆค่ะ

เพราะเรื่องหน้าตาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

ไม่จำเป็นต้องมาพูดก็ได้ค่ะ 

ถ้าอยากจะพูดเป็นกระจกส่องเงาจริงๆควรพูดเรื่องที่คนเรา

สามารถแก้ไขได้ดีกว่าค่ะ อย่างเช่นเรื่องความดี ความชั่วเป็นต้น

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 06:19:04


ความคิดเห็นที่ 122 (1638533)

คุณนนทพรนี่นะ

 

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

............

 

คิดได้ 3 ประเด็น ดังนี้

1. คุณปิ่นมีเจตนาต้องการขายพาเมล่าให้คุณนนทพร ทั้งที่คุณนนทพรมาทำบุญบ้านสวน ถ้าคุณนนทพรสนใจจะใช้พาเมล่า ซื้อที่บ้านสวนได้โดยตรงไม่ดีกว่าหรือ เพราะส่วนใหญ่คนที่มาทำบุญบ้านสวน เขาก็ซื้อของจากบ้านสวนกันอยู่แล้ว

2. คุณปิ่นมองคนที่รูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองลึกไปถึงจิตใจของบุคคลนั้นๆ  ซึ่งคนทั่วๆไปชอบคิดกันแบบนี้ 

3. คุณปิ่นอิจฉาคุณนนทพร ที่เหนือกว่าตนทุกด้าน ทั้งฐานะการงาน การเงิน ครอบครัว เลยพยายามมองหาจุดด้อยคุณนนทพร ซึ่งคุณปิ่นคิดว่าเรื่องรูปร่างหน้าตานี่แหละเป็นสิ่งเดียวที่จะข่มคุณนันทพรได้

..................................

 

เพราะสังคมประเมินค่าที่จนรวย

คนจึงเลือกเปลือกสวยไว้สวมใส่

หากสังคมประเมินค่าที่ภายใน

คนจะเลือกแต่จิตใจที่ใฝ่ดี

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 15:39:40


ความคิดเห็นที่ 123 (1638538)

 ขอเล่าธรรมทานที่ได้ไปสร้างบุญบ้านสวน 9 + 2 วันค่ะ

ได้สร้างบุญและได้พบเห็นเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นหลายอย่างเลยค่ะ

เหตุการณ์แรกก็คือ

    ในคืนวันอาทิตย์มิ้มได้ไปจัดเก็บสิ่งของและรื้อพรมที่อับชื้นทั้งหมดที่วิหารไม้ไผ่โดยเริ่มทำตั้งแต่ตอนเย็นๆ และในช่วงเวลากลางคืนพี่หมี (พี่ผู้ชายมาจากยะลา) ก็ได้มาช่วยรื้อพรมค่ะ ซึ่งพื้นที่วางพรมก็ทรุดไปหลายบริเวณ เหตุการณ์ตื่นเต้นที่สุดก็คือ พี่หมีเดินไปดึงพรมบริเวณกลางวิหารไม้ไผ่ แต่ด้วยพรมมันชื้นและหนักมากก็เลยดึงแล้ววิ่ง มิ้มก็หันไปดูแล้วก็อึ้งที่สุดค่ะ

     เพราะใต้พรมเป็นงูสีทองอร่ามตัวใหญ่เท่าต้นแขนมิ้มหรือใหญ่กว่าไม่แน่ใจ ยาวประมาณ 2 เมตรถึง 2 เมตรครึ่ง ชูคอสง่างามหันมามองมิ้มด้วยความเมตตาที่บริเวณศรีษะของท่านเป็นลายขวางสีเหมือนว่าเป็นลายขาวดำ สง่ามาก ท่านมองมิ้มแล้วก็ค่อยเลื้อยลงพื้นล่าง มิ้มตกใจ ตื่นเต้น บอกพี่หมีว่างู พี่หมีก็หันไปดูตอนที่ท่านกำลังเลื้อย อึ้งไปทั้งคู่ เพราะดูอย่างไรก็ไม่ใช่งูค่ะ  แต่น่าจะเป็นพญานาคตระกูลสีทองมากกว่า

     จริงๆแล้วมิ้มเห็นท่านมาตั้งแต่เช้าตอนที่รื้อเอกสารธรรมที่โดนปลวกกินแต่ตอนนั้นเห็นแต่หาง แต่กลางคืนน่าจะ สีทุ่มกว่าๆ คือ เห็นทั้งตัวเลยค่ะ

     มิ้มคิดว่าท่านคงจะอยู่ที่นี่นานแล้ว เพราะเวลาคุณบิ๊กตามมิ้มมาจัดเอกสารก็จะดมกลิ่น แล้วเห่า ส่วนเลดี้แมวแม่ลูกอ่อนก็เคยคาบลูกมานอนใต้บันไดวิหารไม้ไผ่แต่งูก็ไม่กินลูกแมวนะคะ  แต่เลดี้คงได้กลิ่นก็เลยคาบลูกหนีไปอยู่บริเวณอื่น

     ที่มิ้มคิดว่าไม่ใช่งูก็เพราะว่า สีของท่านทองอร่ามทั้งตัวที่หัวก็มีลายขวางเหมือนลายพญานาค งูตัวใหญ่ขนาดนั้นจะอยู่ใต้พรมได้อย่างไรมิ้มกับพี่หมีเดินเหยียบพรมไปมาก็ไม่เหยียบท่าน

       ท่านกินอะไร ไม่มีอะไรให้กิน นอกจากอิ่มทิพย์

มิ้มคิดว่าท่านคงมาร่วมโมทนาบุญ หรือ ไม่ก็อาจะมาเตือนว่าน้ำกำลังจะมามหาศาล

 

เหตุการณ์ที่สอง ก็คือ

     ในคืนวันพุธ ท่านอาจารย์ชวนลุงเบิ้ม น้องบูม น้องเบส พี่บุญตา มิ้ม ปิ้งบาบีคิวมัน ที่ลานบริเวณก่อสร้าง  คืนนี้พระจันทร์สวยมากๆๆๆๆ สว่างจ้าเหมือนหลอดไฟ ทรงกลดเป็นบริเวณกว้าง ในตอนแรกเมื่อกลุ่มเมฆลอยผ่านก็บดบังพระจันทร์  แต่เมื่อท่านอาจารย์ให้ลองอธิษฐานให้พระจันทร์ต่ำลง ลงมาใกล้ ท่านก็ต่ำลง ลงมาใกล้มากๆๆ หลักฐานที่ทำให้เรารู้ก็คือ เมื่อเมฆลอยผ่านมากลับผ่านอยู่หลังพระจันทร์ทั้งหมด แสงจันทร์สว่างเหมือนเป็นลำแสงส่องมาที่บ้านสวน เหมือนเบื้องบนได้ประทานอะไรมาให้ท่านอาจารย์ซักอย่างเลยค่ะ อัศจรรย์จริงๆ

และในช่วงเวลานั้น UFO ก็บินผ่านมาเยอะมากๆ ประมาณ 30 ลำ บางลำมาทั้งเสียง แสง UFO บางลำมาแต่เสียงดัง วู้ๆๆๆๆ

ตื่นเต้นจังค่ะคืนนี้ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 18:05:19


ความคิดเห็นที่ 124 (1638539)

 เหตุการณ์ที่ 3 คือ

    วันพุธลุงเบิ้มได้ตัดต้นมะม่วงและใช้รถแทรกเตอร์ขุดต้นมะม่วงไปปลูกบริเวณด้านหลัง ท่านอาจารย์ ลุงบุญ มิ้ม น้องเบส ช่วยกันขนกิ่งใบมะม่วงไปทิ้งที่บ่อพีระมิดเป็นกิ่งใบมะม่วงสด  แต่อัศจรรย์มากคือ เมื่อท่านอาจารย์ไปบริเวณบ่อพีระมิดไฟก็กลับลุกเผากิ่งใบมะม่วงสดเมื่อเผากระดาษ  ท่านอาจารย์ให้มิ้มดู และเห็นความอัศจรรย์ของกสินไฟ  ที่รู้แล้วว่าวันเกิดภัยพิบัติ ทุกอย่างเปียกชื้น แต่กสินไฟจะทำให้ไฟติดได้ การใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยช่วยให้ไฟติดก็เป็นการนำกสินไฟของท่านอาจารย์อุบลไปใช้ ถ้าไม่ได้เห็นกับตา คนภายนอกคงไม่มีใครเชื่อ สุดยอดๆๆๆๆๆจริงๆค่ะ

 

เหตุการณ์ที่ 4 คือ

      ในวันศุกร์พี่นนทพร ได้นำมิ้ม น้องเบส ร่วมกันล้างรถก๊อฟให้ท่านอาจารย์ พวกเราใช้แชมพูล้างรถก๊อฟ พี่นนทพรกับมิ้มคุยกันว่าถ้าใช้น้ำยาล้างรถ ล้างรถให้ท่านรถจะเงาๆๆๆๆๆๆๆกว่านี้ มิ้มบอกพี่นนทพรว่า ตอนที่จัดบริเวณที่จอดรถที่หน้าท่านอาจารย์มิ้มเห็นว่ามีน้ำยาล้างรถอยู่ด้วย และมิ้มก็เดินไปหยิบมาอ่านให้พี่นนทพรและน้องเบสฟัง แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจใช้เพราะเห็นว่าเป็นน้ำยาขจัดคราบ แต่ก็เขียนว่าใช้กับสีรถยนต์ได้ มิ้มกลับมาใช้แชมพูล้างรถอีกคัน

      ส่วนพี่นนทพรก็นำน้ำยาไปลองใช้โดยไม่ได้ผสมน้ำในถังก่อน  ผลปรากกฎว่ารถก๊อฟคันเขียว บริเวณที่พี่นนทพรถูเป็นสีด้าน มีลอยเป็นด่างดวง พวกเราคนตกใจกันมากรู้สึกผิดว่าอยากจะให้สวยทำไมเป็นแบบนี้ ฮือๆๆ   ตอนนำรถก๊อฟไปเก็บพี่นนทพรก็เลยนำโฟมทำความสะอาดรถมาถูวนบริเวณเดิมเรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วย แล้วก็พบความอัศจรรย์อย่างที่สุดค่ะ คือ จากสีด้าน รอยด่างหายไปหมดเลยและกลับเงางามกว่าอีกด้านที่ไม่ได้ถูอีกด้วย  ลูกกราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ค่ะ ที่ทำให้สี รอยของรถกลับมาสวย เงางามยิ่งกว่าเดิม กราบขอบพระคุณค่ะ

     เหตุการณ์ความอัศจรรย์ครั้งนี้พี่ที่บ้านสวนบอกว่า  ก็เคยเกิดมาเหมือนค่ะ ตอนที่รถท่านอาจารย์เป็นรอย เพียงท่านอาจารย์รูปที่รอย รอยก็หายไปค่ะ สาธุ

 

เหตุการณ์ที่ 5 คือ

         เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากพี่นนทพรค่ะ  พี่นอนนี่เล่าว่า วันที่พี่นอนนี่ มาร่วมหล่อท่านมเหสักขา ในตอนกลางคืนได้เดินไปด้านหล้ง คือ บริเวณสมเด็จพระบรมธรรมบิดา ก็ได้พบความอัศจรรย์คือ ธงธรรมจักรพลิ้วสะบัดไหวไปมาเหมือนต้องลมแรง ทั้งที่ไม่มีลม และธงชาติที่ถัดกันไปกลับนิ่งไม่มีการสบัดไหวแต่อย่างใด  เป็นเสมือนสิ่งที่บอกให้พวกเราได้รู้ชัดและแน่ใจว่าสมเด็จพระบรมธรรมบิดาพระองค์ประทับอยู่บริเวณนี้แล้ว สาธุ

 

เหตุการณ์ที่ 6 คือ    เรื่องไก่สีขาวที่บ้านสวน

     ในวันเช้าวันพฤหัสบดีที่มิ้มไปถึง ลงจากรถตุ๊กๆ กำลังจะยกกระเป๋าเข้าบ้านสวน ไก่สีขาวซึ่งยืนอยู่บริเวณนั้นก็จะมาจิกมิ้ม แต่ก็จิกแบบค้าง เข้าถึงตัวไม่ได้เพราะมิ้มเรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วย และคงจะเป็นด้วยอานุภาพจี้

    แต่ด้วยความที่มิ้มเป็นคนที่กลัวไก่ กลัวมากๆๆ เพราะเมื่อในตอนเด็กมิ้มเคยโดนไก่จิกเพราะไปเอาลูกเจี๊ยบน้อยมาเล่น ทำให้ขวัญเสียไม่ค่อยเรียกอาจารย์อุบลช่วยด้วย อาจารย์อุบลช่วยด้วยตัวจริงก็เลยขับรถมาช่วยไล่ไก่ให้แทนค่ะ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลเจ้าค่ะ

ตอนที่ท่านอาจารย์มาช่วย มิ้มนึกถึงเรื่องลูกควาย ที่กำลังจะถูกเสือกิน  แล้วเพราะความเมตตา กล้าหาญของจ่าฝูง ที่เข้ามาช่วยลูกควาย ทำให้ลูกควายรอด ลูกกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

และในบางวันไก่ตัวเดิม บางทีก็จะมาจิกมิ้มอีก มิ้มก็ชูจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีออกมา  ก็เหมือนมีวงล้อมรอบตัวมิ้ม ไก่ก็จิกค้างที่อากาศแล้วก็ไป

    มิ้มเล่าให้พี่เอิ้นฟัง ทำให้ได้ข้อคิดว่า การที่ไก่จะมาจิกมิ้มก็คงเพราะมิ้มไม่เมตตากับไก่ เคยกินไก่มาก่อน ก็จริงค่ะ เมื่อก่อนมิ้มเป็นคนที่ชอบกินไก่มากๆๆๆ ทั้งที่กลัวและไม่ชอบไก่เลย เป็นคนที่ไม่มีความเมตตากับไก่เลย ไก่เค้าคงสัมผัสความรู้สึกของมิ้มได้เค้าถึงได้มาจิก วันที่มิติเปิด เนื้อสัตว์ที่เรากินเค้าวันนั้นเค้าก็คงบุกเราอย่างนี้ และเราจะรอดได้ก็ด้วยอาจารย์อุบลช่วยด้วย กับวัตถุมงคลบ้านสวน

      ขอบคุณพี่เอิ้นมากนะคะที่พูดเตือนสติ และขอโทษพี่เอิ้นด้วยที่ตอนต้นมิ้มมีความรู้สึกไม่พอใจที่พี่เอิ้นบอกว่ามิ้มไม่เมตตาไก่ เพราะอัตตาตัวตนที่ยังยึดถือ ทำให้ดับเหตุแห่งกรรมผิวพรรณไม่ได้ซักที มิ้มต้องตัดความโกรธ ความไม่พอใจ ใช้ปัญญาให้มาก รวมทั้งความรู้สึกอิจฉาที่บางครั้งยังมีเกิดขึ้นต้องดับให้ได้  รวมทั้งต่อไปมิ้มจะเมตตากับไก่ให้มากให้มากขึ้นค่ะ ไก่เค้าก็คงจะสัมผัสได้และไม่มาทำร้ายมิ้ม ขอบคุณค่ะ

 

ขอฝากอีก 1 เรื่องค่ะ

       ในวันศุกร์ลุงบุญมาบอกมิ้มว่า โดนเข็มหมุดจำนวนมากทิ่มที่เท้าและเรียกมิ้มไปดูปรากฎว่าเป็นดอกไม้บานไม่รู้โรยบวงสรวงสมเด็จองค์พระบรมธรรมบิดาที่เค้ามาเก็บที่บริเวณที่เก็บอุปกรณ์เครื่องมือที่บ้านไม้ไผ่ วางกับพื้นที่ชื้นคนเหยียบไปมา ดอกไม้มีเชื้อราขึ้น ดอกไม้เหล่านี้นำไปสร้างมวลสารซึ่งเราไปบูชา วางไว้ที่สูงบนหิ้งพระ เพราะเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์มีบารมีสมเด็จพระบรมธรรมบิดา คนที่เก็บไม่เป็นที่ก็ย่อมได้รับบาปกลับไป มาทำบุญแทนที่จะได้บุญกลับได้บาปเพราะความไม่ระมัดระวัง ไม่มีสติ ค่ะ

    ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท๊อป อาศัยอยู่ในบ้านสวนซึ่งเป็นบ้านส่วนตัวของท่านถึง 11 วัน เพื่อได้สร้างบุญใหญ่ในครั้งนี้  กราบขอบพระคุณค่ะ

     ลูกขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าขอเบิกบุญตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน น้อมถวายเทวดาที่คุ้มครองรักษาท่านอาจารย์อุบล เทวดาที่คุ้มครองรักษาท่านอาจารย์มงคล และเทวดาที่รักษาคุณท๊อปค่ะ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 18:06:42


ความคิดเห็นที่ 125 (1638546)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

แล้วพวกเราคิดว่า

 

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

ที่คุณปิ่นพูดหากเป็นตัวของเรา

ที่เจอกับตัวเองเราก็คงโกรธ

และคิดว่าคนที่พูดกับเราแบบนี้ต้องมีปมอย่างใดอย่างหนึ่งในใจของเขาแน่นอน

เพราะคนที่มีปมจะมองมาที่ข้อด้อยของคนอื่น

ยกตนข่มคนอื่นทำให้ตัวเองรู้สึกว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น

ถ้าคุณปิ่นพูดด้วยความเมตตา

และพูดด้วยจิตใจที่ดีงามคงไม่มีคำเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของคุณปิ่นแน่นอนครับ

และทุกวันนี้คนเราก็มองกันแค่ภายนอก  ขาว  สวย  หุ่นดี  หล่อ

ทั้งๆที่ไม่ใช่ดัชนีชี้วัดทั้งหมดของคุณค่าของคนคนหนึ่งแม่แต่ประการใดเลย

และคุณปิ่นคงลืมที่จะมองไปที่ตัวเองก่อนที่จะว่าคนอื่นว่าจิตใจของคุณปิ่น

ดีงามแค่ไหน  หรืออาจจะแย่กว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมาก็ได้

และแวบแรกที่ผมได้อ่านข้อความที่อาจารย์ได้ถ่ายทอด

รู้สึกว่าคุณปิ่นน่าจะต้องการแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง

อันนี้เป็นความรู้สึกของผมนะครับ

แล้วคำถามที่ว่าชีวิตของใครมีความสุขมากกว่ากัน

อันนี้ดูไม่ยากครับ

แค่อ้าปากพูดประโยคแรกก็เห็นแล้วว่า

ชีวิตของคุณปิ่นมองแต่โลกในแง่ร้าย

แสดงว่าเขาคุ้นชินแต่กับเรื่องแนวนี้

ไม่ได้มองสิ่งอื่นนอกจากสิ่งที่ตัวเองเห็น

มองเห็นแต่รูปภายนอก

ไม่มองให้ลึกและกว้างไกล

ไปถึงการกระทำ  คำพูด  และจิตใจของผู้ที่คุณปิ่นสนทนาด้วย

พี่นนทพรเป็นบุคคลที่มีความสุข

แม้จะโดนว่าแรงๆ  แต่ไม่โกรธ  นี่สิครับที่เป็นสิ่งที่บอกถึง

ความต่างของคนเรา  คือสิ่งที่เราคิด

พี่นนทพรไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า

แต่พี่นนทพรรู้สึกมีความสุข

มั่นคงและภูมิใจ

มีความศรัทธาในตัวเอง

มั่นคงไม่หวั่นไหว

เพราะเข้าใจโลกตามเป็นจริง

และมองข้ามอัตตาตัวตนได้

แต่คุณปิ่นไม่ใช่

เพราะแม้แต่เพื่อนที่สนิทเขาก็ไม่พูดกัน

 ถ้าหวังดีต้องคิดก่อนพูด

ต้องคิดว่าพูดแล้วคนฟังจะรู้สึกยังไง

 พูดไปแล้วคนอื่นพ้นทุกข์ไหม  

ตัวเองได้บุญไหม  พ้นทุกข์ไหม

 ง่ายๆนะครับคือพูดแล้วอะไรจะดีขึ้นมาบ้าง  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 20:03:37


ความคิดเห็นที่ 126 (1638551)

   ช่วงที่กระชากหน้ากากเห็นความชั่วร้ายของป้าอุ๊เป็นช่วงที่มิ้มอยู่บ้านสวนก็เลยไม่ได้มาร่วมเปิดโปงความร้ายกาจที่ป้าอุ๊ก็เคยมาหลอกล่อลูกควายอย่างมิ้มเหมือนกันค่ะ

        ขอเล่าการพบหน้าแม่มดมนต์ดำป้าอุ๊เป็นครั้งแรกก่อนนะคะ มิ้มจำได้ว่ามิ้มเห็นหน้าป้าอุ๊ครั้งแรก  ป้าอุ๊ใส่ชุดสีดำมาทั้งชุด ผมยาวดูรุ่มร่ามเกือบปกหน้า ใส่แว่นตาดำ ตอนป้าอุ๊ถอดแว่นตา มิ้มรู้สึกว่าเค้าหน้าตาอย่างกับแม่มดเลย แต่เราก็เห็นทุกคนบอกว่าสวย เราก็เลยว่าสายตาของมิ้มคงจะไม่ได้มาตรฐานก็เลยพยายามมองว่าสวย

       และสิ่งทำให้มิ้มรู้สึกแปลกใจมากๆๆเลยก็คือ  การวางตัวของป้าอุ๊ที่ทำตัวเสมอท่านอาจารย์  โดยวิ่งเข้ามากอดอาจารย์ทางด้านหลัง ทำตัวตีสนิทมากไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ เราก็แปลกใจว่า  ถ้ารู้ว่าท่านอาจารย์เป็นใครจริง  ทำไมถึงทำตัวเหมือนท่านเป็นเพื่อนเล่นขนาดนี้ คนดีๆที่เค้ามีคุณธรรม และรู้จักท่านอาจารย์จริงๆเค้าไม่ทำอย่างป้าอุ๊กันหรอก

      นี่พยายามทำตัวเสมอท่านอาจารย์  เพื่อให้คนยำเกรงคิดว่าตัวเองบุญบารมีไม่ต่างท่าน ช่างไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองเลยจริงๆ กิริยามารยาทความเป็นผู้ดี สำรวม มีปัญญาก็ช่างแตกต่างจากท่านอาจารย์เวลาเค้าให้แสดงความคิดเห็นภายในกลุ่มปัญญาก็ไม่มี  แต่แอ็กท่าบอกว่าให้ทุกคนแสดงให้หมดก่อนเดี๋ยวป้าอุ๊จะปิดท้าย 

      ความงามของหน้าตาของเทียบท่านอาจารย์ไม่ได้  ท่านอาจารย์ล้างหน้าสวยอย่างไร สวยอย่างนั้น เพราะท่านงามจากภายในส่งมาภายนอก  แต่กับป้าอุ๊ล้างหน้าออกมามีแต่ฝ้าดำเพราะจิตใจข้างในมันไม่ดี ขี้โกรธ อาฆาต อิจฉาริษยา  ก็เลยส่งให้หน้าภายนอกเป็นอย่างนั้น  ( ถึงมิ้มหน้าจะเป็นสิว เพราะยังเป็นโกรธ อิจฉา แต่ก็ดีกว่าป้าอุ๊เยอะค่ะ เพราะอย่างน้อยมิ้มก็ยังมีคุณธรรมรู้ที่ต่ำที่สูงค่ะ )

          ตอนที่ท่านอาจารย์กำลังบรรยายธรรมอยู่  อยู่ดีๆก็ยืนขึ้นบอกได้รับการสื่อสารจากเบื้องบนทำตัวเองยิ่งใหญ่ให้คนสนใจ ทำตัวเหนือท่านอาจารย์จนลืมมารยาทพื้นฐานของผู้ดีว่าตอนที่ผู้พูดพูดอยู่  อยู่ดีๆพูดแทรกเพื่อให้คนสนใจนี่ใช่ผู้ดีหรือเปล่า มิ้มไม่เคยเห็นท่านอาจารย์ทำกิริยามารยาทอย่างนี้ ท่านอาจารย์มีแต่ให้เกียรติให้ผู้พูดพูดจบก่อน ถ่อมตนไม่โอ้อวดทั้งที่มีดีให้อวด

          ตอนฟังบรรยาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็ไม่ปิดเสียงโทรศัพท์ เพื่อให้ได้ยินเสียงว่ามีข้อความมา และบอกให้คนอื่นรู้ว่ามีแฟนคลับเยอะ แฟนคลับส่งมา คนที่เค้าไม่มีดี เค้าก็ต้องพยายามหาทางทำทุกอย่างเพื่อยกตัวเองโฆษณาตัวเอง

      และตอนที่มิ้มเกือบจะตกเป็นลูกควายก็มาถึงค่ะตอนมารอแต่งหน้าป้าอุ๊ก็พูดกับมิ้มว่า  ถ้ามิ้มคุยกับป้าอุ๊บ่อยๆมิ้มจะได้รับพลังงานบวก  จะทำให้มิ้มหายจากสิว หน้าสวย มิ้มฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ สงสัยในใจว่าการทำให้จิตใจผ่องใสที่มิ้มพยายามฝึกตามคำสอนของท่านอาจารย์ก็คือฝึกที่จิตของตัวเองด้วยการทรงพรหมวิหาร 4 มีเมตตา มีความรัก ไม่ส่งจิตออกนอก  และการได้เข้าเว็บบ้านสวนได้ธรรมของท่านอาจารย์ก็ทำให้มิ้มจิตใจผ่องใสอยู่แล้ว  ทำไมต้องคุยกับป้าอุ๊บ่อยๆ

      จริงๆ เวลาท่านอาจารย์สอนเรื่องจิตท่านจะให้ธรรมไปคิดพิจารณา แล้วก็ไปปฏิบัติเอง  มัวแต่คุยรับพลังงานบวกเมื่อไหร่จะเกิดปัญญาด้วยตัวเอง ตอนที่ฟังก็รู้สึกขัดที่ใจ  แต่ด้วยความว่าเป็นลูกควายก็เลยไม่ได้ติดใจสงสัยหรือคิดไม่ดีอะไรกับป้าอุ๊ 

    ลูกต้องขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่ดลใจให้ลูกรู้สึกไม่อยากจะคุยกับป้าอุ๊ ก็เลยเดินไปทางอื่นค่ะ ไม่อย่างนั้นคงจะกลายเป็นลูกควาย  เพราะความโง่  เชื่อคนง่าย เชื่อโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง เชื่อโดยไม่ได้ใช้หลักกาลามสูตร

      คิดแล้วยังสยองเลยค่ะ  ที่วันนั้นโดนป้าอุ๊กอดไม่รู้ส่งอะไรไม่ดีให้หรือเปล่า นึกถึงทีไรเห็นแต่ความมืด  โชคดีนะคะว่าที่ช่วงกลับจากค่าย 13 มิ้มก็เกาะติดเว็บบ้านสวน เขียนธรรมทาน  เลยหนีได้ไกลจากสิ่งชั่วร้ายของป้าอุ๊ค่ะ

     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้มิ้มรู้ว่า  มิ้มสอบไม่ผ่านค่ะ เพราะในตอนเเรก ก็เชื่อว่าป๊าอุ๊ดี เชื่อทุกอย่างที่ป้าอุ๊พูด เเต่เพราะความเมตตาของสิ่งศักดิ์ที่มาดลจิตใจมิ้มให้ไม่อยากที่จะอยู่คุยกับป้าอุ๊

     ต่อไปมิ้มจะใช้หลักกาลามสูตรให้มากขึ้นค่ะ เพราะถ้าเพียงเท่านี้ยังใช้หลักกาลามสูตรไม่ได้ มิ้มก็คงไม่สามารถตามหาและพบพระศรีอาริย์ได้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 20:44:11


ความคิดเห็นที่ 127 (1638558)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

 

แล้วพวกเราคิดว่า

 

ชีวิตคุณนนทพร กับ ชีวิตคุณปิ่น

ใครมีความสุข ใครมีความทุกข์

มากกว่ากันจ๊ะ

+++++

มิ้มคิดว่า ที่คุณปิ่นพูดเพราะอิจฉาคุณนนทพร

ที่มีชีวิตที่ดีกว่า คุณปิ่นในทุกด้าน

ก็เลยพยายามที่จะทำให้ตัวเอง ดูเหนือกว่า

ด้วยการพูดให้คุณนนทพรรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย อาย

ขาดความมั่นใจในตัวเอง และไม่อยากมาบ้านสวน

คุณปิ่นต้องการให้คุณนนทพรออกจากบ้านสวน ไม่มาอีก

เพราะความอิจฉาริษยาที่มีอยู่ในใจของคุณปิ่น ความคิดไม่ดี

ก็ส่งผลให้การกระทำออกมาไม่ดี สร้างแต่บาป

                            ชีวิตของคุณปิ่น             

ถึงได้ต้องพบกับปัญหาความทุกข์ทั้งเรื่องการเงิน การงาน

เรื่องลูก และในที่สุดก็ต้องเป็นคนออกจากบ้านสวนไปเอง

ส่วนคุณนนทพร เป็นคนจิตใจดี ไม่อิจฉาริษยาใคร จริงใจ

ชอบสร้างบุญกุศล ทำให้ชีวิตพบแต่ความสุข ความสำเร็จ

มีสามีดี ลูกดี ร่ำรวยมีเงินใช้ มีความสุข

ได้สร้างบุญในบ้านสวนเพื่อพบความสุขยิ่งๆขึ้นไปค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 21:50:55


ความคิดเห็นที่ 128 (1638570)

 ความงามของหน้าตาของเทียบท่านอาจารย์ไม่ได้ ท่านอาจารย์ล้างหน้าสวยอย่างไร สวยอย่างนั้น เพราะท่านงามจากภายในส่งมาภายนอก แต่กับป้าอุ๊ล้างหน้าออกมามีแต่ฝ้าดำ

ความเห็นคุณประภาสิริ

--------------------------------------------

อันนี้ผมจำแม่นยำฮับว่าท่านอาจารย์สอนว่า คนที่เป็นกรรมผิวพรรณ ไม่ว่าจะสิว ฝ้า กระ ล้วนจากการกรรมโทสะ เป็นคนโกรธง่าย จิตใจอาฆาตแค้น อิจฉา ริษยา และอื่นๆ

แต่หากเรารู้ตัวก็ดีเน๊าะ จะได้ดับที่เหตุ กลัวอย่างเดียวว่าเรากดมันไว้จนคิดว่าตัวเองดี ไม่โกรธใคร ไม่ด่าใคร ไม่อิจฉา ไม่ริษยาใคร แล้วดันนึกว่าตัวเองดีจริงๆอันนี้น่ากลุ้มแทนนะครับ

โชคดีนะครับที่ธรรมชาติมีกลไกให้เราได้รู้ความจริง ไม่ว่าจะซ่อนอยู่ลึกเพียงไรก็ตามแต่ก็หนีไม่พ้นกฏสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบดอกเด้อ

คนที่มีแต่พลังบวก ใบหน้าก็จะงาม ไร้สิวฝ้า กระ เด้อพี่น้องเด้ออ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 22:35:44


ความคิดเห็นที่ 129 (1638574)

 ข้าพเจ้าน.ส.เบ็ญจากาญจน์  ศุภศิริวัฒนา อายุ 42 ปี มีพี่น้อง 9 คน

ข้าพเจ้าเป็นคนสุดท้อง แต่งงานมา 10 ปี (อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง รวม

แล้วเกือบ 20 ปี )แต่ยังไม่มีบุตร จบพยาบาล รับราชการ 4 ปี ลาออก

มาทำงานรพ.เอกชน เพราะได้เงินมากกว่า ปัจจุบันทำงาน ที่มูลนิธิ

โรคตับ ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ(ตับ)

บาปกรรมที่เคยทำ

ทำผิดศีลทั้ง 5 ข้อ

ผิดศีลข้อ 1 ฆ่าคน เคยกินยาขับเลือด ให้คำแนะนำ รู้เห็นในการทำ

แท้ง ฆ่าสัตว์

- ที่บ้านเคยเลี้ยงหมูไว้ขาย

ฆ่าไก่ ลงมือเอง  1 ครั้งแต่ไม่ตาย ร่วมมือฆ่าอีกหลายสิบตัว(ไหว้

ทุกเทศกาล

- ฆ่า+ทุบห้วปลาเกือบทุกชนิด (ปลาซิว ปลากระดี่ ปลาสลิด ปลา

ฉลาด ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลาช่อนฯลฯ)

- จับหนูถ่วงน้ำ วางกับดักหนู วางยาเบื่อ กาวดัก

ตะขาบ(บอกให้คนอื่นฆ่า+ฆ่าเอง)

จิ้งจกเดินมาติดกาวที่ดักหนูตาย ประตูหนีบตาย

มด ปลวก แมลงสาบ ยุง ( ฉีดยาฆ่า ) 

-  เคยฉีดยา+จ่ายยาเม็ด คุมกำเนิดให้คนไข้ ซึ่งไม่ได้มีการ

ตรวจสอบก่อนว่ามีการตั้งครรภ์หรือเปล่า ดูจากบัตรนัดว่าครบ

กำหนดและ คำบอกเล่าของคนไข้

- เคยฉีดยาคุมกำเนิดให้หมา แมว (ทั้งเจ้าของและคนฉีดไม่มีใครรูว่า

แมวหรือหมาตัวนั้นท้องอยู่หรือเปล่า)

ผิดศีลข้อ 2 ลักขโมย

- ขโมยเงินของพ่อ แม่ และพี่ๆ

- ขโมยของในชาวบ้านเวลาเดินไปเรียนหนังสือ(สอยมะขาม

เทศระหว่างทาง)  

-  เคยเอาของสงฆ์กลับบ้าน อาหารที่ถวายวัดแล้ว

-  หยิบของที่ทำงานมาใช้ส่วนตัว (กระดาษ ปากกา แม็ก

 กระบอก-เข็ม ฉีดยา ใบมีดผ้าตัด น้ำยาล้างแผล)

-  คุยโทรศัพท์ในเวลาทำงาน เดินช็อปปิ้ง  มาสาย กลับก่อน ลาบ่อย

ผิดศีล ข้อ 3  เมื่อเรียนจบเริ่มทำงาน เจ้าชู้  อยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน

หักอกผู้ชาย มีกิ๊ก(ใช้คำพูด สายตา คิดในใจ ) มีชู้ ทานข้าวกับสามี

ชาวบ้าน                                                                                        

ผิดศีลข้อ 4  ร่วมวงนินทา(พระ ราชวงศ์ เจ้านาย พี่น้อง เพื่อน)

โกหกทุกวัน ที่ทำจนเคยชินคือตอนที่ทำงานแล้ว เข้าทำงานปุ๊ป ก็เริ่ม

โกหก( คนไข้จะแวะเวียนมาถามว่าคุณหมอมาหรือยังคะ รอสักครู่นะ

คะใกล้ถึงแล้ว) 

ผิดศีลข้อ 5

  -  เคยดื่มแอลกอฮอล์หลังจบทำงานใหม่ๆ เกือบทุกวัน

  -  เล่นการพนัน (หวย) ทั้งบนดิน ใต้ดิน

  -  เล่นแชร์

บาปกรรมอื่นๆ

- ทำงานโดยขาดความเมตตา สักแต่ว่าทำไปให้หมดเวลาทำงาน ไม่

ค่อยได้คำนึงถึงความเจ็บปวดของผู้ป่วย เช่น การล้างแผล ใส่สาย

ยางให้อาหาร ใส่สายยางล้างท้อง(ทางจมูก ทางปาก) ช่วยแพทย์ใส่

ท่อช่วยหายใจ ฯลฯ ทุกหัตการสร้างความเจ็บปวดให้กับคนไข้อย่าง

เลี่ยงไม่ได้ ผลกรรมก็เกิดกับตัวเองอย่างเล่ยงไม่ได้เหมือกัน

- เคยปรามาสพระพุทธเจ้า(คิดในใจ) จากบทสวดมนต์ฟังแรกๆค้าน

ในใจ ทำไมต้องเป็นทาสของพระพุทธเจ้าตลอดไป

- ทำไมพระพุทธเจ้าทิ้งครอบครัวให้ลำบาก

- เคยหันเท้าไปทางหิ้งพระ

- เคยปรามาสราชวงศ์ทุกพระองค์

- เคยเหยียบเหรียญ

- เคยฉีกทำลายภาพในหลวงและราชวงศ์(ปฎิทินที่ใช้แล้ว)

-  ผิดคำสาบาน

ปัญหาชีวิตและสุขภาพ

ปัญหาในที่ทำงาน ความเห็นขัดแย้งกัน

มีปัญหาเรื่องการเงิน ไม่พอใช้ ( 4-5 ปี ) ที่ผ่านมา

ปัญหาครอบครัว คุยกันคนละเรื่องเดียวกัน(ความเห็นต่าง)

มีปัญหาสุขภาพ : มีเสียงดังในหู(เสียงเหมือนจิ้งหรีดร้อง เป็นมา 4 ปี

มีอาการปวดหัวสัปดาห์ละ 1 ครั้ง( ช่วงหลังเที่ยง) เป็นมาหลายปี 

เวลาที่เจอแสงแดดจัด ก็จะปวดหัวเช่นกัน ผมหงอกร่วงง่าย บาง

สายตายาว หลงลืม เป็นสิวเรื้อรัง (ประมาณ 5 ปี) กระเพาะปัสสาวะ

อักเสบบ่อย เวลาถ่ายจะมีเลือดปน ( ท้องผูก )

        หลังจากได้พบกับความทุกข์มามาก เรื่องความรัก การงาน

การเงิน ปัญหาสุขภาพ จึงได้แสวงหาหนทางของการหลุดพ้น จาก

ปัญหาทั้งหมด วัดไม่ค่อยได้เข้า บุญก็ทำอยู่บ้าง คิดว่าชีวิตเราไม่

เคยทำให้ใครเดือดร้อน ทำไมถึงต้องเจอปัญหามากมายขนาดนี้

ทำอะไรก็ไม่ค่อยสำเร็จ จนมาเมื่อ ต้นปี 2554 ได้รู้จักเว็บบ้านสวนฯ

จากเว็บพลังจิต หลังจากนั้นก็ติดตามอ่านธรรมมะ ของท่านอาจารย์

อุบล อ่านไปอ่านมาก็เริ่มมองเห็นความชั่วของตัวเอง ยิ่งอ่านมากยิ่ง

เห็นความชั่วมาก แต่ก่อนศีล 5 ข้อ ยังจำไม่ได้เลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

ยิ่งอ่านยิ่งละอายใจ และกลัวในผลกรรมที่เราได้ทำมา จึงได้พยายาม

หยุดกรรมชั่วที่ผ่านมา เลิกคบชู้ เลิกเล่นหวย เลิกฆ่าสัตว์ พยายาม

รักษาศีล 5 ทำใจให้เบิกบาน ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น เพราะมี

ท่านอาจารย์อยู่ใกล้ๆ อยู่ในใจตลอดเวลา และหายจากอาการปวดหัว

เรื้อรัง หายจากอาการเวียนหัว ละวางความอยากลงได้มาก

        ลูกกราบขอบคุณท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์และ

ครอบครัวเป็นอย่างสูงที่เมตตาทำให้ลูกได้รับรู้และเข้าใจเรื่องกฎแห่ง

กรรมมากขึ้น และที่สำคัญคือเมตตาให้ลูกหลานทุกคนแคล้วคลาด

ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ด้วยรหัส... อาจารย์อุบลช่วยด้วย,เสื้อ

บ้านสวนฯ, แหวนเทพสฟิงซ์, จี้รุ่นต่างๆ, อุปกรณ์สารภาพบาปฯลฯ

ถึงแม้วันนี้ลูกยังไม่สามารถปลดล็อคกรรมได้ทั้งหมด แต่ก็ดีใจ

ที่สามารถนำธรรมมะที่ท่านอาจารย์สอน ไปบอกให้คนอื่นๆเขารับรู้

และปฏิบัติตามจนเขาหายจากโรค และรู้สึกภูมิใจที่ได้พบอาจารย์ที่

ประเสริฐที่สุด

ลูกกราบขอบคุณสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา พระสัมมาสัมพุทธ

เจ้าทุกพระองค์ พระศรีอาริย์ พระเจ้าอยู่หัว ท้าวเวสสุวรรณ ท้าว

มหาราชทั้ง 4 และสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งอนันตจักรวาลและท่านอ.อุบลและ

ครอบครัวที่ได้เมตตา เสียสละเพื่อช่วยลูกหลานทุกคนให้พ้นทุกข์

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 22:48:08


ความคิดเห็นที่ 130 (1638578)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่า

คุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไร

พูดเพื่ออะไร

*****************

อดนึกถึงคำว่า อวกิเลสที่ท่านอาจารย์เคยเมตตาให้ความรู้ในธรรมทานเกี่ยวกับการแทรกแซงกรรมที่มีคนแนะนำคุณเจนไม่ให้ช่วยงานดร.พี่จิ๋มไม่ได้คะ

 

การที่คุณปิ่นได้ทำร้ายคุณนันทพรทางคำพูด ด้วยการนำข้อด้อยของคุณนันทพรมาพูดนั้น คงจะมาจากจิตอิจฉาริษยา , คุณปิ่นอิจฉาที่คุณนันทพรแม้จะมีรูปลักษณ์ไม่ดีเท่าคุณปิ่น แต่คุณนันทพรกลับมีความสุขในชีวิต มีความสะดวกสบายในชีวิตมากกว่า ซึ่งก็ไม่แน่แปลกใจเพราะจากคำพูดที่แสดงความในใจของคุณปิ่นก็ทำให้รู้ว่าทำไมคุณปิ่นถึงหาความสงบสุขในชีวิตไม่ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 23:13:52


ความคิดเห็นที่ 131 (1638580)

 อันนี้ผมจำแม่นยำฮับว่าท่านอาจารย์สอนว่า คนที่เป็นกรรมผิวพรรณ ไม่ว่าจะสิว ฝ้า กระ ล้วนจากการกรรมโทสะ เป็นคนโกรธง่าย จิตใจอาฆาตแค้น อิจฉา ริษยา และอื่นๆ

แต่หากเรารู้ตัวก็ดีเน๊าะ จะได้ดับที่เหตุ กลัวอย่างเดียวว่าเรากดมันไว้จนคิดว่าตัวเองดี ไม่โกรธใคร ไม่ด่าใคร ไม่อิจฉา ไม่ริษยาใคร แล้วดันนึกว่าตัวเองดีจริงๆอันนี้น่ากลุ้มแทนนะครับ

ความเห็นคุณธนา
_____________________________________________________________
 
อ่านความเห็นพี่ธนาเเล้วรู้สึกขอบคุณพี่ธนามากเลยค่ะ
รู้สึกว่าตรงใจตัวเองจังเลย 
ทุกวันนี้ มิ้มไม่ค่อยโกรธใคร ไม่ค่อยว่าใคร ไม่ค่อยอิจฉา
จนบางครั้งนึกว่าตัวเองดับเหตุกรรมผิวพรรณได้บ้างเเล้ว 

เเต่เเล้วเมื่อเรามาเจอด่านทดสอบ
 
ก็ทำให้ เราถึงได้รู้ว่า เรายังมีความโกรธ อิจฉา วิตกกังวลอยู่เลย
 
เพียงเเค่มันถูกกดไว้ไม่เเสดงออก
 
 
เราต้องดับ มันด้วยปัญญา ด้วยความรัก ด้วยจิตที่ยินดีกับทุกคน
ทำให้ได้มาจากใจเราจริงๆ
 
มิ้มต้องทำให้ได้
มิ้มจะตัดความโกรธ อิจฉา วิตกกังวล
ด้วยปัญญาและพรหมวิหาร 4 ให้ได้
 
อาจารย์อุบลช่วยขอให้ลูกมีปัญญา
จิตใจเข้มเเข็งทำให้ตามความตั้งใจให้ได้ด้วยเถิด สาธุ


 
ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 23:30:24


ความคิดเห็นที่ 132 (1638582)

 ขอบคุณธรรมทานของน้องมิ้มนะคะ

อ่านแล้วสนุกจัง ขออนุโมทนากับบุญ
ที่ไปทำที่บ้านสวนตั้ง 11 วันแน่ะค่ะ
บ้านสวนมีอะไรที่มหัสจรรย์อีกมากมาย
นับไม่ถ้วนค่ะ ถ้าเป็นคนนอกที่ไม่รู้จักบ้านสวน
เอาเรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องปาฏิหารย์ต่างๆ
ไปเล่าให้เขาฟัง เขาก็คงว่า ว่าเราไปซะแล้ว
พี่เคยโดนมาแล้วค่ะ เหอๆ

ส่วนเรื่องป้าอุ๊นั้น พี่มานึกๆ ดู
เรื่องความมีมารยาท ความเกรงใจ
พี่ก็เคยเจอค่ะ แต่ไม่ได้เฉลียวใจ
เพราะปัญญาเราไม่ค่อยมี คือโง่อย่างเดียวเลย
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
คิดว่าป้าแกเป็นคนดีม๊าก มาก กรรมแท้ๆ
เรื่องก็คือเรากำลังจะสร้างบุญแรงกายอยู่
ป้าแกไม่รู้วิ่งมาจากไหน ทำหน้าตาเริงร่าสุดชีวิต
ทำเหมือนสนิทกับเรามาช้านาน
แกวิ่งมาแล้วบอกกับว่า ถุงมือป้าขาด
ป้าจะไปเอาถุงมือได้ที่ไหน ตุ้ยก็เลยบอกว่า
ถุงมืออยู่ตรงที่ลงทะเบียนน่ะค่ะ ในเข่ง
ป้าแกได้ฟังจากสีหน้าที่เริงร่าก็เจื่อนลงนิดนึง
 
 
 
คือตุ้ยรู้เจตนาของแกเลยว่า
แกต้องการให้เราไปหยิบให้แก
ตอนที่บอกแกไป อีกใจก็นึกเหมือนกันค่ะ
ว่าเอ นี่เราใจดำหรือเปล่าหว่า
เพราะป้าแกเป็นผู้ใหญ่ แต่อีกใจก็คิดว่า
คนที่มาบ้านสวนอยากสร้างบุญก็ต้องลงมือทำเอง
ถ้าจะโกรธเพราะเราไม่ไปเอาถุงมือให้ก็ช่างเถอะ
สรุปว่าก็รอดตัวไป มานั่งนึกดู เอ๊ ถ้าแกเป็นผู้ดีจริง
คงจะต้องรู้จักความเกรงใจ มารยาทสังคมบ้าง
แต่นี่แกยังคงมีนิสัยเดิมเอามาใช้ในบ้านสวนด้วย
เหมือนที่โบราณเขาว่าสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุลค่ะ

สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล ^0^~>w<
 
ขอบคุณธรรมทานของทุกท่านด้วยนะคะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 23:49:08


ความคิดเห็นที่ 133 (1638584)

 เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆกับตัวเหมียวเอง ผลกรรมนั้นมันก็ทำให้เหมียวรับมาเต็มๆเป็นปีเรื่องก็มีอยู่ว่าได้ชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเลกันและได้มีเผาหอยแครงกินกันโดยหอยแครงตัวเป็นๆนำมาเผากินกันด้วยความสนุกสนานกับเพื่อนๆอีกอย่างก็เกรงใจเพื่อน แต่หารู้ไม่ว่าตัวเราเองนี้แหละที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมเอาเสียเลย ทั้งๆที่ตอนนั้นเหมียวเองก็รู้จักเรื่องบาปกรรมจากที่บ้านสวนพีระมิดแล้ว ขั้นตอนการเผาหอยแครงก็***มโหดมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทำลงไปได้ยังไงเนี้ย โดยเอาหอยแครงไปแช่น้ำทะเลให้หอยคายทรายออกมา จากนั้นก็จัดการโยนเอาเข้ากองไฟเผาทีละตัวสองตัวจบหมด แล้วนำมากินกันกับเพื่อนๆโดยตอนนั้นตัวเองไม่คำนึงเลยว่า หนึ่งชีวิตของหอยก็มีค่า หอยก็รักชีวิตของเค้าเช่นเดียวกับคน เอาเค้าไปโยนเข้ากองไฟเค้าก็ร้อนเค้าก็ทรมานก่อนตาย ถ้ามีใครทำแบบนี้กับเราบ้างเราก็โกรธเราก็แค้นเหมือนกัน จำนวนหอยก็หลายตัวเกือบร้อยตัวเห็นจะได้ที่ถูกโยนเข้ากองไฟ ผลกรรมที่ได้รับทำให้เหมียวแสบร้อนบริเวณขาทั้งสองข้างและตัวร้อนคอร้อน โดยไม่รู้สาเหตุ ทั้งๆที่เราก็สบายดีไม่ได้เจ็บไข้แต่อย่างใด ใครที่มาจับตัวเราตอนนั้นก็คิดว่าไม่สบายแต่จะร้อนเป็นช่วงๆค่ะได้ร้อนตลอดเวลาสรุปว่าตัวร้อนอยู่เป็นปีก็ต้องโบกมือลาก่อนที่บ้านสวนพีระมิด ด้วยการสร้างบุญด้วยแรงกายและอุทิศให้วิญญาณหอยเหล่านั้น ด้วยการขุดดินปลูกต้นโมก ทำให้อาการตัวร้อนหายไปทันที อย่างคำที่พระพุทธเจ้าได้สอนเอาไว้ว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุ เหตุดับผลก็ดับ เรื่องนี้เหตุก็คือ ตัวเหมียวได้เอาหอยเป็นๆไปเผาไฟ ผลคือทำให้เหมียวมีอาการตัวร้อนค่ะ เพราะฉะนั้นทำกรรมอะไรเอาไว้กรรมนั้นจะส่งผลไม่ช้าก็เร็วค่ะ สุดท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ละท่านอาจารย์อุบลค่ะ    ส่วนเรื่องชั่วๆของตัวเองเด่วจะมาเล่าให้ฟังค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 00:00:58


ความคิดเห็นที่ 134 (1638593)

ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาบุญกับคุณครูมิ้ม

ที่ไปสร้างบุญที่บ้านสวนฯ11วัน

แถมแต่ละวันก็ได้พบเหตุมหัศจรรย์

มากมายซะด้วย โดยเฉพาะเรื่องงูสีทอง

ฟังแล้วก็ชวนตะลึงจริงๆค่ะ

และคิดว่า

ท่านมาปรากฏกายเพื่ออนุโมทนาบุญ

มากกว่ามาทำให้ผู้พบเห็น

ตื่นกลัวแต่อย่างใด

 

ส่วนครูมิ้มเห็นแล้วก็ไม่กลัวซะงั้น

แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเมตตา

ของท่านงูสีทองแทน...

 

 

ส่วนเรื่องราวการกระชากหน้ากาก

เจ้าแม่พลังบวกอย่างป้าอุ๊

ในมุมมองของครูมิ้ม ก็น่าสนใจนะคะ

 

เพราะเราเห็นแต่รูปก็เห็นว่า

ดูดีและ อ่อนวัย

แต่ที่ไหนได้ เป็นเพราะ

พลังโบ๊ะของแป้งที่หนาเตอะ นี่เอง

ถึงได้ดูสวย

แต่พอล้างหน้าออกมา

ผิวพรรณก็สะท้อน"จิตใจ"

ของคนๆนั้นได้เต็มๆ

 

 

แล้วก็ขอบคุณธรรมทาน

จากทุกๆท่านด้วยนะคะ

ยิ่งอ่านยิ่งได้รับรู้ว่า

ต่างคน ต่างประสบการณ์

และต่างก็ได้รับความทุกข์

ที่หลากหลายมาก่อน

เพราะต่างก็สร้างเหตุกันมา

อย่างแตกต่างกัน

 

แต่สุดท้ายพวกเราก็มาบรรจบพบกัน

และได้พบทางสว่าง

ที่ท่านอ.อุบลและครอบครัว

เป็นผู้หยิบยื่นให้ ที่บ้านสวนฯ นี่เอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 05:20:24


ความคิดเห็นที่ 135 (1638597)

 

ประสบการณ์การทำบาป
จ.ส.ต. จรัล   ยาตรา อายุ ๓๖ ปี
ศีลข้อ๑
ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยทุกชนิด ฆ่าปู ปลา หอย งู นก ไก่ เอาหนังสติ๊กยิงจิ้งจกตามผนังบ้าน เอา
ไม้เสียบก้นแมลงปอปล่อยไห้บินแล้ววิ่งไล่จับ
ใช้มีดฟันหัวพี่สาวจนเลือดไหล โดดถีบน้องชายให้เงินเมียไปทำแท้ง พากิ๊กไปทำแท้ง บอกสถานที่ทำแท้ง บอกให้ผู้อื่นไปทำแท้ง ร่วมมือรู้เห็นเป็นใจกันฆ่าผู้อื่นฆ่าประมาณ 6คน
คิดแช่งอยากให้ผู้อื่นตาย ทำให้พ่อแม่เสียใจเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง
ศีลข้อ๒
ลักผลไม้คนอื่น เช่น มะม่วง มะขาม ลักสิ่งของตามร้านค้า แม่ค้าทอนเงินเกินไม่คืนเงินแม่ค้า ขึ้นรถโดยสารแล้วไม่จ่ายเงิน มาทำงานสายกลับก่อน เอาสิ่งของหลวงมาใช้ส่วนตัว เอาสิ่งของวัดกลับบ้านชอบของฟรี
ศีลข้อ๓
มีอะไรกับแฟนก่อนแต่งงาน มีเมียแล้วยังเที่ยวผู้หญิง มีกิ๊ก มีใจหมกมุ่นในเรื่องเพศ ดูหนังโป้สื่อลามกทุกชนิด
ศีลข้อ๔
โกหกเพื่อให้ตนเองพ้นผิด ใส่ร้ายผู้อื่น สาบานแล้วไม่ทำดังสาบานไว้ โกหกเพื่อให้ได้ทรัพย์สินเงินทองของคนอื่น พูดลามกหยาบคาย นินทาเจ้านายเพื่อนร่วมงาม นินทาพระราชวงค์
ศีลข้อ๕
ดื่มสุรายาเมาทุกชนิด เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน
ทำผิดต่อพระบรมวงค์
ใช้เท้าเหยียบเงินบาท โยนเงินบาทลงบ่อส้วม คิดว่าพระบรมวงค์ทุกพระองค์ก็เป็นคนธรรมดาไม่เห็นจะต้องยกย่องเทิดทูนทำไม เคยล้อกับเพื่อนเรื่องโครงการหญ้าแฝกว่า ปลูกหญ้าแฝกจะแดกอะไร  
ผลกรรมที่ได้รับ
มีปัญหาการเงิน เป็นโรคคันหัว คันตามตัว อวัยวะเพศเป็นผื่นแดง    มีอาการร้อนที่ขา ลูกดื้อไม่เชื่อฟัง ความรักไม่สมหวัง จิตใจไม่สงบ คิดแต่เรื่องลามก
หลังรู้จักบ้านสวน ชีวิตดีขึ้นทุกด้าน
การเงินพอใช้ไม่มีหนี้นอกระบบเหมือนแต่ก่อน
ความรักไม่มีปัญหา
สุขภาพหายปวดหัว อาการต่างๆดีขึ้น
   ผมขอกราบขอบพระคุณสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระศรีอาริย์
เทวดาและสิ่งศักดิ์ที่รักษาอ.อุบล ทุกๆพระองค์
อ.อุบลและครอบครัวที่ให้ผมมีวันนี้ได้ ขอกราบ
ขอขอบคุณมากครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น จรัล ยาตรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 07:12:39


ความคิดเห็นที่ 136 (1638665)

                            คูณนนทพรนี่นะ

            ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

                และหน้าตาขี้เหร่  เลยนะ

       ท่านคิดว่าคูณปี่น คิดอะไร พูดเพื่ออะไร

                    ดิฉันไม่เคยเห็นคูณปี่นเลยไม่ทราบว่า

           เธอมีหน้าตาสะสวยแค่ใหน แต่น่าจะเข้าข่าย

                                 คนสวยใจดำเป็นแน่

          แต่ได้เจอพูดคูยและนอนห้องเดียวกับคูณ นนทพร 

   เมื่อสัปดาห์ก่อน สัมผัสได้ว่าคูณนนทพรเป็นคนมีธรรมะในใจ

           รักเคารพท่านอาจารย์ไม่เปลี่ยนแปลง จากที่เธอเล่าประสบการ

  ให้ฟัง ในหลายเรื่อง เพราะเธอรู้จักบ้านสวนก่อนดิฉัน

                คนมีธรรมะในใจจะสวยงามที่ใจ

          คนจะงามงามน้ำใจ ไช่ใบหน้า คนจะสวยสวยจรรยา

                ไช่ตาหวาน  คนจะแก่ แก่ความรู้ไช่อยู่นาน

            คนจะรวยรวยศลิทาน ไช่บ้านโต

                  การที่คูณปี่นพูดเช่นนั้น คงเป็นเพราะคูณปี่นริษยา

          คูณนนทพร ที่มีความสูขกว่าตน ต้องการให้คูณนนทพร

                จิตตก ว่ามีปมด้อย ไม่สวยเท่าตน คนที่น่าสงสาร

         คือคูณปี่น เธอชั่งไม่มีความสูขเลยทั้งที่มีโอกาส อยู่ไกล้ชิด

                    ท่านอาจารย์  เพราะเธอมีแต่ความริษยาคนอื่น

                 แต่เอ  น้องหนึ่งจ๋า ที่จั่วหัวข้อ  อวกิเลส เรื่องที่มีคนแนะนำไม่ให้

พี่ไปช่วยงาน ดร.จี๋มนะ เค้าไม่ได้แนะนำค่ะ บังเอินวันนั้นฝนตกสฐานที่แฉะและลื่น

            พี่ไดบอกไปสองคนคือน้องที่โดนคูนไสผมเปียกน้ำมัน และดร.จี๋ม

ว่าให้รอตรงนี้นะมันแฉะเด๋วลื่น พี่ไส่บูธไม่ลื่นเด๋วไปเอง

                        พอพี่บอก ดร.จี๋มไป ได้ยินเสียง ว่าให้ทำหน้าที่ของเราไป

        อย่าไปก้าวก่ายคนอื่นเค้า ดูจิตเราไว้ จำได้วันนั้นทำงานมีความสูขม๊าาก

            พี่ไม่รู้ว่าเสียงมาจากใครจริงๆ เพราะว่ากำลังมีความสูขที่ได้ทำงาน

 ถวายพระพุทธเจ้าและในหลวง เลยไม่ได้จำคำพูด แต่ความหมานประมานนี้

              ขออภัยทุกท่านที่ทำให้ได้ยีนเรื่องระคายใจ

                          อาจเป็นจิตมารไม่ต้องการเห็นพี่มีความสูขก็เป็นได้

       เพราะในวันนั้นจำได้แต่ว่าได้ที้ง ตัวอัตตาออกไปหมดสึ้นมีความสูขที่สุด

               ขอบคุณธรรมะที่ท่านอาจารย์เมตตาสั่งสอนค่ะ

          

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 12:17:59


ความคิดเห็นที่ 137 (1638670)

 

ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังรู้จักธรรมะ

ของพระพุทธองค์

และท่านอ.อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิด

******************************

 

ข้าพเจ้านางสาวเจิดหทัย สุวรรณากาศ ปัจจุบันอายุ 34 ปี ขอเล่าถึงความทุกข์จากกรรมต่างๆที่ได้กระทำและความเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลังจากได้รับธรรมะของพระพุทธองค์เข้ามาในดวงใจ

 เมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่เข้าใจมา "ทำไมชีวิตคนเราถึงเกิดมาแล้วต้องเจอความทุกข์และความสุข" คิดแค่ว่าเป็นธรรมดาของสัตว์โลก และเป็นเรื่องที่ทุกๆคนจะต้องพบเจอเท่านั้น "ไม่ได้มีความคิดหรือใช้ปัญญาที่จะค้นหาทางสาเหตุของความทุกข์และปัจจัยที่ส่งผลให้เรามีความสุขแต่อย่างไร"

 ในเวลาที่มีความสุขก็ตักตวงความสุขนั้นไว้อย่างเต็มที่ ไม่เคยคิดที่จะแบ่งปันความสุขที่ได้รับให้ผู้อื่นด้วยจิตบริสุทธิ์หรือบางครั้งการแบ่งปันของข้าพเจ้ามักจะต้องมีสิ่งตอบแทนกลับมาเสมอ เช่น ไปทำบุญบริจาคเงินและสิ่งของที่บ้านเด็กอ่อนไปทำบุญตักบาตรตามประเพณีหรือไปทำบุญถวายสังฆทาน  "ข้าพเจ้ามักจะคิดว่าสิ่งที่เราจะต้องได้รับจากการทำความดีกลับมาเสมอคือบุญ"

 ขณะเดียวกันในเวลาที่ข้าพเจ้าต้องพบเจอความทุกอย่างแสนสาหัสนั้น "ข้าพเจ้าก็รู้แต่เพียงว่าบุญเท่านั้นที่ช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากความทุกข์ จึงมุ่งทำบุญเพื่อหวังผลตอบแทนเช่นกัน" แต่ทุกๆครั้งที่ไปทำบุญที่วัดข้าพเจ้ากับได้รับความไม่สบายใจกลับมาแทบทุกครั้ง เพราะมักจะไปเจอกับพระที่เป็นเพียงสมมุติสงฆ์เท่านั้นและ "ทำได้เพียงแต่รู้สึกเศร้าใจกับความเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนาโดยที่ไม่ได้คิดว่าตนเองจะช่วยธำรงพระศาสนาอย่างไร" ดังนั้นข้าพเจ้าจึงหันหลังจากธรรมะของพระพุทธองค์และแสวงหาทางแก้ไขทุกข์ด้วยการดูดวง และแก้กรรมด้วยพิธีกรรมต่างๆ

 จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าได้รู้จักกับบ้านสวนพีระมิดอันเป็นบ้านพักส่วนตัวของ "ท่านอ.อุบล และท่านอ.มงคล ศุภาเดชาภรณ์" ตั้งอยู่ที่อ.บ้านนา จ.นครนายกผ่าน  www.baansuanpyramid.com   ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าอะไรดลบันดาลใจหรือชักนำให้ข้าพเจ้าเจอเว็ปไซด์อันนี้ จึงขอเรียก "ธรรมะจัดสรร" 

 ท่านอาจารย์อุบลได้ฉุดข้าพเจ้าขึ้นมาจากความทุกข์และขุมนรกในใจด้วยการนำธรรมะที่ง่ายๆ สั้นๆและกระชับและศีล 5 มาแสดงธรรมะบำบัดคนกิเลสหนา และมอบปัญญาให้ข้าพเจ้ารู้จักคิดไตร่ตรอง เพื่อมองหา “เหตุแห่งทุกข์” โดยให้ข้าพเจ้ามองหาสาเหตุของความทุกข์จากการกระทำของข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าต้องหยุดคิดและหันมามองการกระทำและจิตของตนเอง และเลิกที่จะมองหาเหตุและกล่าวโทษผู้อื่นท่านอาจารย์อุบล ซึ่งเป็นฆราวาสยังทำให้ข้าพเจ้าเห็นว่าธรรมะของพระพุทธองค์นั้น ปุถุชนทั่วไปก็สามารถนำมาปฏิบัติได้ขอเพียงแค่กำลังใจ (บารมี) ที่เต็มเปี่ยม เชื่อมั่นศรัทธาในคุณงามความดีและหลักคำสอนของพระพุทธองค์  เมื่อนั้นต่อให้มีมารหรือกิเลสอะไรมายั่วยุเรา ความศรัทธานี้จะเป็นเสมือนเกราะคุ้มครองเราจากความชั่วร้ายทั้งปวง

  นอกจากนี้ท่านอาจารย์อุบลยังทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจความหมายของการทำบุญอย่างแท้จริง คือการทำความดีนั้นเราไม่ควรจะมีความอยากหรือหวังสิ่งตอบแทนเช่นที่ข้าพเจ้าหวังบุญที่จะได้รับกลับคืนมา แต่เราควรจะทำความดีด้วยจิตบริสุทธิ์คือจิตที่คิดจะเป็นผู้ให้ ทำความดีเพราะรู้ว่าสิ่งๆนั้นเป็นความดี นี้คือแก่นแท้ของการทำบุญเพราะยิ่งเราทำความดีหรือเป็นผู้ให้มากเท่านั้น ก็เสมือนหนึ่งเรากำลังให้ตนเองคือ ให้การลดละอัตตา ลดละในขันธ์ห้าของตนเอง

  หลักปฏิบัติของบ้านสวนนั้นจะเน้นในบุญแรงกายเพราะเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ไม่ได้เบียดเบียนผู้ใด และบุญธรรมทานคือการสมาทานศีลเพื่อนำตนเองเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นได้เห็นถึงกฏแห่งกรรม ผลของการทำความชั่วนั้นเป็นอย่างไรเพื่อให้ผู้อื่นที่ได้รับรู้นึกถึงบาปกรรมของตนเองเอง ดังนั้นข้าพเจ้าจะขอลดละอัตตา ขอนำส่วนหนึ่งของชีวิตซึ่งเป็นบาปกรรมที่ติดแน่นอยู่ในใจ ที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องตกนรกทั้งเป็นมาบอกเล่าแก่ผู้อื่น

 เรื่อง : ละครชีวิตจริงน้ำเน่ายิ่งกว่านิยาย (สมาทานศีลข้อ2-3-4)

ปัจจุบันข้าพเจ้ากับสามีแต่งงานกันมาได้ 3 ปีเดิมที่นั้นสามีมีแฟนอยู่แล้ว อันเป็นจุดเริ่มต้นให้ข้าพเจ้าทำผิดศีลข้อ 2-3-4 คือ การที่เราไปแอบชอบแฟนชาวบ้าน แล้วก็ไปยุ่งกับแฟนชาวบ้านเขาและ ท้ายที่สุดเราก็คือผู้ชนะในเกมส์แต่เป็นผู้ที่แพ้ใจตนเองอย่างยับเยินนั้น

ระหว่างนั้นที่ข้าพเจ้าก็ได้ทำผิดศีลข้อ 4คือคอยพูดจายุยงส่งเสริมให้สามีกับแฟนเก่าของเขาทะเลาะกันรวมทั้งกิ๊กอีกคนของสามี โดยการใส่ไฟต่างๆนานาพูดง่ายๆว่าโกหกปริ้นปร้อนกระล่อนตอแหล แต่การที่เราจะใส่ไฟใครสักคนเราก็จำเป็นต้องรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายด้วย...จึงเป็นที่มาให้หนึ่งทำผิดศีลข้อที่เพิ่มขึ้น (นอกเหนือจากการแย่งของๆผู้อื่น)

ข้าพเจ้าได้ใช้คอมพิวเตอร์ของสามีและก็แอบขโมยดูข้อมูลต่างๆที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ ทำให้เจอข้อมูลต่างๆของแฟนเก่าและกิ๊กของสามี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการทำงานรูปภาพ รายงานต่างๆและที่สำคัญก็เจอว่าแฟนเก่าของสามีได้มีการ login email ที่คอมพิวเตอร์ด้วย จึงได้หาโปรแกรมแฮกข้อมูล password เพื่อจะขโมย password email ซึ่งก็ทำสำเร็จคือได้รหัสผ่านของทั้งคู่และก็ได้ล็อคอินเพื่ออ่านเมลของทั้งสองคนเพื่อนำข้อมูลมาใส่ไข่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน

ทำให้ทั้งคู่หวาดระแวงกันมากขึ้นว่าทำไมข้าพเจ้าถึงรู้ข้อมูลของทั้งสองคน ทางแฟนเก่าของสามีก็คิดว่าสามีเอาเรื่องของเขามาเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ในขณะที่ทางสามีก็คิดว่าทางแฟนเก่าของเขาโทรมาหามาคุยกับข้าพเจ้า  ซึ่งเรื่องราวต่างๆก็ยังคงยืดยื้อมาเกือบปีและเป็นช่วงเวลาที่ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นแต่ละวันหาความสุขในชีวิตไม่ได้ เพราะต้องคอยระแวงหาเวลาแอบlogin เพื่ออ่านemail รวมถึงแอบลบ email ที่ทั้งคู่ส่งหากัน. 

จนกระทั่งข้าพเจ้าตัดสินที่จะยุติการกระทำของตนเองเพราะรู้สึกว่ายิ่งตนเองต้องมาพยายามมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณค่าของตนเองมันน้อยลงมากเท่านั้นและก็ตัดสินยื่นคำขาดกับสามีตนเองและสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกข้าพเจ้าและเลิกติดต่อกับแฟนเก่าของเขา แต่ชีวิตหลังจากนั้นข้าพเจ้ากลับไม่มีความสุขเลย และก็จะหงุดหงิดโมโหแฟนมาก บางครั้งแค่เห็นหน้าก็ของขึ้นอารมณ์ทั้งรักทั้งเกลียด และก็เริ่มไม่แน่ใจตนเองว่าเรารักคนนี้จริงๆหรือเพียงแค่ต้องการจะเอาชนะแฟนเก่าของสามีกันแน่ 

ลึกๆเริ่มกลัวบาปกรรมจึงได้คิดโยนความผิดในสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปให้สามีเช่น ถ้าเขาไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเราชีวิตเราคงจะดีกว่านี้เราคงไม่ต้องทำบาปทำกรรมมากมายขนาดนี้ แต่ไม่เคยมองหรือส่องกระจกดูตนเองเลยว่าถ้าเรามั่นคงในศีลเราจะไม่คล้อยตามต่อสิ่งที่ยั่วยุแต่อย่างไร และยิ่งรู้ว่าสิ่งที่เราได้กระทำลงไปนั้นตนเองไม่สามารถที่จะย้อนกลับมาแก้ไขมันได้อีกก็ยิ่งทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น

เมื่อกรรมจากการกระทำในครั้งนั้นรวมตัวกันก็ทำให้ข้าพเจ้ามักจะโดนทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องในที่ทำงานใส่ร้ายอยู่เสมอๆและเขาก็ไปยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นไม่ชอบเราไปด้วยแม้กระทั่งลูกน้องที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้แค่วันเดียวก็พลอยโดนยุไปด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าสามารถยืนหยัดอยู่ในโลกปัจจุบันได้และก็ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นเขาจะคิดกับตนเองอย่างไรก็คือคำสอนต่างๆของท่านอ.ทำให้ตนเองไม่เอาเรื่องราวเล่านั้นเก็บมาคิดหรือเอามาเป็นอารมณ์และสามารถทำงานอย่างมีความสุข

สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับจากบ้านสวนพีระมิด : ข้าพเจ้าเข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตมากขึ้น รู้จักคิดที่ช่วยเหลือผู้อื่นให้เขาได้รับโอกาสที่ดีและหลุดพ้นจากกองทุกข์ดังเช่นที่ข้าพเจ้าเคยเจอมาก่อน “สิ่งที่มีค่ายิ่งคือความสุขทางใจ ที่มิอาจหาซื้อได้ด้วยเงินทอง และผลพล่อยได้คือ สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น มีสติ มีปัญญารู้จักคิดตรึงตรองและสร้างบาปกรรมน้อยลงและคนรอบข้างก็มีความสุขมากขึ้น รวมถึงสถานะทางการเงินของสามีก็ดีขึ้นมาก

 ถ้าธรรมทานของข้าพเจ้าพอจะมีประโยชน์และความดีทำให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักถึงกฏแห่งกรรม ข้าพเจ้าขอถวายบุญนี้ให้กับผู้มีพระคุณที่ช่วยกับชุบชีวิตใหม่ให้ข้าพเจ้าโดยเฉพาะท่านเจ้าของบ้านสวนพีระมิด ขอถวายบุญนี้ให้กับเทวดาที่ปกปักรักษาท่านเจ้าของบ้านสวนพีระมิดคือ อาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคลและคุณท็อป (ครอบครัวศุภาเดชาภรณ์) อันได้แก่สมเด็จองค์ปฐม พระศรีอาริย์ เสด็จพ่อเวสสุวรรณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งอนันตจักรวาล รวมถึงพระเทวทัตและพระเจ้าอชาตศัตรู พร้อมถึง เทวดาที่ปกป้องรักษาหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน ผู้ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งครูสอนกรรมฐานคนแรกของข้าพเจ้าและ องค์เทพมหิทธาและหลวงปู่โต ที่ได้เมตตาคุ้มครองข้าพเจ้าตลอดมา พร้อมถึงเทวดาที่คุ้มครองข้าพเจ้า มารดาบิดาคู่ครองและบุตร ขอให้ท่านมีรัศมีกายที่สว่างไสวและอุทิศบุญนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ตามติดข้าพเจ้าและครอบครัวขอให้ไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 12:45:03


ความคิดเห็นที่ 138 (1638673)

โอ้โหน้องมิ้ม หมอก็เห็นแม่มด

แต่ไม่กล้าพูด เพราะไม่ค่อยแน่ใจ ความรู้สึกของตัวเอง

รออยู่ว่าจะมีใครเห็นบ้าง อิ อิ

กลัวตัวเองจะเพี้ยนเหมือนกัลล์catt3

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 12:52:38


ความคิดเห็นที่ 139 (1638702)

โอ้โห มาทำไรกันที่กระทู้เนี้ย อ่านไม่ทันเรยครับ มา...งั้น ผมขอเล่าเรื่อง ชีวิตการทำผิดศีล5 ของผมบ้างน่ะครับ แต่ครั้งนี้ ผมขอเริ่มจากศีลข้อ3 ก่อนน่ะครับ น่าจะเหมาะกับตัวมากที่สวด เอาโดยย่อพอเนอะ 55+ เขิ้น..

( ศีลข้อ3 กาเมสุมิจฉาจาร )
ตัวผมนั้นเริ่ม ทำผิดศีลข้อนี้มาตั้งแต่เด็กครับ ที่แบบเห็นภาพชัดเรยก็เริ่มตั้งแต่ สมัยเรียนมัธยมต้นน่ะครับ ตอนนี้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อพอดีเรยครับ ตอนนั้นยังไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ให้ใครน่ะครับ แต่เรื่มเข้าไปศึกษากระบวนการ การมีเพศสัมพันธ์อย่างมากแล้วครับ คือ จะเริ่มอ่านหนังสือโป๊ะบ้าง ดูวีดีโอโป๊ะบ้าง เรียกว่าภาคทฤษฎีนั้นแน่นปึกครับ ถ้าภาษาหนังจีนนั้นคือ กำลังภายในนั้นเข้าขั้นแล้วครับ  แต่ที่เริ่มหนักจริงๆนั้นคือ ตอนช่วงสมัยเรียนมหาลัยครับ เรียกว่า มาผิดศีลห้าอย่างจริงจัง ก็ตอนเนี๊ยะ เอาเฉพาะศีลข้อ3 ก่อนน่ะครับ
ตอนสมัยนั้น ผมว่าผมเองเป็นคนที่ จัดอยู่ในเกณฑ์หน้าตาดีพอประมาณครับ ตอนนั้นก็จะมี แฟนเยอะครับ ผมมีแฟนคบผู้หญิงหลายคนในเวลาเดียวกันครับ จำไม่ได้ว่ากี่คน เอาเป็นว่าประมาณ 5 คนมั้งครับ และเป็นแบบต่อเนื่องน่ะครับ ประมาณ เลิกคนนี้ เบื่อคนนั้น ก็มีใหม่ หาใหม่ ทันที ไม่ต้องรอให้เหงาใจกันครับ แฟนผมแต่ละคน ก็มักจะเสียใจมาก เพราะผมจะทำนิสัยเจ้าชู้อยู่เป็นประจำ และโดนจับได้ตลอด ว่านอกใจ เรียกว่า ร้องไห้เพราะผมนั้นแทบทุกคน แต่ละคน ผมก็จะมีเพศสัมพันธ์ด้วยเป็นส่วนใหญ่ พอผมเบื่อแล้วผมก็จะเลิกกะเขา พูดง่ายๆคือ ฟันแล้วทิ้ง เป็นอย่างนี้ อยู่จนเป็นสันดานครับ สมัยเรียนผมก็จะมีแก็งค์ของผม ซึ่งชอบเที่ยวกลางคืน เราชอบเที่ยวกลางคืนกันมากครับ ที่เป็นประจำก็คือ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ครับ ในการเที่ยวแต่ล่ะครั้งของผมและเพื่อน สุดท้ายก็มักจะจบลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์ กับผู้หญิงที่ได้รู้จักกันในคืนนั้นครับ ซึ่งผมเข้าใจว่า สมัยนี้มันเป็นค่านิยมไปแล้วครับ ผู้หญิงที่ผ่านชีวิตผม ก็มีตั้งแต่ เด็ก จน ถึงผู้ใหญ่ ผมไม่ได้กะเกณฑ์ว่า ต้องอายุเท่าไหร่ คือ ใครที่ผมที่คิดว่า ฟันได้ ผมก็เอาหมด ล่ะครับ ซึ่งคนที่ผมจะฟันเขา ผมก็ พยายามจะหว่านล้อม ทุกอย่าง ทั้งมารยา 500 เล่มเกวียน เพื่อให้ได้ฟัน พอฟันแล้ว ก็ทิ้งเหมือนเดิม ไม่เคยได้คบใครแบบจีรัง กันซักทีครับ
พอเรียนจบ ความเลวของผมก็ยังคงมีอยู่อย่างนี้อย่างต่อเนื่อง ทีนี้ หนักๆเข้าเริ่มเป็นชู้กับชาวบ้านเขาบ้างล่ะ เช่น ในสถานที่ทำงาน เพราะผมทำงานอยู่ในโรงงาน และในโรงงานของผมส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจำนวนผู้หญิงโรงงานที่ผมได้ฟันก็ไม่น้อยครับ ทั้งที่มีลูกแล้ว มีครอบครัวแล้ว มากมายจนจำไม่ไหวครับ บางคนเค้าให้ผมฟันนั้น ก็บางที ก็มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป เช่น อยากทำงานสบาย อยากเทห์บาง เป็นต้น แต่ที่รักชอบผม นั้นก็มีเยอะครับ ผมทำงานมาได้ประมาณ 7 โรงงาน รวมประมาณ 10 ปีกว่า ลองคิดดูสิครับ ว่าความเลวของผมจะมีมากเท่าไรครับ
 ตอนทำงานแล้วนั้น เงินเดือนก็ได้มาพอสมควรครับ วิถีชีวิตในการเสพผู้หญิง ก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้าง บางที ก็เริ่มเปลี่ยนสไตล์ จากการเที่ยวกลางคืน ไป เป็นไปใช้บริการ อาบอบนวดคับ ก็คือซื้อบริการทางเพศนั่นเอง ครับ มีอยู่ครั้งนึง เกือบเอาชีวิตไม่รอดครับ คือ ผมคบกับ บริการ คนนึงครับ รู้จักกันในซ่องนั่นแหละครับ ก็ไปมาหาสู่กันระยะนึงน่ะครับ เขาก็ทำงานของเขา ผมก็ไม่คิดอะไร คือ ดีครับ ไม่เสียตังค์ คิดแค่นี้ ไม่จริงจังอะไร แต่ผู้ คนนั้น คิดอะไร มากกว่านั้น รึเปล่านั้น ผมไม่สนครับ รู้แต่ว่า เค้าบอกว่า ไม่มีแฟน แล้วก็เคย มีเสี่ยเลี้ยงครับ ประมาณนั้น มีอยู่วันนึ่ง ผมอยู่ด้วยกันกับเขาที่ห้องของผู้หญิง อยู่ๆก็มีคนมีเคาะประตัง ดังปังๆๆๆ วินาทีนั้น ผมคิดในใจว่า เอาแล้ว เสี่ยแม่งมาแน่ๆ คนนั้นมองลอดประตูไปตรงช่องตาแมว แล้วหันหน้ามาด้วยอาการลุกรน ตอนนั้น ผมรีบใส่เสื้อผ้า แล้วหนีออกมา จากห้องเขา ด้านหลังห้องครับ ลืมบอกไป ห้องน้องเขา อยู่เป็นคอนโดครับ พอดีอยู่ตรงชั้นลอย ผมออกไปหลังห้อง แล้วโดนลงมาจาก ห้องเขา ซึ่งสูงน่าจะประมาณตึกเกือบ 3ชั้น จากชั้นลอย ตอนนั้นไม่กลัวแล้วครับ กลัวตายมากกว่า พอโดดลองมา ผลปรากฎคือกระดูกส้นเท้าแตก เจ็บปวด ทรมานมากครับ ตอนนั้น นึกในใจ ว่า ถ้าคราวนี้รอด จะไม่เอาอีกแล้ว ศีลข้อ3 จะไม่ทำอีกแล้ว ก็ประคับประคองหนีออกมาได้ พอเวลาผ่านไป ได้ไม่นาน ก็เอาใหม่ กลับไปเจ้าชู้เหมือนเดิม เรียกว่าไม่เข็ด
ช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดการทำงาน 10 ปีกว่า ผมทำงานเป็นหัวหน้าคน มีลูกน้องเป็นร้อยคน ผมเฝ้าแต่ถามตัวเอง ว่าทำไม่เราทำงานเหนื่อยจัง แต่ทำไมไม่รวย แถมลูกน้องของผม ก็ดื้อมากๆ ดื้อขนาดว่า ต้องคอยกวดขัน ติดตามกันตลอดเวลา ไม่งั้นงานไม่เดิน ไม่สำเร็จ อีกอย่างเวลาจะขอความร่วมมืออะไร ก็ยาก ต้องทั้งผลัก ทั้งดัน แต่ก็ยากที่ได้ความร่วมมือครับ ไม่เห็นลูกน้องของคนอื่นเป็นเหมือนผมเรย ถ้าเป็นก็นิดๆหน่อยพอมีบ้าง
ปัญหาเรื่องสุขภาพ เริ่มทะยอยมารายงาน แต่ที่เห็นชัดเจน ก็เป็นเรื่องสายตาครับ คือสายตาของผมปรกติครับ ไม่สั้น ไม่ยาว แต่มันมีอาการเป็น เหมือนมีอะไรดำๆ ลอยอยู่ในลูกกะตา มันจะขวางๆหน่อยครับ ผมจะลำคาญ เพราะว่ามันจะลอยเกะกะไปมา ครับ
ปัญหาสุขภาพอีกเรื่องนึงของผม ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเรยก็ว่าได้ครับ คือ อยู่มาวันหนึ่ง ผมกำลังขับรถอยู่ อยู่ๆหัวใจของผม มันก็เต้นแรงขึ้นมา แรงมากจนมันจะวายให้ได้ ตอนนั้นจอดรถอยู่ข้างทาง บนทางด่วน นั่งอยู่เฉยๆ ทำอะไรไม่ได้ พออาการดีขึ้นก็ค่อยๆขับรถประคองตัวไป ที่สุดก็ให้เพื่อนมารับ
หลังจากนั้น อาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ เป็นมากขึ้น ความถี่เริ่มเป็นทุกวัน วันนึง2-3ครั้ง ไม่กล้าไปหาหมอ กลัวรู้ว่าเป็นมาก อีกอย่างนึงคือ ไม่มีเงิน แล้วกลัวแม่รู้ เดี๋ยวแกจะเป็นทุกข์ ไปกับเราด้วย
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ไปทำงานไม่ไหว ต้องหยุดงานประมาณ 2 วัน ตอนนั้นนั้นไม่รู้จะทำอะไร นั่งๆนอนๆ ก็เรยเล่นอินเตอร์เน็ต เล่นไปเล่นมา ก็เรยไปพบ คลิปของบ้านสวนพีระมิด www.Baansuanpyramid.comดูไปดูมา ก็สนใจ เพราะว่าที่พิสูจน์เรื่องกฎแห่งกรรม สอนให้รักษาศีล5 ใครเจ็บป่วยมาก็หายได้ ถ้าสารภาพบาป และสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ก็พอดีตอนนั้น แม่ผมก็ป่วยอยู่เหมือนกัน เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น ไปหาหมอมาหลายโรงพยาบาล แต่ก็ไม่หาย ก็เรยพาแม่มาที่บ้านสวนฯพีระมิดแห่งนี้ ปรากฎว่า แม่ผมหายเป็นปกติเรยครับ หายในวันเดียว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้รู้จัก กับบ้านสวนพีระมิด และมาทำบุญกับที่นี่อยู่เป็นประจำครับ
ผมรู้จัก บ้านสวนพีระมิดได้ประมาณ 1.5 ปีแล้วครับ จากปัญหาเรื่องสุขภาพโรคหัวใจ แต่หลังจากมาที่บ้านสวนพีระมิด ผมเริ่มรักษาศีล5 อย่างจริงจังสุขภาพของผมก็ดีวัน ดีคืน โดยไม่ต้องกินยา หาหมอ ด้วยครับ จากอาการหัวใจจะวาย ใจสั่น ซึ่งแต่ก่อนเป็นเกือบทุกวัน ก็กลับห่างขึ้น เป็นเดือน จนแทบไม่มีการหลงเหลืออยู่เรยครับ ลูกน้องก็เหมือนกันครับ จากเดิม ที่เคยเกเร ก็ค่อยๆเปลี่ยนนิสัยครับ คือดีขึ้นครับ ไม่ค่อยเกเรอย่างแต่ก่อน เวลามีอะไรที่ต้องขอความร่วมมือ ก็พร้อมเพียงดี ไม่มีปัญหาอย่างแต่ก่อนครับ
ซึ่งในตอนหลังท่านอาจารย์อุบล ท่านเมตตา ท่านบอกผมว่า... ก็ทำไว้เยอะน่ะซิ ถ้าอยากผ่าตัดทำบายพาส ก็หักอกผู้หญิงเยอะๆน่ะจ๊ะ ทำให้คนอื่นเสียใจเยอะๆน่ะ .....ทันทีที่ท่านอาจารย์อุบล พูดผมกลับมามองตนเองและพิจารณา อย่างเร่งด่วนเรยครับ นั่งคิด พิจารณา เออ..จริงๆว่ะ กูนี่หลอกฟันผู้หญิง มานับไม่ถ้วน ทั้งเป็นชู้ มีกิ๊ก เที่ยวสถานบริการ ถ้านับแบบคร่าวๆ ก็น่าจะถึง 500 คน น่ะครับ อันนี้ไม่ได้โม้ครับ เรื่องจริง คือทำให้ คนอื่นเสียใจมาเยอะจริงๆครับ พ่อแม่ก็เสียใจ ผู้หญิงที่เราหลอกฟันก็เสียใจ ตอนทำงานใหม่ๆก็มีลูกน้องเยอะครับ ผมก็ปกครองแบบไม่ปราณี คือ กดดัน สารพัด เพื่อให้งานออกมาดี โดยไม่สนเรื่องของจิตใจพนักงาน ใครขัดขืน ก็ไล่ออก งดไม่ให้ทำโอที สุดท้ายเขาอยู่ไม่ได้ก็ลาออกไป เนี่ยะล่ะครับ
สรุป...ใครอยากเป็นโรคหัวใจ ก็เชิญทำแบบผมได้น่ะครับ หรือใครคิดว่า ฉันทำไปแล้ว แต่ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้ งั้นก็ขอให้เลิก หยุดทันทีน่ะครับ ส่วนเรื่องปัญหาเรื่องสายตานั้น แน่นอนครับ ก็ผมเคยดูหนังโป๊ะ หนังเอ็กซ์ ภาพลามก อนาจาร จึงทำให้ผมมีปัญหาเรื่องสายตาน่ะครับ และที่สำคัญที่ผมเคยได้ยินมานานแล้วแต่ไม่รู้จริงอะเป่าคือ เรื่องอานิสงค์ของการผิดศีลข้อ3 คือ ถ้าใครมีบริวาร หรือลูกหลาน เขาทั้งหลาย จะดื้อ ไม่เชื่อฟัง ซึ่งตอนนี้ ผมกระจ่างใจแล้วครับ เพราะผมพิสูจน์มาแล้วด้วยตนเอง ใครไม่เชื่อผม จะลองพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อน ก็ได้น่ะครับ ผมไม่สงวนลิขสิทธิ์ หวังว่าธรรมทานนี้ คงจะมีประโยชน์ แก่ผู้ที่ได้อ่าน ไม่มากก็น้อยน่ะครับ..
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 17:18:11


ความคิดเห็นที่ 140 (1638723)

ผม ด.ช.ศักดิ์ดา วนะมณีเทศ ชื่อเล่น บูม อายุ13ปี เพศ ชาย เกิดวัน

ที่13 เดื่อน พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 ต่อด้วยธรรมทาน

มีวันหนึ่งแต่ผมจำวันไม่ได้นะครับ ตอนเย็นประมาณบ่าย3ผมไปกินน้ำ

เรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินออกมาอยู่ดีๆก็ล้มลงไปนอนอยู่กลับพื้นแล้ว

ก็ปวดท้องอย่างรุณแรงแล้วก็จะลุกออกจากพื้น

พอลุกออกจากพื้นได้ผมก็วิ้งไปหาพ่อแล้วก็ร้องไห้แล้วก็บอกพ่อว่าปวดท้อง

แล้วพ่อก็ร้องบอก อ.อุบล ค๊าปน้องบูมปวดท้องค๊าปแล้ว อ.อุบล ก็ออกมา

จากบ้าน แล้ว อ.อุบล ก็บอกว่า ขอบารมีองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์

ปฐมขอให้น้องบูมหายจากอาการปวดท้องด้วยอย่างรุณแรงด้วยเถิดแตก็ไม่หาย

แล้ว อ.อุบล ก็พาไปหา เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ แล้วถามผมว่าเคยเอา

อะไรแหรมๆไปแทงมันมั้ยผมก็บอกว่าจำไม่ได้ค๊าปผม แล้วพอถึง เสด็จพ่อ

ท้าวเวสสุวรรณ แล้วก็คิดได้ ว้าเอาธนูไปยิงกิ้งก่าติดท้องมันแล้วก็ไปทำเป้งกำ

ข้าวอย่างอร่อย มากแล้วก็หายปวดท้องในทันที แล้ว อ.อุบล ก็พาขอบคุณ

ท้าวเวสสุวรรณ ผมจำไม่ค่อยได้เอาเป็นว่าจบแล้วนะค๊าปผม


นี่คือธรรมทานของบูม  ด.ช.ศักดิ์ดา วนะมณีเทศ นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ด.ญ. ยุพินดา วรรณรักษ์ ( น้องกระต่าย) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 19:38:48


ความคิดเห็นที่ 141 (1638726)

เรื่องของตัวเองจะเขียนลำบากหน่อยหละคะ

เพราะที่แย่ๆ ก็ไม่อยากให้ใครรู้ แต่พอเรื่องไม่ดีของคนอื่นเราชอบเล่า น่าไม่อายเนาะ

เมื่อก่อนมารู้จักบ้านสวนพีระมิด หมอเป็นโรคคันหูทั้งสองข้างจนขนลุก เป็นอยู่นานหลายเดือน หูเริ่มมีกลิ่นไม่ค่อยจะดีนัก ได้ไปตรวจกับหมอหู ก็ว่าเป็นเพราะใช้ cotton bud เช็ดหูบ่อยเกินไป พอได้ยามาใส่ก็ดีอยู่ไม่กี่วันก็มีอาการคันอย่างเดิมอีก เป็นทุกข์อยู่นาน

โชคดี ที่ได้มาเข้าค่ายที่บ้านสวนพีระมิด อาจารย์อุบล บอกว่าเป็นกรรมจากการที่ชอบฟังเรื่องนินทาเกี่ยวกับพระราชวงค์ หลังจากได้ขออโหสิกรรมต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชีนีนาถ และพระราชวงค์ แล้วอาการก็ค่อยๆดีขึ้นจนแทบจะหายไปเลย

แล้วจู่ๆเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีอาการคันหูอีก ก็คิดว่าน่าจะเป็นกรรมที่เอาเรื่องเชื้อพระวงค์มานินทาอีกแล้ว

พอสำนึกได้ อาการก็หายไปทันที

 สาธุ สาธุ ขอบคุณอาจารย์อุบลที่บอกให้รู้เหตุแห่งทุกข์  ต่อไปนี้จะต้องระมัดระวังศีล ข้อ 4 ให้ดีกว่านี้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 19:52:15


ความคิดเห็นที่ 142 (1638729)

วันนี้ขอเล่าเรื่อง ผมชอบเอาเปรียบภรรยา

ผมกับภรรยาได้แต่งงานกันปี 49 ก่อนแต่งงานผมก็มี

ผู้หญิงหลายคน แต่ผมก็ไม่ได้จริงใจกับเขา พูดง่ายๆ

คือหลอกฟัน ตอนนั้นก็ยังโสด ผู้หญิงเขาก็ถามว่า มีเมียยัง

ผมก็ตอบตรงๆ  ยัง  เพราะตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงานจริงๆ

แต่ก็ยังคบภรรยาคนนี้อยู่ หมั้นแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่ง

อาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย พลิกแพลงไปเรื่อยเปื่อย

ทำให้ผู้หญิงเขามีความหวัง ว่าผมยังโสด

แต่สุดท้ายผมก็ฟันแล้วทิ้ง แต่ผมทิ้งแบบนุ่มนวล หาเหตุผล

สารพัดมาอ้าง จนเขาทิ้งผมไปเอง  จนผมได้มาเจอ

นักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง ถูกสเป็ค ขาว อวบ น่ารัก

อาศัยความคุ้นเคย

เจอกันทุกวัน นานๆเข้าพัฒนาจากคนรู้จักมาเป็นคนรู้ใจ

สุดท้ายก็เรียบร้อย แต่คนนี้ผมก็มีความรู้สึกจริงใจกับเขา

ไม่อยากทำให้เขาต้องเสียใจ ตัดสินใจไม่ถูกว่าเลือกใคร

คืออยากเก็บเธอใว้ทั้ง 2 คน

และในที่สุดผมเลยตัดสินใจบอกความจริงกับทั้งสองคน

ให้เขา 2 คน ตัดสินใจกันเอง 

ถึงหน้าตาผมจะสู้คุณธนาไม่ได้ แต่ให้ดูจากผลงานเด้ออ้าย

ขอแวะนิดนึง

จนในที่สุดเรื่องราวก็เดือดร้อนถึงพ่อแม่ ต้องมาเคลียร์

พ่อบอกอย่าทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อนเลย แค่นี้ก็ขายหน้าเขา

มากพอแล้ว หมั้นกันแล้วก็แต่งกันเถอะ

ในที่สุดผมก็ได้แต่งกับภรรยา

แล้วน้องคนนั้นเมื่อเขารู้ผมแต่งงานแล้วเขาก็หายเงียบไปเลย

ที่เล่าความชั่วของตัวเองมาทั้งหมด

ก็เพื่อจะให้เห็นสาเหตุว่าทำไม

ผมจึง ต้องโกหก เอาเปรียบภรรยา

สาเหตุคือต้องเอาเงินไปเที่ยว กิน เลี้ยงผู้หญิง

ถ้าเงินตัวเองหมด ก็โกหกเอาเงินจากภรรยา

โดยยกเอาเรื่องต่างๆมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้เงินมา

เพื่อสนองกิเลสตันหาของตัวเอง

จนผมได้มารู้จักบ้านสวนฯก็เลิกทุกอย่าง ทำตามที่อาจารย์

สอน ไม่เอาของที่ทำงานไปใช้ส่วนตัว

ไม่ผิดลูดผิดเมียคนอื่น ไม่กินเหล้า ไม่ซื้อหวย

คือทำได้เกือบทุกข้อ แต่เรื่องโกหกภรรยาเรื่องเงินเดือน

ยังทำอยู่ เวลาภรรยาขอดูสลิปก็บอกอยู่ที่ทำงานไม่ได้เอามา

ภรรยาผมเขาดีมาก ไม่สนใจหรือเอาเงินเดือนผม

ให้ผมใช้อย่างอิสระไม่ได้มาวุ่นวายเหมือนคนอื่นเขา

คือผมก็ไม่ได้เอาเงินไปใช้ในทางที่ผิด

ก็ส่งให้พ่อเอาใว้ใช้จ่าย กลัวภรรยาขอ เลยต้องโกหกว่าเงิน

เดือนน้อยและให้ภรรยาออกค่าเช่าห้องมากกว่าเพราะว่า

เขามีเงินเดือนเยอะกว่า   เอาเปรียบภรรยามาหลายปีจนเป็น

ความเคยชิน เป็นสามีที่ประเสริฐมาหลายปี

  ถ้าไม่ได้อ้ายสุดหล่อมากระทุ้งให้ตื่นคงจะโง่อีกหลายปี

มิน่าหละเวลาทำงานหัวหน้าก็จะสั่งแต่ผม

คนอื่นเขานั่งอยู่เต็มห้อง จะพุ่งเป้ามาที่ผมคนแรกเลย

แล้วเงินเดือนตำแหน่งผมเมื่อเทียบกับแผนกอื่น

ต่างกันเยอะ ซึ่งปกติเรทเงินเดือนตำแหน่งแต่ละแผนกต้อง

เท่ากัน แต่ว่าผมโดนกดต่ำกว่าทุกแผนก

 เห็นหรือยังว่าเวรกรรมมีจริง

เอาเปรียบคนอื่นยังงัย

ผลกรรมออกจะออกมาคล้ายๆ กัน

โกหกว่าเงินเดือนน้อย สุดท้ายก็น้อยกว่าแผนกอื่นจริงๆ

และเวลาทำงานเราก็จะโดนคนอื่นเอาเปรียบเหมือนกัน

กฎของกรรมยุติธรรมเสมอ

 

กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 20:33:27


ความคิดเห็นที่ 143 (1638733)

กระต่ายเคยไปล้อเพื่อนว่าผมฟูแล้วก็หยิกนิดๆ

แล้วก็ตั้งฉายาให้เพื่อนว่าฟูฟ่อง

เเล้วตอนนี้กระต่ายก็ได้รับกรรมที่ทำเเล้วค่ะ

ตอนนี้ผมเริ่มหยักโศกเเล้วก็ฟู

ตอนนี้ได้สำนึกผิดเเล้วค่ะ

เเละมีอีกเรื่องนึงที่นึกออกคือ

เมื่อตอนที่ไปโรงเรียนมีรุ่นพี่คนนึง

เขาขาลายเป็นจุดๆดูเเล้วไม่สวย

ต่ายก็ชี้ให้เพื่อนคนอื่นดูว่าขาพี่เขาไม่สวย

ตอนนี้ต่ายก็โดนยุงกัดเป็นตุ่มจุดๆ

ช้ำๆ เเละก็ดูไม่สวย

ตอนนี้ก็สำนึกผิดเเล้วจ้า

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ด.ญ. ยุพินดา วรรณรักษ์ ( น้องกระต่าย) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 20:48:08


ความคิดเห็นที่ 144 (1638734)
อ่านความเห็นพี่ธนาเเล้วรู้สึกขอบคุณพี่ธนามากเลยค่ะ
รู้สึกว่าตรงใจตัวเองจังเลย
ทุกวันนี้ มิ้มไม่ค่อยโกรธใคร ไม่ค่อยว่าใคร ไม่ค่อยอิจฉา
จนบางครั้งนึกว่าตัวเองดับเหตุกรรมผิวพรรณได้บ้างเเล้ว

เเต่เเล้วเมื่อเรามาเจอด่านทดสอบ
 
ก็ทำให้ เราถึงได้รู้ว่า เรายังมีความโกรธ อิจฉา วิตกกังวลอยู่เลย
 
เพียงเเค่มันถูกกดไว้ไม่เเสดงออก
 
 
เราต้องดับ มันด้วยปัญญา ด้วยความรัก ด้วยจิตที่ยินดีกับทุกคน
 
เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะ
ตัวเองนึกว่ามันหายไปแล้วแต่มันก็กลับโผล่มาอีกจนได้เมื่อเจอเหตุการเจอด่านทดสอบก็หลุดออกมา และก็แพ้จนได้ค่ะ  พึ่งเจอกับตัวเองสดร้อน ๆ เลยค่ะ เห็นคนขายวัสดุโก่งราคาค่าขนส่ง ก็รู้สึกโกรธค่ะ และพอคุณแม่หงุดหงิดโวยวายเราก็ผสมโรงไปด้วยและหงุดหงิดไปกับคุณแม่แทนที่จะใช้ปัญญาและช่วยไม่ให้คุณแม่หงุดหงิด  โดนขโมยมาขโมยมิเตอร์น้ำที่บ้านก็จิตตกหงุดหงิด แทนที่จะใช้ปัญญามองหาสาเหตุ อาจเป็นเพราะเราไม่ประหยัดน้ำหรือได้รับการเตือนว่าวันเกิดภัยพิบัติ ไม่มีน้ำประปาถ้าไม่มีน้ำอาบน้ำใช้จะทำอย่างไรเพราะตัวเองไม่ได้เตรียมเก็บน้ำไว้ใช้เลย ตุนแต่ข้าวสารลืมคิดเรื่องน้ำไปเลยค่ะ เราต้องดับด้วยปัญญาจริง ๆ ค่ะ
 
ขอขอบคุณพี่ธนา และคุณมิ้มด้วยนะคะ ที่ได้ทำให้ตัวหนูเองฉุกคิดได้
ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 20:52:03


ความคิดเห็นที่ 145 (1638770)

ผมมาบ้านสวนฯครั้งแรก
อาจารย์อุบลท่านบอกว่า ผมน่ะผิดศีลมาทุกข้อ
ซึ่งเป็นความจริงครับ

ผมทำบุญเฉพาะทาน ทำบุญสังฆทาน ทอดกฐิน ผ้าป่า สร้างพระ

แต่ไม่รักษาศีล
โดยเฉพาะศีลข้อ 3 และข้อ 4 ที่ผิดมากมาย

ไว้จะเล่าเพิ่มวันหลังนะครับ

ซึ่งส่งผลให้การทำงานที่ทำงานไม่ราบรื่น
มีปัญหากับทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน

รวมทั้งที่บ้าน ที่เห็นว่าเรากลับบ้านดึกเป็นประจำ
หรือบางทีกลับเช้า ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดี ไม่ดูแลครอบครัว ทำตัวเลว และเสียทรัพย์อีกต่างหาก

ท่านอาจารย์ได้บอกอาการที่ผมมักกระตุกที่ไหล่และปากเป็นบางครั้ง
ซึ่งตอนนั้น ยังไม่เกิดอาการขึ้น

ว่าเป็นเพราะชอบติเตียนผู้อื่น

รวมทั้งสมณะชีพรามณ์

ทำให้ผมแปลกใจว่า ท่านทราบได้อย่างไร

แต่ยอมรับว่าที่ท่านบอกเป็นจริงทุกอย่าง

ท่านยังบอกว่า การถวายสังฆทาน

มีผลในด้านกำลังทรัพย์


แต่การรักษาศีล ช่วยให้ไม่ตกนรกได้

และแนะนำผลเรื่อง ศีล 3 ชั้น

ให้ไปอ่านพระไตรปิฎก

ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น

โดยเฉพาะในเรื่องของมโนกรรม

ที่เป็นกรรมที่หนักที่ผมทำมาตลอดชีวิต

เพราะคิดว่าไม่ทำอะไรใคร

แค่คิดคงไม่เป็นอะไร ไม่ผิด

จึงทำมาตลอด

หลังจากกลับจากบ้านสวนครั้งนั้น
ผมก็ระมัดระวังในการรักษาศีลมากขึ้น

ระวังแม้กระทั่งความคิด


แต่หากถามว่า ทำได้ 100% ไหม

ยังไม่ได้ขนาดนั้น แต่ก็น้อยลง

ก็ทำตามที่ท่านอาจารย์สอน คือ

นำศีลมาจับ

ว่าถ้าเราคิดและทำตามความคิดของเรา

มันผิดศีลไหม


และผมไม่อยากตกนรกด้วย

เพราะตกครั้งหนึ่งต้องทรมานนับล้านปี

ไม่อยากเสียโอกาสที่ได้เกิดมาเป็นคนในชาตินี้

ชีวิตทุกวันนี้ จึงได้รับความสุขกว่าเดิมมาก


การระวังความคิด

มีส่วนสำคัญมากทั้งที่ทำงานและที่บ้าน

การระวังเรื่องศีล

ทำให้ไม่ออกนอกลู่นอกทางแบบที่ผ่านมา

ปัญหาทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จึงลดดีกรีลง

เพื่อนร่วมงานที่เคยมีปากเสียงกัน

กลับมาเป็นมิตรที่ดีต่อกัน

หัวหน้างาน รับฟังและส่งเสริมเรามากขึ้น

ที่บ้านก็เลิกทะเลาะกัน มีความสุขมากขึ้น

 

โดยเฉพาะความสุขทางใจ

ที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ที่สมัยก่อนไม่ค่อยมี

เพราะมัวแต่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข

ไม่รักษาศีลครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 01:26:34


ความคิดเห็นที่ 146 (1638776)

 ดร.พี่จิ๋มและพี่อ้อย (ปาริชาติ) : พอดีไม่มีเบอร์ของพี่เลยต้องแจ้งผ่านทางนี้ ขออนุญาตพิมพ์ธรรมทานของพี่ทั้งสองคนเอาไปแจกนะคะ จำนวน 300 ชุด, สำหรับท่านอื่นๆจะทยอยและเวียนแจกให้คะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 03:45:51


ความคิดเห็นที่ 147 (1638785)

 อนุโมทนากับพี่มิ้มด้วยค่ะ

ที่เอาบุญมาฝาก

อ่านเรื่องงูแล้วความรู้สึกก็คิดคล้ายๆพี่มิ้มเลยค่ะ

ว่าท่านคงไม่ใช่งูแน่ๆ

ท่านคงมาอยู่ดูแลปกป้องบ้านสวนและลูกๆหลานๆทุกๆคน

 

 

พูดถึงเรื่องป้าอุ๊ ก็เป็นอีก 1 เคส

ที่มาช่วยรับรองผลการพิสูจน์ในเรื่องของ

สิว ฝ้า กระ บนใบหน้า ที่ไม่ได้บ่งบอกแค่ภายนอก

แต่มันบอกไปถึงจิตใจภายในของเรากันเลยทีเดียว

เคยเห็นรูปป้าอุ๊เมื่อไม่นานมานี้

อยากรู้จังค่ะว่าใช้แป้งยี่ห้ออะไร อิอิอิ

**************************************

อนุโมทนากับธรรมทานจากทุกๆท่านด้วยนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 04:58:18


ความคิดเห็นที่ 148 (1638798)

ว่าแต่ลูกบ้านสวนฯ

มีพระเอกระดับ ไม้เลื้อย

ไม่น้อยคนเลยนะคะ

 

ที่แน่ๆก็สิงห์ป้อม พ่อหนุ่มอดิศักดิ์

เพ่โฆ ก็ใช่ย่อย อิอิ

 

แต่สุดท้ายทุกคน

ก็ยอมจำนนใน ผลของกรรม

และเลิกเจ้าชู้ กันได้

ด้วยคำสอนชัดๆตรงๆจากท่านอาจารย์ 

 

 

ขอบคุณทุกๆธรรมทาน

จากทุกๆท่านด้วยนะคะ  

..............................

อนุโมทนากับคุณหนึ่ง

กับการนำร่องนำธรรมทาน

ไปพิมพ์และไปแจกด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 08:30:26


ความคิดเห็นที่ 149 (1638811)

ดร.พี่จิ๋มและพี่อ้อย (ปาริชาติ) : พอดีไม่มีเบอร์ของพี่เลยต้องแจ้งผ่านทางนี้ ขออนุญาตพิมพ์ธรรมทานของพี่ทั้งสองคนเอาไปแจกนะคะ จำนวน 300 ชุด, สำหรับท่านอื่นๆจะทยอยและเวียนแจกให้คะ

                                     *********************************************************************

ยินดีอย่างยิ่งค่ะคุณหนึ่ง  แจกเยอะๆเลยนะคะ  เดี๋ยวอ้อยจะมี version ใหม่เผ็ดร้อนกว่าเดิมด้วย ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 09:09:59


ความคิดเห็นที่ 150 (1638822)

ผมนายอิศวร   ม่วงกลาง

ผลรู้จักบ้านสวนฯ  จากอินเตอร์เนต   ผมสนใจเกี่ยวกับการทำสมาธิ โดยจะไปที่วัดที่มีครูสอนกัมมัฎฐาน  การเดิน  การนั่ง  การนอน  กำหนดลมหายเข้า - ออก  ของตัวเอง  โดยจะเลือกวัดที่มีบุคคลเข้าไปจำนวนมาก เช่น   วัดพิชัยญาตกทม.  วัดอัมพวันสิงห์บุรี    วัดเขาสมโภชน์  ลพบุรี   วัดถ้ำวัวแดง  ฯลฯ

ผมไปศึกษามาหมด  ถ้าถามผมว่าดีไหม ?   ผมตอบว่าทุกวัดดีเหมือนกันหมด   ขึ้นอยู่กับตัวเราที่ไป     เราต้องการอะไร ?  เราใช้กลอุบายอะไรมาใช้   ในการที่จิตปรุงแต่ง  ที่มากระทบจิตของเรา  ถ้าคุณระงับได้  คุณจะไปได้เร็ว  และไม่ติดกรรมสถานที่ ที่คุณปฏิบัติ ออ "  ขอบคุณคุณแมวที่ได้ช่วยเหลือ

เดินทางมาบ้านสวนฯ  ผมเข้ามาวันศุกร์  ที่2  พ.ย.  2555  โดยโทรแจ้ง   แล้วผมก็เดินทางไปบ้านสวนฯ  เวลา  11.30   น.ผมนั่งรถจากอนุสาวรี - บ้านนา ค่ารถ  100  บาท  นั่รถถึงท่ารถเดินข้ามถนนไปธนาคารไทยพาณิชย์   จะมีสงแถวออกเป็นเวลา  ค่ารถ  50  บาท  (ถามแม่หน้าแบ๊งค์ )  ขอเตือนนะครับ  ต้องศรัทธาอ.อุบลด้วยบริสุทธิ์เท่านั้น   หากคุรไม่ศรัทธาเต็มร้อย  ห้ามเข้าเด็ดขาด    ขอเตือนอีกครั้งนะครับ  ต้องการกฎสวรรค์และระเบีบยวินัยต้องทำให้ได้ห้ามมาอย่าคิดเด็ดขาด

ติดกับอุปสรรคมาถึง 11.00  น.  ขึ้นไปไหว้พระ  และไหว้ท้าวเวสสุวรรณ   ลงทะเบียนรับเครื่องนอน  ไปจุดที่พัก แล้วช่วยลุงบุญทำงานก่อสร้าง  ยกปูน  ขนอิฐบล๊อค  เพื่อนจะทำฐานเทปูน  แล้วผมก็ดีใจมาก   ที่ได้ขนดิน ขนหิน  มากกว่า 9 เที่ยว   แล้วงานก็ประมาณ 17.00  น.  ผมก็นั่งพักและคิดอะไรเพลินๆแล้วจิตก็แว็ปขึ้นมาว่าเรายังดูรายการยังไม่ครบ  9  ตอน ( ผมพยายามแล้วนะครับ เน๊ตผมต่อแอร์กาดการโหลดช้ามากๆ  ได้ดูแค่นิดหน่อยผมก็ตัดสินใจโทรมาหาคุณแมว ๆ ให้คำแนะนำในกฏของบ้านสวนฯ แต่ลึกในใจของผมผมต้องการเทคานก่อสร้างที่จะมีในวันพรุ่งนี้   ผมจึงอธิฐามกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนฯ  ท้าวเวสสุวรรณว่า  ที่มันเจ็บปวดที่ร่างกาย( ข้อตึง  ถึง เท้า กระดูกสันหลัง  ปวดหัว )  มันไม่หายก็ช่างมัน  แม้แต่บุยไม่ได้ก้ไมเป็นไร แล้วได้ช่วยงานเทคานก้พอแล้ว  แล้วประมาร  18  .00  น.อ.อุบล  และคุณมาถึงบ้านสวนฯ  พอลงรถผมก็ตรงไปหาอ.อุบล ทันทีแล้วก็บอกเหตุผลที่มาบ้านสวนฯ และได้ดูรายการไม่ครบ 9 ตอน และขอเช่าจี๊ 3 ร่มโพธิ์ศรี  และซีดี 2 แผ่น เพื่อจะกลับไปดูที่บ้านแล้วจะกลับมาใหม่อีดคนั้ง  แล้วอ.อุบลให้คำแนะนำต่างๆ ( เวลาอยู่ใกล้อ.อุบล ผมรู้สึกอบอุ่น  แล้วมีอาการปิติเกิดขึ้นในใจแตบางครั้งเหมือนจะถูกส่งอารมณ์เพื่อให้รับอารมณ์  แต่ผมก็พยายมดึงจิตของตัวเองกลับทุกครั้ง อารมณ์เหล่นั้นจะกลับมาเป็นช่วงๆ ) สักพักอ.อุบล ก็บอกว่าอนุญาติให้อยู่บ้านสวนฯ ได้ ( น้ำตาแทบไหลเลยครับ ) รู้เลยการที่คนเขาดีใจทำไหมถึงต้องร้องไห้ แล้วอ.อุบลก็ให้เช่าจี้3 ร่มโพธิ์ศรี  + ซีดี  2  แผ่น ผมกลัวจะรบกวนอ.อุบล เพราะอ.อุบลเพิ่งมาถึงผมเลยเข้าที่พักของตัวเอง ( ต้องกราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาตัวอ.อุบล และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ )  มีต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 09:55:40


ความคิดเห็นที่ 151 (1638838)

แล้วอ.อุบลก็ให้เช่าจี้3 ร่มโพธิ์ศรี  + ซีดี  2  แผ่น ผมกลัวจะรบกวนอ.อุบล เพราะอ.อุบลเพิ่งมาถึงผมเลยเข้าที่พักของตัวเอง ( ต้องกราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาตัวอ.อุบล และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ )  มีต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 09:55:40

 

 

อันนี้

ต้องขอบอกว่า

ไม่จริง

เพราะไม่เคยบอกให้คุณอิศวรเช่าจี้

เพราะไม่มีในประวัติฤศาสตร์ชีวิต อ.อุบล

 

มีแต่คุณถามขอเช่า

อ.อุบล จึงชี้บอกทางไปให้เท่านั้น

แต่ไฉนจึงมาเขียนว่า

อ.อุบล ให้เช่าจี้ได้ล่ะจ๊ะคุณอิศวร

 

แหม

คุณนี่นะ น่าจะชื่อ

วอน ซะ แล้ว

มากกว่า นะ และก็ช่าง

มาสนิทกับคุณบุญพิบาลได้เหมาะกันจริงๆ

 

แต่ละคน

ที่ให้คุณบุญพิบาล

เขียนธรรมทานให้นี่นะ

ช่างกรรมหนักจริงๆ

เพราะ

คุณเธอ เขียนผิดๆถูก

บางทีเปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนความหมาย

บางที ดันใส่เบอร์คนอื่น

ให้ไปถามเรื่องกรรม เรื่องธรรมทาน

ของตัวเอง กรรมหนักจริงๆ

 

พลัง

ช่างดึงดูด

ไปหากันจริงๆ

 

คุณบุญพิบาล

มาบ้านสวนแต่ละครั้ง

วงแตก

ทุกครั้งไปจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 12:01:04


ความคิดเห็นที่ 152 (1638866)

เรียนคุณอิศวรค่ะ

ท่านอาจารย์ไม่เคยบอกหรือเชิญชวนให้ใครบูชาวัตถุมงคลจากบ้านสวน

และท่านอาจารย์อุบลก็ไม่เคยเชิญชวนให้ใครทำบุญกับบ้านสวนค่ะ

มีแต่พวกเราอยากได้อยากหาบูชากันเองค่ะ

อยากให้คุณอิศวรระวังคำพูดด้วยนะคะ

หรือถ้าพี่ตุ๊กเขียนผิดกรุณาทวบทวนวิธีการเขียนของพี่ด้วยนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 14:33:10


ความคิดเห็นที่ 153 (1638869)

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบลค่ะ

และเรียนพี่ ดร.จุ๋ม พี่ดร.จิ๋ม พี่ธนา คุณอ้อย พี่อร พี่เหมี๋ยวพี่อมร พี่เจ๊ยบ และทุก ๆ ท่านค่ะ

ขอนุญาติคัดลอกธรรมทานไปพิมแจกค่ะ จะทยอยคัดลอกไปเรื่อย ๆ ค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล

และทุก ๆ ท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 14:36:24


ความคิดเห็นที่ 154 (1638872)
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 14:43:24


ความคิดเห็นที่ 155 (1638878)

 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของท่าน อ.อุบลด้วยค่ะ

หนูขออารธนาบารมีของสมเด็จองค์ปฐม บรมธรรมบิดา

บารมีของพระศรีอริยเมตไตร เสด็จพ่อท้าวเวสุวรรณ

และสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย และขอเบิกบุญ ศีล ทาน ภาวนา

ที่ลูกทำมา ทุกภพทุกชาติ ขออุทิศบุญของลูก

ให้แก่ดวงวิญญาณของคุณตาสำเภา

ขอฝากบุญนี้ไปกับเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

และลุงพุฒิ ให้ท่านเมตตานำบุญนี้

ให้คุณตาสำเภาได้อนุโมนารับ

และไปสูสุขคติ  ด้วยเทอญ

หนูเชื่อมั่นว่าคุณตาจะต้องไปที่สูงอย่างแน่นอนค่ะ 

เพราะคุณตาท่านอารมณ์ดี มีจิตเบิกบานอยู่เสมอค่ะ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 15:09:30


ความคิดเห็นที่ 156 (1638879)

ก้อยขอเบิกบุญ ศีล ทาน ภาวนาทั้งหมด ที่ได้ทำมาตั้งแต่อดีตชาติถึงชาติปัจจุบันให้กับคุณตาสำเภาด้วยนะคะ ขอให้คุณตามีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป และขึ้นไปสู่วิมานที่สวย และยิ่งใหญ่นะคะ

ขอกราบแสดงความเสียใจกับท่านอ. อุบล และครอบครัวด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 15:12:19


ความคิดเห็นที่ 157 (1638882)
ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 15:15:20


ความคิดเห็นที่ 158 (1638934)

 

กรรมจากสายตาสั้น

เจี๊ยบมีปัญหาเรื่องสายตาสั้น แต่ เอ้! แปลกจริงแฮะ ทำไมถึงสายตาสั้น ทำไมถึงไม่สายตายาว ทั้งที่วัยรุ่นรุ่นนี้เขาสายตายาวกันหมดแล้ว อ้อ! เราอยู่รุ่นหลังนี้เอง คนอื่นเขารุ่นแรกหนะ

เมื่อก่อนตอนยังอยู่ในวัยรุ่น แต่ที่จริงก็เริ่มทำงานแล้วละ ก็ยังเป็นวัยที่กำลังอยากรู้อยากเห็น ไม่เคยรู้โลกกว้าง เห็นเพื่อนเขาดูหนังสือโป๊ อ่านหนังสือโป๊ ตัวเองไม่รู้เรื่องก็ดูตามเพื่อน อ่านหนังสือโป๊ไปกับเขาด้วย พอหลังจากนั้นก็ยังดูวีดีโอโป๊อีก และตอนเริ่มเล่นคอมพิวตอร์เป็นใหม่ๆ ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแล้ว แทนที่จะเสริชหาข้อมูลดีๆมาอ่าน กรรมมันบังตา ดั้นไปเสริชดูรูปโป๊อีก เวรแท้ๆ เชียวหาเรื่องใส่ตัว

ยั๊ง ยังมีอีกในเรื่องสายตา นั้นก็คือ ใช้สายตาของตัวเองเที่ยวไล่จิกดุคนอื่น โดยเฉพาะหลานๆ ลืมตัวคิดว่าตัวเองเป็นไก่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถึงได้ใช้สายตาไล่จิกคนได้ แถมเที่ยวมองหาความผิดของคนอื่น ทั้งของหลาน ของน้อง ของลูกน้องที่ทำงาน ทำอะไรก็ไม่ถูกใจโก๋ ผิดไปหม้ด คิดว่าความคิดตัวเองถูกคนเดียว เป็นจอมเผด็จการประจำบ้าน ห้ามใครเถียง

เพราะตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัว ความคิดข้าคือฉันทามติถูกต้องที่สุด

แล้วเป็นไงหละ ที่นี้ กรรมซิค่ะ กรรมมาเยือนถึงหน้าประตูค่ะ

ได้รับผลกรรมที่ทำไว้ สายตาสั้นค่ะ (มองจากกรุงเทพไม่เห็นนครนายก)

เพราะตัวเองใช้สายตาในทางที่ผิด พระพุทธองค์ท่านให้สายตาไว้ดู ไว้อ่านสิ่งที่เจริญปัญญา ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและผู้อื่น ดันมาใช้สายตาในทางลามกจกเปรต นี้ก็แสดงว่าเราเป็นคนบ้ากามคนนึงนะเนี่ย

ท่านอาจารย์แสดงกฏแห่งกรรมให้ดูจึงรู้ว่า สายตาสั้นเพราะกรรมจากการดูสิ่งที่ไม่เป็นมงคลแก่ชีวิต ถ้าเราแก้ปัญหาที่เหตุได้ เราก้จะหลุดกรรมนั้น

ตอนนี้เริ่มสายตาดีขึ้นแล้ว และขอสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำอีกแล้วค่ะ สำนึกบาปแล้วค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 17:37:21


ความคิดเห็นที่ 159 (1638955)

บอกเล่ากันก่อน

ผมรู้จักบ้านสวนพีระมิดประมาณเดือนมีนาคม  54  ทางเว็บพลังจิตครับ  ได้ดูวิดีโอการไต่สวนกรรมของอาจารย์อุบล  ทีแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกครับว่าทำได้จริงๆ  พอดูหลายๆตอนเข้า  ผมก็มีศรัทธา  ประกอบกับตอนนั้น  ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแรงมากๆ  ไม่ไหวแล้ว  คงจะตาย  อยากจะมีสุขภาพแข็งแรง  คืออาการตอนนั้นผมเวียนหัวทุกวัน  ทุกที  อ่อนแรงมาก  เลยคิดว่า  อืมยังไงจะตายแล้วเราก็ไปลองหาทางออกดีกว่า  ก็เลยตัดสินใจไปบ้านสวนพีระมิดตอนเดือนเมษายนครับ  ไปทำบุญในช่วงวันสงกรานต์อยู่ประมาณสี่ห้าวัน ผมเข้าไปกราบอาจารย์อุบล อาจารย์เห็นผมทีแรกท่านก็ชี้มาที่ผมแล้วบอกว่าการปฏิบัติต้องแยกร่างกายออกจากจิตใจให้ได้  ร่างกายเป็นยังไงต้องตัดให้ได้  ผมก็ขนลุกเลยครับ  เพราะคิดว่าท่านคงเห็นอะไรบางอย่างในตัวผมแน่ๆ  ไปอยู่บ้านสวนพีระมิด  ก็ได้สร้างบุญแรงกาย  โดยการทำการเกษตร  ทำงานทุกอย่างตามที่เราสามารถทำได้  ช่วงวันเสาร์ก็จะมีการฝึกสมาธิและให้ธรรมะจากท่านอาจารย์อุบล  ส่วนอาหารการกินก็กินมังสวิรัติเป็นงดเนื้อสัตว์ อาจารย์เน้นให้ทุกคนมีศีลห้า  เพราะเป็นพื้นฐานของคนปกติ  หลังกลับจากบ้านสวนพีระมิด  ร่างกาย  จิตใจของผมเป็นสุขมากขึ้น  แต่ไม่วาย  ผมไปกดถูกใจเฟสปลอม  ที่พวกต่อต้านบ้านสวนพีระมิดได้สร้างขึ้น  ทำให้จิตผมตกดิ่งลงลึกมากๆ  ถ้าเป็นนรกคงเรียกได้ว่าโลกันตนรก  ทั้งๆที่ผมไม่ได้ตั้งใจในการกระทำดังกล่าว  แต่ก็ถือว่าเป็นการโมทนาบาปที่พวกสร้างเฟสปลอมได้ทำขึ้นมา  ข้อคิดจากเรื่องกดถูกใจเฟสบ้านสวนพีระมิดปลอม  คือ  ก่อนที่เราจะทำอะไรต้องรอบคอบให้มากๆ  ต้องใช้ปัญญาในการดำรงชีวิตอันนี้อาจารย์อุบลสอนผมครับ และบ้านสวนพีระมิด  ก็สร้างบุญทุกๆอย่างถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน  ……………

 

เอาล่ะครับคร่าวๆถึงความเป็นไปเป็นมาแล้ว  เราไปเข้าเรื่องการสารภาพกรรมที่ผมทำมาเลยครับ

 

 

 

ขอเล่าผลกรรมที่แสดงอาการทางร่างกายนะครับ

1.                       ริดสีดวงทวาร   ปวดหัว  ปวดตามร่างกายทุกส่วน  ศีลข้อหนึ่ง  ศีลสามชั้น

ตั้งแต่เด็กๆผมไม่ค่อยชอบการอุจจาระเป็นเวลา  เพราะผมชอบดูทีวีทั้งวัน  จะอึทีไรก็ไม่ไป  รอก่อนนะขี้จ๋า  อิอิ เลยทำให้ผมท้องผูกบ่อยๆ  ถ่ายทีไรก็มีเลือดออกมา  เป็นแบบนี้มานาน  อาการมาหนังตอนเรียนชั้นมัธยม  ต้องตื่นไปเรียนแต่เช้า  เพราะการเดินทางต้อเดินไปขึ้นรถที่ปากซอย  ช้าไม่ได้  ก็เลยติดนิสัยไม่ถ่ายเลยครับ  อาทิตย์หนึ่งอึทีหนึ่ง

 

เข้าห้องส้วมทีไรต้องเบ่งแรงๆ  ทุกที  ทั้งๆที่เราอยากมีสุขภาพดี  เราทำไมไม่รักษาสุขภาพหนอ  ผิวพรรณก็ดำคล้ำเพราะของเสียคั่งค้างในร่างกาย  จนเพื่อนทักถามว่า  ทำไมผิวดำจัง  ไปตากแดด  มาเหรอ  ผมก็บอกว่าไม่นะไม่ได้ตาก  แต่ทำไมผิวคล้ำยังสงสัยตัวเอง  แล้วเลยไปถามพี่  ก็ไม่มีปัญญาคิดว่าที่ผิวคล้ำ  จนเห็นชัดเป็นเพราะของเสียที่เราไม่ได้ถ่ายนานๆนี่ไง  พี่สาวแนะว่า  คงเป็นเพราะเวลาอาบน้ำเราไม่ขัดขี้ไคลให้ดีมั้ง  ผมก็กลับมาขัดผิว  มันก็ไม่ขาว  และก็ปล่อยปัญหานี้มาเรื่อยๆ

 

ปรึกษาคุณแม่ก็หายามาทาน  มารักษาเห็นว่าคนนั้นคนนี้ทานยาตัวนี้แล้วหาย  แต่ทำไมผมไม่เห็นหาย  ไปซื้อยาสมุนไพรมาทานก็ทำให้ถ่ายดีขึ้นแต่มันก็ไม่หาย  ยังเป็นอยู่เลย  สุดปัญญาซะแล้ว  ได้แต่จะรอปาฏิหาริย์  ไม่อยากผ่าตัด  และอาการของริดสีดวงทวารที่ผมเป็นเท่าที่ได้อ่านมามันก็มาถึงขั้นสุดท้าย  คือบานเป็นดอกไม้แล้ว  แต่เวลานั่งผมก็ไม่เจ็บนะครับ

 

กรรมที่ทำ

ตอนเด็กๆผมชอบเอาด้ายไปผูกไปมัดตัวผีเสื้อ  ผูกที่ก้น  ปล่อยให้มันบิน  สนุกสนาน  ฆ่าแมลงทุกชนิด  เผารังมด  เอาน้ำร้อนลวกรังมดเทใส่เลยครับ  เอาไปไปลนไปเผามด  ด้วยคิดว่ามันมาทำรังที่บ้าน  ไปหาแมงเขียวไปขาย  และเอามากิน  ทำเป็นอาชีพ  ใช้ไม้แหย่ตูดผีเสื้อ  ใช้ไม่มะยม  ไม้อันเล็กๆ  ดีผีเสื้อ  ตีแมงปอ  เอาเข็มแทงตาแมงปอหลายๆตัว  ยินดีในการฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยของคนอื่นๆ

ตีจิ้งเหลนตายด้วยไม้กวาด  จับแมงหวี่ใส่ขวดแล้วเอาควันรม  ใช้มีดตัดตาของหอยทากขาดหนึ่งข้าง  ฆ่าเป็ด  ฆ่าไก  ทั้งตัวโต  ตัวเล็ก  ทำเป็นอาหารและขาย  ฆ่าปู  ปลา  กุ้ง  หอย  แมลงที่กินเป็นอาหารทุกชนิด  ซึ่งก่อนที่เราจะทำอาหารเราก็ต้องเอาไส้ของแมลงออกมา ด้วยการบีบให้ท้องมันแตกครับ  แล้วก็เอาไปทำอาหารได้

ส่วนใหญ่ทำตอนที่ผมเป็นเด็กๆอยู่ครับ  ทำทุกครั้งก็สนุกสนาน  ไม่คิดว่าสัตว์เหล่านั้นทุกข์ทรมาน  ร้องขอชีวิต  และคิดว่าทำไมคนเลวๆไม่ตายไวๆนะ  ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ดีอะไรเลย  สาปแช่งคนที่เกลียดให้ทุกข์กายใจ

ซึ่งท่านจะเห็นว่า  ผมเป็นนักฆ่าตัวฉกาจมาตั้งแต่เด็กจึงส่งผลให้ผมโดนบ้างคือกฎของกรรมได้มาสนองตอบแล้วให้ผมมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ  ปวดหัวบ่อยๆเพราะคิดไม่ดีอยากให้คนอื่นมีอันเป็นไป  สาปแช่งคนอื่นที่เราเกลียด  และทำให้ผมทุกข์ใจ  โดยสรุป  เราให้อะไร  เราก็ได้กลับมาแบบนั้นครับ

กรรมของผมคงหนักมากเฉพาะที่ทำในชาตินี้นะครับยังส่งผลให้ผมมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง  เป็นริดสีดวงทวาร  ท้องผูกบ่อยๆ  ต้องไปหายามาทาน  ท้องเสียก็เป็นครับ  ผอมแห้งแรงน้อย  คิดว่าตัวเองเป็นมะเร็ง  แต่ไม่กล้าไปตรวจหรอกครับ  กลัวมาก  และถ้าเป็นจริงๆ  ก็คงไม่ได้รักษาเพราะคงต้องใช้เงินเยอะมากๆครับ  และนอกจากนี้ยังมีอาการปวดมือ  ปวดตามร่างกาย  คงเป็นเพราะผลกรรมรวมตัว  ที่ใช้มือ  ร่างกายประกอบกรรมมา

หลังจากที่ผมได้ไปบ้านสวนพีระมิดครั้งแรก  ก็ทำให้ผมมีสุขภาพที่ดีขึ้น  อาจารย์บอกว่าต้องตัดร่างกาย  คือไม่สนใจร่างกาย  ร่างกายมันจะเป็นยังไงก็ให้วาง  อาจารย์เน้นกับผมว่าต้องรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์  แต่พอกลับมาบ้าน  ผมก็ทำได้อาทิตย์เดียวก็ไปทำชั่วผิดศีลห้าอีก  ร่างกายก็แย่อีก  ละกรรมหลายๆอย่างครับ  ผมก็รักษาศีลห้าไม่ได้ซักที  ผมก็เลยยังไม่หลุดกรรมครับ

หลังจากที่ผมได้บูชาจี้องค์เทพสฟิงซ์บ้านสวนพีระมิดมาช่วงปิดเทอม  เลยได้กลับบ้านไปรับฟังการสารภาพบาปกรรมของคนอื่นๆ  หลังจากทำกิจกรรมสารภาพกรรมเสร็จตามข้นตอน  ผมรู้สึกว่าสุขภาพของผมดีขึ้น  มีความสุขมากขึ้นครับ  อันนี้เป็นผลที่แสดงเห็นได้ชัดมากครับ  เพราะก่อนหน้านี้  ผมจะเวียนหัวบ่อยๆ  รู้สึกไม่มีแรง   หายใจไม่ทั่วท้อง  อาการเหล่านี้  นานๆเป็นทีครับ  ไม่เหมือนแต่ก่อน

ผมก็รู้สึกประหลาดใจ  และก็รู้สึกดีใจมากๆ  ที่ผมได้รู้จักอาจารย์อุบล  บ้านสวนพีระมิด  ที่ทำให้ผมได้เห็นแสงสว่างในการปลดล๊อคกรรมของผมครับ  กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  และเทวดาทุกๆพระองค์ที่คุ้มครองอาจารย์ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 18:47:02


ความคิดเห็นที่ 160 (1638967)

แล้วอ.อุบลก็ให้เช่าจี้3 ร่มโพธิ์ศรี  + ซีดี  2  แผ่น ผมกลัวจะรบกวนอ.อุบล เพราะอ.อุบลเพิ่งมาถึงผมเลยเข้าที่พักของตัวเอง ( ต้องกราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาตัวอ.อุบล และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ )  มีต่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 09:55:40

 

 

อันนี้

ต้องขอบอกว่า

ไม่จริง

เพราะไม่เคยบอกให้คุณอิศวรเช่าจี้

เพราะไม่มีในประวัติฤศาสตร์ชีวิต อ.อุบล

 

มีแต่คุณถามขอเช่า

อ.อุบล จึงชี้บอกทางไปให้เท่านั้น

แต่ไฉนจึงมาเขียนว่า

อ.อุบล ให้เช่าจี้ได้ล่ะจ๊ะคุณอิศวร

 

แหม

คุณนี่นะ น่าจะชื่อ

วอน ซะ แล้ว

มากกว่า นะ และก็ช่าง

มาสนิทกับคุณบุญพิบาลได้เหมาะกันจริงๆ

 

แต่ละคน

ที่ให้คุณบุญพิบาล

เขียนธรรมทานให้นี่นะ

ช่างกรรมหนักจริงๆ

เพราะ

คุณเธอ เขียนผิดๆถูก

บางทีเปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนความหมาย

บางที ดันใส่เบอร์คนอื่น

ให้ไปถามเรื่องกรรม เรื่องธรรมทาน

ของตัวเอง กรรมหนักจริงๆ

 

พลัง

ช่างดึงดูด

ไปหากันจริงๆ

 

คุณบุญพิบาล

มาบ้านสวนแต่ละครั้ง

วงแตก

ทุกครั้งไปจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 12:01:04

 
ท่านอ.อุบลค่ะ คุณอิศวร เป็นคนเขียนเองและโทรมาหาให้พิมพ์และส่งให้ตอนนั้ใกล้เที่ยงฟังแล้วบางครั้งก็แนะนำเขา  เขาบอกว่าเอาตามนั้นะพี่วันนั้นเที่ยง ถึง บ่ายโมง หิวข้าวมากเลยแต่ก็บอกน้องเขาว่าพี่พิมพ์ไม่เก่ง  เขาเขียนประมาณ 3 หน้า  หนูยังพืมพ์ไม่เสร็จ

ถ้านั้นหนูไม่พิมพ์แล้วนะค่ะแต่หนูมีข้อควมที่น้องเขียนแล้วโทรมาอยู่ในสมุดค่ะ  (หนูไม่ขอแก้ตัวค่ะ แต่หนูขอแก้ไขโดยการไม่พิมพ์ต่อแล้วค่ะ )

หนูกราบขอโทษเทวดาที่รักษาตัวท่านอ.อุบล ทุกๆพระองค์ ท่านอ.มงคล  และคุณท้อปค่ะ

หนูขอกราบพระบาทในความเมตตาพระพุทธเจ้าค่ะ

กราบ กราบ กราบ

หากมีข้อความผิดพลาดและคลาดเคลื่อนข้อให้ส่งไม่ผ่านด้วยเถิด

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 19:33:06


ความคิดเห็นที่ 161 (1638968)

2.  ลำบากยากจน  ศีลข้อสอง ศีลสามชั้น

ตอนเรียนชั้นประถมศึกษา  จนถึงช่วงมัธยม  ไม่ได้กินข้าวเช้าไปโรงเรียน  จนชิน  เพราะในตอนที่ผมเป็นเด็กคุณแม่ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลผมเลยครับ  เพราะต้องไปทำงานสองโมงเช้า  กว่าคุณแม่จะกลับมาจากนาที่ท่านไปนอนเฝ้าวัว  ผมก็ไปโรงเรียนแล้ว  เงินที่ผมได้ไปโรงเรียน  วันละ สิบบาท  ช่วงที่ไม่ได้กินอาหารกลางวันของโรงเรียนก็ห่อข้าวไปกินครับ  ข้าวเที่ยงที่ผมกินก็ไปซื้อส้มตำครับ  ดูแล้วโภชนาการไม่ได้เลยครับ  มาคิดๆดูว่า  ทำไมเราต้องไม่ได้กินข้าว  ทำไมเราต้องลำบาก

ตอนเรียนชั้นมัธยมปลายเวลาจะเดินทางไหน  มาไหน  ก็ไม่สะดวก  ต้องเดินไป  ตอนไปเรียนก็ไม่มีรถขี่  ต้องเดินไปขึ้นรถที่คิวรถไกลจากโรงเรียนมากๆ  เพราะไม่มีเงินมาซื้อรถขี่  ข้าวปลาอาหารก็ไม่เต็มอิ่ม  ทั้งๆที่เราก็มีเงินซื้อ  ข้าวก็เต็มยุ้งฉาง  หรือว่าเรางอไม้งอมือกันแน่นะ  จะทำอะไรก็ติดขัด  อยากได้อะไรก็ยากลำบาก  ต้องรอเวลานานๆ  จนถึงทุกวันนี้ก็มีลำบากอยู่ครับ  หรือเราไม่พอกันนะ

 

กรรมที่ทำ

ตอนที่ผมเป็นเด็กในเวลาว่างเราจะพากันไปวิ่งเล่นในวัด  ไปกินขนมที่พระให้  ไปเป็นลิงขึ้นต้นไม้ในวัด  มีต้นมะม่วง  มะขาม  ละมุด  ลำไย  เราไปกินมาหมดแล้วครับ  เออลืมไปมีกระท้อนด้วย  ภาษาบ้านผมเรียก  บักต้อง  เป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานมากครับ

ไม่รู้ว่าที่ทำมาเป็นบาปกรรม  ทำให้ติดหนี้สงฆ์  เวลาเขามีงานวันออกพรรษาด้วยความโลภ  ในตอนเช้า  ไปเก็บเอาเทียน  ที่ไหม้ไม่หมด  จนหมาหอน  ผมกลัวผีจึงเอากลับไปคืนไว้ที่วัดครับ  เคยไปขโมยผลไม้ที่สวนของญาติ  ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง  มะม่วง  ลำไย  ชมพู่  ฯลฯ  เอาหมด  ทีแรกก็อายแต่ทำบ่อยๆก็ชิน  ความอยากมีมากกว่าครับ

ติดกรรมหนี้แผ่นดินตอนอยู่โรงเรียนก็ใช้ดินสอ  ปากกา  ขีดเขียนโต๊ะ  เก้าอี้  ทำให้เก้าอี้  โต๊ะ  ชำรุดเสียหาย  ใช้คอมพิวเตอร์ของโรงเรียน ปริ้นงานส่วนตัว  รู้เห็นในการทำบัญชีปลอมในการเบิกเงินโครงการที่โรงเรียน  พอดีตอนนั้นทำงานเป็นคณะกรรมการชมรมครับ  ชอบของฟรี  เขามาแจก  เราก็คิดว่านี่เขามาแจกของฟรี  เขาเต็มใจให้  ไม่ผิดหรอก  เพราะศีลข้อสองคือลักขโมย  ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการชอบเอาของแจกฟรีก็ผิดศีลข้อสอง  พึ่งมารู้เมื่อมาบ้านสวนพีระมิดครับ

 

การกลับใจใหม่

เมื่อผมสำรวจดูว่าทำไมตัวเองยากจน  อดๆอยากๆ  ไม่อิ่ม  ไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา  ก็หันหน้าเข้าหาธรรมะ  เพื่อหวังจะปลดเปลื้องชีวิต  ให้มีความสุข  ผมก็ไปเปิดวิทยุธรรมะฟัง  พระท่านสอนให้รู้จักการให้ทาน  จะได้ไม่ยากจน  ผมก็พยายามทำบุญให้ทานทุกวัน  มาตลอด  ทำให้ได้รับผลคือ  มีข้าวปลาอาหารบริบูรณ์มากขึ้น  แต่ก็ไม่เท่าไร  คงเป็นเพราะเรายังทำผิดศีลอยู่

ได้มารู้จักกับบ้านสวนพีระมิด  ได้รู้จักว่าแม้การรับของฟรีที่เขามาแจก  ก็ทำให้เราผิดศีลได้  ผมก็เลยพยายามไม่เอาของฟรี  ถ้าใครให้อะไรผมก็ต้องตอบแทนกลับเสมอ  และหลังจากทำบุญกับบ้านสวนพีระมิด  ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขมากขึ้น  เห็นทางออก  ผมตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ตั้งใจชำระหนี้แผ่นดินด้วยการร่วมสร้างพระพุทธรูป  ตั้งใจทำสังฆทาน  วิหารทาน  ธรรมทาน  ตามที่ท่านอาจารย์สอน

หลังจากไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดทำให้ข้าวที่คุณแม่ปลูก  ก็ได้ผลผลิตมากขึ้น  ทุกปีได้ข้าวสองร้อยถุง  แต่ปีที่แล้ว  เราได้ข้าวสามร้อยเกือบสี่ร้อยถุง  ข้าวล้นยุ้งฉาง  ทำนาก็ได้ผลดี  ทำไร่ก็ได้ผลดีมากๆ  ขายมันสำปะหลังก็ได้กำไรมากกว่าปีที่แล้วเป็นเท่าตัว

 

คือธรรมดาขายได้สองหมื่น  แต่ปีที่แล้ว  ขายได้เป็นห้าถึงหกหมื่นบาท  ทั้งๆที่พื้นที่และจำนวนที่ทำก็เท่าเดิม  หลังจากทำบุญร่วมซื้อรถถวายท่าน  ดร.อาจอง  คุณแม่ก็ได้ส่งรถมอเตอร์ไซด์มาให้

ผมสำนึกเสมอครับว่าเป็นเพราะผลบุญที่ผมทำกับบ้านสวนพีระมิด  อาจารย์อุบลสอนให้รู้จักการให้ทาน  ไม่ต้องเอาเวลาไปสนใจเรื่องของคนอื่น  ตัวเองมีอะไรที่ยังบกพร่องอยู่ก็ให้รู้จักแก้ไข  ซึ่งผมยังลำบากเรื่องฐานะ  การเงิน  ผมก็ต้องรู้จักให้ทาน  เพื่อแก้ไขชีวิตของผมเองให้ดีขึ้นครับ

ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและเทดาที่คุ้มครองท่านอาจารย์อุบลด้วยนะครับที่ชี้ทางสว่างและให้โอกาสลูกได้ทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 19:33:57


ความคิดเห็นที่ 162 (1638970)

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบลค่ะ

และเรียนพี่ ดร.จุ๋ม พี่ดร.จิ๋ม พี่ธนา คุณอ้อย พี่อร พี่เหมี๋ยวพี่อมร พี่เจ๊ยบ และทุก ๆ ท่านค่ะ

ขอนุญาติคัดลอกธรรมทานไปพิมแจกค่ะ จะทยอยคัดลอกไปเรื่อย ๆ ค่ะ

                                                  แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิก

----------------------------------------------------------------------------------------------

พี่ต้องขอขอบคุณคุณมยุรฉัตรมากค่ะ ถ้าธรรมทานของพี่จะทำให้คนที่หลีกเลี่ยงภาษี ตกแต่งบัญชีกลับตัวกลับใจมาทำบัญชีที่ถูกต้องตรงตามความจริง พี่ยินดีและเต็มใจมากค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 20:02:36


ความคิดเห็นที่ 163 (1638975)

ขอบคุณมากค่ะพี่เจี๊ยบ

พอดีหนูจะเอาไว้แจกสำนักงานบัญชี และผู้เสียภาษี

มีหน้าที่ตรวจสอบภาษี เวลาเข้าตรวจสถานประกอบการ

หรือเวลามีผู้ประกอบการมาพบก็จะแจกธรรมทานไปด้วย

ก็จะแนะจำผลเสียของการเลี่ยงภาษี ได้ธรรมทานของพี่เจี๊ยบเข้าล็อกพอดีเลยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 20:25:38


ความคิดเห็นที่ 164 (1638976)

          ข้าพเจ้านางสมรัก เปล่งเจริญศิริชัย ก่อนที่จะสำนึกได้ว่าตนกระทำผิดศีลนั้น เคยเป็นแผลที่ลิ้น แผลในปาก ที่เรียกว่าแผลร้อนใน ซึ่งเป็นบ่อยมาก ประมาณเดือนละ 1-3  ครั้ง  เป็นแผลใหญ่มาก  เจ็บปวดมาก   อย่าว่าแต่กินอาหารเลย ดื่มน้ำยังเจ็บ เป็นถึงขั้นเป็นไข้ และกว่าจะหายก็ใช้เวลาแต่ละครั้ง 1 สัปดาห์ บางครั้ง 2-3 สัปดาห์จึงจะหาย และที่หายจะต้องทั้งกินยาแก้ปวด แก้อักเสบ ทายา บ้วนปาก สารพัดที่จะทำ 

          ก็นึกว่าสาเหตุที่เป็นเพราะ ดื่มน้ำน้อยไป นอนดึก  แพ้อาหารที่เป็นกะทิ จึงระวังในเรื่องดังกล่าว แต่ก็ยังเป็นอีก จนเริ่มมารู้จักบ้านสวนพีระมิด อ่านและฟังธรรมะที่ท่านอาจารย์อุบลแนะนำ และธรรมะจากสมาชิกบ้านสวนท่านอื่น ๆ

          แรก ๆ ก็สำนึกได้ว่า เราผิดศีล ข้อ เราเคยตกปลา  เคยเปิดบ่อตกปลาให้คนมาตก จึงเป็นเช่นนี้ ก็อุทิศบุญกุศล และขออโหสิกรรมจากปลา ก็รู้สึกว่าดีขึ้นมาบ้าง คือยังเป็นอยู่บ้าง นาน ๆ ครั้ง แต่ยังหายช้าเหมือนเดิม

           ต่อมาได้อ่านธรรมทานที่ อาจารย์เบญจรัตน์ รวบรวมจากเว็บบ้านสวนพีระมิด ทำให้สำนึกได้ว่า เรานี้ผิดศีล ข้อ 4 อย่างมาก คือ พูดโกหก นินทา ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคาย พูดแทรกคนอื่น พูดให้ร้ายคนอื่น เอาดีใส่ตัว พูดไร้สาระ พูดให้ผู้อื่นไม่สบายใจ  พูดขู่ให้กลัว เป็นต้น เมื่อนึกขึ้นได้ก็จะสารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟิงซ์ และตั้งใจไม่ทำอีก ทำให้ไม่เป็นแผลในปากอีก (ในช่วงที่มีสติ)

        แต่ตัวข้าพเจ้ายังมีความเลวอยู่มาก เมื่อขาดสติ ก็ผิดศีลข้อ 4 อีก ส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่อง การนินทา การพูดถึงผู้อื่นในทางที่ไม่ดี เมื่อผิดก็ได้รับกรรมทันที คือ เป็นแผลในปาก แต่เมื่อสำนึกได้ ก็จะหายทันทีเช่นกัน (หายภายใน 1 วัน) โดยไม่ต้องกินยา แต่ต้องสำนึกและตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่ผิดอีก ต้องคอยอาราธนา บารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ บารมีพระศรีอาริยเมตไตรที่อาจารย์อุบลอัญเชิญมา องค์เทพสฟิงซ์ และ อาจารย์อุบล ได้โปรดครอบคลุมกาย วาจา ใจของลูกให้คิดดี พูดดี ทำดี ด้วยเทอญ สาธุ

       ลูกขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ และอาจารย์อุบลค่ะที่ทำให้ลูกสำนึกได้ และ ขออาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และพระศรีอาริยเมตไตร ลูกขอเบิกบุญทาน ศีล ภาวนา ที่ได้ทำมาตั้งแต่ชาติต้นจนถึงปัจจุบัน อุทิศถวายแด่เทวดารักษาตัวอาจารย์อุบลด้วยเทอญ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 20:28:17


ความคิดเห็นที่ 165 (1638996)

3.สายตาสั้น  ถึง  ศีลข้อสาม  และศีลสามชั้น

ผมสายตาสั้นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองสายตาสั้นตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  4  นั่งเรียนวันแรกหลังห้องสุด  อาจารย์เขียนอะไรบนกระดานก็อ่านไม่ออก เลยรู้ว่าตัวเองสายตาสั้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็มองกระดานานๆ  ตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง  มันก็จะมีอาการมัวๆ  มองไม่ค่อยเห็นต้องเพ่งถึงจะเห็น  แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเริ่มมีปัญหาทางสายตาแล้ว

พอเพิ่งมารู้ตอนอยู่ ม.4  ก็มาคิดว่าเอ๊ะ  เราสายตาสั้นนี่  เพราะอะไรนะ  ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะเราดูทีวีในที่มืดมั้ง  เราอ่านหนังสือมากไปมั้ง  และแม่เราก็สายตาสั้น

โดยที่ไม่รู้สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังของสายตาสั้นที่แท้จริง  หลังจากมารู้จักบ้านสวนพีระมิดเลยได้มารู้ว่า  กรรมที่ทำให้สายตาไม่ดีเป็นเพราะเราใช้สายตาไม่ดีนั่นเอง

 

 

 

กรรมที่ผมทำ

ดูหนังโป๊ะ  ครั้งแรกตอนอยู่ชั้นประถมฯ  5  พี่สาวเอามาเปิดที่บ้าน  ผมก็เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนก็แปลกใจเอ๊ะ  เขาทำไรกัน  หน้าบ้านต้องปิดประตู  พอเข้าไปดูเท่านั้นล่ะครับ  เป็นวิดีโอโป๊ะ  คนในภาพกำลังมีอะไรกัน  ในใจตอนนั้นคิดว่า  ทำไมช่างโหดร้าย

ทำไม  เขาทำแล้วต้องร้อง  ซึ่งผมขอยอมรับว่า  ในใจลึกๆผมอยากดูมาก  และสัญญากับตัวเองตอนนั้นว่าจะไม่ทำแบบนั้นเหมือนในวิดีโอ  เพราะรู้สึกว่า  มันจะเจ็บและเป็นความรุนแรง

พอหลังจากวันนั้นผมก็แอบไปเปิดวิดีโอแผ่นเดิมดูบ่อยๆ   ทั้งๆที่คิดว่ามันไม่ดี  พอมาเรียนชั้นมัธยมผมก็รู้จักการช่วยตัวเอง  จินตนาการว่าตัวเองไปมีอะไรกับคนที่เราชอบ  ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ

และไปเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายเห็นเพื่อนๆเอาภาพโป๊ะวิดีโอโป๊ะมาเปิด  ผมก็ทำเป็นว่า  ฉันเป็นเด็กเรียนนะ  ไม่ดูหรอกภาพแบบนั้น  แต่สุดท้ายก็ไปดูกับเขา  แต่ทำเป็นว่า  ฉันยังไม่เคยดู  แต่ก็ดูจนจบ  และทำเป็นอายๆ  ด้วย

หลังเลิกเรียน  ผมก็จะไปเปิดดูภาพโป๊ะในคอมพิวเตอร์ดู  และจินตนาการถึงการมีเพศสัมพันธุ์ไปด้วย  พูดได้ว่าทุกเวลาผมคิดแต่เรื่องพวกนี้

ปัจจุบันผมก็ดูวิดีโอโป๊ะ  และเล่นแคมฟอก  ไพรเวทคือเปิดกล้องส่วนตัว  แล้วสำเร็จความใคร่  และมีการโฟน  คือโทรศัพท์  กับเพื่อนที่เล่นในแคมฟอกด้วย  รู้สึกว่าชอบมาก

นอกจากนี้ผมก็ใช้สายตาในการมองคนอื่นๆว่าเลว  ไม่ดีเหมือนฉัน  ฉันดีหมด  และบอกสอนว่าอย่าทำนะมันไม่ดี  ตัวเองกลับมาทำเองหมดทุกอย่าง  และอายที่จะสารภาพสิ่งที่ไม่ดีออกมา  เพราะคิดว่าคนอื่นๆเขาก็ทำกัน

เคยทำร้ายดวงตาสัตว์  ด้วยการใช้เข็มแหลมๆ  แทงที่ตาของแมงปอฆ่าตายแบบนี้หลายตัวครับ  ทำไปเพราะไม่มีอะไรทำ  ทำไปแล้วสนุกสนานมากๆ  ใช้กรรไกรตัดตาหอยทากครับ  ขาดไปเลยข้างหนึ่ง  จะตัดอีกข้างมันหุบเข้าไปก่อนครับ

ใช้สายตา  วาจา  คำพูด  ความคิด  ในเรื่องลามกคือเรื่องเพศ  ใช้ถ้อยคำที่หยาบคายในการพูดด่าคน  คิดในใจ  คือผมทำองค์ประกอบครบครับ  ทั้งกาย  วาจา  จิตใจ

ผลจากการทำกรรมเหล่านี้ทำให้ผมสายตาสั้น  ต้องตัดแว่นตามาใส่  ทำให้ไม่มีคนรัก  ไปที่ไหนจะพูดอะไรก็ติดขัด  ยุ่งยากไปหมด  รักใครก็ต้องแอบรักเขาข้างเดียว  ทำดีกับเขาทุกอย่าง  แต่เขาก็กลับเกลียด  ที่ผมไปหาเขาบ่อยๆ  เขาบอกว่ารำคาญ  ไอ้เราก็คิดว่าไปหาเขาบ่อยๆเขาจะรัก  ทำดีกับเขาแค่ไหน  สุดท้ายก็โดนถีบออกมา  เจ็บมากครับ  คือเจ็บใจที่เราต้องมาพบอุปสรรคแบบนี้

คงเป็นเพราะกรรมที่ผมไปทำผิดศีลข้อสามมาโดยการคิดมีอะไรกับคนอื่นๆ  ทั้งกาย  วาจา  จิตใจ  เหลือแต่ยังไม่ได้ปฏิบัติจริงๆเท่านั้นเองครับ

และตั้งใจว่าจะไม่ทำอีกแล้วครับ  เพราะมีครั้งหนึ่งผมได้รับการเตือนจากการเล่นแคมฟอก  ทำให้ผมเจ็บหัวใจ  และเป็นไข้จับสั่น  ปวดไปถึงกระดูกและหนาวเย็น  ผมก็เลยบอกกับตัวเองว่า  ผมไม่ทำอีกแล้วครับ  ขอโอกาสให้ผมอีกครั้ง  การไม่สบายครั้งนั้นผมคิดว่าหนักมากที่สุดเท่าที่เคยพบมาครับ  มันปวดกระดูกมากอย่าบอกใครเลย

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกรรมที่ผมทำในชาตินี้ ยังไม่รวมกรรมที่ทำในชาติก่อนๆนะครับ  ยังทำให้ผมทุกข์แสนสาหัส  ทั้งทางกาย  วาจา  จิตใจ  ได้ขนาดนี้  นี่เขาเรียกว่ารักตัวเอง  หรือเปล่าหนอ!!!!!!

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 21:41:56


ความคิดเห็นที่ 166 (1639007)

 ธรรมทานชีวิตของ นางสาวประภาสิริ  ถาวร

       ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ สร้างเหตุอย่างไรผลก็เป็นเช่นนั้น  

ชีวิตของมิ้มได้สร้างเหตุของการเป็นคนที่ขี้โกรธ อาฆาตแค้น เอาแต่ใจตัวเอง อิจฉา ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กทำให้สะสมกรรมหนักมาโดยตลอด จนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นกรรมผิวพรรณก็เริ่มปรากฎคือเริ่มมีสิวขึ้น สิวยิ่งขึ้นก็ยิ่งเครียด พอเครียดสิวก็ยิ่งขึ้น  ผลสุดท้ายก็ต้องไปพึ่งยาหมอ ใช้ยากินยามาตลอด ผิวหน้าก็บาง สุขภาพผิวไม่ดี ผลจากการรับสารสเตียรอยด์เข้าสู่ร่างกาย  ก็ทำให้มิ้มยิ่งมีปัญหาสุขภาพ คือ รู้สึกว่าตับทำงานไม่ดี ตาเหลือง ตัวเหลือง ใจเต้นเร็ว ความดัน ติดเชื้อง่าย ภูมิต้านทานลด วิตกกังวล เครียด เป็นไข้ง่าย ทำให้ในที่สุดก็ตัดสินใจเลิกใช้ยาเพราะรู้สึกร่างกายรับยาไม่ไหว หันไปใช้เครื่องสำอางค์ที่มาจากธรรมชาติ หันมาปฏิบัติธรรมทำให้ใจเย็น โกรธน้อยลง หน้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

จุกพลิกผันชีวิตก็มาถึงคือ เหตุการณ์ที่มิ้มขับรถชนคนตาย และยังไม่สำนึกบาปจากใจจริงๆว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้คุณตาเฉลียว น่วมหมวกต้องตาย ทำให้ชีวิตต้องพบกับความทุกข์อย่างสาหัส คือ มีปัญหาในเรื่องของการเงิน มีปัญหาหนักกับหัวหน้างาน ปัญหาความรักแฟนที่คบกันมานานหลายปีบอกเลิก พูดจาทำร้ายจิตใจเราทุกอย่าง สิวก็ขึ้นมาเต็มหน้า ปัญหาทุกอย่างประดังมาในชีวิตทุกข์มากเครียดมาก เครียดทุกข์ขนาดปวดไปหมดทั้งหัวใจ มีความรู้สึกว่าหัวใจถูกบีป ยิ่งทุกข์มากก็ยิ่งเข้าหาธรรมมากขึ้นเรื่อยๆตอนนั้นสนใจธรรมของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ไปปฏิบัติธรรมฝึกกรรมฐานมโนมยิทธิทำให้ได้เห็นว่าสวรรค์ นรก นิพพานมีจริง ต่อมาก็ได้ศึกษาหลักธรรมของหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า และได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด ท่านอาจารย์อุบลทางเว็บไซท์ โดยตอนนั้นกำลังศึกษาเรื่องของภัยพิบัติและได้อ่านคำเตือนเกี่ยวกับภัยพิบัติของเว็บบ้านสวนพีระมิด  ได้อ่านคำสอนของท่านอาจารย์อุบล ดูรายการคุยไปแจกไปผ่านทางเว็บไซท์ รู้สึกชอบคำสอนของท่านอาจารย์มาก คำสอนที่ท่านอาจารย์นำคำสอนของพระพุทธองค์มาสอนมันง่าย ฟังเข้าใจปฏิบัติได้เลย

เริ่มกลัวว่าหากเกิดภัยพิบัติวันที่มิติเปิด ถ้าเรายังทานเนื้อสัตว์อยู่เจ้ากรรมนายเวรคงจะมาเอาคืนกลับเรา ยิ่งเปิดVDO ดูตอนสัตว์กำลังจะถูกฆ่าด้วยความทุกทรมาน ยิ่งสงสารและเข้าใจว่าทำไมสัตว์เหล่านั้นเค้าถึงเครียดแค้นเรา เรากินเนื้อเค้าเข้าไปก็มีจิตวิญญาณ ความเครียดแค้นของสัตว์เหล่านั้นมาอยู่ในร่างกายทำให้เราอารมณ์ฉุนเฉียว ป่วยเป็นโรคต่างๆ และพบกับปัญหาความทุกข์ในชีวิต เพราะคำสอนคำเตือนของท่านอาจารย์อุบล ภาพจริงจาก VDO ทำให้มิ้มตัดสินใจเลิกทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่ตอนนั้น  หันมาทานมังสวิรัติ

ต่อมาก็เริ่มหันมาตั้งใจที่จะรักษาศีล 5 ให้ได้ เพราะได้ดูรายการคุยไปแจกไปของท่านอาจารย์อุบล อ่านคำสอนทางเว็บไซท์ ท่านอาจารย์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการทำผิดศีลทั้ง 5 ข้อ ทำให้เราต้องพบกับความทุกข์ อุปสรรคปัญหาในชีวิต ตัวของมิ้มก็ทำผิดศีลมาทั้ง 5 ข้อก็ต้องมาทุกในทุกด้าน

ความทุกข์เพราะปัญหาสุขภาพเมื่อก่อนมิ้มเป็นคนที่ป่วยบ่อยมาก  ป่วยแทบจะอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เพราะขาดเมตตากับสัตว์ ฆ่าสัตว์ ฆ่าปลา ใช้มือและไม้ตีหมา ตีแมว  ตีนักเรียน  ตีแมงป่องช้างจนตายอย่างทรมาน ตบยุง ฆ่ามด ปลวก คิดไม่ดีกับคนอื่น พูดให้ร้ายคนอื่น ไม่รักคนอื่นเท่าตนเอง ไม่เคยรักใครโดยปราศจากเงื่อน ทำอะไรก็มีแผน ไม่จริงใจ ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงเสียใจเพราะพฤติกรรมและคำพูดของมิ้ม

และบาปที่สุดในชีวิตทำให้กรรมรวมตัวพบความทุกข์ทุกด้านในทันทีก็คือ ขับรถชนคนตาย และยังไม่สำนึกผิดด้วยใจจริงที่ทำให้คุณตาคนนั้นตาย หลังจากนั้นมิ้มก็พยายามที่จะย้ายกลับบ้าน ทำมาทุกวิธีทั้งไปสอบโอนย้ายซึ่งก็สอบได้ที่  1 เดินเรื่องให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือ ยอมจ่ายเงิน แต่สุดท้ายก็ย้ายกลับบ้านไม่ได้  มิ้มจึงไปถามพระสายกรรมฐานว่าทำไมหนูถึงย้ายกลับบ้านไม่ได้ ท่านบอกว่ามีบุคคลหนึ่งขวางไม่ให้ไป เราจึงได้รู้ว่าเป็นคุณตาที่เราขับรถชนเค้าตาย เค้ายังไม่ไปไหน 

สิ่งที่มาปลดล็อคให้มิ้มได้ก็คือค่ายพิเศษสร้างบุญใหญ่สำหรับคนที่เคยทำแท้ง ฆ่าคน มีส่วนรู้เห็นในการทำแท้ง รู้เห็นมีส่วนเกี่ยวข้องในการฆ่า ที่บ้านสวนพีระมิด ตัวมิ้มอยู่ในกรณีฆ่าคน เพราะขับรถชนคนตาย จึงเข้าร่วมค่ายนี้     หลังจากได้ร่วมสร้างบุญใหญ่แล้วในเวลากลางคืนท่านอาจารย์ อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าเมตตาให้เราได้เห็นได้สัมผัสวิญญาณที่เราเคยฆ่า ในเวลานั้นมีรู้สึกและรับรู้ได้เลยว่ามีวิญญาณจำนวนมากรายล้อมมิ้ม และที่สำคัญที่สุดก็คือ วิญญาณคุณตาเฉลียวน่วมหมวกที่มาปล็อคหลังมิ้ม และพูดด้วยเสียงดังว่า “มึงไม่ได้สำนึกผิดจริงๆที่มึงฆ่ากู” ตอนนั้นมิ้มตกใจกลัวมากแทบจะกรี๊ดออกมา ต่อจากนั้นท่านอาจารย์ก็รวมบุญทั้งหมดที่พวกเราได้สร้าง ส่งวิญญาณขึ้นสู่ดาวดึงส์ ภาพที่ปรากฏในใจมิ้มชัดเจนมากๆก็คือ มิ้มเห็นผู้ชายใส่ชุดขาวเป็นแก้วใสมีชฏา เห็นวิมานแก้ว มิ้มจึงได้รู้ว่าคุณตาขึ้นดาวดึงส์แล้ว หลังจากนั้นมิ้มก็สำนึกผิดด้วยหัวใจจริงๆว่าเพราะความประมาทของมิ้มทำให้คุณตาท่านต้องตาย ทำให้ท่านต้องพลัดพรากจากคนที่ท่านรัก ทุกวันนี้มิ้มก็ยังอุทิศบุญให้คุณตาอยู่เสมอค่ะ

หลักฐานที่แสดงว่าคุณตาปล่อยมิ้มแล้วก็คือ หลังจากกลับจากบ้านสวนประมาณ 2 – 3 อาทิตย์มิ้มก็ได้รับคำสั่งย้ายกลับบ้าน เป็นการย้ายกลับที่ไม่ได้เสียเงิน ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ส่งผลงานให้กรรมการพิจารณาแต่อย่างใด  แต่เป็นการได้มาเพราะอานิสงส์บุญจากบ้านสวนพีระมิด ที่ทำให้คุณตายอมปล่อยมิ้ม หลังจากนั้น ชีวิตของมิ้มก็ดีขึ้นเรื่อยๆในทุกด้าน  

เมื่อก่อนมิ้มเป็นโรคปวดหัวบ่อยมากๆ เพราะเป็นคนที่ชอบคิดฟุ้งซ่าน คิดลบ และคิดไม่ดีคือเห็นภาพลามกกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงศีล และมิ้มก็เคยปวดตา เพราะเคยมองจับผิดคนที่ตนเองไม่ชอบ และเคยดูหนังโป๊ ภาพลามก ทางอินเทอร์เน็ต ใช้ตาค้อนผู้อื่น เคยขังแมวไว้ในห้องตอนกลางคืน  เคยปวดเข่า เพราะ เคยเดินกระทืบเท้า เคยใช้ขาแตะแมว เคยใช้เท้าขัดเหรียญบาท เหยียบเหรียญบาท หันเท้าไปทางพระ เคยปวดหัวใจรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีป เพราะ มิ้มเป็นคนที่ไม่จริงใจ คบเผื่อเลือก ทำให้คนที่เค้าจริงใจกับเราต้องเสียใจจนเกือบจะเสียอนาคตเพราะไปติดยา ผลที่เกิดขึ้นกับมิ้มก็คือ ผู้ชายที่มิ้มรักเค้าจริงๆ เค้ากลับทิ้งมิ้มไปโดยที่มิ้มไม่มีความผิดอะไร ทำให้มิ้มเสียใจทุกอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนกับที่มิ้มเคยทำให้ผู้ชายที่มิ้มคบเผื่อเลือกต้องเสียใจ และยังทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจและเป็นห่วงเพราะความดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองของมิ้ม

โรคที่เป็นเสมือนโรคประจำตัวของมิ้มอีกโรคก็คือ โรคกระเพาะเป็นมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นคนตะกละเวลาเห็นของอร่อยของดีมิ้มจะรีบไปกินก่อน กลัวจะหมด มาคิดถึงตอนนี้รู้สึกอายตัวเองจริงๆ และในทุกๆเดือนมิ้มก็ต้องพบกับความทุกข์เพราะปวดท้องประจำเดือนมากๆๆ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า มิ้มเป็นคนเจ้าชู้คบหลายคน ไม่จริงใจ

โรคที่ทำให้มิ้มทุกข์อีกโรคก็คือ โรคภูมิแพ้ สาเหตุก็มาจาก       มิ้มเป็นคนขี้โกรธ โกรธง่าย ฆ่าแมลงและตัวเล็กเยอะมากโดยเฉพาะมด เห็นเมื่อไหร่ไม่เคยปราณีฆ่าทุกครั้ง ก็เลยต้องมารับผลกรรมนี้ค่ะ

    นับจากได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด มิ้มก็พยายามรักษาศีล 5 เลิกนิสัยการเบียดเบียน ฆ่าทำร้ายชีวิต หันมาทานมังสวิรัติ ใช้ผลิตพันธพาเมลา มีความรัก สงสาร ต่อทั้งคนและสัตว์ พยายามไม่พูดให้ร้ายใคร มิ้มก็ไม่เคยป่วยอีกเลยมา 2 ปีแล้ว ยกเว้นมิ้มมาสร้างบุญที่บ้านสวนและได้ทำผิดสร้างบาปก็ได้รับการเตือนให้ป่วยค่ะ 

        ความทุกข์มากที่เกิดมิ้มมาเป็นเวลานานแล้วก็คือ มีปัญหาในเรื่องของความรัก เหตุก็มาจากเมื่อก่อนมิ้มเป็นคนไม่จริงใจ ทำอะไรมีแผน ขี้อิจฉา ชอบแข่งขันทุกอย่างตลอดเวลา  ดื้อรั้น ดันทุรัง อวดดี ใจร้อน ขี้โมโห คบเผื่อเลือกหลายคน ทำให้ผู้ชายที่เค้าจริงใจกับเราต้องเสียใจ เหตุต่างๆเหล่านี้ทำให้มิ้มไม่สมหวังในความรัก และต้องเจ็บปวดเพราะความรัก มิ้มพยายามที่จะพ้นจากกรรมนี้ โดยเลิกอิจฉา ไม่ขัดขวางความรักหรือเส้นทางชีวิตของใคร เห็นใครได้ดีก็พลอยยินดีด้วย

       ปัญหาของมิ้มอีกด้านก็คือ ปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน เพราะมิ้มชอบของฟรี ไปไหนก็ไม่ช่วยออกค่าน้ำมันรถ ชอบให้คนเลี้ยงข้าว เคยลักขโมยเงินพ่อ ชอบเลือกสิ่งดีๆให้กับตนเองก่อนไม่ยอมเสียสละให้กับผู้อื่น  นำของที่ทำงานกลับมาใช้ที่บ้าน ปรินส์เอกสารส่วนตัวที่ทำงาน มาสายกลับก่อน ลางานบ่อย ในเวลางานทำงานไม่เต็มที่ คุยโทรศัพท์เล่นเนตซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงาน ถวายอาหารให้พระสงฆ์แล้วถวายไม่หมดหรือไปทำบุญแล้วพระฉันแล้ว ก็นำกลับบ้านมากินเอง ทำของสงฆ์เสียหาย ไปใช้น้ำใช้ไฟกินอาหารวัด ผลที่เกิดขึ้น คือ ของมิ้มหายบ่อยๆ มีเหตุต้องเสียเงินตลอดเวลา เก็บเงินไม่อยู่  มิ้มพยายามที่จะพ้นกรรมนี้โดยมิ้มขอขมากับแผ่นดิน กับสงฆ์ กับคนที่มิ้มไปเอาเปรียบเค้า แล้วไม่ทำอีก ไม่อยากได้ของใคร ถ้ามิ้มไปไหนก็พยายามเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ และทำบุญกับเนื้อนาบุญบริสุทธิ์ที่มีอานิสงส์บุญมากๆ เช่น ทำบุญกับบ้านสวนพีระมิด โดยบุญสูงทีสุดก็คือธรรมทาน ซึ่งมิ้มเองก็พยายามทำให้มากๆๆ เพื่อจะได้พ้นจากทุกข์ค่ะ

       นอกจากนี้ปัญหาทีมิ้มประสบอีกก็คือ มิ้มพูดอะไรไปแล้วบ้างครั้งคนก็ไม่เชื่อถือ ก็เพราะว่ามิ้มเคยโกหก นินทา และปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองอีกเรื่องก็คือ เป็นคนขี้หลง ขี้ลืม ซึ่งก็เกิดจากที่เคยดื่มไวด์ ดื่มเหล้า แล้วก็เคยชงเหล้ารับรองแขกเวลามีงานเลี้ยงในโรงเรียน ซึ่งเป็นบาปมากเพราะถือเป็นการสนับสนุนให้เค้าดื่มเหล้า ก็เลยต้องมาประสบปัญหาเป็นคนขี้หลงขี้ลืมค่ะ

       แต่ตั้งแต่มิ้มได้มารู้จักบ้านสวนพีระมิด ได้รับคำสอนของท่านอาจารย์อุบล ว่าการสร้างเหตุโดยทำผิดศีลทำให้เราต้องทุกข์ มิ้มก็พยายามเปลี่ยนแปลงตนเอง หันมาตั้งใจรักษาศีล 5 ทานมังสวิรัติ       ใช้ผลิตพันธ์พาเมล่า สร้างบุญให้มากขึ้นๆ โดยเฉพาะบุญที่บ้านสวนพีระมิดซึ่งมีอานิสงส์สูงมากๆๆ ทำให้ปัจจุบันชีวิตดีขึ้นในทุกด้าน

ไม่เจ็บป่วยมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ปัญหาความรักก็คลี่คลายไปในทางที่ดี ปัญหาการเงิน การงานก็ดีขึ้น  ความจำปัญญาดีขึ้น ชีวิตก็ได้รับความเมตตาช่วยเหลือจากบุคคลรอบข้าง

       ลูกขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท๊อป ที่เสียสละความสุข ความเป็นส่วนตัว เวลา ทรัพย์สิน เปิดบ้านสวนตัวของท่านให้เป็นสถานที่ให้คนมาสร้างบุญให้ได้พ้นทุกข์ พบกับความสุข ท่านอาจารย์นำคำสอนของพระพุทธองค์มาสอน เป็นคำสอนที่ฟังง่าย เข้าใจ สู่การปฏิบัติ ทำให้มีปัญญาเข้าใจชีวิตมากขึ้น ลูกกราบขอบพระคุณค่ะ และกราบขอบพระคุณเทวดาทีรักษาตัวท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์ที่เมตตาให้ลูกได้สร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิดทำให้ได้รับอานิสงส์พ้นจากความทุกข์ พบความสุขค่ะ สาธุ

       ลูกขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าขอเบิกบุญทุกบุญที่ได้ทำมา น้อมถวายเทวดาที่คุ้มครองท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล และคุณท๊อปค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-06 23:34:55


ความคิดเห็นที่ 167 (1639011)

4. ปาก/พูด(มีปัญหา) ถึงศีลข้อสี่  ศีลสามชั้น

ตั้งแต่เด็กๆแล้ว  ผมมีปัญหาเรื่องฟันผุ  ปากเหม็น  มีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก  และลิ้น  เป็นฝ้าขาว  ปากแห้ง  เจ็บคอเวลาเป็นไข้บ่อยๆ  คิดว่าตัวเองรักษาความสะอาดฟันไม่ดีก็เลยทำให้ฟันผุ  อันนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งครับ  แต่เบื้องลึกเบื้องหลัง  คงไม่ใช่แค่นี้

เวลาผมพูดอะไร  พูดดีๆ  ก็เป็นอันต้องมีเรื่องทุกที  พูดได้ว่า  พูดที่ไหน  วงแตกที่นั่นครับ  พูดแล้ว  ทำให้คนอื่นโกรธ  ผมเองก็โกรธด้วย  จบลงด้วยการเถียงกัน  ถ้าไม่หยุด  ก็คงเอาแพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง

ใช่ว่าผมจะมีความสุขนะครับ  ทุกข์ใจมาก  พูดอะไรไป  ก็ไม่มีใครเชื่อ  แม้นว่าเรื่องนั้นๆ  จะเป็นเรื่องจริง  รู้สึกอึดอัดใจ  จึงตัดสินใจพูดให้น้อยลง  แต่พออ้าปากทีไรก็เป็นเรื่องทุกทีไปครับ

 

กรรมที่ทำ

สงสัยในคุณงามความดี  พระธรรมของพระพุทธเจ้า  ในพระอริยสงฆ์  ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้จริงๆ  อ่านเจออะไรก็ตามๆเขาไปง่ายๆ  ขาดการใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง  หาเหตุผล  มารองรับอย่างแท้จริง

นินทาพระเจ้าอยู่หัว  พระราชวงศ์  วิพากษ์วิจารณ์  สงสัยในคุณงามความดีของพระองค์  ดูวิดีโอที่ต่อต้านพระราชวงศ์  นิ่งเฉยเวลาที่คนอื่นๆพูดถึงพระราชวงศ์ในทางเสียหาย

นินทาว่าร้าย  กล่าวหา  ยกตน  ข่มท่าน  ในผู้ทรงศีลทรงธรรม  ให้เสียหาย  ทั้งๆที่ตัวเองยังถือศีลห้าไม่ได้เลย

นินทาครูบาอาจารย์  เวลาโกรธเคืองอาจารย์ที่สอน  เวลาที่ไม่พอใจ  ก็จะว่าด่า  อาฆาต  ถือโทษ  คุณครู  อาจารย์  ทั้งๆที่ท่านมีพระคุณ  และไม่ทำตามที่ครูบาอาจารย์สอนสั่งให้ทำดี  ละชั่ว  กลัวบาป  ทั้งๆที่รู้ก็ทำ  บอกคนอื่นให้ทำดี  ตัวเองกลับทำชั่ว  แพ้ใจตัวเอง  ปากบอกว่าจะทำดี  แต่ไม่ทำตามที่พูดเลยครับ

นินทาผู้อื่นให้เสียหาย  แม้เรื่องนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเรา  หรือเกี่ยวข้องก็ตาม  เป็นเรื่องที่จริงหรือไม่จริงก็ตาม  เราเข้าไปยุ่งทั้งหมด

ใช้คำหยาบคาย  ด่าว่า  คนอื่นๆ  ให้เจ็บช้ำใจ  หารู้ไม่ว่าตอนที่ตัวเองด่าคนอื่น  ตัวเองรับไปก่อนใครเต็มๆ  คิดว่าตัวเองดีทั้งที่ไม่มีความดีเลยแม้แต่น้อย

เถียงพ่อเถียงแม่  ไม่เชื่อฟังที่พ่อแม่ยายตักเตือน  ไม่ทำตามที่ท่านบอก  พยายามเลี่ยง  บ้าง  หลบบ้าง  ท่านใช้ก็บอกเดี่ยวก่อน  เดี่ยวค่อยไปทำพูดแล้วทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ  ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น  แต่คงเป็นเพราะเราเป็นคนพูดตรงไปตรงมา  หรือเรียกว่า  ปากร้าย  คนอื่นเขาเสียใจตลอดมา  ตัวเองเลยต้องมาเสียใจบ้าง  จากคำพูดของคนอื่นๆ

ใช้ปากพูดเรื่องไร้สาระ  โอ้โลมหว่านล้อม  คนที่ตนรัก  หวังว่าเขาจะมารัก  แต่เขากลับเกลียด  รำคาญ

พูดเรื่องลามก  สนทนาเรื่องลามก  คำหยาบคาย

ทางอินเตอร์เน็ตทั้งกาย  คือทางปาก  ทางวาจา  คือเวลาที่พูดออกไป  ทางใจคือความคิดนึก  มโนกรรม  พูด  คิด  ทำ  แต่ในสิ่งที่ผิดทั้งนั้น

นินทาพ่อตัวเองพูดถึงพ่อในด้านไม่ดีเพราะพ่อได้ทิ้งพวกเราไปตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กอนุบาล  จึงมีความโกรธพ่อ  เรื่อยมา  พูดในสิ่งที่พ่อทำไม่ดี  ซึ่งเป็นกรรมหนัก  เพราะพ่อเป็นบุพการี  หากไม่มีท่าน  ก็ไม่มีผมในวันนี้ 

เวลาที่ทำสมาธิ  ระลึกถึงพระ  ทำความดี  ระลึกถึงครูบาอาจารย์  ก็จะปรากฏภาพอวัยวะเพศขึ้นมา  มีภาพเท้าขึ้นมา  มีคำด่าที่หยาบคายนำหน้า  เป็นมโนกรรม  ที่ปิดกั้นความดี  ที่จะได้เข้าถึงมากๆเลยครับ  เพราะเราผิดศีลมาทุกข้อ  เลยต้องได้รับผลเช่นนี้  กรรมรวมตัว

นี่เป็นผลกรรมในปัจจุบันนะครับยังทำให้ผมพบกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย  หากท่านเป็นเหมือนผม  ยังไม่สายที่จะแก้ไขนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 00:00:11


ความคิดเห็นที่ 168 (1639027)

5.  หลงลืม  ถึงศีลข้อห้า  และศีลสามชั้น

สมัยเด็กๆแม่ใช้ให้ทำอะไร  ผมก็ทำได้  เพราะชอบคำชมจากแม่  แต่พอให้ให้ไปซื้อของที่ร้านค้าข้างบ้าน พอไปถึงคุณป้าที่เป็นแม่ค้า  ถามว่ามาซื้ออะไร  ผมก็จำไม่ได้  ต้องเดินกลับไปถามแม่ใหม่  เดินกลับไปกลับมาหลายครั้ง  ในใจผมอายมากครับ  แม่ก็บอกว่าแค่นี้ทำไมจำไม่ได้ผมต้องแก้ไขด้วยการขอให้แม่เขียนให้  แล้วเอาไปยื่นให้ป้า  แทน 

ที่โรงเรียน…………….แม้นเวลาจะผ่านมาก็ยังเหมือนเดิมครับ  คุณครูใช้ให้ไปซื้ออะไรผมก็จะจำสลับกัน  ยังไม่รู้จักชื่ออุปกรณ์ง่ายๆ  ระหว่างซันไล  กับสก๊อตไบต์  จำสลับกัน

มาคิดๆดู  ผมก็อายตัวเองเหมือนกัน  หรือว่าเราเป็นเด็กสมาธิสั้นนะ  เพราะตอนเด็กๆ  เราชอบดูแต่ทีวี  ทำอะไรก็เชื่องช้า  แต่พอกินข้าว  กินขนม  ดูทีวี  มีเงินให้  เราวิ่งคนแรก  หรือเราเป็นโรคอะไรกันน๊า...

ทีแรกก็คิดว่าตัวเองสมาธิสั้นหรือเปล่า  แต่ที่แน่ๆ  ผมเป็นคนขี้เกียจมากครับ  ตอนเด็กๆ  แม่ซื้อสมุดมาให้หัดเขียนหนังสือ  ก็ไม่เอา

เข้าโรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  1  ยังอ่านไม่ออก  บวกเลข  ลบเลขง่ายๆ  ไม่ได้  คือไม่มีพื้นฐานอะไรเลยครับ  วันแรกที่ผมไปเรียนคุณครูสงสารที่ทำเลขไม่ได้  เลยเขียนให้ซะเลย  ผมล่ะอ๊ายอายคุณครู  เพราะได้ออกจากห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย

กว่าจะอ่านออก  บวกลบเลขได้ก็ขึ้น ป.1  เทอมสอง  ซะแล้ว  แต่มาคูณได้ตอนประถม  2  และหารเลขได้ตอนประถม  3  อ่านออกเขียนได้ดีมากขึ้น  ก็ตอนประถม  3  ครับ  ไม่รู้เรามีพัฒนาการช้าไหมหนอ

แล้วอาการที่เป็นประจำตัวเลยคือ  ชอบวางของแล้ว  หาไม่เจอ  ลืมตลอด  กว่าจะหาเจอก็กินเวลานาน  จนอารมณ์เสีย  เฮ้อ....

ฟังแล้วเหนื่อยแทนผมไหมครับท่านผู้ชม  ซึ่งอาการจะแสดงเวลาที่ผมเครียดครับ  เอาวางไว้ที่หนึ่งคิดว่าวางไว้ที่หนึ่ง  ไปหาก็ไม่เจอล่ะซีท่า  หงุดหงิดก็หงุดหงิด  เหนื่อยตามหาก็เหนื่อย  นี่เราไปทำกรรมอะไรมาเนี่ย.....

กรรมที่ทำ

ตอนเด็กๆ  มีงานแถวบ้านเขาจัดฉลอง  ผมก็ไปกับคุณยาย  เห็นแก้วเบียร์วางอยู่  ก็จับแก้วมาซดจนหมด  แต่แปลกแฮะ  ทำไมไม่เมาหนอ  หรือยายังไม่ออกฤทธิ์นะ  มาออกฤทธิ์เวลาเครียดหรือเปล่าหนอ  เวลาที่บ้านเพื่อนมีงานวันเกิดผมก็ไปครับ  เขาซื้อเบียร์มา  ผมก็ดื่มกับเพื่อนๆครับ  พอเป็นพิธี

ยาสูบก็เคยลองคือพันกระดาษสมุดเขียนหนังสือนี่แหหละครับ  และลองสูบก้านแห้งๆของต้นสาบเสือครับ  เวลาที่คุณพ่อจะดื่มเหล้า  เบียร์  ท่านใช้ผมไปซื้อ  ผมก็ต้องไปซื้อให้ท่านครับ  เวลาที่ผู้ใหญ่ใช้ให้ไปซื้อบุหรี่  เหล้าเบียร์  ผมก็ต้องไปซื้อครับ

แต่ก่อนก็คิดว่ามันไม่ผิดนี่นาที่เราไปซื้อให้  เราไม่ได้เสพเองซะหน่อย  คิดแล้วก็เราโง่จริงๆที่ไม่รู้  จนมาศึกษาธรรมะอย่างใกล้ชิดถึงได้ทราบครับ  คือถ้าเราเกี่ยวข้องก็ผิดทั้งนั้นครับ  ตามที่ท่านอาจารย์อุบลสอน

ตั้งแต่ชั้นมัธยมหนึ่งของพวกนี้ผมไม่แตะเลยครับเพราะทำสัญญาไว้ครับตอนเข้าร่วมโครงการสมัชชาลูกผู้ว่าที่โรงเรียน  แต่ก็มีถูกใช้ให้ไปซื้อบ้างตามโอกาสครับ  บางครั้งผมก็ปฏิเสธ

พอมานึกแล้วคิดว่าตัวเองก็ทำไม่มากนี่นา  ทำไมๆ!!!!! ตั้งคำถามในใจตัวเอง สุดท้ายผมก็ยอมรับโดยดุษฎี  ว่า  ผลกรรมที่เราทำแม้เราคิดว่าน้อย  เราจะรู้ได้ไงล่ะ  เพราะกรรมของแต่ละคนที่สั่งสมมาไม่เท่ากัน

ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวที่ได้เปิดบ้านสวนพีระมิด  และได้เผยแผ่ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า  ด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมา  ใช้ภาษาที่ง่าย  และเข้าใจได้ง่าย  ไม่ใช้บาลี  ที่เข้าใจยาก

ทำให้ผมได้มาคิดทบทวนกรรมของตนเอง  ละวางอัตตา  ละวางความอายที่จะสารภาพบาปกรรมที่ผมได้ทำมา  และเปิดโอกาส  ชี้แนะโอกาส  ให้ผมได้เห็นทางรอด  ทางสว่าง  ที่จะนำพาชีวิตของผมให้หลุดพ้นจากกรรมชั่วที่ทำมาได้

ด้วยการให้ธรรมทานชีวิตของตัวผมเอง  แก่ผู้อื่น  และใช้วิธีการที่ท่านอาจารย์อุบล  ได้เมตตาให้ลูกหลาน  ได้ปลดเปลื้องกรรม  ด้วยการสารภาพกรรมกับจี้องค์เทพสฟิงซ์  รหัสลับจักรวาล  อาจารย์อุบลช่วยด้วย  จี้สามร่มโพธิ์ศรี  พระบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอาราธนาอัญเชิญมา  การกราบรูปภาพของท่านอาจารย์ด้วยจิตเปิดคือเคารพศรัทธา

คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านอาจารย์อุบลทำ  ทำให้ลูกหลานมีความสุขทั้งทางกาย  และทางใจ  ท่านช่างเป็นครูผู้สอนของมนุษย์  และเทวดาทั้งหลาย  ที่ลุกๆมีโอกาสดีมาก  แล้วที่ได้มาพบเจอท่านอาจารย์อุบล

ลูกขอกราบขอบพระคุณเทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาลทุกๆพระองค์ที่คุ้มครองท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  ตั้งแต่องค์สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา  องค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดา  พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์  พระเบื้องบนทุกๆพระองค์  เทพไท้เทวาอารักษ์  ทุกชั้นฟ้า  มนุษย์ต่างดาวทุกดวงดาว ฯลฯ  ที่เมตตาลูกๆหลานๆ  ให้ได้สร้างบุญในชาตินี้ทุกๆบุญนะครับ

ขอน้อมบุญทั้งหมดที่ลูกได้สร้างมาตั้งแต่ชาติแรกจนถึงชาตินี้แด่ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่ดูแลคุ้มครองปกปักรักษาท่านอาจารย์อุบลนะครับ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

 

ในวันนี้ตัวของผมได้หันไปมองในสิ่งที่ทำมาก็ได้เห็นข้อบกพร่องและความผิดพลาดทั้งหลาย  ที่ผมได้ก่อเอาไว้  และได้รับกรรมทันตาเห็นในชาตินี้  ไม่ต้องรอชาติหน้า  ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า  ที่ว่า  ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว  และข้าพเจ้ามาสารภาพในวันนี้เพื่อขอดับเหตุ  เป็นธรรมทาน  ให้ท่านที่ยังประกอบกรรมคล้ายๆกับข้าพเจ้าได้คิดว่า  ที่กำลังทำอยู่นี้ผิดหรือไม่อย่างไร  ช่วงชีวิตของเราไม่ยาวนัก  อาจจะตายเวลาไหนใครกำหนดรู้ได้  เรารู้แน่นอนคือวันเกิด  แต่วันตายเราไม่รู้  เรามาตั้งใจทำความดีกันเถิดครับ  เพื่อชีวิตหลังความตายของเราจะได้สบาย  ไม่ต้องไปใช้กรรมต่อในนรกที่แสนทุกข์ทรมาน  ที่พูดอย่างนี้เพราะผมคิดว่า  แม้แต่ร่างกายที่เราไม่สบายเล็กน้อยๆตอนที่เรามีชีวิตอยู่  เราก็ทุกข์มากแล้ว  แล้วถ้าหากเราตายไป  แล้วไปใช้กรรมที่เต็มที่  ไม่มีเวลาแก้ตัว  จะทรมานขนาดไหน  เรามาตั้งใจไปในที่ที่ดีๆ  กันนะครับ  และที่จบจริงๆ  คือนิพพาน  

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 00:45:18


ความคิดเห็นที่ 169 (1639041)

 ท่านอ.อุบลค่ะ คุณอิศวร เป็นคนเขียนเองและโทรมาหาให้พิมพ์และส่งให้ตอนนั้ใกล้เที่ยงฟังแล้วบางครั้งก็แนะนำเขา  เขาบอกว่าเอาตามนั้นะพี่วันนั้นเที่ยง ถึง บ่ายโมง หิวข้าวมากเลยแต่ก็บอกน้องเขาว่าพี่พิมพ์ไม่เก่ง  เขาเขียนประมาณ 3 หน้า  หนูยังพืมพ์ไม่เสร็จ

ถ้านั้นหนูไม่พิมพ์แล้วนะค่ะแต่หนูมีข้อควมที่น้องเขียนแล้วโทรมาอยู่ในสมุดค่ะ  (หนูไม่ขอแก้ตัวค่ะ แต่หนูขอแก้ไขโดยการไม่พิมพ์ต่อแล้วค่ะ )

***********************************************************

พี่ตุ๊กก็น่าจะรู้ดีนะคะ

ว่าอ.ท่านเป็นคนยังไง

ในเมื่อรู้ว่าสิ่งที่คุณอิศวรบอกมาไม่เป็นความจริง

ทำไมไม่ท้วงติง ถามให้แน่ใจ

ทำไมถึงกล้าที่จะพิมออกมาได้

ทั้งๆที่พี่ก็รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

ต่อไปก็ช่วยกันเรียบเรียงเนื้อหาให้มันเป็นความจริงหน่อยนะคะ

อย่าทำให้อ.แม่ต้องมาหม่นหมอง

เพราะความสะเพร่าของตัวเองเลยค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 05:12:56


ความคิดเห็นที่ 170 (1639045)

 ช่วงที่กระชากหน้ากากเห็นความชั่วร้ายของป้าอุ๊เป็นช่วงที่มิ้มอยู่บ้านสวนก็เลยไม่ได้มาร่วมเปิดโปงความร้ายกาจที่ป้าอุ๊ก็เคยมาหลอกล่อลูกควายอย่างมิ้มเหมือนกันค่ะ

 

        ขอเล่าการพบหน้าแม่มดมนต์ดำป้าอุ๊เป็นครั้งแรกก่อนนะคะ มิ้มจำได้ว่ามิ้มเห็นหน้าป้าอุ๊ครั้งแรก  ป้าอุ๊ใส่ชุดสีดำมาทั้งชุด ผมยาวดูรุ่มร่ามเกือบปกหน้า ใส่แว่นตาดำ ตอนป้าอุ๊ถอดแว่นตา มิ้มรู้สึกว่าเค้าหน้าตาอย่างกับแม่มดเลย แต่เราก็เห็นทุกคนบอกว่าสวย เราก็เลยว่าสายตาของมิ้มคงจะไม่ได้มาตรฐานก็เลยพยายามมองว่าสวย

       และสิ่งทำให้มิ้มรู้สึกแปลกใจมากๆๆเลยก็คือ  การวางตัวของป้าอุ๊ที่ทำตัวเสมอท่านอาจารย์  โดยวิ่งเข้ามากอดอาจารย์ทางด้านหลัง ทำตัวตีสนิทมากไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ เราก็แปลกใจว่า  ถ้ารู้ว่าท่านอาจารย์เป็นใครจริง  ทำไมถึงทำตัวเหมือนท่านเป็นเพื่อนเล่นขนาดนี้ คนดีๆที่เค้ามีคุณธรรม และรู้จักท่านอาจารย์จริงๆเค้าไม่ทำอย่างป้าอุ๊กันหรอก

--------------------------

อนุโมทนากับธรรมทานของคุณครูมิ้มค่ะ

อ่านแล้วก็เสียวไส้จริงๆเลย

วันเข้าค่าย 13 ก็สังเกตเห็นเหมือนกัน

แต่มิได้เฉลียวใจสักนิด เป็นเพราะตัวเองขาดปัญญา

เพราะที่ผ่านมาลูกบ้านสวนฯ ตัวจริง

จะไม่มีใครที่ทำตัวเสมอท่านอาจารย์เลย

ผิดกับป้าอุ๊ ม้ามืด (มืดมา และวืดไป)

ห่างหายไปตั้งนาน ยังไม่รู้ตัวบ้างเลย

จากวันนั้นจนกระทั่งขณะนี้ เพิ่งจะอยากเข้ามาเขียน

ธรรมทานในเว็บบ้านสวนฯ คิดได้งัยก็ไม่รู้

เจ้าแม่พลังบวกกกก

ป้าอุ๊ เฒ่ากล่องดำ เข้าไปเขียนธรรมทานในเวปบ้านสวนไม่ได้นะคะ 

ไม่ทราบเพราะอะไร กรุณาตรวจสอบให้ด้วยนะคะ ขอบคณค่ะ

See Translation

Sunday at 8:39pm

ขอบคุณพี่ก้อยนะคะ ที่ให้คำนำ

 

การยกเลิกเป็นเพื่อนกับป้าอุ๊ บน FB

เพราะเห็น ออนไลน์ แล้วขนลุก

 

น.ส.เบ็ญจากาญจน์  ศุภศิริวัฒนา

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 05:28:01


ความคิดเห็นที่ 171 (1639051)

ทำไมไม่ท้วงติง ถามให้แน่ใจ

ทำไมถึงกล้าที่จะพิมพ์ออกมาได้

ทั้งๆที่พี่ก็รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

ต่อไปก็ช่วยกันเรียบเรียงเนื้อหาให้มันเป็นความจริงหน่อยนะคะ

อย่าทำให้อ.แม่ต้องมาหม่นหมอง

เพราะความสะเพร่าของตัวเองเลยค่ะ

..............................

คำถามที่น้องหญิง เขียนมา

แต่ละคำถามก็ชัดเจนนะคะ

 

แต่จริงๆนะคะ

เวลาอ่าน"ข้อความ"ของพี่ตุ๊ก แต่ละครั้ง

ก็ยังแอบลุ้นทุ๊กที เพราะจะกี่ครั้งๆ

ก็ยังมี"ผิดๆ"ให้เห็นอยู่บ่อยๆ


ก็เห็นว่าจะแก้ไข แก้ไข

แต่สุดท้าย ก็พลาดเหมือนเดิม

 

พี่ตุ๊กคะ เอาแบบว่า

ทำอะไรที่ไม่เบียดเบียนตัวเองดีกว่านะคะ

 

คือถ้าเป็นคนธุระเยอะ

ก็จัดการธุระทุกอย่างให้เสร็จก่อน

แล้วค่อยมานั่งอ่านกระทู้

และเขียนธรรมทาน

 

หรือถ้ารู้ตัวว่า เป็นคนพิมพ์ช้า

ก็ไม่ต้องเน้นที่ปริมาณค่ะ

แต่เน้นที่ความถูกต้องสมบูรณ์ดีกว่าค่ะ

 

 

 

เพราะพิมพ์คอมพ์ มันเขียนไป

แก้ไปด้วย...ก็ได้

 

แถมก่อนส่ง

ก็อ่านทบทวนอีกหลายๆครั้งก่อน

แล้วค่อย กดส่ง

 

แค่นี้ พี่ก็จะได้ธรรมทาน

ที่สมบูรณ์แบบ ที่สุดแล้ว

 

เพราะสะกดผิดไปบ้าง

ไม่เท่าไหร่หรอกนะคะ

แต่ถ้าเขียนแล้ว

ความหมายที่ต้องการสื่อเพี้ยนไป

แถมไปพาดพิงถึง"ผู้บริสุทธิ์และสูงส่ง"

มันจะเป็นกรรมหนักของพี่เองค่ะ

 

ฉะนั้น อะไรที่มันเกินกำลัง

และความสามารถ ของตัวเอง

ก็ปฏิเสธไปตรงๆก็ได้ค่ะ

 

เพราะถ้า"อยาก" ได้บุญมากไปหน่อย

อาจจะได้รับ"บาป"กันยกก๊วน...ก็ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 07:09:38


ความคิดเห็นที่ 172 (1639074)

                 กว่าจะหาา้ห้าากันเจอเล่นเอาไปครึ้งวันแระ เฮ้อะทำมัยถึง

            ช้าาาาาาาาาเป็นยายแก่ได้ขนาดนี้น้าา 

                 ว่าไปแล้วที่ช้าเพราะแต่ละเรื่องลาวของแต่ละท่าน อ่านข้ามไม่ด้ายเล้ย จริงๆนะ

            ต้องอ่านทุกตัวอักษร มันลู้นยี้งกว่าการดูหนังดูละครเสียอีก   แต่ไม่ได้ดูมานาาาแล้วละค่ะ

            ที่ต้องทุกตัวอักษรเพราะจะได้(จำว่าคำใหนสกดอย่างไร)

                  หมดเวลาอีกแระ เฮ้อะ เด๋วตอนเย็นมาต่อนะค่ะ จะได้เหลาถึงเรื่อง(ลาว)

           ของคนที่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกได้ทุกเรื่อง เหอะ ๆๆๆๆๆ น่าอายขายขี้หน้าเป็นที่สวด

                           ขอนิดนึ่งดีใจที่มีคนมองหาความงามของ ป้าอุ๊ มหาภัยไม่เจอเหมือนเรา

           นัองมี้มพูดด้ายจายมากๆเลย

                          อิคิวซ้งงง++++ ตร้าบผม แป๊บนึ่งคราบเดี่ยวมานะตอยเย็นค่ำ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 10:30:06


ความคิดเห็นที่ 173 (1639125)

ลงกระทู้นี้จ้า เร่งสร้างธรรมทาน

แต่ละคน

ที่ให้คุณบุญพิบาล

เขียนธรรมทานให้นี่นะ

ช่างกรรมหนักจริงๆ

เพราะ

คุณเธอ เขียนผิดๆถูก

บางทีเปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนความหมาย

บางที ดันใส่เบอร์คนอื่น

ให้ไปถามเรื่องกรรม เรื่องธรรมทาน

ของตัวเอง กรรมหนักจริงๆ

----------

ลูกกราบขอขมาท่านอาจารย์ค่ะ

ที่เป็นส่วนหนึ่ง ทำให้ทุกท่านมีเคราะห์กรรมครั้งนี้

(พี่ตุ๊ก คุณป้าหวาย คุณป้าชลอ คุณอิศวร)

หากลงชื่อผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ

เย็นวันอาทิตย์เราเดินทางกลับบ้าน

พร้อมกัน 5 คน

ระหว่างทางที่นั่งรถไป ก็ได้พูดคุยถึงการส่ง

การบ้านให้ท่านอาจารย์

ทั้งคุณป้าหวาย คุณป้าชลอ คุณอิศวร

รวมทั้งตัวลูกเองไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ได้

ดังนั้นในรถจึงมีพี่ตุ๊ก เป็นความหวังของทุกคน

ซึ่งลูกได้สาระแน แสดงความเห็นไป

หากเข้าเว็บไม่ได้ ก็เขียนธรรมทาน

ส่งมาให้พี่ตุ๊กโพสต์ให้ก็ได้

(ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอดเลย)

ต่อไปลูกจะระมัดระวังในการพูดมากขึ้น

 ไม่คิดว่าคุณอิศวรจะมาเร็ว แซงทางโค้งขนาดนี้

โทรสั่งทางโทรศัพท์ พี่ตุ๊กจดแล้วก็พิมพ์ให้อีก

ขอขมา ขอโทษพี่ตุ๊กจริงๆๆ

---------------

นางสาวเบญจกาญจน์  ศุภศิริวัฒนา

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 13:58:02


ความคิดเห็นที่ 174 (1639130)

ขอบพระคุณมากที่คุณชนิดา   น้องหญิง  และทุกท่านที่เป็นห่วงพี่ตุ๊กคนนี้ จริงๆพี่ก็ได้ท้วงติงแล้วค่ะ  ผลคือ....น้องบอกว่าเอาตามนั้นครับพี่  พี่ไม่มีคำพูดต้องมานั่งทบทวนตัวเองอีกเป็นเพราะความโง่ของพี่ บวกกับสติเนื่องจากผิดศีลมาทุกข้อ  และตอนนี้พี่ก้ได้เขียนธรรมทานจำนวน 6  แผ่น  รวม 100 ชุดเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ  พร้อมจะแจกในวัน 10   พ.ย. 2555  ค่ะ  เป็นความชั่วของพี่ในเวอร์ชั่นใหม่ค่ะ

 

กราบขอบพระคุณและกราบขอโทษด้วยนะค่ะที่ทำให้วงแตกเหตุการณ์กำลังไปได้ด้วยดี เพราะพี่ทำไม่ดี  พี่จึงไม่ถอยและจะแก้ไข  แต่อนิจจา"  ความโง่    ยังสิงห์อยู่ในร่างต้องหาวิธีใหม่ไล่ผีหน้าด้านออกจากตัวให้ได้

หากข้อความไม่ได้เรื่องขอให่ส่งไม่ผ่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 14:09:06


ความคิดเห็นที่ 175 (1639163)

 คุณนนทพรนี่นะ

ทั้งดำ ทั้งเตี้ย ทั้งอ้วน

ทั้งหน้าตาขี้เหร่

เลยนะ

 

ท่านคิดว่าคุณปิ่นพูดจาเช่นนี้

เพราะคุณปิ่น คิดอะไรพูด เพื่ออะไร 

-------------------------------------------

โอ้โฮ... คุณปิ่นนี่ต้องเป็นคนที่ ใจร้าย..ใจดำ ขี้อิจฉา ริษยาที่คนเขาอยู่ไกลถึงอเมริกายังมีบุญดั้นดันมาบ้านสวนได้  ชอบยกตนข่มท่าน เพื่อกลบทุกข์ที่ตนประสบอยู่ มองคนแต่เพียงภายนอก ไม่ดูที่จิตใจ ขาดเมตตาอย่างรุนแรง และไม่ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ เฉกเช่นเดียวกับตนเอง

และลูกเชื่อว่าคุณปิ่นน่าจะพูดเพื่อหวังให้คุณนนทพรจิตตก และหวังสกัดดาวรุ่งไม่อยากให้คุณนนทพร ได้มาสร้างบุญที่บ้านสวนฯอีก แต่...ผิดถนัด และไม่ได้ผล เพราะ

คุณนนทพรฉลาด หนักแน่น และมีภูมิธรรมสูงกว่าที่เธอคิดเจ้าค่ะ

 

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล และครอบครัว และเทวดาที่รักษาตัวท่าน และครอบครัวเจ้าค่ะ


กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาจินต์ ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 17:05:32


ความคิดเห็นที่ 176 (1639174)

ธรรมทานของคุณวีรดา  อยู่นวล

ศีลข้อที่1 ที่ร้ายแรงที่สุด คือการทำแท้ง สัตว์ที่ฆ่ามากที่สุดคือยุง มาก ๆๆๆๆๆๆ จึงคิดว่าเป็นโรคภูมิแพ้จากการฆ่ายุง ปิดประตูทับจิ้งจกตายประมาณ 3 ครั้ง ฉีดยาฆ่าแมลง ปลวก ให้ยามมาจับงู แต่ยามก็กลัวก็เลยฆ่า และเราก็เห็นดีด้วย เพราะว่ากลัวเหมือนกัน สนับสนุนให้น้องฆ่าไก่ เพราะเราก็กินด้วย สั่งซื้อหอยลายผัด ตีลูก ตีหลาน เคยคิดฆ่าตัวตาย

ศีลข้อที่2 หยิบเงินแม่โดยไม่บอก ตอนเด็ก ๆ เคยขโมยขนมร้านขายของชำ และซื้อของโดยไม่ได้จ่ายตัง อาศัยช่วงชุลมุน แล้วเก็บเงินไว้ซื้อขนมกิน ขึ้นรถเมล์ไม่จ่ายตังค์ ชอบของฟรี ดีใจที่แม่เอาของวัดมาฝาก ยืมเงินเพื่อนแล้วยังไม่ได้ใช้คืน (ยังคืนไม่หมด) เคยขอยืมเงินในบาตรวิระทะโยมาใช้ประมาณ 700 บาท แต่ได้ใช้คืนไปแล้วประมาณ 2000 บาท กลัวว่าจะผิดพลาด(นับผิด) เคยทำธุรกิจขายตรงโดยการหลอกล่อให้เขาสมัครสมาชิกเพื่อซื้อของโดยที่เขาไม่เต็มใจ อันนี้เยอะมาก และธุรกิจก็ไปได้ดี (ทำบาปขึ้น) มีคนซื้อเยอะ อันนี้ตอนแรกไม่เคยคิดว่าเป็นบาปอะไร จนมารู้จักบ้านสวน จึงรู้ว่าเราทำเยอะมากจริง ๆ เคยออกเงินกู้ ดอกเบี้ยร้อยละ 10 เคยเอาของที่ทำงานกลับบ้าน ปากกา ยางลบ แม็กซ์ กระดาษ ถ่ายเอกสารงานส่วนตัว ทำงานไม่เต็มที่ มาสายกลับก่อน

ผลกรรมที่ได้รับก็คือ เป็นหนี้มากมาย ขาดสภาพคล่องทางการเงิน

ศีลข้อที่3 ชิงสุกก่อนห่าม และได้ทำแท้งไป 1 ครั้ง และแฟนคนปัจจุบัน เขาก็เคยมีแฟนอยู่แล้ว แต่เราไปแย่งเขามา และก็ดีใจที่เราเป็นผู้ชนะ เพราะเขาเลือกเรา แต่มันเป็นผลกรรมอันยิ่งใหญ่มาก ไม่รู้ว่าแต่งงานกันเพราะอะไร เหมือนตัวเองตกนรกทั้งเป็น ไม่รู้สึกผูกพันเลย เวลาที่มีความทุกข์ อยากจะพูดอยากจะระบาย อยากขอความช่วยเหลือ แต่ไม่เคยได้รับเลย มีแต่เสียงเอะอะ โวยวาย พูดจาเสียงดัง ชอบโกหก ไม่เคยปลอบหรือให้กำลังใจ พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายต้องการให้เลิกกันโดยไม่ได้นัดหมาย(คิดเหมือนกันได้ไงไม่รู้) แต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะลูก ก็อยู่ไปตามหน้าที่ บางครั้งก็คิดว่าเราแย่งเขามาทำไมนะ  เป็นเพราะเราเป็นคนใจง่าย ไม่มีศักดิ์ศรีตัวเอง เป็นคนโง่ เชื่อคนง่าย อันนี้เป็นผลกระทบทางใจ ถ้าอยู่เป็นโสดคงสบายกว่านี้ นอกจากนี้ก็เคยดูภาพโป๊ หนังลามก ทำให้สายตายาว

ผลกรรมของการผิดศีลข้อนี้ ก็จะไปรวมกับศีลข้อที่1 ข้อที่2 ด้วย ทำให้หมดตัว มีหนี้สินมากมาย ทำมาหากินไม่ขึ้น ทำอะไรก็เจ้ง

ศีลข้อที่4  พูดนินทาให้ร้ายผู้อื่น แต่ตัวเองดีหมด พูดขายสินค้าเกินความเป็นจริง พูดเหลวไหลไร้สาระ เคยด่าพ่อแม่ในใจเวลาที่โกรธ นินทาพ่อแม่และคนในครอบคร้ว ตอนเด็ก ๆ ป5-ป6 เคยอยากไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่พูด กู มึง รู้สึกเท่ดี แต่ก็โดนไล่ออกจากกลุ่ม เนื่องจากไม่ค่อยเหมือนและใจไม่ถีง

ผลกรรม พูดจาอะไรไม่ค่อยมีคนเชื่อถือ ฟันผุ มีกลิ่นปาก

ศีลข้อที่ 5  เคยดื่มเหล้า เบียร์ สปาย แต่ไม่มากเพราะไม่ค่อยชอบ ซื้อเหล้าเบียร์ให้พ่อ พี่น้อง แฟน

ผลกรรม ทำให้ขี้หลง ขี้ลืม ปวดหัว

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 18:00:42


ความคิดเห็นที่ 177 (1639203)

 

ขออนุญาติลงธรรมทานที่ได้แก้ไข ปรับปรุงเพิ่มเติมนะคะ

ขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญสำหรับทุกท่านที่นำธรรมทานของอ้อยไปแจกนะคะ

 

สารภาพบาปกรรมที่ได้ทำมา

                ดิชั้นชื่อ น.ส.ปาริชาต ชมภู อายุ 40 ปี  จบพยาบาลแต่ตอนนี้ออกมาขายเครื่องมือแพทย์  ตอนที่ลาออกจากพยาบาลอ้างเหตุผล คือ ขึ้นเวรกลางคืนไม่ไหว  ทั้งๆที่ตอนเรียนก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้   แต่ดิฉันคิดว่า คงถึงเวลาที่จะต้องชดใช้กรรมมากกว่า  จึงทำให้ดิชั้นมีความคิดที่จะลาออกมา  เพราะการทำงานพยาบาลเป็นอาชีพที่ช่วยเหลือคน  แต่มาเลือกงานขายเครื่องมือแพทย์  ซึ่งต้องทำยอดขายให้ถึงเป้าตลอด   ซึ่งมันเป็นอาชีพเหมือน หมาล่าเนื้อ คุณต้องวิ่งตามยอดขายที่บริษัทตั้งไว้ตลอด  ถึงแม้ว่าเดือนนี้คุณจะขายได้ตามเป้า  แต่คุณจะมีเวลาดีใจยิ้มหน้าบาน ได้ไม่เกิน 1 วัน  เพราะวันต่อมาบริษัทเค้าก็จะถามคุณว่า แล้วเดือนต่อไปจะขายได้เท่าไหร่   ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ   และสร้างความเซ็ง ความกดดันให้เรามาก  แถมยังต้องคอยง้อลูกค้า  ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนไม่ชอบง้อใคร  เป็นคนขวานผ่าซากด้วยซ้ำ

ทีนี้มาดูกับดีกว่าว่าทำไมดิฉัน  ถึงได้บอกว่าได้เวลาชดใช้กรรมแล้ว

              ดิฉันเป็นคนที่เรียนเก่ง รูปร่างหน้าตาพอใช้ได้ ทำงานก็พอใช้ได้ ช่วงแรกในงานขายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี  ทำยอดได้เกินเป้าตลอด  จนทำให้ตัวเองรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองมาก  คิดว่าตัวเองเจ๋งจริงๆ  จนเริ่มเข้าอายุ 30 กว่าปี เริ่มสังเกตว่างานเริ่มมีปัญหา  ขายได้ตามเป้าบ้าง ไม่ถึงบ้างซึ่งผิดปกตินะ  ปกติเราจะขายถึงตลอด  แถมมีเหตุไปติดต่อลูกค้า  คุยตกลงกันดิบดี แต่สุดท้ายก็แห้ว โดยไม่ทราบสาเหตุ  แถมลูกค้ากับเราก็ดูสนิทสนมรักใคร่กันดีเป็นเหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่ก็มีเหตุให้ไปใช้สินค้าคู่แข่งตลอด  ทั้งๆที่เราเป็นคนไปเปิดตลาด เหมือนลูกค้ามองข้ามเราไปเลย  ซึ่งมันเจ็บปวดมาก  คิดดูคนที่คิดว่าเราก็แน่  ก็เจ๋งคนหนึ่ง ความรู้ดี บุคลิกดี บริษัทดี แต่ทำไมๆๆๆ ถึงเป็นอย่างนี้   คิดมากจนเริ่มเสียความมั่นใจในตัวเองว่า สงสัยเป็นเราเองที่ไม่ดี ไม่เก่ง ไม่ค่อยขยัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในสมองเลย  การเงินก็ติดขัด รายได้ดีแต่ไม่มีเงินเหลือ แถมเป็นหนี้สินอีก หมุนเงินใช้เดือนชนเดือน   ตื่นมาไม่อยากไปทำงานเลย  เพราะรู้ว่าออกไปเจอลูกค้าจะเจอแต่ความผิดหวัง  กลัวเจอแต่ข่าวร้าย  แต่ในขณะเดียวกัน  อีกคนหนึ่งที่อยู่ทีมเดียวกัน  กลับประสบความสำเร็จมากๆๆ  ทำยอดได้เกินเป้า  เจอแต่ลูกค้าน่ารัก   พูดอะไรผู้บริหารก็เชื่อไปหมด   สถานการณ์ตอนนั้นดิฉันกับเค้าเหมือน ขาว กับ ดำ เลย  แถมเค้ายังเป็นคนที่เชื่อมั่นและทะนงตัวมาก  พูดจาชวบโอ้อวด  ซึ่งสิ่งที่เค้าพูดมันก็จริงน่ะแหละ   แต่มันยิ่งทำให้ดิฉันเจ็บปวด  เก็บกด ร้อนรุ่ม  ทุกข์ที่สุดในชีวิต

จนมาวันหนึ่งเปิดทีวีเจอรายการคุยไปแจกไป  เจอท่านอ.อุบลกำลังไต่สวนกรรม  ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนจะทำงานบริษัทเหล้า เจอปัญหาเรื่องการงาน การเงิน เค้าสารภาพว่าเคยทำแท้ง 1 ครั้ง  โห ตอนนั้นเก็ทเลย   ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน

ทั้งๆที่รู้สึกผิดมาตลอดและทำบุญถวายสังฆทาน สร้างพระ เสียเงินแก้กรรมไปมากมาย ไปปฎิบัติธรรมตลอด แต่ไม่คิดว่าผลจากการทำแท้งจะส่งผลเรื่องงาน เงินและสุขภาพ คือปวดท้องเวลาเป็นประจำเดือนขนาดนี้   ดูรายการมาเป็นปีอยากไปบ้านสวนพีระมิดมาก  แต่ไม่กล้าไป เพราะถ้าไปต้องสารภาพบาป  โธ่ ใครจะไปกล้าล่ะคะ สร้างภาพตัวเองมาซะดิบดี ว่าฉันดี ฉันเลิศ ฉันเก่ง ในหมู่บ้านดิฉันจะพูดถึงดิฉันด้วยความชื่นชมว่า ทำตัวดี กตัญญู   รู้สึกว่าตัวเองต้นทุนสูงขนาดนี้  จะให้ใครรู้เรื่องทำแท้งไม่ได้เด็ดขาด กลัวพ่อแม่  ญาติพี่น้อง  เพื่อนฝูงรู้ กลัวเค้าเลิกคบเรา กลัวคนดูถูก กลัวๆๆๆๆ  แต่สุดท้ายทนไม่ไหว  เอาไงเอากัน คิดว่าเราไปบ้านสวนฯเพื่อทำบุญ  แต่ไม่ไปบำบัดกับอาจารย์หรอก  ต้องการทำบุญอย่างเดียว   รับรองว่าปาริชาต ชมภู ไม่มีทางออกทีวีแน่นอน  ขอบอก

                 12 มีนาคม 2554  วันเริ่มต้นในการปลดแอกความทุกข์    เป็นวันแรกที่ไปบ้านสวนฯ   ได้ไปขุดบ่อน้ำพีระมิด  จู่ๆท่าน อาจารย์อุบลเดินมา แล้วบอกว่า การขุดบ่อน้ำพีระมิดเหมาะสำหรับพวกที่ไม่กล้าสารภาพบาป  แป่วๆๆๆ  ท่านอาจารย์รู้เรื่องเราแน่ๆเลย  ตอนหลังท่านอาจารย์มาเฉลยว่า ท่านท้าวเวสสุวรรณบอกว่า ถ้าทนความเจ็บปวด ความทุกข์ได้ก็ทนไปจะคอยดู  ซึ่งวันแรกที่ไปปรากฎว่าได้อานิสงส์ทันทีเรื่อง มีปัญหาเจ็บปวดตามตัว ปวดหัว คอ ไหล่ หลัง ตึงตามเส้น ต้องนวดประจำ เสียเงินค่านวดเยอะมาก ปรากฎว่าวันนั้นตัวเบา อาการปวดต่างๆหายไป พยายามกดหาจุดเจ็บก็ไม่มี หาไม่เจอ  นี่มันอะไรกันนี่ ทำงานขุดดิน ขนดิน  โคตรเหนื่อย  แต่ไม่ปวดเมื่อยตามตัวเลย   ก็เลยเริ่มศรัทธา อาจารย์อุบล และมาทำบุญที่บ้านสวนฯตลอดจนปัจจุบัน

               จนปัจจุบันดิฉันได้อานิสงส์จากคำสอนของท่านอาจารย์อุบล ที่ให้ทำเหตุให้เต็มที่ แล้วผลจะตามมาเอง เหตุก็คือ ทำสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน แต่อภัยทานดิฉันยังทำไม่ค่อยได้ ยังโกรธบางคนอยู่และขี้หงุดหงิดมาก  องค์ลงบ่อยๆ   แต่จะพยายามค่ะ  ตอนนี้งานขายเครื่องมือแพทย์ของดิฉันดีมาก  ตั้งแต่มาบ้านสวนฯ ดิฉันสามารถขายได้ทะลุเป้าตลอด   ทั้งๆที่ขายไม่ถึงมา 3 ปี  รู้สึกว่ามาทำบุญที่บ้านสวนฯได้เพียง   2 เดือนอานิสงส์เรื่องงานก็ส่งผลเลย  ไม่เครียดเรื่องงานเลย เพราะมั่นใจว่าผลบุญที่กำลังแรงมากๆจากบ้านสวนฯ ได้ส่งผลแน่นอน  ถึงเวลายอดขายจะมาเอง  โดยที่ดิฉันก็ทำงานให้เต็มที่ก็พอ  การเงินดีขึ้น คล่องขึ้นมีกิน มีใช้ไม่ขาด

บาปกรรมที่ดิฉันได้ทำมา คือ ผิดศีลทั้ง 5 ข้อ

1.      ศีลข้อ 1  ฆ่าคนคือทำแท้งลูกตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนทำไม่รู้สึกผิด คิดแต่ว่าต้องเอาออก เพราะเรายังเรียนอยู่เดี๋ยวถูกไล่ออก เดี๋ยวพ่อแม่เสียใจ  เดี่ยวคนในหมู่บ้านรู้   พอทำแล้วไม่เคยนึกถึง ไม่เคยร็สึกผิด แถมลืมไปเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่มาเริ่มนึกถึงและรู้สึกผิดหลังจากเรียนจบ ทุกครั้งที่ดูทีวี  อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องทำแท้งจะเจ็บแปล็บๆ ในอก และกลัวลูกจะลำบาก จะเป็นสัมภะเวสีเร่รอน จึงทำให้เสียเงินไปกับการดูหมอ  แก้กรรมมากมายหลายแสน  ไปตามสำนักทรงเค้าให้ทำพิธีอะไรทำหมด  ถึงไม่มีเงินก็จะหาทางทำให้ได้  ทำให้เกิดหนี้สินมากมาย  เพราะจ่ายทีละหลายพัน ถึงเป็นหมื่น  แต่ตอนนั้นก็ไม่มีปัญญาว่า  สิ่งที่ทำบุญ หรือพิธีต่างๆจะถึงวิญญาณลูกหรือเปล่า  เหมือนว่าได้เสียเงินก็สบายใจแล้ว  ถ้ามีปัญญาซักนิดคงจะนึกรู้ว่า  ถ้าลูกได้รับบุญจริง  เราคงไม่มีทุกข์เรื่องปวดประจำเดือน ปัญหาการงาน การเงินหรอก  ชีวิตมันต้องมีความสุขแล้ว

                  ฆ่าสัตว์เล็ก สัตว์น้อยกุ้งหอย ปู ปลา แมลง มด ไส้เดือน ยุงตะขาบ ขับรถทับลูกหมา ทับงู ฆ่าปลวก ฆ่านก ชอบทานอาหารทะเล ไปชี้กุ้ง หอย ปู ปลาเป็นๆเพื่อให้เค้าทำเป็นอาหารมาให้  คิดสาบแช่งให้คนอื่นตาย โดยเฉพาะคนที่เราไม่ชอบ เช่นพวกขายยาบ้า เด็กแว้นท์ พวกประท้วง  คิดอิจฉาริษยาไม่อยากให้คนอื่นได้ดีเกินหน้าเกินตาตัวเอง คิดดูถูกคนอื่นว่าโง่กว่าตัวเอง 

ผลกรรม  ทำให้มีปัญหาการงาน การเงิน มีปัญหากับหัวหน้า ผู้ร่วมงานตลอด เหมือนทำอะไรก็ไม่เข้าตาคนอื่น คนมักเข้าใจเราผิด  พูดดีก็หาว่าด่า  เวลาด่าก็หาว่าสาบแช่ง   มีหนี้สิน มีปัญหาสุขภาพ เป็นภูมิแพ้ เจ็บปวดตามตัวตามเส้นต้องสียเงินนวดตลอด

2.      ศีลข้อ 2    ชอบขโมยของ  ขโมยเงินแม่ทุกวันเพราะที่บ้านขายของชำไม่เคยรู้ว่าตัวเองเอาเงินไปเท่าไหร่  เพราะหยิบเหรีญห้าบาท  สิบบาท เงินเต็มกระเป๋าไปโรงเรียน   ขโมยเงินโรงเรียนเพราะได้ไปช่วยขายของที่ร้านค้าโรงเรียนทีละบาท ทีละห้าบาทสมัยประถม   ขโมยของเพื่อนๆ เคยมีขโมยเสื้อผ้าด้วยเพราะอยากได้ ชอบของฟรี  ตัวเองไม่มีเสื้อผ้าสวยๆใส่    โดยเฉพาะกับแฟน จะให้แฟนเป็นคนจ่ายเงินตลอดเวลาไปเที่ยว ไปทานข้าว เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ผู้ชาย  เคยยืมตังค์คุณหมอคนหนึ่ง เพื่อจะเอาไปทำเสน่ห์แฟน 30,000 เพราะหมอดูบอกว่าจะต้องเลิกกับแฟน  ตอนนั้นกลัวมากเพราะไหนๆก็เสียตัวให้แฟนแล้ว  ก็อยากมีผัวเดียว เมียเดียว แต่สุดท้ายก็เลิกกัน เพราะเราทำตัวเอง  ตอนนั้นจบมาใหม่ๆคิดดู โง่มากเอาเงินไปให้เค้า แล้วเอารูปเรากับแฟนไปให้หมอดู  ไม่รู้เค้าได้ทำอะไรให้รึเปล่า  แต่ได้เสียเงินแล้วสบายใจ  กลับบ้านนอนหลับสบาย

เอาของบริษัทมาใช้เช่น ปากกา ยางลบ ถ่ายเอกสาร แฟกซ์ มากสายกลับก่อน โดดงาน นินทาเจ้านาย นินทาผู้ร่วมงาน ใส่ร้ายผู้ร่วมงาน

เอาของสงฆ์กลับบ้าน เอากับข้าวไปทำบุญแล้วเห็นว่าเหลือเยอะเลยเอากลับ ไปใช้น้ำ  ไฟวัด แล้วไม่เคยชำระหนี้สงฆ์

หนี้แผ่นดิน ใช้ทรัพยากรแผ่นดินอย่างสิ้นเปลือง น้ำ ไฟ ทิ้งขยะ ถ่มน้ำลายลงบนดิน  ปัสสาสะลงในน้ำคลองสมัยเด็กๆ

ผลกรรม ทำให้มีปัญหาการเงิน รายได้ดีแต่ไม่มีเงินเหลือ หนี้สินล้นพ้นตัว มีเหตุให้เสียเงินเกี่ยวกับเรื่องงานตลอด พอจะมีเงินก้อนใหญ่เข้ามา  ก็จะมีเหตุจะต้องเสียรออยู่เพียบ  เงินเข้าปุ๊บ ออกปั๊บไม่เหลือในบัญชีเลย

3.      ผิดศีลข้อ 3  ชิงสุกก่อนห่ามกับแฟนโดยยังไม่ได้แต่งงาน มีกิ๊ก มีชู้ทางใจกับผู้ชายอื่นขณะที่มีแฟนอยู่ ชอบดูหนังโป๊ รูปโป๊ อ่านหนังสือโป๊  โดยเฉพาะสมัยเรียนจะชอบอ่านนิยายแปล เพราะมีฉากเลิฟซีนเยอะดี  อ่านแล้วจะได้จินตนาการไปด้วย  หมกมุ่นในกาม หรืออีกนัย เรียกว่าพวกบ้ากามก็ได้

ผลกรรม ทำให้ สายตาสั้น และมีปัญหาความรักไม่ค่อยสมหวัง  บริวารไม่เชื่อฟัง คอยแต่จะเข้าใจเราผิด

4.      ศีลข้อ 4   ชอบพูดโกหก  เป็นอัตโนมัติ เช่น ลดราคาแล้วไม่ได้ขาดทุนจริงๆ   นัดใครไว้ก็บอกกำลังจะถึงแล้วแต่ตอนนั้นยังไม่ได้ออกจากอ๊อฟฟิศ  ยังนอนอยู่บ้านแต่บอกเจ้านายว่าทำงานอยู่  โกหกเจ้านาย ชอบนินทาคนอื่นเพราะทำให้เรารู้สึกดี  ถ้าพูดให้เค้าเสียหายเราจะได้ดูดี ชอบพูดกระแนะกระแหน เสียดสีคนอื่น  พูดว่าแม่ว่า อย่ามายุ่ง  รำคาญ  ชอบสาบแช่งคนอื่น เช่น เวลาคนขับรถตัดหน้าจะแช่งให้เค้าตายๆไปซะ  มีความสามารถเด่นมากเรื่องพูดวิจารณ์คนอื่น  ทำให้คนฟังจิตตก

ผลกรรม คือพูดจาไม่ค่อยมีคนเชื่อถือ รูปปากไม่สวย แถมริมฝีปากคล้ำ มีกลิ่นปาก

5.      ศีลข้อ 5  เคยดื่มเหล้าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจนเริ่มทำงานได้ 2-3 ปีถึงเลิก เคยชวนคนอื่นให้ดื่ม ส่งเสริมให้คนอื่นดื่ม และเคยให้เงินคนอื่นไปซื้อเหล้า  ที่สำคัญที่บ้านขายของชำ ตอนนั้นขายเหล้า บุหรี่ตั้งหลายปีมาก  เคยลองสูบบุหรี่ เคยทานข้าวหมาก เคยช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยว  กับข้าว แล้วใส่ผงชูรสเยอะมากให้คนหลายพัน หลายหมื่นกิน

ผลกรรม ทำให้เป็นคนขี้ลืม และมีปัญหาโรคกระเพาะ ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ท้องอืดบ่อยๆ

 

                  ยังมีบาปกรรมที่รุนแรงสุดๆอีกอย่าง  ก็คือ การอกตัญญูต่อพ่อแม่  พ่อแม่ดิฉันเลิกกันตั้งแต่เด็ก  ดิฉันจึงต้องถูกส่งมาอยู่กับยายที่โคราช  สำหรับพ่อนานๆมาเยี่ยมที  ความรู้สึกกับพ่อ คือ เป็นคนทำให้เกิด  แต่ไม่ได้รู้สึกรักและผูกพัน  และต่อมาท่านบวชเป็นพระ  จึงไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูท่าน  ต่อมาท่านป่วยเป็นมะเร็งตรงคอ  ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยม เพราะรู้สึกโกรธที่พ่อยกสมบัติทั้งหมดให้น้องชาย  ไม่ยกให้ลูก  สุดท้ายท่านเสีย  ซึ่งตอนท่านเสียรู้สึกผิดมาก  ที่เราไม่ได้ดูแลและสนใจท่านเลย  พึ่งรู้ว่าความรู้สึกผิดมันกัดกร่อนจิตใจมาก   มันเป็นความรู้สึกที่ฝังลึกในใจ   ที่เค้าบอกว่าให้ดูแลและทำดีที่สุดกับพ่อแม่ตอนท่านมีชีวิตอยู่  ดีกว่าไปคอยใส่บาตรทำบุญให้ท่านตอนท่านตายไปแล้ว  ก็คงเพราะไม่อยากให้เรารู้สึกผิดนั่นเอง  ความรู้สึกนี้มันไม่มีวันออกไปจากใจเราเลย  มันแปล็บๆตลอด

ส่วนแม่ ก็จะทะเลาะกันตลอด  เพราะเราโกรธที่ท่านแต่งงานใหม่กับคนที่อายุน้อยกว่ามาก  จึงทำปั้นปึ่งใส่ท่านทั้งสองตลอด  ทะเลาะกัน  ด่าว่าแม่ด้วยคำเสียหาย  ไม่เชื่อฟังท่าน ชอบเดินกระทืบเท้าใส่ท่านตลอดทำให้แม่เสียน้ำตามาหลายครั้ง 

ผลกรรม   อกตัญญูขาดนี้จะทำมาหากินขึ้นได้ยังไง   ด็แล้วเป็นกรรมระดับอนันตริยกรรมเลยก็ได้     ถ้าไม่ได้มาพบท่าน อ.อุบล   ชัีวิตดิฉันคงไม่มีวันโงหัวขึ้นแน่นอน   ทำให้ตัวเองต้องมีเรื่องเสียใจ  ทำให้โดนลูกค้าเอาเปรียบ  ไม่ให้เกียตริ พูดต่อว่าให้เจ็บช้ำน้ำใจ  แปลกมากที่เจอแต่ลูกค้าที่มีอีโก้สูง  เป็นพวกมีปมด้อย  เรียกร้องความสนใจและอยากให้เราให้ความสำคัญตลอด   แทบไม่เคยเจอลูกค้าที่นิสัยดีๆ   มีความมั่นคงทางอารมณ์เลย  ทำให้เราเสียใจจนร้องไห้หลายครั้ง  มีแต่ความเจ็บปวด บีบคั้นทางใจ  ไม่เคยรู้สึกมีความสุข เบิกบานกับเค้าเลย  เลยพาลเกลียดลูกค้า  นินทาว่าเป็นพวกลูกเมียน้อยถึงได้ชอบเรียกร้องความสนใจนัก   คิดดูลูกค้าเป็นผู้มีพระคุณ  แล้วเราไปด่าว่า  นินทาเค้าซะขนาดนั้น  จะไปเจริญได้ไง  จะหวังให้เค้าเมตตา เอ็นดูเราได้ยังไง  เพราะดิฉันคิดว่าทุกสิ่งที่เรา คิด พูดออกไปจะส่งเป็นพลังงานออกไปถึงตัวคนที่เราพูดถึงเสมอ  จิตวิญญาณเค้าย่อมรับคลื่นพลังงานลบของเราได้แน่นอน  จึงยิ่งส่งผลให้เค้าไม่ชอบเรา  ทั้งๆที่บางครั้งเค้าก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมไม่ชอบเรา

                 แถมยังเคยนินทาพระราชวงศ์  ตามข่าวลือต่างๆ อย่างเมามัน  แถมยังเคยว่าในหลวง ตอนที่เสื้อเหลือ เสื้อแดงทะเลาะกันว่า ทำไมท่านไม่ออกมาห้าม  ทั้งๆที่รู้ว่าตอนนั้นท่านทรงประชวรหนักมาก  เวลาเรามีความทุกข์  ก็หวังจะให้ท่านช่วยเหลือตลอด  แต่เวลาท่านมีความทุกข์หรือท่านโดนดูหมิ่น จาบจ้วง เราไม่เคยทำอะไรเพื่อปกป้องท่านเลย

 

ปัจจุบันดิฉันยังมีปัญหาใหญ่ๆ 2 เรื่อง คือ

1.   สายตาสั้น  ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นผลจากที่ดิฉันใช้สายตาไปทำสิ่งที่ไม่ดี  เช่นชอบดูรูปโป๊  ทั้งหญิงและชาย โดยเฉพาะสมัยนี้มีรูปดารานุ่งสั้นนั่งแล้วเปิดหวอ เห็นกางเกงใน  ชอบดูมาก  ชอบดูหนังโป๊โดยเฉพาะสมัยเรียนมหาวิทยาลัย  จะชอบดูกับเพื่อนๆมันตื่นตาตื่นใจตื่นเต้นดี   ตอนโตก็เคยดูกับแฟน  ชอบอ่านเรื่องโป๊ หนังสือหรือนวนิยายแปล จะมีฉากเลิฟซีนเยอะดี  อ่านแล้วจินตนาการไปถึงไหนๆเลย    แถมตอนมาบ้านสวนฯใหม่ๆก็คิดว่าท่านอาจารย์อุบลว่า  คนปฎิบัติธรรมทำไมแต่งตัวเซ็กซี่จัง  บางครั้งมองหน้าอก และสะโพกท่านบ่อยๆ  เพราะอิจฉาอยากมีอย่างท่านบ้าง  เพราะตอนนั้นมองท่านอาจารย์เฉพาะเปลือกนอก  ไม่มีปัญญามองทะลุไปถึงเนื้อในจิตใจของท่านซึ่งปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ  เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาคุ้นเคยแต่การมองคนที่เปลือกนอก   เห็นใครแต่งตัวดี พูดดี หรือแต่งชุดขาว ก็คิดว่าเค้าเป็นคนดีไปหมดก็เคยขอขมาท่านอาจารย์ไปแล้ว  แต่ตอนนี้เวลาท่านแต่งชุดบางชุดโดยเฉพาะกางเกงและเสื้อเข้ารูป ก็ยังมองหน้าอก และสะโพกท่านอยู่บ้างว่าทำไมอาจารย์เกิดมาเพียบพร้อม  เพอร์เฟคทั้งภายนอกและภายใน

และดิฉันจะถนัดมากในการใช้สายตาทำร้ายคนอื่น  ชอบมองแบบจิกๆ ดูถูกคนอื่นๆ   มองค้อนก็เก่งมาก

คอยจ้องจับผิดคนอื่น  แต่ลืมมองดูตัวเอง  จึงทำให้ดิฉันมีปัญหามากทั้งสายตาสั้นและเอียง

2.   ปัญหาหนี้สิน  จากปัญหาการผิดศีล ข้อ 1 และ 2 ตามที่เล่าไว้แล้ว  แต่ถึงเป็นหนี้ก็ยังพอมีเงินใช้หนี้อยู่  จากอานิสงส์ที่มาทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด

 

                   กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ศุภา เดชาภรณ์ และครอบครัว และเทวดาที่ดูแลรักษาท่านอาจารย์อุบลทุกๆพระองค์ ที่เมตตาสร้างบ้านสวนพีระมิด และรายการคุยไปแจกไป เพื่อช่วยปลดทุกข์ให้แก่ลูกหลาน  ทำให้ดิฉันกลับมามีความสุขในชีวิต ทั้งเรื่องการงาน การเงิน สุขภาพ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 20:50:56


ความคิดเห็นที่ 178 (1639208)

  ผมขอเล่าประสบการณ์การบาปในชีวิต โดยทำผิดศีลทั้ง5ข้อในชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตนะครับ

โดยผมชื่อ พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย  ตอนนี้ก็อายุ 21 ปีแล้ว

ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเด็กคงยังไม่ทำกรรมอะไรมากหรอก แต่ว่าความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

เพราะกรรมเราทำกันทุกวัน แล้วผมก็เกิดมาตั้ง 21ปีแล้ว โอ้โห......... เล่ากัน 10วันไม่จบแน่ๆเลยนะครับเนี่ย 

 

เริ่มจากการผิดศีลข้อที่ 1 ซึ่งผลกรรมก็คือทำให้เป็นหวัดบ่อย เป็นโรคภูมิแพ้และร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง

โดยสาเหตุมาจาก ตอนเด็กๆไปอยู่ต่างจังหวัดกับคุนยายและคุณป้า 

ซึ่งมีอาชีพทำนา ในแต่ละวันก็จะต้องทำอาหารรับประทานซึ่งก็ได้มาจาก

การจับปลา การฆ่าสัตว์ต่างๆ มากมายทั้งสัตว์เล็กๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา แมลงต่างๆ และสัตว์ใหญ่ เช่น ไก่ นก หนู และอื่นๆ ซึ่งแม้ไม่ได้ฆ่าเองก็มีส่วนรวมคือพลอยยินดีเมื่อเขาถูกฆ่า ซึ่งผิดเต็มๆเลยครับ ทุกครั้งที่ลุงตกปลาได้จะดีใจมมาก โดยไม่รู้เลยว่ามันเป็นบาปเพราะเราจะเอาเขามาฆ่า

ซึ่งถ้าเป็นผมโดยจับไปฆ่าบ้างแล้วมีคนมาดีใจนะ ผมก็แค้นเหมือนกัน

แล้วก็เคยไปแหย่ไข่มดแดง ซึ่งเป็นการไปทำลายครอบครัวของเค้า ไปพรากลูกพรากแม่ และฆ่าเอามากิน ซึ่งตอนเด็กๆจะชอบมาก เพราะไข่มดแดงอร่อย แม้บางครั้งจะโดนมดกัดบ้างก็ยังชอบอยู่

พอมาคิดได้ตอนนี้รู้สึกผิดมาก เพราะเป็นเหมือนการที่เราไปทำลายครอบครัวคนอื่น อีกทั้งยังมีการฆ่าสัตว์ด้วย(ผิดศีลข้อ 1 ทำให้เจ็บป่วยตามร่างกาย)

แล้วตอนเอาไข่มดแดงต้องเอามาใส่ที่น้ำเพื่อแยกไข่ กับ ตัวมด ออกจากกัน ซึ่งกรรมจากตรงนี้ทำให้มาเป็นหวัด เป็นภูมิแพ้อยู่ทุกวันนี้ โดยอากาศเปลี่ยนนิดเดียวก็เป็นหวัดแล้ว ซึ่งทำให้คิดว่า แหมมมๆ

ตอนเด็กเราเอามดไปลอยน้ำนี่นา สงสัยเค้ามาเอาคืนแล้ว

แล้วยังจะมีสัตว์เล็ก สัตว์น้อยอื่นๆอีกมากมายด้วย T____T

+++++++++++++++++++++++++++++++

กรรมต่อไปก็คือการตบยุง ตียุง ตีธรรมดาก็ไม่เท่าไหร่ครับ 

แต่นี่ดันตีด้วยความเพลิดเพลิน

โดยการเอาไม้ตีแมลงวันมาไล่ตีเล่นเป็นเรื่องสนุกไป

ซึ่งถ้าย้อนเวลากลับไปได้

ยุงสักตัวก็จะไม่ฆ่าเลยครับ เพราะทำอะไรไว้กับใคร

ตัวเองต้องมารับเองทุกอย่างเลย

ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ใครทุกข์เลย

นอกจากตัวเองทำตัวเองทั้งนั้น

เมื่อคิดย้อนกลับไปทีไร

ก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมมันถึงได้โง่ขนาดนี้นะ T_____T

แล้วการตียุงก็จะเป็นการตีโดยเอาไม้ตีไฟฟ้ามาตี

แล้ววาดลวดลายในการตีให้สวยงาม ตอนนั้นคิดว่าสนุก 

แต่พอมารู้จักกฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว มันไม่สนุกแล้วครับ

มันเหมือนกับว่าเราฆ่าเขาด้วยความสนุก

จึงทำให้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ T___T

+++++++++++++++++++++++++++

แล้วก็เคยจับปลาโดยใช้สวิงช้อนขึ้นมาแล้วจับปลาตัวเล็กๆ

และสัตว์น้ำเช่นลูกอ๊อด กบ อึ่งต่างๆ 

แล้วนำมาเป็นอาหาร

ซึ่งกรรมจากการฆ่าสัตว์นี้จะเห็นชัดเจนมาก เพราะไม่ว่าฆ่าอะไร

เขาก็จะมาเกาะเกี่ยวอยู่ที่ร่างกายเรา ทำให้ปวดตามแขน ขา หลัง บ่า เอว และอื่นๆตามแต่ลักษณะการประกอบกรรม

บาปกรรมต่อไปคือการที่  เคยแช่งให้คนตาย อยากให้คนตาย เพียงเพราะว่าเขาแกล้งเราแล้วเราสู้เขาไม่ได้ แล้วก็ชอบสมน้ำหน้าคนอื่นเมื่อเขาตาย เช่นเห็นโจรถูกฆ่าทีไรก็ดีใจมาก คิดว่าตายไปได้ก็ดี แล้วก็เคยคิดสะใจเมื่อเห็นคนอื่นตาย

ซึ่งตอนแรกคิดว่า มันบาปด้วยหรอ แต่พอมาศึกษาธรรมะจาก บ้านสวนพีระมิด ทำให้รู้ว่ากฎแห่งกรรมนั้นละเอียดมาก

ไม่ละเว้นผู้ใดเลย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีพันล้าน หรือยกจกข้างถนน

ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหนีกฎแห่งกรรมไปได้

เพราะกฎแห่งกรรมเป็นกฎสากลของจักรวาล

ไม่ว่าจะนับถือศานสนาไหนก็ตามก็ต้องรับผลกรรมเหมือนกันหมด

  

+++++++++++

ต่อไปคือเคยมีส่วนรู้เห็นในการทำแท้ง คือในตอนนั้นรู้ข่าวว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งไปทำแท้งมาซึ่งเป็นเด็กนักเรียนอยู่  เบสก็ไปดีใจกับเขา คิดว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้ว เพราะว่าจะได้ไม่เป็นภาระ อีกทั้งถ้าไม่เอาเด็กออกก็ต้องหยุดเรียน ทำให้ชีวิตพัง ซึ่งในตอนนั้นไม่ได้คิดถึงจิตใจของเด็กที่ถูกทำแท้งเลย ว่าเขาจะโกรธ จะแค้นขนาดไหน ที่ไปสะใจเมื่อเห็นเขาโดนฆ่า

พอมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง ถ้าใครมาฆ่าเราบ้าง แล้วมีคนมาสะใจนะ เราจะแค้นไอ้คนที่มาสะใจด้วย

+++++++++++++++++++

ต่อไปคือเคยขโมยของคนอื่น ของเพื่อน มากมาย เช่น ยางลบ ดินสอ อุปกรณ์การเรียนต่างๆ เงินก็เคยขโมย เรียกได้ว่าขโมยเพื่อความสนุก แล้วพอเพื่อนไปขโมยของคนอื่นมา แล้วมาเล่าให้เราฟัง เราก็จะคิดว่า เออ คนนี้มันเก่งนะ มันทำได้ขนาดนี้เลยนะ

ซึ่งไม่ได้ตักเตือนเพื่อน แถมยังไปผสมโรงกับเขาอีก

แล้วก็เคยไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารต่างๆ แล้วก็ขโมยช้อน ซ้อม ถ้วย และอื่นๆ ซึ่งไม่ได้เป็นกาารขโมยเพราะความอดอยากหรือขัดสน

แต่เป็นการขโมยเพราะความสนุก แกล้งเพื่อน เช่น แอบเอาถ้วยไปไว้ในกระเป๋าเพื่อน แล้วพอเดินออกมาจากร้าน ก็แซวกันในกลุ่มประมานว่า  ใครชอบอาหารร้านนี้ขนาดต้องขโมย ถ้วย กลับบ้านเลยนะ  แล้วก็จะมานั่งเปิดกระเป๋ากันดูว่าอยู่ที่ใคร เรียกได้ว่าทำไปเพราะความสนุก ความคึกคะนองทั้งนั้น  

 

แล้วก้เรื่องชอบของฟรี เป็นอะไรที่ชอบมาก ใครบอกว่าจะมาเลี้ยงอาหารหรือเลี้ยงขนม เราจะรู้สึกรักคนนั้นมาก แม้เขาจะเป็นคนไม่ดีขนาดไหน

แต่พอบอกว่า เดี๋ยวจะเลี้ยงโน้น นี่ นั้น  แค่นี้ เรามองเขาว่าเป็นคนดีมีเมตตาขึ้นมาทันที เพราะว่าความโลภมันเยอะ 555

แล้วเคยเจอเงินตกอยู่ แล้วเก็บมาเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะแค่ 10 20บาท แต่ก็ผิดเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ของของเรา ตอนนั้น คิดเอาเองว่า เรานี่โชคดี สงสัยทำบุญมาเยอะ ฟ้าเลยประทานมาให้ โดยไม่ได้คิดเลยว่า คนที่เขาทำเงินหล่นอาจจะต้องเอาไปใช้ในเรื่องที่จำเป็น ซึ่งถ้าเป็นเราทำเงินหายบ้าง แล้วไม่มีเงินกินข้าว ไม่มีค่ารถกลับบ้าน คงแย่น่าดูเลย T____T

++++++++++++++++++++++

และบาปต่อไปคือเคยไปเอาไข่ไก่มาเลี้ยง ให้เป็นตัว ตอนนั้นเป็นเด็ก คิดว่าอยากเลี้ยงสัตว์บ้าง แต่ตอนนั้นอยู่ต่างจังหวัด ก็เห็นลูกเจี๊ยบวิ่งไปวิ่งมา แล้วก็คิดว่าน่ารักดี ก้เลยวางแผนไปขโมยไข่ไก่จากในเล่าที่ใต้ถุนบ้าน รอตอนที่แม่ไก่ไม่อยู่ แล้วก็ไปเอาขโมยไข่มาฟัก โดยมีลุงกับป้าเป็นคนช่วยปฎิบัติการณ์ ซึ่งป้าก็เตือนว่าให้เขาอยู่กับแม่ดีกว่า แม่เขาเลี้ยงได้ดีกว่าเรา แต่ด้วยตอนนั้น ความอยากมันครอบงำ เลยไม่ยอม จะเลี้ยงให้ได้ ป้าเลยช่วยหาถังมาเป็นที่อยู่ของไข่ ก็จะไข่ใส่ไว้ในถังแล้วก็เอาผ้าปิดๆไว้ให้ความร้อน จนฟักออกมาเป็นตัว วันนั้นดีใจมาก คิดว่าเรานี่ก็แน่เหมือนกันนะ ฟักไข่ออกมาได้ด้วย แต่พอเลี้ยงไปนานๆก็จะเริ่มเบื่อ จนไม่ได้สนใจดูแล พอหันกลับไปมองทีไรก็รู้สึกผิดทุกที เราทำได้ขนาดพลากแม่ พลากลูกคนอื่น แล้วพอเบื่อก็ไม่สนใจดูแลอีก เห้ออ คิดแล้วก็เศร้าใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่เอามาเลี้ยงเลยเพราะว่าแม่ไก่เขาต้องมีวิธีเลี้ยงลูกที่ดีกว่าเราแน่นอน

ต่อไปคือการมีกิ๊กมีชู้

แหมๆ เค้าอาจจะคิดว่าใครๆเขาก็มีกันเลยทำบ้าง

เราก็เลยลองกับเขาบ้าง เพราะคิดแบบนี้ทำให้หลงผิดผิดสีลข้อสาม คือมีอะไรกับผู้ชายมาประมาน10 คน

ซึ่งผลกรรมจากการมีกิ๊กมีชู้ คือทำให้ลูกดื้อ และลูกน้องไม่เชื่อฟังนั่นเอง

หรือก็อาจจะมาทำให้เจ็บป่วยตามร่างกายได้อีกด้วย

และยังชอบดูหนังเอ็ก หนังโป๊อีกตังหาก

โดยได้รู้กฎแห่งกรรมจากบ้านสวนพีระมิด

จากคนที่เขามาที่นี่ เขาเล่าว่าเป็นคนชอบดูหนังโป๊ หนังเอ็ก

และผลกรรมก็คือทำให้มีปัญหากับดวงตา ตาบอด สายตาสั้น สายตายาว

ซึ่งถ้าทุกคนรู้ว่าหากเราผิดศีลข้อใดข้อหนึ่งนั้นผลกรรมจะมาทำให้เราทุกข์ทรมานอยู่ในขณะนี้

ผมเชื่อว่าก็ไม่อยากทำกันหรอก

เพราะไม่มีใครอยากเจ็บ ไม่มีใครอยากจนกันหรอกครับ

บาปกรรมต่อไปก็คือ ศีลข้อ 4

โกหก กะล่อน ปลิ้นป้อน ตอแหล อันนี้ทำมาครบเลย

และยังเคยสร้างเรื่อง ใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนานาให้คนอื่นอีกด้วย

ซึ่งผลกรรมก็คือทำให้มีปัญหาทางช่องปาก ปากเหม็น

ปวดฟัน เป็นฟันคุด ฟันไม่สวย รูปปากไม่สวย พูดไม่มีคนเชื่อ พูดไม่มีใครอยากฟัง

โดยหลังจากเริ่มตั้งใจว่าจะไม่โกหก และจะรักษาศีลในข้อนี้

รู้สึกได้ว่า พูดอะไรก็มีคนเชื่อ มีคนฟัง

รู้สึกว่าไม่ปวดฟันเหมือนเมื่อก่อน

ที่เคยมีกลิ่นปากก็หายไป

ทำให้มีกำลังใจในการรักษาศีลมากขึ้น

และศีลข้อ 5 ก็คือ การดื่มสุรา

โดยเคยทั้งดื่มเอง ซื้อให้คนอื่นดื่ม ให้เงินเขาไปซื้อ

แนะนำให้เขาดื่ม และเชียร์ให้คนอื่นดื่มอีกด้วย

โดยผลกรรมจากการผิดศีลข้อนี้ก็คือทำให้ความจำไม่ค่อยดี

และบาปกรรมต่อไปก็คือ อบายมุข (เหตุทุกข์แห่งความฉิบหาย)

ที่เขาว่ากันว่า ถ้าละเมิดแล้ว ชีวิตจะมีแต่ความฉิบหายกัน

ซึ่งจากการที่รับฟังประสบการณ์ชีวิตของคนอื่นก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

โดยจะมีตั้งแต่ คบคนชั่วเป็นมิตร เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นละคร

เกียจคร้านทำการงาน และเล่นการพนัน

โดยขอเล่าว่า ในข้ออบายมุขนี้ทำมาทั้งหมดเลย

ซึ่งชีวิตก็ฉิบหายจริงๆตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกเอาไว้

โดยเคยตั้งแต่ คบคนชั่ว เคยเล่นหวย เล่นการพนัน เล่นไพ่นี่จะชอบมาก

เที่ยวกลางคืนก็เคย ติดละครซีรีย์นี่งอมแงมเลย และเรื่องขี้เกียจนี่เป็นบ่อยมาก

ขี้เกียจไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆก็ขี้เกียจ

โดยหลังจากที่มารู้จักบ้านสวนพีระมิด

ทำให้รู้จักกฎแห่งกรรมมากขึ้น

ได้รู้ว่าสิ่งที่เราได้รับมานั้น

เกิดจากการกระทำของเราเองทั้งสิ้น

ทั้งที่รู้และก็ไม่รู้

โดยไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ก็จะต้องได้รับผลกรรมด้วยกันหมดทั้งสิ้น

โดยหลังจากที่รู้แล้วก็พยายามเลิกทำผิด

และหันมาตั้งใจรักษาศีล

ซึ่งทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

รู้สึกมีความสุขทั้งทางกาย และทางใจ

รู้สึกว่าอะไรๆรอบตัวดีขึ้นในทุกๆด้าน

ชีวิตในตอนนี้มีความสุขมากๆ

จึงได้มาเขียนเพื่อบอกเล่าให้คนอื่นได้รับรู้

ว่าที่เราเป็นนั้นเกิดจากสิ่งที่เราทำขึ้นเองทั้งหมด

กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด

สวรรค์ นรก นั้น มีจริงๆ

และไม่ต้องรอตอนตายด้วย

เคยได้ยินไหมครับ

ตกนรกทั้งเป็น

เราจึงอยากให้ชีวิตของเราเป็นธรรมทานแก่คนอื่น

เพื่อที่ว่าจะได้เห็นว่าเราเคยทำมาแล้ว

เราเคยทุกข์มาแล้ว

จนเคยคิดอยากจะฆ่าตัวตาย

แต่เราก็สามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองได้

ในวันนี้เราไม่ได้ทุกเหมือนเมื่อก่อน

ชีวิตเรามีความสุขขึ้นทุกด้าน

เราอยากให้ทุกคนอ่านชีวิตของเราและหันมารักษาศีลกัน

ไม่ใช่เพื่อใคร แต่ทำเพื่อตัวเอง

เราไม่อยากให้ใครเดินทางผิดเหมือนเรา

ถึงจะเดินทางผิด ถึงจะเคยผิดพลาดมาก่อน

แต่หากเรายังมีลมหายใจ ....

เราก็ยังลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้เสมอ


ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-07 21:08:39


ความคิดเห็นที่ 179 (1639320)

                            ดอกหญ้าในป่าปูน

     ที่บอกว่าดูหนังดูระครแล้วให้ย้อยมาดูตัวนะ เมื่อก่อนชอบอ่านนวนิยาย

 พาตัวเองไปอยู่ในนิยายเป็นนางเอกทุกเรื่อง เอาความดีของนางเอกในนิยาย

 มาห่อหุ้มตัว ปกปิดความชั้วไว้ข้างใน หลอกตัวเอง หลังตัวเอง ไม่ยอมรับความ

 จริง เพ้อฝัน จินตนาการว่าเราคือนางเอก ดูดีนะเมื่อก่อนเจอบ้านสวน ก็ยังเชื่อ

 ว่าเราดีพอตัว มีเมตตาจริง คิดให้ผู้อื่นก่อนคิดจะรับจากผู้อื่นจริง ใจอ่อนขี้สง

สารจริง หูเบาเชื่อคนง้ายจริงๆ แต่ที่ทำชั้วไม่เปิดเผย ปกปิดไว้มิดชิดแม้นแต่ใจ

 ก็ไม่นึกถึง กลัวว่าถ้าเราไปมัวคิดถึงความชั้วเดียวเกิดจิตออกจากร่างตอนนั้น

จะพาจิตเศ้ราหมองไปรับกรรมก่อน เลยอยู่กับความดีที่ห่อหู้มความชั้วไว้แน่น

 หนา ทั้งที่คูณยายสอนสั่งว่าแค่เราคิดสี่งศักดิ์สิทธ์รู้หมด บาบบูญคูณโทษ

พยายมท่านจดไว้หมด แต่เราคิดแบบคนไร้ปัญญาว่าทำความให้มากกว่า ความ

 ชั้วจะได้ตามไม่ทัน

     ศีลห้าข้อท่องเป็นนกแก้วนกขนทอง ไม่เคยเข้าใจว่าต้องปติบัตตามอย่างไร

เอาแต่ข้อหนึ่ง เหลาสามวันก็ไม่จบ@@@@@@

   อยู่กับยายมาตั้งแต่เล็ก จำความได้ก็มีแค่สองคน แต่เรียกยายเป็นแม่ ทางบ้านยายมีฐานะดี ฐานะย้ากจนดี ยายเป็นคนใจบูญไปถือศีลทุกวันพระ ไปจังหรร

ทุกเช้ามีเด็กหญิงติ๋มเดินตามทุกวัน พระฉ้นเสร็จเราก็กินต่อพระท่านบอกเอาไป

กินเป็นยา กลับมาบ้านไปหาปลาต่อที่ใหนเค้าบอกน้ำแห้งไปเก็บปลามาไว้เก็บไว้กินนาน กู้ง หอย ปู ปลา แมลงต่างๆ ไปช่วยยายเก็บยายแก่แล้ว เราก็เป็นนางเอก ทำเพื่อยาย ปลาบางตัวจับมามันยังไม่ตาย มองที่ตามันเหมีอนมันจ้องเราอยู่แล้วบางครั้งรับรู้นะแต่ไม่รู้ วั้กเอาไส้มันออกมา ตัวไปตากแห้งหรือย้างให้แห้งเอาพุงไส้มันไปทำปลาสัม เมื่อก่อน อาหร่อย ผู้ใหญ่เค้าทำอะไรทำกับเค้าหมด แต่สัตว์ใหญ่ไม่เคย กลัวและไม่ค่อยกิน กินแต่ปลาหมดทั้งตัว หัวหาง ก้างไม่เหลือให้หมากิน เพราะไม่มีหมาคบ

                 ฆ่าลูกตัวเองตอนท้องได้สี่เดือน ไม่กล้ารับความชั้วที่ตัวทำ อายกลัวทางยายเสียใจ กลัวตัวเองเสียหน้า หน้าใหญ่รักษามันไว้ กลัวเสียภาพลักษเป็นผู้นำของโรงเรียน แต่เวลาทำชั้วไม่กลัวคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าหาประสบการชีวิต( ชั้ว)

   เพื่อนพานั่งรถไปทำที่หัวหิน ตอนนั่งรถไปเห็นเด็กผู้ชายน่ารักมาก หันมายี้มให้ แล้วก็มองมาที่ท้องของเรา ใจหายใจจะขาดให้ได้เลยตอนนั้น นั้งร้องไห้คงเสียใจ คงมีจิตสำนึกส่านดีอยู่บ้าง คิดอบากกลับไม่ไปทำแล้ว แต่จิตชั้วมันชนะพาไปทำจนสำเร็จ ตกคืนที่สองปวดท้องมากเหมือนใจจะขาด ขอโทษลูกที่อยู่ในท้อง ร้องไห้เสียใจเหมือนเค้าจะบอกว่า จะไปแล้ว ทำมัยไม่รักเค้าหรอ เคัามาดี แม่ใจร้ายใจดำฆ่าลูกได้ลงคอ จำได้ว่าร้องไห้เสียใจจนใจจะขาดอยากตายไปตามเค้าเลย กลั้นหายใจไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสงสารลูก ลูกไม่ผิด แม่เลวเองเอาชีวิตแม่ไปด้วย ดูเอาเถอะลูกอยู่ในท้องเราช่วยตัวเองยังไม่ได้ แต่แม่เลวๆขอให้ลูกช่วย น่าไม่อายทั้งที่ตัวเป็นคนสนุก แต่ลูกมารับปาบอยากมาช่วยให้แม่ได้สำนึก แต่แม่ชั้วเลวคิดถึงแต่ตัวเอง แล้วสุดท้ายลูกก็ออกมาครบ มีครบทุกอย่าง จึงรู้ว่าเค้าเป็นผู้ชาย มีข้ออ้างว่าไม่มีปํญญาเลี้ยงลูกยังเรียนไม่จบ ไม่มีเงินเลี้ยงดูกลัวลูกลำบาก ฟังดูนางเอกมัย ตอนนั้นลครเรื่อง ดาวพระศูกร์ออกอากาส ดูไปร้องไห้ไปทุกวัน ทำมัยเราโง้ ชั้วช้าสามารได้ขนาดนั้น ถ้าแม้นเรามีความกล้าพอที่จะรับความจริง เป็นนางเองจริงลูกคงได้ลืมตามาดูโลกและตอนนี้ที่แม่นั่งเขียนธรรมทานอยู่มีแต่น้ำตาอาบหน้า สำนึกผิด ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ตัวโตเวลาหนาวยังหาผ้ามาห่ม หิวก็หาอาหารกินได้ แต่ลูกยังไม่ได้ลืมตามาดูโลก ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อน จะถูกวิญญาณที่แก่กว่ารังแก่เอาขนาดใหน หิวลูกทำยังไงใครจะให้อาหาร สำนึกนี้เวลานุกถึงทีไรร้องไห้ทุกคั้รง เลยไม่อยากนึกจำ ทำบูญ ถวายสังฆทานกับหลวงพ่อฤาษี ฝากท่านช่วยลูก จ้างเด็กนักเรียนวัดสุธรรมมาราม วัดท่าซุง บวชเณณ์ให้ ตัวเอง บวชกัมบดสิบให้ วิปัสนากรรมฐานให้

          ผลกรรมของการทำแท้งที่ได้รับกรรมคือ ลูกดื้อไม่ค่อยเชื่อฟัง ลูกน้องบริวาร ไม่เคารพไม่มีความจริงใจ ทำดีกับใครไม่มีใครเห็นความดี ทำเงินได้มามากแต่ไม่มีเงินเก็บ ถูกหลอก ถูกโกง ขาดปํญญา ไม่มีความยั้งคิด ความจำไม่ดี ลืมง่ายฯฯฯฯฯ

      เป็นบูญที่ได้มารู้จักบ้านสวนพีระมิดโดนน้องชิมบอกให้ดูรายการคูยไปแจกไป เห็นองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี สี่งศักดฺ์สิทธิ์ให้หลายอย่างที่ตัวท่านอาจารย์ เปิดดูทางเนท ดุไปก็ง่วง เลยหลับตา แค่นั้นและไปเที้ยวไกลเลยถึงอียิบ คิดว่าตัวเองเพ้อเจ้อหลับแล้วฝัน ดูทีไรไม่เคยจบ ไปเที่ยวก่อนทุกที เวลามีสี่งศักดิ์สิทธิ์มากระทบจะลืมตาไม่ขึ้น จะล่องลอยไปในจิตไปตามจิตผู้ทรงศีลฯฯฯฯ

    นี่แค่ศีลข้อหนึ่งเองนะจ้ายังมีอีกเพี้ยบ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

                                 #############

     

   

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 11:57:12


ความคิดเห็นที่ 180 (1639340)

ธรรมทานจากคุณวีรดา อยู่นวล

 

ดิฉันเคยเป็นโรคภูมิแพ้มาเป็นเวลา 7 ปี ก่อนรู้จักบ้านสวนพีระมิด จะมีอาการหายใจไม่ออก จามแรง ๆ และมีน้ำมูกเยอะมาก ตอนกลางคืนจะนอนไม่ค่อยได้ เพราะหายใจไม่ออก ต้องกึ่งนอนกึ่งนั่ง ได้ไปรักษาที่ ..จุฬา คุณหมอให้ยามากิน ตอนแรกจะมียาพ่นด้วย ต้องกินยาทุกวัน เป็นเวลา 7 ปี คุณหมอบอกว่าโรคภูมิแพ้คนเป็นกันเยอะ รักษาไม่หายขาด จะเป็น ๆ หาย ๆ ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็จะกลับมาเป็นอีก

ดิฉันต้องกินยาทุกวัน แม้กระทั่งตอนท้องก็ยังต้องกิน เพราะถ้าไม่กิน อาการจามแรง ๆ ก็จะทำให้กระทบถึงลูกในท้อง

หลังจากที่ดิฉันรู้จักบ้านสวนพีระมิด ดิฉันทำบุญโดยใช้แรงกาย อาการโรคภูมิแพ้ก็หายไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ดิฉ้นไม่ต้องกินยาแล้ว และมารู้สาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่ท่านอ.อุบลบอกว่าเป็นเพราะชอบฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย มันก็ตรงจริง ๆ ค่ะ ตอนเด็กๆ ดิฉันชอบตบยุงมาก ไม่เคยปล่อยให้รอดชีวิตไปได้ น่าจะเป็นหลายหมื่นตัวก็ว่าได้ พอมารู้จักบ้านสวนพีระมิด ท่านอ.อุบลให้รักษาศีล 5 ให้ได้ ท่านจะเคร่งครัดเรื่องศีลมาก ดิฉ้นก็ไม่ได้ตบยุงอีก ก็เลยบอกลาโรคภูมิแพ้อย่างถาวร

เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ สร้างเหตุไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับไปด้วย บ้านสวนพีระมิดได้แก้ที่ต้นเหตุจริง ๆ ถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดเป็นโรคเดียวกับดิฉัน ลองค้นหาสาเหตุดูนะคะ อาจจะเป็นมด ปลวก แมลงต่าง ๆ ก็ได้ แล้วดับที่เหตุโดยไม่ไปทำอีก ก็จะหายจากโรคภูมิแพ้เหมือนดิฉันได้เลย และดิฉันก็อยากจะแบ่งปันความสุขที่ได้จากบ้านสวนพีระมิดให้เพื่อน ๆ ทุกคน สนใจลองเข้าเวปไซด์ดูนะคะ ยังไงมาเล่าแบ่งปันความสุขกันค่ะ

 



ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 13:42:36


ความคิดเห็นที่ 181 (1639374)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

ของลูก ๆ บ้านสวนทุกท่าน

ที่กล้าเปิดเผยความชั่วในอดีต

ของตัวเองกันอย่าง ดุ เด็ด เผ็ดมัน

เพราะยิ่งมีคนรู้มากเท่าไหร่

พวกเราก็ยิ่งหมดกรรมเร็วขึ้นเท่านั้น 555

ถึงตาตัวเองบ้างแล้วละจ้า 

+++++++++++++++++

อนัญญา  (อัญ) สุขถาวร

ผู้ที่ได้อ่านบทความนี้ เราต้องมีบุญสัมพันธ์กันแน่ ๆ และ ท่านก็ต้องมีบุญสัมพันธ์ กับ บ้านสวนพีระมิดด้วยเหมือนกัน  เริ่มกันเลยดีกว่า

 

ชีวิตก่อนได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด

ที่ผ่านมา ไม่เคยมีความภาคภูมิใจในตัวเองเลย เพราะชีวิตมีแต่ความวุ่นวาย มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ไม่ถูกกับหัวหน้างาน  เรื่องเงินเก็บเงินไม่อยู่ ขาดสภาพคล่อง  โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว (สามีเจ้าชู้) จนรู้สึกเบื่อสุด ๆ  โดยเฉพาะทุกข์ทางใจ คิดมาก จนเป็นโรคปวดหัว  ปวดหลัง และส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย หน้าตาเศร้าหมอง

 

ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด

มีอยู่วันหนึ่งขณะที่เปิดอินเตอร์เนตไปเรื่อย ๆ ก็ได้เจอคำว่า “บ้านสวนพีระมิด”  ก็ติดตามศึกษาอ่านทางเวปไซด์ และดูรายการคุยไปแจกไป มาเรื่อย ๆ ตอนนั้นเป็นช่วงรับสมัครค่าย 8 พอดี แต่สมัครไม่ทัน เพราะคุณสมบัติไม่ครบ   จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่ฝักใฝ่ในธรรมมะ มาก่อน (เป็น พุทธ แต่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น) ไม่เคยศึกษาหลักธรรมคำสอน ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ไหน รู้จักแต่ว่า การทำบุญคือ หิ้วบุญโต ไปวัด ทำสังฆทาน ซื้อถังเหลืองไปถวายพระ รู้แค่นี้จริง ๆ

 

 

ความประทับใจ  

ประทับทุกอย่าง  ชอบใจสุด ๆ ตรงที่เจ้าของบ้านพีระมิด คือ ท่าน อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ เป็นผู้หญิง สาว สวย หุ่นเซ็กซี่ ที่ไม่ได้แต่งกายเหมือนนักบวชแต่อย่างใด (ตอนนั้นใจเราก็ไม่สงสัยด้วย ทำไมไม่รู้) รู้แต่ว่า ถูกใจสุด ๆ หามานานแล้ว ผู้ที่สอนธรรมมะแต่ไม่แต่งกายเหมือนนักบวช  และชอบถ้อยคำ  การสอนแบบตรงๆ ง่ายๆ ชาวบ้าน จบ  ป.4 ก็เข้าใจได้  

จนตัดสินใจมาสร้างบุญด้วยแรงกาย โดยตรงไปขุดบ่อน้ำพีระมิด  เพราะไม่อยากสารภาพบาป อาย กลัวคนรู้ว่าเราเคยฆ่าคน (ทำแท้ง) เคยลักขโมย เคยคิดนอกใจสามี  เคยโกหก ตอแหล เคยกินเหล้า กินเบียร์ สรุปแล้ว ก็ทำเลวทุกอย่าง ผิดศีลมาทุกข้อ  

พอได้เข้ามาสร้างบุญด้วยแรงกาย และ ฟังธรรมจากท่าน อ.อุบล ก็ได้รู้ว่า แรงกาย ของเรา ถือเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์ มีแรงมากทำมากก็ได้บุญมาก มีแรงน้อยทำน้อย ก็ได้บุญน้อย (แต่หากเราใช้เงินทำบุญ เงินนั้นอาจได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์) ได้พบเจอสังคมพี่ๆน้อง ๆ ที่บ้านสวน  ที่มีแต่คนอยากพูดแต่เรื่องเลว ๆ เรื่องความไม่ดีของตัว เม้าความเลวของตัวเองแล้วพากันหัวเราะ ว่าที่ผ่านมาเรามันเลวได้ใจกันจริง ๆ  ก็ยิ่งชอบเข้าไปอีก เพราะสังคมภายนอกมีแต่พวก ชอบพูดว่าตัวเองดี แต่ไม่ค่อยมีดีจะอวด

บุคคลกรแต่ละท่านที่เป็นกำลังหลักของบ้านสวน ฯ ล้วนมีการศึกษาทางโลกสูง ๆ กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ด็อกเตอร์  หมอ พยาบาล เจ้าของกิจการ วิศวกร แต่ทุก ๆ คนต่างละวางอัตตาตัวตนไว้ข้างนอกหมด  ทุกคนในบ้านสวน ฯ เท่าเทียมกัน ทำงานทุกอย่างเหมือนกัน กินนอนเหมือนกัน  จริง ๆ ยังมีอีกมากมาย แต่ขอกล่าวเพียงเท่านี้ก่อน

(มีต่อค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 16:06:50


ความคิดเห็นที่ 182 (1639375)

 ปัญญาทางโลก

บ้านสวนพีระมิด สอนงานทางโลกทุกอย่าง เช่น ด้านการเกษตร ซึ่งมี อ.สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ดูแล ท่านจบปริญญาโท สอนเกษตรธรรมมะ แบบไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง มีการทำนา ปลูกข้าว ปลูกผักชนิด   ต่าง ๆ ไว้ทานเอง

การก่อสร้างต่าง ๆ มีวิศวะกรชำนาญการพิเศษ คือ ลุงบุญ ผู้จบเพียง ป. 4 แต่มีความรู้   มีภูมิธรรมสูงส่ง ทำงานกับท่านได้ทั้งความรู้ได้ทั้งความสุขไปพร้อมกัน ถึงงานจะหนักจะร้อนยังไง หันหน้าไปมองลุงบุญก็จะเจอกับรอยยิ้มเสมอ  เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริงตั้งแต่ขุดฐาน เพื่อวางคานตลอดไปจนถืง ก่อ ฉาบ ปูพื้นกระเบื้อง ครบวงจร

งานฝีมือต่าง ๆ งานผูกผ้า การจัดดอกไม้ จัดตกแต่งสถานที่ ฯลฯ และที่เป็นสิ่งสูงสุดในชีวิตนี้ คือ ได้มีโอกาส ร่วมสร้าง “สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา” พระชำระหนี้แผ่นดิน ตั้งแต่เริ่มขุดฐานพระองค์ จนถึงร่วมหล่อพระองค์ท่าน รู้สึกภูมิใจและมีความสุขอย่างมาก

 ปัญญาทางธรรม

ท่าน อ.อุบล เป็นผู้ที่ถ่ายทอดพระธรรม คำสอนของพระพุทธองค์ ได้อย่างงดงาม ถูก ตรง ตามพระไตรปิฏก สอนเส้นทางลัดพาพวกเรากลับบ้านพระนิพพาน  โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติตามก็จะได้ผลจริง โดยสามารถพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุ เป็นผล เน้นการปฏิบัติที่  (จิต) เป็นสำคัญ ไม่ยึดติดกับเครื่องแต่งกายภายนอก  สอนสมาธิแบบลืมตา ให้ทานมังสะวิรัติ (เพื่อละการเบียดเบียนและมีความเมตตา)  รักษาศีล 5 ให้เป็นปกติ มีพรหมวิหาร 4  ละวางความโลภ ความโกรธ ความหลง  เราก็ได้สัมผัสผลบุญที่ตัวเองทำในชาตินี้ ได้ โดยมีความสุขทุกขึ้นมากจริง ๆ  และให้พวกเราปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันในชาตินี้  

ได้เห็นตัวอย่าง คนเจ็บป่วย มีทุกข์ โดยโรคภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคไต โรคมะเร็ง โรคกระเพาะ สะเก็ดเงิน ฯลฯ สามารถหายแบบฉับพลันทันที  จากการทำบุญด้วยแรงกายและสำนึกผิดถึงบาปกรรมที่ทำมา และ ด้วยบารมีของพระศรีอาริย์ ที่ ท่าน อ.อุบลเป็นผู้อาราธนาอัญเชิญ

รหัสจักรวาล “อ.อุบลช่วยด้วย”  ความเป็นสากลที่สามารถใช้ได้ทุกคน  โดยไม่แบ่งแย่งเชื้อชาติ ชาติศาสนา   ขอเพียงแค่ผู้ใช้มีความเชื่อมั่น และ ศรัทธาในตัว ท่าน อ.อุบล ก็สามารถให้ได้ทุกเรื่องจริง ๆ  ยกตัวอย่างของตัวเอง ปวดหัว ก็ใช้ อ.อุบลช่วยด้วย โดยขอปวดหัว ก็จะหายทันที    ลูกชายถูกสุนัขกัด ถึง 2 ครั้ง เค้าก็ใช้ โดยขอไม่ให้ปวดแผล เค้าก็ไม่ปวด แถมเป็นแผลเพียง 3 วัน หายสนิท ล่าสุดตัวเองถูกน้ำมันเดือดลวกแขน ก็ เรียก อ.อุบลช่วยด้วย แขนไม่เป็นอะไรเลยมีรอยเล็กน้อยเหมือนแมวข่วน ฯลฯ ยกตัวอย่างมาเพียงเล็กน้อย ยังมีอีกมาก ตามศึกษารายละเอียดได้ที่เวปไซด์ ค่ะ แต่ที่สำคัญคือ เมื่อเราใช้ได้ผลต้องบอกต่อ และ ขอบคุณเทวดาที่รักษา ท่าน อ.อุบล , ท่าน อ.อุบล ไม่ยังงั้นก็ใช้ได้ไม่เกิน 3 ครั้ง 

บ้านสวนพีระมิดที่ให้ชีวิตใหม่

หลังจากได้รู้จักบ้านสวนพีระมิดปีกว่า เกือบ 2 ปี ชีวิตปัจจุบันนี้ เหมือนได้เกิดใหม่  ได้เริ่มต้นใหม่ มีแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิตมากมาย ชีวิตมีแต่ความสุข มีรอยยิ้มจากข้างในหัวใจอยู่ตลอดเวลา   มีพ่อแม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ท่าน มี พี่ชาย น้องชาย พี่สาว น้องสาว ลุง ป้า น้า ยาย เพิ่มขึ้นอีกเพียบ เป็นครอบครัวที่ใหญ่มหึมา ที่มีทั้งความรัก ความห่วงหาอาทร จริงใจต่อกัน ทุกข์ทั้งหลายที่เคยมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาการปวดหัว ปวดหลัง หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ครอบครัว คนรอบข้าง ทุกคนล้วนได้รับกระแสพลังบุญของบ้านสวนพีระมิดมีความสุขขึ้น หันหน้าปรึกษาพูดกันมากขึ้น  

ประสบการณ์ส่วนเล็ก ๆ ของตัวเองข้างต้นเพื่อ ให้ทุกท่าน ได้ตระหนัก และเชื่อ เรื่องกฎแห่งกรรม ผลของการกระทำมีจริง ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ผลชั่ว มากน้อยต่างกันไป  ทรัพย์สินเงินทองทั้งหลาย ไม่สามารถทำให้เรามีความสุขที่แท้จริงได้  ทุกข์ทั้งหมดในชีวิตล้วนมาจากที่เราผิดศีล 5 ทั้งทางกาย วาจา และใจ ทั้งสิ้น หาเหตุของทุกข์ที่มีอยู่ให้เจอ ดับที่เหตุ แล้วพวกเราทุกคนก็จะความสุข ในยุคของพระศรีอาริย์ 

 

ขอน้อมกราบแทบพระบาทสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์  พระศรีอาริย์

สิ่งศักดิ์ทั่วทั้งอนันตจักรวาลและ บารมีของในหลวง  กราบเท้าท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล และ    คุณท้อป   ที่ทำให้อัญได้มีชีวิตใหม่ในวันนี้ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

ขอผลบุญทั้งหมดที่ทำ น้อมถวายบุญนี้ให้ทุก ๆ พระองค์  เทวดาที่รักษา ท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล และ คุณท้อป และเทวดาที่รักษาทุก ๆ ท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 16:11:05


ความคิดเห็นที่ 183 (1639414)

วันนี้ได้นำเอกสารสารภาพ

ของตัวเองไปถ่ายเอกสารแถวหน้าหมู่บ้าน 

โดยน้องผู้หญิงคนหนึ่งถ่ายให้ 

  พอเสร็จเค้าเอา

เอกสารมาให้  น้องเค้าบอกว่า

เนี่ยหนูอ่านเรื่องของพี่ไปด้วย

 (เอาเวลาไหนไปอ่านเนี่ย เห็นถ่ายเอกสาร แล้วก็เย็บเอกสารตลอด) 

หนูรู้แล้วทำไมหนูขี้ลืมมาก

  เลยถามว่า 

เพราะอะไรล่ะ 

  เค้าบอกว่าหนูชอบกินเหล้า 

  ก็เลยบอกว่าเอาธรรมทานพี่ไว้อ่านซิ 

น้องบอกว่าหนูก็อป***เอาไว้แล้ว  

แหม เด็กคนนี้สุดยอด  สงสัยกำลังจะหมดกรรม

เทวด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงดลจิตดลใจ

ระหว่างที่ถือถุงเอกสารออกมา

ขนลุกชันตลอด 

เลยนึกถึงที่น้องชิม

  บอกว่าทุกตัวอักษร ทุกอักขระ

ที่เกี่ยวกับบ้านสวนฯ  ซึ่งธรรมทานนี้ก็มาจากบัญชาสวรรค์ 

ล้วนศักดิ์สิทธิ์จริง

พูดตรงๆ อ้อยยังไม่ได้ทำบุญธรรมทาน

แจกเอกสารเป็นจริง เป็นจัง

เลยซักครั้ง 

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

ประสบการณ์วันนี้ 

ยิ่งรู้ได้ถึงภารกิจที่พวกเรากำลังทำอยู่ช่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 20:43:52


ความคิดเห็นที่ 184 (1639416)

 นำเสนอโดยนายพิชัย  ภูกิ่งพลอย

ธรรมทานนี้ตอนแรกก็คิดว่าง่ายนิดเดี๋ยวก็แค่พิมพ์แล้วแจก ๆ

แล้วเราก็ได้บุญแล้วแต่ความจริงแล้วการที่คนจะรู้ว่าเอกสารที่

เราแจกเกี่ยวกับอะไรนั้นบางทีก็มีเหตุให้เราได้อธิบาย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมากลับมาจากบ้านสวนพีระมิด

พอกลับถึงบขส.จ.อุดรธานีผมก็ร้อนวิชาเลยทดลองเลยขอลอง

เป็นควายตู้อีกสักครั้ง พอเห็นคนขายกาแฟอันดับแรก

ต้องทำที่ไปสั่งกาแฟ พอได้กาแฟเสร็จผมก็ไม่รีบร้อนกิน

กาแฟช้าๆ สังเกตไปด้วยว่ามีคนเจ็บป่วยอะไรไหมคอยถามไป

ก็พอดีคนขายกาแฟบอกว่าตอนนี้ปวดขามากเพราะถูกรถชน

ผมก็ให้เขามองจี้และพูดว่าอ.อุบลช่วยด้วย

ให้หายปวดขาด้วยเทอญ

สรุปแล้วเขาบอกว่าเหมือนมีอะไรวิ่งออกมาจากขาเขาบอกว่า

เบามากเดินได้เกือบปกติผมได้โอกาสจึงพูดว่าทุกวันศีล

ให้รักษาศีลห้าด้วยนะครับ

คนขายกาแฟ ผมก็รักษาศีลห้าตลอดครับจึงทำให้ผมเข้าใจ

ว่าเราเจอคนมีบุญนี่หว่า เออ คอยยังชั่ว เริ่มมีกำลังใจบ้าง

หลังจากนั้นก็ขึ้นรถประจำทางสายอำเภอบ้านดุง

จากนั้นผมก็แจกเอกสารรหัสอ.อุบลช่วยด้วย

เขาก็ถามว่าเอกสารอะไร

ผมจะไม่ตอบก็ไม่ได้ จึงตอบว่า เป็นรหัสลับจักรวาล

ที่เป็นพระบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

และท้าวเวสสุวรรณที่สามารถช่วยเรื่องเจ็บป่วยช่วยเรื่อง

การเงินของเราได้เขาก็พูดกับเราว่าไม่มีใครช่วยเราได้หรอก

อ้าว..เอาอีกแล้วเราเป็นควายบักตู้อีกแล้ว

สรุปแล้วสุดท้ายเขาไม่รับเพราะเหตุผลที่ว่าจะมีคนหลอก

แล้วมีคนเก็บเงินที่หลังสรุปแล้วผมก็ขอโง่เหมือนเดิม

เพราะเข้าไม่ถูกทาง

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 21:06:15


ความคิดเห็นที่ 185 (1639419)

 (นำเสนอโดยนายพิชัย  ภูกิ่งพลอย)

วันที่ 7 พ.ย. 55 ซึ่งเป็นวันที่ทำให้คนโง่อย่างผมได้ถึงบางอ้อ.

เพราะคำสอนของเพื่อนคือการที่ผมจะเข้าไปบอกให้คนอื่น

ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยนั้นเพราะผมเข้าไปบอกไม่ถูกวิธี

ส่วนมากที่ถูกด่ากลับมาเพราะพูดไปโดยไม่คิดก่อนพูด

เช่นผมส่วนมากจะถามเขาก่อนว่าคุณรู้จักศีลห้าไหม...

สรุปแล้วว่าผิดเพราะศาสนาพุทธทุกคนต้องรู้ว่าศีลห้ามีอะไรบ้าง

จึงเป็นเหตุแสดงว่าเหมือนเราเข้าไปสั่งสอนเขา

สิ่งที่ผมควรพูดคือ คุณรักษาศีลห้าได้แล้วหรือยัง

หรือคุณรักษาศีลห้าได้หรือไม่

แล้ววันนี้ผมก็มีความสุขอีกวันหนึ่งเพราะออกจากบ้านผมต้อง

ไม่ลืมขอพระบารมีพระพุทธเจ้าคุ้มกายก่อน

เหตุเพราะผมเป็นคนพูดก่อนคิด

แล้ววันนี้ก็ราบรื่นไปด้วยดีเพราะช่วยคนหายปวดขา

ปวดเอวหายและดีขึ้นจำนวน 5 ราย มี 1 คนได้บำบัด

เรื่องเท้าอักเสบรักษาไม่หายและอีกคนรักษาเรื่องมะเร็งตับ

เพราะเคยทำแท้งและเขาเหล่านี้ต้องการรักษาศีลห้า

ดูรายการคุยไปแจกไปของท่านอ.อุบล

เพื่ออยากทำให้ผ่านกฎบ้านสวนพีระมิด

เพื่อจะได้ไปร่วมทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด

ก็มีหลายคนอยากบูชาจี้

แต่วันนี้ผมไม่ได้ติดตัวไปด้วยจี้อยู่กับภรรยาของผม

สรุปแล้ววันี้ก็ได้คติธรรมเพื่อหายโง่อีกแล้ว

และเพิ่มความสุขของผมอีก

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 21:17:47


ความคิดเห็นที่ 186 (1639424)

 (นำเสนอโดยนายพิชัย  ภูกิ่งพลอย)

วันที่ 8 พ.ย 55 เจอใครก็ได้แจกเอกสารรหัสอ.อุบลช่วยด้วย

ให้เขาลองใช้ดูบางครั้งไปเติมน้ำมันรถที่ปั๊มเวลา

โดยมีเวลาไม่มากเจอคนก็รีบแจก

มาวันนี้ผมรู้แล้วครับว่าต้องคิดก่อนพูดทุกครั้ง

ว่าเขามีอาการปวดตรงไหนบ้าง พอรู้ว่าเขาปวดตรงไหน

ก็รีบบำบัดทันที

วันนี้ก็ได้บำบัด จำนวน 4 คน

ทุกคนก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ

และแล้วท่านออุบลนี่เหมือนเรากำลังบ้าฤทธิ์

ช่างเถอขอได้ช่วยให้คนรักษาศึกษาก็พอใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-08 21:49:29


ความคิดเห็นที่ 187 (1639480)

 เงินทองและของฟรีไม่ปรานีใคร

เด็กๆชั้นประถมก็ยังอยากได้ของคนอื่น

ตอนเด็กๆที่โรงเรียนมีงาน

คุณครูให้ช่วยกันขายของให้เด็กนักเรียนด้วยกัน 

จำได้ว่ารับเงินสดมาแล้ว ถือไว้ก่อนแล้วก็เก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง

พอโตขึ้นมาอีกนิด

ลุงขี้เมาตัวโอนเอนทำเงินหล่น

เราก็เก็บเอาไว้ไม่คืนให้แก

ตอนนั้นคิดแค่ว่า อยากได้เงิน แล้วลุงก็เมาน่ารำคาญจะตาย

พอขึ้นมัธยม มีหน้าที่ไปจ่ายตลาดให้แม่ทุกเช้า

ตอนจ่ายเงินเราก็จะเนียนๆ

จ่าย 5 อย่างแต่เอาของมาซะ 6 อย่าง

ทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง แล้วมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี

เรื่องหยิบตังค์แม่ก็เคยมี

ตอนนปิดเทอมพอจะหาตังค์เองได้บ้าง(เล่นการพนัน)

ก็รวบรวมเหรียญที่ได้มาแลกกับเงินแม่

ทีนี้เราเป็นคนแลกเอง เออเอง

มีเหรียญมา 34 บาท ก็แลกเอาแบงค์ไปซะ 40 บาท กลมๆง่ายดี

ทำอย่างนี้สัก 2 หนมังคะ

แม่จับได้ต่อหน้าต่อตา ก็เลยเลิกไป

จนเรียนมหาลัย ก็ยังมีอมค่ารถเมล์

ไม่จ่ายซะดื้อๆทั้งของตัวเองและของเพื่อนที่อุตส่าห์ไว้ใจให้ถือเงิน

มารู้ทีหลังว่าเพื่อนรู้นะ  เราก็อาย อายมากๆ

อีกอย่างกลัวเพื่อนไม่คบด้วยซี เลยเลิกนิสัยเสียๆไปได้

แปลกแต่จริงนะคะ

ที่เรื่องแบบนี้ บางทีเราไม่ได้วางแผนล่วงหน้านะ

แต่พอมันมีโอกาสทีไร มันอดไม่ได้

อยากได้ขึ้นมาซะงั้น

พอทำงานมีเงินเดือนแล้ว

ก็ยังไม่วายเอาของออฟฟิศติดมือกลับบ้าน

ตั้งแต่สมุด ปากกา ดินสอ แม็ก และอื่นๆ

แค่ตัวเองคนเดียวไม่พอ หยิบมาเผื่อคนอื่นอีกต่างหาก

บางทีออกไปทำงานข้างนอกก็จะเบิกค่ารถเต็มอัตรา

แล้วยังบวกเพิ่มอีกเล็กน้อย

เวลามี  visitors ก็ถือโอกาสพาไปหาของแพงๆกิน

ชวนน้องๆไปช่วยถล่มด้วย แล้วก็เก็บบิลมาเบิกค่ะ

อีกอย่างเวลาเข้างานเนี่ย สมัยนั้นถึงออฟฟิศ 9 โมงหน่อยๆ

ดูดีไม่เช้าและก็ไม่สายจนน่าเกลียด

ก็คนอื่นเค้าก็มาราวๆนี้แหละ คิดเอาเองว่า ไม่เป็นไร

พอทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว

เดินช็อปหน้าตึกเพลินๆอีกนิด

สักบ่ายครึ่งค่อยขึ้นไปทำงานต่อ

แต่ตอนเย็นห้าโมงครึ่งต้องรีบออกค่ะ

รถติดก็ต้องออก ไม่งั้นไปแอโรบิคไม่ทันนะ

 

ช่วงเข้าพรรษาหลายปีที่แล้ว

จะเตรียมอาหารไปวัดใกล้บ้านทุกวันพระ

พอเสร็จพิธีสงฆ์ พระท่านก็เรียกทุกคนทานข้าวกัน

ป้าๆหลายๆคนรวมเราด้วยก็ชวนกันทาน

ถ้ายังมีเหลืออีกก็เทใส่ถุงกลับบ้าน

เห็นเค้าทำก็เลยเอาอย่างบ้าง

อีกอย่าง ก็เสียดายแทนเค้านี่นา

 

พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการละเมิดศีลข้อ 2

ห้ามลักทรัพย์ที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้

ท่านอาจารย์อุบล ได้เมตตานำมาขยายความ

สอนลูกหลานให้ตระหนักในศีลทั้ง 5 ข้อ โดยในข้อ 2 นี้ท่านบอกว่าหมายรวมถึง การลักขโมย ชอบของฟรี ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์โดยไม่เต็มใจ เอาของวัดกลับบ้าน ทำให้ข้าวของในเขตบุญเสียหาย รวมถึงการหลีกเลี่ยงภาษี

จากพฤติกรรมข้างต้นนี่เอง

ทำให้ดิฉันมีปัญหาการงาน การเงิน เก็บเงินไม่อยู่ มีแต่เรื่องให้เสียเงินตลอด มีคนยืมเงินแบบปฎิเสธไม่ได้ ให้แล้วยากกว่าจะได้คืน

บ้านถูกงัดตอนกลางวันแสกๆ

ลงทุนทำอะไรก็วืดหาย อย่าว่าแต่ผลตอบแทนเลย ทุนก็ไม่เหลือค่ะ  

กราบขอขมาพระพุทธเจ้าที่ลูกไม่เชื่อฟังและไม่ปฎิบัติตามคำสอนของพระองค์จนทำให้ลูกต้องประสบปัญหาต่างๆมากมายในชีวิต บัดนี้ลูกได้รู้แล้วและตั้งใจจะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไป จะรักษาศีล 5 ดังที่พระองค์สั่งสอนอย่างเคร่งครัด

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลที่เมตตาถ่ายทอดคำสอนของพระองค์ให้เข้าใจได้ง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ทำให้ลูกหลานได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์และวิธีการออกจากทุกข์ทั้งปวง

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 08:51:06


ความคิดเห็นที่ 188 (1639502)

              ผลของกรรม     ทำให้มีปัญหาทางด้านการเงิน  ไม่คล่องตัว   เมื่อได้    เงิน มาก็ใช้เงินหมดอย่างรวดเร็ว

            ส่วนตัวกระผมเองนั้นได้ผิด  ศีลข้อ 3  ในการดูภาพโป้  อ่านหนังสือลามก   มโนกรรมในการมองผู้หญิงคนอื่น  

 

ผลของกรรม    ทำให้  คนงานไม่ค่อย  เชื่อฟัง และ  ลูกดื้อไม่อยู่ในโอวาท

 

           กระผมขอกราบขอบคุณท่าน อาจารย์. อุบลฯ  ที่ได้นำธรรมะขององค์  

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   ที่ละเอียดอ่อน มาสั่งสอนพวกเรา  ฟังแล้วเข้าใจ

ได้ง่าย ทำให้กระผม   สามารถเข้าใจ  ในศีล 5 และกรรมบถ 10  ได้อย่างชัดเจน

มากเลยครับ/

                             กราบ  กราบ  กราบ

 

                              *****************

        ทุกท่านที่สนใจศึกษาธรรมะอื่นๆและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

           เว็ปไซด์ บ้านสวนพีระมิด ของ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
              www.baansuanpyramid.com
                              *********

 


ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธิพันธ์ อัครวิชชนนท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 11:06:24


ความคิดเห็นที่ 189 (1639506)

ธรรมะที่บ้านสวนพีระมิด

                 ข้าพเจ้านายสิทธิพันธ์  อัครวิชนนท์  อายุ  66ปี  วุฒิ ปริญญาโท              

มหาลัยเษตรศาตร์    เป็นข้าราชการบำนาญ  จ.สระแก้ว  ตำแหน่งรองผู้บริหาร      

สถานศึกษา   ได้มาสร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิด  ครั้งแรก เมื่อ วันที่  5  กุมภาพันธ์ 

2554   ถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน    มีความตั้งใจที่จะมาสร้างบุญและทำ

เกษตรอินทรีย์  ผลที่ตัวเองได้รับ คือ ธรรมะปฏิบัติ   จากบ้าน สวนพีระมิด ทีทำให้

เข้าใจในธรรมะที่สงสัยทั้งหมดมานาน ได้อย่างชัดเจนและสามารถ นำมาปฏิบัติได้

            ก่อนมาบ้านสวนพีระมิด  ถือศิล 5 สวดมนต์  ทำวัตรเช้า  ทำวัตรเย็น   

และนั่งสมาธิ  ทำบุญ ถวายสังฆทานวัดท่าซุง  ที่ซอยสายลมทุกเดือน  หลังจาก

มาบ้านสวนพีระมิด ได้เปลี่ยนเป็นธรรมมะปฏิบัติ    เป็นการปฏิบัติ    ธรรมะ            

ในกิจวัตรประจำวัน   ในการทำงาน  ใช้จับลมหายใจ  ภาวนา  ฟังคำสอนของ

หลวงพ่อฤาษี   ลิงดำ ในเวลาขับรถและปัจจุบันได้มาสร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิด   

ด้วยปัจจัย -  แรงกาย   ทุกวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ ตลอดมา

            ก่อนมาบ้านสวนพีระมิด  ถือศิล  5  แต่ยังไม่เข้าใจ ผลของศิล  5    

รู้จักกรรมบถ 10  แต่ยังไม่เข้าใจผลของกรรมบถ 10  รู้จักอริยสัจ 4  แต่ยังไม่ 

เข้าใจ  ชัดเจน  หลังจากมาบ้านสวนพีระมิด  แล้วเข้าใจศิล 5 และผลของกรรม

อย่าง ชัดเจน  เข้าใจกรรมบถ 10 และผลของกรรมอย่างชัดเจน   เข้าใจใน

อริยะสัจ 4 อย่างชัดเจน

             ธรรมะปฏิบัติที่บ้านสวนพีระมิดสอนให้รู้ว่า  ผลของกรรมจะปรากฏ

ให้   เห็นได้ทันทีทันใด  ระหว่างปฏิบัติงาน  ถ้าจิตไม่นิ่งพอหรือมีมโนกรรมเมื่อไร 

จะมี  เหตุทันที เช่น ศีรษะ จะกระทบกับสิ่งของ   เหยียบของแหลม   สะดุดสิ่ง

ของ   ขับรถไถก็จะเจอสิ่งของสะดุดทันที   ต้องนึกกรรมให้ออกแล้วรีบขอขมา

ทันที ขุดดิน ถูกไส้เดือนหรือ ถูกรังมด  ขับรถไถตัดหญ้าถูกแมลงและสัตว์ต่างๆ

เสียชีวิต    ตอน เย็นต้องรีบอุทิศบุญให้เขาทันที  ถ้าลืมอุทิศให้ ตอนเช้าจะมี

อาการเจ็บคอและมีอาการเป็นหวัด เป็นการเตือนว่า ต้องอุทิศบุญให้เขา ก็จะ

หายได้ทันที   ในระหว่างปฏิบัติงานจะถูกทดสอบอารมณ์  เรื่องความโกรธ     

ถ้ายังมีอารมณ์โกรธอยู่   จะมีเหตุการณ์ให้  ทดสอบอารมณ์อยู่เรื่อยๆ  พอ

เข้าใจแล้วหยุดอารมณ์โกรธได้   เรื่อง  ทดสอบก็จะหายไป   สบายใจ

               เกษตรอินทรีย์ที่บ้านสวนพีระมิดในช่วง  ปีแรก  ใช้มูลสัตว์ ใน

การปลูก   ผักและทำนา ท่าน  อ. อุบล ฯได้บอกว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติแล้ว

จะหาปัจจัยภายนอก   ไม่สะดวก  ต้องใช้ปัจจัยภายใน จึงได้ปรับเปลี่ยน

มาใช้  ปุ๋ย   จากหญ้าและใบไม้ ที่  มีอยู่ ทำการทดลองค้นคว้า   เรียนรู้  กับ

ธรรมชาติอยู่ 8 เดือน  จึงได้เข้าใจอย่างชัดเจน   ว่าเป็นเกษตรอินทรีย์แนว

ธรรมชาติ   จึงขอตั้งชื่อเป็น   เกษตรธรรมะ   บ้านสวนพีระมิด    ถือว่า

เป็นการทำเกษตรใน    ยุคพระศรีอาริย์ฯที่  ไม่ต้อง เบียดเบียนใคร/

                             ******************************

ใครสนใจศึกษาธรรมะอื่นๆและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

           เว็ปไซด์ บ้านสวนพีระมิด ของ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
              www.baansuanpyramid.com
                              *********
ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธิพันธ์ อัครวิชชนนท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 11:25:25


ความคิดเห็นที่ 190 (1639514)

 

                โรคลมพิษหายได้อย่างไร
      ธรรมทานจาก น.ส.ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล พยาบาล รพ.ทหารผ่านศึก
      ก่อนรู้จักบ้านสวนพีระมิดมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นลมพิษมาหลายปี อาการที่เป็นคือหลังตื่นนอนหรือช่วงเวลาเย็นๆจะมีผื่นขึ้นตามตัว หน้า แขน ขา แรกๆจะเป็นตุ่มนูนเล็กๆคล้ายรอยยุงกัดและคัน ถ้าเกาตุ่มนูนจะขยายวงกว้างและนูนเป็นปื้นหนาๆออกไปอย่างรวดเร็วและคันมากบ่อยครั้งต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะอาการคัน  จึงต้องมียาแก้แพ้ติดตัวตลอดเวลา    เมื่อมีอาการจะได้คว้ามากินเพื่อบรรเทาอาการได้ทันที หมอบอกว่าเป็นโรคภูมิแพ้ ที่สัมพันธ์กับโรคไทรอย์ที่เป็นอยู่ รักษาไม่หายขาดต้องกินยาตลอดชีวิต
   แต่ชีวิตกลับพลิกผันดีขึ้นหลังจากได้มาทำบุญใช้แรงกายที่บ้านสวนพีระมิด 2 เดือนกว่า ได้ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์อุบลที่ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าถึงทราบสาเหตุของโรคภูมิแพ้ว่าเกิดจากกรรมการฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยและกรรมเกิดการรวมตัว เพราะอดีตตั้งแต่เด็กตัวเองได้ฆ่ามด มอด ปลวกครั้งละมากๆด้วยการเอารังมดไปเผาในกองไฟ  ราดด้วยน้ำร้อน บี้ให้ตายด้วยมือและเท้า   ฆ่ามอดที่ขึ้นในข้าวสารไปอบในเตาไมโครเวฟ บี้ด้วยมือ ลวกในน้ำร้อน เอาปลวกที่อยู่ในจอมปลวกกระเทาะให้ไก่กิน ตุบยุง ตีแมลงวัน ฆ่าแมลงสาบ ฯลฯ เมื่อรู้เหตุแล้วทุกวันนี้ข้าพเจ้าเลิกฆ่าสัตว์ทุกชนิด  ถือศีล 5  ทานอาหารมังสวิรัติ  และได้รับผลบุญจากการทำบุญด้วยแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด  อาการลมพิษจึงดีขึ้นมาก บางวันลืมกินยาหรือหลายๆวันก็ไม่เกิดอาการซึ่งต่างจากเดิมที่ขาดยาไม่ได้   ทุกวันนี้นานๆถึงจะกินยาสักเม็ด   นี่เป็นการพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่าทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับผลก็ดับ
      ปัจจุบันข้าพเจ้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการผื่นคันแล้วเป็นความสุขที่ได้รับจากบ้านสวนพีระมิด หากผู้อ่านท่านใดมีอาการอย่างข้าพเจ้า ลองหันมาพิจารณาตัวเองว่าเคยทำผิดอย่างข้าพเจ้าหรือเปล่า  แล้วชีวิตคุณจะพบกับสิ่งมหัศจรรย์อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ได้ 
     กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลที่เมตตาให้ลูกมีโอกาสไปทำบุญด้วยแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด กราบขอบพระคุณบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ บารมีพระศรีอาริย์ บารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลที่ปกปักรักษาบ้านสวนพีระมิดและอ.อุบล ค่ะ
              ใครสนใจศึกษาธรรมะอื่นๆและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
           เว็ปไซด์ บ้านสวนพีระมิด ของ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
                       www.baansuanpyramid.com
ผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 12:03:05


ความคิดเห็นที่ 191 (1639518)

 

             โรคลมพิษหายได้อย่างไร
      ธรรมทานจาก น.ส.ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล พยาบาล รพ.ทหารผ่านศึก
      ก่อนรู้จักบ้านสวนพีระมิดมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นลมพิษมาหลายปี อาการที่เป็นคือหลังตื่นนอนหรือช่วงเวลาเย็นๆจะมีผื่นขึ้นตามตัว หน้า แขน ขา แรกๆจะเป็นตุ่มนูนเล็กๆคล้ายรอยยุงกัดและคัน ถ้าเกาตุ่มนูนจะขยายวงกว้างและนูนเป็นปื้นหนาๆออกไปอย่างรวดเร็วและคันมากบ่อยครั้งต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะอาการคัน  จึงต้องมียาแก้แพ้ติดตัวตลอดเวลา    เมื่อมีอาการจะได้คว้ามากินเพื่อบรรเทาอาการได้ทันที หมอบอกว่าเป็นโรคภูมิแพ้ ที่สัมพันธ์กับโรคไทรอย์ที่เป็นอยู่ รักษาไม่หายขาดต้องกินยาตลอดชีวิต
      แต่ชีวิตกลับพลิกผันดีขึ้นหลังจากได้มาทำบุญใช้แรงกายที่บ้านสวนพีระมิด 2 เดือนกว่า ได้ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์อุบลที่ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าถึงทราบสาเหตุของโรคภูมิแพ้ว่าเกิดจากกรรมการฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยและกรรมเกิดการรวมตัว เพราะอดีตตั้งแต่เด็กตัวเองได้ฆ่ามด มอด ปลวกครั้งละมากๆด้วยการเอารังมดไปเผาในกองไฟ  ราดด้วยน้ำร้อน บี้ให้ตายด้วยมือและเท้า   ฆ่ามอดที่ขึ้นในข้าวสารไปอบในเตาไมโครเวฟ บี้ด้วยมือ ลวกในน้ำร้อน เอาปลวกที่อยู่ในจอมปลวกกระเทาะให้ไก่กิน ตุบยุง ตีแมลงวัน ฆ่าแมลงสาบ ฯลฯ เมื่อรู้เหตุแล้วทุกวันนี้ข้าพเจ้าเลิกฆ่าสัตว์ทุกชนิด   ถือศีล 5  ทานอาหารมังสวิรัติและได้รับผลบุญจากการทำบุญด้วยแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด อาการลมพิษจึงดีขึ้นมาก บางวันลืมกินยาหรือหลายๆวันก็ไม่เกิดอาการซึ่งต่างจากเดิมที่ขาดยาไม่ได้   ทุกวันนี้นานๆถึงจะกินยาสักเม็ด นี่เป็นการพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่าทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับผลก็ดับ
     ปัจจุบันข้าพเจ้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการผื่นคันแล้วเป็นความสุขที่ได้รับจากบ้านสวนพีระมิด หากผู้อ่านท่านใดมีอาการอย่างข้าพเจ้า ลองหันมาพิจารณาตัวเองว่าเคยทำผิดอย่างข้าพเจ้าหรือเปล่า แล้วชีวิตคุณจะพบกับสิ่งมหัศจรรย์อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ได้ 
      กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลที่เมตตาให้ลูกมีโอกาสไปทำบุญด้วยแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด กราบขอบพระคุณบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ บารมีพระศรีอาริย์ บารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลที่ปกปักรักษาบ้านสวนพีระมิดและอ.อุบล ค่ะ
           ใครสนใจศึกษาธรรมะอื่นๆและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
           เว็ปไซด์ บ้านสวนพีระมิด ของ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
              www.baansuanpyramid.com
ผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 12:14:57


ความคิดเห็นที่ 192 (1639520)

 นายคมกริช  นามมงคุณ  ชื่อเล่น  เบลล์  อายุ  20  ปี

นักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต  ชั้นปีที่  3

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี  สุราษฎร์ธานี

เบอร์โทร  0800114176

Face  book  https://www.facebook.com/adchariyasangdee

ผมรู้จักบ้านสวนพีระมิดประมาณเดือนมีนาคม  54  ทางเว็บพลังจิตครับ  ได้ดูวิดีโอการไต่สวนกรรมของอาจารย์อุบล  ทีแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกครับว่าทำได้จริงๆ  พอดูหลายๆตอนเข้า  ผมก็มีศรัทธา  ประกอบกับตอนนั้น  ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแรงมากๆ  ไม่ไหวแล้ว  คงจะตาย  อยากจะมีสุขภาพแข็งแรง  คืออาการตอนนั้นผมเวียนหัวทุกวัน  ทุกที  อ่อนแรงมาก  เลยคิดว่า  อืมยังไงจะตายแล้วเราก็ไปลองหาทางออกดีกว่า  ก็เลยตัดสินใจไปบ้านสวนพีระมิดตอนเดือนเมษายนครับ  ไปทำบุญในช่วงวันสงกรานต์อยู่ประมาณสี่ห้าวัน ผมเข้าไปกราบอาจารย์อุบล อาจารย์เห็นผมทีแรกท่านก็ชี้มาที่ผมแล้วบอกว่าการปฏิบัติต้องแยกร่างกายออกจากจิตใจให้ได้  ร่างกายเป็นยังไงต้องตัดให้ได้  ผมก็ขนลุกเลยครับ  เพราะคิดว่าท่านคงเห็นอะไรบางอย่างในตัวผมแน่ๆ  ไปอยู่บ้านสวนพีระมิด  ก็ได้สร้างบุญแรงกาย  โดยการทำการเกษตร  ทำงานทุกอย่างตามที่เราสามารถทำได้  ช่วงวันเสาร์ก็จะมีการฝึกสมาธิและให้ธรรมะจากท่านอาจารย์อุบล  ส่วนอาหารการกินก็กินมังสวิรัติเป็นงดเนื้อสัตว์ อาจารย์เน้นให้ทุกคนมีศีลห้า  เพราะเป็นพื้นฐานของคนปกติ  หลังกลับจากบ้านสวนพีระมิด  ร่างกาย  จิตใจของผมเป็นสุขมากขึ้น  แต่ไม่วาย  ผมไปกดถูกใจเฟสปลอม  ที่พวกต่อต้านบ้านสวนพีระมิดได้สร้างขึ้น  ทำให้จิตผมตกดิ่งลงลึกมากๆ  ถ้าเป็นนรกคงเรียกได้ว่าโลกันตนรก  ทั้งๆที่ผมไม่ได้ตั้งใจในการกระทำดังกล่าว  แต่ก็ถือว่าเป็นการโมทนาบาปที่พวกสร้างเฟสปลอมได้ทำขึ้นมา  ข้อคิดจากเรื่องกดถูกใจเฟสบ้านสวนพีระมิดปลอม  คือ  ก่อนที่เราจะทำอะไรต้องรอบคอบให้มากๆ  ต้องใช้ปัญญาในการดำรงชีวิตอันนี้อาจารย์อุบลสอนผมครับ และบ้านสวนพีระมิด  ก็สร้างบุญทุกๆอย่างถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน  เอาล่ะครับคร่าวๆถึงความเป็นไปเป็นมาแล้ว  เราไปเข้าเรื่องการสารภาพกรรมที่ผมทำมาเลยครับ  ขอเล่าผลกรรมที่แสดงอาการทางร่างกายนะครับ

1.      ริดสีดวงทวาร   ปวดหัว  ปวดตามร่างกายทุกส่วน  ศีลข้อหนึ่ง  ศีลสามชั้น

ตั้งแต่เด็กๆผมไม่ค่อยชอบการอุจจาระเป็นเวลา  เพราะผมชอบดูทีวีทั้งวัน  จะอึทีไรก็ไม่ไป  รอก่อนนะขี้จ๋า  อิอิ เลยทำให้ผมท้องผูกบ่อยๆ  ถ่ายทีไรก็มีเลือดออกมา  เป็นแบบนี้มานาน  อาการมาหนังตอนเรียนชั้นมัธยม  ต้องตื่นไปเรียนแต่เช้า  เพราะการเดินทางต้อเดินไปขึ้นรถที่ปากซอย  ช้าไม่ได้  ก็เลยติดนิสัยไม่ถ่ายเลยครับ  อาทิตย์หนึ่งอึทีหนึ่ง

 

เข้าห้องส้วมทีไรต้องเบ่งแรงๆ  ทุกที  ทั้งๆที่เราอยากมีสุขภาพดี  เราทำไมไม่รักษาสุขภาพหนอ  ผิวพรรณก็ดำคล้ำเพราะของเสียคั่งค้างในร่างกาย  จนเพื่อนทักถามว่า  ทำไมผิวดำจัง  ไปตากแดด  มาเหรอ  ผมก็บอกว่าไม่นะไม่ได้ตาก  แต่ทำไมผิวคล้ำยังสงสัยตัวเอง  แล้วเลยไปถามพี่  ก็ไม่มีปัญญาคิดว่าที่ผิวคล้ำ  จนเห็นชัดเป็นเพราะของเสียที่เราไม่ได้ถ่ายนานๆนี่ไง  พี่สาวแนะว่า  คงเป็นเพราะเวลาอาบน้ำเราไม่ขัดขี้ไคลให้ดีมั้ง  ผมก็กลับมาขัดผิว  มันก็ไม่ขาว  และก็ปล่อยปัญหานี้มาเรื่อยๆ

 

ปรึกษาคุณแม่ก็หายามาทาน  มารักษาเห็นว่าคนนั้นคนนี้ทานยาตัวนี้แล้วหาย  แต่ทำไมผมไม่เห็นหาย  ไปซื้อยาสมุนไพรมาทานก็ทำให้ถ่ายดีขึ้นแต่มันก็ไม่หาย  ยังเป็นอยู่เลย  สุดปัญญาซะแล้ว  ได้แต่จะรอปาฏิหาริย์  ไม่อยากผ่าตัด  และอาการของริดสีดวงทวารที่ผมเป็นเท่าที่ได้อ่านมามันก็มาถึงขั้นสุดท้าย  คือบานเป็นดอกไม้แล้ว  แต่เวลานั่งผมก็ไม่เจ็บนะครับ

 

กรรมที่ทำ

ตอนเด็กๆผมชอบเอาด้ายไปผูกไปมัดตัวผีเสื้อ  ผูกที่ก้น  ปล่อยให้มันบิน  สนุกสนาน  ฆ่าแมลงทุกชนิด  เผารังมด  เอาน้ำร้อนลวกรังมดเทใส่เลยครับ  เอาไปไปลนไปเผามด  ด้วยคิดว่ามันมาทำรังที่บ้าน  ไปหาแมงเขียวไปขาย  และเอามากิน  ทำเป็นอาชีพ  ใช้ไม้แหย่ตูดผีเสื้อ  ใช้ไม่มะยม  ไม้อันเล็กๆ  ดีผีเสื้อ  ตีแมงปอ  เอาเข็มแทงตาแมงปอหลายๆตัว  ยินดีในการฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยของคนอื่นๆ

ตีจิ้งเหลนตายด้วยไม้กวาด  จับแมงหวี่ใส่ขวดแล้วเอาควันรม  ใช้มีดตัดตาของหอยทากขาดหนึ่งข้าง  ฆ่าเป็ด  ฆ่าไก  ทั้งตัวโต  ตัวเล็ก  ทำเป็นอาหารและขาย  ฆ่าปู  ปลา  กุ้ง  หอย  แมลงที่กินเป็นอาหารทุกชนิด  ซึ่งก่อนที่เราจะทำอาหารเราก็ต้องเอาไส้ของแมลงออกมา ด้วยการบีบให้ท้องมันแตกครับ  แล้วก็เอาไปทำอาหารได้

ส่วนใหญ่ทำตอนที่ผมเป็นเด็กๆอยู่ครับ  ทำทุกครั้งก็สนุกสนาน  ไม่คิดว่าสัตว์เหล่านั้นทุกข์ทรมาน  ร้องขอชีวิต  และคิดว่าทำไมคนเลวๆไม่ตายไวๆนะ  ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ดีอะไรเลย  สาปแช่งคนที่เกลียดให้ทุกข์กายใจ

ซึ่งท่านจะเห็นว่า  ผมเป็นนักฆ่าตัวฉกาจมาตั้งแต่เด็กจึงส่งผลให้ผมโดนบ้างคือกฎของกรรมได้มาสนองตอบแล้วให้ผมมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ  ปวดหัวบ่อยๆเพราะคิดไม่ดีอยากให้คนอื่นมีอันเป็นไป  สาปแช่งคนอื่นที่เราเกลียด  และทำให้ผมทุกข์ใจ  โดยสรุป  เราให้อะไร  เราก็ได้กลับมาแบบนั้นครับ

กรรมของผมคงหนักมากเฉพาะที่ทำในชาตินี้นะครับยังส่งผลให้ผมมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง  เป็นริดสีดวงทวาร  ท้องผูกบ่อยๆ  ต้องไปหายามาทาน  ท้องเสียก็เป็นครับ  ผอมแห้งแรงน้อย  คิดว่าตัวเองเป็นมะเร็ง  แต่ไม่กล้าไปตรวจหรอกครับ  กลัวมาก  และถ้าเป็นจริงๆ  ก็คงไม่ได้รักษาเพราะคงต้องใช้เงินเยอะมากๆครับ  และนอกจากนี้ยังมีอาการปวดมือ  ปวดตามร่างกาย  คงเป็นเพราะผลกรรมรวมตัว  ที่ใช้มือ  ร่างกายประกอบกรรมมา

หลังจากที่ผมได้ไปบ้านสวนพีระมิดครั้งแรก  ก็ทำให้ผมมีสุขภาพที่ดีขึ้น  อาจารย์บอกว่าต้องตัดร่างกาย  คือไม่สนใจร่างกาย  ร่างกายมันจะเป็นยังไงก็ให้วาง  อาจารย์เน้นกับผมว่าต้องรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์  แต่พอกลับมาบ้าน  ผมก็ทำได้อาทิตย์เดียวก็ไปทำชั่วผิดศีลห้าอีก  ร่างกายก็แย่อีก  ละกรรมหลายๆอย่างครับ  ผมก็รักษาศีลห้าไม่ได้ซักที  ผมก็เลยยังไม่หลุดกรรมครับ

หลังจากที่ผมได้บูชาจี้องค์เทพสฟิงซ์บ้านสวนพีระมิดมาช่วงปิดเทอม  เลยได้กลับบ้านไปรับฟังการสารภาพบาปกรรมของคนอื่นๆ  หลังจากทำกิจกรรมสารภาพกรรมเสร็จตามข้นตอน  ผมรู้สึกว่าสุขภาพของผมดีขึ้น  มีความสุขมากขึ้นครับ  อันนี้เป็นผลที่แสดงเห็นได้ชัดมากครับ  เพราะก่อนหน้านี้  ผมจะเวียนหัวบ่อยๆ  รู้สึกไม่มีแรง   หายใจไม่ทั่วท้อง  อาการเหล่านี้  นานๆเป็นทีครับ  ไม่เหมือนแต่ก่อน

ผมก็รู้สึกประหลาดใจ  และก็รู้สึกดีใจมากๆ  ที่ผมได้รู้จักอาจารย์อุบล  บ้านสวนพีระมิด  ที่ทำให้ผมได้เห็นแสงสว่างในการปลดล๊อคกรรมของผมครับ  กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  และเทวดาทุกๆพระองค์ที่คุ้มครองอาจารย์ครับ

 

2.  ลำบากยากจน  ศีลข้อสอง  ศีลสามชั้น

ตอนเรียนชั้นประถมศึกษา  จนถึงช่วงมัธยม  ไม่ได้กินข้าวเช้าไปโรงเรียน  จนชิน  เพราะในตอนที่ผมเป็นเด็กคุณแม่ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลผมเลยครับ  เพราะต้องไปทำงานสองโมงเช้า  กว่าคุณแม่จะกลับมาจากนาที่ท่านไปนอนเฝ้าวัว  ผมก็ไปโรงเรียนแล้ว  เงินที่ผมได้ไปโรงเรียน  วันละ สิบบาท  ช่วงที่ไม่ได้กินอาหารกลางวันของโรงเรียนก็ห่อข้าวไปกินครับ  ข้าวเที่ยงที่ผมกินก็ไปซื้อส้มตำครับ  ดูแล้วโภชนาการไม่ได้เลยครับ  มาคิดๆดูว่า  ทำไมเราต้องไม่ได้กินข้าว  ทำไมเราต้องลำบาก

ตอนเรียนชั้นมัธยมปลายเวลาจะเดินทางไหน  มาไหน  ก็ไม่สะดวก  ต้องเดินไป  ตอนไปเรียนก็ไม่มีรถขี่  ต้องเดินไปขึ้นรถที่คิวรถไกลจากโรงเรียนมากๆ  เพราะไม่มีเงินมาซื้อรถขี่  ข้าวปลาอาหารก็ไม่เต็มอิ่ม  ทั้งๆที่เราก็มีเงินซื้อ  ข้าวก็เต็มยุ้งฉาง  หรือว่าเรางอไม้งอมือกันแน่นะ  จะทำอะไรก็ติดขัด  อยากได้อะไรก็ยากลำบาก  ต้องรอเวลานานๆ  จนถึงทุกวันนี้ก็มีลำบากอยู่ครับ  หรือเราไม่พอกันนะ

 

 

กรรมที่ทำ

ตอนที่ผมเป็นเด็กในเวลาว่างเราจะพากันไปวิ่งเล่นในวัด  ไปกินขนมที่พระให้  ไปเป็นลิงขึ้นต้นไม้ในวัด  มีต้นมะม่วง  มะขาม  ละมุด  ลำไย  เราไปกินมาหมดแล้วครับ  เออลืมไปมีกระท้อนด้วย  ภาษาบ้านผมเรียก  บักต้อง  เป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานมากครับ

ไม่รู้ว่าที่ทำมาเป็นบาปกรรม  ทำให้ติดหนี้สงฆ์  เวลาเขามีงานวันออกพรรษาด้วยความโลภ  ในตอนเช้า  ไปเก็บเอาเทียน  ที่ไหม้ไม่หมด  จนหมาหอน  ผมกลัวผีจึงเอากลับไปคืนไว้ที่วัดครับ  เคยไปขโมยผลไม้ที่สวนของญาติ  ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง  มะม่วง  ลำไย  ชมพู่  ฯลฯ  เอาหมด  ทีแรกก็อายแต่ทำบ่อยๆก็ชิน  ความอยากมีมากกว่าครับ

ติดกรรมหนี้แผ่นดินตอนอยู่โรงเรียนก็ใช้ดินสอ  ปากกา  ขีดเขียนโต๊ะ  เก้าอี้  ทำให้เก้าอี้  โต๊ะ  ชำรุดเสียหาย  ใช้คอมพิวเตอร์ของโรงเรียน ปริ้นงานส่วนตัว  รู้เห็นในการทำบัญชีปลอมในการเบิกเงินโครงการที่โรงเรียน  พอดีตอนนั้นทำงานเป็นคณะกรรมการชมรมครับ  ชอบของฟรี  เขามาแจก  เราก็คิดว่านี่เขามาแจกของฟรี  เขาเต็มใจให้  ไม่ผิดหรอก  เพราะศีลข้อสองคือลักขโมย  ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการชอบเอาของแจกฟรีก็ผิดศีลข้อสอง  พึ่งมารู้เมื่อมาบ้านสวนพีระมิดครับ

 

การกลับใจใหม่

เมื่อผมสำรวจดูว่าทำไมตัวเองยากจน  อดๆอยากๆ  ไม่อิ่ม  ไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา  ก็หันหน้าเข้าหาธรรมะ  เพื่อหวังจะปลดเปลื้องชีวิต  ให้มีความสุข  ผมก็ไปเปิดวิทยุธรรมะฟัง  พระท่านสอนให้รู้จักการให้ทาน  จะได้ไม่ยากจน  ผมก็พยายามทำบุญให้ทานทุกวัน  มาตลอด  ทำให้ได้รับผลคือ  มีข้าวปลาอาหารบริบูรณ์มากขึ้น  แต่ก็ไม่เท่าไร  คงเป็นเพราะเรายังทำผิดศีลอยู่

ได้มารู้จักกับบ้านสวนพีระมิด  ได้รู้จักว่าแม้การรับของฟรีที่เขามาแจก  ก็ทำให้เราผิดศีลได้  ผมก็เลยพยายามไม่เอาของฟรี  ถ้าใครให้อะไรผมก็ต้องตอบแทนกลับเสมอ  และหลังจากทำบุญกับบ้านสวนพีระมิด  ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขมากขึ้น  เห็นทางออก  ผมตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ตั้งใจชำระหนี้แผ่นดินด้วยการร่วมสร้างพระพุทธรูป  ตั้งใจทำสังฆทาน  วิหารทาน  ธรรมทาน  ตามที่ท่านอาจารย์สอน

หลังจากไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดทำให้ข้าวที่คุณแม่ปลูก  ก็ได้ผลผลิตมากขึ้น  ทุกปีได้ข้าวสองร้อยถุง  แต่ปีที่แล้ว  เราได้ข้าวสามร้อยเกือบสี่ร้อยถุง  ข้าวล้นยุ้งฉาง  ทำนาก็ได้ผลดี  ทำไร่ก็ได้ผลดีมากๆ  ขายมันสำปะหลังก็ได้กำไรมากกว่าปีที่แล้วเป็นเท่าตัว

 

คือธรรมดาขายได้สองหมื่น  แต่ปีที่แล้ว  ขายได้เป็นห้าถึงหกหมื่นบาท  ทั้งๆที่พื้นที่และจำนวนที่ทำก็เท่าเดิม  หลังจากทำบุญร่วมซื้อรถถวายท่าน  ดร.อาจอง  คุณแม่ก็ได้ส่งรถมอเตอร์ไซด์มาให้

ผมสำนึกเสมอครับว่าเป็นเพราะผลบุญที่ผมทำกับบ้านสวนพีระมิด  อาจารย์อุบลสอนให้รู้จักการให้ทาน  ไม่ต้องเอาเวลาไปสนใจเรื่องของคนอื่น  ตัวเองมีอะไรที่ยังบกพร่องอยู่ก็ให้รู้จักแก้ไข  ซึ่งผมยังลำบากเรื่องฐานะ  การเงิน  ผมก็ต้องรู้จักให้ทาน  เพื่อแก้ไขชีวิตของผมเองให้ดีขึ้นครับ

ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและเทดาที่คุ้มครองท่านอาจารย์อุบลด้วยนะครับที่ชี้ทางสว่างและให้โอกาสลูกได้ทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดครับ

 

3.สายตาสั้น  ถึง  ศีลข้อสาม  และศีลสามชั้น

ผมสายตาสั้นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองสายตาสั้นตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  4  นั่งเรียนวันแรกหลังห้องสุด  อาจารย์เขียนอะไรบนกระดานก็อ่านไม่ออก เลยรู้ว่าตัวเองสายตาสั้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็มองกระดานานๆ  ตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง  มันก็จะมีอาการมัวๆ  มองไม่ค่อยเห็นต้องเพ่งถึงจะเห็น  แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเริ่มมีปัญหาทางสายตาแล้ว

พอเพิ่งมารู้ตอนอยู่ ม.4  ก็มาคิดว่าเอ๊ะ  เราสายตาสั้นนี่  เพราะอะไรนะ  ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะเราดูทีวีในที่มืดมั้ง  เราอ่านหนังสือมากไปมั้ง  และแม่เราก็สายตาสั้นโดยที่ไม่รู้สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังของสายตาสั้นที่แท้จริง  หลังจากมารู้จักบ้านสวนพีระมิดเลยได้มารู้ว่า  กรรมที่ทำให้สายตาไม่ดีเป็นเพราะเราใช้สายตาไม่ดีนั่นเอง

 

กรรมที่ผมทำ

ดูหนังโป๊ะ  ครั้งแรกตอนอยู่ชั้นประถมฯ  5  พี่สาวเอามาเปิดที่บ้าน  ผมก็เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนก็แปลกใจเอ๊ะ  เขาทำไรกัน  หน้าบ้านต้องปิดประตู  พอเข้าไปดูเท่านั้นล่ะครับ  เป็นวิดีโอโป๊ะ  คนในภาพกำลังมีอะไรกัน  ในใจตอนนั้นคิดว่า  ทำไมช่างโหดร้ายทำไม  เขาทำแล้วต้องร้อง  ซึ่งผมขอยอมรับว่า  ในใจลึกๆผมอยากดูมาก  และสัญญากับตัวเองตอนนั้นว่าจะไม่ทำแบบนั้นเหมือนในวิดีโอ  เพราะรู้สึกว่า  มันจะเจ็บและเป็นความรุนแรง

พอหลังจากวันนั้นผมก็แอบไปเปิดวิดีโอแผ่นเดิมดูบ่อยๆ   ทั้งๆที่คิดว่ามันไม่ดี  พอมาเรียนชั้นมัธยมผมก็รู้จักการช่วยตัวเอง  จินตนาการว่าตัวเองไปมีอะไรกับคนที่เราชอบ  ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ

และไปเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายเห็นเพื่อนๆเอาภาพโป๊ะวิดีโอโป๊ะมาเปิด  ผมก็ทำเป็นว่า  ฉันเป็นเด็กเรียนนะ  ไม่ดูหรอกภาพแบบนั้น  แต่สุดท้ายก็ไปดูกับเขา  แต่ทำเป็นว่า  ฉันยังไม่เคยดู  แต่ก็ดูจนจบ  และทำเป็นอายๆ  ด้วย  หลังเลิกเรียน  ผมก็จะไปเปิดดูภาพโป๊ะในคอมพิวเตอร์ดู  และจินตนาการถึงการมีเพศสัมพันธุ์ไปด้วย  พูดได้ว่าทุกเวลาผมคิดแต่เรื่องพวกนี้

ปัจจุบันผมก็ดูวิดีโอโป๊ะ  และเล่นแคมฟอก  ไพรเวทคือเปิดกล้องส่วนตัว  แล้วสำเร็จความใคร่  และมีการโฟน  คือโทรศัพท์  กับเพื่อนที่เล่นในแคมฟอกด้วย  รู้สึกว่าชอบมาก  นอกจากนี้ผมก็ใช้สายตาในการมองคนอื่นๆว่าเลว  ไม่ดีเหมือนฉัน  ฉันดีหมด  และบอกสอนว่าอย่าทำนะมันไม่ดี  ตัวเองกลับมาทำเองหมดทุกอย่าง  และอายที่จะสารภาพสิ่งที่ไม่ดีออกมา  เพราะคิดว่าคนอื่นๆเขาก็ทำกัน

เคยทำร้ายดวงตาสัตว์  ด้วยการใช้เข็มแหลมๆ  แทงที่ตาของแมงปอฆ่าตายแบบนี้หลายตัวครับ  ทำไปเพราะไม่มีอะไรทำ  ทำไปแล้วสนุกสนานมากๆ  ใช้กรรไกรตัดตาหอยทากครับ  ขาดไปเลยข้างหนึ่ง  จะตัดอีกข้างมันหุบเข้าไปก่อนครับ  ใช้สายตา  วาจา  คำพูด  ความคิด  ในเรื่องลามกคือเรื่องเพศ  ใช้ถ้อยคำที่หยาบคายในการพูดด่าคน  คิดในใจ  คือผมทำองค์ประกอบครบครับ  ทั้งกาย  วาจา  จิตใจ

ผลจากการทำกรรมเหล่านี้ทำให้ผมสายตาสั้น  ต้องตัดแว่นตามาใส่  ทำให้ไม่มีคนรัก  ไปที่ไหนจะพูดอะไรก็ติดขัด  ยุ่งยากไปหมด  รักใครก็ต้องแอบรักเขาข้างเดียว  ทำดีกับเขาทุกอย่าง  แต่เขาก็กลับเกลียด  ที่ผมไปหาเขาบ่อยๆ  เขาบอกว่ารำคาญ  ไอ้เราก็คิดว่าไปหาเขาบ่อยๆเขาจะรัก  ทำดีกับเขาแค่ไหน  สุดท้ายก็โดนถีบออกมา  เจ็บมากครับ  คือเจ็บใจที่เราต้องมาพบอุปสรรคแบบนี้คงเป็นเพราะกรรมที่ผมไปทำผิดศีลข้อสามมาโดยการคิดมีอะไรกับคนอื่นๆ  ทั้งกาย  วาจา  จิตใจ  เหลือแต่ยังไม่ได้ปฏิบัติจริงๆเท่านั้นเองครับ

และตั้งใจว่าจะไม่ทำอีกแล้วครับ  เพราะมีครั้งหนึ่งผมได้รับการเตือนจากการเล่นแคมฟอก  ทำให้ผมเจ็บหัวใจ  และเป็นไข้จับสั่น  ปวดไปถึงกระดูกและหนาวเย็น  ผมก็เลยบอกกับตัวเองว่า  ผมไม่ทำอีกแล้วครับ  ขอโอกาสให้ผมอีกครั้ง  การไม่สบายครั้งนั้นผมคิดว่าหนักมากที่สุดเท่าที่เคยพบมาครับ  มันปวดกระดูกมากอย่าบอกใครเลย

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกรรมที่ผมทำในชาตินี้ ยังไม่รวมกรรมที่ทำในชาติก่อนๆนะครับ  ยังทำให้ผมทุกข์แสนสาหัส  ทั้งทางกาย  วาจา  จิตใจ  ได้ขนาดนี้  นี่เขาเรียกว่ารักตัวเอง  หรือเปล่าหนอ!!!!!!

 

4. ปาก/พูด(มีปัญหา) ถึงศีลข้อสี่  ศีลสามชั้น

ตั้งแต่เด็กๆแล้ว  ผมมีปัญหาเรื่องฟันผุ  ปากเหม็น  มีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก  และลิ้น  เป็นฝ้าขาว  ปากแห้ง  เจ็บคอเวลาเป็นไข้บ่อยๆ  คิดว่าตัวเองรักษาความสะอาดฟันไม่ดีก็เลยทำให้ฟันผุ  อันนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งครับ  แต่เบื้องลึกเบื้องหลัง  คงไม่ใช่แค่นี้

เวลาผมพูดอะไร  พูดดีๆ  ก็เป็นอันต้องมีเรื่องทุกที  พูดได้ว่า  พูดที่ไหน  วงแตกที่นั่นครับ  พูดแล้ว  ทำให้คนอื่นโกรธ  ผมเองก็โกรธด้วย  จบลงด้วยการเถียงกัน  ถ้าไม่หยุด  ก็คงเอาแพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง

ใช่ว่าผมจะมีความสุขนะครับ  ทุกข์ใจมาก  พูดอะไรไป  ก็ไม่มีใครเชื่อ  แม้นว่าเรื่องนั้นๆ  จะเป็นเรื่องจริง  รู้สึกอึดอัดใจ  จึงตัดสินใจพูดให้น้อยลง  แต่พออ้าปากทีไรก็เป็นเรื่องทุกทีไปครับ

 

กรรมที่ทำ

สงสัยในคุณงามความดี  พระธรรมของพระพุทธเจ้า  ในพระอริยสงฆ์  ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้จริงๆ  อ่านเจออะไรก็ตามๆเขาไปง่ายๆ  ขาดการใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง  หาเหตุผล  มารองรับอย่างแท้จริง

นินทาพระเจ้าอยู่หัว  พระราชวงศ์  วิพากษ์วิจารณ์  สงสัยในคุณงามความดีของพระองค์  ดูวิดีโอที่ต่อต้านพระราชวงศ์  นิ่งเฉยเวลาที่คนอื่นๆพูดถึงพระราชวงศ์ในทางเสียหาย

นินทาว่าร้าย  กล่าวหา  ยกตน  ข่มท่าน  ในผู้ทรงศีลทรงธรรม  ให้เสียหาย  ทั้งๆที่ตัวเองยังถือศีลห้าไม่ได้เลย

นินทาครูบาอาจารย์  เวลาโกรธเคืองอาจารย์ที่สอน  เวลาที่ไม่พอใจ  ก็จะว่าด่า  อาฆาต  ถือโทษ  คุณครู  อาจารย์  ทั้งๆที่ท่านมีพระคุณ  และไม่ทำตามที่ครูบาอาจารย์สอนสั่งให้ทำดี  ละชั่ว  กลัวบาป  ทั้งๆที่รู้ก็ทำ  บอกคนอื่นให้ทำดี  ตัวเองกลับทำชั่ว  แพ้ใจตัวเอง  ปากบอกว่าจะทำดี  แต่ไม่ทำตามที่พูดเลยครับ

นินทาผู้อื่นให้เสียหาย  แม้เรื่องนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเรา  หรือเกี่ยวข้องก็ตาม  เป็นเรื่องที่จริงหรือไม่จริงก็ตาม  เราเข้าไปยุ่งทั้งหมด

ความคิดเห็นที่ 193 (1639522)

 ใช้คำหยาบคาย  ด่าว่า  คนอื่นๆ  ให้เจ็บช้ำใจ  หารู้ไม่ว่าตอนที่ตัวเองด่าคนอื่น  ตัวเองรับไปก่อนใครเต็มๆ  คิดว่าตัวเองดีทั้งที่ไม่มีความดีเลยแม้แต่น้อย

เถียงพ่อเถียงแม่  ไม่เชื่อฟังที่พ่อแม่ยายตักเตือน  ไม่ทำตามที่ท่านบอก  พยายามเลี่ยง  บ้าง  หลบบ้าง  ท่านใช้ก็บอกเดี่ยวก่อน  เดี่ยวค่อยไปทำพูดแล้วทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ  ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น  แต่คงเป็นเพราะเราเป็นคนพูดตรงไปตรงมา  หรือเรียกว่า  ปากร้าย  คนอื่นเขาเสียใจตลอดมา  ตัวเองเลยต้องมาเสียใจบ้าง  จากคำพูดของคนอื่นๆ

ใช้ปากพูดเรื่องไร้สาระ  โอ้โลมหว่านล้อม  คนที่ตนรัก  หวังว่าเขาจะมารัก  แต่เขากลับเกลียด  รำคาญ

พูดเรื่องลามก  สนทนาเรื่องลามก  คำหยาบคายทางอินเตอร์เน็ตทั้งกาย  คือทางปาก  ทางวาจา  คือเวลาที่พูดออกไป  ทางใจคือความคิดนึก  มโนกรรม  พูด  คิด  ทำ  แต่ในสิ่งที่ผิดทั้งนั้น

นินทาพ่อตัวเองพูดถึงพ่อในด้านไม่ดีเพราะพ่อได้ทิ้งพวกเราไปตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กอนุบาล  จึงมีความโกรธพ่อ  เรื่อยมา  พูดในสิ่งที่พ่อทำไม่ดี  ซึ่งเป็นกรรมหนัก  เพราะพ่อเป็นบุพการี  หากไม่มีท่าน  ก็ไม่มีผมในวันนี้ 

เวลาที่ทำสมาธิ  ระลึกถึงพระ  ทำความดี  ระลึกถึงครูบาอาจารย์  ก็จะปรากฏภาพอวัยวะเพศขึ้นมา  มีภาพเท้าขึ้นมา  มีคำด่าที่หยาบคายนำหน้า  เป็นมโนกรรม  ที่ปิดกั้นความดี  ที่จะได้เข้าถึงมากๆเลยครับ  เพราะเราผิดศีลมาทุกข้อ  เลยต้องได้รับผลเช่นนี้  กรรมรวมตัว

นี่เป็นผลกรรมในปัจจุบันนะครับยังทำให้ผมพบกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย  หากท่านเป็นเหมือนผม  ยังไม่สายที่จะแก้ไขนะครับ

 

5.  หลงลืม  ถึงศีลข้อห้า  และศีลสามชั้น

สมัยเด็กๆแม่ใช้ให้ทำอะไร  ผมก็ทำได้  เพราะชอบคำชมจากแม่  แต่พอให้ให้ไปซื้อของที่ร้านค้าข้างบ้าน พอไปถึงคุณป้าที่เป็นแม่ค้า  ถามว่ามาซื้ออะไร  ผมก็จำไม่ได้  ต้องเดินกลับไปถามแม่ใหม่  เดินกลับไปกลับมาหลายครั้ง  ในใจผมอายมากครับ  แม่ก็บอกว่าแค่นี้ทำไมจำไม่ได้ผมต้องแก้ไขด้วยการขอให้แม่เขียนให้  แล้วเอาไปยื่นให้ป้า  แทน 

ที่โรงเรียนแม้นเวลาจะผ่านมาก็ยังเหมือนเดิมครับ  คุณครูใช้ให้ไปซื้ออะไรผมก็จะจำสลับกัน  ยังไม่รู้จักชื่ออุปกรณ์ง่ายๆ  ระหว่างซันไล  กับสก๊อตไบต์  จำสลับกัน

มาคิดๆดู  ผมก็อายตัวเองเหมือนกัน  หรือว่าเราเป็นเด็กสมาธิสั้นนะ  เพราะตอนเด็กๆ  เราชอบดูแต่ทีวี  ทำอะไรก็เชื่องช้า  แต่พอกินข้าว  กินขนม  ดูทีวี  มีเงินให้  เราวิ่งคนแรก  หรือเราเป็นโรคอะไรกันน๊า...

ทีแรกก็คิดว่าตัวเองสมาธิสั้นหรือเปล่า  แต่ที่แน่ๆ  ผมเป็นคนขี้เกียจมากครับ  ตอนเด็กๆ  แม่ซื้อสมุดมาให้หัดเขียนหนังสือ  ก็ไม่เอา  เข้าโรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  1  ยังอ่านไม่ออก  บวกเลข  ลบเลขง่ายๆ  ไม่ได้  คือไม่มีพื้นฐานอะไรเลยครับ  วันแรกที่ผมไปเรียนคุณครูสงสารที่ทำเลขไม่ได้  เลยเขียนให้ซะเลย  ผมล่ะอ๊ายอายคุณครู  เพราะได้ออกจากห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย

กว่าจะอ่านออก  บวกลบเลขได้ก็ขึ้น ป.1  เทอมสอง  ซะแล้ว  แต่มาคูณได้ตอนประถม  2  และหารเลขได้ตอนประถม  3  อ่านออกเขียนได้ดีมากขึ้น  ก็ตอนประถม  3  ครับ  ไม่รู้เรามีพัฒนาการช้าไหมหนอ

แล้วอาการที่เป็นประจำตัวเลยคือ  ชอบวางของแล้ว  หาไม่เจอ  ลืมตลอด  กว่าจะหาเจอก็กินเวลานาน  จนอารมณ์เสีย  เฮ้อ....

ฟังแล้วเหนื่อยแทนผมไหมครับท่านผู้ชม  ซึ่งอาการจะแสดงเวลาที่ผมเครียดครับ  เอาวางไว้ที่หนึ่งคิดว่าวางไว้ที่หนึ่ง  ไปหาก็ไม่เจอล่ะซีท่า  หงุดหงิดก็หงุดหงิด  เหนื่อยตามหาก็เหนื่อย  นี่เราไปทำกรรมอะไรมาเนี่ย.....

กรรมที่ทำ

ตอนเด็กๆ  มีงานแถวบ้านเขาจัดฉลอง  ผมก็ไปกับคุณยาย  เห็นแก้วเบียร์วางอยู่  ก็จับแก้วมาซดจนหมด  แต่แปลกแฮะ  ทำไมไม่เมาหนอ  หรือยายังไม่ออกฤทธิ์นะ  มาออกฤทธิ์เวลาเครียดหรือเปล่าหนอ  เวลาที่บ้านเพื่อนมีงานวันเกิดผมก็ไปครับ  เขาซื้อเบียร์มา  ผมก็ดื่มกับเพื่อนๆครับ  พอเป็นพิธี

ยาสูบก็เคยลองคือพันกระดาษสมุดเขียนหนังสือนี่แหหละครับ  และลองสูบก้านแห้งๆของต้นสาบเสือครับ  เวลาที่คุณพ่อจะดื่มเหล้า  เบียร์  ท่านใช้ผมไปซื้อ  ผมก็ต้องไปซื้อให้ท่านครับ  เวลาที่ผู้ใหญ่ใช้ให้ไปซื้อบุหรี่  เหล้าเบียร์  ผมก็ต้องไปซื้อครับ

แต่ก่อนก็คิดว่ามันไม่ผิดนี่นาที่เราไปซื้อให้  เราไม่ได้เสพเองซะหน่อย  คิดแล้วก็เราโง่จริงๆที่ไม่รู้  จนมาศึกษาธรรมะอย่างใกล้ชิดถึงได้ทราบครับ  คือถ้าเราเกี่ยวข้องก็ผิดทั้งนั้นครับ  ตามที่ท่านอาจารย์อุบลสอน

ตั้งแต่ชั้นมัธยมหนึ่งของพวกนี้ผมไม่แตะเลยครับเพราะทำสัญญาไว้ครับตอนเข้าร่วมโครงการสมัชชาลูกผู้ว่าที่โรงเรียน  แต่ก็มีถูกใช้ให้ไปซื้อบ้างตามโอกาสครับ  บางครั้งผมก็ปฏิเสธ

พอมานึกแล้วคิดว่าตัวเองก็ทำไม่มากนี่นา  ทำไมๆ!!!!! ตั้งคำถามในใจตัวเอง สุดท้ายผมก็ยอมรับโดยดุษฎี  ว่า  ผลกรรมที่เราทำแม้เราคิดว่าน้อย  เราจะรู้ได้ไงล่ะ  เพราะกรรมของแต่ละคนที่สั่งสมมาไม่เท่ากัน

ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวที่ได้เปิดบ้านสวนพีระมิด  และได้เผยแผ่ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า  ด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมา  ใช้ภาษาที่ง่าย  และเข้าใจได้ง่าย  ไม่ใช้บาลี  ที่เข้าใจยาก

ทำให้ผมได้มาคิดทบทวนกรรมของตนเอง  ละวางอัตตา  ละวางความอายที่จะสารภาพบาปกรรมที่ผมได้ทำมา  และเปิดโอกาส  ชี้แนะโอกาส  ให้ผมได้เห็นทางรอด  ทางสว่าง  ที่จะนำพาชีวิตของผมให้หลุดพ้นจากกรรมชั่วที่ทำมาได้

ด้วยการให้ธรรมทานชีวิตของตัวผมเอง  แก่ผู้อื่น  และใช้วิธีการที่ท่านอาจารย์อุบล  ได้เมตตาให้ลูกหลาน  ได้ปลดเปลื้องกรรม  ด้วยการสารภาพกรรมกับจี้องค์เทพสฟิงซ์  รหัสลับจักรวาล  อาจารย์อุบลช่วยด้วย  จี้สามร่มโพธิ์ศรี  พระบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอาราธนาอัญเชิญมา  การกราบรูปภาพของท่านอาจารย์ด้วยจิตเปิดคือเคารพศรัทธา

คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านอาจารย์อุบลทำ  ทำให้ลูกหลานมีความสุขทั้งทางกาย  และทางใจ  ท่านช่างเป็นครูผู้สอนของมนุษย์  และเทวดาทั้งหลาย  ที่ลุกๆมีโอกาสดีมาก  แล้วที่ได้มาพบเจอท่านอาจารย์อุบล

ลูกขอกราบขอบพระคุณเทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาลทุกๆพระองค์ที่คุ้มครองท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  ตั้งแต่องค์สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา  องค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดา  พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์  พระเบื้องบนทุกๆพระองค์  เทพไท้เทวาอารักษ์  ทุกชั้นฟ้า  มนุษย์ต่างดาวทุกดวงดาว ฯลฯ  ที่เมตตาลูกๆหลานๆ  ให้ได้สร้างบุญในชาตินี้ทุกๆบุญนะครับ

ขอน้อมบุญทั้งหมดที่ลูกได้สร้างมาตั้งแต่ชาติแรกจนถึงชาตินี้แด่ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่ดูแลคุ้มครองปกปักรักษาท่านอาจารย์อุบลนะครับ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

ในวันนี้ตัวของผมได้หันไปมองในสิ่งที่ทำมาก็ได้เห็นข้อบกพร่องและความผิดพลาดทั้งหลาย  ที่ผมได้ก่อเอาไว้  และได้รับกรรมทันตาเห็นในชาตินี้  ไม่ต้องรอชาติหน้า  ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า  ที่ว่า  ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว  และข้าพเจ้ามาสารภาพในวันนี้เพื่อขอดับเหตุ  เป็นธรรมทาน  ให้ท่านที่ยังประกอบกรรมคล้ายๆกับข้าพเจ้าได้คิดว่า  ที่กำลังทำอยู่นี้ผิดหรือไม่อย่างไร  ช่วงชีวิตของเราไม่ยาวนัก  อาจจะตายเวลาไหนใครกำหนดรู้ได้  เรารู้แน่นอนคือวันเกิด  แต่วันตายเราไม่รู้  เรามาตั้งใจทำความดีกันเถิดครับ  เพื่อชีวิตหลังความตายของเราจะได้สบาย  ไม่ต้องไปใช้กรรมต่อในนรกที่แสนทุกข์ทรมาน  ที่พูดอย่างนี้เพราะผมคิดว่า  แม้แต่ร่างกายที่เราไม่สบายเล็กน้อยๆตอนที่เรามีชีวิตอยู่  เราก็ทุกข์มากแล้ว  แล้วถ้าหากเราตายไป  แล้วไปใช้กรรมที่เต็มที่  ไม่มีเวลาแก้ตัว  จะทรมานขนาดไหน  เรามาตั้งใจไปในที่ที่ดีๆ  กันนะครับ  และที่จบจริงๆ  คือนิพพาน  

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 12:28:45


ความคิดเห็นที่ 194 (1639532)

 

ธรรมทานของ นายพัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย (เบส)
อายุ 21 ปี ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ
คณะ มนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3
 
( ตอนที่ 2 )
 
     ในตอนนี้ผมจะเล่าถึงชีวิตก่อนที่จะได้มาพบกับบ้านสวนพีระมิดนะครับ ว่าผมมารู้จักบ้านสวนพีระมิดได้อย่างไร ...... และทั้งๆที่เป็นอิสลาม แต่ทำไมถึงนับถือพระพุทธเจ้าอย่างสุดหัวใจ
 
      ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อเล่นว่า เบส นับถือศาสนาอิสลาม หลายๆคนต่างถามกันว่า ทำไมผมถึงมานับถือพระพุทธเจ้าด้วย ผมขอตอบเลยนะครับ ว่าไม่รู้เหมือนกัน 555 อาจจะฟังดูไม่มีเหตุผล แต่มันคือเรื่องจริงครับ
      เท่าที่ผมจำความได้ คุณแม่เป็นชาวพุทธ ที่มาแต่งงานกับคุณพ่อ ที่นับถือศาสนาอิสลาม คุณแม่จึงมานับถือศาสนาอิสลามด้วย แต่ทุกครั้งในตอนเด็ก ที่กลับไปหาญาติๆฝ่ายแม่ในตอนเด็กนั้น ก็จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่ชาวพุทธทำกัน เช่น ตื่นมาก็ตักบาตร ไปไหว้พระ ฟังเทศน์ ซึ่งในตอนเด็กก็ไม่รู้อะไร ใครเขาให้ทำอะไรก็ทำตามๆกันไป แต่ก็รู้สึกสนุกตามประสาเด็กนั้นแหล่ะครับ คือชอบที่จะวิ่งเล่น ชอบอะไรที่แปลกใหม่ โดยนี่อาจจะเป็นจุดเล็กที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงมาถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เพราะว่าบางครั้งก็ไปอยู่ต่างจังหวัดหลายเดือน และทุกวันก็จะเห็นคุณป้า และน้าตักบาตรในตอนเช้า ทำให้สิ่งเหล่านี้ฝังรากลึกลงแน่นลงในจิตใจ
 
     และในตอนเด็กนั้นก็จะเป็นคนที่กลัวผีมากๆ และก็เห็นบ่ายๆว่าหนังในทีวีนั้น ผีจะกลัวพระเสมอ ซึ่งก็คงเป็นอีกจุดหนึ่งที่เราเริ่มรู้สึกดีกับพระ ถึงในตอนแรกจะคิดว่า เอาท่านไว้กันผีก็ตามครับ....   ชีวิตดำเนินมาเรื่อยๆ ส่วนมากจะทำบาปมากกว่าทำดี เพราะอยู่บ้านนอก จะเป็นคนที่ชอบพจนภัยมากๆ ถึงว่าบุคลิกจะดูไม่เหมือนก็ตาม แต่ว่าถ้าคุณป่าจะเข้าป่า หรือไปทำไร่ ทำนา ครั้งไหน ก็จะขอติมตามไปด้วยแทบทุกครั้ง เพราะรู้สึกถึงความอิสระ ไม่ต้องมานั่งๆนอนๆอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ได้ประกอบกรรมมากมายโดยไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งเหล่านี้เป็นบาป ในตอนนั้นคิดแต่เพียงว่าเป็นเพราะความสนุก ทำตามผู้ใหญ่ เขาหาปู หาปลา แหย่ไข่มดแดง จับแมลงต่างๆมากมาย เราก็จะคอยเป็นลูกมือ คอยช่วยจับ บางทีก็อาสาจับเองก็มี ซึ่งเป็นการทำบาปที่ทำมาตั้งแต่ยังเล็ก โตมาจึงส่งผลให้เป็นคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นภูมิแพ้ และจิตใจไม่มั่นคง แต่ในตอนนั้น กลับคิดว่า.... เรานี่แหล่ะ คนดีที่หนึ่งเลย ไม่เคยทำบาปอะไรเลย ทั้งๆที่ความชั่วนั้นเกินจะพรรณนา
 
      ชีวิตดำเนินมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อประมาน 4 ปีที่แล้ว โดยเริ่มหันหน้าเข้าสู่ธรรมะ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ซึ่งอย่างหนึ่งก็คือ ชอบฟังนิทาน จึงทำให้ชอบอ่านชาดก ซึ่งเป็นอดีตชาติของพระพุทธเจ้า และเกิดติดใจ สนุก และรู้สึกน่าค้นหา ในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าอยากอ่านนิทาน และเรื่องสนุกๆ โดยไม่รู้ว่า สิ่งที่ทำนั้น จะทำให้ชีวิตเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...
 
เพราะขณะที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 รู้สึกว่าธรรมะที่เราศึกษานั้น มันเป็นเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตเรามาก มันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้ และก็ได้ศึกษาหาความรู้จากแหล่งต่างๆมากมาย ทั้งจากทางเว็ปไซต์ และจากทางหนังสือต่างๆ ซึ่งในตอนแรกๆก็ตื้นเต้นมาก เพราะว่าอ่านแล้วเจอว่า ถ้าทำได้จะมีหูทิพย์ ตาทิพย์อะไรมากมาย มีภพโน้นภพนี้มากมาย ทำให้ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เรียกได้ว่าติดงอมแงมเลยทีเดียว
เพราะมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ เป็นเรื่องปาฎิหาริย์ ที่น่าติดตาม ถึงขนาดเคยคิดว่า อยากจะไปป่าหิมพานสักครั้งก่อนตายเลยทีเดียว....
                        
         หลังจากนั้นก็ได้เริ่มศึกษาเรื่องต่างๆมากขึ้น โดยจำได้ว่าชอบที่อ่านเรื่องกฎแห่งกรรมมาก เพราะได้รู้ถึงชีวิตของคนต่างๆว่าเคยทำบาปอะไร แล้วเขาไปตกนรกขุมไหนกัน ตอนนั้นก็เกิดคิดกลัวขึ้นมา แต่ก็ยังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีลอย่างจริงจัง ในช่วงนั้นชีวิตโดนแรกกระทบหลายด้าน และเกิดเหตุการณ์ต่างๆที่เรียกได้ว่าเป็นจุดช๊อกในชีวิตเลยก็ว่าได้ โดยเรียกได้ว่าชีวิตในตอนนั้นไม่มีความสุขเลย ทุกวันอยู่ด้วยความโศกเศร้า อยู่ด้วยความหว่าเหว่ และสิ้นหวัง เคยร้องไห้ จนหลับไป เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทุกข์ที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้ เพราะปัญหาทุกอย่างต่างรุมเร้าเข้ามาทุกด้าน .........
          ในตอนนั้น ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวอะไรแล้ว จึงรู้สึกท้อแท้กับชีวิตเป็นอย่างมาก จนคิดว่านี่เราเกิดมาทำไม... ทำไมถึงต้องมาทุกข์ทรมานขนาดนี้...
 
      ในเวลานี้เองเป็นก้าวแรก...
สู่การก้าวเข้ามานับถือพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง
เพราะว่ามันทุกข์ที่สุด มันทรมานที่สุด จิตใจแหลกเหลวไร้ที่พึ่ง ในตอนนั้น คิดว่า ไม่มีอะไรจะช่วยเราได้แล้ว.... นอกจาก ธรรมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น...
 
โปรดติมตามตอนต่อไป
ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 14:01:18


ความคิดเห็นที่ 195 (1639615)

ธรรมทานชีวิตของน.ส.ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ชื่อเล่น ขวัญ อายุ 21 ปี ปัจจุบันอยู่จ.สระบุรี ว่างงาน จบการศีกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ความยาว 2 หน้ากระดาษA4)

โกรธคนอื่นเขา เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง

ข้าพเจ้าเคยเป็นคนอาฆาตพยาบาท ขี้โกรธ ไม่ชอบใจก็จะพูด ด่า ด้วยถ้อยคำหยาบคาย แสดงกิริยาโดยเจตนาให้คนอื่นเสียใจ คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร ฉันพอใจก็พอ ระบายอารมณ์โกรธกับคน สัตว์เลี้ยง สิ่งของ อีกทั้งยังนิ่งเฉยหรือผสมโรงเมื่อคนอื่นโกรธ ทะเลาะกัน ข้าพเจ้าทำบาปกับคนรอบข้างแทบทุกคนในชีวิต โดยเฉพาะกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะพูดด้วยโทสะ เถียง แสดงกิริยาก้าวร้าว ไม่เชื่อฟัง โกหกเป็นประจำ ทำให้ท่านเสียทรัพย์เพราะความโง่เขลาของข้าพเจ้า และเสียใจนานนับปี ข้าพเจ้าทราบดี แต่ก็ทำต่อไป เหยียบย่ำจิตใจพ่อแม่และหลายๆคน เปรียบเหมือนคนที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว โดยที่นึกไม่ถึงว่า บาปกรรมใหญ่หลวงนี้ ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน ข้าพเจ้าเจอสารพัดทุกข์ รับกรรมแบบไม่ต้องรอชาติหน้า ข้าพเจ้าโดนทำร้ายจิตใจเป็นประจำ โดยเฉพาะจากคนที่ข้าพเจ้ารัก เรื่องเล็กน้อย ก็จะเสียใจมากเกินปกติ เหมือนหัวใจโดนบีบ ทะเลาะกับแฟน เพื่อน ครอบครัวบ่อย ทำให้คนอื่นๆเดือดร้อนไปด้วย ครอบครัวไม่สงบสุข ชีวิตมีอุปสรรค ผลการเรียนไม่ดี สังคมไม่ดี พากันทำบาป ขนาดเคยมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เข้าถึงธรรม กลับไปสร้างบาปมากกว่าสร้างบุญ เรียกได้ว่า มืดมนทั้งทางโลกและทางธรรม นอกจากนี้ ข้าพเจ้าเคยฆ่า สั่งให้คนอื่นฆ่า นิ่งเฉยเมื่อคนอื่นฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์ เคยกินเนื้อสัตว์ทั้งสัตว์ใหญ่และเล็ก และธุรกิจของครอบครัวทำให้แมลงโดยเฉพาะมอดโดนฆ่าเป็นจำนวนมาก ทำให้รายได้เป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เมื่อนำไปทำบุญ อานิสงส์ก็น้อย และไม่เกิดฉับพลันทันที (การทำบุญให้ทาน ถ้ามีความบริสุทธิ์ทั้ง 3 ส่วน เจตนา วัตถุทาน และเนื้อนาบุญ อานิสงส์จะเกิดในวันนั้นเลย ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า)

กรรมเหล่านี้ยังส่งผลให้ข้าพเจ้ามีผิวพรรณทราม คำสอนของพระพุทธเจ้าถูกต้องจริงๆว่า กรรมผิวพรรณ เกิดจากกรรมโทสะ” มีผื่น เส้นเลือดฝอยแดงเห็นได้ชัดเป็นจ้ำๆบนใบหน้า ผิวแพ้ง่าย สิวและผื่นขึ้นง่ายและเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะบนใบหน้า ต้นขา หลัง หน้าอก พอร้องไห้ เส้นเลือดฝอยก็แตกบนหน้าเหมือนตกกระ ออกกำลังกายนานๆแล้วจะมีอาการคันตามผิวหนัง โดนยุงกัดบ่อยมากเพราะเกลียดและชอบตบยุง 

แต่ทุกวันนี้ ผิวพรรณดีขึ้น ดีใจมากๆ เพราะภาวนาคาถาบูชาพระศรีอาริย์ เมตตานะ ศรีอาริยะเมตโต พุทธานะมะ สันติเกโล อนาคามิ อย่างต่อเนื่อง รู้สึกเหมือนของเสียถูกขับออกจากร่างกาย และหลังจากปฏิบัติตามคำสอนจากท่านอ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ โดยเริ่มแรกศึกษาจากทางwww.baansuanpyramid.com และอ่านคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ ทำให้ได้เข้าใจว่า โกรธไปก็มีแต่ใจเราที่รุ่มร้อน มีแต่ทำให้คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี แล้วเราจะโกรธเพื่อทำร้ายตัวเองและผู้อื่นต่อไปทำไม คิดถึงพระพุทธเจ้าที่ท่านทรงรัก ทรงสอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้นให้ลูกหลาน ทำให้ไม่อยากจะทำบาปอีกต่อไปแล้ว อยากทำดีเพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดอีก ได้เข้าพระนิพพานไปเข้าเฝ้าท่าน ทำให้ข้าพเจ้าโกรธน้อยลง ทำอภัยทานได้มากขึ้นอย่างชัดเจน และเมื่อภาวนาอ.อุบลช่วยด้วย ขอพระบารมีพระศรีอาริย์ และสามร่มโพธิ์ศรี อย่างต่อเนื่อง วันนี้ เชื่อว่าทำอภัยทานให้คนๆนั้นได้ 100และใจเบาสบาย เบิกบาน มีความสุขทุกวัน และเมื่อธรรมะปลุกจิตสำนึกดีของข้าพเจ้า ได้ไตร่ตรองถึงความดีความรักที่บริสุทธิ์ของพ่อแม่ ที่มีต่อข้าพเจ้ามากมายมหาศาล ในขณะที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ข้าพเจ้ามีแต่ทำชั่วมากกว่าทำดีกับท่าน เมื่อคิดได้ จึงรีบเปลี่ยนแปลงตัวเอง ชีวิตที่เหลือนี้ขอทำดีเพื่อท่าน ขอยกบุญที่ทำมาทั้งหมดแด่ท่าน สาธุ

บาปของข้าพเจ้าไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ ข้าพเจ้ายังเคยขโมยเงินคุณย่า ร่วมกับเพื่อนขโมยของจากร้านขายของ เคยคิดจะขโมยเงินคุณพ่อ เคยขโมยและยืมของๆคนอื่นไปโดยไม่ขออนุญาต บางครั้งก็ลืมคืน ใช้น้ำใช้ไฟเปลืองโดยที่เราไม่ได้จ่าย เคยไม่เต็มที่กับการเรียน ทั้งที่พ่อแม่จ่ายเงินค่าเล่าเรียนหวังให้เราตั้งใจเรียน เคยอู้งานแต่รับเงินเดือนเต็ม ยังชอบของฟรี มีความโลภ ที่สำคัญเกิดมาบนแผ่นดินไทย แต่แทบไม่เคยปกป้องแผ่นดิน ใครดูหมิ่นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็นิ่งเฉยเสียส่วนใหญ่ บาปเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้าเคยโดนขโมยของ เช่น โทรศัพท์มือถือ เพื่อนยืมของไปแล้วไม่คืน เก็บเงินไม่อยู่ มีเหตุให้เสียเงินเรื่อยๆ ต้องใช้จ่ายสิ่งที่ไม่จำเป็นบ่อยมาก และบ้านไม่มีความสะดวกสบาย

โกหกจนเข็ด

ตั้งแต่เด็ก ข้าพเจ้าเคยโกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล แทบทุกวัน วันละหลายครั้ง พาคนอื่นโกหกไปด้วย ทั้งเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการและให้คนอื่นสบายใจ และเคยผิดสัจจะ บิดเบือนคำพูด เขียนข้อความเท็จ นินทาบ่อยมากๆ ซึ่งผลกรรมที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ทำคือ ใจรุ่มร้อน ไม่สงบ ไม่มีความสุขเลยจริงๆ ตอนประถม เคยมีฟันเขี้ยว 2ซี่ขึ้นตรงเหงือกบน ดูเหมือนยักษ์ รูปปากแปลกๆ ทำให้ต้องดัดฟัน แล้วฟันก็เยอะมากเกินไป จึงต้องโดนถอนออกหลายซี่ และดึงฟันเขี้ยวที่เหงือกลงมาแทนที่ ตอนดัดฟัน ก็มีอาการปวดหัวและเครียดบ่อยๆ โตขึ้น ก็โดนผ่าเหงือก ถอนฟันอีก และผ่าเนื้อใต้ลิ้นเนื่องจากพูดไม่ชัด จำได้ว่าผ่าเนื้อนี่ เจ็บยิ่งกว่าตอนผ่าตัดไส้ติ่ง นอกจากนี้ บางครั้งก็มีอาการเจ็บคอ และมีกลิ่นปากด้วย ใครพูดอะไรดีๆ แนะนำสิ่งที่ดี พูดความจริงกับเรา เราไม่เชื่อ แต่ไปเชื่อคนที่โกหกเรา คนที่บอกให้เราทำชั่ว ซึ่งทำให้เราทำบาปเพิ่มอีกมากมาย และน้อยครั้งที่คนจะเชื่อคำพูดของเรา ผลกรรมชัดเจนมากๆจากการใช้ปากไปในทางที่ผิด เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น แต่เมื่อข้าพเจ้าตั้งใจประพฤติตนให้อยู่ในศีลให้ดีที่สุด ตั้งแต่นั้นมา ไปตรวจฟันทุกครั้ง ก็ปกติดีทุกอย่าง ไม่เคยมีฟันผุ และฟันเรียงกันเป็นปกติ ผิดกับเมื่อก่อนราวฟ้ากับดิน ทำตามพระพุทธเจ้าแล้วได้รับอานิสงส์อย่างนี้นี่เอง

สำหรับการผิดศีลข้อ 5 ข้าพเจ้าเคยสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ยินดีและเฉยเมื่อคนอื่นทำ เคยซื้อแอลกอฮอล์ ให้เพื่อนซื้อ เคยขโมยมาดื่ม และเคยดื่มจนอาเจียน ทำให้คนอื่นต้องทำความสะอาดให้ ลำบากมาดูแลข้าพเจ้า และทำให้ไปยุ่งกับแฟนคนอื่นด้วย แอลกอฮอล์ ทำให้ทำบาปมากมาย และทำให้ข้าพเจ้าเป็นโรคปวดหัวไมเกรนมานานนับปี หลังจากข้าพเจ้าตั้งใจรักษาศีล เลิกดื่มอย่างเด็ดขาดมาประมาณ 2ปี และเมื่อได้ออกมาเล่าว่าเคยดื่มแอลกอฮอล์และบาปอื่นๆ ด้วยความสำนึกผิด เป็นธรรมทานให้ท่านอ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์และคนอื่นฟัง ซึ่งเป็นการดับที่เหตุของอาการปวดที่เกิดจากกรรมรวมตัว แล้วอาการปวดหัวก็หายประมาณ 50เนื่องจากบอกกรรมไม่หมด

ข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจากท่านอ.อุบล ทำให้ชีวิตข้าพเจ้าในวันนี้ ดีขึ้นในทุกด้าน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ปวดหัวแล้ว มีสภาพคล่องทางการเงิน และมีความสุขสมหวังทั้งในสังคมครอบครัวและเพื่อน อีกทั้งมีสติและสมาธิมากขึ้น ใช้ปัญญาพิจารณามากขึ้น หากข้าพเจ้าไม่ได้มาเข้าใจพระธรรม ข้าพเจ้าคงแบกทุกข์ และเพิ่มทุกข์ให้ตัวเองต่อไปไม่สิ้นสุด ขอกราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ เบื้องบนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ และท่านอ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ครูบาอาจารย์ที่รักและเคารพค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 22:44:37


ความคิดเห็นที่ 196 (1639616)

 ...โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า

             ไม่โกรธดีกว่า จะได้ไม่บ้าไม่โง่...

ชื่อ: นางสาววินิตา สุทธิวรา ชื่อเล่น: ก้อย

อายุ: 32 ปี

การศึกษา: ประกาศนียบีตรวิชาชีพชั้นสูง

สาขา: การตลาด จากกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย

อาชีพ: พนักงานบริษัทเอกชน

ตำแหน่ง: พนักงานขาย / บริษัท จ๊อบเซิร์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด

โทร: 085-484-9725, 088-227-5299

ครั้งนี้จะขอเล่าตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อมี ความโกรธ เข้าครอบงำ

เมื่อก่อนเป็นคนอารมณ์รุนแรงมาก เรียกว่าใครแตะต้องไม่ได้เลย ครอบครัวก็ไม่สงบสุขเลย ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ทั้งคุณแม่ และพี่สาว ต่างเป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนกัน เวลารวมตัวอยู่ใกล้กัน เหมือนมีกองไฟมาสุม พูดกันไม่เท่าไหร่ ก็ทะเลาะกันทุกครั้งไป

เมื่อตอนอายุ 17 ปี ได้ทะเลาะกับพี่สาว สร้างความช้ำใจให้แม่ที่ต้องมาเห็นภาพลูกสาวตบตีกันเอง เป็นเหตุการณ์ครั้งแรก และครั้งเดียว ที่ยังจดจำได้ดี และเป็นตราบาปที่อยู่ในใจเราเสมอมา

ขนาดรู้ว่าทำให้แม่ช้ำใจ ยังทำเพิ่มอีก...มีวันนึงแม่มีเรื่องทุกข์ใจเรื่องลูก ๆ อยู่แล้ว เราเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้แม่ต้องระเบิดอารมณ์โกรธขึ้นมา เพียงเพราะปากหะ-มายื่นยาวของเรา

แม่: เมื่อไหร่ชีวิตจะสงบสุขสักที

ก้อย: ก็จนกว่าจะตายจากกัน นั่นแหละ!!

ภาพที่เห็นคือ แม่ทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างแรง และเอาหัวโขกกับสันวงกบประตู เป็นภาพที่สะเทือนใจที่สุดในชีวิต !!!

เมื่อปี 2553 เป็นวันมาฆบูชา ได้นั่งแท็กซี่ไปวัดพร้อมกับคุณแม่ รถเบรกกระทันหัน ทำให้น้ำแกงที่จะนำไปถวายพระ หกเปื้อนรถแท็กซี่ ทำให้คนขับโกรธมาก เราก็ไม่ยอมต่างด่ากันไปด่ากันมา จนเกือบโดนคนขับทำร้าย วันนั้นแม้จะได้ไปทำบุญ แต่จิตใจไม่สงบสุขเลย ครุ่นคิดแต่เรื่องนี้ตลอด...นี่มาทำบุญแท้ ๆ ยังไม่ได้บุญ แถมยังสร้างนรกในใจอีกต่างหาก

มาปลายปี 2554 ทั้งที่ได้รู้จักบ้านสวนฯ แล้ว ฟังธรรมะจากท่านอ.อุบล ก็เยอะ แต่ไม่ได้นำมาขัดเกลาจิตใจเลย วันนั้นได้ทะเลาะกับพี่สาวคนเดิม ชี้หน้าด่าเขาต่างต่าง นานา จนหนำใจ ซักพักก็มีเสียงแว่วในหูคล้ายกับเสียงของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ว่า เราน่ะมันโง่กว่าเขาอีก เห็นเขาโกรธ ก็ไปโกรธตามเขา พอได้สติก็รู้สึกสำนึกผิด จากที่เมื่อก่อนจะไม่เคยก้มหัวขอโทษใครก่อน แต่คราวนี้ ก้อยยอมเข้าไปไหว้ และขอโทษพี่สาวในตอนนั้นทันที รู้สึกเสียใจที่ให้ยอมให้อารมณ์โกรธชั่ววูบเข้าครอบงำ ทำให้ขาดสติ กลายเป็นคนโง่

เช้ารุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ก็ไปทำบุญที่บ้านสวนฯ เหมือนทุก ๆ อาทิตย์ที่เคยไป แต่ครั้งนี้ ไปด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ยังรู้สึกผิดกับเรื่องนี้อยู่มาก และท่านอ.อุบล ก็เหมือนมองเห็นทะลุเข้าไปในใจ ได้แสดงธรรมะของพระพุทธเจ้าเรื่องการละวางความโกรธ อีกด้วย ความรู้สึกตอนนั้นมันจุกคอ น้ำตามันไหลออกมาเอง และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำอีก

จะเห็นว่าทุกเหตุการณ์ข้างต้น มักจะมีผลร้ายต่อเนื่องมาด้วยเสมอ ความโกรธ ทำลายได้ทุกอย่าง แม้แต่ตัวเราเอง

ซึ่งตรงตามเนื้อหาในคู่มือหนีกรรมของท่านอ.อุบล ทั้งสิ้น

คนที่มักโกรธ จะมีผิวพรรณทราม” “กรรมผิวพรรณ เกิดจากกรรมโทสะ

ผลกรรมที่ก้อยได้รับในตอนนี้คือ แม้อายุจะปาเข้าไป 32 ปีแล้ว แต่ยังมีสิวขึ้นตามใบหน้าอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งจะทนไม่ได้จนต้องแกะเกาจนกว่าเลือดจะออก ทำให้เกิดแผลเป็น Red zone หลายจุด 

และมีผื่นคันที่ข้อศอกทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ คุณหมอไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จะหายเฉพาะเวลาที่ทายา เว้นระยะห่างประมาณ 3 เดือน ก็จะกลับมาเป็นอีก ในตัวยาส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง 

เพราะกรรมจากความโกรธนี่เอง ทำให้เราต้องรับสารนี้เข้าร่างกายอยู่เรื่อย ๆ เมื่อใดที่กรรมเรารวมตัว ก็มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคมะเร็ง...

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-09 23:03:16


ความคิดเห็นที่ 197 (1640099)

 

ความเลวของดิฉัน..นางสาวกัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ อายุ 26 ปี เบอร์ติดต่อ.084-8864115 อยู่จังหวัดพิจิตร
 
เมื่อก่อนดิฉันทำงานอยู่ที่สถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่ง ตำแหน่งพนักงานแนะนำหลักสูตร อาชีพนี้เป็นอาชีพที่สบายมากๆๆๆๆ หรือ..อาจจะสบายเฉพาะสาขาที่ดิฉันอยู่ก็ได้ เพราะวันๆไม่ได้ทำอะไร มีเวลาว่างเหลือเฟือ เข้างานสายก็ได้ จะกลับเมื่อไหร่ก็กลับได้ จะเล่นเกมส์ แชท ดูหนัง ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ หรือ ไปช็อปปิ้งในเวลางานก็ทำได้ โอ้วว...อะไรจะสบายขนานน้านนน...แถมรายได้ก็ดีอีกต่างหาก ไม่เฉพาะเงินเดือนที่ได้เดือนละ 9,000 กว่าบาทเท่านั้น แต่ยังมีเงินที่ไม่บริสุทธิ์อีก เช่น เงินค่าแปลเอกสาร ถึงแม้เราจะเป็นผู้แปลเอง แต่เราใช้ของทุกสิ่งทุกอย่างในบริษัท แถมยังใช้โลโก้รับรองของบริษัทและโมเมเอาชื่ออาจารย์ท่านอื่นเป็นผู้แปลอีกต่างหาก และทุกๆสิ้นเดือน ดิฉันก็จะต้องเขียนเอกสารเท็จ เพื่อเบิกเงินมาให้กับผู้จัดการไว้ใช้ส่วนตัวอีกเดือนละหลายหมื่นบาท หลายครั้งก็เบิกเงินที่ต้องใช้ซื้อของในบริษัทมากินกัน เรียกได้ว่า เงินเดือนก็รับ เงินในก็เอา แต่ช่วงเวลาที่ทำงาน กลับทำไม่เต็มที่เหมือนเงินที่ได้ แต่ที่น่าแปลกคือ ถึงจะได้เงินมาเยอะเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีเงินเก็บเลย บางเดือนเก็บได้นิดหน่อย ก็ต้องมีเหตุให้นำออกมาใช้อยู่ดี แถมบางเดือนใช้มากกว่าที่เก็บ เรียกได้ว่าเดือนชนเดือนไม่พอยังต้องติดลบอีก นี่ก็เป็นผลกรรมที่ดิฉันได้ทำเอาไว้ซึ่งไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าเลย
อยู่มาวันนึง ดินฉันก็คิดที่อยากจะออกจากงาน เพราะได้คำสอนจากท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ แห่งบ้านสวนพีระมิด ทำให้ดิฉันคิดอยากที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ปกติครอบครัวดิฉันก็ปฏิบัติธรรมกันอยู่แล้ว ดิฉันโชคดีที่ได้เข้าวัดปฏิบัติธรรม รู้จักธรรมะตั้งแต่อยู่ประถมจนโต แต่...ธรรมะไม่สามารถซึมซับเข้าไปถึงข้างในจิตใจดิฉันได้เลย จะเคลือบอยู่แค่ภายนอกเท่านั้น ศีล 5 ก็รู้จักแต่เพียงผิวเผิน ดิฉันไม่ฆ่าสัตว์ แต่..ยังชอบกินเนื้อสัตว์ซึ่งถือเป็นการขาดเมตตา ก็อยู่ในศีลข้อ 1 ดิฉันไม่ลักทรัพย์ แต่..ชอบของฟรี อะไรที่ไม่ต้องเสียตังค์ ชอบมากกกก...แต่ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าพระท่านสอนไม่ดีนะคะ ท่านสอนดี แต่ตัวเราไม่รับเองต่างหาก รับมาแต่เพียงผิวเผิน แล้วก็คิดเอาเองว่าตัวเองนี่ดีกว่าคนอื่น รู้จักธรรมะ เข้าวัดปฏิบัติธรรม ฟังธรรม ฟังเทศน์ เหนือกว่าคนอื่นตั้งเยอะ จนกระทั่งมาเจอคำสอนของท่านอาจารย์อุบล จึงทำให้รู้ว่า โอ้โห่..ทำไมตัวเราถึงได้ชั่วขนาดนี้ ที่ผ่านมาเราหลอกตัวเองมาตลอด มาสำรวจตัวเองกี่ครั้งๆ ก็ยังชั่วยังเลว เพราะผิดศีลมันทุกข้อ เมื่อก่อนคิดว่าฉันนี่ดีจริงๆ รักษาศีลได้ทุกข้อเลย แต่เมื่อลองลงรายละเอียดของศีลแต่ละข้อแล้ว โอ้ยยย...อะไรมันจะเลวได้ขนาดน้านนนน นี่ฉันผิดศีลทุกข้อเลยหรอเนี่ยยย
ลองมาดูกันนะคะว่าความเลวของดิฉันมีอะไรบ้าง แล้วผลกรรมที่ดิฉันได้รับนั้น มันเป็นยังไง....
มาเริ่มที่ศีลข้อ 1 กันเลยดีกว่า ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ แต่ดิฉันก็ฆ่ามาสารพัด ทั้งสัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา มด หนู ยุง ปลวก แมลงสาบ ตะขาบ ผีเสื้อ จิ้งหรีด ไส้เดือน แมลงต่างๆมากมาย เคยเอาไม้เสียบก้นแมงปอ เอาห่วงไปข้องกิ้งก่าเล่น เตะหมา ดีดหูแมว รังแกทั้งคนและสัตว์ เคยคิดจะทำแท้งถ้าตัวเองท้อง และเวลาที่ประจำเดือนยังไม่มาตามปกติก็จะกินยาขับ ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองท้องหรือไม่ท้องฉันไม่สน ถ้าท้องก็จะได้ขับๆมันออกมา เพราะถ้าท้องแล้วก็จะมีแต่อับอายขายหน้าชาวบ้าน เพราะภาพพจน์ของดิฉันสวยงามมาก ดีทุกอย่าง จะให้มาท้องก่อนแต่ง ไม่ได้เด็ดขาด เสื่อมเสียเกียรติกันหมดพอดี เคยคิดแช่งอยากให้คนอื่นตาย เช่น เวลาเราดูข่าวพวกเด็กแว๊น พวกฆาตกร พวกเสื้อเหลืองเสื้อแดงที่ออกมาตีกัน เป็นต้น และเคยคิดปรามาสในหลวงว่าทำไมท่านถึงไม่ยอมออกมาห้ามเมื่อครั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดง ถ้าพระองค์ออกมาห้าม ทุกอย่างก็จบ เคยรู้เห็นในการทำแท้ง และไม่คิดที่จะว่าเพื่อนหรือเตือนว่ามันบาป กลับเป็นผู้ฟังที่ดีเฉยเลย เคยคิดอยากจะให้แฟนเก่าของแฟนตัวเองตาย เพื่อที่เค้าจะได้ไม่ต้องเจอกัน ดิฉันทำให้ผู้ชายหลายคนต้องเสียใจ ต้องผิดหวัง เนื่องจากความหน้าตาดีของตัวเองเป็นเหตุที่ทำให้ดิฉันเจ้าชู้หลายใจ (ฟังดูดีจัง อิอิ) แถมยังทำให้พ่อแม่เสียใจเนื่องจากการกระทำที่เลวๆของตัวเองอีก
ผลกรรมที่ดิฉันได้รับก็คือ ดิฉันเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่อายุ 12 ปี จะคันตามร่างกายโดยเฉพาะที่บริเวณเท้า คันจนเป็นน้ำเหลืองไหลเยิ้มตลอด หน้าตา(สวยๆ)ก็เป็นสิวมาหลายปีรักษาไม่หาย ทำให้ขาดความมั่นใจ ต้องอับอาย และเมื่อก่อนดิฉันจะมีอาการเจ็บแปล๊บๆที่หัวใจอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็เป็นผลมาจากชอบทำให้คนอื่นเสียใจ ตัวเองก็เลยต้องมาเจ็บที่หัวใจบ้าง
ศีลข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ แต่เมื่อสมัยเด็กๆ ดิฉันก็จะขโมยเงินแม่ไปซื้อขนมบ้าง ไปโทรศัพท์บ้าง ขโมยผลไม้คนอื่น กินอาหารที่วัดแถมยังเอากลับไปกินที่บ้านอีก โตมาหน่อยแม่ให้เงินไปเรียนก็ขอเพิ่ม โกหกว่าต้องใช้ค่านั่นค่านี่ที่มหาลัย แต่ก็เอาเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ช็อปปิ้ง เที่ยว พอทำงาน ก็เอาของแถมที่ทำงานกลับบ้าน โกงเวลาทำงาน เข้าสาย กลับก่อน ทำงานไม่เต็มเวลา เล่นเกมส์ คุยโทรศัพท์ในเวลาทำงาน ถ่ายเอกสารที่ทำงานมาเป็นของส่วนตัว เขียนบัญชีเท็จเพื่อโกงเงินบริษัท ใช้ไฟฟ้าที่ทำงานและเขตบุญชาจแบตโทรศัพท์ ทำข้าวของในเขตบุญแตกหัก เสียหาย ฯลฯ
ผลกรรมที่ได้รับคือ ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีเงินเท่าไหร่ จ่ายไม่เคยเหลือเก็บ บางทีเก็บได้หลอกให้ตัวเองดีใจ แต่ก็ต้องมีเหตุให้เอามาใช้จ่ายอีก แล้วก็เคยโดนเพื่อนขโมยโน้ตบุ๊ค+โทรศัพท์
ศีลข้อ 3 เนื่องจากดิฉันเป็นคนที่หน้าตาค่อนข้างดี(อีกแล้ว) จึงทำให้ดิฉันผิดศีลข้อ 3 มาอย่างมากมายและเป็นบาปอย่างมหันต์เลยทีเดียว สมัยเรียนดิฉันเจ้าชู้(มาก)มีแฟนแล้วก็ยังแอบไปมีกิ๊ก ไปชอบสามีชาวบ้าน มีความสัมพันธ์กับผู้ชายมาสิบกว่าคน เคยดูภาพโป๊ภาพลามก ซีดีโป๊ เวลาอยู่กับแฟนก็จะชอบดูและชอบใช้สายตาหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เคยแชทกับผู้ชายผ่านเน็ตแล้วก็คุยเรื่องลามก ฝักใฝ่ในกาม และสิ่งที่เป็นบาปอย่างมากก็คือ มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระสงฆ์ซึ่งเป็นแฟนกัน โดยที่ไม่ได้หยุดยั้งห้ามใจตัวเองเลย รู้ทั้งรู้ว่ามันผิดและผลกรรมที่จะได้รับมันร้ายแรงขนาดไหน แต่ก็เพราะว่ากามคำเดียวเท่านั้นทำให้ดิฉันหน้ามืดตามัว ไม่เกรงกลัวบาปกรรมอะไรเลย
ผลกรรมที่ได้รับคือ ดิฉันจะปวดมดลูก ปวดเอวเวลามีประจำเดือน เป็นตกขาวอยู่บ่อยๆ แฟนที่คบกันอยู่ก็นอกใจไปมีคนใหม่ ทำให้ไม่สมหวังในความรัก พอดิฉันได้คบกับคนใหม่ รักเค้าไปแล้วจึงได้รู้ว่าเค้ามีลูกมีเมียแล้ว จึงต้องทุกข์ทรมานใจมาตลอด ปัจจุบันชีวิตทุกอย่างของดิฉันถือว่าดีหมด ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องความรัก จะมีเหตุให้ต้องทุกข์ใจอยู่เสมอ
ศีลข้อ 4 ดิฉันเป็นคนที่โกหก ปลิ้นปล่อน กะล่อน ตอแหลไปเรื่อยเนื่องจากความเจ้าชู้ของตัวเอง แถมยังชอบนินทาเพื่อน เจ้านาย พูดจาส่อเสียด เพ้อเจ้อ ไร้สาระ พูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่น พูดสองแง่สองง่าม ลามปาม เถียง ใส่ร้ายผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองดูดีหรือพ้นผิด เรียกได้ว่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นว่างั้นเถอะ เคยฟังเพื่อนพูดถึงพระราชวงศ์ในทางที่ไม่ดี แต่ตนเองก็ไม่ได้ห้ามหรือเตือนเพื่อนเลย แถมยังเออ ออคล้อยตามไปกับพวกเค้าอีก
ผลกรรมที่ได้รับคือ มีริมฝีปากดำคล้ำ ฟันไม่สวย มีกลิ่นปาก เลือดออกตามฟันเวลาแปรงฟัน เป็นร้อนในบ่อยๆ ปากแตก แห้ง ลอกเป็นขุย เจ็บคอเวลาที่จะเริ่มไม่สบาย เวลาพูดอะไรไปก็ไม่ค่อยมีใครเชื่อ ทั้งๆที่เราพูดความจริงทุกอย่าง
ศีลข้อ 5 เคยดื่มเหล้า เบียร์ของมึนเมา เคยซื้อให้คนอื่นดื่ม ส่งเสริมสนับสนุนให้คนอื่นดื่ม และที่บ้านก็ขายของ จึงได้ขายเหล้า เบียร์ บุหรี่ให้ผู้อื่นไปมากมาย(ปัจจุบันเลิกขาย เหล้า เบียร์ บุหรี่แล้ว)
ผลที่ได้รับคือ จะปวดหัวบ่อย ความจำไม่ดี จำอะไรไม่ค่อยได้ ทั้งๆที่อายุแค่ 26 ปี แต่ก็กลายเป็นคนขี้หลงขี้ลืม และจะเป็นทุกข์ใจมากเวลาที่แฟนตัวเองต้องดื่มเหล้า สูบบุหรี่
ต่อมาดิฉันได้รู้จักกับท่านอาจารย์อุบลผ่านทางรายการคุยไปแจกไป และติดตามจากเว็บไซด์มาเรื่อยๆ ทำให้ดิฉันสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างชัดเจน เนื่องจากคำสอนของท่านเข้าใจง่าย เป็นคำพูดพื้นๆที่ทุกคนทุกระดับสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้คนโง่อย่างดิฉันสามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้และอยากที่จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ถึงตอนนี้อาจจะยังไม่ดี แต่ดิฉันคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อก่อนและจะขอพัฒนาตนเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป ท่านอาจารย์ทำให้ดิฉันอยากที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ ขาดบ้าง แหว่งบ้าง ทะลุบ้าง และจากเมื่อก่อนที่ชอบทานเนื้อสัตว์มาก ไม่คิดที่จะเลิกทานเลย แต่ท่านอาจารย์ก็สามารถที่จะเปลี่ยนจิตใจของดิฉันได้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ทานมังสวิรัติมาประมาณ 7 เดือนแล้ว ท่านอาจารย์อุบลเป็นผู้ที่ชุบชีวิตใหม่ให้กับดิฉันก็ว่าได้
 
ลูกกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ทั่วทั้งอนันตจักรวาลที่รักษาตัวท่านอาจารย์ที่เมตตาให้ลูกได้รับการปลดเปลื้องทุกข์ ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ เรื่องการเงินที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร มีกินมีใช้ถึงจะไม่มากมาย แต่ก็ทำให้มีความสุข และจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม กราบขอบพระคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้กับลูกค่ะ กราบ กราบ กราบ
บ้านสวนพีระมิด
69 หมู่ 6 ต.เขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก 26110
ท่านใดสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่เว็บไซด์ www.baansuanpyramid.com
รายการคุยไปแจกไป (จานดำ)  ช่องสตาร์แชนแนล (ช่อง 48 MV STAR) วันอาทิตย์เวลา 15:00-17:00น.
ออกอากาศซ้ำในคืนวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 00:00-02:00 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ <ตั๊ก> ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 16:28:13


ความคิดเห็นที่ 198 (1640196)

เคยมีใครเหมือนผมไหมครับ

ที่สามารถเค้นเสียงเป็นคำพูดออกมาจากปากได้
ทั้งที่ยังหลับอยู่ ค่อย ๆ เค้นจนเป็นน้ำเสียงออกมา
แม้ไม่ชัด เพราะสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น
เป็นคำด่าว่า อาฆาตผู้อื่น ตัวผมในฝันก็เป็นอีกคนหนึ่ง
ที่ก้าวร้าว ทำร้ายคนอื่น จนผมยังแปลกใจ
 
ซึ่งท่านอาจารย์ท่านบอกว่า
เพราะผมสร้างมโนกรรมไว้มาก
 
ตอนแรกผมไม่ทราบหรอกครับว่าแค่คิดในใจมันผิด
เพราะแค่คิด ไม่ได้ทำ เวลาที่ใครด่าว่า ใครตำหนิ
ผมจะไม่โต้ตอบเป็นส่วนใหญ่
หรือเวลาเห็นใครทำอะไรไม่ถูกใจ ผมจะว่าในใจ
ทำแบบนี้เสมอมา มโนกรรมจึงสะสมในใจมากขึ้น ๆๆ
นาน ๆ เข้า จึงแสดงออกมา ทำให้ฝันแปลก ๆ และ
ละเมอออกมาเป็นคำพูดได้ทั้งที่นอนหลับอยู่
 
ซึ่งที่ผ่านมา ผมเองก็ไม่ได้สบายใจ ทุกข์ใจ
กับความฝันที่เป็นแบบนี้ครับ

มโนกรรม เป็นกรรมที่ละเอียด

คนที่คิดไม่ดีคิดบ่อย คิดเสมอ ทีละเล็กทีละน้อย
คิดมากสะสมไว้มากจนกักไว้ไม่อยู่
จึงล้นออกมาทางวาจา เป็นวจีกรรม
และล้นออกมาทางกายเป็นกายกรรมติดตามมา

มโนกรรมจึงเป็นต้นเหตุให้เกิดกรรมชั่วต่าง ๆ ตามมามากมาย
คนที่คิดไม่ดีบ่อย ๆ คิดลบ จึงมักจะมีอาการปวดหัวบ่อย
กินยาเท่าไรก็ไม่หาย หรือ หายแล้วก็เป็นใหม่
เป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยทางสมองเนื้องอกในสมอง

อาจารย์อุบล ท่านสอนว่า
อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่เราพบเจอ
เป็นสัณญาณที่บอกให้รู้ว่าตายแล้วจะไปที่ใด

คนที่เป็นเทวดาย่อมเป็นเทวดาตั้งแต่มีชีวิตอยู่
ไม่ใช่เป็นตอนที่ตายไปแล้ว

คนที่เป็นสัตว์นรกก็เช่นกันย่อมเป็นตั้งแต่มีชีวิตอยู่
ไม่ได้เป็นตอนตายไปแล้ว

มีหิริโอตตัปปะ คือมีความละอายและเกรงกลัวผลของบาปอยู่เสมอ

เคารพในพระธรรมอย่างจริงใจ
ไม่ใช่เคารพเพียงแค่ปากแต่การกระทำตรงข้าม ศีล 5 รักษาไม่ได้

ระมัดระวังความคิดโดยนำศีลมาจับ
ไม่ให้คิดในทางที่ผิดศีลและไม่ปรามาสพระรัตนตรัย
 
ท่านอาจารย์ได้แสดงศีล 3 ชั้น หรือระดับของศีล
ตามคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ทรงแสดงไว้ ดังนี้

จุลศีล   มัชฌิมศีล   มหาศีล

1.จุลศีล คือ ศีลอย่างหยาบ
เช่น เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดในกาม พูดโกหก นินทา
คำหยาบ ส่อเสียดเพื้อเจ้อ ใส่ร้าย ดื่มน้ำเมา เป็นต้น
ก็อย่างที่พวกเรา รู้จัก เรียนกันมา ตั้งแต่เด็กนี่แหละ
คือ ศีลขั้นหยาบ

2.มัชฌิมศีล คือ ศีลอย่างกลาง
เช่น เว้นจากการสะสมอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เว้นจากเดียรัจฉานคาถา
คือคำเพ้อเจ้อ ไร้สาระ เป็นต้น
(คือ การปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ร้าย ทำให้ ผู้อื่นเสียหาย โดยไม่รับผิดชอบ
ไม่รู้สึกเสียใจ ไม่รู้สึกผิด ไม่สำนึก)

3.มหาศีล คือ ศีลอย่างละเอียด
เช่น เว้นจากการเลี้ยงชีพด้วย การหลอกลวงโดยวิธีการต่างๆ
เช่น การทำนายทายทักนิมิตต่างๆ เป็นต้น
(พวกตกทอง สร้างโปรเจ๊ก หลอกคนร่วมลงทุน หลอกเงิน เอาทรัพย์เขาด้วยกลอุบาย ซึ่งเป็นสิ่งไม่จริง อาชีพทุจริตทั้งปวง)

กลับจากบ้านสวนครั้งนั้น
ผมระมัดระวังในการรักษาศีลมากขึ้น
ระวังแม้กระทั่งความคิด
แต่หากถามว่า ทำได้ 100% ไหม ยังไม่ได้ขนาดนั้นครับ
ยังคงคิดลบกับคนอื่น ยังนินทาคนอื่นอยู่
แต่หันมามองความผิดของตัวเองมากขึ้น
พยายามทำตามที่ท่านอาจารย์สอน คือ
นำศีลมาจับ ว่าถ้าเราคิดและทำตามความคิดของเรา
มันผิดศีลไหม และผมไม่อยากตกนรกด้วย
เพราะตกครั้งหนึ่งต้องทรมานนับล้านปี
คนเราส่วนใหญ่มักบ่นกันว่า เมื่อไรจะพ้นกรรม
พ้นความทุกข์สักที

แล้วจะพ้นได้อย่างไรในเมื่อยังมีพฤติกรรมแบบเดิม ๆ
ยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่เปลี่ยนกรรมของตน

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์และครอบครัวเป็นอย่างสูง

ที่เมตตาสอนลูกหลานกลับตัวกลับใจ ละชั่ว ทำดี เป็นคนดี
มาช่วยกันรักษาศีล ศีลห้านำความสุขมาให้ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 01:04:30


ความคิดเห็นที่ 199 (1640345)

 บ้านสวนพีระมิดจุดเปลี่ยนแห่งชีวิต

                  อภิชัย  ภิรมย์รักษ์

เปิดเผยตัวตน 

ผมชื่อ นายอภิชัย  ภิรมย์รักษ์  เป็นอาจารย์สอนศิลปะที่ภาควิชาศิลปไทย  คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์  มหาวิทยาลัยศิลปากร   ยามว่างก็ทำงานศิลปะส่วนตัว  ชีวิตครอบครัวสมรสกับนางอาจินต์  ภิรมย์รักษ์ มีลูก ๓ คน ผู้ชาย ๒ คน ผู้หญิง ๑ คน  ชื่อณัฐ วินท์ และ บัว ชีวิตครอบครัวมีทุกข์มีสุขบ้าง โดยรวมๆก็มีความสุขดีครับ

รู้จักศีลแต่ทำไม่ได้

ชีวิตที่ผ่านมาเคยผิดศีลทุกข้อมากบ้างน้อยบ้างรู้ทุกข้อครับแต่ปฏิบัติไม่ได้    เคยทรมานสัตว์และฆ่าสัตว์ เช่น เคยใช้ไม้ตีงูจนตาย เคยดักและฆ่าหนูด้วยกาวและตี  ขับรถทับไก่  ทับสุนัข  ดักนกกระจอกเพื่อเอาไปทอดกินและกักขังจนเสียชีวิตหลายสิบตัว  ปิดประตูหนีบจิ้งจก  ชอบกระทืบแมลงสาบเมื่อก่อนเห็นไม่ได้เป็นต้องทืบ( บาปนี้คงเป็นสาเหตุอีกอย่างที่เกิดกับเท้าด้วย )  ฆ่ามด ปลวก แมลงวัน แมลงต่างๆ  ทำให้ผิวหนังมีอาการแพ้และคันบ่อยมาก ไม่เคยฆ่าคนในชาตินี้แต่ชาติที่แล้วไม่ทราบเหมือนกันครับ

โรคเวรโรคกรรม

เมื่อสามปีก่อนผมเคยมีปัญหาเรื่อง หมอนรองกระดูกทับเส้นปราสาทขา  คนที่เคยเป็นโรคนี้ถือได้ว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมจริงๆครับในสายตาของคนที่เป็น  เพราะมันจะปวดเส้นปราสาทอยู่ลึกๆ ข้างในและทรมานมากไม่สามารถจะนอนหลับได้สนิท  เพราะจะสะดุ้งตื่นอยู่เกือบตลอดเวลาผมหน้าตาเหมือนหมีแพนด้าเลยครับ  ขอบตาโบ๋ดำ เดินกระโหยกกระเหยก  เซไปเซมานอนไม่เต็มที่  พอๆกับตอนที่ลูกๆยังเล็กๆ ต้องลุงขึ้นมาชงนมให้ลูกทุกๆชั่วโมง  ผมไม่สามารถจะนอนหลับได้ บางครั้งต้องลุกขึ้นมานั่งเอาหลังชนผนังแล้วพยายามทำสมาธิจนหลับกันไป  เมื่อมานึกถึงสาเหตุก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยตีงูตัวหนึ่งจนตาย  ยิ่งเมื่อได้มาทราบจาก อ.อุบลว่างูเป็นบริวารของพญานาคด้วยแล้วก็เหมือนกับเรา ได้ล่วงละเมิดท่านท้าวจตุโลกบาลด้วยเช่นกัน  หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน  ตอนนี้ดี้ขึ้นมากแล้วมีอาการหลงเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย แปล๊บๆ ตอนอากาศหนาวๆ จะปวดเส้นประสาท

เรื่องของ เงิน ปัญหาที่อยู่คู่กับคนชอบขโมย

เงิน ตัวเดียวที่ยังเป็นปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขได้และมีปัญหามาตลอด  ยังขาดสภาพคล่อง และมีหนี้สินจากการกู้ธนาคารผ่อนบ้าน  และเป็นหนี้บัตรเครดิต ผมมีรายได้บางส่วนจากการขายผลงานศิลปะส่วนตัวที่ทำ  ถึงแม้ผมและภรรยาจะมีเงินเดือนประจำ แต่สภาวะการเงินในครอบครัว ชักหน้าไม่ถึงหลัง  บางครั้งมีเงินเข้ามาเป็นก้อนแต่ก็อยู่ได้ไม่นานเหมือนเป็นเงินร้อน  ต้องมีเรื่องให้ต้องเอาไปจ่ายโน่นนี่นั่น และใช้หนี้ทีละมากๆเสมอ แต่หนี้ก็ไม่ค่อยจะลดลง  บางครั้งพอกพูนมากกว่าเดิมเสียอีก  นึกถึงคำสอนของอาจารย์อุบลเสมอว่า ผู้ที่มีปัญหาการเงินจะต้องเคยทำผิดศีลข้อ ๒ คือการลักขโมยของผู้อื่นมา  จึงนึกถึงผลกรรมที่ตัวเองเคยทำในสมัยเด็กได้ว่า  ตอนเด็กๆชอบขโมยเงินพ่อแม่และญาติพี่น้องเพื่อไปซื้อของที่ตนเองชอบ เช่น ขนม ดินสอและสีเขียนรูป  ถูกพ่อจับได้ตีด้วยเข็มขัดและสายแป๊บน้ำ จนถูกไล่ออกจากบ้าน   เข็ดไปนานเลยแหละครับ  ถ้าจะว่าไป การขโมยเงินพ่อแม่ก็คงจะบาปหนักเหมือนกัน  จากนั้นผมแก้ไขปรับปรุงตัวเอง โดยการไปซื้อขนมมาบ้าง ทำหวานเย็นขายบ้าง  พับถุงกระดาษขายบ้าง  แล้วเก็บกำไรที่ได้ไว้ใช้จ่ายของส่วนตัวที่อยากได้  โตขึ้นหน่อยก็ไปทำงานรับจ้างส่งน้ำแข็งบดน้ำแข็งกั๊กตามตลาด ได้วันละยี่สิบบาท  วันแรกที่ได้รับเงินยี่สิบบาทจากน้ำพักน้ำแรงดีใจมาก  แต่พอกลับมาถึงบ้านเงินหายครับหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ตอนนั้นคิดไม่ออกว่าทำไมเงินหาย  ตอนนี้รู้แล้วครับว่าเป็นผลจากการที่เราเคยขโมยเงินคนอื่น เคยนำวัสดุอุปกรณ์คุรุภัณฑ์ของราชการมาใช้ส่วนตัว เท่าที่นึกได้ก็มากหลายครั้งหลายครา  แต่ผมคิดว่าไอ้นิสัยขี้ขโมยมันคงติดมาจากชาติที่แล้วด้วยแหละจึงมีพฤติกรรมแบบนี้ติดมา  และคงจะขโมยอะไรมาเยอะจึงมีปัญหาการเงินที่แก้ไม่หมดสักที

ผิดที่สายตาชอบของสวยๆงามๆ

กาเมมีบ้างเหมือนกันแต่ไม่มาก สมัยวัยรุ่นเนื้อหอมเป็นนักกีฬา  มีแฟนบ้างนิดหน่อยไม่กี่คน  แต่จะจีบทีละคน  ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตนเอง  นี่ขนาดมีภรรยาตัวเล็กๆ คนเดียวก็ดูแลกันไม่ไหวแล้วครับ  ถ้าเรามีความรับผิดชอบเราก็ต้องดูแลเค้าให้มีความสุขและดีที่สุด  ความผิดอื่นก็อาจจะใช้สายตาแทะโลมความงามของสาวๆบ้าง ดูหนังสือโป๊ และเว๊ปโป๊  แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ สายตายังชอบดูผู้หญิงที่สวยๆ ตามนิสัยของศิลปินครับ ยังติดอยู่ที่กิเลสและราคะ   แต่ตอนนี้ปลงได้มากแล้วครับเหลือเพียงเบาบาง  แต่คงจะไม่หมดขอไว้นิดหนึ่งครับ  สายตาตอนนี้ทั้งยาวและเอียงเพราะชอบดูแต่สาวๆ

ขวานผ่าซาก

มุสาผิดบ่อยมากถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมาก  แต่ก็เป็นคนพูดจาขวานผ่าซากประจำ  พูดตรงเกินไปจนทำให้ใครต่อใครเจ็บช้ำน้ำใจ  บ่อยครั้งที่ทำให้คนใกล้ตัวต้องเสียใจจากการพูด  เป็นคนโมโหง่าย    ชอบเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวไม่พอใจใครก็เก็บไว้นานจนทำให้เครียด  หงุดหงิดง่าย    

ศิลปินกับเหล้าของคู่กัน

พูดถึงประสบการณ์ในการเป็นนักดื่มก็หนักเอาการเหมือนกัน  เพราะในแวดวงคนทำงานศิลปะจะดื่มกันหนักมาก ผมเคยดื่มมาแล้วทุกชนิดไม่มีละเว้นไม่ว่าจะเป็นของไทยหรือต่างประเทศ แม้เหล้าเถื่อนทำเองก็ไม่เว้น  ดื่มกันทีขวดกองเป็นภูเขา  ผมเคยดื่มเบียร์ต่อเนื่องกันเป็นอาทิตย์จนตัวเหม็นไปหมดกลิ่นจะออกมาทางเหงื่อ ทางฉี่ ใช้เวลาเป็นเดือนกว่ากลิ่นจะหมด  ดื่มอย่างเดียวแต่ไม่สูบบุหรี่  เลิกดื่มมาได้สิบกว่าปีแล้วครับ

จุดเปลี่ยนในชีวิต

ผมรู้จักบ้านสวนพีระมิด โดยการแนะนำของภรรยาที่ดูเวปไซต์บ้านสวนฯ และมาทำบุญที่บ้านสวนฯหลายครั้ง ในตอนแรกผมไม่สนใจ ไม่เชื่อ ไม่คิดว่าสิ่งที่เค้าเล่ามาจะมีใครทำได้  ปาฏิหารย์คงไม่มีจริงหรอกในยุคนี้ เป็นเรื่องที่คิดไปเอง  เพราะไม่เคยเห็นกับตา  แต่ก็ไม่ขัดใจเค้านะเป็นความสุขก็ตามใจเค้าแต่จะให้ผมเชื่อเลยโดยไม่มีข้อสงสัยเลยคงจะยาก  แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ได้มีโอกาสเข้ามาบ้านสวนพีระมิด สองครั้งแรกเป็นการไปรับภรรยาและลูก  และในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕  วันสงกรานต์ผมก็ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมกิจกรรม ที่บ้านสวนพีระมิดทั้งวันทั้งคืนแม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ ๒ คืน ๓ วัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น     ได้ยินท่านอ.อุบลสอนธรรมะก็สามารถเข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน ได้เรียนรู้งานหลายอย่าง  ได้ลงมือกระทำโดยใช้แรงกายด้วยตนเอง  ได้พูดขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์  และพูดธรรมทานถึงการผิดศีลของตัวเอง ทำให้มีความเข้าใจอะไรในชีวิตขึ้นอีกมาก    กลับไปจึงรีบดูคลิปให้ครบ ๙ ตอนเพื่อที่จะได้มีโอกาสเข้ามาร่วมกิจกรรมโดยไม่ผิดเงื่อนไขของบ้านสวน  ต้องขอบคุณภรรยาที่เป็นสะพานบุญให้ได้พบกับอาจารย์อุบลและบ้านสวนพีระมิด

ความผิดขั้น อนันตริยกรรม

ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ที่ให้โอกาสผมได้ขอขมากรรมและสารภาพบาป ที่ได้ล่วงเกินต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   โดยผมไม่ทราบมาก่อนว่าสิ่งที่ได้กระทำลงไปเป็นบาปที่ร้ายแรงมากๆ ถึงขั้น อนันตริยกรรม   สิ่งที่ผมได้กระทำลงไปเกิดขึ้นเมื่อปี๒๕๓๐ คือ ผมได้มีโอกาสไปเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน  ประเทศอังกฤษ ร่วมกับ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์และอาจารย์ปัญญา     วิจินธนสาร  ในการเขียนจิตรกรรมฝาผนัง จะต้องปีนขึ้นลงไปบนนั่งร้านสูงๆ และไม่ได้กราบขอขมาต่อสิ่งศักดิ์  โดยเฉพาะหลวงพ่อดำซึ่งเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถ  ตลอดระยะเวลา ๑ ปี ที่ใช้พระอุโบสถเป็นที่ทำงานและพักผ่อนนอนหลับ เหมือนอยู่ที่บ้านจึงเกิดความเคยชิน ทำให้ละเลยต่อการปฎิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ขาดความเคารพยำเกรงต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

เท้าบวมเหมือนเท้าช้าง

จากการกระทำดังที่กล่าวมา ทำให้ผมมีอาการเท้าบวมทั้งสองข้างตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน โดยไม่ทราบสาเหตุไม่มีอาการเจ็บปวด  แต่มีอาการตึงๆหน่วงๆ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย    เป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ  ๒๐ กว่าปี  หาวิธีรักษาอย่างไรก็ไร้ผล   และในวันสงกรานต์ผมได้รับโอกาสจากท่านอาจารย์อุบล  ให้ขอขมากรรมและสารภาพบาป ต่อสมเด็จพระพุทธปฐมบรมธรรมบิดาพระบรมศาสดา  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์    และเมื่อได้ขอขมาสาเหตุการตึงที่เท้าจึงดีขึ้นตามลำดับ เหลือแต่อาการบวมเพียงอย่างเดียว  และที่สำคัญที่สุดคือผลกรรมที่ติดค้างอยู่ในใจเป็นเวลานานหายไปโดยทันที   ผมได้ทำบาปต่อพระพุทธองค์ไว้มากโดยไม่ควรจะได้รับการให้อภัย จะชดใช้อย่างไรก็คงจะไม่หมด  ผมตั้งใจด้วยความแน่วแน่นับต่อจากนี้ไปจะอุทิศแรงกาย แรงใจและสติปัญญาความสามารถที่มีอยู่เป็นพุทธบูชาเพื่อทำนุบำรุงและการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนาตลอดไป 

ได้รับอภัยโทษจากเบื้องบน 

ในวันสงกรานต์อาจารย์อุบลแจ้งให้ผมทราบว่า ผมได้รับมอบหมายงานจากเบื้องบน ให้ทำหน้าที่ในการรับผิดชอบการสร้างสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา  ได้ฟังแล้วทั้งตกใจระคนกับดีใจบอกไม่ถูก  ตกใจคือไม่เคยปั้นอะไรที่สูงขนาด ๑๐ เมตรมาก่อนโดยเฉพาะการปั้นพระพุทธรูปเป็นครั้งแรก  และเคยตั้งใจว่าถ้าถือศีลไม่บริสุทธิ์จะไม่ปั้นพระ  เมื่อได้รับโจทย์แบบนี้จึงตกใจ  ไม่แน่ใจว่าศีลของตนเองจะบริสุทธิ์พอหรือยัง  ดีใจเพราะไม่นึกไม่ฝันว่าท่านจะไว้วางใจมอบหมายงานสำคัญขนาดนี้ให้รับผิดชอบ อึ้งไปพักหนึ่ง  แต่ผมก็ได้รับการยืนยันจากท่านอาจารย์อุบลว่าไม่ต้องกังวล  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะมาช่วยดลจิตดลใจให้เราคิดได้ ทำได้  จึงมีความมั่นใจมากขึ้น  ผมใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์สร้างสมเด็จองค์ปฐมฯ ร่วมกับพี่น้องบ้านสวน  ตลอดระยะเวลา ๖ เดือนโครงสร้างโดยรวมของท่านก็เสร็จ  เชื่อมั๊ยครับไม่ว่าจะมีปัญหาที่ยากขนาดไหนเบื้องบนท่านก็ช่วยให้พวกเราสร้างได้สำเร็จ  เป็นสมเด็จองค์ปฐมในปางประทานสัพพรรณรังสีที่งดงามไม่เหมือนที่ใด  แลในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ผมตื่นขึ้นมาพร้อมอาการไข้ปวดเมื่อยไปทั้งตัว  เมื่อมองไปที่เท้าปรากฏว่าเท้าทั้งสองแฟ๊บ  ไม่มีอาการบวมให้เห็นผิวหนังย่นเป็นเหมือนคนทั่วไป  ไม่เคยเห็นเท้าเป็นแบบนี้มานาน ๒๐ กว่าปีแล้ว  ผมคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่เบื้องบนท่านจะให้อภัยโทษ  รวมเวลาที่เท้าบวม ๒๕ ปี  สร้างพระชำระกรรม ๕ เดือนจึงจะเห็นผลครับ

สิ่งที่ได้จากบ้านสวนพีระมิด

๑. เข้าใจกฎสวรรค์  ก่อนหน้านี้ไม่กระจ่างทำไมต้องมีกฎอะไรเยอะแตอนนี้ซาบซึ้งแล้วครับ

๒.    การทำบุญด้วยแรงกายของเรา ทำให้เข้าใจเรื่องของผลกรรมที่เคยทำมา  ความเหนื่อยล้า ปวดเมื่อย ทรมานที่ได้รับ เทียบกันไม่ได้เลยกับกรรมชั่วที่เคยทำมา  ทำงานไปใช้แรงกายไปทำให้เกิดสำนึกผิดชอบชั่วดี

๓.    สร้างบุญเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

๔.   มีโอกาสได้สมาทานศีล ขอขมากรรม ขอบคุณ  และอุทิศบุญให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาท่านอาจารย์อุบล พ่อแม่ ครูอาจารย์เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ โดยได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์อุบลเป็นผู้อารธนาพระบารมี  

๕.    กรรมที่ติดตัวติดใจมาได้รับการปลดเปลื้องออกไปเมื่อได้อุทิศผลบุญแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

๖.     รู้จักกัลยาณมิตรลูกบ้านสวนเพิ่มขึ้นอีกมากมาย

๗.    ได้มีโอกาสฝึกสติ ฝึกสมาธิ ของตนเองในขณะที่ทำงาน คิดก่อนทำเกิดการยั้งคิดอยู่เสมอตลอดเวลา

๘.     ได้ทานอาหารมังสวิรัติตอนนี้เลยเลิกกินเนื้อสัตว์แล้ว

๙.    เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสสารภาพบาป และเปิดเผยความชั่วของตนให้ผู้อื่นได้รับทราบแล้วรู้สึกสบายใจ

๑๐.   มีจิตใจที่รักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะปกป้อง

๑๑.   ได้สัมผัสพระบารมีสมเด็จองค์ปฐมฯ และพระศรีอาริยเมตไตรย์

๑๒.   ได้ฝึกการทำงานเป็นทีมและฝึกความเป็นผู้นำ

๑๓.  ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ตนเองมีช่วยเหลือสังคมและดำรงไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์

๑๔.  ฝึกฝนและเตรียมความพร้อมของตนเองในหลายๆด้านสำหรับรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชัย ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 14:19:07


ความคิดเห็นที่ 200 (1640377)

          ขอเล่าธรรมทานที่ได้ไปนำบัดด้วย จี้ 3ร่มโพธิ์ศรีย์ฯ

            ข้าพเจ้า นางกันต์สินี  อัครวิชนนท์ อายู  65 ปี ข้าราชการบำนาญ(ครู) จ.สระแก้ว   ขอเล่าธรรมทานที่ได้นำไปบำบัดด้วย จี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีย์ฯ ค่ะ  

จากร้านเสริมสวยที่คุ้นเคย  ก็ได้สรวมสร้อยพร้อมจี้ ร่ม 3โ พธิ์ศรี ไป          3องค์  เข้าไปในร้าน ก็มีคนมอง  และมีลูกค้าคนหนึ่ง ชื่อคุณ สมคิด             เอกสุภาพันธุ์  จ.  สระแก้ว   อาขีพ แม่บ้าน  ได้ทักขึ้นว่า  แหม! อาจารย์   แขวนหลายองค์จัง  หลวงพ่ออะไรบ้างค่ะ  ก็เลยอธิบายให้เขาฟัง เขาก็รีบ ยกมือขึ้นไหว้   เราก็เลยได้โอกาสถามเขาว่าเจ็บป่วยเป็นอะไรกันบ้างล่ะ        จะช่วยบำบัดให้  เขาก็บอกว่า เจ็บที่สะโพกข้างซ้ายมานานเกือบปีแล้ว     แพทย์บอกว่า  เป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ก็เลยบอก  ให้เขามองจี้นี้น๊ะ!        

ทั้งหมดเลยน๊ะ  แล้วนับไป  ดีขึ้นเมื่อไรแล้วบอก  ก็ให้เขานับไปเรื่อยๆ     สุดท้ายนับได้  39  ก็ยกมือขึ้น ก็เลยถามว่าดีขึ้นเหรอ   หายแล้ว ลองลุก       ขึ้นเดินซิ  เขาก็  บอกว่าหายแล้ว  หายจริงๆ น๊ะ เขาก็รับปากว่าหายจริง ๆ      ไม่สงสัยหรือว่าทำไมถึงหาย  ก็เลยอธิบายให้เขาฟัง    แล้วก็ให้เขา      ขอบคุณ  บารมีพระศรีอาริย์ฯ ที่ท่านอ.อุบลฯ เป็นผู้ อัญเชิญมา                  และเทวดาที่ดูแลรักษาท่านอ.อุบลฯ  สิ่งศักสิทธิ์ทั่วจักรวาลและอนันต  จักรวาล และท่านอ.อุบลฯ! หลังจากนั้นก็แจกแผ่นพับ รหัสจักรวาล     อาจารย์อุบลฯ    ช่วยด้วย    พร้อมทั้งเน้นย้ำการใช้และการรักษาศิล5    การรับประทานมังสวิรัติ   จากตัวเองเป็นตัวอย่างอย่างเคร่งครัดไปด้วย.

                                     ******************************

     ประสบการณ์ตรงจากบารมีพระศรีอาริย์

        ที่อยากจะเล่าคือ   เมื่อ 2-3  อาทิตย์ที่ผ่านมา  ท่านอาจารย์อุบล          

 ศุภาเดชาภรณ์   ให้พวกเราได้เข้าร่วมกิจกรรมกันแล้วบอกว่า  ใครมีปัญหา

อะไรที่จะขอรับการบำบัดก็ให้เขียนลงไป   ในส่วนตัวเองนั้นขณะนี้มี2อย่างค่ะ

ที่ได้รับความเมตตา

    เรื่องแรก   คือมีอาการปัสสาวะตอนกลางคืน (กลางดึก) ซึ่งขณะที่ผู้คนเขา

นอนหลับกัน    ใครๆก็คิดว่า   เป็นความปกติของผู้สูงวัย   จะต้องมีปัสสาวะ

ตอนกลางดึก   ค่ะ! ในตอนแรกก็คิดเหมือนคนอื่นเหมือนกัน  ก็เลยอดทน มา

ตั้ง  4-5ปี   จนมาประสบโอกาสได้ ขอความเมตตาจากบารมีของพระศรีอาริย์ฯ

ที่ท่านอ.อุบลฯเป็นผู้อัญเชิญมา  ในที่สุดก็ได้ผล    ตอนนี้ไม่ปวดปัสสาวะตอนกลางดึกอีกเลยค่ะ! 

        เรื่องที่2  เรื่องที่ขอบำบัด    คือ ขอให้มีผิวหน้าที่ขาวใส  กว่าเดิม  ซึ่งก่อน       ที่จะขอรับการบำบัด  ก็ให้เพื่อน ร่วมทีม เป็น ผู้เช็คให้  และเมื่อเสร็จจากการทำกิจกรรมแล้วก็ได้ผล  70  %จริงๆค่ะ/

        ลูกต้องขอกราบขอบพระคุณบารมีจากพระศรีอาริย์ฯที่ท่านอ.อุบลฯ เป็นผู้อัญเชิญมาและเทวดาที่ดูแลรักษาอ.อุบลฯและท่านอ.อุบลฯอย่างมากที่สุดเลยค่ะ

                            ***********************

      ขอเน้นย้ำ    รหัสจักรวาล อาจารย์ อุบลช่วยด้วย เป็นรหัสลับจักรวาล  

ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   องค์พระปฐมบรมธรรมะบิดา ทรงมีเมตตา

ประทานแก่ลูกหลานทุกๆคน  ไม่ว่าเชื้อชาติใดและศาสนาใด  ก็ใช้ได้ผลหมด    แต่ต้องมีความศัทธาอย่างจริงใจเท่านั้นจึงจะใช้ได้ผล/

        รหัส   “อาจารย์อุบล  ช่วยด้วย “

      ใช้ได้ในกรณีใดบ้าง    ใช้ได้ทุกกรณี  ที่มีทุกข์  มีปัญหาทุกเรื่องทุก สถานที่  ไม่ว่าปวดหัวตัวร้อน  ปํญหา  สุขภาพ    การงาน  การเงิน บาดเจ็บ        นอนไม่หลับ  การเดินทางและอื่นๆอีกมากมาย   

     ยกเว้น    การกระทำที่ผิด  ศิล5 ทุกชนิด  เช่นเล่นการพนันทุกรูปแบบ       เลขเบอร์ต่างๆจะใช้ไม่ได้ผล

       วิธีใช้รหัส  ให้อฐิษฐานจิตพูด  ว่า  อาจารย์อุบลฯช่วยด้วย  ขอให้ช่วยเรื่อง...............เมื่อเสร็จแล้วต้องรู้จักขอบคุณ  เทวดาที่ดูแลรักษาอ.อุบลและ         ท่านอ.อุบลฯ ทุกครั้ง/

     ถ้าไม่   บอกต่อ   จะใช้ได้   ไม่เกิน 3  ครั้ง หมายถึง  การเล่าเรื่องราว         ที่เราขอให้ช่วยแล้วได้เป็นผลสำเร็จ/

       เมื่อเสร็จแล้ว   ต้องขอบคุณเทวดาที่ดูแลรักษาอ.อุบลฯและท่าน     อ.อุบลฯทุกครั้ง/

                             **********************************

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 17:38:05



<< ก่อนหน้า 1 [2] 3 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.