ReadyPlanet.com


ขอเชิญร่วมสร้างสุดยอดธรรมทาน ปลดล็อคทุกปัญหา เรื่อง"ปรามาสอาจารย์อุบล แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"


ช่วงนี้ลูกบ้านสวนฯหลายๆท่านเริ่มได้รับอานิสงค์กันมากมายและเห็นชัดเป็นรูปธรรม ตั้งแต่เริ่มทำบุญธรรมทานรูปแบบใหม่ซึ่งท่านอาจารย์อุบลได้เมตตาบอกมาเมื่อเร็วๆนี้

ตอนนี้ผมก็ขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่าน ร่วมสร้างสุดยอดธรรมทาน เพื่อปลดล็อคปัญหา อุปสรรคต่างๆในชีวิตของทุกท่าน ในคลี่คลาย พบหนทางสว่าง ในชีวิตอย่างรวดเร็วที่สุด

ในหัวข้อ

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด

แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ท่านใดที่เคยปรามาสท่านอาจารย์อุบล ทั้งความคิด การพูด การกระทำ หรือมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ และท่านได้รับผลกรรมเช่นไร หรือว่าเราเคยพบเห็นบุคคลที่เคยปรามาสและได้รับผลกรรมเช่นไร ก็เชิญเขียนระบุข้อมูลให้ชัดเจนครับ

ธรรมทานมีค่าเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นเล่มเพื่อแจกเป็นธรรมทานแก่ญาติธรรมทั้งหลายที่มาสร้างบุญที่บ้านสวนพีระมิด และผู้ที่สนใจทั่วไป

อ้อ การเขียนนั้น ขอให้ท่านเขียนชื่อ สกุล การศึกษา เช่น ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ตำแหน่งหน้าที่การงาน จังหวัดที่ท่านอยู่ ให้ชัดเจนด้วยนะครับ

ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกๆท่านด้วยครับ สาธุ

 



ผู้ตั้งกระทู้ ธนา อรุณภิญโญพล กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-11-13 00:37:00


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1640038)

ชื่อ นางมยุรฉัตร สุดจิตต์

จบการศึกษา ปริญญาตรี บริหารธุรกิจการบัญชี มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ

อาชีพรับราชการ ตำแหน่งนักตรวจสอบภาษีชำนาญการ 

สำนักงานสรรพากรพื้นที่กาญจนบุรี  จังหวัดกาญจนบุรี

  ดิฉันเป็นคนที่ชอบมีจิตแวบ ชอบมีจิตต่อต้าน จิตใจข้างในมักจะต่อสู้กันเองกับจิตอันชั่วร้าย บางครั้งเวลาท่านอาจารย์อุบลบอกสอนอะไรมักจะมีจิตอันชั่วร้ายผุดขึ้นมาในใจว่า จริงหรือ ใช่เหรอ ทั้งที่ไม่อยากจะคิดจะต้องคอยข่มมันไว้เสมอ ดิฉันเคยดูรายการคุยไปแจกไปแล้ว มองเป้ากางเกงอาจารย์อุบล แล้วความคิดลามก มันก็ผุดขึ้นมาคราวนี้ความคิดชั่วๆ มันก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา สวดมนต์ก็ไม่หาย แผ่เมตตาก็ไม่หาย ท่องนะโมก็ไม่หาย คราวนี้มันไม่ยอมหยุดเลยค่ะ

ผลกรรมที่ได้รับ จิตใจเร่าร้อน อกแทบระเบิด จิตใจมันต่อสู้กันเอง มันเครียดมาก นอนก็ไม่หลับเหมือน จิตชั่วมันคอยหลอกหลอนตลอดเวลาเหมือนคนเป็นโรคประสาท เป็นโรคจิต ทำอะไรก็ไม่ดี มีปัญหาตลอด มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน กับผู้บังคับบัญชา ทำอะไรก็ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

สำนึกผิดได้เมื่อได้รับทุกข์หนักโดยเฉพาะทุกทางใจ พอได้ดูรายการคุยไปแจกไปจำได้ว่าท่านอาจารย์สอนเรื่องศาสดาที่ใครๆ ก็ทักท้วง ไม่ได้ใครปรามาสจะได้รับเคราะห์กรรม และท่านอาจารย์อุบลคือก็ครูอาจารย์ที่ใครๆ ก็ทักท้วงไม่ได้เหมือนกัน และตัวเองปรามาสเองก็เจอกับตัวเองได้รับเคราะห์กรรมเอง

แนวทางแก้ไข มาที่บ้านสวนพีระมิด กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล และได้รับความเมตาจากท่านอาจารย์อุบล ได้สอนว่าเคยเป็นสาวกพระเทวทัต และคนที่จิตคิดลามก หมกหมุ้น ให้อุทิศบุญให้พระเทวทัตและขอลาออกจากการเป็นสาวกพระเทวทัต

เมื่อได้กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล และทำตามคำสอนท่านอาจารย์

รู้สึกโล่งเบาสบาย และจิตแวบจิตไม่ดีก็หายไป นอนหลับสบาย ทำอะไรก็ง่ายขึ้นไม่ติดขุัด ผู้บังคับบัญชาเพื่อนร่วมงานก็มองในแง่ที่ดีขึ้น และไดรับความร่วมมือเป็นอย่างดี การเงินที่เคยติดขัดก็เริ่มดีขึ้น ชีวิตมีความสุขขึ้นมาก

 

 

เคยปรามาสท่านอาจารย์อุบล ปรามาสเรื่องเครื่องสบู่พาเมล่า และเครื่องสำอางค์พาเมลา ดูรายการคุยแจกไปครั้งแรกก็รีบไปซื้อสบู่มาใช้ อยากให้สิวหาย แต่ไม่ได้ศึกษาคู่มือหนีกรรมผิวพรรณเลย พอใช้ครั้งแรกก็รู้สึกดีหน้านุ่ม แต่สิวก็ไม่ยุบ ก็ยังมีสิวขึ้นก็คิดในใจว่าสบู่ของอาจารย์ดีจริงหรือปล่าวนะ

ผลกรรมที่ได้รับ หน้ามีสิวอักเสบเฮ่อขึ้นเต็มหน้าและเม็ดใหญ่กว่าเดิม

มาสำนึกผิดได้ เมื่อมารู้ภายหลังว่าคนจะใช้เครื่องสำอางค์พาเมลา ต้องอ่านคู่มือหนีกรรม 9 จบถึงใช้เครื่องสำอางค์นี้ได้

แนวทางแก้ไข มาอ่านคู่มือหนีกรรมให้ครบ 9 จบ ได้คราวนี้ก็ทำให้ถูกต้อง รู้สึกสิวอักเสบเม็ดใหญ่ ๆ ยุบอย่างรวดเร็วค่ะ

หนูขอกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบลอีกครั้งค่ะ ที่โง่เขลาเบาปัญญา ปรามาสท่านอาจารย์ค่ะ และหนูขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล และครอบครัวค่ะ ที่ได้เมตตาให้อภัยลูกหลานเสมอ และเมตตาชี้ทางสว่างนำทางชีวิตหนูและครอบครัวของหนูค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 09:46:57


ความคิดเห็นที่ 2 (1640041)

 ข้าพเจ้า น.ส.ศิริพร โฉมจันทร์  (ตุ้ย) อายุ 34 ปี

ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ
 อาชีพ พนักงานบริษัท
ตำแหน่งพนักงานขาย จ.นนทบุรี
 
 

เรื่องของตุ้ยก็มีอยู่ว่า ตอนนั้นได้รู้จักบ้านสวนใหม่ๆ
ได้เข้ามาสร้างบุญ และในขณะที่ท่าน
อ.อุบลกำลังบรรยายอยู่นั้น
ตุ้ยเองก็ได้สาระแน
เอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวีดิโอไว้
ด้วยคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เราไปที่ไหน
เห็นน่าสนใจ ก็ถ่ายเก็บเอาไว้ ทำเป็นประจำ
จนติดเป็นสันดาน สันดานอวดฉลาด
คิดว่าทำแบบนี้เราฉลาด
แต่หาได้ฉุกคิดไม่ว่า
การมาที่นี่ ซึ่งเป็นบ้านส่วนตัวของท่าน อ.อุบล
การที่จะถ่าย จะอัดอะไร
หรือทำอะไร ก็ควรต้องขออนุญาติ
ต้องถาม อย่าละเมิดผู้อื่น
โดยเอานิสัยแย่ๆ ที่เคยทำมาใช้
และเหมาเอาว่าที่นี่ก็คงจะละเมิดได้
และเมื่อตัวเองได้ถ่ายไปแล้ว ท่าน อ.อุบล เห็น
ท่านจึงได้บอกว่า ถ่ายไปน่ะ
จะเอาไปแบล็กเมล์หรือเปล่า
(ประมาณนี้นะคะ)
 
 
ตุ้ยเลยรีบบอกท่านไปว่า
อ่อ หนูเก็บไว้ดูเองค่ะ
เมื่อพูดจบตัวเองก็จิตตก
และเศร้าหมองตลอด
เฝ้าย้ำคิดย้ำทำแต่ว่า ทำไม
อาจารย์ท่านถึงคิดกับเราแบบนี้
เราไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่ 
และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ตุ้ยก็รู้สึกปวดขา ปวดหัว
โดยเฉพาะขาซ้าย ปวดมากจนแทบทนไม่ได้
ต้องนั่งกระสับกระส่าย
อยู่อย่างนั้นตลอด ร่างกายซีกซ้าย ตั้งแต่ศีรษะลงมา
ปวดมาก เหมือนใครเอาอะไรมาทุบตลอดเวลา
ตุ้ยนั่งทนทรมานอยู่เป็นชั่วโมง อุทิศบุญเท่าไรก็ไม่หาย
และก็ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้

จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไป หลายเดือน
จึงมีพี่คนหนึ่งพูดเรื่องแอบถ่ายรูป
โดยไม่ได้ขออนุญาติ
ปรากฎว่ารูปเสียหมด เมมโมรี่แกพังใช้ไม่ได้เลย
เราก็เลยถึงบางอ้อเลยค่ะ 
ว่าที่ตอนนั้นเราเป็น ก็คงเหตุการณ์เดียวกัน
แต่ของเราหนักหน่อย
ตรงที่คิดปรามาสท่านอาจารย์ด้วย
คิดว่าท่านทำไมคิดกับเราอย่างนี้
เราไม่มีวันแบล็คเมย์ท่านหรอก
ทำไมท่านไม่รู้ความคิดของเราเลย
คือเรียกว่าคิดตำหนิท่าน
แต่ไม่ได้ย้อนมองดูตัวเองเลยว่า
ถึงแม้คุณจะไม่ได้เอาไปเผยแพร่ที่ไหน 
แต่คุณมั่นใจได้อย่างไรว่า คลิปที่ถ่ายไป
อาจรั่วไหล เล็ดลอดไป โดยเราอาจเผลอเรอเอง 
อาจไปให้เพื่อนดู เพื่อนเซฟเก็บไว้ หลากหลายเหตุผล
เราคิดไม่ได้ คิดแต่จะโทษคนอื่น
ผลกรรมจึงเกิดแบบฉับพลันทัน และทุกข์ทรมานมาก
และเป็นมานานหลายเดือน เวลามาบ้านสวนที
ก็จะปวดหัว แต่อาการปวดขา
หายไปเป็นเฉพาะวันแรกที่ปรามาส

****************************

เรื่องที่สอง ได้ละเมิดในเขตหวงห้าม
คือเดินลงบันได ที่เขาเขียนห้ามผ่าน
แต่ตุ้ยก็ได้ละเมิดแบบหน้าด้านๆ เดินลง
เพราะคิดเองว่า สะดวกดี ไม่ต้องปีนป่ายบันได้ลิง
ทั้งๆ ที่มีป้ายเขียนไว้ และได้เดินลง
ซึ่งระหว่างทางที่เดินลงนั้น ก็มีทั้งพีระมิดจำลอง
สิ่งของต่างๆ ที่เป็นส่วนตัว มีค่า
ระหว่างทางที่เดินก็ฉุกคิดแล้วว่านี่เป็นที่หวงห้าม
แต่ก็ยังเดินต่อไป เมื่อลงไปก็เจอครบเลยค่ะ
ทั้งท่าน อ.อุบล อ.มงคล และพี่ธนา
อ.มงคลท่านพูดว่า ทำไมเดินลงตรงนี้
หนูเองรู้สึกเลยค่ะ ว่าเราผิดพลาดแล้ว
เรียกว่าไม่มีข้อโต้แย้ง ทำแบบนี้ได้
แสดงว่าต้องเป็นคนที่ชาชินกับการละเมิดมาก
ถึงได้ทำแบบนี้
และหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป
ตุ้ยก็เริ่มมีอาการเหมือนภูมิแพ้ผื่นสัมผัส
คืออยู่ดีๆ ก็จะคันและเกา พอเกาจะเป็นผื่นขึ้นมาน่ากลัว
พอขึ้นผื่นไม่เกิน 10 นาที ก็หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซึ่งปกติจะไม่เป็นแบบนี้ คือถ้าคันก็เกา แต่ไม่มีผื่นขึ้นค่ะ
 
 
 
และก็มีจิตคิดแว๊บ คือมีช่วงหนึ่งที่เข้าเฟสปลอม
และเห็นคำพูด และภาพบางภาพ
ที่ทำล้อเลียนท่านอาจารย์อุบล
ตัวเองก็จำภาพนั้นได้
และบางทีก็มีจิตคิดแว๊บถึงภาพเหล่านั้น
ที่เป็นภาพลามก หยาบคาย
ซึ่งเราพยายามห้ามความคิดแล้ว 
แต่ก็ยังแว๊บนึกขึ้นมา (คงเพราะเคยผิดศีลข้อ 3-4 มาเยอะ)
และก็เคยมีจิตคิดแว๊บในทางต่ำว่า
ท่าน อ.อุบล ท่านยังมีชีวิตแบบสามีภรรยาหรือไม่
ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะคิดแบบนี้เลย
แต่เหมือนเราบังคับความคิดไม่ได้ สั่งตัวเองให้หยุดคิด 
แต่มันคิดไปแล้ว สร้างความทุกข์ทรมานในใจมาก
 
 
ผลก็คือทำให้คัน โดยเฉพาะตรงนั้นเลยค่ะ
คิดเรื่องเพศ ก็คันตรงนั้นเลย เห็นกันชัดๆ
 ไหนจะคันที่ศีรษะอีก เรียกว่าเล่นของสูง
ขี้กลากก็กินกบาล แถมเกาก็มีรังแคร่วงด้วย
 รักษา ใช้แชมพูอะไรก็ไม่หาย
จนเมื่ือรู้กรรม และขอขมาต่อองค์จี้ อาการจึงดีขึ้นมาก
แต่ถ้าเมื่อไรมีจิตคิดแว๊บในทางชั่วอีก
รังแค และอาการคัน ก็จะกลับมาอีก
 

ตุ้ยมาคิดได้ว่านี่คงเป็นผลจากการการละเมิด
ผู้ทรงศีล ทรงธรรม โดยเฉพาะกับท่าน อ.อุบล
ผู้บริสุทธิ์ ที่ใครก็ไม่สามารถท้วงติง หรือปรามาสได้
(ซึ่งก็มีอยู่ในพระไตรปิฏก ได้กล่าวไว้)
เพราะผลที่ได้รับ สำหรับตุ้ยนี่คือสถานเบาแล้วนะคะ
ซ้ำการล่วงเกิน ละเมิด นี้ ยังผิดศีล ข้อ 2 ลักทรัพย์ด้วย
แล้วยิ่งถ้าเราทำมากกว่านี้ ยิ่งเจตนา หรือตั้งใจทำ
มิต้องประสบเคราะห์กรรมจนปางตายเลยหรือ
แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้วค่ะ อย่าเสี่ยงทำกันเลยนะคะ

**********************************************

รายการคุยไปแจกไป  ออกอากาศ 5 มิถุนายน 2554 
ตอน "ปาฏิหาริย์ 3 อย่าง และ ศาสดาอันใครๆทักท้วงไม่ได้ กับปรากฎการณ์บ้านสวนพีระมิด" 

http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539168089&Ntype=2
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 10:05:38


ความคิดเห็นที่ 3 (1640043)

ชื่อนางบุญภิบาล  คงเขียว

จบการศึกษา  ปริญญาตรีการบริหารการศึกษา

อาชีพ  แม่บ้าน

ดิฉันเคยปรามาสท่านอาจารย์อุบลหลายครั้ง เช่น ใส่เสื้อรัดรูปบ้าง  จิตแวปไม่ดีกับท่านอาจารย์บ้างละ  จู่ๆ ความคิดมันผุดขึ้นมาเองยังลามถึงครอบครัวท่านอาจารย์ห้ามใจไม่ได้ แต่ก็ดึงสติกลับมาทุกครั้งไม่ให้ถลำไปลึกมากกว่านี้   แล้วได้ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระศรีอารย์ที่ท่านอาจารย์อุบลเชิญมาโปรดบังคับกระแสจิตให้ลูก  คิด  พูด  ทำดี    ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าค่ะ

ผลกรรม คือ ตัวเองถูกรถชน รถล้ม  ปวดหัว  และข้าวของในบ้านเสียหาย   รถเสียทั้งสองคันในเวลาเดียวกัน  เช่น ก็อกน้ำพัง   หลอดไฟเสีย  การเงินจะออกมากกว่ารายรับ  แม้แต่สุนัขที่บ้านกัดกันหูขาดทำให้ต้องเสียเงิน  รวมแล้วเป็นเงินประมาณเกือบ 60,000  บาท ในเวลาเดือนเดียวเท่านั้นจึงได้นั่งทบทวนตัวเอง  จึงได้ขอขมาแล้วดับเหตุ

ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาโปรดเมตตางดโทษให้ลูกด้วยเถิดพระพุทธเจ้าค่ะ

กราบพระบาทพระพุทธเจ้าค่ะ

กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 10:08:42


ความคิดเห็นที่ 4 (1640048)

ป๊าดดดด...ยิ่งอ่านยิ่งรู้เลยว่าธรรมทานชุดนี้มีค่ามาก และยิ่งควรเร่งเผยแพร่ให้ผู้คนที่สนใจและมาร่วมสร้างบุญที่บ้านสวนโดยด่วน

อนุโมทนาสาธุ กับทุกๆธรรมทานและทุกความเห็นด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 10:43:07


ความคิดเห็นที่ 5 (1640050)

ชื่อ พรพุทธ ศรีคุ้ม

จบการศึกษา ปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ ม.ศรีปทุม

เปิด กิจการ ค้าอะไหล่เก่ารถยนต์

เรื่องของผมคือความกตัญญู คือพ่อตาผมเคยไปให้ท่านอาจารย์ อุบล

บำบัตออกรายการในช่วง3-4เดือนก่อน ด้วยอาการปวดขา ปวดสะโพกเดินด้วยความลำบากต้องใช้ไม้เท้า สารภาพกับท่านอาจารย์ ว่าเคยหักขากบ และเคยมัดตะพาบแล้วโยนเข้ากองไฟเพื่อทำอาหาร

หลังจากนั้นก็มีอาการเรียกว่าแทบจะหายในทั้นที่เหลืออาการเดินไม่คล่องอยู่นิดๆแต่ไม่มีอาการปวด  มีอาการดีใจเป็นการใหญ่            แต่พอกลับมาถึงที่บ้าน ในตอนเช้าของอีกวัน ก็มีคนภายในบ้านถามว่าพ่อ "ขาหายปวดแล้วหรอ" พ่อตาก็ดันพูดว่า หายแล้วเพราะยาหม่องที่ลูกสาวคนโตซื้อมาให้นวด

ซึ่งจริงๆแล้วนวดมาเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังไม่หาย พอได้มาบ้านสวนมาบำบัตแล้วจึงหายในทันทีดันบอกว่าหายเพราะยาหม่อง พอเช้ารุ่งขึ้น อาการต่างๆก็กลับมาเป็นเหมือนเดินและดูว่าจะเป็นมากขึ้นเพราะ                           ความไม่กตัญญูนี้ว่ามัยครับ



 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรพุทธ ศรีคุ้ม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 10:58:46


ความคิดเห็นที่ 6 (1640080)

ชื่อนางสาวกัลยาณี  ทิมขาวประเสริฐ อายุ 26 ปี อยู่จังหวัดพิจิตร อาชีพ ว่างงาน

จบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลกคณะมนุษศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ

หนูเคยคิดปรามาสท่านอาจารย์หลายครั้งมาก มันเป็นจิตที่แว๊บเข้ามาโดยที่เราไม่ได้อยากจะคิดแต่มันมาเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวเลย อย่างเช่น คิดว่าทำไมอาจารย์แต่งตัวเซ็กซี่จัง บางครั้งเผลอมองหน้าอกอาจารย์ ก็คิดว่าหน้าอกใหญ่จัง มองสะโพกก็สะโพกอาจารย์ใหญ่จัง คิดลามกหยาบคายบ้างหล่ะ ซึ่งก็รู้ตัวว่าเป็นเพราะเราผิดศีลข้อ 3 มามากมายจริงๆ แล้วตอนที่ได้อยู่ใกล้อาจารย์มองเห็นผมชัดเจนก็คิดว่าทำไมผมอาจารย์ไม่สวยเหมือนในทีวีเลย ในทีวีผมสลวยเงางามมีดูมีน้ำหนักมาก แต่เห็นจริงๆผมอาจารย์ก็ยังชี้ฟูอยู่ เอ..หรือว่าอาจารย์จะไดร์ผมตอนที่ออกทีวี แล้วก็ลามไปถึงใบหน้าอาจารย์ว่าอาจารย์ก็ใช้พาเมล่าแต่ว่าทำไมยังมีริ้วรอยอยู่เลย ลามไปถึงคุณท็อปอีกว่าคุณท็อปเป็นลูกอาจารย์แท้ๆ ยังไงก็ต้องใช้พาเมล่าแต่ทำไมคุณท็อปถึงยังเป็นสิวอยู่เลย รู้สึกว่ามโนกรรมของตัวเองจะเยอะมากเลยค่ะ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย แล้วผลกรรมที่ตัวเองได้รับก็คือ ผมจะไม่สวย ผมแห้งแตกปลาย ไม่มีน้ำหนัก ชี้ฟู เป็นสิวบนใบหน้ามาตลอดรักษาไม่หาย และจะรู้สึกทุกข์ทรมานใจมากเวลาที่ตัวเองคิดไม่ดีกับท่านอาจารย์

หนูกราบขมาท่านอาจารย์อุบล และคุณท็อปที่หนูมีจิตคิดปรามาสท่าน ด้วยความโง่เขลาและการกระทำที่ผิดศึลมาทั้งหมดของหนู หนูขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์บารมีท่านอาจารย์อุบล โปรดช่วยบังคับกระแสจิตของหนู ให้หนูคิดแต่สิ่งที่ดีๆ ด้วยเถิด

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ <ตั๊ก> ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 14:21:04


ความคิดเห็นที่ 7 (1640085)

สวัสดีครับ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์ และได้รับผลกรรม อันเนื่องมาจาก การปรามาสท่านอาจารย์อุบล ดังเช่นท่านอื่นๆครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนน่ะครับ

ผมชื่อนายกฤษณะ สิงห์ป้อม อายุ 34 ปี จบการศึกษา ปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทโซนี่ ประเทศไทยจำกัด ตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายผลิต
เรื่องการปรามาสต่อท่านอาจารย์อุบล ของผมนั้น มีอยู่ว่า ตอนนั้นผมเพิ่งจะรู้จักบ้านสวนพีระมิด แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรมาก ว่าที่บ้านสวนพีระมิดเขาทำอะไรกัน คืออยู่ในช่วงเวลาที่กำลังศึกษาข้อมูลและกำลังดูรายการของอาจารย์ได้ไม่กี่ตอนเองครับ ในตอนที่ดูรายการของอาจารย์นั้น ก็มีความคิดแว๊ปๆเข้ามาในหัว ว่าอาจารย์อุบล แต่งตัวใส่ชุดเข้ารูปจังและแถมเซ็กซี่อีกตะหากครับ ตอนนั้นคิดสงสัยว่า เอ๊ะ ท่านสอนธรรมะ แต่ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ มันต้องใส่ชุดขาวสิ จึงจะถูก จึงจะเหมาะสม พอคิดไปแบบนั้นปุ๊ป ก็เริ่มมีอาการปวด หน่วงๆ ที่ขมับ มันเหมือนมีอะไรมาบีบๆที่ขมับ มันตึงไปหมด ทีแรกก็คิดว่า สงสัยเราคงจะเครียดกับการทำงานมั้ง แต่สังเกตุว่า ทำไมมันเป็นบ่อยจัง ทีหลังก็มาทวบทวนเหตุการณ์ต่างๆ จึงได้ทราบว่า นี่อาจเป็นเพราะว่าเราไปปรามาสและคิดไม่ดีกับอาจารย์อุบล แน่ๆเรย ผมก็เรยขอขมาท่านครับ ก็นึกและอธิฐานในใจขอขมาท่าน และต่อมา อาการที่ว่าก็หายไป นั่นมันชัวร์แล้วหละที่เราไปปรามาสท่านอาจารย์นั่นเอง แต่การปรามาสของผมนั้น ในส่วนลึกของจิตใจนั้น ไม่ได้มีเจตนาในการที่จะตั้งใจคิดแบบนั้นเรยครับ จิตมันชอบแว๊ปไปเองครับ พอผมได้เจอะตัวจริง ผมก็เข้าไปกราบขอขมาลาโทษกับท่านน่ะครับ
นี่แค่ขนาดว่าคิดในใจและ แถมไม่ได้ตั้งใจน่ะเนี่ยะ ถ้าเป็นคนประเภทที่ตั้งใจ เจตนาปรามาสท่านล่ะก็ ...ปรือ....ไม่รู้ว่า เขาจะโดนอะไรกันบ้างเนี่ยะ...คิดแล้วเสียวแทนจริงๆครับ  
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 15:07:08


ความคิดเห็นที่ 8 (1640086)

ลูกบ้านสวนพีระมิด

มีจิตที่พัฒนาขึ้นมากขอสรรเสริญ

 

เมื่อก่อน

พวกเราจะสนใจกัน

แต่เรื่อง

การกระทำทางกาย ลงไม้ลงมือ

ตบตี ฆ่า ทำร้าย ร่างกาย

ใช้อุบายให้คนอื่นทำแทน อันนี้พวกเรารู้แล้ว

 

ต่อมาพวกเรา

ก็สนใจกันเรื่อง กรรมทางคำพูด

ใช้ปากประกอบกรรม

โกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล

ใส่ความ พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย

ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่า พูดกับคนนี้อย่าง

พอกับอีกคนพูดอีกอย่าง

พูดให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นเสียหาย

ปั้นน้ำเป็นตัว พูดให้ตรงกันข้ามกับความจริง

พูดสร้างภาพ พูดทำลายความดี

เรียกง่ายๆ ว่า "ตอแหล"

เป็นสันดาน

ว่างั้นเถอะ

 

แต่

คนส่วนใหญ่

จะไม่ค่อยให้ความสนใจ

กับ กรรมทางความคิด หรือ มโนกรรม

เพราะ

มันไม่มีใครเห็น

ไม่มีใครรู้ ก็คิดอยู่ในใจ จะรู้ได้ไง

คนส่วนใหญ่ของโลก

มีกรรมนี้ กันมากที่สุด และเจ้ามโนกรรม นี่แหละ

ที่มันส่งผลให้ เกิด วจีกรรม กับ กายกรรม

ถ้ามันไม่คิดก่อน ไม่วางแผนในใจก่อน

มันจะทำไม่ได้ ที่เรียกว่า

จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว นั่นแหละ

 

แล้วบ้านสวนพีระมิด

ได้พิสูจน์ มโนกรรม ที่ทำให้ปวดหลัง

เจ็บป่วยมาหลายสิบปี รักษาไม่หาย ไม่รู้สาเหตุ

พอมารู้สาเหตุ ดับเหตุที่บ้านสวนฯ

หายทันทีมาแล้ว

อย่าง พ่อน้องปอ เป็นต้น เสี่ยชิม เป็นต้น

 

ดังนั้น

การเขียนธรรมทาน

เรื่องมโนกรรมนี้ จึงเป็นบันได

ขึ้นสูงอีกขั้นหนึ่ง

ซึ่งจะนำพา

ให้ก้าวข้ามอุปสรรค ขวากหนาม

ในชีวิตสู่เส้นทางพระนิพพาน

 

สู่การชุบกาย ชุบใจ

ขึ้นมาใหม่ ให้มีความสุขสดใส

หลังจากได้ดับเหตุ

 

ด้วยเหตุที่

มีเวลาน้อยลงทุกทีแล้ว

การจะให้ใครมาขอขมา อ.อุบล

ออก ที.วี.เหมือนเมื่อก่อน

ไม่ทันแล้ว

 

พระปฐมบรมธรรมบิดา

จึงทรงเมตตา

ตัดรอนวิบากกรรม

ของผู้ที่เคยปรามาสล่วงเกิน

อ.อุบล และ ครอบครัว

ให้ได้มีโอกาส

หลุดพ้น

จากบ่วงกรรมนี้

พระองค์ท่านตรัสว่า

เป็นกรรมที่จะปิดกั้นสวรรค์

พรหม นิพพาน

ถ้าไม่ได้รับการขอขมา

 

ซึ่ง

พระองค์ทรงเมตตา

อนุโลมให้ขอขมาผ่านทาง

ธรรมทาน ในเวปไซด์นี้ได้

และถ่ายเอกสาร

เพื่อไปรวมเล่มแจกเป็นธรรมทาน

อย่างน้อย 99 สำเนา

จึงจะปลดล๊อกกรรมนี้ได้

 

ซึ่งจริงๆ

อ.อุบล ไม่เคยถือสาใคร

 

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า

 

ท่านก็ไม่เคยโกรธ

พระเทวทัติ แต่พระเทวทัติ

แต่ พระเทวทัติก็ต้องชดใช้กรรม

 

แม้จะสำนึก ตอนใกล้ตาย

ตั้งใจจะไปขอขมาพระพุทธเจ้า

แต่ด้วยเป็นกรรมหนัก

ที่คิด พูด และ ลงมือกระทำการ

ทำลายล้าง พระพุทธเจ้ามายาวนาน

จึงเป็นอนันตริยกรรม

เกินกว่าที่ เพียงแค่ขอขมา

เพราะพระเทวทัติ

หมดหนทางแก้ไข ด้วยโรคภัยรุมเร้า

จนใกล้ตายแล้ว จึงสำนึกได้

ตอนที่แข็งแรงดี

กลับคิดไม่ได้

ใช้ความแข็งแรงของร่างกาย

ของจิตใจ ยุยงคนชั่วเหมือนตน

ร่วมกันทำร้าย ให้ร้าย ทำลายความดี

ของพระพุทธเจ้า

 

ดังนั้น

จึงไม่มีสวรรค์รองรับ

พอสาวกหามสี่ไปใกล้ถึงพระพุทธเจ้าแล้ว

เพียงขอให้สาวกที่หามมา

วางคานหามลง ขอไปสรงน้ำล้างหน้า

ก่อนแล้วจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

 

ณ บัดนั้น

พระเทวทัติ ถูกธรณีสูบ

ในบัดดล

 

จะเห็นว่า ฟ้าดิน ไม่อภัย

ไม่ให้โอกาส การสำนึกวิธีนี้

 

แสดงว่า

ถ้าพระเทวทัติ

ไม่เจอเคราะห์กรรม

จน จวน เจียน ใกล้ตาย

พระเทวทัติ ก็อาจจไม่สำนึก

แต่สำนึก

เพราะอยากจะพ้นทุกข์

คือ

ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง

ไม่ใช่ด้วยใจบูชาพระพุทธเจ้า

 

ดังนั้น

องค์พระปฐมฯ

ทรงเห็นว่า การเสียชีวิต

ของคุณตาสำเภา

เป็นอุทาหรณ์ สอนพวกเราว่า

ความตายเป็นสิ่งเที่ยงแท้แน่นอน

 

แต่จะตายวันไหน

เป็นสิ่งไม่แน่นอน

 

คุณตาพึ่งเจอพวกเราไม่นาน

ยังแข็งแรง มีความหวังว่าจะมาอยู่

มาดูแลกันอีก ยาวนาน

แต่ในที่สุด

ความตายก็มาพรากคุณตาไปก่อน

 

พระปฐม

ท่านกลัวกว่า

ถ้าใครทำกรรมไว้กับใคร

แต่

ท่านมีพระบัญชามา

โดยเฉพาะกับคนที่เคยปรามาส

อ.อุบล และ ครอบครัว

ไม่ว่า จะทางความคิด คำพูด การกระทำ

เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้

ลูกหลานของพระองค์ได้ปลดล๊อกกรรมนี้

 

พระองค์จึงทรง

ให้มีการจัดทำ ธรรมทานนี้ขึ้นมา

 

พระองค์ตรัสว่า

ธรรมทานนี้ จะมีประโยชน์

ต่อสังคมอย่างมหาศาล

จะช่วยยกระดับจิตใจให้ผู้อ่าน

ได้สำรวมใจ สำรวมคำพูด ระวังการกระทำ

ละชั่วกลัวบาป ได้ลัด เร็ว

 

ชีวิตที่ติดขัดอยู่

หรือที่เดือดเนื้อร้อนใจอยู่

แม้จะทำบุญใหญ่อื่นๆแล้ว ยังไม่หาย

ยังไม่คลายทุกข์ ได้พ้นทุกข์

 

ได้อยู่ในยุคพระศรีอาริย์

 

ส่วน

อ.อุบล และ ครอบครัว

ขอประกาศไว้ล่วงหน้าเลยว่า

 

ไม่โกรธแค้นเคืองใคร

ให้อภัยทุกคน

ปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข

หายเจ็บ หายจน พ้นอุปสรรคทั้งหลาย

ได้กลับบ้านนิพพานด้วยกัน

ในชาตินี้

 

อย่าให้คุณตารอนาน

หลายชาติ

 

ดังนั้น

ขอให้พวกเรา

ได้โปรดรับรู้ถึงการ

อภัย

ของ อ.อุบล ด้วย

 

แต่

ส่วนการเขียนธรรมทานนั้น

พระปฐมบรมบิดา

ท่านให้คนที่เคยปรามาส

ทำเพื่อ ตัดรอนวิบากกรรมของตนเอง

 

ส่วนการ อภัย ของ อ.อุบล

อ.อุบล ก็ได้หลุดพ้น

จากการจองเวร จองกรรม

กับท่านที่ปรามาส อ.อุบล แล้ว

และ

อยากให้ท่าน หลุดพ้นด้วย

 

เราต้องกลับบ้าน

ไปหาพ่อด้วยกันให้ได้นะ

อย่าลืม

**********************

ธรรมทานนี้

เราจะรีบทำ ให้นำมาส่ง

ในวันศุกร์ หรือ เสาร-อาทิตย์นี้

นะคะ เราจะทำแบบ

1.ทำทันที

2.ทำแบบง่ายๆ

3.ทำแบบสม่ำเสมอ

4.ทำแบบต่อเนื่อง

5.ทำให้มากขึ้น

 

ขอกุศลแห่งธรรมทานนี้

ของทุกคน

จงปลดเปลื้องทุกข์

ให้ทุกคนโดยฉับพลันทันที

ด้วยเทอญ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 15:08:49


ความคิดเห็นที่ 9 (1640090)

การถ่ายเอกสาร

ขอให้ถ่ายได้ ตามกำลัง

อย่าเบียดเบียนตัวเอง

 

ใครจะถ่ายมา

99 ชุดก็ได้

 

ซึ่งจำนวนเล่ม

เราจะทำไปเรื่อยๆไม่จำกัด

 

แต่สัปดาห์นี้

เราจะเริ่มก่อนเลย

ได้กี่เล่มก็ไม่เป็นไร

 

รบกวนทีมงาน

คุณอมร พ่อใหญ่ธนา

และท่านอื่นๆ ช่วยกันออกแบบปก

จัดเรียงรูปเล่มด้วยนะคะ

 

ส่วนค่าใช้จ่าย

ส่วนที่เกินจาก 99 ชุด

อ.อุบล ขอรับเป็นเจ้าภาพเองค่ะ

 

ส่วนใครจะถ่ายมาเกิน

จะ 300 - 500 ก็ไม่เป็นไร

ทำไปเรื่อยๆนะจ๊ะ

อย่าหักโหม

 

ที่สำคัญ

ทำทันที เดี๋ยวนี้เลย

นะจ๊ะ

 

ไม่ต้องคิดนาน

ไม่ต้องมีหลักการเยอะ

เอาเนื้อๆ ความจริง ล้วนๆ

สำนวนง่ายๆ ของเราเอง

นะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 15:24:13


ความคิดเห็นที่ 10 (1640095)

นส. วราภรณ์ หล่าบรรเทา ชื่อเล่น ไอซ์

อายุ36ปี

จบการศึกษา ปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จาก ม.รามคำแหง

ปัจจุบันอยู่ที่จ. สุรินทร์ อาชีพเกษตรกร

 

หลักจากที่ชีวิตตกต่ำสุดๆ มีแต่ความทุกข์หาทางออกไม่ได้ก็เริ่มหันหน้าเข้าหาธรรม หัดนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม เพื่อหาทางพ้นทุกข์ แค่หวังว่าจะได้ความสุขบ้างซักนิด แล้วไอซ์ก็เจอทางสว่างได้ฝึกกรรมฐาน ตามทางของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ได้พบความสุข ความสงบแต่วันนึงขณะที่นั่งอ่านหนังสือของหลวงพ่ออยู่นั้น นั่งมองรูปท่านที่หน้าปกหนังสือ จิตก็ไปปรามาสหลวงพ่อเข้าให้ จิตแว๊ปไปทันทีว่าหน้าท่านเหมือนหมู ทำให้ทุกข์สุดๆ ทุกข์มาก ถึงขนาดที่"คิดอยากจะฆ่าตัวตาย"ทุกข์มาก ว่าเรารักและเคารพท่านมากแต่ทำไมเราถึงได้คิดไม่ดีต่อท่านหนอ หาทางออกไม่ได้ ใจเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา ทำได้อย่างเดียวในตอนนั้นคือขอขมา่ท่านตลอด แต่ก็จมอยู่กับความทุกข์ใจสุดแสนสาหัส หาทางออกไม่ได้

 

และเมื่อไอซ์ได้รู้จักท่านอ.อุบล ก็ได้ทำการปรามาสท่านด้วย หลังจากที่ได้ทำการบูชา องค์พีระมิดจำลองรุ่นมวลสารบ้านสวน หลังจากได้รับองค์พีระมิด ก็เกิดปรามาสท่านโดยระหว่างที่คุยกับเพื่อนถึงบ้านสวนและกำลังพิม์ชื่อท่านอยู่ก็มีความคิดว่าแวบขึ้นว่าท่าน "อ.อุบลบ้า" และ พอนึกชื่อท่านขึ้นมาก็จะมีคำว่า "มัน"ต่อท้ายแว๊บขึ้นมาด้วยค่ะ

หลังจากนั้นก็มีความทุกข์ใจเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เลยรีบออกไปขอขมาท่านด้านหลังห้องทำงาน ระหว่างที่อยู่ขมาอยู่นั้น รู้สึกว่าร้อนมาก ร้อนไปหมดทั้งตัวเหมือนโดนไฟเผา แต่หลังจากขอขมาเสร็จก็ปรากฏว่าเย็นสบายตัวมากเลยค่ะ ความร้อนที่เหมือนโดนไฟเผาหายไปในทันทีเลยค่ะ

ครั้งที่ 2 หลังจากมาบ้านสวนแล้วก็ยังมีความคิดปรามาสท่านอยู่ ระหว่างที่สร้างบุญด้วยแรงกายอยู่นั้น นำหญ้าไปทิ้งด้านหลัง แต่ด้วยความที่เพิ่งมาไม่รู้ว่าเขตบ้านของท่านสิ้นสุดตรงไหน กำลังหาที่ทิ้งหญ้าอยู่นั้น ก็มองไปแถวต้นมะม่วงด้านหลัง คิดถึงคำพูดท่านที่ว่า ท่านมีพื้นที่บ้านทั้งหมด 20ไร่ก็มีความคิดแวบขึ้นมาอีก "อาจารย์โกหก" ปรา่มาสท่านอีก เกิดความทุกข์ใจมาก ทรมานใจ ทุกข์มาก และมีอาการร้อนที่แผ่นหลังเหมือนโดนพริกทาด้วย แต่หลังได้ขอขมาท่านและได้กราบเท้าท่าน อาการร้อนแผ่นหลังเหมือนโดนพริกทาก็หายไปเลยค่ะ ต้องระวังจิตของตัวเองอยู่เสมอเลยค่ะ ต้องระวังเวลาที่เข้าใกล้ท่านกลัวว่าจะปรามาสท่าน ทำให้ไม่มีความสุข แต่หลังจากได้สร้างบุญไปเรื่อยๆ อาการปรามาสและความทุกข์ใจก็เริ่มเบาบางลง

แต่ไอซ์ก็ยังคงปรามาสท่านอยู่อีก ครั้งนี้หนักมาก รุนแรงถึงขึ้นทำร้ายท่านเลย ตอนงานบรวงสรวงสร้างสมเด็จองค์ปฐม สูง 9.99 เมตร 9 วัน 9 คืนนั้น ระหว่างงาน ท่านอ.อุบลได้เดิมมาที่องค์เพื่อมาดูพวกเราสร้างบุญ ไอซ์เดินตามหลังท่านอยู่บนฐานองค์พระ จิตก็แวบขึ้นมาทันทีว่า เอามีดแทงให้ตายเลย ตกใจมาก เกิดความ"ทุกข์ใจ"ขึ้นมาทันทีว่า ทำไมเราถึงเป็นคนที่เลวขนาดนี้ เดินตามหลังท่านอยู่แท้ ท่านเป็นอ.อุบลนะ เป็นผู้ที่ทำให้เราตาสว่าง เป็นผู้สอนธรรมะให้เรา ทำไมเราถึงคิดทำร้ายท่าน บางครั้งจิตก็จะไปที่เท้า จะใช้เท้าของตัวเองทำร้ายท่านด้วย ทำไมจิตคิด ชั่วร้ายได้ขนาดนี้ เกิดความทุกข์ขึ้นมาทันที ทุกข์มาก ไม่กล้าบอกใคร ได้แต่เก็บไว้ในใจตลอด "ไม่มีความสุขเลย"

 

แล้วก็เป็นอีก คราวนี้เป็นตอนเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่ทำธุระอยู่ก็ปรามาสท่านอีกคราวนี้เป็นคำหยาบมากเลยค่ะ จิตแว๊บไปว่า "อ.อุบล...ีแหก" ดิ่งลงนรกเลยค่ะคราวนี้ เป็นทุกข์มาก คิดในใจ เอาไงดีอ่ะ คำหยาบมาก แว๊ปไปได้งัย ทั้งๆที่เราไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ทำการขอขมาในใจต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้นเลย แล้วก็คิด เราคิดปรามาสท่านหยาบคายขนาดนี้ น่าอายมาก มาสร้างบุญตั้งนาน แต่ก็ยังมีคิดปรามาสท่านแบบนี้อีก เป็นคำที่สกปรกมา จะไปขอขมาท่านอย่างไงดี ขอขมาในใจไม่บอกใครคงได้มั้ง คำมันหยาบมากเลย เอาไงดี เป็นทุกข์มาก ไม่มีความสุขเลย แต่ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า กล้าคิดสกปรกกับท่านได้ ต้องกล้ายอมรับความผิดให้ได้ ตอนค่ำท่านอาจารย์สอนธรรมะ ไอซ์ก็รีบขอขมาท่านเลยค่ะ หลังจากที่ได้ขอขมาท่านแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจมากเลยค่ะ มีความสุขที่ได้กล้ายอมรับความผิดที่ได้ทำลงไปค่ะ

 

ผลกรรมที่ไอซ์่ได้รับจากการปรามาสท่าน ทั้งๆที่ตัวเองนั้นไม่ได้คิดที่จะว่าเลย แต่อยู่ๆใจก็แว๊ปไป โดยที่เรายังไม่ทันรู้ตัวเลย เมื่อมันแว๊ปไปแล้วก็รู้สึกตัวว่า เกิดอะไรขึ้นมาคิดขึ้นมาได้ยังไง ผลก็คือความทุกข์ใจค่ะ ทุกข์มากที่ทำยังไงก็ไม่หาย เป็นความทุกข์ที่ทรมานมาก จากที่ไอซ์ได้ขอขมาท่านอาจารย์ ได้กราบท่านที่บ้านสวน และกราบรูปท่านในห้องพระที่บ้าน น้อมจิตกราบท่านตอนสวดมนต์ ทำสมาธิ และได้สร้างบุญที่บ้านสวนไปเรื่อยๆ ความทุกข์ใจนั้นก็เริ่มหายไปค่ะ เริ่มมีความสุขใจ เป็นความสุข ที่ไม่เคยพบ มันไม่เหมือนกับความสุขที่เราได้เจอเลย เป็นสิ่งที่ดีมาก มีความสุขมากเลยค่ะ

ลูกขอกราบขอขมาท่านอ.อุบลและเทวดาที่รักษาท่านอ.อุบลที่ได้เคยล่วงเกินท่านมา ณ ที่นี้ค่ะ ลูกกราบขอขมาค่ะ

ผลบุญใดที่ลูกได้รับลูกขอบารมีพระพุทธเจ้า บารมีพระอาริย์ที่ท่านอ.อุบลเป็นผู้อัญเชิญ และบารมีของท่านอ.อุบลได้ขอน้อมถวายอ.อุบลและครอบครัว และเทวดาที่รักษาท่่านอ.อุบล

ขออานิสงฆ์ของบุญนี้ส่งให้กับเจ้ากรรมนายเวรของลูกทุกท่านด้วยเทิด สาธุ

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 16:10:48


ความคิดเห็นที่ 11 (1640103)

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ดร.ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ อายุ 52 ปี
สถานที่ทำงาน :คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล กทม.
ดร.ชัชวลี กะลัมพะเหติ อายุ 52 ปี
สถานที่ทำงาน สถาบันวิจัย องค์การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย อยุธยา

 

สองคนพี่น้องนี้ เริ่มดู รายการคุยไปแจกไปจาก ทีวีดาวเทียมพร้อมกัน เริ่มดูก็รู้สึกทึ่งว่าทำไม อจ.เขารู้กรรมคนนั้นคนนี้ไปหมด แต่ตนเองเชื่อเรื่องทำนองนี้มาก และเชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อว่าท่านคงรู้จริง แต่พอเห็นชุดสีชมพูชีฟองที่อจ.ท่านใส่เป็นภาพนิ่ง จิตแวปไปคิดว่าทำไมชุดมันบางจัง ไม่สมควรแต่งในรายกานสอนธรรมะ ตนเองก็เริ่มรู้สึกปวดต้นคอ ต้องใช้ยาหม่องนวด อาการเป็นมาเรื่อยๆ แต่ตอนค่าย 10 อจ.เรียกไปสัมภาษณ์ จนเราทั้งคู่ยอมรับ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าจิ๋มเขาก็คิดตำหนิชุดนี้ของอาจารย์เหมือนกันเพราะไม่ ได้คุยกัน เพิ่งมารู้ว่าคิดเหมือนกันเปี๊ยบเลย จริงๆแล้วตนเองก็เคยคิดปรามาสในบางชุดของอาจารย์ ตอนมาบ้านสวนใหม่ๆ เข่น ชุดเสื้อยืดสีดำรัดรูป จนในที่สุดได้ไปสารภาพ กราบขอขมาบนเวที ค่าย 10 คอนนั้นต้นคอ หายปวดเบาจนมาถึงปัจจุบัน

กราบขอขมา อจ.อุบล อีกครั้งที่ แรกๆยึดติดกับเสื้อผ้าอาภรณ์ แถมอัตตาสูงว่าตัวเองดี จริงๆแล้วไม่ว่าท่านจะแต่งตัวอย่างไร คำพูด กิจกรรมที่ท่านซักถามความชั่วของคนอื่น มาเป็นกระจกว่าเราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน มาที่นี่รู้ความเลวร้าย ของตนเองมากขึ้นหลายคดี ทั้งชอบนินทา ขี้โกรธ ขี้เกียจ

กราบขอบพระคุณเสด็จพ่อท้าวเวชสุวรรณที่ให้อภัยไม่บีบคอลูกอีก ขอยืนยันกับท่านว่าสำนึกผิดและเข้าใจดีว่า อจ.อุบล เสียสละทุกๆอย่างในชีวิต ช่วยเหลือให้ทุกคนเปลี่ยนเป็นคนดีให้ได้ เวลาท่านซักกรรมผู้คน ท่านมีความอดทนอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นคนอื่นทยอยกลับบ้านก่อนทุกที แต่ท่านก็นั่งปลดกรรมให้แต่ละคนจนครบ มีเมตตาสูงจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 17:02:10


ความคิดเห็นที่ 12 (1640105)

 "ปรามาสอาจารย์อุบล แล้วจะได้รับผลของกรรมอย่างไร"

 

ผมนายสิงห์เงิน อุดมศิริ  (ตาโต๊ะ) อายุ 48 ปี จ.นครราชสีมา

การศึกษา ป.ตรี วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ สาขาสารสนเทศธุรกิจ มสธ.

ตำแหน่ง หัวหน้าแผนกเครื่องมือวัด

หน้าที่ ดูแลอุปกรณ์วัด-คุม ในกระบวนการผลิต

.อุตสาหกรรมอ่างเวียน จำกัด นครราชสีมา กลุ่มน้ำตาลวังขนาย

       ผมเคยใช้ความคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบล เมื่อตอนสร้างองค์พระด้านหลัง ช่วงที่ช่างมาขึ้นแบบหล่อองค์พระวันแรกๆว่า เอ้..ท่านอาจารย์บอกว่าวันนี้จะเทปูนหล่อองค์พระแล้วทำไมไม่หล่อพระละ เขียนในเวบอย่างนึง พูดอย่างนึง อุส่าหยุดงานรีบมา ไม่ได้หล่อพระต้องกลับบ้านก่อน  กลับมาถึงบ้านมานั่งอ่านกระทู้ที่ท่านอาจารย์เรียนไว้ใหม่  เราเองนะอ่านแล้วไม่ใช้ปัญญา ในการตีความทำความเข้าใจซึ่งท่านเขียนเอาไว้ชัดเจนว่ายังตั้งแบบองค์พระไม่ได้หลอก แต่ทางผู้ประสานงานกับช่างบอกว่าทันตั้งแบบแป็บเดียวเสร็จ   สรุปว่าช่างหล่อองค์พระใช้เวลาตั้งแบบเลยเวลาที่จะเทปูนหล่อพระ

 หลังจากที่ใช้ความคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบล กลับมาบ้านแล้วคันไปทั้งตัว คันตรงนั้นเกาตรงนี้ เกาตรงนี้เสร็จ ไปคันตรงโน้นอีก เกาเป็นเลือดแล้วเป็นแผลเป็นไปทั้งตัว แผลหายแล้วก็คันอีกได้เลือดในแผลเดิมอีก คันอยู่อาทิตย์กว่า

         กรรมความคิดกับท่านอาจารย์นี้ให้ผลร้ายแรง แบบไม่ต้องรอเวลาเลยได้รับผลของกรรมทันที กล้าทำผิดศีลไม่ว่าทางกายวาจาใจ ก็ต้องรับเคราะห์กรรมไป การที่เข้ามาสร้างบุญใหญ่คือหล่อองค์พระซึ่งเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าแล้ว ยังใช้ความคิดอกุศลสร้างกรรมให้กับตนเองปรามาสท่านอาจารย์อุบล ซึ่งการปรามาสกับใครก็มีผลบาปทั้งนั้นจะบาปมากน้อยขึ้นอยู่กับผู้ที่เราปรามาสเป็นผู้ที่ทรงศีลทรงธรรมสูงขนาดใหน ยิ่งท่านอาจารย์เป็นผู้ทรงศีลเราไปปรามาสเข้าทำให้เกิดบาปกรรมอย่างใหญ่หลวง

        ในสัปดาห์ต่อมาขออนุญาติมาสร้างพระในบ้านสวนอีก ก่อนกลับบ้านขออนุญาตกราบท่านอาจารย์ ท่านก็ถามว่ากราบเพราะตามคนอื่นหรือไม่ ไม่ได้คิดกราบเองหรือเปล่า ผมบอกไม่ได้กราบตามคนอื่นครับ กราบเพราะอยากกราบให้หายทุกข์ซึ่งตอนนั้นอาการคันทั้งตัวก็เป็นอยู่ ปากก็ไม่กล้าพูดว่าคิดไม่ดีกับท่านทำให้คันเกาไปทั้งตัว และกราบขอพรให้เดินทางกลับบ้านด้วยความปลอดภัย  ท่านก็อนุญาตให้กราบได้  กลับมาบ้านอาการที่คันอยู่ก็หายไปหมดไม่คันอีก

       ผมนี้สำนึกบาปกรรมแล้วในการผิดศีลทางมโนกรรมที่คิดไม่ดีต่อครูบาอาจารย์ ลูกขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยบังคับกระแสจิตลูกให้ คิดดี พูดดี ทำดี 

       ผมขอกราบแทบพระบาทขอขมาต่อพระพุทธองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่สำคัญยิ่ง คือ ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว ที่ผมได้เคยล่วงเกินทุกๆพระองค์ ทุกๆท่าน ด้วยกาย วาจา ใจ  และจะขอตอบแทนพระคุณทุกพระองค์ทุกๆท่านด้วยการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายได้โปรดคอยอนุโมทนารับบุญของข้าพเจ้าทุกขณะจิตที่ข้าพเจ้าทำความดี จนท่านได้ถึงพระนิพพานก่อนข้าพเจ้า และช่วยปกปักษ์รักษาข้าพเจ้าให้ทำความดีให้ถึงที่สุดก่อนกลับบ้านพระนิพพานในชาตินี้ด้วยเถิด 

      กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 17:06:18


ความคิดเห็นที่ 13 (1640110)

ข้าพเจ้า น.ส.ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ชื่อเล่น ขวัญ อายุ 21 ปีปัจจุบันอยู่จ.สระบุรี ว่างงาน จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอกราบขอขมาท่านอ.อุบล และท่านอ.มงคล ศุภาเดชาภรณ์ ที่ตอนทำบุญแรงกายขุดฐานองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2554 เคยปรามาสท่านทางความคิด ด้วยอารมณ์โกรธ ประมาณว่าทำไมอาจารย์ไม่ทำเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ตลกและโง่เขลา เพราะปรามาสท่านตอนขุด หลังจากนั้นข้าพเจ้าปวดแขนซ้ายมาก (ข้างที่ถือจอบ) เจ็บทรมาน ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต

มาตอนกลางคืน ช่วงฟังธรรมะจากท่านอ.อุบล ข้าพเจ้าได้รับโอกาสออกมาสารภาพบาปเป็นธรรมทาน แต่เพราะบาปหนา จึงนึกมโนกรรมที่ทำไว้นี้ไม่ออก แขนซ้ายก็เลยไม่หายปวดค่ะ

วันนี้ ข้าพเจ้าไม่มีอาการปวดแขนซ้ายแล้ว เพราะได้สำนึกผิดในบาปกรรม และร่วมบุญกับท่านอ.อุบล บ้านสวนพีระมิดด้วยศรัทธาบริสุทธิ์ค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ ในความเมตตาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 17:15:22


ความคิดเห็นที่ 14 (1640120)


"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ชื่อ นายวีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี อายุ 32 ปี

การศึกษา ปริญญาตรี ม.รามคำแหง สาขา มนุษย์ศาสตร์ สื่อสารมวลชน

จังหวัด กรุงเทพฯ อาชีพ ธุรกิจของครอบครัว

     ขอเล่าเหตุการณ์ย้อนไป ปีกว่าๆ ช่วงแรกๆ ที่รู้จักบ้านสวน แต่ก็ยังไม่ได้มา เคยคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบล เรื่อง

- ขายเครื่องสำอางค์ คอนนั้นคิดว่าท่านอาจารย์อุบล ให้ธรรมะ และขายเครื่องสำอางค์ เป็นความคิดลบมากๆ มองโลกในแง่ร้าย โดยไม่คิดเลยว่า การที่คนมาทำบุญแล้วหายป่วย แถมการหายต้องออกทีวี อาจารย์ก็ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่รวมไปถึง ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยคนที่มาไม่ต้องจ่ายเงินเลยก็ได้ ตอนนั้นที่ขอขมาท่านก็บอกว่า ลองให้เราทำบ้าง เปิดบ้านให้คนเข้ามาแบบนี้ ทำรายการ สิ่งที่อาจารย์ทำเพื่อคนอื่น แต่ใช้เงินส่วนตัวตลอด เฮ้อ ดันไม่คิด เซงตัวเอง ผมเลยเข้าใจ ชัดเจนเลยครับ

- หน้าตา มีอยู่วันนึงที่ได้พบท่านอาจารย์เพิ่งกำลังจะออกไปทำธุระ ก็ึคิดว่าทำไมวันนี้ หน้าโทรม ไม่เหมือนวันก่อนที่เจอกันเลย เซงตัวเองเหมือนกัน ที่เป็นคนชอบมองหาแต่ส่วนไม่ดีของคนอื่น มานั่งคิดทบทวนทีหลังเพราะท่านไม่ค่อยได้พักผ่อน

- หน้าอก ตอนนั้นที่ท่านอาจารย์อุบล ออกรายการ จะใส่เสื้อรัดรูป ก็ดันไปสังเกตุอีก ว่า ทำไม หน้าอกเหมือนจะไม่เท่ากัน สังเกตุอะไรที่แบบไม่น่าจะสังเกตุเลย

- สงสัย เวลาที่ท่านอาจารย์อุบล บรรยายอะไร เรามักจะสงสัยตลอดว่ามันจะเป็นไปได้หรือ เพราะบางเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ชอบคิดว่า ทำไม? ใฃ้เวลาอยู่นานเป้นปีๆ เลยครับ ว่าจะเชื่อเต็มร้อย เพราะ ได้พิสูจน์ มาแล้วว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลพูด เกิดขึ้นจริง เห็นจริงๆ กับตา

- มโนกรรมคำหยาบ ตอนนั้นที่ได้เข้าไปอ่านเฟสปลอม แล้ว เหมือนกับว่าคำหยาบต่างๆ ที่พูดถึงอาจารย์ เหมือนมันมา เป็นเสียงในความคิด อยู่ตลอดเวลา อันนี้ได้รับการเตือน โดยไ่ก่แจ้ ที่บ้านสวน วิ่งเข้ามาจิกเลยครับ พยายามข่มจิตอยู่นานเลย กว่า จะเอาชนะตรงนั้นมาก็นานพอดูครับ

- เคยคิดปรามาส รหัส อ.อุบลช่วยด้วย แบบว่ามันจะเป็นไปได้ไง บางทีก็มีแอบ หัวเราะในใจ แบบบางเรื่องก็ไม่ช่วยเหลือตัวเองก่อน เฮ้อ เซงตัวเอง (อีกรอบ) 

     สรุปก็คือ เป็นมโนกรรมที่เลวมากๆ แต่บางทีมันไวจริงๆ ครับและตอนนั้นก็ได้กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบลออกทีวี ส่วนอาการคือ "คันหัว"ซึ่งท่านอาจารย์อุบลก็เคยได้เตือนไว้แล้ว ว่าคนที่จะปรามาส สถานเบา ก็คือ "ขี้กลาก" ผมยังรู้สึกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังเมตตา จัดสถานเบาให้ผม ให้ได้รู้ว่าสิ่งที่ทำน่ะมาป ดีกว่า ไม่ได้รับการเตือนอะไรแล้ว ดิ่งลงนรกไปเลย ต้องขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ครับที่ยังเมตตา คนคิดลบ อย่างผม

     ผมขอกราบขมา ท่านอาจารย์อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ หากผมได้ล่วงเกินทั้ง ทางกาย วาจา ใจ ที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ที่นีกได้ก็ดี ไม่ได้ก็ดี 

     ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว ที่ได้เมตตา คนบาปอย่างผมมาโดยตลอดครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 18:04:23


ความคิดเห็นที่ 15 (1640126)
ชีวิตใหม่ของ
 
 นางวัชรินทร์    เกษมณี  
 
ที่บ้านสวนพีระมิด
 
ก่อนที่จะได้รู้จัก
 
บ้านสวนพีระมิดชีวิตกำลังตกอยู่จุดต่ำสุด
 
ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหมดอาลัยตายอยาก
 
ร่างกายเจ็บป่วย จิตอ่อนแรง
 
เดินเหินไม่คล่องตัว
 
เมื่อได้มาฟังคำสอนจากท่านอาจารย์อุบล
 
ทางรายการคุยไปแจกไปแล้วโมทนาตาม
 
สุขภาพทางกายดีขึ้นเป็นลำดับ
 
อาการปวดแขน ปวดขา ปวดเข่า
 
และส้นเท้าดีขึ้น 50-60 % 
 
จากที่ต้องนวด
 
อาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่ทุกข์ที่ใจ
 
ยังอยู่ จากที่เคยทำแท้ง
 
กินยาฆ่าตัวตาย อยากฆ่าผู้บริหาร
 
ซึ่งไม่เคยมีใครรู้
 
จึงอยากมาสารภาพบาปอย่างมาก
 
เมื่อได้ไปบ้านสวนพีระมิดก็ได้
 
สารภาพบาป
 
และบอกความจริงกับ สามี(บวชอยู่) ลูก ๆ
 
รู้สึกถึงความปลอดโปร่ง โล่งใจไม่มีอะไร
 
ต้องห่วงกังวลใจอีกแล้ว
 
พอได้ไปใช้แรงกายที่บ้านสวนเรื่อย ๆ
 
อาการป่วยภายในคือ
 
โรคเบาหวาน ไขมันสูง ความดัน
 
ก็ดีขึ้นหลังจาก
 
ได้ใช้ธรรมบำบัดที่บ้านสวนพีระมิด
 
ลูกกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล
 
ที่ได้ใช้ธรรมะของพระพุทธองค์มาสอน
 
ให้ลูกมีดวงตาเห็นธรรม รักษา ศีล ทาน
 
ภาวนา และมีดวงจิตเปิดรับธรรมะจน
 
ทุกวันนี้มีความสงบสุข พยายามเผยแพร่
 
รหัส  คาถาบูชาพระศรีอริยะ
 
และคู่มือผิวพรรณ  ฉบับแก้ไขการติดตาม
 
ชมรายการคุยไปแจกไป
 
และใช้จี้เทพสฟิ้งซ์ช่วยคนทั่วไป
 
กราบพระบาททุก ๆ พระองค์ และ
 
สมเด็จพระศรีอริยะที่ท่านอ.อุบลอาราธนา
 
มาที่บ้านสวน และเทวดาที่รักษา
 
อ.อุบล ที่เมตตาช่วยให้ลูกหายเจ็บ
 
หายป่วยทุกโรคและมีกำลังใจที่ร่วม
 
รักษา 3 ร่มโพธิ์ศรีต่อไป
 
กราบเท้าท่านอ.อุบล และเจ้าของบ้านสวน
 
ทุกท่านค่ะ
 
สิ่งที่เคยทำบาปผิดศีลมาคือ
 
   ผิดศีลข้อ  1  ทำแท้ง 1 ครั้ง  กินยาฆ่าตัวตาย 1 ครั้ง  อยากฆ่าผู้บริหาร   อยากผู้คอตาย  สุนัขหนีรถเครื่องมาชนรถที่ขับตาย  ขับรถทับ กิ้งกือ    ปิดประตูหน้าต่างหนีบจิ้งจกตาย  ทาสีทับไข่ตุ๊กแก  ยิงนก  ตกปลา  ฆ่าปลา  กินเต่า   กินกบ  กินหนูนา    เผามด  ฉีดยากำจัดปลวก   ฉีดยาคุมแมว  ทำหมันแมว  จับเห็บหมัด ใส่น้ำมัน  ฉีดยากำจัดเห็บหมัด  ตีเตะแมว  สุนัข  ตีลูก  ตีลูกศิษย์  ให้ลูกศิษย์ตีกันเอง    ตีฝ่าเท้านักเรียน  เหยียบนวดให้แม่อย่างไม่ตั้งใจทำแรงจนแม่เจ็บหลังและขา  ผูกมือผูกเท้าพ่อเพื่อไม่ให้ดึงสายให้อาหาร   เตะของที่ลูกหลานเล่นแล้วไม่เก็บเข้าที่  ถีบลูก  เลี้ยงหมูเพื่อขาย ปิดฝาถังส้วมขังแมลงสาป  ผูกสุนัขตัวเมียไว้ ถูกตัวผู้มาโซมจนตาย  ลวกหอยแมลงภู่หอยแครง  ตัดก้นหอยขม หอยทรายจำนวนมาก
 
ผิดศีลข้อ  2  ลักเงิน  พ่อ  แม่  สามี   ป้าจี่ลุงถม    ขโมยสินค้าจากร้านขายของ  เอาของทาง  ราชการมาใช้ส่วนตัว   เอาสิ้นค้าที่ใช้แล้วส่งคืนบริษัทเอวอนเพื่อเปลี่ยนสินค้าใหม่
 
ผิดศีลข้อ  3   มีความสัมพันธ์กับกิ๊ก   2   คน   มีความสัมพันธ์ก่อนแต่งกับสามี   มีมโนภาพว่าหลับนอนกับผู้อื่น   ดูภาพ คลิป ลามก  อ่านหนังสือลามก  ใช้สายตาตำหนิ   ค้อน  ดูถูก   ดูแคลน  ด่าคนอื่นด้วยสายตา
ผู้แสดงความคิดเห็น วัชรินทร์ เกษมณี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 18:20:45


ความคิดเห็นที่ 16 (1640131)
ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 18:52:54


ความคิดเห็นที่ 17 (1640132)
ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 18:53:55


ความคิดเห็นที่ 18 (1640133)
ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 18:58:36


ความคิดเห็นที่ 19 (1640141)

 นางสาววินิตา สุทธิวรา อายุ 32  ปี 

จังหวัด:  ปทุมธานี
การศึกษา:  หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาการตลาด 
                 กรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย
ทำงานในตำแหน่ง: Sales Executive / Jobserve (Thailand) Co., Ltd.

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ครั้งแรกที่ดูรายการคุยไปแจกไป ก็คิดปรามาสว่า ท่านอาจารย์เอาธรรมะมาบังหน้า เพื่อขายเครื่องสำอางค์พาเมล่า ทั้งที่จริงแล้ว ท่านไม่เคยเชิญชวนให้ซื้อเลยสักครั้ง  

ต่อมาหลายครั้ง เวลาเหนื่อยจากการสร้างบุญด้วยแรงกาย จะแอบคิดว่า ท่านอาจารย์อาจมีอุบายดึงคนเข้ามาทำงานให้บ้านท่านดูดี โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างคนงานมาทำ (ดู๊!!...ช่างคิดได้) ไม่ได้คิดย้อนกลับเลยว่า ท่านอาจารย์เคยชวนให้มาสักครั้งไหม เวลามาได้ทำงานให้คุ้มค่าอาหาร น้ำดื่ม ค่าน้ำ ค่าไฟ แถมยังทำห้องน้ำสกปรก อุปกรณ์เครื่องใช้พังเสียหาย ไม่เก็บเข้าที่บ้าง บางอาทิตย์ก็ลืมของทิ้งไว้เรี่ยราด ให้ท่านเจ้าของบ้านคอยตามเก็บกวาด สร้างภาระอีกมากมายให้กับท่าน บางครั้งก็คิดว่า ท่านอาจารย์ได้แต่สั่งๆๆ ไม่เห็นลงมือทำเองบ้าง 

คิดสงสัยคุณท็อป ว่าทำไม ทั้งที่เป็นลูกท่านอาจารย์ แต่ยังต้องใส่แว่น หน้าก็ยังมีสิว แล้วยังมาขายเครื่องสำอางค์พาเมล่าอีก ดูไม่น่าเชื่อถือซะเลย 
 
เมื่อก่อนไม่กล้าบอกรหัส "อาจารย์อุบลช่วยด้วย" ไม่กล้าเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับบ้านสวนฯ ให้คนอื่นฟัง เพราะรู้สึกอาย กลัวคนอื่นหาว่าเราบ้า งมงาย

ทั้งที่มาที่นี่เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง เช่น ทำงานไม่ว่าจะหนักแค่ไหน ก็ไม่ปวด ไม่เมื่อย หลายคนที่เจ็บป่วยสามารถหายได้ทันที คนพิการหลาย ๆ ท่าน ก็กลับมามีร่างกายเป็นปกติ ส่วนตัวเองและครอบครัวก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  

ผลกรรมที่ได้รับคือ ทุกครั้งที่คิดไม่ดี หรือไม่เชื่อมั่นในท่านอ.อุบล และบ้านสวนฯ จะรู้สึกท้อแท้ จิตใจห่อเหี่ยว สับสนในชีวิต ทำสมาธิไม่ค่อยได้ ไม่อยากเขียนธรรมทาน ชีวิตที่เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เหมือนหยุดชะงัก ทั้งที่มาขยันมาสร้างบุญทุกอาทิตย์เป็นระยะเวลานานนับปี ก็ยังเจออุปสรรค  โดยเฉพาะปัญหาการเงิน ทำให้คนในครอบครัวตำหนิ ที่มาสร้างบุญเกือบทุกอาทิตย์ แต่ชีวิตยิ่งแย่ลง

เมื่อวันที่ 13-14 ต.ค ที่ผ่านมา ก้อยได้กลุ่ม Workshop ในหัวข้อ "ท่านคิดว่า คนที่มีวัตถุมงคลของบ้านสวน และเคยใช้รหัสได้ผล แต่ต่อมาจิตใจไม่เชื่อมั่น ไม่มั่นคงต่อ อ.อุบล และบ้านสวนพีระมิด เขายังจะสามารถใช้วัตถุมงคลต่างๆของบ้านสวนได้อีกต่อไปหรือไม่ เพราะเหตุใด โปรดยกตัวอย่างประกอบด้วย และท่านในฐานะลูกบ้านสวน จะทำอย่างไร หรือแนะนำเขาอย่างไร" 

ในตอนนั้น ทั้งที่ควรจะตอบได้ แต่ก้อยกลับคิดอะไรไม่ออก สมองตื้อไปหมด ตอบโจทย์ข้อนี้ไม่ได้เลย มาวันนี้ถึงบางอ้อ (อีกแล้วค่ะ) คำถามของ workshop นี้ น่าจะเป็นคำถามที่ก้อยต้องตอบเอง

เมื่อไม่ศรัทธา มั่นคง กตัญญูรู้คุณต่อครูบาอาจารย์ และบ้านสวนพีระมิดด้วยใจจริง ชีวิตเราก็ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในความทุกข์ และไม่มีทางที่จะรู้จักกับความสุขที่แท้จริงได้เลย

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์ ท่านอ.อุบล ท่านอ. มงคล และคุณท็อป ที่เมตตา และมีแต่คำว่า "ให้" โดยเฉพาะคำว่า "ให้อภัย" ค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 20:04:18


ความคิดเห็นที่ 20 (1640142)

** post ซ้ำค่ะ **

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 20:06:22


ความคิดเห็นที่ 21 (1640150)

 ผมนายคมกริช  นามงคุณ  อายุ  20  ปี  

กำลังศึกษาคณะพยาบาลศาสตรบัณฑิต  วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี

สุราษฎร์ธานี  ชั้นปีที่  3  

ผมเป็นคนกาฬสินธุ์ครับ  

แต่มาเรียนที่สุราษฎร์ธานี 

 

กรรมที่เคยปรามาสท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  ลูกขอสารภาพดังนี้ครับ

 

ครั้งแรกที่ดูรายการคุยไปแจกไปเห็นถึงการรักษาโรคแล้วหาย  แล้วบอกว่าเป็นบารมีของพระพุทธเจ้า  ผมก็ตั้งคำถามขึ้นมาเลยว่า  มีจริงเหรอ  ทำได้จริงเหรอ  ในสมัยพุทธกาลมีแบบนี้ด้วยเหรอ

 

 และสนใจที่จะสอบถามเรื่องของท่านอาจารย์จากครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือมาก่อนแล้ว  เกี่ยวกับภูมิธรรมของท่านอาจารย์  และอดีตชาติของท่านอาจารย์  

 

 

และผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมบุญในบ้านสวนพีระมิด  ก็มีความประหลาดใจ  และเป็นสุขใจ  ที่ได้ไปรับธรรมะจากอาจารย์ในครั้งแรกเมื่อปี  2554  เดือนเมษายน  

 

 

หลังจากลับมา ผมก็มาเจอเฟสปลอม  แล้วไปกดถูกใจโดยไม่ได้ใช้ปัญญา  ในการตัดสินใจเลย  เพราะในตอนนั้นมีแต่ความศรัทธาท่านอาจารย์อุบลเต็มหัวใจ

 

 

 ผมก็นึกว่าเป็นเฟสของท่านอาจารย์  จนเวลาเลยผ่านไป  ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย  ว่าตัวเองได้หลวมตัวอนุโมทนาบาปกับคนทำเฟสปลอม  จนมารู้เรื่องทีหลัง  เมื่อพี่แมว  โทรมาบอก  ผมก็ตกใจและจิตตกมากๆ  

 

ก่อนหน้านี้สุขภาพของผมก็ทรุดๆ  หน้าดำมาก  แต่ไม่ได้คิดหาสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้  ทั้งๆที่ผมก็ไปบ้านสวนพีระมิดและศรัทธาท่านอาจารย์อุบลปกติ  ไม่ได้คิดว่าตัวเองไปทำผิดคือกดถูกใจเฟสปลอมคิดว่าเป็นของจริง

 

ใจของผมตอนนั้นเหมือนมันดิ่งลงไปข้างล่างทันทีเลย  ใจหนึ่งก็ปลอบตัวเอง  ขอขมากรรมต่อพระเบื้องบน  แต่ก็ทุกข์ใจ  เศร้าหมองใจมากๆ  ถึงมากที่สุด  ไม่มีความสุขใจเลยครับ  

 

 

ฝันไปว่าตัวผมตกอยู่ในทะเลเพลิงเลยหล่ะครับ  หลังจากนั้นจึงได้ไปขอขมาท่านอาจารย์ที่บ้านสวนพีระมิด  ซึ่งกรรมทางความคิดของผมก็ไม่ได้หยุดแค่นี้

 

 ตั้งแต่ทราบว่าตัวเองไปกดถูกใจเฟสปลอม  เราก็ไปยกเลิกการกดถูกใจแล้ว  แต่เวลาทำอะไร  ที่เกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิด  เกี่ยวกับท่านอาจารย์อุบล  จิตผมจะแวบขึ้นมาทันที  เห็นภาพของอาจารย์  เห็นท่าน  ผมก็คิดเรื่องราวลามก  คิดเรื่องเพศ  คิดสารพัดในเรื่องการทำเลวต่อท่านอาจารย์อุบล

 

 

 เวลาจะพูดคิด  ชื่อ  ของท่านอาจารย์อุบลและครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ จิตผมจะแวบคิดด่าท่าน  และมีคำนำหน้าที่หยาบคายมากครับคือคิดคำว่า  อี....  และตามด้วยชื่อของ่านอาจารย์อุบล

 

ช่วงนั้นผมเลยหาทางออก  โดยการไม่พยายามเข้าเว็บบ้านสวนพีระมิด  ซึ่งผมทุกข์มากๆนะครับ  แม้นทุกข์กายก็เล็กน้อย  แต่ใจที่มันทุกข์  เศร้าหมอง  ตกนรกทั้งเป็นนี่  ก็แย่มากๆเลยครับ

 

 

 ซึ่งก่อนหน้านี้  ผมจะมีความสุขที่ได้อ่าน  ได้ใกล้ชิดธรรมะของท่านอาจารย์อุบลมากๆ  และได้ไปสารภาพกรรมที่บ้านสวนพีระมิดไปขอขมาพระรัตนตรัยที่ผมปรามาสมา  แล้วก็กราบท่านอาจารย์อุบลเพื่อขอขมา  

 

กรรมของผมยังไม่หมดหรอกนะครับ  เพราะการไปบ้านสวนครั้งแรก  เห็นท่านอาจารย์อุบลทำพีระมิดและให้บูชา  และวัตถุมงคลอื่นๆ  ผมก็คิดว่าหาเงินง่ายจัง  คนบูชาไม่กี่คนก็มีเงินใช้สบาย  คิดว่าท่านเอาเงินไปใช้เอง

 

ผมก็ไม่คิดว่าท่านไม่ได้เอาเป็นของส่วนตัว

พึ่งมาทราบภายหลังว่า ท่านเอาเงินที่คนบูชาพีระมิดและวัตถุมงคลทุกชนิด  ไปทำบุญทุกอย่างในบ้านสวนพีระมิด  ไม่ได้เอาไปเป็นของส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว

 

มีครั้งหนึ่งท่านอาจารย์อุบลได้บอกออกทางรายการคุยไปแจกไปว่า  วันนี้มาเรียกท่านพ่อ  ท่านแม่  ไม่เห็นมาช่วยงานเลย  เขาเรียกว่าพวกตอแหล  ซึ่งผมฟังแล้วเหมือนท่านพูดมาที่ผม  ผมก็โกรธท่านเลยครับ  ตอนนั้นดูรายการคุยไปแจกไปที่หอพัก  ที่ผมคิดอย่างนั้น  ก็เพราะก่อนวันนั้นผมใช้คำสรรพนามแทนท่านอาจารย์ว่าท่านอาจารย์แม่  และอาจารย์มงคลว่าท่านอาจารย์พ่อ  ผมก็ไม่ค่อยได้ไปบ้านสวนพีระมิด  และบางช่วงเวลา  ผมก็ไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นที่อยู่กับร่องกับรอย  คือไม่คงที่นั่นเอง  ผมก็เลยคิดว่าผมไม่ไปแล้วบ้านสวนพีระมิด  จบกันที  ซึ่งผมคิดว่าท่านด่าผม  ว่าผม  ไม่รักผม  แต่ไม่รู้นะครับว่าท่านบอกถึงใคร  แต่ก็โดนผมเต็มๆ

 

 ภายหลังเวลาผ่านไป  เราก็ได้มาคิดว่า  จริงของท่าน  และท่านไม่ได้เกลียดใครหรอก  ท่านรักทุกๆคน รักเหมือนลูกของท่านเอง

 

และเคยคิดแทนท่านอาจารย์ในแนวทางการเผยแผ่ศาสนา  ว่าทำไมไม่อย่างงั้น  อย่างนี้  และบางทีก็คิดว่าท่านมีข้อด้อยกว่าเราในบางเรื่องเช่น  การพูดศัพท์ทางการแพทย์ คิดว่าท่านเลียนแบบเรา  ตอนที่ผมไปสารภากรรม  เรื่องปรามาสในหลวง  เช่น  คำว่า  เคส

 

และตอนดูรายการคุยไปแจกไปตอนที่พี่ท็อปออกรายการที่อาจารย์อุบลเล่าว่าหายจากพีระมิด  หลังจากเกิดอุบัติเหตุ  ท่านอาจารย์บอกว่าลูกท่านเป็นคนดี  ผมก็คิดทันทีว่า  จริงเหรอ  และดูรายการคุยไปแจกไปมีคนสงสัยว่าท่านอาจารย์อุบลกับท่านอาจารย์มงคลทุกวันนี้ยังนอนด้วยกันไหม  ผมก็คิดเลยเถิดไปเรื่องบนเตียงของท่าน  ซึ่งไม่ใช่หน้าที่และธุระกงการอะไรเลยที่ผมจะต้องไปคิด  เพราะผมนี่เลวจริงๆครับ

 

สรุปเลยนะครับ  ผมก็เคยปรามาสอาจารย์อุบล  ทั้งคำพูด  ความคิด  การกระทำ  ปรามาสอาจารย์อุบล  และสงสัยในคุณงามความดีของท่านอาจารย์อุบล  นานาประการ  จับต้นชนปลายไม่ถูก  ซึ่งที่จริงแล้ว  ท่านเพียบพร้อมทุกอย่าง  ทั้งทางโลก  และทางธรรม  

 

ผมเข้าใจแล้วครับว่าการปรามาสอาจารย์อุบลทำให้ตัวผมเองประสพเคราห์กรรม  ด้วยการมีจิตเศร้าหมอง  ร่างกายทรุดโทรมมาก  หน้าดำคร่ำเครียด  ตายทั้งเป็น  

 

ผมได้แก้ไขกรรมที่เคยปรามาสท่านอาจารยอุบลโดยการขอขมาโทษกับพระรัตนตรัยและอาจารย์อุบล  และเขียนบอกเล่าในเว็บบ้านสวนพีระมิด  และสารภาพกรรมและขอขมาท่านอาจารย์อุบลที่บ้านสวนพีระมิด

 

การแก้ไขจิตแวบก็พยายามภาวนา  และที่มีจิตแวบก็เพราะผมเคยเป็นสาวกของพระเทวทัติ  และไปกดถูกใจเฟสบ้านสวนพีระมิดปลอม  ก็คือการเปิดจิตรับสิ่งไม่ดีเข้ามาและได้เป็นสาวกของพระเจ้าอชาติศรัตรู  ที่คุมเฟสปลอมอยู่  อีกทั้งผมผิดศีลมาทุกๆข้อไม่มีเหลือ  อันนี้ท่านอาจารย์อุบลเมตตาบอกครับ 

 

 ผมได้แก้ไขโดยการอุทิศบุญให้กับพระเทวทัติและพระเจ้าอชาติศรัตรู  และลาออกจากการเป็นสาวกของพระเทวทัติและพระเจ้าอชาติศรัตรู  และรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์  รวมทั้งภาวนาเพื่อบังคับกระแสจิต  ไม่ให้คิดชั่วอีก  อีกทั้งอุทิศบุญกุศลและแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ผมเคยทำลายพวกเขามา

 

ลูกเป็นผู้น้อยด้อยซึ่งปัญญาไร้ซึ่งบุญวาสนาบารมี  และแสนจะโง่เขลา  ที่ไปสงสัยในคุณงามความดีของท่านอาจารย์และครอบครัว  ที่ไปคิด  พูด  ทำ  ในสิ่งที่เป็นการปรามาสท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว

 

ผลกรรมที่ลูกได้ทำนั้น  ส่งผลให้ลูกเป็นทุกข์ทั้งกาย  คือการที่สุขภาพที่อ่อนแออยู่แล้ว  ยิ่งอ่อนแอลง  จิตใจก็เศร้าหมอง จิตตกดิ่งลงนรกภูมิ  วาจาจะพูดทำสิ่งใด  ก็ไม่สำเร็จ  เป็นทุกข์  ใช้รหัสอาจารย์อุบลได้บ้างไม่ได้บ้าง  ไม่มีความมั่นใจในการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย  ซึ่งเป็นผลจากกรรมที่ลูกได้ก่อขึ้นมาเอง

 

ลูกกราบขอขมาลาโทษกรรมทั้งกายวาจา  จิตใจ  ที่ลูกได้ประมาท  พลาดพลั้ง  ปรามาสล่วงเกิน  ท่านอาจารย์อุบล  และครอบครัว  ทุกๆเรื่อง  ทุกๆกรณี  

 

 

ลูกสำนึกแล้วว่าสิ่งที่ลูกทำเป็นสิ่งที่ไม่ดี  ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง  ขอพระเบื้องบนทุกๆพระองค์  พร้อมท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว เมตตาอดโทษ  อโหสิกรรม  โทษของลูกนี้ด้วยเถิด  

 

 

และลูกขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลพร้อมครอบครัว  และพระเบื้องบนทุกๆพระองค์  ที่ทรงเมตตาลูก  ให้ได้มีโอกาสมาสารภาพกรรมที่ลูกได้ปรามาสท่านอาจารย์อุบลพร้อมครอบครัว  ไว้  ณ  ที่นี้ด้วยเถิด  หลังจากที่ลูกได้สารภาพกรรมและขอขมาโทษที่ได้ปรามาสท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวลูกมีความสุขมากขึ้น  และมั่นใจในการใช้รหัสอาจารย์อุบลมากขึ้นรวมทั้งมั่นใจในวิชชาที่ท่านอาจารย์ส่งมอบมาให้ทุกๆอย่างครับ  

 

หลังจากที่ลูกได้ขอขมากรรมที่ปรามาสท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  และลาออกจากการเป็นสาวกของพระเทวทัตและพระเจ้าอชาตศัตรูรวมถึงอุทิศบุญให้พระเทวทัตและพระเจ้าอชาตศรัตรูและอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรที่ผมเคยทำลายเขามา  มโนกรรมที่ปรามาสของผมก็ลดลงครับ  และผมจะพยายามระมัดระวังในการคิดมากขึ้น  เพราะทราบแล้วว่ามโนกรรมหรือกรรมทางความคิด  มีผลมาก  มากกว่าการลงมือทำเองเสียอีก  

 

 

ขอให้ลูก  ได้หลุดพ้นกรรมทั้งปวง  มีจิตหลุดพ้น  มีดวงตาที่เห็นธรรม  ด้วยเทอญ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

 

คมกริช  นามมงคุณ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 21:03:38


ความคิดเห็นที่ 22 (1640152)

ชื่อ   น.ส.เพชรดา วรรณรักษ์  อายุ 51 ปี

การศึกษา  ปริญญาตรีบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี

อาชีพ พนักงานบริษัท  ตำแหน่งสมุห์บัญชี

จังหวัด นนทบุรี

 

เจี๊ยบก็เป็นคนนึงที่เคยปรามาสท่านอาจารย์อยู่ในใจเช่นกัน

ตอนที่รู้จักบ้านสวนใหม่ๆ ก็ไม่เคยมีจิตคิดปรามาสท่านอาจารย์เลย ไม่เคยมีคำถามเรื่องการแต่งตัวของท่านอาจารย์ หรือเรื่องคิดว่าจะขายเครื่องสำอางเลย

แต่พอมาบ้านสวนได้สักระยะนึง จิตมันแวปคิดปรามาสท่านอาจารย์ขึ้นมาในขณะที่ท่านอาจารย์สอนธรรมมะอยู่นั้น จะมีจิตมารเข้ามาแทรก แล้วบอกเราว่าไม่จริง อย่าไปเชื่อเรื่องที่อาจารย์กำลังสอนอยู่นั้น หรือตอนที่ท่านอาจารย์ให้ไปใช้แรงกายสร้างบุญนั้น ขณะที่กำลังทำงานอยู่นั้น ในจิตก็จะบอกว่า นี่ฉันกำลังมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ฉันบ้าหรือเปล่า

และเจี๊ยบเองก็ยังไม่ได้สารภาพบาปมโนกรรมที่เจี๊ยบคิดไม่ดีกับท่านอาจารย์เลย เพราะท่านอาจารย์ให้เลิกขอขมาแล้ว ให้ไปประกาศทางหนังสือพิมพ์ หรือเขียนทางแวปไซด์แทน พอดีกับที่ว่ามีมีจี้องค์สฟริงซ์ที่สามารถสารภาพบาปได้ เจี๊ยบก็เลยสารภาพบาปในจี้นั้นแทน

ผลกรรมที่เจี๊ยบได้รับจากการที่จิตคิดปรามาสท่านอาจารย์ ทำให้เจี๊ยบไม่เจริญในธรรม ผิวหนังก็ยังคันอยู่ สายตาก็ยังสั้นอยู่ ยังไม่สามารถปลดล๊อคกรรมได้ เพราะตัวเองยังมีบาปหนักนี้กั้นอยู่แน่นอน โล่งใจแล้วค่ะที่ได้สารภาพบาปของตัวเองแล้ว

เจี๊ยบกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธ์ ที่คุ้มครองท่านอาจารย์อุบล ในสิ่งที่เจี๊ยบเคยล่วงเกินทั้งทาง กาย วาจา และทางใจค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 21:20:19


ความคิดเห็นที่ 23 (1640161)

 

โพสซ้ำค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-13 21:44:08


ความคิดเห็นที่ 24 (1640191)

 "ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ดิฉันชื่อ นางสาววรางคณา  พุฒศรี  จบการศึกษาระดับปริญญาตรี                   คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระบบคอมพิวเตอร์   อยู่จังหวัดกรุงเทพมหานตร

ขอเล่าเหตุการณ์ทางความคิดของตัวเองค่ะ  เหมียวเองมีมโนกรรมเยอะมากถึงมากที่สุด เอาเป็นว่าเรื่องลงมือทำไม่ค่อยลงมือทำสักเท่าไหร่หรอกค่ะแต่ความคิดนี้สิมีมากมาย  แต่จะแปลกมากเวลาใครพูดเรื่องอะไรให้ได้ยินก็แวบคิดแล้วทั้งที่ตัวเองกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่แท้ๆ หรือบางครั้งมีคนมาสารภาพบาปว่าเคยคิดไม่ดีกับท่านอาจารย์อุบลอย่างนู๋อย่างนี้ ทำให้เราคิดตามเค้าไปแล้ว  บางครั้งทำให้เรารู้สึกโมโหตัวเองโกรธตัวเองมากเรื่องความคิดที่มีจิตมาแวบๆเราตลอดเวลา บางครั้งเราอยากอยู่ให้มีความสุขแบบคนอื่นๆบ้าง ไม่อยากมีจิตแวบคิดไม่ดี แต่ทำไมจิตนั้นถึงหลุดออกมาทางความคิดเราได้ ยอมรับเลยค่ะว่าโกรธว่าโมโหตัวเองทุกครั้งที่มีความคิดที่ไม่ดีออกมา

งั้นเริ่งความเลวของตัวเองเลยนะค่ะ 

เริ่มตั้งแต่เรื่องเครื่องสำอาง ว่าทำไมทำเครื่องสำอางขายต้องรักษาศีล5ด้วยจึงจะใช้ได้ผล มันแปลกไม่ค่อยจะเชือค่ะ

ตอนที่ยังไม่รู้จักท่านอาจารย์อุบล คิดว่าท่านต้องเป็นคนแก่ๆแน่เลย ที่มาสอนธรรมพร้อมขายเครื่องสำอาง

พอมาเจออาจารย์อุบลครั้งแรก ก็มองรูปร่าง ชอบมองชอบสังเกตุ  เพราะชอบมองผู้หญิงที่รูปร่างสวยอยู่แล้ว และมองผมท่านอาจารย์ว่าทำไมตัดผมสั้น ผมเด่งอยู่

เคยคิดถึงความเป็นอยู่การใช้ชีวิตครอบครัวของท่าน

เคยมองแวบมองหน้าอกตอนที่มองจี้

เคยคิดไม่ดีกับท่านอาจารย์บ่อยมากเวลาที่อยู่ใกล้หรือเวลาเห็นมันเหมือนมีจิตหนึ่งมาบังคับเราเมื่อเห็นว่า มาแล้วๆคิดได้เลยๆ โอ้โห้ทุกครั้งโมโหตัวเองตลอดแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี รู้สึกจนปัญญากับความคิดเหลือเกิน เช่น เคยคิดว่าท่านอาจารย์สั่งอย่างเดียวไม่ทำบ้าง โห้ยอมรับเลยว่าเลวๆๆๆจริงๆ หารู้ไม่ว่าท่านเหนื่อยกว่าเราหลายร้อยเท่า ท่านทำหลายอย่างโดยที่เราไม่รู้ไม่เห็น เห็นเพียงตอนสั่งเท่านั้น เคยคิดว่าเวลาท่านมาดูเวลาเราทำงานว่ามาอีกแล้วหรอ กลัวทำงานผิดพลาด แต่ก็เป็นความคิดแวบแรกที่แวบเข้ามา แต่ก็คิดกับตัวเองเสมอว่าทำไมจิตใจเราต่ำได้ถึงเพียงนี้ ทุกครั้งที่เห็นท่านทำไมเรามีความสุขเวลาท่านอยู่ใกล้ๆ เวลาท่านใช้งานเรารู้สึกชอบและมีความสุขอยากให้ท่านใช้อยู่ตลอด แต่ทำไมมันมีจิตบางส่วนที่คอยบังคับใจให้คิดไม่ดีกับท่านอาจารย์ บางครั้งไม่รู้จะทำยังไงกับความคิดท่องคาถาพระศรีอาริย์ก็แล้วจิตก็แวบอยู่ดี บ้างครั้งต้องพยายามหาเพลงที่ชอบมาร้องในใจให้ลืมจิตแวบ แต่ก็ยังมีจิตให้แวบอยู่ดี เอ้อแปลกจังมีจิตหลายจิตเหมือนกันเนอะเรา 

มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีคนมาสารภาพว่าเห็นท่านอาจารย์อยู่ในโถส้วม ไอ้เราก็ดันไปจินตนาการภาพตามเค้าด้วย กรรมจริงๆค่ะ

มีน้องคนหนึ่งมาสารภาพว่าชอบว่าคนอื่น ด้วยคำหยาบคายคิดไม่ดี เราก็ไปคิดคำนั้นว่าอาจารย์ตามเค้าไปด้วยตอนเค้าสารภาพ

เคยมองท่านอาจารย์เวลาท่านแต่งหน้าแต่งตัวสวยๆตลอดเวลา

ถามว่าชอบมั้ยกับความคิดแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่ชอบ ทรมานใจตัวเองทุกครั้งที่คิดไม่ดีลงไปพยายามกด แต่ก็กดไม่อยู่ทำไมจิตใจถึงต่ำเพียงนี้ ทุกครั้งที่ได้กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวน จะของบารมีท่านให้บังคับกระแสจิตให้คิดดี พูดดี อยู่เสมอ แต่จิตใจเจ้ากรรมก็ไม่วาย คิดไม่ดีอยู่เสมอไปค่ะ ตอนนี้มีอาการปวดหัวบ่อยมาก เชื่อว่าอาการนี้ต้องเกิดจากความคิดไม่ดีของตัวเองแน่นอนค่ะ ส่งผลให้ปวดหัว ทั้งที่เมื่อก่อนที่ไม่เคยปรามาสท่านอาจารย์ ไม่เคยคิดไม่ดีกับท่าน อาการปวดหัวจะไม่เคยเป็นเลย หลังจากที่ได้รู้จักท่านอาจารย์เริ่มคิดไม่ดี อาการปวดหัวก็เป็นบ่อยขึ้นค่ะ

เหมียวกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบลในความคิดชั่วๆแย่ๆของตัวเอง ที่ได้คิดไม่ดีอยู่เสมอกับท่านอาจารย์ ทั้งๆที่ส่วนลึกๆของใจไม่อยากคิดเลยเจ้าค่ะ หนูขอกราบ ขอขมาท่านอาจารย์ร้อยครั้งพันครั้งเจ้าค่ะ หนูไม่อยากคิดไม่ดีแบบนี้เลย อยากมีความสุขทางความคิดแบบคนอื่นบ้าง หนูไม่อยากคิดชั่วๆแบบนี้อีกแล้วค่ะ กราบ กราบ กราบ ขอขมาท่านอาจารย์อุบลค่ะ 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 00:15:47


ความคิดเห็นที่ 25 (1640206)

โพสต์ซ้ำขออภัยเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 05:10:29


ความคิดเห็นที่ 26 (1640209)

ทดลองโพสต์ฺ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 05:48:38


ความคิดเห็นที่ 27 (1640227)

 "ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ผมชื่อ พัฒนพงศ์  ปรับโตวิดโจโย อายุ 21 ปี  กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3 จังหวัด กรุงเทพมหานคร

  เรื่องการปรามาส อ.อุบลของผมนั้นจะเป็นในลักษณะของจิตแว๊บครับ โดยทุกครั้งที่คิดถึง อ.อุบล หรือเห็นท่านก็จะมีอาการจิตแว๊บ

โดยทุกครั้งที่เผลอ ก็จะได้ยินเหมือนคนกระซิบข้างหูให้ว่าอ.อุบล และให้ว่า ด่าด้วยคำหยาบคายมากมาย โดยผมไม่ได้มีเจตนาที่จะคิดเอง แต่เหมือนว่ามีคนคอยกระซิบ คอยควบคุมเราอยู่ ถึงต้องมีสติ มีสมาธิตลอดเวลาไม่อย่างนั้นเผลอนิดเดียว เขาก็จะมากระซิบอีก

และเคยคิดเห็นภาพคนกระโดดถีบ อ.อุบล โดยเป็นภาพที่ติดตามาจากในหนัง โดยไม่สามารถบังคับความคิดได้ โดยผลกรรมจากการคิดนี้ ทำให้มีอาการคันที่ขามากๆ โดยจะคันเกือบทุกครั้งที่คิด ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ต้องรับผลกรรมเช่นกันครับ โดยเกือบทุกครั้งที่คิดไม่ดีแล้ว ก็จะเสียใจ และสำนึกผิด แต่ในจิตจะเห็นคนคนๆหนึ่งเขาจะคอยยิ้มอย่างสะใจ แล้วหัวเราะเยาะเราเสมอ เหมือนกับจงใจให้เรารู้ว่า "ยังไงแกก็ไม่ได้ดีหรอก ฉันไม่ยอม"  โดยผมก็รู้สึกผิด และก็พยายามบังคับจิตของตัวเองตลอด แต่บางครั้งที่เผลอ ก็เสร็จเขาอีกแหล่ะครับ

ลูกขอกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล และครอบครัวครับ ลูกไม่ได้มีเจตนาทีไม่ดี ไม่มีใจอยากคิดว่าร้ายท่านอ.อุบล แต่ผมไม่สามารถบังคับได้ครับ ขอกราบขอขมาเป็นอย่างสูงครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 08:42:35


ความคิดเห็นที่ 28 (1640228)

โพสซ้ำครับ กราบขออภัย

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 08:46:59


ความคิดเห็นที่ 29 (1640229)

 โพสซ้ำครับ กราบขออภัย

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 08:48:17


ความคิดเห็นที่ 30 (1640265)
นางวัชรินทร์  เกษมณี (ปุ๊) อายุ59
 
ข้าราชการบำนาญ จ.ราชบุรี
 
วุฒิ คบ. ภาษาไทย ม.ราชภัฏหมู่
 
บ้านจอมบึง ราชบุรี
 
กราบท่านอาจารย์อุบลและกราบ
รูปภาพท่านอาจารย์แล้วดีอย่างไร
 
ตั้งแต่ได้ดูรายการ
คุยไปแจกไป
แล้วอนุโมทนาตาม
อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่

สุขภาพทางกาย  ดีขึ้นเป็นลำดับ

อาการปวดแขน ปวดขา ปวดเข่า

 

ดีขึ้น 50-60 %  จากที่ต้องนวด

 

อาทิตย์ละ 2 ครั้ง

ก็ไม่ต้องนวดแล้วปรารถนา

จะไปบ้านสวนพีระมิด

อยากไปกราบท่านอาจารย์

กราบขอบพระคุณที่ช่วย

ให้หายเจ็บ หายป่วย

แต่พอไปถึงจริง ๆ ท่าน

กลับไม่ให้กราบและเรียก

ป้าปุ๊ตลอด

ตัวเราอยากเป็นลูกศิษย์ท่าน

กราบท่านให้สาแก่ใจที่คิดถึง

จนสัปดาห์หนึ่ง

ท่านบำบัดแล้วบอกว่าใครที่

ยังไม่หายอนุญาตให้ลอง

กราบดู ปรากฏว่าเมื่อ

กราบท่านแล้วลุกขึ้นอาการปวด

ปวดขา ปวดเข่า ปวดส้นเท้า

ก็หายสามารถเดินได้คล่อง

นั่งรถ 4 ต่อ กลับราชบุรี

ตัวปลิว หลังจากนั้น

ก็ได้กราบท่านบ่อยแต่ต้อง

แบบจู่โจมไม่อย่างนั้นท่านก็จะ

ห้ามเรื่อยเลย ต้องทำแบบป้าเตือน

คือกราบห่าง ๆ

เวลาเดินทางไปไหนกำหนดจิต

กราบท่านแล้วการเดินทางก็จะ

สะดวกบางครั้งก็จะมีอะไร

มาขัดขวางการเดินทาง

ถ้าจะไม่ปลอดภัย เช่นเมื่อครั้ง

ไปเจาะเลือดที่รพ.ราชบุรี

ขับรถไปเองซึ่งวันนั้นมีนัด

กับเพื่อน ๆ ที่แม่กลอง

ก็กะว่าจะขับรถไปเองปรากฏว่า

กลับจากรพ.ราชบุรีถึงบ้าน

มีเสียงหม้อพักน้ำลูกเล็กเดือด

ทำให้ไม่กล้าขับไป ต้องจ้าง

รถไป ขากลับอาการไม่ดี

เหมือนมืดหน้าจะเป็นลมดีที่ไม่ได้

ขับรถเอง เลยพักดมยาจนถึงบ้าน

ได้ปลอดภัยถ้าไปเองคง

ได้นอนวัดแน่ ๆ

ลูกกราบขอบพระคุณเทวดาที่

รักษาท่านอ.อุบล

กราบท่านอาจารย์อุบล

ที่ช่วยลูกไว้ค่ะ

กราบเถอะ กราบแล้วปลอดภัย

กราบเถอะ กราบแล้วหายเจ็บ

กราบเถอะ กราบแล้วหายป่วย

กราบ กราบ กราบ ค่ะ


ผู้แสดงความคิดเห็น วัชรินทร์ เกษมณี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 10:20:22


ความคิดเห็นที่ 31 (1640291)

 ชื่อ              ทศวรรษ  ฉิมวงศ์    ( ทศ )   อายุ  21 ปี

การศึกษา     นิสิต  คณะศึกษาศาสตร์  เอกการสอนภาษาอังกฤษ  ปี  4                            มหาวิทยา่ลัยบูรพา

จังหวัด          ชลบุรี


ผลจากการปรามาส อ. อุบล   บ้านสวนพีระมิด

                    ขณะที่ดู   รายการคุยไปแจกไปของ อ. อุบล ในเว๊ปยูทูป  มีจิต คิดว่า  อ. อุบล นี่รู้ธรรมะเยอะ ถ้าบวช แล้วไปอยู่ตามป่า ตามเขา  คงจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ได้  ซึ่ง ตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่า  บ้านสวนพีระมิด ก็อยู่ไกลจากถนนใหญ่  และก็มีป่า เขาตามที่เราคิด   และก็ มีจิตคิดเรื่อง การ แต่งตัว ของ อ. อุบล  ว่าแต่งตัว สวย เซ็กซี่    ผล คือ  ตอนนั้น  มีสิว ขึ้นเต็มหน้า  เวลาออกไปนอกบ้าน ต้องเอาหน้ากากปิดหน้าเอาไว้  รู้สึกทุกข์ใจและอายมาก  ทำยังไงก็ไม่หาย  ถ่ายไม่ออก  ไม่สบายเหมือนเป็นไข้  ขาดความคล่องตัวในชีวิตหลายด้าน  มีปัญหาและอุปสรรคมากมาย 

                    หลังจากที่มาขอขมา , รู้จักบ้านสวนพีระมิด  และหันมาดับเหตุที่ทำให้เราทุกข์ โดยหันมารักษาศีล 5 ให้ดี และเริ่มกินมังสวิรัติ

หลังกินได้ 3 วัน  สิวอุดตันที่ฝังบนหน้า บริเวณหน้าผาก ฝังดำคล้าย พังผืด  แทบจะหายไปหมด   จิตใจ เย็นขึ้น  รู้สึกเรามีความเมตตา และเข้าใจคนอื่นๆ มากขึ้น   ปัญหาและอุปสรรคในชีวิต คลี่คลาย  

ด้านสุขภาพ  แทบไม่ป่วยเลย  ถ้าปวดหัว  เจ็บป่วยตามร่างกาย หรือมีปัญหาอะไร ก็ เรียก อาจารย์อุบล ช่วยด้วย แล้วก็ได้ผลเสมอมา   นอกจากถึงวาระที่เราต้องรับกรรม  ก็มีป่วยบ้าง กินยา หาหมอ

ด้านจิตใจ    รู้สึกว่า เราเป็นคนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน  ใจจากหยาบก็ละเอียดขึ้น  มีความเมตตา เข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ มากขึ้น  อยากทำบุญ ทำความดีมากขึ้น ครอบครัวมีความสุขทุกด้าน  มองเห็นความชั่วของตนมากขึ้่น   ทุกอย่างหลังจากที่รู้จัก ท่าน อ .อุบล และบ้านสวนพีระมิดมา เหมือนได้เกิดใหม่ทั้งทางโลกและทางธรรมอีกครั้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 11:11:43


ความคิดเห็นที่ 32 (1640399)

ชื่อ ชัชวลี กะลัมพะเหติ อายุ 52 ปี

การศึกษา ปริญญาเอก สาขาเคมี , การทำงาน นักวิจัย สถาบันวิจัย ปตท

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบล

จิ๋ม ชัชวลี จาก ปตท. ก็เคยปรามาสท่านอาจารย์เช่นเดียวกัน เช่น เรื่องแต่งตัว ตอนเห็นท่านอาจารย์ใหม่ ๆ ในจอทีวี ก็เคยคิดว่าอาจารย์แต่งตัวเซ็กซี่ นึกว่าเป็นแค่คนขายเครื่องสำอางในทีวี ธรรมดา พอได้รู้จัก ได้ดูทีวีมากขึ้น จึงได้รู่ว่า เราคิดผิดเสียแล้ว ท่านเป็นเพชรน้ำหนึ่ง ในการเผยแพร่พุทธศาสนาเลยทีเดียว

พอเข้าบ้านสวนฯ ก็มีเรื่องคิดปรามาสอยู่เรื่องนึง ที่เกี่ยวกับการทอดกฐิน ที่ทางอาจารย์แจ้งว่า จะให้ช่วยทำบุญผ้าไตร  จิ๋มก็ร่วมบุญซื้อมาถวาย แต่ทางอาจารย์ต้องการที่เนื้อดีมาก ๆ ทำให้ที่เราซื้อมานั้น ด้อยไปถนัดใจ  ตัวจิ๋ม เลยแวบไปคิดปรามาสท่านว่า ท่านอาจารย์หน้าใหญ่ จัง ทำไมจีวรธรรมดา ๆ จึงใช้ไม่ได้เล่าและบางที เผลอไปเห็นก้น ท่านตอนท่านเดิน ก็มีจิตคิดแวบ ไปว่าทำไมก้นอาจารย์ใหญ่จัง 

ทำให้กลับมาคิดว่า ถ้าเราจะดูแลใจ ตนเองไม่ให้ตกต่ำไปในที่ชั่ว เราควรเฝ้าดูมันไปเรื่อย ๆ ทุกอิริยาบถ พยายามอย่าเผลอ มิฉะนั้นจะหลงไปคิดยาว  ถ้าโชคดีคิดแต่เรื่องดี ๆ ก็รอดจากนรก แต่ถ้าเผลอไปคิด เรื่องชั่ว ๆ ตัวเรานั่นแหละ จะได้รับผลกรรมมากมายมาฝึกสติให้รู้ตัวทั่วพร้อม หลงไปคิดก็ให้รู้ หลงไปเพ่งก็ให้รู้ หรือมีอารมณ์ โลภ โกรธ หลง ก็เฝ้าตามรู้มันเรื่อยไป เท่ากับเป็นการฝึกจิตให้รู้ตัว เวลาจิตมันตกสู่ที่ต่ำ เราก็จะรู้ตัวได้ไว ก่อนที่จะเผลอไปปรุงแต่งเรื่องชั่ว ๆ ต่อไป

 

ขอขมากรรมในกรรมชั่วอันนี้ของจิ๋มด้วย เชื่อว่ามีผลกรรมสืบเนื่องมา เช่น ปวดหัว ปวดหลัง เป็นต้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 19:41:57


ความคิดเห็นที่ 33 (1640443)

ข้าพเจ้านายกฤษณะ สิงห์ป้อม อายุ 34 ปี การศึกษาจบปริญญาตรีวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทโซนี่ ประเทศไทยจำกัด ตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายผลิต

ขอเล่าประสบการณ์การปรามาสท่านอาจารย์อุบล เป็นครั้งที่สองครับ
ผมเริ่มปฎิบัติธรรมมาได้ระยะนึงแล้วครับน่าจะประมาณ 7-8 ปี มาแล้วครับ พอทำมาระยะนึง ปรากฏว่า ผมเป็นโรคอะไรไม่ทราบ ชอบปรามาสพระ คือจู่ๆมันก็มีมโนกรรมเกิดคิดไม่ดีขึ้นมาซะเฉยๆอย่างนั้น ไม่สามารถห้ามตัวเอง ไม่ให้คิดได้ จะเริ่มเป็นหนัก ตอนที่ทำสมาธิภาวนา คือเอาตั้งแต่ ปรามาสพระพุทธเจ้า พระอริยะสงฆ์ รวมทั้งหลวงพ่อด้วย ก็คือท่านใดองค์ใดปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ จิตผมก็คิดปรามาสหมด ทั้งที่ไม่ได้มีจิตคิดแบบนั้นเรย
ต่อมาผมมาพบท่านอาจารย์อุบล ในที่สุดก็เอาอีกล่ะ ก็คิดปรามาสท่านอาจารย์ เช่น I , E คำนำหน้า ชื่ออาจารย์ อะไรประมาณนั้น แต่ในใจไม่ได้อยากคิดแบบนั้น อย่างนั้นเรยครับ ตลอดจน มาจนถึงวันนี้ อาการแบบนั้นก็ยังคงเป็นอยู่ แต่ความถี่ที่เป็นนั้นน้อยลงมากแล้วครับ ทุกครั้งที่เป็นอาการจิตแว๊ปแบบนั้น ผมก็จะรีบขอขมาท่านอาจารย์ทันทีครับ
ส่วนอาการทางกาย หลังจากที่เผลอจิตแว๊ปปรามาสท่านอาจารย์อุบลนั้น ของผมไม่มีครับ แต่อาการทางใจนี่สิครับ มันมาก มันทรมานอย่างบอกไม่ถูกครับ มันทรมานทางใจสุดๆ ทำไมล่ะ ก็ท่านเป็นครูบาอาจารย์ของเราแท้ๆ แต่กลับมีจิตไปคิดไม่ดีกับท่าน เวลาเดินผ่านท่าน หรือแม้แต่นั่งอยู่ใกล้ท่านๆ ผมก็ต้องนั่งทำสมาธิไปด้วย คอยคุมอารมณ์ใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมให้ใจเผลอแว๊ปไปคิดไม่ดีกะท่านอาจารย์ ลองคิดดูสิ มีแต่คนอื่นๆที่เขาอยากอยู่ใกล้อาจารย์ คงมีแต่ผมเท่านั้น ที่ไม่อยากอยู่ใกล้อาจารย์ เพราะกลัวใจตนเองครับ
เวลานั่งทำกิจกรรมอะไรก็ตาม ที่ท่านอาจารย์อยู่บริเวณนั้น ผมก็ได้แต่นั่งอยู่ห่างๆ เวลาคุยกับท่านอาจารย์ ก็ไม่ค่อยกล้าพูดและสบตากับท่านมากนัก เพราะกลัวจิตเผลอครับ นี่แค่เบาะๆครับ ลองคิดดูครับ ว่าผมจะทุกข์แค่ไหน
มาถึงวันนี้ ผมคิดและพิจารณาแล้วว่า การที่ผมมีอาการแบบนี้ ซึ่งตอนแรก ผมเริ่มจากจิตแว๊ปกับพระพุทธเจ้า ก่อน แล้วไล่มาจนถึงท่านอาจารย์ ผมคิดว่าอาจารย์นี่แหละ ตัวจริง เสียงจริง ของจริงแน่นอน ไม่งั้นผมคงไม่ปรามาสหรอก เพราะรู้สึกว่า จิตผมนั้นปรามาสแต่ของสูงทั้งนั้นเรย  เหตุผลนั้นเอง ที่ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่า ผมมาถูกทางแล้ว ไม่ยังนั้น ผมคงไม่มีอาการอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่ท้อ และยอมแพ้อย่างแน่นอนครับ สักวันผมจะก้าวผ่านจุดๆนี้ไปให้ได้ครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอกราบขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล และครอบครัว ในสิ่งที่ผมพลั้งพลาด ปรามาสต่อท่านอาจารย์และครอบครัว ทั้งการกระทำทางกาย วาจา ใจ ก็ดี ผมไม่มีเจตนาเรยครับ ที่จะทำหรือจะคิดแบบนั้น ขอท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว ขอได้โปรดเมตตายกโทษและอโหสิกรรมให้กับผมด้วยครับ กราบ กราบ กราบ     
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 22:23:56


ความคิดเห็นที่ 34 (1640451)
image

      โอ้ยยยา แล้วเราจะเหลือเรอะเรื่องปรามาส

ทางจิตแวบ

 ชื่อ น.ส เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ อายุ 58 ปี

การศึกษา ปวช ช่างสำรวจ ภาษานุสรณ์บางแค

 เจ้าของธุระกิจ ที่บ้านสวนหลวง ร 9

จังหวัด กรุงเทพฯ

  วันแรกที่อ่านเจอกะทู้คูณธนาเขียนลง เรารอดตัวไป

แน้ ว่าตัวไม่เค้ยไม่เคยปรามาสท่านอาจารย์ เ้้ล้ยยย

 แต่ โอ๋ยย มาอ่านวันนี้ โดนเต็มๆเลยค่ะ อาจารย์ ขา

โอ้ๆๆมโนกรรมนี่หน่า ก็ครั้งแรกที่ได้ดูรายการคูยไปแจกไปนะแหละ เอ้าทำมัยมีขายของด้วยหรอ เปิด

ข้ามไม่ดูโฆษนา พอเห็นท่านสวย สวยจัง น้ำเสียงก็ไพเราะ รูปร่างก็ดี หรือว่าทำเพื่อขายของ โอ้ะโอย

  ตอนนี้ถึง บางอ้อบางขูนเทียนเลยค่ะท้านนผู้อ่านนขา

ว่าทำมัยดูไม่จบสักกะที จิตส่วนดีคงกลัวเราเอาขาไปแย่ นรก เลยพาไปเที้ยว ซะงั้น 

      ผลของจิตแวบ ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นเหตุทำให้ได้มาบ้านสวนแห่งนี้ช้า ทำให้ถูกหลอก ถูกโกง เสียเงิน

แบบโง้ ง่าย คงเป็นกรรมจากศิลข้อ 2กับข้อ 4 มารวมตัวกัน แค่เรื่องของศิลยังไม่เข้าใจเล้ยพีน้องค่ะ

  ก็แค่คิดนะไม่ได้ทำ ไม่ได้พูด ทั้งที่เราเชื่อ และศรัธธา เห็นคนเค้าทุก บอกเค้าให้ดูรายการคูยไปแจกไป เค้าเลยเอาศัรธธาที่เรามีมาหลอกเราเสียนี่

   และและเมื่อมีโอกาสมาบ้านสวน ยังมิวายจิตแส่

 ท่านมีจิตวิทยาสูงนะ สามารถพาคนมาช่วยทำงานให้ เออดีนะ แน้ะๆๆๆ (คิดด้ายงัยอะ)ไม่โง้คิดไม่ได้นะเนี่ยะ

  พอคิดปับ ปวดหนึบที่หัวไหล่ทันทีเลยจ้าาา กรรมติดจรวจ รีบขอขมาทันที อย่าคิดนะว่าขอแล้วจะหายทันทีนะ ยังหรอกทรมานไปอีกหย่อยเถัอะจะได้จำ

 แต่คิดดีก็มีนะจะบอกให้ อาจารย์ท่านสวยนะ อย่างนี้ เค้าเรียกว่าสวยแบบเต็มใจ และพร้อมใจสวย คือสวยไปหมด รูปร่าง ได้ส่วน น้ำเสียง รอยยี้ม ชอบมองท่าน มีความสูขนะเวลามอง คนอะไรน่ามองไปหมด นี่อาการนี้มีความสูข

 หมดเวลาต้องกลับออกจากบ้านสวน จิตมันเศร้า ไม่มีแรง ไม่อยากกลับ ยังแอบคิดเลย ว่าทำงัยจะได้อยู่

 ที่บ้านสวนตลอดไป พอเห็นท่านคูยกับใคร ยังแอบ

อิจฉาแน้ะ! เรามารู้จักท่านช้าจัง เสียดายเวลาที่มาช้า

  และเมื่อ ค้าย 13 ที่ผ่านมาworkshop เราได้กลุ่ม

ปัญญาน้อย โดนดุ ยี้งกลัวโดน จะยี้งโดน กลัวทำไม่ถูุุุกก็ไม่ถูก พอ ท่านดุ ยังแอบคิด (เถียงในใจ)ว่าเปล่านะ ไม่ได้กลัวลำบาก แต่ไม่เข้าใจคำสั่ง

  ก็คูณธนาบอก จากหน้าบ้านท่านอาจารย์ไปถึง

องค์ปฐมเลย อูยแล้วหน้าบ้านท่านอาจารย์เราจะทำงัยละไม่เห็นมีอะไร แล้วจะแต่งอย่างไร โอยยกลัว

 พอไปถึงแปลงกษตร อาจารย์พันบอกยังงี้ๆอีกเอ้าไปกันใหญ่ เราไม่เข้าใจคำสั่งจริงๆ ไม่อ่านให้ เข้าใจ ไม่ถามให้เข้าใจ โทษฐานปัญญาน้อยเลยโดนหลาย

 ป๊าทเลย ปวดใหล่ตุบๆ บอกน้องๆเค้าไช้ระหัส

  อ.อุบลช่วยด้วย ให้ทำงานไม่ร้อนไม่เหนื่อย พากันท่องคาถา พระศีรอาริย์ตลอด พอน้องเค้าโดนจอบ

 เลื้อดใหล ก็บอกให้เค้าไช้ระหัส อ.อุบลช่วยด้วย

 ขอให้เลือดหยุดและไม่ปวด เราก็ช่วยขอ ช่วยกันขอใหญ่ กลัวไม่หยุด แต่พอเลือดหยุด กลับคิดว่า

 เอๆๆ แล้วน้องเค้าจะเชื่อไม๊น้าว่าหายเพราะระหัส

 อ.อุบลช่วยด้วย น้าน เอาอีก ปวดหนึบๆหนักเลย

 สองเด่งแระ นั้นแระแค่คิด ก็ติดหนึบ ปวดหนึบๆ

    และมีบางครั้งที่ท่านอาจารย์ พูด ว่าใคร

 ปรามาสอาจารย์ จะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ทั้งๆที่ท่านเตือนกลับคิดว่า เหมือนท่านบอกให้เป็นไปตามนั้น

 ได้ผลทันทีที่คิด ปวดหนึบที่ใหล่ช้าย และบางครั้งน้ำตาใหล เหมือนคนตาแฉะ กราบขอขมาทุกครั้ง

 ที่จิตแส่ ต้องภาวนาตลอด ถวายบูญตลอด

   ทั้งหมดที่กล่วามาแล้ว ลูกไม่มีเจตนาแม้นแต่น้อย

  กราบขอขมาท่านอาจารย์ อุบล และเทวดาที่รักษาตัวท่าน อ.อุบลและครอบครัว และสี่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนทุกๆพระองค์ หากลูกเคยปรามาส ท่าน

อาจารย์ ด้วยกาย วาจา ใจ โดยรู้เท่าไม่ถึงการ

    ลูกกราบขอขมาท่านอาจารย์และทุกๆพระองค์เจ้าค่ะ

 

 

         

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-14 22:45:35


ความคิดเห็นที่ 35 (1640480)

ดิฉันนางพรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) อายุ 30 ปี

การศึกษาสูงสุด ปริญญาตรี วท.บ.(เกษตรศาสตร์)

จบจาก มหาวิทยาลัยนเรศวร

อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว (ร้านขายยา) ที่อยู่ จังหวัดลพบุรี

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ดิฉันเคยมีจิตคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบลครั้งแรก หลังจากที่มาบ้านสวนพีระมิดเป็นครั้งที่สอง โดยในขณะที่อาบน้ำอยู่ ตอนที่ก้มลงไปล้างเท้า อยู่ๆก็มีจิตแว๊ปว่าเท้าของเราไปกระทบกับหน้าท่านอาจารย์ ตอนนั้นตกใจมากและคิดว่าเราคิดไปได้อย่างไร ตอนนั้นกลัวมาก กลัวผลกรรมที่จะเกิดขึ้น แล้วยังเคยคิดว่าคนที่ออกมาพูดเป็นพวกหน้าม้า เวลาที่ท่านอาจารย์เดินผ่านก็คิดว่าท่านสะโพกใหญ่ เคยคิดสงสัยเรื่องเงินที่มาทำบุญ เคยอ่านกระทู้และดูรูปรดน้ำดำหัวท่านอาจารย์ทั้งสองช่วงสงกรานต์ ก็คิดว่าน้ำที่รดนั้นเป็นน้ำล้างเท้า และมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์ถามทุกคนว่าท่านมีอาชีพอะไร ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยแต่พอฟังคำถามอยู่ๆจิตก็แว๊ปขึ้นมาว่า อาชีพโสเภณี คิดดูแล้วกันค่ะว่าดิฉันมีจิตที่เลว ชั่วและจิตต่ำขนาดไหน ยังไม่พอนะคะ ยังคิดปรามาสองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย โดยจะเป็นในขณะที่อาบน้ำก็จะมีจิตแว๊ปถึงการร่วมเพศระหว่างตัวดิฉันกับพระพุทธองค์ ซึ่งไม่รู้ว่าคิดไปได้อย่างไร และเคยมีน้องคนหนึ่งออกมาเล่าว่าที่ตัวเองรอดตายจากอุบัติเหตุมาได้ เป็นเพราะเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณเมตตาต่ออายุให้ ซึ่งตอนนั้นฟังแล้วจิตดันคิดอยากลองดี ทั้งที่ไม่อยากคิดแถมยังกลัวอีกต่างหาก ขนาดภาวนาช่วยในขณะทำบุญแรงกายจิตก็ยังแว๊ปคิดได้ และเคยคิดปรามาสในหลวงเรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดงว่าทำไมพระองค์ไม่ทรงออกมาห้ามทั้งที่ตอนนั้นพระองค์ทรงประชวรหนัก และปรามาสหลวงตามหาบัวว่าทำไมท่านถึงไปยุ่งกับเรื่องการเมืองด้วย นี่แหล่ะค่ะมโนกรรมหนักๆที่ดิฉันเคยทำมา

ผลกรรมที่ได้รับ

ตอนนั้นมีความทุกข์ใจมาก กินก็ไม่ได้ นอนหลับอยู่ดีๆพอตื่นขึ้นมาก็ผวา วันๆไม่มีกะจิตกะใจคิดอยากจะทำอะไรเลย หมดแรง ไม่มีเรี่ยวแรง อาการเหมือนคนตรอมใจ หรือพูดง่ายๆเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น ตอนนั้นคิดแต่ว่าต้องออกไปขอขมาท่านอาจารย์อุบลให้ได้ และต้องทำให้เร็วที่สุด เพราะตอนนั้นคิดว่า สิ่งที่เราคิดไม่ดีถึงจะเป็นเพียงแค่จิตแว๊ปก็ตาม แต่มันก็ร้ายแรงมาก และเป็นบาปหนักมาก เทียบเท่ากับอนันตริยกรรม และก็คิดว่าถ้าเราไม่รีบขอขมาท่านอาจารย์ อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ เราอาจจะมีอันเป็นไปก่อนก็ได้ และคิดว่าถ้าเราตายก่อนที่จะได้ขอขมาท่านอาจารย์ เราคงไม่รอดจากนรกขุมที่ลึกที่สุดเป็นแน่แท้เพราะผลกรรมที่เรามีมโนกรรมต่อท่านอาจารย์อุบลนั่นเอง และนึกถึงพระเทวทัตที่ถูกธรณีสูบ น่าจะคล้ายๆกัน และในที่สุดก็มีโอกาสได้ออกไปสารภาพและขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล และทุกๆพระองค์ที่ดิฉันได้ปรามาสทั้งหมด วันนั้นขนาดพยายามข่มใจไม่ให้ร้องไห้ แต่สุดท้ายร้องตั้งแต่เริ่มพูด ร้องไห้ตลอดเวลาที่พูด เพราะว่าทั้งรู้สึกผิด เสียใจ ละอายแก่ใจ และทุกข์ใจมากจริงๆ ท่านอาจารย์เมตตาบอกว่าที่เราคิดแบบนี้เป็นเพราะเราเคยผิดศีลมาแล้วทุกข้อ โดยถ้าผิดศีลข้อไหนมามากก็จะคิดไปในทางนั้นมาก และดิฉันเป็นบุคคลที่ทักท้วงศาสดาอันใครๆทักท้วงไม่ได้ และที่เป็นเช่นนี้เพราะพระเทวทัตส่งมา แต่ตอนนั้นกลับไม่ได้ถามท่านอาจารย์ว่า ดิฉันเคยเป็นสาวกของพระเทวทัตหรือเปล่า และก็ได้กราบขอขมาท่านอาจารย์ หลังจากนั้นก็ดีขึ้น สบายใจขึ้นมากค่ะ แต่อาการจิตแว๊ปก็ยังไม่หายไป แต่ว่าน้อยลง และพอรู้ตัวว่ามีจิตแว๊ปก็จะรีบขอขมาท่านอาจารย์อุบลและทุกๆพระองค์ทันที และด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าดิฉันเคยเป็นสาวกของพระเทวทัตหรือเปล่า เวลาที่มีจิตคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบลหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดิฉันก็จะรีบอุทิศบุญให้กับพระเทวทัตและพระเจ้าอาชาติศัตรู และขอลาออกจากการเป็นสาวกของท่าน และขอมอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับแต่นี้เป็นต้นไป และอาการจิตแว๊ปก็หายไป แต่พอนานๆก็จะเป็นอีก พอมีอีกก็จะทำแบบเดิมอีกไปเรื่อยๆค่ะ จนกว่าจะหายขาดจากอาการจิตแว๊ปคิดชั่วให้ได้ค่ะ

ลูกขอน้อมกราบขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคลและคุณท๊อป ขอน้อมกราบขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่ลูกเคยมีจิตคิดปรามาสล่วงเกินไม่ว่าจะทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่ระลึกได้ก็ดีและระลึกไม่ได้ก็ดี ลูกขอน้อมกราบขอขมาอีกครั้งเจ้าค่ะ

ลูกขอน้อมกราบแทบพระบาทขอบพระคุณสมเด็จองค์พระปฐมบรมธรรมบิดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ขอน้อมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคลและคุณท๊อปที่เมตตาให้โอกาส ให้อภัย กับลูกคนนี้ที่มีจิตชั่ว จิตต่ำ ให้ได้ปลดล็อกกรรมหนักในครั้งนี้เจ้าค่ะ สาธุ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 01:06:23


ความคิดเห็นที่ 36 (1640494)

 

ปรามาสท่านอ.อุบล จะได้รับผลกรรมอย่างไร
ชื่อ นางสาวปาริชาติ เฟื่องไพบูลย์  (ยุ้ย) อายุ 37 ปี
การศึกษา ปริญญาตรี คณะวิทยาการจัดการ (บริหารธุรกิจ) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศึกษาศาสตร์ (วิชาเอกคณิตศาสตร์)
หน้าที่การงาน  ครูและเจ้าของโรงเรียนสมองเลิศปราจีนบุรี 
จังหวัดที่อยู่ ปราจีนบุรี
 
 
ลูกเคยมีจิตแวบนิดนึง เป็นความคิดด้านลบที่เกิดขึ้นเอง แต่ก็ตั้งสติและตัดความคิดไม่ดีทิ้งไป  บางครั้งเป็นคำถามในใจ เป็นความสงสัย ว่ามาถูกทางไหม สิ่งที่ท่านอ.อุบล ทำ มีสิ่งใดขัดกับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าบ้าง แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดมาหักล้างความดีของท่านอาจารย์ได้เลย   สุดท้ายความสงสัยก็หมดไป    เมื่อเกิดความคิดที่เป็นความสงสัยจะมีอาการ เวียนหัว แต่พอกราบรูปท่านอาจารย์อาการเวียนหัวก็หายไป ด้วยความจริงที่ได้สัมผัส   ก็พบแต่ความดีงาม ความรักความเมตตา เป็นความสุข ที่ท่านอาจารย์ได้มอบให้มาโดยตลอด
 
ความคิดสงสัยเพียงแวบเดียวยังส่งผลกรรมได้เพียงนี้ แสดงว่าท่านอาจารย์อุบลต้องมีความบริสุทธิ์อย่างมากๆ กรรมจึงส่งผลอย่างฉับพลันทันทีต่อผู้ที่ปรามาสท่านแม้เพียงความคิดแวบเดียว 
 
กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล อย่างสูงสุด ที่เมตตาให้ลูกมีโอกาสกราบขอขมาที่มีจิตปรามาส ที่ได้ล่วงเกินท่านอาจารย์ทางความคิด
 
ลูกจะตั้งสติ สำรวมระวังความคิด ความพูด การกระทำ ทุกๆอย่าง ให้อยู่บนหนทางแห่งความถูกต้องดีงามตลอดเวลาค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ปาริชาติ เฟื่องไพบูลย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 02:11:04


ความคิดเห็นที่ 37 (1640508)

ชื่อ ณัชชา พรหมทองแก้ว

อายุ 29 ปี

จบคณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ปัจจุบัน ทำงานอยู่ที่เมือง Barrie,Ontario. Canada (Live-in Caregiver)

เรียนอยู่ที่ เมือง Toronto, Ontario. Canada (PSW program)

ตอนรู้จักบ้านสวนพีระมิดตอนแรก รู้จักผ่านทาง Website youtube ตอนดูคลิปบ้านสวนพีระมิดตอนแรก ก็เกิดความสงสัยว่าจริงหรอ

แต่ตอนนั้นยังไงก็ต้องดุให้จบจนครบ 9 ตอนตามกฎของบ้านสวนพีระมิด เมื่อดูไปเรื่อยๆ ก็ทำให้เกิดความเข้าใจว่า แค่คิดสงสัยก็เป็นการปรามาสแล้ว จากนั้นจึงได้ขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบลผ่านทาง ยูทูป เพราะตอนที่ดูคลิปบ้านสวน ณัชชาอยู่ที่ประเทศอเมริกา  พอเดินทางกลับประเทศไทยก็ได้มีโอกาสไปบ้านสวนพีระมิด จิตชั่วก็คิดแวปไม่ดีต่อท่านอาจารย์อุบล บ่อยมากๆ ทั้งๆที่ใจไม่อยากจะคิดเลย ผลที่ได้รับคือ จิตตกอย่างรุนแรง จิตใจฟุ่งซ่าน ไม่สามารถควบคุมจิตใจด้านชั่วได้  ปวดบ่า ปวดคอ และก็เกิดทุุกข์ทางใจ ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ 

หลังจากกลับจากบ้านสวนพีระมิด ก็มีเรื่องให้ทะเลาะกับแม่ ทำให้แม่ของณัชชา ปรามาสท่านอาจารย์อุบล โดยที่ท่านไม่ได้ตั้งใจ ผลที่ได้รับคือ เกิดทุกข์ทางใจอย่างมาก ทั้งเรื่องความรัก และความไม่เข้าใจระหว่างณัชชากับแม่ การเงินฝืดเคือง ทำอะไรก็ไม่สมหวัง 

เมื่อเข้ามาอ่านเวปบ้านสวนพีระมิด จึงได้รู้ว่า จิตที่คิดไม่ดี นั้น เกิดจากการที่เราเคยผิดศีลทั้ง 5  ข้อ ทำให้ความชั่วเข้ามาครอบคลุมจิตใจได้ 

ณัชชากราบขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล ที่เคยคิดปรามาส และจิตแวปคิดไม่ดีต่อท่านอาจารย์อุบลบ่อยๆ และเป็นต้นเหตุให้แม่ของณัชชาปรามาสท่านอาจารย์อุบล ตอนที่อยู่เมืองไทย 

ณัชชาขอกราบขอขมาลาโทษค่ะ สาธุ 

และกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ที่มีความเมตตาให้ณัชชาได้มีโอกาสกราบขอขมาในสิ่งที่เคยคิด และทำไม่ดีต่อท่านอาจารย์อุบล ผ่านทางเวปไซด์บ้านสวนพีระมิด และผ่านกระทู้นี้ ถึงแม้จะอยู่ไกลเพียงใด ท่านอาจารย์ก็มีความเมตตากรุณาต่อลูกบ้านสวนเสมอค่ะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 06:32:07


ความคิดเห็นที่ 38 (1640576)

              

ผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 12:03:35


ความคิดเห็นที่ 39 (1640578)

  "ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

 

ชื่อ..ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล ( ทัศน์ )

 

จบการศึกษา ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัญฑิต ( พยาบาลและผดุงครรภ์) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

 

ปัจจุบันทำงานที่ รพ.ทหารผ่านศึก ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ จ.กรุงเทพมหานคร

    ครั้งแรกที่ดูรายการคุยไปแจกไปของอ.อุบล ทาง website youtube ทัศน์มีจิตศรัทธาในตัวอาจารย์เต็มร้อย แต่พอดูไปเรื่อยๆก็มีความรู้สึกว่าทำไมต้องบังคับให้ดูครบ 9 ตอนด้วยและมีกฎระเบียบอีกมากมาย เพราะคนที่ดูมีอาการเจ็บป่วยและมีเรื่องทุกข์ใจอยู่แล้ว จะได้มีที่พึ่งและปลดเปลื้องทุกข์เร็วๆ หลังจากมีโอกาสมาสร้างบุญแรงกายที่บ้านสวนพีระมิดจึงเข้าใจว่าทุกการกระทำมีผลต่อการบำบัด อาจารย์รู้ว่าภัยอันตรายจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่ปฎิบัติตามกฎ เพื่อไม่ให้ทุกคนก่อกรรมเพิ่มและมีอันตรายถึงชีวิต จึงต้องมีขั้นตอนต่างๆขึ้นมา ซึ่งเป็นการเตือนด้วยความเมตตาชองท่านอาจารย์ แต่เรากลับมองไม่เห็นความหวังดีของท่านอาจารย์ นอกจากนี้ยังเคยคิดถึงรูปร่างอาจารย์สวยสมสัดส่วนยิ่งกว่านางแบบอีก หน้าอกใหญ่จัง ผิวพรรณขาวชมพูสวยไม่มีที่ติ ผมดำธรรมชาติหรือเปล่า ความที่คิดไม่ดีต่อท่านอาจารย์ จึงทำให้ตัวเองขาดปัญญา คิดอ่านช้า นึกคิดอะไรไม่ออกโดยเฉพาะการเขียนธรรมทาน ต้องใช้กำลังใจและเวลาในการเขียนนานมาก และขาดความมั่นใจ

   ทัศน์กราบขอขมาที่คิดปรามาสท่านอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาอาจารย์ในสิ่งที่เคยล่วงเกินทั้งทาง กาย วาจา และทางใจ เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนีย์ อุปถัมภกสกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 12:14:57


ความคิดเห็นที่ 40 (1640656)

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล

ที่เมตตาช่วยลูกหลานปลดล็อคกรรม

"มโนกรรม"

ที่มีต่อตัวท่านและครอบครัว

 

*********

 

ชื่อ ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย

ชื่อเล่น สีนวล  อายุ 45 ปี

ที่อยู่ เมือง AUBERVILLIERS  ประเทศฝรั่งเศส

เรียนจบชั้น ม.6 โรงเรียนหนองไผ่  จ.เพชรบูรณ์

อาชีพปัจจุบัน แม่ครัวร้านอาหาร ในปารีส

 

 "ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

 

ครั้งแรกที่มาบ้านสวนพีระมิดก็ทำผิดกฏซะแล้ว โดยนำเพื่อนและน้องสาวที่ดูรายการยังไม่ครบ 9 ตอนมาด้วย พากันมาในวันธรรมดาซึ่งท่านอาจารย์ได้มีเมตตาออกมาหาที่โรงทาน และได้มีโอกาสใช้แรงกายโดยการย้ายเสาซิเมนต์ระหว่างที่ช่วยกันยกเสาจากด้านข้างโรงทานไปไว้ที่ด้านหลังเรือนไม้ไผ่อยู่ๆมีจิตคิดแวปเรียกชื่อท่านโดยมีคำว่าอีนำหน้าและมีคำด่าท่านด้วยภาษาหยาบคาย วันนั้นทั้งดีใจที่พบท่านอาจารย์และจิตตกไปพร้อมกันที่มีมโนกรรมเช่นนั้น

ผลที่ได้รับเห็นๆในวันนั้นคือ สามีส่งเงินมาให้จากฝรั่งเศสก็มีเหตุให้ไปรับเงินจากธนาคารไม่ทันและต้องเดินทางกลับฝรั่งเศสในวันเดียวกันแต่ ณ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นผลจากมโนกรรมของตนเองจนกระทั่งวันนี้...

ได้มีโอกาสเข้ามาบ้านสวนพีระมิดอีกในค่าย 11 ได้ยินท่านอาจารย์เมตตาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับท่านให้เงินผู้หญิงคนนึงที่เป็นนางงามและขอเป็นภรรยาน้อยของท่าน อ.มงคล จิตก็คิดชั่วสงสัย อ.มงคล มีกิ๊ก ที่คิดขั่วเช่นนี้ได้คงเพราะตัวเองเคยมีกิ๊กและเป็นกิ๊กคนอื่นมานั่นเอง ผลของการปรามาสท่าน อ.อุบล และ อ.มงคล เช่นนี้ ตอนนี้สามีของตนเองก็มีกิ๊กเช่นกันและมีทีท่าว่าจะถาวรซะด้วย ขณะนี้ก็กำลังตกลงว่าจะหย่าขาดกันกับสามี

 

หลายครั้งที่เคยปรามาสท่านอาจารย์อุบลผู้มีพระคุณใหญ่ มีจิตแว๊ปเป็นคำด่าท่านแบบหยาบคาย ใจตนเองจะฝืนความรู้สึกนั้นตลอดทุกครั้งเหมือนตกนรกทั้งเป็น ทั้งๆที่ความรู้สึกส่วนตัวนั้นศรัทธาท่านมากเหลือเกินและแอบมีความรู้สึกลึกๆเองว่าเหมือนท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา เรารักท่านเหลือเกิน แต่คงเป็นเพราะได้สร้างกรรมชั่วมาคือทำผิดศีลทั้ง 5 ข้อ กรรมจึงรวมตัวกันให้ผลอย่างเต็มรูปแบบเช่นนี้

 

ธัญญาภรณ์กราบขอขมา...

สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดาองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตรย

พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ท้าวเวสสุวรรณ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาล

องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงค์

ท่าน อ.อุบล อ.มงคล และคุณท้อป

 

ที่ลูกเคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินท่านทั้งหลาย

ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

ลูกขอให้ท่านทั้งหลายรับการขอขมากรรม

ได้โปรดอโหสิกรรมแก่ลูกผู้มีจิตชั่วคนนี้ด้วยค่ะ

สาธุ

กราบ กราบ กราบ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย (ฝรั่งเศส) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 19:45:22


ความคิดเห็นที่ 41 (1640674)

 

 "ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด

แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ดิฉันชื่อ พ.ญ.วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ อายุ 65 ปี

จบการศึกษา แพทย์ศาสตร์บัณฑิต จากร.พ.จุฬาลงกรณ์

เคยเป็นแพทย์ประจำที่รพ. ประจำจังหวัดพะเยา ต่อมาได้ไปทำงานในคลีนิคแพทย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่หลายปี ขณะนี้ทำงานที่รพ.มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ได้รู้จัก อจ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ โดยการแนะนำของ ป้าเตือน ตั้งแต่ต้นปี 2554 โชคดีที่ป้าเตือน เตือนเรื่องไม่ให้ปรามาสการแต่งตัวของอาจารย์อุบล พอเข้าไปดูรายการคุยไปแจกไปก็พยายามไม่มองที่การแต่งตัว แม้ว่าจะเผลอ คิดว่าทำไมอาจารย์สวมเสื้อผ้ารัดรูปจัง อาจารย์อุบลรูปร่างยังกะนางฟ้าที่เขาวาดตามผนังวัด ได้ดูตัวอย่างผลของการคิดไม่ดีกับอาจารย์อุบลแล้วคันในที่ต่างๆจึงระมัดระวังพยายามควบคุมความคิดเอาไว้

พอมาเข้าค่ายครั้งแรกนอนที่ชั้นบนของศาลาไม้ไฝ่ พื้นไม่เรียบทำให้นอนลำบากก็มีความคิดแว๊ปว่า โอ้โหครอบครัวอาจารย์ มีบ้านที่อยู่สุขสบายแต่ทำไมพวกเราต้องนอนพื้นแบบนี้ ดีว่ามีสติคิดได้ว่าเราเต็มใจมาเองแท้ๆมีที่นอนก็บุญแล้ว แถมยังมาใช้น้ำไฟของอาจารย์อีก คนอื่นเขาก็ไม่เห็นมีใครบ่น 

 ผลก็คือมีฝนตกรั่วหยดลงมาบนหมอนและที่นอนเปียกหมด ทำให้นอนลำบาก คิดได้ว่าคงเป็นกรรมที่ไปปรามาสอาจารย์อุบลคะ

สำหรับรหัส อาจารย์อุบลช่วยด้วย หมอก็เคยคิดว่าทำไมต้องใช้ชื่ออาจารย์อุบล แต่พอเจอคนที่เป็นอิสลามก็ทำให้เข้าใจว่าเป็นสากลกว่าการใช้ชื่อของพระศาสดาของแต่ละศาสนา

เมื่อได้รู้จักบ้านสวนพีระมิดนานวัน ก็จะพบว่า ทุกๆสิ่งที่อาจารย์บอกให้ทำนั้นมีเหตุมีผล ที่เราไม่ควรจะไปสงสัยว่าจะจริงไม้น้อ

 ผลจากความคิดสงสัย ทำให้ใช้รหัสอาจารย์อุบลไม่ค่อยได้ผล การปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า เท่าที่ควร

อีกครั้งพอไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังก็คิดว่าทำไมหลังคาห้องน้ำ มุงด้วยใบจากแทนที่จะเป็นสังกะสีหรือกระเบื้อง  พออาบน้ำไปสักพักก็มีเสียงดังมากหล่นบนหลังคาทะลุลงมาเฉียดหัวไปนิดเดียว คิดว่า เทวดาคงมาเตือนเรื่องความคิด ทำให้กระท้อนหล่นลงมาเกือบโดนศรีษะแนะ

ความคิดเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆเพราะมันชอบไหลลงต่ำเสมอ และเรามักจะคอยจดจ้องแต่การกระทำของคนอื่น แต่ไม่ค่อยจะหันมาดูตัวเองก่อน นั้นก็คือมีสติอยู่เสมอ

 พออาจารย์เตือนเรื่องภัยพิบัติ ก็คิดว่าอาจารย์ทำให้กลัวมากเกินไป ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้

ผลจากการปรามาสคำสอนของอาจารย์อุบล ทำให้บ้านที่กรุงเทพ มีน้ำท่วมสูง คนที่เฝ้าบ้านทำให้เดือดร้อนใจ ไม่หยุดหย่อน พอได้คิดรีบทำตามคำแนะนำของอาจารย์ปัญหาต่างๆก็คลี่คลาย

หมอต้องกราบขอขมาอาจารย์อุบล และครอบครัว ที่ได้ประมาสพลาดพลั้งทางมโนกรรมหลายครั้งด้วยความเขลาขาดสติปัญญากลั่นกรองให้ดีเสียก่อนคะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 21:33:53


ความคิดเห็นที่ 42 (1640697)

 

ในความเห็นของจิ๋ม (ชัชวลี จาก ปตท.) มีความเห็นว่า
จากการที่พวกเราได้ทำการปรามาสท่านอาจารย์อุบลกันถ้วนหน้า จัดเป็นมโนกรรมทุจริต เป็นอกุศลกรรมอย่างนึง นั่นก็เพราะว่าธรรมชาติของจิตเรานั่นเองที่ไหลลงต่ำไปในทางที่ชั่ว จิ๋มได้มีประสบการณ์ในการเรียนธรรมะ ท่านสอนว่าถ้าเราจะพยายามรักษาจิตให้คิดแต่กุศลได้ต้องฝึกที่จะดูจิต เลยขอเล่าเรื่องการดูจิตให้พวกเราฟังกันดังนี้ค่ะ  ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยทุกท่าน ธรรมะในใจของจิ๋มยังต่ำต้อยมาก เมื่อเทียบกับทุก ๆ ท่านในบ้านสวนฯ ช่วยแนะนำด้วยถ้ามีอะไรผิดพลาดนะคะ
 
 การดูจิต ก็คือการรู้สึกว่าจิตเป็นอย่างไร เพื่อให้จิตเกิดสติ-สัมปชัญญะ เมื่อรู้สึกว่าจิตมีกิเลส สติจะเกิด และถ้ามีสัมปชัญญะ จิตที่มีกิเลสก็จะดับไป เหลือแต่ความรู้ ตื่น เบิกบาน ไม่รู้สึกว่าพอใจ-ไม่พอใจต่อจิตที่มีกิเลส (ที่เพิ่งดับไป)
     เมื่อไม่รู้สึกว่าพอใจ ก็ไม่พยายามสร้างจิตที่มีกิเลสขึ้นใหม่ เมื่อไม่รู้สึกว่าไม่พอใจ ก็ไม่พยายามทำให้จิตที่มีกิเลสไม่สามารถเกิดขึ้นอีก สติสัมปชัญญะที่เกิดขึ้นมีผลให้จิตเหลือแต่ รู้ เท่านั้น
     จิตที่มีสติสัมปชัญญะ เรียกอีกอย่างว่า รู้สึกตัว หรือ รู้ตัว เมื่อเกิดสติสัมปชัญญะ (รู้สึกตัว) ได้บ่อย ๆ จิตเองจะค่อย ๆ เกิดความเข้าใจต่อกายต่อจิตเอง จนกระทั่งเกิดความเข้าใจได้ว่า กายไม่ใช่ตัวเรา จิตเองก็ไม่ใช่ตัวเรา กายนี้เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมสลายดับไป จิตนี้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เมื่อเข้าใจถึงระดับหนึ่ง ความเข้าใจผิด ความเห็นผิดไปว่ากายนี้จิตนี้เป็นตัวเรา ก็จะถูกละออกไปอย่างชนิดไม่กลับไปเข้าใจผิด ไม่กลับไปเห็นผิดอีกเลย
     เมื่อละความเข้าใจผิด ความเห็นผิดไปแล้ว สติสัมปชัญญะที่เกิดจากการรู้สึกว่าจิตเป็นอย่างไร ก็จะพัฒนาไปตามลำดับจนในที่สุด การปล่อยวางกายปล่อยวางจิตก็จะเกิดขึ้น สภาวะที่เรียกกันว่า นิพพาน ก็จะปรากฏขึ้น
 
ได้คัดลอกคำสอนของท่านอาจารย์ สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา  ซึ่งโพสต์ไว้ในเวป วิมุตติ เมื่อ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ๑๐:๔๓ น.
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 22:37:59


ความคิดเห็นที่ 43 (1640828)

  ชื่อ              ทศวรรษ  ฉิมวงศ์    ทศ )     อายุ  21  ปี

 การศึกษา     นิสิต คณะศึกษาศาสตร์        เอกการสอนภาษาอังกฤษ ปี                     มหาวิทยา่ลัยบูรพา         จังหวัด    ชลบุรี

1 .  เรื่องที่ปรามาส ท่าน อ. อุบล  ขณะที่ดู รายการคุยไปแจกไปของ . อุบล ในเว็บ    ยูทูป มีจิต คิดว่า . อุบล นี่รู้ธรรมะเยอะ  ถ้าบวช   แล้วไปอยู่ตามป่า ตามเขา คงจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้แน่   ซึ่ง ตอนนั้น  ก็ไม่รู้ว่า บ้านสวนพีระมิด ก็อยู่ไกลจากถนนใหญ่ และก็มีป่า เขาตามที่  เราคิด และก็ มีจิตคิดเรื่อง การ แต่งตัว ของ อุบล ว่า  แต่งตัว สวย เซ็กซี่        

2 .   ผลจากการปรามาส  ท่านออุบล  ตอนนั้น  มีสิว ขึ้นเต็มหน้า   เวลาออกไปนอกบ้านต้องเอาหน้ากากปิดหน้าเอาไว้ รู้สึกทุกข์ใจและอายมาก ทำยังไงก็ไม่หาย ถ่ายไม่ออก ไม่สบายเหมือนเป็นไข้ ขาดความคล่องตัวในชีวิตหลายด้านมีปัญหาและอุปสรรคมากมาย 


3.    หลักฐานที่ยืนยัน ว่าการปรามาส เป็นบาป    ปัญหาสุขภาพ และอุปสรรคในชีวิตทุกด้าน จากข้อ 2

4.    สำนึกผิด ได้เพราะ  นึกถึงคำสอนพระพุทธเจ้า ที่ว่า อย่าตำหนิใคร ไม่ว่า        คน  สัตว์  สิ่งของ  หรือตำหนิอะไรก็ตาม  กรรมแม้เพียงความคิด  ก็มีผลแล้ว         ยิ่งคิดกับผู้ที่มีความดีสูง ๆ กรรมยิ่งหนัก  ทุกข์ยิ่งมากตาม

 

5.   ทำอย่างไร ผลที่เกิดจากการปรามาส จึงหายและคลี่คลาย

หลังจากที่ไปกราบขอขมาท่าน อ. อุบลที่บ้านสวนพีระมิด , รู้จักบ้านสวนพีระมิด        และหันมาดับเหตุที่ทำให้เราทุกข์ โดยหันมารักษาศีล ให้ดี และเริ่มกินมังสวิรัติ    หลังกินได้ 3วัน  สิวอุดตันที่ฝังบนหน้า บริเวณหน้าผาก   ฝังดำคล้าย พังผืด แทบจะหายไปหมด จิตใจ เย็นขึ้น  รู้สึกเรามีความเมตตา และเข้าใจคนอื่น ๆ มากขึ้น      ปัญหาและอุปสรรคในชีวิต คลี่คลาย 
ด้านสุขภาพ   แทบไม่ป่วยเลย ถ้าปวดหัว เจ็บป่วยตามร่างกาย หรือมีปัญหาอะไร ก็ เรียกอาจารย์อุบล ช่วยด้วย แล้วก็ได้ผลเสมอมา นอกจากถึงวาระที่เราต้องรับกรรม ก็มีป่วยบ้างกินยา หาหมอ
ด้านจิตใจ      รู้สึกว่า เราเป็นคนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ใจจากหยาบก็ละเอียดขึ้น  มีความเมตตา ความรัก เข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ มากขึ้น อยากทำบุญ ทำความดีมากขึ้น ครอบครัวมีความสุขทุกด้าน มองเห็นความชั่วของตนและเข้าใจธรรมะมากขึ้น    ทุกอย่างหลังจากที่รู้จัก ท่าน .บล และ บ้านสวนพีระมิดมา เหมือนได้เกิดใหม่ทั้งทางโลกและทางธรรม อีกครั้ง


ความยาว   1 หน้า   A 4   พอดีเลยครับ  ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-16 12:26:58


ความคิดเห็นที่ 44 (1640840)

ดิฉัน น.ส.วีรดา  อยู่นวล อายุ 45 ปี

จบการศึกษาระดับ ปริญญาตรี สถาบันราชภัฎสวนสุนันทา

ทำงาน สำนักงานการคลังสภากาชาดไทย

       1.  ตอนที่ท่านอาจารย์ออกไปธรรมบำบัดสัญจรที่ ร.ร.ทราเวอรเลอร์ และท่านให้ใช้คนที่จะไปร่วมงานต้องใช้เอกสารคือ รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน 2 นิ้ว บัตรประชาชน แหม่มก็คิดปรามาสไปว่าทำไมอาจารย์อุบลเรื่องมากจัง ต้องใช้รูปถ่ายด้วย ซักพัก ท่านอ.ก็มาเขียนอธิบายว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำอย่างนี้ ก็รู้สึกผิดมากเลยที่คิดเช่นนั้น

         2. บางทีใช้รหัสไม่ได้ผล ก็รู้สึกว่าอย่างนี้เราจะมั่นใจได้อย่างไร จะไปบอกคนอื่นเขาและถ้าเขาใช้ไม่ได้ผลจะทำอย่างไร และรหัส ทำไมถึงใช้ชื่อตัวเองด้วย สุดท้ายก็จะทราบคำตอบทีหลัง แต่มโนกรรมไปก่อนแล้ว

       3.ท่านอ.อุบล ชอบคุยกับคนที่ทำบุญเยอะ ๆ  มีศักยภาพดี ๆ ตอนนั้นดูรายการตอนคุณวี รู้สึกว่าคุณวีมาทำงาน ทำสวนให้  อ.ก็จะคุยดีด้วย แต่มาตอนหลังก็เข้าใจว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

       4. ตอนอ.อุบลเป็นสาว ๆ และอ.มงคล จีบกัน อ.อุบล เขินอายเป็นหรือเปล่า คือ ตอนนี้แหม่มมองว่าอ.อุบลไม่ใช่คนธรรมดาไปแล้ว

             ผลกรรมที่ได้รับก็คือ เคยคันตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ ไอไม่หยุด เจ็บคอรักษาไม่หาย

 แหม่มกราบขอขมาท่านอ.อุบลด้วยค่ะ บางครั้งก็จิตแว๊ป คิดอะไรไปโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่อยากให้เป็น

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-16 14:21:44


ความคิดเห็นที่ 45 (1640861)

  "ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

ชื่อ นางฉันทนา  ชูนุ่น ชื่อเล่น เอิบ  อยู่จังหวัดปทุมธานี

จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิทยาการจัดการบัญชี  มสธ.

ปัจจุบัน เป็นแม่บ้าน  เคยทำงานสำนักงานตรวจบัญชีเกษตรและสหกรณ์พะเยา

สถานธนานุบาลน่าน และบริษัทเอกชน ตำแหน่งสมุห์บัญชี

ครั้งแรกที่ได้พบอ.อุบลในบ้านสวนพีระมิด 

อาจารย์แต่งตัวรัดรูป สวย  เปรี้ยว  และคิดว่า

ทำไมตาอาจารย์ดุจัง บางครั้ง จะเห็นเป็นจุดสีแดง

ออกมาเลย เวลามองก็จะเหมือนว่าจะขุดค้นตัวเราออกมาดู

และคิดอาจารย์ตัวผอมบาง แต่หน้าอกทำไมใหญ่สวยดีจัง

พอหลังจากที่ได้ดูรายการคุยไปแจกไปทางเว็บฯแล้วและ

เกิดความศรัทธา ก็ไม่ได้ติดขัดในเรื่องการแต่งตัวแต่อย่างใด

เพราะเคยอธิษฐานว่าขอให้เจอ ครูบาอาจารย์ไม่หญิงหรือชาย

แต่ถ้าทำให้เราได้เข้าใจหรือชี้นำทางให้เข้าถึงธรรมได้ก็พอใจ

แต่บางครั้งที่จิตเผลอลงต่ำ ก็จะชอบมองและคิดว่า อาจารย์

ชอบใส่รัดรูป  แต่ก็ไม่น่าเกลียด ก็จะพยายามความคุมความคิด

ไว้ ไม่ให้เผลอสติ เพราะบางครั้งที่มีใครพูดไม่ดีขึ้นมา จิตเราก็

จะเผลอคิดตามไปทันที ไวมาก ทำให้เกิดมโนกรรมง่ายมาก ก็ได้

พยายามกั้นความคิดนั้นไว้ ต้องเตือนสติไม่ให้คิดตามในสิ่งที่รับฟังมา

และได้ขอขมาที่คิดล่วงเกินอาจารย์ทุกครั้งทันที 

ผลจากที่เผลอสติคิด ก็จะมีอาการคันและปวด ตามที่ต่างๆ พอ

ขอขมาก็จะมีอาการทุเลาลง จนกระทั้งพยายามควบคุมจิตไว้

ด้วยการดูลมหายใจบ้าง ภาวนาบ้าง หรือสร้างสมาธในระหว่าง

ทำงานบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่ปล่อยให้จิตได้ไหลลงสู่ที่ต่ำ

ซึ่งพอได้ทำไป อาการต่างๆ ก็ค่อยดีขึ้นและหายไป

เรื่องที่สองก็คือ หลังจากที่ได้เข้ามารู้จักบ้านสวนแล้ว ก็ศรัทธา

เต็มร้อย  แต่บางครั้งก็แว๊ปขึ้นมา สงสัย ว่าเอ๊ะจะใช่จริงหรือเปล่า

หลอกลวงหรือเปล่า แต่ก็รู้ทุกคนต่างคนต่างมาคนละที่ไม่มีหน้าม้า

แน่ๆ และแต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกันบางทีก็คิดว่าเราปฎิบัติมาถูกทางรึยัง

เราจะปฏิบัติแบบไหนดี จะเสียเวลารึเปล่า  เพราะตั่งแต่ได้เข้าค่าย 5

ก็จะมาที่บ้านสวนตลอด   จนไม่ได้ไปปฏิบัติที่วัดอัมพวันต่อเลย

จากที่เข้ามาตลอดได้รับฟังธรรมจากอาจารย์และจากหนังสือของ

หลวงพ่อก็ทำให้ความสังสัยนี้หายไป ได้กราบขอขมา พระพุทธองค์

พระธรรม พระสงฆ์ ที่ลูกมีปัญญาน้อย ทำให้เกิดความคิดสงสัยในตัว

อาจารย์ด้วยความเขลา เบาปัญญา ทำให้ปรามาส ครูบาอาจารย์โดย

ไม่รู้ตัว รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในครั้งแรกๆ ว่าจะใช่จริงเหรอ ซึ่งมันจะแว๊ป

ขึ้นมา จะว่าสงสัยในคำสอนของอาจารย์ก็ไม่ใช่  เพราะเชื่อในคำสอนขอ

พระพุทธองค์เรื่องกฎแห่งกรรมอยู่แล้ว  แต่เป็นจิตที่นึกสงสัยอ.แว๊ปเข้ามา

โดยไม่ตั้งใจทั้งๆที่เกิดศรัทธาแล้ว ตอนนั้นได้ออกมาขอขมาอาจารย์ตอน

ที่ปิดค่าย 6 หรืออะไรก็ไม่แน่ใจค่ะ

ผลตอนนั้นก็ทำให้จิตใจเศร้าหมอง  นอนไม่หลับ  ไม่ค่อยมีสมาธิ สับสน

หงุดหงิด ปวดหัว หลังจากที่ได้ออกไปขอขมาในครั้งนั้น  ก็ทำให้จิตใจ

สบาย  คลายความฟุ้งซ่านหงุดหงิด หายปวด  

จากการที่ได้เข้ามาสร้างบุญบ่อย ๆก็ทำให้ซึมซับคำสอนจากอาจารย์อุบล

ทั้งทางตรงและทางอ้อม หลายเหตุการณที่เกิดขึ้นและพบเห็นทำให้

เปลี่ยนแปลงตัวเองแบบไม่รู้ตัว พัฒนาจิต  มีสติมากขึ้น พยายาม

สำรวมระวัง ความคิด ทางกาย ทางวาจา กั้นไม่ให้ไหลลงต่ำอีก 

อีกเรื่องคือคิดสงสัยในการครองเรือนของอาจารย์ที่ต้องมาปฏิบัติ

ตรงนี้ว่า อาจารย์ทำได้อย่างไง สงสัยไปหมดแต่ไม่ได้คิดลบนะค่ะ

เหมือนเป็นการอยากรู้เป็นแนวทางตัวอย่าง พอคุณสิทธิพูดเรื่องที่ถาม

หลวงพ่อว่าอาจารย์ไปถึงขึ้นไหนแล้ว จิตก็แว๊ปไปคิดเลย ช่างไม่รู้ที่ตำ่

ที่สูงเอาซะเลย ผลก็คือความทุกข์ใจ ฟุ้งซ่าน ไม่มีความสุข ขาดสมาธิ

กระวนกระวายใจและมีอาการคันตามร่มผ้า ตอนที่คิดแว๊ปเข้ามาก็พยายามหยุด

และกราบขอขมาทันที พยายามไม่ฟุ้งซ่านตามไป ใช้วิธี ดูลมหายใจบ้าง

ภาวนาไม่ให้คิดบ้าง ก็ทำให้รู้ทันอารมณ์ได้เร็วขึ้น พยายามหยุดความคิด

ก่อนที่ความคิดอื่นจะตามมาอีก ระยะแรกก็ยากหน่อยทนเจ็บทนคันยังไม่กล้า

ออกไปจนอาจารย์บอกว่าไม่ให้ขอขมาแล้ว  จึงพยามยามฝึกภาวนาไปด้วย

ไม่ปรุงแต่งอารมณ์ ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง  อาการต่างๆก็ห่างหายไป

ทำให้ไม่ฟุ้งซ่าน มีความสุข  อาการคันและปวดก็หายไปเป็นระยะ

ความคิดแค่แว๊ปเดียวกรรมก็ส่งผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ทรงศีล

ทรงธรรม โดยเฉพาะอาจารย์ที่มีความบริสุทธิ์มาก มีเมตตาจิตสูง

ผลกรรมก็จะส่งอย่างฉับพลันทันที 

ลูกขอกราบขอบคุณอาจารย์อุบลและครอบครัวที่เมตตาให้โอกาส

ให้ได้กราบขอขมากรรมที่มีจิตคิดปรามาสล่วงเกินทางความคิดที่เป็นกรรม

หนักทำให้ไม่สามารถปลดล๊อคกรรมได้

กราบ   กราบ   กราบ

ลูกกราบขอขมาสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาล

เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ  เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์

ตลอดจนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงค์ทุกพระองค์

อ.อุบลและครอบครัว  ที่ลูกได้ล่วงเกิน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

ไม่ว่าพลั้งเผลอหรือตั้งใจ ขอได้โปรดรับการขอขมาและอโหสิกรรม

ให้กับลูกด้วยเถิด สาธุ..

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-16 15:06:35


ความคิดเห็นที่ 46 (1640908)

 

มีธรรมะดีๆ มาฝากญาติธรรม ที่เกี่ยวกับการฝึกจิต ให้ตั้งมั่น ไม่ไหลไปคิดในสิ่งที่ชั่ว หรือไร้สาระ
 
หลวงพ่อปราโมทย์:หัดรู้สึกตัวไปเรื่อย วันๆนึงเอาเวลาไปล้างผลาญซะเยอะละ ลองใช้เวลาวันละ 15 นาทีนะมาคอยรู้สึกตัว รู้สึกกายรู้สึกใจไปเรื่อยๆ ดูเล่นๆ ดูสบายๆ ไปเรื่อย ต้องทำเล่นๆ นะ อย่าทำเคร่งเครียด ฝึกเล่นๆ รู้สึกๆๆ ไปเรื่อย เราจะเห็นเลยใจนี้ลอยแว้บๆ  ทั้งวัน เดี๋ยวหนีไปโน่น เดี๋ยวหนีไปนี่ ส่ายไปส่ายมา ให้เรารู้ทันนะ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น จิตเรายินดีให้เรารู้ทัน จิตเรายินร้ายให้รู้ทัน คอยรู้ทันจิตตัวเองไปเรื่อยๆ ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์แล้ว จิตก็ยินดีขึ้นมาบ้าง ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์แล้ว จิตยินร้ายบ้าง กระทบแล้วจิตแกว่งไปแกว่งมาคอยรู้ไปเรื่อยๆ
ต่อไปก็จะเห็นเลยทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างชั่วคราวหมดเลย ความสุขความทุกข์ กุศลอกุศลชั่วคราวทั้งหมดเลย
 
 
การที่จะไม่ไปปรามาสใครนั้น มีเทคนิคที่ว่า สติจะต้องเกิดตลอด อย่าให้ความคิดที่ขั่วเกิด การจะมีสติก็เกิดจากการฝึกฝน เรามาดูเทคนิคการฝึกสติที่น่าสนใจ โดยคำสอนของพระอาจารย์ปราโมขกันดีกว่า เผื่อใครจะนำเทคนิคนี้ไปใข้ได้
 
สติต้องเกิดเองจากการที่จิตจำสภาวะได้แม่น สติที่เจริญวิปัสสนาต้องเป็นสติที่รู้กายรู้ใจตัวเอง ถ้าไปรู้ของอื่นทำวิปัสสนาไม่ได้จริง เพราะวิปัสสนาทำไปเพื่อถอดถอนความเห็นผิดว่า กายนี้ใจนี้คือตัวเรา วิปัสสนาทำไปเพื่อให้เห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรม มีแต่นามธรรม ที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ตัวตนที่แท้จริง ตัวตนที่ถาวรนั้นไม่มี วิปัสสนามุ่งมาตรงนี้ เพราะฉะนั้นวิปัสสนาต้องคอยรู้กายรู้ใจ อย่างบางคนไปเดินจงกรม เท้ากระทบพื้นนะ พื้นเย็นพื้นร้อน พื้นอ่อนพื้นแข็ง รู้หมดเลย รู้เรื่องพื้น ไม่มีใครเห็นพื้นเป็นตัวเราอยู่แล้ว มีใครเห็นพื้นเป็นตัวเรา ที่กำลังนั่งทับนี่ เรากำลังโดนนั่งทับ มีใครรู้สึกไหม มีแต่เราไปนั่งทับมันใช่ไหม
เรารู้สึกกายนี้ใจนี้คือตัวเรา เพราะฉะนั้นดูลงมาในกายในใจนี้ ตัวเราอยู่ที่ไหน ดูลงไปที่นั่น ความรู้สึกว่าตัวเราอยู่ที่ไหน รู้ลงไป ตัวเราอยู่ที่กาย รู้ลงที่กาย ตัวเราอยู่ในใจ นี่ รู้ลงไปที่ใจ ดูลงไปซิ จริงๆ มีตัวเราไหม กายกับใจที่เราจะใช้รู้ ก็ต้องกายกับใจในปัจจุบันด้วย ไม่ใช่กายกับใจในอดีต เพราะกายกับใจในอดีตไม่ได้มีจริง เป็นแค่ความจำ และก็ไม่ใช่กายกับใจในอนาคต กายในอนาคต ใจในอนาคตยังไม่มี เป็นแค่ความคิด ในอดีตก็เป็นแค่ความจำ อนาคตก็เป็นแค่ความคิด ไม่ใช่ความจริง ความจริงอยู่กับปัจจุบันต่อหน้าต่อตานี่
เพราะฉะนั้น พยายามอยู่กับปัจจุบันนะ รู้สึกกาย รู้สึกใจที่กำลังปรากฏในปัจจุบัน รู้ต้องรู้ตามความเป็นจริงของเขา ไม่ใช่รู้แล้วเข้าไปแทรกแซง พวกเราเวลารู้กายก็แทรกแซง รู้ใจก็แทรกแซง เช่น เวลาจะเดินตงกรม เราเคยเดินสบายๆ เดินทั้งวัน เดินทุกวันอยู่แล้ว เดินมาตั้งแต่เดินได้ จะว่าเดินแต่เกิดไม่ได้ใช่ไหม เพราะคนเกิดมามันยังไม่เดิน ไม่ใช่ลูกวัวลูกควาย ลูกวัวควายนะ ชั่วโมงสองชั่วโมงมันเดินได้แล้ว ลูกคนนี่นอน เอาตั้งแต่เดินได้นี่ เราก็เดินอยู่ทุกวันๆ แต่เราเดินไม่เป็น เดินแล้วไม่มีสติ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีสติ รู้ลงปัจจุบันไป ยืน เดิน นั่ง นอน รู้ลงปัจจุบัน เห็นกายเห็นใจที่กำลังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน รู้ไปเรื่อยๆ ของจริงมันอยู่ตรงนี้ก็ดูจากของจริง ไม่ได้ดูจากความคิดความฝันในอนาคต หรือความจำในอดีต เอาของจริงมาดู ดูซิ เป็นตัวเราจริงไหมนี่ ถ้าไปคิดถึงตัวตนในอดีต นั่งนึกถึงหน้าตาของเราตอน ๓ ขวบ เห็นไหมคนนั้นไม่มีแล้ว นี่ ไม่เที่ยง อย่างนี้ไม่ใช่วิปัสสนา วิปัสสนาต้องเห็นตัวนี้อยู่ทนโท่ อยู่นี่เลยนี่ เห็นตัวนี้ล่ะ มันไม่ใช่ตัวเรา ถึงจะเป็นวิปัสสนา เพราะฉะนั้นต้องดูลงปัจจุบัน
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-16 21:54:11


ความคิดเห็นที่ 47 (1640918)

อนุโมทนาบุญธรรมทานด้วยค่ะคุณจิ๋ม 

ทีหามาให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายดี 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-16 22:33:11


ความคิดเห็นที่ 48 (1641011)

ดิฉัน ชื่อ   น.ส.พิมพิมล  จันทร์เพียร   อายุ 34 ปี

จบการศึกษา     ปริญญาตรี    มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์  

อาชีพ  เจ้าของร้านอินเทอเน็ต & เกมส์

            ดิฉันเคยทำการปรามาส อ. อุบล โดยที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อน และไม่เคยรู้จักอ.อุบล ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ อ.อุบล เลย คือ วันหนึ่งมีน้องผู้ชายมาถามดิฉันว่า พี่ชอบอ่านหนังสือธรรมมะไหม ดิฉันชอบอ่านหนังสือธรรมมะ อยู่แล้ว เลยตอบไปว่า พี่ชอบ อ่าน น้องผู้ชายคนนั้นเค้าเลยส่งเอกสารฉบับคู่มือหนีกรรมของ อ. อุบลให้  ดิฉัน ก็เลย เปิดอ่านดู หน้าแรก ๆ จะเป็นเกี่ยวกับการสอนธรรมมะ และเป็นข้อคิด ดิฉันเลยชอบมาก  พอมาถึงกลาง ๆ  จะเป็นการขายสินค้า พอ ดิฉันอ่านจบ ในใจก็คิดว่า เห้ย นี่มันเป็นการหลอกลวงขายสินค้า หรือเปล่า (แต่ในใจก็ยังอยากจะลองซื้อสินค้าใช้ดู)  แค่นี้ยังไม่พอนะคะ  นี่เป็นการคิดเฉย ๆ พอต่อมาดิฉันเห็นว่ามันเป็นแค่กระดาษหลอกขายสินค้า เลยเอากระดาษพวกนั้น มาห่อผ้าอนามัย ( นี่ถือเป็นกรรมร้ายแรง ) จริง ๆ และเป็นการปรามาส อ. อุบลที่รุนแรง จริง ๆ   พอผ่านไปไม่กี่วัน น้องคนนั้น เค้าก็มาหาดิฉัน แล้วพูดว่า พี่อ่านแล้วเป็นไงมั่ง ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร น้องเค้าก็เลยบอกว่า พี่ลองดูรายการคุยไปแจกไป ซิ อ.อุบล เค้าช่วยเหลือคน  ดิฉันก็เลยเปิดดู  ครั้งนี้ใจมันก็เลยคิดไปว่า จะช่วยได้จริง หรือ  หรือว่า จัดฉาก  พอดูเข้าไปหลาย  ๆ ตอน และ ก็น้องผู้ชายเค้าก็มาหาดิฉันบ่อยขึ้น จากจิตใจที่เคยคิดปรามาส อ. อุบล ก็เริ่มมีความเชื่อถือ และ อีกอย่างกับการที่เปิดเวป และลองหา อ่านเอง ดูเอง ก็เริ่มจะเชื่อ อ. อุบล มากยิ่งขึ้น และดิฉันก็เลยขอน้องผู้ชาย เช่า จี้ อ. อุบล ช่วยด้วย เค้าก็บอกด้วยว่าพี่จี้นี้เป็นจี้สารภาพ พี่ทำอะไรไม่ดีไว้ พูดไปเลย  ดิฉันก็เลยแอบไปพูดและสารภาพบาปที่ปรามาส อ.อุบล ทุกเรื่องที่เล่ามาข้างต้น เพราะตั้งแต่ที่เริ่มศึกษา และดูรายคุยไปแจกไป ใจของดิฉันร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลา และเวลาทำอะไรมันติดขัดตลอด ลูกค้าก็ไม่ค่อยเข้าร้าน พอดิฉันสารภาพบาปไป ก็เริ่มดีขึ้น (แต่พอมานั่งพิมพ์ตอนนี้ใจของดิฉันมันเหมือนยิ้มได้ค่ะและมีความสุขมากตอนนี้) และดิฉันก็เริ่มชวนแม่ ให้มาดูด้วยกัน แม่ดิฉันนับถือ อ. อุบล มาก ๆ ค่ะ แต่บางครั้ง ที่ดิฉันเปิดรายการคุยไปแจกไป ให้แม่ ดิฉันดู มันก็ยังมี แว่บ เข้ามาบ้าง ว่า จริงหรือ เปล่า  และ หลาย ต่อ หลายครั้ง ที่เปิดดู ยังมีแว่บ ขึ้นมาอีก และก็เรียก อ. อุบล ว่า  E  ทุกครั้งที่คิด มันเหมือน นรก มาอยู่ในใจ และ ก็ทรมานมาก ดิฉันต้องคอยด่า จิต ของตัวเองตลอดเวลา และพยายามไม่นึกถึง เพราะมันบาป มาก  นี่แหละคือโทษของการปรามาส อ. อุบล 

          ลูกกราบขอขมาอ.อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนพีระมิด ทุก ๆพระองค์ค่ะ กรรมใดที่ลูกล่วงเกิน ด้วย กายกรรม มโนกรรม  วจีกรรม   ทั้งที่ตั้งใจก็ดี  ไม่ตั้งใจก็ดี   ลูกกราบขอขมา และขออโหสิกรรมให้ลูกด้วยค่ะ

           ลูกขอขอบพระคุณ  อ. อุบล   และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนพีระมิด ทุก ๆ พระองค์ ที่ทำให้ลูกได้มีโอกาส รู้จัก อ. อุบล และทำให้ลูกได้มีโอกาส มาปลดล๊อคกรรม  ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พิมพิมล จันทร์เพียร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 17:19:36


ความคิดเห็นที่ 49 (1641028)

ปรามาสท่านอ.อุบลบ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้

รับผลกรรมอย่างไร

(ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554)

ชื่อ นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์  ชื่อเล่น น้อย อายุ 35  ปี

การศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

จากมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตำแหน่ง บุคลากร 3

สังกัด เทศบาลตำบลทุ่งฝน อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี

เนื่องจากข้าพเจ้านางยุวรัตน์  พันธุวงษ์ (น้อย) ได้ทำความผิด

ต่อครูบาอาจารย์คือท่านอ.อุบลคือ คิดไม่ดีกับท่านอ.อุบล

ซึ่งเหตุการณ์วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 น้อยอยากบูชาจี้

พีระมิดและน้อยเห็นในรายการคุยไปแจกไปแจ้งว่าก่อนจะทำ

การบูชาให้โทรศัพท์สอบถามก่อนสั่งเครื่องประดับเงินพีระมิด

แต่ตัวน้อยจิตปรุงคิดแว้บไปเองว่า

ถ้าโทรศัพท์ไปสอบถามกลัวท่านอ.อุบลไม่ว่างรับโทรศัพท์

และกลัวท่านอ.อุบลไม่ทราบว่าได้โอนเงินไปให้แล้วกลัว

อ.อุบลไม่รู้ว่าเงินที่โอนไปเป็นเงินใครแล้วท่านอ.อุบลไม่ได้

ส่งจี้พีระมิดดังกล่าวให้กับตนเอง

ทั้งที่

ยังไม่ลองโทรศัพท์ติดต่อดูมีแต่คิดเองสรุปเองทั้งนั้น

เพราะเงินในบัญชีมีไม่มากมีเท่ากับค่าโอนจี้และค่าส่ง

เท่านั้นคือมีประมาณ 2,000 บาท

กรรมที่น้อยได้รับทันทีคือ

รถจักรยานยนต์ที่ขับไปทำงานเกิดยางรั่วทันที รถเก๋งจอดไว้ที่

บ้านพังทำให้เครื่องเสียงรถยนต์ซ๊อตแล้วใช้งานไม่ได้เลย

เครื่องซักผ้าพัง เสื้อที่เคยใส่ไปบ้านสวนพีระมิดและเป็นเสื้อ

ที่น้อยเองชอบใส่โดนหนูกัดขาดทำให้ต้องได้ทิ้งเสื้อตัวนั้น

และมีเงินฝากที่เก็บสำรองไว้สำหรับเดินทางไปทำบุญที่

บ้านสวนพีระมิดมีเหตุให้ต้องได้ถอนเงินออกจากบัญชีมาใช้

จนหมดเกลี้ยงน้อยลองมานั่งนึกดูว่าทำไมเราถึงได้ประสบ

เคราะห์กรรมอะไรมากมายขนาดนี้ เมื่อน้อยนึกขึ้นได้ว่า

เป็นเพราะเหตุที่กล่าวไว้ข้างต้น

เมื่อน้อยสำนึกได้แล้วจึงได้โทรศัพท์ฝากข้อความไว้ยัง

หมายเลขบ้านสวนพีระมิด 037-356-268

เพื่อกราบขอขมาท่านอ.อุบล พระพุทธเจ้า หลวงพ่อปาน

หลวงปู่ฤาษีลิงดำ ท่านท้าวเวสสุวรรณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด

ในบ้านสวนพีระมิด และวันที่ 23 มกราคม 2554

ได้ดูรายการคุยไปแจกไป ได้กราบขอขมาท่านอ.อุบล

ผ่านทางรายการคุยไปแจกไปทางหน้าจอทีวี กราบขอขมา

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หลวงพ่อปาน หลวงปู่ฤาษีลิงดำ

ท่านท้าวเวสสุวรรณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในบ้านสวนพีระมิด

แต่ทันใดน้อยกลับมีอาการป่วยหนักขึ้น

ในขณะดูรายการคุยไปแจกไป ทั้งจาม น้ำมูกไหลมาก ไม่หยุด

พยายามดูรายการให้จนจบ หลังจากดูรายการคุยไปแจกไป

จบมีคำถามผุดขึ้นในใจว่า

ยังยืนยันจะรัก เคารพ ศรัทธา

ท่านอ.อุบลอีกหรือไม่

เพราะอนุโมทนาหน้าจอทีวีผ่านรายการคุยไปแจกไปแล้ว

อาการน้ำมูกไหล จาม ก็ไม่ดีขึ้น

ในใจน้อยตอบว่า

สิ่งที่น้อยได้กระทำลงไปน้อยยอมรับ

ผิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ล่วงเกิน

ท่านอ.อุบล จริงๆๆเจ้าค่ะ

และน้อยยังยืนยันค่ะว่าน้อยยังรัก เคารพ

ศรัทธาท่านอ.อุบลเหมือนเดิมเจ้าค่ะ

และมีคำถามผุดขึ้นในใจว่า

จะให้มีหลักฐานพิสูจน์อย่างไรว่า

ยังรัก เคารพ ศรัทธา ท่านอ.อุบลเหมือนเดิม

ก็ตั้งใจตอบตัวเอง

ก่อนไหว้พระสวดมนต์ เช้า เย็น

จะตั้งใจกราบรูปท่านอ.อุบลก่อนสวนมนต์

จำนวน 109 ครั้ง

และแล้วช่วงเย็นของวันที่ 23 มกราคม 2554 กลับมีอาการไข้

ขึ้นสูงมากกว่าเดิม  ต้องกินยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ 5 เม็ด

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2554

ไปทำงานอาการไข้ น้ำมูกไหลยังไม่ดีขึ้น จนถึงตอนเย็น

น้อยกลับมาบ้านมานั่งพับพีระมิดที่ด้วยกระดาษสีแดง สีชมภู

จำนวน 39 องค์

ผลปรากฏว่า อาการไข้ น้ำมูกไหล  จึงได้หายทันที

แต่เหตุการณ์นั้นยังไม่จบค่ะ

น้อยตั้งใจว่าจะไปเขียนสารภาพบาปถึงความผิดของตัวเอง

ในเวปบ้านสวนพีระมิดในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554

น้อยได้ไปเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ร้านอินเทอร์เน็ต

ในใจตั้งใจไว้ว่าจะเขียนข้อมูลที่คิดไม่ดีต่อท่านอ.อุบล

ให้ได้ในวันนี้แต่เข้าเวปบ้านสวนพีระมิดแล้วกลับเข้าไป

อ่านโน้นอ่านนี้แล้วไม่ได้เขียนพอดีถึงเวลาไปทำงาน

ช่วงบ่ายจึงไม่ได้เขียนถึงความผิดพลาดของตัวเอง

ในเรื่องดังกล่าวและในใจยังคิดต่อรองอีกว่าถ้างั้นเราไป

บ้านไปนั่งเขียนเรียบเรียงใส่กระดาษซะก่อนค่อยนำมาพิมพ์

แต่พอกลับถึงบ้านในวันนี้ก็ไม่ได้เรียบเรียงเหนื่อยก็นอนหลับ

ดังนั้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554

ซึ่งนับจากวันเกิดเหตุวันที่ 17 ม.ค 54 ถึงวันที่ 17 ก.พ 54

นับเป็นเวลา 30 วันพอดี

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้โอกาสแก้ตัวตั้ง 30 วัน

น้อยได้รับวิบากกรรมทันที

มีอาการน้ำมูกไหลมาก มีอาการไข้ขึ้นอย่างสูง ต้องได้กิน

ยาภูมิแพ้ ยาแก้ไข จำนวน 6  เม็ด

ประมาณสิบโมงเช้าวันที่ 17 ก.พ 54

น้อยได้ขออนุญาตผอ.กองฯกลับบ้านเพราะอาการป่วยของ

ตัวเองไม่ไหวและทำงานต่อไม่ได้แล้ว

เมื่อกลับถึงบ้านก็มานึกทบทวนว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร

น้อยสึกนึกได้ว่า

น้อยตั้งสัจจะไว้ว่าจะเขียนข้อมูลสารภาพบาปที่ตัวเองคิดไม่ดี

ต่อท่านอ.อุบลลงในเวปบ้านสวนพีระมิด

และแล้วน้อยได้ส่งข้อมูลให้กับคุณมาร์กได้ส่งข้อมูล

ดังกล่าวขึ้นเวปบ้านสวนพีระมิดให้

น้อยก็ขอขอบคุณ คุณมาร์กเป็นอย่างมาก

ขออารธนาบารมีพระพุทธเจ้าเบิกผล บุญ ทาน ศีล ภาวนา

ของน้อยเองตั้งแต่อดีตชาติ ชาติปัจจุบัน ส่งผลให้

คุณมาร์ก คุณเพชรมีดวงตาเห็นธรรม จิตหลุดพ้น

เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

ประสบการณ์ในครั้งนี้

สอนให้น้อยรู้ว่า

เพราะน้อยเองไม่มีสัจจะ

ไม่มีความรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง

ดังนั้นเป็นบทเรียนล้ำค่าต่อตัวน้อยมาก

เพราะส่งผลกระทบต่อหลายเรื่องในชีวิต

ประจำวันไม่ว่าเรื่องงาน เงิน ชีวิตในครอบครัว

สุดท้าย

น้อยสำนึกผิดในการกระทำของตัวเอง

น้อยขอขมาท่านอ.อุบล

น้อยขอกราบแทบเท้าท่านอ.อุบล

น้อยจะตั้งใจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

และมโนกรรมที่มีในจิตของตัวเอง

ให้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ

น้อยขออาราธนาพระบารมีสัมมาสัมพุทธเจ้า เบิกผลบุญ ทาน ศีล

ภาวนา ของน้อยเอง ตั้งแต่อดีตชาติ ชาติปัจจุบัน และบุญที่ทำ

ทั้งหมดในบ้านสวนพีระมิดถวายแด่ เทวดารักษาท่านอ.อุบล

เทวดารักษาอ.มงคล เทวดารักษาคุณท๊อป

และขอกราบขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในบ้านสวนพีระมิดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 20:09:24


ความคิดเห็นที่ 50 (1641045)

 
ขออนุญาตขยายตัวอักษรนะคะ
**********************************
มีธรรมะดีๆ มาฝากญาติธรรม ที่เกี่ยวกับการฝึกจิต ให้ตั้งมั่น ไม่ไหลไปคิดในสิ่งที่ชั่ว หรือไร้สาระ
หลวงพ่อปราโมทย์ : หัดรู้สึกตัวไปเรื่อย วันๆนึงเอาเวลาไปล้างผลาญ
ซะเยอะละ ลองใช้เวลาวันละ 15 นาทีนะมาคอยรู้สึกตัว รู้สึกกายรู้สึกใจไปเรื่อยๆ ดูเล่นๆ ดูสบายๆ ไปเรื่อย ต้องทำเล่นๆ นะ อย่าทำเคร่งเครียด ฝึกเล่นๆ รู้สึกๆๆ ไปเรื่อย เราจะเห็นเลยใจนี้ลอยแว้บๆ  ทั้งวัน เดี๋ยวหนีไปโน่น เดี๋ยวหนีไปนี่ ส่ายไปส่ายมา ให้เรารู้ทันนะ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น จิตเรายินดีให้เรารู้ทัน จิตเรายินร้ายให้รู้ทัน คอยรู้ทันจิตตัวเองไปเรื่อยๆ ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์แล้ว จิตก็ยินดีขึ้นมาบ้าง ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์แล้ว จิตยินร้ายบ้าง กระทบแล้วจิตแกว่งไปแกว่งมาคอยรู้ไปเรื่อยๆ
ต่อไปก็จะเห็นเลยทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างชั่วคราวหมดเลย ความสุขความทุกข์ กุศลอกุศลชั่วคราวทั้งหมดเลย
 
 
การที่จะไม่ไปปรามาสใครนั้น มีเทคนิคที่ว่า สติจะต้องเกิดตลอด อย่าให้ความคิดที่ขั่วเกิด การจะมีสติก็เกิดจากการฝึกฝน เรามาดูเทคนิคการฝึกสติที่น่าสนใจ โดยคำสอนของพระอาจารย์ปราโมขกันดีกว่า เผื่อใครจะนำเทคนิคนี้ไปใข้ได้
 
สติต้องเกิดเองจากการที่จิตจำสภาวะได้แม่น สติที่เจริญวิปัสสนาต้องเป็นสติที่รู้กายรู้ใจตัวเอง ถ้าไปรู้ของอื่นทำวิปัสสนาไม่ได้จริง เพราะวิปัสสนาทำไปเพื่อถอดถอนความเห็นผิดว่า กายนี้ใจนี้คือตัวเรา วิปัสสนาทำไปเพื่อให้เห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรม มีแต่นามธรรม ที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ตัวตนที่แท้จริง ตัวตนที่ถาวรนั้นไม่มี วิปัสสนามุ่งมาตรงนี้ เพราะฉะนั้นวิปัสสนาต้องคอยรู้กายรู้ใจ อย่างบางคนไปเดินจงกรม เท้ากระทบพื้นนะ พื้นเย็นพื้นร้อน พื้นอ่อนพื้นแข็ง รู้หมดเลย รู้เรื่องพื้น ไม่มีใครเห็นพื้นเป็นตัวเราอยู่แล้ว มีใครเห็นพื้นเป็นตัวเรา ที่กำลังนั่งทับนี่ เรากำลังโดนนั่งทับ มีใครรู้สึกไหม มีแต่เราไปนั่งทับมันใช่ไหม
เรารู้สึกกายนี้ใจนี้คือตัวเรา เพราะฉะนั้นดูลงมาในกายในใจนี้ ตัวเราอยู่ที่ไหน ดูลงไปที่นั่น ความรู้สึกว่าตัวเราอยู่ที่ไหน รู้ลงไป ตัวเราอยู่ที่กาย รู้ลงที่กาย ตัวเราอยู่ในใจ นี่ รู้ลงไปที่ใจ ดูลงไปซิ จริงๆ มีตัวเราไหม กายกับใจที่เราจะใช้รู้ ก็ต้องกายกับใจในปัจจุบันด้วย ไม่ใช่กายกับใจในอดีต เพราะกายกับใจในอดีตไม่ได้มีจริง เป็นแค่ความจำ และก็ไม่ใช่กายกับใจในอนาคต กายในอนาคต ใจในอนาคตยังไม่มี เป็นแค่ความคิด ในอดีตก็เป็นแค่ความจำ อนาคตก็เป็นแค่ความคิด ไม่ใช่ความจริง ความจริงอยู่กับปัจจุบันต่อหน้าต่อตานี่
เพราะฉะนั้น พยายามอยู่กับปัจจุบันนะ รู้สึกกาย รู้สึกใจที่กำลังปรากฏในปัจจุบัน รู้ต้องรู้ตามความเป็นจริงของเขา ไม่ใช่รู้แล้วเข้าไปแทรกแซง พวกเราเวลารู้กายก็แทรกแซง รู้ใจก็แทรกแซง เช่น เวลาจะเดินตงกรม เราเคยเดินสบายๆ เดินทั้งวัน เดินทุกวันอยู่แล้ว เดินมาตั้งแต่เดินได้ จะว่าเดินแต่เกิดไม่ได้ใช่ไหม เพราะคนเกิดมามันยังไม่เดิน ไม่ใช่ลูกวัวลูกควาย ลูกวัวควายนะ ชั่วโมงสองชั่วโมงมันเดินได้แล้ว ลูกคนนี่นอน เอาตั้งแต่เดินได้นี่ เราก็เดินอยู่ทุกวันๆ แต่เราเดินไม่เป็น เดินแล้วไม่มีสติ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีสติ รู้ลงปัจจุบันไป ยืน เดิน นั่ง นอน รู้ลงปัจจุบัน เห็นกายเห็นใจที่กำลังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน รู้ไปเรื่อยๆ ของจริงมันอยู่ตรงนี้ก็ดูจากของจริง ไม่ได้ดูจากความคิดความฝันในอนาคต หรือความจำในอดีต เอาของจริงมาดู ดูซิ เป็นตัวเราจริงไหมนี่ ถ้าไปคิดถึงตัวตนในอดีต นั่งนึกถึงหน้าตาของเราตอน ๓ ขวบ เห็นไหมคนนั้นไม่มีแล้ว นี่ ไม่เที่ยง อย่างนี้ไม่ใช่วิปัสสนา วิปัสสนาต้องเห็นตัวนี้อยู่ทนโท่ อยู่นี่เลยนี่ เห็นตัวนี้ล่ะ มันไม่ใช่ตัวเรา ถึงจะเป็นวิปัสสนา เพราะฉะนั้นต้องดูลงปัจจุบัน
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-16 21:54:11

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-17 22:43:10


ความคิดเห็นที่ 51 (1641057)

ผมนายโฆษิต ควรหาเวช

อายุ 47 ปี  จบการศึกษาปริญญาโท

พัฒนาการเศรษฐกิจมหาบัณฑิต

จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)

ปัจจุบัน ทำงานตำแหน่งนักวิเคราะห์

งานแผนงานและงบประมาณ

ฝ่ายแผนกลยุทธ์และประเมินองค์กร

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

ปทุมธานี วันนี้จะมาสารภาพบาปที่ปรามาสท่านอาจารย์

ดังต่อไปนี้ครับ

1.          เดิมผมเคยดูรายการคุยไปแจกไป ทางทีวี ไม่ได้ดูจริงจัง

ฟังผ่าน ๆ แล้วยังปรามาสอาจารย์ว่า จริงเหรอ คนนี้น่ะเหรอ เอาหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมาอ้างหรือเปล่า ไม่คิดว่า ตัวผมเองเป็นใคร ทำความดีแค่รักษาศีลยังไม่ได้ โง่แล้วอวดฉลาด

2.          ผมดูจากเว็ปพลังจิต เห็นการบำบัดโรคและปัญหาต่าง ๆ แล้วมีเงื่อนไขให้ออกอากาศ ยังคิดว่า ทำไมต้องทำอย่างนั้น ไม่เห็นจำเป็น แต่จริง ๆ น่ะผมอายที่ตัวเองทำบาปเยอะ โดยเฉพาะการผิดศีลข้อที่ 3 ท่านอาจารย์ยังเคยสอนผมว่า ทีตอนทำบาปน่ะ ไม่เห็นอายเลย

3.          ตอนที่อ่านคู่มือหนีกรรมฯ ใจนึงก็เห็นด้วย ใจนึงก็คิดว่า หลักธรรมที่นำมาเขียนก็น่าสนใจ แต่พออ่านไปถึงคุณสมบัติของพาเมล่า ก็คิดว่าเป็นการโฆษณา ซึ่งท่านอาจารย์ก็เคยบอกผมว่า จริง เพราะท่านมีครอบครัว ท่านต้องมีอาชีพเลี้ยงดูครอบครัว และต้องใช้จ่ายเยอะในการเช่าเคเบิลทีวีทำรายการคุยไปแจกไป

4.          หลายครั้งที่จิตคิดแว่บไม่ดีกับท่านอาจารย์ แม้ว่าจะขอลาออกจากสาวกพระเทวทัตแล้ว แต่เป็นด้วยกำลังใจไม่ดี ผิดศีลมาทุกข้อแบบที่ท่านอาจารย์บอกตั้งแต่วันแรกที่มาพบท่าน ทำให้มีจิตแบบนี้ และยังรักษาศีลได้ไม่บริสุทธิ์ ทุกวันนี้จึงต้องควบคุมมโนกรรมให้เกิดน้อยที่สุด แว่บมานิดก็ไม่สนใจคิดต่อ ไม่ทุกข์มาก เพราะเราไม่ต้องการให้คิดไปจนจบกระบวนการคิด แว่บมาก็รีบแว่บออกไปเรื่องอื่น ไม่สนใจ ตั้งใจทำความดีที่ยังทำได้ไม่มากพอ และก็อธิษฐานขอสักวันที่จิตไม่เป็นเช่นนี้ มันก็น้อยลงนะครับ

5.          เคยคิดว่า หลวงพ่อไม่เห็นสอนให้เลิกทานเนื้อสัตว์เลย ทำไมท่านอาจารย์ต้องให้เลิก ตอนหลังก็มาคิดได้ว่า นอกจากจะเป็นการสร้างกรรมต่อเนื่องผิดศีลข้อที่ 1 แล้วก็เป็นไปตามที่ท่านอาจารย์ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ท่านเคยบอกท่านอาจารย์ไว้ว่า แผ่เมตตาให้เค้าทุกวัน ก็ยังไปกินเค้าอีก ซึ่งกระเทือนใจจริง ๆ

6.          หลายครั้งที่ท่านอาจารย์ตำหนิ ให้แก้ไข ก็มักหลุดปากเถียงท่านอาจารย์บ้าง เหมือนแก้ตัว หรือหาข้ออ้างโง่ ๆ มาแก้ตัว

หลายครั้งคิดในใจด้วย แต่มาคิดได้ว่า ท่านอาจารย์ต้องการสอนให้เราหลุดพ้น ปลดล็อคกรรม เพื่อความสุขของเราเอง ไม่ใช่ความสุขของท่าน เราต้องยอมรับและแก้ไข และตั้งสติน้อมรับคำตำหนิของท่านครับ  ต้องปรับปรุงกายและใจ คอยตั้งสติไว้ เลิกเป็นคนโง่ปากไว ไม่คิดให้ดีก่อนพูด เช่น     

เรื่องเขียนธรรมทาน ขาดความกตัญญู ไม่ปกป้องบ้านสวนฯและท่านอาจารย์ ชอบคุยระหว่างท่านอาจารย์แสดงธรรม และชอบสาระแนเรื่องของคนอื่น ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ชอบลืมของไว้ที่บ้านสวนลืมปิดน้ำ นำน้ำปิระมิดกลับบ้านเกินกำหนด ขี้เกียจ ใช้เครื่องมือไม่ถนอมไม่รักษา ล้างจานชามไม่สะอาด ไม่ล้างฟองน้ำให้สะอาด ขี้นินทา เป็นต้นครับ

 

ซึ่งผลกรรมที่ได้รับ คือ

1. การไม่มีความสุข ทั้งกายและใจ ไม่เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ก่อนที่จะมาบ้านสวนฯครั้งแรกก็มีอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่ก็ปวดตามร่างกายมาก ท่านอาจารย์บอกว่า โดนซะน่วมยังไม่รู้ตัวอีก

2. ใช้รหัสจักรวาล อาจารย์อุบลไม่ได้ผล ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

3. มีอาการปวดหัวปวดตัว เพราะจิตคิดลบ

4. ปวดหัวปวดตัว ได้รับการลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย โดยเฉพาะแผลที่หลังฝ่าเท้าขวา ที่เกิดจากไม่ยอมสารภาพกรรมทีผิดศีลข้อ 3 มั่วกามทั้งชายหญิง เที่ยวสำส่อน ใช้ขาพาไปทำในสิ่งที่ไม่ดี แต่ผมก็ยังได้รับโอกาสจากท่านอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สารภาพบาปในการปิดนรกขุมที่ 8 อเวจีมหานรกแต่ผมก็ยังสารภาพจำนวนไม่แน่นอนอีก จึงหายไม่หมด อาการเบาลง แต่ต้องรับกรรมต่อเป็นเดือนในการทำแผลซึ่งเจ็บมาก

ซึ่งผมขอกราบขอขมาท่านอาจารย์และครอบครัว และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่รักษาท่านอาจารย์และครอบครัวเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ ขอสำนึกผิดโดยไม่มีข้อแก้ตัว จะพยายามปรับปรุงตัวมาก ๆ ครับ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่เมตตา ให้โอกาสคนบาป คนโง่อย่างผม ได้แก้ไขกรรมของตัวเอง ช่วยคุ้มครองผมและครอบครัวมาโดยตลอดครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-18 00:47:14


ความคิดเห็นที่ 52 (1641109)

ปรามาสท่านอ.อุบลบ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้

รับผลกรรมอย่างไร

ชื่อ นายพิชัย  ภูกิ่งพลอย อายุ 41 ปี

อาชีพ ค้าขาย เกษตรกร

การศึกษา จบ ม.3 โรงเรียนทุ่งฝนวิทยาคาร

ตอนที่น้องสาวคือยุวรัตน์ พันธุวงษ์ (น้อย) ไปบ้านสวนพีระมิด

ช่วงแรกก็เห็นน้องสาวทานมังสวิรัติ โดยที่ผมไม่เข้าใจว่า

การทานมังสวิรัติหมายถึงอะไร เพราะเหตุที่ผมไม่ถามน้องสาว

และคิดอะไรไปเองเสียก่อน และเพราะเหตุที่ผมเกิดมาก็ไม่เคย

ศึกษาธรรมวินัยจึงมีเหตุให้ผมได้หลบหลู่ครูบาอาจารย์คือ

ท่านอ.อุบล คิดว่าท่านอ.อุบลนับถือศาสนาอะไร

เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของผมจริงๆๆ แต่พอได้ดู

รายการคุยไปแจกไปของท่านอ.อุบลครั้งแรกผมก็เริ่มเข้าใจ

คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านอ.อุบลเป็นผู้นำมาถ่ายทอด

และผลกรรมครั้งนี้ผมก็ยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร

แต่ผลที่ได้รับคือทำให้ผมมีความศรัทธาท่านอ.อุบลอย่างมาก

ท่านอ.อุบลเป็นฆราวาสแต่แสดงธรรมะของพุทธเจ้า

ได้เข้าใจง่ายกว่าพระสงฆ์ทำให้ผมศรัทธาและติดตาม

รายการคุยไปแจกไปมาเรื่อยๆจนผมตั้งใจปฏิบัติตาม

คำแนะนำของท่านอ.อุบลคือ

1.ตั้งใจรักษาศีลห้าตลอดชีวิต

2.ตั้งใจทานมังสวิรัติตลอดชีวิต

3.หลังจากผ่านกฎและเข้าสู่บ้านสวนพีระมิดได้

ผมก็ได้ทำบุญด้วยแรงกาย ปัจจัย สิ่งของ ร่วมอนุโมทนาบุญ

ทำให้ชีวิตของผมดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ

จนปัจจุบันผมมีกำลังใจในการช่วยเหลือคนอื่น

เช่น ผมมีความตั้งใจที่จะไปเผยแพร่ธรรมะของพุทธเจ้าที่

โรงพักอำเภอทุ่งฝน จึงมีเหตุให้ผมได้รู้จักกับแม่บ้านของ

ตำรวจท่านหนึ่งได้พูดคุยถึงวิบากกรรมของตัวแม่บ้านเอง

และผมได้บำบัดโดยใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย ให้มองจี้ทุกๆรุ่น

ที่ห้อยที่คอของผมและเป็นการโชคดีที่ทำให้ผมได้คุยกับ

แม่บ้านตำรวจท่านนี้ก็เพราะเขาก็มีความศรัทธาในพระพุทธเจ้า

และตั้งใจรักษาศีลทำความดีเช่นกันเพราะชีวิตต้องประสบ

เคราะห์กรรมเจ็บป่วยเป็นโรคมากมายหลายโรค

ชีวิตจึงได้หันเข้าทางธรรมและแม่บ้านท่านนี้บอกผมว่า

แสดงว่ามีอุดมคติเดียวกันคือเข้าไปปราบมารในสถานีตำรวจ

มารคอรับปชั่น มารกินหัวคิว มารโกงกินบ้านเมือง มารจับ

กินชาวบ้านแบบหน้าด้านๆ

โอโห้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่างจัดสรรค์ให้ผมได้ผมกับกองหนุนตัว

จริงๆเล้ยครับและแล้วเขาก็เล้ยบอกผมว่าเดี๋ยวให้สามีของเขา

ที่เป็นตำรวจในโรงพักปฏิบัติการก่อนแล้วค่อยเข้าไปช่วยกัน

เป็นกองหนุนอีกแรงหนึ่ง

สาธุ  สาธุ สาธุ

ขอให้ภารกิจนี้สำเร็จด้วยเทอญ

ชีวิตผมดีได้ทุกวันนี้ก็เพราะท่านอ.อุบล

ผมขอขอบคุณมากครับ

กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-18 16:50:57


ความคิดเห็นที่ 53 (1641131)

ชื่อ นางปวันรัตน์  ปณัตถ์บุณย์ภวัต (แนนคะ)

การศึกษา  จบปริญญาตรี  คณะบริหารการจัดการ

                 มหาลัย กรุงเทพ

ทำงานที่  โรงสีพูนพราวพัฒน์

อยู่จังหวัด  สุรินทร์

 

 

ปรามาสท่านอ.อุบลบ้านสวนพีระมิดแล้วจะได้

รับผลกรรมอย่างไร

รู้จักบ้านสวนฯจากคุณ ณัฐนันทร์ พวงประโคน

( ต้องขอขอบคุณครูเต็งที่ได้แนะนำให้รู้จักท่านอ.อุบลแห่งบ้านสวนพีระมิดคะ)

ครูเต็งแนะนำให้ดูเวปบ้านสวนฯและให้ศึกษากฎระเบียบก่อนจะไป เมื่อได้รู้ข้อมูลคร่าวๆก็คิดเหมือนกันคะว่าทำไมกฎระเบียบเยอะจัง แถมต้องดูรายการคุยไปแจกไปตั้ง 9 ตอนถึงจะไปได้ และกว่าจะจบแต่ละตอนต้องใช้เวลาตั้งเท่าไหรก็มีบ่นอยู่คะแต่พอดูๆไปปัญญาเริ่มเกิด ทำให้รู้ว่าสาเหตุที่ต้องดูให้ครบ 9 ตอนก็เพราะว่า

ท่านอ.อุบลอยากให้เรามาบ้านสวนแล้วได้รับความสุข สมหวัง หายเจ็บ หายป่วย หายจน กลับบ้าน และที่สำคัญบ้านสวนเป็นบ้านส่วนบุคคลใครจะเข้าจะออกต้องได้รับการอนุญาติ แล้วถ้าใครมาแล้วไม่ทำตามกฎจะถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษเอง เห็นมีกฎระเบียบอย่างนี้ทำให้ตัดสินใจว่าจะไม่ไปบ้านสวนฯเพราะกลัวเผลอทำผิด เมื่อตัดสินใจว่าจะไม่ไปบ้านสวนฯก็มีเหตุการณ์ทำให้เราทุกข์มีปัญหาการเงินเข้ามา ไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่ๆ เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ดูเวปบ้านสวนฯเมื่อเปิดดูรายการคุยไปแจกไปทั้งวันเจอแต่ลูกบ้านสวนที่มีปัญหาการเงินทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เปิดเจอแต่ผู้คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ก็ยังแปลกใจว่าเกิดอะไรกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านต้องการช่วยเราหรือเปล่า คิดอยู่นานเหมือนกันก่อนตัดสินใจขอเข้าบ้านสวน เมื่อเข้าบ้านสวนฯครั้งแรกมาทำบุญแรงกายขุดดิน ยกถังปูน รู้สึกตึงและระบมที่แขนเพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยคิดในใจว่ากลับบ้านต้องไปนวดแผนโบราณคลายเส้นซะแล้ว แต่ที่ไหนได้กลับถึงบ้านอาการตึงที่แขนมีอยู่เล็กน้อย แต่รู้สึกเพลียมากนอนตอน2ทุ่มตื่น 6โมงเช้าเป็นอยู่2 วัน อาการตึงแขนหายเป็นปลิดทิ้งโดยไม่ต้องไปนวดเลยคะ อัศจรรย์สุดๆ คงเป็นที่เดียวในโลกแน่เลยคะที่ไปทำบุญแรงกายยิ่งกว่ากรรมกรแถมยังได้บุญทันที่และเป็นบุญที่เจ้ากรรมนายเวรต้องการมากด้วย สุดยอดคะ

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่บ้านสวนพีระมิด  ท่านอ.อุบลและครอบครัวที่เมตตาให้แนนได้เข้ามาทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปวันรัตน์ ปณัตถ์บุณย์ภวัต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-18 22:11:00


ความคิดเห็นที่ 54 (1641282)

ชื่อ นางสมจิต  โพธิ์นิล อายุ 50 ปี จังหวัด นนทบุรี

การศึกษาสูงสุด ปวส. เทคนิคกรุงเทพพณิชยการ

อาชีพ  ช่วยงานเจียรจานเบรค ซ่อมรถ

ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด

แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร

ครั้งแรกที่ดูรายการคุยไปแจกไป กดรีโมตทีวีเจอโดยบังเอิญ ตอนนั้นลูกชายอยู่ในช่วงวัยรุ่นเป็นสิวเยอะมาก เห็นมีสบู่รักษาสิวจึงสนใจติดตามดูและสั่งซื้อสบู่มาให้ลูกและตัวเองใช้ ยังอ่านคู่มือหนีกรรมไม่ครบ 9 รอบ ลูกเกิดอาการคัน มารู้ภายหลังจึงให้ลูกหยุดใช้ และตัวเองอ่านคู่มือจนครบตามกฏ ติดตามดูรายการมาตลอด  รู้สึกชอบกิจกรรมบุญแรงกายและอัศจรรย์กับวิธีการบำบัดทุกข์และความเจ็บป่วยของท่านอาจารย์อุบลและบ้านสวนพีระมิด อยากมีโอกาสได้มาสร้างบุญด้วยแรงกายที่บ้านสวนบ้าง เพราะตัวเองก็มีความทุกข์ทางด้านการงานการเงิน และลูกดื้อ แต่เวลาที่ดูรายการจิตมักจะคิดแว็ป คิดลบวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตัวของท่านอาจารย์สะสมมาเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่อยากคิดเลย เห็นท่านอาจารย์ใส่ชุดสีชมพูจิตแว็ปคิดว่า ปัญญาอ่อน ไม่สวยเลย แต่กลับไปชอบที่เห็นท่านอาจารย์ใส่ชุดสีดำ จนมีอยู่วันหนึ่งมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่เต็มอิ่ม เหนื่อยหอบทั้งที่ไม่ได้เจ็บป่วยมาก่อน ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าสงสัยเป็นเพราะเราไปปรามาสท่านอาจารย์อุบลแน่ ๆ เลยถึงเป็นแบบนี้ จึงตั้งจิตกราบขอขมาท่านอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ลูกหายใจได้เป็นปกติ เมื่อมีโอกาสจะไปกราบขอขมาที่บ้านสวนพีระมิด อธิฐานอยู่หลายครั้งอาการแน่นหน้าอกจึงหาย กลับมาหายใจได้เป็นปกติ ไม่เหนื่อยหอบและไม่กลับมาเป็นอีกเลยปีกว่าแล้ว

เมื่อวันที่ 3 - 4 มิถุนายน 2554 ได้มีโอกาสมาสร้างบุญด้วยแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด และได้กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบลที่ปรามาสท่านเรื่องการแต่งตัว กราบขอขมาพระเจ้าอยู่หัวและราชวงศ์ที่เคยปรามาสท่านและราชวงศ์ ซึ่งทุกท่านเป็นผู้มีบุญบารมีสูงมาก   

เมื่อได้มาสร้างบุญที่บ้านสวนอีกหลายครั้งก็ยังสร้างกรรมชั่วทั้งทางกาย วาจา ใจ ต่อท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท็อป อย่างต่อเนื่องทั้งที่พยายามที่จะไม่คิด ไม่ทำ บางครั้งก็ชนะมารได้ บางครั้งก็แพ้เพราะตัวดิฉันสร้างกรรมชั่วผิดศีลทุกข้อมาตลอดชีวิต จิตด้านลบจะคอยเข้าแทรกตลอด

เคยพูดแทรกในขณะที่ท่านพูดกับคนอื่นอยู่ บางครั้งก็เดินเกือบชนท่าน หยิบของใกล้ท่านจนเกือบโดน เวลาได้ยินท่านพูดอะไรแม้แต้เสียงตามสายก็คอยเถียงต่อต้านในใจ คิดแว็ป คิดลบ เมื่อต้องอยู่ใกล้ท่านใจคอไม่ดีเลยกลัวคิดแว็ปไม่ดีกับท่าน รู้ว่าเป็นกรรมหนักแต่ไม่สามารถที่จะควบคุมจิตตัวเองได้ มาระยะหลังฟังธรรมจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำเสียงตามสายท่านให้จับลมหายใจจึงพยายามทำตาม และขอบารมีพระพุทธเจ้าให้เมตตาควบคุมกายวาจาใจให้ลูกคิด พูด ทำ แต่สิ่งที่ดีเป็นบุญกุศลตลอดเวลา จับลมหายใจเวลาอยู่ใก้ลท่านอาจารย์ก็ช่วยให้ดีขึ้นมาก

เคยคิดว่าท่านใส่เสื้อตัวนี้แล้วแลดูหน้าอกใหญ่ บางครั้งก็คิดว่าก้นใหญ่ คิดว่าคุณท็อปทำไมเป็นสิว เห็นอาจารย์มงคลคุยกับคุณเกสรคิดว่าสักวันหนึ่งจะเป็นเราไหมเนี่ย บางครั้งใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยไม่ได้ผล คิดว่าเรายังใช้ไม่ได้ผลเลย จึงไม่ค่อยกล้าบอกคนอื่น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่จะได้ยินคำว่า โกหกกะล่อนปลิ้นปล้อนตอแหล บ่อย ๆได้ยินคำนี้ทีไรนึกถึงท่านอาจารย์ทุกทีเลย เวลาจะพิมพ์ธรรมทานคำว่าอาจารย์ คิดไปถึงคำว่าอาจม อยู่เรื่อย เวลาถูกติติงเรื่องงานก็จิตตกทั้งที่รู้ว่าท่านหวังดีอยากให้มีความสามารถ เก่งในทุกด้าน เคยใช้โทรศัพท์อัดเสียงโดยไม่ได้ขออนุญาติอยู่ครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าจดไม่ค่อยทันแต่พอมาถึงบ้านคิดทบทวนดูว่าไม่ถูกต้องจะเป็นเคราะห์กรรมหนักก็เลยลบทิ้งทั้งหมด 

ผลกรรมที่ได้รับคื มีความทุกข์ใจอย่างมาก เหนื่อยใจวิตกกังวล  คิดว่าเมื่อไหร่เราจะเอาชนะมารที่อยู่ในจิตเรานี้ได้เสียที บางครั้งก็ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยไม่ได้ผล ยังโง่ปัญญาทึบไม่เจริญทางธรรม ไม่สามารถปลดล็อคกรรม ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ มีปัญหาผิวพรรณเป็นจุดดำและคัน บางครั้งก็ถูกลงโทษให้ได้รับความเจ็บป่วยร่างกาย ปวดหัว ปวดคอ ปวดขา ปวดเข่า เป็นแผล เสียทรัพย์   

ลูกกราบขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท็อป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ที่ลูกปรามาสท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวทั้งทางกาย วาจา ใจ ทุกประการค่ะ

กราบพระบาทขอบพระคุณสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระศรีอาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่รักษาท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท็อป ที่เมตตาลูกค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-19 15:42:32


ความคิดเห็นที่ 55 (1642765)

 ชื่อ-สกุล  นายอภิชัย  ภิรมย์รักษ์  ชื่อเล่น ชาย  อายุ๔๘ ปี    มาลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๐๗ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  เมืองแห่งพุทธศาสนา                                                                                

การศึกษา ปริญาตรี  ศิลปบัณฑิต  ( ศิลปไทย ) , ปริญาโท  ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต   ( ศิลปไทย )  มหาวิทยาลัยศิลปากร,ศึกษาภาพพิมพ์หิน  มหาวิทยาลัยศิลปแห่งเมือง บราว์ชวอยส์  ประเทศเยอรมันนี                                                                 

สถานะภาพ   มีงานอิสระเป็นศิลปินสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ  มีงานประจำเป็นอาจารย์สอนศิลปะ  มีตำแหน่งทางวิชาการเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์  ประจำภาควิชาศิลปไทย     คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์  มหาวิทยาลัยศิลปากร                                                                                                                                             สถานะครอบครัว  สมรสกับนางอาจินต์  ภิรมย์รักษ์  มีบุตร-ธิดา ๓ คน คือ นายณภัทร  ภิรมย์รักษ์ (ญัฐ) นายอาชวินท์  ภิรมย์รักษ์ (วินท์) ด.ญ.กฤตยวรรณ  ภิรมย์รักษ์(บัว)

ก่อนรู้จักอาจารย์อุบลแค่ได้ฟังก็ปรามาสแล้ว

ก่อนที่ผมจะรู้จักอาจารย์อุบลและบ้านสวนพีระมิด  ภรรยาผมดูเว็ปไซต์แล้วชอบก็พยายามให้ทุกคนในบ้านดู  ผมเป็นคนที่หัวโบราณต่อต้านเทคโนโลยีและไม่สนใจที่จะเข้าไปเปิดดู   เพราะรู้สึกว่าไร้สาระและเสียเวลาในการทำงานศิลปะส่วนตัวที่ทำอยู่    โดยส่วนตัวไม่เคยมีความคิดที่จะคล้อยตามสิ่งเหล่านี้หรือเชื่ออะไรที่ที่เป็นเรื่องเกินความสามารถของมนุษย์  ( คิดในใจนะครับไม่เคยพูดให้ภรรยาได้ยินกลัวเธอจะเสียใจ )  เมื่อเธอแนะนำก็ได้แต่ฟังเงียบๆ แต่ในใจคัดค้านสุดตัว  บางครั้งก็รำคาญได้แต่กระฟัดกระเฟียดแล้วเดินหนี  ไม่อยากฟังทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิด  เมื่อเธอชักจูงคนในบ้านไม่สำเร็จเธอก็ออกเดินทางไปเข้าค่ายที่บ้านสวนฯด้วยตัวเองโดยนั่งรถตู้จากนครปฐมไปต่อรถอีกต่อที่ฟิวเจอร์  ถึงบ้านนาก็ต่อรถเข้าบ้านสวนฯ  เป็นอยู่อย่างนี้อยู่หลายครั้ง

ไม่เห็นกับตาแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ

มีอยู่วันหนึ่งช่วงปิดเทอมผมมีเวลาว่างจากการสอน  ไม่มีใครอยู่ในบ้านไม่รู้ว่าอะไรมาดลจิตดลใจขึ้นมา  ผมอยากรู้ว่าภรรยาผมสนใจอะไรบ้านสวนพีระมิดนักหนาถึงได้ทุ่มเททั้งกายและใจขนาดนี้    จะถูกหลอกให้เชื่ออะไรที่งมงาย  หรือหลอกให้ซื้อของอะไร  ได้พีระมิดปูนมาอันสองอันจะมีพลังอะไร    และขนาดยอมลงทุนได้แม้กระทั่งการทะเลาะกับสามีผู้เป็นที่รัก  มันต้องพิสูจน์ให้ได้มันอะไรกันนักกันหนา  เมื่อค้นหาในกุเกิ้ลก็เจอเว็ปไซต์บ้านสวนสีชมพูพร้อมรูปผู้หญิงใส่เสื้อสีแดงตัดผมหน้าม้า   อ๋อคนนี้หรือคืออาจารย์อุบลที่ภรรยาเราเทิดทูนนักเทิดทูนหนา  อายุก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วทำไมไว้ผมทรงนี้  ปกปิดอะไรไว้ที่หน้าผากถึงไม่อยากโชว์  ควรจะเปิดหน้าผากจะได้ดูแจ่มใส  หรือไปทำศัลยกรรมไว้แล้วปิดรอยไว้ที่หน้าผาก  คิดไปต่างๆนานาแค่ช่วงแว๊บเดียว 

แต่สิ่งที่สะดุดผมที่สุดคือ สมเด็จองค์ปฐม ซึ่งอยู่บนสุดด้านซ้าย  ชื่อสมเด็จเคยติดค้างอยู่ในใจผมนานมากแล้วแต่ผมหาคำตอบไม่ได้  ในที่สุดก็เจอแล้ว   เรื่องของอาจารย์อุบลเอาไว้ก่อน ขอเข้าไปอ่านเรื่องของสมเด็จองค์ปฐมก่อน  เมื่อได้ทราบว่าสมเด็จองค์ปฐม ท่านเป็น พระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก ทรงพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขี  ถึงกับอึ้งเลยครับ  ไม่เคยทราบมาก่อนว่าสิ่งที่เราสงสัยเป็นถึงพระพุทธเจ้าองค์แรกของโลกเลยทีเดียว   มีคนเคยบอกไว้ว่าผมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเยอะแต่เราไม่เคยใส่ใจท่าน  โดยเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม  เอ....  หรือเค้าเข้าใจผิดเป็นพระปฐมเจดีย์  เพราะเห็นเราอยู่นครปฐม  ก็ยังคิดอย่างนั้นอยู่จนได้มาเจอพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่วัดชมพูเวก  สนามบินน้ำ นนทบุรี  เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิทรงเครื่องใต้ฐานเขียนว่าสมเด็จองค์ปฐม  เท่านั้นแหละครับเข่าอ่อนก้มลงกราบท่านทันที  นึกในใจว่า “ ไอ้เราทำไมถึงได้โง่ดักดานอย่างนี้เป็นถึงครูบาอาจารย์แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย “   แล้วถ้าอย่างนั้นเราเกี่ยวข้องอะไรกับท่าน... ก็ได้แต่สงสัยครับแต่ไม่มีคำตอบ.......

จิตเปิดเพราะความรัก

ตอนนั้นไม่ได้สนใจอาจารย์อุบลแล้ว  เปิดไล่อ่านเรื่อง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ  พระอาจารย์รัตน รตนญาโณ  ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา  จนจบ  ก็มีแต่เรื่องที่น่าสนใจที่เราอยากรู้ทั้งนั้นและก็มีประโยชน์  เอ...ไม่ธรรมดาซะแล้วบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่เคารพของผู้คน   จนมาเปิดดูรายการคุยไปแจกไป  ชักไม่เข้าท่าซะแล้วมีโฆษณาเครื่องสำอางด้วย  แต่เมื่อดูในรายละเอียดก็เห็นแต่ละคนมาเล่าเรื่องของตนเองว่าไปทำอะไรมาบ้าง  เล่าเสร็จแล้วอาการเจ็บป่วยหาย  เอาละซิเจอของแปลกเข้าแล้วครับ  อย่างนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน  มีอย่างนี้ด้วยหรือ  และเมื่ออาจารย์อุบลอธิบายถึงสาเหตุที่มาของการกระทำและผลที่ได้รับฟัง  ก็คิดว่าเออไม่ธรรมดานะผู้หญิงคนนี้อธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจได้ง่ายๆ  นึกว่าจะขายแต่เครื่องสำอางค์อย่างเดียว  จากนั้นก็ซุ่มดูรายการทุกวันจนได้ประมาณ ๔ ตอน (แอบดูไม่ให้ภรรยารู้กลัวเสียฟอร์มเฉยๆไว้ก่อน )  ตอนหลังๆเมื่อเธอมาชักชวนให้ดูเว็บไซต์อีก  ก็เลยบอกว่า “ โอเค แล้วไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก “ เธอโกรธนึกว่าถูกห้ามไม่ให้พูดเรื่องบ้านสวนฯให้ได้ยินอีก  ก็เลยบอกว่า “ แอบดูบ้านสวนพีระมิดหมดแล้ว  เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงศรัทธาในตัวอาจารย์อุบลนักหนา”  เธอดีใจมากที่ผมคล้อยตามและเห็นด้วย  ที่สำคัญเธอสามารถเปิดจิตให้ผมยอมรับบ้านสวนพีระมิดจนได้

จุดเปลี่ยนในชีวิต

ในตอนแรกผมไม่สนใจ ไม่เชื่อ ไม่คิดว่าสิ่งที่เค้าเล่ามาจะมีใครทำได้  ปาฏิหารย์คงไม่มีจริงหรอกในยุคนี้ เป็นเรื่องที่คิดไปเอง  เพราะไม่เคยเห็นกับตา  แต่ก็ไม่ขัดใจเค้านะเป็นความสุขก็ตามใจเค้า  แต่จะให้ผมเชื่อเลยโดยไม่มีข้อสงสัยเลยคงจะยาก  และเมื่อเวลานั้นมาถึงก็ได้มีโอกาสเข้ามาบ้านสวนพีระมิด สองครั้งแรกเป็นการไปรับภรรยาและลูก 

          ผมพบอาจารย์อุบลครั้งแรกตอนไปรับภรรยาและลูก  เมื่อเข้าไปลาอาจารย์ผมได้มีโอกาสสบตากับอาจารยอุบล  ผมคิดว่าอาจารย์เป็นคนตาดุ  สายตาที่มองผมครั้งแรกเหมือนกับท่านจะรู้ว่า  อ๋อ...มาแล้วหรือผู้ชายตัวโตๆ ที่ปรามาสฉัน  แล้วก็มองด้วยสายตาคมๆ แบบเฉือนๆ ซึ่งผมยังจำสายตานั้นได้ติดตา  คงเป็นการลงโทษด้วยสายตาครับ  แต่เมื่อรู้จักอาจารย์มากขึ้นผมไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นอีกเลย

ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕  วันสงกรานต์ผมก็ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมกิจกรรม ที่บ้านสวนพีระมิดทั้งวันทั้งคืนแม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ ๒ คืน ๓ วัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น     ได้ยินท่านอ.อุบลสอนธรรมะก็สามารถเข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน ได้เรียนรู้งานหลายอย่าง  ได้ลงมือกระทำโดยใช้แรงกายด้วยตนเอง  ได้พูดขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์  และพูดธรรมทานถึงการผิดศีลของตัวเอง ทำให้มีความเข้าใจอะไรในชีวิตขึ้นอีกมาก    กลับไปจึงรีบดูคลิปให้ครบ ๙ ตอนเพื่อที่จะได้มีโอกาสเข้ามาร่วมกิจกรรมโดยไม่ผิดเงื่อนไขของบ้านสวน  ต้องขอบคุณภรรยาที่เป็นสะพานบุญให้ได้พบกับอาจารย์อุบลและบ้านสวนพีระมิด

ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชัย ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-27 16:57:54


ความคิดเห็นที่ 56 (1642793)

นางละม่อม  ทองเจือ   ชื่อเล่น ม่อม  อายุ 52  ปี จังหวัดสงขลา ค่ะ

การศึกษา ปริญญาตรี สาขาการจัดการทั่วไป วิทยาลัยครูสงขลา

อาชีพ รับราชการครู

สถานที่ทำงาน วิทยาลัียอาชีวศึกษาสงขลา จังหวัดสงขลา

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด

แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

เรื่องที่ปรามาส

ช่วงเวลาเข้าเวปไซต์ เมื่อก่อนจะมีชื่อสมาชิกผู้เข้าชม  ตอนดึกมีชื่อท่านอาจารย์อุบล เห็นชื่อท่านอาจารย์ก็ดีใจ เพราะใจใฝ่ดี ชอบท่าน ท่านบุคลิกดี สง่างาม ชอบท่าน เคารพศรัทธาท่าน ท่านอาจารย์ช่วยให้ลูกพ้นทุกข์ ที่ได้พบเวปไซต์นี้ค่ะ

แต่จิตใฝ่ต่ำ มโนกรรมทางความคิดเกิดขึ้น ถามในใจ "อาจารย์สวย ทำไม ไม่นอนกับอาจารย์มงคล" เสียใจมาก รู้ว่าบาปชั่วอีกแล้ว ระมัดระวังอย่างมาก พยายามห้ามใจ บังคับใจ กระวนกระวายมาก พยายามข่มใจ  กราบท่านที่หน้าจอเวปไซต์ ระลึกอาจารย์อุบลช่วยลูกพ้นทุกข์ ๆ ๆ ๆ ๆ อาจารย์อุบลให้ธรรมมะ ๆ ๆ ๆ ท่องสวดพระคาุถาปะโตเมตัง สวดพระคาถาบูชาเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ  จิตใจทรมานมาก เสียใจม๊าก มาก ต่อสู้กับจิตฝ่ายต่ำ เสียใจม๊าก มาก ณ วินาที ที่คิดขึ้นมา ต้องปิดคอมพิวเตอร์ เพราะกลัวความคิดชั่วค่ะ

และความคิดนี้ เกิดขึ้นหลายครั้ง ก่อนนอนก็คิด เวลากราบระลึก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ท่านอาจารย์อุบล ช่วยลูกพ้นทุกข์  รีบกราบกลัวความคิด คิดขึ้นมาอีก

ต่อมาที่หน้าเวปไซต์ ไม่มีชื่อสมาชิกผู้เข้าชม  ละม่อม นึกเสมอว่า ท่านอาจารย์ช่วยอีกแล้ว ท่านเมตตาสงสาร  " มนุษย์คิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้ "

ผลกรรมที่ได้รับ  มีความทุกข์ม๊าก มาก ขณะคิด ใจกระวนกระวาย เหนื่อย ต่อสู้ห้ามใจ

สำนึกผิดได้เพราะ  ได้รับคำสอนจากท่านอาจารย์อุบล ที่ำได้ดูรายการคุยไปแจกไป คนที่ผิดศีลข้อ 3 จะคิดเรื่องแบบนี้

ทำอย่างไรผลที่ได้รับจากการปรามาส มีหนทางคลี่คลาย

1.พยายามข่มใจ ระลึกท่านอาจารย์อุบล ช่วยให้ลูกพ้นทุกข์ ๆ ๆ ๆ ท่านอาจารย์ให้ธรรมะ ๆ ๆ ๆ คิดซ้ำ ๆๆ พูดซ้ำ ๆ ๆ หลายเที่ยว หลายรอบ สวดพระคาถาปะโตเมตัง สวดบูชาพระคาถาเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ  จนหลับ

2.ขอขมาทางหน้าจอเวปไซต์ กราบท่านอาจารย์ทางเวปไซต์

3.ดูรายการคุยไปแจกไป ตอนที่ท่านอาจารย์อุบล ให้ธรรมะน้องนิสิต ขอลาออกจากสำนักพระเทวทัต มาอยู่สำนักพระพุทธเจ้า

4.สารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟิงซ์ วันที่ได้รับพัสดุจี้องค์เทพสฟิงซ์ สารภาพผิดศีลทั้ง 5 ข้อ  พอสารภาพถึงข้อ 3 ขนลุกซ่าไปทั่วตัว ตกใจเลยหยุด แล้วมาสารภาพต่อที่บ้านค่ะ

5.เขียนธรรมทานสารภาพบาปในกระทู้คุณชนิดา

6.สารภาพบาปในใจกับจี้รูปท่านอาจารย์อุบลช่วยด้วย

7.ขณะนี้ได้พิมพ์ธรรมทาน ทำให้ขจัดใจ ความคิดชั่ว ค่ะ 

ลูกกราบขอขมา ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท็อป ยกโทษ ให้อภัยด้วยค่ะ  ที่จิตใจคิดชั่วค่ะ

ลูกขอน้อมกราบพระบาท และกราบขอบพระคุณ องค์สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ พระศรีอาริยเมตไตร  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  เมตตาให้โอกาส ให้อภัย ลูกที่มีจิตคิดชั่ว ได้ปลดล็อคกรรมหนัก ในครั้งนี้ด้วยเทอญ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-27 21:41:49


ความคิดเห็นที่ 57 (1643696)

 ชื่อ            นางณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์   อายุ 39  ปี จังหวัด กรุงเทพ

การศึกษา ปริญญาตรี  มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

อาชีพ        แม่บ้าน

 

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด

แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"

เรื่องที่ปรามาส

1. ได้รู้จักอ.อุบลผ่านทางเวปไซต์ บ้านสวนพีระมิด โดยการแนะนำผ่านทางเว็บพลังจิตและเฟสบุ๊ครวมคำทำนายภัยพิบัติล้างโลก 2012 ทำให้ได้เข้ามาเว็บไซต์นี้  ทำให้ได้เข้าดูตามกระทู้ต่างๆ รวมทั้งรายการคุยไปแจกไป ระหว่างดูเกิดความรู้สึกว่า "ทำไมคนสอนเรื่องธรรมะ ต้องมีการขายเครื่องสำอางค์แทรกด้วย และทำไมตอนท้ายแนะนำสินค้าต้องมีคำพูดของหลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดด้วย(เพิ่งมาทราบตอนหลังว่าเป็นเสียงของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)" จิตก็คิดไปว่าอย่างนี้เป็นสิ่งที่เอาธรรมะมาขายของหรือไม่ รวมถึงอาจารย์ตอนโฆษณาขายเครื่องสำอางค์ ทำไมแต่งตัวรัดรูปจัง แต่จิตที่ดีก็ชื่นชมว่าทำไมอาจารย์อายุเลข 5 แล้วแต่หุ่นดีจัง

ผลกรรมที่ได้รับ  ไม่สบายใจ สิวขึ้น เจ็บคอบ่อยมาก แล้วทุกอย่างค่อยๆไปได้คำตอบในกระทู้ต่างๆว่า อาจารย์ทำรายการโทรทัศน์เพื่อขายสินค้า แต่ธรรมะเพียงแค่แทรกไปด้วยเท่านั้น แต่จะมีที่ใดหนอ โฆษณาสินค้าเพียงไม่กี่นาที แต่นอกนั้นเป็นรายการธรรมะเพื่อช่วยให้คนฉุกคิดว่าเราได้ทำกรรมตามคนที่ออกรายการหรือไม่ จะได้สำนึกผิดและไม่กลับไปทำอีก

2. มีโอกาสได้เข้าไปฟังการบรรยายที่กรุงเทพที่ ม.มหิดลและที่ร.ร แทรเวลเลอร์ ถึงสองครั้ง และได้เขียนธรรมทานสั้นๆทั้ง 2 ครั้งแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปบ้านสวนพีระมิดและในครั้งที่ 2 อาจารย์มีค่าย 13 เปิดต่อเนื่องจากการบรรยายที่ ร.ร แทรเวลเลอร์ และตัวเองได้มีโอกาสได้รับการเข้าค่าย 13 รู้สึกดีใจมากที่จะได้ไปบ้านสวนพีระมิดเป็นครั้งแรกพยายามปฏิบัติตัวไม่ให้ผิดกฏ ดูรายการคุยไปแจกไปเกิน 9 ตอน สมัครและส่งเอกสารก่อนเวลา แต่สิ่งที่ทำผิดพลาดใหญ่หลวงคือ

  2.1 เมื่อได้มีโอกาสมาบ้านสวนพีระมิดรู้สึกชื่นชมบรรยากาศ แต่เมื่ออาจารย์ให้ทุกคนแยกย้ายไปทำงาน จิตมีคิดเลวว่า อาจารย์หลอกให้มาทำงานโดยให้อาหารกินครบ 3 มื้อ ทำแบบนี้จะได้บุญจริงหรือ เป็นความคิดที่เลวมากๆ แต่ขณะทำงานจิตที่ดีก็บอกว่าเราทำงานโดยแรงกายบริสุทธิ์ บุญทั้งหมดถวายในหลวง และมีความสุขมากขณะทำงานและยิ่งมีความสุขที่ทุกคนสามัคคีไม่เกี่ยงงานเลย                                              

ผลกรรมที่ได้รับ  ไม่สบายใจ สิวขึ้น เจ็บคอบ่อยมาก ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าแห้งเป็นแผล แล้วทุกอย่างค่อยๆไปได้คำตอบในกระทู้ต่างๆว่า การทำงานแรงกายเป็นวัตถุทานบริสุทธิ์ และ ขณะทำจิตใจไม่คิดอะไรคิดแต่มาทำบุญ ผู้ให้บริสุทธิ์ และทำที่บ้านสวนพีระมิด อ.อุบล เป็นเนื้อนาบุญบริสุทธิ์ทำบุญเพื่อถวายในหลวง อานิสงค์ของบุญจึงสูงมาก

 2.2 ขณะที่อาจารย์อุบลบรรยายจะมีคนเอาน้ำมาเสิร์ฟอาจารย์ จิตเลวก็คิดอีกว่าทำไมอาจารย์ต้องให้คนอื่นมาเสิร์ฟน้ำให้ต่อหน้าคนอื่นที่มาด้วย อย่างนี้อาจารย์ยังไม่ละอัตตาสิ แก้วที่ใส่น้ำมาก็ต้องเป็นแก้วแบบใส่ไวน์ ทำไมต้องเลือกแก้วแบบนี้ด้วย ซึ่งจริงๆเป็นสิทธิ์ของอาจารย์ บ้านของอาจารย์ ที่อาจารย์อนุญาติให้มาก็โชคดีมากแล้ว

ผลกรรมที่ได้รับ  ไม่สบายใจ สิวขึ้น เจ็บคอบ่อยมาก ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าแห้งเป็นแผลอาจารย์มีหน้าที่ต้องทำมากมาย อาจารย์ต้องมาสอน มาบอกคนโง่ๆแบบณัฐากาญจน์ เพื่อให้จิตเปิด ดวงตาเห็นธรรม จริงๆคนที่ต้องเอาน้ำมาให้อาจารย์ต้องเป็นเราด้วยซ้ำ

2.3 ขณะที่อาจารย์อุบลมาที่ประชุม อาจารย์จะต้องขับรถกอล์ฟมาด้วยทุกครั้ง จิตเลวก็บอกว่าจากบ้านท่านอาจารย์มาถึงที่ประชุมไม่ได้ไกลเลยทำไมต้องขับรถกอล์ฟมาด้วย

ผลกรรมที่ได้รับ ไม่สบายใจ สิวขึ้น เจ็บคอบ่อยมาก ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าแห้งเป็นแผล ซึ่งจริงๆ เป็นสิทธิ์ของอาจารย์ บ้านของอาจารย์ ที่อาจารย์อนุญาติให้มาก็โชคดีมากแล้ว

2.4 กรรมหนักยิ่งคือ อาจารย์เน้นย้ำว่าต้องไปเขียนธรรมทานและไม่ใช่เขียนแบบนิดเดียวหรือแก้บน จึงตั้งใจว่ากลับไปต้องเขียนแบบเยอะๆ ระหว่างอาจารย์บรรยาย ให้แต่ละกลุ่มต่างๆที่ขึ้นไปพูดจะตั้งใจฟังและจดเพื่อนำมาเขียนธรรมทาน และอาจารย์ได้มีบอกว่าบางสิ่งห้ามนำมาเขียน ณัฐากาญจน์ก็จดมาเลยว่าสิ่งนี้ห้ามเขียน แต่แล้วสิ่งที่ผิดพลาดก็เกิดขึ้น ณัฐากาญจน์ได้เขียนข้อความบางอย่างที่ไม่สมควรเขียนลงไปเพราะในที่ตัวเองจดมาไม่ได้บันทึกว่าเขียนไม่ได้  จึงได้เขียนข้อความนั้นและได้กดส่งข้อความนั้นไป และเมื่อได้อ่านทบทวนยังมีบางอย่างที่ต้องแก้ไขจึงกลับมาแก้ และกดส่งอีกครั้ง ปรากฏว่าข้อความที่ไม่ได้แก้หายไปด้วยอย่างน่ามหัศจรรย์ จึงได้เอะใจว่าเราได้ส่งข้อความที่ไม่สมควรไปแล้ว แต่คิดว่าไม่เป็นไรข้อความนั้นได้ถูกลบไปแล้วนี่ แต่เมื่อได้กลับไปทบทวนข้อความที่ตัวเองได้เขียนไปยังมีบางข้อความที่ไม่ควรเขียนไปจริงๆ (ตอนนี้ได้แก้ไขและลบข้อความที่ไม่สมควรเขียนแล้ว)ซึ่งด้วยอายุขนาดนี้ โต มีครอบครัวแล้วน่าจะมีความคิดได้ว่าสิ่งใดควรเขียนสิ่งใดไม่ควรเขียน คิดถึงแต่ตัวเอง โง่ อวดรู้ อวดมาก อวดเก่ง ไม่นึกถึงผลกระทบ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งๆที่ท่านอาจารย์ได้เตือนไว้แล้ว

ผลกรรมที่ได้รับ  กว่าจะรู้ตัวว่าได้ทำผิดมหันต์มาก ทำผิดกฏบ้านสวนที่ว่าห้ามเขียนบางอย่างที่ไม่อนุญาติให้เขียนก็ล่วงมา 2 เดือนแล้ว นับจากวันที่ 8 ตุลาคม 2555 จนถึงวันนี้วันพ่อแห่งชาติ ตอนนี้ มีความทุกข์ใจมาก ขณะคิด ใจกระวนกระวาย รู้สึกผิดมหันต์  ปวดหัว คันตามเนื้อตัว ปวดแขน ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าแห้งเป็นแผล สำนึกผิดได้เพราะคำสอนของพี่แมวซึ่งได้โทรไปสอบถามการไปบ้านสวนวันที่ 8-9 ธันวาคม 2555 พี่แมวได้บอกเตือนสติอย่างแรงและตรงมากจนสำนึกผิดคิดได้ว่าได้ทำผิดต่ออาจารย์อุบลอย่างใหญ่หลวง หนูกราบขอขมาแทบเท้าอาจารย์อุบลที่ได้ล่วงเกินอาจารย์ ไม่ปฏิบัติตามที่อาจารย์ได้บอก ทั้งๆที่ตอนเขียนไปใน 3-4 บรรทัดนั้นตัวเองก็ไม่มั่นใจว่าเขียนได้หรือไม่ แต่เนื่องจากไม่ได้จดไว้ว่าห้ามเขียน จึงคิดว่าน่าจะเขียนได้ ซึ่งจริงๆหากไม่มั่นใจในสิ่งใดก็ไม่ควรนำมาเขียนเลย  เป็นผลให้ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสที่ทำผิดใหญ่หลวงต่ออาจารย์อุบลที่หนูเคารพรัก บูชาเป็นอย่างยิ่ง หนูขอโทษ ขออภัย และ กราบขอขมาอาจารย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ ขอท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคลโปรดให้อภัยให้หนูและครอบครัวหนูด้วยค่ะ เพราะหนูย้อนกลับไปอ่านทำให้ทราบว่าจะมีผลอันตรายถึงตัวหนูเองและครอบครัวหนูด้วย หนูกราบขอขมาแทบเท้าท่านอาจารย์อุบลในความโง่เขลา อวดรู้ของหนูด้วยค่ะ

3. ได้คิดในใจว่าทำไมวัตถุมงคลจี้ 3 ร่มโพธิ์ศรีราคาแพงจังเลย อาจารย์ทำไมตั้งสูงอย่างนี้

ผลกรรมที่ได้รับ ไม่สบายใจ สิวขึ้น เจ็บคอบ่อยมาก ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าแห้งเป็นแผลจริงๆแล้ววัตถุมงคลที่มีทั่วไปที่มีชื่อเสียงราคาเป็นหลักแสนหลักล้านก็มี อาจารย์ให้บูชาด้วยราคา 3,000 บาทจึงเป็นราคาที่ไม่สูงเลย หากเรามีเงินไม่พอก็บูชาอย่างอื่นก็ได้ หรือ หากปฏิบัติศีล 5 บริสุทธิ์หมั่นทำทาน ศีล ภาวนา ก็ไม่ต้องบูชาก็ได้ แต่นี่เพราะตัวเองยังปฏิบัติศีล 5 ให้บริสุทธิ์ไม่ได้ อาจารย์มีวัตถุมงคลซึ่งมาคอยช่วยเหลือคุ้มครองยังคิดเลวได้อีก

ทำอย่างไรผลที่ได้รับจากการปรามาส มีหนทางคลี่คลาย

1.ขอขมาทางหน้าจอเวปไซต์ กราบท่านอาจารย์ทางเวปไซต์ และกราบเท้าขอขมาโดยหลับตาจิตนึกถึงอยู่ตรงหน้าท่านอาจารย์และกราบขอขมา ขออภัยท่านอาจารย์

2.ขอขมาทางหน้าจอเวบไซต์ กราบท่านองค์สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ พระศรีอาริยเมตไตร  เทวดาที่รักษาอุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลทางเวปไซต์และกราบเท้าขอขมาโดยหลับตาจิตนึกถึงอยู่ตรงหน้าองค์สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ พระศรีอาริยเมตไตร เทวดาที่รักษาอุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลทางเวปไซต์ และกราบขอขมา ขออภัยต่อท่าน

3.สารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟิงซ์ ว่าได้ทำผิดมหันต์ล่วงเกินอาจารย์ ทั้งทางความคิด และการกระทำ หนูสำนึกผิดแล้ว และจะไม่กลับไปทำอีก

4.เขียนธรรมทานสารภาพบาปในกระทู้ " ขอเชิญร่วมสร้างสุดยอดธรรมทาน ปลดล็อคทุกปัญหา เรื่อง"ปรามาสอาจารย์อุบล แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร" และกระทู้สารภาพบาปของตัวเอง ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์

5.ส่งข้อความขอโทษอาจารย์อุบล และ พี่แมวผ่านทางมือถือพี่แมว หนูขอขอบคุณพี่แมวเป็นอย่างสูงที่เตือนสติแบบแรงตรงไปตรงมาทำให้ได้รับทราบถึงความเลวของตัวเองที่ได้ทำผิดกฏมหันต์ต่อท่านอาจารย์อุบลค่ะ  ขอพี่แมวโปรดให้อภัยหนูด้วย หากไม่ได้พี่แมวหนูก็ยังไม่รู้ตัว ไม่ได้สำนึกผิด  ไม่ได้มาขอขมาท่านอาจารย์อุบล 

6.ขณะที่ได้พิมพ์ธรรมทาน ทำให้ขจัดใจ ความคิดชั่ว สำนึกผิดที่ได้คิดชั่ว กระทำความชั่วความเลวต่อท่านอาจารย์อุบล

ลูกกราบขอขมาแทบเท้า ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท็อป โปรดยกโทษ และให้อภัยณัฐากาญจน์ และ ครอบครัวด้วยค่ะ ที่มีจิตใจคิดชั่ว และทำผิดกฏบ้านสวนอย่างใหญ่หลวงค่ะ

ลูกขอน้อมกราบพระบาท และกราบขอบพระคุณ องค์สมเด็จพระปฐมบรมธรรมบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ พระศรีอาริยเมตไตร  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ที่รักษาอาจารย์อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งอนันตจักรวาล ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว  เมตตาให้โอกาส ให้อภัย ลูกที่มีจิตคิด กระทำชั่ว ได้ปลดล็อคกรรมหนัก ในครั้งนี้ด้วยเทอญ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-05 23:35:16


ความคิดเห็นที่ 58 (1645396)

 ชื่อชุติมณฑน์ ใจดี อายุ 34 ปี

การศึกษาปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี

อาชีพ แม่บ้าน 

 

"ปรามาสท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด

แล้วจะได้รับผลกรรมอย่างไร"  

เคยปรามาสท่านอาจารย์ หลายเรื่อง เคยสารภาพบาปแล้วแต่อาการจิตต่ำไม่ยอมหาย วันนี้จึงขอสารภาพบาปอีก เนื่องจากสารภาพครั้งก่อนแล้วไม่หายหน้าจะเกิดจากสารภาพไม่ครบ ไม่กล้าบอกหมด วันนี้จะสารภาพให้ครบค่ะ ขอให้ลูกหายด้วยเถิด สาธุ....

-  เคยปรามาสท่านอาจารย์ เรื่องการแต่งตัวรัดรูป เรื่องหน้าอกอาจารย์ใหญ่ ชอบมองเป้ากางเกงอาจารย์เวลาดูผ่านจอทีวีท่านอาจารย์เคยสอนเกี่ยวกับการที่ไม่ควรหมกมุ่นเรื่องกามารมณ์ จิตก็คิดชั่วไปว่าแล้วท่านอาจารย์เองยังมีเรื่องพวกนี้อยู่หรือไม่  แล้วยังจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องกามารมณ์ระหว่างท่านอาจารย์อุบลกับท่านอาจารย์มงคลด้วย เรื่องนี้บาปมากๆ 

- ผลที่ได้รับ คือ ทำให้จิตคิดแต่เรื่องต่ำๆ เวลาสวดมนต์ก็คิดแต่คำที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศหญิงตลอด แม้แต่เวลาระลึกถึงหลวงพ่อฤาษีฯ จิตก็นึกถึงคำนี้ขึ้นมาทำให้ชื่อหลวงพ่อผิดไป เวลาสวดมนต์ก็สวดผิดๆ เพี้ยนๆ คำนี้มาแทนที่อยู่เรื่อย กลุ้มใจมากๆ ค่ะ

- เคยนึกถึงท่านอาจารย์  ต่จ ตชื่ ก็คิดเรียกท่านว่า นังอาจารย์อุบลขึ้นมา บาปมากๆ ค่ะ

- ผลที่ได้รับ คือ จิตคิดแต่เรืีองชั่วๆ บางครั้งคิดเรื่องดีๆ ได่เกือบทัวัน ยู่ๆ มารก็เข้าแทรกให้คิดเรรื่องแย่ได้อีกค่ะ

 

 

 

 
ผลกรรมที่ได้รับ
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติมณฑน์ ใจดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-13 19:17:00



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.