ReadyPlanet.com


21-22-23 ธ.ค.55 บ้านสวนฝึก+พิสูจน์ อภิญญา ให้พวกเราดู


เมื่อวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเราถือว่าโชคดีสุดๆเลย เพราะได้รับรู้เรื่องอภิญญาทั้งวิธีการฝึกและผลที่เกิดขึ้นจริงๆด้วยตนเอง ชนิดที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นด้วยตนเองจะๆเช่นนี้มาก่อน

ท่านอาจารย์อุบลได้นำเรื่องอภิญญาที่เกิดขึ้นจริงในสมัยหลวงปู่ปานมาอ่านให้ฟัง ในหนังสือเรื่อง "ประวัติหลวงปู่ปาน" โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ฟังแล้วสนุก ตื่นเต้นสุดๆเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เราเคยอ่านๆในสมัยเด็กๆในนิยายหรือหนังจักรๆวงศ์ๆนั้นเป็นเรื่องจริง

หลวงปู่ปานแค่หยิบใบไม้โยนออกไปโดยไม่มีลีลาท่าทางอะไรเลยก็กลายเป็นพญานกมาจิกงู ซึ่งหลวงปู่คำคะนิง(ชีประขาวที่ท่านพบในป่า)ก็จับอะไรได้ก็โยนออกไปก็กลายเป็นงู และอะไรต่อมิอะไร สู้ๆกันชนิดที่ทำให้คณะพระที่มากับหลวงปู่ปานต้องหลบอยู่ด้านหลังหลวงปู่ปานกันเลยทีเดียว

ยิ่งกว่านั้นก็ยังรู้อีกว่า มีการหุงข้าว ทำอาหารแบบอภิญญา แค่หยิบข้าวสารหยิบมือเล็กๆ และใบบอนมาหน่อยเดียว ใส่หม้อแยกกันไว้คนละหม้อ แล้วก็คุยกันไป ไม่ได้สนใจอะไรเลย

แป๊บเดียวข้าวก็สุกหอมฉุย แกงบอนก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแถมมีเนื้อปลาแถมมาอีกต่างหาก

โอ้ จอร์จ อะไรจะสุดยอดขนาดนั้นครับ ฟังแล้วน้ำลายจะหกไปด้วย 5555

แต่ที่ช็อคไปยิ่งกว่านั้นคือพวกเราได้เห็นอภิญญาของจริงต่อหน้าต่อตากันเลย ในห้องประชุม

ท่านอาจารย์อุบลได้นำน้ำมาขวดหนึ่งแล้วแค่จับหรือแตะนิดเดียว และครั้งต่อมาอีกคนละวัน ท่านไม่ได้แตะเลย แค่มองไกลๆและบอกว่าน้ำนี้คือน้ำทิพย์แล้ว และให้ทุกคนพิสูจน์ดู

ปรากฏว่าแต่ละคนที่เจ็บป่วย ปวดตามร่างกาย เจ็บคอ ปวดท้อง ปวดนั่นปวดนี่ แค่น้ำทิพย์ไม่กี่หยดปวดท้องแต่หยดน้ำทิพย์ลงในมือก็หายทันที ป๊าดดด อะไรจะสุดอัศจรรย์ขนาดนั้นครับ

โอ๊ยยย ทำไงถึงจะได้วิชาของพระพุทธเจ้าบ้างละเนี่ย

ท่านอาจารย์อุบลเลยจัดให้ทันที และสอนว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยหวงวิชาเลย มีแต่ผู้คนไม่ทำตามที่พระองค์ท่านสอนต่างหากล่ะ มัวแต่ลูบๆคลำๆแล้วก็อยากอย่างเดียว มันจะได้อย่างไรล่ะ

ว่าแล้วท่านอาจารย์ก็สอนเรื่องอภิญญา ว่าอภิญญานี่สามารถทำอะไรได้บ้าง ฝึกอย่างไร

พวกเราเลยมารู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนว่า การฝึกกสิณ 10นี่เองทำให้มีฤทธิ์อภิญญา

แต่ท่านอาจารย์อุบลเน้นย้ำว่าอภิญญายังไม่ใช่ของดีที่สุดเพราะไม่ได้ทำให้สิ้นทุกข์ แต่คนมีปัญญาก็สามารถนำมาใช้สร้างประโยชน์ ทำความดีได้

ว่าแล้วท่านก็สอนการฝึกกสิณทั้ง10กองให้พวกเราทราบโดยละเอียดเลย

อ้าว พี่น้องครับ เชิญทุกท่านเขียนธรรมทานเรื่องการฝึกอภิญญา กสิณ10โดยละเอียดที่พวกเราได้รับกันในวันนั้นทำอย่างไรเพื่อให้ทุกๆท่านที่ไม่ได้มาได้ทราบและฝึกไปพร้อมๆกันเลยก๊าบ

และท่านที่ได้สัมผัส และเจอเหตุการณ์อัศจรรย์จากน้ำทิพย์ กันจะๆในวันนั้น ก็เชิญมาเล่าเป็นธรรมทานใหญ่กันเลยครับ

ตลอดจนลูกอมที่พวกเราได้รับ ทั้งลองอมเองและนำแจกจ่ายแก่คนที่เรารัก และรู้จักได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ ขนาดบางท่านที่ได้มโนมยิทธิเพียงแค่เห็นลูกอม ถึงกับเอ่ยออกมาทันทีว่า "นี่คือลูกอมที่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าอยู่" ทั้งๆที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกอมนี้คือลูกอมอะไรกันแน่ 

เชิญทุกท่านมาเล่าธรรมทานเรื่องการฝึกอภิญญา สิ่งที่ได้สัมผัสพบเห็นและประสบการณ์จากน้ำทิพย์ และลูกอมกันครับ ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกๆท่านด้วยครับ สาธุ



ผู้ตั้งกระทู้ ธนา อรุณภิญโญพล กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-12-24 12:47:51


[1] 2 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1646650)

มารออ่านค่ะ

ตื่นเต้นมากก

จะพยายามทำตามค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:13:04


ความคิดเห็นที่ 2 (1646651)

และท่านที่ได้สัมผัส "อภิญญา" จากน้ำทิพย์ กันจะๆในวันนั้น ก็เชิญมาเล่าเป็นธรรมทานใหญ่กันเลยครับ

...................

วันนั้นเป็นคืนวันเสาร์ใด้น้ำทิพย์จากท่านอาจารย์ ตัวเองนั้น รู้สึกท้องอืดอย่างเเรง เลยเอาน้ำมาลูบที่ท้อง สักพักรู้สึกว่ามีอาการจุกมาที่ลำคอ และค่อยๆผายลม แป้ปเดียวท้องที่อืดก็เเฟ้บลง  อาการท้องอืดก็หายไปค่ะ

......................

ส่วนลูกอมนั้น จากที่อมไปแล้วรู้สึกว่าเราอิ่มนานมาก และไม่ค่อยง่วงค่ะ

และใด้นำลูกอมไปแจกจ่ายเพื่อนๆๆที่ทำงานและที่บ้านค่ะ ทุกๆๆคนดีใจมาก

รู้สึกดีใจค่ะที่เขารับลูกอม แล้วเขากินกันเลย มีความสุข เหมือนใด้ของวิเศษค่ะ

กราบขอบคุณพระศรีอาริยเมตไตร เทพ พรหม เทวดาที่รักษาทานอาจารย์อุบลทุกพระองค์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:30:18


ความคิดเห็นที่ 3 (1646652)

ในวันที่ท่าน อ.อุบล

นำน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเพียงแค่มองเท่านั้น

 มาให้พวกเรา

โดยเทใส่มือให้แต่ละคน

ตอนนั้นอ้อยมีแผลที่นิ้วโป้งด้านซ้าย

เป็นแผลจากการถูกปูนกัด

ช่วงที่เทคาน

อาคารเอนกประสงค์ 

ซึ่งปวดแผลมาก บริเวณแผลแดง

ปวดตุ้บๆๆๆ

พยายามใช้รหัสแล้วดีขึ้นเล็กน้อย

ไม่หาย

พอท่านอาจารย์เทน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่มือ

อ้อยเอามาลูบที่แผล

โอ้ สุดยอด

แผลที่ปวดตุ้บๆ อยู่หายปวด

หายแดงทันที

ดีขึ้น 90% มันอัศจรรย์มาก

คิดดูกำลังปวดสุดๆ

แล้วอาการปวดหายไปทันทีเกือบ 100%

หลังจากนั้นวันต่อมาแผลก็แห้ง

  ซึ่งปกติประมาณ 1 อาทิตย์

ถึงจะหาย 

ที่รู้ว่า 1 อาทิตย์เพราะว่าโดนปูนกัดมือบ่อย

โดยเฉพาะช่วงผสมปูนสร้าง

องค์พระปฐมบรมธรรมบิดา 

คิดว่าที่ไม่หาย 100% 

เป็นเพราะใช้มือซ้ายเล่มเกมส์อยู่ค่ะ

กราบขอบพระคุณเทวดาที่ดูแลรักษา

ท่าน อ.อุบล

และท่านอ.อุบล

ที่เมตตาให้อ้อยได้เห็นอภิญญาชัดๆกับตา

ที่ผ่านมาอ่านเจอ

แต่ในประวัติพระพุทธเจ้า

และครูบาอาจารย์อื่นๆ

ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเจอกับตัวเอง

ที่บ้านสวนพีระมิด

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:32:58


ความคิดเห็นที่ 4 (1646654)

 ธรรมทานวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.55 แบบย่อๆค่ะ


อภิญญา หมายถึง ความรู้ยิ่งกว่าความรู้ตามปกติ 
ผู้ที่มีอภิญญาต้องไม่อวด ไม่แสดงตน 
เพราะถ้าเมื่อใดอวดว่ามี จะพากันไปนรกเสียหมด
 
อภิญญาโลกีย์มี 11 อย่าง  คือ
1. อิทธิวิธี  แสดงฤทธิ์ได้
2. ทิพยโสตญาณ  มีหูทิพย์
3. มโนยิทธิ  มีฤทธิ์ทางใจ  ถอดกายใจออกท่องเที่ยวได้
4. ทิพยจักษุญาณ  มีอารมณ์เป็นทิพย์  คล้ายตาทิพย์
5. จุตูปปาตญาณ  รู้ว่าคนสัตว์จะไปเกิดเป็นอะไร
และก่อนเกิดเป็นอะไรมาก่อน
6. เจโตปริยญาณ  รู้อารมณ์ใจของคนและสัตว์
7. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ  ระลึกชาติที่เกิดมาแล้วได้
8. อตีตังสญาณ  รู้เหตุการณ์ที่ล่วงมาแล้ว
9. อนาคตังสญาณ  รู้เรื่องราวที่ยังไม่ได้เกิด
10.ปัจจุปปันนังสญาณ  
รู้เรื่องราวในปัจจุบันที่ปรากฎขึ้นในที่ไกลหรือโลกอื่น
11.ยถากัมมุตาญาณ  รู้กฎของกรรม

อิทธิฤทธิ์ ฝึกด้วยกสิณ 10 ให้ครบถ้วน
นอกนั้น ทรงอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้
ก็จะสามารถฝึกกองอื่นได้เอง

พระอรหันต์ส่วนใหญ่ที่ท่านจะบรรลุนั้น
มักจะบรรลุได้ตอนเหนื่อยและง่วงมาก
ดังนั้นท่านอ.จึงให้พวกเราทำบุญใช้แรงกายให้เต็มที่
เมื่อร่างกายมันไม่ต้องการ อยากได้ อยากมีอะไรแล้ว 
เพราะความเหนื่อยความเพลีย มันก็จะได้เอง

พุทธศาสตร์ มีไว้ช่วยคน สงเคราะห์คน
แต่ไสยศาสตร์มีไว้เพื่อทำลายค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:39:48


ความคิดเห็นที่ 5 (1646655)

อิอิ เห็นท่านอาจารย์ รศ.เบญจรัตน์คอยอยู่ งั้นจัดไปฮับ

วิธีการฝึกกสิณ10กองที่ทำให้ได้อภิญญาฤทธิ์นั้นพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้หมด และเพียงเราทำได้กองเดียว กองอื่นก็ทำได้ไม่ยากเลยภายในเวลาอันรวดเร็วไม่นานนัก

ท่านอาจารย์อุบลเองก็เริ่มฝึกกสิณดินเป็นกองแรก ทำตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเขียนสอนไว้ ทำอย่างสบายๆแต่จริงจัง ไม่คาดหวังผลอะไรทั้งสิ้น

เวลานั่งรถเข้ากรุงเทพท่านก็ฝึกตลอดเวลา ถนนหนทางรังสิต-นครนายก ท่านก็ใช้เป็นเส้นทางฝึกกสิณดิน จนเส้นทางนี้กลายเป็นเพชรระยิบระยับไปหมดแล้ว คือท่านสอนให้คนทำง่ายๆสบายๆแต่ทำจริง ไม่คาดหวัง จะได้ของจริงแน่นอน

และพวกเราทั้งหลายเมื่อฝึกได้ก็จะสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายได้ทั้งในยามปกติและเกิดภัยพิบัติ แต่หากฝึกเพื่อความอยากไปอวดคนอื่น ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน

หลักสำคัญ ต้องฝึกกับครูบาอาจารย์ที่ได้อภิญญาแล้ว ไม่งั้นฝึกกับคนที่ไม่ได้อภิญญาไปก็เปล่าประโยชน์เพราะไม่สามารถสอนหรือแก้ปัญหาให้เราได้

วิธีการฝึกกสิณ

กสิณเป็นของการฝึกโดยอาศัยของหยาบ แต่ลูกบ้านสวนฯท่านให้ฝึกโดยใช้จิตที่ละเอียดฝึกซึ่งจะให้ผลที่เร็วกว่าชัดเจนกว่า

กสิณดิน

ให้จิตคิดถึงกองดินที่เราคุ้นเคย ทรงภาพไว้ จากนั้นให้จิตเห็นภาพกองดินนั้นเป็นสีขาวทึบ ทรงภาพไว้ และต่อมาเปลี่ยนภาพนั้นให้กลายเป็นกองดินที่เป็นแก้วใสระยิบระยับ

กสิณน้ำ

ให้จิตคิดถึงน้ำในแก้วตรงหน้าเรา ทรงภาพไว้ จากนั้นให้จิตเห็นน้ำนั้นกลายเป็นน้ำสีขาวทึบเหมือนละลายแป้งไว้ ทรงภาพไว้ และต่อมาเปลี่ยนภาพนั้นให้กลายเป็นน้ำที่เป็นแก้วใสระยิบระยับ

กสิณลม

ให้จิตนึกถึงต้นไม้ต้นหนึ่งที่เราคุ้นเคย และมีลมพัดเข้ามาทำให้กิ่งไม้ ใบไม้โย้ลู่ลมไปทางด้านหลัง แล้วบังคับกระแสจิตให้ลมพัดเปลี่ยนทิศไปข้างหน้าทันที เห็นทีใบไม้โดนพัดลู่ตามลมไปทางด้านหน้าทันที และลมเปลี่ยนทิศพัดใบไม้ลู่ขึ้นข้างบน หรือลงข้างล่างตามจิตที่เราต้องการได้ในทันที

กสิณไฟ

นึกถึงเทียนที่เราจุด จิตเราบังคับให้เปลวเทียนขยายใหญ่ขึ้น และเล็กลงได้ตามที่จิตปรารถนา

กสิณสีเหลือง

นึกถึงอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง จากนั้นจิตเปลี่ยนภาพนั้นเป็นสีขาวทึบ และเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับตามลำดับ

กสิณสีแดง

 

นึกถึงอะไรก็ได้ที่เป็นสีแดง จากนั้นจิตเปลี่ยนภาพนั้นเป็นสีขาวทึบ และเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับตามลำดับ

กสิณสีขาว

นึกถึงอะไรก็ได้ที่ขาว และจากนั้นจิตเปลี่ยนเห็นเป็นสีแก้วใสระยิบระยับตามลำดับ

กสิณสีเขียว

ให้นึกถึงใบไม้สีเขียวๆ จากนั้นจิตเปลี่ยนภาพนั้นเป็นสีขาวทึบ และเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับตามลำดับ

กสิณแสงสว่าง

เช่นเวลากลางคืน เวลาฝึกก็นึกถึงสถานที่ที่มืดนั้นเป็นบรรยากาศที่เห็นแสงสว่างเหมือนตอนกลางวันเลย จิตทรงภาพทุกอย่างที่เห็นไม่ว่าเวลาไหนเป็นเหมือนตอนกลางวัน เห็นทุกอย่างชัดเจน

กสิณอากาศ

ให้ระลึกถึงลมหายใจเข้าออกแทนก็ได้ จับอยู่ 3ฐาน ปลายจมูก กลางอก สะดือ ให้เห็นอากาศที่เข้าออกอยู่อย่างนั้นจนเป็นระยิบระยับ หรือเพ่งอากาศที่เราเห็นอยู่รอบๆตัวจนเป็นระยิบระยับไปหมด

นี่คือวิธีการฝึกกสิณภาคปฏิบัติแบบง่ายๆที่เห็นผลอย่างรวดเร็วชัดเจนอย่างแน่นอนขึ้นกับว่าเราจะทำจริงไหมเท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:45:02


ความคิดเห็นที่ 6 (1646656)

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น พวกเราได้รับฟัง อ.อุบล พูดเกี่ยวกับอภิญญา ซึ่งเป็นวิชาหนึ่งในพระพุทธศาสนา โดยหากฝึกฝนแล้ว ก็จะสามารถทำได้ครับ โดยท่าน อ.อุบล ได้อ่านหนังสือ "ประวัติหลวงพ่อปาน" ให้พวกเราฟังครับ โดยผมคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีมากๆ และทุกคนควรหามาอ่านกันนะครับ โดย อภิญญานั้น ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย  โดยอภิญญานั้นเป็นความรู้ ยิ่งกว่าความรู้ธรรมดา ซึ่งผู้ที่ฝึกนั้น จะสามารถ เหาะเหิน เดินอากาศได้ มีหูทิพย์ สามารถรู้ได้ว่าคนอื่นคิดอะไร  สามารถระลึกชาติได้ และอื่นๆ ซึ่งเวลาจะใช้ก็ไม่ต้องสวดมนต์หรือทำอะไรมากมาย แค่เขวี้ยงไม้ออกไป บอกว่า จงเป็น งู ไม้นั้นก็เป็น งู เรียกได้ว่า ใจอยากให้เป็นอะไร สิ่งนั้นก็จะเป็นไปอย่างที่ใจต้องการ ซึ่งทั้งหมดนี้ คือศาสนาพุทธอย่างแท้จริง มีในพระไตรปิฎก  จากนั้นท่าน อ.อุบล ก็ได้นำน้ำมาขวดหนึ่ง และแค่แตะแล้วบอกว่าให้เป็นน้ำอภิญญา ใครเป็นอะไรอยู้ให้ออกมา แล้วให้ดูว่าเมื่อรับน้ำแล้วจะเป็นอย่างไร ก็มีพี่น้องหลายคนออกไปรับน้ำ ซึ่งเมื่อได้รับน้ำ อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ก็หายอย่างฉับพลันทันที ซึ่งผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีอาการปวดฟัน และออกไปรับน้ำจาก ท่าน อ.อุบล ด้วย เมื่อผมได้รับน้ำแล้วเอามาทาบริเวณที่ปวดฟัน ปรากฎว่า อาการปวดฟันนั้น หายไปทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่า อ.อุบล ท่านแตะที่ขวดน้ำแค่นิดเดียว ก็เป็นน้ำ อภิญญาแล้ว ไม่ต้องนั่งสวดมนต์เป็นชั่วโมง หรือมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย และต่อมาในวันเสาร์ อ.อุบลก็ได้พาพวกเราทำกสินครับ เช่นกสินสีต่างๆ ก็ให้เปลี่ยนสีนั้นๆ เป็นสีขาว ทึบ และจากนั้นก็ให้เปลี่ยนเป็นเพชร มีประกายระยิบระยับสวยงาม โดยท่านบอกว่า ทำได้ทุกเวลา ตอนไหนก็ได้ครับ ซึ่งเวลาที่เราว่างๆ เช่นตอนนั่งรถ ก็สามารถฝึก กสินได้ โดยการเปลี่ยนภาพที่อยู่รอบตัวเรา ให้เป็นสีขาว และจากนั้น ก็เปลี่ยนให้กลายเป็นเพชร ซึ่งเป็นการฝึกง่ายๆในชีวิตประจำวันครับ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเวลาฝึก ทำได้ตลอด เดินไปตรงไหน ก็ทำได้ทุกที่ ทุกเวลาครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:45:33


ความคิดเห็นที่ 7 (1646657)

 

ตลอดจนลูกอมที่พวกเราได้รับ ทั้งลองอมเองและนำแจกจ่ายแก่คนที่เรารัก และรู้จักได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ ขนาดบางท่านที่ได้มโนมยิทธิเพียงแค่เห็นลูกอม ถึงกับเอ่ยออกมาทันทีว่า "นี่คือลูกอมที่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าอยู่" ทั้งๆที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกอมนี้คือลูกอมอะไรกันแน่

                ************************************** 

สำหรับเรื่องลูกอมนั้น

หลังจากที่ได้รับจากท่าน อ.อุบล

ก็รีบทานทันที 

แหมก็ท่านอาจารย์เคยสอนทำดี

ให้ทำง่ายๆ ทำทันที

ลูกอมนี้เป็นของดี

ก็ต้องใส่ปากทันที 

เพื่อความไม่ประมาท

หลังจากทานเสร็จตอนนั้นไม่รู้สึกอะไร

แต่เริ่มเห็นผลตอนขับรถออกจากบ้านสวนฯ

ปกติพอขับรถออกจากบ้านสวนฯ

จะรู้สึกหิวทันทีไม่รู้เป็นไง 

แต่คราวนี้ไม่รู้สึกหิวเลย

ที่สำคัญเวลาผ่านมาถึงวันศุกร์   

 6 วันหลังทานลูกอม ต้องเข้า case

 กับคุณหมอในห้องผ่าตัด

เริ่มประมาณ 9 โมง

เลยทานข้าวตอนประมาณ 8 โมงครึ่ง

  ปกติจะเสร็จ case ประมาณ

เที่ยงหรือไม่เกินบ่ายโมง

แต่นี่เสร็จปาเข้าไปเกือบทุ่มนึง

  แปลกที่ไม่รู้สึกหิวข้าวเลย

  สามารถยืนอยู่ได้ทั้งวัน ไม่ค่อยเพลียมาก

  แต่ด้วยความที่กิเลสยังหนาอยู่

แม้ไม่รู้สึกหิว

แต่มีความอยากทานอาหาร

เพราะเคยชินว่าเราต้องทานข้าวกลางวันนะ

  นี่ละนะคนเรา ไม่หิว แต่อยากค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:45:46


ความคิดเห็นที่ 8 (1646658)

วันเสาร์ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์นำพวกเราทบทวนเรื่องกสิณทั้ง 10 กอง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ  สีเหลือง สีเขียว สีแดง สีขาว อากาศ และแสงสว่าง 

หลังจากที่เคยฝึกกันมาแล้ว การฝึกไม่ได้ฝึกโดยนำสิ่งของมาวางไว้ตรงหน้าแล้วให้มอง เพราะนั้นยังถือว่าเป็นของหยาบอยู่ ท่านอาจารย์ให้เราใช้วิธีโดยการคิดนึกถึง เช่น

การฝึกกสิณดิน ก็ให้คิดถึงสีดิน หรือกองดิน  แล้วจิตนาการเปลี่ยนเป็นสีขาว ขาวทึบ เป็นแก้ว เป็นเพชรระยิยระยับ

กสิณน้ำ  ก็นึกถึงลักษณะน้ำที่อยู่ในแก้ว แล้วให้คิดเปลี่ยนเป็นสีขาว ขาวทึบ เป็นแก้ว เป็นเพชรระยิบระยับ

กสิณลม ให้นึกดูที่ใบไม้ คิดให้ลมเปลี่ยนทิศไปทางใด ก็ให้กิ่งไม้หรือใบไม้ไหวเอนไปทางนั้น จะลดหรือเพิ่มระดับของลมให้พัดเบา ๆ หรือพัดแรงก็ได้

กสิณไฟ ส่วนใหญ่จะนำมาใช้เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย โดยให้นึกว่ามีไฟขึ้นมาที่ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งที่ต้องการความอบอุ่น

กสิณสีเหลือง ให้เรานึกถึงสีเหลือง แล้วเปลี่ยนเป็นสีขาว ขาวทึบ เป็นแก้ว เป็นเพชรแวววาวระยิบระยับ

กสิณสีแดง ให้เรานึกถึงสีแดง แล้วเปลี่ยนเป็นสีขาว ขาวทึบ เป็นแก้ว เป็นเพชรแวววาวระยิบระยับ

กสิณสีขาว ให้เรานึกถึงสีขาว  เป็นแก้ว เป็นเพชรแวววาวระยิบระยับ

กสิณแสงสว่าง หากเป็นเวลากลางคืน หรืออยู่ในที่มืด ก็ให้คิดถึงแสงสว่างในตอนกลางวัน หรือทำตามที่ท่าน ดร. อาจอง เคยสอนไว้ คือ ให้นำแสงสว่างมาบรรจุไว้ในศีรษะ แล้วเคลื่อนแสงสว่างมาที่หัวใจ มือและแขนทั้งสองข้าง ที่ขาและเท้าทั้งสองข้าง และเคลื่อนมาที่ตา ปากและลิ้น ขยายแสงสว่างทั่วทั้งตัว และขยายแผ่แสงสว่างไปให้กว้างที่สุดเท่าที่ต้องการ
 
กสิณอากาศ ให้เรากำหนดลมหายใจเข้าออกที่ปลายจมูก อก ท้องหรือสะดือ ให้รู้ว่าอากาศอยู่ตรงไหน  หรือนึกอากาศรอบตัวเราให้เป็นแก้วแวววาวระยิบระยับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:50:07


ความคิดเห็นที่ 9 (1646659)
พระอรหันต์ส่วนใหญ่ที่ท่านจะบรรลุนั้น
มักจะบรรลุได้ตอนเหนื่อยและง่วงมาก
ดังนั้นท่านอ.จึงให้พวกเราทำบุญใช้แรงกายให้เต็มที่
เมื่อร่างกายมันไม่ต้องการ อยากได้ อยากมีอะไรแล้ว 
เพราะความเหนื่อยความเพลีย มันก็จะได้เอง
######
 
    สาธุกับทุกท่านที่ นำเรื่องดี ๆ มาเล่าให้ฟังค่ะ
 
ท่าน อ. อุบล ท่านเยี่ยมมาก ๆ เลยค่ะ
 
เวลาท่านสอนหรือฝึกอะไรให้พวกเรา
 
ท่านมีวิธีที่ง่าย ๆ  และเราก็ไม่รู้ตัว
 
กราบ  กราบ  กราบ
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:50:52


ความคิดเห็นที่ 10 (1646661)

เมื่อวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา

ท่านอาจารย์ได้อ่านประวัติหลวงพ่อปานให้พวกเราฟังครับ

มีเรื่องของหลวงพ่ออปานกับขรัวอีโต้

ซึ่งท่านเป็นเพื่อนของหลวงพ่อปาน ที่เรียกว่าขรัวอีโต้

เพราะท่านไปไหนก็พกมีดอีโต้ไปด้วยเสมอ

เป็นฆราวาสเก่งกสิณมากและได้อภิญญา 

เสกอีโต้ให้ลอยน้ำและใช้ลอบดักเงินหรือแบงค์บนยอดไม้ได้

ท่านดักเงินมาใช้ซื้อของกินเองบ้างและถวายพระด้วย

หลวงพ่อปานบอกว่า ขรัวท่านเป็นแขกแต่นำเงินที่ดักได้ทุกวัน

มาเลี้ยงพระ หลวงพ่อปานท่านจึงต้องตอบแทนโดยการหาปลา

มาเลี้ยงเพื่อนท่านบ้าง โดยขึงราวเบ็ดไว้ในอากาศทุกวัน

แต่มีปลาขนาดใหญ่มาติดเบ็ดทำอาหารเลี้ยงขรัวอีโต้ได้ทุกวัน

หลวงพ่อปานท่านบอกว่าเป็นปลาที่อธิษฐานขึ้นจากใบไม้

จะให้เป็นปลาอะไรก็ได้ มีรสอร่อยอย่างไรก็ได้

เป็นปลาอภิญญานั่นเอง ใครที่ฝึกได้กสิณครบ 10 กอง

ก็สามารถได้อภิญญาแล้ว ไม่ใช่ของยาก

แต่อภิญญาก็ยังเป็นณานโลกีย์ ไม่ดีเท่าวิปัสสนาญาณ

ที่ทำให้เราพ้นทุกข์ได้ครับ

 

สำหรับน้ำทิพย์ที่ท่านอาจารย์ให้มานั้น

ผมแตะที่ท้องอาการปวดท้องลดลงมาก

แต่แตะที่ฝ่าเท้าขวาที่เคล็ด ปรากฏว่าหาย 100%

เลยลองทานน้ำทิพย์ไป  ท้องที่ปวดก็ดีขึ้นประมาณ 90% ครับ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง คุณท๊อป

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์เป็นอย่างสูงครับ

 

การฝึกกสิณ หากฝึกได้เพียงกองใดกองหนึ่ง

กองอื่น ๆ ก็สามารถฝึกได้ไม่ยากครับ

ขอเพียงให้ขณะที่ฝึกเรามีจิตที่สบาย ไม่ต้องหลับตา

เช่น ฝึกตอนที่เราอาบน้ำ หรือ ก่อนนอน ก็ได้ครับ

ค่อย ๆ ฝึกไป อย่ากังวล

 

ตามความคิดของผมก็เหมือนมีมโนมยิทธิ

เช่น ฝึกกสิณน้ำ เราก็นึกถึงน้ำในแก้วใส แบบที่เราดื่มกัน

จากนั้นนึกให้เป็นน้ำสีขาว ก็เติมแป้งมันข้นลงในน้ำในแก้ว

เขย่าจนเป็นน้ำแป้งสีขาว กระเพื่อมไปมาในลักษณะน้ำ

แล้วนึกถึงบรรยากาศที่เรายืนริมน้ำ

เวลาที่แดดส่องกระทบผิวน้ำ

เป็นประกายระยิบระยับ ให้ลองจับภาพประกายนั้น

เป็นประกายของน้ำในแก้ว

 

สำหรับผมเอง ผมชอบนึกถึงภาพพระที่เป็นแก้ว

และมีแสงสว่างเหมือนแสงหลอดนีออนสีขาวมาจับที่องค์พระ

เป็นประกายแวววาว ยิ่งนึกตอนกลางคืน

ที่มีแสงจากหลอดไฟยิ่งชัดครับ

หรือจับเป็นภาพเพชรประกายแวววาวหลากสี

แล้วจับประกายของภาพเพชรนั้นไปจับที่องค์พระก็ได้ครับ

เราจะเห็นองค์พระท่านเป็นแก้วใสระยิบระยับได้

และเป็นพุทธานุสสติกรรมฐานอีกด้วยครับ

 

ตัวอย่างการฝึกสมาธิด้วยแสงสว่างของ

ท่านอาจารย์ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ครับ

www.baansuanpyramid.com/index.php

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:53:26


ความคิดเห็นที่ 11 (1646662)

ผมได้เข้าไปฝึกกสินกับท่านอาจารย์ อุบล

มาเมื่อวันเสาร์ครับ เรียกได้ว่าท่าน

อธิบายได้ชัดเจน ย่นย่อ ตื่นเต้น

กำชับ เข้าใจง่าย ท่านยกตัวอย่างครูบาอาจารย์

ว่ากสิน ใครก็สามารถ ฝึกได้ ถ้าได้ครูที่ดี

และลูกศิษย์ตั้งใจทำจริง และ ไม่ต้องเป็นนักบวชก็สามารถฝึก

และทรงกสิน และ ทรงอภิญาญ ได้

ขอแค่ไม่มีความ กังวล ลังเล สงสัย

ในผลขอการฝึก ท่านอาจารย์ บอกว่ากสิน เป็นพื้นฐาน

ของอภิญาญ เพื่อให้ลูกศิษย์ ได้ฝึกกันว่าเป็นแนวทางเดียวกับ

ที่หลวงปู่ปาน สอนให้กับคณะ หลวงพ่อฤษีลิงดำในอดีต

ท่านอาจารย์ อุบล ยกตัวอย่างกสิน ต่างๆง่ายๆ

เช่น กสินดิน ก็เอาดินที่เราเห็นอยู่เป็นประจำ เช่นดินที่บ้านสวน

เป้นสีน้ำตาลเข้ม ก็ให้นึกเอาและเปลี่ยนจากสีน้ำตาล

ให้กลายเป็นสีขาว และ เปลี่ยนให้เป็นขาวมากขึ้น

และสุดท้าย เปลี่ยนให้เป็น สีใส คล้ายแก้วหรือประกายเพชร

ซึ่งส่วนใหญ่ลูกบ้านสวน จะนึกตามกันได้สะด้วย

เพราะดินที่นี้ทุกคน เห็นจนชินตา เรียกว่า คุ้นเคย

เลยละครับ และอีกตัวอย่างก็ กสินลม

ให้นึกถึง ลมถ้าจำกันได้ เช่น ใบไม้ไหวตามลม

หรือเอาง่ายกว่านั้นอีกให้นึกถึงลม

ที่ผ่านจากหน้าบ้านสวนไปด้านหลังองค์พระปฐม

หลังจากนั้นก็ เปลี่ยน ทิศจากด้านหลังไปด้านหน้าบ้าง

และก็เปลี่ยนจากด้านบนลงมาด้านล่าง

และต่อมาก็เปลี่ยนจากด้านล่างพัดขึ้นไปด้านบนบ้าง

ท่านอาจารย์ยกตัวอย่างที่ใกล้ตัว

ให้เราฝึกกันอย่างง่ายๆ และอีกหลายๆกสินที่ท่านอาจารย์ว่า

ถ้าได้กสินสักกอง อันอื่นจะตามมาเอง โอ สาธุ

ฝันที่ใกล้จะเป็นจริงของผม ที่ถ้ามีอภิญาญ กับเค้าบ้าง

ก็คงจะได้ช่วยเหลือตนเองและูผู้อื่นในยามเกิดภัยพิบัต สาธุ

แต่ท่านอาจารย์ก็ให้ลุกบ้านสวนกลับไปฝึกกันต่อเองที่บ้าน

เช่นขับรถ กลับบ้าน ให้เปลี่ยนสีท้องฟ้า ให้เป้นประกายเพชร

เช่นทางอาจารย์ได้ทำเวลาเดินทาง กรุงเทพ-นครนายก

ท่านบอกว่าถนน ต้นไม้ ท้องฟ้า ท่านได้ฝึกกสินมาแล้ว

เรียกได้ว่าถนน เส้นนี้ตอนนี้และต่อไปคง

ต้องมีความสำคัญกับลูกบ้านสวน

มากๆแน่ อิอิ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่กรุณา

สอนกสินให้กับกระผมและลูกบ้า่นสวนครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรพุทธ ศรีคุ้ม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 13:56:50


ความคิดเห็นที่ 12 (1646664)

สำหรับน้ำทิพย์ที่ท่านอาจารย์ทำขึ้นมาเดี๋ยวนั้น แค่การใช้มือแตะบอกว่าเป็นน้ำอภิญญา


เมื่อก้อยได้นำมาลูบที่ใบหน้าบริเวณที่เป็นสิว ไม่น่าเชื่อสิวประมาณ 3-4 เม็ดยุบลงทันที บรรยากาศในตอนนั้นมีความสุขมาก เมื่อทุกคนได้รับน้ำทิพย์ ต่างตะโกนออกมาด้วยความดีใจว่าหายโน่น หายนี้ (ยกเว้น...เงินในกระเป๋าที่ยังอยู่ครบ อิอิอิ) 

โดยเฉพาะพี่เหมี่ยวที่บ่นว่าปวดฟัน ฟันโยก ทานข้าวไม่อร่อย แค่เอามาลูบที่แก้ม ก็หายปวดทันที และฟันก็ไม่โยกด้วย เป็นความมหัศจรรย์มาก ๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 14:03:08


ความคิดเห็นที่ 13 (1646665)

 ความเป็นอภิญญาที่พวกเราเห็นมาแล้ว 

ก็มีทั้งน้ำ ลูกอม อันนี้ตอนตุ้ยเอาไปแจกคนใกล้ตัวก่อน
จนไปถึงเพื่อนที่ได้มโนคือญาญ่า สัมผัสแรกที่ส่งให้เขา
เขาก็รู้สึกปิติ น้ำตาไหล แต่ก็ยังไม่กล้ากิน
สักพักก็เห็นหน้าท่าน อ.อุบล
รู้สึกว่ามีแสงฉัพพรรณรังสีเปล่งออกมาจากลูกอม รู้สึกดีๆ
เลยคิดว่าต้องมาจากบ้านสวน
เป็นสิ่งที่ดีๆ แน่นอน ต้องเป็นอะไรที่มาจากเบื้องบน
และรู้สึกว่าลูกอมที่กินไปนี้จะอยู่กับเขาไปตลอดเวลา
เหมือนเป็น back ให้เขาประมาณนี้ค่ะ

ส่วนน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ จากที่ตัวเองได้สัมผัสมา
วันนั้นมีอาการคันที่แขน ปวดฟัน เหงือกบวม
ผลปรากฎว่าพอได้รับน้ำแค่ไม่กี่หยด เอามาทาที่แขน 
ย้ำว่าตรงแขนที่คันเท่านั้นค่ะ อาการที่ปวดฟัน เหงือกบวม
หายทันที  สิวที่ปากก็ยุบลง
แขนที่คันเป็นผื่นก็ยุบลงค่อยๆ หายค่ะ
เรียกว่าศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพมากมิอาจประมาณค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 14:18:36


ความคิดเห็นที่ 14 (1646666)

     เสาร์-อาทิตย์นี้ รู้สึกว่าเป็นการเร่งให้ทุกๆคน เริ่มฝึกอภิญญากันอย่างจริงๆ จังๆแล้ว ซึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นการฝึกกสิณ เหมือนที่ ท่านอาจารย์เคยสอนเรามาแล้ว แต่สงสัย คราวนี้ คงต้องมีการ รื้อฟื้นกันใหม่แล้ว ว่าแล้วก็ไป ดูกันเลยครับ ว่าอาทิตย์นี้ มีเรื่องราวอะไรบ้าง หลายๆคนมักจะตื่นเต้นเวลาได้ยินเรื่อง อภิญญา

     ซึ่งความหมายของ "อภิญญา" ก็คือ "ความรู้อันยิ่งกว่าความรู้ทั่วๆ ไป" แน่นอนคงต้อง"ไม่ธรรมดาแน่นอน" อย่างเช่น การหยั่งรู้ใจผู้อื่น ซึ่งอย่างเรา เรียนหนีงสือ จบปริญญาก็คือความรู้ แต่อย่างมากก็ทำงานหาเงิน

    ท่านอาจารย์ก็ได้รื้อฟื้น การฝึกกสิน ให้พวกเราได้ลองฝึกกันแบบเร่งรัด

กสินดิน ให้เรานึกถึงกองดิน จะเป็นที่บ้านสวนหรือที่ๆ เราคุ้นเคยก็ได้ แล้ว เปลี่ยนให้กองดิน เป็นสีขาว จากนั้นก็ให้ใสเป็นแก้ว แล้วก็เป็นแก้วประกายพฤกษ์ไปเรื่อยๆ

- กสิณน้ำำ ให้เรานึกถึงน้ำ จะเป็นแก้วใสน้ำก็ได้แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนน้ำในแก้วให้เป็นสีขาวทึบเหมือนใสแป้ง จากนั้นก็ให้ใสเป็นแก้ว แล้วก็เป็นแก้วประกายพฤกษ์ไปเรื่อยๆ

- กสิณไฟ ให้เรานึกถึง กองไฟ หรือไฟตะเกียงก็ได้ จากนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยน เป็นสีขาว และ แก้วใส แล้วก็เป็นแก้วใสประกายพฤกษ์ไปเรื่อยๆ

- กสิณลม ให้เรานึกถึงลม ที่พัด จากซ้ายมาขวา จากขวามาซ้าย แล้วให้ลมพัดขึ้น

- กสิณสีขาว อันนี้ง่ายเลยครับ เปลี่ยนให้เป็นแก้วใส และแก้วใสประกายพฤกษ์ระยิบระยับไ้ด้เลย

- กสิณสีเหลือง-เขียว-แดง ก็ทำเช่นกับกสิณกองอื่นๆ คือเปลี่ยนจากสีเดิมเป็นสีขาวทึบ จากนั้นให้เป็นแก้วใส และแก้วใสระยิบระยับได้เลย ส่วนสีนั้นไม่ต้องกังวลครับ เอาของใกล้ๆ ตัวอย่างเช่น สีเขียว ก็นึกถึงใบไม้ 

     กสิณแสงสว่าง ให้เราจำภาพเวลากลางวันไว้ เวลาเราอยู่ในช่วงกลางคืน ก็ให้นึกว่าพื้นที่รอบๆ เราเป็นเวลากลางวัน หรือ จะใช้วิธี ดึงแสงสว่าง เข้ามาที่ ศรีษะ มือ ใจ แขน ขา เหมือนที่ ดร.อาจอง สอนเด็กๆ โรงเรียนสัตยาไส

     กสิณอากาศ ให้นึกถึงลมหายใจของเรา หรือ อากาศรอบๆ ตัวเรา ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวทึบ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นแก้ว

     กสิณต่างๆ นั้นถือว่าเป็นกรรมฐานหยาบ ให้เราหมั่นทำเพื่อเป็น การ"ฝึกจิต"เราให้ชำนาญ คือบังคับจิตเราให้เข้มแข็ง เมื่อเราจิตเข้มแข็งแล้ว เราก็จะไม่หวั่นไหว เมื่อเจอสิ่งกระทบต่างๆ เพราะเราได้ ฝึกจิตจนเข้มแช็งแล้ว

     ซึ่งเราสามารถฝึกทีละกอง พอได้กองแรก กองต่อๆ ไปก็ไม่ยาก เหมือนเพราะวางอารมณ์เหมือนกัน เหมือนเรา "กินก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม แต่แค่เปลี่ยนภาชนะใส่" 

     ซึ่ง กสิน ก็เป็นพื้นฐานของสมถภาวนาที่ทำให้เกิดฤทธิ ซึ่ง เรียกว่า "อภิญญาโลกีย์" มีทั้งหมด 11 อย่างด้วยกัน ซึ่งมานั่งนึกๆดูพวกเราที่ทำตามนั่นเหมือนกับว่า ผ่านมาแล้วบ้างนะครับ เรียกง่ายๆ ว่าท่านอาจารย์อุบล สอนพวกเราแบบให้ทำจริงเลยมาดูกันครับ ว่า ที่บอกว่า พวกเราได้ลองทำกันมาบ้างแล้วมีอะไรบ้าง 

1.   อิทธิวิธี  แสดงฤทธิ์ได้

- ที่เห็นๆ ก็คือ ที่พวกเราใช้จี้บำบัดคน 

2.   ทิพยโสตญาณ  มีประสาทหูเป็นทิพย์

3.   มโนยิทธิ  มีฤทธิ์ทางใจ  ถอดกายใจออกท่องเที่ยวได้

- อันนี้พวกเราก็เคยฝึกมาแล้วเหมือนกัน แต่ในครั้งนี้ ท่านได้แนะวิธีง่ายๆ ก็คือ ให้เรานึกถึงบ้านของเรา แล้วเราก็จะเห็นว่า ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องทานข้าวอยู่ตรงไหน นี่แหละครับ มโนมยิทธิ ซึ่งถ้าทำบ่อยๆ เราจะสามารถ เห็นสิ่งอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นได้ ทั้งนี้ความแม่นยำ ก็อยู่ที่"ศึล"เราด้วยว่า บริสุทธิ์ไหม 

4.   ทิพยจักษุญาณ  มีอารมณ์เป็นทิพย์  คล้ายตาทิพย์

5.   จุตูปปาตญาณ  รู้สัตว์ที่ตายแล้วไปเกิดที่ไหน  สัตว์มาเกิดนี้มาจากไหน

- ตรงนี้ก็เหมือนคุ้นว่า เวลาเราจะดูคนว่ามาจากไหน เช่น คนไหนที่ชอบพูดคำหยาบ มีกลิ่นปาก มีรูปปากไม่สวย มีปัญหาเรื่องเสียง การพูด แสดงว่าเคยผิดศีล ข้อ 4 ที่เค้าว่า สัญญาเดิมปรากฎ

6.   เจโตปริยญาณ  รู้อารมณ์ใจของคนและสัตว์

7.   ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ  ระลึกชาติที่เกิดมาแล้วได้ตามความต้องการ

8.   อตีตังสญาณ  รู้เหตุการณ์ที่ล่วงมาแล้ว

- เช่นเคยเวลาที่เราเห็นคนเจ็บป่วย ปวดขา ปวดแขน ปวดเอว เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ เราก็พอจะเดาได้ว่า คนนี้ผิดศีลข้อไหนมา

9.   อนาคตังสญาณ  รู้เรื่องราวที่ยังไม่ได้เกิด

- ข้อนี้ เวลาที่เราเห็นคนที่ทำผิดศีล เราก็สามารถรู้ได้เลยว่าคนนี้ ตายแล้วจะไปไหน 

10.  ปัจจุปปันนังสญาณ  รู้เรื่องราวในปัจจุบันที่ปรากฎขึ้นในที่ไกลหรือโลกอื่น

11. ยถากัมมุตาญาณ  รู้กฎของกรรม

- ข้อนี้ชัดเจนตรงตัวเลยครับ เพราะ สิ่งที่เราพบเห็นในบ้านสวน ที่เป็นที่พิสูจน์กฎแห่งกรรม ทำให้เรารู้ได้ว่า ถ้าคุณสิ่งนี้แล้วคุณจะพบปัญหาแบบนี้

     ซึ่งถ้าเราได้ผ่าน ฌาณโลกีย์มาแล้วก็สามารถแสดงฤทธิ์ได้และท่านอาจารย์ก็ได้เล่าเรื่องราวของ ขรัวอีโต้ ที่เป็น เพื่อนกับหลวงพ่อปาน ที่มีอภิญญา สามารถรู้ใจผู้อื่นได้ สามารถแสดงฤทธิ์ เช่นโยนอีโต้ ลงไปในน้ำแล้วบอกให้อีโต้ ว่ายน้ำกลับมาหาตัวเอง ซึ่งสามารถ หาอ่านได้จาก"หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน" สามารถ โหลดฟังได้ตามลิ้งค์นี้ครับ

www.4shared.com/dir/4gixpRfZ/__online.html

     วกมาถึงเรื่องลูกอมบ้านสวน นี่ สุดยอดเลยครับ รู้สึกได้จริงๆว่า หลังจากที่ได้กินแล้ว จะ"ไม่ค่อยมีความรู้สึก หิวเท่าไหร่" ไม่ทรมานเพราะความหิวเลย คือ กินก็ได้ไม่กินก็ได้ เหมือนกับว่าลูกอมนี้มีสรรพคุณเหมือนอยู่ด้วย "ธรรมปิติ" คือ ไม่หิว คิดสภาพถ้าเกิดว่า อยู่ในช่วงภัยพิบัติ ขาดแคลนอาหาร และน้ำ จะอยู่ยังไง ซึ่งผมคิดว่า สิ่งนี้ตอบโจทย์ พวกเราจริงๆ ครับ 

     ที่สำคัญคือ "ไม่ได้ทำเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด" ซึ่งมันก็เป็นช่วงที่หลายๆคนคาดการณ์ว่าจะเกิดภัยพิบัติ ซึ่ง เป็นช่วงที่อาจจะมีกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์ กับคนที่ขาดที่พึ่งทางใจ ได้แน่ๆ แต่ท่านอาจารย์เมตตาให้พวกเรานำลูกอม และน้ำ มาเอง ซึ่งท่านก็สงเคราะห์พวกเราด้วยความเมตตาจริงๆ 

     ส่วนน้ำทิพย์นี่ ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ วันนั้นมีอาการร้อนมือ กับ คดจมูกนิดหน่อย หลังจากที่ได้รับน้ำทิพย์ ที่ฝ่ามือ แล้ว อาการร้อนที่ฝ่ามือ ทุเลาลงไปมากๆ ส่วนอาการที่คัดจมูกก็ดีขึ้น 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 14:19:34


ความคิดเห็นที่ 15 (1646668)

ตลอดจนลูกอมที่พวกเราได้รับ ทั้งลองอมเองและนำแจกจ่ายแก่คนที่เรารัก และรู้จักได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ ขนาดบางท่านที่ได้มโนมยิทธิเพียงแค่เห็นลูกอม ถึงกับเอ่ยออกมาทันทีว่า "นี่คือลูกอมที่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าอยู่" ทั้งๆที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกอมนี้คือลูกอมอะไรกันแน่

.......................................................

พึ่งได้ทานลูกอมครั้งแรก

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ

พอทานไปแล้ว คืนนั้นไม่รู้สึกง่วงนะคะ

แต่พอถึงเวลานอน ก็สามารถหลับได้

โดยที่หลับสนิททั้งคืน

ตื่นมาอีกทีก็เช้าเลยค่ะ และก็ไม่ฝันอะไรด้วย 

ซึ่งปกติจะนอนหลับๆตื่นๆตลอด

และมักจะฝันทุกคืน แต่ฝันแบบเป็นตุเป็นตะ

ไม่มีสาระอะไร ตื่นมาก็จะอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า

แต่ครั้งนี้พอตื่นมา กลับรู้สึกสดชื่นมาก

ไม่มีอาการอ่อนเพลียเลยค่ะ

เพราะได้ทานลูกอมบ้านสวนฯนี่ล่ะค่ะ อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 14:47:45


ความคิดเห็นที่ 16 (1646677)

เรื่องลูกอมอภิญญา หลังจากที่ก้อยได้กินเข้าไป รู้สึกสดชื่น ถึงเวลาที่ควรจะหิว ก็ไม่หิว ไม่กินอะไร ก็สามารถอยู่ได้

ได้ไปแจกจ่ายให้เพื่อนและญาติพี่น้องได้กินกัน ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า ตั้งแต่ได้กินลูกอมบ้านสวนฯ ไป ไม่ค่อยหิวเลย

ตัวอย่างเพื่อนคนนึงที่ได้ก้อยได้แจกลูกอมไป ได้ขอบคุณผ่านโปรแกรมสนทนา Line ทางมือถือ (ภาษาตามรูปด้านล่าง อาจพิมพ์ตกหล่นไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ) 

ฝากรูป
ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 15:21:47


ความคิดเห็นที่ 17 (1646679)

เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมานั้น พอรู้ว่าท่าน อ.อุบล

จะสอนอภิญญาให้พวกเราก็ตาลุกวาว..รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ

ท่่านบอกว่าอภิญญา เป็นวิชาหนึ่งที่พุทธเจ้าตรัสสอน

โดยหากฝึกฝนแล้ว ก็จะสามารถทำได้ทุกคน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ท่าน อ.อุบล ได้อ่านหนังสือ"ประวัติหลวงพ่อปาน" ให้พวกเราฟัง

คิดภาพตามไปด้วยรู้สึกสนุกเต้นตื่น

ซึ่งเป็นหนังสือดีที่พวกเราทุกคนควรหามาอ่านกัน

อภิญญา แปลว่า ความรู้ที่ยิ่งกว่าความรู้ธรรมดา

ซึ่งการฝึกเราก็ต้องฝึกกับครูที่ได้อภิญญา

จากในหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน ตัวอย่างเช่น

หลวงพ่อปานท่านเสกใบไม้ให้เป็นปลา แล้วให้นำมาทำเป็นอาหาร

เนื้อปลามีรสชาติดี ไม่บาปอีกต่างหาก , ขรัวอีโต้ขว้่างมีดให้จมน้ำ

แล้วเรียกให้มีดโต้ลอยน้ำมา ฯลฯ ศึกษาอ่านเพิ่มเติมที่หนังสือ

ประวัติหลวงพ่อปาน หรือ ตามลิ้งที่น้องเอิ้นนำมาได้เลยค๊า

ผู้ที่ได้อภิญญานั้นมีอารมณ์จิตเป็นทิพย์ ใจอยากให้เป็นอะไร

สิ่งนั้นก็จะเป็นไปอย่างที่ใจต้องการ จึงไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย

ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ วิชาพุทธศาสน์ เรียนรู้เพื่อทำให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

มีบอกในพระไตรปิฎก ต่าง กับวิชาไสยสาสตร์ ที่ใช้ทำลายผู้อื่น

จากนั้นท่าน อ.อุบล ก็ได้ให้พวกเราน้ำมาขวดเล็ก ๆ มาขวดหนึ่ง

จับที่ขวดน้ำ บอกว่า ใครเป็นอะไรอยู่ให้ออกมา

ซึ่ง หลายคนออกไปรับน้ำ (เกือบจะทุกคน) ท่านอาจารย์เทน้ำลงบนฝ่ามือ

ให้เล็กน้อยเพียงไม่กี่หยด  แล้วให้แต่ละคนก็เช็คดูอาการ

ว่าเมื่อรับน้ำจะเป็นยังงัยกันบ้าง ซึ่งส่วน อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่

ก็หายอย่างฉับพลันทันที   ตัวอันเองอาทิตย์นี้ไม่เจ็บปวดอะไร

แต่ รู้สึกง่วงมากผิดปกติ เพียงแค่ได้สัมผัสก็รู้สึกเย็นวาบทั่วตัว

พอได้นำมาลูบที่หน้า ก็สดชื่นหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

แหมแต่ก็เกือบลืมไปจะว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เชิง คือ

มีผื่นแพ้บริเวณแขนด้านขวา (ถูกยุงกัด)

เป็นมาอาทิตย์หนึ่งแล้วไม่หาย ลักษณะเหมือนขี้กลาก มากกว่า

(แต่เกิดมาจากยุงกัด) และเป็น 2 ดวง (ถูกแซวว่าดวงธรรมขึ้นที่แขน)

พอใช้น้ำลูบไปที่แผล จากที่แดง ๆ อยู่ ก็แห้งและดีขึ้นทันที

แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่าน อ.เมตตาถามว่าไปโกรธใครมาหรือเปล่า

ก็นึกได้ว่า ไม่พอใจพ่อกับแม่ แต่ยังไม่ถึงขั้นโกรธ

ท่านจึงให้ไปขอขมาพ่อกับแม่

จากที่เล่ามาทั้งหมดยังไม่เห็นท่านอาจารย์อุบล

นั่งภาวนาปลุกเสกหรือทำอะไรเลย น้ำในขวดก็เปลี่ยนเป็น "น้ำทิพย์"

ให้ทุกคนที่ได้ดื่ม  รับรู้ผลได้ตัวเอง

ได้สัมผัสเห็น ฤทธิ์อภิญญา ด้วยสายตาตัวเอง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 15:45:42


ความคิดเห็นที่ 18 (1646680)

ที่สำคัญคือ "ไม่ได้ทำเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด" 

*************************************

ที่จริงท่านอาจารย์สามารถทำออกมาจำหน่ายเป็นราคาหลักพัน หรือมากกว่านั้นก็ยังได้ เพราะถึงอย่างไรก็มีคนซื้ออยู่ดี เมื่อเทียบกับสรรพคุณต่าง ๆ ตามที่แต่ละท่านได้มาเล่าประสบการณ์ตรงของตัวเองที่ได้รับนั้น ช่างแสนคุ้มค่ามากมาย

แต่เป็นเพราะความเมตตาของพระพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และท่านอ.อุบล ที่ไม่ได้ทำเพื่อสิ่งตอบแทนใด ๆ นอกจากต้องการช่วยให้ทุกคนได้รับความสุข ความสบาย และไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกที่ชอบหากินกับผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือต้องการที่พึ่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 15:46:16


ความคิดเห็นที่ 19 (1646688)

มาต่อกันที่ "ลูกอมอภิญญา" ของท่านอาจารย์อุบลนั้น  

อมเม็ดเดียว ครั้งเดียว เท่านั้น อานิสงเมื่อยามมีภัยพิบัติ

หรือ ยามฉุกเฉิน ลูกอมเม็ด เล็ก ๆ เม็ดเดียวที่เรากินเข้าไป

จะช่วยให้ร่างกายเราอยู่ได้โดยไม่ต้องกินน้ำกินอาหาร

สรรพคุณเหลือล้ำ แต่ไม่เสียตังค์สักบาท (แจกฟรี) หาที่ไหนในโลก 

พูดมาแบบนี้ ไม่รู้จะไปเหยียบโดนตาปลาของใครหรือเปล่า 

ส่วนตัวจะเป็นคนที่อมลูกอมไม่ได้นาน (ไม่เกิน 10วิ)

ต้องเผลอเคี้ยวหมด แต่ลูกอมเม็ดเล็ก ๆ ของท่านอาจารย์ก

นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังอมได้นานมาก

หลายนาที น่าแปลกมาก หลังจากอมแล้ว ปกติมื้อเย็น

จะต้องกินไม่รู้ว่าหิวหรืออยากมากกว่ากัน  แต่ตอนนี้

ถ้าไม่ได้กินก็เฉย ๆ ไม่กระวนกระวายอะไร และ

จากประสบการณ์ที่นำแจกญาติสนิทมิตรสหายทั้งหลาย

โดยบอกให้แกะทานทันที เกือบทุกคนไม่ปฏิเสธ และ

ไม่ได้ซักถามอะไร เพราะถ้าคนไหนลีลาเรื่องมาก

ก็จะไม่ให้ เพราะของดีมีน้อยจ้า

ยังงัยก็จะติดตามผลมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไปค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 16:44:54


ความคิดเห็นที่ 20 (1646691)

เมื่อสัปดาห์ก่อนลูกได้กระทำสิ่งที่ผิดและเป็นการไม่เคารพครูบาอาจารย์ ไม่เคารพพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยที่พอทราบเรื่อง ที่ท่านอาจารย์เมตตาทำลูกอม...ให้พวกเรา แต่สัปดาห์นั้นไม่ได้ไปบ้านสวนฯ โดยเห็นว่าธุระของตัวเองสำคัญกว่า แต่ก็อยากได้ลูกอม... เลยได้โทรฝากพี่น้องบ้านสวนฯท่านหนึ่งให้เป็นธุระซื้อลูกอมและนำลูกอมไปเข้าร่วมพิธีด้วย ซึ่งตอนที่จะตัดสินใจทำแบบนี้ก็คิดอยู่เหมือนกันค่ะว่า ในเมื่อเราไม่ได้ไป ก็ไม่สมควรจะได้รับลูกอมนี้ และอีกครั้งก็ตอนที่ฝากพี่ท่านหนึ่งซื้อลูกอม ก็รู้สึกว่าเรารบกวนและสร้างความเดือดร้อนให้เขาหรือป่าวนะ แต่สุดท้ายด้วยกิเลสในใจ ความโลภ ความอยากได้ ก็ตัดสินใจที่จะฝากลูกอมไปเหมือนเดิม โดยที่ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร จนวันเสาร์ที่ผ่านมา มาทราบเรื่องว่าการที่เราทำแบบนี้เป็นการเหยียบย่ำพระพุทธองค์ และท่านอาจารย์อุบล เป็นการไม่ให้เกียรติท่านอาจารย์ จะเอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง โดยที่ไม่ได้คิดถึงจิตใจของท่านและคนอื่น ท่านมีเมตตาแต่เรากลับไม่เห็นความสำคัญ แต่ก็อยากได้ ซึ่งพอทราบเรื่องราวทุกอย่างแล้ว ลูกรู้สึกผิดและละอายแก่ใจมาก มาบ้านสวนฯตั้งนาน แต่ก็ยังดีไม่ได้ จากการกระทำดังกล่าวนี้ทำให้ลูกได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ว่าที่เราคิดว่าเราดีแล้ว คิดถูกแล้ว มันไม่ใช่เลย จริงๆแล้วเรายังเลวอยู่มาก ยังโลภอยู่มาก ยังเห็นแก่ตัวและก็ยังเห็นผิดเป็นถูก ทำในสิ่งที่ถูกใจตัวเองแต่ไม่ถูกต้อง ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สมควรได้รับการอภัยเป็นอย่างยิ่ง และข้าพเจ้าอยากให้ทุกท่านดูเรื่องนี้เป็นตัวอย่างแต่อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ

ลูกขอน้อมกราบขอขมาต่อองค์พระปฐมบรมธรรมบิดาและองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ น้อมกราบขอขมาต่อองค์พระศรีอาริยเมตไตรย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกๆพระองค์ น้อมกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ที่ลูกได้กระทำผิดในครั้งนี้ ลูกขอน้อมกราบขอขมาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ

และกราบขอโทษพี่ ที่ข้าพเจ้าได้ฝากซื้อลูกอมด้วยค่ะ ที่ทำให้คุณพี่ท่านนี้ต้องมีส่วนทำผิดกับข้าพเจ้าไปด้วย ต้องขอโทษด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 17:34:47


ความคิดเห็นที่ 21 (1646708)

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลค่ะทีได้เมตตาลูกหลาน

สุดยอดจริง ๆ ค่ะ เคยอ่านเจอในหนังสือประวัติหลวงปูปาน

และมาเจอของจริงที่บ้านสวนพีระมิดค่ะ

ขออนูโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมกิจกรรมในสัปดาห์นี้ด้วยนะคะ

ขอบคุณพี่ธนาและทุกท่าน ทุกธรรมทานนะคะที่ได้บอกวิธีฝึกกสิน

ถ้าไม่ได้้ไปฝึกกับท่านอาจารย์อุบลที่บ้านสวน

แต่ชาวเกาะอย่างหนูลองฝึกตามที่่พี่ธนาและหลาย ๆ

ท่านเขียนธรรมทาน จะได้หรือปล่าวค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณรพจน์ด้วยนะคะ

จะได้คอยเตือนให้หลาย ๆคน และตัวหนูเองระวังเหมือนกันค่ะ

ไม่ให้คิดแต่อยากได้อย่างเดียว .

เราต้องเคารพและใหเกียรติท่านอาจารย์อุบลด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 20:01:35


ความคิดเห็นที่ 22 (1646713)

และท่านที่ได้สัมผัส "อภิญญา" จากน้ำทิพย์ กันจะๆในวันนั้น ก็เชิญมาเล่าเป็นธรรมทานใหญ่กันเลยครับ

 

.............................................

ครั้งแรกที่ผมได้สัมผัส อภิญญา จากน้ำทิพย์

วันนั้นผมรู้สึกคันที่หลัง เลยเอาน้ำทิพย์ ลูบๆ

รู้สึกร้อนวูบๆ แล้วก็เย็น อาการคันก็หาย ไม่คันอีก

แล้วมาเมื่อคืนวันเสาร์ผมก็ได้นำน้ำเปล่าขวดนึง

ให้อาจารย์จับ แตะๆ กะจะเก็บเอาใว้ดื่ม

วันอาทิตย์ ผมไปอ๊อกเหล็กคานวิหาร 3 ชั้น

มือก็ไปโดนเหล็กที่กำลังแดงๆร้อน ๆ

หนังที่ข้อมือซ้ายก็เปื่อย ย่นๆ หลุดออกมาก็ทั้งแสบ ทั้งร้อน

ทนทำต่อจนเสร็จ เลยเอาน้ำทิพย์ที่อาจารย์จับ

มาราดล้างแผล และใช้รหัส ขอให้แผลหายเร็วๆด้วยเถิด

ปกติเวลาล้างแผลจะแสบ

แต่นี่พอราดน้ำกลับรู้สึกเย็นๆ ไม่แสบ

เวลาอาบน้ำแผลก็โดนน้ำทุกครั้งแต่ที่แปลก

คือแผลจะแห้งเร็วมาก ทั้งที่แผลโดนทั้งน้ำ เศษดินบ่อยมาก

เมื่อก่อนถ้ามีแผลแบบนี้ แล้วโดนน้ำ สิ่งสกปรก คงจะอักเสบ

เป็นหนอง เป็นสัปดาห์กว่าจะหายแต่นี่ผ่านไปวันเดียว

แผลแห้ง ไม่มีหนอง สุดยอดครับ

อาบน้ำท่าปกติ ไม่ต้องชูมือหนีน้ำ

...................................................

 

 

 

 

ครั้งแรกที่ผมได้กินลูกอมที่ได้รับจากมืออาจารย์

มีความรู้สึกสดชื่น หายง่วง

ไม่ค่อยรู้สึกหิวข้าว ถึงจะทำงานเหนื่อย

ไม่กินข้าวก็พออยู่ได้ ไม่เหนื่อยมาก

วันนี้ที่ทำงานงานยุ่งมาก ทำงานจนถึงบ่าย2

กว่าจะได้กินข้าวเที่ยง

มาสังเกตุดูตัวเองก็ไม่รู้สึกหิว ท้องก็ไม่ร้อง

ทำงานได้เรื่อยๆ

.............................................

ผมก็ขอขอบคุณเทวดาประจำตัวท่านอ.อุบล

และท่านอ.อุบล ที่ห่วงใยและดูแลลูกหลาน

ในทุกๆเรื่อง ผมขอขอบพระคุณมากครับ

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 20:37:31


ความคิดเห็นที่ 23 (1646718)

 

และท่านที่ได้สัมผัส "อภิญญา" จากน้ำทิพย์ กันจะๆในวันนั้น ก็เชิญมาเล่าเป็นธรรมทานใหญ่กันเลยครับ

 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เจี๊ยบได้รับน้ำศักดิ์สิทธ์จากท่านอาจารย์  ตอนนั้นมีอาการคันที่หัวเข่ามาก เกามันส์เลย เกาจนเป็นเม็ดเล็กๆสี่แดง เหมือนเป็นผื่นขึ้นเต็ม ได้นำน้ำศักดิ์สิทธ์มาลูบที่หัวเข่า ปรากฏว่าอาการคันหายไปเลย และเข่าที่ดำ ก็มีสีขาวขึ้นทันตา

จากนั้นท่านอาจารย์ให้แจกน้ำศักดิ์สิทธ์ที่เหลือในขวดอีกรอบ เจี๊ยบรับมาดื่มและลูบศีรษะเพื่อความศิริมงคล แหม รู้สึกสดชื่นค่ะ รุ่งเช้ามีอาการถ่ายท้อง 2 ครั้ง ซึ่งก็คงจะขับพิษในร่างกายออกมาค่ะ

ส่วนลูกอม ท่านอาจารย์ได้เมตตาแจกคนละเม็ด รับมาอมแล้วรู้สึกไม่ง่วงนอน ทั้งที่ปรกติจะนอนไว แต่ถึงกระนั้น ก็ยังเคยชินเมื่อเลิกประชุม ก็ไปหาที่นอน ก็นอนหลับสนิทมาก ไม่กังวลใดๆค่ะ

ที่สำคัญลูกอมและน้ำศักดิ์สิทธ์นี้ จะมีคุณค่ามากตอนเกิดภัยพิบัติ เพราะเราจะไม่รู้สึกหิวข้าวและหิวน้ำเลย แม้ว่าภัยพิบัติจะเกิดกี่วันก็ตาม เราก็จะอยู่ได้ โดยไม่รู้สึกหิวและทรมาน

และที่สำคัญอีกอย่าง ลูกอมและน้ำนี้ท่านอาจารย์ให้เราหามาเอง ท่านอาจารย์เพียงแค่แตะ(ตอนเสาร์ที่แล้ว แต่เสาร์นี้ไม่ต้องแตะ แค่นึกก็เป็นอาหารอภิญญาแล้ว) ท่านได้เมตตาให้เรานำลูกอมและน้ำไปแจกจ่ายคนอื่นให้เขาได้มีโอกาสรอด ท่านอาจารย์นึกถึงคนอื่นเสมอ และคิดแทนพวกเราทุกอย่าง รู้ถึงความกังวลใจและหนักใจของแต่ละคน ท่านอาจารย์ได้แก้ปัญหาใ้ห้ทุกๆเรื่อง เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่กังวล ทุกคำถามมีคำตอบ สาธุ

วันนี้เจี๊ยบกลับบ้านตอนเย็นมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ มันหนาวอยู่ข้างใน จึงได้อธิษฐานขอพระบารมีพระศรีอารย์และดื่มน้ำศักดิ์สิทธ์ นั้น อาการครั่นเนิ้อครั่นตัวก็หายทันที สาธุ

กราบขอบพระคุณในความเมตตาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 21:45:01


ความคิดเห็นที่ 24 (1646719)

เมื่ออาทิตย์ก่อน (15 ธค) ที่ท่านอาจารย์แจกลูกอม เป็นครั้งแรก  ได้ทานแล้วก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ พบว่า มีอาการสดชื่นมาก ขับรถกลับได้โดยไม่ง่วง แม้แต่น้อย ปกติเวลาขับรถไกล ๆ จะเพลียมาก และต้องคอยกินน้ำ หรือทำอะไรก็ได้ให้ตื่น แต่นี่ไม่ต้องเลย  ยิ่งวันนั้นขณะนั่งฟังธรรม มีอาการจะไอ และคันคอ ก็ขอทานลูกอม จากเพื่อนข้าง ๆ (คุณโฆ) พบว่าหายคันคอ และทำให้หยุดไอได้

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลที่มอบแต่สิ่งดี ๆ ให้ ขอนำส่งบุญที่ลูกได้ทำในบ้านสวนฯ ให้แก่เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุก ๆ พระองค์ด้วยเทอญ

ชัชวลี

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 21:45:57


ความคิดเห็นที่ 25 (1646725)

ได้ฟังท่านอาจารย์อุบลเล่าไว้ว่า  ในช่วงที่จะเกิดภัยพิบัตินี้ ต้องใช้ปัญญาในการอยู่ให้ได้ดี เช่น จะเตรียมอาหาร  หรือ น้ำ จำนวนเท่าไร จึงจะอยู่ได้ครบ 40 กว่าวัน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้ ไม่สะสมทรัพย์ แต่ให้ใช้ชีวิตเหมือนนก เช่น หาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิตในแต่ละมื้อหนึ่ง ๆ

จิ๋มเลยคิดว่า ด้วยเหตุนี้ละมั้ง อ.อุบล ท่านจึงทำลูกอมศักดิ์สิทธิ์นี้มาให้เรา โดยอาราธนาพลังดี ๆ มาไว้ที่ลูกอม คนที่ทานจึงไม่หิว แต่กลับมีพละกำลังขึ้นมา  ดังนั้นการที่เราอยู่ได้โดยไม่ต้องสะสมทรัพย์ให้มากมาย ก็เท่ากับเราได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง

สาธุ และอนุโมทนาในกุศโลบายเหล่านี้ที่ท่านอาจารย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มอบให้แก่พวกเรา

จิ๋ม ชัชวลี

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 22:28:22


ความคิดเห็นที่ 26 (1646726)

บ่ายวันอาทิตย์ที่ 23 ธค. หลังทำงานเสร็จกำลังทานข้าวกันอยู่ ลุงอาด คนของแม่ขับรถมาในบ้านสวน มาตามจุ๋ม กะ จิ๋มให้กลับบ้านบอกว่าพ่ออยู่ โรงพยาบาล เนื่องจากจิ๋มไม่ได้รับโทรศัพท์นั่นเอง  พอได้ยินก็รีบลุกขึ้นจะกลับ ประจวบกับตอนนั้นอ.อุบลเดินมาพอดี ท่านก็หยิบน้ำที่คนมาทำบุญมา 1 ขวด แล้วยื่นให้ โดยไม่ต้องทำพิธีอะไร เพียงท่านบอกว่า นำไปลูบตัวพ่อ พ่อก็หายได้เลย หายทันที

จิ๋มดีใจก้มลงกราบ และโล่งใจ ไม่มีความกังวลใด ๆ ขณะนั่งรถมา ยังหลับไปเลย พอตื่นขึ้นมา จุ๋ม บอกว่า ลงไปช่วยพ่อซะ ก็รีบมาเลย อาการพ่อคือ ซึม และ ตาปิด ลืมไม่ขึ้น อาการคล้ายตอนที่เส้นเลือดสมองแตกครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา แต่ใบหน้าท่านยังมีเลือดฝาดอยู่ จิ๋มไม่รอช้า นำน้ำมาแตะมือตัวเอง แล้วลูบไปตามแขน ตามคอ ตามตัว พ่อก็ยังหลับ แต่เริ่มหรีตาขึ้นมาทีละน้อย  จิ๋มก็สวดคาถาพระศรีอาริย์ ไปเรื่อย ๆ และแผ่บุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรของพ่อ เพราะได้ยินอจ.อุบล บอกไว้ว่าเขามาขอบุญ  พอสวดได้สักพักรู้สึกว่าเขาเริ่มพลิกตัว ขาก็มีแรงเตะไปมาได้ สักพักจิ๋มก็นำจี้ตัวเองไปวางที่หน้าอกพ่อด้วย พร้อมลองนั่งกำหนดจิต ให้เหมือนมีพีระมิดมาครอบตัวพ่อไว้  เวลาผ่านไปสัก ครึ่งขั่วโมงได้ พ่อก็ลืมตาขึ้นอย่างคนตื่นเต็มที่ ถามอะไรก็ตอบได้หมด

ในที่สุดพ่อก็กลับไปเหมือนเดิมได้ในที่สุด ด้วยอานุภาพของน้ำอภิญญาที่ท่านอ.อุบลมอบให้นั่นเอง ขอกราบขอบพระคุณ อ.อุบล และเทวดาผู้รักษาท่านทุกพระองค์ที่ได้ช่วยคุณพ่อ (นพ.ธรรมนูญ กะลัมพะเหติ) ให้หายภายในเวลาเพียง ครึ่งชั่วโมง

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 22:44:42


ความคิดเห็นที่ 27 (1646727)

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ไปร่วมกิจกรรม ณ บ้านสวน ได้รับอานิสงส์อภิญญาใหญ่กันถ้วนหน้า และมาเขียนธรรมทานเ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา  ให้ชาวเกาะได้รับข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง  ขออนุญาต Copy การฝึกกสิณทั้ง 10  กองไว้ฝึกเอง และเผยแพร่ต่อไปด้วยค่ะ 

ท่าน อ.อุบล รื้อฟื้นให้ลูกบ้านสวนได้ฝึกกสิณในครั้งนี้  คงไม่ธรรมดาซะแล้ว  มีลูกอมอภิญญาแจกให้ผู้ร่วมกิจกรรมเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย

ท่าน อ.ช่างเมตตาต่อลูกหลานเหลือประมาณ  

ลูกขอกราบขอบพระคุณท่าน อ.ด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรม  แต่ได้รับอานิสงส์จากลูกบ้านสวนที่มาเขียนธรรมทานให้ได้รับทราบกัน  กราบขอบพระคุณเทพ พรหม เทวดา ที่รักษาท่าน อ.อุบลและครอบครัวด้วยค่ะ  สาธุ  สาธุ   สาธุ

  

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 22:48:12


ความคิดเห็นที่ 28 (1646728)

เรื่องอภิญญานั้น ผมเจอมากับตัวเอง3ครั้งครับ ครั้งแรก ก็ที่มหาลัยราชภัฎนครปฐมครับ ที่ท่านอาจารย์อุบล ไปบรรยายธรรมะน่ะครับ อาจารย์ท่านเอาน้ำพีระมิด เทใส่มือผู้หญิงคนนึงครับ ซึ่งคันที่มือมาก หลังจากได้รับน้ำปุ๊ป มือหายคันทันทีเรยครับ อีกคนนึงปวดเข่าครับ เช่นกันพอได้รับน้ำ แล้วแกเอาไปลูบที่หัวเข่า แกก็หายปวดเข่าไปอย่างอัศจรรย์ครับ

ครั้งที่สองเกิดกับตัวผมเองครับ คราวนี้ท่านอาจารย์อุบล ท่านให้เอาน้ำนำมาให้ท่านครับ แล้วท่านก็แค่จับๆ เสร็จก็ใส่พวกเราพิสูจน์ ตอนนั้นผู้รู้สึกมันคอ แสบๆแห้งๆครับ พออาจารย์เทน้ำให้ผม ผมเอาลูบหน้า อาการแสบแห้งที่คอหายไปอย่างปริดทิ้งเรยครับ ไม่น่าเชื่อ
ครั้งที่สาม เป็นเรื่องลูกอมครับ ท่านแจกให้ครับ แปลกมาครับ ตั้งแต่ทานลูกอมที่ท่านให้แล้ว ไม่รู้ทำไม ไม่ค่อยหิวครับ หรือเวลากินข้าว ก็จะรู้สึกว่ากินไปนิดหน่อยก็อิ่มล่ะ บางมื้อไม่กินเรยครับ แต่ก็ไม่หิว คือมันอยู่ท้อง ไม่ปวดท้อง ท้องไม่ร้อง ไม่ทรมานด้วยครับ แปลกมาก ตอนแรกคิดว่าเราเป็นคนเดียว เรยลองไปถามเพื่อนๆที่ได้รับลูกอมจากท่านอาจารย์เหมือนผม ก็ปรากฎว่า มีอาการคล้ายกันเลยครับ คือ ไม่ค่อยหิวครับ แล้วถ้ามื้อไหนไม่ได้กินข้าวก็จะไม่หิว เฉยๆครับ เรื่องลูกอมนี้ท่านอาจารย์ท่านบอกสรรพคุณไว้ก่อนจะแจกให้แล้วน่ะครับ ว่าถ้ามื้อไหนไม่ได้กินข้าวหรืออาหาร วันใดไม่มีอาหารจะกิน ลูกอมนี้จะทำงาน คือจะไม่หิว หรือจะสามารถประถังชีวิตอยู่ได้โดยไม่หิว ไม่ทรมานครับ ผมพิสูจน์แล้วครับ เป็นไปตามนั้นเปะเรยครับ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างที่สุดครับ   
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 22:55:42


ความคิดเห็นที่ 29 (1646729)

        สัปดาห์นี้ท่านอาจารย์เมตตานำประวัติหลวงปู่ปานมาสอนลูกบ้านสวนเรื่องของอภิญญา พอได้ฟังคำว่าอภิญญาเท่านั้นแหละครับผมว่าหลายท่านถึงกับหูผึ่ง หายง่วง ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทั้งเรื่องที่หลวงปู่ปานพาลูกศิษย์ธุดงค์ที่ถ้ำคูหาสวรรค์แล้วได้ฉันข้าวแกงอภิญญา ของพระอภิญญาในป่าลึก ที่ผมยาว ใส่เสื้อผ้าอีหลุปุปะ แต่มีอภิญญา แห่งถ้ำคูหาสวรรค์ โดยท่านนำข้าวเพียงหยิบมือเดียวใส่ไปในหม้อเล็กๆแล้วปิดฝา และหั่นต้นบอนเป็นท่อนๆใส่ไปอีกหม้อหนึ่งแล้วปิดฝา ตั้งหม้อทั้ง2ใบไว้ตรงหน้าโดยไม่ได้ตั้งไฟ พอเปิดฝาออกปรากฏว่าเป็นข้าวสุกเต็มหม้อ อีกหม้อหนึ่งเป็นแกงบอน ซึ่งถ้าดูจากขนาดของหม้อแล้วสามารถฉันได้เพียงคนเดียว แต่นี้หลวงปู่ปานท่านฉันได้ทั้งคณะ5องค์และอิ่มทุกองค์ แต่พระอภิญญาแห่งถ้ำคูหาสวรรค์ท่านไม่ได้ฉันอาหารมาเป็นปีแล้วท่านอยู่ได้ด้วยธรรมะปิติครับ

         อีกเรื่องเป็นเรื่องของขรัวอีโต้ ซึ่งเป็นฆราวาส เป็นนักกรรมฐานคนสำคัญ แล้วก็ได้กสิณ ๑๐ ได้อภิญญา สามารถแสดงฤทธิ์ให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำดู มีทั้งสามารถสั่งมีดอีโต้ให้ว่ายน้ำได้ สามารถใช้ลอบดักเงินได้ นำเงินไปซื้อกับข้าว ซื้อเนื้อ ซื้อหมูมาเลี้ยงพระที่วัดหลวงปู่ปาน หลวงปู่ปานท่านจึงพูดกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำว่า พวกเรามันเป็นคนจนไม่สามารถจะดักเงินดักทองได้ เราจะดักปลาในอากาศเอามาเลี้ยงขรัวอีโต้บ้าง ท่านจึงให้นำเบ็ดราวไปขึงจากยอดต้นจามจุรี แล้วเอาไปผูกไว้ที่ยอดต้นหางนกยูง เวลาเช้าตรู่พอแสงทองขึ้น ท่านก็เรียกให้หลวงพ่อฤาษีไปปลดปลา ประเดี๋ยวจะได้ต้มยำเลี้ยงขรัวอีโต้เขา พระทุกองค์ที่ได้ฟังต่างคนต่างวิ่งไปดูที่เบ็ด ปรากฏว่ามีปลาชะโดบ้าง ปลาช่อนบ้าง ตัวขนาดใหญ่ ถ้าทำเป็นริ้วก็เห็นจะถึง ๗-๘ ริ้วสัก ๑๐ ตัว ติดห้อยแขวนต่องแต่งอยู่ รู้สึกว่าปลาขณะไปเห็นยังจะมีชีวิตอยู่ แต่ว่าพอปล่อยเบ็ดลงมาแล้ว พอปล่อยหางเชือกลงมา พอลงมาถึงดินก็ปรากฏว่าปลาทั้งหมดตาย เป็นปลาตายสด แล้วก็เอามาต้มกินกันเอร็ดอร่อยเหมือนปลาธรรมดา หัวกะพุง ไข่ยังงี้ เป็นที่ชอบใจของขรัวอีโต้  นี่ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ เรื่องนี้มันไม่ใช่ปลาจริง หลวงปู่ปานบอกว่าใบไม้ทั้งนั้น ปลาที่มาห้อยที่เบ็ดน่ะใบไม้ นี่ก็เป็นอภิญญาของหลวงปู่ปานที่สามารถนำใบไม้มาอธิษฐานให้เป็นปลาได้

         ท่านอาจารย์อุบลจึงสอนกสิณทั้ง10กอง ให้ลูกบ้านสวนได้ปฏิบัติ ซึ่งเมื่อก่อนผมคิดว่าการฝึกกสิณเป็นของยากไม่อยากฝึกดูยุ่งยากต้องมานั่งมองดิน นั่งจ้องไฟจากเทียน แต่ท่านอาจารย์อุบลสามารถสอนแบบรวบรัด ย่นย่อ ฝึกแบบง่ายๆ และทำได้ทันที เช่นพอนึกถึงกสิณดินก็นึกภาพดินที่วิหารที่กำลังก่อสร้างภาพก็ขึ้นมาทันที จากดินสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีขาว จากนั้นเปลี่ยนเป็นแก้วใสพราวระยิบระยับ พอนึกฝึกกองไหนภาพก็ขึ้นมาอัตโนมัติทุกกองที่ฝึกจะเป็นภาพวัตถุต่างๆในบ้านสวนที่ได้ทำกิจกรรมสร้างบุญใช้แรงกาย ช่วงที่ท่านอาจารย์สอนกสิณผมก็นึกภาพตามที่ท่านอาจารย์แนะนำรู้สึกว่ามีสมาธิไวมากครับและคงต้องกลับมาฝึกที่บ้านให้คล่องครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 23:05:53


ความคิดเห็นที่ 30 (1646731)

        อัมได้เข้าร่วมกิจกรรมที่ผ่านมาอาทิตย์นี้ท่านอาจารย์อุบลได้เมตตาทบทวนการฝึกกสิณกองต่างๆทำให้มีความรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น  ช่วงที่เริ่มฟังช่วงแรกมีความรู้สึกว่าตนเองนั้นง่วงมาก หาวไม่ได้หยุด อาจารย์นั้นเหมือนจะรู้ใจศิษย์ ต้องการให้ศิษย์มีสมาธิ เพื่อที่จะได้เกิดปัญญา แต่เจ้าความง่วงนี้น่ะซี อาจารย์ได้ให้คนที่มีอาการต่างๆ ได้สัมผัสกับน้ำทิพย์ อัมได้ออกไปรับน้ำทิพย์และนำมาแตะที่หน้า รู้สึกวืดไปทั่วหัวและหายง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง ไม่มีอาการหาวอีกเลย จึงสามารถฟังโดยมีสมาธิมากขึ้นกว่าเดิม อาจารย์นั้นทำให้อัมได้สัมผัสพลังแห่งความบริสุทธ์ ความเมตตา ความรัก ได้อย่างแนบเนียน อาจารย์ไม่เคยหลับตาแล้วร่ายว่ามนต์คาถา อาจารย์ไม่เคยทำท่าให้ดูขลัง อาจารย์ไม่ต้องมีอาการสั่นเพื่อส่งสัญญาณว่่ามีองค์ลง อัมไม่เคยเห็นอาการเหล่านี้ในอาจารย์อุบล แต่อัมมองเห็นแต่ความเมตตา ความรักที่อาจารย์ปารถนาให้กับทุกคนได้พ้นทุกข์ ความกตัญญูที่อาจารย์มีต่อพระพุทธองค์ และครูบาอาจารย์ของอาจารย์ แผ่นดินและทุกสรรพสิ่งที่อาจารย์ซึ่งเป็นผู้ให้นั้นยิ่งใหญ่เกินที่จะบรรยายได้ อัมจึงคิดสรุปว่าท่านอาจารย์อุบลท่านจะมีความเป็นทิพย์ มีอภิญญาจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะคูณสมบัติในท่านเพรียบพร้อมที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ต่างมาโมทนาและช่วยสนับสนุนท่านอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการที่ได้มาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติตามท่านนั้นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตมากกว่าสิ่งใดๆ ตายเมื่อไรก็พร้อมไม่กลัวอีกต่อไป ภัยอะไรจะเกิดก็ไม่หวั่นเพราะอาจารย์ได้สอนให้เข้าถึงบุญและความดี บุญจะนำพาให้เราได้ไปในที่ที่ดี และพลังแห่งความดีนั้นจะพาให้เราได้ความเป็นทิพย์โดยที่เราไม่ได้อยาก ไม่ได้หลง เราจึงมี ซึ่งอัมเคยฝึกด้วยความอยาก มันไม่พัฒนาอะไรเลย อาจารย์จะบอกเสมอว่าถ้าใครอยากรวยก็ต้องตัดความอยากเดี่ยวคุณก็รวยเอง จำได้ขึ้นใจ เวลาฝึกกสิณจึงใช้อารมณ์ที่สบายๆ จึงเกิดผลขึ้นอย่างไม่ตั้งตัวและงงๆเหมือนกัน ไม่อยากเชื่อว่าคนโง่เฃลาเบาปัญญาอย่างเราจะได้สัมผัสความสุขแบบนี้กับเขาเหมือนกันถ้าไม่ได้มาเจออาจารย์อุบล ไม่ได้มาฝึกสมาธิแบบลืมตาที่บ้านสวนก็คงยังลั๊นลากับโลกแห่งความทุกข์อยู่ไม่จบไม่สิ้น นี่คือประสบการณ์ตรงของอัมที่ได้รับจากท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัม นันท์นภัส เตชิตรดาทรัพย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 23:09:23


ความคิดเห็นที่ 31 (1646735)

     ท่านอาจารย์ได้อ่านหนังสือเรื่องประวัติ หลวงพ่อปานให้ฟัง ตอนที่หลวงพ่อปานมีเพื่อนชื่อขรัวอีโต้ เพราะท่านมีอีโต้เป็นอาวุธ ท่านเก่งกสินและได้อภิญญา สามารถให้ิีอีโต้ของแก เมื่อโยนลงไปในน้ำก็สามารถให้อีโต้ลอยขึ้นมาได้ ขรัวท่านสามารถใช้ลอบ(อุปกรณ์ดักปลา)ดักเงิน ได้ทุกวัน แล้วนำเงินนั้นมา ทำบุญเลี้ยงพระได้ทุกวัน หลวงพ่อปานท่านเองก็เก่งใช้วิธีผูกราวเอาใบไม้มาห้อยไว้ รุ่งเช้าใบไม้เหล่านั้นก็กลายเป็นปลา สามารถนำมาทำอาหารได้ โดยที่ไม่บาป เพราะไม่ใช่ปลาจริงๆ แถมยังอิ่มท้องเหมือนกัน

และอีกเรื่องก็เป็นเรื่องที่หลวงพ่อปานไปธุดงค์ในป่า ไปเจอเพื่อนของหลวงพ่อซึ่งเก่งกสินเหมือนกัน ต้องการจะเลี้ยงอาหารหลวงพ่อปานและพระอื่นรวม 5 รูป ได้ไปตัดบอนมา 1 กิ่งหั่นเป็นท่อนๆใส่ในหม้อเล็กๆ แล้วหยิบข้าวสารมา 3-4 เมล็ดใส่ในหม้อเล็กอีกใบหนึ่ง วางตรงหน้า แล้วท่านก็นั่งคุยกันสักครู่นึง ข้าวก็สุกหอมฉุยเต็มหม้อ ส่วนอีกหม้อก็เป็นแกงส้มบอนแถมมีปลาอีกด้วย พระทั้ง 5 รูปนั้นฉันข้าวและแกงส้มจากหม้อเล็ๆ 2 ใบ นั้นโดยตักเท่าไรก็ไม่หมดสักที แต่เมื่ออิ่มแล้วข้าวและแกงก็หมดหม้อพอดี เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก

นี่ถ้าเราฝึกกสิน 10 อย่างเช่นทีท่านอาจารย์สอนให้ ไม่ว่ากสินดิน กสินน้ำ กสินลม กสินไฟ และกสินอื่นๆ ให้คล่องและเก่ง เราก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับหลวงพ่อปาน และเพื่อนของหลวงพ่อ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-24 23:58:16


ความคิดเห็นที่ 32 (1646736)

ลูกอมอภิญญา กับการย่นระยะทาง

++++++++++++++

ผมและคุณเหมี่ยวเดินทางเข้าบ้านสวนฯ ตั้งแต่เย็นวันพฤหัส ก่อนออกเดินทางลูกค้าเอางานมาให้ถ่ายเอกสารเข้าเล่ม 250 เล่ม เป็นข้อสอบ ต้องใช้สอบวันจันทร์ขอรับงานเช้าวันจันทร์  ผมอยู่ร่วมกิจกรรมของบ้านสวน จนเสร็จกิจกรรมได้เดินทางกลับ ราวหกโมงเย็น ตอนขับรถกลับคิดหาวิธีที่จะถ่ายเอกสารข้อสอบให้เสร็จทันเวลา
  วันอาทิตย์ อาจารย์อุบลได้นำเรื่องราวของหลวงพ่อปาน ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่องอภิญญาของหลวงพ่อปาน ตอนไปธุดงค์ ที่ถ้ำคูหาสวรรค์ อ.โขงเจียม ขรัวอีโต้(หลวงพ่อคำคะนิง)หุงข้าวด้วยข้าวสารเพียงหยิบมือ แต่ได้ข้าวสวยเต็มหม้อดิน ต้นบอนเพียงต้นเดียว นำมาแกงเป็นอาหารได้เต็มหม้อกินได้ทั้งคณะธุดงค์

หลวงพ่อปาน ก็เสกใบไม้

ให้เป็นปลา นำมาทำเป็นอาหารได้ โดยไม่ต้องไปฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์

อาหาร เครื่องนุ่งห่มที่มี ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน สามารถทำให้เกิดเป็นอาหารอภิญญา เครื่องนุ่งห่มอภิญญาได้ นำไปใช้ยามคับขัน โดยผู้ที่ได้อภิญญาที่เกิดจากการฝึกกสิน ทั้ง 10 กอง อย่างชำนาญ โดยการใช้อภิญญาไม่หวัง หรืออยากได้เพื่อนำมาอวดอ้าง แสดงโชว์

มีเรื่องอัศจรรย์ที่ต้องเล่าครับ

ผมขับรถจากบ้านสวน เวลา 17.55 น. กลับอำเภอเสิงสาง ระยะทาง 495 กิโลเมตร ถึงอำเภอโชคชัย เวลา 19.20 น. จอดรถซื้อข้าวให้ลูกชาย ราว 30 นาที ถึงบ้านเวลา 20.35 น. ผมใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 2ชั่วโมง 40 นาที  โดยปรกติแล้วจะใช้เวลา ไม่น้อยกว่า สามชั่วโมงครึ่ง

ผมเหลือเชื่อในเวลาการเดินทางครั้งนี้ครับ คิดอยู่นานครับว่าเพราะอะไรทำไมถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ ผมใช้ความเร็วระหว่าง 90-120 กม/ชม. วิ่ง 120 เฉพาะแซงเท่านั้น ความเร็วปรกติคือ 90-100 กม/ชม. เป็นไปไม่ได้ครับที่จะใช้เวลา น้อยขนาดนี้ ผมจดจ่ออยู่ที่งานที่จะต้องทำส่งลูกค้าให้ทัน ถึงตอนไหนก็ทำตอนนั้น

ลงมือทำงานเลยครับ ถ่ายเอกสาร เข้าเล่มข้อสอบเสร็จ ทันลูกค้ามารับงาน เจ็ดโมงตรง ทำงานยันสว่าง แบบไม่ง่วง  แบบไม่น่าจะเสร็จ  แต่งานก็เสร็จเรียบร้อย เครื่องก็ทำงานได้สะดวก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้สะดวกโยธินอย่างนี้

นี่เป็นการแสดงผลของลูกอมอภิญญา ที่ผมและคุณเหมี่ยว ได้รับจากอาจารย์อุบล ทำให้ผมเพิ่งมารู้ว่า ลูกอมอภิญญา ทำให้เราสามารถย่นระยะทางให้ใกล้ถึงที่หมายด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ผมเริ่มงานเร็ว แม้ว่าบางช่วงจะมีฝนตกลงมา

ลูกอมอภิญญา ให้กำลังกาย กำลังสติปัญญาในการทำงาน จนบรรลุป้าหมาย งานเสร็จเรียบร้อยทันส่งให้ลูกค้า

ขอยืนยันด้วยสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ไม่ใช่อุปทาน สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์จริงประสบการณ์ตรง จากลูกอมอภิญญาที่ได้รับจากอาจารย์อุบล ครับ

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล ครับที่เมตตาลูฏหลานให้รู้จัก อภิญญา รวมถึงให้ฝึกฝนตนเองไปสู่การมีอภิญญา สิ่งที่ผมได้รับสัมผัส เป็นการพิสูจน์ อภิญญามีจริง เกิดขึ้นจริงไม่ใช่เรื่องเล่า หรือเป็นนิทานเล่าให้สนุก  

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 00:35:22


ความคิดเห็นที่ 33 (1646738)

   กิจกรรมแต่ละอาทิตย์ของบ้านสวนเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากพลาดเลยสักอาทิตย์เดียว

   ท่านอาจารย์เมตตามอบความรู้ให้พวกเรา เรื่อง อภิญญา

กสินต่างๆ มีเล่าเรื่องจากหนังสือประวัติหลวงปู่ปาน ขนาดย่นย่อเนื้อหาให้สั้น กระชับ ที่สุด แบบไม่เคยฝึกมาก่อนก็รู้สึกว่าไม่ยาก ขนาดใช้แรงกายมาทั้งวัน เหนื่อย พอเข้ามาฟังอาจารย์ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง แอบนั่งหลับตลอด ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยว่าเลยแถมยังเมตตาให้หลับอีกด้วย ขนาดหลับหูยังฟังท่านอาจารย์พูดเลย บอกให้ทำตามก็ทำตอนหลับๆนั่นแหละ เห็นมีคนอื่นๆก็หลับๆอยู่เหมือนกัน  

     คืนนั้นได้รับแจกลูกอมอีก รู้สึกว่านอนหลับลึกมาก บังเอิญว่านอนก่อนใครๆเลยไม่รู้เรื่องว่ามีใครเข้าออกมานอนด้วยในพีระมิด ปกติประตูเปิดเข้าออกจะเสียงดัง ใครจะเข้าออกต้องได้ยิน ตื่นแต่เช้ามืดเลย ออกมาที่หน้าห้องน้ำ มองฟ้าคิดในใจว่าฟ้าสว่างแบบนี้ ufo จะมาให้เห็นได้ไหมเนี่ย แค่นั้นมีแสงไฟกระพริบบนฟ้าทันที บอกให้รู้  โห! แค่คิดในใจได้ยินด้วย

    เมื่อคราวก่อน ได้รับน้ำจากท่านอาจารย์ เอามาลูบหน้า รู้สึกตาสว่างหายง่วงไปเลย สดชื่นมากๆ พี่บุญเรือนมองหน้ายังทักว่าหน้าสว่างใสขึ้นมาทันที

    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กลับออกจากบ้านสวนแต่วัน ระหว่างขับมายังไม่ออกถนนใหญ่ มองเห็นมีอะไรดำๆขวางอยู่กลางถนนเลนซ้าย ทีแรกคิดว่าจะขับค่อมเลนไปเลย คิดอีกทีเบี่ยงมาเลนขวาดีกว่าเพราะไม่มีรถตามหลังมา พอเบี่ยงมาเลนขวาเท่านั้น เห็นเป็นงูตัวสีดำขนาดเท่าพวงมาลัยรถ ชูหัวขึ้นมองและเลื้อยเข้าข้างทาง  สงสัยจะมารอขอบุญ จึงอุทิศบุญให้ไป ระหว่างทางเส้นรังสิต-นครนายก พวกเราในรถมี จาว พี่ทัศน์ พี่บุญเรือน น้องมะเหมียวและน้องก้อย กรี๊ดกันใหญ่ เจอ ufo กันอีกแล้ว พี่บุญเรือนบอกว่า เดี๋ยวนี้! เค้ามาให้เห็นบ่อยจัง ที่บ้านพี่ก็เห็น

   

   

     

ผู้แสดงความคิดเห็น จารุวรรณ จินดา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 05:10:36


ความคิดเห็นที่ 34 (1646739)

สัปดาห์นี้ท่านอ.ได้เมตตาพูดถึงเรื่องของอภิญญาโลกีย์ ซี่งมีด้วยกัน 11 อย่าง

1.แสดงฤทธิ์ได้

2.มีประสาทหูทิพย์

3.ได้มโนหรือมีฤทธิ์ทางใจ

4.มีตาทิพย์

5.รู้ที่มาว่าสัตว์ก่อนมาเกิดมาจากไหน

6.รู้ภาวะจิตของผู้อื่น

7.ระลึกชาติในอดีตได้

8.รู้เหตุการณ์ที่จะล่วงมาแล้ว

9.รู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า

10.รู้เรื่องราวในที่ไกลของโลกอื่น

11.รู้เรื่องกฏแห่งกรรม


การจะเป็นผู้ที่ได้อภิญญานั้น จะต้องทำการฝึกฝนกสินทั้ง 10 กองให้ครบถ้วน หลังจากนั้นจะไปเลือกฝึกเฉพาะกองใดกองหนึ่งก็ได้ และที่สำคัญหลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนว่้า "การฝึกนั้น สำคัญมากที่จะต้องฝึกกับครูผู้ที่ได้อภิญญาเพราะถ้าฝึกกับครูที่ยังไม่ได้ก็เท่ากับสูญเปล่า 

สำหรับการฝึกกสินทั้ง 10 กองนั้นหลักง่ายๆ....คือการเปลี่ยนสีเดิมของกสินนั้น----> สีขาวขุ่น----> ประกายเพชร เคล็ดไม่ลับของท่านอ.จะฝึกตอนอยู่ในท่านอนหรือก่อนนอนและตอนที่อาบน้ำเพราะเป็นข่วงที่สมองปรอดโปร่ง

1.กสินดิน : สีเดิม---> ขาวขุ่น--> แก้วใสหรือเพชรที่มีประกายระยิบระยับ

2.กสินน้ำ : สีเดิม---> ขาวขุ่น--> แก้วใสหรือเพชรที่มีประกายระยิบระยับ

3.กสินลม : ให้นึกถึงทิศทางลมที่พัดจากหน้าบ้านไปหลังบ้าน -- > พัดกลับจากหลังบ้านมาหน้าบ้าน...(สังเกตุใบไม้)

4.กสินไฟ : ไฟค่อยๆลุกแล้วก็สว่างโชนช่วง แล้วก็หรี่ลง (นึกถึงเปลวเทียนหรือไฟตะเกียง)

*** กรณีที่เราต้องเจอกับหิมะหรืออากาศที่หนาวมากๆให้ นึกถึงไฟที่ลุกท่วมตัวเรา เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น

5.กสินแสงสว่าง : กลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืน--> กลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวัน

6.กสินสีเขียว : สีเดิมของใบไม้---> ขาวขุ่น--> แก้วใสหรือเพชรที่มีประกายระยิบระยับ

7.กสินสีเหลือง : สีเหลือง---> ขาวขุ่น--> แก้วใสหรือเพชรที่มีประกายระยิบระยับ

8.กสินสีแดง : สีแดง---> ขาวขุ่น--> แก้วใสหรือเพชรที่มีประกายระยิบระยับ 9.กสินสีขาว : สีขาว--> แก้วใสหรือเพชรที่มีประกายระยิบระยับ 

10.กสินเลือด : ให้จับภาพดูที่ลมหายใจเข้าออก สูดหายใจวิ่งลงสู่ร่างกาย สูดหายใจออกวิ่งขึ้นจากท้องออกจากจมูก

ถึงตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งโลภให้ความสำคัญกับกสินมากนั้นเพราะ กสินเป็นกรรมฐานแบบหยาบ แต่ลูกบ้านสวนทุกคนได้รับการฝึกฝนจากท่านอ.ไปถึงขึ้นกรรมฐานแบบละเอียดคือ

***พวกเราทุกคนถูกท่านอ.ฝึกให้รู้จักใช้ปัญญาโดยที่พวกเราทุกคนไม่รู้ตัวเลยคะ ^___^" *** อาทิเช่น

ถ้าเราเห็นคนที่เขามีปัญหาเรื่องปาก รูปปากผิดรูป, เราก็จะรู้ว่าคนๆนี้ทำผิดศีลข้อ 4 มาถ้าเขาไม่รู้จักปรับปรุงแก้ไข พวกเราลูกบ้านก็จะรู้ว่าปลายทางชีวิตคนนี้ก็จะไปนรกขุม4

เพียงแต่ท่านอ.เห็นว่าการฝึกกสิน จะมีประโยชน์มากถ้าพวกเราใช้ในวันที่เกิดภัยพิบัติต่างๆ เพราะถ้าคนที่ได้กสินมาร่วมมือช่วยกันก็จะต้านภัยพิบัติได้

นอกจากนี้ท่านอาจารย์ยกเอาคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาสอนพวกเราคือ "ในการทำความดี ถ้าเรายังต้องการได้รับคำชมเชยจากผู้อื่น แสดงว่าจิตของเรายังเลวอยู่มาก" ซึ่งเป็นกระจกส่องดูตนเองได้ดีจริงๆคะ เพราะหนึ่งก็ยังมีตรงนี้อยู่มากเลย.....

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 05:31:36


ความคิดเห็นที่ 35 (1646740)

ปาฏิหาร์ยความฝันเรื่องรหัสอ.อุบลช่วยด้วยและลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์

เมื่อวานนี้หนึ่งตั้งเอาลูกอมบ้านสวนไปากให้ได้ครูพิเศษของลูกที่เดย์แคร์ซึ่ง

เมื่ออาทิตย์ก่อนได้บอกเขาเรื่องรหัสอ.อุบลช่วยด้วย และย้ำว่ายิ่งตอนเกิดภัย

พิบัติห้ามลืมรหัสนี้คนนี้เขาเชื่อทันที


วันนี้พอเขาเห็นหน้าหนึ่งเขาตกใจมาก เขาบอกว่าเมื่อคืนอยู่ๆก็ฝันว่าเห็นเหตุ

การณ์ภัยพิภัย เขาบอกว่าทุกอย่างวุ่นวายมาก ตัวเขาและคนอื่นๆวิ่งหนีกัน

ยกใหญ่และเขาเห็นผู้คนได้รับบาดเจ็บและโดยทำร้าย


เขาก็เลยใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยในใจ แต่พอใช้รหัสเขาได้ยินเสียง "อ.อุบลช่วยด้วย" ดังกึกก้องไปหมด แล้วทุกๆอย่างที่จะพุ่งทำร้ายเขาก็หยุดชะงักและถูกดูดหายลงไปในหลุมสีดำๆ ทั้งหินและทุกๆอย่าง

 

ทันใดนั้นอยู่ๆก็มีลูกแก้วใสๆลอยขึ้นมาจากหลุมเป็นลูกแก้วขนาดเล็กๆ ลอยมาตรงหน้าเขา ซึ่งเขาบอกว่าเขารู้สึกดีใจและรู้สึกปลอดภัย

หนึ่งก็เลยเอาลูกอมให้เขาดูแล้วถามว่าขนาดเท่านี้ได้ไหม ทันทีที่เขาได้รับ

คุณครูท่านนี้ก็เกิดปิติขนลุกทั้งตัว แล้วก็บอกว่าขนาดเหมือนกับในความฝันเขา

มาก แถมย้อนกลับมาถามหนึ่งอีกว่าทำไมอยู่ๆถึงหยิบลูกอมให้เขา ??

 

ซึ่งตัวหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดว่าลูกแก้วในนิมิตคือลูกอมบ้านสวน, ก็บอกเขาว่า

ไม่รู้เหมือนรู้กัน เลยให้คุณครูทานลูกอมแล้วให้บอกว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้าง

ซึ่งเขาบอกว่ารู้สึกได้ถึงความเย็นบางอย่างแผ่ซ่านอยู่ข้างในร่างกาย

 

....ปริศนาธรรมอันนี้ หนึ่งคิดว่า

"รหัสอ.อุบลช่วยด้วย + ลูกอมของบ้านสวน"

คงจะเป็นทางรอดในการช่วยเหลือผู้อื่นให้อยู่รอดพ้นจากภัยพิบัติต่างๆ....

 

ตอนแรกที่รู้ว่าครูคนนี้ฝันก็แอบคิดเสียดายทำไมตนเองไม่ฝันอะไรแบบนี้บ้าง

แต่คิดไปคิดมาถ้าเราเป็นฝันเสียเอง ก็คงจะไม่เกิดประโยชน์เท่ากับผู้อื่นที่ไม่ได้

เกี่ยวข้องกับบ้านสวนเป็นผู้ฝัน เพราะธรรมะท่านคงจะจัดสรรมาให้เรียบร้อยแล้ว

 

สำหรับท่านอื่นๆที่ได้รับลูกอมเช่น คุณแม่ของหนึ่ง ท่านอมแล้วก็บอกว่ารู้สึก

โล่ง เบาสบายในร่างกาย / น้องสาว ก็บอกว่าอาการที่เจ็บคอมันหาย / ครูท่าน

อื่นที่รู้จักก็รู้สึกว่า จิตเบิกบาน รู้สึกร่างกายเบาสบายๆ.....

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 06:00:31


ความคิดเห็นที่ 36 (1646741)

คืนวันเสาร์อาจารย์ได้ให้คุณธนา อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปานให้ฟัง เรื่องอภิญญา กลัวเหลาแบบตกหล่นเลยไปคัดลอกจากหนังสือมาให้อ่านแบบเต็มๆ ลองอ่านดูนะครับ

 .....................................................................................

 

พบพระอภิญญาในป่าลึก
ในระหว่างที่รอนแรมกันไปกลางป่า มีสิ่งที่น่าประหลาดอย่างหนึ่งก็คือ เสียงดนตรี ไม่ทราบว่ามีมาจากไหน มันเป็นเสียงเพลงไทยธรรมดานี่เอง มีให้ฟังทุกวัน ฟังชัดมากเหมือนกับเรานั่งอยู่ติดวงดนตรี คณะธุดงค์ทุกท่านได้ยินเหมือนกันหมด บางวันแอบมีกลองยาว เสียงโห่ เสียงยั่ว บางขณะก็เป็นเครื่องสายมโหรีปี่พาทย์ใหญ่วงใหญ่ เสียงร้องส่งเป็นเสียงผู้หญิง

 

หลวงพ่อปานท่านบอกว่า ท่านตรวจแล้วพบว่าเป็นเครื่องดนตรีคณะเดิมของท่านเองที่ท่านสร้างสมบารมีไว้เดิม คณะดนตรียังเป็นนางฟ้าเทวดากันอยู่ เขาเห็นเจ้านายเก่าเข้าอยู่ในป่าเกรงว่าจะเหงาเลยเอามาบรรเลงให้ฟัง
เรื่องเสียงดนตรีนี้ หลวงพ่อท่านเตือนว่า ฟังแล้วอย่าติดเสียง จงจำเสียงที่เกิดขึ้นและขาดไปให้ทราบว่ามันเป็นอนิจจัง เขาตีมันดัง พอหยุดตี มันไม่ดัง เมื่อหยุดตีแล้วไปคลำหาเสียงคิดว่ามันหล่นอยู่ตรงไหนก็หาไม่พบ ท่านว่าตรงนี้มันเป็นอนัตตา
หลวงพ่อปานวัดบางนมโคนี่ ปกติท่านมีความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า เวลาบำเพ็ญกุศลแต่ละครั้งท่านประกาศท่ามกลางประชาชนว่า ขอผลบุญนี้ที่ข้าพเจ้าทำแล้วจงสำเร็จแก่พระโพธิญาณในอนาคตกาลเถิด
ไปธุดงค์คราวนั้นคณะธุดงค์ออกเดินทางกันตั้งแต่ข้างแรมเดือนอ้าย แล้วกลับวัดเอาใกล้จะเข้าพรรษาเดือน 8 ไปดงกันจริง ๆ กินข้าวชาวบ้านไม่กี่วัน นอกนั้นกินข้าวในป่า
เมื่อเข้าถึงเขตเชียงตุง ไปตามถ้ำต่าง ๆ จึงพบพระ เพื่อนของหลวงพ่อปานที่ได้อภิญญา เรื่องก็มีมาว่าเข้าไปพบพระองค์หนึ่ง พอเข้าไปถึงเขาลูกหนึ่ง แล้วก็มีพระองค์หนึ่งแก่ ๆ ผอม ๆ ผมยาวใกล้ถึงเอว เสื้อผ้าที่ท่านใส่เป็นสีที่บอกไม่ถูก พอเข้าไปแล้วพอเห็นกันเข้า หลวงพ่อปานท่านถาม
“เออ นี่พระหรือคน”
พระองค์นั้นหันมาทำตาขวาง ๆ แล้วพูดว่า “ไอ้พระมันอยู่ที่ไหน ท่านพูดแบบนี้นะว่า เฮ้ย พระมันอยู่ที่ไหนวะ"
หลวงพ่อปานท่านว่า ”เอ้า เห็นผมยาว ผ้าอีหรุปุปะ สีเหลืองไม่มี จะรู้หรือว่าพระหรือคน”
ท่านก็ถามว่า “พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ”
หลวงพ่อป่านท่านบอก “ไม่ใช่”
ท่านถามต่อไปว่า “พระมันอยู่ที่ผ้านุ่งหรือวะ”
หลวงพ่อปานท่านบอกว่า “ไม่ใช่”
ท่านก็ถามหลวงพ่อปานว่า “พระอยู่ที่ไหน”
หลวงพ่อปานบอกว่า “พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาด”
แล้วท่านก็เลยหันมาบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นละก็เสือกมาถามทำไมว่าพระหรือคน”
หลวงพ่อปานบอกว่า “เห็นผมยาว เห็นผ้ารุงรัง”
“ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม พระไม่ได้อยู่ที่ผ้า แล้วเสือกมาถามทำไม ทำไมไม่ดูใจคน”
ตอนนี้ท่านทำท่าโมโหจัดแล้วบอกว่า “ไอ้พระบ้าน พระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี มันจะต้องเห็นดีกัน”
หันไปคว้าไม้แบบหวายยาวประมาณวาหนึ่ง ขว้างตกไปข้างหน้าหลวงพ่อปาน ไม้นั้นกลายเป็นงูใหญ่ ยาวหลายวา ใหญ่มาก เลื้อยเข้ามาทำท่าจะกัด บรรดาศิษย์ธุดงค์ทั้งหลายหลบไปอยู่หลังหลวงพ่อปานกันหมด ต่างแปลกใจเห็นไม้เป็นงู
หลวงพ่อปานเห็นงูเผ่นเข้ามา ท่านก็เลยบอก เฉย ๆ เสีย แล้วก็หยิบใบไม้ขว้างลงไป ใบไม้กลายเป็นนก เฉี่ยวเอางูติดเล็บขึ้นไปบนยอดไม้ แล้วก็เล่นกันอยู่อย่างนั้นล่ะ ทำเป็นเสือเป็นสางเป็นอะไรต่ออะไรของท่าน ไม่เห็นท่านเสก หรือว่าคาถาอะไร คว้าอะไรได้ก็ขว้างลงไป มันก็เป็นขึ้นมา อีกองค์ก็คว้าขึ้นมาได้ ก็ขว้างลงไป เป็นตัวอะไรมาได้ แล้วก็รบกัน
เมื่อกันเหนื่อยแล้วต่างคนต่างนั่งหัวเราะกัน แล้วก็คุยให้ฟังว่า นี่ข้าเพื่อนกัน หลวงพ่อปานพยักหน้า ศิษย์คณะธุดงค์ก็เลยเข้าไปกราบท่าน ท่านเอามือมาลูบหัว หลวงพ่อปานก็บอก
“พระพวกนี้เขาอยากเห็นของจริง แล้วเขาเป็นคนเอาจริง นี่พวก 3-4 องค์นี่เขาเอาจริง ก็เลยอยากจะพามาให้พบ อยากจะให้สอน 2 องค์นี่ในด้านอภิญญา”
ท่านชี้ไปที่พระเพื่อนหลวงพ่อฤาษีฯ 2 องค์ ส่วนหลวงพ่อฤๅษี หลวงพ่อปานท่านไม่ได้ชี้ แล้วท่านก็บอก
“องค์นี้ไม่ได้ เล่นอภิญญาไม่ได้ คือว่าต้องอยู่บ้านอยู่เมือง เป็นหนี้เขาอยู่มาก ต้องใช้หนี้เขา ลูกหลานมาก บริวารมาก บริษัทมาก ให้เล่นอภิญญาไม่ได้ ถ้าขืนเล่นอภิญญาเดือดร้อน ดีไม่ดีพระเขาจะหาว่าอวดอุตริมนุสธรรม แล้วพากันจับสึกเข้า อะไรเข้า จะพากันลงนรก
พระพวกได้อภิญญานี่ดีไม่ดี ถ้าเป็นอภิญญาโลกียวิสัย ถ้าละกิเลสไม่ได้หมด ก็จะล่อพระหรือชาวบ้านที่มาว่า มากลั่นแกล้ง อานไปตาม ๆ กัน ดีไม่ดีก็ชี้ให้ง่อยไปเสียบ้าง ขาเป๋ไปบ้าง ตาบอดไปบ้าง เดี๋ยวก็เอาปากทำตูด เอาตูดทำปาก ให้ขี้ออกทางปาก กินทางตูด อะไรอย่างนี้ อย่างนี้เรียนไม่ได้ เรียนอภิญญาไม่ได้ สอนไม่ได้ องค์นี้ให้มันได้วิชชา 3 ช่วยให้มันทรงมโนมยิทธิเท่านั้นพอแล้ว”
พอหลวงพ่อปานบอกเท่านั้น ไม่เห็นว่าท่านตั้งท่าอะไร ท่านหันมายิ้มฟันขาว บอกว่า
“เฮอะ จะสอนอะไร ไอ้พวกนี้มันได้หมดแล้ว ไอ้นี่ มโนมยิทธิมันก็ได้แล้ว ไอ้เจ้าเขียนนี่มันก็ได้แล้ว”
แล้วหันไปพูดกับพระเขียนว่า
“เออ เขียนเอ๊ย เอ็งน่ะมันรีบตายนะ ตั้งใจวิปัสสนาญาณนะโว้ย มุ่งเอาพระนิพพานเป็นที่ไป อย่าไปยุ่งกับใครนะ เอานิพพานอย่างเดียวนะเอ็งนะ กลับไปนี่ตายแน่ เอาเข้านั่น มันตายดีวะ ตายดีกว่าอยู่ อยู่นานเท่าไรลำบากเท่านั้น ตายเร็วเท่าไรสบายเท่านั้น “
แล้วก็หันมาพูดกับพระเพื่อนหลวงพ่อฤๅษีฯ ทั้งสององค์ว่า
“เออ เอ็งได้แล้วนี่หว่าอภิญญา เอ็งจะมาเอาอะไรกับข้า เอาละ ถ้ามันมีอะไรสงสัยถามข้าได้ แต่ข้าไม่มีอะไรบอกวะ อาจารย์แกเขาเก่งอยู่แล้ว ข้าน่ะไม่ได้เก่งกว่าเขาหรอก ไอ้เขาน่ะทำถ่อมตัวเพราะเขาอยู่ในบ้านในเมือง นี่เขาหายใจไม่ออก เรียกว่าเขาอดกลั้นไม่ไหว เขาก็ออกมาหาข้าเสียที นี่เขาทำแบบนี้มานานแล้ว เออ ข้ามันเป็นชาวดงชาวป่า จะเอาได้แต่วิชาป่าอย่างเดียว ต่อไปนี้ 2 องค์ เราไม่มีหนี้กับเขา เออ ไอ้เจ้านี่…
แล้วท่านก็หันมาหาหลวงพ่อฤๅษีฯ
“เอ็งนี่ลูกมากหลานมาก เป็นหนี้เขามากนะลูกนะ เอามันแค่วิชชา 3 ก็พอฮิ ลูกฮิ เอ็งจะเข้าป่าเข้าดงกับเขาได้ ก็เข้าได้ไม่นานหรอก ต้องไปใช้หนี้เขา ไอ้เด็ก ๆ เล็ก ๆ มันยังไม่เกิดก็มีอีกมาก สงเคราะห์เขาไปนะ เรามันพวกพ้องมากนี่ เรามีพวกมีพ้องมาก มีอะไรก็แบ่งปันเขาไปช่วยสงเคราะห์เขาไป เป็นการช่วยสงเคราะห์ตัวเองนั่นแหละ”
ท่านว่าอย่างนั้น ว่าเสร็จก็คุยกัน หลวงพ่อปานกับคณะพักอยู่กับท่านประมาณครึ่งเดือน
หลวงพ่อฤาษีฯ เล่าถึงท่านไว้ว่า
“ท่านสอนวิปัสสนาญาณสวยงามมาก ว่าถึงลีลาที่ท่านสอนไพเราะเหลือเกินบรรดาผู้ฟัง แต่ลูกหลานที่รัก เวลาพูดจริง ๆ นี่นะ เวลาท่านสอนพระกรรมฐาน วิปัสสนาญาณ เห็นชัดพูดแจ่มใส พูดช้า ๆ และพูดสั้น ๆ การพูดแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง พูดชั่วโมงเอาเรื่องไม่ได้ ท่านพูดไม่กี่คำ ประโยคสั้น ๆ เข้าใจง่ายเห็นชัด นี่ท่านเป็นพระอรหันต์เสียเยอะแยะ”
องค์หนึ่งแล้ว ต่อไปองค์ที่ 2
องค์ที่ 2 นี้ท่านเอาไม้มาถากทำเป็นรูปปืนไว้มากมาย พิง ๆ ไว้ในถ้ำ เมื่อคณะธุดงค์ไปถึง ก็เห็นท่าน ซึ่งแต่งตัวแบบฆราวาส
หลวงพ่อปานถามว่า “ทำปืนทำไม”
บอกว่า “ต่อไปประเทศชาติเกิดสงครามก็เอาไม้นี่แหละแบกไปที่ตักศิลา ไปชุบ ๆ เข้าแล้วมันจะเป็นเหล็กแล้วเอามายิงข้าศึก”
หลวงพ่อปานถามว่า “ไม่บาปรึ”
บอกว่า “ไม่เกี่ยว บาป ไม่บาปไม่เกี่ยว พระชาวบ้านไม่เกี่ยวนี่ มันเรื่องของพระป่า”
หลวงพ่อปานบอกว่า “พระป่านี่ขี้โกหก มันจะมีแบบมีแผนอะไร เอาไม้มาถากเป็นปืนแล้วมาชุบเป็นเหล็ก แล้วเอายิงชาวบ้านได้ แบบแผนประเภทนี้มันไม่มี มันหาตัวอย่างไม่ได้ หาแบบฉบับที่ไหนไม่ได้ โกหกพกลม พระในป่าหาสัจจะความจริงอะไรไม่ได้”
เป็นอันว่าทะเลาะกัน หลวงพ่อปานก็เลยบอก
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน มาแสดงกันให้ปรากฏ เอากันให้เห็นชัด เอากันให้ชัดเถอะ จะว่าปืนกระบอกไหนให้เป็นเหล็ก ไหนทำให้ดูซิ แล้วมันจะยิงได้อย่างไร ไอ้กระบอกก็ไม่มีรู”
ท่านเลยบอก “เอา มาไปด้วยกัน ไปเมืองตักศิลา ที่นั่นมีบ่อน้ำทิพย์สำหรับชุบเป็นเหล็ก ได้เป็นเหล็กกล้า ถ้าต้องการเป็นเหล็กกล้าไปชุบที่นั่นชุบได้ถ้าเหล็กไม่ดีนะ”
ท่านก็แบกปืน ท่านแบกไปกระบอกหนึ่งไม่ยักเอาไปหมด
หลวงพ่อปานบอก “ทำไมไม่เอาไปให้หมด”
ท่านบอกว่า “ไม่ได้ เวลาเกิดสงครามเอาไว้ใช้”
ท่านบอกว่า “มา เดินตามข้ามา ไปเมืองตักศิลา”
แล้วท่านก็ออกเดิน คณะพระธุดงค์ก็เดินตาม เดินประเดี๋ยวเดียวไม่ถึง 15 นาที ถึงแล้ว และเห็นบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ก็เอาปืนชุบลงไป มันกลายเป็นเหล็กออกมา ยิงไปก็ดัง ปัง ปัง แต่ไม่มีลูกกระสุนออกมา
ถามว่า “ไหนเมืองตักศิลา”
ท่านบอกว่า “นี่แหละ”
หลวงพ่อฤๅษีฯ เล่าว่า “มองไปมองมาเอ๊ะ มันแดนเมืองกำแพงเพชร”
ท่านบอกว่า “นี่แหละเมืองตักศิลาสมัยพระพุทธเจ้า มันคือกำแพงเพชรนี่แหละ”
หลวงพ่อฤๅษีฯ เล่าว่า “ความจริงประเทศไทยก็มีความเกี่ยวข้องกับสมัยพระพุทธเจ้าเหมือนกัน สมัยโบราณโน้นนะ ที่เขาไปเรียนศิลปศาสตร์เมืองตักศิลา ท่านบอกว่าเมืองกำแพงเพชรนี่แหละ”
เป็นอันว่าสิ่งที่ท่านทำก็เป็นเรื่องของอภิญญา ทำให้ดู ไม่ใช่จะไปรบกับใคร แล้วเวลาที่คณะพระธุดงค์พักอยู่กับท่าน ๆ ก็สอนกรรมฐานให้ดี
ต่อมาพบกับอีกองค์ ๆ นี้หลวงพ่อปานเรียก พระทั้งขี้ค้างคาว ท่านนั่งกรรมฐาน นั่งสมาธิจนกระทั่งขี้ค้างคาวท่วมขึ้นมาถึงเอว ขี้ค้างคาวมันท่วมเต็มถ้ำตลอดถ้ำ ไม่ใช่ท่วมนิดท่วมหน่อย มันท่วมตลอดถ้ำขึ้นมาถึงเอวเลย มันท่วมเอวขึ้นมาเลย แต่ว่าพระองค์นั้นท่านไม่ลืมตาเลย เนื้อเหลืองอ้วน อยู่ในถ้ำ ต้องคลานเข้าไป เหม็นขี้ค้างคาวเกือบแย่ เข้าไปหลวงพ่อปานไปสะกิด ๆ เรียกท่าน ๆ ลืมตาขึ้นมาดูที แล้วก็หลับตาไปอีก เป็นอันว่าไม่ยอมพูดด้วยเลย นี่เป็นอันว่าองค์นี้ใช้ไม่ได้เลย อาศัยไม่ได้ ได้แต่หลับตาอย่างเดียว
หลวงพ่อปานบอก “มาหลายหนแล้ว นี่ตั้งแต่ฉันธุดงค์มาตั้งแต่หนุ่ม ๆ มาเห็นทีไรก็นั่งหลับตาแบบนี้”
ถามหลวงพ่อปานว่า “แบบนี้ไม่ตายหรือครับ”
หลวงพ่อปานท่านบอกว่า “ท่านอยู่ด้วยอำนาจธรรมปีติ”
“เรื่องของพระอริยเจ้านี่เป็นเรื่องลำบากนะลูกนะ ว่าอย่างนั้น เรื่องของพระอริยเจ้าเป็นสิ่งเกินวิสัยที่เราจะเข้าใจได้ พวกเธอจงอย่าเอาจิตใจเข้าไปวัดกับพระอริยเจ้า สิ่งใดที่ยังสงสัยยังไม่รู้อย่าคัดค้านเข้านะมันจะเป็นบาปเพราะเราเองไม่ใช่สัพพัญญูวิสัย มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นสัพพญูวิสัย สามารถจะรู้อะไรได้หมด พวกเธอจงจำไว้นะ”
หลังจากนั้นคณะพระธุดงค์ก็พากันกลับวัด แล้วบรรดาลิงป่าทั้งหลาย 30 ตัวที่ตามมา ก็มาแยกกันที่สระบุรี กลับวัดคราวนั้นก็ปรากฏเข้ามาถึงวัดวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ออกจากวัดตั้งแต่แรม เดือนอ้าย กลับถึงวัดขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 หัวไม่ได้โกน ผมขึ้นยาวเหลือเกิน พอเข้าวัดเท่านั้น หมาที่เคยให้ข้าวกินมันจำไม่ได้ มันวิ่งไล่โฮกฮากทีเดียว แต่หมามันจำกลิ่นเก่ง พอใกล้มันได้กลิ่นมันกระดิกหางเข้าหาหลวงพ่อปาน
ท่านก็เลยบอกว่า “เราไปธุดงค์กันแค่หมาแปลกใช้ได้นะ ไอ้การธุดงค์นี่ต้องไปกันให้หมาแปลก ถ้าหมายังไม่แปลกก็ไม่ควรจะกลับวัด”
...........................................................................
ที่มา จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน
 
 
 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 07:37:08


ความคิดเห็นที่ 37 (1646742)

 

อีกตอนหนึ่งครับ

....................................

 

 

 

ไปเขาวงพระจันทร์
เมื่อออกจากเขตพระพุทธฉาย ก็มุ่งเข้าเขตลพบุรี เดินกันตามสบาย เดินมาพักแรมกันมา เมื่อถึงเขตที่พัก หลวงพ่อปานท่านไม่ยอมให้พวกคณะศิษย์ได้มีเวลานั่งนอนตามสบาย แต่ให้คอยควบคุมอารมณ์ไว้เสมอ วิธีคุมอารมณ์ของท่านก็โดยสั่งให้คณะธุดงค์ใช้วิชชา 2 ในวิชชา 3
1. ให้ตรวจตราสถานที่ที่พักและผ่านมาว่า มีสถานที่ใดเคยตั้งบ้านตั้งเมืองบ้างไหม มีอะไรสำคัญ เมื่อตรวจตราแล้วก็ทำรายงานถวายด้วยสมุดปกแข็งที่ชาวบ้านซื้อมาถวาย ทุกท่านต่างคนต่างเขียน แต่ก็มีข้อความที่สำคัญตรงกัน เช่นที่ตรงไหนเคยตั้งบ้านตั้งเมือง บ้านเมืองเขาสร้างด้วยอะไร ใครเป็นคนสำคัญของบ้านเมืองนั้น เขามีจริยาเป็นประการใด ขณะนี้เขาอยู่ในนรก สวรรค์ หรือพรหมโลก หรือเขาหายสาบสูญไปจากอำนาจกิเลสตัณหาแล้ว
งานที่ทำต่างก็บันทึกกันต่อหน้า หลวงพ่อปานท่านห้ามปรึกษาหารือกัน
ในบางขณะท่านจะชี้ที่ใดที่หนึ่ง แล้วถามว่าตรงนี้เคยมีความสำคัญอะไรบ้าง เมื่อท่านถามแล้วท่านให้คณะธุดงค์เขียนทันที นั่งห่างกัน ต่างคนต่างเขียน เมื่อเขียนแล้วเอามาถวายท่าน มันเป็นการบังคับการควบคุมฌานและญาณกันตรง ๆ การฝึกอย่างนี้หลวงพ่อปานท่านเรียกว่ากีฬาสมาธิ ต้องอยู่ในฌานตลอดวัน ด้วยเกรงว่าจะมีบัญชาให้ตรวจอะไร เมื่อไรก็ไม่รู้ ถ้าสั่งแล้วทำยืดยาดก็จะโดนตำหนิว่าประมาทเกินไป
เมื่อออกจากพระพุทธฉายก็มุ่งมาเขาวงพระจันทร์ ระหว่างทางจากพระพุทธฉายมาพระพุทธบาทไม่มีเรื่องอะไรมากนัก
เมื่อเลยพระพุทธบาทมาเข้าเขตลพบุรี หลวงพ่อปานท่านพาเข้าไปพบพระองค์หนึ่ง อยู่ในถ้ำองค์เดียว สถานที่นี้ไม่มีบ้านเลย แม้เสียงสุนัขชาวบ้านก็ไม่เคยได้ยิน มันไกลบ้านจริง ๆ
เมื่อแวะเข้าไป ปรากฏว่าพระองค์นั้นท่านต้อนรับหลวงพ่อปานด้วยดี รู้จักกันมานาน หลวงพ่อปานท่านแนะนำพระองค์นั้นแก่พวกคณะศิษย์ว่า ท่านองค์นี้เป็นทรงอภิญญาโลกีย์สมาบัติ ชำนาญในการเนรมิต พวกคณะศิษย์ก็ไหว้ ท่านก็รับไหว้ด้วยดี ท่านคุยกัน 2 องค์สนุกสนาน ในที่สุดหลวงพ่อปานท่านก็บอกพระองค์นั้นว่า
“ที่พาคณะศิษย์ชุดนี้มาก็เพราะอยากให้เขาเห็นของจริง ของจริงของพระพุทธศาสนานำออกในบ้านในเมืองไม่ได้ เพราะพวกเดียวกันคอยลิดรอน เมื่อพระด้วยกันว่าไม่มี ทำไม่ได้เสียแล้ว ชาวบ้านเขาก็เชื่อ เมื่อเขาเชื่อพระใหญ่หรือพระหมู่มาก พวกเราเป็นพระเล็กที่ไม่มีเครื่องหมายยศให้ชาวบ้านนับถือ ไปทำอะไรเข้าเขาก็พากันประณาม
คณะศิษย์ผมเขาอยากเห็นของจริงชอบค้นคว้า ชอบนึกทุกอย่างที่มีในหลักสูตร เมื่ออยู่ในวัดก็ได้แต่บอก หรืออย่างมากก็ใช้เจโตปริยญาณเป็นคราวๆ เพื่อให้สนใจเป็นอัศจรรย์บ้าง แต่พอออกป่าก็ออกท่าได้เต็มที่ เขาจะได้ทราบว่าความรู้ทุกอย่างในพระพุทธศาสนาแม้แต่อรหัตผลก็ยังไม่คลายตัว นักปราชญ์ท่านเขียนไว้อย่างนั้นเองว่าพระอรหันต์ไม่มีแล้ว ท่านกลัวคนจะตกใจว่าเมื่อพระอรหันต์ยังมี คนที่มีเมียแล้วถ้าจะบวชเกรงว่าเมียจะคิดว่าถ้าผัวเป็นพระอรหันต์แล้วตัวจะเป็นม่าย จะไม่อนุญาตให้ผัวบวช ท่านเลยเขียนเสือหลอกวัวไว้ให้”
ท่านพูดแล้วท่านก็ชวนกันหัวเราะ ต่อมาท่านเจ้าของถิ่นหันมาคุยว่า
“ผมเองไม่ได้เป็นพระอรหันต์ เพียงแต่ได้ฌานโลกีย์ ที่ออกจากหมู่คนก็เพราะยังไม่แน่ใจตนเองและประสงค์อรหัตผล”
พอตกค่ำก็นอนในห้องของท่าน ถ้ำนั้นกว้างขวางมาก พอรุ่งเช้าท่านทั้งสองนั่งคุยกันอีก วันนี้หลวงพ่อปานไม่สั่งให้บิณฑบาต เมื่อท่านไม่สั่ง คณะธุดงค์ก็ไม่เตรียมตัว เมื่อท่านคุยกันสักครู่ ท่านเจ้าของถิ่นถามหลวงพ่อว่า
“ที่นี่กับข้าวก็หายากแต่บอนใกล้ถ้ำในบึงเล็ก ๆ มีมาก”
ท่านถามว่า “ฉันแกงบอนไหม”
หลวงพ่อบอกว่า “ฉัน”
เมื่อถามกันแล้วท่านเจ้าของถิ่นก็ไปตัดบอนมา 1 ต้น มาถึงก็ไม่ปอกเปลือก หั่นตามแบบแกง แล้วก็เอาหม้อดินใหม่เอี่ยมมา 1 ลูก หั่นบอนใส่ แล้วก็เอาน้ำใส่หน่อยหนึ่ง เอาฝาหม้อปิด แล้วเอาข้าวสารหยิบมือหนึ่งใส่ในหม้อดินอีกลูกหนึ่ง เอาน้ำใส่หน่อยหนึ่ง เอาฝาปิด เอาหม้อทั้งสองลูกวางไว้ข้างหน้า ไม่เห็นตั้งเตา วางไว้กับพื้นเฉย ๆ นั่งคุยกันไปสักครู่หนึ่ง
เวลาประมาณ 8 น. ท่านเจ้าของถิ่นถามว่า “หิวหรือยัง”
หลวงพ่อท่านตอบว่า “หิวแล้ว”
ท่านเจ้าของถิ่นท่านตอบว่า “หิวก็ฉันได้แล้วนี่ ข้าวแกงสุกนานแล้ว”
ว่าแล้วท่านก็เปิดฝาหม้อข้าวหม้อแกง ปรากฏว่าข้าวสุกเต็มหม้อถึงฝาละมี มีควันคลุ้งเหมือนเอาลงจากเตาใหม่ ๆ แกงก็เต็มหม้อ มีควันขึ้น กลิ่นหอมเหมือนแกงบอนปกติ แถมมีเนื้อปลาในแกง หม้อทั้งสองลูกดูแล้วเห็นว่าจุข้าวไม่ถึงจาน เพราะมันลูกเล็กนิดเดียว ท่านให้ล้อมวงกันฉัน แต่ตัวท่านเองไม่ฉัน ท่านบอกว่า ท่านไม่ได้ฉันมาหลายปีแล้ว
พวกคณะศิษย์สงสัย ถามท่านว่าท่านไม่หิวหรือ
ท่านบอกว่า อยู่ด้วยธรรมปีติ ไม่หิวและมีกำลังเป็นปกติ
คณะห้าธุดงค์มีหลวงพ่อปานเป็นประมุขต่างก็ล้อมวงกันฉัน แต่ละองค์ฉันจนเต็มอิ่ม ข้าวสุกกับแกงที่คิดว่าแม้องค์เดียวก็ฉันพอ มันแปลกที่เมื่อยังไม่มีใครอิ่ม ตักออกมาเท่าไรก็ไม่หมด รสก็อร่อยดีกว่าพ่อครัวแม่ครัวชั้นเลิศแกงกว่าไหน ๆ แต่พอทั้งหมดอิ่มพร้อมกันแล้ว หาข้าวสุกสักเม็ด น้ำแกงสักหยดก็ไม่มี
หลวงพ่อปานท่านรู้ใจศิษย์ท่าน ท่านรีบบอกว่าข้าวแกงอย่างนี้เรียกว่าอาหารอภิญญา คือเกิดได้จากการเนรมิต เมื่อฉันเสร็จแล้วก็พักกับท่าน 3 วัน ท่านก็สอนวิชาอภิญญากับคณะธุดงค์ เมื่อครบ 3 วันแล้วก็ลาท่านเดินทางต่อไป

..........................................................

ที่มา จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 07:37:12


ความคิดเห็นที่ 38 (1646754)

โมทนาบุญกับการติวเข้มของลูกหลานบ้านสวนฯทุกท่านค่ะ

คุณธนา และธรรมทานของทุกๆท่านยังประโยชน์กับชาวเกาะมากๆจะฝึกตามค่ะ

หนังสือประวัติหลวงปู่ปานของคุณอดิศักดิ์อีก  สุดยอดค่ะ

กราบขอบพระคุณเทวดาที่รักษาตัวท่านอาจารย์อุบล  อาจารย์มงคล 

คุณท้อป     

สิ่งศักดิ์ สิทธิ์บ้านสวนฯ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักวาล มนุษย์ต่างดาวทุกๆดวงดาว

กรบขอบพระคุณทุกๆท่านค่ะ

สาธุๆๆอนุโมทามิ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 09:58:33


ความคิดเห็นที่ 39 (1646755)

เรื่องน้ำทิพย์จากบ้านสวนพีระมิดนี่ ต้องขอบอกว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่เพิ่งเคยพบเจอกับตัวเองเป็นครั้งแรก เพราะส่วนใหญ่นั้นเราเคยอ่านเรื่องอภิญญา ปาฏิหาริย์จากหนังสือประวัติครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนเท่านั้น

เมื่อสักช่วง2อาทิตย์ก่อนตอนที่ไป ม.ราชภัฏนครปฐม ได้เห็นว่าน้ำทิพย์จากการวางขวดน้ำใกล้ๆองค์พีระมิดเพียงแป๊บเดียวเท่านั้นก็สามารถทำให้คนที่คันมือมากๆหายคันทันที คนที่ปวดเข่าก็หายคันทันที และอื่นๆ ที่ทำให้เราเห็นอานุภาพที่ชัดเจนด้วยตัวเอง

ต่อมาที่บ้านสวนฯก็ได้เห็นท่านอาจารย์อุบลได้ใช้มือจับหรือแตะขวดน้ำนิดเดียว และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาวันอาทิตย์ ท่านอาจารย์ก็แค่มองไกลๆเท่านั้นและบอกว่าใช้ได้แล้ว แค่นั้นเองน้ำก็กลายเป็นน้ำทิพย์ทำให้คนหายเจ็บป่วยได้ทันที

ซึ่งผมเองก็มีอาการคันคอ ทำให้ไอ พอได้สัมผัสน้ำทิพย์ รู้สึกได้ทันทีว่ามีความเย็นหรือมีพลังงานเคลื่อนเข้าไปในคออย่างรวดเร็ว จนเหมือนมีกระจุกคลื่นอะไรสักอย่างที่คอ แล้วโล่งอย่างรวดเร็ว จนผมอดอัศจรรย์ใจไม่ได้ว่า นี่หรือคือ "อภิญญา" แค่ใจคิดก็มีผลทันที อาจจะแตะหรือไม่แตะก็ได้ ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นต้องแตะเลย แค่จิตคิดก็เป็นตามที่ปรารถนาทันที ไม่มีลีลา พิธีรีตรองใดๆทั้งสิ้น

โอ้วว...นี่ผมเจอ "อภิญญาใหญ่" ของจริงเข้าให้แว้ววหรือนี่

เรียกว่าผมได้ทดลอง "น้ำทิพย์" ถึงสองครั้งซึ่งให้ผลที่ฉับพลันทันที รู้สึกได้ทันทีว่าคอโล่ง เบาสบายอย่างรวดเร็ว

ยิ่งเห็นท่านอื่นๆ หายเจ็บปวดที่ท้องทันที ปวดบ่าหรืออื่นๆแบบประเภทที่ทำให้คนดูอ้าปากอ้างก็คือ เจ็บท้อง แต่แค่หยดน้ำทิพย์ลงที่ฝ่ามือ อาการที่เจ็บท้องก็หายทันที แบบนี้เคยเห็นที่ไหนไหมละพี่น้อง.... สำหรับผม ฮึ...บ่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตเด้อ

ส่วนเรื่อง "ลูกอม" นั้นก็สุดอัศจรรย์เช่นกัน เพราะนอกจากอมแล้วรู้สึกอร่อย 5555 และมีความรู้สึกมั่นใจเหมือนมีอะไรมาอยู่ในร่างกายเรายังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก

อมลูกอมจากบ้านสวนพีระมิดครั้งแรกตอนดึกๆของวันที่กลับมาจาก ม.ราชภัฏนครปฐม ตื่นเช้าวันต่อมารู้สึกว่าร่างกายเราไม่เพลียเลย ทั้งๆที่นอนดึกแม้ไม่ดึกมากก็ตาม ยิ่งเห็นพี่เหมี่ยว เจ้าแม่เนอสเซอรี่ ที่จะนอนเร็ว แต่ช่วงที่พี่เหมี่ยวได้ลมลูกอมนั้น แกนอนตอนประมาณตี4 ป๊าดดด เป็นไปได้ไง

ตื่นเช้ามาพี่เหมี่ยวก็ยังมีอาการสดใส ไม่เพลีย แรงไม่ตกเช่นกัน

แต่สำหรับผมเองนั้น สิ่งที่เห็นชัดๆคือ ไม่ค่อยหิว แม้จะถึงเวลาทานข้าว ก็รู้สึกว่า ทานได้ แต่จริงๆแล้วไม่หิว คือหากบอกตรงๆก็คือ ไม่ทานก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากจริงๆ

ปรากฏว่าเพื่อนๆหลายๆคนก็เป็นอาการแบบเดียวกัน คือร่างกายไม่เพลีย แม้จะนอนดึก ไม่หิว อยู่ได้ ว้าวววว...ลูกอมนี่คืออะไรกันนี่

เพราะผมเห็นท่านอาจารย์ ไม่ได้นั่งปรก นั่งบริกรรมคาถา ทำปากขมุบขมิบอะไรเลย แค่ท่านจับลูกอมเฉยๆ แล้วบอกให้ทานทันที

ยิ่งมารับรู้เรื่องราวในสมัยหลวงปู่ปานที่พาคณะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำธุดงค์ในป่า มาเจอหลวงปู่คำคะนิง

ได้อ่านเรื่องการทำอาหารอภิญญาแล้วยิ่งอึ้ง เพราะเหตุการณ์นี้หากเทียบแล้วช่างเหมือนกับ "น้ำทิพย์"และ "ลูกอม" จากบ้านสวนพีระมิดเหลือเกิน

ยิ่งวิธีการก็ยิ่งเหมือน คือไม่ต้องมีลีลา นั่งปรก ปลุกเสกอะไรทั้งสิ้น แค่คิด...ก็สำเร็จแล้ว

สุดยอด ของสุดยอดเลยครับ ชีวิตนี้ได้มีบุญเห็นของจริง "อภิญญาใหญ่" กับตาตัวเองนับเป็นวาสนาจริงๆเลย เรียกว่า เห็นความจริงที่ไม่ใช่ตัวหนังสืออีกต่อไป และนี่คือสุดยอดครูบาอาจารย์ของผม ที่สามารถบอกใครต่อใครได้เต็มปากว่า

"หากจะเรียนอภิญญา ต้องเรียนกับคนที่ได้อภิญญาแล้ว" สำหรับผมไม่ใช่ใคร "อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด" กราบ กราบ กราบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 10:02:29


ความคิดเห็นที่ 40 (1646760)

คืนวันเสาร์ที่ 15 ธ.ค. 2555 เป็นครั้งแรกที่ได้รับสัมผัสน้ำทิพย์ ที่ท่านอาจารย์เมตตาเทใส่มือให้ทุกคน รู้สึกเย็นวาบที่มือ จิตนำน้ำทิพย์ไปทาบริเวณผิวหนังใต้ขอบเสื้อด้านใน ซึ่งเวลาเหงื่อออกจะเป็นผื่นแดงคันมาก เมื่อทาน้ำทิพย์ได้สักพักรู้สึกว่าอาการคันหายไปหมดเลย ถ้าไม่เจอกับตัวเอง แล้วมีใครมาเล่าให้ฟังคงจะเชื่อแบบ 50 - 50 แต่ครั้งนี้เชื่อเต็ม 100% เพราะเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

ลูกอมอภิญญา ท่านแจกคนละหนึ่งเม็ดก่อน อิ่มอร่อยกันทั่วหน้าท่านอาจารย์ให้เข้าแถว นำลูกอมที่พวกเราเตรียมไปให้ท่านทำลูกอมอภิญญา ท่านใช้มือแตะถุงลูกอมของทุกคน แล้วให้นำกลับบ้านแจกญาติพี่น้อง เพื่อน คนที่เรารู้จัก ตอนนี้ก็แบ่งปันทั้งน้ำ และลูกอมไปบ้างแล้วและจะทำต่อไปค่ะ

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท็อป เทวดารักษาท่านอาจารย์ทุกพระองค์ ที่เมตตามอบแต่สิ่งดี ๆ ให้กับลูกหลานตลอดมาค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 10:42:01


ความคิดเห็นที่ 41 (1646770)

 สัปดานี้ท่านอาจารย์ติวเข้ม เรื่องการฝึกกสิณทุกกอง โดยทบทวนจากที่เคยฝึกกันมาแล้ว แบบรวบรัดกระชับทุกขั้นตอน คนที่เคยฝึกมาบ้างแล้วก็จะทำตามได้ง่าย ท่านให้ฝึกแบบง่าย ๆ สบาย ไม่ต้องเคร่งเครียด เช่นมองก้อนดินที่เป็นสีน้ำตาล แล้วนึกให้เป็นสีขาวทึบ แล้วเปลี่ยนเป็นแก้วใสประกายเพชรระยิบระยับ ให้ทำบ่อย ๆ ตอนไหนก็ได้ เมื่อได้กองใดกองหนึ่ง ก็จะได้กสิณกองอื่นด้วย  

ลูกอมอภิญญา เมื่ออมแล้วสังเกตุตัวเองรู้สึกว่าไม่ค่อยหิวเหมือนก่อน กินอาหารเพียงเล็กน้อยก็อยู่ได้ โดยไม่รู้สึกอ่อนเพลีย


ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 11:35:48


ความคิดเห็นที่ 42 (1646771)

ตอนไปนครปฐม

(มหาวิทยาลัยราชภัฏครปฐม)

 

สมเด็จพระปฐมฯ

ท่านเมตตารับอาราธนาเสด็จ

ทุกพระองค์จึงเสด็จ

ทั้งมหาจักรวาล

 

ตอนนั้น

ท่านให้แจกน้ำทิพย์

และ

ลูกอมอภิญญา

 

โดย

ต้องแสดงให้ผู้คน

เห็นต่อหน้า

ในการทำให้เกิดน้ำทิพย์

 

แต่ตอนนั้น

ท่านตรัสว่า ต้องให้คนที่มา

กลับไปทำเองได้ด้วย

 

ก็เลยทูลถามท่านว่า

ถ้าให้ทำน้ำทิพย์อภิญญา

คนไม่ได้ฝึกมา

จะทำได้หรือพระพุทธเจ้าข้า

 

ท่านบอก

คนไม่ได้ฝึกก็ทำผ่าน

อุปกรณ์ของเธอ

 

จึงนำเอาพีระมิดจำลอง

ของพ่อใหญ่ธนา

ที่ติดตัวไป

ทุกรุ่น

มาวางไว้ แล้ว ให้ทาง

มหาวิทยาลัย

เอาน้ำมาให้ 1 ขวด

 

ให้วางไว้ใกล้พีระมิด

ก็จะเป็นน้ำศักดิ์สิทธ์ทันที

 

เราก็คิดแย้งอีกว่า

ถ้าเขาไม่มีพีระมิดของบ้านสวน

เขาจะทำได้หรือ

 

ท่านบอกว่า

ปกติ ก็ต้องฝึกกันเอง อยู่แล้ว

อภิญญา

ไม่ใช่ของที่จะมาให้กันง่ายๆ

มันต้องฝึกกันแทบตาย

บางคนตายแล้ว

ยังฝึกไม่ได้

ทำไมเธอคิดโลภอยากให้ใครๆ

เขาได้กันง่ายๆ

แม้แต่

พีระมิดจำลองของเธอ

ก็ยังไม่ใช้ปัญญา

แต่อยากได้อภิญญากันทำไม

 

ถ้าเช่นนั้น

ให้เขาทำเองจากกระดาษ

จากวัสดุที่เขาหาได้

แทนพีระมิดจำลองของบ้านสวนฯ

ได้หรือไม่พระพุทธเจ้าค่ะ

 

ได้

แต่ผลมันไม่เท่ากัน

 

ทำไมหรือเจ้าคะ

 

ก็พีระมิดของเธอ

ใส่อะไรไว้ในนั้นบ้าง

 

ใส่มวลสารจากพิธีบวงสรวง

พระศรีอาริย์ ท้าวเวสสุวรรณ พระปฐม

และ

มวลสารจากบ้านสวนพีระมิด

พระพุทธเจ้าข้า

 

ถ้าเช่นนั้น

เธอจงดูว่า คนที่เขาไปหาเธอ

กับไปทำบุญที่อื่น

มีผลเท่ากันไหม

 

ไม่ทราบเจ้าค่ะ

 

เธอก็ลองให้เขาตอบสิว่า

เขามาหาเธอกันทำไม

ทั้งที่เธอเข้มงวดกวดขัน

มีกฏระเบียบมากมาย ทั้งที่เขากลัวเธอ

แต่เขาก็ยังมาหาเธอกันไม่หยุด

 

ทำไมคนเหล่านี้

ไม่ไปที่อื่น ที่เขาไม่มีกฏกติกา

ทำยังไงก็ไม่มีใครว่า

อยากตามใจตัวเอง อยากชั่วยังไง

ก็ทำได้ ทำไมเขาไม่ไปกัน

ให้เขาตอบเธอเอง

 

เจ้าค่ะ

 

เจ้าค่ะ นั้นแปลว่าอะไร

แปลว่า เขาคงไม่เคยพบเจอ

ปรากฏการณ์อย่างบ้านสวนพีระมิดเจ้าค่ะ

 

ไม่ใช่ คง

แต่เขาไม่เคยพบเจอ

เลยต่างหาก

 

ดังนั้น

เธอจะให้พีระมิดกระดาษ

หรือที่ทำจากวัสดุอื่นใด

มีพลัง มีอำนาจ

มีพุทธคุณเหมือนของเธอได้อย่างไร

 

ก็ไม่อยากให้เขาเสียเงินกัน

อยากให้เขาทำเองกัน

เจ้าค่ะ

จะได้ประหยัด

 

มนุษย์

บางทีก็ประหยัด

ไม่ถูกเรื่อง

 

ฟุ่มเฟือย

จ่ายไม่ถูกเรื่อง

สิ่งที่สมควรประหยัดไม่สมควรจ่าย

ก็จ่าย ไม่เสียดาย ไม่คิด

 

แต่สิ่งที่สมควรจ่าย

สมควรใช้ปัญญาคิดว่า

จ่ายเท่านี้ มีประโยชน์คุ้มค่าไหม

กลับคิดไม่ได้ กลับเสียดาย

มนุษย์คิดกันไม่ได้

คิดกันไม่เป็น

 

แล้วจะเรียนวิชาอภิญญา

ได้อย่างไร อถิญญาต้องใช้

 ทั้งปัญญา ทั้งความพากเพียร

ต้องฝึกจิตให้แข็งแกร่ง

จิตที่คิดเล็กคิดน้อย

ใจที่คับแคบ

เรียนอภิญญาไม่ได้หรอก

 

คนจะเรียนอภิญญา

มันต้องใจใหญ่ กำลังใจเต็ม ก่อนเลย

ในอันดับต้น ขอให้เธอจำไว้

มิเช่นนั้น

ผู้คนทั้งหลายคงได้อภิญญา

กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว

 

เธอบอกตถาคตสิว่า

พีระมิดของเธอ

องค์ละเท่าไหร่

 

200 และ 300 เจ้าค่ะ

เธอคิดว่า

คนใช้เงิน 200-300 ฝึกอภิญญา

จะฝึกได้ไหมตลอดชีวิตนี้

 

คงใช้เงินไม่ได้เจ้าค่ะ

ต้องใช้กำลังใจเท่านั้นเจ้าค่ะ

 

แล้วถ้าคนจะใช้เงิน

200-300 บาท เป็นค่าครูฝึก

อภิญญา เธอว่าคุ้มค่าไหม

 

เกินคุ้มเจ้าค่ะ

 

แต่ข้าพระพุทธเจ้า

ไม่ต้องการให้เขาเสียเงินเจ้าค่ะ

 

งั้นเธอจงสอนเขา

ให้เขาฝึกเอง ใช้กำลังใจเขาเอง

 

แล้วจะต้องใช้เวลานานไหมเจ้าคะ

 

ก็แล้วแต่เขา

ตถาคตตอบแทนเขาไม่ได้หรอก

คนกำลังใจสูง ไม่นานก็ได้

แต่คนขี้เกียจ

คนกำลังใจไม่เต็ม

บางคนก็ใช้เวลา แสนชาติ

 

ถ้าเช่นนั้น

ข้าพระพุทธเจ้า

จะฝึกให้เขา โดยไม่ให้ใช้

ตัวช่วยใดๆเจ้าค่ะ

 

ก็ตามใจเธอ

ลองทำดูได้ ไม่เห็นเสียหาย

นอกจากเสียเวลา กับเสียเงิน

 

ไม่คิดเงินเจ้าค่ะ

 

เธอไม่คิดเงินค่าฝึก

แต่คนมาฝึก ยังไงเขาก็

เสียค่าเดินทางมาหาเธออยู่ดี

เธอคิดว่า คนมาหาเธอ

เขาเดินมา หรือ เหาะมากันได้หรือ

 

ถ้าเช่นนั้น

ข้าพระพุทธเจ้า

จะฝึกให้คนที่มาประจำ

กันอยู่แล้วเจ้าค่ะ

โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์

หรือตัวช่วย

ใช้กำลังใจอย่างเดียว

เจ้าค่ะ

 

เจริญพร

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 11:50:00


ความคิดเห็นที่ 43 (1646777)

สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 12:02:59


ความคิดเห็นที่ 44 (1646779)

คราวนี้

จะพูดถึงเรื่องน้ำ

และลูกอม

ซึ่งองค์พระปฐมฯ

ท่านเตือน อ.อุบล มาหลายครั้ง

แต่ยังดื้อไม่เลิก

ท่านจึงมาตรัสเตือนอีกครั้ง

 

**********

ท่านบอกว่า

ตอนที่นครปฐมก็ครั้งหนึ่งแล้ว

ที่ประกาศ ให้คนเอาน้ำไปให้ 1 ขวด

ท่านบอกว่า น้ำนี้

ต้องเป็นน้ำที่ทางมหาวิทยาลัย

เขาหามาให้เธอเอง

อย่าเอาน้ำของเธอ และอย่าให้

คนของเธอเข้ามาเกี่ยวข้อง

ในการนำน้ำไปให้เธอ

 

ทำไมหรือเจ้าคะ

 

เขาจะคลางแคลงสงสัย

ว่าเธอเตรียมน้ำมาแล้วใส่อะไร

ไปก่อนหรือเปล่า

ทำให้คนที่คิดเช่นนี้มีบาปมาก

 

เธอรู้ไหม

คนที่ ปรามาส ล่วงเกิน สงสัย ผลของ

อภิญญาฤทธิ์ หรือสงสัย

พระอริยะเจ้านี่นะ

ชีวิตดับดิ้นตลอดกาลเลยทีเดียว

 

ดังนั้น

ในวันที่นครปฐม

ตถาคต จึงไม่ให้คนของเธอ

เข้าไปเกี่ยวข้อง

ไม่ให้เป็นคนถือขวดน้ำไปให้เธอ

ตถาคตกันไว้หมดเอง

 

น้ำที่เธอทำนั้น

เป็นน้ำทิพย์+อภิญญา

ผ่านอุปกรณ์

คือ

พีระมิดจำลอง 3 รุ่น

 

เมื่อเธอต้องการให้คนอื่นทำได้

ตถาคตก็ให้ใช้อุปกรณ์

ของเธอช่วย

 

ซึ่งที่จริง

เธอทำได้โดยไม่ต้องใช้

อุปกรณ์ใดใดเหล่านี้เลย

 

กราบพระบาท

ในพระมหากรุณาธิคุณ

เจ้าค่ะ

ที่เมตตาให้คนอื่นทำได้ด้วยเจ้าค่ะ

 

ก็เธอมันเจ้าเล่ห์

อยากให้คนอื่นเขาทำได้

โดยไม่ต้องฝึกอย่างเธอ ไม่บำเพ็ญเพียร

อย่างเธอ ตถาคตก็ให้แล้ว

แต่ที่ให้นี่

ไม่ใช่ว่าจะส่งเสริม

ให้อภิญญา ได้มาง่ายๆ ไร้ค่า

แต่เห็นว่า เธอวางเงื่อนไขไว้รอบคอบ

ในด้านกำลังใจศรัทธา

คือถ้า

ไม่มีศรัทธา ไม่จริงใจ

ต่อเธอ

อันนี้ไม่มีผล ไม่เป็นน้ำอภิญญา

ไม่เป็นทุกอย่างที่ต้องการ

ให้เกิดอภิญญา

 

ตัวศรัทธาตัวนี้

ตถาคต ถือเป็นคุณธรรม

อันสูงยิ่ง ที่ผู้คนจะฝึกฝนวิชาใดก็ตาม

หากขาดความศรัทธาต่อครูฝึก

ศิษย์เหล่านั้น

จะไม่บรรลุมรรคผล

จากการฝึกฝนวิชาเหล่านั้นเลย

 

นี่คือเหตุผล

ที่ตถาคต ยอมให้เธอทำได้

เพราะ

เธอมีวินัยสูง และ เข้มงวด

กวดขัน

ทั้ง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา

เธอฝึกครบสูตร

อภิญญา

ตถาคตจึงถือเอาเกณฑ์

ศรัทธา

มาเป็นเครื่องอนุโลม

 

หากไม่มีศรัทธา

อภิญญา

ระยะสั้น หลักสูตรเร่งรัดนี้

ไม่มีผล

แต่ละคนต้องไปฝึกกันเอาเอง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 12:11:45


ความคิดเห็นที่ 45 (1646784)

ตอนกลับจากนครปฐม

 

กลับมาบ้านสวน

ก็เลยอยากพิสูจน์พุทธพจน์

ขององค์พระปฐมฯ

ว่า

อ.อุบล สามารถทำได้

โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ หรือ

พีระมิดจำลอง

ช่วยเลย ก็เป็นน้ำทิพย์ อภิญญา ได้

 

ก็ตั้งใจไว้เลย

เตรียมน้ำไว้ 1 ขวด

เดี๋ยวจะเอาไปด้วย ตอนไปที่

ใต้ต้นมะม่วง สวนลานธรรม

 

แต่พอไปจริงๆ

ลืมหยิบไปอีก จึงวานพ่อใหญ่ธนา

ไปเอาน้ำมาให้ ตอนนั้น

องค์พระปฐมฯ

ท่านกำกับอยู่ และ ตรัสว่า

อย่าให้เขาไปเอาน้ำที่เธอเตรียมไว้

 

ให้เขาไปเอาขวดใหม่

ที่อยู่ในแพ๊ค

ให้เขาเลือกหยิบเอง

เคยบอกเธอแล้วที่นครปฐม

ทำไมเธอไม่จำ

 

ข้าพระพุทธเจ้าเห็นว่า

ที่นี่ มีแต่ลูกบ้านสวน เจ้าค่ะ

คงไม่มีใครคิดเช่นนั้น

 

จะลูกบ้านสวน

หรือลูกบ้านไหน เธอก็ต้องใช้

หลักการเดียวกัน

คือ

อย่าเป็นคนเตรียมน้ำ หรือ อาหาร

ที่ต้องการให้เกิด อภิญญา

 

จะทำน้ำ ทำลูกอม

ทำอะไรให้ใคร ให้เขาเตรียม

ของเขามาเอง

เพื่อ

1.ตัดความสังสัย

2.ป้องกันนรก ให้คนคิดสงสัย

3.ให้เกิดความโปร่งใส

4.ให้เกิดความเชื่อมั่น

5.ป้องกันพวกจิตมาร

ฯลฯ

 

พ่อใหญ่ธนา

จึงวิ่งไปเอาน้ำมา 1 ขวด

คราวนี้ ไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆช่วย

ไม่ใช้พีระมิดจำลอง

 

ใช้เพียง

กายกับจิตเท่านั้น

แล้วให้พวกเราที่มีอาการ

เจ็บปวด เจ็บป่วย ง่วงนอน ทดลอง

ปรากฏว่า

ได้เห็นปรากฏการณ์ใหม่

คือทุกคนยืน

ร้องกันระงม ว่าหายแล้ว

ยายเหมี่ยว

หายปวดฟัน หายฟันโยก 3 ซี่

และคนอื่นๆ

หายปวดท้อง หายคัน หายเจ็บคอ

หายง่วงนอน

อันนี้ ต้องให้คนอยู่ในเหตุการณ์

มายืนยันกันเอง

กับพระปฐมฯ

ว่า

ใครหายจากอากรใดบ้าง

และ

ใครเห็นคนอื่นหายจากอาการใดบ้าง

เป็นธรรมทาน

ยืนยันผล

 

น้ำทิพย์ อภิญญา

ก่อนจะฝึกอภิญญา กันต่อไป

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 12:30:13


ความคิดเห็นที่ 46 (1646785)

ตอนจะให้น้ำ

ไปกับ ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม

ให้เอาไปช่วยคุณพ่อ ที่ไม่รู้สึกตัว

อยู่ รพ.นครนายก

ก็เช่นกัน

นายแพทย์ ธรรมนูญ กะลัมพะเหติ

ท่านเป็นแพทย์ผ่าตัดสมอง

อยู่ รพ.ประสาท

เป็นคุณพ่อของ ดร.ทั้งสอง

 

ที่ ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม

บอกว่า ในที่สุด คุณพ่อ

ก็ต้องรับผลของกรรม

ที่ผ่าตัดสมองคนไข้มามาก

ในที่สุด

ก็มาโดนลูกศิษย์ผ่าตัดสมองให้

และ

ที่แปลกมาก

จนสรุปได้ด้วยใจของลูกทั้ง 2

คือ

พ่อต้องผ่าทุกปี

 

ต้องผ่าไปเรื่อยๆ

(สงสัยเท่าจำนวนคนไข้ที่เคยผ่า)

 

แต่พอเริ่มมาทำบุญกับบ้านสวน

ทำให้พ่อหยุดผ่าตัดสมองอีกต่อไป

 

แต่วันอาทิตย์

ต้องเข้า รพ.เพราะไม่พูด

ซึม ไม่ลืมตา

 

อ.อุบล

เลยหยิบน้ำแถวๆโรงทาน

ซึ่งพวกเราเอามาทำบุญ

ให้ไป 1 ขวด

บอกให้เอาไปลูบตัวคุณพ่อ

เดี๋ยวจะรู้สึกตัวดีขึ้น

เดี๋ยวหายเอง

 

บอกไปอย่างนั้น

เพราะ พระ ท่านให้บอก

อ.อุบล ไม่ได้ ช่วยเองหรอก

พระท่านสงเคราะห์

เพราะ

ดร.2 คนนี้ ทำบุญมาก

สงเคราะห์เธอมามาก ควรได้รับ

การสงเคราะห์ตอบ

แต่

ทั้งนี้ ไม่ให้ฝืนกฏของกรรม

 

ดร.จุ๋ม

ส่งข่าวกลางคืนว่า

เอาน้ำไปลูบตัวพ่อ ประมาณ

ครึ่งชั่วโมง พ่อลืมตาแจ๋วเลย

สดชื่น รุ่งขึ้นกลับบ้านได้

 

อันนี้

เขาเล่าไว้ตรงไหนก็ไม่รู้

 

น้ำทิพย์ อภิญญา

ที่ให้ไป ไม่ได้ผ่านอุปกรณ์

 

อันนี้

ท่านต้องการให้เห็นผลของ

การฝึก อภิญญา

กันจริงๆ

จังๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 12:39:17


ความคิดเห็นที่ 47 (1646786)

กราบขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานทุกๆท่านค่ะ

น้ำศักดิ์สิทธิ์

ระหว่างวันที่ 10 - 14 ธ.ค 55

ตั้งใจปิดขุมนรกใน Feedbook บ้านสวนพีระมิด

ปรากฏว่าทำได้แค่ ขุม 1, 3 , 4 ,5 ,6

ปิดนรกขุม 2 ยังงัยเครื่องก็ทำไม่ได้

ลองมาย้อนนึกถึงกรรมตัวเองโอโห้กรรมต้องได้รับชดใช้

แน่นอนเพียงแต่ว่าจะได้รับชดใช้ในรูปแบบไหนมากหรือน้อย

ศีลข้อที่สอง  เคยทำเอกสารเท็จ กินเงินหลวง เอาของหลวง

กลับบ้าน เขียนบิลน้ำมันหลวงให้เจ้านายและตัวเอง

ขโมยเงินแม่  ขโมยเงินพี่ชาย  นำเงินที่ทำงานมาหมุนใช้

ในเรื่องส่วนตัว  ลงเวลาไม่ตรงกับความจริง

ปลอมลายเซ็น เคยเอาเงินจากผู้รับเหมาที่เซ็นสัญญากับ

เทศบาลฯ เคยเอาปากกา ดินสอ กระดาษ เอกสารต่างๆ

กลับบ้าน ถึงเวลาช่วงจำหน่ายครุภัณฑ์เคยนำ

วัสดุเครื่องใช้สนง.เทศบาลฯที่ไม่ใช้แล้วนำไปขาย

ร้านของเก่าแล้วนำเงินไปใช้ส่วนตัว

เคยนำอาหาร ขนม ผลไม้ ของวัดกลับมากินที่บ้าน

ผลกรรมที่ได้รับ

มีปัญหาทางการเงินมาก มีหนี้สินมาก มีหนี้นอกระบบ

ช่วงแรกที่ไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด

ได้รับวิบากกรรมโดยเป็นภูมิแพ้ลงมาที่คอกลืนข้าวก็ลำบาก

ทรมานมากเป็นอยู่นานถึงเดือนกว่า ๆ

ใช้วิธีรักษาโดย

นำพาเมล่า 1 หยด กดให้นิ้วมือแล้วกลืนกินลงท้อง

พร้อมบอกว่าอ.อุบลช่วยด้วย

ขอให้หนูหายจากการอาการภูมิแพ้ที่คอด้วยค่ะ

น้อยไม่ไปหาหมอทำอยู่อย่างนี้ประมาณเดือนกว่าๆอาการ

เจ็บคอหายขาดค่ะ

ถ้าต้องตกนรกชดใช้กรรมก็คงทรมานมากกว่านี้

ขอให้น้อยได้ชดใช้กรรมเหล่านี้ในเมืองมนุษย์ให้หมดสิ้น

ด้วยเทอญเจ้าค่ะ

ด้วยเหตุที่ตัวเองก่อ

กรรมจากการทำผิดศีลข้อนี้

ยังส่งผลให้ได้รับชดใช้อีก

ก่อนไปทำบุญสัปดาห์วันที่ 15-16 ธันวาคม 2555

โดยเป็นตุ่มใต้ลิ้นเวลานำลิ้นไปแตะเจ็บมาก

พอดีท่านอ.อุบลเมตตานำน้ำศักดิ์สิทธิ์

มาให้ลูกศิษย์ทุกคนโดยท่านอ.อุบลเทน้ำใส่มือแต่ละ

คนโดยไม่ให้กินให้นำไปแตะที่อาการของแต่ละคนเป็นอยู่

น้อยก็ได้นำน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นไปลูบๆๆที่คอและหน้า

ผลปรากฏว่า

อาการเจ็บตายลิ้นหาย 100% ทันทีค่ะ

และขณะที่พิมพ์รายงานผลอยู่นี้

น้อยใช้ลิ้นแตะที่ใต้โค้นลิ้นไม่ปรากฏของก้อนเนื้อดังกล่าว

และไม่เจ็บตายลิ้น 100% ค่ะ

การเจ็บป่วยทุกข์ทรมานมากจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม

ท่านอ.อุบลมีเมตตาต่อลูกศิษย์ทุกท่านเสมอมา

น้อยกราบขอบพระคุณในพระเมตตาท่านอาจารย์จริงๆค่ะ

ถ้าไม่ได้พบท่านอาจารย์ความทุกข์ทั้งหลายก็คงไม่ได้

คลี่คลาย

น้อยขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์ค่ะ

และกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

ในบ้านสวนพีระมิดค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 12:53:44


ความคิดเห็นที่ 48 (1646794)

คนจะเรียนอภิญญา

มันต้องใจใหญ่ กำลังใจเต็ม ก่อนเลย

ในอันดับต้น ขอให้เธอจำไว้

มิเช่นนั้น

ผู้คนทั้งหลายคงได้อภิญญา

กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว

 

คือถ้า

ไม่มีศรัทธา ไม่จริงใจ

ต่อเธอ

อันนี้ไม่มีผล ไม่เป็นน้ำอภิญญา

ไม่เป็นทุกอย่างที่ต้องการ

ให้เกิดอภิญญา

กราบพระบาท ในพระมหากรุณาธิคุณ อันล้นพ้นหามี่สุดมิได้

เจ้าค่ะ

กราบในคุณงามความดี บารมีของท่านอาจารย์อุบลที่เมตตา

ต่อลูกบ้านสวนและสิทธิ์ทุกคน

น้ำทิพย์ อภิญญาไม่ได้ผ่านอุปกรณ์

สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว

ด้วย บุญฤทธิื ธรรมฤทธิื์ อิทธิ์ฤทธิ์

สิ่งที่ไม่เคยพบก็ได้พบ สิ่งที่เคยได้ยินและเล่าสืบต่อกันมา

แต่ไม่เคยเห็น ก็ได้เห็น กันจะจะ

เคยอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อฤาษี บอกไว้ว่า

ในกาลข้างหน้า อภิญญาจะมากันมาก

คงจะเิ่ริ่มเข้ายุคแล้วจริงๆ

สาธุ

กราบ  กราบ กราบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 14:04:26


ความคิดเห็นที่ 49 (1646801)

หลวงพ่อปาน

ท่านเคยป้องกันโรคอหิวาต์

ได้ผล 100 % มาแล้ว

นะจะบอกให้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 14:38:17


ความคิดเห็นที่ 50 (1646818)

 ใครหายจากอาการใดบ้าง

-------

เมื่อผมใช้น้ำทิพย์+อภิญญา
สิ่งที่ผมเคยได้สัมผัส ได้แก่
- ตอนผมเกิดอาการคันบริเวณหัว ผมทาปุ๊บหายทันที
- ผมมีสิวที่บริเวณคอที่แข็งและอยู่ข้างในไม่มีหัวสิว เมื่อผมใช้น้ำฯ ทาสิวยุบเลยครับ และเพื่อความมั่นใจผมมีสิวอีกเม็ดที่เป็นเหมือนกัน ก่อนทาเป็นสิวลักษณะเดียวกัน แต่พอทาแล้วยุบทั้งคู่เลยครับ 

สาธุครับ
 น้ำทิพย์+อภิญญา ดีจริงๆครับ
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล และสมเด็จพ่อองค์พระปฐม พระศรีอาริย์ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ องค์เทพสฟริงซ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้เอ่ยนามที่บ้านสวนพีระมิดซึ่งท่านได้เมตตากับลูกหลานมาโดยตลอด กราบขอบพระคุณครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุลย์ นราธิป กิมไพบูลย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 16:26:56


ความคิดเห็นที่ 51 (1646821)

ประสบการณ์ของการฝึกกสินกองต่างๆ

-----------
ในสัปดาห์นี้ พวกเราลูกบ้านสวนโชคดีและได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์มากๆ ซึ่งท่านอาจารย์ก็ได้สอนกสินหลักสูตรเร่งลัด ให้พวกเราได้ทราบและได้ฝึกกัน  เมื่อได้ฟังก็ตื่นเต้นมากๆ อยากจะฝึกกสินแบบฉบับบ้านสวนพีระมิดมานานแล้วแต่ผมเป็นเด็กใหม่เป็นบุญมากๆ เพิ่งได้รับโอกาสเข้ามาบ้านสวนไม่กี่เดือน และวันนี้ก็ได้รับวิธีฝึกกสินจากท่านอาจารย์อุบล ท่านสอนพร้อมให้ลูกๆ นึกภาพทำตามสนุกกับการเรียนกสินและ ผมดีใจมากๆที่ได้รู้วิธีตรงจริตแบบนี้ จากนั้นก็ได้ลองเริ่มฝึกทันที

ในคืนวันเสาร์นี้เมื่อเสร็จกิจกรรมยาม ดึก ผมก็เข้านอนและได้เริ่มฝึก ก สิ น แ ส ง ส ว่ า ง ทันที โดยขณะช่วงก่อนนอนนั้น ผมก็นึกภาพบรรยากาศของบ้านสวนพีระมิดบริเวณที่กั้นทางเข้าจนไปถึงบริเวณ ก่อสร้างครับ โดยให้นึกเป็นช่วงกลางวัน นึกไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกเมื่อยก็เปลี่ยนไปสวดคาถาพระศรีอาริย์ครับ แล้วผมก็หลับครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุลย์ นราธิป กิมไพบูลย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 16:32:11


ความคิดเห็นที่ 52 (1646825)

และ ในวันอาทิตย์ขณะที่ทำกิจกรรมกัน ในช่วงนั้นเป็นช่วงของการวางท่อน้ำ ผมกับพี่ชิมยกแผ่นท่อน้ำ ขณะที่เหนื่อยๆ ผมรู้สึกว่าได้ผลการฝึกดีมากเพราะจิตว่างเพราะความเหนื่อย ผมฝึก ก สิ น สี เ ขี ย ว ไปพร้อมกับการทำงาน วิธีการฝึกของผมคือ ระหว่างที่ผมขนแผ่นท่อนั้น ผมมองหญ้าที่มีสีเขียวริมทาง นึกเปลี่ยนหญ้าจากสีเขียวให้เป็นสีขาว สีขาวแล้วให้เป็นแก้ว ทันใดนั้นเกิดปิติเลยครับ ขุกลุกและเย็นมากทั้งๆที่แดดร้อน มีความสุขมากๆเลยครับ

และ ระหว่างที่นั่งรถกลับพร้อมพี่ธนา พี่เอิ้น พี่ศักดิ์ น้องเบส พี่อัญ ผมก็ฝึก ก สิ น ดิ น ไปด้วย โดยการมองถนนแล้วนึกถนนให้เป็นสีขาว แล้วนึกสีขาวให้เป็นแก้ว ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆครับ และนอกจากนี้ยังฝึก ก สิ น สี ข า ว โดยการมองที่ทะเบียนรถ แล้วนึกจากสีขาวให้เป็นแก้ว สลับกันไปมาระหว่างกสินสีขาวและกสินดินครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุลย์ นราธิป กิมไพบูลย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 16:36:39


ความคิดเห็นที่ 53 (1646832)

เมื่อ รถลงจากรถพี่ธนาแล้วผมก็ต่อรถเมย์ครับ ผมมองไปเห็นราวจับในรถเมย์เป็นสีเหลืองผมก็เลยถือโอกาสฝึก ก สิ น สี เ ห ลื อ ง เลยครับโดยการมองสีราวจับสีเหลืองนั้นแล้วนึกให้สีขาว จากนั้นเปลี่ยนสีขาวนั้นให้เป็นแก้วครับ ทำไปเรื่อยๆ สลับกับกสินกองอื่น
ขณะที่ผมอยู่
ใน รถเมย์ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง มองเป็นไฟท้ายรถที่ติดผมก็อดไม่ได้ที่จะฝึก ก สิ น สี แ ด ง โดยการมองที่ไฟท้ายรถที่มีสีแดง แล้วนึกให้เป็นสีขาว ขาวทึบ จากนั้นเปลี่ยนจากสีขาวทึบนั้นเป็นแก้วใส ระยิบระยับ ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ครับจนถึงบ้าน

เมื่อ ถึงบ้านแล้ว ขณะนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ก็ฝึก อ า ก า ศ ก สิ น วิธีการฝึกของผมคือให้จับลมหายใจเข้าออก จับด้วยกัน 3 จุด ได้แก่ จมูก หน้าอก และท้อง พยายามจับลมนั้นโดยนึกได้เป็นลมสีขาว พัดผ่านทั้ง 3 จุด เมื่อนึกเป็นลมสีขาวแล้ว ก็ให้เปลี่ยนลมสีขาวนั้นเป็นลมที่ระยิบระยับ

และ นี่ก็เป็นตัวอย่างการฝึกกสินของผมเอง ซึ่งสามารถฝึกได้แม้กระทั้งขณะทำงาน ฝึกได้ทุกสถานที่ทุกเวลา ยังเหลือกสินไฟ กสินน้ำ ไว้จะมาเล่าต่อครับผม

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุลย์ นราธิป กิมไพบูลย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 16:43:51


ความคิดเห็นที่ 54 (1646880)
 
 

สัปดาห์นี้ พวกเราลูกบ้านสวนได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์มากมากเพราะท่านอาจารย์ให้สอน สูตรเร่งรัด แบบว่า ดูมันง่ายไปหมด ไม่เห็นดูจะยากอย่างที่คิดไว้เลย

ท่านสอนพวกเราให้ฝึกกสิณทั้ง 10 กองเลยละค่ะ แบบ ปุ๊ปปั๊บ ฉบับเร่งด่วน เข้าใจง่ายมากมาก
 
นอกจากนี้ท่านอาจารย์ก็สอนพวกเราเกี่ยวกับอภิญญา ด้วยค่ะ เพราะการฝึกกสิณทั้ง 10 กองทำให้"ฤิทธิ์อภิญญา" นั่นเอง

 

อภิญญาคืออะไร แปลว่าอะไร ฟังแล้ว ยังสงสัย มันคืออะไรกันหนอ

 

อภิญญา ก็คือ ปัญญาความรู้ที่สูงกว่าปกติ นั่นเองค่ะ

 

อภิญญาโลกีย์ มีทั้งหมด 11 อย่างค่ะ

 

1.อิทธิวิธีแสดงฤทธิ์ได้

2.ทิพยโสตญาณมีประสาทหูเป็นทิพย์

3.มโนยิทธิมีฤทธิ์ทางใจถอดกายใจออกท่องเที่ยวได้

4.ทิพยจักษุญาณมีอารมณ์เป็นทิพย์คล้ายตาทิพย์
5.จุตูปปาตญาณรู้สัตว์ที่ตายแล้วไปเกิดที่ไหนสัตว์มาเกิดนี้มาจากไหน
6.เจโตปริยญาณรู้อารมณ์ใจของคนและสัตว์
7.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณระลึกชาติที่เกิดมาแล้วได้ตามความต้องการ
8.อตีตังสญาณรู้เหตุการณ์ที่ล่วงมาแล้ว
9.อนาคตังสญาณรู้เรื่องราวที่ยังไม่ได้เกิด
10.ปัจจุปปันนังสญาณรู้เรื่องราวในปัจจุบันที่ปรากฎขึ้นในที่ไกลหรือโลกอื่น
11.ยถากัมมุตาญาณ รู้กฎของกรรม

 

เอ.... แล้วทำยังไงเราถึงจะได้อภิญญา ก็ต้องมาฝึกกสิณทั้ง 10 กองกัน ตามแบบฉบับท่านอาจารย์อุบลกันค่ะ
 
กสิณดิน
 
ให้จิตคิดถึงกองดินที่เราคุ้นเคยจากที่กองดินเป็นสีน้ำตาล จากนั้นให้จิตเห็นภาพกองดินนั้นเปลี่ยนเป็นเป็นสีขาวทึบ และต่อมาเปลี่ยนภาพนั้นให้กลายเป็นกองดินที่เป็นแก้วใสระยิบระยับ เหมือนเพชรค่ะ
 
ง่ายเนอะ ^^ มาฝึกต่อกันเลยค่ะ
 
กสิณน้ำ
 
ให้จิตคิดถึงน้ำในแก้วใบหนึ่ง เห็นไหมว่ามันเป็นสีใสแจ๋วเลย หลังจากนั้นก็ให้จิตเห็นน้ำนั้นเปลี่ยนเป็นน้ำสีขาวทึบเหมือนละลายแป้งไว้ ลองนึกถึงแป้งมันละลายน้ำ หรือแป้งโกกิ ก็ได้นะค่ะ และต่อมาเปลี่ยนน้ำแป้งขาวให้กลายเป็นน้ำที่เป็นแก้วใสระยิบระยับ เหมือนเพชร ง่ายอีกแล้ว ฝึกต่อกันเลยค่ะ
 
กสิณลม
 
ให้จิตนึกถึงต้นไม้ต้นหนึ่งเอาต้นใหญ่ใหญ่หน่อยนะค่ะ แบบว่าที่เห็นแล้วพอจะมองเห็นลมพัดกิ่งโน้ม ปลิวได้อะค่ะ หลังจากนั้นก็คิดให้ลมพัดเปลี่ยนทิศไปข้างหน้า กิ่งไม้ใบไม้ก็ลู่ไปข้างหน้า อีกครั้งลมเปลี่ยนทิศไปข้างหลังจิตเราก็จะเห็น เห็นทีใบไม้โดนพัดลู่ตามลมไปข้างหลัง ลองฝึกกลับไปกลับมาหลายหลายครั้งค่ะ
 
กสิณไฟ
 
ก็ให้นึกถึงเปลวเทียนที่เราจุดค่ะ บังคับจิตให้เปลวเทียนขยายใหญ่ขึ้น และเล็กลงได้ตามใจ ฝึกกลับไปกลับมาบ่อย บ่อย ง่ายอีกแล้วเนอะ
 
กสิณสีเหลือง
 
ก็ให้ลองนึกถึงอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลืองค่ะ เช่น มะม่วงสุก หลังจากนั้นก็นึกให้มันเปลี่ยนสิ่งนั้นนั้นเป็นสีขาวทึบ และเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับ เหมือนเพชร
 
กสิณสีแดง
 
ก็ให้ลองนึกถึงอะไรก็ได้ที่เป็นสีแดงค่ะ เช่น พริกสีแดงสด หลังจากนั้นก็นึกให้มันเปลี่ยนสิ่งนั้นนั้นเป็นสีขาวทึบ และเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับ เหมือนเพชร
 
กสิณสีขาว
 

ก็ให้ลองนึกถึงอะไรก็ได้ที่เป็นสีขาวค่ะ เช่น รถยนต์สีขาว หลังจากนั้นก็นึกให้มันเปลี่ยนสิ่งนั้นนั้นเป็นสีขาวทึบ และเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับ เหมือนเพชร

กสิณสีเขียว
 
ก็ให้ลองนึกถึงอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียวค่ะ เช่น ใบไม้สีเขียวสดใส หลังจากนั้นก็นึกให้มันเปลี่ยนสิ่งนั้นนั้นเป็นสีขาวทึบ และเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับ เหมือนเพชร
 
กสิณแสงสว่าง
 
ให้ลองฝึกเวลากลางคืนค่ะ เวลาฝึกก็นึกถึงเห็นด้านนอกสถานที่นั้นเป็นบรรยากาศที่เห็นแสงสว่างเหมือนตอนกลางวันเลย แบบนี้เราจะใช้เป็นประโยชน์ได้มากยามเกิดภัยพิบัติถ้าเราอยู่ในที่มืดนะค่ะ
 
 
 
กสิณอากาศ
 
เวลาฝึกให้นึกถึงลมหายใจเข้าออกแทนก็ได้ จับอยู่ที่ ปลายจมูก กลางอก สะดือ ให้นึกเห็นอากาศที่ผ่านเข้าออก จนเป็นระยิบระยับ วิบวับ ไปหมด
 
 

 

เห็นไหมลินว่าท่านสอนเราได้อย่างชัดเจนและง่ายมากมากเลยละค่ะ

ท่านอาจารย์เล่าเสริมว่า ท่านจะฝึกบ่อยบ่อยเวลาที่นั่งรถเข้ากรุงเทพค่ะ จนถนนสาย
รังสิต-นครนายก กลายเป็นเพชรระยิบไปทั้งสาย พอนึกตามท่านแล้วมันคงสวยมากเลย ถ้าเราจะทำได้บ้าง ^^

 

 

 

 

 

 
ผู้แสดงความคิดเห็น ลิน (อลินนันท์ อัครวิชนนท์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 19:04:54


ความคิดเห็นที่ 55 (1646883)

 ขอเล่าประสบการณ์การฝึกอภิญญาบ้างค่ะ

ตอนที่ท่านอาจารย์อ่านหนังสือ "ประวัติหลวงพ่อปาน"

ให้ฟังรู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ

ยิ่งตอนที่ที่พระป่าท่านขว้างไม้เป็นงูใหญ่  

และหลวงพ่อปานขว้างใบไม้เป็นนก มาสู้กับงู

เรื่องที่่ ขรัวอีโต้เป็นฆราวาส  ขว้างอีโต้ ลงน้ำ

 เเล้วมีดอีโต้  กลับว่ายน้ำได้

และการใช้ลอกดักเงิน  มีเงินเข้าข้องทุกวัน  

มาใช้ซื้ออาหารกินในวัด

หลวงพ่อปานก็ใช้เบ็ดตกปลาในอากาศ

 เป็นปลาทิพย์เอามาทำอาหารกิน

หลวงพ่อปานเสกข้าวเพียงหยิบมา  เเละบอนอีกเล็กน้อย

 กลายเป็นข้าวสุก เเกงบอน กินอิ่มกัน

หลวงพ่อปานเสกนกพาไปที่ต่างๆ 

อภิญญานี่สุดยอดจริง เพียงเเค่ใช้จิตก็สมประสงค์เเล้ว  สาธุ

ส่วนวิธีการฝึกอภิญญา 

อันดับเเรก  เราต้องให้ทาน รักษาศีล เต็มกำลัง 

และฝึกกสินทั้ง 10 กอง คนเเต่คนจะได้ไม่ได้

ขึ้นอยู่กับความเพียรเเต่ละคนค่ะ สาธุ

เมื่อฝึกทั้ง 10 กองได้เเล้ว  

ต่อไปเวลามาฝึกก็อาจจะฝึกกองใด

กองหนึ่งก็ได้  ทำจนคล่อง

 เพราะ  เราจะได้นำกสินที่ฝึกมานี้ใช้ช่วยชีวิตผู้คน

ตอนเกิดภัยพิบัติได้มากมาย

เช่น ขณะเกิดเเผ่นดินไหว  เราใช้กสินดิน ให้ดินที่อ่อนเเข็ง

 เกิดสึนามิ  น้ำมาก็ใช้จิตเพ่งให้น้ำหยุด

ถึงเเม้เราจะยังใช้ไม่คล่อง  

เเต่จี้อุปกรณ์จะเชื่อมต่อ

พลังของท่านอาจารย์อุบลมาช่วยเราค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 19:06:20


ความคิดเห็นที่ 56 (1646892)

      วันนี้ระหว่างเดินทางจากนครปฐม ไปยัง กทม. ด้วยรถตู้ประจำทาง ผมก็ฝึกกสินมาตลอดทางครับ ทั้งกสินดิน กสินสีเขียว กสินสีขาว ตลอดทาง.. และเมื่อผมถึงที่หมายที่กทม.หลังจากที่ทำธุระเสร็จเรียบร้อย ผมก็ได้นั่งรถเมย์จากท่าพระจันทร์มายังสะพานควายครับ ระหว่างทางผมนึกออกว่ายังไม่ค่อยได้ฝึกกสินไฟ และอากาศกสินเท่าไรเลย พอนึกขึ้นได้ก็เริ่มจาก " ก สิ น ไ ฟ " วิธีการฝึกของผมคือ ผมนึกถึงเปลวเทียนที่เคยเห็น จากนั้นก็ให้เปลวเทียนทั้งค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเปลวไฟลุกท้วมเทียน จากนั้นก็ผ่อนให้ไฟเบาลง เป็นไฟหรี่ๆ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ สนุกมากเลยครับลองฝึกกันดูครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุลย์ นราธิป กิมไพบูลย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 19:23:39


ความคิดเห็นที่ 57 (1646895)

โมทนาบุญกับน้องตุลย์ค่ะอ่านได้ไอเดียกระฉูด

ไม่มีศรัทธา ไม่จริงใจ

ต่อเธอ

อันนี้ไม่มีผล ไม่เป็นน้ำอภิญญา

ไม่เป็นทุกอย่างที่ต้องการ

ให้เกิดอภิญญา

กราบพระบาทในความเมตตาเป็นอย่างที่สุดที่ท่านอาจารย์อุบลเมตตาค่ะ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 19:36:09


ความคิดเห็นที่ 58 (1646896)

การฝึกอภิญญาสำคัญมากๆๆ

คือ ต้องฝึกกับครูอาจารย์ที่ได้อภิญญา

ซึ่ง ความอัศจรรย์ที่มิ้มได้พบก็คือ

 เพียงเเค่ท่านอาจารย์เเตะน้ำ  เเตะลูกอม

มองไปที่น้ำ  หรือ เเค่บอกว่าอาหารที่อยู่ตรงน้ำ

เป็นอาหารอภิญญา ก็เป็นเเล้วด้วยจิต

เมื่อมิ้มได้สัมผัสน้ำซึ่่งตอนเเรกมิ้มปวดไหล่บ่ามาก

เพลีย ง่วงนอน อาการก็หายโดยทันทีค่ะ

น้องเบส ปวดฟัน ได้สัมผัสน้ำก็หายปวดฟันค่ะ สาธุ  

ส่วนลูกอม เมื่อมิ้มกินเข้าไปก็รู้สึกใจสบาย ตัวสบาย

ปีติมีความสุข มีพลัง และอิ่มค่ะ สาธุ

ลูกอมนี้เป็นอาหารทิพย์ อาหารอภิญญา

เหมือนที่หลวงปู่ปานเคยเสกข้าว บอนเพียงหยิบมือ

ก็กลายเป็นข้าวสวยสุก มีเเกงบอนสุกพร้อมทาน

อาหารที่เรารับประทานเข้าไปล้วน ประกอบไปด้วย

ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เเละพลังชีวิต

ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าต้นพืชจะเติบโต ถือเป็นอาหารหยาบ

เเต่อาหารอภิญญานี้ จะเป็นการดึงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

พลังชีวิตที่อยู่รอบตัวเรา ดึงเข้ามา เมื่อทานเข้าไปเเล้ว

ก็เข้าสู่ร่างกายเลย 

  ซึ่งลูกอมอภิญญานี้ เราทานเข้าไปเราก็รับประทานอาหารได้ตามปกติ  เเต่ในยามที่เราไม่มีอาหารทาน

อาหารนี้จะถูกนำมาใช้ เราก็สามารถอยู่ได้  

ไม่หิว อิ่มด้วยธรรมปิติ สาธุ สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 19:38:43


ความคิดเห็นที่ 59 (1646897)

ขออนุโมทนากับธรรมทาน การฝึกกสิน 10 กอง จากทุกท่านค่ะจะลองฝึกดูค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 19:46:18


ความคิดเห็นที่ 60 (1646902)

ลูกขอกราบพระบาท

ในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จองค์พระปฐม

อันหาประมาณมิได้

และกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ที่ได้เมตตาลูกหลานทุกคน

หาทาหลุดพ้นให้แกลูกหลานทุกคน สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 20:29:41


ความคิดเห็นที่ 61 (1646907)

กราบแทบพระบาทขอขมาพระพุทธเจ้า

กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ครับ

เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วผมไม่ได้ไปสร้างบุญที่บ้านสวน

แต่ได้ทราบข่าวว่าท่านอาจารย์เมตตา

ทำลูกอมทิพย์เพื่อช่วยเหลือลูกหลานยามเกิดภัยพิบัติ

ด้วยความที่ผมเห็นแก่ตัว ละโมบโลภมาก กิเลสหนา

ได้ฝากลูกอมไปกับญาติธรรมท่านหนึ่ง

เพื่อให้ท่านอาจารย์ทำลูกอมทิพย์ให้

ซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ผมสำนึกผิดจริงๆครับ

ผมกราบขอขมารับผิดในการกระทำของผมครับ

และจะขอปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 21:23:09


ความคิดเห็นที่ 62 (1646908)

นับว่าเป็นข่าวดีของพวกเรา

ชาวลูกบ้านสวนพีระมิด

ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการฝึกกสิณกันแบบง่ายๆ

เป็น

"อภิญญาใหญ่"

 

ที่ทุกคนสามารถฝึกได้ทุกที่ทุกเวลา

หากศรัทธา + ตั้งใจจริง

ข้อสำคัญ

"ครูผู้ฝึกของเราก็ได้อภิญญาจริง"

เห็นได้จาก

น้ำ + ลูกอม ที่ทุกคนนำมาเอง

เพียงแค่ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นของทิพย์

เมื่อทุกคนนำมาดื่มกินแล้วมีผล

คือ

หายจากอาการเจ็บป่วยทันที

อิ่มนานไม่ค่อยหิว

หายง่วงนอน

สดชื่น

ย่นระยะทางได้

ฯลฯ

 

กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาบุญ

กับ

ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว

ที่เมตตาถ่ายทอดวิชาความรู้อันแสนประเสริฐ

มาให้ตลอดเวลา

 

กราบ กราบ กราบ

 

*********

 

อนุโมทนากับทุกธรรมทานของเพื่อนๆพี่น้องทุกท่าน

ที่ถ่ายทอดเรื่องราวดีดี

กิจกรรมที่ได้ร่วมทำในบ้านสวนฯ

ที่เป็นประโยชน์

มาให้ชาวเกาะแดนไกล

ได้ร่วมอนุโมทนา

 

สาธุค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย (ฝรั่งเศส) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-25 21:27:45


ความคิดเห็นที่ 63 (1646941)

สาธุ คะ


ส่วนตัวได้มีโอกาสทานลูกอม อภิญญา ด้วย

รู้สึกเป็นบุญมาก อิ่มอกอิ่มใจมากคะ

ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเราจะได้มาเจอ มาสัมผัสได้ขนาดนี้

 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอ.อุบลที่เมตตาลูกหลานคะ

ไม่มีอะไรที่น่ากลัว น่ากังวลอีกต่อไปแล้ว  

ไม่มีอาหารก็อยู่ได้อย่างสบาย

วันนั้นได้ทานลูกอมแล้วไม่รู้สึกหิวเลยจริง ๆ คะ

(ข้ามคืนนั้นจนถึงเช้าอยู่ได้สบา่ยไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยนะคะ)

 


อ.อุบลทำให้เห็นว่าเรื่องอภิญญา ดูเป็นเรื่องง่าย

(ทั้งที่มันเป็นเรื่องยากมาก ๆ ) 

เป็นสิ่งที่สัมผัสและจับต้องได้จริง  

(ทั้งที่เคยอ่านในหนังสือ มันเหมือนว่าเราคงไม่มีวันได้เห็นของจริงแน่)

 

ตอนนี้เรื่องที่อยู่ในตำรา ในหนังสือ

มีออกมาให้เห็นของจริงแล้วที่อ.อุบล บ้านสวนพีระมิดคะ

ที่หลวงพ่อปาน ท่านเคยป้องกันโรคอหิวาได้ 100% นั้น

มีนัยยะที่สำคัญ ไม่แตกต่างจากวิธีการของบ้านสวนพีระมิดเลยคะ

ในตอนนั้น หลวงพ่อปานได้ช่วยชีวิตผู้คนในหมู่บ้านหนึ่ง

ให้พ้นจากโรคห่าได้ ทั้งที่เป็นโรคระบาดร้ายแรงทุกหมู่บ้านโดนหมด

แต่คนในหมู่บ้านนั้น ที่รอดมาได้ก็ด้วยทำตามวิธีของหลวงพ่อปาน

 

ใครที่เชื่อและทำตามก็จะรอด

เรียกว่า อาศัย "ศรัทธา" เป็นสำคัญเลยคะ

โดยสิ่งที่ท่านบอกให้ชาวบ้านทำนั้น

เป็นสิ่งที่ท่านได้ตกลงกับเบื้องบนไว้แล้ว

ว่าหากใครทำสิ่งนี้ บ้านไหนมีสิ่งนี้

ขอให้เจ้ากรรมนายเวรงดเว้นไปก่อน  

โดยมีบุญเป็นข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้น  

 

ซึ่งยุคนี้ เวลานี้หากใครอยากรอด ปลอดภัย

จากภัยพิบัติร้ายแรงที่กำลังจะเกิดขึ้น

ขอแค่ศรัทธา เป็นสิ่งสำคัญ  

ถ้าเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ของท่าน

ให้ทำตามที่ท่านบอก โดยไม่ต้องมัวมาสงสัยลังเลอีกต่อไป

ทุกอย่างเราได้พิสูจน์มากันแล้วด้วยตัวเอง

อะไรที่ไม่เคยพบเคยเจอเราก็เจอกันมาแล้ว

หายทันทียังเกิดขึ้นมาแล้ว  

แล้วจะมีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกหรือ

สำหรับ พี่น้องบ้านสวนทุกท่าน ทุกอย่างที่เราได้เรียนรู้มา

นั่นแหละคือทางรอดปลอดภัยที่สุดคะ ไม่ว่าตัวเราจะอยู่ที่ไหน

ความรัก ความศรัทธาที่เรามีต่อครูบาอาจารย์

บารมีของท่านหาประมาณมิได้จะตามไปคุ้มครองเราทุกที่คะ

ขอให้ตั้งมั่นในความดี รักษาศีล ทำบุญ ให้ทาน

ระลึกถึงท่านอ.อุบล ตลอดเวลานะคะ

เราจะได้กลับมาพบกันแน่นอน







ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 04:39:19


ความคิดเห็นที่ 64 (1646942)

ในวันเสาร์ที่ผ่านมา นอกจากพวกเราจะได้เรียนรู้วิธีฝึกกสินแล้วท่านอ.ยังเมตตาให้ธรรมะกับพวกเราเรื่องของอภิญญาต่างๆของหลวงพ่อปานโดยคำบอกเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ที่ทุกคนสามารถหาอ่านได้จากหนังสือ "ประวัติหลวงพ่อปาน"

ท่านอ.เมตตาเล่าเรื่อง

1.หลวงพ่อปานกับขรัวอีโต้

2.อาหารทิพย์แกงบอนเพียงแค่ 1 ท่อนแต่สามารถเลี้ยงคณะธุดงค์ได้จนอิ่ม

เรื่องหลวงพ่อปานกับขรัวอีโต้ :

หลังจากที่หลวงพ่อปานท่านเพ่งจิตกสินไฟไปที่เรือของขรัวอีโต้ที่เป็นเพื่อนกับหลวงพ่อปานที่แล่นเรือผ่านมาหน้าวัด จนทำให้เรือของขรัวอีโต้ไหม้นั่น ทำให้ขรัวอีโต้ต้องขึ้นมาอาศัยอยู่ที่วัด จึงเป็นเหตุให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้รู้ถึงอภิญญาต่างๆที่ขรัวอีโต้ได้แสดงให้เห็น

หลังจากที่ฟังเรื่องราว มีหลายตอนที่ทำให้รับรู้ว่าหลวงพ่อปานท่านเป็นผู้มีบารมี มีอภิญญาต่างๆแต่ก็ไม่ได้แปลกใจเพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าหลวงพ่อปานนั้นท่านเป็นสุดยอดพระภิกษุสงฆ์ที่แน่วแน่มั่นคงกับหลักปฏิบัติตามพระพุทธศาสนารูปหนึ่ง และพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อพูดกับท่านว่า การบำเพ็ญบารมีชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายของหลวงพ่อปาน

 

แต่ที่น่าแปลกใจมากๆ!!!!!

ขรัวอีโต้ที่เป็นฆราวาสธรรมแบบเราๆนี้ ถึงจะไม่ได้บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลือง

แต่ถ้าเป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อภิญญาก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน

เช่นขรัวอีโต้ทำการดักเงินในอากาศ, อภิญญาด้านรู้จิตใจของขรัวอีโต้(เจโต) 

นั้นแสดงให้เห็นการได้อภิญญาก็ไม่ได้เกี่ยวกับเครื่องนุ่งหุ่ม เสื้อผ้าอาภรณ์แต่อย่างไร

 

ครั้งนี้หนึ่งนั่งฟังอย่างตั้งใจมาก เพราะเรื่องราวทั้งสนุกและตื่นเต้น

บอกได้คำเดียวว่าเหลือเชื่อและสุดยอดดดดด!!!! 

เป็นเรื่องราวในอีกมุมหนึ่งที่ตนเองไม่เคยรู้

โง่เงามากเพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้...

ชอบอวดรู้อวดฉลาดในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ ว่ามันไม่มีจริงๆ  

โง่แล้วอวดฉลาดอีก++++

ทั้งๆที่ท่านอ.เคยและย้ำหลายๆครั้งว่า

ทุกๆสิ่งปาฎิหารย์ต่างๆ อภิญญาต่างๆล้วนมีอยู่แล้วในพระไตรปิฎก

ให้พวกเราพยายามหาอ่านให้ได้

แต่พวกเราไม่ยอมศึกษาอ่าน...ทำให้ต้องโง่ซ้ำโง่ซ้อน


ใครว่าอภิญญาไม่มีจริง

"คิดผิดคิดใหม่ได้เลยจ้า  

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 04:53:20


ความคิดเห็นที่ 65 (1646943)

หนึ่งจึงไม่แปลกใจถ้าท่านอ.ของเราจะทำอาหารทิพย์หรือน้ำทิพย์ดังที่ท่านได้ทำให้เห็นกับตามาแล้วที่ม.ราชภัฎนครปฐม, 

แม้แต่กรณีที่แค่ท่านอ.เมตตาและใช้จิตบอกแค่ "หายนะลูก" คนที่มีอาการเจ็บปวดถึงได้หายได้ในทันทีทันใด

 

มีหลายๆเหตุการณ์ที่หนึ่งพบเจอกับตนเองและลูก

ยกตัวอย่าง วันที่ท่านอ.นำลูกหลานไปทอดกฐินที่วัดคลองไทร

หนึ่งได้หอบเอาลูกชายไปด้วย อากาศในวันนั้นหนึ่งเดินทางไปถึงวัดฝนเพิ่งหยุดตกแต่ยังมีละอองฝนอยู่เล็กน้อย ซึ่งก็โดนละอองฝนกันไปทั้งแม่ลูก แถมหลังฝนตกอากาศร้อนอีกต่างหาก หนึ่งแอบกังวลกลัวลูกไม่สบายมากเพราะไหนลูกจะโดนละอองฝนหรือต้องนั่งรถเดินทางมาไกล สำหรับเด็กเล็กๆแล้วมักจะไม่สบายทุกครั้ง

แต่พอพาไปกราบท่านอ.และท่านก็เมตตาจับตัวลูกชายหนึ่ง

หลังจากที่ท่านอ.เอามือสัมผัสลูกชาย หนึ่งรู้สึกว่าตัวลูกชายเย็นขึ้นทันที    แถมวันนั้นทั้งวันเหงื่อน้องออกเยอะมาก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า เขาจะไม่เป็นอะไร จะไม่มีไข้แน่ๆ จนเสร็จงานและเดินทางกลับบ้านลูกชายก็ไม่เป็นอะไรเลย แข็งแรงมาก....

 

มาถึงวันนี้ถึงได้แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองคิดนั้นไม่ผิดแน่ๆ กราบขอบพระคุณ

ท่านอ.อุบลที่เมตตาตาคะ... กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 05:33:21


ความคิดเห็นที่ 66 (1646944)

 ถ้าเช่นนั้น

ข้าพระพุทธเจ้า

จะฝึกให้คนที่มาประจำ

กันอยู่แล้วเจ้าค่ะ

โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์

หรือตัวช่วย

ใช้กำลังใจอย่างเดียว

เจ้าค่ะ

****************************

กราบขอบพระคุณท่านอ.ที่เมตตาลูกหลานคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 05:37:41


ความคิดเห็นที่ 67 (1646948)

ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าสมัยนี้

คงไม่ใช่ยุคอภิญญาเหมือนสมัยก่อนหน้านี้

แต่ตั้งแต่มาเจอบ้านสวนก็เริ่มเข้าใจค่ะ

ว่า ยุคอถิญญา และ ยุคพระศรีอาริย์ จะต้องกลับมาอีกครั้ง

จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้มันก็คงเกิดขึ้นได้ตลอด

แต่ผู้ที่จะทำให้เกิดอภิญญาปาฏิหาริย์เช่นนี้

คงหาได้ยากและน้อยมากจริงๆ

คงต้องเป็นผู้ที่รักษาศีลบริสุทธิ์

และมีใจตั้งมั่น มั่นคงต่อพระพุทธศาสนาจริงๆเท่านั้น

เคยเห็นเมื่อก่อนที่ท่านอ.อุบลแค่ยกมือ คนก็หายเจ็บป่วยแล้ว

ตอนนั้นยังอึ้งอยู่เลยค่ะ คิดว่าสุดยอดจริงๆ

และหลายๆวิธีการต่อๆมา จนมาถึงลูกอมทิพย์และน้ำทิพย์

""เหมือนแค่คิด แค่อธิษฐาน ก็มีฤทธิ์แล้ว""

ซึ่งไม่ต่างจากยุคหลวงพ่อปานเลย

ซึ่งพวกเราลูกๆหลานๆที่อยู่ใต้ร่มบารมีอาจารย์

ก็พลอยโชคดีไปด้วย อิอิ

อาจารย์ทำให้รู้สึกว่า

ยุคต่อไปนี้คนจะอยูได้้ด้วยความดี 

ไม่ใช่เพียงแค่มีเงินอย่างเีดียวจึงจะอยู่ได้

โลกที่มีแต่คนรักษาศีล คงจะน่าอยู่กว่าทุกวันนี้แน่ๆเลยค่ะ

 


กราบขอบพระคุณอ.แม่มากๆค่ะ

สาธุๆๆๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 07:39:37


ความคิดเห็นที่ 68 (1646967)

    เคยได้อ่านจากหนังสือต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องอภิญญา

อ่านแล้วมีความรู้สึกว่า  เป็นเรื่องที่ยากมาก

ต้องใช้เวลามาก  และไม่เคยคิดว่า

ในชีวิตนี้  จะได้มาเจอกับเรื่องอภิญญาด้วยตัวเองเช่นนี้

    กราบขอบพระคุณท่าน อ. อุบลเป็นอย่างสูงค่ะ

ที่ได้แนะนำวิธีฝึกกสินแบบง่าย ๆ ให้เราได้ฝึกกัน

โดยอาศัย  ความศรัทธาในตัวท่านอาจารย์เป็นที่ตั้ง

กราบ  กราบ  กราบ

++++++

     และอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน

ที่ได้มาถ่ายทอดวิธีการฝึกกสิน  และบรรยากาศ

ของการร่วมรับอภิญญาจากท่านอาจารย์อุบล

และวิธีการฝึกของน้องตุลย์  มันกระตุ้นเราได้เลยนะ

ทำให้เห็นภาพว่าเราจะฝึกได้อย่างไร  ในชีวิตประจำวัน

สาธุ  สาธุ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 09:47:16


ความคิดเห็นที่ 69 (1647002)

26 ธค.55_โดย จุ๋ม ธารีรัตน์

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับ อจ,อุบล ที่สอนให้พวกเราฝึกกสิน 10 และชาวลูกบ้านสวน เช่น คุณธนา คุณตุลย์ คุณก้อย ที่มาเล่าธรรมทานให้พี่และทุกคนได้เข้าใจกระจ่างขึ้น ตอนฟังไม่ได้จด จำไม่ครบ
สำหรับบุญฤทธิ์ของน้ำอภิญญา ท่านอาจารย์แตะแล้วให้ไปช่วยพ่อที่นอนซึมไม่รู้เรื่องที่ รพ. แม่เขามักจะกล้วเส้นเลือดพ่อแตก ทุกครั้งที่ซึมจะเข้ารพ. ทุกที เมื่อจิ๋มนำน้ำมาลูบตัวพ่อ อาการอ่อนแรงไม่รู้ตัว ดีขึ้นในครึ่งชม. โดยจิ๋มเขานั่งสวดคาถาพระศรีอารย์ให้ตลอด จนลืมตาแป๋วขึ้นมาเลย

เมื่อพ่อออกจาก รพ.ในวันถัดไป อจ.มงคล อจ.อุบล และคุณแมว ได้มีเมตตามาเยี่ยมที่บ้านนกขมิ้นเหลืองอ่่อน ใกล้ รร.นายร้อยจปร อจ.มีเมตตาเสกน้ำให้อีก 2 ขวดใหญ่ ให้คุณพ่อ ดื่ม และลูบขาที่เป็นอัมพาต ท่านบอกว่าขาจะได้มีแรงมากขึ้น

นอกจากนี้ท่านยังมีเมตตา กับน้องหมาแก่ๆของจุ๋ม อายุ 20 ปีขึ้นไป เขาเป็นเนื้องอก แต่ไม่กล้าผ่า เพราะถ้าวางยาอาจไม่ฟื้น อจ.แนะนำให้เอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาลูบ ทำเช้าเย็น พบว่า อาการอักเสบบวมแดงลดลงมาก สักวันอาจเล็กลง สังเกตุได้ว่าน้องหมาเขาหลับสนิทตอนกลางคืน ไม่งั้นจะร้อง เหมือนเจ้ากรรมนายเวรเขามากวนตลอด แต่พุทธคุณจากน้ำปกป้องเขาได้

ขอกราบขอบคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง จะขอทำงานตอบแทนบุญคุณท่านไปตลอดจนตาย
จุ๋ม ธารีรัตน์

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 11:34:29


ความคิดเห็นที่ 70 (1647121)

กราบนมัสการ สมเด็จองค์ปฐม พระศรีอารย์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวน  กราบสวัสดี ท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล ที่เคารพรักและศรัทธายิ่ง ค่ะ

     โมทนาบุญกับทุกธรรมทาน อ่านแล้วตื่นเต้น ปิติ น่าอัศจรรย์ยิ่ง เคยได้ยินท่านอาจารย์กล่าวถึงหลวงพ่อปานในรายการนานแล้ว

     ลูกได้รับเมตตาจากท่าน อาจารย์และพุทธองค์ ถึงเป็นชาวเกาะ เป็นนักเรียนออนไลด์ อ่านธรรมคำสอนต่างๆ ถึงคราวจวนตัวก็ได้ใช้ค่ะ เมื่อวาน วันอังคารที่ 24/12/12 ไปตัดเล็มกิ่งชมพู่ข้างบ้าน ต้นไม่สูงมากนัก .....ได้เรื่องเลยโดนตัวอะไรไม่ทราบ พ่นพิษใส่ข้อศอกซ้าย เหมือนโดนเข็มทิ่มกระจาย เจ็บปวด แสบ คันมาก                                           -รีบเอาจี้สามร่มโพธิ์ศรีที่ห้อยคออยู่กดทับที่ถูกพิษ อธิษฐานขอพระบารมีพระศรีอารย์ ท่าน อ.อุบลช่วยด้วย  รีบเข้าบ้านล้างด้วยน้ำสบู่ ราดน้ำพีระมิด เอาน้ำมันมะกอกทา โรยแป้ง ยังเจ็บ แสบ คันอยู่

  -นึกได้ว่า ที่หัวนอนมีขวดน้ำ ที่อธิษฐานทำน้ำพีระมิด ที่วางพีระมิด 3 องค์ 3 รุ่นไว้รอบ วางไว้ร่วมเดือนแล้ว ยังมีสร้อยจี้องค์สฟริ๊งซ์วางข้างๆอีก เตรียมไว้ใช้เฉพาะกิจ ยามฉุกเฉิน จึงรีบเอาน้ำพีระมิดขวดนี้ ราดที่ข้อศอกที่ถูกพิษ เอาแป้งทา แล้วมานั่ง เอาสันฐานจี้สามร่มโพธิ์ศรีที่ห้อยอยู่ ขูดเอาพิษออก เอาจี้กดทับที่ถูกพิษ ขอ อ.อุบลช่วยด้วยขอให้หาย100%  ท่องเมตตานะ ไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าจี้ร้อนขึ้น ท่อง 99 จบ ถือว่าทำสมาธิตามที่ตั้งใจว่าต้องสวด 99 จบ ทุกวัน

  -ผล ปรากฎว่า เมื่อท่องครบ เอาจี้ออก ไม่มีรอยแผล ไม่แสบ ไม่คัน และปวดเลย

(เหตุการณ์ ที่ลูกโดนแมลงพ่นพิษเคยเกิดไม่นาน 2 สัปดาห์ที่แล้ว ที่ต้นชมพู่ต้นนี้แหละ ไปตัดกิ่งโดนที่ข้อมือซ้าย รีบล้างแผล เอาน้ำพีระมิด 24 ชมที่ทำไว้ดื่มราด ขอ อ.อุบลช่วยด้วย ใช้จี้รุ่น องค็สฟริ๊งซ์กดทับ อาการทุเลา แต่คันมีรอยไหม้ ยังเป็นรอยอยู่เลย ค่ะ)

เหตุการณ์ที่ลูกถูกแมงพ่นพิษ เกิดเช้า วันอังคารเมื่อวาน    ลูกเข้าเวปบ้านสวนตอนบ่ายๆ เห็นหัวข้ออภิญญญามีโพสท่าน อ.อุบล ยาวๆ ไม่มีจังหวะอ่าน เพราะลูกชายจะใช้คอม    จนวันนี้ วันพุธที่ 26/12/12 จะเขียนขอบคุณ ข้อความข้างบนทั้งหมด ลูกเขียนร่างคร่าวๆในกระดาษว่าได้ใช้น้ำพีระมิดที่ตั้งใจนำ พีระมิด 3 รุ่น 3 องค์ มาวางรอบขวดน้ำร่วมเดือนแล้ว อธิษฐานเตรียมไว้ใช้เฉพาะกิจ ยามฉุกเฉินก่อนจะพิมพ์ขอบคุณ  กลับไปอ่านโพสท่าน อาจารย์    กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ  ลูกขอถวายบุญทุกภพชาติแด่เทวดาที่รักษา ปกป้อง คุ้มครองท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล คุณท้อป ค่ะ

  เป็นพระเมตตา อย่างยิ่งเจ้าค่ะ ลูกไม่เคยคิดเลย จากเข้าเวปบ้านสวนพีระมิดเพราะอยากรู้เขาเตือนภัยอะไร ตอนแรกกลัวนึกว่าทรงเจ้า พอได้ดู อ่าน คิดพิจารณา ค่อยๆ ทำตามคำสอนก็ยังไม่ครบถ้วน จากเดิมท่องได้แค่นะโม 3 จบ  พอรู้จักเวปบ้านสวนพีระมิด รู้จักวิธีทำบุญ อนุโมทนา ก็้ได้บุญ ก่อนอ่านเวป ก็กราบนมัสการ กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ตั้งใจสวดบูชาพระปฐม พระศรีอารย์ ท่านท้าวเวสสุวรรณ  ปะโตเมตัง 9 จบ แผ่เมตตา       ก่อนอ่านธรรมทาน คาถาเงินล้านก็ยังท่องไม่ได้ ไม่เน้นเพราะคิดว่าไม่ได้ทำธุรกิจอะไร   อิติปิโสก็พยามยามอยู่  การกระทำก็เอาศีลห้ามาจับ

    ลูกจักทำความดีเพื่อความดี ค่ะ      กราบขอบพระคุณอย่างสูง

  วันนี้ 16/1/56 ลูกมาขอโทษที่เขียนคาถาเงินล้านก็ยังท่องไม่ได้ ไม่เน้นเพราะไม่ได้ทำธุรกิจอะไร อิติปิโสก็พยายามอยู่ มันรู้สึกเป็นคำพูดไม่ดีเลย ถึงแม้ลูกไม่มีหนี้สิน พออยูพอกิน ถ้าตั้งใจทำความดีแล้วควรทำตามครู ขอโทษค่ะ ขอขมาต่อ ท่านอาจารย์และพุทธองค์ค่ะ ลูกขอสวดบทพุทธคุณทั้งสองบทนี้เจ้าค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุระณี สิริมานุวัฒน์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 15:36:40


ความคิดเห็นที่ 71 (1647167)

 สัปดาห์นี้้ท่านอาจารย์อุบลฯได้อ่านหนังสือ"ประวัติหลวงพ่อปาน"

ให้ฟังรู้สึกแปลกและตื่นเต้นดีค่ะเพราะไม่เคยได้ยินมาจากไหน

พร้อมทั้งติวเข้มเรื่องการฝึกกสินของพวกเรากัน  ซึ่งจากการ

อ่านธรรมทานของหลายๆท่านแล้วปลื้มมากเลยค่ะ.....

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยน๊ะค่ะหลังจากได้อ่านแล้วก็พยายาม

ทำตามก็มีความรู้สึกว่าไม่ยากทำได้ค่ะ....แต่ต้องหมั่นฝึกบ่อยๆ  

 ส่วนอภิญญาจากลูกอมที่ได้รับจากอาจารย์นั้นได้รับผลตั้งแต่อาทิตย์

ที่แล้ว  ตามปกติแล้วเมื่อหิวในตอนเย็นก็จะดื่มนมเปรี้ยว1  กล่อง

แต่วันนั้นหลังจากที่ได้รับประทานลูกอมอภฺิญญาไปแล้ว

ไม่มีอาการหิวเลยนั่งรถกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำเข้านอนเลย

ไม่มีอาการหิวเลยและในวันต่อๆมาเมื่อมีอาการหิวก็นึกถึง

ลูกอมอภิญญาพร้อมกับดื่่มน้ำอภิญญาและนึกถึงหน้า

ท่านอ.อุบลฯความหิวก็หายไปค่ะ....

เป็นเรื่องที่น่าแปลก มหัศจรรย์และสุดยอดมากจริงๆเลยค่ะ!........

ลูกขอกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลอย่างสูงมากที่เมตตาลูกหลาน

และคอยชี้แนะ/หาแต่สิ่งที่ดีๆมาให้ตลอดเลยค่ะ/

กราบ  กราบ  กราบ

*****************

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 17:58:50


ความคิดเห็นที่ 72 (1647173)

 

 

 ขอแสดงความดีใจกับอาจารย์จุ๋ม/จิ่ม

ด้วยน๊ะค่ะ

และขอให้คุณพ่อมีสุขภาพที่แข็งแรงไวๆน๊ะค่ะ

ขออุทิศบุญให้กับเทวดาที่ดูแลรักษาคุณพ่อ

และเจ้ากรรมนายเวรของคุณพ่อด้วยค่ะ/

        สาธุๆๆ........

*******************

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-26 18:18:11


ความคิดเห็นที่ 73 (1647202)

ขอแสดงความยินดี

กับ

ดร.จุ๋ม + ดร.จิ๋ม นะคะ

ที่อาการป่วยของคุณพ่อดีขึ้นเป็นลำดับ

ด้วย

พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของน้ำอภิญญา

ที่ท่านอาจารย์มอบให้กับมือ

 

ขอบารมีพระพุทธเจ้า

ขอเบิกบุญที่ลูกได้ร่วมทำในวันนี้

นำส่งให่ถึงแด่คุณพ่อของ ดร.ทั้งสองด้วยค่ะ

 สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

*********

 

ขออานิสงค์นี้

ได้ส่งไปถึงน้องหมาของ ดร.จุ๋ม ที่ป่วยด้วย

 

ขอให้หายไวไวจ้า

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย (ฝรั่งเศส) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 05:53:39


ความคิดเห็นที่ 74 (1647207)

น้ำทิพย์และลูกอมอภิญญา สัมผัสแรกของน้ำทิพย์ แหม่มมีอาการปวดหลัง พอได้รับน้ำทิพย์ก็เอามาลูบที่หลัง ก็หายทันใดเลย และต้นกล้าที่คัดจมูก เมื่อนำไปลูบก็หายทันทีเหมือนกัน น้ำทิพย์นี้ท่านอาจารย์บอกว่าไม่จำเป็นต้องลูบในส่วนที่เป็น จะนำไปแตะ ไปลูบที่ใดก็หายเช่นกัน แหม่มกับต้นกล้าได้ดื่มน้ำพีระมิด และรู้สึกว่าระบบขับถ่ายจะดีมาก ๆ เลย โดยเฉพาะต้นกล้า เข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

ส่วนเรื่องลูกอม ได้ทานแล้วก็รู้สึกจะอิ่มได้นาน และไม่ง่วงนอนเหมือนกัน ซึ่งต้นกล้าเองก็รู้สึกได้ ตอนกลับบ้านลงจากรถป้าเจี๊ยบ ตอนประมาณ 2 ทุ่ม ปกติต้นกล้าจะร้องกินข้าวทันทีทุกครั้ง แต่วันนั้นมาแปลก ถามว่าหิวข้าวมั้ย ต้นกล้าบอกว่า ถ้าแม่จะกินก็จะกินเป็นเพื่อน โอ้โห เป็นไปได้ไง กินข้าวกลางวันแล้ว ก็ยังไม่ได้กินอะไร ทำไม 2 ทุ่มแล้วยังไม่หิว

พูดถึงการฝึกอภิญญาแล้ว แต่ก่อนคิดว่าเป็นเรื่องยากมากๆๆๆๆๆ  คนอย่างเราคงไม่มีโอกาสได้ฝึกหรอก มันเป็นเรื่องไกลตัวเหลือเกิน แต่ทุกอย่างพอมาถึงท่านอาจารย์อุบล เรื่องที่ว่ายาก ท่านก็ทำให้เป็นเรื่องง่าย ๆ เพราะลูกศิษย์ที่โง่ ๆ มีเยอะกว่าคนฉลาด ท่านก็ต้องการสงเคราะห์ทุก ๆ คนให้ได้ ต้องขอกราบขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ

ฟังเรื่องอภิญญาที่ท่านเล่า จากหนังสือประวัติหลวงปู่ปาน น่าสนุกมาก ๆ เลย คนที่ได้อภิญญาแต่ละคน ไม่ต้องไปนั่งทำพิธีกรรมอะไรมากมาย เพียงหยิบข้าว 1 กำมือใส่หม้อใส่น้ำ ก็กลายเป็นข้าวสุกหอมกรุ่น กินได้ตั้ง 4-5 คน ถ้ายังไม่อิ่มก็ยังไม่หมด นำใบไม้ใส่หม้อไป ก็กลายเป็นแกงบอน แถมยังมีปลาในแกงด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลย มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริง ๆ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 08:49:45


ความคิดเห็นที่ 75 (1647220)

 

 
ขนม ไทย ขอร่วมแชร์ เรื่องเล่า ลูกอม ทิพย์คะ วันนั้นได้นัดพบกับ เพื่อนก้อย ขณะที่กำลังเดินทางไปิทานอาหารเย็น ก้อยได้ให้ลูกอม ให้ ทานทันที พอ เดิน ถึงร้านอาหาร ความรู้สึกไม่อยากอาหาร เลยค่ะ พอหลังจากทานข้าวเรียบร้อย ก้อยได้ให้อีก 1เม็ด ทานทันที วันรุ่งขึ้น ทำให้ไม่อยากทานอาหาร ทั้งวันค่ะ ขอบคุณก้อย ที่นำลูกอมทิพย์มาให้ ขอบพระคุณอาจารย์อุบลพร้อมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆพระองค์ ในความเมตตตาครั้งนี้ด้วยค่ะขอบพระคุณค่ะ ^____^

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 10:47:34


ความคิดเห็นที่ 76 (1647262)

 

พรหมภัสสร กฤตธกร พึ่งได้ทานลูกอมครั้งแรกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ

พอทานไปแล้ว คืนนั้นไม่รู้สึกง่วงนะคะ แต่พอถึงเวลานอน ก็สามารถหลับได้
 
โดยที่หลับสนิททั้งคืน ตื่นมาอีกทีก็เช้าเลยค่ะ และก็ไม่ฝันอะไรด้วย
 
ซึ่งปกติจะนอนหลับๆตื่นๆตลอด และมักจะฝันทุกคืน แต่ฝันแบบเป็นตุเป็นตะ
 
ไม่มีสาระอะไร ตื่นมาก็จะอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า แต่ครั้งนี้พอตื่นมา กลับรู้สึกสดชื่นมาก
 
ไม่มีอาการอ่อนเพลียเลยค่ะ เพราะได้ทานลูกอมบ้านสวนฯนี่ล่ะค่ะ อิอิ
 
หนูขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล
 
 
ที่เมตตาต่อพวกเราทุกคนค่ะ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 13:48:15


ความคิดเห็นที่ 77 (1647263)
ผีเสื้อ ลายตะวัน การฝึกกสิณ หากฝึกได้เพียงกองใดกองหนึ่ง
 
กองอื่น ๆ ก็สามารถฝึกได้ไม่ยากครับ 
 
ขอเพียงให้ขณะที่ฝึกเรามีจิตที่สบาย ไม่ต้องหลับตา
 
เช่น ฝึกตอนที่เราอาบน้ำ หรือ ก่อนนอน ก็ได้ครับ
 
ค่อย ๆ ฝึกไป อย่ากังวล 
 
ตามความคิดของผมก็เหมือนมีมโนมยิทธิ
 
เช่น ฝึกกสิณน้ำ เราก็นึกถึงน้ำในแก้วใส แบบที่เราดื่มกัน
 
นึกให้เป็นน้ำสีขาว ก็เติมแป้งมันข้นลงในน้ำในแก้ว 
 
เขย่าจนเป็นน้ำแป้งสีขาว เคลื่อนไหวในลักษณะน้ำ
 
แล้วนึกถึงบรรยากาศที่เรายืนริมน้ำเวลาที่แดดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ก็จับเป็น
 
ประกายของน้ำในแก้วครับ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:05:51


ความคิดเห็นที่ 78 (1647264)
ผีเสื้อ ลายตะวัน สำหรับน้ำทิพย์ที่ท่านอาจารย์ให้มานั้น
 
ผมแตะที่ท้องอาการปวดท้องลดลงมาก
 
แต่แตะที่ฝ่าเท้าขวาที่เคล็ด ปรากฏว่าหาย 100% 
 
เลยลองทานน้ำทิพย์ไป ท้องที่ปวดก็ดีขึ้นประมาณ 90% ครับ
 
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง คุณท๊อป
 
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์เป็นอย่างสูงครับ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:07:36


ความคิดเห็นที่ 79 (1647265)
ผีเสื้อ ลายตะวัน สำหรับลูกอม ผมสังเกตตัวเองว่า
 
ตั้งแต่อมลูกอมแล้ว ความรู้สึกหิวน้อยลง เหมือนไม่อยากทนอะไร
 
แม้บางมื้อไม่ได้ทานตอนเช้า มาถึงกลางวันก็ยังหิวไมมากครับ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:08:37


ความคิดเห็นที่ 80 (1647266)
ผีเสื้อ ลายตะวัน ด้วยบารมีทีท่านอาจารย์ได้บำเพ็ญ
 
ทาน ศีล ภาวนาอย่างเต็มพิกัด มีจิตเมตตามีความรักอย่างปราศจากเงื่อนไข
 
ทุกอย่างจึงสำเร็จได้ด้วยจิตของท่าน ไม่ว่าจะเป็นลูกอมหรือน้ำศักดิ์สิทธิ์
 
ตามที่ท่านได้อธิษฐานจิตช่วยลูกหลานครับ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:09:42


ความคิดเห็นที่ 81 (1647267)
เพชรดา วรรณรักษ์ เจี๊ยบได้รับน้ำศักดิ์สิทธ์จากท่านอาจารย์ ตอนนั้นมีอาการคันที่หัวเข่ามาก เกามันส์เลย เกาจนเป็นเม็ดเล็กๆสี่แดง เหมือนเป็นผื่นขึ้นเต็ม ได้้นำน้ำศักดิ์สิทธ์มาลูบที่หัวเข่า ปรากฏว่าอาการคันหายไปเลย และเข่าที่ดำ ก็มีสีขาวขึ้นทันตา

จากนั้นท่านอาจารย์ให้แจกน้ำศักดิ์สิทธ์ที่เหลือในขวดอีกรอบ เจี๊ยบรับมาดื่มและลูบศีรษะเพื่อความศิริมงคล แหม รู้สึกสดชื่นค่ะ รุ่งเช้ามีอาการถ่ายท้อง 2 ครั้ง ซึ่งก็คงจะขับพิษในร่างกายออกมาค่ะ

ส่วนลูกอม ท่านอาจารย์ได้เมตตาแจกคนละเม็ด รับมาอมแล้วรู้สึกไม่ง่วงนอน ทั้งที่ปรกติจะนอนไว แต่ถึงกระนั้น ก็ยังเคยชินเมื่อเลิกประชุม ก็ไปหาที่นอน ก็นอนหลับสนิทมาก ไม่กังวลใดๆค่ะ

ที่สำคัญลูกอมและน้ำศักดิ์สิทธ์นี้ จะมีคุณค่ามากตอนเกิดภัยพิบัติ เพราะเราจะไม่รู้สึกหิวข้าวและหิวน้ำเลย แม้ว่าภัยพิบัติจะเกิดกี่วันก็ตาม เราก็จะอยู่ได้ โดยไม่รู้สึกหิวและทรมาน

และที่สำคัญอีกอย่าง ลูกอมและน้ำนี้ท่านอาจารย์ให้เราหามาเอง ท่านอาจารย์เพียงแค่แตะ(ตอนเสาร์ที่แล้ว แต่เสาร์นี้ไม่ต้องแตะ แค่นึกก็เป็นอาหารอภิญญาแล้ว) ท่านได้เมตตาให้เรานำลูกอมและน้ำไปแจกจ่ายคนอื่นให้เขาได้มีโอกาสรอด ท่านอาจารย์นึกถึงคนอื่นเสมอ และคิดแทนพวกเราทุกอย่าง รู้ถึงความกังวลใจและหนักใจของแต่ละคน ท่านอาจารย์ได้แก้ปัญหาใ้ห้ทุกๆเรื่อง เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่กังวล ทุกคำถามมีคำตอบ สาธุ

วันนี้เจี๊ยบกลับบ้านตอนเย็นมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ มันหนาวอยู่ข้างใน จึงได้อธิษฐานขอพระบารมีพระศรีอารย์และดื่มน้ำศักดิ์สิทธ์ นั้น อาการครั่นเนิ้อครั่นตัวก็หายทันที สาธุ

กราบขอบพระคุณในความเมตตาค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:15:42


ความคิดเห็นที่ 82 (1647268)
Adi Poti ครั้งแรกที่ผมได้สัมผัส อภิญญา จากน้ำทิพย์ 
 
วันนั้นผมรู้สึกคันที่หลัง เลยเอาน้ำทิพย์ ลูบๆ
 
รู้สึกร้อนวูบๆ แล้วก็เย็น อาการคันก็หาย ไม่คันอีก
 
แล้วมาเมื่อคืนวันเสาร์ผมก็ได้นำน้ำเปล่าขวดนึง
 
ให้อาจารย์จับ แตะๆ กะจะเก็บเอาใว้ดื่ม 
 
วันอาทิตย์ ผมไปอ๊อกเหล็กคานวิหาร 3 ชั้น
 
มือก็ไปโดนเหล็กที่กำลังแดงๆร้อน ๆ
 
หนังที่ข้อมือซ้ายก็เปื่อย ย่นๆ หลุดออกมาก็ทั้งแสบ ทั้งร้อน
 
ทนทำต่อจนเสร็จ เลยเอาน้ำทิพย์ที่อาจารย์จับ
 
มาราดล้างแผล และใช้รหัส ขอให้แผลหายเร็วๆด้วยเถิด
 
ปกติเวลาล้างแผลจะแสบ
 
แต่นี่พอราดน้ำกลับรู้สึกเย็นๆ ไม่แสบ
 
เวลาอาบน้ำแผลก็โดนน้ำทุกครั้งแต่ที่แปลก
 
คือแผลจะแห้งเร็วมาก ทั้งที่แผลโดนทั้งน้ำ เศษดินบ่อยมาก 
 
เมื่อก่อนถ้ามีแผลแบบนี้ แล้วโดนน้ำ สิ่งสกปรก คงจะอักเสบ
 
เป็นหนอง เป็นสัปดาห์กว่าจะหายแต่นี่ผ่านไปวันเดียว
 
แผลแห้ง ไม่มีหนอง สุดยอดครับ
 
อาบน้ำท่าปกติ ไม่ต้องชูมือหนีน้ำ
...................................................

ครั้งแรกที่ผมได้กินลูกอมที่ได้รับจากมืออาจารย์
 
มีความรู้สึกสดชื่น หายง่วง 
 
ไม่ค่อยรู้สึกหิวข้าว ถึงจะทำงานเหนื่อย
 
ไม่กินข้าวก็พออยู่ได้ ไม่เหนื่อยมาก
 
วันนี้ที่ทำงานงานยุ่งมาก ทำงานจนถึงบ่าย2
 
กว่าจะได้กินข้าวเที่ยง
 
มาสังเกตุดูตัวเองก็ไม่รู้สึกหิว ท้องก็ไม่ร้อง 
 
ทำงานได้เรื่อยๆ
.............................................
 
ผมก็ขอขอบคุณเทวดาประจำตัวท่านอ.อุบล
 
และท่านอ.อุบล ที่ห่วงใยและดูแลลูกหลาน
 
ในทุกๆเรื่อง ผมขอขอบพระคุณมากครับ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:17:40


ความคิดเห็นที่ 83 (1647269)
Kridsana Si ผมเอง เจอมากับตัวเอง3ครั้งครับ ครั้งแรก
 
ก็ที่มหาลัยราชภัฎนครปฐมครับ ที่ท่านอาจารย์อุบล ไปบรรยายธรรมะน่ะครับ
 
อาจารย์ท่านเอาน้ำพีระมิด เทใส่มือผู้หญิงคนนึงครับ ซึ่งคันที่มือมาก
 
หลังจากได้รับน้ำปุ๊ป มือหายคันทันทีเรยครับ อีกคนนึงปวดเข่าครับเช่นกัน
 
พอได้รับน้ำ แล้วแกเอาไปลูบที่หัวเข่า แกก็หายปวดเข่าไปอย่างอัศจรรย์ครับ
 
ครั้งที่สองเกิดกับตัวผมเองครับ คราวนี้ท่านอาจารย์อุบล
 
ท่านให้เอาน้ำนำมาให้ท่านครับ แล้วท่านก็แค่จับๆ เสร็จก็ใส่พวกเราพิสูจน์
 
ตอนนั้นผู้รู้สึกมันคอ แสบๆแห้งๆครับ พออาจารย์เทน้ำให้ผม
 
ผมเอาลูปหน้า อาการแสบแห้งที่คอหายไปอย่างปริดทิ้งเรยครับ ไม่น่าเชื่อ 
 
ครั้งที่สาม เป็นเรื่องลูกอมครับ ท่านแจกให้ครับ แปลกมาครับ
 
ตั้งแต่ทานลูกอมที่ท่านให้แล้ว ไม่รู้ทำไม ไม่ค่อยหิวครับ
 
หรือเวลากินข้าว ก็จะรู้สึกว่ากินไปนิดหน่อยก็อิ่มล่ะ บางมื้อไม่กินเรยครับ แต่ก็ไม่หิว
 
คือมันอยู่ท้อง ไม่ปวดท้อง ท้องไม่ร้อง ไม่ทรมานด้วยครับ แปลกมาก
 
ตอนแรกคิดว่าเราเป็นคนเดียว เรยลองไปถามเพื่อนๆที่ได้รับลูกอมจากท่านอาจารย์
 
เหมือนผม ก็ปรากฎว่า มีอาการคล้ายกันเลยครับ คือ ไม่ค่อยหิวครับ
 
แล้วถ้ามื้อไหนไม่ได้กินข้าวก็จะไม่หิว เฉยๆครับ
 
เรื่องลูกอมนี้ท่านอาจารย์ท่านบอกสรรพคุณไว้ก่อนจะแจกให้แล้วน่ะครับ
 
ว่าถ้ามื้อไหนไม่ได้กินข้าวหรืออาหาร วันใดไม่มีอาหารจะกิน
 
ลูกอมนี้จะทำงาน คือจะไม่หิว หรือจะสามารถประถังชีวิตอยู่ได้โดยไม่หิว
 
ไม่ทรมานครับ ผมพิสูจน์แล้วครับ เป็นไปตามนั้นเปะเรยครับ
 
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างที่สุดครับ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:22:17


ความคิดเห็นที่ 84 (1647270)
ผีเสื้อ ลายตะวัน ในที่สุดยุคอภิญญาใหญ่ได้มาถึงแล้วจริง ๆ ครับ
 
ผมยังแทบไม่เชื่อว่าจะได้มาพบด้วยตัวเองโดยเฉพาะคนที่ทำชั่วผิดศีล
 
มาทุกข้ออย่างผม หากไม่ได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์และครอบครัวของท่าน
 
ที่ให้โอกาสเปลี่ยนแปลงกรรมชั่วของตนเองให้เป็นกรรมดี และได้มาทำบุญแรงกายที่
 
บ้านสวนพีระมิด ที่เป็นบ้านส่วนตัวของท่าน ผมคงไม่มีโอกาสเช่นนี้ กราบขอบพระคุณ
 
ท่านอาจารย์และครอบครัว และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่รักษาท่านอาจารย์และครอบ
 
ครัวของท่านเป็นอย่างสูงครับ กราบ กราบ กราบ ครับ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:23:51


ความคิดเห็นที่ 85 (1647272)
Yng Nna เมื่ออาทิตย์ก่อนๆไ้มีโอกาสทำน้ำทิพย์ และลูกอมทิพย์เช่นกันค่ะ
 
น้ำทิพย์นั้นยังไม่เคยเอามาทา เคยแต่ื่ดื่มค่ะ รู้สึกไทันทีว่าตัวเองมีอาการสดชื่นมากๆ
 
ไม่เหมือนตอนดื่มน้ำปกติ ส่วนลูกอมยังไม่เคยลองทานตอนหิวๆค่ะ
 
แต่ตอนนั้นจำได้ว่าทานแล้วมันรู้สึกอิ่มไปนานมากๆจนน่าแปลกใจ
 
คือไม่กินข้าวก็อยู่ได้ค่ะ สุดยอดจริงๆ คิดว่ายุคอภิญญามันมีแต่สมัยก่อน
 
ไม่คิดว่ายุคปัจจุบันของเราก็สามารถเป็นแบบนี้ไ้ด้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกว่า
 
ยุคพระศรีอาริย์กำลังมาถึงแล้ว ต้องกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลมากๆค่ะ
 
ที่เมตตา สาธุ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:25:12


ความคิดเห็นที่ 86 (1647274)
Dokput Flower จิ๋ม ชัชวลี ได้รับน้ำทิพย์จากท่านอาจารย์
 
ไปช่วยรักษาคุณพ่อที่เข้าโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการซึม
 
คุณแม่เกรงว่าจะมีเลือดคั่งในสมองเพิ่มเติม จึงให้เข้า รพ.
 
จิ๋มโชคดีท่านอาจารย์อุบล หยิบน้ำในโรงทานขึ้นมาขวดนึง และมอบให้
 
จิ๋มก็นำมาเช็ดกะตัว พ่อ ลูบเบา ๆ พร้อมภาวนาระหัส อาจารย์อุบล ช่วยด้วย
 
สวดมนตร์ ไปด้วย เท่านั้นและ พ่อก็ลืมตา ตื่นขึ้นมาได้
 
ขอบพระคุณอาจารย์อุบล และเทวดาที่รักษาท่านทุกพระองค์ที่เมตตาลูก
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:26:31


ความคิดเห็นที่ 87 (1647276)
Wannarin Kesornmas ผมคนนึงก้อได้น้ำมนต์จากบ้านสวนแล้วก้อลูกอมมาครับ
 
ตอนนั้นขอูชาอุปกรณ์เพิ่มอีกอันกะว่าให้แม่ได้บูชาเป็นของขวัญปีใหม่
 
เพื่อความเป็นสิริมงคลครับ ผมก้อพยายามถามที่มาที่ไป
 
แต่น้องที่เค้าแนะนำก้อไม่บอก บอกนิดๆหน่อย แต่ผมเชื่อใจก้อกินเข้าไปครับ
 
พอตกดึกผมก้อปวดท้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้วก้อถ่ายครับ
 
ส่วนแฟนผมเช้าวันรุ่งขึ้นก้อถ่ายเหลวทั้งวันครับ
 
ผมว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินทั่วไปนะครับ
 
น่าจะเป็นการขับถ่ายของไม่ดีออกมามากกว่า
 
ตอนนี้ก้อหายแล้วครับ ขอบคุณครับ !!
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:27:52


ความคิดเห็นที่ 88 (1647277)
สมจิต โพธิ์นิล จิตอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเหมือนกัน
 
เมื่อท่านอาจารย์เทน้ำทิพย์ใส่มือให้ จึงนำไปทาผิวหนังที่แดงคัน
 
ตรงขอบเสื้อด้านใน หายคันทันทีเลยค่ะ ทาหน้า ทาแขน
 
รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเป่า อัศจรรย์จริง ๆ
 
ทายายังไม่หายเร็วแบบนี้เลยค่ะ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:29:07


ความคิดเห็นที่ 89 (1647279)
Chanida Cheungsa-ad เมื่อก่อนชนิดาจะชอบอ่านเรื่องราวของคนที่มี"พลังจิต"
 
หรือ ได้อภิญญา มากๆ ซึ่งอ่านแล้วก็ตื่นเต้น ได้รู้มากมายหลายเรื่อง
 
ที่เราไม่สามารถรับรู้ หรือมองเห็นได้ด้วยตัวเอง เช่น เรื่องเกี่ยวกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
 
ผี วิญญาณ นรก สวรรค์ และ ความวิเศษอีกมากมาย
 
ซึ่งอ่านแล้ว ก็อยากได้"อภิญญา"กับเค้าบ้าง
 
คิดแค่ว่า น่าจะเท่ห์และวิเศษกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
 
แต่ลึกๆก็คิดว่า คนโง่ๆและขี้เกียจอย่างเรา คงยากสสสสสสสสสสสสส์
 
ที่จะได้อภิญญาแน่ๆ แต่ตอนนี้ได้อ่านเรื่องราว"อภิญญา" และ ความเป็นทิพย์
 
ในแบบฉบับของท่านอ.อุบลและลูกบ้านสวนฯ
 
รู้สึกมีกำลังใจขึ้นว่า "อภิญญา" ไม่ได้เกินเอื้อมอีกต่อไป
 
ขอแค่มีความตั้งใจจริง ก็เพียงพอ เพราะแนวทางที่ท่านอาจารย์แนะนำ
 
ก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด...................
 
อนุโมทนากับทุกๆธรรมทานด้วยค่ะ สาธุ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:32:49


ความคิดเห็นที่ 90 (1647280)
ตุลย์-นราธิป กิมไพบูลย์ วันนี้ระหว่างเดินทางจากนครปฐม ไปยัง กทม.
 
ด้วยรถตู้ประจำทาง ผมก็ฝึกกสินมาตลอดทางครับ ทั้งกสินดิน กสินสีเขียว
 
กสินสีขาว ตลอดทาง.. และเมื่อผมถึงที่หมายที่กทม.หลังจากที่ทำธุระเสร็จเรียบร้อย
 
ผมก็ได้นั่งรถเมย์จากท่าพระจันทร์มายังสะพานควายครับ
 
ระหว่างทางผมนึกออกว่ายังไม่ค่อยได้ฝึกกสินไฟ และอากาศกสินเท่าไรเลย
 
พอนึกขึ้นได้ก็เริ่มจาก "ก สิ น ไ ฟ" วิธีการฝึกของผมคือ
 
ผมนึกถึงเปลวเทียนที่เคยเห็น จากนั้นก็ให้เปลวเทียนทั้งค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ
 
จนเปลวไฟลุกท้วมเทียน จากนั้นก็ผ่อนให้ไฟเบาลง เป็นไฟหรี่ๆ
 
ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ สนุกมากเลยครับลองฝึกกันดูครับ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:37:02


ความคิดเห็นที่ 91 (1647281)
Wanida Suwannasa ขอบคุณคุณตุลย์ที่อธิบายวิธึฝึกกสินแบบเข้าใจได้ง่าย
 
จะใช้วิธีนีึึ้ฝึกบ้าง อนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:37:54


ความคิดเห็นที่ 92 (1647282)
สุรดา ศรีสุข ยินดีในบุญทุก ๆ ท่าน และทุก ๆ ธรรมทานนะคะ
 
กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์บ้านสวนพีระมิดทุก ๆ พระองค์
 
และ ท่านอาจารย์อุบล ที่มีเมตตาสอนกสินแบบง่าย ๆ ให้ลูก ๆ บ้านสวนได้ฝึกค่ะ
 
สาูธุ สาธุ สาธุ กราบ กราบ กราบ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:38:57


ความคิดเห็นที่ 93 (1647283)
Vinita Sutthi ก้อยอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่ท่านอ.ทำน้ำทิพย์
 
เพียงแค่แตะและบอกว่านี่คือน้ำอภิญญา แล้วให้พวกเราพิสูจน์
 
ด้วยการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์มาลูบตามตัว เวลาแค่เพียงเสี้ยววินาที
 
ทุกคนต่างตะโกนด้วยความดีใจ เช่น หายง่วง หายปวดหัว หายปวดฟัน
 
เยอะแยะมากมาย ก้อยไม่รอช้าเอากะเขาด้วย นำมาลูบสิวที่หน้า
 
โอโห้สุดยอดมากกกก สิวยุบทันทีค่ะ นี่คือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริง
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:40:34


ความคิดเห็นที่ 94 (1647284)
Prapasiri Thavorn การฝึกอภิญญาสำคัญมากๆๆ

คือ ต้องฝึกกับครูอาจารย์ที่ได้อภิญญา

ซึ่ง ความอัศจรรย์ที่มิ้มได้พบก็คือ

เพียงเเค่ท่านอาจารย์เเตะน้ำ เเตะลูกอม

มองไปที่น้ำ หรือ เเค่บอกว่าอาหารที่อยู่ตรงน้ำ

เป็นอาหารอภิญญา ก็เป็นเเล้วด้วยจิต

เมื่อมิ้มได้สัมผัสน้ำซึ่่งตอนเเรกมิ้มปวดไหล่บ่ามาก

เพลีย ง่วงนอน อาการก็หายโดยทันทีค่ะ

น้องเบส ปวดฟัน ได้สัมผัสน้ำก็หายปวดฟันค่ะ สาธุ 

ส่วนลูกอม เมื่อมิ้มกินเข้าไปก็รู้สึกใจสบาย ตัวสบาย

ปีติมีความสุข มีพลัง และอิ่มค่ะ สาธุ

ลูกอมนี้เป็นอาหารทิพย์ อาหารอภิญญา

เหมือนที่หลวงปู่ปานเคยเสกข้าว บอนเพียงหยิบมือ

ก็กลายเป็นข้าวสวยสุก มีเเกงบอนสุกพร้อมทาน

อาหารที่เรารับประทานเข้าไปล้วน ประกอบไปด้วย

ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เเละพลังชีวิต

ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าต้นพืชจะเติบโต ถือเป็นอาหารหยาบ

เเต่อาหารอภิญญานี้ จะเป็นการดึงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

พลังชีวิตที่อยู่รอบตัวเรา ดึงเข้ามา เมื่อทานเข้าไปเเล้ว

ก็เข้าสู่ร่างกายเลย 

ซึ่งลูกอมอภิญญานี้ เราทานเข้าไปเราก็รับประทานอาหารได้ตามปกติ
 
เเต่ในยามที่เราไม่มีอาหารทาน

อาหารนี้จะถูกนำมาใช้ เราก็สามารถอยู่ได้ 

ไม่หิว อิ่มด้วยธรรมปิติ สาธุ สาธุค่ะ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 14:42:52


ความคิดเห็นที่ 95 (1647348)

ด้วยเหตุที่จิ๋ม  (ชัชวลี) ไม่ค่อยเก่งในศัพท์ธรรมะหลาย ๆ อย่างที่ท่านอาจารย์สอน เลยไปค้นเพิ่มใน net มา เลยส่งมาให้ญาติธรรมบ้านสวนพีระมิดมาอ่านกันบ้าง จะได้คุ้นเคยกับคำเหล่านี้ อ่านบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ซึม เข้าไปเองค่ะ

อัชฌาสัยฉฬภิญโญ (อภิญญา๖)


อัชฌาสัยของท่านที่ชอบมีฤทธิ์มีเดช ทำอะไรต่ออะไรเกินกว่าสามัญชนจะทำได้เรียกว่า
อัชฌาสัยของท่านผู้มีฤทธิ์ หรือท่านผู้ทรงอภิญญา ๖
อภิญญา ๖ นี้เป็นคุณธรรมพิเศษสำหรับนักปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องฝึกฝนตนเป็นพิเศษให้ได้คุณธรรมห้าประการก่อนที่จะได้บรรลุมรรคผลหมายความว่าในระหว่างที่ทรงฌานโลกีย์นั้น ต้องฝึกฝนให้สามารถ ทรงคุณสมบัติห้าประการดังต่อไปนี้
๑. อิทธิฤทธิ์แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
๒. ทิพยโสตมีหูเป็นทิพย์สามารถฟังเสียงในที่ไกล หรือเสียงอมนุษย์ได้ยิน
๓. จุตูปปาตญาณรู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์
๔. เจโตปริยญาณรู้ความรู้สึกในความในใจของคนและสัตว์
๕. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณระลึกชาติต่างๆ ที่ล่วงมาแล้วได้
ทั้งห้าอย่างนี้ จะต้องฝึกให้ได้ในสมัยที่ทรงฌานโลกีย์ต่อเมื่อฝึกฝนคุณธรรม ห้าประการนี้
คล่องแคล่วว่องไวดีแล้ว จึงฝึกฝนอบรมในวิปัสสนาญาณต่อไปเพื่อให้ได้อภิญญาข้อที่
๖.อาสวักขยญาณได้แก่การทำอาสวะให้หมดสิ้นไป



<O
จากหนังสือกรรมฐาน ๔๐ โดยพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ พระราชพรหมยานวัดท่าซุง
 
 
อภิญญาคือ อภิ + ปัญญา
อภิ แปลว่า ยิ่ง
ปัญญา แปลว่า ความรู้
อภิญญาแปลว่า ความรู้ยิ่งหมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ
เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน

อภิญญาในคำวัดหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆมี 6 อย่าง คือ
1.
อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ดำดินได้
2.
ทิพพโสต มีหูทิพย์
3.
เจโตปริยญาณกำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
4.
ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
5.
ทิพพจักขุมีตาทิพย์
6.
อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป

อภิญญา 6 กับวิชชา เป็นสิ่งที่ได้มาจากกรรมฐาน
ไม่จำเป็นต้องมีครบ 6 อภิญญาแล้วแต่การฝึกจิตของแต่ละคน
ถ้าครบ 6 อภิญญา แสดงว่าผู้นั้นเข้าถึงอริยบุคคลแล้ว
อภิญญาข้อสุดท้ายคือ การหลุดพ้นซึ่งกิเลส หรืออาสวักขยญาน
 
ฌานทั้งหลายล้วนเป็นโลกียะทั้งสิ้น
แม้ได้ชื่อว่า โลกุตตรฌาน นั้นแท้จริงเป็นโลกียฌานเดิมของพระอรหันต์ ที่แต่เดิมท่านได้ตั้งแต่ยังไม่เป็นพระอริยะครั้นเมื่อเป็นพระอริยบุคคลแล้วท่านจะเข้าชมฌานสมาบัติ อีกครั้งเรียกฌานดั้งเดิมของท่านว่า โลกุตตรฌาน เพราะ พระอรหันต์ไม่มีกรรมท่านทำโดยไม่มีเจตนาเป็นเพียงกิริยาเท่านั้น

ตั้งแต่ปฐมฌาน ต้องไม่มีกามราคะและอกุศลธรรม และไม่มีนิวรณ์ ๕  
ฌาน๔ คือสัมมาสมาธิย่อมต้องมีศีลเป็นบาทฐาน อย่างน้อย ศีล๕ (สัมมาสมาธิเป็นองค์หนึ่งของสมาธิคือ1.สัมมาสติ 2.สัมมาวายามะ3.สัมมาสมาธิ)

คนที่นั่งสมาธิจนได้ฌาณหรืออภิญญา "จะต้องมีศีลบริสุทธิ์ไหม"?
คำถามนี้กว้างเกินไป คำว่าศีลนั้นตีความได้หลายอย่าง หลายระดับ

ส่วนที่สงสัยว่า ถอดจิตได้
ถ้าหมายถึงแยกจิตแยกกายได้นั้นต้องอยู่ในภาวะเข้าฌานอยู่ หมายถึง ฌาน ๔ จึงเห็นว่าเจ้าของกระทู้ยังใช้ถ้อยคำไม่ถูกต้อง

ผู้ที่ได้ฌาน ๔ 
    -   ย่อมได้ยถาภูตญาณทัสสนะ
    -   ย่อมเนรมิตกายต่างๆได้ (มโนมยิทธิ)
-        ย่อมแสดงฤทธิ์ต่างๆได้ เช่น คนเดียวทำเป็นหลายคนหลายคนทำเป็นคนเดียว เดินบนน้ำได้ ดำดินได้ เหาะได้เหมือนนก (อิทธิวิธี)
-        ย่อมได้หูทิพย์เหนือวิสัยของหูคนธรรมดา(เจโตปริยญาณ)
-        ย่อมกำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ (เจโตปริยญาณ)
-       ย่อมระลึกชาติได้ (ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ)
-       ย่อมได้ทิพยจักษุหรือจุตูปปาตญาณรู้จักความตายและความเกิดของสัตว์ทั้งหลาย ตายจากที่นี่แล้วไปเกิดที่ใดเพราะกรรมอะไร
-       ย่อมได้ญาณอันเป็นเหตุให้อาสวะสิ้นไป(อาสวักขยญาณ)

เรียกว่าได้วิชชา ๘ และอภิญญา ๖  ซึ่งมีพระไตรปิฎกรับรองตลอดจนเกจิอาจารย์รุ่นเก่าก่อนได้เพียรปฏิบัติจนเห็นผล เช่น หลวงปู่ปานวัดบางนมโคหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า

ข้อความข้างบนค้นมาจาก internet ค่ะ หวังว่าจะได้ประโยชน์บ้าง แต่ถ้าอ่านแล้วงง ก็ต้องขออภัยค่ะ เอาคำสอนของ อ.อุบล ดีที่สุดค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-27 20:17:36


ความคิดเห็นที่ 96 (1647399)

    เมื่อวาน  คุณแม่ได้น้ำทิพย์มา

หยกลองใช้  โดยใช้แต้มรอยดำที่เกิดจากบาดแผลต่าง ๆ

รอยดำลดเลือนลงมาก  และรอยแผลเป็นนูน ๆ

ก็เรียบขึ้น ครับ

    หยกขอขอบคุณ อ. อุบล  เทวดาประจำตัว อ. อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวน  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลจักรวาล

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พลวัตร นภาพรรณราย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-28 10:22:14


ความคิดเห็นที่ 97 (1647555)

(โดยนายพิชัย  ภูกิ่งพลอย)

(ถ้าไม่ฆ่าสัตว์แล้วจะเอาอะไรกิน)

ตอนนี้ผมขอลงสนามจริงก่อนในการช่วยเหลือคน

เนื่องจากคนในชนบทเกิดมาก็ต้องเกิดมาเพื่อเพื่อฆ่า

อย่างเดียวก็เป็นเพราะผลบุญที่ทำมาไม่มากตั้งแต่ใน

อดีตชาติที่แล้วนั้นแหละจึงเกิดมาอยู่ในภพภูมิที่กันดาร

จึงต้องฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารและส่วนมากจะไม่

รู้กฎแห่งกรรมเพราะหลายๆคนที่ผมได้ทำการบำบัด

เมื่อผมถามว่าฆ่าสัตว์อะไรมาบ้าง

ประโยคแรกที่เขาตอบ

ถ้าเราไม่ "ฆ่าสัตว์" ก็ไม่ได้กิน

ทำให้ผมต้องงัดกุลยุทธ์หลายๆวิธีทั้งอธิบาย

ถึงกฎแห่งกรรม ทั้งบำบัดให้หายจากอาการเจ็บป่วยก่อน

จากการสังเกตุหนึ่งคนกว่าใจจะเปิดใช้เวลานานมาก

ถึงหนึ่งชั่วโมง

ช่างเหมือนกับผมเมื่อก่อนจริงๆ

แต่ถ้าวันไหนมีคนอยู่พร้อมกันมากหน่อยก็ยังดีหน่อย

ได้พูดพร้อมๆกันทั้งหมด

วันที่ 9 , 10 ธ.ค 55

ผมได้บำบัดคนเจ็บป่วย จำนวน  16  คน

จากอาการเจ็บป่วยหายแล้ว

ผมก็จะแนะนำให้รักษาศีลห้าเป็นพื้นฐานให้ได้

แต่สรุปแล้วขอให้เริ่มฝึกรักษาศีลห้าในวันพระก่อน

และอีกพวกหนึ่งประเภทชอบเล่นการพนัน ซื้อหวย

ผมยอมรับว่าผมไม่เข้าไม่ถึงจริงๆ

เพราะจิตใจเขาจะมีแต่เงินและการโกงอย่างเดียว

และผมได้นำน้ำพีระมิดให้คนงานที่ทำงานกับผม

กินประจำสรุปแล้วคนงานก็มีแรงทำงานได้ไม่ค่อยเหนื่อย

อาการเจ็บป่วยในระหว่างการทำงานก็ไม่มี

แต่เมื่อไรคนงานกินเหล้า

เครื่องจักรก็จะมีปัญหาทันที

สรุปแล้ววันนั้นงานก็จะไม่ได้เยอะ

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้านสวนพีระมิดมากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-30 13:42:57


ความคิดเห็นที่ 98 (1647557)

(โดยคุณพิชัย  ภูกิ่งพลอย)

น้ำศักดิ์สิทธิ์

พอผมได้น้ำศักดิ์สิทธิ์หรือน้ำพีระมิดพอท่านอาจารย์บอกว่า

แจกได้ผมเริ่มแจกคนใกล้ตัวก่อนคนก็สนใจมาก

มีแต่คนอยากได้ก็เพราะเขาได้บำบัดกับเรา

ชาวบ้านก็มีความศรัทธาต่อท่านอ.อุบล

เพราะผมต้องกล่าวถึงครูบาอาจารย์ด้วย

และผมได้เน้นให้ทุกคนรักษาศีลห้าเป็นพื้นฐานให้ได้

หลังจากผมแจกน้ำพีระมิด

ผมได้มีโอกาสเจอหลานชายเป็นลูกพี่ชาย

หลานชายจะชอบเล่นเกมส์ไม่ค่อยช่วยงานพ่อ

จึงได้คุยกันได้ให้หลานชายช่วยเข้าFeedbook

ของบ้านสวนพีระมิด

เพื่อปิดขุมนรก

ก็คงจะเป็นบุญสัมพันธ์

เพราะระหว่างผมกับหลานชายคนนี้

หลานเขาไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไร

ตอนแรกผมเข้าไปในร้านอินเตอร์เน็ต

ผมก็ไม่เห็นหลานหรอกแต่มีเหตุให้เขาเห็นผม

แล้วเขาก็ทักทายผมก่อน

จึงได้พูดคุยกันกับหลานทำให้ได้ปรับความเข้าใจกัน

สรุปแล้วเพราะผลบุญจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-30 14:08:38


ความคิดเห็นที่ 99 (1647561)

(โดยคุณพิชัย  ภูกิ่งพลอย)

น้ำวิเศษ

พอผมได้น้ำพีระมิดและลูกอมกลับบ้านจังหวัดอุดรธานี

พอกลับถึงบ้านในวันอังคารได้เดินทางไปหา

พ่อตาแม่ยาย(พ่อแม่ภรรยา)

ที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

ก็ได้เอาน้ำพีระมิดไปแจก

แต่ก่อนพ่อตาจะไม่ศรัทธา

แต่พอผมได้อุทิศบุญให้เทวดารักษาพ่อตา แม่ยาย

อยู่บ่อยๆก็เริ่มส่งผลให้ท่านทั้งสองมีดวงตาเห็นธรรม

วันนั้นผมกับภรรยาบำบัดคนได้  8  คน

ก็มีหลายคนเริ่มสนใจที่จะตั้งใจรักษาศีลห้า

มี 5 คน ที่บูชาอุปกรณ์สารภาพบาปของท่านอ.อุบล

วันนั้นผมรู้สึกปิติมาที่ได้ช่วยพ่อตาแม่ยายได้มี

ดวงตาเห็นธรรมขึ้นมาบ้าง

ต่อจากนั้นวันพฤหัสบดีผมกับภรรยาได้พาอาผู้หญิง

เดินทางกลับบ้านไปที่อำเภอคำชะอี  จังหวัดมุกดาหาร

และได้บำบัดผู้ป่วยได้ประมาณ 8  คน

จากการกล่าวถึงท่านอ.อุบล

ทุกคนจะมีความศรัทธา

ไม่หลบหลู่

และผมก็ได้น้ำพีระมิดไปแจกผู้คนด้วย

หลังจากผมกลับมาบ้านมีเหตุให้ผมต้องทำงานหนักมาก

เพราะมีลูกน้องช่วยงานอัดฟางเหลือเพียง 1 คน

มาถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่า

ต้องพึ่งตัวเองมากที่สุด

เพราะการงานการเงินอยู่ที่เราเป็นผู้กระทำ

ถ้าเราจ้างคนเยอะเงินก็ไม่เหลือ

ดังนั้นเราต้องทำเพื่อจะให้มีเงินเหลือเยอะ

ไว้กิน ไว้ทาน ไว้ใช้หนี้

ถ้าเรามีแต่จ้างคนงานเมื่อไรจะใช้หนี้ได้หมด

จากการทำ Work shop ที่บ้านสวนพีระมิด

การงานการเงินก็ได้ 100% ครับ

คือ มีงานเข้าให้ทำตลอด จึงก่อให้เกิดรายได้

ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น

จากการที่ผมทำงานมากทำให้เกิดเหนื่อย

ได้ทำเหล็กขนาด 3 หุน ที่เป็นเหล็กใช้สำหรับ

เขี่ยฟางแทงเข้าหลังเท้าตัวเอง

ลึกประมาณนิ้วกว่าๆ เลือดไหลออกเยอะมาก

ตอนแรกปวดมาก

ผมได้ใช้น้ำพีระมิดหรือน้ำวิเศษที่ท่านอ.อุบล

ให้นำกลับบ้านไปคนละหนึ่งขวดแล้วให้นำไปผสมต่อได้

ก่อนเทน้ำพีระมิดลงเท้าผมได้

ขอพระบารมีพระศรีอาริย์เมตไตรที่ท่านอ.อุบลเป็นคน

อันเชิญมาสถิตย์ที่บ้านสวนพีระมิดโปรดได้มาช่วย

ห้ามเลือดให้กระผมและอาการเจ็บปวดด้วยเทอญ

ทันทีที่พูดจบ

อาการเจ็บปวดหายทันที

เลือดก็ได้หยุดไหลทันที

แผลที่เป็นรูแผลก็ได้ติดกัน

เว้นช่วงมาประมาณ 30 นาที

แผลเริ่มมีอาการบวมและปวดขึ้นมาอีก

เพราะเกิดจากเหตุของกรรมที่ผมก่อไว้คือ

เคยใช้เท้าเตะภรรยา

เคยใช้เท้าเตะลูก

ใช้เท้าเตะควาย  ใช้เท้าเตะไก่  ใช้เท้าเตะหมา

ใช้เท้าเตะแมว

และใช้เท้าเหยียบขยี้ตะขาบ แมงป่อง

และเคยใช้เท้าเหยียบสัตว์เล็กๆมามากมาย

และในขณะที่เขียนบรรยายอยู่นี้

ได้มีอาการปวดบวมนิดหน่อย

และมีอาการปวดลึกๆลงมาฝ่าเท้า

กฎแห่งกรรมช่างเที่ยงแท้แน่นอน

ถ้าผมต้องตกนรกชดใช้กรรมก็คงทรมาน

มากมายกว่านี้หลายร้อยเท่า

กราบขอบพระคุณท่านอ.อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้านสวนพีระมิด

ที่เมตตากระผมพร้อมครอบครัว

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-30 14:34:44


ความคิดเห็นที่ 100 (1647562)

(โดยคุณพิชัย  ภูกิ่งพลอย)

ลูกอมวิเศษ

จากที่ผมได้กินลูกอมวิเศษไปแล้วทำให้ผมทำงานทั้งวันได้

ไม่รู้สึกหิว  อย่างเช่นวันนี้ผมทานข้าวเช้าเวลา 7.30 น.

ทำงานได้ถึงเวลา 14.00 น. พอถึงบ่ายสองผมก็

กินขนมแค่ 3 ก้อน ก็ทำงานต่อได้อีกจนถึง 20.00 น.

อัศจรรย์จริงๆ

ทำให้มีผมแรงกาย แรงใจ ทำงานได้ทนทานจริงๆครับ

อัศจรรย์หนอ  อัศจรรย์หนอ  อัศจรรย์หนอ

เพราะบารมีท่านอ.อุบลจริงๆขอรับ

สาธุ  สาธุ   สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-30 14:46:50



[1] 2 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.