กราบคุณแม่อุบล และ คุณพ่อมงคล
และ สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน ครับ
ขอน้อมกราบ ต่อ พระเมตตา ของ ท่านพ่อดตาจินิน องค์พระปฐมฯ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อเสงี่ยม ท่านท้าวเวชสุวรรณ องค์พีระมิด และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด
ขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่อุบล คุณพ่อมงคล ท่านด๊อกเตอร์อาจอง และ ขอขอบคุณ คุณท๊อป
ขอขอบคุณ คุณมาร์ค และ คุณเพชร เวปมาสเตอร์
บ่ายวันนี้ ได้ชมคลิป รายการคุยไปแจกไป
วันที่ 18 สิงหาคม 2556
"บวงสรวง รวมพระบารมี ท่านรามเสสที่ 2 และ พระนางเนเฟอตารี"
ที่ บ้านสวนพีระมิด จ.นครนายก
ได้ทำพิธีบวงสรวง รวมพระบารมี ของ ท่านรามเสสที่ 2 และ พระนางเนเฟอตารี
คุณธนา ได้กล่าวนำลูกหลานบ้านสวนฯ ในการอาราธนาศีล ด้วยการตั้ง นโม 3 จบ บทสวดอิติปิโส คาถาเงินล้าน คาถาท่านท้าวเวชสุวรรณ คาถาพระศรีอาริย์ และ เสียงสวดมนต์ ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
คุณแม่อุบล ได้กล่าวเปิดพิธีบวงสรวง โดยการอาราธนาพระบารมีของ ท่านพ่อดตาจินิน องค์พระปฐมฯ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสากลโลก อนันตจักรวาล พระอินทร์ พระพรหม
คุณธนา ได้บอกเล่าว่า ลูกหลานบ้านสวนฯ ทุกคนต่างก็มีความสุข ที่ได้มาเข้าค่าย 15 และ มินิค่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกคนต่างเป็นพี่ เป็นน้องกัน ช่วยกันทำงานคนละไม้คนละมือ มีความสามัคคี
คุณแม่อุบล ก็บอกกล่าวต่อ ลูกหลานบ้านสวนฯ ว่า ท่านเห็นว่า เดี๋ยวนี้ ลูกหลานบ้านสวนฯ ต่างก็อยากเข้าครัวไปช่วยกันทำอาหาร ซึ่งต่างจากก่อนหน้านั้น เช่น ตอนค่าย 14 มีคนที่ทำอาหารให้ผู้คนที่มาเข้าค่าย เพียง 2 ท่านเท่านั้น
และ ตอนที่ คุณแม่อุบล ต้องเดินทางไปปฎิบัติภาระกิจ ภายนอกบ้านสวนฯ หลังจากเลิกค่าย 15 คุณอัญ และ คุณก้อย ก็มาเล่าให้คุณแม่อุบล ฟังในภายหลังว่า พี่ๆน้องๆ ทุกคนต่างก็ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด คนละมือคนละไม้ เป็นภาพที่ทุกคนทำงานด้วยความสุข มีความสนุกและร่าเริง
สำหรับ คุณอัญ รู้สึกตื้นตันใจ ในการทำงานช่วยเหลือกันทำความสะอาด เก็บ กวาด บริเวณงาน เมื่อเลิกค่าย15 ของลูกหลานบ้านสวนฯ เพราะ ในอดีต เมื่อเลิกค่าย ต่างคนต่างก็กลับบ้านของตนเอง ลูกหลานที่ยังไม่ได้กลับบ้าน ต่างก็ต้องช่วยกันทำงานเก็บกวาด ทำความสะอาด แต่ ปัจจุบันนี้ ทุกคนต่างก็ช่วยกัน แม้นแต่งานในครัว มินิค่าย นี้ การทำอาหารมื้อเช้า สามารถทำอาหารเสร็จ ตั้งแต่ตอน 7 โมง
บรรยากาศ ในการทำกิจกรรม มินิค่าย นั้น ทุกคนต่างร่วมทำกิจกรรมบุญ และ กิจกรรมบันเทิง ด้วยความสนุกสนาน เห็นภาพว่าทุกคนต่างก็มีความสุข เหมือนเคยเป็นพี่เป็นน้องกันมาตั้งแต่ภพก่อน และ ได้มาพบเจอกันอีกครั้ง
เปิดสาขาบ้านสวนฯ
ร้านอนันตา อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
คุณจาว(คุณจารุวรรณ) T.092-410-3883
คุณพี่ผู้หญิง มีอาการปวดหัวมา 2 ถึง 3 ปี เมื่อมายืนใกล้ๆ คุณแม่อุบล อาการที่ปวดหัวหายทันที
คุณธนา ได้บอกกล่าว ต่อ ลูกหลานบ้านสวนฯ ที่มาทำกิจกรรมธรรมะบำบัด วันนั้นว่า ใครที่มองหน้า สบตา คิดในแง่บวก กับ คุณแม่อุบล โดยการคิดว่า "อาจารย์อุบล ท่านมีจิตใจดี มีเมตตา มาช่วยพวกเรา" จะหายเจ็บ หายปวดได้ หรือ อาการดีขึ้น โดยจิตต้องเปิดรับด้วย
คุณพี่ผู้ชาย ซึ่งมีอาการปวดขา มาเกือบ 5 ถึง 6 ปี มองหน้า สบตา คุณแม่อุบล แต่ พี่ชายกลับคิดแต่ให้คุณแม่อุบลช่วย ให้เค้าหายเจ็บ หายปวด ปรากฎว่า อาการดีขึ้นเพียง 80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
คุณธนา จึงได้บอกกล่าวว่า อย่าไปคิดขอให้คุณแม่อุบลช่วยให้ตนเองหาย การขอย่อมไม่ได้รับ ให้คิดบวกด้วยประโยคที่คุณธนาได้บอกกล่าว อย่าไปคิดเอาแต่ขอให้หายเจ็บหายปวด
เมื่อทำการคิดอย่างที่คุณธนาได้บอกกล่าว อาการปวดขาหายทันที
คุณแม่อุบล สามารถโอนย้ายพลังบุญ ให้หัวหน้าสาขาได้
พี่ผู้หญิง ที่มีอาการโรคกระดูกทรุด เกิดอาการชาตั้งแต่คอจนถึงแขน มาเกือบ 5 ปี เมื่อมายืนใกล้ๆ คุณจาว(หัวหน้าสาขา) อาการชาหายทันที แต่เหลือเพียงที่ใต้รักแร้ยังมีความเสียว เมื่อยืนสักครู่หนึ่ง อาการเสียวก็หายทันที
ลูกหลานบ้านสวนฯ ได้รับการบอกกล่าวว่า การที่เรามายืนใกล้ๆ คุณแม่อุบล พลังสีขาวที่เป็นพลังบุญ ก็สามารถวิ่งเข้าสู่ร่างกายของเราได้
ดังนั้น ถ้าเราไปยืนใกล้ๆ คนที่มีพลังไม่ดี พลังไม่ดีก็ย่อมเข้าสู่ร่างกายของเราได้เช่นกัน
พระพุทธเจ้า ท่านจึงได้สอนให้เราว่า อย่าคบคนชั่วเป็นมิตร คุณแม่อุบล ได้บอกกล่าวว่า การที่เราจะดูออกว่า ใครเป็นคนชั่วนั้น ให้เราลองไล่ศีลทั้ง 5 ข้อดู ว่า เค้าทำผิดศีลข้อใดบ้าง แต่บางครั้ง เราก็ดูไม่ออกว่าเค้าทำผิดศีลใดมาบ้าง ก็ให้เราสังเกตุจาก ความทุกข์ที่เค้ามี หรือ ประสบอยู่ นั้นคือ หลักของ "ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ"
ถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำงานร่วมกับคนไม่ดี ก็อย่าไปพูดคุยด้วย แต่ถ้าเลี่ยงการพูดคุยไม่ได้ ให้พูดคุยด้วยน้อยที่สุด และ ให้เลี่ยงจากอบายมุขทั้ง 6(ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านการทำงาน)
มีลูกหลานสอบถามว่า พระท่านฉันเนื้อสัตว์บาปไหม คุณแม่อุบล ได้บอกกล่าวว่า พระพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสไว้ว่า พระไม่บาป ถ้าพระไม่ได้ลงมือฆ่าเอง สั่งให้ฆ่า รู้เห็นการฆ่า ได้ยินเสียงการฆ่า ถ้าไม่ใช่ พระก็ตกนรกขุม1
และ อย่านำของที่ไปถวายพระ ไม่ว่าเป็นอาหาร หรือ สิ่งของ (แม้นเป็นของเราถวายเอง) กลับบ้าน พระฉันเหลือ ก็บอกให้นำไปกินที่บ้าน เราจะมีปัญหาในเรื่องหนี้สิน สุขภาพแย่ ครอบครัวมีแต่ความขัดแย้ง
คุณแม่อุบล ได้ยกตัวอย่างว่า ถ้าลูกหลานเรา นำของมามอบให้เรา แต่เมื่อจะกลับบ้าน ลูกหลานก็หิ้วหอบสิ่งของที่นำมามอบให้เรากลับบ้านไปด้วย เรามีความรู้สึกอย่างไร
ครั้งหนึ่ง มีชาวบ้านมาสอบถาม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ว่า เจ้าอาวาส มีสิทธิมอบสิ่งของ ที่เรานำมาถวายพระกลับบ้านได้ไหม ซึ่งครั้งนั้น องค์พระปฐมฯ ได้เสด็จมาบอกให้ทราบว่า เจ้าอาวาสไม่มีสิทธิ์ในการมอบของ หรือ วัตถุสิ่งใดที่นำมาถวายให้แก่สงฆ์ทั้งคณะได้(เป็นสังฆทาน)
ถ้าเจ้าอาวาส หรือ พระรูปใด ให้ไปโดยลำพัง พระก็ต้องตกนรกโลกันต์ เราก็ต้องไปนรกโลกันต์ด้วย ยกเว้นแต่ สงฆ์ทั้งคณะจะอนุญาต (สาธุการ) เท่านั้น
คุณแม่อุบล ยังบอกกล่าวต่อไปว่า การถวายข้าวพระพุทธ นั้นก็ไม่ต้องถวาย เพราะ พระพุทธท่านไม่ได้ฉันหรอก แต่คนที่ทำการถวายนั้นแหละ ทำการกินเอง ให้เราใช้สติปัญญาในการไตร่ตรอง เพราะ พระพุทธ ท่านไม่ต้องการสิ่งของที่เป็นอามิสบูชา ท่านต้องการความดี ให้เรารักษาศีล ทำทาน คือ การปฏิบัติบูชา
คุณธัญญาภรณ์ มีอาการปวดข้อมือ ปวดฝ่าเท้า เพราะ เคยเอาของที่ถวายพระ นำกลับบ้านตนเอง เมื่อได้รับพระเมตตาจาก องค์พระปฐมฯ และ ท่านท้าวเวชสุวรรณ เมื่อสำนึกผิด อาการปวดข้อมือ ฝ่าเท้าก็หายปวดทันที
คุณเบญจวรรณ เคยขโมยเงินจากบาตรวิระทาโย ตอนเด็กๆ มีอาการปวดหัว ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้รับความเมตตาจาก องค์พระปฐมฯ และ ท่านท้าวเวชสุวรรณ อาการปวดหัว ใจเต้นไม่เป็นจังหวะหายทันที
คุณอิ๊ด มีอาการปวดแขน ปวดท้องเพราะเป็นโรคกระเพาะ บอกว่า เคยนำอาหารที่มาถวายให้พระ กลับบ้าน เมื่อได้รับความเมตตาจาก องค์พระปฐมฯ และ ท่านท้าวเวชสุวรรณ อาการปวดแขนและปวดท้องหายท้นที
คุณจาว ได้บอกเล่าให้ฟังว่า ที่ตนเองอยากเป็นสาขาบ้านสวนฯ นั้น เพราะ เคยไปร่วมเปิดสาขาบ้านสวนฯ ในที่ต่างๆ และ ได้เห็นคนที่มีความทุกข์ เมื่อได้รับการบำบัดแล้วหาย ทุกคนต่างก็มีความสุข ตนเองก็อยากช่วยเหลือคนอื่น เพราะ ตนเองเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ เมื่อไปใช้แรงกายที่บ้านสวนฯ ได้ทำการขุดดิน หิ้วถังปูน แต่ตนเองสามารถทำงานอย่างนี้ได้ แต่ก่อนนั้น ไม่สามารถทำงานอย่างนี้ได้ จะรู้สึกเหนื่อย
และ หันมาทานอาหารมังสวิรัติ หันมารักษาศีล ตอนนี้ร่างกายก็ดูดีขึ้น ก่อนหน้านั้น ผอมแห้งแรงน้อย
มาบ้านสวนฯ ก็ทราบถึงเหตุที่ทำให้ตนเองเกิดความทุกข์ เมื่อดับที่เหตุ ผลก็ดับ เพราะ ทราบที่เหตุ ว่า เคยทำผิดศีล มาก่อน ตอนนี้ สุขสบายกาย และ ใจ แต่ก่อนเคยไปวัด ไปถือศีล 8 วัน 9 วัน นุ่งขาว เหนื่อยก็เหนื่อย เพลียก็เพลีย ทุกข์ของตนเองก็ไม่หาย
เมื่อพบเจอคนอีกมากมาย เค้ามีทุกข์ ก็ปรารถนาอยากจะช่วยให้เค้าพ้นทุกข์ โดยการให้เค้าทราบเหตุ ที่ทำให้เกิดทุกข์ อยากให้คนอื่นได้มีความสุข เหมือนที่ตนเองได้รับจากบ้านสวนฯ ที่ได้รับการบำบัดด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้า
ตอนนี้ คุณจาว มีความสุขทั้ง ทางการงาน การเงิน และ ครอบครัว
|