|
ท่านแน่ใจหรือว่า ได้พบพระศรีอาริย์แล้ว | |
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระศรีอาิริย์"
ฉะนั้น ตราบใดที่ยังมอง ไม่เห็นสัจธรรม ก็อย่าเพิ่งแอบอ้างว่าตน "ได้พบพระศรีอาริย์แล้ว"นะคะ ........................................
สงสัยว่า ทีมค้นหาพระศรีอารืย์ จะหมดแรงข้าวต้มแล้วกระมัง
เฮ่อ เราจะหากันเจอไหมเนี่ย ก็มัวแต่มาสงสัยคนใกล้ตัวอยู่เนี่ย
แล้วคนอื่นล่ะ ที่ค้นหาพระศรีอาริย์ ได้ความว่ายังไงก็มาเล่า มาเขียน แบ่งปันประสพการณ์กันมั่งนะ เผื่อว่า จะพอมีหวังกันบ้าง
เพราะ พระพุทธปฐมฯ ท่านบอกว่า เวลาเหลือน้อย ลงทุกขณะแล้ว
อย่ารอแต่ ทีมพ่อใหญ่ธนา ทีมนี้เลย เพราะทีมนี้ ไม่ค่อยค้นหา มัวแต่ ยัดเยียดข้อหาพระศรีอาริย์ ให้กับคนที่ตนสงสัย คนเดียวเลย
ให้ตั้งทีมอื่นด้วย
เช่น คุณอัญ+คุณเอก
พ่อทศวรรษ
คุณอดิศักดิ์
คุณชนิดา
อ.อภิชัย + คุณแหลน จะคนละทีมก็ได้นะ
น้องนัท
น้องกัณฑ์
ทีมคุณกุหลายด้วยนะ
แล้วก็อีกหลายๆทีม
เร็วๆ ไวๆ เร่งช่วยกันตามหา พระศรีอาริย์
แล้วเอาผู้ต้องสงสัย ว่าจะเป็นพระศรีอาริย์ มาเทียบเคียงคุณสมบัติ ที่ผู้รู้บอกไว้
โดย ใช้หลักกาลามสูตร เท่านั้น ในการพิสูจน์ พระศรีอาริย์
เผื่อว่าเจอไว ภัยพิบัติจะได้ไม่ต้อง เกิด หรือ ไม่รุนแรง
หรืออย่างน้อย ประเทศไทย จะรอดมากที่สุด
มาเร่งรีบช่วยกัน อย่ามัวแต่อ่าน อย่ามัวแต่ อนุโมทนา
ขอตั้งทีมพิเศษ
ยายแก้ว กัญภัทร์ เฟื่องฟู เป็นทีมสำคัญ เรื่องค้นหา พระศรีอาริย์ ยายแก้วจะได้หายสนิทสักที ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com)
บอกตามตรงค่ะว่า หลังจากอ่านข้อความนี้ จากท่านอาจารย์หลายๆรอบแล้ว ก็พยายามคิดทั้งวันว่า ท่านพยายามจะบอกอะไร เพราะยังไงๆ ท่านก็ยัง เน้นและย้ำให้"พวกเรา" ไปค้นหาพระศรีอาิริย์ อยู่ร่ำไป ทั้งๆที่เราก็มั่นใจว่า เราพบแล้ว และจะไม่ไปค้นหาที่ใดอีก
ฉะนั้น ชนิดาก็อยากจะ เชิญชวนทุกๆท่าน มาร่วมเดินทาง ค้นหาพระศรีอาริย์ร่วมกัน ด้วย"ใจ"...จริงๆอีกทีนะคะ
เพราะ กระบวนการค้นหาด้วยวิธีนี้ จะทำให้ท่าน ไ้ด้พบพระศรีอาิริย์ พระองค์จริงแน่นอน
| |
ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-10 04:56:04 |
<< ก่อนหน้า 1 2 [3] 4 5 6 ถัดไป >> |
ความคิดเห็นที่ 201 (1619286) | |
เรื่องการป่วยของพ่อโจ เร่องเดียว โยงใยเกี่ยวข้องกับคนตั้งหลายคน ครั้้งหนึ่ง คุณเจริญ มาบอก อ.อุบล ว่า ผมจะมาช่วยทำบุญแรงกาย ระหว่างนี้ ผมว่าง แล้วแกก็มา จ้างคนของแกมาด้วยเกือบ สิบคน เป็นคนสั่งของ สั่งเหล็ก สั่งเครื่องมือเอง คุณเจริญ จะมาพูดเสมอว่า ผมสั่งงานลุงบุญไม่ได้ สั่งเสริฐ สั่งโป๊กก็ไม่ได้ มีโจคนเดียว ที่ผมสั่งงานได้ และโจ ฝีมือดีมากจริงๆ ซึ่งเราก็มีความเห็นที่แตกต่าง เพราะเราเป็นนายจ้าง เราดูอยู่ตลอด ว่าใครเป็นยังไง แล้วคุณเจริญ ก็เป็นตัวละครตัวหนึ่ง ที่เข้ามาเกี่ยวข้อกับเรื่องโจ ทำให้โจเข้าใจว่า โจเก่งจริง เพราะมีคุณเจริญยืนยัน ความเก่งของโจ เราฟัง ยังมีเครื่องหมายคำถามเลยว่า คุณเจริญคิดอะไรอยู่ แล้วแต่ละวัน ลุงบุญจะถูกกดดัน ด้วยคำพูดดูถูกเหยียดหยาามจากคุณเจริญ ว่า ผมเป็นเถ้าแก่นะ เป็นเจ้าของโรงงานรถบรรทุกนะ ส่วนลุงบุญเป็นแค่ลูกจ้าง แล้วก็ใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษกับลุงบุญ ทั้งที่ก็รู็ว่า ลุงบุญจบแค่ ป ๔ คุณเจริญเองก็จบ ป.๔ เหมือนกัน แต่ดูถูกลุงบุญ ทั้งหมดนี้ อยู่ในสายตา อ.อุบล ตลอด แล้วก็มาคุณพยงค์กับคุณปิ่นอีก ที่มายุโจกับปุ๋ย ให้หลงผิดไป แทนที่จะทำให้เด็กสองคนนี้ รีบเร่ง ปรับปรุง พัฒนาความสามารถตัวเอง คิดดูสิว่า กรรมเวรนี้ จะส่งผลกับใครบ้าง โจกับปุ๋ย ถ้าไม่หลงคารมคุณเจริญ คุณพยง ก็คงไม่หลงตัวเอง คิดว่าเราเก่งกว่าุงบุญ เก่่งกว่าเสริฐ เก่งกว่าใครทุกคนในบรรดาช่างบ้านสวน ถ้าโจ ยอมรับฟัง คำเตือน ตำหนิ จากคนที่พูดไม่เข้าหูแต่หวังดี ทั้งโจ ปุ๋ย พ่อ ก็คงไม่เป็นอย่างนี้ แล้วคุณเจริญล่่ะ คนต้นคิด จะเป็นยังไง คุณพยงค์ คุณปิ่น อีกล่ะ จะเป็นยังไง ทำไมกรรมมันซับซ้อนจัง แล้วปุ๋ยกับโจ จะต้องเจออะไรอีก แล้วคุณเจริญจะรับผิดชอบไหม หรือใครจะรับผิดชอบ ช่วยบอกที เรื่องนี้ เกือบปีแล้ว ขอความเห็นหน่อยจ้า | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-10 17:38:04 |
ความคิดเห็นที่ 202 (1619287) | |
เดี๋ยวต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่คุณเจริญจ้างคนมาเกือบ สิบ คนนั้น อ.อุบล เป็นคนจ่ายทั้งหมดนะ คิดเป็นรายวัน ซึ่งราคาแพงลิบลิ่วทุกคน แต่ส่วนใหญ่ มานั่งสูบบุหรี่ ขับรถออกไปโน่นนี่ มีพวกช่างเรา ลุงบุญ เสริฐ โป๊ก เป็นหลัก ที่งานเดิน ที่ต้องน้ำมาเขียนเล่า เพรากำลังห่วงคุณเจริญ เพราะเห็นสภาพคุณเจริญ วันค่าย ๑๒ แล้ว น่าเป็นห่วง ช่วงมาคุมงานก็แทบพิการ เจ็บปวดทั้งตัว แทบเดินไม่ได้ นวดก็ไม่หาย ทำไงก็ไม่หาย มาจนบัดนี้้ วันค่าย ๑๒ ตอนบำบัดรวม คุณเจริญ เป็นคนเดียวที่ เจ็บปวดทั่วตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ถามว่าใครปวดหัว คอ บ่า ไหล่ ใครปวดหลัง ปวดเอว ปวดขา ปวดเท้า คุณเจริญยืนทุกรายการ ยังแซวแกเลยว่า โอ้โห คุณเจริญ ปวดทั้งตัว แล้วแถม ตัวเล็ก ไปนั่งใกล้ ใส่เสื้อสีเดียวกัน อีกตะหาก หน้าตาคุณเจริญดำมาก แบบเกรียมไหม้ ถ้าหมอแผนไทย เขาบอกตับต้องมีปัญหา แล้วก็ผ่ายผอมไปมาก ไม่อยากให้เป็นแบบ พ่อโจ แต่ไ่ม่รู้ว่า ระหว่างพ่อโจ กับคุณเจริญ ใครหนักกว่ากัน สงสารทุกคนนะคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-10 17:47:27 |
ความคิดเห็นที่ 203 (1619293) | |
อย่างโรคที่พ่อโจเป็นนั้น ก็เช่กัน เป็นโรคที่หมอรักษาไม่หาย เปลี่ยนหมอมา ๗ คน เจาะเลือดแล้วไม่เจอโรคอะไร จนหมอบ่นว่า ลุงเป็นโรคอะไรของลุงเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรเลย ผลเลือดปกติทุกอย่าง แต่ไม่มีแรง ทานข้าวไม่ได้ มาหลายเดือน เท้าชา เท้าร้อน คันตั้งแต่่ปลายเท้า ขา ถึงเอว เอาอะไรมาทาก็ไม่หาย หมอจ่ายมาหมด ทั้งยาฉีด ยากิน ยาทา น้ำเกลือ หมอบอกหมดปัญญา จริงๆแล้ว แต่เฮ่งเจีย บอกว่า ให้มึงรีบโดนเงินไปก่อนเลย แล้วค่อยตามไปขอขมาทีหลัง ไม่งั้นเขาเอามึงตาย เขาให้เวลามาเป็นปีๆ แต่ละล่าใจ นึกว่าทำมาตั้งนานไม่เห็นเป็นไร คราวนี้ หนักหน่วงเลย วันที่มา ก็ไม่มีแรง แกบอกเหมือนใจจะขาด เราก็นึกว่า นี่ถ้าหมอช่วยแกได้ แกคงไม่ดั้นด้นมา เป็นแน่แท้ ดูจากสภาพแก ไม่ควรเดินทางลำพัง เรียกว่า ควรนอนพักดีกว่า แต่แกก็บอกว่า แกหมดทางแล้ว ขาที่คัน แกก็ทนเกามาเป็นเดือน เกาจนถลอกปอกเปิก ปวดแสบปวดร้อน แกเล่าหลายรอบ นะ เล่า ให้ อ.อุบล ฟังคนเดียว ตอนมาถึง แล้วก็ตอนอยู่ใต้ฐานพระปฐม แกบอกว่า ตั้งแต่ปุ๋ยกับโจ เข้าบ้าน แกมีแต่รายจ่าย จนเงินแกไม่พอ แต่แกไม่กล้าพูด แกก็เลยไปเอาเงิน ที่แกใส่บาตรวิระทะโย และเงิน ที่ตั้งใจไว้จะส่งมาทำบุญกับบ้านสวน รวมได้ เจ็ดพัน เอาออกมาให้โจใช้ แต่ไม่ได้บอกโจ ตั้งแต่นั้นมา เงินขาดมือมาตลอด แกบ่นว่า ตั้งแต่ปุ๋ยเข้าไปอยู่ในบ้าน มีแต่เรื่อง มีแต่ซวย ทั้งป่วย ทั้งจน ทั้งไม่พูดกัน นี่เขาก็ไม่พูดกับแม่โจ เขาซื้อของกินดีๆ มา ก็เอาไปกินบนห้องนอน เหลือค่อยเอามาวางข้างล่าง ฯลฯ นี่่เป็นความทุกข์ ที่แกอยากระบาย แต่ที่สุด สุดท้าย แกขอสารภาพบาป ที่แกทำไว้กับบ้านสวน แล้วแกก็หาย แปดสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้น สารภาพกรรมอื่น ก็หายหมด มีแรง ให้ลองไปทานข้าวก็ทานได้แล้ว หลังจากทานไม่ได้มานาน แรมเดือน ไม่แน่ใจว่ากี่วัน กี่เดือนกันแน่ แต่มันก็แปลกนะ ไม่เห็นได้กินยา ทายา หรือ ทำอะไร แค่นี้ ก็หาย ลองไปพิจารณาดู กับโรคระบาดที่กำลังมา ว่าน่าจะเกิดจากกรรมใด จะมีวิธีแก้อย่างไร สุดท้าย กำลังเป็นห่วงโจ กับปุ๋ย ด้วยใจ ถ้ากรรมไล่ตามจะทำยังไงกันดี | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) วันที่ตอบ 2012-07-10 18:29:05 |
ความคิดเห็นที่ 204 (1619311) | |
ผมได้มีโอกาสได้คุยกับพ่อของโจ ตอนเที่ยงที่หน้าวิหารพีระมิด คำแรกที่พ่อโจ พูดก่อนเลย กรรมกำลังเล่นงานผม ผมทำบาปทำผิดมากเลย เอาเงินใส่บาตรวิระทะโยมาใช้ ทำให้ผมแย่มากเลย ปวดขา ยกขาแทบไม่ขึ้น คันตามผิวหนัง ไม่รู่ป็นผื่นอะไรอีกใช้ยาอะไรทาก็ไม่หาย กำลังใจไม่ค่อยดีเลย ....อ้าวแล้วโจไปอยู่ไหนล่ะ..... ผมถามสวนไป ... ก็อยู่ด้วยกันกับพ่อนั่นแหละต้องดูแลกันเหมือนเดิม.... พ่อโจตอบ แล้วพ่อโจก็ชวนคุยเรื่องสุขภาพต่อ ผมมาเกือบไม่ถึงบ้านสวนนะ ต้องมาให้ได้ต้องฝืนมานะ ดูอาการพ่อโจแล้ว ดูจะไม่ค่อยจะมีแรง หน้าขาวเฝือดดูเหม่อลอยครับ คุณธนา เรียกทุกคนทานข้าวเที่ยงพร้อมกัน พอดี พ่อโจเลยพูดต่อว่า... ข้าวปลาอาหารก็กินไม่ได้ ไม่นึกอยากกินเลย ไม่รู้หิวเป็นอย่างไร เป็นอาการนี้ เป็นเดือนแล้วนะ ผมเลยชวนพ่อโจ ไปทานข้าวด้วยกัน ตอนตักอาหารเสร็จนั่งคนละที่กับผม พ่อของโจ ก็เล่าเรื่อง อาการป่วยให้ และการนำเงินบาตรวิระทะโยมาใช่ ให้คนอื่นๆ ฟังเช่นกัน เท่ากับว่า เป็นการซักซ้อมความพร้อมในการออกไปสารภาพบาปคืนนี้ จะได้ไหลรื่นไม่เสียเวลาคนอื่น พ่อโจ พูดเหมือนกับคนท้อแท้มาก คงจำนนกับสิ่งที่ตนได้กระทำมาและยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอาการป่วยยังไม่หาย เป็นผลที่เกิดจากการนำเงินใส่บาตรวิระทะโยออกมาใช้ เท่ากับเป็นหนี้สงฆ์ มันเป็นกรรมหนักจริง เมื่อได้เล่า มันคือความหวังหนึ่งเมื่อได้มาถึงบ้านสวน และได้เล่าเป็นธรรมทาน อยากบอกทุกคนว่า...อย่าทำเหมือนผมเลยนะ หากพลั้งเผลอไป ไม่รู้ว่า คุณจะเป็นอย่างผมหรือหนักกว่าผม | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) (amorn_possible-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2012-07-10 23:37:48 |
ความคิดเห็นที่ 205 (1619313) | |
ผมมาเกือบไม่ถึงบ้านสวนนะ ต้องมาให้ได้ต้องฝืนมานะ --------------------------- ใช่ค่ะ แมวพบพ่อโจ ที่โรงทานเก่า นั่งอยู่คนเดียว ประโยคแรกคือ พ่อโจ : เหนื่อยแทบขาดใจ..ขึ้นไปช่วยเค้าแคะปูน ทำไมถึงเหนื่อยขนาดนั้นก็ไม่รู้ แมว : อ้าวไม่สบาย แล้วขับรถมาคนเดียวหรือพ่อ ? พ่อโจ : เปล่า ขับไม่ไหว ขึ้นรถตู้มาจากหนองมน ชวนไอ้โจ มันก็ไม่มาด้วย ก็กลัวเป็นลมอยู่เหมือนกันนะ แล้วพ่อก็เล่า ว่าการมาครั้งนี้เพื่อสารภาพบาปที่เอาเงินบุญไปใช้ เปิดขาให้ดู ว่าหลังจากที่ฝันเห็นทุ่งไฟนรก ก็ร้อนที่เท้าและชาขาขวา มีอาการปวดแสบ ที่ขาเป็นผื่นแดงเหมือนโดนไฟ แล้วก็พูด ตัดพ้อ ลูกชายและลูกสะใภ้ ให้ฟัง เฮ่อ..บอกตรง ๆ เห็นคนแก่ ที่ต้องทุกข์ ไม่สบาย ลูกหลานไม่ดู ไม่แล เท่าที่ควร ก็สงสาร สะท้อนกลับว่า ไปทำกรรมอะไรมาเน๊อะ ลูกหลานถึงไม่สนใจ แล้ว ลูกทำอะไรอยู่ ปล่อยพ่อ เศร้าหมองได้ขนาดนั้น.. พ่อโจ : โดนไอ้โจมันหลอกเอา ว่ามันทำก่อสร้างเป็น ไปรับเหมางานให้มัน มันทำพังหมด ( มันทำไม่เป็น ) ดูท่าทางพ่อจะเป็นห่วงลูกโจนะจ๊ะ...( ไม่รู้ว่าลูก เป็น กบ ใน กะลา ) พอช่วงกลางคืน พ่อโจ ได้มีโอกาสออกไปสารภาพบาปกรรม ที่ตนเองได้กระทำ เอาเงินบุญไปใช้ ได้รับเคราะห์กรรมป่วย หมอก็ หาสาเหตุไม่ได้...แล้วอาการที่เกิดขึ้นนี้ พ่อก็คิดได้ว่า ต้องมีสาเหตุที่พ่อทำผิดต่อ บ้านสวนพิรามิดอย่างแน่นอน จึงมาขอความเมตตาจาก อ.อุบล ผมขอสารภาพบาป ยอมรับว่า บ้านสวนพิรามิด แรงจริง ๆ ( พ่อโจพูดกับแมว ) และหลังจากที่ได้รับการไต่สวนกรรมแล้ว อาการทั้งหมด หาย..ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน ด้วยค่ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) วันที่ตอบ 2012-07-11 00:24:17 |
ความคิดเห็นที่ 206 (1619314) | |
เรื่องของ โจ ผมฟังจากพ่อของโจ เล่าให้ฟังว่า โจไปรับงาน เหมาก่อสร้าง แล้วพ่อบอกว่า โจ ทำงานไม่ได้เลย ซึ่งโจ แม้จะเคยทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่บ้านสวนพีระมิด ชึ่งผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ทำงานร่วมกันบ่อยมากแทบทุกงาน น้องโจ ฝึกการก่ออิฐฉาบปูน งานประปา งานเชื่อม จากลุงบุญและช่างเสริฐ ซื่งถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์การทำงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะทำอะไรได้หมดทุกอย่าง และก็ดีด้วย น้องโจ ถูกฝึกให้ทำงานได้ แทบทุกอย่าง แต่ไม่ชำนาญ เท่ากับว่าต้องมีพี่เลี้ยงคอยกำกับดูแลงานว่าผ่านหรือไม่ ประสบการณ์การทำงานของน้องโจ เป็นเพียงรู้จักงาน ได้ทำงานและทำงานได้ เลยทำให้น้องโจ ทำงานไม่เป็นและไม่เป็นงาน เมื่อออกไปเป็นผู้รับเหมาเอง งานก่อสร้างที่ต้องแลกกับเงินนั้น ต้องเหมาะสมกัน คือ ผลงานต้องเป็นที่พอใจของนายจ้างหรือไม่ก็งานต้องดีกว่าที่นายจ้างคิดไว้ จึงจะถือว่าประสบผลสำเร็จกับงาน เป็นอย่างน้อย ความไม่ชำนาญงาน จึงทำให้ น้องโจ ทำให้พลาดงานใหญ่ อย่างน่าเสียดาย บทเรียนสำหรับน้องโจ ที่ต้องเรียนรู้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหรือสถานที่ใดฝึก ให้มีและเกิดทักษะความชำนาญงาน และที่สำคัญสิ่งที่น้องโจ ไม่ได้ฝึกจากลุงบุญและช่างเสริฐ ซึ่งทั้งสองมีพร้อมจะฝึกให้อย่างไม่เสียดายและเต็มใจ ก็คือ
1. ความเอาใจใส่กับงาน 2. ความรับผิดชอบงาน 3. ความซื่อสัตย์กับงาน 4. ความตั้งใจในการทำงาน 5. ความขยันหมั่นเพียรกับงาน 6. ความไม่ทุ่มเท เสียดายแรงกาย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) (amorn_possible-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2012-07-11 00:59:03 |
ความคิดเห็นที่ 207 (1619316) | |
ลุงบุญจบแค่ ป ๔ คุณเจริญเองก็จบ ป.๔ เหมือนกัน แต่ดูถูกลุงบุญ ทั้งหมดนี้ อยู่ในสายตา อ.อุบล ตลอด แล้วก็มาคุณพยงค์กับคุณปิ่นอีก ที่มายุโจกับปุ๋ย ให้หลงผิดไป
แทนที่จะทำให้เด็กสองคนนี้ รีบเร่ง ปรับปรุง พัฒนาความสามารถตัวเอง คิดดูสิว่า กรรมเวรนี้ จะส่งผลกับใครบ้าง
โจกับปุ๋ย ถ้าไม่หลงคารม คุณเจริญ คุณพยง ก็คงไม่หลงตัวเอง คิดว่าเราเก่งกว่าุลุงบุญ เก่่งกว่าเสริฐ เก่งกว่าใครทุกคนในบรรดาช่างบ้านสวน
ถ้าโจ ยอมรับฟัง คำเตือน ตำหนิ จากคนที่พูดไม่เข้าหูแต่หวังดี
ทั้งโจ ปุ๋ย พ่อ ก็คงไม่เป็นอย่างนี้
แล้วคุณเจริญล่่ะ คนต้นคิด จะเป็นยังไง
คุณพยงค์ คุณปิ่น อีกล่ะ จะเป็นยังไง
ทำไมกรรมมันซับซ้อนจัง แล้วปุ๋ยกับโจ จะต้องเจออะไรอีก แล้วคุณเจริญจะรับผิดชอบไหม
หรือใครจะรับผิดชอบ ช่วยบอกที เรื่องนี้ เกือบปีแล้ว ขอความเห็นหน่อยจ้า ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
................................... กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์ ที่อาจารย์เมตตาชี้แต่ละประเด็นมา ค่อนข้างชัดเจนมากๆเลยนะคะ
เพราะแค่เรื่องอาการป่วย ของคุณพ่อน้องโจ คนเดียว โยงไยไปถึงหลายๆคนจริงๆค่ะ
และจนถึงขณะนี้ ชนิดาคิดว่า เหตุของกรรมทั้งหมด ยังไม่ได้รับการ แก้ไขเลย
เพราะ กรรมนี้มันซับซ้อน หลายขั้นตอน หลายคน และหลายเหตุที่เกี่ยวข้อง
เำพราะถ้าคุณเจริญไม่ไปส่งเสริมน้องโจ ในทางที่ผิดๆเรื่องการทำงาน
รวมถึง คุณพยงค์ คุณปิ่น ไม่ไปยุยง ให้น้องโจคิดผิด จนออกจากงาน โจก็อาจจะฮึดสู้กับงานในบ้านสวนฯ พร้อมกับแก้ไขปรับปรุงตัวเอง
น้องโจก็ไม่ต้องกลับไปอยู่บ้าน เพื่อเป็นภาระให้กับ คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแล
แล้วคุณพ่อก็คงไม่ต้องไปเอาเงิน ที่ตั้งใจทำบุญนี้มาให้โจใช้ก่อน แน่ๆ.... และ ทุกคนก็ไม่ต้องมาทนทุกข์แบบนี้....
และเท่าที่อ่านดู ผลกรรม ก็ตามส่งผลกับคุณเจริญแล้ว แถมอาการหนักซะด้วย
ส่วนคุณพยงค์ คุณปิ่น ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
และน้องปุ๋ยน้องโจอีกล่ะ จะมีสภาพเป็นอย่างไร
แต่ที่แน่ๆตอนนี้คนที่น่าเห็นใจ ที่สุด นอกจากพ่อน้องโจแล้ว ก็คงจะเป็นคุณแม่น้องโจอีกคนค่ะ ดูแล้วสภาพจิตใจ คงจะย่ำแย่พอสมควร
ยิ่งคิดแล้ว น้องโจ น้องปุ๋ย ได้สร้างกรรมหนัก แบบไม่รู้ตัวเลยนะคะเนี่ย
หรือว่า รู้ตัว แต่ไม่ใส่ใจก็ไม่รู้นะคะ
เฮ้อ..เรื่องนี้จะลงเอยแบบใดหนอ ถึงจะลงตัวที่สุด
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-11 05:06:56 |
ความคิดเห็นที่ 208 (1619317) | |
อ่านเรื่องราวของคุณพ่อน้องโจแ้ล้ว คิดว่าสาเหตุหลัก ของการเกิดโรคระบาด น่าจะเกิดจากการสร้างกรรมหนัก ทั้งการเป็นหนี้สงฆ์ หนี้แผ่นดินนะคะ
เป็นแล้ว หาสาุเหตุของโรคไม่ได้ แถมรักษายังไงก็ไม่หาย จะหายได้มีทางเดียว คือ สำนึกผิด แล้วก็สารภาพบาป และไม่คิดกลับไปทำเช่นนั้นอีก | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-11 05:16:15 |
ความคิดเห็นที่ 209 (1619319) | |
อย่าหยุดตามหา พระศรีอาริย์ เพราะ คนที่จะรอด คือคนที่ได้พบ พระศรีอาริย์ ก่อนแล้ว เท่านั้น %%%%%%%%%%%%%%%%%%%% ได้ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย โดยมีผู้ที่น่าสงสัย 3 ท่าน มีเพียงท่านเดียวที่หนึ่งเกิดปีติ น้ำตาไหล ตื้นตัน อาการเหมือนที่เจอท่านในวันแรกคะ ^_____^ กราบๆๆๆ พระศรีอาริย์คะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-07-11 05:38:06 |
ความคิดเห็นที่ 210 (1619338) | |
อ่านแล้วมันโยงใยไปหมด น่าสงสารพ่อกับแม่พี่โจจริงๆค่ะ ต้องมารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้อยากสร้างเหตุ แต่ต้องทำเพราะรักลูก นี่แหละเนอะคือความรักของพ่อแม่ ที่ทำใ้ห้ลูกได้ทุกอย่าง ดั่งแก้วตาดวงใจ ถึงจะทำผิดไป เพราะรักลูก แต่กรรมผิดนี้สงฆ์ ก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป น่าหดหู่และน่าสงสารจริงๆค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี วันที่ตอบ 2012-07-11 08:08:19 |
ความคิดเห็นที่ 211 (1619348) | |||||
| |||||
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-11 08:58:56 |
ความคิดเห็นที่ 212 (1619359) | |
ใครก็ได้ช่วยที ว่ากรรมที่ซับซ้อนขนาดนี้ จะเริ่มแก้ที่ไหน จึงจะหลุด ได้จ๊ะ ******** ขอตอบคำถามนะคะอาจารย์ ทุกข์ที่เกิด เกิดจากการกระทำ ของใครของมัน ถ้าจะดับทุกข์ได้ ก็ต้องแก้ที่ตัวเองก่อน มานั่งพิจารณาว่า ที่ผ่านมา เราทำไม่ดีอะไรไว้บ้าง เมื่อเห็นความไม่ดีแล้ว เราคิดจะ แก้ไขตัวเองให้ดีหรือไม่ เพราะถ้าคิดได้ แต่ไม่อยากปรับเปลี่ยนตัวเอง ก็ไม่เกิดประโยชน์ เราจะพ้นทุกข์ได้ ก็ต่อเมื่อ เราตั้งใจปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้ดีขึ้นเท่านั้น แม้ว่ากรรมจะซับซ้อน ขนาดไหน ถ้าเรามานั่งสางปมที่ยุ่งเหยิง สักวัน ปม นั้น ก็สามารถหลุดได้ ++++++++++ สำหรับตัวเองมีประการณ์ ที่ทำผิดต่อบ้านสวน ต่อท่าน อ. อุบล ในการมาทำการค้าที่บ้านสวน ตอนนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจมาตลอด จะสารภาพก็อาย ไม่กล้า แต่สุดท้ายก็ได้รับกำลังใจจากท่าน อ. อุบล จึงทำให้กล้าเปิดเผย และยอมรับความจริงได้ และตอนหลัง เจอคุณเตี้ย เราก็คุยกันว่า เราทำผิดที่บ้านสวน ดังนั้นเราต้องมาดับเหตุ ที่บ้านสวน ถึงจะถูกต้อง นี่เป็นประสบการณ์ตรงจากรุ่นพี่ที่เคยทำผิด ขอให้รุ่นน้องนำไปพิจารณา
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) วันที่ตอบ 2012-07-11 10:12:33 |
ความคิดเห็นที่ 213 (1619390) | |
สำหรับพี่เจริญนั้นผมก็ได้มีโอกาสได้เจอกันก่อนเข้าค่าย และวันเข้าค่ายก็ได้เจอกันอีก ตรงๆเลยนะครับ ผมว่าพี่เจริญหน้าตา รูปร่างเปลี่ยนไปมาก คือบางคนอาจดูว่าเหมือนลดความอ้วน แต่สำหรับผมแล้วผมเห็นแล้วคิดว่าเหมือนพี่เขามีปัญหาสุขภาพ เพราะว่าผอมแบบซูบหรือง่ายๆคือ โทรม นั่นเอง หน้าตาพี่เจริญดูดำคล้ำ ไม่มีราศรี ดูแว้ววเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียวครับ สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านสวนฯที่ผ่านมานั้น ผมว่าพี่เจริญทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่โปร่งใส และยิ่งพูดจาทำให้โจเขว คิดว่าตนเองเก่ง และเป็นที่ต้องการของพี่เจริญเอง ไม่ต้องบอกก็รู้นะครับ ว่าใครก็ตามแต่ที่คิดแม้แต่จะหยิบของออกไปจากบ้านสวนฯ ก็เจอดี โดนจัดหนักแล้ว ยิ่งหากมีการหาประโยชน์เกี่ยวกับเงินๆทองๆในบ้านสวนฯ หรือทำอะไรที่ไม่โปร่งใส ไม่ว่าจะทางตรง ทางอ้อม ก็ไม่ต้องเดาไม่ให้เสียเวลาเลยนะครับว่าชีวิตจะทุกข์สาหัสเพียงใด สำหรับพ่อโจกับพี่เจริญนั้น ผมว่าสาหัสพอๆกัน เพียงแต่ว่าพ่อน้องโจรู้สาเหตุและรีบปรับเปลี่ยนโดยการมาเล่าเรื่องความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่นี้ก่อน จึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องโรคภัยที่เป็นอยู่อย่างชัดเจนในทันที ส่วนพี่เจริญนั้นก็ยังถือว่าซับซ้อนอยู่มากเลยทีเดียว เพราะว่าความคลุมเคลือ ความไม่โปร่งใสที่ผ่านมา ตัวพี่เจริญเองที่รู้ดีที่สุดว่าตนเองทำอะไรที่ไม่ถูกต้องไปบ้าง แต่สุดท้ายผมก็มั่นใจว่าไม่มีสิ่งไหนที่ท่านอาจารย์อุบลจะไม่รู้ เพียงแต่ว่าทุกข์ต่างๆที่พี่เจริญกำลังได้รับอยู่นั้น ตัวพี่เขาจะเปิดใจออกมาด้วยตนเองหรือไม่... เมื่อดับที่เหตุ ผลก็ดับตาม...
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล วันที่ตอบ 2012-07-11 13:22:17 |
ความคิดเห็นที่ 214 (1619450) | |
เรื่องอาการป่วย ของพ่อโจ ดูแล้ว สาหัสมาก ที่เหลืออยู่ คือ ชีวิต กับ ลมหายใจ เท่านั้น ส่วนร่างกาย ทุกข์ทรมาน ใจเศร้าหมอง รันทด
เวลานี้ ต้องรับสภาพ ลูกสะใภ้ กับ แม่ผัว อีก (ทั้งที่ไม่ได้แต่งสะใภ้ แต่เขามาอยู่เอง) ---------------- จึงอยากจะย้อน ตำนาน รัก ดอกเหมย สักหน่อย ว่าเรื่องที่พ่อโจ ต้องมาป่วย มันเริ่มตรงไหนกันแน่ -------- ก็คงตั้งแต่ โจมาบำบัด สายตา ที่บ้านสวน
ตอนนั้น โจ มีรอย จุดดำ ที่ดวงตา ทำให้มองเห็นไม่ชัด และเป็นมาก มองท้องฟ้า ก็เห็นจุดดำ มองสีขาว ก็เห็นเป็นจุดดำ ------- หลังบำบัดเสร็จ หลังจากหาย ตอนนั้น โจ ยังเป็นทหารเรือ ต้องกลับกรมกอง
พอปลดประจำการ ก็มาทำงาน บ้านสวนพีระมิด ซึ่งตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไรดี ยังไม่เห็นผีมือ หรือ ความสามารถ แต่เห็นสภาพครอบครัว แล้วกำลังลำบาก --------- ต่อมาไม่นาน ปุ๋ย ซึ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็ตามมา บอกว่า มาสร้างบุญ ครั้งละ 9 วัน พอครบ 9 วัน ก็ไม่กลับ ขออยู่ต่อไปทีละ 9 วันไปเรื่อยๆ จนต้องถามว่า ไม่คิดไปหางานทำหรือ
เขาบอก อยากสร้างบุญมากกว่า อ้าว แล้วพ่อแม่ จะไม่ว่า เอาหรือ
ก็อยากมีเงินส่งทางบ้านเหมือนกัน
นั่นสิ ก็ต้องไปหางานทำ
ก็วกเข้ามาที่ ที่นี่มีอะไรให้ทำหรือไม่ ก็อีกนั่นแหละ ยังไม่เห็นความสามารถ
ปกติ อ.อุบล รับสมัครงาน ต้องสอบ ต้องสัมภาษณ์ ความสามารถ รับมาแล้ว ก็ทดลองงาน ไม่ผ่านโปร ก็เชิญบ้านใครบ้านมัน
สำหรับปุ๋ย ช่วงที่มาสร้างบุญ ก็สร้างบาปไปด้วย พร้อมๆกัน
ความน่ารักของปุ๋ย ก็มีมาก คือ เป็นคนคล่อง วิ่งปู๊ดเลย เวลาใช้ทำอะไร คือไม่เชื่องช้าอืดอาด แต่ปุ๋ยจะขาดความรอบคอบ
อย่างเราบอกให้ไป เอาก้อนเห็ดเก่าออกจากโรงเห็ด ให้หน่อยนะ เดี๋ยวจะเอา เชื้อใหม่มาใส่ เพราะเชื้อเก่าหมดแล้ว
ปุ๋ย รื้อโรงเห็ดทั้งโรงเลย เป็นต้น
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-11 18:23:51 |
ความคิดเห็นที่ 215 (1619453) | |
ที่มาเขียน เรื่อง อาการป่วยปริศนา ของพ่อโจ ในกระทู้นี้ เพราะมีนัยยะเกี่ยวข้อง กับการตามหา พระศรีอาริย์ แน่นอน -------- สรุปว่า ปุ๋ย กับ โจ อยู่ทำงาน ในบ้านสวนมา ระยะหนึ่ง นานพอควร ----------- โดยที่ ทั้งคู่ ถ้าจะให้ บอกตรงๆ ถึงความสามารถ ในการสมัครงาน ต้องบอกว่า ไม่ผ่าน ไม่รับ แน่นอน แต่ที่รับไว้ ด้วยความ เห็นใจ สงสาร เท่านั้น เพราะงานที่ 2 คนทำ คนอื่นที่มาทำบุญแรงกาย ก็ทำได้ และทำดีกว่ามากกกกด้วย ---------- ต่อมาเห็นว่า ทั้ง 2 คน ก็เป็นคนรักกัน และสนิทกันมาก จนเกินเลย จึงได้แนะนำให้ แต่งงานกัน ปุ๋ยบอกว่า พ่อแม่ปุ๋ย เขาเรียกสินสอด เป็นแสน เพราะ เป็นค่าน้ำนม
ทำไมต้องเรียกแพงขนาดนั้น
แถวบ้านหนูเขาแต่งกันแพงค่ะ พ่อแม่ กลัวอาย ขายหน้า พี่ชายไปแต่งพี่สะใภ้ ก็ 5 หมื่นกว่า
จังหวัดไหนจ๊ะ
สุรินทร์ค่ะ
เลยบอกว่า เจ้าของบ้านไร่ปลายตะวันนะ เห็นหมวดประวัติเล่าว่า ลูกสาวท่าน ไม่มีราคา ยกให้ฟรีๆ นี่ขนาดท่านเป็นมหาเศรษฐี ลูกสาวเป็นหมอนะ ท่านบอกไม่คิดสินสอด ขอแค่รักกัน แล้วท่านยัง ให้ทรัพย์สิน ไปสร้างครอบครัวใหม่ของลูกด้วย
นี่พ่อแม่ปุ๋ย กำลังขายลูกกินรึเปล่า
แล้วปุ๋ยเคยบอกพ่อแม่ไหมว่า ปุ๋ยกับโจ อยู่กินกันแล้ว
ไม่เคยค่ะ
นั่นคงเป็นอีกเหตุผล ที่พ่อแม่ปุ๋ย จะโก่งราคา ค่าตัวปุ๋ย ถ้าพ่อแม่ปุ๋ย รู้ว่า ปุ๋ยอยู่กับโจแล้ว อาจเปลี่ยนใจก็ได้นะ
พ่อแม่จะเอาแบบไหน ระหว่าง ลูกสาวเสียตัวฟรี ไม่มีการแต่ง กับ มีงานแต่ง แต่ไม่มีสินสอด หรือ มีไม่ต้องมาก
ปุ๋ยไปคิดดู ถามพ่อแม่ดู | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-11 18:33:49 |
ความคิดเห็นที่ 216 (1619471) | |
พ่อแม่ปุ๋ย จะโก่งราคา ค่าตัวปุ๋ย ถ้าพ่อแม่ปุ๋ย รู้ว่า ปุ๋ยอยู่กับโจแล้ว อาจเปลี่ยนใจก็ได้นะ -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*- และที่แมวรู้มาอีก ระหว่างที่ ปุ๋ย + โจ คบหา อยู่กินกัน นานเป็นปี โจ ไม่เคยไป บ้านปุ๋ยเลย โจ ไม่รู้จัก พ่อ แม่ปุ๋ย แต่ที่แปลกใจก็คือ พ่อ + แม่ ของปุ๋ย ไม่เป็นห่วง ลูกสาว ซึ่งมีราคาแพง บ้างเลยหรือคะ? ซึ่งออกจากบ้านนานนับปี ไม่กลับเข้าบ้านเลย ( ขณะที่ทำงานในบ้านสวนฯ ) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) วันที่ตอบ 2012-07-11 20:34:32 |
ความคิดเห็นที่ 217 (1619475) | |
พ่อแม่จะเอาแบบไหน ระหว่าง ลูกสาวเสียตัวฟรี ไม่มีการแต่ง กับ มีงานแต่ง แต่ไม่มีสินสอด หรือ มีไม่ต้องมาก
ปุ๋ยไปคิดดู ถามพ่อแม่ดู *** ผมคิดว่า ถึงตอนนี้แล้ว เรียกค่าสินสอด แค่เป็นพิธีก็พอ หรือจดทะเบียนสมรส ถูกต้องตามกฏหมายก็พอแล้วครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) วันที่ตอบ 2012-07-11 20:58:00 |
ความคิดเห็นที่ 218 (1619477) | |
เช้าวันเสาร์ที่ 7 ก.ค. ตอนที่พ่อของโจมาถึงบ้านสวนฯ อ้อยอยู่แถวนั้นก็รีบออกไปดูตรงประตูกั้น อ้อยถามชื่อ เพราะจำไม่ได้ว่าเป็นพ่อโจ แกก็บอกว่า พ่อโจไง ดูแกเหนื่อยมาก เดินแทบไม่ไหว ก็เลยให้มาลงทะเบียนตามกฎก่อน ซึ่งเท่านที่สังเกตดู ส่วนใหญ่แกทำบุญใช้แรงกายได้นิดหน่อย ก็นั่งพัก ตอนเย็นๆมานั่งตรงที่ศาลาใหญ่ ที่พวกเราฝึกทำงานฝีมือ เหมือนปักฉลุเพื่อทำเครื่องประดับสมเด็จองค์ปฐมอยู่ ก็เลยชวนแกให้ทำด้วยกัน แกบอกว่าทำไม่ไหวหรอก เหนื่อยมาก ตอนนั้นก็คิดว่าจะรอดมั๊ยเนี่ย งานการแทบไม่หยิบจับ มาทำไมเนี่ย (ไม่รู้ว่าแกอาการหนัก กินไม่ได้ นอนไม่หลับมาเป็นเดือน) ก็เลยพูดบอกแกว่า นี่บุญใหญ่มากเลยนะ เรากำลังทำเพื่อประดับสมเด็จองค์ปฐมเชียวนะ แกคงอยากได้บุญเลยมานั่งทำได้แป๊ยเดียวก็บอกว่าไม่ไหว เหนื่อยมาก แกบอกว่า กินไม่ได้ และนอนไม่หลับมาเป็นเดือน เหนื่อยมาก ใจจะขาด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอาการหนักขนาดนี้มาก่อน ไม่นึกหิว พอจะกินก็คลื่นไส้ พอกลางคืนท่าน อ.อุบลเมตตาให้ออกมาพูด แกก็เลยสารภาพว่าแกเอาเงินที่ตั้งใจว่าแต่ละวันมีรายได้จากการขับรถ เหลือเงินเข้าบ้านเท่าไหร่จะเก็บ 10% ใส่บาตรวิระทะโย ซึ่งเก็บได้ถึง เจ็ดพันกว่า แต่ช่วงหลังเงินช็อต จึงเอาเงินบาตรวิระทะโยมาใช้ก่อน แถมช่วงสงกรานต์น้องชายอยู่ที่เมืองนอกส่งเงินมาให้เที่ยวสงกรานต์ 300 ดอลล่าร์ แกก็ตั้งใจจะเอาเงินนี้คืนบาตรวิระทะโยและส่งมาทำบุญที่บ้านสวนฯ แต่ก็ผิดสัจจะ เอาเงินไปใช้ก่อนจนหมดอีก ทำให้กอนไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นผื่นคันทั้งตัว ไปหาหมมาหลายที่ ได้ทั้งยากิน ฉีด ก็ไม่หาย หมอก็หาสาเหตุไม่เจอ แถมยังฝันว่าไฟไหม้ เหมือนไฟนรกอีก แกก็เลยรีบเก็บเงินให้ได้และส่งเงินวิระทะโยมาทำบุญเรียนร้อยแล้ว ซึ่งจากกรณี พ่อของโจ จะเห็นว่าผลกรรมจากการที่นำเงินบาตรวิระทะโยไปใช้ และผิดสัจจะกับบ้านสวนนั้น ผลกรรมน่ากลัวมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เหมือนผีตายซาก มีปัญหาการเงิน ครอบครัวไม่มีความสุข (อันนี้คงเป็นผลจากการมีลูกไม่ดีด้วย) ขาชา แกคิดว่าแกคงไม่รอดแน่นอน แต่พอสารภาพบาปอาการเหนื่อยดีขึ้นทันที รูสึกเริ่มหิวขึ้นมา พอเช้าต่อมาเจอแกบอกว่านอนหลับแล้ว เห็นผลกรรมที่พ่อของโจได้รับแล้ว ใครที่เคยทำผิดในบ้านสวนฯทั้ง คิดไม่ซื่อ มาหารายได้พิเศษ คิดหากำไรในบ้านสวนฯ ยุแยงให้คนในบ้านสวนมีความแตกแยก ทำให้เค้ามีความเห็นผิด ก็ไม่รู้ตอนนี้กำลังรับผลกรรมหนักขนาดไหน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) วันที่ตอบ 2012-07-11 21:05:04 |
ความคิดเห็นที่ 219 (1619491) | |
พ่อโจบอกว่า ก่อนที่ปุ๋ย กะ โจ จะไปอยู่ด้วย แกก็พอทำมาหากินได้ วันละ พัน สองพัน แล้วตั้งใจว่า จะซื้อบ้าน ดาวน์บ้าน เสียที เช่าเดือนละ 3500 มานานแล้ว (3000 หรือ 3500 ถ้าผิดขออภัย)
เพราะเจ้าของบ้านที่เช่า เขาก็อยากขายให้ เราก็อยากได้ และก็คิดว่า คงผ่อนได้สบายๆ
แต่เหตุการณ์มันพลิกผัน คิดว่า โจ จะเหมางาน ได้เงินก้อนใหญ่ แต่พอกลับไป มันตรงกันข้าม
ต้องซื้อ ต้องหา ให้ลูกทุกอย่าง ทั้ง 2 คน
น้ำดื่มขวดละ 14 บาท 2 คนดื่มกัน ไม่เคยรู้ว่าผมจ่าย วันละเท่าไหร่
ข้าว กับข้าว น้ำไฟ ต้องจ่ายสูงขึ้นหมดทุกอย่าง
จนแย่ลงเรื่อยๆ
แล้วมาป่วยตอนไหน
ก็ตอนเอาเงินที่ตั้งใจ จะส่งมาทำบุญกับบ้านสวน ออกมาใช้ เอามาให้โจ แต่ไม่ได้บอกโจ
ก็ตั้งใจว่า หาได้ จะเอาใส่คืน แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้คืน เพราะ ค่าใช้จ่ายมันสูง มันไม่เหลือ
แต่ตอนนั้น มันก็ไม่เป็นอะไรนะ คือไม่ได้ป่วยแบบนี้
แต่ว่า เท่าที่จับใจความได้
ปัญหาการเงิน และความร้าวฉานในบ้าน มันเริ่มเกิดตั้งแต่เอาเงินออกมาใช้
แล้วทำให้โจ มีแต่เรื่องเสียเงิน ทำงานไม่ได้ ทำของเขาเสียหาย ถูกปรับอีก แทนที่เหมางานจะได้เงิน ต้องซื้อเครื่องมือ สรุปไม่ได้ค่าจ้างแม้บาทเดียว (นี่เป็นสัญญาณ ที่โจไม่รู้ตัว) ปุ๋ยไปอยู่ด้วย แต่ไม่ช่วยงานบ้าน ทั้งงานบ้าน เอาแต่ตามโจ
ทำให้โจ กับ ปุ๋ย ตกงาน ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย พ่อ แม่โจ ก็กลุ้มใจ อันนี้ถือว่า เป็นสัญญาณอันตราย เตือนให้รู้ตัวไว้ก่อนที่ ของจริง กำลัง เดินพาเหรดมา
แล้วป่วยตอนไหน
ตอนเมษา น้องส่งเงินมาจากเมกา 300 เหรียญ ให้เที่ยวสงกรานต์
ตั้งใจไว้จริงๆว่า เงินนี้ จะไม่เอาไปเที่ยว แต่จะเอามาคืน ส่งมาบ้านสวน
แต่ในที่สุด ก็ทำไม่ได้อีก เอาเงินไปใช้
2 วันจากนั้น 2 วันจริงๆครับ อาจารย์ ผมล้มป่วยเลย
เริ่มยังไงก่อน เริ่มนอนไม่หลับ กินไม่ได้ คลื่นใส้ จะอาเจียน เวียนหัว เริ่มคันตามเท้า ขา มาถึงเอว ร้อน เหมือน ไฟนรก แล้วก็หมดแรง
ไปทำงานไหม
ยังไปได้ครับ แต่ไปแบบ ใกล้จะตาย ทนเอา ถ้าไม่ไปขับรถ อดตายกันทั้งบ้าน ผมหาคนเดียว ป่วยก็ต้องฝืนไปครับ แต่ขาเท้าขวา ชา ไม่มีความรู้สึก
ขนาดเหยียบคันเร่ง ยังไม่รู้สึกเลย มันชาแบบ ไม่รับรู้เลย ทำไปอย่างนั้นเอง กินข้าวก็ไม่ได้
อ้าว แล้ว มีชีวิตอยู่ได้ยังไง ก็กินน้ำ ข้าวกินแล้ว เหม็น จะอ๊วก ทนกิน ก็กินไม่ค่อยได้ มันถึงได้ไม่มีแรงไงครับ
นอนก็ไม่หลับ ถ้ากินไม่ได้ แล้วนอนหลับ มันอาจจะมีแรงมั่ง แต่นี่นอนไม่หลับ
แล้วมีเสื้อบ้านสวนไหม มีครับ แต่ ช่วยไม่ได้
นี่ไง ของดี ไม่ช่วยคนทำผิด อย่าคิดว่า มีของมงคล แล้วจะคุ้มได้ ทำให้หลายคนประมาท ว่ามีพีระมิดจำลองบ้านสวนแล้ว จะไม่เป็นไร ตายนะ จะบอกให้ ถ้าทำบาป ทำกรรม
ยิ่งกรรมที่ทำกับบ้านสวน ยิ่งไม่ต้องคิดหาของดีวิเศษมาแก้เลย
ครับจริงๆครับ ผมนอนไม่ได้จริงๆ จนนึกได้ว่า ที่บ้านเรามีพีระมิดบ้านสวน 10 กว่าองค์
ผมนอนหงาย เอาพีระมิดมาวางหน้าอก 5 องค์ ถึงหลับได้
อ้าว ไม่หล่นเหรอ
ไม่ครับ ผมมีสติ
(ถ้าเป็นเราคงหล่นนะ นี่แกคงนอน แบบไม่ขยับร่างกายเลย)
ของทุกอย่างทำหมด
ทำไมคิดมา ทั้งที่เป็นตั้งนานหลายเดือน ตั้งแต่ เมษา 55 นี่ 7-8 ก.ค.55 ปล่อยเวลาตั้ง 3 เดือน
มาไม่ไหว มันจะตาย มีเพื่อนผม เป็นเฮ่งเจีย ทรงเจ้าจีน เขาเจอผม เห็นผมกำลังจะตาย
เขาบอกผมว่า
ให้มึงรีบเอาเงินไปให้เค้าเลยนะ โอนเงินไปเลย เร็วๆเลย
มึงรู้ไหม เงินกฎสวรรค์นี่ไม่ได้เลยนะมึง เขากะเอามึงถึงตายนะ มึงรู้รึเปล่า เร็วๆเลย ส่งเงินไป
แล้วมึงต้องตามไปขอขมา ไปได้เมื่อไหร่ รีบไปเลย อย่าช้า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะโว้ย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ กูรู้ดี เขาจะเอามึง ตาย
ผมก็เลยรีบส่งเงินมาก่อน
พอโอนเงินปุ๊บนะอาจารย์ อาการผมดีขึ้นมาเลย แต่ดียังไม่มาก แต่รู้สึกได้เลย ว่าดีขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีแต่ทรุดลงเรื่อยๆ
ยิ่งตอนที่โจมาเขียน ในเวปไซด์ แล้ว โจบอกว่า อ.อุบล มาตอบ คุณแมว มาเขียน ตอนนั้น โจบอกว่า อ.อุบล เตือนมา เท่านั้นแหละ
อาการทรุดหนักเลย
จนมาส่งเงิน อาการก็ฟื้นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่หาย
ผมโอนเงิน 16 มิ.ย.55 26 มิ.ย.55 ผมฝันว่า ผมเดินไปในป่า มีไฟลุกไหม้เต็มไปหมด ผมเดินลุยอยู่ในกองไฟ
ผมได้ยินเสียงคนพูดว่า ลงโทษมันพอแล้ว ปล่อยมันไปได้แล้ว
พอตื่นมา ผมก็ดีขึ้นมาอีก
แต่อาการคัน มันไม่หาย เอา อะไรมาทา ก็ไม่หาย
หมอจัดอะไร ให้ ทำอะไรให้ ก็ไม่หาย น้ำพีระมิดก็ไม่หาย จนท้อแท้ใจ
จนกระทั่ง เอาบอดี้โลชั่นของ อาจารย์ ที่ปุ๋ยได้ไป ขวดละ 3000 พันรึไงเนี่ยแหละ พอทานะอาจารย์ อาการมันดีทันที มันค่อยยุบ ยุบ ยุบ เลย ถึงได้หายคัน
แต่อย่างอื่นไม่หาย ชาเท้า อ่อนเพลียไม่หาย ยังกินข้าวไม่ได้ เลยตัดสินใจมาดีกว่า
อยู่ก็ตาย ไปหาอาจารย์อาจรอดตาย หรือตายกลางทาง ก็ช่างมัน เพราะยังไง ก็คงตายแน่ๆ ผมทนมาตั้งแต่ เมษา แล้ว
จนหมอ ถอดใจ กับผมแล้ว
เรื่องนี้ ที่บอกมีปริศนาธรรม เป็นอาการป่วย ที่พ่อโจ ต้องมา เป็นนักแสดงละคร ป่วยจริง ทุกข์จริง ให้ลิงดู เหมือนกับว่า รายต่อไป ให้เดากันไว้ ว่าใคร จะเป็นไก่ ที่ถูกเชือด
และ เกี่ยวข้องกับ การตามหาพระศรีอาริย์ อย่างไร
ลองให้ท่านทั้งหลาย ได้มาแสดงความเห็นร่วมกัน เผื่อจะได้ไม่ต้อง เป็นไก่ รายต่อไป เหมือนพ่อโจ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-11 22:20:16 |
ความคิดเห็นที่ 220 (1619498) | |
การที่พ่อโจนำเงินที่ตั้งใจทำบุญแล้วมาใช้ก่อน ซึ่งเงินที่ตั้งใจทำบุญนั้น ได้ตั้งสัจจะอธิฐานใว้แล้ว ทำให้เกิดผลการเจ็บป่วยต่าง ๆ นา ๆรักษาไม่หาย แทบเอาชีวิตไม่รอด เป็นการผิดศีลข้อ 2 ,4 ในคราวเดียวกัน อีกทั้งนำเงินไปเลี้ยงดูลูกที่ไม่คิดช่วยทำมาหากิน ทำให้กรรมรวมตัวเกิดกับพ่อโจ แบบสาหักที่เรียกว่าตกนรกทั้งเป็น ยังดีทีพ่อโจมีจิตใจในศีลธรรมแต่อยู่ในภาวะหาทางออกไม่เจอ ยิ่งพบพระศรีอาริย์เร็วเท่าไรก็พบความสุขเร็วไม่ต้องทุกข์ทรมาร พระองค์ต้องการให้ทุกคนพ้นทุกข์ แม้ในนรกยังช่วยให้พ้นทุกข์ กราบโมทนาสาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) วันที่ตอบ 2012-07-11 23:26:23 |
ความคิดเห็นที่ 221 (1619509) | |
- วันข้างหน้าทุกคนจะมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด จะไม่มีใครเด่นกว่าใคร ใครจะมาวางอำนาจ พวกนี้คิดผิด - ด้วยสัจจะความจริงเมื่อตั้งใจลงไปแล้ว จะต้องเป็นไปตามนั้น อย่าเสียสัจ เอาเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ถ้ายิ่งเงินนั้นตั้งใจไว้แล้วจะทำบุญ ต้องรีบสำรวจตัวเองก่อนจะสายเกินแก้ - อย่าเชื่อฟังใครง่ายๆ โดยไม่ได้พิสูจน์ตามพระพุทธองค์ 10 ข้อ เท่าที่มองออกประมาณนี้ครับท่านอาจารย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) วันที่ตอบ 2012-07-12 00:15:53 |
ความคิดเห็นที่ 222 (1619511) | |
เงินใส่บาตรวิระทะโย ถือว่าไม่ใช่เงินเรา ตั้งแต่เรา ตั้งใจทำบุญแล้ว เพราะบุญเกิดแล้ว และ ถือว่าเรา ให้สัจจะไว้แล้ว ว่าเราจะนำเงินนี้ มาทำบุญ ถ้าเราเอาไปใช้ ก็ถือว่าเราผิดศีลข้อ 2, 4 และติดหนี้สงฆ์ และยิ่งเป็นหนี้สงฆ์ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งโทษหนัก และจากประเมินที่ได้อ่าน อาการของพ่อโจ เห็นว่าหนักมาก และความทุกข์ก็มากด้วย ทั้งทุกข์กาย ทุกข์ใจ เมื่อพ่อโจได้ตัดสินใจมาขอขมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวน และท่าน อ. อุบล มาพูดความจริง มายอมรับผิด แล้วอาการก็ดีขึ้นเกือบเป็นปกติ ตรงนี้ใช่ไหมค่ะที่เกี่ยวข้อง กับการตามหาพระศรีอาริย์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) วันที่ตอบ 2012-07-12 00:28:56 |
ความคิดเห็นที่ 223 (1619512) | |
อนุโมทนากับธรรมทานจากคุณพ่อโจด้วยคะ กราบขอบพระคุณอ.อุบลที่เมตตา เขียนธรรมทาน ให้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด งานนี้ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มต้นนะคะ เพราะคนต้นเหตุที่ทำให้ คุณพ่อ ต้องผิดสัจจะกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คงยังต้องได้รับกรรม หนักหนาสาหัสกว่านี้แน่...
เรื่องนำเงินของสงฆ์มาใช้ มีตัวอย่างผลกรรมที่น่ากลัวแสดงให้เห็น หลายรายแล้ว และโดยเฉพาะเงินที่เราตั้งใจ ตั้งสัจจะ อธิษฐาน ว่าจะนำมาทำบุญที่บ้านสวนฯ ซึ่งต้องถือว่า เงินนี้เป็นของบ้านสวนแล้ว เป็นของสงฆ์ เป็นของพระพุทธองค์ เป็นของพระศาสนาแล้ว เราจึงไม่มีสิทธิ์นำไปใช้...
จะว่าไปแล้ว หากเป็นเงินที่ตั้งใจจะทำบุญกับที่อื่น ที่ไม่ใช่บ้านสวน เราคงยังไม่รู้ว่าเป็นบาป เพราะกรรมไม่ได้ส่งผลเร็วเช่นนี้... ดังเช่นที่ผ่านมาทั้งชีวิต เราเคยติดหนี้สงฆ์ มานานหลายปี แต่เราก็ไม่ได้รับผลกรรม แบบฉับพลันทันที จึงไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ว่าเป็นบาป
สรุปแล้ว มีแต่ที่ บ้านสวนพีระมิด ที่แสดงเหตุแห่งทุกข์ ได้ชัดเจนทุกประเด็น มีเหตุผล พิสูจน์ได้จริงตามหลักกาลามสูตร ดังที่คุณพ่อโจ ได้หายทันทีที่แก้ที่ต้นเหตุมาแล้ว
และที่สุดแล้ว สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็นำมาช่วยผู้คน ให้หายเจ็บ หายจน พ้นทุกข์ มีแต่ความสุขได้จริง และรวดเร็วที่สุดด้วย
มันช่างสอดคล้องกับเป้าหมายของพระพุทธเจ้าเลยนะคะ ที่ท่านเพียรสร้างทางหลุดพ้นให้พระองค์เอง และช่วยผู้อื่นให้พลุดพ้นตามท่านด้วย สาธุ..
...................................... คำอธิษฐานการขอรู้ว่าใครคือพระศรีอาริย์ หนูมีอาการขนลุก และปิติ ที่คิดถึงพระองค์ท่านทุกครั้ง ซึ่งสำหรับหนูมีเพียงช้อยส์เดียวในดวงใจเท่านั้น ทั้งจากการอธิษฐาน และหลักกาลามสูตรทุกอย่างคะ ท่านเป็นปุถุชน ไม่ใช่พระ ไม่ใช่ชี ไม่ใช่พระราชวงศ์ แต่ท่านมีการกระทำ คำสอน ที่เป็นแบบอย่าง และความเมตตาอย่างล้นเหลือ เผื่อแผ่ ให้คนทั้งโลก ได้รับความสุขกันได้ทั่วหน้า คะ ................................................. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2012-07-12 00:30:33 |
ความคิดเห็นที่ 224 (1619519) | |
กระทู้พระศรีอาริย์ จะกลายพันธุ์ ไหมเนี่ย
คุณพ่อ ดร.อาจอง ท่านตอบ คำถามพวกเรา
เรื่อง ประเทศไทย จะได้เป็นมหาอำนาจ หรือไม่
ท่านบอกว่า อย่าพึ่งคิดไปไกลขนาดนั้น
เพราะ คนไทย ยังไม่เปลี่ยน ยังมีคนไม่ดี มากขนาดนี้ จะเป็นมหาอำนาจ ได้อย่างไร
นั่นสินะพวกเรา คิดดูสิ
อเมริกา บ้านพี่ต้อย ไม่ต้องล๊อกบ้าน
ก็ไม่มีคนเข้า
ถ้าขืนเอา พวกแฮ๊กเกอร์ ไปอยู่เมกา จะเป็นยังไง
เขาอยู่บ้านเขาดีๆ แกก็ทำตัวเป็นผี เข้าบ้านเขา
แล้วก็ไม่เคยอาย ที่ทำความชั่วได้สำเร็จ
นี่หรือ คนที่ จะทำให้ประเทศไทย ได้เป็นมหาอำนาจ น่าจะจัดเป็นคนขายชาติมากกว่า
เมืองศิวิไลซ์ จะเป็นได้ ต่อเมื่อ เมืองนั้น มีคนที่ ใจ ศิวิไลซ์
บางคน อยากโก อินเตอร์ แต่ใจ ไม่โก แล้วจะได้ โก ยังไง
ถ้าไป ก็คง สร้างความ อันศิวิไลซ์ให้เขาวุ่นวาย จนกลายเป็นแกะดำ
ดังนั้น ถ้าตราบใด พระศรีอาริย์ ยังไม่มา หรือว่า ยังไม่ปรากฎตัว
หรือว่า คนชั่วยังไม่สูญพันธุ์
ก็อย่าพึ่งฝัน ว่า ไทย จะ ได้เป็น มหาอำนาจ
แต่ ก็อย่าพึ่งหมดหวัง ซะทีเดียว
คุณพ่อ ดร.อาจอง ก็เคยบอกไว้เช่นกันว่า เรา กำลังก้าวเข้าสู่ความสงบสุข อีกไม่เกิน 3-4 ปีแล้วนะ
ท่านบอกว่า เราจะสงบสุขได้อย่างไร ในเมื่อเราเห็นแต่ความแตกแยก ความวุ่นวาย ไม่มีความหวังเลย
ท่านบอกว่า เราจะเปลี่ยนกันได้อย่างไร ในเวลาสั้นๆ
ก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน โดย
ก่อนที่จะสงบสุข มันจะเกิดเหตุการณ์เลวร้าย ที่สุดมาสอนคนไทยก่อน แล้วจากนั้น
คนก็จะหันมารักกัน เพราะ มีศรัตรูเดียวกัน คือ ภัยธรรมชาติ
เดี๋ยวอีกไม่นาน น้ำก็จะท่วม คนก็จะไม่มี ที่อยู่ อาหาร บ้านช่อง เสื้อผ้า ยารักษาโรค
ทั้งโรคเก่า โรคใหม่
ทั้งโรคระบาด โรคละ 2-3 บาท เดี๋ยวก็ต้องเจอแล้ว
บางคนยังไม่รู้เลย ไม่สนใจ ไม่เตรียมพร้อมเลย ว่า จะหนีไปอยู่ไหน
จะกินอะไร
ใครบ้างที่จะพึ่งได้ ช่วยเราได้ ไม่ได้วางแผนเลย
หรือว่า มีใครวางแผนแล้วบ้าง
หรือว่า มีใคร พบพระศรีอาริย์ แล้วบ้าง
หรือว่า มีใครรู้แล้วบ้าง ว่ามันจะเกิดวันไหน
วันนี้ ป้าเทิงบอกว่า ก่อนเกิดภัยพิบัติ 1 อาทิตย์ คนต้องหนีมาบ้านสวนกันเยอะแยะเลย
ป้าเทิง รู้หรือว่า มันจะเกิดวันไหน
ก็ 21 ธันวา ปีนี้ไง
แล้วป้าเทิงว่า จะมากันได้เหรอ
ทำไมล่ะอาจาย์
ป้าเทิงแน่ใจเหรอว่า จะเกิด 21 ธ.ค.55 ถ้าเผื่อมันเกิดก่อนหน้านั้น 1 เดือน 2 เดือน หรือ 1 อาทิตย์ล่ะ ป้าเทิงจะว่ายังไง
แหะ แหะ แหะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัลลล | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-12 01:38:44 |
ความคิดเห็นที่ 225 (1619523) | |
เขาบอกผมว่า
ให้มึงรีบเอาเงินไปให้เค้าเลยนะ โอนเงินไปเลย เร็วๆเลย
มึงรู้ไหม เงินกฎสวรรค์นี่ไม่ได้เลยนะมึง เขากะเอามึงถึงตายนะ มึงรู้รึเปล่า เร็วๆเลย ส่งเงินไป
แล้วมึงต้องตามไปขอขมา ไปได้เมื่อไหร่ รีบไปเลย อย่าช้า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะโว้ย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ กูรู้ดี เขาจะเอามึง ตาย .................................... กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์ สาธุ สาธุ สาธุ เรื่องราวของคุณพ่อของโจ คงจะเป็นธรรมทาน ที่เตือนทุกคนที่ติดหนี้สงฆ์ หนี้แผ่นดิน หรือเคยทำผิดกฏบ้านสวนฯ ซึ่งเป็นกฏสวรรค์เช่นเดียวกัน รวมถึงทำผิดต่อเจ้าของบ้านสวนฯ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมหนัก "โทษถึงตาย" ได้จริงๆ คอนเฟิร์ม
ชนิดาก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ว่า ถ้าร่างทรงท่านเฮ่งเจีย ไม่ไปบอกให้คุณพ่อของโจ รีบแก้ไขในเรื่องนี้ พ่อโจจะเป็นยังไงไปแล้ว ก็ไม่รู้...นะคะ
เหมือนท่านก็รู้สาเหตุของการป่วยอยู่ แต่ก็ยังลังเล ไม่รีบไปแก้ ที่"ต้นเหตุ"จริงๆตั้งแต่แรก คือ รอ...จนเกือบจะไม่ไหวแล้ว ถึงได้ตัดสินใจมา
เหตุการณ์นี้คงจะสะท้อน ให้หลายๆท่านได้คิด พิจารณาและเปรียบเทียบ กับชีวิตของตนเองว่า เรามีสัญญาณอันตราย อะไรประมาณนี้หรือไม่
แล้วก็ต้องรีบสำรวจตัวเอง แบบถ้วนถี่อีกทีว่า เราเคยทำผิดอะไร ต่อท่านเจ้าของบ้านสวนฯ และต่อบ้านสวนฯบ้างหรือไม่ ............................. จะเห็นว่า"สัจจะ" เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เพราะถ้าผิดสัจจะไม่ว่าจะกับผู้ใด ก็ทำให้ชีวิตแย่และตกต่ำได้
โดยเฉพาะผิดสัจจะกับเบื้องบน นั้น อาจถึงได้"ตาย" ได้ง่ายๆ ดังที่เราได้เห็นผลกรรม ที่เกิดขึ้นกับพ่อโจแล้วนะคะ
เพราะเท่าที่ดูแล้ว เมื่อทำผิดแล้ว เบื้องบนก็ยังให้โอกาสที่จะแก้ไขอยู่ พร้อมกับวัดใจอีกครั้ง ตอนที่น้องสาวพ่อโจ โอนเงินมาให้เที่ยวสงกราน์
ก่อนที่จะ"ลงโทษ"เพื่อให้ตระหนัก กับบาปกรรมที่ตนได้สร้างไว้ ........................ พวกเราคงจะเข้าใจความรู้สึก ของท่านอาจารย์ และแกนนำบ้านสวนฯกันดีแล้วนะคะ ว่า ที่ท่านพยายามเตือนหนักๆ ในทุกๆเรื่องเพราะอะไร ก็เพราะว่าท่านอาจารย์รู้ดีว่า ทุกคนจะได้รับผลกรรม สาหัสสากรรจ์เพียงใด... เมื่อทำผิด .................................
แค่ชนิดาได้อ่านและได้รับรู้ เรื่องของพ่อโจแล้ว ยังเศร้าและรู้สึกสงสารจนจับใจเลย แต่ก็ต้องทำใจ"อุเบกขา"ให้ได้ เพราะพ่อโจสร้างเหตุมาแบบนี้
แต่ก็ถือว่าโชคดี ที่ท่านได้ไปแก้ที่เหตุแล้ว
แต่ก็ยังมีอีกหลายๆเหตุ และหลายๆคน ต้องรีบรู้ตัว แล้วเร่งไปแก้ที่เหตุโดยด่วน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เพราะสัญญาณอันตราย ชัดเจนขึ้นทุกทีๆ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-12 04:42:25 |
ความคิดเห็นที่ 226 (1619524) | |
เรื่องนี้ ที่บอกมีปริศนาธรรม เป็นอาการป่วย ที่พ่อโจ ต้องมา เป็นนักแสดงละคร ป่วยจริง ทุกข์จริง ให้ลิงดู เหมือนกับว่า รายต่อไป ให้เดากันไว้ ว่าใคร จะเป็นไก่ ที่ถูกเชือด
และ เกี่ยวข้องกับ การตามหาพระศรีอาริย์ อย่างไร ................................. ปริศนาธรรมที่เห็น และจับได้ชัดๆจากเรื่องนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องของอริยสัจ4ค่ะ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
เพราะเรื่องของพ่อโจคนเดียว ทำให้เราเห็นถึงความทุกข์อย่างชัดเจน ทั้งป่วยปางตาย การงาน การเงินล่มไปหมด ชีวิตในบ้านก็ไม่มีความสุข มีแต่ปัญหาที่ชวนให้หนักใจ ไม่สมหวัง ทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อนจริงๆ
และในขณะเดียวกัน พวกเราก็ได้มองย้อน และได้เห็นถึง สาเหตุของทุกข์อย่างชัดแจ้ง ว่ามีสาเหตุมาจาก "กรรมติดหนี้สงฆ์" นั่นเอง
ส่วน นิโรธ และ มรรค ก็คือการไปแก้ที่เหตุของทุกข์ เพื่อที่จะได้ดับทุกข์ ซึ่งพ่อโจก็ได้รีบโอนเงินมาทำบุญก่อน แล้วก็ตามมาสารภาพบาป ขอขมา แล้วอาการป่วยก็หายโดยฉับพลันทันที เพราะไปแก้ที่เหตุ นั่นเอง
ฉะนั้น เรื่องนี้จึงเกี่ยวข้อง กับการตามหาพระศรีอาริย์โดยตรงค่ะ เพราะเราจะพบพระศรีอาิริย์ได้ ก็ต่อเมื่อเราเข้าใจ ถึงสัจธรรมอย่างแท้จริง
มีจิตที่เข้าถึงธรรม หรือ เห็นธรรมด้วยใจแล้วเท่านั้น
ซึ่งถ้าเราเข้าใจเรื่อง อริยสัจสี่ อย่างชัดแจ้งจางปางในใจแล้ว ก็แสดงว่า ท่านได้เห็น สัจธรรมที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ฉะนั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ เพราะบทสรุป ก็อยู่บนหัวกระทู้นี้แล้วว่า
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระศรีอาิริย์" ...................... ฉะนั้น กระทู้ยังไม่กลายพันธุ์ หรอกค่ะอาจารย์ เพราะยังอยู่ในประเด็นเป๊ะเลย ..................... แต่ยังมีตัวละครอีกหลายตัว ที่จะต้องรับบทหนัก เพื่อจะเรียงคิว มาแสดงธรรมให้พวกเรา ได้พิจารณากันอีก
แต่ที่แน่ๆชนิดาเริ่มจะ เข้าใจ สาเหตุของการเกิดโรคระบาดแล้วนะคะ ว่าประมาณไหน
เพราะอาการที่พ่อโจเป็น ก็ไปคล้ายกับคุณเจริญเป๊ะเลย นั่นแสดงว่า กรรมหนักที่พ่อโจทำไว้ แต่พอย้อนหรือสาวไปหา"เหตุ" แบบละเอียดแล้ว
ต้นเหตุจริงๆก็มีคุณเจริญ คุณปิ่น คุณพยงค์ ปุ๋ย โจ ที่มาร่วมก่อกรรม สร้างเหตุร่วมกัน ซึ่งสาเหตุลึกๆของทุกคน ที่เข้ามาสร้างกรรมในบ้านสวนฯ ก็เกิดจากใจที่ไม่บริสุทธิ์เป็นที่ตั้งอยู่แล้ว จึงได้ใช้คำพูดยุแยงและกระทำบาป เหล่านั้น ให้พวกเราได้รู้ ได้เห็น (ในตอนนี้)
ฉะนั้น หลายๆคนที่ว่านี้ ก็จะเป็นโรคเดียวกันโดยไม่ต้องสงสัยเลย "โรคกรรมระบาด"
โอ้ววว... ทำให้นึกไปถึงประโยค ที่ท่านอาจารย์เขียนบ่อยๆว่า คนที่ไปตายร่วมกันเยอะๆ เพราะเค้าได้ทำกรรมร่วมกันมา เพิ่งจะถึงบางอ้อ ว่า ก็คงจะเป็นอะไรประมาณนี้นะคะ
กราบ กราบ กราบ พระธรรมแห่งพระพุทธองค์ค่ะ เพราะกฏแห่งกรรมเที่ยงธรรมที่สุด และเอาคืนแบบไม่ผิดตัวเล๊ย...
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-12 05:37:16 |
ความคิดเห็นที่ 227 (1619525) | |
อาจารย์ขา..มีคำถามสงสัยในใจ แต่อาจจะนอกเรื่องนี๊ดนึง คือ ไม่ทราบว่า วันที่ 17 ก.ค. นี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าคะ
ชนิดารับรู้มาแต่ว่า จะมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรบางอย่าง ที่สะท้อนสภาพจิตใจของคนเรา ที่แย่ ต่ำทราม ไร้สามัญสำนึกอย่างร้ายแรง
คือประมาณว่า อะไรนิดๆหน่อยๆ ก็ฆ่ากันตายได้ง่ายๆเลย อะไรประมาณนี้ค่ะ คือทุกคนต้องใช้ชีวิตกันอย่างระมัดระวัง
แต่จะเกี่ยวโยงกับ"คนตาย"เป็นเบือ หรือไม่ ไม่ทราบเช่นกันค่ะ
แล้วแต่อาจารย์จะพิจารณา และเมตตาตอบค่ะ
อนุโมทนาล่วงหน้าค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-12 05:56:15 |
ความคิดเห็นที่ 228 (1619565) | |
เรื่องนี้ ที่บอกมีปริศนาธรรม เป็นอาการป่วย ที่พ่อโจ ต้องมา เป็นนักแสดงละคร ป่วยจริง ทุกข์จริง ให้ลิงดู เหมือนกับว่า รายต่อไป ให้เดากันไว้ ว่าใคร จะเป็นไก่ ที่ถูกเชือด
และ เกี่ยวข้องกับ การตามหาพระศรีอาริย์ อย่างไร
ลองให้ท่านทั้งหลาย ได้มาแสดงความเห็นร่วมกัน เผื่อจะได้ไม่ต้อง เป็นไก่ รายต่อไป เหมือนพ่อโจ *** เห็นด้วยกับพี่ชนิดา นะครับ เรื่อง "การดับที่เหตุ" ทั้งๆ ที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็พยายาม เตือนแล้ว อีกทั้งพ่อน้องโจ ยังโชคดี ที่มีร่างทรงมาบอก เหมือนว่า พ่อน้องโจ ยังจัดว่าเป็นบัวเหล่าที่ 3 อาจจะได้รับการเตือนหลายครั้งหน่อย เป็น ผู้ที่สามารถ ฉุดช่วยให้พ้นทุกข์ได้ ส่วนเกี่ยวข้องกับการ"ตามหาพระศรีอาริย์" ยังไงก็ ก็หมายถึง"เห็นธรรม" อย่าง บางทีเราก็ต้อง "เห็นทุกข์" ก่อน ไม่งั้น เราไม่สามารถ จะไปคันเหตุ ของกรรมได้เลย เพราะอย่างบางที คนหลายๆคน ที่ทำกรรม บางที กว่ากรรมจะส่งผล ก็นาน หลายปี จนบางทีเราก็ลืมไปแล้ว ว่า ทุกข์ที่เราได้รับนั้น เกิดจากกรรมอะไร ส่วนบางคนที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เมตตาเตือน หรือเตือนแล้วก็ยัง ไม่ฉุกคิด แบบนี้ ก็ไม่มีใครช่วยได้ครับ เหมือน พระเทวทัต ที่เคย ทำร้าย พระพุทธเจ้า หลังจากนั้นก็ป่วยหนัก เลยเพิ่งมาคิดได้ ว่าเป็นเพราะเราทำผิดกับพระพุทธเจ้าไว้หลายครั้ง กว่าจะสำนึก ก็ ถึงกับต้องแบกหาม กันมาขอขมาทีเดียว แต่ด้วยกรรมที่หนัก ก็โดนธรณีสูบไปเสียก่อน ส่วนใครจะเป็นรายต่อไปนั้น ก็ต้องเป็นคนที่มีพฤติกรรมคล้ายๆ หรือเป็นตัวแทนพระเทวทัต นั่นแหละครับ จ้องทำลายล้าง ไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่า กว่าจะรู้ตัว รู้สำนึก แต่ยังจะสู้ตาย ทำชั่วต่อไป หรือเอาไว้รอธรณีสูบไปก่อนหรือเปล่า | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) วันที่ตอบ 2012-07-12 10:46:23 |
ความคิดเห็นที่ 229 (1619577) | |
แต่ที่แน่ๆชนิดาเริ่มจะ เข้าใจ สาเหตุของการเกิดโรคระบาดแล้วนะคะ ว่าประมาณไหน
เพราะอาการที่พ่อโจเป็น ก็ไปคล้ายกับคุณเจริญเป๊ะเลย นั่นแสดงว่า กรรมหนักที่พ่อโจทำไว้ แต่พอย้อนหรือสาวไปหา"เหตุ" แบบละเอียดแล้ว
ต้นเหตุจริงๆก็มีคุณเจริญ คุณปิ่น คุณพยงค์ ปุ๋ย โจ ที่มาร่วมก่อกรรม สร้างเหตุร่วมกัน ซึ่งสาเหตุลึกๆของทุกคน ที่เข้ามาสร้างกรรมในบ้านสวนฯ ก็เกิดจากใจที่ไม่บริสุทธิ์เป็นที่ตั้งอยู่แล้ว จึงได้ใช้คำพูดยุแยงและกระทำบาป เหล่านั้น ให้พวกเราได้รู้ ได้เห็น (ในตอนนี้)
ฉะนั้น หลายๆคนที่ว่านี้ ก็จะเป็นโรคเดียวกันโดยไม่ต้องสงสัยเลย "โรคกรรมระบาด" ********* สาธุ ด้วยนะคะคุณชนิดา ที่ได้มาเจาะประเด็นให้ได้เห็น ในเรื่องโรคระบาด ทำให้เห็นภาพ ได้ชัดเจนขึ้น อ่านเองก็ไม่เข้าใจได้เท่านี้ เพราะยังเป็นบัวเหล่าที่ 3 อยู่ค่ะ กำลังพยายามจะโผล่อยู่นะคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) วันที่ตอบ 2012-07-12 11:42:53 |
ความคิดเห็นที่ 230 (1619581) | |
อนุโมทนาบุญกับธรรมทานจากท่านอ.อุบลและทุกๆท่าน จากอาการเจ็บป่วยของพ่อโจ ซึ่งก็ชัดแล้วล่ะครับ ว่าเป็นเพราะผิดหนี้สงฆ์ แต่ส่วนคุณเจริญนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยลักษณะเดียวกัน ซึ่งก็คงผิดหนี้สงฆ์เหมือนกันครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ พออ่านข้อมูลขอพ่อโจ และคุณเจริญ จากธรรมทานของท่านอ.อุบล ใจผมมันแว็ปขึ้นมาว่า เป็น มะเร็งหรือเปล่า [ ขออภัยน่ะครับอันนี้เป็นความรู้สึกของผมน่ะครับ ] พอลองมาพิจารณา อาการของโรคมะเร็ง คือ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดในตำแหน่งที่เป็น ไม่มีแรง แหม่ ขอให้ผมคิดผิดเถอะน่ะครับ...
แต่ก่อน....สมัยที่คุณเจริญยังมาบ้านสวนฯเป็นประจำ ผมจะเห็นแกมาช่วยงานท่านอาจารย์ก็คือ พวกงานก่อสร้างต่างๆ เช่น ต่อเติมอาคารเอนกประสงค์ บริเวณลานด้านหน้าวิหารสมเด็จฯองค์ปฐม / อาคาร3ชั้นหลังโรงทาน ซึ่งคุณเจริญนั้นเป็นแกนหลักในงานก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งเท่าที่ผมทราบนั้น คุณเจริญจะจัดหา จัดการ ไม่ว่าเป็น แรงงานช่าง วัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง ซะเป็นส่วนใหญ่
ประเด็นก็คือว่า ในการจัดซื้อ จัดจ้างต่างๆนั้น มีความโปร่งใส ชัดเจน มากน้อยแค่ไหนอย่างไร อันนี้ที่หลายคนมีความสงสัย เช่น อุปกรณ์บางอย่างที่ในบ้านสวนฯก็มีใช้อยู่แล้วโดยมีผู้มาร่วมบุญนำมามอบให้ แต่คุณเจริญก็ยังมีการสั่งซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวเข้ามาซ้ำซ้อน วึ่งสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แถมราคาแพงกว่าอีกด้วย ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานก็ไม่ต่างกัน ตลอดจนงานก่อสร้างอาคาร3ชั้นหลังใหม่ ที่ออกแบบไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม ซึ่งลูกบ้านสวนฯหลายท่านมีการทักทวงถึงโครงสร้างของอาคารที่ไม่แข็งแรง กลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในระยะยาว แต่คุณเจริญก็ไม่ยอมรับฟังหรือนำไปแก้ไขให้ถูกต้องแต่อย่างใด นอกจากเพิกเฉยแล้ว ยังดำเนินการก่อสร้างบนพื้นฐานความเสี่ยงต่อไป....ขอย้อนกลับไปเรื่องโครงสร้างอาคารหน่อยน่ะครับ เมื่อก่อนอาคาร3ชั้นนี้...ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นตอนนี้ เมื่อก่อนนั้น..เป็นโครงสร้างที่ใช้ท่อนเหล็กเชื่อมติดกัน เป็นโครงสร้างอาคาร ลองนึกภาพตามผมน่ะครับ โครงสร้างทั้งหมดเป็นเหล็กท่อ และเหล็กตัวซี เชื่อมติดกัน ช่างเชื่อมก็เป็นคุณเจริญ จัดหามาประมาณ 5-6 คน เวลาทำงานก็ทำไปสูบบุหรี่ไป พูดง่ายๆก็คือ..ทำไปให้จบไปวันๆ แล้วรับตังค์ อันนี้เป็นมุมมองผมน่ะครับ งานที่เชื่อมเสร็จ ก็ไม่ได้คุณภาพ ผมมักจะไปตรวจดูรอยเชื่อมที่ช่างของคุณเจริญเชื่อมไว้ โอ้โห รูเบ้อเร้อออเรย เต็มไปหมด เท่านั้นไม่พอ เจ้าเหล็กพวกนั้น จะต้องรับน้ำหนักของแผ่นปูนที่เอาไว้สำหรับเป็นพื้นไว้เดินอีกน่ะครับ ประมาณ 300 แผ่น 1แผ่น หนักประมาณ 100 กิโลกรัม ลองคำนวณดูล่ะกันน่ะครับ ว่าอาคารต้องรับน้ำหนักมากแค่ไหน กับโครงสร้างที่เต็มไปด้วยรูพรุน ผมลองขึ้นไปกระโดดบนชั้น3 เพื่อลองเช็คความแข็งแรง ไม่ใช่กระโดดลงมาน่ะครับ อย่าเข้าใจผิด กระโดดอยู่บนนั้นแหละครับ โอ้โห้ อาคารโยกเยกอย่างกะแผ่นดินไหวสัก 3.5 ริกเตอร์ ตอนนั้นกังวลมาก นี่ไม่ใช่ผมคิดเองคนเดียวน่ะครับ ผมมีคนมาช่วยคอนเฟริมร์อีกหลายคน ซึ่งรวมไปถึงโปรเฟสชันนอลอย่างลุงเบิ้ม ก็ยังบอกเรยครับว่า ภวนาให้แข็งแรงน่ะอะไรประมาณนี้ ลุงเบิ้มนี่น่ะ แกไม่ธรรมดาน่ะครับ อดีต..วิศวกรรมศาสตร์เครื่องกล จากมหาวิทยาธรรมศาสตร์ ผู้จัดการโรงโม่ปูน เคยไปทำงานที่ซาอุดิอาระเบีย ในฐานะช่างเชื่อมและผู้ตรวจสอบรอยเชื่อม เห็นเงียบๆอย่างนี้ เงินเดือนเป็นแสนน่ะครับ ขอบอก น้านนน...เผลอไปล่ะ เดียวกัญญ์วิญารู้ มาขอยืมตังค์ลุงเบิ้ม 555 นอกเรื่องอีกล่ะ....เอาเป็นว่า..มืออาชีพยืนยันแล้วว่าไม่ผ่านโดยสิ้นเชิง ที่สุด ก็ต้องเปลี่ยนแบบ มาเป็นหล่อเสาเทปูนแทน คิดดูสิครับ ว่ามันซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ผมแอบได้ยินแว่วๆ จากท่านอาจารย์ว่า หมดไปเป็นล้านบาทเรยน่ะ เฉพาะเรื่องโครงสร้างเนี่ยะ ผมก็ไม่เข้าใจน่ะครับ..ว่าทำไมถึงดันทุรังสั่งซื้อแต่เหล็กมาทั้งนั้นเรย แพงก็แพง ไม่แข็งแรง ที่สุดก็ต้องเปลี่ยนแบบอีก.....เออ ว่าแต่ เดี๋ยวนี้ทำไม ไม่ค่อยคุณเจริญมาบ้านสวนฯแร้วล่ะ....น้าน....ไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาอีกล่ะ
จากข้อมูลที่ผมเขียนมาข้างต้น คุณเจริญเข้าข่ายการผิดหนี้สงฆ์แบบไม่ต้องสงสัย ดังนั้นผมจึงขอฟันธงว่า ผู้ที่จะเป็นไก่ ที่จะถูกเชือดรายต่อไปนั้น..เป็น...เป็น...เป็น คุณเจริญ ฟันธง!!!! อาจารย์คราบบบบ... ส่วนไปเกี่ยวกับอะไรกับเรื่องพระศรีอริยฯ อย่างไรนั้น ลูกด้อยปัญญา ขอความเมตตา เฉลยให้ลูกได้เห็นทางสว่างด้วยครับ อาจารย์แม่คราบบบ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม วันที่ตอบ 2012-07-12 12:37:14 |
ความคิดเห็นที่ 231 (1619609) | |
ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน ของน้องป้อมและทุกท่าน และน้องนิดาเจ้าของกระทู้คนสวยค่ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ วันที่ตอบ 2012-07-12 15:02:45 |
ความคิดเห็นที่ 232 (1619634) | |
อนุโมทนากับธรรมทานจากทุกท่านคะ
ได้อ่านการปฏิบัติงานอย่างละเอียดของคุณเจริญและทีมงานแล้ว น่ากลัวจะได้รับกรรมมากเลยนะคะ เพราะอาคาร 3 ชั้น ถือเป็นสถานที่ที่จะมีหน้าที่สำคัญต่อไปในภายหน้าอีกมาก แล้วถ้ามาทำแบบไม่ไหวจะเคลียร์แบบนี้ ไม่รู้จะพูดยังไงเลยคะ ทำให้อาจารย์ต้องเสียทรัพย์มากมาย และผลงานที่ได้ยังไม่ได้เรื่องด้วย ถ้าอาคารถล่มลงมา มีคนเจ็บอีก จะซวยแค่ไหน
อ่านธรรมทานจากคุณป้อมเพื่อเติม เรื่องลุงเบิ้ม รู้สึกแบบนั้นเหมือนคะว่าแกเป็นมิตร และไม่ถือตัวเลยจริง ๆ คะ คนที่เก่งจริง มีดีจริง อะไรจริงเนี่ย เขาจะไม่ชอบอวดตัว หรือยกตนข่มท่านเลยนะคะ น่ายกย่องจริง ๆ คะ (อ่านแล้วแอบขำนิดนึงเรื่องกลัวกัญญ์วิญามายืมตังลุงเบิ้มน่ะคะ)
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2012-07-12 18:26:31 |
ความคิดเห็นที่ 233 (1619656) | |
สิทธิต่างๆ อวัยวะต่างๆของร่างกาย ถ้ามีแล้วไม่ใช้ หรือ ใช้ไม่ถูกวิธี ใช้ไปในทางไม่สร้างสรรค์ ไม่สร้างความดี ก็จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้อีกต่อไป
อย่างใส้ติ่งเป็นต้น มีไว้ไม่มีประโยชน์เลยต้องตัดทิ้ง อย่างมือ นิ้วมือ ถ้าไม่ใช้ทำความดี แต่เอาไปทำชั่ว ก็ไม่ควรมีมืออีกต่อไป หรือสิทธิใดๆก็ตาม ถ้้าไม่ใช้ ต้องถูกตัดสิทธิ์ตลอดกาล เหมือนใส้ติ่ง นะจ๊ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-12 23:04:11 |
ความคิดเห็นที่ 234 (1619664) | |
ขออนุญาติขยายตัวหนังสือของท่านอาจารย์นะครับ
สิทธิต่างๆ อวัยวะต่างๆของร่างกาย ถ้ามีแล้วไม่ใช้ หรือ ใช้ไม่ถูกวิธี ใช้ไปในทางไม่สร้างสรรค์ ไม่สร้างความดี ก็จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้อีกต่อไป
อย่างใส้ติ่งเป็นต้น มีไว้ไม่มีประโยชน์เลยต้องตัดทิ้ง อย่างมือ นิ้วมือ ถ้าไม่ใช้ทำความดี แต่เอาไปทำชั่ว ก็ไม่ควรมีมืออีกต่อไป หรือสิทธิใดๆก็ตาม ถ้้าไม่ใช้ ต้องถูกตัดสิทธิ์ตลอดกาล เหมือนใส้ติ่ง นะจ๊ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล วันที่ตอบ 2012-07-12 23:43:55 |
ความคิดเห็นที่ 235 (1619667) | |
หนูแหวน พี่สรเจอคุณลุงเบิ้ม ครั้งแรกท่านเป็นตัวอย่างเรื่องการ ระมัดระวัง กาย-จิต ดีมาก ๆ ค่ะ ส่วนลุงบุญชมท่านว่า ลุงบุญขา! หนูรู้สึกเหมือนลุงเป็น พระธุดงค์ที่งดงามมากซึ่งส่วนใหญ่ พระธุดงค์ที่อ่านแล้วอดีตชาติ ของท่านจนปัจจุบันชาติ ล้วนเป็นผู้ดี ทั้งกาย วาจา ใจ ใครได้สัมผัสรู้สึกถึงความปิติเหมือน ดั่งเช่น คุณลุงทั้งสอง ไม่มีพิษภัยซึ่งหาได้ยากในยุคนี้ และถ้าท่านได้ยินพี่สรพูดหรือทำอะไร ที่ยังไม่เข้าใจคุณลุงท่านจะ ไม่ให้ผ่านไปจะบอกและแนะแนวคิด คำ สองคำ ที่เกิดปัญญาเสมอ กราบขอบพระคุณ คุณลุงแห่งบ้านสวนฯ ที่ทำให้ลูกหลานรู้สึกอบอุ่นที่มี คุณลุงใจดี ถึงสองท่าน ที่ลูกควรแก่การเคารพนอบน้อม และเป็นแบบอย่างด้วยค่ะ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ วันที่ตอบ 2012-07-13 01:43:34 |
ความคิดเห็นที่ 236 (1619679) | |
จาก คห. 233 เขียนโดย ท่านอ.อุบล ...................................................
สิทธิต่างๆ อวัยวะต่างๆของร่างกาย ถ้ามีแล้วไม่ใช้ หรือ ใช้ไม่ถูกวิธี ใช้ไปในทางไม่สร้างสรรค์ ไม่สร้างความดี ก็จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้อีกต่อไป
อย่างใส้ติ่งเป็นต้น มีไว้ไม่มีประโยชน์เลยต้องตัดทิ้ง อย่างมือ นิ้วมือ ถ้าไม่ใช้ทำความดี แต่เอาไปทำชั่ว ก็ไม่ควรมีมืออีกต่อไป
หรือสิทธิใดๆก็ตาม ถ้้าไม่ใช้ ต้องถูกตัดสิทธิ์ตลอดกาล เหมือนใส้ติ่ง นะจ๊ะ ............................. ถ้าพิจารณาในระดับกลางๆ พอจะเข้าใจค่ะว่าท่านอาจารย์ ต้องการจะสื่ออะไร
แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดีๆ และลึกๆแล้ว ท่านอาจารย์พยายาม จะบอกอะไรอีกน๊า
หรือว่า จะเป็นการเตือนสมาชิกลูกบ้านสวนฯ ที่มีสิทธิ์เข้ามาอ่านได้ แล้วก็พอจะรู้เรื่องราวของคุณเจริญ พ่อโจ น้องปุ๋ย น้องโจ คุณพยงค์ คุณปิ่น
แต่ก็เพิกเฉยไม่มาช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนธรรทานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อจะเป็นภาพสะท้อนกรรม ที่อาจจะทำให้พวกเค้า คิดได้บ้าง และอาจจะส่งผลให้พวกเค้า คิดแก้ไขกรรมของตนก็ได้
หรือไม่ก็ เป็นการบอกให้ทุกๆคน ที่มีรายชื่อดังกล่าว ออกมาเขียนชี้แจง และพร้อมคิดแก้ไข ในบาปกรรมของตน เพื่อจะได้มีสิทธิ์หลุดกรรม พ้นทุกข์ ได้...
ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็น นักแสดง หรือ ผู้ชม ก็ควรจะใช้สิทธิ์ที่มีอยู่
รวมทั้งทุกอวัยวะของร่างกาย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อตนเองและต่อส่วนรวม
แบบว่า เดา เดา เดา อีกแย้ว..ค๊า
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-13 05:57:32 |
ความคิดเห็นที่ 237 (1619681) | |
แต่ก่อน....สมัยที่คุณเจริญ ยังมาบ้านสวนฯเป็นประจำ ผมจะเห็นแกมาช่วยงานท่านอาจารย์
ก็คือ พวกงานก่อสร้างต่างๆ เช่น ต่อเติมอาคารเอนกประสงค์ บริเวณลานด้านหน้าวิหารสมเด็จฯองค์ปฐม อาคาร3ชั้นหลังโรงทาน
ซึ่งคุณเจริญนั้นเป็นแกนหลัก ในงานก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งเท่าที่ผมทราบนั้น คุณเจริญจะจัดหา จัดการ ไม่ว่าเป็น แรงงานช่าง วัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบต่างๆที่เกี่ยวข้อง กับงานก่อสร้าง ซะเป็นส่วนใหญ่ ประเด็นก็คือว่า ในการจัดซื้อ
จัดจ้างต่างๆนั้น มีความโปร่งใส
ชัดเจน มากน้อยแค่ไหนอย่างไร
อันนี้ที่หลายคนมีความสงสัย
................................................... อนุโมทนากับธรรมทาน จากสิงห์ป้อมด้วยนะคะ เพราะประเด็นที่สิงห์ป้อมยกมา ค่อนข้างจะ เคาะและเจาะ ได้ตรงประเด็นมากๆ
และสะท้อนภาพให้พวกเราได้เห็นว่า ที่คุณเจริญเข้ามาบ้านสวนฯนั้น จริงๆแล้วเข้ามาเพื่อสร้างบุญ หรือ เข้ามาเพื่อจ้องหา ผลประโยชน์อันมหาศาล ให้กับตัวเองกันแน่
เพราะแค่เห็นการจัดซื้อ จัดจ้างคน ก็รับเงินไปเต็มๆ แต่ผลงานไม่มี ไม่เดิน ของบางอย่างที่ซื้อก็ไม่ได้มีความจำเป็น และผลงานก็ไร้ซึ่งคุณภาพจริงๆ
นั่นคงจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คุณเจริญพยายาม ที่จะ ขจัดคนดี คนซื่อ อย่างลุงบุญให้พ้นทางบาปของตน
โดยการสร้างฐานและพยายาม ผูกมิตรกับโจ ด้วยการให้กำลังใจโจ ไปในทางที่ผิดๆ อย่างนั้น
ซึ่งภาพภายนอกที่หลายๆคน ได้เห็นได้รู้จัก คุณเจริญ คงจะทำให้เราเข้าใจผิดคิดว่า คุณเจริญเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ และเข้ามาอาสาสร้างทุกอย่างให้ฟรีๆ เพื่อต้องการสร้างบุญ และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่ที่ไหนได้ ส่งบิลมาเก็บ กับท่านอาจารย์ทุกบาททุกสตางค์ แล้วคุณเชื่อไหม๊ว่า ท่านอาจารย์ ก็ยอมจ่ายทุกบาททุกสตางค์แต่โดยดี
ทั้งๆที่รู้ว่า ราคาที่ตั้งมาไม่สมเหตุสมผลเลย ค่าแรงก็แพงลิบลิ่ว แต่ฝีมือไม่มี แบบว่าแรงงานต่างด้าวลูกบ้านสวนฯ ยังเก่งและเจ๋ง ทำงานโปร...กว่าตั้งเยอะ...เลยอ่ะ
ส่วนเรื่องน้องปุ๋ย น้องโจ ตอนที่อยู่ในบ้านสวนฯ ก็อาจจะเคยทำกรรมหนัก คือ ติดหนี้สงฆ์ ด้วยความตั้งใจ หรือ โดยไม่ตั้งใจ ก็ได้ เพราะเห็นคุณแมวเคยเขียน เรื่อง ขนมโดนัท(รึเปล่า) ที่น้องปุ๋ยก็เก็บไปกินกับโจสองคน ทั้งๆที่ขนมนี้ซื้อมาฝากทุกๆคน ถ้าจำผิดต้องขออภัยนะคะ ...
และนอกเหนือจากนี้ เราก็ไม่รู้ว่า น้องปุ๋ยกะโจ ได้เก็บอาหารต่างๆ ที่คนนำมามอบให้กับอาจารย์ แต่เก็บไปกินกันเองโดยไม่ขอ หรือ ไม่บอกก่อนบ้างหรือไม่
คงต้องรอให้คนที่รู้อะไรชัดๆกว่านี้ มาช่วยกันเคาะกรรม ให้พวกเค้า ได้รู้บาปกรรมที่ตนทำมา ได้ชัดมากกว่านี้นะคะ
อนุโมทนากับธรรมทาน จากทุกๆท่านด้วยนะคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-13 06:30:33 |
ความคิดเห็นที่ 238 (1619693) | |
อนุโมทนากับธรรมทานจากทุกๆท่านด้วยค่ะ ได้อ่านเรื่องราวคุณเจริญแล้ว ทำให้รู้สึกว่า เป็นการสร้างกรรมที่หนักมากๆค่ะ เพราะการที่ทำอะไรเพื่อหวังผลประโยชน์ ทำแบบคดโกง ไม่โปร่งใส นำความเดือดร้อนมาให้อ.แม่ ทั้งเรื่่องทรัพย์สินเงินทอง และเวลา และอาจเกดิความเืดือดร้อนอย่างที่พี่แหวนพิมมา หากว่าอาคารเกิดถล่มขึ้นมาทับผู้คนอีก จนมาถึงตอนนี้ ก็ทำใ้ห้คุณเจริญเดือดร้อนเรื่องเงิน ไม่มีความสุข ร่างกายมีทุกข์ ทำมาหากินไม่ขึ้น โอ้วว เรียกว่ารับไปแบบเต็มๆเลยนะคะ ว่าแล้วก็ไม่อยากจะนึกถึงผู้เกี่ยวข้องเรื่องอื่นๆ อย่างพี่ปุ๋ย พี่โจ คุณปิ่น คุณพยงค์เลยค่ะ ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นใด
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี วันที่ตอบ 2012-07-13 07:51:11 |
ความคิดเห็นที่ 239 (1619707) | |
คุณชนิดาจ๋า ทุกสิ่งท่ี่เกิดขึ้นในบ้านสวน ล้วนเป็นแผน ของเบื้องบน เป็นเคสสตั๊ดดี้ เป็นกรณีศึกษาทั้งหมด และเบื้องบนกำหนดตัวละคร และบทบาทการแสดงไว้แล้ว คุณชนิดา คงสงสัย ว่า ทำไม อ.อุบล จึงยอมจ่าย ยอมให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ ทั้งที่รู้ทุกอย่างดีกว่าใคร ทำไม ไม่พูด ทำไมไม่ห้าม ทำไมปล่อยให้เขาทำ ทุกคนอยากรู้ วันนี้จะเฉลย ก็ในเมื่อบ้านสวนพีระมิด คือ ประเทศไทยจะลอง บ้านสวนจึงต้อง สะท้อนปัญหา สังคมไทยให้ชัดเจน ทุกแง่่มุม ว่าคนไทย หรือ ในโลกนี้ ที่มีทุกข์มีความเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้านั้น ไปสร้างกรรมอะไรกันมา ถึงได้เจอเคราะห์กันขนาดนี้ คนมากมายทั่วโลก ทั่วประเทศ เป็นโรคร้าย เป็นมะเร็ง หมอช่วยไม่ได้ แม้แต่หมอ ครอบครัวหมอ ก็เจ็บป่วย ช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วทำไม คนมาบ้านสวน โรคที่หมอช่วยไม่ได้ มันมีคนหายมานักต่อนักแล้ว คนไม่หายก็มี พวกนี้ พวกกรรมหนัก ไม่เชื่อ ไม่ทำตาม ไม่สำนึก ไม่รู้สึกผิด คราวนี้ย้อนมาหาคุณเจริญ เบื้องบน ต้องการสื่อ ถึงคนที่ไปหากินกับวัด กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไปเอาค่านายหน้า เรียกราคาแพงลิบลิ่ว เพราะเงินวัด เงินเหล่านี้ เขาคิดว่าไม่มีเจ้าของ เจ้าอาวาสก็ไม่ต้องประหยัด เพราะไม่ใช่เงินท่าน แต่บางที ท่านก็อยู่ในภาวะจำยอม ยอมให้คนเหล่านี้ ตกนรก เป็นตัวอย่างคนอื่น แต่พวกนี้ดันไม่ทันคิด คิดแต่ได้เงินง่าย สบากว่าทำงานที่อื่น จึงมีพวกนิยม หากินกับวัด จริง ถ้าเอากำไรปกติ ก็ถือว่าไม่บาป แต่ถ้าจงใจสร้างภาพ ว่าช่วยฟรี แต่มียัดใส้อยู่ในที อันนี้มหันต์ แล้วยิ่คิดราคาแพงกว่าปกติด้วยอีก อันนี้ดิ่งเลย ซึ่งกรรมจะส่งสัญญาณหลายอย่าง แต่กรรมโลภมันมักจะบังตา เจ็บไม่เป็นไร ขอให้ได้เงินมาก่อน เอาเงินไปซื้อยา หาหมอ ไปนวดทีหลังก็ได้ เขาคิดแบบนี้ แล้วเมื่อมาถึงวันนี้ หรือวันหนึ่ง กรรมก็ปรากฎชัดเจน เพื่อให้คนทั้งหลายเห็น และนำไปเป็นบทเรียนสอนใจ เอาไว้สอนคนต่อๆไป ว่าเราเคยทำไว้บ้างหรือไม่ แล้วเรากำลังเป็นอย่างคุณเจริญหรือไม่ แล้วทำไม พวกหากินกับวัด พวกดูชอบทำบุญ ถึงมีโรคหนักๆ มีอุปสรรคในชีวิตมากมาย จะได้รู้ไง คุณเจริญ ก็จะได้เอาชีวิตจริง ทำจริง ป่วยจริง มีเคราะห์จริง มาแสดงจริง ไม่มีการป่วยเสแสร้ง คราวนี้เข้าใจหรือยังจ๊ะ คุณชนิดาจ๋า ว่าทำไม อ.อุบล และเบื้องบน ปล่อยให้ทำ รวมทั้ง คนอื่น ที่ทำอยู่ หรือ คิดจะมาทำ ก็จัดเป็นตัวละคร สะท้อนสังคม ที่ถูกคัดเลือกมาทั้งนั้น รวมทั้งเวปเถื่อน ใช้ชื่อบ้านสวน ใช้ชื่อ อ.อุบล ล้วนอยู่ในแผน สะท้อนปัญหาสังคม ทั้งนั้น แล้วจะได้เห็นกันว่า ทำแล้ว ไม่มีใครเอาเรื่อง แต่กรรมจะให้ผล กับคนเหล่านี้อย่างไร รับรองไดรู้ทั่วไทย แน่นอนจ้า คุณชนิดาจ๋า หวังว่า ยูซี นะจ๊ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-13 10:52:39 |
ความคิดเห็นที่ 240 (1619709) | |
พ.ต.อ.(พิเศษ)พฤฒิพงษ์ พุทธชาติ รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ท่านเคยพูด(ออกรายการด้วย) ไว้ประโยคหนึ่ง ว่า คนบุญ จึงทำบุญขึ้น อันนี้ ก็จะขอถือโอกาส ยืมสำนวนท่าน มาใช้ตรงกันข้าม ว่า คนบาป จึงทำบาปขึ้น ทำแล้ว ก็ฮึกเหิมในบาป มีสัตว์นรกมาคอยยุแหย่ ให้ทำหนักเรื่อยๆ ส่วนคนบุญ ก็ทำบุญขึ้น ทำแล้วก็ยังไม่หยุด มีเทวดามาดลใจ ให้ทำดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ผลบุญก็ทำให้เกิด อานิสงส์แบบอัศจรรย์ มีปาฎิหาริย์ขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน แบบชนิดที่เรียกว่า ใช้คำว่า เหมือนกันไม่ได้เลย ต้องใช้คำว่า ตรงกันข้ามกัน และ ต่างกัน ราวฟ้ากับเหว คนหนึ่งสง่างาม เดินไปไหน ไม่ต้องอายใคร ใช้ชื่อจริงได้ แต่อีกคนหนึ่ง คุดคู้ มุดหัว คลุมหน้า พลางตัว ต้องคอยใช้ชื่อคนดี แต่สีก็ตกให้เห็น ไม่กล้าเปิดเผยตัว ทำชั่ว แต่อยากดี | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-13 11:04:48 |
ความคิดเห็นที่ 241 (1619711) | |||||
| |||||
ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล วันที่ตอบ 2012-07-13 11:10:41 |
ความคิดเห็นที่ 242 (1619721) | |
จากความเห็นที่ 239 โดยท่าน อ. อุบล คุณเจริญ เบื้องบน ต้องการสื่อ ถึงคนที่ไปหากินกับวัด กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไปเอาค่านายหน้า เรียกราคาแพงลิบลิ่ว เพราะเงินวัด เงินเหล่านี้ เขาคิดว่าไม่มีเจ้าของ เจ้าอาวาสก็ไม่ต้องประหยัด เพราะไม่ใช่เงินท่าน แต่บางที ท่านก็อยู่ในภาวะจำยอม ยอมให้คนเหล่านี้ ตกนรก เป็นตัวอย่างคนอื่น แต่พวกนี้ดันไม่ทันคิด คิดแต่ได้เงินง่าย สบากว่าทำงานที่อื่น จึงมีพวกนิยม หากินกับวัด จริง ถ้าเอากำไรปกติ ก็ถือว่าไม่บาป แต่ถ้าจงใจสร้างภาพ ว่าช่วยฟรี แต่มียัดใส้อยู่ในที อันนี้มหันต์ แล้วยิ่คิดราคาแพงกว่าปกติด้วยอีก อันนี้ดิ่งเลย +++++++++++ จากที่เคยไปเจอพี่เจริญ ตอนนั้นพี่เขาเล่าว่า ต้องไปซื้อวัสดุก่อสร้าง และหาช่างมาทำพร้อม ซึ่งที่พูดนั้น ก็ทำให้เข้าใจว่า พี่เขาออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด คิดว่าพี่เค้าเป็นคนใจบุญ บำบัดแล้วดีขึ้น สร้างบุญตอบแทน เพราะเคยเห็นตัวอย่าง คุณเม้ง (ที่ตกนั่งร้าน) เขาพาช่างมาช่วยทำผนังองค์พีระมิด พึ่งมาทราบค่ะว่า เป็นนายหน้าหางาน ให้คนอื่นทำ แล้วถ้าระดับประเทศ มันคงซับซ้อน ซ่อนเงื่อนกันมากกว่านี้ กราบขอบพระคุณท่าน อ. อุบล เป็นอย่างสูง ที่นำเหตุการณ์มาสะท้อน สังคมประเทศไทย ให้ได้เข้าใจยิ่งขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) วันที่ตอบ 2012-07-13 13:22:05 |
ความคิดเห็นที่ 243 (1619744) | |
ที่คุณเจริญจ้างคนมาเกือบ สิบ คนนั้น อ.อุบล เป็นคนจ่ายทั้งหมดนะ คิดเป็นรายวัน ซึ่งราคาแพงลิบลิ่วทุกคน แต่ส่วนใหญ่ มานั่งสูบบุหรี่ ขับรถออกไปโน่นนี่ +++++++++++++++++++ คุณเจริญ เข้ามาบ้านสวน ด้วยอาการปวดหลัง ได้รับการบำบัดดีขึ้นหรือหาย แต่กลับมาเป็นอีกหนักว่าเดิม ซึ่งผมเห็นสภาพแล้วผมยังเคยพยุงคุณเจริญลุกขึ้นเดิน จะเคลื่อนไหวร่างกายหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด เป็นเอามาก ผมเริ่มคุ้นเคยช่วงมีการก่อสร้างหอประชุม ณ วันนั้นที่เริ่มมีการก่อสร้างผมเข้าใจว่าคุณเจริญ คือผู้มีศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพ ค่าช่าง เพราะได้ยินกับหูเลยว่า...ค่าช่างเดี๋ยวผมเคลียร์เองผมเอาลูกน้องผมมาเองไม่มีปัญหาครับ คุณเจริญ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ เรื่องแบบก่อสร้างหอประชุม และสั่งเหล็กเพื่อทำการก่อสร้าง คุณเจริญ บอกว่า มีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างมาพอสมควร รับงานมาเยอะ และประสบการณ์และฝีมืองานช่างผมไม่แพ้ใคร คุณเจริญ อวดสรรพคุณไว้ก่อน เมื่อมีโอกาสได้ไปทำงานเหล็กข้างนอกที่โกดัง คุณเจริญ ผม อมร คุณธนา คุณสิทธิ์ น้องไอซ์ ขอไปยกเหล็ก ทาสี ส่วนสิงห์ป้อม เคยเชื่อมมาพอทำได้สมัยเรียน สิ่งที่สังเกตได้เลยทันทีว่าคุณเจริญน่าจะไม่เก่งจริงแล้วละ ทันทีที่สิงห์ป้อม เชื่อมเหล็ก ยังไม่ทันไรเลย คุณเจริญ บอกว่า ที่ถูกแล้วต้องทำอย่างนี้ คุณเจริญทำให้ดูแบบเป็นมืออาชีพ รอยเชื่อมต่อกันเป็นแนวยาวแบบไม่ประติดประต่อเท่าใดนัก แกก็พูดเรื่อง การเชื่อมเหล็กต่อรถพ่วงผมทำมาเป็นร้อยคันเลย อย่างคุณป้อมทำ ยังไม่ผ่านนะ คุณป้อม ฟังคุณเจริญ ผมคิดว่าคงไม่ได้ทำตามหรอกนะครับ เพราะสิงห์ป้อมได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองถนัด งานที่สิงห์ป้อมทำออกมา คุณเจริญทึ่ง งง งง สิงห์ป้อม เชื่อมเหล็กได้ดีและสวยกว่าช่างของผม ตั้งเยอะเลย สวยกว่าคนสอนอีกนะ คุณเจริญออกปากชมแบบเขินเขิน การวางตำแหน่งของรูร้อยน๊อตที่หัวเสา เมื่อตั้งเสาทำให้ผิดพลาด ต้องตัดเชื่อมใหม่แทบทั้งหมดทำให้งานยากขึ้นไปอีก ลุงเบิ้ม เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ด้านงานเหล็กมา งานเชื่อมท่อน้ำมัน และงานโครงสร้าง จากซาอุดิอารเบียมา บอกว่ากับผมว่า วิธีการอย่างนี้เขาไม่ทำกันหรอก เสียเวลาทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรงด้วย คุณเจริญ เป็นแกนนำในการก่อสร้างวิหารสามชั้น ตั้งแต่การจัดหาช่าง การจัดซื้อเหล็ก การจัดซื้อเครื่องมือในการก่อสร้าง การทำโครงสร้างเหล็กของวิหารสามชั้น เสา และคาน ใช้เหล็กตัวซีถัก เป็นโครง ตามขนาดที่คุณเจริญ กำหนดเอง ทั้งหมด โดยให้เหตุผล ว่าผมใช้ประสบการณ์ด้านงานเหล็กเป็นตัวกำหนดความแข็งแรงของอาคาร ซึ่งความเป็นจริง ปรากฏให้เห็นทันทีว่า เสา คานที่รับนำหนักหลังจากน้ำแผ่นพื้นขึ้นไปวาง เกิดการแอ่นงอ นานไปมีปัญหาแน่นอน อาจารย์อุบล ท่านบอกว่า ต้องเทคอนกรีตเสา และพื้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรง คุณเจริญ ยังบอกอีกว่า การเทคอนกรีตทับเหล็ก อาจทำให้เหล็กขึ้นสนิมเร็ว ลุงบุญ บอกว่าเป็นไปไม่ได้ คอนกรีตทำให้เหล็กไม่เป็นสนิม จุดนี้เองทำให้คุณเจริญไม่ค่อยชอบลุงบุญเท่าใดนัก ตึกสามชั้น คุณเจริญ เน้นการใช้เหล็กให้มากที่สุด ทำให้มีการสั่งเหล็กจำนวนมาก เกินความจำเป็น เพื่อให้ตนเองมีส่วนได้จากการสั่งเหล็กและ การทำงาน คุณเจริญ มักใช้ศัพท์ทางช่างเยอะ เช่น ทำฟุตติ้ง สร้างเพลทมารับเสา วัดระยะมุมฉากไม่พอ ต้องวัดคูณด้วย อะไรทำทองนี้ เพื่อข่ม ลุงบุญ คุณเจริญ มีเจตนาหาประโยชน์บ้านสวนพีระมิด อย่างชัดเจน เช่น -ราคาเหล็กไม่แจ้ง ราคาก่อน และไม่มีการเปรียบเทียบราคาหลายร้าน ซื้อร้าที่ถูกที่สุด คุณเจริญบวกราคาเพิ่มได้ส่วนต่างราคา ซึ่งคุณเจริญไม่น่าทำเป็นอย่างยิ่ง -การสั่งซื้อเครื่องมือ มักจะตัดสินใจเอง โดยไม่ถามอาจารย์อุบล ก่อน และซื้อในราคาสูง ทำให้มีเครื่องมือเกินความจำเป็น -การจ้างคนงาน ได้รับคำยืนยันจาก ลูกน้องคุณเจริญ ชื่อ ช้าง คุณช้างบอกว่าคุณเจริญบวกค่าแรง ของคนงานเพิ่ม เช่น คุณเจริญ เขียนบิลเบิกค่าแรง 500 คุณเจริญจ่ายลูกน้อง 200 ช่างช้าง ค่าแรงแพงที่สุด จนน่าตกใจ ช่างช่าง ทำงาน สลับการขับรถยนต์ออกไปข้างนอกนานๆ บ่อยครั้งแต่รับเงินเต็มวัน -หากำไร ทุกอย่าง เช่น คาราโอเกะ ทีว่าจ้างมาเอง สุดท้าย อ.อุบลต้องจ่าย และคุณเจริญขอมีส่วนแบ่งในค่าจ้าง หาคนมานวดให้ อ.อุบล ก็มีเจตนาแอบแฝงมีส่วนได้กับหนอนวด คุณเจริญจะไม่เปิดรับคำแนะนำใด ๆทั้งสิ้น ที่ไปแสดงความคิดเห็นต่างไปจากที่คุณเจริญทำและคิด คุณเจริญ จะเถียงแบบข้าง ๆคู เสียงดังแล้วให้คนอื่นก็ยอมไปเอง ถ้าหากว่ามีโอกาสเจอกันอีกทีก็จะพูดจาถากถาง ทำให้ฟังแล้วคิดได้เลยว่าคุณเจริญ เป็นคนที่จิตใจแย่มาก ใครทำข้า ข้าต้องเอาคืนประมาณนี้ จึงไม่สงสัยเลยว่าอาการเจ็บป่วย ไม่หายสักที ทั้งที่อยู่ใกล้อาจารย์อุบล แล้วหาย ออกไปข้างนอกกลับเข้ามาอาการหนัก ล่าสุดคุณเจริญ เข้าบ้านสวน ค่าย12 เห็นสภาพร่างกายการหมองค้ำ จนถึงไหม้เกรียม แม้ว่ายังไม่ได้บอกกับผู้ใดว่าป่วย สภาพร่างกายก็ฟ้องว่าอาการน่าเป็นห่วง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) วันที่ตอบ 2012-07-13 15:17:34 |
ความคิดเห็นที่ 244 (1619759) | |
ได้ มาอ่านธรรมทานจากท่านอาจารย์อุบลแล้ว ก็ยิ่งเห็นถึงโทษ ของการผิดหนี้สงฆ์ ยิ่งทำโดยมีเจตนาด้วยแล้ว ที่ได้เจอ พี่เจริญ ครั้งล่าสุดตอนที่ พวกเรากำลังสร้างพระ อยู่ทางด้านหลัง เหมือน พี่เค้าจะเขามาดูพวกเราสร้างพระ แล้วมาดูขนาดพระเนตร ว่าใหญ่ ประมาณไหน ประมาณ ว่าจะได้เอามาถวายถูกเราก็ คิดว่าเค้าคงตั้งใจ มาทำบุญ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุ ที่พี่เขาหายไปนาน ทีแรกก็คิดว่าธุรกิจ กำลังรุ่ง แุต่กลับมาอีกทีดู หน้าตา ไม่สดใส ไม่อ้วนสมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อน เราก็คิดว่าพี่เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เพิ่งมาทราบ เรื่องรายละเอียดเพิ่งเ้ข้าใจว่าทำไม พี่เขาดูไม่ค่อยสบาย ก็เพราะมาหารายได้ หาำกำไร ในเขตบุญ เจตนาที่มาก็ไม่บริสุทธิ์ ตั้งแต่แรกแล้ว | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) วันที่ตอบ 2012-07-13 19:34:39 |
ความคิดเห็นที่ 245 (1619785) | |
กราบอนุโมทนาค่ะอ.แม่ ทุกอย่างก็เป็นแผนของเบื้องบนนี่เอง ที่จัดนักแสดง ตัวละครไว้แล้ว เพราะเบื้องบนท่านคงทราบดีว่า คนชั่ว ให้มาชั่วที่บ้านสวน คงมีประโยชน์กว่าไปทำที่อื่น เพราะอย่างน้อยเรื่องราวของเค้า ก็จะได้มาเป็นกระจกส่องเงา ให้ตัวเองและผู้อื่นอีกด้วย เพราะเวลาเราไปสร้างความเืดือดร้อนที่อื่น เวลาได้รับกรรมเราก็มักจะไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร แต่ถ้าเป็นที่บ้านสวน เรามีตัวอย่างให้เห็น ใ้ห้ดูมากมาย จึงไม่แปลกที่จะทำให้เรารู้ว่า สาเหตุที่ได้รับมันมาจากเรื่องอะไร บ้านสวนพีระมิด คือประเทศไทยจำลอง ที่สะท้อนให้เห็น ปัญหาสังคมอย่างเด่นชัด ไม่ได้สะท้อนใ้ห้เห็นแต่ปัญหา แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงวิธีใช้สติปัญญาแก้ปัญหาอีกด้วย หนูคิดว่าที่บ้านสวนนี่แหละคือจุดศูนย์กลางของประเทศไทย ของยุคนี้ เพราะเรามีผู้นำที่ทรงคุณค่า เปี่ยมด้วยความเมตตา คุณธรรม ความรักที่มอบ ให้พวกเราโดยไม่มีเงื่อนไข กราบขอบพระคุณจริงๆค่ะอ.แม่ กราบ กราบ กราบ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี วันที่ตอบ 2012-07-14 07:36:54 |
ความคิดเห็นที่ 246 (1619799) | |
เหตุทั้งหลายเกิดจากความเห็นผิด จึงคิดผิด พูดผิด ทำผิด ไปตลอดสาย ความอยากได้มากเกินเหตุุเกินผล การหลงเชื่อเพราะมันเข้าได้กับความเห็นของเรา การสนับสนุนให้เขาหลงผิดเกิดความแตกแยก ไม่นึกถึงความสมัครสมานสามัคคี ถ้ายังไม่รู้ตัวคงจะต้องเป็นไปตามกรรม ต้องดับที่เหตุ หรืออาจจะต้องเริ่มใหม่ ธรรม ปัจจุบันให้ถึงพร้อม โดยทำความเห็นให้ถูกเสียก่อน แต่ไม่รู้ว่าจะทันการณ์หรือเปล่านะ อาจสายเสียแล้ว เพราะกรรมที่ทำเป็นกรรมที่หนักมาก -------- แต่จะว่าไปถ้าเป็นเราเองอย่างเหตุการณ์นี้ยังมองไม่ค่อยออกเลย จึงต้องยอมรับ ยอมใช้ สาธุ ครับ อาจารย์ อุบล กับธรรมทานแสดงตัวอย่างของประเทศไทยจำลอง จะได้เอาไปใช้เตือนตัวเองและผู้อื่น กราบ กราบ กราบ ทุกๆ พระองค์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) วันที่ตอบ 2012-07-14 10:29:40 |
ความคิดเห็นที่ 247 (1619845) | |
คุณชนิดา คงสงสัย ว่า ทำไม อ.อุบล จึงยอมจ่าย ยอมให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้
ทั้งที่รู้ทุกอย่างดีกว่าใคร
ทำไม ไม่พูด ทำไมไม่ห้าม
ทำไมปล่อยให้เขาทำ
ทุกคนอยากรู้
วันนี้ จะเฉลย ก็ในเมื่อบ้านสวนพีระมิด คือ ประเทศไทยจำลอง บ้านสวนจึงต้อง สะท้อนปัญหา สังคมไทยให้ชัดเจน ทุกแง่่มุม ว่าคนไทย หรือ ในโลกนี้ ที่มีทุกข์มีความเดือดร้อน กันทุกหย่อมหญ้านั้น ไปสร้างกรรมอะไรกันมา ถึงได้เจอเคราะห์กันขนาดนี้
คนมากมายทั่วโลก ทั่วประเทศ เป็นโรคร้าย เป็นมะเร็ง หมอช่วยไม่ได้ แม้แต่หมอ ครอบครัวหมอ ก็เจ็บป่วย ช่วยตัวเองไม่ได้
แล้วทำไม คนมาบ้านสวน โรคที่หมอช่วยไม่ได้ มันมีคนหายมานักต่อนักแล้ว คนไม่หายก็มี พวกนี้ พวกกรรมหนัก ไม่เชื่อ ไม่ทำตาม ไม่สำนึก ไม่รู้สึกผิด
คราวนี้ย้อนมาหาคุณเจริญ เบื้องบน ต้องการสื่อ ถึงคนที่ไปหากินกับวัด กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไปเอาค่านายหน้า เรียกราคาแพงลิบลิ่ว
เพราะเงินวัด เงินเหล่านี้ เขาคิดว่าไม่มีเจ้าของ เจ้าอาวาสก็ไม่ต้องประหยัด เพราะไม่ใช่เงินท่าน แต่บางที ท่านก็อยู่ในภาวะจำยอม ยอมให้คนเหล่านี้ ตกนรก เป็นตัวอย่างคนอื่น
แต่พวกนี้ดันไม่ทันคิด คิดแต่ได้เงินง่าย สบายกว่าทำงานที่อื่น จึงมีพวกนิยม หากินกับวัด ....................................... กราบอนุโมทนากับธรรมทาน จากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ ยอมรับค่ะเคยนึกสงสัยว่า ทำไมอาจารย์ไม่ห้าม เพื่อจะให้พวกเค้าหยุดการกระทำบาป
แต่ก็พอจะได้คำตอบในใจอยู่บ้างว่า เป็นเพราะอะไร ตอนนี้หมดสิ้นความสงสัยแล้วค่ะ เพราะอาจารย์เมตตา ตอบอย่างละเอียด
เพราะชนิดามานั่งนึกดูดีๆแล้ว บางทีถ้าอาจารย์ไปบอกให้พวกเค้าหยุด หรือห้ามแบบตรงๆ แล้ว อาจจะไม่ทำให้เค้าเกิดปัญญาก็ได้
เหมือนกับเราห้ามเด็กเล็กๆว่า อย่าไปเล่นใกล้ไฟนะ มันอันตราย เด็กบางคนอาจจะเชื่อฟัง แต่ใจมันก็ยังอยากดันทุรัง และหาโอกาสเดินเข้าหากองไฟ..อยู่ดี
ฉะนั้น การบอกกล่าวเตือนด้วยคำพูด อาจจะไม่ทำให้เด็ก"หยุดแบบถาวร"ได้
สุดท้ายเด็กจะ"หยุด"แบบหลาบจำ และไม่ไปยุ่งกับไฟอีก ก็ต่อเมื่อ เด็กได้ลองเดินเข้าไปใกล้ไฟ และได้สัมผัสความร้อน สัมผัสว่ามันอันตราย ด้วยตัวของเค้าเอง ซะก่อน...
เหมือนกับคุณเจริญ และอีกหลายๆคนที่เข้ามา หาผลประโยชน์ในบ้านสวนฯ
ที่มีกิเลส มีความอยากอยู่เต็มหัวใจ ฉะนั้น เค้าต้องเดินตามเส้นทาง ของกิเลสที่ได้วางไว้ จนต้องมาสร้างกรรมหนัก ทำให้เกิดเคราะห์กรรมจริง ป่วยจริง เจ็บจริง และถ้าคุณเจริญ มาแก้ที่เหตุ ก็จะได้"หายจริง" เช่นกัน
ท่านอาจารย์ต้องเสียสละ และลงทุนไม่ใช่น้อย ยอมจ่าย ยอมเสียทรัพย์ เพื่อสร้างธรรมทาน และสะท้อนภาพกรรม ให้คนทั่วประเทศและทั่วโลก ได้เกิดปัญญา
กราบพระบาทเบื้องบนทุกๆพระองค์ และกราบขอบพระคุณ ในความเมตตาอันยิ่งใหญ่ จากท่านอาจารย์และครอบครัวด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-15 02:30:44 |
ความคิดเห็นที่ 248 (1619846) | |
อนุโมทนากับธรรมทาน จากพี่อมรด้วยนะคะ ที่มาเล่าเรื่องราว ของคุณเจริญแบบละเอียดๆ
จนทำให้เราได้เห็นความตั้งใจ ของคุณเจริญที่เข้ามาหากิน กับบ้านสวนฯได้ชัดเจนม๊ากกกกก
ทั้งเรื่องการออกแบบที่ผิดๆ โดยเน้นให้ใช้เหล็กเยอะๆ แล้วสั่งมาแบบไม่ยั้ง รวมทั้งเรื่องการจ้างคนที่ล้นงาน
แม้กระทั่งการค้ากำไรในเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่าง การจ้างคาราโอเกะ พี่ทั่นยังวางแผนมาเล๊ย
แต่ที่เซ็งที่สุด ก็น่าจะเรื่อง การจ้างหมอนวด มานวดให้ท่านอาจารย์ โดยที่ไม่ได้ถามก่อนว่า อาจารย์ต้องการหรือไม่ แต่จัดมาให้ แบบแกมบังคับเลย
และที่สำคัญ ก็ชาร์จซะแพง กินกำไรแบบหน้าตาเฉย เพราะจ้างหมอนวดมาราคานึง แต่มาคิดเงินกับท่านอาจารย์แบบเท่าตัว..
โอ้ววว..ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ
ไม่รู้ว่า พวกเรามาเขียนธรรมทาน เพื่อสะท้อนกรรม ให้คุณเจริญในเว็บแบบนี้ คุณเจริญจะได้เข้ามาอ่าน และได้เห็น"ความอยาก" จนเกินอัตราของตัวเองบ้างหรือเปล่านะคะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-15 02:49:52 |
ความคิดเห็นที่ 249 (1619888) | |
อนุโมทนาบุญกับทุกๆธรรมทานนะครับ สำหรับเรื่องคาราโอเกะนี่ ผมยอมรับว่าเป็นบทเรียนเรื่องการมองคนได้เป็นอย่างดี ภายนอกที่พี่เจริญมาพูดกับพวกเรา ไม่รู้พูดอีท่าไหนหรือว่าคนฟังโง่ๆอย่างผมแปลไปเองก็ไม่รู้นะครับ สรุปว่าผมและอาจอีกหลายคนคิดว่า พี่เจริญจ้างดนตรีคาราโอเกะมาและจ่ายเงินเอง เพื่อร่วมทำบุญ จนบางครั้งผมและเพื่อนๆก็อดเห็นใจไม่ได้ เลยขอร่วมบุญด้วย ช่วยกันออกคนละนิดคนละหน่อย สุดท้ายเพิ่งมารู้ภายหลังว่าทุกครั้งที่มีคาราโอเกะมาที่บ้านสวนฯผู้ที่จ่ายเงินทั้งหมดคือ ท่านอาจารย์อุบล ของเรานี่เอง อะจ๊ากกก อืม ผมงงแถมคลายความโง่ลงไปนิดหน่อยว่า งั้นที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น ทำไมพี่เจริญไม่บอกกับพวกเราตรงๆล่ะว่าคนที่จ่ายเงินทุกครั้งคือท่านอาจารย์ ทำไมปล่อยให้พวกเราหลงเข้าใจผิดตั้งนาน จนพากันอดเห็นใจ สงสารพี่เค้าไม่ได้... นี่แหละครับ บทเรียนสอนใจ ให้มองคนให้ดีๆซึ่งหลายๆกรณีในบ้านสวนฯทำให้ผมและพี่น้องหลายๆคนเริ่มรู้จักลวดลายและวิธีการของคนหลายรูปแบบที่เข้ามาบ้านสวนฯได้ดีขึ้น... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล วันที่ตอบ 2012-07-15 19:45:42 |
ความคิดเห็นที่ 250 (1619890) | |
ได้เห็นคุณเจริญตอนค่าย 12 เช่นกัน สภาพร่างกายดำกร้าน และทรุดโทรม หน้าตาดูไม่ค่อยมีความสุข ก็รู้สึกว่าคุณเจริญต้องทำอะไรผิดสักอย่างแน่ ๆ จนได้มาทราบเรื่องที่คุณเจริญพยายามหาผลประโยชน์จากบ้านสวนฯ ทั้งที่ท่านอาจารย์คอยพร่ำสอนเรื่องหนี้สงฆ์อยู่ตลอดเวลา ขนาดก้อยเองคิดว่าระวังเรื่องนี้แล้ว แต่ยังมีโอกาสพลาดได้ ทุกวันนี้ถึงยังเจอเคราะห์กรรมปัญหาชีวิตไม่หยุดหย่อนซะที โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ที่ไม่ขาดสภาพคล่องมาตลอด แล้วคุณเจริญที่ตั้งใจเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ในบ้านสวนฯ ในคราบนักบุญล่ะ จะเจอเคราะห์มากมายแค่ไหน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา วันที่ตอบ 2012-07-15 20:09:38 |
ความคิดเห็นที่ 251 (1619901) | |
ถ้าคุณเจริญได้ทำบุญ เหมือนที่เค้าบอกกับทุกคนจริงๆ ป่านนี้คงไม่ต้องมารับกรรมหนักแบบนี้นะคะ จะว่าไปก็ดูเป็นมืออาชีพดีนะคะ วางแผนไว้ล่วงหน้าได้ดีีทีเดียว สุดท้ายก็สะบักสะบอม ต้องยอมกลับมาแก้ปม ที่ผูกไว้มาเนิ่นนาน เพราะไปแก้ที่อื่น เหมือนมันจะไม่ถูกที่ จะหนีหายไปเลยก็เห็นทีว่าจะไม่รอด ทางเลือกสุดท้าย ก็ต้องมาไถ่ถอนกรรมตัวเอง ที่บ้านสวนพีระมิด
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี วันที่ตอบ 2012-07-16 07:05:03 |
ความคิดเห็นที่ 252 (1619963) | |
ธรรมทานเรื่องพ่อน้องโจนี้ โยงใยและเชื่อมโยงตัวละคร
หลายตัวมาไว้เรื่องเดียวกันเลยค่ะ
ทั้งตัวน้องโจเอย ปุ๋ยเอย
ที่ล้วนเข้ามาในเขตบุญคือบ้านสวนพีระมิด
และมาทำเรื่องผิด บุญก็ทำ แต่กรรมก็สร้างอยู่ทุกวี่วัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา
ที่ปุ๋ยล้วนก่อเรื่องราวใหญ่ๆ ไว้ที่บ้านสวนหลายเรื่อง
ส่วนโจก็อาจจะทำงานแบ่บว่าเช้าชามเย็นชาม
ขาดความขยันอดทนในการทำงาน
เหล่านี้ล้วนอยู่ในข่ายผิดหนี้สงฆ์
มาถึงพ่อน้องโจ ก็ผิดพลาดเรื่องสัจจะ
ที่ให้ไว้กับตัวเองว่าจะนำเงิน รายได้ของตัวเอง10%
มาร่วมบุญโดยการใส่บาตรวิระทะโยไว้
แต่ก็เสียสัจจะกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นำเงินของสงฆ์มาใช้ มาผิดหนี้สงฆ์อีก
เชื่อมโยงไปถึงคุณเจริญ
ที่เป็นตัวละครตัวเอกอีกคนที่เรียกว่า
เหมือนมาหากินกับบ้านสวน
มาทำผิดหนี้สงฆ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยาวนาน
มาแบบคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด เหนือผู้อื่น
แต่บทสวดมนต์อย่างคาถาปะโตเมตัง
คุณเจริญยังท่องไม่ได้ อายเด็กๆมั่กๆ
แถมพฤติกรรมที่ตุ้ยเคยเห็นแกมาสร้างบุญบ้านสวนคือ
ช่วงนั้นพวกเราทำนากัน คุณเจริญได้ตรงรี่เข้ามา
เพื่อที่จะแบกกระสอบปุ๋ยขี้ไก่หว่านลงแปลงนา
แต่แกก็ทำไม่ได้ แกพูดแต่ว่าไม่มีแรง
และจะเป็นลมให้ได้ พวกเรา
ต้องคอยหายาดม ยาลมให้แก
ในตอนนั้นตุ้ยเห็นแล้วก็คิดแต่ว่า
นี่ต้องไม่ใช่เหตุปกติแน่สำหรับคุณเจริญ
ธรรมะคงจัดสรรอะไรสักอย่างกับคุณเจริญเป็นแน่
แต่ก็เก็บความคิดนี้ไว้ในใจเรื่อยมา
บางครั้งแกก็จะแสดงภูมิความรู้ของแก
โต้เถียงเรื่องรถไถกับ อ.พัน
ซึ่งเราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้
แต่ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความอวดรู้ อวดเก่งมากๆ
และที่เห็นบ่อยเป็นประจำทุกครั้งก็คือ
คุณเจริญเองเวลาเข้าครัวทำอาหาร
เมื่อทำเสร็จแล้ว ไม่เคยล้างจานชาม กระทะ
ที่ตัวเองทำเลย อันนี้ตัวเองก็ยังสงสัยเหมือนกันค่ะ
ที่พูดมาทั้งหมดมิใช่มาซ้ำเติมนะคะ
แต่ต้องการให้เห็นว่าสิ่งที่คนๆหนึ่ง
ได้กระทำซ้ำๆ บ่อยๆ ยาวนาน ในเขตบุญ
ทุกคนได้ทำเหมือนกันคือ ผิดหนี้สงฆ์อย่างร้ายแรง
และเบื้องบนได้สร้างเหตุการณ์ต่างๆ
ให้ผู้คนได้เห็น ได้รับรู้
เป็นเครื่องบันทึกกรรมแตกต่างกันไป
ผลของกรรมที่เกิดขึ้นตอนนี้เริ่มส่งผลแล้วค่ะ
ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
บุญและกรรม เป็นคนละส่วนกัน
ต่อให้ดำดิน มุดดิน หนีลงน้ำก็หนีกรรมไม่พ้นค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ วันที่ตอบ 2012-07-16 16:33:21 |
ความคิดเห็นที่ 253 (1620151) | |
พระศรีอาริย์เจ้าขา พระองค์อยู่ที่ไหน ประเทศไทย กำลังเดือดร้อน ด้วยโรคระบาดร้ายแรง มือ เท้า ปาก และ ผู้คนมีทุกข์ มีความแตกแยก มีความลำบาก ยากจน หม่นไหม้ พระศรีอาริย์อยู่ที่ไหน โปรดเมตตา มาบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ด้วยเถิด มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะจัดการกับ ทุกปัญหาได้ พระศรีิอาริย์ อยู่ที่ใด ขอองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา โปรดเมตตา ให้พระศรีอาริย์ แสดงพระองค์ เพื่อทรงช่วยกอบกู้ ความทุกข์ยากลำเค็ญ ที่กำลัง เดินหน้ามาแล้วนี้ ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า หากแม้นพระองค์ ไม่เสด็จมาแสดงพระองค์ ประเทศไทย คงหม่นไหม้ ไร้ความสงบสุข โปรดช่วย ชาวไทยด้วยเจ้าค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-17 23:05:19 |
ความคิดเห็นที่ 254 (1620161) | |
ได้อ่านธรรมทานจากท่านอาจารย์และท่านอื่นๆ แล้ว ยอมรับว่าอึ้งค่ะ นึกไม่ถึงจริงๆ ท่านอาจารย์พร่ำสอนเรื่องการผิดหนี้สงฆ์ หนี้แผ่นดิน ไม่ซาบซึ้งเข้าไปในจิตใจบ้างเลยหรือ? ทีแรกคิดแต่ว่าหลายคนที่มาบ้านสวนคงมีความทุกข์เรื่องนี้รวมอยู่ด้วยและต้องการมาปลดเปลื้องความทุกข์ และที่ไม่เคยมีความทุกข์คงไม่กล้าทำผิดเรื่องนี้อีก ไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาวางแผนได้แยบยลชนิดคนอย่างเราๆคาดไม่ถึง กฏกรรมก็ส่งผลชนิดทันตาเห็นเช่นกัน ตัวละครเหล่านี้คงสะท้อนให้พวกเราและชาวโลกที่เคยทำผิดหนี้สงฆ์ และคิดจะทำผิดได้นำมาพิจารณาไตร่ตรองว่า คุ้มกันมั้ยกับชีวิต ลมหายใจที่เหลืออยู่กับความทุกข์ทรมานที่จะได้รับ กรรมใดใครก่อคนนั้นย่อมรับผลกรรมเอง เคยได้ฟังมาว่าคนเราจะรวยล้นฟ้าหรือถือกะลาขอทาน เมื่อถึงวันตายจากโลกใบนี้ บัญชีทางโลกจะเป็นศูนย์ทันที หลังความตายจะเหลือแต่บัญชีบุญบัญชีบาปเท่านั้น อันนี้ก็อยู่ที่ตัวเราเป็นคนเลือกเองทั้งสิ้นค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) วันที่ตอบ 2012-07-17 23:54:38 |
ความคิดเห็นที่ 255 (1620170) | |
พระศรีอาริย์เจ้าขา พระองค์อยู่ที่ไหน ประเทศไทย กำลังเดือดร้อน ด้วยโรคระบาดร้ายแรง มือ เท้า ปาก และ ผู้คนมีทุกข์ มีความแตกแยก มีความลำบาก ยากจน หม่นไหม้
พระศรีอาริย์อยู่ที่ไหน โปรดเมตตา มาบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ด้วยเถิด
มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะจัดการกับ ทุกปัญหาได้
พระศรีอาริย์ อยู่ที่ใด ขอองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา โปรดเมตตา ให้พระศรีอาริย์ แสดงพระองค์ เพื่อทรงช่วยกอบกู้ ความทุกข์ยากลำเค็ญ ที่กำลัง เดินหน้ามาแล้วนี้ ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า
หากแม้นพระองค์ ไม่เสด็จมาแสดงพระองค์ ประเทศไทย คงหม่นไหม้ ไร้ความสงบสุข โปรดช่วย ชาวไทยด้วยเจ้าค่ะ ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ........................................................ ขอช่วยภาวนาอีกคนค่ะ เพราะถ้าพระศรีอาริย์ไม่แสดงตน ประเทศไทยคงหม่นไหม้ ไร้ความสงบสุข อย่างที่ท่านอาจารย์ เมตตามาเตือนแน่ๆค่ะ
เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่คิด ที่จะเปลี่ยน"กรรม" ฉะนั้น กฏแห่งกรรม จึงต้องเดินตามร่อง ที่มี"คน"เคยขีดไว้... แน่ๆ .................................................. กราบอนุโมทนากับท่านอาจารย์ และ ธรรมทานที่เขียนจากความคิดเห็น ของทุกๆท่านด้วยนะคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-18 03:21:59 |
ความคิดเห็นที่ 256 (1620238) | |
พระศรีอาริย์อยู่ที่ไหน โปรดเมตตา มาบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ด้วยเถิด
มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะจัดการกับ ทุกปัญหาได้ ขอกราบขอบพระคุณธรรมทานจากท่าน อ.อุบลค่ะ ลูกขอร่วมตั้งจิตอธิษฐาน ขอพระองค์โปรดเมตตา แสดงพระองค์เพื่อช่วยประเทศไทย และ โลกใบนี้ อีกทั้ง ดลจิตดลใจให้พวกคนที่ยังหลงผิดคิดชั่วทั้งหลาย ได้ กลัวผลของบาปกรรม และ สำนักผิดกลับตัวกลับใจ ได้โดยฉับพลันที ด้วยเถิด สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร วันที่ตอบ 2012-07-18 13:14:50 |
ความคิดเห็นที่ 257 (1620311) | |
กราบท่านอาจารย์ อุบลครับ ผมว่าสิ่งที่อาจารย์ได้มอบให้มันก็มากอยู่นะครับ ปฏิบัติตามดีๆ สามารถหลุดพ้นได้ง่าย โรคที่เกิดขึ้นมันทำให้คิดว่าเราจะเอาอย่างเค้าบ้างไหม ขอไม่ดีกว่ามีพระอริยะมาทำตัวอย่างให้ดู ใครทำตัวไม่รู้ไม่เห็นก็บ้าเต็มที กราบ กราบ กราบ ทุกๆ พระองค์ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) วันที่ตอบ 2012-07-18 22:25:02 |
ความคิดเห็นที่ 258 (1620390) | |
เมื่อวันเสาร์ 14 ก.ค.55 ที่คุณกุหลาบ + หมวดประวัติ มาบ้านสวนนั้น คุณกุหลาบได้พูดถึง วันที่พวกเรา ไปตามหาพระศรีอาริย์ ที่บ้านไร่ปลายตะวัน เมื่อ 4 มิ.ย.55 นั้น
แม่ชีธิราภรณ์ ท่านยืนยันว่า ท่านกลับวัดแล้ว ท่านอยู่ไม่ได้
พระศรีอาริย์ ไปหาท่าน บอกให้ ท่านกลับมา ที่บ้านไร่ปลายตะวันอีก ท่านจึงมาอีก อย่างที่พวกเราเห็นท่านกัน
คงมีนัยยะนะ ว่า ท่านติดต่อกับพระศรีอาริย์ได้
โอ อ.อุบล ยังไม่เคย ลองติดต่อพระศรีอาริย์ ดูเลย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-19 13:16:05 |
ความคิดเห็นที่ 259 (1620448) | |
ใครที่เคยลองใช้ มโนมยิทธิ ติดต่อ พระศรีอาริย์ ได้แล้วบ้าง ช่วยมาบอกด้วยนะจ๊ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-19 21:02:05 |
ความคิดเห็นที่ 260 (1620492) | |
ใครที่เคยลองใช้
มโนมยิทธิ
ติดต่อ
พระศรีอาริย์
ได้แล้วบ้าง ช่วยมาบอกด้วยนะจ๊ะ ................................. รออ่านคำบอกเล่า เรื่องพระศรีอาริย์ จากชาวมโนฯแจ่ม ด้วยเหมือนกันค่ะ...อาจารย์
......................................................... ส่วนเรื่อง แม่ชีธิราภรณ์ บอกตามตรงค่ะว่า เรื่องนี้ก็ยังเป็น คำถามที่คาใจชนิดา อยู่เช่นกันนะคะ ว่า ทำไมท่านแม่ชีอยู่ดีๆจึงรู้สึกร้อน จนรีบด่วนออกจากห้องนั้นไป .... แล้วพอกลับวัด ก็ต้องรีบกลับมาที่บ้านไร่ฯอีก
และบอกแต่เพียงว่า องค์พระศรีอาริย์ให้กลับมา
ฉะนั้น เราก็คงจะสรุปได้รวบๆว่า แม่ชีธิราภรณ์สามารถติดต่อกับพระศรีอาริย์ได้ และท่านแม่ชีก็น่าจะเป็นบุคคลหนึ่ง ที่จะช่วยทำให้องค์พระศรีอาริย์ แสดงตน ได้เร็วขึ้นรึเปล่าคะ
ว่าแต่ ใครจะไปถามท่านแม่ชี หรือ จะมีโอกาสที่ท่านจะมาให้ข้อมูล เกี่ยวกับพระศรีอาริย์บ้างไหม๊หนอ
รอ รอ รอ ติดตามตอนต่อไป.. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-20 04:15:18 |
ความคิดเห็นที่ 261 (1620732) | |
หนู็ก็คงคิดไม่ต่างไปจากพี่ชนิดาค่ะ ว่าแม่ชีธิราภรณ์คงต้องติดต่อพระศรีอาริย์ได้ และคงมาช่วยขยายเรื่องการตามหาพระศรีอาริย์แน่ๆเลยค่ะ แม่ชีท่านอาจจะพูด และบอกตรงไม่ๆไม่ได้ แต่คงมีเหตุการณ์อีกหลายๆอย่าง ที่จะพิสูจน์ได้แน่ๆค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี วันที่ตอบ 2012-07-21 13:03:07 |
ความคิดเห็นที่ 262 (1621129) | |
เมื่อวันศุกร์ 13 ก.ค.55 ได้พิจารณาดู พระพุทธรูป พระศรีอาริย์
ที่คุณโฆษิต นำมามอบให้ ตั้งนานแล้ว ซึ่งอยู่ในตู้กระจก มีผ้าขาวพัน กันกระแทก ภายในหุ้มห่อ ด้วยพลาสติกใส ซึ่งไม่ได้แกะออกสักที
น่าจะตั้งแต่ปีที่แล้ว นะ
วันนั้นก็เกิดความคิด ขึ้นมา หลังจาก เห็นโรคระบาด แพร่กระจายมากมาย ทั้งมือเท้าปาก สมองอักเสบ หวัดนก อหิวาห์
แล้วยังที่กำลังจะ เข้าแถวเดินพาเหรดมากันอีก
แล้วภัยพิบัติ ก็กำลังจะมาอีก
คนไทย คงรับมือกันไม่ไหวแน่นอน
ไม่ใช่แต่คนไทยด้วย ทั้งโลกเลย
ก็เลยไปทำความสะอาด พระพุทธรูป พระศรีอาริย์ แกะพลาสติคและผ้าขาวออก
เอาออกมาตั้งแล้วพิจารณา พระหัตถ์ขวา ทรงจักร พระหัตถ์ซ้าย ทรงพระขันค์
แล้วจึง ตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระศรีอาริย์ ปรากฎพระองค์เสียทีเถิด
เพราะโลก จะแหลกเป็นจุนอยู่แล้ว ท่านอยู่ที่ใดหนอ
แล้วการปรากฎกาย ของพระองค์ ขอทรงมาด้วยบุญฤทธิ์
ไม่ต้องให้ใครสงสัย กังขา มานั่งเดา กันให้เสียเวลา ขอให้พระองค์เสด็จมา แบบพระจักรพรรดิ์ แห่งจักรวาล
ไม่มีผู้ใดคัดค้าน โต้แย้งได้
มาช่วยปัดเป่า ภัย อันตราย แก่ผู้คนทั้งหลายด้วยเทอญ
และแล้ว พอบ่าย 4 โมงครึ่ง อ.อุบล ก็ได้รับ จ.ม.2 ฉบับ
ฉบับหนึ่ง เชิญเป็นวิทยากร บรรยาย เรื่อง ธรรมะบำบัด
อีกฉบับหนึ่ง เป็น จ.ม. บอกเรื่องราว พระศรีอาริย์
ใน จ.ม.ฉบับนี้ ได้ให้หลายคนอ่าน ต่างบอกว่า ขนแขนแสตนอั๊บ
มีข้อความตอนหนึ่งว่า
ดังนั้น สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย จึงอาราธนาให้องค์ท่าน ได้เปิดเผยพระองค์
เนื่องด้วย ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวโลกทั้งหลายกำลังได้รับความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน จากภัยนานานัประการ อาทิเช่น ภัยจากมนุษย์ ภัยจากความยากจน(หนี้สิน) ภัยจากสงคราม ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และภัยจากการได้รับโทษจากธรรมชาติ ฯลฯ สุดที่มนุษย์จะรับและแก้ไขได้ นอกจากพระองค์ท่านเท่านั้น ซึ่งเป็นพระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมิกราช ซึ่งพระองค์ได้จุติกำเนิดก่อเกิดมาเพื่อ ทำหน้าที่ปราบกาลียุคนี้โดยตรง ฯลฯ -------- อันนี้ คัดลอกบางตอน มาให้อ่านนะ อ่านแล้ว ก็คิดถึงพวกเรา ว่า
ไม่ใช่แต่พวกเรา ที่ร่ำร้อง เรียกหา อาลัย ให้พระศรีอาริย์ ปรากฎพระองค์
ที่อื่น เขาก็ปรารถนา ให้พระศรีอาริย์ ปรากฎพระองค์ เหมือนกัน
และที่สำคัญ เค้าบอกว่า ถึงเวลาแล้ว นี่สิ น่าสนใจ
หรือพวกเราว่าไง ถึงเวลาหรือยัง จ๊ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-24 20:21:52 |
ความคิดเห็นที่ 263 (1621133) | |
และที่สำคัญ
เค้าบอกว่า ถึงเวลาแล้ว นี่สิ น่าสนใจ หรือพวกเราว่าไง ถึงเวลาหรือยัง จ๊ะ ++++++++++++++++++++++++++++++++ กราบท่านอาจารย์ครับ เบสคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่พระองค์ท่านจะเปิดเผยพระองค์แก่ชาวโลก เพื่อช่วยชาวโลก และทำให้ชาวโลกตั้งอยู่ในความดี เพราะช่วงนี้ พวกเราเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น แผ่นดินไหว ผีร้าย สัตว์ป่าต่างๆ และภัยพิบัติต่างๆ อีกทั้งยังมีทุกข์จากภัยต่างๆมากมาย และทุกวันก็จะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นด้วย เบสจึงคิดว่า คงถึงเวลาแล้ว ที่พระองค์ท่านจะปรากฎพระองค์ เพื่อช่วยชาวโลกครับ ผมจึงกราบขออาราธนาพระศรีอาริยเมตไตย ให้พระองค์ปรากฎพระองค์โดยเร็ววันด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย วันที่ตอบ 2012-07-24 20:39:35 |
ความคิดเห็นที่ 264 (1621152) | |
ใน จ.ม.ที่เค้าส่งมานะ มี CD คำสอน พระศรีอาริย์มาด้วย
ก็เลยเปิดฟังกัน หลายคน
มีตอนหนึ่ง ที่ทุกคน ต้องย้อน ฟังใหม่
ที่พอจำได้ ความว่า
คน กับ คน ทำอะไรไม่ได้หรอก
ต้องท้าวเวสสุวรรณ เอาผีขึ้นมาจัดการเท่านั้น จึงจะแก้ปัญหาได้
โห โดน เต็ม ๆเลย เราไม่นึกเลยว่า คำสอน พระศรีอาริย์ จะมีตรงนี้ด้วย
ซึ่งส่วนอื่นๆ ก็คล้ายคลึงกับสิ่งที่บ้านสวน ทำกันอยู่แล้ว เลยเข้าใจว่า นั่นก็คือ คำสอนพระพุทธเจ้านั่นแหละ
เพราะ พระศรีอาริย์ จะไม่บัญญัติ ศาสนาใหม่
แต่พระศรีอาริย์ จะใช้คำสอนของพระพุทธเจ้า มาสอน มาแสดง ให้เห็นคุณโทษ ของกรรม ตรงตามคำสอน เท่านั้นเอง
แต่เรื่อง การแก้ปัญหาทุกอย่าง รวมทั้งความขัดแย้ง ต้อง ท้าวเวสสุวรรณ ใช้ผี หรือ วิญญาณ ขึ้นมานี่สิ 55555555 เป็นไปแล้ว จริงๆ
เห็นแล้ว จริงๆ
มีหลักฐานแล้ว จริงๆ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-24 22:45:52 |
ความคิดเห็นที่ 265 (1621157) | |
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ่อใหญ่ธนา ไปต่างประเทศ ทั้งสัปดาห์เลย กลับมา คงหัวฟู ไม่มีเวลา เข้าเวปเลยนะพ่อใหญ่ธนาเอ๋ย
พ่อใหญ่หมดไฟ ตามหาพระศรีอาริย์กันหรือยังจ๊ะ
ตอนนี้ มีคนชวนไปพิสูจน์ ไปหาพระศรีอาริย์ ที่ จ.ร้อยเอ็ด พ่อใหญ่สนใจไหมจ๊ะ
ไม่แน่นา พ่อใหญ่ เราอาจจะได้เจอพระศรีอาริย์ ที่ร้อยเอ็ดก็ได้นะ
มีใครสนใจ จะไปหาพระศรีอาริย์กันมั่งเนี่ย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-24 23:06:35 |
ความคิดเห็นที่ 266 (1621160) | |
ตอนนี้ มีคนชวนไปพิสูจน์ ไปหาพระศรีอาริย์ ที่ จ.ร้อยเอ็ด พ่อใหญ่สนใจไหมจ๊ะ
ไม่แน่นา พ่อใหญ่ เราอาจจะได้เจอพระศรีอาริย์ ที่ร้อยเอ็ดก็ได้นะ
มีใครสนใจ จะไปหาพระศรีอาริย์กันมั่งเนี่ย ********************************** ถ้ามีโอกาสอ้อยขอไปตามหา พระศรีอาริย์ด้วยนะคะอาจารย์ ว่าแต่ว่ามีนัยยะ อะไรที่ร้อยเอ็ด รึเปล่าคะ เราจะไปตามหาพระศรีอาริย์ หรือ เราจะไปตามหา คนที่ทราบว่าพระศรีอาริย์คือใคร แล้วคนๆนั้น จะช่วยบอกเราว่า ท่าน คือใคร หรือเปล่าคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) วันที่ตอบ 2012-07-24 23:25:11 |
ความคิดเห็นที่ 267 (1621175) | |
ว่าแต่ว่ามีนัยยะ อะไรที่ร้อยเอ็ด รึเปล่าคะ เราจะไปตามหาพระศรีอาริย์ หรือ เราจะไปตามหา คนที่ทราบว่าพระศรีอาริย์คือใคร แล้วคนๆนั้น จะช่วยบอกเราว่า ท่าน คือใคร หรือเปล่าคะ ................................... แหม่..คุณอ้อย ถามได้เข้าประเด็นมั่กๆ ชนิดาคิดว่า น่าจะไปตามหา คนที่ทราบว่า พระศรีอาริย์คือ ใคร แน่ๆเลยค่ะ
เพราะอย่างที่ท่านอาจารย์เมตตาเขียนมา น่าจะมี"คำตอบ" ที่ชัดม๊ากกกกกกกก..อยู่แล้วนะคะ
ว่าแต่...อาจารย์จะไปแถวไหน ของจ.ร้อยเอ็ดหน๊อ เผื่อชนิดาจะได้บอกให้คุณพ่อคุณแม่ ไปรอพบและกราบ...พระศรีอาริย์ มั่ง
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-25 03:54:28 |
ความคิดเห็นที่ 268 (1621176) | |
อีกฉบับหนึ่ง เป็น จ.ม. บอกเรื่องราว พระศรีอาริย์
ใน จ.ม.ฉบับนี้ ได้ให้หลายคนอ่าน ต่างบอกว่า ขนแขนแสตนอั๊บ
มีข้อความตอนหนึ่งว่า
ดังนั้น สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย จึงอาราธนาให้องค์ท่าน ได้เปิดเผยพระองค์
เนื่องด้วย ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวโลกทั้งหลายกำลังได้รับความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน จากภัยนานานัประการ อาทิเช่น ภัยจากมนุษย์ ภัยจากความยากจน(หนี้สิน) ภัยจากสงคราม ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และภัยจากการได้รับโทษจากธรรมชาติ ฯลฯ สุดที่มนุษย์จะรับและแก้ไขได้ นอกจากพระองค์ท่านเท่านั้น ซึ่งเป็นพระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมิกราช ซึ่งพระองค์ได้จุติกำเนิดก่อเกิดมาเพื่อ ทำหน้าที่ปราบกาลียุคนี้โดยตรง ฯลฯ -------- อันนี้ คัดลอกบางตอน มาให้อ่านนะ .................................... กราบอนุโมทนาอย่างที่สุดค่ะอาจารย์ เพราะจดหมายฉบับนี้ จ่าหน้าซอง ถึงท่านอ.อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิด ซึ่งเจ้าของจดหมาย คงเห็นพ้องต้องกันกับพวกเราว่า ถึงเวลาแล้วที่องค์พระศรีอาริย์ จะต้อง เปิดเผยพระองค์ ให้ชาวไทยและชาวโลกได้รับรู้ อย่างเป็นทางการ
เพราะความทุกข์ร้อนเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า และอีกสารพัดภัยที่มาแล้ว และกำลังจะตามมาอีกมากมาย
ดังนั้น บัดนี้ คงถึงเวลาอันสมควรแล้ว ที่พระองค์ จะต้องปรากฏกาย เพราะฝ่ายมาร ฝ่ายมืดทั้งหลาย เค้าก็คงรู้ว่า"ใคร"คือ พระองค์ จึงได้พยายามรวมพรรคพวกมารด้วยกัน หมายมั่นที่จะ"ทำลาย"พระองค์ทุกวิถีทาง ให้ท้อและ ถอดใจ
แต่ที่ไหนได้ เหล่ามารหยาบคาย และลามกเหล่านั้น ไม่สามารถทำอะไร ให้ระคาย จิตใจที่บริสุทธิ์ และมุ่งมั่นของพระองค์ได้เลย
กราบ กราบ กราบ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-25 04:15:35 |
ความคิดเห็นที่ 269 (1621177) | |
เห็นอาจารย์พูดถึง พระพุทธรูป พระศรีอาริย์ ว่าแล้วก็อยากเห็นบ้างจังเลยค่ะ
เพราะชนิดาก็ไม่รู้ว่า ตัวเองคิดไปเองรึเปล่านะคะ ส่วนใหญ่ที่ได้เห็นรูป พระพุทธรูปพระศรีอาริย์ ที่สร้างในที่ต่างๆแล้ว ส่วนใหญ่พระพักตร์ของพระองค์ ดูคล้ายๆใบหน้า ผู้หญิง ทั้งนั้นเลยค่ะ
และถ้าสร้างแบบยืน ส่วนใหญ่รูปร่างก็ประมาณว่า เป็นโครงสร้างรูปร่างของผู้หญิงซะด้วย สงสัยจะคิดไปเอง..อิอิ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-25 04:25:34 |
ความคิดเห็นที่ 270 (1621231) | |
คน กับ คน ทำอะไรไม่ได้หรอก
ต้องท้าวเวสสุวรรณ เอาผีขึ้นมาจัดการเท่านั้น จึงจะแก้ปัญหาได้ ********* เรื่องนี้ ท่าน อ. อุบล ก็บอกพวกเรามานานแล้ว และมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว ในบ้านสวน กราบอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์ ได้โปรดมาปรากฏพระวรกาย เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลกด้วยเทอญเจ้าค่ะ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด กราบ กราบ กราบ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) วันที่ตอบ 2012-07-25 11:18:27 |
ความคิดเห็นที่ 271 (1621234) | |||||
เอางั้นเลยเหรอจ๊ะ คุณชนิดจ๋า
แต่ อ.อุบล ว่านะ
ต้องมีกลลวงจากสวรรค์ แน่นอน
ทำให้เบนความสนใจ ให้คนสงสัย อ.อุบล
เพื่อให้ พระศรีอาริย์ องค์จริง ที่ยังไม่เปิดเผยองค์ ได้รับการปกปิดไว้ อย่างมีเหตุผล สำคัญยิ่ง
ดังนั้นนั้น เหล่ามาร ผู้โง่เขลา ก็เลย ไม่มีเวลา ไปใส่ใจ ว่า คนไหน คือ พระศรีอาริย์ องค์จริง
เพราะมัวมามั่ว มัวเมา แต่พระศรีอาริย์ ตัวปลอมอยู่ไง
แต่ อย่าพูดไปนะ เดี๋ยวพวกนี้ฉลาดขึ้น เกิดมุ่งไปร้อยเอ็ดก่อนเราละยุ่งเลย เดี๋ยวเสียเรื่องกันพอดี
ตอนนี้หลอกล่อไว้ ให้มาสนใจแต่ อ.อุบล นี่แหละ ดีแล้ว คุณชนิดา
ดูสิ ปัญญาพระพุทธเจ้า กับ เท้าผกาพรหม ยังห่างชั้นกันเลย
แล้วนับประสาอะไร กับเหล่ามาร จะหาญกล้ามาต่อกรกับ ปัญญาพระศรีอาริย์ พระพุทธเจ้า ได้ล่ะ
ยิ่งพระปฐม บรมธรรมบิดา ซึ่งเป็นพระ ผู้สร้าง ผู้ส่ง พระศรีอาริย์ลงมาด้วยแล้ว ท่านวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ว่า จะมีลีลา ในการเปิดเผยองค์ พระศรีอาริย์ อย่างไร
อันนี้คิดเอง ประสาคนโง่นะ
รับรองว่า ท่านต้องเอา อ.อุบล เป็นเป้าล่อ ให้ มาร สนใจ
555
คิดแล้วก็ขำ
ตลกดีจังเน๊าะ
โอ้ย หาคนมาช่วยขำกันหน่อย
เมื่อคืนนี้ ก็ขำยายแมวทีหนึ่งแล้ว ที่เอารูป คนเป่าปี่ให้ ฟาย ฟัง มาลง ไม่รู้ว่า เธอไปหามาจากไหน
เวลาเขียนขออนุญาต มาบ้านสวน เธอ ก็มีรูปแมวน้อย แมวใหญ่ น่ารัก เห็นแล้ว ต้องยิ้ม ทุกภาพเลย อิ อิ อิ
คุณชนิดา พ่อใหญ่ธนา น้องหญิง คุณตาล สิงห์ป้อม หนูอัญ หนูเอิ้น หนูเบส และหนูๆ ครอบครัว ภิรมย์รักษ์ และครอบครัวอื่นๆ เชิญมาร่วมวิเคราะห์ วิจัย จดหมายฉบับนี้หน่อยเร้ว
แต่ว่า คุณชนิดาจ๋า อ.อุบล คิดว่า จ.ม.นี้ น่าจะส่งไปหลายที่นะ คงไม่ส่งมาแค่ หา อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด หรอกจ้า
ดูน่าจะเป็นแบบฟอร์ม ของเค้านะ (555 เดา เอา นะ)
คนที่อ่านด้วยกันว่าไงล่ะ
| |||||
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-25 11:34:14 |
ความคิดเห็นที่ 272 (1621238) | |
ดังนั้น สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย จึงอาราธนาให้องค์ท่าน ได้เปิดเผยพระองค์
เนื่องด้วย ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวโลกทั้งหลายกำลังได้รับความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน จากภัยนานานับประการ อาทิเช่น ภัยจากมนุษย์ ภัยจากความยากจน(หนี้สิน) ภัยจากสงคราม ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และภัยจากการได้รับโทษจากธรรมชาติ ฯลฯ สุดที่มนุษย์จะรับและแก้ไขได้ นอกจากพระองค์ท่านเท่านั้น ซึ่งเป็นพระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมิกราช ซึ่งพระองค์ได้จุติกำเนิดก่อเกิดมาเพื่อ ทำหน้าที่ปราบกาลียุคนี้โดยตรง ฯลฯ *** ข้อความนี้ถือว่าชัดเจนมากๆ ครับ ถ้าเกิดว่าส่งมาที่บ้านสวนพีัระมิด ถึงท่านอาจารย์โดยตรง แสดงว่า ผู้ที่ส่งมาอาจจะสงสัยว่าท่านอาจารย์คือ 1 บุคคล ที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพระศรีอาริย์ ภัยทุกๆอย่างสามารถแก้ไขด้วยการเปลี่ยนคนให้มาเข้าทางธรรม และรักษาศีล เปลี่ยนคนในวงกว้างเหมือนกิจกรรมธรรมสัญจร เป็นกิจกรรมที่เป็นการปัญหา ที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง ในข้อความนี้ อาจจะไม่ได้ส่งมาที่นี่ ที่เดียวแน่ๆ อย่างที่ท่านอาจารย์บอกไว้ เพราะมี คำว่า "เถระ" ผมคิดว่า ชาวโลกต่างมิติ อย่าง มนุษย์ต่างดาว เค้าคงรู้กันหมดแล้วล่ะครับ ว่า ใครคือ พระศรีอาริย์ เพราะ มนุษย์ต่างดาวต่างก็นับถือเทพเจ้าองค์เดียวกัน และพวกเขาก็รู้ด้วยว่าใครคือพระศรีอาริย์ จะว่าำไป แถวบ้านสวนฯ นี่ก็เห็น UFO กันเป็นเรื่องปรกติ แถมลูกบ้านสวนหลายๆคน ยังมี UFO ไปส่ง ไปเยี่ยม อีก น่าคิดครับ -------- อันนี้ คัดลอกบางตอน มาให้อ่านนะ อ่านแล้ว ก็คิดถึงพวกเรา ว่า
ไม่ใช่แต่พวกเรา ที่ร่ำร้อง เรียกหา อาลัย ให้พระศรีอาริย์ ปรากฎพระองค์
ที่อื่น เขาก็ปรารถนา ให้พระศรีอาริย์ ปรากฎพระองค์ เหมือนกัน
และที่สำคัญ เค้าบอกว่า ถึงเวลาแล้ว นี่สิ น่าสนใจ
หรือพวกเราว่าไง ถึงเวลาหรือยัง จ๊ะ *** คงถึงเวลาแล้วล่ะครับ ยิ่งคิด ก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปทุกขณะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) วันที่ตอบ 2012-07-25 12:15:38 |
ความคิดเห็นที่ 273 (1621253) | |
ดังนั้น สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย จึงอาราธนาให้องค์ท่าน ได้เปิดเผยพระองค์
เนื่องด้วย ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวโลกทั้งหลายกำลังได้รับความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน จากภัยนานานับประการ อาทิเช่น ภัยจากมนุษย์ ภัยจากความยากจน(หนี้สิน) ภัยจากสงคราม ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และภัยจากการได้รับโทษจากธรรมชาติ ฯลฯ สุดที่มนุษย์จะรับและแก้ไขได้ นอกจากพระองค์ท่านเท่านั้น ซึ่งเป็นพระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมิกราช ซึ่งพระองค์ได้จุติกำเนิดก่อเกิดมาเพื่อ ทำหน้าที่ปราบกาลียุคนี้โดยตรง ฯลฯ +++++++++++++++++ จาการวิเคราะห์ของเบส เบสคิดว่าทุกๆคนต่างรู้แล้วว่าพระองค์ท่าน ลงมาเกิดแล้ว และต้องการอยากให้ท่านช่วย เหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลาย โดยให้ท่านเป็นผู้นำในการทำความดี เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญาณ เป็นผู้นำของโลกที่จะนำพาผู้คน ให้ผ่านพ้นกลียุคไปได้ แต่ เอ.... ที่เขาส่งมาที่บ้านสวนนี้ ก็น่าคิดนะครับ ถึงเขาอาจจะส่งไปหลายๆที่ก็ตาม แต่เขาก็ต้องคิดว่า คนที่อยู่ที่บ้านสวนพีระมิด ก็มีโอกาสเป็นพระศรีอาริยเมตไตยด้วยเช่นกัน แต่ว่าถ้าเกิดมีใครกลับไปถามเขา... ว่าส่งไปที่ไหนบ้าง.... แล้วเขาตอบว่าส่งมาที่บ้านสวนพีระมิดทีเดียวแล้วละก็... คราวนี้ ชัดเลยครับ 555
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย วันที่ตอบ 2012-07-25 12:50:52 |
ความคิดเห็นที่ 274 (1621278) | |
เป็น จ.ม. บอกเรื่องราว พระศรีอาริย์
ใน จ.ม.ฉบับนี้ ได้ให้หลายคนอ่าน ต่างบอกว่า ขนแขนแสตนอั๊บ
มีข้อความตอนหนึ่งว่า
ดังนั้น สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย จึงอาราธนาให้องค์ท่าน ได้เปิดเผยพระองค์
เนื่องด้วย ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวโลกทั้งหลายกำลังได้รับความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน จากภัยนานานัประการ อาทิเช่น ภัยจากมนุษย์ ภัยจากความยากจน(หนี้สิน) ภัยจากสงคราม ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และภัยจากการได้รับโทษจากธรรมชาติ ฯลฯ สุดที่มนุษย์จะรับและแก้ไขได้ นอกจากพระองค์ท่านเท่านั้น ซึ่งเป็นพระเถระ ผู้ทรงธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมิกราช ซึ่งพระองค์ได้จุติกำเนิดก่อเกิดมาเพื่อ ทำหน้าที่ปราบกาลียุคนี้โดยตรง ฯลฯ -------- อันนี้ คัดลอกบางตอน มาให้อ่านนะ นี่ก็คงเป็นแผนจากเบื้องบนอีกแน่ๆเลยค่ะ ถึงจะไม่รู้ว่าคนส่งคือใคร แต่หนูว่าเบื้องบนต้องดลจิต ดลใจให้คนส่ง ส่งมาหาอ.แม่ เพื่อค่อยๆเปิดโลกของพระศรีอาริย์ แต่จะว่าไปแล้วการที่เราจะให้พระองค์ยอมรับนั้น หากเรามองในมุมมองของเรา หลักฐานและเหตุผลมันอาจเพียงพอสำหรับเรา ที่จะให้เราเชื่อว่าพระองค์คือพระศรีอาริย์ แต่สำหรับพระองค์และคนคนอื่นๆแล้ว มันอาจจะยังไม่เพียงพอก็ได้รึป่าวค่ะ ขนาดพระอรหันต์ดังๆยังไม่เคยยอมรับเลย ว่าตัวเองคือพระอรหันต์ และถ้าจะให้พระศรีอาริย์ยอมรับพระองค์เอง ว่าคือพระศรีอาริย์นั้นก็คงจะยากแน่ๆเลยค่ะ การที่จะให้พระองค์ยอมรับนั้นอาจจะยาก แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับ การที่ทุกๆคนรับรู้ และยอมรับในตัวพระองค์ และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ที่ทรงตั้งใจ ลงมาจุติเพื่อช่วยหมู่มนุษย์ หนูคิดว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา และเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกข้างหน้า คงจะทำให้ผู้คนเชื่อ ยอมรับ จากคำสอน การปฏิบัติของพระองค์แน่ๆค่ะ เพราะมันไม่เคยบิดเบือนไปจากพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆเลย กราบแทบเท้าพระศรีอาริย์ค่ะ กราบ กราบ กราบ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี วันที่ตอบ 2012-07-25 14:30:44 |
ความคิดเห็นที่ 275 (1621356) | |
ดังนั้น สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย จึงอาราธนาให้องค์ท่าน ได้เปิดเผยพระองค์
เนื่องด้วย ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวโลกทั้งหลายกำลังได้รับความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน จากภัยนานานับประการ +++++++++++++++++ อ่านเจอข้อมูลเรื่องการปรากฏตัวของพระศรีอาริย์คะ มีเว็บไซด์หนึ่งกล่าวเชิญชวนให้ ชาวโลกจะต้องร่วมกันค้นหาพระศรีอาริย์ และด้วยหลักฐานและสามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ภายใน กันยายน 2555 เท่านั้น เพื่อมิให้เกิดภัยพิบัตใหญ่
ทำไมพระจักรพรรดิไม่ออกมาสอนโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ เรื่องนี้พระจักรพรรดิจะอุปโลกตนเองไม่ได้ เป็นบาปอย่างใหญ่หลวง จำเป็นต้องให้ผู้คนทั่วไปพิสูจน์ความจริงของพระจักรพรรดิว่าใช่องค์จริงก่อน ถึงจะออกสอนได้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-07-26 03:15:17 |
ความคิดเห็นที่ 276 (1621394) | |
อีกฉบับหนึ่ง เป็น จ.ม. บอกเรื่องราว พระศรีอาริย์
ใน จ.ม.ฉบับนี้ ได้ให้หลายคนอ่าน ต่างบอกว่า ขนแขนแสตนอั๊บ ไม่เพียงแต่ขนแขนแสตนอัพนะคะ แต่ช่วงที่อ่านจดหมายยังสัมผัสได้ถึง พลังที่ออกมาจากตัวหนังสือทุกตัว พลังมหาศาล จนทำให้รู้สึกแน่น ๆ เนื้อความในจดหมาย วิงวอนต่อ พระศรีอาริย์ โปรดเมตตาปรากฎพระองค์ เพื่อช่วยมนุษย์ที่กำลังทนทุกข์ จากภัยต่าง ๆ
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ จะทำให้มนุษย์ทั้งหลาย เชื่อในกฏแห่งกรรม ยอมรับคำสอน และ น้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อ ให้หลุดพ้นจากทุกข์ ทั้้งปวง ขอกราบพระบาทพระศรีอาริย์ กราบ กราบ กราบ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร วันที่ตอบ 2012-07-26 12:50:33 |
ความคิดเห็นที่ 277 (1621399) | |
ทำไมผู้คนส่วนมากไม่สนใจในเรื่องพระศรีอาริย์
เมื่อพระศรีอาริย์ปรากฏพระองค์
มารย่อมพ่ายแพ้ดังนั้นมารจำเป็นต้องหาวิธี
การทำลายพระศรีอาริย์
อย่างเช่นที่เคยทำกับพระพุทธเจ้าโคดมมาแล้ว
มารยังสิงสู่จิตใจของผู้ที่มีความผูกพันกับมาร
หรือผู้เป็นมารโดยชาติกำเหนิดมาเกิดในเมืองมนุษย์
ผู้ขาดปัญญาธรรมที่แท้จริงผู้มีจิตอ่อน
ผู้มีทิฐิเช่นผู้อวดรู้อวดดี
ขาดการพิจารณาถึงเหตุผล
ทำให้ไม่สนใจเรื่องพระศรีอาริย์
โดยกลอุบายต่างๆของมาร
**********
"พระศรีอารย์" คือผู้บรรลุธรรมวิเศษ
พระองค์มิใช่เป็นพระศาสดา
หรือสอนศาสนาใหม่
แต่พระองค์เป็นพระจักรพรรดิ
ตามศาสนาหลักของโลกยอมรับ
(โดยเรียกชื่อพระองค์ตามภาษาของชนชาตินั้นๆ)
และจะใช้ธรรมะเอาชนะอธรรม
จาก mettaya.org
ความเห็น ดังนั้นก่อนที่พระองค์
จะปรากฏตัวต่อชาวโลก พระองค์ต้องไปปราบมาร
ต่าง ๆ ก่อน โดยใช้ธรรมะเอาชนะอธรรม
ให้ทุกคนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เพื่อเป็นหลักฐาน
ต่อเมื่อถึงเวลาที่พระองค์ต้องปรากฏตัว
ทุกคนก็จะยอมรับได้ โดยไม่มีใครคัดค้าน
ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่พระองค์
ได้แสดงไว้แล้ว อย่างนั้นหรือเปล่าค่ะ
************
ได้เร็วขึ้น เจ้าค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) วันที่ตอบ 2012-07-26 13:42:32 |
ความคิดเห็นที่ 278 (1621442) | |
ขออนุญาติเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น กับตัว อร สดๆเมื่อช้าวนี้เองค่ะ อันนี้ไม่ได้จะมาบอกว่าได้มโน หรีออวดอ้างใดๆนะค่ะ แต่จะเล่าตามที่จิตมันบอกเท่านั้นเองค่ะ หลังจากสวดมนต์ใหว้พระเสร็จ ก่อนนั่งสมาธิ ก็อธิฐานจิตว่า ลูกอยากเห็น พระศรีอาริย์ อยากรู้ให้แน่ใจอีกครั้งว่าท่านเป็นใคร อยู่ที่ใหน พอนั่งป้๊บจิตมันส่งออกนอกทันที ไปใหนก็ไม่รู้ คิดอะไรแยอะแยะไปหมด พอรู้สติ จึงรีบดึงกลับทันที ขอบารมีพุทธเจ้า ให้องค์พีระมิดครอบใว้ที่ตัว ก็เห็นหลวงพ่อฦาษี นั้งรออยู่แล้ว มีสมเด็จองค์พระปฐม เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรรณ พระอินทร์ พระพรหม ท้าวมหาราช และอีกตั้งหลายพระองค์ เรียกไม่ถูกค่ะ ก็เข้าไปหมอบกราบท่าน ขอขมาที่จิตลูกมันชั่ว มัวแต่ไปเที่ยวเล่นไร้สาระ ไม่สํานึกว่า ทุกพระองค์ท่านทรงพระเมตตารออยู่ ท่านบอกว่า อยากเห็นใครหละ จะพาไปดู จากนั้นก็เห็นเหมือนลิเก แต่สวยกว่า ใสกว่า รูปองค์เป็นแก้วใสมองทะลุได้ ส่วนเครื่องทรงเป็นเพชร ระยิบระยับ เห็นหน้าท่านชัดเจนมาก ท่านคือ......ท่านอยู่ตรงกลาง มีสมเด็จองค์พระปฐมอยู่เหนือศรีษะท่าน แล้วทุกๆพระองค์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น รายล้อมท่านเต็มไปหมด ทุกพระองค์ จะอยู่สุงระดับตึก สามชั้น แต่ระดับสายตา ก็จะมีเทพเทวดา ทุกชั้น อยู่กับท่านเต็มไปหมด นับไม่ได้ ประมาณไม่ถูก ไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุด มีเสียงถามขึ้นว่า ทีนี้รู้หรือยัง ทราบแล้วเจ้าค่ะ ด้วยความดีใจ รีบหมอบกราบท่าน จิตมันร้องให้ บอกกับท่านว่า ลูกจะไม่ขออธิฐาน ตั้งสัจจะใดใด เพราะจิตลูกยังชั่วอยู่ เอาเป็นว่า ลูกขอทําวันนี้ให้ดีที่สุด เท่านั้น กราบขอบพระคุณ กราบพระบาท ทุกพระองค์ ที่เมตตาให้ลูกได้เห็น และยืนยันอีกครั้ง ลูกคิดว่าตอนนี้ ท่านกําลังฉุดช่วยผู้คนอยู่ ด้วยการแสดงกฎของกรรม ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เม่ือเหตุดับ ผลก็ดับ ท่านสอนให้เราดูความทุกข์ จากกรรมชั่ว ของตัวเองที่ทํามาทั้งหมด มาพิจารณา เพื่อหยุดยั่ง การประกอปกรรมซํ้าอีก และเปลี่ยนตัวเองให้ได้ เพื่อความพ้นทุกข์ทั้งปวง กราบสาธุพระพุทธเจ้าค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี วันที่ตอบ 2012-07-27 00:09:04 |
ความคิดเห็นที่ 279 (1621450) | |
กราบอนุโมทนากับธรรมทาน จากท่านอาจารย์อุบล และทุกๆท่านด้วยค่ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาคิดและวิเคราะห์เพิ่มเติมนะค๊า | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-27 05:37:41 |
ความคิดเห็นที่ 280 (1621582) | |
พูดถึง จม.ฉบับที่เขียนถึง พระศรีอาริย์แล้ว
ชนิดาก็อยากฟังความคิดเห็น จากทุกๆท่านที่ได้อ่าน และมีอาการขนแขนสแตนอัพกันไปแล้วนะคะ
แล้วก็อยากรู้จังว่า จม.นี้ส่งมาจากองคกรใด และส่งไปที่อื่นบ้างหรือไม่ เพราะเท่าที่ดูเนื้อความส่วนนี้ ..................................................... ดังนั้น สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย จึงอาราธนาให้องค์ท่าน ได้เปิดเผยพระองค์
เนื่องด้วย ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวโลกทั้งหลายกำลังได้รับความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน จากภัยนานานับประการ
แสดงว่า ผู้ที่ส่งมา เป็นผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และ รู้แน่ชัดในจิตว่า ใคร หรือ พระองค์ นั่นเอง
และชนิดาว่า จดหมายลักษณะนี้ไม่ได้เขียนแบบ สุ่มส่งไปหลายๆที่หรอกค่ะ
ถ้าอยากรู้ พวกเราก็ต้องพิสูจน์ ใครที่ได้อ่านแล้ว ช่วยบอกได้ไหม๊คะว่า จดหมายนี้ส่งมาจากที่ใด เพราะจะให้ท่านอาจารย์มาบอกเราเอง ท่านคงไม่บอกแน่ๆ
เพราะคนที่จะมาร่วมพิสูจน์ว่า ใคร คือ พระศรีอาริย์ ต้องไม่ใช่ตัวพระองค์เอง แน่ๆ
แต่ควรจะเป็น คนรอบข้างพระศรีอาริย์ค่ะ
ส่วนเนื้อหาต่างๆในจดหมาย ที่อธิบายถึง องค์พระศรีอาริย์ อ่านแล้วก็ ประจักษ์แจ้งว่า เหมือนกับ จริยาวัตรของท่านอ.อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิด ไม่ผิดเพี้ยนเลย
โดยเฉพาะ เนื้อความที่กล่าวถึง ท่านท้าวเวสสุวรรณ โอ้ววว....อ่านแล้ว ขนไม่ลุก ก็ไม่ไหวจะเคลียร์ แย้ววว.... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-28 05:21:23 |
ความคิดเห็นที่ 281 (1621583) | |
ท่านบอก ว่า อยากเห็นใครหละ จะพาไปดู จากนั้นก็เห็นเหมือนลิเก แต่สวยกว่า ใสกว่า รูปองค์เป็นแก้วใสมองทะลุได้ ส่วนเครื่องทรงเป็นเพชร ระยิบระยับ เห็นหน้าท่านชัดเจนมาก ท่านคือ...... ท่านอยู่ตรงกลาง มีสมเด็จองค์พระปฐมอยู่เหนือศรีษะท่าน แล้วทุกๆพระองค์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น รายล้อมท่านเต็มไปหมด
ทุกพระองค์ จะอยู่สูงระดับตึก สามชั้น แต่ระดับสายตา ก็จะมีเทพเทวดา ทุกชั้น อยู่กับท่านเต็มไปหมด นับไม่ได้ ประมาณไม่ถูก ไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุด มีเสียงถามขึ้นว่า ทีนี้รู้หรือยัง ทราบแล้วเจ้าค่ะ ด้วยความดีใจ รีบหมอบกราบท่าน จิตมันร้องให้ บอกกับท่านว่า
ลูกจะไม่ขออธิฐาน ตั้งสัจจะใดใด เพราะจิตลูกยังชั่วอยู่ เอาเป็นว่า ลูกขอทําวันนี้ให้ดีที่สุด เท่านั้น
กราบขอบพระคุณ กราบพระบาท ทุกพระองค์ ที่เมตตาให้ลูกได้เห็น และยืนยันอีกครั้ง
ลูกคิดว่าตอนนี้ ท่านกําลังฉุดช่วยผู้คนอยู่ ด้วยการแสดงกฎของกรรม ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับ
ท่านสอนให้เราดูความทุกข์ จากกรรมชั่ว ของตัวเองที่ทํามาทั้งหมด มาพิจารณา เพื่อหยุดยั้ง การประกอปกรรมซํ้าอีก และเปลี่ยนตัวเองให้ได้ เพื่อความพ้นทุกข์ทั้งปวง กราบสาธุพระพุทธเจ้าค่ะ .......................... อนุโมทนากับธรรมทานจากคุณอร ด้วยนะคะ ได้อ่านรอบแรกเมื่อคืนวาน ก็ รู้สึกปิติไปด้วย แต่ต้องเก็บความรู้สึกไว้ก่อน เพราะมีคนมาเร่งใช้คอมพ์ ถึงแม้ชนิดาจะไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง
แต่เท่าที่อ่านทุกคำที่คุณอร ถ่ายทอดมาแล้ว ภาพมันชัดมากค่ะ ว่า คำในช่องว่างที่คุณอร จุดจุดจุด ไว้นั้น ใคร คือ คำตอบที่ถูกต้อง
และการมาเขียนแบบนี้ อย่าคิดว่าเป็นการอวดอ้างตนเลยค่ะ เพราะท่านอาจารย์ ก็เปิดประเด็นไว้แล้ว ในคห.ที่ 259
นั่นแสดงว่า เบื้องบนจะไปดลใจ ให้คนได้เห็นในจิต หลายๆคนแน่ๆ
ฉะนั้น ชนิดาคิดว่าไม่ใช่แค่เพียง คุณอรหรอกค่ะ ที่เห็น แต่ยังมีคนอื่นอีก แต่ยังไม่มาเขียนค่ะ
ฉะนั้น รอเก็บสถิติกันต่อไปนะคะ ว่าคนที่ได้มโนฯ จะเห็นภาพ พระศรีอาริย์เหมือน หรือแตกต่างจากที่คุณอร เห็น....หรือ ไม่...อย่างไร | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-28 05:46:21 |
ความคิดเห็นที่ 282 (1621691) | |
ทั้งชีวิตที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นที่ใหน หรือผมไม่ค่อยเสาะ แสวงหาก็ไม่รู้ ไม่มีใครเหมือนท่านอาจารย์เลย อาจารย์มาฉุดช่วยดึงจิตดึงใจคน ให้กลับลำแบบฉับพลันทันทีกับผู้ประสบพบ และอีกหลายเรื่องราว เอาแค่นี้ผมก็ว่าไม่ธรรมดาแล้ว เราผู้รู้ตามไม่ว่าท่านมาจากใหน เราก็ขอน้อมรับในพระธรรมที่ทรงมอบให้ เพื่อสืบต่อไปยังลูกลาน เพื่อความสงบสุข ของครอบครัว สังคม บ้านเมือง ประเทศ ทั่วโลก เราจะมีที่พึ่งองค์เดียวกัน ไม่มีแบ่งแยก ไม่มีลัทธิ สาธุ กราบ กราบ กราบ ทุกๆ พระองค์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) วันที่ตอบ 2012-07-29 17:00:45 |
ความคิดเห็นที่ 283 (1621719) | |
เมื่อวันศุกร์ 27 ก.ค.55 ไปบรรยาย ธรรมะบำบัด ที่บ้านไร่ปลายตะวันมา อยู่ที่วังน้ำเขียว โคราช โอ้ย ไม่รู้จะเล่าเรื่องไหนก่อนดี มีแต่เรื่องที่อยากเล่า แต่ท่ี่มาเขียนในกระดานนี้ เรื่องตามหาพระศรีอาริย์ ซึ่งน้องหนึ่งมาลงว่า ถ้าเราไม่สามารถหาพระศรีอาริย์พบ ใน เดือน ก.ย.55 นี้ โลกต้องแหลกเป็นจุน ต้องเกิดภัยพิบัติร้ายแรงแน่นนอน ซึ่งพวกเรา คณะบ้านสวน ก็พยายามตามหา กันอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เจอสักที แต่วันที่ไปวังน้ำเขียว คุณกุหลาบเล่าว่า คนที่บ้านพี่ชายเขา ลืมจังหวัด มีคนแก่ 2 คน หรือ กี่คนแน่ก็ไม่ทราบ ไม่ได้จำจำนวน สนใจแต่เรื่องพระศรีอาริย์ คนเแก่ที่นั่นเขาบอกว่า เขาได้พบพระศรีอาริย์แล้ว แต่คนแก่คนเฒ่า ท่านพูดภาษาอีสาน ก็เลยให้เขาเล่าให้พ่อใหญ่ธนาฟัง เพราะว่าพ่อใหญ่ธนา พูดได้หลายภาษา เอาเป็นว่า เขาได้พบพระศรีอาริย์แล้ว ซึ่งเราฟังต่อๆ ไป ฟังทางพ่อใหญ่ธนา บอกว่า อาจารย์ครับ ตอนนี้มีแต่คนบอกว่า ตัวเองเป็นพระศรีอาริย์ กันทั้งนั้น มีหลายคนมากเลย แสดงว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี แสดงว่ามีคนสนใจพระศรีอาริย์เยอะมากเลย ก็ถือว่า มีคนสนใจเยอะนะซี เพราะในคำทำนายบอกว่า ถ้าผู้คนทั้งหลายไม่สนใจพระศรีอาริย์ โลกต้องวิบัติ ก็มีความหวังขึ้นมาแล้วว่า คนเริ่มตื่นตัว พระศรีอาริย์แล้ว พ่อใหญ่ถึงบ้านรึยัง สิงห์ป้อมถึงบ้านยัง ช่วยมาเล่าสู่กันฟังหน่อยเน้อ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-29 21:51:57 |
ความคิดเห็นที่ 284 (1621739) | |||||||
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์ ว่าแต่ข้อความที่อาจารย์เขียน อ่านแล้วก็ทั้งรู้สึกดีนะคะ ที่มีผู้คนมากมายให้ความสนใจ เรื่องพระศรีอาริย์
แต่อีกมุมหนึ่ง ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันนะคะที่ว่า มีผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นพระศรีอาริย์ ก็ไม่น้อยเหมือนกัน
ว่าแล้วก็รอฟังพ่อใหญ่ธนา และสิงห์ป้อมจะเข้ามาเหลา คำบอกเล่าของคนแก่คนเฒ่า ที่บอกว่าได้พบพระศรีอาริย์แล้ว ดีกว่านะคะ
ก็หวังว่า พวกเราทุกคน จะได้พบพระศรีอาริย์ก่อนกันยานี้ เพราะเหลือเวลาแค่1 เดือนเท่านั้น | |||||||
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-30 01:46:53 |
ความคิดเห็นที่ 285 (1621742) | |
ได้อ่านข้อความของจดหมายจาก ค.ห.262 แล้วเห็นด้วยที่ขอให้พระศรีอาริย์ทรงปรากฏพระองค์ค่ะ เพราะโลกกำลังเข้าสู่หรืออยู่ในช่วงกลียุคแล้วจริงๆ เห็นภัยอันตรายทุกด้านจากทั้งในข่าวและเห็นกับตาตัวเอง และคนส่วนใหญ่แม้เป็นชาวพุทธก็ไม่ให้ความสำคัญต่อการรักษาศีล บางกลุ่มก็ไม่ศรัทธาพระรัตนตรัยเต็มร้อย ไม่เชื่อกฏแห่งกรรม นรก สวรรค์ นิพพาน และทำกรรมอีกมากมายเพราะความไม่รู้ อีกทั้งเรื่องการมาเกิดของพระศรีอาริย์ ก็มีคนคิดว่าพระศรีอาริย์ยังไม่มาเกิด แม้แต่คนที่ได้มโนมยิทธิ พวกเขาคงเชื่ออย่างนี้เพราะเห็นว่าท่านทรงประทับที่สวรรค์ชั้นดุสิต รอมาเกิดเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต หนูรู้สึกผิดที่หนูไม่ได้บอกให้เขาถามพระพุทธเจ้าหรือพระศรีอาริย์ท่านว่าทรงมาเกิดหรือยัง ขอให้สงเคราะห์ให้เห็นพระศรีอาริย์ร่างมนุษย์ชาติปัจจุบัน ให้ทราบชื่อท่าน ด้วยกรรมชั่วที่มนุษย์ก่อมาในอดีตและยังคงทำอยู่ในปัจจุบัน และความไม่รู้เรื่องพระศรีอาริย์ ไม่ว่าจะเป็นความคิดว่าท่านยังไม่มาเกิด ท่านไม่มีจริง ไม่ศรัทธา ไม่ให้ความสำคัญ หนูขอกราบอนุญาตต่อพระศรีอาริย์ ขออาราธนาให้ทรงปรากฏพระองค์ด้วยเถิดเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งปวงให้เปลี่ยนจิตมาทำแต่ความดี โปรดช่วยเปลี่ยนความไม่รู้ของพวกเราให้เป็นความรู้ ช่วยให้โลกพ้นจากภัยพิบัติค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ วันที่ตอบ 2012-07-30 02:20:00 |
ความคิดเห็นที่ 286 (1621792) | |
เมื่อวันเสาร์ที่ 28 กรกฏาคมที่ผ่านมา หนึ่งได้ไปร่วมกิจกรรมสัมมนามหาภัยพิบัติที่กลุ่มเว็บพลังจิตจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ภาพรวมของงานที่จัด มีการเชิญวิทยากรระดับหัวกระทิมากันทั้งสิ้น และมีการเชิญตัวแทนจากศาสนาอิสลาม, คริสต์, พุทธมาเป็นวิทยากร ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ดร.บรรงจง (ตัวแทนศาสนาอิสลาม) ท่านกล่าวเชิญชวน
“ให้ศาสนาพุทธยกเลิกการเอาขนบธรรมเีนียมประเพณี มาถือเป็นหลักปฏิบัติทางศาสนา แต่ให้ชาวพุทธนำเอาแก่นแท้ของศาสนาพุทธ ตามที่พระพุทธองค์ได้สั่งสอนมาเป็นสิ่งที่จะต้องปฎิบัติ” ก่อนหน้าจะไปสัมมนา หนึ่งก็ได้มีโอกาสฟังคลิปเสียง (มี 2 ตอน) ของท่านผู้หนึ่ง (คุณเอือม) ซึ่งบอกว่าเป็นข้อมูลที่ ดวงจิตของพระศรีอาริย์ได้สื่อผ่านร่าง และก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้โพสคลิปเสียงนี้คือคุณหมอวิชุิดา เพราะแอบหวังว่าคุณหมอพอจะให้หลักการทางทางวิทยาศาสตร์ ที่จะพิสูจน์พระศรีิิอาริย์ที่ตนเองสงสัย
แต่เสียดายที่คุณหมอบอกว่าเหตุภัยพิบัติอย่างไรก็ต้องเกิด และพระศรีิอาริย์คือในหลวงซึ่งรอกลับชาติมาเกิดเป็นพระศรีอาริย์ >_<" | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-07-30 13:18:07 |
ความคิดเห็นที่ 287 (1621808) | |
กราบอนุโมทนาค่ะอ.แม่ มีคนตามหาพระศรีอาริย์กันมากขึ้น หากจะมีคนมาแอบอ้างเป็นพระศรีอาริย์มากขึ้น คิดไปอีกแง่ มันก็ดีเหมือนกันนะคะ แอบอ้างกันเยอะๆ จะได้รวมตัวกันทั้งประเทศ พิสูจน์บุคคลที่จะเป็นพระศรีอาริย์กันไปเลย แต่เวลาที่เหลือก็น้อยมากๆ ว่าแล้วก็รอพี่ๆมาเล่าเหตุการณ์ ที่บ้านไร่ปลายตะวันด้วยคนค่ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี วันที่ตอบ 2012-07-30 15:11:59 |
ความคิดเห็นที่ 288 (1621833) | |
คนเแก่ที่นั่นเขาบอกว่า เขาได้พบพระศรีอาริย์แล้ว แต่คนแก่คนเฒ่า ท่านพูดภาษาอีสาน ก็เลยให้เขาเล่าให้พ่อใหญ่ธนาฟัง ป๊าดดด ท่านอาจารย์ครับ คนเฒ่าคนแก่ที่นั่นเผิ่นเหว้าว่าจั่งซี่เด้อครับ ตามตำราตกทอดจากพ่อจากแม่ ก่าฮู้มาตลอดล๊ะว่าต่อไปจะมีพระศรีอาริย์เผิ้นสิมาเกิด พอได้ยินหว่า มีคนรักษาคนให้หายได้ในทันที ก่าบ่มีไผด๊อก นอกจากพระศรีอาริย์เท่านั้นล๊ะที่เห็ดได้จั่งซี่ ป๊าดดด พระศรีอาริย์คือใครน๊อออ จากที่คนเฒ่าคนแก่ทางอีสานพูดถึง เพราะเป็นเรื่องที่เขาพูดกันมาช้านานแล้วครับทางภาคอีสาน ขนาดลุงบุญสร้างพระไปก็ยังพูดภาษาอีสานเรื่องพระศรีอาริย์เลย เรียกว่า ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนไม่เคยได้ยินเรื่องพระศรีอาริย์ และต่างก็รู้ว่าพระองค์ท่านทำอะไรที่เหนือธรรมชาติ แบบฉับพลันทันทีได้ชนิดที่ว่า ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าผู้ที่ทำได้เช่นนี้คือใคร นอกจาก.... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล วันที่ตอบ 2012-07-30 16:32:35 |
ความคิดเห็นที่ 289 (1621855) | |
งานนี้ไม่รู้ว่า พ่อใหญ่ธนา เข้าใจภาษาอีสานผิดพลาด หรือว่า คนอ่าน อย่าง อ.อุบล จะแปลผิดพลาด แต่ว่า เรื่องภาษาอีสานน่ี่นะ แปลไม่ยากเลย ก็เหมือนภาษาไทยนั่นแหละ อยู่เมืองไทยเราต้องรู้ภาษาไทยทุกภาค ก่อนจะรู้ภาษาต่างประเทศ เน๊าะ พ่อใหญ่ อ้าว ไปเน๊าะ กับพ่อใหญ่ทำไมล่ะเนี่ย
เรื่องพระศรีอาริย์นี่ ทำให้เกิดข้อขัดแย้ง ถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่ ดีแล้ว ที่มีคนแสดงตัวเป็นพระศรีอาริย์เยออะ แสดงว่า ประเทศเรา มีคนเก่งเยอะ จะได้ช่วยกัน ช่วยเหลือคนอื่นมั่ง แต่เรื่องประชัน ขันแข่ง ว่าใครจะเป็นพระศรีอาริย์กันแต่ ต้องไปร่วมพิสูจน์ นั้นนะ อ.อุบล ขอสละสิทธิ์ ยังไงก็ไม่เช้าชิงเด็ดขาด แต่จะขอเป็นกองเชียร์ เป็นแรงใจ ให้พบพระศรีอาริย์องค์จริง จะไม่ตำหนิใคร ที่เขาแสดงตัวว่าเป็นพระศรีอาริย์ เพราะเขาต้องรู้ตัวเขาดี และ เขาต้องทำหน้าที่สำคัญ ให้โลกใบนี้ ถ้าคนเราแข่งกันทำดี เราต้องสรรเสริญ ถ้าแข่งกันทำชั่ว เราไม่เล่นด้วย แต่ไม่ไปยุ่งกับเขา แล้วแต่ละคนที่เข้าชิง หรือว่า คนที่รู้ตัวว่า เป็นพระศรีอาริย์ เขาต้องมีความสามารถ กอบกู้โลกใบนี้ได้ ปราบอธรรมได้ ช่วยให้คนพ้นทุกข์ได้ ทำให้คนมีสุขได้ อันนี้ถ้ามีหลายคน เป็นเรื่องดีนะ อีกไม่นานแล้ว เราคงจะต้องได้รู้ เดือน ก.ย. ก็อีกแค่ 2 เดือนเท่านั้นเอง 21 ธ.ค.55 ก็อีีกแค่ 5 เดือนเท่านั้นเอง ไม่นานเกินรอเลยนะ จะบอกให้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-30 20:05:57 |
ความคิดเห็นที่ 290 (1621856) | |||||
| |||||
ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น วันที่ตอบ 2012-07-30 20:20:17 |
ความคิดเห็นที่ 291 (1621858) | |
ขอบคุณ คุณเกียรติศักดิ์อย่างแรง ที่ ช่วยขยายตัวอักษรให้ค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ถ้าพบคำผิด ช่วยแก้ให้ด้วยนะคะ เพราะใช้ ไอแพ๊ตพิมพ์ค่ะ ตัวเล็กจิ๋วเลย สว.ทำไม่เป็น แก้ไม่เป็น และบางครั้งก็ รีบส่งไม่ได้ตรวจค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ยกบุญให้หมดเลยค่ะ คุณเกียรติศักดิ์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-07-30 20:34:34 |
ความคิดเห็นที่ 292 (1621862) | |
ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนไม่เคยได้ยินเรื่องพระศรีอาริย์ และต่างก็รู้ว่าพระองค์ท่านทำอะไรที่เหนือธรรมชาติ แบบฉับพลันทันทีได้ชนิดที่ว่า ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าผู้ที่ทำได้เช่นนี้คือใคร นอกจาก....อิ อิ ... พระศรีอาริย์เท่านั้นล๊ะที่เห็ดได้จั่งซี่ ..แม่นแร้ว.ว.ว. คนรักษาคนให้หายได้ในทันที ก่าบ่มีไผด๊อก.แม่นอีกแร้ว.ว.ว แระก็ คุ้นมาก ถึง มากที่สุด อีกแร้ว.วว. คร๊า พ่อใหญ่ เจ้าขา....รู้สึก คุ้น ๆเหมือนพี่อ่ะป่ะ จ๊ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) วันที่ตอบ 2012-07-30 21:28:58 |
ความคิดเห็นที่ 293 (1621863) | |||||
กราบขออนุโมทนาขอรับบุญนี้ฉับพลันทันทีครับ ไม่เคยทำบุญที่ใหนแล้วได้บุญ ง่ายๆ สบายๆ แบบที่นี่อีกแล้ว สาธุ
กราบ กราบ กราบ | |||||
ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น วันที่ตอบ 2012-07-30 21:31:20 |
ความคิดเห็นที่ 294 (1621882) | |
พวกเราส่วนใหญ่ ล้วนเคยได้ยินเรื่องพระศรีอาริย์กันมาแล้ว ว่าท่านจะมาช่วยพวกเราให้พ้นทุกข์ ซึ่งคนในยุคนี้ เกิดมาในยุคที่เจริญทางวัตถุ มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย จะเชื่อเฉพาะสิ่งที่พิสูจน์ได้ อย่างเป็นรูปธรรม อ้อยเคยอ่านหนังสือธรรมะ แล้วได้ข้อสรุปของตัวเองว่า เราทุกข์ เพราะ อวิชา อวิชา คือ ความไม่รู้ แต่ปัญหาคือ อ้อยไม่รู้ว่า เราไม่รู้อะไร อะไรที่เรายังไม่รู้ จนได้มาพบ อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด อ้อยคิดว่า สิ่งที่ไม่รู้ ก็คือ ไม่รู้ว่าเพราะเราทำผิดศีล 5 เราถึงทุกข์
ไม่รู้ว่าฆ่า ยุง ฆ่ากุ้งหอย ปูปลา ซึ่งเป็นสัตว์ที่เป็นอาหารคน ทำร้าย ตบตีคนอื่น คิดไม่ดี คิดอยากให้คนอื่นตาย คิดสาบแช่งคนอื่น เช่นเวลาเห็นข่าวคนขายยาบ้าถูกยิงตาย ก็จะยินดีที่เค้าตาย เป็นความผิด รู้แต่ว่า ฆ่าคน ทำแท้งเป็นความผิด
ไม่รู้ว่าขโมยของคนอื่น ทำงานไม่เต็มเวลา โดดงาน เอาของที่ที่ทำงานมาใช้ ชอบของฟรี จะทำให้มีปัญหาการเงิน ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นหนี้เป็นสิน
ไม่รู้ว่าชิงสุกก่อนห่าม มีกิ๊ก เที่ยวผู้หญิงเป็นบาป ทำให้บริวาร ลูก ลูกน้องดื้อ ไม่เชื่อฟัง คิดแต่ว่าต้อง เป็นชู้กับคนอื่นอย่างเดียว
ไม่รู้ว่าพูดนินทา ว่าร้าย ใส่ร้ายคนอื่น พูดหยาบคาย พูดกระแนะกระแหน พูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ ตอแหล พูดเกินจริง จะทำให้เรามีปัญทางในปาก เช่นปากเหม็น รูปปากไม่สวย พูดอะไรไม่มีใครเชื่อถือ ไม่มีคนนับถือ รู้แค่ว่าพูดโกหก เท่านั้นที่ผิด
ไม่รู้ว่าเลี้ยงเหล้าคนอื่น ให้เงินคนอื่นซื้อเหล้า ซื้อเหล้าให้คนอื่น เสพยาเสพติด ก็ผิดทำให้เราเป็นโรคทางประสาท ความจำไม่ค่อยดีได้ รู้แต่ว่าเฉพาะกินเหล้าที่ผิด
ท่าน อ.อุบลสอนและบอก ให้รู้ว่าที่เราเป็นทุกข์ เป็นเพราะ เหตุเหล่านี้ทั้งนั้น ถ้าเรารู้ว่าทำสิ่งเหล่านี้จะทำให้ เราทุกข์แสนสาหัส เราก็คงจะไม่ทำ เพราะที่ผ่านมาเราคิดว่าใครๆก็ทำ ไม่น่าจะผิด เรามักจะยึดกฎหมู่ กฎสังคมว่าถูกผิด มากกว่ายึดกฎธรรมชาติ ซึ่งเป็นธรรมะที่พระพุทธองค์ได้ค้นพบ ซึ่งพอเรารู้เหตุ หรือระลึกได้ ว่าเราได้ทำผิดอะไร เราสำนึกผิด และตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดอีก ความทุกข์ทั้งกาย เช่น เจ็บปวด ทางใจก็จะหายฉับพลัน ทันที สามารถพิสูจน์ได้เลยอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ทักท้วงไม่ได้ เพราะพิสูจน์ได้จริง ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถช่วย ผู้คนปลดเปลื้องทุกข์ ได้แบบนี้ น่าจะเป็นตัวเต็งว่า คือ พระศรีอาริย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) วันที่ตอบ 2012-07-31 00:16:20 |
ความคิดเห็นที่ 295 (1621885) | |
ถึงแม้หลายๆ ท่านยังคงตามหาพระศรีอาริย์ หรือรอที่จะเกิดในภพชาติของท่านเพื่อหวังว่าจะได้อยู่ดีมีสุข แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ ท่านเช่นกัน ที่บอกว่าตัวเองคือพระศรีอาริย์ ซึ่งอย่างหลังนี่ก็ไม่ต้องเดา หรือไม่ต้องคาดการณ์กันเลยว่าใช่ตัวจริง เสียงจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ...ท่าน ดร.อาจอง ก็ได้เคยกล่าวเอาไว้ ถึงพระศรีอาริย์ เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะปรากฏตัวเอง และคนที่รับรู้ได้ว่าใช่ตัวพระองค์ท่าน ก็จะรับรู้ด้วยจิตของตัวเอง... ก็คือผู้ที่ผ่านการกลั่นกลองแล้วซึ่งความดีด้วยประการทั้งปวง และผู้ที่ผ่านการคัดกรอง และร่อนตะแกรงอย่างลูกบ้านสวนฯ ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ เพราะต้องอาศัยผู้นำที่รู้เรื่องราวของพระศรีอาริย์เป็นอย่างดี ถึงจะสามารถกลั่นกรองลูกๆ ให้ไปในทิศทางเดียวกันได้ สร้างความดียิ่งๆ ขึ้นไปได้ ฝึกฝนให้กลัวบาป ฝึกฝนให้ละความชั่วทั้งปวง มีจิตเมตตา...แล้วครูฝึกท่านใดล่ะ ที่รู้อารมณ์ใจของการฝึกลูกศิษย์ได้ถึงเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2012-07-31 00:43:02 |
ความคิดเห็นที่ 296 (1621890) | |
ตาม ตำราตกทอดจากพ่อจากแม่ ก่าฮู้มาตลอดล๊ะว่า ต่อไปจะมีพระศรีอาริย์เผิ้นสิมาเกิด พอได้ยินหว่า มีคนรักษาคนให้หายได้ในทันที ก่าบ่มีไผด๊อก นอกจากพระศรีอาริย์เท่านั้นล๊ะที่เห็ดได้จั่งซี่ ป๊าดดด พระศรีอาริย์คือใครน๊อออ จากที่คนเฒ่าคนแก่ทางอีสานพูดถึง ................................ พ่อใหญ่เว้ามาจังซี่ เดาย๊ากยากนะเนี่ย ว่าองค์พระศรีอาริย์คือใครหนอ...อิอิ
ว่าแต่ ได้อ่านวิสัยทัศน์ ของคนเฒ่าคนแก่แถวนั้นแล้ว ก็อดทึ่งไม่ได้นะคะ เพราะว่า มองได้ไกล และ มองเห็นแก่นแท้ ขององค์พระศรีอาริย์...อีกต่างหาก
แบบว่า ดูจากผลงานแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จริง หรือ ปลอม ............................ อนุโมทนากับคุณ เกียรติศักดิ์ ด้วยเช่นกันค่ะ เป็นไงเล่าทำดี ก็เห็นบุญทันที แล้วก็ได้ความสุขใจ ในฉับพลัน
จะว่าไป ทำความดี ไม่ได้ยากอย่างที่เคยคิดเลย..ชิมิ ชิมิ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-07-31 04:34:43 |
ความคิดเห็นที่ 297 (1621911) | |
สวัสดีครับญาติธรรมทุกท่าน ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าพระศรีอริย์...ที่ผู้เฒ่าผู้แก่พูดน่ะ...หมายถึงใคร พอดี..มันฟังบ่ออก ฟังบ่ฮู้เฮื้อง เรยบ่ฮู้..ว่าจะว่าวจังได๋
ผมรู้แต่ว่า ในช่วงที่ญาติธรรม มานั่งรอท่านอาจารย์บรรยายธรรมนั้น ป้าๆยายๆพอได้ยิน หมวดประวัติ ซึ่งตอนนั้นทำหน้าที่เป็นโฆษกจำเป็น พูดว่า อ.อุบล จะมาบรรยายธรรมให้พวกเราฟังนั้น จากเดิม ที่นั่งแถวหน้า...นั้น..โล่ง ชั่วพริบตา..กลับรีบมานั่งจับจองแถวหน้ากันพลึบพลับ ขนาดทางเดินซึ่งเว้นไว้ ยังมาแย่งกันนั่งเรยครับ เรยต้องลำบากผู้หมวดประวัติ ที่ต้องเป็นผู้จัดระเบียบสังคมใหม่ ....เห็นแล้วอดขำไม่ได้ ไม่รู้มานั่งรอรับ อ.อุบล หรือ มารอรับ พระศรีอริย์....อิอิ ยังไงก็แล้วแต่ ผมรู้ได้เรย ว่า..อาจารย์เนี่ย แฟนคลับเยอะเจงๆเรยครับ มีตั่งแต่ รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ยังรุ่นลายครามเรยครับ
คนที่มาฟังอาจารย์บรรยายธรรมนั้น ผมกะด้วยสายตา ก็น่าจะประมาณ 300 – 400 คนเห็นจะได้ เอาเป็นว่าเต็มอาคารเรยล่ะกัน เห็นว่าเป็นคนที่อยู่แถวพื้นที่นั้นส่วนนึง เป็นคนที่มากับท่านนายกสืบส่วนนึง และก็ยังมีนักศึกษาจากมหาลัยที่โคราชอีกด้วยครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม วันที่ตอบ 2012-07-31 09:30:50 |
ความคิดเห็นที่ 298 (1621923) | |
ต่อน่ะครับ ตาม ตำราตกทอดจากพ่อจากแม่
ก่าฮู้มาตลอดล๊ะว่า
ต่อไปจะมีพระศรีอาริย์เผิ้นสิมาเกิด
พอได้ยินหว่า
มีคนรักษาคนให้หายได้ในทันที
ก่าบ่มีไผด๊อก
นอกจากพระศรีอาริย์เท่านั้นล๊ะที่เห็ดได้จั่งซี่
**********************************************
มีลุงอยู่คนนึง แกปวดหลัง หลังจากสภาพบาปแบบรวม โดยให้ยอมรับจากสิ่งที่ท่านอาจารย์ถาม ปรากฎว่ามีแก ที่ยังไม่หาย อาจารย์ท่านเรยเชิญออกมาหน้าเวที อาจารย์ท่านถาม ว่าเคยมีชู้ มีกิ๊ก ไปมีสัมพัทธ์กับว่าหญิงอื่นบ้างไหม๊ ทีแรกแกไม่ยอมรับ ก็เรยยังไม่หาย อ้อมไปอ้อมมา สุดท้ายยอมรับ ว่าเคยไปแอบชอบคนนั้นคนนี้ สุดท้ายหายเรย
อีกคนนึง พี่แกชื่ออะไรจำไม่ได้ครับ เห็นว่ามากับท่านนายกสืบ ออกมาหน้าเวทีเหมือนกัน ด้วยอาการเดียวกัน พออาจารย์ท่านถามเท่านั้นแหละ พี่แกล่อมาเป็นชุดครับ รีบยอมรับเรยว่า ผิดศีลข้อกาเมฯ คือ มีกิ๊ก เที่ยวสถานบริการ ยอดรวมประมาณ คิดเป็นหลักร้อยคนครับ พอสารภาพเสร็จ อาการปวดที่เอวปวดหลัง หายฉับพลันทันทีเรยครับ คือผมประเมิณแล้วครับ ว่าแกเตรียมตัวมาดี แล้วก็สึกนึกจริงๆ
2 คนที่มีอาการเหมือนกัน แต่อารมณ์ต่างกัน อีกคนนึงสำนึกและสารภาพทุกอย่าง ยอมรับทุกอย่าง ส่วนอีกคนนึงอยากหาย แต่ไม่สำนึก ไม่อยากสารภาพ ผลที่ได้จึงต่างกันไปตามกำลังและระดับของจิตครับ
อาจารย์ท่านแซวถามนายกสืบ ว่าเป็นไงบ้าง...นายกสืบตอบว่า...ที่มาครั้งทีแล้ว หายแล้วครับ แต่กลับมาปวดเอวอีก....อาจารย์ท่านตอบกลับ ก็อยากกลับไปใช้เอวอีกทำไมล่ะ นายกสืบยิ้มๆ..แบบยอมรับ สุดท้าย บอก..ผมยอมแล้วครับอาจารย์....หลังจากนั้นท่านอาจารย์ท่านพูดต่อครับ นายกสืบแต่ก่อนเนี๊ยะ...เป็นตำรวจ...เป็นมือปราบยอดพระกาฬ...ปราบทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้ร้ายตายมาแล้วหลายศพ มีทั้งที่แกลงมือเอง และมีส่วนร่วม เช่น วางแผน คอยสนับสนุนด้านอื่นๆ เนี่ยตายไม่ใช่น้อยๆเรยน่ะ โธ โธ นี่ขนาดทำไปตามหน้าที่น่ะ ก็ยังไม่รอดกฎแห่งกรรมเรยน่ะครับ......ท่านายก ยืนงง ทึ่ง แล้วพูดว่า อาจารย์รู้ได้ไงครับ ผมยังไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเรยครับ เป็นอันว่า...ก็อึ้งกันไปเรยครับ... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม วันที่ตอบ 2012-07-31 10:22:35 |
ความคิดเห็นที่ 299 (1621937) | |
ต่อน่ะครับ ระหว่างที่ท่านอาจารย์กำลังพักผ่อน เช่น ระหว่างทานข้าว ก็มักจะญาติธรรม ต่างคนต่างทะยอย กันมาหาอาจารย์ มากราบบ้างล่ะ มาร่วมบุญปัจจัยบ้างล่ะ แต่แปลกน่ะครับ แต่ล่ะคนที่มา มีแต่เป็นโรคหนักๆทั้งนั้นเรยครับ ที่เห็นชัดๆนี่เป็นพวกโรคมะเร็ง อันนี้ มากันเยอะมาก ไม่ขาดสาย ไม่รู้ว่าเป็นสัณญานบอกเหตุไร บ้างหรือเปล่าหนอ
ตลอดเวลาการบรรยายธรรม ผมสังเกตุและนึกไปถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า..ว่า มนุษย์นี่ แบ่งออกเสมือนบัวสี่เหล่า อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวน่ะครับ] [ คือคนที่มาฟังการบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์ ก็แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม หลายอุปนิสัย อย่าง...บางกลุ่ม มีความสนใจ ศรัทธา จะตั้งใจรับฟังธรรมตลอดเวลา ผมดูจากแววตา กิริยาท่าทาง การตอบสนอง ในระหว่างรับฟัง ....อีกบางกลุ่มคน ก็ตั้งใจรับฟัง แต่รับฟัง ประมาณว่าเมื่อไหร่ อาจารย์จะบำบัด โรคนั้น โรคนี้ซะที ประมาณว่าฉันอยากหาย แต่ฉันไม่อยากพูด ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ..... อีกบางกลุ่มก็ตั้งใจเป็นพักๆ เห็นเขาเฮ ไรกัน ก็เงยหน้ามาที สาธุไรกันก็สาธุด้วย อะไรประมาณนี้ ส่วนสุดท้าย..อันนี้ผมเห็นเป็นส่วนน้อย แต่ก็มีให้เห็น ก็เรียกว่าไม่เอาอะไรกันเรย ผมไม่รู้ว่าโดนบังคับมาปฎิบัติธรรมหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบ
ที่กล่าวมานี้ เปนแต่เพียง ความรู้สึกสงสารและเสียดาย..แทน กับบางกลุ่มคนเหล่านี้ ที่จะมีโอกาสที่ไหนอีกเล่า ที่จะได้ฟังธรรมขั้นสูงแบบนี้ แถมพิสูจน์ให้เห็นกันจะๆอีกด้วย ซึ่งอันที่จริงที่บ้านไร่ปลายตะวันแห่งนี้ นั้นเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม ซึ่งตามความเข้าใจของผม คนมาปฎิบัติธรรมกัน เขาก็ต้องมาเพื่อปฎิบัติธรรมจริงๆ อุตส่าห์ ลงทุนใส่ชุดขาวแล้ว แต่จิตใจและความประพฤตินั้น ไม่ได้ขาวไปตามชุดที่ใส่เรย แล้วมากันทำไมเนี่ยะ จอร์ดไม่เข้าใจเรย อ้าว...แล้วสถานที่ปฎิบัติธรรมที่อื่นๆ เขาเป็นแบบนี้กันไหม๊ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ช่างน่าสงสารจริงๆครับ ตั้งใจจะหนีนรก แต่กลับไม่ได้อะไรกลับไปเรย เสียดายแทน มิน่าล่ะ ว่า จากภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จึงจะมีคนที่รอดไม่ถึง 30เปอร์เซ็นต์
ตอนช่วงท้าย ท่านนายกสืบ ถามท่านอาจารย์ว่าจี้องค์เทพสฟิ๊ง ใช้ยังไง อาจารย์อุบลก็เรย ให้พิสูจน์ โดยถามว่าใครยังเจ็บ ยังปวดอะไรอยู่บ้าง ให้ออกมา ก็มีคนออกมา 2-3 คน อาจารย์ท่านให้ผู้ที่ออกมา สารภาพบาปกับจี้ โดยให้ท่านายกเป็นคนถือจี้ ..ก็มีป้าคนนึง แกปวดเอว แกก็สารภาพไป ว่าไปทำโน่นนี่มา ปรากฎว่า หลังจากสารภาพเสร็จ แกหายเรยทันที เรียกว่าอึ้งกันไปทั้งหอประชุม ถัดมาคนที่2 คนที่3 ก็หายอีก แถมขวักมือเรียกพรรคพวก ให้ออกมาสิ จะได้หาย....แต่ที่วุ่นวายไปกว่านั้น คือ ตอนนี้...พอเห็นว่า สารภาพบาปกับจี้แล้วหาย ไม่ต้องมาโดนอาจารย์อุบลถาม คราวนี้ ต่างคนต่าง..จกสตางค์ ออกมารีบแย่งกันบูชาจี้สฟิ๊งกันใหญ่เรย เล่นเอาพี่แมวรับบทหนักซะเกือบไม่ทัน อาจารย์อุบลท่านเรย ตัดบท ขอปิดงาน ด้วยปา-การ- ระ-ชะ-นี้..... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม วันที่ตอบ 2012-07-31 11:57:13 |
ความคิดเห็นที่ 300 (1621951) | |
กราบอนุโมทนากับธรรมะสัญจรอีกครั้ง อ่านจากธรรมทาน ที่คุณป้อมเขียน ทำให้พอนึกภาพบรรยากาศออกบ้าง ขณะนั่งฟัง บางกลุ่มก็ตั้งใจรับฟังธรรมะ เพื่อพัฒนาตัวเอง บางกลุ่มที่มาเพราะอยากหายจากโรค (คงรับทราบมาบ้างแล้ว) บางกลุ่มก็มางั้น ๆ แหละ เขาให้มา หรือจับสลากได้มา ทำให้นึกถึงตัวเองเวลามีประชุม ก็ไป ๆ สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง บางงานไม่ได้ฟังเลย มัวแต่คุยกัน สุดท้ายกินข้าว กินอาหารว่าง กลับ ในสมองไม่ได้อะไรเพิ่มเลย ได้แต่เอกสารกลับบ้าน ขอบคุณสิงห์ป้อมที่มาสะท้อนภาพให้เห็น เพราะเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับปัจจุบัน ต่อไปนี้จะอยู่กับปัจจุบัน ให้มากที่สุดค่ะ ตอนเปิดประชุมคงชุลมุนน่าดูเน๊าะ แต่คุณแมวผู้คล่องแคล่ว คง เอาอยู่ นะคะ อนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) วันที่ตอบ 2012-07-31 12:38:19 |
<< ก่อนหน้า 1 2 [3] 4 5 6 ถัดไป >> |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1448639 |