อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

กราบนี่ ยังไง ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี

แต่ทำไม เบื้องบน ทรงมีเงื่อนไขเช่นนี้

ก็ไม่ทราบ

หรือว่า ใครทราบ ช่วยเมตตา ตอบที

*************

        หนูคิดว่าการกราบที่บริสุทธิ์ใจนี้ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพความศรัทธา ซึ่งควรมาจากจิตใจที่น้อมเคารพศรัทธา จิตเปิดยอมรับในคำสอน และแสดงออกทางกายคือการกราบ ยิ่งการได้กราบด้วยจิตที่เคารพบูชา สำนึกในพระคุณ น้อมนำเอาคำสอนไปปฏิบัติตาม จะเป็นการกราบที่เรายอมรับนับถือพระพุทธองค์อย่างแท้จริง  ไม่ใช่การกราบสักแต่ว่ากราบ  กราบตามประเพณี  กราบไปยังงั้นๆ

  - ขอกราบครั้งที่ 1 กราบในพระมหากรุณาธิคุณที่พระพุทธองค์ทรงพระเมตตาโปรดสัตว์โลกที่ยังไม่หลุดพ้นทุกข์

 - ขอกราบครั้งที่ 2  กราบในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ นึกเป็นภาพมีดอกแก้วเป็นประกาย  ออกมาจากพระโอษฐ์ ครอบคลุมตัวเรา เพื่อให้ กาย วาจา ใจ ของเราอยู่ในศีลในธรรม และความดีตลอดเวลา

 - ขอกราบครั้งที่ 3 กราบคุณพระสงฆ์ ที่ได้นำเอาคำสอนของพระพุทธองค์ มาเผยแพร่และเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับพวกเรา

         "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว"  การกราบท่าน อ.อุบล เสมือนหนึ่งเราได้กราบพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาล  เพราะท่าน อ.อุบล เป็นเสมือนตัวแทนของพระพุทธองค์ที่ได้นำคำสอน แนวทางปฏิบัติ ที่จะนำให้เราหลุดพ้นทุกข์ สู่แดนนิพพาน  ที่สำคัญท่าน อ.อุบล ทำให้เราสามารถพิสูจน์คำสอนได้อย่างไม่มีข้อกังขา และสามารถสัมผัสพระบารมีของพระพุทธองค์ได้... ขอน้อมกราบค่ะ สาธุ

อนุโมทนากับความคิดเห็น

จากทุกๆท่านด้วยนะคะ

ทั้งครอบครัวตัวอย่างของคนบุญ

อย่างบ้าน"ภิรมย์รักษ์" และ คุณอัญชลา

ได้อ่านประโยค

"เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว"ทีไร

ทำให้หวนคิดถึงความโง่เขลาของตัวเองจริงๆ

เพราะเมื่อก่อนไม่เคยตระหนักเลยว่า

การทำความดี

แม้เราจะคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

แต่กลับส่งผลยิ่งใหญ่ต่อคนหมู่มาก

ต่อโลก ต่อดวงดาวและต่อจักรวาลได้

และเช่นกัน การทำความชั่ว

ที่่่่่่เรามักจะคิดว่า น้อยนิด

โลภแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอก

โกรธนิดหน่อยก็ไม่ทำให้ใครตายหรอก

ฯลฯ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว

หารู้ไม่ ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรา

คิด พูด ทำ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว

บวกหรือลบ

ล้วนส่งผลโดยตรงต่อจักรวาลนี้ทั้งสิ้น

สุดท้ายนี้ แค่อยากจะบอกว่า

ถ้าคุณรักตัวเอง รักผู้อื่น

รักโลกใบนี้และจักรวาลนี้

ก็จงตอบแทนคุณ

ด้วยการทำแต่"ความดี"ให้ได้ตลอดเวลานะคะ

อย่าหลงทาง

และเสียเวลาไปทำความชั่วอีกเลย

(บอกตัวเอง นี่แหล่ะ   )

คาถา

บูชาพระศรีอาริย์

------------------

เมตตานะ

ศรีอาริยะเมตโต

พุทธานะมะ 

สันติเกโล อนาคามิ

สาธุ สาธุ สาธุ

------------

ให้ท่องดูนะ

แล้วพยายามท่องให้จำได้

ก่อนวันบวงสรวงนะจ๊ะ

แล้วจะพบอะไรดีๆ

นะจะบอกให้

กราบพระบาทองค์พระศรีอาริย์

และกราบขอบพระคุณ

ท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

ที่เมตตามาบอกคาถาบูชาองค์พระศรีอาริย์

ให้ลูกๆบ้านสวนฯได้ฝึกท่องกัน

นับว่าเป็นบทสวดที่สั้น กระชับ

จำง่าย ไม่ซับซ้อน

และผู้สวดก็รู้ความหมายทุกคำด้วยค่ะ

แรกๆถึงแม้จะท่องติดๆอยู่บ้าง

แต่ท่องแล้วจิตสงบ

และเบาโล่งดีค่ะอาจารย์

กาลามสูตร

เป็นหลักแห่งความเชื่อ

 ไม่ให้เชื่อ แบบ งมงาย

โดย

ไม่ใช้ปัญญาพิจารณา

ให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี

โดยไม่ได้พิสูจน์

ก่อนเชื่อ มี 10 ประการคือ

----------

1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟัง ๆ กันมา

2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อ ๆ กันมา

3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ

4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา

5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา

6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา

7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล

8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน

9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ

มีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้

10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูด

เป็น

ครูบาอาจารย์ของตน

ความเห็นของ

คุณเกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น

---------------------------------

ถ้าได้พิสูจน์แล้ว

ยังไม่เชื่ออีก เรียกว่า "โง่"

บรมโง่ โค ตะ ระ โง่

จ้า

ชอบ

เลยก๊อปมาให้อ่าน

ทบทวนอีกที

ควรก๊อปไปไว้ทุกกระทู้ด้วยนะนี่

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com)

ถ้าได้พิสูจน์แล้ว

ยังไม่เชื่ออีก เรียกว่า "โง่"

บรมโง่ โค ตะ ระ โง่

จ้า

ชอบ

เลยก๊อปมาให้อ่าน

ทบทวนอีกที

ควรก๊อปไปไว้ทุกกระทู้ด้วยนะนี่

.....................................

น้อมรับคำบัญชาค่ะอาจารย์

จะก็อปไปไว้ในทุกกระทู้ที่เกี่ยวข้องค่ะ

ว่าแต่ได้มาอ่านทบทวนอีกที ก็ดีค่ะ

ทำให้มองเห็นเส้นทาง

การพิสูจน์ของตัวเองอีกครั้ง

ทั้งจากข้อมูลด้านนอก

ทั้งจากความรู้สึกด้านใน

แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้

ก็...เหมียนเดิม

ว่าแต่ คนที่ตั้งหน้าตั้งตา"เชื่อ"

หรือ "ไม่เชื่อ"ไว้ก่อน

แต่ไม่ยอมพิสูจน์

แบบนี้ก็เข้าข่าย

สระโอ ง.งู ไม้เอก

ด้วยรึเปล่าค๊า...

กาลามสูตร

เป็นหลักแห่งความเชื่อ

 ไม่ให้เชื่อ แบบ งมงาย

โดย

ไม่ใช้ปัญญาพิจารณา

ให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี

โดยไม่ได้พิสูจน์

ก่อนเชื่อ มี 10 ประการคือ

----------

1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟัง ๆ กันมา

2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อ ๆ กันมา

3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ

4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา

5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา

6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา

7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล

8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน

9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ

มีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้

10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูด

เป็น

ครูบาอาจารย์ของตน

ความเห็นของ

คุณเกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น

---------------------------------

กาลามสูตร

เป็นหลักแห่งความเชื่อ

 ไม่ให้เชื่อ แบบ งมงาย

โดย

ไม่ใช้ปัญญาพิจารณา

ให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี

โดยไม่ได้พิสูจน์

ก่อนเชื่อ มี 10 ประการคือ

----------

1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟัง ๆ กันมา

2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อ ๆ กันมา

3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ

4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา

5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา

6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา

7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล

8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน

9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ

มีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้

10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูด

เป็น

ครูบาอาจารย์ของตน

ความเห็นของ

คุณเกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น

---------------------------------

ถ้าได้พิสูจน์แล้ว

ยังไม่เชื่ออีก เรียกว่า "โง่"

บรมโง่ โค ตะ ระ โง่

จ้า

*****

อ็อดจะไม่ยอมโง่อีกแล้วค่ะอาจารย์

กราบขอบคุณ

อ.อุบลอย่างสูงค่ะ

กับธรรมทานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ค่ะ

สาธุ

ใช้หลักกาลามสูตร

เท่านั้น ในการพิสูจน์

พระศรีอาริย์

ในอนาคตหลังภัยพิบัติพระศรีอาริย์จะมาด้วยกายทิพย์หรือกายเนื้อนั้น แต่ตอนนี้ได้พิสูจน์เป็นวิทยาศาสตร์แล้วด้วยการผ่านกายวาจาใจของท่านอาจารย์อุบลเอง และสารธารณชนรับรองผลธรรมบำบัด อาการ"ทุกข์"ของแต่ละคน

ขออนุญาตนำข้อความนี้มาใช้

"ถ้าได้พิสูจน์แล้ว

ยังไม่เชื่ออีก เรียกว่า "โง่"

บรมโง่ โค ตะ ระ โง่

จ้า"

ใครบ้าง

ที่ได้พบพระศรีอาริย์แล้ว

พบอย่างไร บอกหน่อย

ได้ไหมจ๊ะ

ใครบ้าง

ที่ได้พบพระศรีอาริย์แล้ว

พบอย่างไร บอกหน่อย

ได้ไหมจ๊ะ

......................

ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะสัมผัสบารมี

ของพระองค์ได้จากอาการ

ทางกายต่างๆที่หายเจ็บ หายคัน

ไปโดยฉับพลันทันทีค่ะอาจารย์

แต่หลังจากที่ได้ดูรายการคุยไปแจกไป

เทปล่าสุด ที่จัดพิธีบวงสรวงฯอย่างเป็นทางการ

ในคลิปได้เห็นแสงสีขาว

มาเป็นวูบใหญ่ท่วมทั่วร่างกายอาจารย์เลยค่ะ

ในช่วงนาทีที่ 11กว่าๆ

คือ ช่วงที่ท่านอาจารย์กล่าวอัญเชิญ

สมบัติแก้วทั้งเจ็ดประการ

จะเห็นได้ชัดมากๆ

ตอนแรกชนิดาก็ไม่แน่ใจ

ดูคล้ายๆจะเป็นพายุฝุ่น

แต่ดูแล้วละเอียดกว่าเยอะ 

ซึ่งจะมีแสงสีขาวอย่างนี้ปรากฏ

อยู่ในคลิปหลายๆช่วงเหมือนกัน

ได้ชมแล้วก็สุข สงบใจ เบากาย

และคลายทุกข์ลงได้ ค่ะ

ส่วนเรื่องที่อธิษฐานขอไป

จะส่งผลเช่นใดต้องรอติดตามต่อไป

แล้วจะรีบมารายงานผลค่ะอาจารย์

 ใครบ้าง

ที่ได้พบพระศรีอาริย์แล้ว

พบอย่างไร บอกหน่อย

ได้ไหมจ๊ะ

++++++++++++++++++++

เบสได้พบพระศรีอาริย์แล้วครับ

โดยสัมผัสได้ทางความรู้สึกว่าท่านมาแล้ว

และสัมผัสได้ด้วยการหายจากอาการเจ็บป่วย

ก็คือทุกครั้งที่ท่านอาจารย์อาราธนาบารมีพระองค์ท่านมาสถิตที่ตัวท่านอาจารย์

และให้ลูกหลานได้สัมผัส

โดยแค่เดินเข้าไปใกล้ๆท่านอาจารย์

หรือบางครั้งแค่ท่านอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์มา

ก็หายแล้ว

โดยเบสจะสัมผัสได้โดยอาการหายจากการเจ็บป่วยต่างๆ

เช่น หายจากเป็นหวัด หายเจ็บนิ้ว

แต่เบสคิดว่าท่านมานานมากๆแล้ว

เพราะก่อนหน้านี้ตั้งหลายเดือน

จำได้ว่ามีอาการปวดแขนข้างซ้ายมาก

แต่เมื่อท่านอาจารย์เดินเข้ามาใกล้

อาการที่เป็นอยู่ก็หายโดนฉับพลันทันทีเลยครับ

เบสเลยคิดว่าพระศรีอาริย์ท่านมานานมากแล้ว

แต่ว่าตอนนั้นคงยังไม่ถึงเวลาเปิดเผยตัวเองครับ

แต่ตอนนี้ลูกหลานทุกคนสามารถสัมผัสบารมีของพระองค์ท่านได้ทุกคน

จึงแน่ใจล้านเปอร์เซ็น

ว่าพระองค์ท่านมาแล้ว

ใครบ้าง

ที่ได้พบพระศรีอาริย์แล้ว

พบอย่างไร บอกหน่อย

ได้ไหมจ๊ะ

*******

  หนูได้พบพระศรีอาริย์แล้วค่ะ  จากการสัมผัสด้วยปิติ

คือมีอาการขนลุกและอยากร้องไห้  น้ำตาไหลตลอด  ในช่วงที่

ดูคลิปพิธีบวงสรวงพระศรีอาริย์ค่ะ  และจากวันศุกร์ที่  7 

กันยายน  2555  ได้เข้าไปช่วยเตรียมงาน ปัญหาที่เขียนไป

คือ  ยังโกรธอยู่  หนูกลับมาถึงบ้าน  หนูรู้สึกได้ค่ะว่า

อารมณ์โกรธต่าง ๆ  ลดลง  มาถึงวันนี้ หนูคิดว่า  หนูละวาง

กับความโกรธได้มากขึ้น  ทำให้หนูมีความสุขขึ้นค่ะ

กราบ  กราบ  กราบ

ยินดีกับหนูตาล

ที่เพียรพยายามมาหลายปี

กว่าจะขัด และ ขูด

กิเลส

ออกจากใจแต่ละอย่าง

มันไม่ง่ายเลย

ถ้าง่าย

ก็คงไม่มีคนทุกข์

ไม่มีคนผิดหวัง คงมีแต่คนสุข

โลกก็คงสงบมีสันติสุข

พูดง่ายๆ

คือ

คงไม่มีใครยังมา

หน้าสลอน

กันอยู่ คงไปนิพพาน กันหมดแล้ว

***********

จนบัดนี้

ยังมีคนที่ไม่เข้าใจ

คำว่า

นิพพาน

กันอยู่เยอะมาก

คิดว่า นิพพาน เป็นเรื่อง

สูงส่ง แปลกประหลาด

ซึ่งจริงๆ

นิพพาน ก็คือ

การที่คนเราไม่ความทุกข์

นั่นเอง

แค่นี้แหละ

ความหมายของ

นิพพาน

จริงๆ ไม่มีอะไร ซับซ้อนหรอก

ไม่มีทุกข์ มีแต่สุข อย่างเดียว

คือนิพพาน นะจ๊ะ

 ใครบ้าง

ที่ได้พบพระศรีอาริย์แล้ว

พบอย่างไร บอกหน่อย

ได้ไหมจ๊ะ

*******

ผมเองได้พบแล้วที่บ้านสวนตั้งแต่สร้างฐานรองพระบาทพระองค์ท่าน

ปรกติผมทำงานกลางแดดเหงื่อจะใหลเข้าตาแล้วต้องคอยซับ

ออกมา ซับเหงื่อที่เข้าตาทั้งวันที่ทำงานกลางแดด

จนลูกตาอักเสบบวมขี้ตาออกมาแทนเหงื่อ

วันนั้นท่านอาจารย์เดินขึ้นตรวจงานก่ออิฐ

ผมเองก็อยู่ที่กำลังก่ออิฐหลังจาก

ท่านอาจารย์ลงมาผมซับเหงื่อที่ตาก็ไม่มีขี้ตาติดออกมา

การอักเสบแบบเคืองตาก็ไม่มี

จนบัดนี้ทำงานกลางแดดไม่มีการอักเสบ

จากเหงื่อเข้าตาเลย

และที่พิธีบวงสรวงอาราชธนาบารมีพระศรีอาริย์

ผมแจ้งปัญหากรดใหลย้อน

ก็ไม่มีอาการของกรดใหวย้อนเลย

จึงแน่ใจว่าพระองค์ท่านมานานแล้ว

และมาอยู่กับท่านอาจารย์อุบลนานแล้วครับ ลูกขอ

กราบ กราบ กราบ 

เมื่อวันงาน

ธรรมสัญจร ที่ กทม.

21 ก.ย.55 รร.เดอะแทรเวลเลอร์

อ.อุบล

ได้อาราธนาบารมีพระศรีอาริย์

มาให้ท่านที่ร่วมงาน

ได้สัมผัส

ต่างก็ยืนยันว่า

ได้สัมผัสบารมีพระองค์

กันทั่วหน้า

ดร.จิตรา

มายืนยันว่า พระศรีอาริย์

มีพระองค์จริง

มาเกิดแล้ว ในประเทศไทย

เป็นผู้หญิง

ดร.จิตรา

มาทิ้งปริศนาคาใจ

ให้คนอยากรู้ อยากเห็น

ไม่เป็นอันกิน อันนอน กันอีกแล้ว

ยิ่งลูกบ้านสวนด้วยแล้ว

ขนาดออกตามหา

ถึงวังน้ำเขียว ก็ไปกันมาแล้ว

ก็ยังไร้วี่แวว

แต่

จู่ จู่ ดร.จิตรา

มาพูดเหมือนกับว่า

ท่านรู้ว่า พระศรีอาริย์ อยู่ที่ไหน

งั้นแหละ

ไม่ได้การแล้ว

เพื่อให้คลายความสงสัย

และ

เพื่อให้ อ.อุบล รอดพ้น

จากการตกเป็น จำเลย หรือ

ผู้ต้องสงสัย

ต้องให้ ดร.จิตรา

มาเฉลย

เรื่อง พระศรีอาริย์ เร็วๆซะแล้ว

พวกเราจะได้เลิกฟุ้ง

กันเสียที

และ

ที่สำคัญ พุทธทำนาย

บอกไว้ว่า

ถ้าเราหาพระศรีอาริย์พบก่อน

ที่จะเกิดภัยพิบัติ

ภัยพิบัติจะไม่เกิด

แต่

พระศรีอาริย์จะนำพาโลก

สู่สันติสุข

แต่

ถ้าผู้คนไม่สนใจ

ในการตามหาพระศรีอาริย์

โลก

ใบนี้ ต้องแหลกราญ

เป็นจุน แน่นอน

จะมีผู้คนลมตายมากมาย

ถึง 90 % ของ

ประชากรโลก

เพื่อปรับสมดุลย์ใหม่

แต่

สิ่งที่ อ.อุบล รู้มาจาก

พระไตรปิฏกนะ

ถ้าพระพุทธเจ้า

จะเสด็จอุบัติขึ้นแต่ละครั้ง

จะสะเทือนเลื่อนลั่น ทั้ง 3 โลก

การเสด็จดับขรรธปรินิพพานก็เช่นกัน

จะเกิด แผ่นดินไหว ภัยพิบัตินานา

เพื่อเป็นสัญญาณ

การมา การจากไป

เป็นการปรับสมดุลย์โลกใหม่

กวาดล้างสิ่งเลวร้ายให้สิ้นไป

เพื่อเปลี่ยนถ่ายยุค

ดังนั้น

ไม่ว่าพระศรีอาริย์

จะปรากฏ หรือ ไม่ปรากฎ

ภัยพิบัติก็ต้องเกิด

แต่

ถ้าพบก่อน

จะเกิดเฉพาะบางจุด

ไม่เสียหายพร้อมกันทั้งโลก

แต่

ถ้าคนไม่สนใจ

เรื่องการปรากฎพระวรกาย

ของพระศรีอาริย์

โลก

จะเกิดภัยพิบัติ

พร้อมกันทั่วโลก คือ

มีการกลับขั้ว หรือ แกนโลกพลิก

นั่นเอง

อันนี้เสียหายมากที่สุด

ล้มตายมากที่สุด

ถ้าอยากรู้ว่า

เป็นไง

ลองไปดูหนังเรื่อง

"เดอะ เดย์ อาฟเตอร์ ทูมอโร"

ดูนะ

คนสร้างหนัง

ต้องมีการหยั่งรู้ล่วงหน้า

ถึงหายนภัย

แต่อาจจะไม่สามารถ

บอกใครตรงๆได้ ก็เลยทำเป็นหนัง

ใครเชื่อก็ช่าง ไม่เชื่อก็ช่าง

แต่ถือว่า ได้เตือนแล้ว

 กราบสวัสดีท่านอาจารย์อุบลค่ะ

อ่านข้อความด้านบนแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว

คือนู๋ก็พึ่งทราบจากครูบาอาจารย์(ที่เคารพอย่างสูงยิ่่ง)

เมื่อเร็ว ๆ นี้

ว่ามีการแบ่งภาคลงมาได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

ไม่ว่าจะใช่อาจารย์อุบลหรือไม่ก็ตามนะคะ

(แต่มีข้อที่น่าสงสัยหลายอย่างอยู่)

ณ โอกาสนี้ นู๋กราบขอขมากรรมกับท่านอาจารย์อุบลด้วยนะคะ

ที่บางครั้งนู่อาจจะคิดอะไรที่เป็นอคติหรือเป็นเชิงลบกับท่านอาจารย์อุบลไปแล้ว

นู๋จึงกราบขอขมากรรม ขออโหสิกรรมมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

ไม่ว่า

พระศรีอาริย์

ท่านจะเป็นใคร แต่ เวลานี้

บารมีพระองค์ท่าน

ประทานมาแล้ว ตามคำอาราธนาจริง

เห็นผลชัดเจนปฎิเสธไม่ได้

***********

ที่แน่ๆ

เวลาอาราธนาบารมี

พระองค์ท่าน

มา

จะทำให้ผู้ที่ได้สัมผัส

พระบารมี + อยู่ใกล้ๆพระองค์

หายจาก

อาการเจ็บป่วย มีความสุข

แสดงว่า

คำกล่าวที่ว่าพระศรีอาริย์

จะมานำพา

ผู้คนให้พ้นทุกข์

ยุคสมัยของพระองค์

จะไม่มีคนเจ็บ + ไม่มีคนจนนั้น

เป็นจริงอย่างแน่นอน

ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร

อ.อุบล

ก็จะถวายชีวิตรับใช้พระองค์

ไม่ว่าพระองค์

จะปรากฎพระวรกายหรือไม่

ก็จะทำหน้าที่ ที่ทำมาแล้วนี้ ต่อไป

ไม่หยุดยั้ง

แต่อาจช่วยคนได้ไม่มาก

เท่ากับ

พระศรีอาริย์

หากพระองค์ท่าน

ปรากฎพระวรกายต่อสาธารณชน

การช่วยเหลือก็ง่ายขึ้น

กว้างขวางขึ้น

คนก็จะรอดตายมากขึ้น

แต่ถ้า

เราแค่อาราธนาบารมีพระองค์ท่านมา

ก็อาจจะเป็นที่รู้จัก น้อยหน่อย

คนพ้นทุกข์

ก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง

เหมือนกับว่ามนุษย์ผู้บาปหนา

ต้องคำสาป

จริงๆเลยนะ ทำให้เหมือน

หูหนวก ตาบอด

ไม่มีโอกาสรับรู้เรื่องบารมีพระองค์

ทั้งที่ อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน

แต่

ต้องทนทุกข์ ขณะที่คน

อีกกลุ่มหนึ่งที่ได้สัมผัสบารมีพระองค์

พบกับความสุข หายเจ็บป่วย

หายฝืดเคืองอย่างง่ายดาย

นี่แหละหนอ

กรรม

บังตา บังใจ จริงๆ

ขอบอกให้ทุกท่าน

มั่นใจอีกครั้ง เผื่อว่าบางคน อาจสงสัย

ว่า

อ.อุบล จะเป็น คนสำคัญอะไร

ซึ่ง

ต้องยืนยัน นั่งยัน

ว่าอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน

ที่ทำมาทั้งหมดนี้

-ไม่ต้อการคำชมเชย

-ไม่ต้องการชื่อเสียง

-ไม่ต้องการเกียรติยศ

-ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

-ไม่ต้องการเป็นคนสำคัญ

แต่

ต้องการเพียง

ให้ผู้คนที่ทุกข์ ได้มีโอกาส

พบแสงสว่างทางพ้นทุกข์

เหมือนที่เราเคย

ประสบมาก่อนเท่านั้นเอง

และ

สิ่งที่ต้องการ

มีเพียงสิ่งเดียวคือ

นิพพาน

(พ้นทุกข์ทั้งปวง)

ส่วนการที่

ใครจะเชื่อ-ไม่เชื่อ

ไม่เคยตื่นเต้น หรือ วิตกทุกข์ร้อน

เพราะ

ขนาดพระพุทธเจ้า

ท่านบารมีมากขนาดไหน

ท่านยังไม่เคยสนใจว่า

คนจะศรัทธา เชื่อท่านหรือไม่

ท่านจะสอนเฉพาะ

คนที่เชื่อท่าน

ท่านจะส่งบารมีมาให้ได้

เฉพาะคนที่ศรัทธาท่านเท่านั้น

เพราะ

ประตูจิตผู้ใดเปิดรับ

ก็รับได้

ประตูจิตผู้ใดปิด

ก็รับไม่ได้

อ.อุบล ก็เช่นกัน

ไม่ใช่คนสำคัญ หรือยิ่งใหญ่

โดยเฉพาะ

จะไม่มีวันยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า

เพราะ

ธรรมะทั้งหมด

เอาของท่านมาทั้งนั้น

ไม่ได้คิดเอง

ดังนั้น

การที่ใครเชื่อ อ.อุบล

แล้วพ้นทุกข์

ก็ถือว่า ท่านทำตาม คำสอน

พระพุทธเจ้า ที่ อ.อุบล เพียงแค่

เอามาบอก

ดังนั้น

ความดี ต้องเป็นของ พระพุทธเจ้า

ไม่ใช่ของ อ.อุบล อย่ามั่ว

แล้วการที่ใครไม่เชื่อ

อ.อุบล

ก็ถือว่า เป็นกรรมของท่าน

นี่เอง

ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

"ตถาคต เป็นแต่เพียง ผู้บอก"

ส่วนใครจะทำตาม เชื่อตามหรือไม่

ไม่เกี่ยวกับพระองค์ท่าน

หากพระองค์ท่าน

ปรากฎพระวรกายต่อสาธารณชน

การช่วยเหลือก็ง่ายขึ้น

กว้างขวางขึ้น

คนก็จะรอดตายมากขึ้น

แต่ถ้า

เราแค่อาราธนาบารมีพระองค์ท่านมา

ก็อาจจะเป็นที่รู้จัก น้อยหน่อย

.........................

ช่วงหลังๆมานี้

ที่ท่านอาจารย์อาราธนาบารมีพระองค์

มาให้ลูกหลานบ้านสวนฯได้สัมผัสกันแบบชัดๆ

ชนิดาก็คิดๆอยู่ว่า

คนยังรู้จักและสนใจเรื่องของพระองค์

ในวงแคบๆเท่านั้น

และถ้าเทียบจำนวนคนที่รู้กับเวลาที่เหลืออยู่

ดูเหมือนว่าความหวังจะช่วยชีวิตคนได้มากมาย

คงจะริบหรี่พอสมควร

แต่...เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา

ก็มีโอกาสได้มานั่งดูคลิปต่างๆทางยูทูบ

ที่พูดถึง พระศรีอาริย์ทั่วโลกแล้ว

ก็พอจะได้รู้ว่า

ยังมีกลุ่มคนเล็กๆอีกมากมายทั่วโลก

ที่ตั้งตารอการปรากฏวรกายของพระองค์อยู่

ซึ่งหลายๆที่ก็เคยได้รับพลัง

หรือบารมีจากพระองค์มาแล้วทั่วทุกมุมโลก

อย่างที่เม็กซิโก ก็มีน้ำวิเศษ

(มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ) ที่เชื่อกันว่า

เป็นน้ำที่ประทานมาจากองค์พระศรีอาริย์

หรือ Meitreya ที่ดื่มแล้ว หายป่วยทันที

คือก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหลายๆเคสให้เห็นกันจะๆ

อย่างเมื่อปี 1972 ก็มีการปรากฏกายของชายผู้หนึ่ง

ไม่แน่ใจว่าประเทศเคนย่า(รึเปล่านะคะ)

คือผู้คนก็ฮือฮา และประมาณว่า หายป่วยกันเห็นๆ

แล้วก็จะมีอีกหลายๆเหตุการณ์ประมาณนี้

คือชนิดาดูๆรวมๆ จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

เพราะบางคลิปก็ยาว แถมมีเยอะซะด้วย

ก็เลือกๆดูเป็นบางคลิป

พอเห็นอาจารย์มาเขียนในวันนี้

ก็เลยได้คำตอบในระดับหนึ่งว่า

จะเป็นไปได้ไหม๊ว่า

ที่ว่า กลุ่มเล็กๆทั้งหลาย

ที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วทุกมุมโลก

ที่รู้จักหรือเฝ้าหวัง ตั้งตารอ

ให้พระศรีอาริย์มาโปรดเร็วๆนี้

พอมานับรวมๆกัน

อาจจะเป็นจำนวนที่มหาศาลก็ได้

หรือแม้กระทั่งที่เมืองไทยเอง

พอพูดถึงการเตรียมพร้อมเรื่องภัยพิบัติ

ก็มีคนหลายกลุ่ม หลายองค์กร

ที่ซุ่มเตรียมพร้อมรับมือ

กันอย่างลับๆเฉพาะกลุ่ม

คือพอถึงเวลา แต่ละกลุ่มเล็กๆเหล่านี้

ก็จะออกมารวมตัวกันได้

แบบไม่จำเป็นต้องมีการวางแผน

หรือพูดคุยกันมาก่อนเลย ก็เป็นได้

เพราะรู้สึกว่า มีทั้งกลุ่มที่ดัง

และไม่ดังอีกมากมาย

ที่กำลังทำหน้าที่ของพวกเค้าอยู่เนืองๆค่ะ

บางกลุ่มก็ติวเข้มเรื่อง คิดบวก

แล้วออกไปช่วยเหลือและฟื้นฟูสังคม

อย่างกลุ่มเขากะลาก็ฝึกเน้นให้ละอัตตา

เพื่อจะได้รับพลังจากมนุษย์ต่างดาว

เพื่อจะได้สามารถรักษาคนได้ด้วยมือเปล่า

หรือ บางกลุ่มก็ติวเข้มเรื่อง 

เคลียร์จิตใต้สำนึกลบๆทั้งหลาย ที่มันซ่อนอยู่

แล้วบรรจุพลังให้"ใจฮึดสู้" ขึ้นมา

และออกไปทำประโยชน์เพื่อสังคมกันมากขึ้น

คือพอมามองภาพรวมจากสิ่งเหล่านี้แล้ว

เป็นไปได้ไหม๊คะว่า

วิกฤติที่จะเกิด อาจจะลดลงได้พอสมควร 

ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนหูหนวก ตาบอด มากมาย

ที่ไม่ยอมรับรู้ เปิดหู เปิดตา เปิดใจ

รับพลังดีๆ ที่หลายๆกลุ่มพยายามหยิบยื่นให้

อย่างที่ท่านอาจารย์ว่า

พวกเค้าถูกกรรม บังตา บังใจ

ไว้ นั่นแหล่ะค่ะ

ครอบครัวของกุหลาบก็ได้เจอพระศรีอาริย์ที่บ้านสวนฯ  โดยการได้รับสัมผัสพระบารมีของพระองค์ทำให้อาการปวดหลัง  ปวดบ่า หายไป แค่เดินผ่านท่านอาจารย์ก็หายได้  และที่สำคัญน้องแสตมป์ ที่ริมฝีปากด้านล่างหนา  ใหญ่ผิดรูป  ก็ดีขึ้นมาได้ ไม่หนามากเหมือนเมื่อก่อน  ตอนนี้น้องแสตมป์ดูดีขึ้นค่ะ  แต่ก็ยังหลงเหลืออาการอยู่คือ สีริมฝีปากยังคล้ำอยู่  แต่บางเวลาก็มีสีแดง  ไม่เป็นไรค่ะท่านอาจารย์บอกว่า  ให้ไปใช้แรงกายอีก โดยส่วนตัวคิดว่า ลูกต้องหายแน่ๆ ที่บ้านสวนฯ  และมีโอกาสจะพาลูกไปใช้แรงกาย เพราะบุญเค้าอาจจะยังไม่เยอะพอที่จะหายได้เลย  แค่นี้ก็นับเป็นบุญที่สุดแล้วค่ะ

และก็เคยเล่าเรื่องพระศรีอาริย์ให้คนฟัง  บางกลุ่มก็เชื่อ  จะมีบางกลุ่มที่มีความรู้เหมือนเค้าเคยอ่านว่า ต้อง 5000 ปีแล้วพระศรีอาริย์ถึงจะมาเกิด  ก็ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อ และเค้าก็ไม่ค่อยเชื่อว่าภัยพิบัติมันจะรุนแรง  พวกนี้กุหลาบอยากให้เจอจังๆ  และเร็วๆเหลือเกิน  ขนาดคนมีภูมิธรรมสูงก็ยังไม่เชื่อ  สงสัยคงมีอะไรปิดหู  ปิดตาเอาไว้  เหมือนคุณชนิดาว่าจริงๆนั่นแหละ  

และที่สำคัญน้องแสตมป์ ที่ริมฝีปากด้านล่างหนา  ใหญ่ผิดรูป  ก็ดีขึ้นมาได้ ไม่หนามากเหมือนเมื่อก่อน    ตอนนี้น้องแสตมป์ดูดีขึ้นค่ะ  แต่ก็ยังหลงเหลืออาการอยู่คือ สีริมฝีปากยังคล้ำอยู่  แต่บางเวลาก็มีสีแดง    ไม่เป็นไรค่ะท่านอาจารย์บอกว่า  ให้ไปใช้แรงกายอีก โดยส่วนตัวคิดว่า ลูกต้องหายแน่ๆ ที่บ้านสวนฯ    และมีโอกาสจะพาลูกไปใช้แรงกาย เพราะบุญเค้าอาจจะยังไม่เยอะพอที่จะหายได้เลย    แค่นี้ก็นับเป็นบุญที่สุดแล้วค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กุหลาบ รักสนิท วันที่ตอบ 2012-09-26 05:51:37

คุณกุหลาบคะ

นอกจากการไปใช้แรงกายที่บ้านสวนแล้ว

น้องแสตมป์

ไม่เคยเข้ามาเขียน"ธรรมทาน"

แสดงความสำนึก ขอบคุณ หรือ ความรู้สึกอะไร

ที่ทำให้ปากตนเองดีขึ้น

ด้วยตัวเองเลย

มีแต่คุณกุหลาบ ซึ่งเป็นแม่

ก็มาเขียนในมุมมองคุณกุหลาบ

บุญ

ต้องทำเอง รับผลเอง

บาป

ก็ทำมาเอง รับผลเอง

เห็นหรือไม่ว่า

น้องแสตมป์เป็น แต่คุณกุหลาบ

ไม่ได้เป็น

เดี๋ยวมาต่อค่ะ

ตั้งแต่ท่านอาจารย์อุบล

ได้อาราธนาบารมีองค์พระศรีอาริย์

อ้อยรู้สึกว่าตัวเองสามารถสัมผัสได้ชัดเจน

โดยเฉพาะอาการปีติ

  และที่สำคัญช่วงก่อนมาบ้านสวนฯ

  อ้อยจะมีอาการปวดท้องประจำเดือน 

 ทุกเดือน 

พอมาทำบุญที่บ้านสวนฯอาการดีขึ้นเรื่อยๆ 

  จนช่วงหลังยังมี

อาการปวดนิดหน่อย

โดยเฉพาะเวลาอยู่นอกบ้านสวนฯ 

  ซึ่งท่านอาจารย์เมตตาบอกว่า 

แสดงว่าบุญของเรายังไม่มากพอ

ที่จะคุ้มครองเราได้ 

ไม่พอที่จะอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร  

ดังนั้นอ้อยมักจะขอภาวนา

ให้ช่วงเป็นประจำเดือนตรง

กับช่วงที่มาบ้านสวนฯตลอด

  จะได้ไม่ทรมาน  แม้ใช้

รหัส อ.อุบลช่วยด้วย  หรือสารภาพกับจี้องค์เทพสฟริงซ์

ก็แค่อาการดีขึ้นแต่ไม่หายขาด

แต่เดือนนี้ไม่มีอาการปวดเลยค่ะ

  ตัวเบาสบาย

 รู้สึกมีความสุข ม้าก มาก ๆๆๆๆ 

อันนี้ไม่ได้เว่อร์

ถ้าใครเคยปวดท้องประจำเดือน

จะรู็ว่าทรมานสุดๆ 

น่าจะน้องๆของคนคลอดลูก

( อันนี้สังเกตจากการช่วยทำคลอดมา)

ลูกขอกราบขอบพระคุณองค์พระศรีอาริย์

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ท่านอ.อุบล

และเทวดาที่ดูแลรักษาท่านอ.อุบล

ที่เมตตาช่วยให้อ้อยหายจาก

อาการปวดท้องประจำเดือน

  ซึ่งเป็นอาการเจ็บปวดทางกายที่ยังเหลืออยู่   หลังจากมาทำบุญที่บ้านสวนฯ  

เรื่องน้องแสตมป์

หรือใครก็ตามที่เคยได้รับความสุข

จากการมาร่วมบุญบ้านสวน

หรือ

 ได้รับการบำบัดแล้ว

หายแล้ว หรือ ดีขึ้นมากแล้ว

กลับไปเป็นอีก

ส่วนมากจะมาจากหลายสาเหตุ

เช่น

1.กำลังบุญไม่พอ

2.ค้นหาสาเหตุ หรือ เจ้ากรรมไม่หมด

3.ไม่ทำตามกฎหรือข้อตกลง

ของเบื้องบน คือ

-ต้องบอกเล่าต่อ เป็นธรรทาน

ออกทีวี หรือ เวปไซด์

-ช่วยคนอื่นต่อ

เหมือนอย่างที่

อ.อุบล เจอมาแล้ว

ทำให้ลูกเกือบเสียชีวิต

สามีเสียชีวิต

แต่โชคดี ที่ท่านเมตตา ให้รู้ตัว

ว่าเป็นเพราะเรา

ผิดสัจจะ ทำแค่ ข้อเดียว

ขนาด อ.อุบล เอง

ก็ยังต้องอยู่ภายใต้กฎของกรรม

เหมือนกัน และ โดนหนักด้วย

ดังนั้น

อยากให้คนอื่น

อย่าเสี่ยง แบบ อ.อุบล เลย

มันเป็นเรื่องที่เราละเลย

พอเจอดีแล้ว มาเสียใจทีหลัง

เพราะ

ในโลกนี้มันไม่หรอก

ที่ใครจะมาทำให้เราหายทันทีได้

พอหายแล้ว

สิ่งแลกเปลี่ยนเพียง 2 ข้อ

เรายังทำกันไม่ได้

ท่านก็ต้องปล่อยให้เจ้ากรรม

เขากลับมาทวงตามกรรม

เพราะ

ที่หาย เบื้องบน ท่านตกลง

กับเจ้ากรรมไว้ 2 ข้อ

ว่าจะให้พวกเราทำอย่างนี้

แต่ขอให้เขาให้โอกาส

พอเจ้ากรรมเขายอม

พวกเรากลับไม่คิดถึงเขา

กลับมัวแต่ดีใจ

แต่ลืมนึกถึงความทุกข์ของเขา

เขารอบุญจากเราอยู่

แต่พอเราเงียบหาย

เขาก็ไปร้องขอความเป็นธรรม

จากท้าวเวสสุวรรณอีก

ท่านจึงต้องปล่อยให้เขา

มาทวงสัญญาแค้น

เพราะเรา ผิดข้อตกลง

ดังนั้น

จะเห็นว่า หลายคน

มาทำบุญกับบ้านสวน

ดีขึ้นแล้ว หายแล้ว ก็กลับมาเป็นอีก

อย่างคุณแก้วเป็นต้น

ทั้งที่เคยหาย หลายครั้งแล้ว

แต่คุณแก้ว ไม่เคย นึกถึงเจ้ากรรม

ที่รอคอยกินบุญธรรมทานเลย

ปล่อยให้เขาอดอยาก

ปากแห้ง

ก็ต้องมากินหัวยายแก้วแทน

มาก็ดีขึ้น

ห่างบ้านสวนก็เป็นอีก

อยู่อย่างนี้ร่ำไป

แล้วก็อีกหลายคน

ที่มาแล้ว

ทำแค่บุญแรงกาย

นิด นิด หน่อย หน่อย

ไม่เต็มที่ เงินก็ไม่มี อาหารก็ไม่มี

แถมทำบาปเพิ่ม

ทุกข์จึงไม่คลี่คลาย

ทั้งที่รู้ทุกอย่าง แต่ ละ เลิกไม่ได้

ทำไม่ได้ ตามใจตัวเอง

จิตใจไม่เข้มแข็ง

เอาแต่แรง นิดๆ หน่อยๆ แลก

บุญจึงไม่พอสักที

แถมบางคน

เชื่องช้า ทำอะไรไม่ทันกาล

กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้

ได้แต่ชื่นชม อ.อุบล

แต่ไม่ทำตาม อ.อุบล สักอย่าง

บางคน

ก็ได้แต่ศรัทธา

แต่ไม่ทำตามคำสอน

ยังทำตามใจตัวเอง

แล้วเมื่อไหร่จะพ้นทุกข์จ๊ะ

มาหา อ.อุบล

แต่ไม่เชื่อ อ.อุบล

เลิกไปได้แล้ว บ้านสวนน่ะ

ไปวัดอื่นกันเถอะ

นะจ๊ะ

พอเจ้ากรรมเขายอม

พวกเรากลับไม่คิดถึงเขา

กลับมัวแต่ดีใจ

แต่ลืมนึกถึงความทุกข์ของเขา

เขารอบุญจากเราอยู่

แต่พอเราเงียบหาย

เขาก็ไปร้องขอความเป็นธรรม

จากท้าวเวสสุวรรณอีก

ท่านจึงต้องปล่อยให้เขา

มาทวงสัญญาแค้น

เพราะเรา ผิดข้อตกลง

.................................

กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์

อ่านแล้วเห็นภาพได้ชัด

ถึงเรื่อง ผลการบำบัด

และได้รู้ถึงข้อตกลงที่เบื้องบน

เมตตาต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวร

ไว้ว่า อย่างไรบ้าง

มิน่าล่ะ ท่านอาจารย์ถึงได้พยายาม

มาบอก มาเน้นให้ทุกคน

ทำตามข้อตกลงทั้ง2ข้อนี้ให้ได้...

ผมขออนุญาตเล่าถึงพระเมตตาบารมีพระศรีอาริย์

และการผิดสัจจะ ไม่กตัญญู ไม่แสดงความขอบคุณ จนต้องโดนเตือนครับ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อหลายอาทิตย์แล้วครับ วันนั้นเป็นเช้าวันเสาร์ขณะที่ผมได้ไปสร้างบุญใช้แรงกายที่บ้านสวนขณะที่ทำงานอยู่นั้นเกิดปวดปัสสาวะขึ้นมาจึงเดินไปเข้าห้องน้ำตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ(ขออนุญาตใช้ภาษาบ้านๆครับ) ผมฉี่เป็นเลือด ผมตกใจเลยครับ หลังจากตั้งสติได้ก็ได้ใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย และดื่มน้ำตามอีกหลายแก้ว แล้วไปทำงานต่อแต่ยังกังวลกับอาการฉี่เป็นเลือดอยู่ ผ่านไป 10 นาทีก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมาอีก จึงเดินไปเข้าห้องน้ำอีก แต่ก็ยังฉี่เป็นเลือดอยู่อีก ทีนี้เลยขออาราธนาบารมีพระศรีอาริย์ขอให้ผมหายฉี่เป็นเลือดด้วยครับ แล้วผมก็กลับไปทำงานใช้แรงกายตามปกติ พอถึงช่วงเที่ยงมาเข้าห้องน้ำอีกครั้งคราวนี้ฉี่ใสเป็นปกติแล้วครับ อัศจรรย์มากครับ

หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ผมก็ได้ไปทำบุญใช้แรงกายตามปกติ วันเสาร์ทำบุญใช้แรงกาย วันอาทิตย์ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์ แต่ช่วงเย็นวันอาทิตย์ขณะที่กำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมเกิดปวดฉี่ขึ้นมา จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ ที่นี้เกิดอาการฉี่เป็นเลือดขึ้นมาอีกแล้วครับ ขณะนั้นทำให้คิดขึ้นมาได้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาเตือนครับ ทำไมได้รับพระเมตตาแล้วไม่แสดงความกตัญญู ไม่แสดงความขอบคุณ ไม่มาเขียนธรรมะทาน มัวแต่เฉื่อยชา ผลัดวันประกันพรุ่ง จนต้องโดนเตือน แต่ขณะนี้ฉี่ใสเป็นปกติแล้วครับ

ผมกราบขอขมาพระศรีอาริย์และกราบขอขมา ท่าน อ.อุบลครับ ต่อไปผมจะไม่เฉื่อยชา ผลัดวันประกันพรุ่งอีกแล้วครับ สิ่งใดที่ผมได้รับพระเมตตาจากพระศรีอารย์ และท่าน อ.อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ผมจะรีบมาแสดงความกตัญญู แสดงความขอบคุณ และเขียนบอกเล่าเรื่องราวครับ

กราบขอบพระคุณพระศรีอาริย์ กราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบลและเทวดาที่รักษาท่าน อ.อุบล ทุกพระองค์ครับ

       ขออนุญาตเขียนเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

ที่เพิ่งมาเขียนเพราะติดปัญหาหลายอย่าง เฉื่อยชา ผลัดวันประกันพรุ่ง  ต่อจากนี้ไปจะเปลี่ยนนิสัยใหม่แล้วค่ะ ตอนนี้ก็ได้ตั้งสัจ กับตัวเองว่าจะกินมังสวิรัติตลอดชีวิตค่ะ ( กินได้ 2 อาทิตย์กว่าแล้วค่ะ )

  ครอบครัวลูกเป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่ได้เข้าร่วมพิธีบวงสรวงอาราธนาบารมีพระศรีอาริยเมตไตรย์ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.55  ( แต่มาแบบผิดกฎ ลงทะเบียนช้า ) ด้วยความที่ได้เข้าเขตบ้านสวน วันที่ 9 ก.ย.55 เวลา06.30 น.โดยประมาณ ได้ใช้แรงกาย ลากรถ ขนหิน ไปใส่บริเวณที่จอดรถ และด้วยความโลภที่อยากใช้แรงกายให้เต็มกำลังเลยทำให้ปวดบริเวณไหล่ ทั้ง 2 ข้าง พอได้รับบารมีพระศรีอารีย์ และอนุโมทนากับคนที่เดินผ่านท่านอาจารย์อุบล  ปรากฎว่าอาการที่ปวดไม่รู้หายไปตอนไหน  ทำให้ลูกซาบซึ้งมาก ที่ได้รับความเมตตา ทั้งๆ ที่มาแบบผิดกฎ

         ทั้งนี้ลูกขอกราบขอบพระคุณ พระศรีอาริยเมตไตรย์ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เทวดาที่ปกปักรักษาท่านอาจารย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด อาจารย์มงคล และคุุณท๊อป ด้วยค่ะ

         และขออนุญาต พูดอีกเรื่องนะคะ พอเสร็จพิธีบวงสรวงฯ ประมาณ 15.30 น. ลูกสาวอายุ 11 ปี

ปวดหัวทั้ง 2 ข้างมาก ไม่รู้จะทำไงเลยถามลุงเบิ้ม ว่าทำยังไงดี ลุงเบิ้มเลยแนะนำว่าให้ใช้สร้อยจี้สฟริงซ์ แขวนที่คอให้ลูก แล้วก็ให้ไปกราบลา องค์พระปฐมฯ ด้านบนชั้น 2  พอกราบลาแล้ว ลูกเลยถามลูกสาวว่า ดีขึ้นหรือยัง คำตอบที่ได้ฟังคือ หายแล้วค่ะ หายแล้วจริงๆ แล้วลูกสาวก็เดินลงมาตัวปลิวเลยค่ะ ลูกรู้สึกทั้งดีใจและก็อึ้งกับคำตอบ  เมื่อตั้งสติได้ก็เลยก้มลงกราบองค์พระปฐมฯ อีกครั้ง ก่อนที่จะลงมาขอบคุณลุงเบิ้มและเดินทางกลับ

              และสุดท้ายจริงๆ ต้องขอบคุณลุงเบิ้ม และพี่ตุดตู่ มากๆ ค่ะ ที่ทำให้รู้จักและได้มาสัมผัสอะไร หลายๆอย่างที่ บ้านสวนพีระมิด จ.นครนายก แห่งนี้ และที่สำคัญที่สุด คือ ท่านอาจารย์อุบล  ค่ะ

                                                                                                                                                    ด้วยความเคารพและศรัทธา

วันนี้ได้ไปเยี่ยมป้าที่บ้านท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ในธรรมก็เลยถือโอกาสหลังจากที่ให้ท่านได้สารภาพบาปกรรมต่อจี้องค์เทพสฟิงซ์ขอบารมีพระบรมธรรมบิดา  ให้ท่านได้พิสูจน์สวรรค์  และพระนิพพาน  โดยพระเมตตาของพระพุทธเจ้าเมตตานำไปครับ  และแล้วช่วงสำคัญก็มาถึง  คุณป้าบอกว่า  อยากพบพระศรีอาริย์จัง  พระศรีอาริย์ปรากฏในกายพระภิกษุ  แล้วผมเลยขอให้พระองค์ปรากฏเป็นกายที่แท้จริง  พระองค์เปลี่ยนเป็นกายแก้ว  แล้วผมก็เลยขอว่าขอให้พระองค์ปรากฏเป็นกายที่พระองค์ลงมาเกิดในโลกมนุษย์  คุณป้าของผมท่านเห็นเป็นผู้หญิงทรงเครื่องโบราณของอียิป์ครับ  ผมเลยเอารูปท่านอาจารย์อุบลไปให้ดู  คุณป้าบอกว่าใช่แล้ว ผมรู้สึกดีใจมากเลยครับ

หากข้อความนี้เบื้องบนทรงอนุญาตขอให้ส่งผ่านด้วยครับ  สาธุ

โอ้ววว..คุณป้าน้องเบลล์

สุดยอดมากๆ

อนุโมทนากับทั้งคุณป้า

และคุณหลานเบลล์ ด้วยนะคะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มากค่ะ  ที่เมตตาชี้แนะ  จะตักเตือนลูกใหม่ค่ะเพราะเค้าค่อนข้างจะขี้เกียจ  หนูก็บอกเค้านะคะว่าให้เข้ามาเขียนไม่ทราบด้วยเหตุเหมือนกัน   กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ  

อนุโมทนากับน้องเบลล์ และคุณป้าด้วยคะ

โอ้วว ...อิจฉาจัง 

คิดแล้วอยากเห็นพระศรีอาริย์ทรงเครื่องโบราณของอียิปมั่งจัง

อนุโมทนากับคุณป้าน้องเบลล์ด้วยนะคะ

ได้รับความเมตตาเเบบสุดยอดมากๆๆเลยค่ะ สาธุ

ภาพพระศรีอาริย์ทรงเครื่องอิยิปต์โบราณ กับ ภาพท่านอาจารย์อุบล

เห็นเป็นภาพเดียวกัน 

มิ้มเองก็อยากเห็นพระศรีอาริย์ทรงเครื่องอียิปต์โบราณเหมือนกันค่ะ 

 เรื่องเล่าปาฏิหารย์ของพระศรีอาริย์

เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านได้มีโอกาสไปแจ้งคู่มือหนีกรรม 500 ชุดและรหัสอ.อุบลช่วยด้วย (ธรรมทานที่ดร.จุ๋มและดร.จิ๋มพิมพ์แจก)พร้อมคาถาบูชาพระศรีอาริย์ จำนวน 600 ชุด ที่ม.เกษตรในงานสัมมนาที่จัดขึ้นโดยดร.ปชา ภาณุบุญ และได้รับอนุญาติจากดร.ปชาโดยตรง

แรกเริ่มเดิมที่พอรู้ว่าจะมีการจัดงานก็นึกว่าถ้ามีการกระจายบอกรหัสลับจักรวาลก็จะมีโอกาสที่คนจะรอดชีวิตกันมากขึ้น เลยส่งเมล์หาผู้ช่วยเตรียมงานของดร. แต่ก็ไม่มีการตอบรับแม้จะใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วย จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 21 ก็เลยตัดสินใจโทรติดต่อกับดร.ปชาโดยตรง โดยตั้งจิต"ขออารธนาบารมีพระศรีอาริย์ที่ท่านอ.อุบลเป็นผู้อัญเชิญ" ขอให้ดร.ปชาอนุญาติให้นำเอกสารไปแจกในงาน ก็ปรากฏว่าดร.ปชาท่านเมตตาอนุเคราะห์ให้เอาเอกสารไปแจกพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวท่านจะบอกลูกน้องท่านให้เอง แล้ววันงานให้เอาเอกสารไปแจ้งที่โต๊ะลงทะเบียนได้เลย

เนื่องจากหนึ่งได้ถ่ายเอกสารในวันศุกร์ก่อนวันงานเพียง 1 วัน พอวันศุกร์หลังงานสัมมนาที่โรงแรม Traveller ก็ได้เอ่ยปากชวนพี่วิ ซึ่งก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะไปด้วยหรือไม่ ปรากฏว่าคืนวันศุกร์เกือบๆสามทุ่มพี่วิโทรมาแจ้งว่าวันเสาร์จะไปด้วยเพราะอยู่ๆแฟนพี่วิติดสัมมนากระทันหัน,

แรกเริ่มเดิมทีหนึ่งคิดจะอุ้มลูกพร้อมเอาเอกสารไปแจกคนเดียวเนื่องจากสามีติดงาน แต่พอไปงานถ้าพี่วิไม่มาด้วยหนึ่งก็ไม่รู้ว่าตนเองจะหอบเอกสารทั้งหมดไปแจกอย่างไรเพราะว่าตนเองก็ต้องอุ้มลูกและหอบรถเข็นและอุปกรณ์ของลูกด้วย

เลยตระหนักได้ว่าเพราะพระบารมีพระศรีอาริย์ท่านเมตตา จัดให้พี่วิไปช่วยหนึ่งในวันเสาร์ได้สะดวก และท่านเมตตาให้บทเรียนเรื่องการเป็นผู้ให้ (จิตเป็นผู้ให้) เพราะเมื่อสำรวจตนเองถึงสาเหตุที่ใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยไม่ได้ผลเพราะระหว่างนั้นจิตมันเกิดความโลภอยากจะได้บุญมากกว่าความคิดจะช่วยเหลือคนอื่น

ขอขอบพระคุณพระศรีอาริย์และเทวดาที่ปกป้องรักษาท่านอ.อุบลและครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ และขอถวายบุญให้สมเด็จองค์ปฐม พระศรีอาริย์ เทวดาที่ปกปักรักษาท่านอ.อุบลและครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ เสด็จพ่อเวสสุวรรณ ลุงพุฒิ พระเทวทัต พระเจ้าอชาตศัตรู และยกบุญนี้ให้ดร.จุ๋มและดร.จิ๋มที่เมตตาอนุญาติให้นำธรรมทานรหัสอ.อุบลที่ได้เขียนขึ้นไปพิมพ์แจกคะ

ว้าววว..สู๊ดยอดเลย คุณป้าน้องเบลล์เนี๊ยะ

ขอโมทนาบุญ กับ คุณป้าและคุณหลาน

ที่ได้เห็น และ สัมผัสบารมีพระศรีอาิริย์ ได้ด้วยตาเนื้อ

-------------------------------------------------

และก็ขออนุโมทนาบุญธรรมทานที่ยิ่งใหญ่

ของคุณหนึ่งและพี่วิ ด้วยคะ

ที่ได้เผยแพร่ บารมีพระศรีอาริย์ และ รหัส อ.อุบลช่วยด้วย

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ที่ได้รับธรรมทานในครั้งนี้

จะเปิดจิต สัมผัสและรับบารมี ของพระองค์ท่านได้

มีความสุขสมปรารถนากันถ้วนหน้า แบบพวกเราลูกหลานบ้านสวน ฯ

สาธุค่ะ

อนุโมทนากับซามูไรแม่ลูกอ่อนอย่างคุณหนึ่ง

และอัศวิน(นี่)ขี่ม้าขาวอย่างคุณวิ ด้วยนะคะ

แหม่..อ่านแล้ว เห็นถึงความตั้งใจ

ที่แน่วแน่ที่จะเผยแผ่รหัสสวรรค์

ของคุณหนึ่งมากๆ สาธุ สาธุ ด้วยค่ะ

ขอบอกให้ทุกท่าน

มั่นใจอีกครั้ง เผื่อว่าบางคน อาจสงสัย

ว่า

อ.อุบล จะเป็น คนสำคัญอะไร

ซึ่ง

ต้องยืนยัน นั่งยัน

ว่าอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน

ที่ทำมาทั้งหมดนี้

-ไม่ต้อการคำชมเชย

-ไม่ต้องการชื่อเสียง

-ไม่ต้องการเกียรติยศ

-ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

-ไม่ต้องการเป็นคนสำคัญ

แต่

ต้องการเพียง

ให้ผู้คนที่ทุกข์ ได้มีโอกาส

พบแสงสว่างทางพ้นทุกข์

เหมือนที่เราเคย

ประสบมาก่อนเท่านั้นเอง

และ

สิ่งที่ต้องการ

มีเพียงสิ่งเดียวคือ

นิพพาน

(พ้นทุกข์ทั้งปวง)

โดยเฉพาะ

จะไม่มีวันยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า

ดังนั้น

ความดี ต้องเป็นของ พระพุทธเจ้า

ไม่ใช่ของ อ.อุบล อย่ามั่ว

ยิ่งอ่านแล้วก็ รู้สึกซาบซึ้งใจ มากจริงๆค่ะ

ท่านอาจารย์อุบลเจ้าขา หากไม่มีท่านอาจารย์อุบล

คนงาม ทั้งกาย และใจคนนี้

คอยชี้แนะแนวทางให้ลูกหลานได้เดินในทางที่ถูกที่ควร แล้วไซร้

พวกเราทุกคน

ก็คง

ไม่ได้พ้นทุกข์ หายโรค โชคดี หายเจ็บ หายจน

มีดวงตาเห็นธรรม ได้พบแสงส่วางในชีวิต กันได้จนถึงทุกวันนี้

หรอกนะคะท่านอาจารย์เจ้าขา

อร จะตั้งใจน้อมนําคําสั่งสอนมาปฎิบัติ เพื่อความพ้นทุกทั้งปวง

ตามความต้องการของตนเอง และท่านอาจารย์เจ้าค่ะ

 แต่

ต้องการเพียง

ให้ผู้คนที่ทุกข์ ได้มีโอกาส

พบแสงสว่างทางพ้นทุกข์

เหมือนที่เราเคย

ประสบมาก่อนเท่านั้นเอง

และ

สิ่งที่ต้องการ

มีเพียงสิ่งเดียวคือ

นิพพาน

(พ้นทุกข์ทั้งปวง)

โดยเฉพาะ

จะไม่มีวันยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า

ดังนั้น

ความดี ต้องเป็นของ พระพุทธเจ้า

ไม่ใช่ของ อ.อุบล อย่ามั่ว

***********************

ท่านอ.เป็นแบบอย่างให้ลูกหลานอยู่ทุกขณะจิตจริงๆคะ

อ.มานั่งเขียนธรรมทานดึกๆดื่นๆ

(ถ้านับๆเวลานอนแต่ละวันของน้อยมาก)

แล้วทุกๆธรรมทานของอ.ก็มีธรรมะมีข้อคิดทุกๆประโยค ทุกๆคำพูด

ที่สำคัญอะไรที่เป็นความดีความชอบ

อ.ไม่เคยจะยกความดีให้ตนเองเลย

ขอบคุณเบื้องบนที่เมตตาให้ลูกได้พบครูบาอาจารย์ผู้นี้คะ

จะพยายามปรับปรุงจิตของตนเอง

และปฏิบัติตามคำสอนของครูให้สมกับที่ครูบาอาจารย์และครอบครัวของท่าน

เสียสละทั้งแรงกาย กำลังทรัพย์ ชีวิตส่วนตัวของท่านคะ

กระทู้นี้

เลยเหงาไปเลยนะ

กราบแทบพระบาท องค์พระศรีอาริย์

นัชญ์มีเรื่องจะเล่าคือ

ด้วยข้อมูลต่าง  ๆ จากเว็ปไซด์ในห้อง

พระศรีอาริย์

ทำให้นัชญ์มีการเปลี่ยนแปลงคือ

ได้รู้ว่า การค้นหาและค้นพบพระศรีอาริย์

จะช่วยหยุดยั้งภัยพิบัติแก่โลก

สิ่งนี้ทำให้นัชญ์เลิกกินเนื้อสัตว์

ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2555

ซึ่งการเลิกกินเนื้อสัตว์ในครั้งนี้

แตกต่างจากการกินเจในช่วงหลายครั้งที่ผ่านมา

เพราะที่ผ่านมาเพราะเมื่ออยู่ในช่วงกินเจ

ก็จะอยากให้หมดเจเร็ว  ๆ จะได้กลับไปกินของอร่อย

แต่คราวนี้ รู้สึกเฉย ๆ ไม่อยากกลับไปกินเนื้อสัตว์

ได้ชักชวนแม่และป้าให้หยุดกินเนื้อสัตว์

ก็เป็นผลสำเร็จ  เหลือพ่ออีกคนเดียว

และรู้สึกว่าอยากชักชวนผู้คนทั่วไปให้หยุดกินเนื้อสัตว์

นัชญ์ ว่า นี่ต้องเป็นบารมีขององค์พระศรีอาริย์ที่

ท่านได้เมตตาให้นัชญ์

ไม่รู้สึกอยากกลับไปกินเนื้อสัตว์เหมือนทุกครั้งเลย

และวันนี้ก็ได้เห็นสารคดีการฆ่าสัตว์เพื่อนำมาทำเป็นอาหารให้มนุษย์ สยดสยองมาก

ก็คิดว่า ต้องช่วยเผยแพร่เรื่องนี้ด้วย

นัชญ์คิดว่า  นี่คือ

บารมีขององค์พระศรีอาริย์ที่แผ่มา

แม้นัชญ์จะไม่ได้ใกล้พระองค์ท่าน

แค่เพียงได้เข้ามาในห้องกระทู้ของพระองค์ท่านเท่านั้น

ก็ได้รับบารมีจากพระองค์ท่าน

ให้มีความเข็มแข็งในการทำสิ่งที่ถูกต้อง 

กราบแทบพระบาทองค์พระศรีอาริย์อีกครั้งเจ้าค่ะ

กราบแทบพระบาท องค์พระศรีอาริย์

นัชญ์มีเรื่องจะเล่าคือ

ด้วยข้อมูลต่าง  ๆ จากเว็ปไซด์ในห้อง

พระศรีอาริย์

ทำให้นัชญ์มีการเปลี่ยนแปลงคือ

ได้รู้ว่า การค้นหาและค้นพบพระศรีอาริย์

จะช่วยหยุดยั้งภัยพิบัติแก่โลก

สิ่งนี้ทำให้นัชญ์เลิกกินเนื้อสัตว์

ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2555

.............................

อนุโมทนาค่ะคุณ นัชญ์

เพราะนี่แหล่ะคือ

ความหมายที่แท้จริง

ของการค้นหา พระศรีอาริย์

เพราะยิ่งมีคนคิดค้นหา

พระองค์มากเท่าไหร่

ก็จะมีผู้คน"ดวงตาเห็นธรรม"

และ พบหนทางพ้นทุกข์ ได้มากเท่านั้น...

แต่ความหมายของคำว่า

"ค้นหา"ในทางโลก

อาจจะต่างกิริยากับ"ทางธรรม" ก็ได้

เพราะ การค้นหาในที่นี้

อาจจะไม่ได้ใช้แรง

หรือ ใช้ขาเดินหา เพียงอย่างเดียว

แต่การจะ"หา" ให้"พบ(สัจธรรม)"

มันใช้แค่"จิตเบาๆ"

ก็อาจจะ"เจอ"ได้แล้ว

ไม่ลอง"ค้น"ด้วยตัวเอง 

ก็คงจะไม่"พบ"ด้วยตัวเองแน่ๆ

พูดง่าย แต่ทำยาก แต่ถ้าไม่ลอง

ก็คงจะไม่รู้อยู่ดีว่า ง่าย หรือ ยาก

กระทู้นี้

เลยเหงาไปเลยนะ

............................

คงจะเป็นการแสดงสัจธรรม

ในรูปแบบหนึ่งมั้งคะ...อาจารย์

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้

ล้วนแล้วต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

อิอิ ไม่เว้นแม้แต่กระทู้นี้

แต่เดี๋ยวก็วนมาเกิดใหม่ค่ะ

เพราะ"ดับ" ไปได้ซักระยะแล้ว อิอิ

กราบพระบาทองค์พระศรีอาริย์ผู้มาจุติ

ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา นัชญ์มีเรื่องเล่าคือ

เรื่องต่อไปนี้นัชญ์ลังเลที่จะเขียนเพราะ

ถ้าไม่จริงนัชญ์ก็คงผิด

และนัชญ์ก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า

แต่ถ้าจริง ข้อมูลพวกนี้ก็จะเป็นประโยชน์กับ

ผู้ที่มีหน้าที่สำคัญทุกท่าน

คือว่า

ในวันศุกร์ที่ 12 อยู่ ๆ นัชญ์ก็ปวดศรีษะ

และคืนวันเสาร์ที่ 13 นัชญ์หลับแล้วตื่นขึ้นมา

แล้วก็นอนสวดคาถาบูชาพระศรีอาริย์

แล้วความคิดเรื่องหลักกาลามสูตรก็เข้ามา

แล้วสิ่งเหล่านี้ก็เข้ามาในสมองในความคิด

(น่าจะเป็นผลจากการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

ให้ได้รู้นัยยะความหมายที่ซ่อนอยู่ของการค้นหา

และการค้นพบพระศรีอาริย์)

ตามหลักกาลามสูตร คือ

อย่าเพิ่งเชื่อตาม  .......

คือท่านใช้คำว่า อย่าเพิ่งเชื่อตาม .....

แปลว่าท้ายสุดแล้วเราจะเชื่อหรือเราจะไม่เชื่อก็ได้

ตามหลักต่าง ๆ ทั้งสิบข้อ แต่ท่านหมายความว่า 

ถ้าจะเชื่อ  ก็ห้ามเชื่อโดยทันที

ให้ใช้ปัญญาวิเคราะห์ใคร่ครวญ

นั่นเพราะทุกแหล่งที่มาของข้อมูล

แม้กระทั่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด

มีนัยยะซ่อนอยู่

ไม่ใช่การบอกความหมายกันตรง ๆ

ไม่ว่าเราจะเชื่อใครก็ตาม  แม้กระทั่งอาจารย์ของเราเอง

แม้กระทั่งสิ่งที่นัชญ์เขียนก็อาจมีนัยยะซ่อนอยู่

คือให้แปลความหมายมากกว่า

ความหมายตรง ๆ ของข้อความ

แต่นัชญ์จะเขียนให้ตรงที่สุด

แต่ก็สามารถมีผู้อื่นนำไปตีความอย่างอื่นได้

เพราะท่านบอกแล้วว่าทุกคนต้องใช้ปัญญา

เพื่อแปลความหมายของข้อความที่ได้รับสื่อสารมา

หน้าที่ของนัชญ์มีเพียงแค่มาสื่อสารข้อความเหล่านี้

หน้าที่ของผู้ที่ได้มาอ่านต้องทำมากกว่าที่นัชญ์ทำ

เพราะพวกคุณคือผู้ที่ได้อธิษฐานมอบกายถวายใจ

รับใช้ติดตามพระศรีอาริย์

นั่นหมายความว่า

พวกคุณจะยังไม่ได้นิพพานในชาตินี้

พวกคุณจะได้ติดตามองค์พระศรีอาริย์ไปจุติอีกครั้งหนึ่ง

ในชาติที่พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

พูดตามที่เข้าใจให้ตรงก็คือ

พวกคุณในชาตินี้จะได้บรรลุเป็นพระอนาคามี

ซึ่งจะเป็นชาติก่อนชาติสุดท้าย

เพราะพวกคุณคือเหล่าพระอนาคามีทั้งหลาย

ที่จะเป็นผู้นำสันติมาให้แก่โลก

ซึ่งแต่เดิมนัชญ์เข้าใจว่าองค์พระศรีอาริย์มาจุติเป็น

พระอนาคามีองค์เดียวที่จะนำสันติมาให้แก่โลก

แต่ขณะนี้นัชญ์ได้เข้าใจว่า

พวกคุณก็คือเหล่าพระอนาคามีที่นำสันติมาให้แก่โลก

โดยการนำขององค์พระศรีอาริย์ผู้มาจุติเป็น

พระอนาคามีเช่นกัน

ประเด็นสำคัญคือ

1. ศาสนาพุทธในช่วงของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์

ก็จะมีพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น

ข้อนี้ทุกคนน่าจะยอมรับได้โดยไม่ต้องคิดมาก

2. อันนี้ทุกคนต้องใช้ปัญญาน้อมนำคิดตามน่ะ

ตามข้อมูลที่ว่าพระศรีอาริย์จะปรากฎพระองค์

เพื่อหยุดยั้งภัยพิบัตินั้น

คือถ้าเราเชื่อตามข้อ 1 ว่าต้องเป็นจริง

ดังนั้นพระศรีอาริย์จะไม่ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

ในช่วงนี้แน่นอน

แต่พระองค์จะลงมาจุติเป็นสามัญชนเป็น

พระอนาคามี คือเป็นชาติก่อนชาติสุดท้ายที่

พระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

คิดตามน่ะ ใช้ปัญญา อย่าเพิ่งเชื่อทันที

หรืออย่าเพิ่งไม่เชื่อทันที

ความหมายของการค้นหาและค้นพบพระศรีอาริย์คือ

ให้ค้นหาและค้นพบพระบารมีของพระศรีอาริย์

ไม่ใช่การค้นหากายเนื้อของพระศรีอาริย์

ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นพระศรีอาริย์

คือผู้ใดเห็นความจริงที่ปรากฎอยู่ในธรรมชาติ

ถ้าทุกคนเข้าใจความจริงข้อนี้

ทุกคนก็จะมองเห็นพระศรีอาริย์

ที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าของทุกคน

แต่ถ้าผู้ใดไม่เห็นความจริงข้อนี้ 

ไม่เห็นหลักจริงที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า

แม้องค์พระศรีอาริย์อยู่เบื้องหน้า

พวกคุณก็จะมองไม่เห็นท่าน

พวกคุณจะมองหาองค์พระศรีอาริย์ที่เป็น

กายของพระพุทธเจ้า

นั่นยังไม่ถึงเวลาที่พระองค์จะตรัสรู้

พระองค์ก็จะไม่ยอมรับ

ที่ตำราบอกว่า พระศรีอาริย์ปรากฎนั้น

การที่พระบารมีพระศรีอาริย์ปรากฎ

ก็มีค่าเท่ากับกายเนื้อของพระองค์ปรากฎแล้ว

บารมีขององค์พระศรีอาริย์จะหยุดยั้งภัยพิบัติแก่โลกได้

พวกคุณทุกคนมีหน้าที่สำคัญ

ต่อเมื่อพวกคุณค้นหาและค้นพบ

พระบารมีของพระศรีอาริย์แล้ว

ทุกคนก็ต้องทำให้ผู้คนทั่วไปได้ค้นพบและค้นหา

พระบารมีของพระศรีอาริย์

เพื่อเป็นการหยุดยั้งภัยพิบัติแก่โลก

ผู้ใดอาราธนาพระบารมีของพระศรีอาริย์ได้

ผู้นั้นก็คือพระศรีอาริย์

แต่นั่นก็คงไม่มีความหมาย

ถ้าพระองค์ไม่ยอมรับว่าเป็นพระศรีอาริย์

นั่นก็มาจากเหตุผลที่ว่า

ท่านจะยอมรับก็ต่อเมื่อท่านได้ตรัสรู้เป็นพระศรีอาริย์แล้ว

ขณะนี้ท่านจะไม่ยอมรับเพราะเวลายังมาไม่ถึง

ทุกคนต้องนำความจริง หลักจริงแต่ละข้อ

มาต่อเข้าด้วยกัน

ทุกคนก็จะเห็นภาพรวมที่เป็นธรรมะ เป็นธรรมชาติ

ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อน

3. นัชญ์ขอให้ทุกคนได้ใช้

รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ขอให้ได้รู้ความหมายที่เป็น

นัยยะสำคัญของการค้นหาและค้นพบองค์พระศรีอาริย์

และใช้คำขอบารมีพระศรีอาริย์ที่

อาจารย์อุบลอาราธนามา ขอให้ได้รู้ความหมายที่ซ่อนอยู่

ของการค้นหาและค้นพบองค์พระศรีอาริย์

เพื่อเป็นการให้ทุกคนได้ใช้ปัญญาในการค้นหา

อย่าเพิ่งเชื่อในทันที ตามหลักกาลามาสูตร

และอย่าเพิ่งไม่เชื่อในทันที

4. หากสิ่งที่นัชญ์เขียนไม่เป็นความจริงในข้อใด

นัชญ์ก็กราบขออภัยล่วงหน้าทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วย

5. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า

ข้อความเหล่านี้จะได้เป็นประโยชน์ต่อ

เหล่าพระอนาคามีผู้ที่จะได้ทำหน้าที่อันสำคัญยิ่งต่อไป

กราบพระบาทองค์พระศรีอาริย์ผู้มาจุติ

กราบพระบาทเหล่าพระอนาคามีผู้ติดตาม

องค์พระศรีอาริย์ทุกท่าน

ภัยพิบัติครั้งนี้ ปีนี้ อีกไม่กี่เดือนนี้   มันช่างรวดเร็วจริงๆนะ   รู้ไหม อะไรที่จะหยุดภัยพิบัติ ได้ฉับพลันทันที   เป็นสิ่งที่ทุกคนก็มี แต่อาจจะยังไม่นำออกมาใช้   ก็ ความรัก ไง ความรักที่ปราศจากเงื่อนไข สามารถหยุดยั้ง ภัยพิบัติได้   เราจะรักกันได้หรือยัง รัก โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน   รัก โดยไม่ต้องมีข้อแม้ ไม่มีข้ออ้าง   จะรักซะอย่าง   ยิ่งถ้า รัก คนที่ไม่น่ารักได้ นี่ บุญ ใหญ่ มากนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) วันที่ตอบ 2012-05-08 19:14:31

ขอให้เข้าใจคำนี้เพียงสามพยางค์ว่า รักผู้อื่น นั่นเป็นหัวใจ ของศาสนาทุกศาสนา   และ  เมื่อใดที่ปฏิบัติตาม หลักหัวใจอันนั้น   โลกพระศรีอริยะเมตไตร ก็จะเกิดขึ้นในทันที ที่นั่นและเดี๋ยวนั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) วันที่ตอบ 2011-11-10 19:02:06

พระศรีอาริย์ ท่านได้เสด็จมาโปรดพวกเรา ตั้งนานแล้ว   เพียงแต่เราไม่เคยเฉลียวใจ   พวกเรา มัวแต่จะมองหา พระศรีอาริย์ ที่เป็นคน แต่ไม่เคยคิดจะขอบารมีพระองค์ แบบทิพย์บารมี เหมือนกับพระบารมี พระพุทธเจ้าทุกพระองค์   ในเมื่อ พระศรีอาริย์ ท่านก็คือพระพุทธเจ้า และ เป็นพระพุทธเจ้าที่มีบารมีมากที่สุด กว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆด้วย   ยกเว้นองค์พระปฐมฯ ที่ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเทียบได้ เพราะเป็นครูของพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์   แต่ พระศรีอาริย์ เป็นจอมจักรพรรดิ์ด้วย เป็นพระพุทธเจ้าด้วย ดังนั้นบารมีจึงมาก   คุณพ่อ ดร.อาจอง ท่านเคยบอกว่า พระศรีอาริย์ พระองค์นี้ ใครจะโจมตีไม่ได้เลย เพราะ จะมีอันตรายมาก   ตอนนี้เรา ก็คงต้องสงสสาร คนที่คึกคะนอง ไร้ศาสนา ที่จะหาความเดือดร้อนให้ตัวเอง โดยไม่รู้ตัว หรือ รู้ตัวแต่ว่า ไม่สามาระยับยั้ง บังคับใจ ของตัวเองได้   ด้วยวิบากกรรม ทำไว้มาก ทำให้มีจิต คิดปรามาส มีวาจาล่วงเกิน มีกาย ละเมิด เขียน หรือ แสดง กิริยาอาการ ลบหลู่ พระศรีอาริย์ จะต้องมีเหตุการณ์เลวร้าย เกิดขึ้นในชีวิต อย่างแน่นอน   เป็นหน้าที่ อ.อุบล ที่ต้องมาบอกไว้ก่อน ก่อนที่จะสายเกินแก้   แต่ถ้าใคร คิดว่า ตัวเอง ดีวิเศษ กว่าพระศรีอาริย์ ไม่แคร์ ไม่สน ไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร ลองดู   แต่โปรดรับรู้ด้วยว่า   เราเตือน...คุณแล้ว...นะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ วันที่ตอบ 2012-08-27 23:29:36

ช่วงที่เข้าสถานะสมาชิกเว็บบ้านสวนพีระมิดไม่ได้ฝันไปว่าท่านอาจารย์อุบลและท่านอาจารย์มงคลมาที่บ้านแล้วบอกว่า  หากลูกต้องการพบพระศรีอาริย์ให้หันสัญญาณเน็ตมาที่บ้านสวนพีระมิด

หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

พวกเราที่มาบ้านสวน

ไม่ค่อยมีใครเจ็บป่วยกันแล้ว

ปัญหาสุขภาพ

แทบไม่มีเลย ยกเว้นคนมาใหม่

คนเก่า

ก็เหลือปัญหา

การงาน การเงิน ปัญญา

ความสำเร็จในธรรม

ซึ่งต่อไป

เราจะเน้นบำบัดเรื่องนี้

ได้อ่าน คห.547ที่เขียนถึง ความฝัน

อันเป็น นัยยะสำคัญ จากน้องเบลล์

แล้วก็มาอ่านคห.ที่ 548 ต่อเนื่องกัน

เหมือนเป็นคำตอบได้ระดับหนึ่งว่า

คนที่คิดตามหาองค์พระศรีอาริย์มาโดยตลอด

ก็คงจะได้พบ"พระองค์จริง"กันไปแล้ว

ไม่ว่าพระองค์จะ"ปรากฏพระวรกาย"

อย่างเป็นทางการหรือไม่

เพราะทุกคน คงได้พิสูจน์

และมีหลักฐานยืนยันได้ชัดๆแล้วว่า

เดี๋ยวนี้ ลูกบ้านสวนฯคนเก่าๆ

"หายเจ็บ" กันถ้วนหน้าแล้ว

เพราะไม่มีใครมีปัญหาสุขภาพอีก

ซึ่งต่อไปท่านอาจารย์

ก็จะเน้นการ"บำบัด"

เพื่อ "หายจน" กันต่อไป

กราบพระบาทองค์พระศรีอาริย์ค่ะ

กราบ

กราบ

กราบ

คนเก่า

ก็เหลือปัญหา

การงาน การเงิน ปัญญา

ความสำเร็จในธรรม

ซึ่งต่อไป

เราจะเน้นบำบัดเรื่องนี้

 ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตา

ของท่านอาจารย์อุบล

ที่มีให้กับลูกหลานมาตลอดค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ปัญหาสุขภาพ

แทบไม่มีเลย ยกเว้นคนมาใหม่

คนเก่า

ก็เหลือปัญหา

การงาน การเงิน ปัญญา

ความสำเร็จในธรรม

ลูกขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลค่ะทีได้เมตตา

ลูกหลานอย่างหาประมาณมิได้

หนูสังเกตุตัวเองและครอบครัวในตอนนี้แทบ

ไม่มีปัญหาสุขภาพจริง ๆ ค่ะ

จะมีก็แต่ปัญหาการเงิน ที่ยังมีหนี้

และการเงินขาดสภาพคล่อง

หนูคงทำผิดศิลข้อ 2 ไว้มากมายค่ะ

ขออนุโมทนา บุญทุกบุญ  กับทุกท่านนะคะ

อยู่จังหวัดศรีสะเกษคงจะหาพระศรีอาริย์  ไม่เจอหรอก 

น่าจะอยู่แถว อ.บ้านนา จ.นครนายก นะคะ

เพราะว่าเคยสัมผัสมาหลายครั้งแล้ว 

และรู้สึกได้ว่า

ใช่เลย

ใช้หลักกาลามสูตร

เท่านั้น ในการพิสูจน์

พระศรีอาริย์

ในอนาคตหลังภัยพิบัติพระศรีอาริย์จะมาด้วยกายทิพย์หรือกายเนื้อนั้น แต่ตอนนี้ได้พิสูจน์เป็นวิทยาศาสตร์แล้วด้วยการผ่านกายวาจาใจของท่านอาจารย์อุบลเอง และสารธารณชนรับรองผลธรรมบำบัด อาการ"ทุกข์"ของแต่ละคน

ขออนุญาตนำข้อความนี้มาใช้

"ถ้าได้พิสูจน์แล้ว

ยังไม่เชื่ออีก เรียกว่า "โง่"

บรมโง่ โค ตะ ระ โง่

จ้า"

โห

เราก็นึกว่า

จะหาพระศรีอาริย์

ที่ไหนกัน

แต่

ที่ไหนได้

เล่นหาคนใกล้ๆตัวนี่เอง

สงสัย ไม่มีค่ารถ

เดินทาง

หา

555