ReadyPlanet.com


ร่วมตามหาพระศรีอาริย์ อย่างเป็นรูปธรรมและพิสูจน์ได้ ก่อนภัยพิบัติใหญ่จะมา


เนื่องจากมีกระทู้เกี่ยวกับพระศรีอาริย์หลายกระทู้ ส่วนใหญ่จะเป็นคุณสมบัติและข้อมูลต่างๆตามแหล่งต่างๆมากมาย ซึ่งคิดว่าข้อมูลต่างๆมากเพียงพอแล้ว แต่เรายังขาดการค้นหาอย่างจริงจังเท่านั้น

ผมขออนุญาติตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อร่วมค้นหาพระศรีอาริย์อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแบบวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ โดยเป็นแบบฉบับของบ้านสวนพีระมิดเอง

ในงานค่าย13ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป เราทราบจากท่านอาจารย์อุบลแล้วว่า ขณะนี้เราอยู่บนทาง 2 แพร่ง

1) เราไม่สนใจตามหาพระศรีอาริย์ แต่เรามุ่งเน้นทำความดี และในวันเกิดภัยใหญ่เราจะรอดเข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งจากแหล่งข้อมูลต่างๆคนทั้งหลายจะเสียชีวิตประมาณ 90%

2) ช่วยกันตามหาพระศรีอาริย์ให้เจอเร็วที่สุด หากเจอพระองค์ท่านก่อน พระองค์ท่านจะพาพวกเราเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ภัยใหญ่จะไม่เกิด แต่จะเกิดเป็นหย่อมๆเพื่อล้างคนไม่ดีออกไป

จากข้อมูลข้างต้น ลูกบ้านสวนฯในค่าย13ต่างพร้อมใจกันเลือกที่จะ ตามหาพระศรีอาริย์ให้เจอโดยเร็วที่สุด

ดังนั้นจึงขอเรียนเชิญทุกท่าน ร่วมกันตามหาพระศรีอาริย์อย่างจริงจัง เป็นรูปธรรมโดยใช้ปัญญาและพิสูจน์ได้ ดังในกิจกรรมกลุ่ม Workshopในค่าย13นี่เอง 



ผู้ตั้งกระทู้ ธนา อรุณภิญโญพล กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-08 15:54:39


[1] 2 3 4 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1633070)

Workshop ในค่าย13นั้นเราต้องวางแนวทางในการค้นหาจากข้อมูลต่างๆที่เรามีอยู่มากมายแล้วดังนี้

1) กำหนดคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าเป็นอย่างไร

1.1)เริ่มจากความต้องการของมนุษย์เรานี่แหละ แคบเข้ามาอีกก็คือความต้องการของตัวเรานี่เองเช่น

     - เราอยากหายเจ็บ

     - เราไม่อยากจน อยากมีเงินทอง สุขสบาย

     - เราไม่อยากแก่ อยากหนุ่ม อยากสาว

     - เราอยากสมหวังทุกประการ เป็นต้น

ซึ่งมนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาคล้ายๆกัน ดังนั้นคุณสมบัติของพระศรีอาริย์นั้นต้องสามารถหรือมีวิธีการที่ทำให้พวกเราสมหวังสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้

ดังนั้นขอเรียนเชิญทุกท่านที่มีข้อมูลลองช่วยกัน กำหนดคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าควรเป็นอย่างไรบ้าง

เช่น พระองค์ท่านต้องทำให้/มีวิธีทำให้คนหายเจ็บป่วยได้ เป็นต้น

2)รวบรวมบุคคลที่น่าจะเข้าข่ายว่าเป็นพระศรีอาริย์เพื่อเชิญมาพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อเรารวบรวมคุณสมบัติของพระองค์ท่านตามข้อมูลต่างๆที่เราทราบแล้ว เราก็ต้องทำการพิสูจน์ว่าในโลกนี้มีใครบ้างหรือไม่ที่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้

2.1) ขอเรียนเชิญให้ทุกท่านแจ้งข้อมูล หรือบอกหน่อยว่าท่านรู้หรือไม่ หรือ มีคนที่เคยบอกว่าตนเองเป็นพระศรีอาริย์บ้างหรือไม่ ขอให้ช่วยแจ้งหน่อยครับ เราจะได้ทำการรวบรวมข้อมูล ผู้ที่น่าจะมีคุณสมบัติเข้าข่ายว่าน่าจะเป็นพระศรีอาริย์ เพื่อจะได้เชิญมาร่วมทำการพิสูจน์ต่อหน้าผู้คนอย่างเป็นรูปธรรมกันต่อไป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 16:08:35


ความคิดเห็นที่ 2 (1633072)

ในค่าย13นั้น สิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลได้กล่าวไว้ ได้สะกิดใจผมเป็นอย่างมากว่า

"ผู้คนทั้งหลายที่อยากรอด ปลอดภัย เคารพและอยากเจอพระศรีอาริย์ แต่น้อยมากที่จะมีคนจะตามหาพระองค์ท่านอย่างจริงจัง กระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับพระศรีอาริย์แทบไม่มีคนเข้ามาดูเลย"

"นี่หรือที่บอกว่าอยากอยู่ในยุคของพระองค์ท่าน ให้ความสำคัญกับพระองค์ท่านแค่นี้เหรอ"

ฟังแล้วบาดลึกในใจเลยครับ เพราะเป็นเช่นนั้นจริงๆครับ พวกเรายังพอมีเวลาครับ มาร่วมกันทำ Workshop บนเว็ปไซต์ด้วยกันนะครับ

ผมมั่นใจว่าเวลาที่เหลืออยู่ถึงไม่มาก หากพวกเราทำกันจริงๆ สามัคคีกันพวกเราจะต้องตามหาพระศรีอาริย์จนเจอทันเวลาอย่างแน่นอนครับ สู้ๆๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 16:16:16


ความคิดเห็นที่ 3 (1633111)

ผมพยายามจะกลั่นกรองข้อมูลแล้วกันนะครับ เพื่อไม่ให้ข้อมูลเยอะแยะไปหมด จนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรดี 5555

ผมว่าคุณสมบัติอย่างแรก ตามตำราและที่ผู้รู้ต่างๆกล่าวมา

ศาสนาในโลกจะเหลือเพียงหนึ่งเดียว เป็นศาสนาที่เป็นสัจธรรมของธรรมชาติ ซึ่งตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเอาไว้

ดังนั้นหนึ่งในคุณสมบัติของพระศรีอาริย์นั้น ต้อง

 พระองค์ต้องสามารถ หรือมีวิธีการที่รวมทุกศาสนา และความเชื่อในโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างเป็นรูปธรรม

ผู้ที่เราคาดว่าจะเป็นพระศรีอาริย์นั้น ผมก็อยากฟังแนวทางหรือวิธีการที่สัมผัสได้ และอย่างน้อยก็ต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างได้ว่า สิ่งที่บอกมานั้นทั้งชาวพุทธ คริสต์ อิสลามและอื่นๆที่มารับฟังในขณะนั้นยอมรับและทำตามอย่างแท้จริง คือ ควรทำอะไรให้เห็นสักอย่างให้คนทุกศาสนายอมรับว่า...ใช่เลย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 19:48:43


ความคิดเห็นที่ 4 (1633114)

แง๊ๆๆๆ ป๋มเหงาก๊าบบ ไม่อยากได้บุญคนเดียว ไม่อยากไปนิพพานคนเดียวก๊าบ มีแต่คนมาอ่าน ม่ายมีใครมาช่วยกันตามหาพระศรีอาริย์เลยง่ะ

ผมจำได้แม่นว่า หนึ่งในคลิปที่ท่านอาจารย์อุบลให้ดูนั้น เป็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ของม้าลายหนุ่มว่า "ขอมีชีวิตต่อ"

โดยกำลังโดนสิงห์โตเจ้าป่างับที่ลำคอตรงจุดสำคัญเพื่อให้เสียชีวิต ซึ่งเจ้าม้าลายหนุ่มเจ้านี้ต้องดิ้นรนต่อสู้กับสิงห์โตตัวใหญ่อย่างเดียวดาย ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย

ทำให้รู้ว่า "หากเราไม่เคยคิดจะช่วยใครเพื่อส่วนรวม หวังทำอะไรเพื่อตนเองเท่านั้น ยามคับขัน ยามวิกฤตเราก็จะต้องสู้อย่างเดียวดาย ลำพัง เช่นเดียวกันกับเจ้าม้าลาย แม้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่เมตตาเหมือนกัน"

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 19:55:20


ความคิดเห็นที่ 5 (1633121)

ในยุคของพระศรีอาริย์นั้น ผู้คนจะสุขภาพดี ไม่เจ็บไม่ป่วย ขี้โรคเหมือนในปัจจุบันนี้

ดังนั้นคุณสมบัติต่อมาของพระศรีอาริย์ที่สำคัญก็คือ

 พระองค์ท่านต้องทำให้ผู้คนหายเจ็บป่วย หรือ ไม่เจ็บป่วย

ตรงนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่า ผู้คนในสมัยนั้นจะมีการเจ็บป่วยบ้างหรือไม่ หรือว่ามีแต่ว่าหายแบบรวดเร็วทันทีทันใด หรือว่าพระองค์ท่านจะมีวิธีการที่จะให้ผู้คนไม่เจ็บป่วยใดๆเลยแบบยั่งยืนก่อนเข้าสู่ยุคใหม่ พอเข้าสู่ยุคใหม่ผู้คนก็จะสุขภาพดีอย่างเดียวเลยหรือเปล่า

ก็อยากฟังเหมือนกันครับว่า จะเป็นอย่างไร และมีวิธีการอย่างไรกันให้พวกเราสัมผัสได้อย่างชัดเจนและที่สำคัญพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ม่ายงั้นผมก็เชื่อยากเหมือนกัลล์ 555

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 20:47:42


ความคิดเห็นที่ 6 (1633129)


 ในความคิดของเบสนั้น คิดว่าในยุคของพระศรีอาริย์นั้น

ทุกคนจะมีความสุข สมหวังทุกประการ ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน และทุกคนดำรงชีวิตอยู่กัยด้วยความรัก ความเมตตา ความปารถนาดีต่อกัน

ไม่มีคนไม่ดีหลงเหลืออยู่เลย

เบสคิดว่าคนที่ได้อยู่ในสมัยของพระองค์ท่านจะต้องมีความสุขมากๆแน่ๆเลย และก็ต้องเจริญในธรรมด้วย

เพราะผู้มีปัญญาเท่านั้นที่จะรักษาศีล เพราะถ้าผิดศีลแม้ข้อใดข้อหนึ่งก็จะทำให้เรามีปัญหา หรือเจ็บป่วยตามร่างกาย

และในสมัยของพระองค์ท่านจะไม่มีคนเจ็บ คนป่วย ก็แปลว่าคนจะตั้งใจรักษาศีลกันมาก

คนในสมัยนั้นน่าจะมีปัญญากันมาก น่าจะเต็มไปด้วยคนที่มีพลังงานด้านบวก มีจิตใจที่ทรงพลังอำนาจ และธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมในสมัยนั้น

เบสคิดว่าน่าจะเป็นธรรมชาติที่งดงาม สงบสุข และเปี่ยมไปด้วยสันติ เพราะว่าคนในยุคนั้นต่างเป็นคนดี จึงทำให้มีพลังงานบวกปล่อยออกมามากมาย

จึงอาจทำให้โลกของเรามีพลังงานด้านบวกเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ธรรมชาติมีความสวยงาม มีความละเอียดมากกว่าในตอนนี้ก็ได้ เพราะพลังงานด้านบวกจะทำให้สิ่งมีชีวิตและเซลล์ต่างๆในร่างกายทั้งคน พืชและสัตว์ สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ในสมัยของท่านจะไม่มีผู้คนอดอยาก

เพราะมีข้าวปลา อาหารสมบูรณ์  เช่น ข้าวหนึ่งเมล็ด ก็อาจงอกได้เป็นหลายหมื่นเมล็ดเพราะมีพลังงานด้านบวก คือพลังงานปราณ และพลังมโนธาตุ นั้นเอง  

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:20:48


ความคิดเห็นที่ 7 (1633130)

ขอบคุณครับน้องเบส ดูเหมือนว่าจะเป็นคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าสู่ยุคใหม่ และชีวิตของผู้คนในยุคนั้น

แต่ตอนนี้เราต้องการตามหาพระศรีอาริย์ น้องเบสคิดว่าพระองค์ท่านน่าจะมีคุณสมบัติอย่างไรกันครับ เพื่อให้เราพิสูจน์ได้ว่าคนไหนกันแน่ที่น่าจะเป็นพระศรีอาริย์ เพราะตอนนี้มีคนแอบอ้างหรือมั่นใจสุดๆว่าตนเองเป็นพระศรีอาริย์เยอะเลยทีเดียว

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:28:09


ความคิดเห็นที่ 8 (1633131)

 กำหนดคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าควรเป็นอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นเบสคิดเหมือนพี่ธนาที่ว่า ท่านจะต้องสามารถรวบรวมศาสนาทั้งหมด

เข้าไว้ด้วยกันได้ โดยใช้ความเมตตา และไม่ใช้กำลัง

เพราะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ดังนั้นก็ไม่แปลกที่จะทำความดีกันโดยที่ไม่แบ่งแยกศาสนา

เพราะบางครั้งการที่เราจะทำความดีอะไรนั้น บางคนจะนำศาสนามาเป็นเครื่องแบ่งแยก

ให้ไม่สามารถทำได้ อ้างว่า ผิดหลักการ โน้น นี่ นั้น มากมาย

เบสจึงคิดว่า ทำความดีทำไมมันต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมากมายด้วยล่ะ

ความดีก็คือความดี ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องแบ่งแยกกันเลย

ดังนั้นน่าเมื่อรวมศาสนาแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าศาสนาแห่งจักรวาล ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงได้

โดยจะได้ไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ทำความดี หรือแบ่งแยกกันอีก

ดังนั้นเมื่อรวมศาสนาแล้ว ผู้คนน่าจะรักใคร่กันมากขึ้น เพราะไม่มีกฎเกณฑ์บางอย่างมากีดกั้นระหว่างกัน 

เบสคิดว่าทุกคนน่าจะมีความสุขมากขึ้น 

และจะได้ไม่ต้องมีสงครามทางศาสนาด้วย เพราะตอนนั้นทุกคนต่าง

มุ่งหน้าทำความดีเหมือนกัน และมีจุดมุ่งหมายทางเดียวกัน อย่างเป็นรูปธรรม

ไม่เหมือนในตอนนี้ที่บ้างก็ว่าตายแล้วไปอยู่ที่โน้นที่นี่ แต่ที่จริงตายแล้วก็ต้องได้รับกฎแห่งกรรมด้วยกันทั้งสิ้น

ได้รับเหมือนกันหมดไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม




 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:31:36


ความคิดเห็นที่ 9 (1633133)

 กำหนดคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าควรเป็นอย่างไรบ้าง

เบสคิดว่าถ้าใครคิดว่าเป็นพระศรีอาริย์ คงต้องให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อพิสูจน์ครับ

เพราะ ดร.อาจองท่านบอกว่า ถ้าเป็นพระศรีอาริย์ตัวจริง แค่เดินเข้าไปใกล้ๆท่านเท่านั้น

ไม่ว่าเป็นอะไรอยู่ก็จะหายครับ

เหมือนกับที่ท่าน อ.อุบลได้ อาราธนาบารมีพระศรีอาริย์มาให้ทุกคนได้สัมผัส โดยเมื่อคนที่มีอาการเจ็บป่วยต่างๆ

ได้่เดินเข้าไปใกล้ๆท่านอาจารย์ก็มีอาการดีขึ้นหรือหาย

นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่า บารมีของพระศรีอาริย์นั้นถ้าของจริงจะต้องเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วหายป่วย

ดังนั้นเบสคิดว่าคนที่คิดว่าเป็นพระศรีอาริย์นั้น

จะต้องพิสูจน์ด้วยการให้คนที่เจ็บป่วยอยู่ได้ลองเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วถ้าคนนั้นหายจากอาการเจ็บป่วย

ก็ถือว่ามีโอกาส หรือมีคุณสมบัติ 1 ข้อแล้ว ที่จะเป็นพระศรีอาริย์

แต่เบสคิดว่าคุณสมบัติของท่านนั้นน่าจะมีหลากหลาย

ไม่ใช่แค่เดินเข้าไปใกล้ๆแล้วหายอย่างเดียวหรอกนะครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:41:11


ความคิดเห็นที่ 10 (1633135)

อนุโมทนาจ้า คูณธนา 

                   อ่านและน้อมจิตตามข้อความของพ่อใหญ่อยู่จ้า ใช้หมองคิดตามทุกตัวหนังสือและได้ยินเสียงอาจารย์ดังก้องอยู่ในหัวอกหัวใจตลอดเวลา เชื้อว่าลูกบ้านสวนทุกคนคงไม่มีใครนี่งดูดายหรอคะ บ้างกำลังตามหาอยู่ บ้างกำลังรวบรวมเรื่องราวเพื่อที่จะนำมาแบ่งปันว่าไปประสบพบเห็นอะไรมาบ้าง หลังจากกลับมาจากบ้านสวน สวนใครที่อยู่ร่วมงานจนจบจะได้ยินท่านให้พร เชื่อว่าสัมผัสได้มันเย็ยจับจิตจริงๆดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมเข้าค่าย13ในครั้งนี้   อ่านไปจิตร้บสัมผัสไปทำให้เข้าใจว่าพ่อใหญ่ธนาไม่เหงากร้าบทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนคงกำลังไช้หมองและมองหาท่านที่มีคูณสมบัติตามที่เรารับทาบกันมาหรือ  

    บ่างก็คิดว่าพบแล้วชึ่ง (ก็น่าคิดนา )ดวงจิตของพระองค์อาจจะเสด็จ์มาแล้วหลายดวงแต่ย้งไม่มารวมเป็นหนี่งเดียว อาจจะรอวาระที่จะเสด็จมารวมกัน จิตเดินทางเร็วก่างเสียงไช้สมาธิจิตให้เป็นสื่อ หลายๆดวงรวมเป็นหนี่งเดียว เหมียนที่ท่านอจารย์บอกไช้จี้อันเดียวแต่หลายคนพู้งจิตไปที่จี้ก็จะได้พล้งงานยกกำลังทวีคูณ โดนการพุ้งจิตที่เป็นกุศลส่งไปหาพ่อใหญ่ธนารวมเป็นหนึ่งอยู่เหมือนป้าติ๋มก็เป็นได้ ว่างัยค่ะเพื่อนๆ ตอนอ่านมาถึงช่วงท้านจิตได้กลี่นหอมอ่อนๆเย็นสบายบางเบาแต่หอม โดยที่เราคูยกับจิตว่าถ้าผิดจากที่เราคิดให้กลี่นจางหายไป แต่ถ้าตรงกับจิตให้คงความหอมไว้ ปรุปกลีนยังอยู่มันหอมที่จิตนะ (เค้าเรีอกหอมศิล) ขอออกเดินทางตามหาองพระศรีอาริย์ก่อนนะจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 21:46:26


ความคิดเห็นที่ 11 (1633139)

  เรียนคุณธนา และ ญาติธรรมชาวบ้านสวน ที่ตระหนักในการตามหาพระศรีอาริย์

     จากค่าย 13 ที่ผ่านมาเราก็คงตระหนักกันได้ดีทีเดียวว่า พบพระศรีอารืย์ ที่ท่านอาจารย์อุบลเป็นผู้อัญเชิญ เพราะพออาราธนามา อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ก็หายกันเป็นแถว โดยได้พบมากับตัวเองว่า หลังที่ปวดหายไป อาการเจ็บฝ่าเท้าเบาลง อาการเจ็บคอ เพราะเป็นหวัด ก็เบาลงมาก อันนี้เชื่อได้แน่นอน การันตีได้ค่ะ

    ก่อนที่จะตามหาพระศรีอาริย์กันใน web นี้ ก็ขอเล่า workshop ของท่านอาจารย์อุบลในค่าย 13 ที่ท่านให้ตามหาพระศรีอาริย์ โดยตั้งคำถามขึ้นมาว่า ถ้าพระศรีอารืย์ปรากฎตัวขึ้นจริง (จริงอยู่แล้ว.....) ท่านจะมีวิธีการใดในการปราบมาร หรือคนไม่ดี ในยุคนี้   ขอเน้นคำว่าในยุคนี้นะคะ เพราะจากที่จิ๋ม มีส่วนร่วมทำ workshop กับกลุ่มของเรา เขาจะใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้ามาทำการปราบ เช่น ให้ใช้สติปัญญา ความอดทน หาเหตุ แก้ที่เหตุ ใช้พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และทำทุกอย่างด้วยความสงบ บางท่านบอกว่าให้พูดซ้ำ หลาย ๆ ครั้ง จนกว่าเขาจะเชื่อ ถ้าไม่เชือ่ก็เป็นกรรมของสัตว์ แต่จิ๋มไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเราอยู่ในยุคใหม่ มีแต่คนชั่ว กิเลสหนา ปัญญาหยาบ เขาจะมาอดทนฟังเราหรือ ต้องใช้วิธีที่รุนแรงกว่านี้ เช่น หาตำรวจแห่งความดีไปจับ แล้วทำโทษด้วยปาฏิหารย์ให้คนคนนั้นได้รับทุกข์ทรมาณให้เข็ด  ในกลุ่มของจิ๋ม ก็มีคุณป้อม อยู่ด้วยเขาก็เห็นด้วยกัน

แต่ภาพรวมของกลุ่มเป็นยังงั้น เขาบอกว่า เคยฟังบทสวดบูชาพระศรีอาริย์มั๊ย มีคำว่าสันติเกโล  ดังนั้นคุณควรทำด้วยสันติสิ เราก็เลยพับความเห็นของเราลงกระเป๋าอย่างเรียบร้อย

        ในกลุ่มของจิ๋ม มี พี่อุ๊คนสวย (อย่างไม่น่าเชื่อ) เขาสวยเพราะแรงบุญค่ะใครไม่เห็นก็คงไม่เชื่อว่าอายุจวน 60 แล้ว พี่อุ๊ให้จิ๋มเป็นตัวแทนไปพูด ก็เลยพูดตามที่กลุ่มเขียนมา แต่พอคุณธนา ถามว่า มันไม่เห็นเป็นรูปธรรมเลย  เท่านั้นแหละ คำถามนี้ก็เลย ทำให้เราผุดเอาความคิดเดิมของเราขึ้นมาอีก  จำได้ว่า ระยะหนึ่ง ชาวบ้านสวนจะมีคนมาก่อกวน เป็นคนขี่รถมอเตอร์ไซด์ที่อาจเมา มานั่นดาคนในบ้านสวน  พวกเราก็ไม่ตอบโต้ จนในที่สุด อาจารย์อุบลก็ได้วางแผนให้พวกเราช่วยกันตอบโต โดยเอาผู้ชายตัวใหญ่ ๆ เข้าไปรุม และข่มขู่ และใช้คำถามว่า อาจารย์อุบล ท่านทำอะไรให้คุณเดือดร้อนหรือ คุณถึงมาทำอย่างนี้กับท่าน เป็นต้น และทำการสอนบาปบุญคุณโทษไปด้วย พวกเขาคงเจอคำสอนดี ๆ ที่กระแทกใจ รวมกับกลัวถูกทำร้าย จาก รปภ.บ้านสวน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้ามาระรานเราอีก

จึงเห็นได้ว่าวิธีที่พระศรีอารืย์ในยุคใหม่ที่จะนำมาใช้สอนคน ต้องดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัย อย่างเช่น ในบ้านสวนพีระมิด จะมีการนำกฎแห่งกรรมมาเตือนกันอย่างถึงลูกถึงคน เช่น คุณเจี๊ยบ ยกหิน ถูกหินกระแทกนิ้ว เลือดสาด เพราะเนื่องจากใช้มือทำกรรม เขียนใบภาษีให้บิดเบือนความจริง เป็นต้น คุณอมร โดยค้อนขนาดแปดปอนด์ทุบนิ้วจนบวมเป่งเท่าลูกบอล เพราะชอบใช้มือในการผิดศีลข้อ 4 และ ข้อ 3 เป็นต้น

หวังว่าข้อมูลจากการทำ workshop ค่าย 13 จะมีส่วนช่วยในการตามหาพระศรีอาริย์ที่คุณธนาตั้งกระทู้ขึ้นมานะคะ เราลองมาดูกันซิว่า พระศรีอาริย์ที่เรากำลังตามหานั้น ใครมีวิธีในการปราบอธรรมที่ได้ผลชะงัดอย่างนี้บ้าง ถ้ามี...... ก็น่าจะเป็นทางที่เราเข้าใกล้ท่านได้ในที่สุดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:02:37


ความคิดเห็นที่ 12 (1633142)

 ขอเข้ามาเมนท์ด้วยคนนะ

พระองค์ต้องสามารถ หรือมีวิธีการที่รวมทุกศาสนา และความเชื่อในโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างเป็นรูปธรรมพระองค์ต้องสามารถ หรือมีวิธีการที่รวมทุกศาสนา และความเชื่อในโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างเป็นรูปธรรม

 

เห็นด้วยค่ะ  นั้นแสดงว่า  การกล่าวสัจธรรมของท่านผู้ที่ตามหานั้น  จะเป็น

 

สไตล์สากล  คือ  ใครฟังก็รับได้  ไม่จำกัดค่าย   

 

และขออนุญาตแนะอีกประเด็นที่เราเห็นว่า...

 

โดดเด่นมากกกก...

 

จนรู้สึกอัศจรรย์  รู้ึสึกทึ่ง  รู้สึกฉงนฉงาย

 

และจุดประกายให้กับตัวข้าพเจ้าเป็นอย่างมากว่า

ทำไมเราไม่ได้เกิดในยุคสมัยนั้นนะ

และทำยังงัยเราจึงจะได้มีวาสนาเกิดในยุคสมัยนั้นนะ

 

ซึ่งก็คือ...

เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่มีการกล่าวขานถึง ...

ในสมัยพุทธกาลว่า...

 

...มีผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์

ได้อย่างฉับพลันในทันทีทันใด

เมื่อได้มีโอกาสฟังสัจธรรมที่พระพุทธองค์ได้แสดงเฉพาะหน้า...

 

นี่คือ  คุณสมบ้ตอันโดดเด่นที่น่าสนใจทีเดียวนะคะ

 

หากว่าได้พบเจอหรือได้ยินถึงการกล่าวขวัญถึงท่านผู้มีคุณสมบัติตามนี้

ก็จงเปิดโอกาสให้กับตัวเอง

เพื่อจะได้ฟังสัจธรรมจากท่านและเปิดใจรับฟัง

 

แล้วท่านก็จะทราบด้วยตัวเอง

ถึงอานุภาพแห่งความแจ้ง  ความสว่างไสว  

เมื่อได้รับฟังสัจธรรมจากท่าน  

(ตามคำกล่าวที่ว่า  ปัจจัตตัง  ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)

 

...ขอให้โชคดีค่ะ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ วงษ์กิ่ง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:07:40


ความคิดเห็นที่ 13 (1633156)

 1.กำหนดคุณสมบัติของพระศรีอาริย์

- คนที่สัมผัสบารมีของท่านแล้วหายทันที ก็เป็นสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์นะครับ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นการยืนยันได้ข้อนี้ทำให้คนยอมรับได้ 

- ท่านจะมารวมศาสนา ก็คือแสดงให้ทุกศาสนาเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรม ไม่ว่าศาสนาไหนก็อยู่บนกฎเดียวกัน 

- ท่านจะมาปราบอธรรม ก็คือ เปลี่ยนคนที่ไม่ดีให้หันมาเป็นคนดีได้ ด้วยหลักธรรม และความเมตตา ให้พบช่องทางเพื่อให้ได้อยู่ในยุคของท่าน

- ธรรมมะที่ท่านแสดงนั้นจะต้อง เปลี่ยนคนได้แบบทันที เหมือนในสมัยพุทธกาลที่ฟังเทศน์บทเดียว บางคนก็เป็นพระโสดาบัน เป็นต้น 

     ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ตามตำรา เช่น คำทำนายยุครัตนโกสินทร์ ที่พูดถึง นารีขี่ม้าขาว นี่ก็น่าสนใจครับ 

      

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:12:56


ความคิดเห็นที่ 14 (1633165)

  คุณสมบัติของพระศรีอารย์

- ทรงตั้งความปรารถนาช่วยเหลือหมู่สัตว์ให้พ้นวัฎทุกข์คือการเวียนว่ายตายเกิด

- ได้รับการทำนายจากพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นการรับรองว่า

   บุคคลผู้นี้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

- ปฎิบัติธรรมในหมวดที่ชื่อว่าบารมี 10  เมื่อปฏิบัติสมบูรณ์แล้วจะทำให้ตรัสรู้ได้เหมือนกัน

 

  ลูกขอกราบ กราบ กราบ

 

   

 

    

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 23:59:02


ความคิดเห็นที่ 15 (1633171)

ในความคิดของเหมียวนะค่ะ  

เมือถึงยุคนั้นแล้วเนี้ย ทุกอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ในปัจจุบันก็จะถูกเปลี่ยนสภาพหมด จากคนเจ็บป่วยจะไม่มีคนเจ็บป่วยจะมีแต่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง จากคนที่เคยทำชั่วไม่รักษาศีลเมื่อได้ฟังคำสอนของท่านก็สามารถเปลี่ยนใจอย่างทันที ถ้าในยุคนั้นแล้วจะไม่มีความแตกแยกทางด้านศาสนา จะต้องเท่าเทียมกันทางด้านฐานะทางการเงิน บางครั้งยุคนั้นอาจจะไม่ต้องใช้เงิน เพียงคิดว่าต้องการอะไรก็จะปรากฎให้ตามต้องการ ส่วนการศึกษาคนก็ไม่ต้องเรียนหนังสือก็สามารถรู้ได้โดยการหยั่งรู้  ไม่มีการอิจฉาริษยา มีแต่ความรักที่บริสุทธิ์ต่อกัน

คุณสมบัติของท่าน เหมียวคิดว่า อันนี้จะคิดเหมือนน้องเบส ที่ว่าเพียงเดินผ่านท่านโรคที่เป็นอยู่ก็จะหายเพราะท่านเป็นผู้มีบารมีมากล้นจริงๆ เพราะจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในบ้านสวน ของผู้ที่เดินผ่านท่านอาจารย์ตอนท่านอาจารย์อุบลอาราธนาบารพระศรีอาริย์มาสถิตย์ในตัวของท่านอาจารย์ ทำให้บางคนหายจากโรคทันที บ้างก็จะมีอาการอยู่  แต่นี้ท่านมาเพียงแค่บารมีของท่านเท่านั้นยังมีผลขนาดนี้ ถ้าท่านมาปรากฎพระวรกาย เหมียวคิดว่า เพียงแค่ภายในรัศมีมองเห็นอยู่ห่างๆไม่ต้องเข้าใกล้ก็หายได้

นี้เป็นคุณสมบัติแรกที่คิดว่าน่าจะเข้าข่ายของการตามหาพระองค์ท่าน 

แต่ที่คุณติ๋มบอกว่าดวงจิตของพระองค์เสด็จมาแล้วหลายดวงแต่รอการรวมให้เป็นหนึ่ง ถ้ามองทางนี้ก็น่าสนใจมากนะค่ะ  แล้วเราจะต้องหาดวงจิตทั้งหมดที่มาเกิดเป็นมนุษย์ให้มารวมตัวอยู่ในที่แห่งเดียวกันให้ได้จนครบก่อน แล้วพระองค์ท่านจะปรากฎพระวรกายที่แท้จริง แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆเราจะต้องตามหาจำนวนเท่าไหร่เราจะรู้ได้อย่างไร

แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากหาคำตอบให้เจอ เหมียวเชื่อว่าผลจากการระดมความคิดในการทำ work shop ได้ประโยชน์เป็นอย่างมากเลยค่ะ ยิ่งถ้าในเวบแล้วยิ่งหลายความคิด พวกเราอาจจะพบพระองค์ท่านในไม่ช้าก็ได้นะค่ะ  งั้นเดี๋ยวขออนุญาตไปนอนคิดก่อน เผื่อจะหูแว้วเหมือนตอนตื่นตอนเช้าวันนี้เหมือนมีใครมากระซิบว่า แต่ละคนต่างก็ต้องทำหน้าทีต่างกันไป^^

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:31:28


ความคิดเห็นที่ 16 (1633173)

 

1) กำหนดคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าเป็นอย่างไร

1.1)เริ่มจากความต้องการของมนุษย์เรานี่แหละ แคบเข้ามาอีกก็คือความต้องการของตัวเรานี่เองเช่น

     - เราอยากหายเจ็บ

พระศรีอาริย์ต้องสามารถทำให้เราหายเจ็บ หายป่วยได้ฉับพลันทันทีด้วยวิธีที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีพิธีกรรมต่างๆ เช่น แค่เราเข้าใกล้ก็สามารถหายได้

     - เราไม่อยากจน อยากมีเงินทอง สุขสบาย

พระศรีอาริย์สามารถบอกวิธีที่เราจะพ้นจากปัญหาความยากจน หรือมีหนี้สิน  เป็นวิธีที่ทำแล้วได้ผลจริงรวดเร็ว 

      - ท่านจะมาปราบมาร

โดยเมื่อท่านมาแล้วจะทำให้คนชั่ว คนทำผิดศีล ต้องได้รับผลกรรมชั่วทันทีทันใด   พวกเค้าจึงจะสำนึกและกลัวที่จะทำชั่ว โดยท่านต้องใช้ทั้งบุญฤทธิ์และธรรมฤทธิ์

    

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:43:28


ความคิดเห็นที่ 17 (1633179)

ทำให้เราผุดเอาความคิดเดิมของเราขึ้นมาอีก  จำได้ว่า ระยะหนึ่ง ชาวบ้านสวนจะมีคนมาก่อกวน เป็นคนขี่รถมอเตอร์ไซด์ที่อาจเมา มานั่นดาคนในบ้านสวน  พวกเราก็ไม่ตอบโต้ จนในที่สุด อาจารย์อุบลก็ได้วางแผนให้พวกเราช่วยกันตอบโต โดยเอาผู้ชายตัวใหญ่ ๆ เข้าไปรุม และข่มขู่ และใช้คำถามว่า อาจารย์อุบล ท่านทำอะไรให้คุณเดือดร้อนหรือ คุณถึงมาทำอย่างนี้กับท่าน เป็นต้น และทำการสอนบาปบุญคุณโทษไปด้วย พวกเขาคงเจอคำสอนดี ๆ ที่กระแทกใจ รวมกับกลัวถูกทำร้าย จาก รปภ.บ้านสวน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้ามาระรานเราอีก

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-08 22:02:37

 

 

 

ดร.จิ๋มคะ

วันนั้น พวกลูกบ้านสวน

ไม่ได้ใช้ผู้ชายตัวใหญ่ไปรุมหรอกค่ะ

 

แต่

มีแต่ผู้หญิง และ เด็กค่ะ

ไม่ได้ไปรุมค่ะ แต่ไปยืนขวางรถเลย

แล้วก็ล้อม ด้วยความสุภาพค่ะ

ไม่มีการข่มขู่แต่ประการใด

แต่ใช้คำถามค่ะ

แต่ละคน ก็ถาม ตามสไตล์ตัวเอง

เช่น

-อิจฉาเหรอ

ที่เห็นที่นี่เจริญ มีคนนับถือ

-หมั่นใส้เหรอ 

-พวกเราไปทำอะไรให้คุณเหรอ

ฯลฯ

ประมาณนี้ค่ะ

 

แล้วก็ไม่ใช่คนเมาเหล้าค่ะ

แต่เป็นพวกคนขายยาบ้าค่ะ

เพราะ

พวกเราถามไปว่า

ที่คุณมาพูดระรานคนอื่นเนี่ย

ถ้าคุณเจอบ้าง จะเป็นยังไง

แล้วพวกเราก็ทดลอง

ทดสอบแรงเสียดทานของเขา

เพื่อให้เขาได้สำนึกว่า

เวลาที่ตัวเองโดนบ้าง จะรู้สึกยังไง

โดย

ทุกคนพูดพร้อมๆกันว่า

-คนบ้า คนขายยาบ้าๆๆๆๆๆๆๆ

เท่านั้นแหละค่ะ

ออกอาการยอมรับเลย

ด้วยอาการปากสั่น ตัวสั่นเลย

ซึ่งพูดคำอื่นไม่ค่อยสะทกสะท้าน

แต่พอจี้จุด คนขายยาบ้า เท่านั้นแหละ

แกหน้าถอดสี ปากสั่น มือสั่นเลย

 

ซึ่งก่อนหน้านั้น

จะซ่ามาก ชอบด่าคนที่ทำงาน

หน้าบ้านสวนว่า บ้า ปัญญาอ่อน ถูกหลอก

 

อันนี้

เป็นวิธีการหยุดยั้ง

การประกอบกรรม สำหรับผู้ที่

ให้เกียรติมาเยือนบ้านสวนพีระมิด

หรือผ่านหน้าบ้านสวน

แล้วคิดว่าอยากแสดงบทคนเก่ง

ฉันไม่สนใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ฉันจะท้าทาย ด่าว่า พวกหน้าโง่

ปฏิบัติธรรมแล้วไม่สู้คน

 

อันนี้

ไม่ใช่ อ.อุบล หรอกค่ะ

 

พระพุทธเจ้า

ไม่ได้สอนให้ปฎิบัติธรรม

แล้วโง่ หรือ ปล่อยให้คนมาละเมิด

โดยไม่ได้แสดงความ

"เมตตา"

 

ซึ่งการแสดงความเมตตา

จะแสดง หรือ ใช้ลีลา ต่างกัน

กับคนที่เป็นผู้ดี ก็ใช้แค่การมอง

เขาก็รู้ตัวแล้ว

 

กับคนที่ มีสามัญสำนึก

แค่เล่าเรื่องคนหนึ่งให้ฟัง

เขาก็ต้องสำรวจตัวเองแล้ว

 

สำหรับบางคน

ที่ความรู้สึกลึก ต่อมความรู้สึก

ด้านหนา ต้องใช้ลีลาคนละแบบ

หลวงพ่อฯท่านก็บอก

ถ้าเป็นลีลาในการปกครอง

หรือปราบมาร ท่านให้ทำได้ตามจริต

ตามพื้นฐานระดับของคน

ใช้เหมือนกันไม่ได้

 

บางคน

สอน พูด จนปากฉีก

ก็ไม่มีผลหรอก

 

ลงโทษ

ก็ได้ผลกับบางคน

บางคนไม่ได้รู้สึกเลย

เพราะมันไม่ตาย ยังหายใจได้

 

บางคน

ต้องทำให้เกิดความอาย

จึงจะหยุดทำ คือ จะหยุดต่อเมื่อ

มีคนรู้ และ มีการเจาะจง

ว่าเป็นเรา เท่านั้น

 

อย่างอีตาหมอนี่

แกมีพฤติกรรมเสพยาด้วย

(มีคนแถวนี้แหละแอบบอก)

 

เราก็เลย

ต้องช่วยแก ให้แกหยุด

สร้างกรรมให้ตัวเอง

เพราะ

กรรมที่แกสร้างเป็น

อนันตริยกรรม

คือ

เห็นผิดจากทำนองครองธรรม

 

แกคิดว่า

การทำความดี คือความโง่

 

คิดว่า

การขายยาบ้า เสพยาบ้า

เป็นความฉลาด น่ายกย่อง

 

แกจึงมาว่า

คนที่เขาดายหญ้า รดน้ำต้นไม้

ว่าโง่ ปัญญาอ่อน

 

ซึ่งแกจะขี่มอเตอร์ไซด์

ส่งยาบ้า เป็นประจำ ว่างั้นเถอะ

 

อันที่จริง

หัวหน้าสายแกคงโง่น่าดู

เพราะถ้าฉลาดจริงๆ แกต้อง

สงบ เงียบ พยายาม ไม่มีเรื่องกับใคร

จะได้ไม่มีคนสนใจ ไม่มีคนจับได้

ไม่มีคนสืบเสาะประวัติ

หรือสะกดรอยติดตามแก

จนรู้ว่าแกทำอะไรที่ผิดกฏหมาย

 

แล้วเราก็เลยเข้าใจเลยว่า

ทำไม พวกค้ายาบ้า

ต้องมีการฆ่าตัดตอน หักหลังกันเอง

 

เพราะ

ถ้าพวกเดียวกันเอง

ชอบหาเรื่อง เป็นนักเลง

แกว่งเท้าหาเสี้ยน คนคนพาล

 

นำภัยมาให้พวกพ้อง

หรือ

ต้นตอ ถ้ามีเรื่องกับคนนั้น คนนี้

เดี๋ยวมีเรื่อง มีคดี ถูกสอบ ถูกจับขึ้นมา

คราวนี้ จะโดน หลายกระทง

โดนสาวถึงต้นตอแน่

 

เพราะคนพวกนี้

พอเวลาจะตาย ก็ต้องเอาตัวรอด

ซัดทอด ให้ตัวเองรอดไว้ก่อน

 

จึงมีปรากฎการณ์

ฆ่าตัดตอน

ให้เราเห็นเป็นข่าวตลอดทางทีวี.

 

เพราะ

ได้พวกนี้โง่ส่งกลิ่น

ทำให้คนเขารู้ เพราะ ความซ่าส์

ความบรมโง่ ไปหาเรื่องคน

ชักศึกเข้าบ้าน

นั่นเอง

 

ได้เจ้าหมอนี่นะ

ดร.จิ๋ม

เราใช้แค่เด็กกับผู้หญิง

ก็ซีดแล้ว

 

ส่วนผู้ชายตัวโต

ออกมาทีหลังค่ะ ตามฟอร์ม

พระเอก ต้องออกทีหลัง

หรือ

ตำรวจ ต้องมาตอนจบ

หลังจาก ผู้ร้าย ถูกยิงตายแล้ว

ค่อยมา(ดูหนังไทยมาจ้า)

 

ซึ่งเราฝึกความกล้า

ที่จะแสดงความเมตตาหลายรูปแบบ

 

ดังนั้น

ต่อไป ประเทศไทย

และโลกใบนี้ ต้องมีการรวมตัว

ของคนดี คนกล้า ไม่จำเป็นว่า

จะตัวเล็กตัวใหญ่ หญิงหรือชาย

เด็ก หรือ ผู้ใหญ่

 

มันอยู่ที่ใจ

ที่จะร่วมกันปกป้อง

พวกพ้องน้องพี่ ปกป้องคนดี

ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

 

มันต้องเริ่ม

จากการปกป้องคนใกล้ตัวเรา

ให้ได้ ไม่ให้มีคนกล้าละเมิด

เสียก่อน

 

จึงจะไปปกป้องคนไกลตัว

และ

ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ได้

 

แหม

ว่าซะยาวเลย อ.อุบล

 

พวกเรา

จะทำตัวเป็นมดแดง

ที่ไม่กลัวช้าง อีกต่อไป

ใครที่จะมาทำลายล้างความดี

ก็เชิญรี่เข้ามาเลย

 

ตอนนี้

มีสัตว์นานาชนิด

รอต้อนรับอยู่จ้า

(โดยเฉพาะ ควาย และ มดแดง)

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 00:56:26


ความคิดเห็นที่ 18 (1633209)

ขออนุญาตเล่าบรรยากาศการเข้าค่าย 13 ไว้ในกระทู้นี้ของคุณธนา

ก่อนหน้านี้หลายท่านบอกว่า ค่าย 13 ย่อมไม่ธรรมดา
ใช่เลย ! ไม่ธรรมดาจริงๆ
ทั้งรูปแบบกิจกรรม ความเข้มข้นของกิจกรรม เพิ่มเท่าทวีคูณกว่าค่ายก่อนๆ
 
เริ่มกิจกรรมวันแรก - เราร่วมกันสร้างบุญด้วยแรงกายเต็มที่เต็มกำลังและเต็มวัน  ซึ่งล้วนเป็นงานที่อาศัยกำลังใจและแรงศรัทธาเกิน 100  มีทั้งงานตัดเหล็ก ดัดเหล็ก ผูกโครงเหล็กทำเสาของอาคาร งานขนทราย-หิน-ปูนใส่เครื่องโม่ผสมปูน งานเทปูน งานก่ออิฐฐานเสา งานขนเศษหินเศษกระเบื้องมาถมหลุมให้เต็ม บ้านสวนใช้ทรัพยากรสุดคุ้มค่าคุ้มประโยชน์จริงๆ และงานที่จงละเลยคือ เมื่อเรามองไปตรงไหน เดินไปที่ใด เมื่อเห็นเศษใบไม้ใบหญ้าหล่นอยู่บนพื้น อย่ารอช้า..รีบเก็บรีบโกยใส่ถุึงเพื่อไว้สำหรับทำปุ๋ยชีวะภาพ
 
สิ่งมหัศจรรย์ใจที่สุด ทั้งเกิดกับตัวเองและได้ยินคนอื่นพร่ำบอกกัน คือกิจกรรมสร้างบุญใช้แรงกายตลอดทั้งวันนี้ ดูจะเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่ทุกคนกลับทำงานด้วยความรู้สึกเบาสบาย ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยซะนิด
 
เป็นเพราะอะไร ? ก็เพราะพระบารมีและความเมตตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนทุกพระองค์ และของท่านอาจารย์อุบล ที่ช่วยให้พวกเรารวมใจสามัคคีกัน ลุยงานกันด้วยความอึด ไม่มีคำว่าเหน็ดเหนื่อยเลย
 
อีกทั้งท่านอาจารย์ได้เมตตาบอกเคล็ดลับพวกเรางัยล่ะ..
เวลาพวกเราทำงานนะ มือก็ทำไป ปากก็อย่ามัวแต่คุยกัน แต่ให้ท่องคาถาพระศรีอาริย์ตลอดเวลาที่ทำงาน ใครที่สวดคาถาได้ครบวันละ 99 จบ ติดต่อกัน 9 วัน  จะพบความมหัศจรรย์อย่างเหลือประมาณ
 
ขอบอกว่า..เพียงแค่วันแรกที่พวกเราท่องคาถาพระศรีอาริย์ไปด้วยทำงานไปด้วยตลอดทั้งวัน..พวกเราก็ได้รับอานิสงค์ฉับพลันแล้วล่ะ คือสามารถทำงานลุยงานหนักได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเลย
 
แล้วไม่ใช่ท่องคาถาแค่วันนี้พอแล้ว แต่ท่านอาจารย์เมตตาสอนว่าทุกวัน จะเวลาไหน จะทำอะไร ก็ให้พวกเราท่องคาถานี้ให้คล่องใจคล่องปาก ยิ่งท่องคาถาได้มากเท่าไหร่ อานุภาพยิ่งมากเท่าทวีคูณ  ดังนั้นไม่ว่าขณะขับรถ รถติดไฟแดง เข้าห้องน้ำ เดินไปเดินมา คือทุกอริยาบท ก็ให้เราท่องคาถาพระศรีอาริย์ตลอดเวลา  ถ้าเรื่องนี้เราคิดว่า จะไหวเหรอท่องคาถาวันละ 99 จบให้ครบ 9 วันต่อเนื่องกัน  ขอบอกว่าชิลๆ เลยล่ะ เพราะได้พิสูจน์แล้ว ขณะขับรถไป ท่องไปเรื่อยๆ ลองจับเวลาทุก 1 นาที เราจะท่องคาถาได้ 7-10 รอบ ดังนั้นแต่ละวันหากเราใช้เวลาระหว่างขับรถไปทำงาน ขับรถกลับบ้าน เราสามารถท่องคาถานี้ได้มากกว่า 99 จบต่อวัน และเมื่อเราทำทุกวันจนเป็นนิสัย ต่อให้ท่องคาถาวันละ 99 จบใน 99 วัน / 999 วัน / 9ล้าน99วัน ย่อมทำได้แน่นอนค่ะ
 
และลูกขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบล ที่เมตตาพวกเราค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ภวยา เส็งพานิช (กระเต็น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 06:21:41


ความคิดเห็นที่ 19 (1633213)

ท่านอาจารย์ขา...

ธรรมทานเรื่อง ควาย 3 ประเภท ได้ฝังอยู่ในจิตและสมองอย่างแนบแน่นค่ะ

คำพูดของท่านอาจารย์ ดังก้องในใจในตัวหนู..ตลอดเวลา ...

ลูกบ้านสวน ควรกระทำตนให้เหมือน ควายประเภทไหน

1. ลูกควาย / ควายที่อ่อนแอ - ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

(ถ้าเราเลือกควายประเภทนี้ ก็จงยอมรับชะตากรรมว่า เราต้องต่อสู้ดิ้นรนแต่เพียงลำพังเพื่อรักษาชีวิตให้รอด  แต่อย่าหวังว่าจะมีใครมาช่วยเหลือมาปกป้องคุ้มครอง)

2. ฝูงควาย ที่เอาแต่ยืนห้อมล้อมกันเฉย แต่ไม่ทำอะไรเลย ไม่ออก Action อะไร ขี้กลัวขี้ขลาด ไม่กล้าลุยเพื่อปกป้องและช่วยเหลือเพื่อน

(ถ้าเลือกควายประเภทนี้ ก็จงยอมรับว่า ตัวเราขี้ขลาด เห็นแก่ตัว รักแต่ตัวเอง safe ตัวเองสุด เราก็ต้องเจอคนอยู่รอบกายที่เป็นประเภทเดียวกัน ฉะนั้นอย่าหวังว่าจะมีใครมากางแขนปกป้องเรา)

3. ควายผู้นำ/ควายจ่าฝูง ที่ลุยที่เตะไล่เสือไล่สิงโต ไม่ขี้ขลาด กล้าเผชิญหน้าศัตรูเพื่อปกป้องและช่วยเหลือลูกควายให้รอดพ้นจากการเป็นเหยื่อของเสือและสิงโต  ซึ่งที่สุด ควาย 1 ตัว สามารถช่วยชีวิตลูกควายให้รอดพ้นจากฝูงเสือ 4-5 ตัวที่มารุมล้อมได้  แต่ฝูงควาย 10-20 ตัวกลับไม่ได้ช่วยชีวิตลูกควายเลย) 

(ถ้าเลือกเป็นควายประเภทนี้ เราจะรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองที่ชาตินี้เกิดมาได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ เมื่อปากและใจเราบอกว่ารักและเทิดทูน เราก็ต้องกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวอะไร พร้อมที่จะอ้าแขนปกป้องและต่อสู้เพื่อรักษา 3 สถาบันหลัก , ท่านอาจารย์อุบลและบ้านสวน ให้มั่นคงและปลอดภัย)

ธรรมทานเรื่องนี้ เป็นบทเรียนเป็นสิ่งที่เตือนใจเรา..ถามตัวเองบ่อยๆ ย้ำตัวเองบ่อย .. เวลาที่บอกว่า รักและศรัทธาท่านอาจารย์และบ้านสวน รักและเทิดทูนในหลวงยิ่งกว่าชีวิต รักและเทิดทูน 3 สถาบัน ร่มโพธิ์ศรีเป็นที่สุด..แต่เราได้ออก Action อะไรบ้างหรือยัง ที่แสดงว่าเรารู้สึกเช่นนั้นจริง เราได้พิสูจน์ตัวเราเองหรือยัง ต่อนี้ไปเราจะไม่พูดเพียงลมปาก แต่เราต้องแสดงความจงรักภักดีต่อ 3 ร่มโพธิ์ศรี , ท่านอาจารย์อุบลและบ้านสวน ที่มีพระคุณต่อพวกเราอย่างสุดประมาณ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภวยา เส็งพานิช (กระเต็น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 07:04:26


ความคิดเห็นที่ 20 (1633237)

ได้อ่านการเข้าค่าย 13 เพื่อระดมสมองของทุกท่านและแบ่งกลุ่มกันทำงาน

มาพรีเซนต์ของแต่ละกลุ่ม  เพื่อกำหนดคุณสมบัตของพระศรีอาริย์ให้แคบลง

ด้วยสมองที่มีความรู้แค่น้อยนิดของพี่ตุ๊ก คือ  อยากอยู่ถึงพระองค์ท่านเพราะมีแต่คนดี   มีความรักความสามัคคีช่วยเหลือแบ่งบัน  จะไปไหนมาไหนก็มีแต่ผู้คนยิ้มแย้มไม่ต้องเป็นห่วงบ้านว่าจะมีขโมย  เพราะผู้คนรักษาศีล 5  แล้วฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้านละแวกที่เราอยู่  และคนใกล้ตัวเรานี่ถ้าเราไม่แข็งแรงจริงๆเราก็จะตามเขาไปอีกหนึ่งคน คือตัวเราเอง  บอกตรงๆว่าพี่ยังหวั่นไหวกับเรื่องต่างๆเกี่ยวกับคนรอบข้างแต่พี่ก็จะพยายามนะค่ะ   เรื่องตายเราก็หนีไม่พ้นเราจะพยามหารายชื่อคนที่จะเข้าค่ายพระศรีอาริย์แล้วมาพิสูจน์กันแต่ที่พี่นึกอยู่ตอนนี้คือ...ท่านอ.อุบล   แห่งบ้านสวนฯ   คนอื่นยังไม่เห็นเลย  มีถึงจะถือศีลแปดตลอดชีวิตแต่ก็ยังทานเนื้อสัตว์อยู่   ไม่เข้าข่ายใช่ไหมค่ะ

โมทนาบุญกับคุณธนาและทุกท่านค่ะพร้อมที่จะเป็นกำลังใจกำลังกายเท่าที่จะทำได้ด้วยสมองอันน้อยนิด

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 10:24:07


ความคิดเห็นที่ 21 (1633238)

ได้อ่านการเข้าค่าย 13 เพื่อระดมสมองของทุกท่านและแบ่งกลุ่มกันทำงาน

มาพรีเซนต์ของแต่ละกลุ่ม  เพื่อกำหนดคุณสมบัตของพระศรีอาริย์ให้แคบลง

ด้วยสมองที่มีความรู้แค่น้อยนิดของพี่ตุ๊ก คือ  อยากอยู่ถึงพระองค์ท่านเพราะมีแต่คนดี   มีความรักความสามัคคีช่วยเหลือแบ่งบัน  จะไปไหนมาไหนก็มีแต่ผู้คนยิ้มแย้มไม่ต้องเป็นห่วงบ้านว่าจะมีขโมย  เพราะผู้คนรักษาศีล 5  แล้วฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้านละแวกที่เราอยู่  และคนใกล้ตัวเรานี่ถ้าเราไม่แข็งแรงจริงๆเราก็จะตามเขาไปอีกหนึ่งคน คือตัวเราเอง  บอกตรงๆว่าพี่ยังหวั่นไหวกับเรื่องต่างๆเกี่ยวกับคนรอบข้างแต่พี่ก็จะพยายามนะค่ะ   เรื่องตายเราก็หนีไม่พ้นเราจะพยามหารายชื่อคนที่จะเข้าค่ายพระศรีอาริย์แล้วมาพิสูจน์กันแต่ที่พี่นึกอยู่ตอนนี้คือ...ท่านอ.อุบล   แห่งบ้านสวนฯ   คนอื่นยังไม่เห็นเลย  มีถึงจะถือศีลแปดตลอดชีวิตแต่ก็ยังทานเนื้อสัตว์อยู่   ไม่เข้าข่ายใช่ไหมค่ะ

โมทนาบุญกับคุณธนาและทุกท่านค่ะพร้อมที่จะเป็นกำลังใจกำลังกายเท่าที่จะทำได้ด้วยสมองอันน้อยนิด

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 10:24:17


ความคิดเห็นที่ 22 (1633241)

เห็นด้วยเป็นอย่างยี้งกับทุกท่านที่มีจิตศัธธาที่จะตามหาพระศรีอาริย์กันอย่างจริงจังกันแล้ว

 นี่เป็นการทำ workshop ระดมสมองกันจริงๆน่าเปรื้มใจขออนุโมทนากับทุกท่าน

   น้องเบสพูดได้ดีมีเหตุผลความเป็นไปในยุดของพระศรีอาริย์ว่าพระองค์ท่านจะสามาถรรวมทุกศาสนามาเป็นหนึ่งเดียว เพราะทุกศาสนาก็สอนให้คนทำความดีเป็นคนดีแต่ต้องมีข้อแม้ข้อยกเว้นว่านั้นนี่ต่างๆนาๆ ถึงยุดพระศรีอาริย์ทุกคนต่างทำดีเหมือนกันหมดด้วยพระบารมีของพระศรีอาริย์ แค่เราเข้าไกล้ในรัศมีที่มองเห็นก็สามารถรู้ได้จากอาการเจ็บป่วยหายในฉับพลันทันที อย่างที่คูณหมอเหมี่นวบอก เชื่อมันค่ะว่าพอเขียนถึงตรงนี้รู้สึกตัวมีอาการซาบซ่าไปทั้งตัวเหมือนตัวจะลอยเลย เกิดความปิติเป็นล้นเหลืออาการปาดเหมื้ยนต่างๆหายไปหมด โอ้ยตื่นเต้น

ความจริงได้เวลาออกไปทำงานแล้ว ตั้งใจว่าจะอ่านแล้วตอนเย็นจึงจะกลับมาเขียน แต่ไปไม่ได้ต้องนั้งลงเขียนก่อนยี้งเขียนยี้งมีความสูขหัวสมองที่ตื้อๆโล่งสบายเป็นที่สุด

     กราบขอพระคูณองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์และองค์พระศรีอาริย์ สี่งศักดิ์สิทธิ์ที่รัษาตัวอาจารย์อุบลและครอบครวและสี่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์ที่บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์ ลูกน้อมถวายกุศลที่ได้ทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจุบัน บูญศิล ทาน ภาวนา และบูญที่ได้ร่วมแรงกายที่บ้านสวนทุกบูญน้อมถวายทุกท่านที่กราวนามมาแล้วด้วยจิตสำนึกในความเมตตาทุกประการเจ้าค้า สาธุ สาธุ สาธุ _/l_

ผู้แสดงความคิดเห็น เจนมณีรัตน์ นาคชยานันท์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 10:50:52


ความคิดเห็นที่ 23 (1633248)

...มีผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้อย่างฉับพลันในทันทีทันใด เมื่อได้มีโอกาสฟังสัจธรรมที่พระพุทธองค์ได้แสดงเฉพาะหน้า...

ความเห็นจากคุณ วราภรณ์ วงษ์กิ่ง

อืม จุดนี้ผมว่าก็น่าคิดนะครับ เพราะอ่านเรื่องราวในสมัยพุทธกาลก็พบว่ามีเยอะมากที่ผู้คนฟังธรรมพระองค์ท่านแล้วบรรลุเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จนถึงพระอรหันต์แบบฉับพลันทันที

ยิ่งพระศรีอาริย์เป็นพระพุทธเจ้าที่มีบุญญาธิการสูงมากกก พวกเราก็น่าจะยิ่งสัมผัส หรือรู้สึกอะไรที่พิเศษสุดๆได้เช่นกัน แต่ในช่วงเวลานี้พวกเราซึ่งมีบุญน้อยจะสัมผัสได้เหมือนในครั้งพุทธกาลหรือเปล่าอันนั้นผมก็ไม่ทราบครับ

คุณสมบัติของพระศรีอาริย์

 หากผู้ใดได้ฟังธรรมหรือเข้าใกล้พระองค์ท่าน ต้องมีปรากฏการณ์พิเศษ/ความรู้สึกหรืออะไรบางอย่างที่ทุกคนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่คนธรรมดา เช่น เมื่อเข้าใกล้ จู่ๆก็เบาโล่ง หายจากอาการเจ็บป่วยในทันที หรือได้ฟังธรรมพระองค์ท่านแล้วจิตรู้แจ้ง บรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งในทันที

นี่เป็นเพียงแค่ข้อเสนอที่ผมสรุปมาเท่านั้นนะครับ ไม่ได้บอกว่า เป๊ะเลย หรือว่าใช่เลย นะครับ ขอให้ช่วยกันเสนอแนะความคิดเห็นของท่าน ไม่ต้องกลัวว่าถูกหรือผิดนะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 11:59:58


ความคิดเห็นที่ 24 (1633249)

ขอให้ทุกท่านวางตัวเป็นกลาง อย่าได้เขียนหรือแสดงความเห็นแบบฟันธง หรือมั่นใจ100% แบบปิดประตูแล้ว แบบนี้ไม่ใช่วิสัยของคนมีปัญญานะครับ

ขออย่าได้ยัดเยียดว่าบุคคลใดเป็นพระศรีอาริย์100% หากยังไม่ได้ทำการพิสูจน์ ตอนนี้เราควรช่วยกัน หาคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ตามที่ตำรา หรือผู้รู้ที่น่าเชื่อถือได้ และสรุปร่วมกัน มิใช่จากความเห็นของผู้ใดผู้หนึ่ง

จากนั้นเราถึงหาบุคคลที่น่าจะเข้าข่ายว่ามีคุณสมบัติว่าเป็นพระศรีอาริย์ และจะได้ร่วมกันพิสูจน์ตามคุณสมบัติต่างๆของพระองค์ท่าน แบบเป็นรูปธรรม ทุกคน ทุกศาสนา พิสูจน์ได้ด้วยตนเองทุกคน

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 12:06:36


ความคิดเห็นที่ 25 (1633255)

การนำคนเข้าสู่ยุคศิวิไล

ถ้าคิดกันตามความเป็นจริงในยุคปัจจุบัน

(ที่มีแต่ความวุ่นวาย คนไม่มีศีลธรรม มีจิตใจตกต่ำลงเรื่อย ๆ)

 

การที่จะมีใครสักคน

มาเปลี่ยนคนเลวให้เป็นคนดี

ได้อย่างรวดเร็วนั้น

ท่านคงต้องมีวิธีที่พิเศษสุด ๆ

เพราะหากใช้เพียงการเทศน์สอนแบบเดิม ๆ ที่ผ่านมา

คงไม่สามารถเปลี่ยนคนให้เข้าสู่ยุคใหม่ได้ทันกาล

 

ดังนั้นวิธีไหนล่ะจะทำได้???

ได้ลองหวนคิดดูว่า

สิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจมากที่สุด ..คือเรื่องของตัวเอง

คนทุกคน จะมีพื้นฐานในการ..รักตัวเองมากที่สุด

อยากมีความสุข อยากรวย อยากแข็งแรง

(ดูจากคำอวยพรต่าง ๆ ก็อวยพรกันอย่างนี้ใช่มั้ยคะ)

 

ยกตัวอย่างเช่น เรื่องทานมังสวิรัติ 

ถ้ามาสอนแบบเดิม ๆ คือ เราต้องมีจิตเมตตานะ

หรือ กินแล้วมันบาปนะ  ....มันก็ยังใช้ไม่ได้ผล

 

แต่ถ้าบอกว่า  ถ้าคุณกินสัตว์ คุณจะได้รับสารอะดรีนาลีน

ซึ่งเป็นสารพิษ ทำให้ป่วย ให้เป็นมะเร็ง

คนที่มีความรักในตัวเอง ก็จะเริ่มฟังมากขึ้น

แต่ถ้ายังมีความอยากกินอยู่ ก็จะยังไม่ได้ผลเต็มที่นัก

หรืออาจไปเข้าใจผิดเรื่องสารอาหารไม่เพียงพออีก

ก็ต้องไล่ไปถึงงานวิจัยต่าง ๆ อีกมากมาย

 

แล้วถ้าลองเปลี่ยนมาพิสูจน์ให้เห็นกันจะจะ

โดยเอาความทุกข์ ความเจ็บป่วยมาเป็นตัวตั้งต้นบ้างล่ะ

ขอยกตัวอย่าง ด้วยธรรมะบำบัดแบบอ.อุบล

คือ  การรักษาคนเจ็บป่วย ด้วยการค้นหาเหตุที่แท้จริง 

แล้วทำให้คนหายป่วยได้ทันที  เมื่อมันหายก็แสดงว่ามันใช่  

แล้วถ้าไม่อยากป่วยอีก คนก็จะไม่กล้าทำอีก

คนก็จะรู้ว่า เมื่อเราทำเขา เราก็จะโดนทำแบบนั้นเหมือนกัน

คนจึงอยากทำแต่ดี ๆ ให้คนอื่น  เพราะคนอยากได้รับสิ่งดี ๆ นั่นเอง

 

หรือรหัสอ.อุบล ช่วยด้วย ก็เป็นการดึงคนเข้าสู่ธรรม

ด้วยการ เอาความทุกข์ ปัญหา ของคน เป็นที่ตั้งเช่นกัน

โดยเมื่อใช้แล้วได้รับความสุข สมหวัง

คนก็อยากมีความสุขมากขึ้นไปอีก

ก็จะสนใจ มาค้นหาว่า แล้วรหัสนี้มันคืออะไร

นั่นก็เริ่มเข้าเป้าให้คนหันมาสนใจธรรมได้ในที่สุด 

 

 

การอาศัยความ ..อยาก.. มาเป็นจุดเริ่มต้น

จะเป็นการเปิดจิตให้คนเรียนธรรมะโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งเป็นการเรียนธรรมะที่ง่าย เพราะเรียนรู้จากเรื่องของตัวเอง

ไม่ต้องมานั่งบรรยายธรรมให้ง่วงนอน

ซึ่งคนทุกวัย ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา

ก็ต่างมีความต้องการขั้นพื้นฐานเช่นนี้เหมือนกัน

 

ดังนั้น จึงคิดว่า พระศรีอารย์ ท่านอาจจะใช้วิธีนี้

ดึงคนเข้าสู่ธรรม เป็นจุดเริ่มต้นนำคนเข้าสู่ยุคสิวิไลคะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 12:56:21


ความคิดเห็นที่ 26 (1633257)

อนุโมทนากับทุกๆความเห็นด้วยครับ

อ่านความเห็นของแต่ละท่านแล้ว รู้สึกว่าแต่ละท่านกำลังตีประเด็นกันไปคนละอย่าง เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับบางกลุ่ม บางท่านใน Workshop ในค่าย13 กันเยยย

ตอนนี้เราไม่ได้ถามว่า ท่านจะพาพวกเราเข้าสู่ยุคใหม่ หรือว่า พวกเราจะทำอย่างไรให้ได้เข้าสู่ยุคใหม่

แต่เราต้องการจะพิสูจน์ว่า

"คนๆหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา ใช่พระศรีอาริย์หรือเปล่า"

ดังนั้นเราต้องรู้ก่อนว่า พระศรีอาริย์มีคุณสมบัติลักษณะอย่างไร เช่น

พระองค์ท่านต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น?หรืออาจเป็นหญิงก็ได้?

พระองค์ท่านต้องสูง 80ศอก?

พระองค์ท่านต้องมีรัศมีกายพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา สว่างไปทั่วสามโลก?

พระองค์ท่านต้องมีตำแหน่งเป็นอำมาตย์มาก่อน?

นี่แหละครับเป็นตัวอย่างของคุณสมบัติ และเมื่อเราจะพิสูจน์ใครสักคนหนึ่ง เราก็จะพิสูจน์ตามคุณสมบัติที่เราสรุปกันมาได้

จาก Workshop ในค่าย13ที่ผ่านมาทำให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าโจทย์จะชัดเจนเพียงใด หรือทุกคนจดไปแล้วหรือได้รับคำอธิบายแล้วก็ตาม

แต่ก็ยังมีผู้ตีโจทย์ไปอีกทางเสมอ5555 เรียกว่า หากกลุ่มใดผู้นำพาไปผิดทาง ก็เสร็จกันทั้งกลุ่ม

เอาใหม่นะครับ :

1.ช่วยกันค้นหาคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าควรมีอะไรบ้าง จากนั้น

2.ช่วยกันแจ้งหรือเสนอว่าใครบ้างที่น่าจะเข้าข่ายว่าเป็นพระศรีอาริย์

รวมพลัง สู้ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 13:27:31


ความคิดเห็นที่ 27 (1633260)

ส่วนในเรื่องการปราบมาร นั้น

คิดว่าต้องใช้วิธีที่เด็ดขาดมากเช่นกัน

เพราะสมัยนี้มารมีมาก รอบตัว คือมากกว่าคนดี

แล้วจะปราบได้อย่างไร???

 

การเทศน์สอนธรรม ก็ดูแล้วไม่ได้ผล

เพราะทำกันมาแล้วยาวนานมากแล้ว แต่มารก็ยังไม่ยอมสยบ

 

หนึ่งในเหตุนั้นคือ คนดีนิ่งเฉย เพราะคิดว่าเดี๋ยวมารจะได้รับผลเอง

ปล่อยมันไป  เห็นผิดไปว่า การนิ่งเฉย คือ การอุเบกขา

 

ซึ่งความจริง อุเบกขานั้น ท่านสอนให้ใช้ในสถานการณ์ที่แก้ไขไม่ได้แล้ว

เช่นคนที่เรารัก พ่อ แม่ ตาย ซึ่งแก้ไขไม่ได้ จึงไม่ควรไปฟูมฟาย

ทำใจให้เป็นอุเบกขา วางเฉยต่อความทุกข์ใจให้ได้

 

แต่หากเห็นคนทำเลวต่อหน้าเรา  ซึ่งเรายังสามารถจะทำอะไรได้บ้าง 

ยังอยู่ในสถานการณ์ที่แก้ไขได้อยู่  เราต้องทำทันที

เพราะนั่นคือ การเมตตา

เราทำเพื่อหยุดยั้งการประกอบกรรมชั่วของเขา

 

และวิธีการนี้ อาจเป็นวิธีปราบมารในรูปแบบของพระศรีอาริย์ก็ได้

ขอยกตัวอย่างที่ตัวเองเห็นเป็นรูปธรรม

คือการที่มีคนมาปรามาสพระเจ้าอยู่หัว อ.อุบลก็ได้ปกป้องท่านเต็มที่

โดยการจัดกิจกรรมสร้างบุญถวายในหลวง

ให้คนได้มาพิสูจน์ว่า หากท่านเป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์จริง

ผลบุญที่พวกเราทำ จะเกิดฉับพลันทันที หายป่วย หายจนทันที

และคนที่มีอาการเจ็บป่วยมา เมื่อค้นหาเหตุว่าเคยปรามาสท่าน

แล้วมีผลให้เกิดบาปกรรมขึ้นจริง เมื่อสำนึกผิดและขอขมา

อาการเจ็บป่วย ความทุกข์ทุกด้าน จะหายไปได้ทันที

นี่คือสิ่งที่อ.อุบล ทำเพื่อปกป้องพระเจ้าอยู่หัวตลอดมา

 

และท่านก็สอนให้เราปกป้อง และคิดว่า

ท่านเคยทำอะไรให้เราเดือดร้อนบ้าง

เรากับท่านใครดีกว่ากัน

เรามีอะไรเทียบเท่ากับท่านได้บ้าง

ตั้งแต่ชาติกำเนิด ฐานะ การศึกษา จิตใจ

สอนให้คนรักในหลวงแล้วชีวิตจะดีขึ้นทุกด้าน ฯลฯ

 

นี่คือ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเรื่องการ ปกป้องคนดี

ปราบมารอย่างเป็นรูปธรรม 

ซึ่งไม่ใช่การนิ่งเฉย หรืออุเบกขาแบบผิด ๆ

 

และเห็นว่า วิธีการนี้ก็ได้ผลแบบฉับพลันทันทีเช่นกัน

ดูได้จากตอนที่เคยมาเข้าค่าย 7 ถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัว

มีคุณตฤณ คุณอ๊อด ซึ่งเคยปรามาสพระเจ้าอยู่หัวอย่างร้ายแรง

ด่าว่าท่าน  ตัดรูปท่าน  ฯลฯ  แล้วป่วย มีปัญหาชีวิตทุกด้าน 

แต่เมื่อเจอวิธีการของ อ.อุบล

ก็ทำให้เปลี่ยนจากจิตมาร จิตอวิชชา 

มาเป็นจิตละเอียดที่รักพระเจ้าอยู่หัวได้จริง

 

 

วิธีการปราบมาร แบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟันนี้

ไม่ใช่การใช้กำลังทำร้ายกัน  ไม่ใช่ด่าว่า แบบไม่มีเหตุผล

 

แต่เป็นการใช้ปัญญา มาลบล้างคำกล่าวหาเหล่านั้น

อาจถามย้อน เพื่อให้เขาได้คิด ได้ตอบตัวเอง

ซึ่งเหมือนเป็นการสะกิดใจ ให้สำนึกในความผิดของตัวเอง

โดยไม่ต้องมาเทศน์สอนใด ๆ ทั้งนั้น ก็ตอบตัวเองไปสิ

แล้วจะคิดได้เอง..

 

สรุปคือ  คิดว่า

พระศรีอาริย์ท่านจะใช้เมตตาแบบเด็ดขาด

โดยใช้ปัญญาเป็นอาวุธในการปราบมารคะ

ซึ่งถ้าพวกเราจะใช้วิธีนี้บ้าง เราก็ควรจะศึกษาหาความรู้ที่ถูกตรงให้มาก ๆ 

เพื่อจะได้ไปต่อกรกับพวกมารได้ เช่น ต้องอ่านพระไตรปิฎกให้เข้าใจ

เวลาเจอมารแบบจะจะ  จะได้คิดออก ยกตัวอย่างให้กระแทกใจมารได้คะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 13:41:09


ความคิดเห็นที่ 28 (1633270)

ขอบคุณพี่ธนาที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ เป็นการกระตุ้นให้ผู้ต้องการอยู่ในยุคพระศรีอาริย์ และผู้ที่สนใจตามหาพระองค์อย่างจริงจังได้มาร่วมระดมสมอง เสนอความคิดเห็น กำหนดคุณสมบัติพระศรีอาริย์ อย่างเป็นรูปธรรมครับ

อย่างที่พี่ธนาบอกไว้ครับ ผมว่าตอนนี้ขอให้ทุกท่านวางใจเป็นกลางก่อนครับ วางตำราและทฤษฎี คำกล่าวของผู้รู้ต่างๆ หรืออย่าพึ่งมั่นใจหรือฟันธงลงไปว่าผู้ที่เราพบเจอหรือครูบาอาจารย์ของตนเป็นพระศรีอาริย์ โดยไม่ได้พิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม เพราะถ้าจะบอกว่ารู้ได้เฉพาะตน(ปัจจัตตัง)นั้นจะทำให้สาธารณะชนไม่ยอมรับครับ เราต้องพิสูจน์จนได้พระศรีอาริย์พระองค์จริงและสร้างหลักฐานจนสาธารณะชนไม่อาจคัดค้านได้ครับ

ผมขออนุญาตเสนอความคิดเห็นส่วนตัว เผื่อเป็นอีกหนึ่งข้อมูลในการตามหาพระศรีอาริย์ครับ

ยุคพระศรีอาริย์ ยุคศิวิไลย์ ยุคทอง ควรเป็นอย่างไร

1.ผู้คนยุคทองต้องเป็นคนดีมีศีลธรรม มาตรฐานต้องมีศีล5

2.ผู้คนยุคทองมีแต่คนสวยคนหล่อกันทุกคน

3.ผู้คนยุคทองจะมีสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้า ถ้าจะมีโรคอาจจะเป็นเพียง           โรคหิวข้าว โรคง่วงนอน หรือโรคชรา เป็นต้น

4.ผู้คนยุคทองจะมีแต่คนมีอันจะกิน ไม่มีขอทาน ไม่มีคนยากจน

5.ผู้คนยุคทองจะมีแต่คนแข่งขันกันสร้างความดี สร้างบุญ มุ่งปฏิบัติธรรม หาทางหลุดพ้น มุ่งสู่พระนิพพาน

6.และอื่นๆตามปรารถนาของแต่ละท่าน

 

คุณสมบัติของพระศรีอาริย์ ตามความคิดเห็นส่วนตัวครับ

  1.พระศรีอาริย์พระองค์ลงมาครั้งนี้เพื่อทำนุบำรุงพระศาสนาให้อยู่ถึง5,000ปี โดยที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลาง และสิ่งที่จะทำได้คือท่านจะกอบกู้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เจริญรุ่งเรือง   

 2.ท่านจะนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาแสดง โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ถูกต้อง ไม่บิดเบือน และไม่ยึดติดกับความเชื่อแบบเดิม คือสถานที่ บุคคล นักบวชและการแต่งกาย  แต่สาระสำคัญคือพระธรรม

 3.ท่านจะมาเพื่อพิสูจน์กฏสวรรค์ โดยท่านจะแสดงให้เห็นว่านรก-สวรรค์มีจริง บุญ-บาปมีจริง สุขจริง-ทุกข์จริง ด้วยตาเนื้อโดยไม่ต้องมีทิพยจักขุญาณ หรือรอพิสูจน์หลังความตาย

4.ท่านจะแสดงกฏของกรรม เพื่อทำให้ผู้คนกลัวบาปกรรมที่ตนเคยกระทำและเลิกสร้างบาปกรรมกันแบบฉับพลันทันที โดยท่านจะไม่แสดงอิทธิปาฏิหารย์ แต่ท่านจะแสดงอนุสาสนีปาฏิหารย์

5.ท่านเป็นผู้รู้ศาสนาต่างๆโดยถ่องแท้ แสดงให้ผู้คนทั่วไปเห็นจริงได้

6.เป็นผู้สามารถชี้และแสดงมารที่แท้จริงได้ และสามารถปราบมารได้ด้วยพระธรรม

7.เป็นผู้รู้แจ้งด้วยตนเองและพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้

ท่านอื่นๆมีความคิดเห็นอย่างไร ช่วยกันเสนอความคิดเห็นหลายแง่มุม หรือเสนอชื่อบุคคลที่น่าจะเป็นพระศรีอาริย์ พร้อมข้อพิสูจน์ว่าท่านเข้าข่ายเป็นพระศรีอาริย์ครับ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 14:13:40


ความคิดเห็นที่ 29 (1633347)

เราจะตามหาพระศรีอาริย์ได้อย่างไรก็ยังดูจะสับสนแม้ว่าจะพยายามค้นหา

แต่ภาพความสมัครสมานสามัคคี ที่ทุกคนช่วยกันทำงานในบ้านสวนพีระมิดอย่างไม่ย่อท้อ โดยมีอาจารย์อุบลเป็นหัวเรือใหญ่คอยนำนาวาลำนี้ให้แล่นไป พร้อมกับมีคุณธนา คอยคัดท้ายเรืออย่างเข้มแข็งในวันที่ 6 ตค.ที่ผ่านมา ทำให้คิดว่า อาจารย์อุบลกำลังจำลองยุคพระศรีอาริย์ให้เราได้พบเห็นหรือเปล่า

งานที่ทำดูเหมือนหนักแต่ทุกคนก็มีความสุข แม้แต่เด็กๆก็ขยันขันแข็ง

พอได้เวลาทานอาหารก็อุดมสมบุรณ์ อร่อยเพียบทั้งคาวหวานและขนมนมเนย

กลางคืนก็มีการแสดงที่ สวยงามและมีสาระแถมมีการนั่งคุยกันแบบครอบครัวอีกช่างเป็นวันที่อบอุ่นมากๆ

วันที่ 7ตค. ก็มีกิจกรรมการออกกำลังกายที่สนุกสนานกันแต่เช้า

กลางวันก็ช่วยกันระดมความคิดต่างๆเป็นหลายกลุ่ม ดูเหมือนเด็กจะตีโจทย์ออกได้ง่ายกว่า

พอได้เวลาอาจารย์อุบลก็อัญเชิญบารมีพระศรีอาริย์ให้มาโปรดลูกหลานบ้านสวนพีระมิด ซี่งไม่มีที่ไหนในโลกที่ทำให้อาการเจ็บป่วยที่กำลังเป็นอยู่หายได้ฉับพลันทันที

ก่อนหน้าที่จะชมบารมีพระศรีอาริย์  หมอก็มีอาการขัดที่ไหล่ขวาแต่พอเดินผ่านอาจารย์อุบลก็หายไปหมด เป็นอัศจรรย์

เวลาสองวันที่อยู่ในบ้านสวนพีระมิดช่างให้แต่ความสุขสดชื่นทำงานตั้งหลายอย่างก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนอยู่ที่บ้าน

ในยุคที่พระศรีอาริย์มาปรากฎกายจริงๆ จะมีความสุขมากกว่านี้สักเพียงใดหนอ 

ขอให้ลูกได้มีโอกาศพบกายเนื้อพระศรีอาริย์โดยเร็วด้วยเถิดเจ้าคะ สาธุ สาธุ

 

ขอบคุณอาจารย์อุบลที่ได้อัญเชิญบารมีพระศรีอาริย์ให้มาโปรดลูกหลาน

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 20:22:44


ความคิดเห็นที่ 30 (1633355)

 คุณสมบัติของพระศรีอาริย์ในวันเข้าค่าย 13 

มีคุณสมบัติอย่างหยาบที่อ.ให้มามี 2 อย่าง คือ

-ปราบมารได้

-สามารถนำผู้คนให้พ้นทุกข์ มีแต่ความสุข สมหวัง

ตามความเห็นส่วนตัว

เมื่อพระศรีอาริย์มาจุติเพื่อรักษาพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ บุคคลที่จะเป็นพระศรีอาริย์ได้ก็ต้องมีบุญ บารมี  ที่่ได้สั่งสมไว้มาเมื่อถึงเวลาหนึ่งท่านก็จะสามารถแสดง  บุญฤทธิ์  กฏแห่งกรรม และ อนุสาสนีย์ปฏิหาริย์ให้มารได้ประจักษ์ด้วยตา ด้วยใจของตัวเองว่าจะเชื่อหรือไม่แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะพระศรีอาริย์จะนำพาผู้ที่ได้ขอติดตามท่านหรือต้องการพบท่านเท่านั้นที่จะศรัทธาเขื่อถือท่าน การปราบมารก็คือให้ผู้คนที่เห็นผิด หรือทำชั่วมารู้สำนึกเปลี่ยนจิตตัวเองให้เข้าถึง

ธรรมนั่นเอง แต่ถ้าไม่สำนึกพระศรีอาริย์ก็คงจะมีวิธีการที่เด็ดขาดที่จะไม่ให้มารนั้นเหิมเกริมโดยใช้หลักพรหมวิหาร 4 และนำธรรมะของพระพุทธองค์มาแสดงให้ประจักษ์แก่สายตา ซึ่งนั่นก็คือจุดจบของชีวิตตามกฎแห่งกรรม และนำผู้คนที่เชื่อให้เข้าถึงะรรม  ให้พ้นทุกข์โดยการพิสูจน์และแสดงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ให้ปรากฎแก่ผู้คนให้เห็นได้เป็นรูปธรรม สัมผัสได้ รู้สึกได้ หายได้  แบบฉับพลันทันที่ และ สามารถทำให้ทุกศาสนาเชื่อถือได้ตามหลักกาลามาสูตรพิสูจน์ผลเป็นวิทยาสาตร์ที่ยอมรับได้โดยสาธารณะชนก่อนค่ะ 

ผู้ท่ีอยู่ในข่ายเป็นพระศรีอาริย์ก็น่าจะให้ลูกศิษย์เป็นผู้เสนออาจารย์ของแต่ละคนมาเพื่อพิสูจน์โดยสาธารณะชนว่าใครสามารถทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้แบบฉับพลันทันทีและบอกผลรับได้ตามพระไตรปิฏก ผิด-ถูกอย่างไรก็ช่วยพิจารณาด้วยค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 20:43:02


ความคิดเห็นที่ 31 (1633365)

แหม ซื่นใจล๊ายยหลาย อนุโมทนาสาธุกับผู้นำฉันทนาและผู้นำอื่นๆด้วยครับ ทุกท่านที่เข้ามาร่วมกันค้นหาพระศรีอาริย์อย่างจริงจังและจริงใจ ผมคิดว่า ท่านคือ "ผู้ที่จะเป็นผู้นำในโลกยุคใหม่"

เพราะการตามหาพระศรีอาริย์นั้น เป็นการช่วยคนทั้งโลกใบนี้ ซึ่งเป็นการ "ให้" อันยิ่งใหญ่

หลายๆท่านพยายามบอกว่า พระศรีอาริย์ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สำหรับผมแล้ว

เราไม่ใช่พระองค์ท่าน คงไม่สามารถคิดแทนพระองค์ท่านได้ว่า ต้องแสดงแบบนี้ หรือทำแบบนั้น เพราะไม่ใช่วิสัยของพวกเราจะพึงคิดแทนพระองค์ท่านได้

ดังนั้นนี่แหละคือสิ่งที่ท้าทาย ที่พวกเรารอฟังผู้ที่เข้าข่ายคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่า ท่านจะมีวิธีการ หรือจะทำอย่างไรให้สิ่งนั้นๆเป็นจริง และพิสูจน์ได้ด้วยตนเองกันทุกคนอย่างแท้จริง

เช่น พระองค์ท่านต้องสามารถช่วยหรือทำให้คนหายโรคได้ หากเรากำหนดแต่ว่าพระองค์ท่านต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เท่ากับว่าเราคิดแทนพระองค์ท่านแล้ว

ความเป็นจริง พระองค์ท่านอาจแค่กระพริบตาเบาๆเราก็อาจหายทันทีเลยก็เป็นไปได้ ชิมิๆๆ ดังนั้นเราควรช่วยกันสรุปคุณสมบัติของพระองค์ท่านตามที่พวกเราศึกษากันมาก่อน และคอยฟังว่าแต่ละท่านที่เราสงสัยนั้น จะมีวิธีการอย่างไร  จะดีกว่าครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 21:00:34


ความคิดเห็นที่ 32 (1633386)

 

ก่อนจะหาคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ ขอนำข้อมูล

ยุคพระศรีอาริย์มาเป็นแนวทางก่อน

- ยุคพระศรีอริยเมตไตรยโลกนี้จะมีความสงบสุข

และประชาชนจะมีความสุขอย่างยิ่งคือจะไม่มีเรื่องร้อนใจเลย

ทุกคนพอใจในความเป็นอยู่ เรื่องคนร้าย

หรือขโมยก็ไม่ต้องกลัว แล้วก็คนจะเป็นคนดีเหมือนกันหมด

ไม่มีคนพาล จนกระทั่งลงจากบ้าน ก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็น

ใคร เพราะมันดีเหมือนกันหมด มันสุภาพเหมือนกันหมด มันสวย

เหมือนกันหมด จนเมื่อกลับเข้าบ้าน จึงจะจำได้ว่า นี่คือภรรยา

ของเรา นี่คือสามีของเรา นี่คือลูกของเรา และต้องการอะไรก็ได้

มันมีต้นไม้พิเศษที่เรียกว่า ต้นกัลปพฤกษ์ อยู่ทุกทิศ อยากได้

อะไรก็ไปขอที่ต้นไม้ จะสะดวกสบาย แม้แต่การคมนาคม การไป

การมา จนว่าน้ำในแม่น้ำนั้น จะไหลลงข้างหนึ่ง จะไหลขึ้นข้าง

หนึ่ง เพื่อจะสะดวกต่อการใช้เรือ สรุปว่าไม่มีความทุกข์ อยู่กัน

เป็นผาสุก ไม่มีอันธพาล ทุกอย่างได้อย่างใจ

................................................

ตามที่ได้อ่าน

ผู้คนในยุคของพระศรีอาริย์จะไม่มีความทุกข์เลย

ไม่มีคนชั่วเลย ไม่มีใครมาสร้างความเดือดร้อนต่อคนอื่น

พอมาเปรียบเทียบกับยุคปัจจุบันช่างต่างราวฟ้ากับเหว

พระศรีอาริย์จะมีวิธีอย่างไรที่จะทำให้คนไม่ดีที่มีอยู่มากมาย

กลับตัวกลับใจ หรือว่าต้องให้เกิดภัยพิบัติ

แล้วล้างคนชั่วออกไป เหลือไว้แต่คนดีๆ

แล้วถ้าไม่เกิดภัยพิบัติ คนชั่วที่มีอยู่มากมายกว่าคนดี

พระศรีอาริย์จะใช้วิธีใดทำให้คนชั่วกลับใจ

อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

 1.คนไม่ดีบางคนจะสอนด้วยคำพูดดีๆ พูดเพราะๆ

เขาคงฟังไม่รู้เรื่อง ต้องให้เจอกับเหตุการณ์ที่ทำ

ให้เขาเจ็บปวด ทำให้เขาเกรงกลัวต่อบาป

ไม่กล้าทำชั่วอีก ฉะนั้นพระศรีอาริย์ต้องมี

อิทธิฤทธิ์ ปฎิหาร เป็นใหญ่กว่าเทวดาทั้งปวง

มีสมุนบริวารมากมาย

2.พระศรีอาริย์ต้องเป็นผู้ที่รอบรู้ทุกด้าน สามารถ

ที่จะใขปัญหาต่างๆ ได้ เมือ่มีคนสงสัยในธรรมะ

ก็สามารถชี้ทางสว่างให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด

เป็นที่เคารพของคนทุกศาสนา

3.พระศรีอาริย์ต้องเป็นผู้มีบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์

สามารถที่จะแสดงให้คนยอมเคารพเชื่อฟัง

ในยามที่ต้องใช้อิทธิปาฎิหาร

..............................................

 

ท่านอื่นมีความคิดเห็นว่างัยครับ

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 21:50:13


ความคิดเห็นที่ 33 (1633395)

 

 การที่จะได้พบเจอ...  อยู่ที่  วาระด้วยนะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ วงษ์กิ่ง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-09 22:28:36


ความคิดเห็นที่ 34 (1633452)

หนึ่งคิดว่าการค้นหาคุณสมบัติพิเศษของพระศรีิิอาริย์ "เราควรจะศึกษาข้อมูลจากคุณสมบัติของพระสมณโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ัปัจจุบัน)" ก่อนคะเพราะเราได้อ่านได้รับรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านจากพระไตรปิฏกมาบ้างแล้วบางส่วนเพราะน่าจะเป็นพื้นฐานของพระศรีอาริยเมตไตยเช่นกันแต่พระองค์อาจจะมีคุณสมบัติพิเศษที่นอกเหนือขึ้นไปอีก ซึ่งเราก็ไม่มีความรู้ในตรงนั้นนอกจากหาข้อมูลตามตำรา แต่ถ้าเราไปโฟกัสกันตรงนั้น อาจจะทำให้พวกเราหลงทางกันได้ และการพิจารณาตัวบุคคลที่น่าจะเป็นพระศรีอาริย์ก็จะดูเลื่อนลอยซะมากกว่า

หลังจากนั้นการพิจารณาตัวบุคคลที่เข้าข่ายก็น่าจะง่ายขึ้นและก็มีความใกล้เคียงมากขึ้น

**คุณสมบัติของพระสมณโคดม**

1. การแสดงธรรมะของพระองค์ในแต่ละครั้งเพื่อให้คนบรรลุถึงธรรมะสำเร็จพระอรหันต์นั้น พระองค์จะแสดงตามจริต ตามปัญญาของผู้ฟังเพื่อทำให้คนเข้าถึงธรรมง่ายขึ้น แสดงว่าพระองค์ต้องรู้ถึงภาวะจิตและภูมิธรรมของแต่ละคน"

2.พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่มีความเข็มแข็งมั่นคงในความดีอย่างไม่หวาดหวั่นต่อศัตรูหรือเหล่ามารแม้่ว่าพระองค์จะตกอยู่ในภาวะอันตรายเพียงใดก็ตาม

3.พระองค์ทรงเป็นบุคคลมีความเมตตากรุณาอันประมาณมิได้

4.แม้ว่าพระองค์จะทรงถูกท้าทายจากกิเลสต่างๆก็มิสามารถทำให้พระองค์เกิดกิเลสได้

5.พระองค์จะเป็นผู้ที่คนปรามาสหรือ แม้แต่คิดที่จะทำร้ายพระองค์มิได้

(เดี๋ยวมาต่อคะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 05:16:03


ความคิดเห็นที่ 35 (1633457)
กิจกรรมวันที่ 2 ไม่ใช่การมานั่งฟังท่านอาจารย์เล่าธรรมทาน หรือธรรมบำบัดรวมแบบเดิมๆ
แต่มีการจัดกลุ่มทำ Work Shop อย่างเข้มข้นและจริงจัง
โดยท่านอาจารย์ ได้กำหนดหัวข้อให้แต่ละกลุ่ม ร่วมกันระดมความคิดความเห็น สรุปประเด็นสำคัญและมีผู้แทนกลุ่มร่วมอภิปรายบนเวที
 
กิจกรรมแบบนี้เป็นการฝึกให้เราได้ใช้สมอง ระดมความคิดความเห็นของทุกคน  งานนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำ - ผู้ให้ความร่วมมือที่ดี –ผู้ที่มุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จ
 
หัวข้อที่ได้รับมอบหมาย…ไม่ชิลๆ เลย เช่น พวกเราจะทำอย่างไรหากมีใครมาปรามาสในหลวง, หากมีใครมาปรามาสท่านอาจารย์และบ้านสวน เป็นต้น หรือ พวกเราคิดว่าพระศรีอาริย์ ท่านจะทำอย่างไรเพื่อพาพวกเราเข้าสู่ยุคทอง  ฟังคำถาม..เหมือนจะไม่ยากนะ  แต่การตีโจทย์ให้แตกและตรงประเด็น อีกทั้งมีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน..นี่สิ ! ไม่ง่ายเลย  หากตรงนี้ไม่เคลียร์ซะก่อน…คำตอบที่แต่ละคนระดมกันเข้ามา ก็ไร้ทิศทาง
ท่านอาจารย์สุดยอดจริงๆ…ท่านต้องการให้ลูกบ้านสวนฝึกการใช้สติปัญญา
ไม่ใช่แค่นั่งฟังวิทยากรบรรยายไปเรื่อยๆ เหมือนที่ผ่านมา   แต่ลูกบ้านสวนต้องฝึกคิด ฝึกแสดงความคิดเห็น ฝึกกล้าแสดงออก เพื่อเตรียมความพร้อมภาวะผู้นำ กล้าเผชิญหน้าทุกสิ่ง กล้าปกป้องและช่วยเหลือผู้อื่น กล้าต่อสู้กับสิ่งไม่ถูกต้อง  เป็นต้น
ผู้แสดงความคิดเห็น ภวยา เส็งพานิช (กระเต็น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 06:11:42


ความคิดเห็นที่ 36 (1633458)

มาช่วยคิด ช่วยรวบรวม

คุณสมบัติของพระศรีอาริย์ อีกคน จ๊า

 

1.บุคคลนั้นต้องมีคุณสมบัติ

เหมือนพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

คือแสดงธรรมแล้วมีผู้บรรลุธรรมได้ในทันที

 

2. สามารถทำให้ผู้คนมากมาย

หายจน หายเจ็บ หมดทุกข์

สวยหล่อ ไม่แก่

มีแต่ความสุขได้แบบถาวร

ซึ่งจะต้องแสดงให้พวกเราได้เห็น

และประจักษ์แก่สายตาได้

อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด 

 

 

3. จะต้องเป็นบุคคลที่ทำความดี

ทุกลำดับขั้นทั้งทาน ศีล และภาวนา

ที่ทุกคนสามารถรับรู้และสัมผัสได้อย่างชัดเจน

 

 

4. บุคคลนั้น

จะต้องแสดงสมบัติแก้วคู่บารมี

ทั้ง 7ประการของพระศรีอาริย์

ให้พวกเราได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด

 

 

5. บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น พระศรีอาริย์

จะต้องมีบารมีแผ่กว้างไกล

ให้ผู้คนทั่วโลกสามารถพิสูจน์

และสัมผัสได้อย่างชัดเจน

ซึ่งตัว"บุคคลนั้น" ไม่จำเป็นต้องเดินทาง

ไปปลดทุกข์ตามสถานที่ต่างๆด้วยตัวเอง

 

เพราะถ้าเป็น"พระศรีอาริย์"พระองค์จริง

จะต้องมีวิธีการที่จะช่วยผู้คนได้

ทุกชาติ ทุกศาสนา

และทุกสถานที่ทั่วโลกได้...ในคราเดียว

 

 

 

เอาเป็นว่า ช่วงนี้โฟกัสที่คุณสมบัติ

ของผู้ที่เข้าข่ายพระศรีอาริย์ก่อนดีกว่า

ส่วนคำอธิบายเอาไว้ก่อนเนอะ...

 

อ่านๆของท่านอื่นๆก็พอจะรวบรวมได้

ไม่น้อยข้อแล้วนะคะเนี่ย...

 

 

คิดไปคิดมาก็เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์พูดนะคะ

เพราะมีแต่คนอยากเจอพระศรีอาริย์

แต่ก็ไม่คิดที่จะตามหาพระองค์

อย่างจริงๆจังๆซักที

 

อ้าว..งั้นคนยุคใหม่ เข้ามาช่วยกันคิด

ช่วยกันสานฝัน

เผื่อพวกเราจะหาพระองค์พบ

ได้แบบทันกาล..พอดี๊พอดี

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 07:02:19


ความคิดเห็นที่ 37 (1633460)

ท่านอาจารย์ขา ...

หนูขออนุญาตกราบเรียน ดังนี้ ..

ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของหนู บอกว่า ทุกสิ่งที่ท่านอาจารย์ได้สั่งสอน ได้วางรากฐานให้ลูกบ้านสวนได้ประพฤติปฏิบัติ

นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดบ้านสวนตลอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้และต่อๆ ไป ...ทุกกิจกรรมที่บ้านสวนทำ คือ

วิธีนำพาผู้คนเข้าสู่ยุคทอง ยุคศิวิไลซ์ ยุคพระศรีอาริย์ ทั้งสิ้น  โดยเริ่มจาก

1. ท่านอาจารย์ได้สอนและพิสูจน์ให้ผู้คนที่มีทุกข์(สารพัดทุกข์สารพัดเรื่อง)

ได้คิดได้ทบทวน และรู้ว่าทุกข์ที่ตนเองได้รับอยู่นั้น..มีที่มามีสาเหตุจากอะไร..เราทำสิ่งไม่ดีอะไรบ้าง

เมื่อรู้แล้ว เมื่อพิสูจน์แล้วว่า เป็นเพราะสิ่งนั้นจริง .. ทำให้เรารู้สึกสำนึกผิดและตั้งใจไม่กลับไปทำสิ่งเลวร้ายเช่นนั้นอีก

2. ท่านอาจารย์สอนลูกบ้านสวนเสมอว่า ให้รักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนตลอดเวลา และไม่ทานเนื้อสัตว์(ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น)

เพราะท่านอาจารย์ได้พิสูจน์ให้เรายอมรับได้ว่า พวกเราขาดพร่องศีลข้อใด เราจึงได้รับผลของทุกข์นี้

3. ท่านอาจารย์ฝึกลูกบ้านสวนให้มีความสามัคคี มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ด้วยทุกกิจกรรมที่พวกเราต้องทำร่วมกันจึงสำเร็จได้อย่างมหัศจรรย์ ไม่ว่าจะงานบุญใช้แรงกายทุกประเภท เช่น งานก่อสร้าง, งานเกษตร, งานทำความสะอาด, การเตรียมงานพิธีต่างๆ ตลอดจนการทานอาหารร่วมกัน(ท่านอาจารย์เมตตาสอนแม้กระทั่งวิธีล้างภาชนะให้ัสะอาด ต้องทำอย่างไรเพื่อป้องกันโรคระบาด โรคติดต่อ)

4. ท่านอาจารย์ฝึกลูกบ้านสวนให้รู้จักคิด กล้าแสดงความเห็น กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง  และหากพวกเราทำสิ่งที่ไม่เหมาะควร ท่านจะเมตตาตักเตือนเพื่อให้เราแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น

5. ท่านอาจารย์สอนให้ลูกบ้านมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ - ท่านได้ปฏิบัติเป็นตัวอย่างแก่เราว่า ความกตัญญูต่อสามร่มโพธิ์ศรี ต้องทำอย่างไร  ทำให้เราได้ซึมซับและกระตุ้นจิตสำนึกให้เราได้รู้จักคิดว่า จะแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เราต้องทำอย่างไรเพื่อการปกป้องรักษา 3 ร่มโพธิ์ศรีให้ปลอดภัยและมั่นคง , ต้องทำอย่างไรเพื่อปกป้องท่านอาจารย์และบ้านสวนที่เรารักจากผู้ที่มาปรามาสล่วงเกิน, ต้องคิดอย่างไรจึงเกิดความกล้าเผชิญหน้าต่อสู้กับผู้คิดร้ายผู้ไม่หวังดีต่อผู้มีพระคุณ เป็นต้น

6. ท่านอาจารย์สอนให้ลูกบ้านสวน ลด-ละ-เลิกความอยากได้ อยากมี อยากเป็นทั้งหลายทั้งปวง แล้วรู้จักเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น รู้จักเกรงกลัวบาปที่ต้องเบียดเบียนผู้อื่น รู้จักยับยั้งความโลภ โกรธ หลง รู้จักขูดกิเลสหนาให้หลุดออกจากกายและใจ

นี่แค่ 6 ข้อ ถ้าพวกเรายึดมั่น ปฏิบัติได้จริงจังมั่นคง เราก็น่าจะได้รับการพิจารณาเบื้องต้นให้รอดพ้นภัยพิบัติและพร้อมเข้าสู่ยุคทอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ภวยา เส็งพานิช (กระเต็น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 07:16:29


ความคิดเห็นที่ 38 (1633505)

อนุโมทนาสาธุกับทุกความเห็นครับ

เอางี้ครับ ส่วนตัวผมเองก็ขอเริ่มคุณสมบัติแรกที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งหากให้ทุกคนช่วยกันออกความเห็นร่วมกัน เพื่อให้ชัดเจนเป็นอันดับแรกก่อน

1)"พระศรีอาริย์ พระองค์ต้องเป็นชายเท่านั้น" หรือ

"พระองค์อาจเป็นผู้หญิงก็ได้"

2)"ต้องเป็นเด็กเท่านั้น หรืออาจเป็นผู้ใหญ่ คนแก่??

ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรครับ เพราะว่าในตำราที่พวกเราอ่านมาทั้งชีวิต พระพุทธเจ้า ทรงเป็นมหาบุรุษ ผู้มีพุทธลักษณะที่งดงามตามหลักในพระไตรปิฏก

แต่หากว่ามีผู้หญิงที่ถูกเชิญมาพิสูจน์ด้วยล่ะ เราจะว่าอย่างไร เพราะในโลกนี้มีผู้หญิงที่เก่งสุดๆหลายท่านเลยที่ผมรู้ เช่น ท่านอาจารย์ชิงไห่ เป็นต้น

อืม...จุดนี้ก็น่าคิดตรงที่ว่าเท่าที่เราทราบ บนพระนิพพานไม่มีเพศ ทุกพระองค์ทรงเป็นกายแก้วใสบริสุทธิ์ มีพุทธรัศมีงดงาม

ตรงจุดนี้สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า ผมอยากยึดคุณสมบัติที่พระองค์ท่านมากกว่า เพราะใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ผู้ชาย หรือผู้หญิง หากสามารถพิสูจน์ตามคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ได้แบบชนิดที่ไร้ข้อกังขา สำหรับผมแล้ว "ผ่าน" ครับ

ท่านอื่นมีความคิดเห็นว่าอย่างไรครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 10:58:05


ความคิดเห็นที่ 39 (1633516)

ขอเข้ามาร่วม คิดด้วยคนค่ะ

 

1)"พระศรีอาริย์ พระองค์ต้องเป็นชายเท่านั้น" หรือ

"พระองค์อาจเป็นผู้หญิงก็ได้"

2)"ต้องเป็นเด็กเท่านั้น หรืออาจเป็นผู้ใหญ่ คนแก่??

++++++

    สำหรับความคิดของตัวเองนะคะ  ไม่ขอกำหนดเพศ

และอายุ  ขึ้นอยู่กับว่า  ท่านจะพิสูจน์ตัวเองได้หรือไม่

     และคุณสมบัติอื่น ๆ  คิดว่าน่าจะมี

1. เป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ได้  (ซึ่งจะช่วย

อย่างไร ก็แล้วแต่ท่าน)

2.  เป็นผู้ที่สอนให้คนเข้าถึงธรรมะได้โดยง่าย (แล้วเราจะเอา

อะไรมาพิสูจน์ว่า คนเข้าถึงธรรมะ)

3. พระศรีอาริย์พระองค์เป็นผู้ที่มีบารมีมาก ใครปรามาส

หรือลบลู่ไม่ได้  ดังนั้น จะต้องสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า

หากมีใครปรามาสล่วงเกินพระองค์ท่าน  ไม่ว่าทางใด

ผู้นั้นย่อมได้รับผลแห่งการปรามาสนั้น

     ตอนนี้คิดได้เท่านี้ค่ะ 

    เรีบนถามคุณธนาค่ะ  ว่าที่จะทำคือ

1. กำหนดคุณสมบัติพระศรีอาริย์

2. หาผู้ที่คิดว่ามีคุณสมบัติมาพิสูจน์ตามข้อกำหนด

3. การพิสูจน์จะต้องเปิดกว้าง ให้ผู้ที่สนใจมาร่วมพิสูจน์ได้

   แบบนี้หรือเปล่าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 11:31:50


ความคิดเห็นที่ 40 (1633530)

 การตามหาพระศรีอาริย์.........

                การเผยแพร่ ธรรมะบำบัด แบบเห็นผลฉับพลันทันทีด้วยบารมีพระศรีอาริย์

ที่ท่าน อ.อุบลฯเป็นผู้อัญเชิญมา   ให้ทุกคนยอมรับเป็นจำนวนมากๆ ก็เป็นอีกแนว            

ทางที่จะพบพระศรีอาริย์/

           ดังนั้นลูกบ้านสวนฯทุกคนต้องช่วยกันปฏิบัติ   ธรรมะบำบัดโดยเร่งด่วนอย่าง      

รวดเร็วบ้านสวนฯต้องการ  ผู้นำ + ผู้ให้ ไม่ต้องการผู้ตาม   พื้นที่บ้านสวนพีระมิดมี

จำกัด ใครไม่เป็นผู้นำเข้ามาไม่ได้ จากนี้ไป    ธรรมะปฏิบัติ  ในบ้านสวนฯของเรา                

จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ    จากค่าย 13   เราทุกคน  ได้พบความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่  

อภิญญาใหญ่กำลังบังเกิดขึ้นแล้ว ตามที่ท่านหลวงพ่อฤๅษี   ลิงดำ  เคยบอกไว้ว่า.......

แม้แต่เด็กก็ทำได้      ซึ่งจากค่าย 13 นี้เราได้พบแล้วว่า   เด็กก็สามารถบำบัดได้จริง   

พวกเราก็ก้าวหน้ากันขึ้น    รู้จักวิธีการรวมพลัง   การขอบารมีพระศรีอาริย์ฯ

ที่ท่าน อ.อุบลฯ อัญเชิญมา   เพื่อการบำบัดแบบเห็นผลฉับพลันทันที เป้าหมาย

พวกเราคือเข้าช่วยผู้มีทุกข์ทั้งหลาย  ให้กลับตัวกลับใจมารักษาศีล 5 ให้มากที่สุด/  

           ดังนั้นพวกเราลูกบ้านสวนฯ   ต้องช่วยกันเผยแพร่บารมีพระศรีอาริย์กัน

ให้มากที่สุด   แล้วท่านก็จะพบพระศรีอาริย์/    

          

                                       **********

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 13:05:30


ความคิดเห็นที่ 41 (1633531)

 

เรียน คุณธนา

            การตามหาพระองค์ท่านของพวกเราต้องเร่งรีบด่วนแล้ว  งานธรรมบำบัดที่คุณธนาและ ดร.จิ๋มจัดขึ้น ทำให้การตามหาพระองค์เริ่มท่านชัดเจนขึ้น  ยิ่งท่าน ดร.จิตรา ท่านได้แนะแนวทาง ทำให้เราเริ่มใกล้เข้าไปอีกและต้องยิ่งรีบตามหาให้ทัน หาให้เจอโดยเร็วไว  หากคุณสมบัติบางประการที่ ดร.จิตรา ท่านบอกใช้เป็นแนวทางอ้างอิงในการตามหาพระองค์ท่านยิ่งน่าสนใจ  ยิ่งผู้ที่เราตามหาเป็น สตรี เป็นผู้ใหญ่ มาเกิดแล้ว คงต้องกลับไปดูผู้ที่เราตามหา 

            ย้อนกลับไปดูสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและพระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้าอีกหลายพระองค์ ชาติกำเนิดของพระองค์ท่าน ล้วนเกิดอยู่ในวงศ์กษัตริย์ มีชาติตระกูลสูง   การกล่าวอ้างของผู้ที่บอกว่าตนเป็นพระศรีอาริย์แล้วนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นบุคคลธรรมดาที่แอบอ้างยกตนขึ้น อาจจะด้วยฤทธิ์ต่างๆ        พระพุทธเจ้า ท่านไม่เคยแอบอ้างพระองค์ ถ้าท่านไม่บรรลุธรรมจริง  และถ้าเป็นพระศรีอาริย์จริง ท่านจะไม่อวดพระองค์  เช่นกัน

          ยิ่งผู้ที่เราตามหา และเป็นสตรีด้วยแล้ว  น่าจะเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ อยู่ในวงค์กษัตริย์  เป็นผู้ที่สะสมบุญบารมีมายาวนาน ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาตินานับประการ  และถ้าจะหาสตรีทั่วแผ่นดินนี้ คงไม่มีใครมาเทียบพระองค์ท่านได้ เพราะหาใครในแผ่นดินนี้ไม่เจอแล้วจริงๆ  หากผู้ใดได้เคยถวายการรับใช้พระองค์ก็จะพบกับความสุขและเห็นผลฉับพลันทันที  ดังเช่น ตนเองได้เคยถวายของเพื่อใช้ในโครงการ ( แบบปิดทองหลังพระ ) ได้พบความสุขและยังไม่ทันกลับถึงบ้าน  ออร์เดอร์ก็มาจนประหลาดใจ จนโทรไปถามเจ้าหน้าที่ จึงรู้ว่า ผู้ที่ถวายของเป็นแบบนี้ทั้งนั้น ยังความปลาปปลื้มในบุญบารมีของพระองค์ เป็นอย่างมาก

          ในความคิดเห็นของตนเองแล้ว ขอให้พวกเราบ้านสวนช่วยกันสวดบท คาถาบูชาพระศรีอาริย์กันมากๆเพื่อรวมจิต น้อมใจ เติมบารมี(กำลังใจ)ให้เต็ม อธิษฐานจิต ขอบารมีพระศรีอาริย์ที่สถิตย์ในกาย วาจา ใจ ของอาจารย์อุบล เข้ามาสถิตย์ในกาย วาจา ใจของพวกเราทุกคนโดยผ่านจี้สฟิงค์ ให้พวกเราตามหาพระศรีอาริย์ให้เจอ  เปลี่ยนผู้คนที่ไร้ศีลธรรม ให้โอกาสแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเองให้ทันก่อนภัยพิบัติใหญ่จะมา  ตอนนี้เราแทบไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว  แม้แต่ป่วยก็ช่างมัน หนี้สิน ขาดสภาพคล่องก็ช่างมัน   หากเราช่วยกันรีบตามหา ไม่มีอะไรน่าห่วงเท่ากับการได้ช่วยเหลือผู้คนทั้งโลกอีกแล้ว  เราเป็นแค่เพียงคนธรรมดาคนนึง ขอเป็นเสียงหนึ่งที่ผู้ที่คิดว่าใช่เป็นพระศรีอาริย์  หากว่ามีใครที่มีความคิดเห็นเดียวกัน ขอเสียง เพื่อรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวขอความเมตตาท่านอาจารย์เชิญพระองค์มาพิสูจน์ที่บ้านสวนในเร็ววันค่ะ  ( หากความคิดเห็นนี้เป็นเรื่องที่มิบังควร รบกวนลบทิ้งได้เลยทันทีค่ะ )

 

            

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จารุวรรณ จินดา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 13:07:03


ความคิดเห็นที่ 42 (1633561)

คุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าควรมีอะไรบ้าง

- มีความเมตตาและสามารถแสดงธรรมกระจ่างเพื่อให้คนบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้

- มีทั้งบุญฤทธิ์และธรรมฤทธิ์ แสดงให้คนประจักษ์ได้

- แสดงธรรมะเพื่อให้คนหลุดพ้นจาก เจ็บ ป่วย จน ได้ โดยฉับพลันทันที

- มีพลังอานุภาพทำให้คนทั่วโลกกลับมารักกัน ช่วยเหลือกัน ไม่แข่งขัน แต่สามัคคีกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 15:45:20


ความคิดเห็นที่ 43 (1633562)

 

ขออนุโมทนาบูญกับทุกท่าน ที่ตั้งใจจะตามหาพระศรีอารย์ และกำหนดคุณสมบัติอันพึงอยากให้เป็นมากมาย แต่ถ้าองค์ท่านในภาคมนุษย์ ปฏิเสธที่จะแสดงตัว หรือยอมรับว่าท่านคือพระศรีอารย์ ด้วยเหตูผลใดก็ตาม พวกเราจะทำอะไรได้ ยังไงพวกเราต้องยอมรับชตากรรม ภัยพิบัติจะเกิดก็ต้องสู้กันให้ได้ เกืดแล้วก็ต้องตายทุกคน

จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 15:47:23


ความคิดเห็นที่ 44 (1633564)

โอ้โห พี่จุ๋มครับ เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ชาตินี้แล้ว ทำไมเราถึงต้องยอมก้มหน้าก้มตารับภัยพิบัติล่ะครับในเมื่อพวกเรามีทางเลือก

หากคิดแบบนี้แสดงว่า ท่านอาจารย์อุบลก็คงไม่จำเป็นต้องช่วยผู้คนให้พ้นทุกข์ ให้หายป่วยทันทีแล้วสิครับ เพราะไงพวกเราก็ต้องตาย และต้องรับกรรม อย่างนี้ใช่หรือไม่ครับ

แต่ที่พี่จุ๋มและทุกคนมาบ้านสวนเพราะเราต่างเห็นชัดเจนแล้วว่า ธรรมะของพระพุทธองค์นั้นหากเข้าใจถูกต้องทำถูกต้อง สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ทันที และพวกเราทุกคนมีความหวังที่จะพ้นทุกข์ทั้งหลาย พวกเราถึงมาบ้านสวนกัน

แล้วทีนี้เรื่องการตามหาพระศรีอาริย์ ทำไมถึงพากันท้อง่ายๆแบบนี้ละครับ เราไม่ใช่พระองค์ท่านไม่ควรคิดแทนพระองค์ท่านว่า "ท่านจะไม่ยอมเปิดตัว" แต่เรากำลังทำหน้าที่ของพวกเราให้ดีที่สุด ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่นให้มีโอกาสได้เข้าสู่ยุคใหม่

หากทำเต็มที่แล้ว พวกเราไม่เจอก็แสดงว่าเป็นกรรมของผู้คนในโลกนี้ แต่หากพวกเราไม่ทำอย่างเต็มที่แต่พากันท้อ หรือคิดแบบนี้เท่ากับพวกเราขาดเมตตาอย่างที่สุด และที่สำคัญพวกเราควรถามตัวเองว่า พวกเรามาบ้านสวนพีระมิดกันทำไม

ขนาดสิ่งอัศจรรย์สุดๆยังสามารถพบเห็นได้ในบ้านสวนฯเลย ทำไมการหาพระศรีอาริย์จะไม่มีหวังละครับ และขณะนี้บารมีพระศรีอาริย์ได้มาสถิตในกายวาจาใจของท่านอาจารย์อุบลเพราะท่านอาราธนาอัญเชิญมาแล้ว และบารมีท่านอยู่ทุกอณูในบ้านสวนฯ

ผมถือว่าพวกเราอยู่ใกล้ชิดพระศรีอาริย์สุดๆแล้ว และมีโอกาสที่จะได้เจอพระองค์ท่านอย่างแน่นอนผมมั่นใจอย่างนั้น ใครจะไม่ตามหาก็คงไม่ว่าไรครับ แต่ผมนี่แหละครับจะตามหาอย่างจริงจังพร้อมกับทุกท่านที่จิตใจมั่นคงในพลังความดี พลังบุญ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 16:04:35


ความคิดเห็นที่ 45 (1633565)

เมื่อกี้ได้ลองอ่านบุคคลที่มั่นใจว่าตนเองเป็นพระศรีอาริย์ พบกว่ามีมากมายหลายคนเหลือเกิน แต่กลายเป็นว่าพากันล่องหนไปหมด เพราะทนแรงเสียดทานจากสังคมม่ายหวายย

ยิ่งกว่านั้นในเวปไซต์ต่างๆมีผู้ประกาศตนเป็นพระอัครสาวกเรียบร้อยแล้วด้วย

เอาละสิครับพี่น้อง!!!

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 16:21:16


ความคิดเห็นที่ 46 (1633572)

1)"พระศรีอาริย์ พระองค์ต้องเป็นชายเท่านั้น" หรือ

"พระองค์อาจเป็นผู้หญิงก็ได้"

2)"ต้องเป็นเด็กเท่านั้น หรืออาจเป็นผู้ใหญ่ คนแก่??

สำหรับตัวหนูเองคิดว่าพระศรีอารีย์ ไม่ขอกำหนดว่าพระองค์จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ไม่จำกัดว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือคนแก่

ขอพระองค์ทรงมีวิธีการเปลี่ยนจิต เปลี่ยนพฤติกรรมของคนโดยจากที่เคยไม่สนใจเรืองเวรกรรมและกลัวเรื่องเวรกรรมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองในทันที รู้จักศิล 5 แบบเข้าใจหันมารักษาศิล 5 ได้มากบริสุทธิ และเมื่อมีศิล 5 ก็จะมีความรักความเมตตา และมีพรหมวิหาร 4

และขอพระองค์ทรงทำให้หายป่วย ทำให้คนมีความสุขเห็นผลฉับพลันทันทีค่ะ

และที่สำคัญพวกเราควรถามตัวเองว่า พวกเรามาบ้านสวนพีระมิดกันทำไม

หนูขอยอมรับค่ะว่าทีแรกอยากมาบ้านสวนเพราะอยากปลดเปลื่องความทุกข์

อยากปลดเปลื้องหนี้สิน ไม่สบาย แต่พอมาบ้านสวนอาการเจ็บป่วยหายไป ปัญหาการเงินดีขึ้น

มีความสุขขึ้นก็อยากจะช่วยท่านอาจารย์อุบลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะที่ท่านได้เมตตามานั้นมากจนไม่สามารถประเมินค่าได้   อยากจะเผยแพร่รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้มากที่สุด อยากใช้จี้ช่วยคนให้มากที่สุดเชื่อว่ายังมีหลายคนที่พร้อมจะเปลี่ยนจิตใจตัวเองแต่ยังไม่เจอครูอาจารย์ที่ดี     รู้จริง และนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาสอนได้ถูกต้องครบถ้วนที่สุด เหมือนทีท่านอาจารย์อุบลได้สอนค่ะ  และที่สำคัญไม่อยากให้เกิดภัยพิบัติใหญ่อยากมีพี่น้องรอดเยอะ ๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 17:09:34


ความคิดเห็นที่ 47 (1633577)

 คุณสมบัติของพระศรีอาริย์ ที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ซึ่งคิดว่าบุคคลอย่างท่าน จะต้องมีกายเนื้อค่ะ และก็คงใกล้ถึงเวลาที่ท่านจะเปิดเผยพระองค์แล้ว  ดังนั้นสิ่งที่ตัวเองคิด ก็ขอคิดให้เป็นคุณสมบัติแบบของมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อนะคะ แต่ในความที่ท่านมีกายเนื้อนั้น ก็ต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาเหมือนอย่างเรา ๆ แน่  ท่านต้องเป็นบุคคลที่พิเศษจริงๆ คือต้องมีอะไรที่หายากยิ่งในมนุษย์ทั่วไป  ที่ตุ้ยวิเคราะห์ออกมาตามสมองน้อยๆ ส่วนตัวนะคะ ก็คือ


1. ท่านจะมีภาวะความเป็นผู้นำ จะนำพาผู้คนให้พ้นทุกข์ได้
2. ท่านจะเป็นที่รักของคนหมู่มาก ซึ่งท่านก็คงจะมีกองกำลังสนับสนุนอยู่มากมาย ทั้งที่เปิดเผย และไม่เปิดเผย
และพร้อมจะประกาศตัวออกมาในวันใดวันหนึ่ง
3. ท่านจะรักความสะอาด รักความเป็นระเบียบ มีวินัย
4. ท่านจะมีคำสอนที่เมื่อใครได้ฟังก็สามารถบรรลุธรรม และนำมาปฏิบัติตามได้อย่างมหัสจรรย์
5. ท่านจะปกป้อง และเชิดชูไว้ ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
6. ท่านจะมีควาามสามารถที่ทำให้ผู้คนหายเจ็บป่วย หายยากจน พ้นทุกข์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
7. ท่านจะสร้างกฎ หรือบทบัญญัติ ให้คนทุกคน อยู่ร่วมกันโดยไม่มีการแบ่ง ชาติ แบ่ง ศาสนา ให้เราเป็ฯหนึ่งเดียวกัน
8. ทานจะมีน้ำใจ มีความเมตตา ปราณี กับทุกสิ่ง ไม่ว่าคนหรือสัตว์ คนยากดีมีจน
9. ท่านจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตนเป็นผู้มีความเสียสละ
 
 
************************************************************************************************************************
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 17:30:46


ความคิดเห็นที่ 48 (1633580)

แต่ถ้าองค์ท่านในภาคมนุษย์ ปฏิเสธที่จะแสดงตัว หรือยอมรับว่าท่านคือพระศรีอารย์ ด้วยเหตูผลใดก็ตาม พวกเราจะทำอะไรได้ ยังไงพวกเราต้องยอมรับชตากรรม ภัยพิบัติจะเกิดก็ต้องสู้กันให้ได้ เกืดแล้วก็ต้องตายทุกคน

------------------------------------------------------------

แรงจังพี่...!  เรื่องตาย ช้าหรือเร็ว เราทุกคนต้องตาย

แต่ปัจจุบัน ท่าน อ.อุบล ก็เมตตาบอกทางเลือกให้เราไว้ 2 ทาง คือ

1. เราไม่สนใจตามหาพระศรีอาริย์ แต่เรามุ่งเน้นทำความดี และในวันเกิดภัยพิบัติเราก็รอดเข้าสู่ยุดใหม่

2. ช่วยกันตามหาพระศรีอาริย์ให้เจอเร็วที่สุด หากเจอพระองค์ท่านก่อน พระองค์ท่านจะพาพวกเราเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ภัยใหญ่จะไม่เกิด แต่จะเกิดเป็นหย่อมๆเพื่อล้างคนไม่ดีออกไป

ซึ่งพวกเราก็ตกลงใจกันแล้วว่าเราจะเลือกข้อ 2 ส่วนตัวลึก ๆ แล้ว ถ้าพวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ยังงัยเราก็ต้องได้รับเมตตาอย่างแน่นอน

ยุคของพระศรีอาริย์ เท่าที่มีข้อมูลคือ  ไม่มีคนเจ็บ คนป่วย คนพิการ ทุกคนหล่อ สวยเหมือนกันหมด ไม่มีขโมย ก็แสดงว่าทุกคนรวยเหมือนกันหมด  

ฉะนั้นใครละที่จะสามารถทำให้คนป่วย  คนพิการได้หายแบบฉับพลันทันที  ใครละมีวิธีช่วยคนที่ปัญหาการเงินให้มีสภาพคล่อง

อ้อ..อีกข้อหนึ่งที่รู้มาก็คือ ผู้คนในยุคนั้น ต้องเป็นคนมีศีลธรรม รักษาศีล 5 เป็นอย่างน้อย ฉะนั้นบุคคลที่เราตามหาก็ต้องสามารถเปลี่ยนให้คนมารักษาศีลได้  

ข้อมูลเบื้องต้นมีเท่านี้ แต่จะรีบสืบเสาะค้นหามาเพิ่มโดยเร็วค๊า

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 17:34:08


ความคิดเห็นที่ 49 (1633581)

ขอร่วมแสดงความเห็นเพิ่มเติมครับ

คุณลักษณะของพระศรีอารีย์

 1) หญิงหรือชาย อันนี้ เป็นไปได้ทั้ง 2 กรณีครับ

2) คิดว่าต้องเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ เป็นคนมีภาวะผู้นำสูง

3) สามารถทำให้คนหายได้ในทันที ด้วยบุญฤทธิ์ คนที่อยู่ใกล้ๆ ท่านจะหายป่วยได้ 

4) สามารถเทศน์ใ้ห้คนบรรลุธรรมได้ในทันที หมายถึง ธรรมที่ผ่านเสียงของท่าน ทำให้คนเปลี่ยนได้ทันที ด้วยธรรมฤทธิ์

5) คิดว่าพระศรีอาริย์ ต้องเป็นคนไทยครับ เพราะประเทศไทยจะได้เป็น เสาหลักของโลก ในยุคใหม่ ยุคศิวิไลซ์

6) ท่านต้องเป็นผู้ที่มีความเมตตามากๆ แค่อยู่ใกล้ๆ ก็คงรู้สึกสุขใจแล้ว

     ยังไงการตามหาพระศรีอาริย์ยังไงก็สำคัญมากๆ ครับ เพราะหมายถึงว่า คนจะรอดชีวิตกันมากขึ้น แต่ก็สงสัยน่ะครับ ว่าเกิดเราคิดว่า คนนี่แหละ พระศรีอาริย์ แล้ว ท่านจะยอมรับไหมครับ ว่าท่านคือพระศรีอาริย์ 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 17:40:10


ความคิดเห็นที่ 50 (1633584)

 

1.ช่วยกันค้นหาคุณสมบัติของพระศรีอาริย์ว่าควรมีอะไรบ้าง จากนั้น

การพิสูจน์ความจริงเรื่องพระศรีอารย์เกิดขึ้นในประเทศไทย จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งศรีวิไลของโลก และการเปลี่ยนกลียุคเป็นกฤดายุคจะเป็นไปโดยสันติวิธี แต่ถ้าคนทั่วไปไม่สนใจที่จะหาความจริงในเรื่องพระศรีอารย์ที่จะมาช่วยมนุษยโลก โลกามหาวินาศ (2012) เป็นไปได้ การที่มนุษย์จะโทษสวรรค์ทำรุนแรงก็ไม่ควรเพราะเขาให้โอกาสแล้ว แต่มนุษย์ไม่สนใจเอาแต่ฝักใฝ่แต่เหล่ามาร หรือมองเห็นความเห็นแก่ตนเป็นสำคัญยุคพระศรีอารย์เป็นกฤดายุคหรือยุคทอง ยุคที่ความลับของสวรรค์ถูกเปิดเผย สันติสุขและสันติภาพไม่มีที่สิ้นสุด นั่นหมายความว่า คนเลวคนชั่วจะหมดไปจากโลก การฆ่ากัน ข่มขืนกัน หลอกลวงกัน การทำผิดศีลธรรมจะไม่มี การรังเกียจเช่นผิว การแบ่งแยกเช่นภาคใต้ของไทย การเอารัดเอาเปรียบจะหมดไป ความเมตตากรุณาจะเกิดขึ้นในทุกผู้คนไม่ว่าจะเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่หรือ ผู้สูงอายุ สำหรับผู้อ่อนแอจะมีผู้ดูแลรักษาไม่ถูกทิ้งขว้าง
ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล พืชผลการเกษตรอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้จะเขียวชอุ่ม เรื่องโลกร้อนหรือเกิดความผิดปกติของโลกจะหยุดลง ผู้คนมีกินมีใช้ไม่อดหยาก มีที่อยู่อาศัย มีเครื่องนุ่งห่ม มียารักษาโรค ทุกรุ่นทุกวัยจะได้รับการศึกษาตามความประสงค์และความสามารถของแต่ละบุคคลโดยไม่แยกว่าเป็นคนรวยคนจน ทุกๆคนจะไม่มีหนี้สิน การค้าขายเป็นไปด้วยความยุติธรรม ทุกคนมีความรู้จริง "อริปัญญา" รู้หลักการปฏิบัติตนให้ได้ผลนำไปสู่นิพพาน เมื่อทุกๆคนมีความสุขทั่วหน้า การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่มี เพราะมนุษย์จะรู้กฎเกณฑ์การลงโทษผู้ทำบาป ทำให้การทำบาปเป็นสิ่งที่มนุษย์กลัวเกรงมากที่สุด

www.metteya.org/sriann/conquerer.html

 

2.ช่วยกันแจ้งหรือเสนอว่าใครบ้างที่น่าจะเข้าข่ายว่าเป็นพระศรีอาริย์

รวมพลังรวมพลัง สู้ๆ   คุณธนาค๊ะ พี่ขอแจ้งชื่อเพียงคนเดียวที่เข้าข่ายว่าเป็นพระศรีอาริย์ คือครูบาอาจารย์ของเรา “อ.อุบล  ศุภาเดชาภรณ์”  คุณสมบัติของอ.อุบล ก็อย่างที่พวกเราได้เม้นต์มาทุก ๆ ความเห็น นั่นแหละใช่เลย เพราะพี่มองไม่เห็นใครที่จะมีคุณสมบัติเหมาะสมเท่าอาจารย์ของเรา

อย่างเมื่อวันที่ 4 ตค.55 มีเพื่อนบอกว่าจะพาไปดูร่างทรงของพระศรีอาริย์ พี่ก็จะดูว่าเป็นอย่างไร แต่ไปดูแล้วยังไง๊ยังไงก็ไม่ใช่ เพราะคุณสมบัติแตกต่างจากอ.อุบล มาก ๆๆ รู้สึกอึดอัด ไม่โปร่งโล่งสบายเหมือนมาบ้านสวน พี่จึงขอยืนยัน นั่งยัน และก็นอนยันค่ะ
สู้ๆๆ   

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 17:55:20


ความคิดเห็นที่ 51 (1633587)

เอางี้ครับ ส่วนตัวผมเองก็ขอเริ่มคุณสมบัติแรกที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งหากให้ทุกคนช่วยกันออกความเห็นร่วมกัน เพื่อให้ชัดเจนเป็นอันดับแรกก่อน

1)"พระศรีอาริย์ พระองค์ต้องเป็นชายเท่านั้น" หรือ

"พระองค์อาจเป็นผู้หญิงก็ได้"

2)"ต้องเป็นเด็กเท่านั้น หรืออาจเป็นผู้ใหญ่ คนแก่??

ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรครับ

........................................

ผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

ผมว่าธาตุขันธ์ที่จะมารองรับ บารมีของ

พระศรีอาริย์ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็น ชาย  หญิง

 คนแก่  หรือ เด็ก  แต่ต้องเป็นร่าง หรือ ธาตุขันธ์

ที่บริสุทธิ์  พูดง่ายๆคือ ต้องเป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม

และมีลักษณะเป็นผู้นำ สามารถที่จะนำพาผู้คน

ไปให้ถึงพระนิพพาน

แต่สุดท้ายต้องมาเทียบกับคุณสมบัติของพระศรีอาริย์

ที่หลายท่านได้นำเสนอมาว่าผ่านหรือเปล่า?

..................................

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 17:57:46


ความคิดเห็นที่ 52 (1633599)

ในความคิดของเบส  เบสคิดว่า.....

 พระศรีอาริย์จะต้องรู้ธรรมะพิเศษที่คนธรรมดาไม่รู้

จะต้องเป็นผู้มีฤทธิ์มากแม้ว่ามีผู้ใดล่วงเกิน ก็จะได้รับผลกรรมทันที หรือสามารถใช้ฤทธิ์สั่งสอนคนเลว เพื่อหยุดยั้งการประกอบกรรมของเขาได้

จะต้องเป็นผู้มีภาวะผู้นำ มีวัยวุฒิ มีความสามารถในการตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ดีเยี่ยม และรวดเร็วฉับไว มีไหวพริบ รู้เท่าทันค

เป็นผู้ที่มีจิตใจมั่งคงในความดี ไม่ไหวเอียงเอนเด็ดขาด ไม่ว่าจะได้รับแรงเสียดทานมากเท่าไหร่ ก็จะไม่มีผลต่อพระองค์ท่าน

เป็นผู้ที่สามรถทำให้ผู้อื่น พ้นทุกข์ และมีความสุขได้

เป็นผู้ที่สามารถเอาชนะมาร หรือคนไม่ดีได้ ด้วยปัญญา และฤทธิ์

เป็นผู้ที่มีปัญญาสูง เมื่อมีคนมาถามปัญหา จะสามารถตอบปัญหานั้นๆได้โดยแยบคาย

เป็นผู้ที่มีความสามารถในฝึกคนให้เปลี่ยนแปลงได้ คือ เป็นคนที่น่าเชื่อถือ มีการวางตัวดีสามารถบอกอะไรแล้วมีคนคนเชื่อ คนทำตาม

เป็นหัวหน้าในการนำคนทำความดี โดยไม่สนใจว่าใครจะว่า หรือด่าอะไรทั้งสิ้น ซึ่งก็คือการแสดงจุดยืนที่แน่ชัดนั่นเอง 

เป็นผู้สามารถแสดงธรรมะที่ยากให้เขาใจได้ง่าย เช่นใช้ภาษาที่ง่าย หรือยกตัวอย่างที่มีในชีวิตประจำวันให้คนเห็นภาพได้ชัดเจน

เป็นผู้มีความเมตตาต่อทั้งคน และสัตว์

เป็นผู้รักษาศีลมั่งคง และบริสุทธิ์ และเป็นผู้แนะนำให้ผู้อื่นรักษาศีลด้วย

เป็นผู้ถนุถนอมพระพุทธศาสนา และต่อสู้เพื่อปกป้องพระพุทธศาสน

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 18:44:28


ความคิดเห็นที่ 53 (1633601)

    ขอแสดงความเห็นถึงคุณสมบัติของพระองค์ท่านด้วยครับ...อันนี้เป็นเพียงความคิดผมเท่านั้นน่ะครับ ผิดถูกประการใด ต้องกราบขออภัยครับ

1.ชายหรือหญิง
 ผมคิดว่าเป็นไปได้ทั้งชายและหญิง เพราะผมคิดว่า จะเป็นชายหรือหญิงนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือต้องตอบโจทย์ได้ทั้งหมดมากกว่าครับ
2. ฆราวาส / พระ หรือ กษัตริย์
          ฮึ่ม...อันนี้ยาก อาจเป็นไปได้ทุกกรณี
3.ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน?
      ผมคิดว่าท่านน่าจะอยู่ในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกตอนนี้ ซึ่งถ้าหากประเมินจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกตอนนี้ ประเทศที่มีผลกระทบน้อยที่สุดก็น่าจะเป็น ประเทศไทย หรือ ภูฐาน ฯลฯ ก็มีความเป็นไปได้
4.บุญฤทธิ์ และ ธรรมฤทธิ์
     ข้อนี้ผมมองว่า ท่านมาฉุดช่วยสัพสัตว์ทุกจิตวิญญาณ ดังนั้นท่านต้องมีธรรมมะเป็นเลิศ ผู้ใดได้ฟังธรรมจากพระองค์ท่านแล้ว สามารถบรรลุมรรคผล มีดวงตาเห็นธรรมโดยฉับพลันทันที ส่วนบุญฤทธิ์นั้น น่าจะสามารถปลดเปลื้องความทุกข์ทั้งหลายให้หมดไปโดยพลัน เช่น เจ็บป่วย ยากจน ฯลฯ
    ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ผมมีความสงสัยอยู่พระองค์นึงครับ แต่ตอนนี้พระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่ครับ  
 
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 18:44:53


ความคิดเห็นที่ 54 (1633618)

 1)"พระศรีอาริย์ พระองค์ต้องเป็นชายเท่านั้น" หรือ

"พระองค์อาจเป็นผู้หญิงก็ได้"

2)"ต้องเป็นเด็กเท่านั้น หรืออาจเป็นผู้ใหญ่ คนแก่??

ในความคิดของเหมียวนะค่ะ

เหมียวว่าเป็นไปได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงค่ะ เพราะผูุ้หญิงก็สามารถบรรลุธรรมได้ไม่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงที่เก่งๆก็มีเยอะค่ะ ที่มีความเป็นผู้นำ ที่มีวิชาความสามารถ ข้อนี้อาจจะเป็นชายหรือหญิงก็ได้นะค่ะบางครั้งเราอาจจะคิดถึงภาพนักบวชที่ต้องจำกัดว่าเป็นเพศชายได้เท่านั้น แต่ผู้หญิงไม่ต้องบวชก็สามารถบรรลุได้ ส่วนที่ว่าเป็นเด็ก ผู้ใหญ่หรือคนแก่  เหมียวว่าน่าจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะค่ะเพราะว่า พระศรีอาริย์ท่านจะมาช่วยโลกเราให้พ้นจากภัยพิบัติ ถ้าตอนนี้ภัยพิบัติก็ใกล้เข้ามาแล้ว เหมียวคิดว่าน่าจะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะค่ะ  เป็นความคิดน๊ะไม่รู้ว่าถูกรึผิดยังงัย ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี(มะเหมียว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 20:33:39


ความคิดเห็นที่ 55 (1633630)

ขอร่วมช่วยค้นหา ค่ะ

คุณสมบัติของพระศรีอาริย์ควรมี

1.ช่วยให้คนหายป่วย หายจน ให้คนพ้นทุกข์ ให้คนมีความสุข ค่ะ

2.ให้คนทำความดี  ไม่ทำความชั่ว  ให้คนรักษาศีล 5  ค่ะ

กรณีตัวอย่างเห็นได้จาก ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์มาช่วยคน ทุกคนหายป่วย ทุกคนมีความสุข เห็นหน้าท่านอาจารย์ เดินผ่านท่านอาจารย์ เห็นรูปถ่ายท่านอาจารย์อุบลก็หายป่วย ระลึกถึงพระศรีอาริย์ที่ท่านอาจารย์อุบลอัญเชิญมา ก็หายป่วย ช่วยทุกๆ  เรื่อง ที่ไม่ผิดศีล ค่ะ

3.แสดงกฏแห่งกรรมจากการผิดศีล ให้เห็น พิสูจน์ได้ 

4.เมตตา ช่วยคนโดยไม่มีเงื่อนไข  ท่านมีพร้อมเต็มเปี่ยมด้วยบารมี ค่ะ

5.ช่วยทุกคนให้พ้นจากภัยพิบัติค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 21:39:39


ความคิดเห็นที่ 56 (1633631)

ดร.จิ๋มคะ

วันนั้น พวกลูกบ้านสวน

ไม่ได้ใช้ผู้ชายตัวใหญ่ไปรุมหรอกค่ะ

 

แต่

มีแต่ผู้หญิง และ เด็กค่ะ

ไม่ได้ไปรุมค่ะ แต่ไปยืนขวางรถเลย

แล้วก็ล้อม ด้วยความสุภาพค่ะ

ไม่มีการข่มขู่แต่ประการใด

แต่ใช้คำถามค่ะ

แต่ละคน ก็ถาม ตามสไตล์ตัวเอง

เช่น

-อิจฉาเหรอ

ที่เห็นที่นี่เจริญ มีคนนับถือ

-หมั่นใส้เหรอ 

-พวกเราไปทำอะไรให้คุณเหรอ

ฯลฯ

ประมาณนี้ค่ะ

 

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบล

ตามที่จิ๋มได้เขียนไปว่า ลูกบ้านสวนตัวใหญ่ไปทำการรุม คนขี่มอเตอร์ไซด์ที่มาก่อกวนบ้านสวนนั้น ผิดพลาดไปค่ะ ขออภัยในความไม่รู้นี้ด้วย เพราะไม่ได้อยู่เอง แต่เพื่อน ๆ ที่บ้านสวนเล่าให้ฟัง  กราบขอขมาด้วยค่ะ ที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีแล้วเขียนไป

แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการเหล่านี้ได้บ่งบอกถึงความสามัคคีที่ควรทำให้เกิดขึ้นกับคนหมู่มากเช่นนี้ ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน และหัดใช้คำพูด สอนคน ด้วยธรรมะดี ๆ ในวันนึง เขาต้องเข้าใจและกลับตัวเป็นคนดีได้ในที่สุดเนอะ แน่นอนเราน่าจะใช้วิธีการเหล่านี้มาใช้ในการปราบมาร เพื่อเข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์ ในเวลาอนาคตอันใกล้นี้

กราบขอบคุณท่านอาจารย์อุบลที่ชี้ทางสว่าง และแนะนำแนวทางให้พวกเราได้ปฏิบัติกัน

จิ๋ม ชัชวลี

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 21:40:52


ความคิดเห็นที่ 57 (1633646)

อย่างเมื่อวันที่ 4 ตค.55 มีเพื่อนบอกว่าจะพาไปดูร่างทรงของพระศรีอาริย์ พี่ก็จะดูว่าเป็นอย่างไร แต่ไปดูแล้วยังไง๊ยังไงก็ไม่ใช่ เพราะคุณสมบัติแตกต่างจากอ.อุบล มาก ๆๆ รู้สึกอึดอัด ไม่โปร่งโล่งสบายเหมือนมาบ้านสวน พี่จึงขอยืนยัน นั่งยัน และก็นอนยันค่ะสู้ๆๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร

พี่เบญมั่นใจใช่ไหมครับว่านี่คือสิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลสอนว่าสงสัยอะไร ให้ไปตำหนักทรง

ผมจำได้แม่นยำว่า ท่านอาจารย์อุบลสอนเสมอว่า ลูกบ้านสวนฯห้ามไปตำหนักทรงใดๆเด็ดขาด นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน

ที่สำคัญ นี่คือการพิสูจน์หาพระศรีอาริย์ครับ ไม่ใช่การสรุปว่าใครคือพระศรีอาริย์ การคิดและสรุปเองไม่ใช่หนทางของการใช้ปัญญา

หากพี่มั่นใจว่าใครเป็นพระศรีอาริย์ โปรดแสดงให้เห็นชัดเจนหน่อยครับ ว่าพระองค์ท่านมีคุณสมบัติอย่างไร และอะไรคือข้อพิสูจน์ที่ทำให้พี่มั่นใจว่าผู้เป็นพระศรีอาริย์

หากหาง่ายขนาดนั้น ทุกคนคงไม่ช่วยกันหาหรอกครับ ทุกอย่างต้องวางใจเป็นกลาง ใช้หลักกาลามสูตร ที่สำคัญไม่ใช่ว่าท่านเป็นครูบาอาจารย์ของเรา เราก็มั่นใจว่าเป็นท่าน นั่นคือไม่ใช้ปัญญาตามหลักกาลามสูตรครับ

พระศรีอาริย์พระองค์จริงตอนนี้อยู่ที่ใด ไม่มีใครทราบครับ พวกเราถึงต้องช่วยกันหาคุณสมบัติของพระองค์ท่าน และช่วยกันหาคนที่มีคุณสมบัติเข้าข่าย และเชิญมาพิสูจน์กัน ไม่ใช่การสรุปเพราะ "มั่นใจ" ส่วนตัวครับ

ขอโทษด้วยนะครับที่เขียนจัดตรงๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 22:27:18


ความคิดเห็นที่ 58 (1633647)

อืม...ข้อมูลของสิงห์ป้อมก็น่าสนใจนะครับ

บางประเทศก็นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง จริงจัง ก็อาจเป็นไปได้ว่าพระองค์ท่านจะประทับอยู่ที่นั่น

อย่างไรก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่ให้พวกเราช่วยกันค้นคว้า และสรุปร่วมกันครับ เอาอีกๆๆๆ ช่วยกันหาคุณสมบัติพระองค์ท่านให้ครอบคลุมครับ แล้วพวกเราจะมาช่วยกันสรุป มิใช่จากความเห็นผู้ใดผู้หนึ่ง แต่ทุกศาสนาต้องยอมรับได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 22:31:09


ความคิดเห็นที่ 59 (1633649)

เป็นไปได้ไหมครับว่าพระศรีอาริย์เป็นผู้รู้ศาสตร์ของทุกศาสนาอย่างแจ่มแจ้ง เพราะพระศรีอาริย์ที่ทุกชาติ ทุกศาสนา ต่างตั้งใจค้นหาและรอรอการมาของพระองค์คือองค์เดียวกัน แต่เรียกต่างกันเท่านั้นเอง และพระองค์จะเป็นผู้รวมทุกศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียวกันครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 22:45:35


ความคิดเห็นที่ 60 (1633654)

 ไม่ว่าชายหรือหญิง พระหรือฆาราวาส เด็กหรือพู้ใหญ่

มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้นค่ะ ถ้า

บุคคลที่เข้าข่ายนั้นสามารถแสดงหรือบ่งบอกคุณลักษณะในความ

เป็นพระศรีอาริย์ตามที่เราได้วิเคราะห็กันมา และมีฝลพิสูจน์กันได้

เป็นที่เชื่อถือของทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็น พุทธ คริตส์ อิสลาม 

และธรรมะที่ทรงแสดง ก็จะเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันในทุกศาสนา

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ผมมีความสงสัยอยู่พระองค์นึงครับ แต่ตอนนี้พระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่ครับ

ว้าว สิงห์ป้อมมีมาให้ลูกบ้านสวนได้พิสูจน์กันในเบื้องต้นแล้ว 1. พระองค์

ช่วยบอกรายละเอียด โดยด่วนด้วยจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 22:51:48


ความคิดเห็นที่ 61 (1633659)

 ไม่ว่าชายหรือหญิง พระหรือฆาราวาส เด็กหรือพู้ใหญ่

มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้นค่ะ ถ้า

บุคคลที่เข้าข่ายนั้นสามารถแสดงหรือบ่งบอกคุณลักษณะในความ

เป็นพระศรีอาริย์ตามที่เราได้วิเคราะห็กันมา และมีฝลพิสูจน์กันได้

เป็นที่เชื่อถือของทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็น พุทธ คริตส์ อิสลาม 

และธรรมะที่ทรงแสดง ก็จะเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันในทุกศาสนา

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ผมมีความสงสัยอยู่พระองค์นึงครับ แต่ตอนนี้พระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่ครับ

ว้าว สิงห์ป้อมมีมาให้ลูกบ้านสวนได้พิสูจน์กันในเบื้องต้นแล้ว 1. พระองค์

ช่วยบอกรายละเอียด โดยด่วนด้วยจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 22:55:42


ความคิดเห็นที่ 62 (1633660)

โอ้โห

ตามหาพระศรีอาริย์

กันใหญ่เลย

 

อ.อุบล

ก็ขอร่วมตามหาด้วยคน

และ

จะขอเป็นผู้ชมการพิสูจน์

พระศรีอารยิ์ด้วย

 

เราน่าจะจัดการพิสูจน์

ที่บ้านสวนพีระมิดดีไหม

แล้วมีการบันทึกเทปโทรทัศน์ด้วย

หรือ

อาจถ่ายทอดสดด้วย

 

สิ่งที่ต้องทำทันที

ทำพร้อมๆกันไปเลยตอนนี้

น่าจะเป็น

1.เสนอรายชื่อ ผู้ที่บอกว่า

ตนเองคือพระศรีอาริย์ แล้วติดต่อ

ขอเชิญมาพิสูจน์ โดยหลักกาลามสูตร

 

2.กำหนดคุณสมบัติ

ที่เข้าใจง่ายๆ ตัดสินได้ง่ายๆ

ใช้ภาษาง่ายๆ อย่าใช้ศัพท์วิชาการ

มากนัก ให้เด็กและ คนเรียนน้อย

เข้าใจ ร่วมรับรู้ได้ด้วย

 

3.กำหนด วัน เวลา ที่แน่นอน

เพื่อให้งานจบเร็ว เพราะ เหลือเวลา

อีกเพียง 71 วันเท่านั้น

 

3 หัวข้อนี้

ต้องทำพร้อมกันเลย

ไม่งั้น จะหาข้อยุติไม่ได้

 

คนที่เสนอตัวร่วมตามหาพระองค์

ให้มาลงชื่อ และ อาสา

ทำหน้าที่ใดบ้าง ใน 3 ข้อข้างต้น

หรืออาจทำทุกข้อก็ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 22:56:42


ความคิดเห็นที่ 63 (1633665)

อ.อุบล

ขอมีส่วนร่วมกิจกรรม

ตามหาพระศรีอาริย์ แต่ไม่ขอสมัครนะ

เพราะรู้ตัวดีว่า บารมีห่างไกล

แต่จะขอรับใช้พระองค์

ไม่ว่าจะเป็นใคร

เมื่อได้พิสูจน์แล้วว่าใช่

 

เราน่าจะเอาหลักฐานที่เห็นๆ

ที่เราได้สัมผัสบารมีพระองค์จริงๆ

ที่ อ.อุบล อาราธนามา

ให้ทุกท่านได้พิสูจน์

 

เช่น เดินผ่านแล้วหายป่วย

พ้นอุปสรรค ตามที่ขอพึ่งบารมีท่าน

 

ดังนั้น

จะทำให้เราหาง่ายขึ้น

 

อย่าง อ.อุบล

ต้องอาราธนาบารมีท่าน

คนเดินผ่านจึงจะหายได้

แต่ถ้าใช่

พระองค์ท่านจริงๆ

คงไม่ต้องอาราธนาบารมี

ใครเดินผ่าน หรือ เข้าใกล้

ก็จะหายได้ทันที

อันนี้ชัดไหม

 

ก็ในเมื่อ

เราทำพิธีบวงสรวงแล้ว

บารมีท่านมาแล้ว

เหลือแต่

หากายเนื้อของท่าน

ที่จะมาแสดงบารมีท่านได้

โดยไม่ต้องอาราธนา

คนนั้นควรจะ

มีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือใช่

พระศรีอาริย์หรือไม่

 

ซึ่งนี่ต้องเป็นข้อหนึ่ง

ในคุณสมบัติของพระองค์แน่นอน

ไม่เช่นนั้น เวลา อ.อุบล

อาราธนาบารมีท่านมา พวกเรา

คงไม่สามารถหาย หรือ รับสัมผัสได้เช่นนี้

 

แต่ไม่ต้องมาสงสัย อ.อุบล

เพราะถ้าใช่ ก็ไม่ต้องอาราธนา

ให้เสียเวลาหรอกนะ

 

ใครมีความเห็นยังไง

เห็นด้วย หรือ คัดค้าน ก็เชิญ

แสดงความเห็น

 

ที่เสนออย่างนี้

เพราะเราเห็นกันจะจะแล้ว

เชื่อแล้ว ว่าท่านมีจริง

พบบารมีกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

จะมัวไปอิงตำราทำไม

ทำไมไม่เอาเรื่องจริง ของจริง

ที่ท่านต้องการ และ ตั้งใจให้เรารู้

ให้เราเห็น ให้เราใช้ปัญญา

ตามหาท่านให้ถูกทิศ

ถูกทาง ที่ท่านส่งสัญญาณมา

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 23:08:02


ความคิดเห็นที่ 64 (1633669)

สมมุติว่า

ตำราหายหมด ถูกทำลายหมด

เหลือแต่ความรู้สึกรอคอย คาดหวังว่า

พระศรีอาริย์จะเสด็จมา

แล้วถ้าเรา

อยู่ในสถานการณ์ที่

ไม่มีตำราอ้างอิงคุณสมบัติพระศรีอาริย์

เราจะใช้ปัญญาตามหาพระองค์

ด้วยวิธีไหนกันดี

 

หรือว่า

เราอาจจะพิสูจน์ไป

ทีละอย่างตามที่พระองค์ท่าน

ส่งสัญญาณให้เรารับรู้ได้ ก็ยังได้

ดีไหม

 

เช่นรอบแรก

ของการพิสูจน์นี้

เราจะเชิญผู้ที่เราสงสัย

หรือผู้ที่ ท่านบอกว่า ท่านใช่

ท่านเป็นพระศรีอาริย์มาพร้อมกัน

 

แล้วพิสูจน์ทีละท่าน

โดย

เชิญผู้เข้าร่วมพิสูจน์ที่เจ็บป่วย

เดินผ่านทีละท่าน

 

ถ้าท่านใด

มีผลทำให้คนป่วยดีขึ้น

หรือหายได้ คนนั้นควรผ่านเข้ารอบ

 

ทั้งนี้

ต้อง ไม่มี การ

อาราธนาบารมีท่านนะ

 

ถ้าต้องอาราธนาบารมีท่านก่อน

อย่าง อ.อุบล นี่ถือว่า

ไม่ใช่ สอบไม่ผ่าน นะจ๊ะ

 

ของจริง ตัวจริง

ต้องเข้าใกล้ เดินผ่านหรือ

อาจจะแค่เพียง มองเห็น หรือ

ต่อไปรู้จักจำหน้าได้แล้ว

แค่นึกถึงหน้าท่าน

ก็หายป่วย

หายทุกข์ มีปัญญา

คลี่คลายปัญหาได้ ก็ได้นะ

 

หรือท่านผู้อ่านว่าไงจ๊ะ

 

เพราะยังไงตอนนี้

อ.อุบล และ พวกเราหลายคน

ก็รับสัมผัสพระบารมีพระองค์ได้กันแล้ว

ตรงนี้ ที่ท่านสื่อสารมา

คม ชัด ลึก ตรง เลยนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-10 23:18:50


ความคิดเห็นที่ 65 (1633684)

 สมมุติว่า

ตำราหายหมด ถูกทำลายหมด

เหลือแต่ความรู้สึกรอคอย คาดหวังว่า

พระศรีอาริย์จะเสด็จมา

แล้วถ้าเรา

อยู่ในสถานการณ์ที่

ไม่มีตำราอ้างอิงคุณสมบัติพระศรีอาริย์

เราจะใช้ปัญญาตามหาพระองค์

ด้วยวิธีไหนกันดี

***

เรียนท่านอาจารย์อุบล

ผมคิดว่าถึงเวลานั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นชาย เป็น หญิง เป็นใครไม่สำคัญแล้วครับต้องเป็นสิ่งที่

"สัมผัสได้แบบทันที"

คิดว่าท่านต้องทำให้เรา"สิ้นทุกข์ได้แบบทันที"

และให้ธรรมมะให้เรามี"ดวงตาเห็นธรรมทันที"

เรียกได้ว่าท่านต้องมาพร้อมกับ

"บุญฤทธิ์และธรรมฤทธิ์"

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 00:09:53


ความคิดเห็นที่ 66 (1633702)

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์

ที่เมตตามานำเสนอข้อคิดเห็น

เพื่อเป็นแนวทางในการพิสูจน์

เพื่อค้นหาพระศรีอาริย์

อย่างเป็น"รูปธรรม"ที่สุดด้วยค่ะ

 

และดูเหมือนว่า น่าจะเป็นวิธีการที่ดูรวบรัด

แข่งกับเวลาได้ดีพอสมควรด้วยค่ะ

 

จะว่าไปพวกเราส่วนใหญ่

ก็ถนัดคิดแต่ในกรอบ

คือต้องอิงข้อมูลไว้ก่อน

แต่ลืมคิดนอกกรอบ นอกตำรา

ทั้งๆที่พวกเราแทบทุกคน

ก็ได้สัมผัส

"คุณสมบัติที่แท้จริงของพระศรีอาริย์"

มาแล้วทั้งนั้น ฉะนั้น ขั้นต้นคือ

..............................

 

สิ่งที่ต้องทำทันที

ทำพร้อมๆกันไปเลยตอนนี้

น่าจะเป็น

1.เสนอรายชื่อ ผู้ที่บอกว่า

ตนเองคือพระศรีอาริย์ แล้วติดต่อ

ขอเชิญมาพิสูจน์ โดยหลักกาลามสูตร

 

2.กำหนดคุณสมบัติ

ที่เข้าใจง่ายๆ ตัดสินได้ง่ายๆ

ใช้ภาษาง่ายๆ อย่าใช้ศัพท์วิชาการ

มากนัก ให้เด็กและ คนเรียนน้อย

เข้าใจ ร่วมรับรู้ได้ด้วย

 

3.กำหนด วัน เวลา ที่แน่นอน

เพื่อให้งานจบเร็ว เพราะ เหลือเวลา

อีกเพียง 71 วันเท่านั้น

 

3 หัวข้อนี้

ต้องทำพร้อมกันเลย

ไม่งั้น จะหาข้อยุติไม่ได้

.................................

 

ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการพิสูจน์ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้

.....................................

 

เช่นรอบแรก

ของการพิสูจน์นี้

เราจะเชิญผู้ที่เราสงสัย

หรือผู้ที่ ท่านบอกว่า ท่านใช่

ท่านเป็นพระศรีอาริย์มาพร้อมกัน

 

แล้วพิสูจน์ทีละท่าน

โดย

เชิญผู้เข้าร่วมพิสูจน์ที่เจ็บป่วย

เดินผ่านทีละท่าน

 

ถ้าท่านใด

มีผลทำให้คนป่วยดีขึ้น

หรือหายได้ คนนั้นควรผ่านเข้ารอบ

..............................

 

ชนิดาขอเสนอเพิ่มเติมว่า

น่าจะมีคณะกรรมการมาร่วมเป็นพยาน

และช่วยตัดสินด้วยนะคะ

 

และคณะกรรมก็น่าจะมีทั้งสงฆ์ ชี

ฆราวาส ที่ประกอบด้วย

นักวิทยาศาสตร์และ คุณหมอ

เพราะจะได้วิเคราะห์ผลการพิสูจน์

ไปด้วยเลยในขั้นตอนเดียว

 

รู้สึกเริ่มมีความหวังขึ้นมาอย่างไรไม่รู้

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 05:28:40


ความคิดเห็นที่ 67 (1633713)

ขอตามหาพระศรีอาริย์เมตไตรด้วยคนค่ะ

ให้ใช้ปัญญาอย่างเป็นรูปธรรมในการตามหาพระองค์ท่าน

รูปธรรม : สิ่งที่รู้ได้ทางตา หู จมูก ลิ้นกาย อันได้แก่ รูปเสียง

               กลิ่นรส และสิ่งที่สามารถสัมผัสได้ด้วยกาย

ก่อนจะตามหาพระองค์ท่าน

ก่อนอื่นน้อยคิดว่าจะค้นหาคุณสมบัติของท่านก่อน

คุณสมบัติพระศรีอาริย์เมตไตร เช่น

- สามารถทำให้ทุกศาสนารัก สามัคคีกันได้

- ปราบมาร(คนชั่ว คนพาล สันดานหยาบ)ได้อย่างเป็นรูปธรรม

- คนเจ็บป่วยเช่น หูหนวก ตาบอด ขาหัก แขนหัก หัวแตก

  สามารถสัมผัสบารมีพระองค์ท่านแล้วหายทันที

- เมื่อได้สัมผัสบารมีพระองค์ท่านหรือได้ทำบุญกับพระองค์

  ท่านแล้วเห็นชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทันที เช่น

  จากคนไม่สวยกลับสวยทันที  จากคนยากจนกลับมีหนทาง

  ให้มีสภาพคล่องทางการเงินหรือรวยขึ้นทันที

- ได้ฟังพระธรรมเทศนาพระองค์ท่านแล้วสามารถมีปัญญา

   บรรลุพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันถึงขั้นพระอรหันต์

   ได้ทันทีตามภูมิปัญญาของแต่ละคน

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 06:41:00


ความคิดเห็นที่ 68 (1633714)

ขอตามหาพระศรีอาริย์เมตไตรด้วยคนค่ะ

ให้ใช้ปัญญาอย่างเป็นรูปธรรมในการตามหาพระองค์ท่าน

เมื่อได้คุณสมบัติที่คิดว่าน่าจะเป็นพระศรีอาริย์เมตไตรแล้ว

- น้อยคิดว่าจดรายชื่อที่มีบุคคลบอกว่าน่าจะเป็นพระศรีอารย์

  ทั้งตัวเราเองคิดว่าใช่หรือบุคคลอื่นหรือหลายๆคนคิดว่าใช่

- ตั้งคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีญาณทัศนะ ผู้ได้อภิญญา

  ผู้สำเร็จพระอริยบุคคลแล้ว  ให้มีทั้งสงฆ์  แม่ชี  ฆราวาส

  พ่อค้า ประชาชน  ผู้มีการศึกษา

- ให้คณะกรรมการทั้งหมดพิสูจน์ตามหลักกาลามสูตร

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 06:41:16


ความคิดเห็นที่ 69 (1633720)

 

ของจริง ตัวจริง

ต้องเข้าใกล้ เดินผ่านหรือ

อาจจะแค่เพียง มองเห็น หรือ

ต่อไปรู้จักจำหน้าได้แล้ว

แค่นึกถึงหน้าท่าน

ก็หายป่วย

หายทุกข์ มีปัญญา

คลี่คลายปัญหาได้ ก็ได้นะ 

++++++++++++++++++++

เบสก็คิดเหมือนท่านอาจารย์ครับ

เพราะว่าในข้อนี้จะเป็นคุณสมบัติที่สามารถพิสูจน์ได้ง่ายที่สุด 

และสามารถเห็นเป็นรูปธรรมได้

และเบสคิดว่าวิธีนี้จะสามารถกรองคนได้มากอีกด้วย

เพราะถ้าเป็นพระองค์ท่านจริง

แค่เดินเข้าไปใกล้ๆก็หายได้แล้ว

เหมือนที่ท่านอาจารย์อาราธนาบารมีมา

ในเมื่อบารมีพระองค์ท่านยังสามารถทำให้พวกเราหายได้เลย

ถ้าพระองค์ท่านตัวจริงก็จะสามารถทำให้พวกเราหายได้เช่นกัน

ส่วนถ้าคนไหนที่มีคนเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วไม่หายเจ็บป่วย

ก็คือไม่ใช่ตัวจริงแน่นอนครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 07:50:14


ความคิดเห็นที่ 70 (1633758)

ผมขอเสนอความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

ผมสงสัยว่า จะมีคนอื่นอีกไหมที่สามารถ

อัญเชิญ บารมีพระศรีอาริย์  ได้

 

อยากให้คนที่เขามีสื่อสัมผัส หรือลูกบ้านสวนฯ

เช่น ป้าอุ๊ และอีกหลายๆคนได้ลองอารธนาขอ

บารมีพระศรีอาริย์ ว่าจะทำได้ไหม?

ความสงสัยเกิดขึ้นจากตอนที่พี่อมร

อารธนา บารมีพระศรีอาริย์แล้วไม่ได้ผล

จนต้องบอกว่าขออาราธนาบารมี

พระศรีอาริย์ที่อ.อุบลเป็นผู้อัญเชิญ

ถึงทำให้นิ้วที่บวมเป็นลูกปิงปองยุบลงทันตาเห็น

 

วิธีการพิสูจน์

1.ให้หลายคนลองอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์

แล้วให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยเดินผ่าน

แล้วดูผลจะออกมายังงัย (วิทยาศาสตร์)

2. ให้คนที่ได้มโนยิทธิ ดูว่าเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า

ผมแค่สงสัย มีใครอยากลองพิสูจน์ไหมครับ

......................................

ผิดถูกประการใด หรือนอกประเด็น กล่าวติเตือนได้นะครับ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 10:36:26


ความคิดเห็นที่ 71 (1633760)

นัชญ์ขอร่วมตอบด้วยคนค่ะ

1)"พระศรีอาริย์ พระองค์ต้องเป็นชายเท่านั้น" หรือ

"พระองค์อาจเป็นผู้หญิงก็ได้"

 

 

2)"ต้องเป็นเด็กเท่านั้น หรืออาจเป็นผู้ใหญ่ คนแก่??

 

  น่าจะเป็นผู้ที่สามารถเผยแพร่พระธรรมอันงดงามของพระพุทธเจ้าได้ จะเป็นใครก็ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 10:37:25


ความคิดเห็นที่ 72 (1633773)

เจ้าของกระทู้

หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วหรือนี่

อิ อิ อิ

เขาจะตามหา

พระศรีอาริย์กันแล้วนะตัวเอ๊ง

 

เอ

หรือว่าเขาจะ

เจอ

พระศรีอาริย์

แล้วก็ได้ ก็เลยทิ้ง พวกเรา

ไปเลย ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 11:10:52


ความคิดเห็นที่ 73 (1633774)

 

 

 

นัชญ์มีเรื่องจะเล่าต่อคือ

หลาย ๆ ปีที่ผ่านมานัชญ์รู้แต่ว่าช่วงปี 2500

จะเกิดการล้างโลกตามพุทธทำนาย

มีแต่การเล่าเรื่องภัยพิบัติมากมาย

จนนัชญ์จิตตก และจิตหลอน

ไม่กล้าดูหนังฝรั่งเกี่ยวกับภัยพิบัติเลย

แต่เมื่อได้รับข้อมูลทั้งทางโทรทัศน์และเว็ปไซด์

ก็ได้รับทราบว่า

การหยุดยั้งภัยพิบัติทำได้โดย

การค้นหาและค้นพบองค์พระศรีอาริย์เท่านั้น

 

เมื่อคืนที่ผ่านมานัชญ์ได้ขอใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

ให้รู้ว่าการค้นหาและค้นพบองค์พระศรีอาริย์

มีความหมายอย่างอื่นหรือไม่

เนื่องจากนัชญ์คิดอยู่เสมอว่า

น่าจะมีนัยยะบางอย่างอยู่

นัชญ์จึงขอใช้รหัสค้นหาความหมาย

และเมื่อเช้านี้  ในขณะที่นัชญ์ตั้งใจสวดมนต์มาก ๆ

ก็แปลกมากที่มีความคิดเข้ามาว่า

การค้นหาและค้นพบพระศรีอาริย์คือ

ให้ผู้ที่ค้นหาและค้นพบพระศรีอาริย์แล้ว

เผยแพร่ให้ผู้คนทั่วไปได้รู้จัก

ได้ค้นหาและค้นพบพระศรีอาริย์

ซึ่งผู้ที่ค้นพบแล้วก็จะต้องเป็น

ผู้ที่เผยแพร่ให้ผู้คนทั่วไปได้รู้จักท่านที่มาจุติแล้ว

 

ซึ่งก็ให้เผยแพร่สิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลได้ทำคือ

การพิสูจน์กฎแห่งกรรมแบบฉับพลันทันใด

การใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

คาถาบูชาพระศรีอาริย์

คาถาพญายม

คาถาท่านท้าวเวสสุวรรณ

โดยต้องเผยแพร่ชื่อ ท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์

เผยแพร่เว็ปไซด์

เผยแพร่ว่ารายการโทรทัศน์ออกช่องใดเวลาใด

 

ซึ่งนัชญ์ก็ไม่แน่ใจว่า

ความคิดที่เข้ามาในสมองนั้น

เป็นผลจากการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยหรือไม่

แต่นัชญ์คิดว่าใช่อย่างแน่นอน

เพราะมันทำให้นัชญ์คิดถึงคำพูดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า

โลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ 

ซึ่งขณะที่ความคิดเข้ามานั้น

นัชญ์รู้สึกเป็นปิติ

รู้สึกว่าอยากจะร้องไห้

แทบสวดมนต์ไม่ได้  แต่ก็พยายามสวดมนต์จนจบ

และตัดสินใจว่า  

วันนี้ ยังไงก็ต้องเข้ามาเขียนในกระทู้นี้ให้ได้

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 11:24:18


ความคิดเห็นที่ 74 (1633777)
ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 11:30:55


ความคิดเห็นที่ 75 (1633781)

ใครที่ได้เจอ

พระศรีอาริย์

แล้ว

 

อย่าทิ้งพวกเรานะ

บอกกันมั่งนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 11:45:37


ความคิดเห็นที่ 76 (1633786)

หนทางรอดจากโลกาวินาศที่ทุกพยากรณ์กล่าวถึง

คำทำนายของทุกศาสนารวมทั้งพุทธทำนายและผู้มีญาณวิเศษ บ่งทางอยู่รอดมีเพียงทางเดียว คือพระจักรพรรดิหรือพระศรีอารย์หรือชื่ออื่นใดตามภาษาของชนชาตินั้นๆ จะต้องออกมาช่วยให้การเปลี่ยนจากยุคเหล็ก เป็นยุคทองโดยไม่ต้องเกิดโลกาวินาศหรือมีวันล้างโลกขึ้น ซึ่งถ้าล้างโลกแล้ว ทุกๆ คำนายบ่งถึงคนจะตายมากมาย แม้แต่พระพุทธเจ้าตรัสถึงคนจะเหลือน้อยนิด แต่การที่พระจักรพรรดิจะปรากฏก็มีเพียงทางเดียวเช่นกัน โดยให้เป็นไปตามกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า คือไม่เชื่อเรื่องใดๆทั้งสิ้นนอกจากจะมีประโยชน์เป็นกุศลกรรม หรือให้เป็นไปตามขบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ดังนั้นคนทั้งหลายจะต้องพิสูจน์หาพระจักรพรรดิพระองค์จริงจากผู้ที่แอบอ้าง เป็นพระจักรพรรดิที่มีอยู่มากมายบนโลกนี้ และ การกระทำเช่นนี้เพื่อตัดการหลอกลวงและการหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลหรือ กลุ่มคนต่างๆ เพื่อเกิดประโยชน์สุขที่แท้จริงแก่ผู้คนทั่วไป

การที่พระองค์จะมาจุติกายทิพย์ กายเนื้อ เป็นชาย หรือหญิงนั้น หรือจะมาโดยการครอบกายของใครสักคน เป็นไปได้ทั้งหมด ยังไม่ควรด่วนสรุป ในเมื่อ ยังมีการกล่าวอ้างพระศรีอาริย์ เกิดขึ้นอยู่ทั่วไป ซึ่งบารมีของพระองค์มีหลายคนได้รับสัมผัส ที่เป็นวิทยาศาสตร์มาแล้ว  แต่ด้วยปัญญาอันน้อยนิดผม ก็จะขอร่วมด้วยคนในการตามหาพระศริอาริย์ต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 11:57:45


ความคิดเห็นที่ 77 (1633787)

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 11:59:34


ความคิดเห็นที่ 78 (1633791)
ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 12:09:11


ความคิดเห็นที่ 79 (1633796)
ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 12:27:51


ความคิดเห็นที่ 80 (1633799)

คุณภัคณัฐฏ์ครับ ตอนนี้เขากำลังจะตามหาพระศรีอาริย์กันครับ ไม่ใช่การมาสรุปว่าใครเป็นใคร หรือจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามแต่ ไรแบบนี้

ทุกคนสามารถโพสอะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ แต่ควรดูประเด็นหรือสาระที่ผู้คนจะได้จริงๆว่าเป็นอย่างไร มิใช่การโพสด้วยความเห็นส่วนตัวและพยายามตอกย้ำให้คนอื่นเข้าใจหรือเชื่ออย่างที่ตนเองคิด อันนั้นไม่ถูกต้องครับ

และสิ่งใดที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการตามหาพระศรีอาริย์ขอให้อย่าได้โพสให้เปลืองพื้นที่กระทู้จะเป็นการสร้างบาปเปล่าๆครับ ส่วนเนื้อหาต่างๆก็พิจารณาให้ดีด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 12:49:38


ความคิดเห็นที่ 81 (1633802)

 

 

 

เอ

หรือว่าเขาจะ

เจอ

พระศรีอาริย์

แล้วก็ได้ ก็เลยทิ้ง พวกเรา

ไปเลย ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ

ยังก๊าบบบ กำลังพยายามหาข้อมูลและรวบรวมข้อมูลอยู่ครับ เพราะตอนนี้เท่าที่หาได้ ก็มีผู้ประกาศตนเองว่าเป็นพระศรีอาริย์และยังพอติดต่อหาตัวตนได้มีน้อยครับ

ส่วนใหญ่เจอมรสุมด่าจากชาวบ้านจนหนีหายกันไปหทดกั๊บ

คนหนึ่งล่ะที่หลายๆท่านอาจรู้จักเพราะท่านประกาศตนเองว่าเป็นพระศรีอาริ์ยแน่นอน คือ ศ.อ.ย.ม. เป็นชื่อที่ผมเขียนย่อไว้นะครับ

ไว้ศึกษาเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ค่อยสรุปกันอีกทีว่าจะมีโอกาสเชิญท่านมาร่วมพิสูจน์ได้ไหม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 12:55:25


ความคิดเห็นที่ 82 (1633803)

 

เรียน  คุณธนา

นัชญ์กราบขอโทษด้วยค่ะ  หากนัชญ์ทำเรื่องที่ผิดไป

เพราะนัชญ์เป็นผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญา

ขอกราบขอโทษอีกครั้งด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 12:55:51


ความคิดเห็นที่ 83 (1633804)

อ้อ ผมไม่ได้ตำหนินะครับ ผมอยากให้เข้าใจว่า ตอนนี้ไม่มีใครทราบว่าพระศรีอาริย์ ท่านทรงอยู่ที่ไหน

หน้าที่ของทุกคนคือการหาคุณสมบัติ และพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม ตามหลักกาลามสูตร10ที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญครับ

มิใช่การพูดจากญาณหยั่งรู้หรือความคิดส่วนตัว เพราะสิ่งนี้คนอื่นไม่รู้เห็นด้วย ดังนั้นการทำทุกอย่างเป็นรูปธรรม พิสูจน์ได้ด้วยตัวของพวกเราเองทุกคนต่างหากจึงชื่อว่าใช้ปัญญา ตามหลักกาลามสูตรครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 13:00:40


ความคิดเห็นที่ 84 (1633811)

     อึ่ม..ครับ....ใช่เลยครับ จากที่ท่านอ.อุบล แนะนำนั้น ผมเห็นด้วยครับ คือเหมือนว่า เอาแบบเบสิก ไม่ต้องคิด ไม่ต้องซับซ้อน ตามตำรา....งั้นผมขอเสนอตามนี้ครับ ไม่รู้เวิคร์หรือเปล่าน่ะ

 *** สมมุติว่าเราได้ผู้ที่เรา สงสัยว่าเป็นพระองค์ท่านแล้ว ก็เชิญมาบ้านสวนฯ และพิสูจน์ดังนี้ ***
1.เอาคนที่เป็นโรคหนักๆมาเลย เช่น พิการ หรือ เชิญพี่จิ๋มก็ได้ (ขอโทษน่ะครับพี่ที่พาดพิง) แล้วขอให้ท่านช่วยทำให้หาย บนพื้นฐานหรือเงื่อนไขหรือข้อปฎิบัติของท่าน แต่ว่าต้องหายเป้นปรกติ หรือเป็นไปตามเวลาที่ท่านบอก แค่หายเล่นๆก็ได้ครับ เพราะเราแค่ต้องการพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรม
2.หรือให้ท่านแสดง นรก-สรรค์ หรือ กฎแห่งกรรม ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้คนทั้งหลาย จะได้เชื่อว่า นรก-สวรรค์ น่ะมีจริง ไม่ใช้ไปเห็นแค่รูปตามวัดต่างๆ และจะได้เชื่อมั่นว่า ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแน่นอน
3.หรือให้พระองค์ท่านแสดงธรรมะ แล้วดูว่ามีใครบรรลุธรรมหรืดวงตาเห็นธรรมบ้างน่ะครับ เอากันจะๆไปเรย อันนี้ไม่ได้ลบหรู่หรือปรามาสแต่อย่างใดน่ะครับ
4.หรือเอาคนแก่ เช่น อาจารย์พันธุ์ (อิอิ ว่าที่พ่อตาจะโกรธไหม๊เนี่ยะ) ให้ท่านทำให้กลาย กลับมาเป็นหนุ่ม-ลาว อีกครั้ง แค่ชั่วคราวก็ได้ครับ แค่เพื่อพิสูจน์ คือเคยได้ยินมาว่า คนในยุคท่าน จะกลับมาเป็นหนุ่มเป็นสาวกันน่ะครับ
      ไม่รู้ว่า ไอเดียแบบเนี่ยะ พอไหวไหม๊ครับพี่ธนา อาจจะไร้สาระไปนิดนึง แล้วท่านอื่นว่าอย่างไรบ้างครับ   
ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษณะ สิงห์ป้อม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 13:31:04


ความคิดเห็นที่ 85 (1633827)

 คุณสมบัติพระศรีอาริย์ ที่เล็กคิดว่าจะได้เจอจากตัวท่าน

1. เราจะหายจากความเจ็บป่วย ไม่ว่าใครเป็นโรคอะไรมา

ซึ่่งคุณสมบัตินี้คงจะไม่มีใครเหมือนท่านได้

2.  เราจะต้องรู้สึกสบายใจ  อิ่มอกอิ่มใจ สงบเย็น เมื่อได้อยู่ใกล้ หรือพบเห็น

3. ท่านจะต้องมีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม

ที่จะทำให้คนทั้งโลกยอมรับนับถือ  แม้แต่สวรรค์ พรหมก็ไม่เว้น

4. ท่านพูดอะไรมา เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม โดยปราศจากความสงสัย

เพราะว่าไม่ว่าท่านพูดสิ่งใดเป็นจริงทุกอย่าง

5. เป็นคนที่มีความเมตตาสูง  ซึ่งจะเปล่งประกายออกจากสีหน้าและดวงตา

เมื่อเราเห็นแล้วเราจะรู้สึกรัก เทอดทูนท่าน

6. ท่านต้องเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน เห็นเหตุการณ์ความเป็นไปต่าง ๆ  ได้อย่างแม่นยำ

7. เมื่่อเห็นท่านแล้วเราจะรู้สึกว่า ท่านเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำจริง

ความเป็นผู้นำเปล่งประกายออกมาจากหน้าตา หรือคำพูดของท่าน

 

แต่เล็กมีความสงสัยอยู่เหมือนกันขอถามหน่อยนะค่ะ

ขอถามว่า

 พระศรีอาริย์ ท่านเกิดมาเพื่อเป็นพระจักรพรรดิ 

ซึ่งพระจักรพรรดินี้ ไม่ได้หมายถึง  พระพุทธเจ้าใช่ไหมค่ะ

คือยังดำรงความเป็นพระโพธิสัตว์อยู่  แต่ท่านลงมาทำภาระกิจ

เพื่่อดำรงศาสนาไว้ เพื่อเข้าสู่ยุคของท่านต่อไป 

ผู้แสดงความคิดเห็น เยาวลักษณ์ เกิดมีทรัพย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 14:32:59


ความคิดเห็นที่ 86 (1633840)

 

คุณสมบัติ พระศรีอาริย์ และ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์

 พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 4 หมื่นปี   มีเขมวตีนคร ของพระเจ้าเขมะ  เป็นราชธานี

         พระโกนาคมโนสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 3 หมื่นปี  มีโสภวตีนคร ของพระเจ้าโสภะ  เป็นราชธานี

         พระกัสสโปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 2 หมื่นปี   มีพาราณสีนคร ของพระเจ้ากิงกิ  เป็นราชธานี

         พระโคตโมสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ 80 ปี    มีกบิลพัสดุ์นคร ของพระเจ้าสุทโธทนะ เป็นราชธานี

         พระศรีอริยเมตไตรย เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5

    ในภัททกัปนี้ จะมีอายุถึง 8 หมื่นปี

    คุณสมบัติ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์   มาจากวงศ์กษัตริย์ทั้ง    4 พระองค์    จึงมีความน่าจะเป็นเชื่อได้ว่า

องค์ที่ 5 พระศรีอริยเมตไตรย

จะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์อย่างแน่นอนค่ะ

   

ผู้แสดงความคิดเห็น นพวรรณ์ ใจตรง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 15:42:42


ความคิดเห็นที่ 87 (1633846)

แล้วถ้าเรา

อยู่ในสถานการณ์ที่

ไม่มีตำราอ้างอิงคุณสมบัติพระศรีอาริย์

เราจะใช้ปัญญาตามหาพระองค์

ด้วยวิธีไหนกันดี

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

เฮ่อ...

เรื่องมันง่ายมั๊ก ๆ

เมื่อก่อนไม่ได้สนใจพระองค์

เรียกได้ว่า ได้ยินแล้วก็ผ่านหู

แต่พอมาได้พบ

อ.อุบล บ้านสวนพิรามิด

สัมผัสแรกที่ได้พบ

ขนลุกซุ่ซ่า หนังศีรษะตื่นตลอด

เรียกว่า อยู่ใกล้ ๆ แล้วมีความสุข

ผลที่ได้รับ..อาการปวดหลังเรื้อรัง

หายไปตอนไหนไม่ทราบ

ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขอรับการ บำบัดเลย

ไม่เพียงเท่านั้น

แม่..ซึ่งป่วยหนัก ๆ

เช่น..หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

หายได้ในเวลา น้อยนิด

โดยที่ทำตามที่ อ.อุบล

สั่งให้ใช้แรงกายแบบหนัก ๆ

หายในวันนั้น จนถึง วันนี้

แม่เป็นมะเร็ง...ระยะ3 ลาม 4

ขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 3 ปี

แม่ยังมีชีวิต และไม่บอกไม่รู้

ว่าเป็นมะเร็ง

ไม่เคยให้ยา ไม่เคยฉายแสง

ผลการตรวจทุกครั้ง

คุณหมอจะบอกว่า เหมือนเดิม

คือ ไม่มีความก้าวหน้าของมะเร็ง

และปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง

จึงได้เกิดคำถาม ที่ต้องการคำตอบ

ขึ้นเองในใจ

ว่า

อ.อุบล เป็นใคร ?

ทำไมท่านจึงทำให้เกิดปาฏิหารย์ได้ขนาดนี้?

คราวนี้..ก็ติดตามดูปาฏิหารย์

อย่างกระชั้นชิด

ผู้คนมากมาย เหลือเกิน

ที่ได้รับความสุข

ได้รับธรรมะ ความรู้จริง

ที่ท่านเมตตา

ยัง ยังไม่พอ

เหตุการณ์ล่วงหน้าที่ท่านเมตตาบอก

เกิดขึ้นจริง..ทุกครั้ง

และสัมผัสอย่างที่สุดคือ

เมตตา ที่ อ.อุบล

มีให้กับทุกคน

อ.อุบล คือ ผู้นำ ที่เดินตาม

แล้ว สบายใจ มีความสุข

และที่สำคัญ คือ

เป้าหมายของ อ.อุบล

คือนำพา พวกเรา กับพระนิพพาน

ปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้น โอ้ แม่เจ้า

สุด สุด ขึ้นทุกนาที

ตอนนี้

workshop

ที่ปฏิบัติการตามหาพระศรีอาริย์

โดยการใช้ปัญญาของตนเองตามลำพัง

นานพอควร

มีพระศรีอาริย์ อยู่ในหัวใจ

โดยสัมผัส มาแล้วจริง

อยู่ 1 คน ค่ะ

แต่ ต้องขออนุญาติ

พระศรีอาริย์ก่อน

ที่จะนำ ชื่อท่านมาพิมพ์ลงค่ะ

เพราะไม่เช่นนั้น

อาจจะวิ่งหา บังเกอร์ ไม่ทัน

เอ๊าวะ..โดน เป็น โดน

อ.อุบล คือ พระศรีอาริย์ในหัวใจ

ซึ่งมาบังเกิดปรากฏแล้วจริง

ความรู้สึก..ที่จิต จับได้

ทั้งนี้ ได้ทำแบบสอบถาม

วิเคราะห์ เปรียบเทียบ

มาหลาย ๆ ท่าน

แต่

ก็ไม่เท่า อะค่ะ

**************

   workshop

ที่ปฏิบัติการตามหาพระศรีอาริย์

โดยการใช้ปัญญาของตนเองตามลำพังนี้

แมว จะไม่ ชี้ผิด ชี้ถูก

หากใครมีข้อโต้แย้ง

หรือ

เห็นว่ามีผู้ที่มีคุณสมบัติที่ครบถ้วนมากกว่า

ขอให้มีการนำเสนอมานะคะ

จักขอบพระคุณยิ่ง

เพราะ มีตำรา มากมายเหลือเกิน

ที่ให้เราค้นหา พระศรีอาริย์

และแต่ละตำรา ก็แตกต่าง

จนหาจุดยืน ลำบาก

ก็เลยต้องพึ่ง

ตน เป็นที่พึ่งแห่ง ตน

**************

พระพุทธองค์จึงทรงแสดงกาลามสูตร ว่าด้วย วิธีปฏิบัติต่อสิ่งที่ตนสงสัย
หรือหลักความเชื่อ 10 ประการ
เป็นหลักตัดสิน คือ

1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา


ดังนั้น พระสูตรนี้ท่านมิได้ห้ามมิให้เชื่อ

แต่ให้เชื่อด้วยมีปัญญาประกอบด้วย

มิฉะนั้นความเชื่อต่างๆ จะไม่พ้น "ความงมงาย"

และไม่พึงแปลความเลยเถิดไป

ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่อสิ่งเหล่านี้

และให้เชื่อสิ่งอื่นนอกจากนี้แต่พึงเข้าใจว่า

แม้แต่สิ่งเหล่านี้ซึ่งบางอย่างก็เลือกเอามาแล้วว่า..

เป็นสิ่งที่น่าเชื่อที่สุด ท่านก็ยังเตือนไม่ให้ปลงใจเชื่อ

ไม่ให้ด่วนเชื่อ ไม่ให้ถือเป็นเครื่องตัดสินเด็ดขาด

ยังอาจผิดพลาดได้ ต้องใช้ปัญญาคิดพิจารณาให้ดีก่อน 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 16:07:16


ความคิดเห็นที่ 88 (1633857)

คุณสมบัติของพระศรีอารย์ตามแนวคิดของเจี๊ยบนะค่ะ คงจะคล้ายๆกับเพื่อนๆ คือ

1.เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ มีวัยวุฒิพอที่จะเป็นผู้นำได้ คือไม่เด็กเกินไป ไม่งั้นผู้คนจะขาดความเคารพ นับถือ

2.สามารถทำให้คนพ้นทุกข์ได้ ไม่ว่าทางด้านร่างกาย จิตใจ โดยจะต้องหายจากโรคที่เป็นอยู่ หมดทุกข์อย่างฉับพลันทันที เมื่อได้พบเจอพระศรีอารย์

3.นอกจากพ้นทุกข์แล้วยังจะต้องรับรู้สัมผัสปิติได้กันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสได้แบบไหนก็ตาม

4.เมื่อพระองค์แสดงธรรมแล้ว ทุกคนสามารถเข้าใจ เข้าถึงในธรรมมะนั้น และบรรลุนิพพานได้ทันที

5.พระองค์ท่านจะมีสมบัติแก้ว 7 ประการมาแสดงให้ดูด้วยว่า คืออะไรบ้าง เป็นอย่างไร มีคุณสมบัติอย่างไร ต้องแสดงวิธีใช้สมบัติแก้วทั้ง 7 ประการให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ และผลที่ได้จากการใช้สมบัติแก้วเป็นอย่างไร

6.พระองค์ท่านจะต้องมีความรัก ความเมตตาต่อสัตว์โลกอย่างไร ที่จะให้ผู้คนต่างศาสนาหันมารักกัน

7.พระองค์จะต้องแสดงให้เห็นว่าจะทำอย่างไรผู้คนทุกชาติ ทุกศาสนา ได้หันมารักกัน โดยไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ แบ่งศาสนา

8.พระองค์สามารถทำให้เราสวย เราหล่อได้อย่างฉับพลันทันที (แฮ่ม อันนี้แหละที่ทุกคนอยากได้มาก)

ตามความคิดของเจี๊ยบนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 16:42:44


ความคิดเห็นที่ 89 (1633859)

เรียน  คุณธนา

     ที่พี่ไปตำหนักทรงวันนั้น ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อที่อ.อุบล สอนนะค๊ะ แต่ที่ไปวันนั้นเพราะพี่สับสน พอรู้ว่าไม่ได้ไปบ้านสวน(ค่าย 13) ตกตอนเย็นเพื่อนมาบอกว่ามีคน ๆ หนึ่งเค้าบอกว่าพระศรีอาร์ย์มาประทับร่างเค้า พี่ก็อยากจะรู้ว่าเวลาพระศรีอาริย์มาจะเป็นอย่างไร พอไปแล้วก็รู้เลยว่าไม่เหมือนคำสอนของอาจารย์อุบล และเพื่อนบอกว่าจะพาลูกไปนั่งสมาธิที่นั่น พี่บอกเขาว่าอย่าเพิ่งไปเลย และตั้งแต่พี่มาบ้านสวน พี่ก็ไม่เคยไปตำหนักทรงของใครเลย เพราะพี่คิดอยู่เสมอว่าพี่มาพบเจอสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว พี่ไม่ขอไปที่ไหนอีก

/////////////////////////////////////////////

เราน่าจะเอาหลักฐานที่เห็นๆ

ที่เราได้สัมผัสบารมีพระองค์จริงๆ

ที่ อ.อุบล อาราธนามา

ให้ทุกท่านได้พิสูจน์

 

เช่น เดินผ่านแล้วหายป่วย

พ้นอุปสรรค ตามที่ขอพึ่งบารมีท่าน

///////////////////////////////////

นี่คือเหตุผลที่พี่มั่นใจว่าเป็นท่านอาจารย์อุบล และ

++++++++++++++++++++++++++++

หากพี่มั่นใจว่าใครเป็นพระศรีอาริย์ โปรดแสดงให้เห็นชัดเจนหน่อยครับ ว่าพระองค์ท่านมีคุณสมบัติอย่างไร และอะไรคือข้อพิสูจน์ที่ทำให้พี่มั่นใจว่าผู้เป็นพระศรีอาริย์

                             ////////////////////////////////////////////

คือ

 

 1. คำสั่งสอนของอาจารย์เข้าใจง่ายและง่ายต่อการจดจำไม่บิดเบือนความจริง

2.อาจารย์ไม่แสดงตัวโอ้อวดใครว่าอาจารย์คือผู้เลิศด้วยปัญญา

3.อาจารย์มีความรักความเมตตากับทุกคนไม่แบ่งชั้นวรรณะ

4.อาจารย์เป็นผู้ปกป้องพระศาสนาด้วยการสอนธรรมะและชักจูงคนที่คิดทำชั่วไม่กลัวบาปให้หันเข้าสู่ธรรมะ

5.ด้วยบุญบารมีที่ท่านอาจารย์สั่งสมมา

6. เราลูกบ้านสวนทุกคนก็ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่าท่านคือผู้นำทางสว่าง ขอให้ทุกคนเดินตามทางที่ท่านแนะนำ

7.ทุกคนที่เชื่อคำสั่งสอนของท่านจะพบแต่ความสุขเหมือนที่พวกเราได้พบ ฯลฯ

พี่จึงขอตอบด้วยปัญญาอันน้อยนิดของพี่

ควรมิควรแล้วแต่จะพิจารณา ข้าน้อยขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 16:52:41


ความคิดเห็นที่ 90 (1633861)

 

 

 

 

จากข้อเสนอแนะคุณสมบัติพระศรีอาริย์  พอสรุปได้ดังนี้
1. จะกำหนด เพศ และอายุ หรือไม่
2. เป็นผู้ที่ทำให้คนหายจากอาการเจ็บป่วย  พิการได้
(ต้องใช้จำนวนเท่าไร และหามาโดยวิธีใด)
3. เป็นผู้ที่แสดงธรรมะให้คนได้บรรลุธรรมได้ (ทันทีหรือเปล่า)
4. เป็นผู้ที่แสดงให้เห็นเรื่องกฏแห่งกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม
จับต้องได้
5. เป็นผู้หยั่งรู้  ทั้งอดีต  ปัจจุบัน และอนาคต
6. เป็นผู้ที่มากล้นด้วยเมตตา
 7. เป็นผู้ที่ใครปรามาสล่วงเกินไม่ได้ 
8. เป็นผู้ที่ทำความดี ทุกลำดับขั้นทั้งทาน ศีล และ
ภาวนา ที่ทุกคนสามารถรับรู้และสัมผัสได้อย่างชัดเจน
9. เป็นผู้ที่ จะต้องแสดงสมบัติแก้วคู่บารมี ทั้ง 7ประการของพระศรีอาริย์
ให้พวกเราได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด 
10. เป็นผู้มีบารมีแผ่กว้างไกล ให้ผู้คนทั่วโลกสามารถพิสูจน์
และสัมผัสได้อย่างชัดเจน  ซึ่งตัว"บุคคลนั้น"
ไม่จำเป็นต้องเดินทาง ไปปลดทุกข์ตามสถานที่ต่างๆด้วยตัวเอง 
เพราะถ้าเป็น"พระศรีอาริย์"พระองค์จริง
จะต้องมีวิธีการที่จะช่วยผู้คนได้ทุกชาติ ทุกศาสนา
และทุกสถานที่ทั่วโลกได้...ในคราเดียว  
 
     ช่วยกันแจ้งหรือเสนอว่าใครบ้างที่น่าจะเข้าข่ายว่าเป็นพระศรีอาริย์
1.            ท่าน อ. อุบล ( เสนอโดยคุณแมว)
  เชิญทุกท่านเพิ่มเติมได้ค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 16:58:35


ความคิดเห็นที่ 91 (1633889)

 สมมุติว่า

ตำราหายหมด ถูกทำลายหมด

เหลือแต่ความรู้สึกรอคอย คาดหวังว่า

พระศรีอาริย์จะเสด็จมา

แล้วถ้าเรา

อยู่ในสถานการณ์ที่

ไม่มีตำราอ้างอิงคุณสมบัติพระศรีอาริย์

เราจะใช้ปัญญาตามหาพระองค์

ด้วยวิธีไหนกันดี

**********************************

คุณสมบัติของพระศรีอาริย์ที่เป็นองค์กายเนื้อ  มิ้มคิดว่าท่านก็น่าจะมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับกายทิพย์ที่ท่านอาจารย์อุบลได้อัญเชิญมาสถิตที่กาย วาจา ใจ ของท่านอาจารย์อุบล

      ดังนั้นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็น่าจะเป็นพระศรีอาริย์ คือ 

1. เข้าไปใกล้แล้วเกิดอาการปีติ ขนลุกตั้งไปทั้งตัว  จิตใจ สงบเย็น มีความสุข

2.  เพียงเข้าใกล้หรือเดินผ่านได้รับพระบารมี  อาการเจ็บป่วย พิการ

หายฉับพลันทันที หรือดีขี้นทันที

3.  เมื่อได้เข้าใกล้ ก็มีผลให้อุปสรรค ความทุกข์ ปัญหาชีวิต

หมดไปฉับพลันหรือทุเลาหายไป

4.  คำสอน ภารกิจที่พระองค์ท่านทรงกระทำมุ่งปราบอธรรมในใจของผู้คน 

เปลี่ยนจิตใจผู้คนให้เลิกกระทำชั่ว ทำความดี ทำใจให้ผ่องใส  ได้อย่างฉับพลัน

5.  พาผู้คนพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงด้วยพระธรรมอันงดงามโดยการ

ดับที่เหตุ  พบความสุข อย่างฉับพลัน

6.  คนทุกชาติ ทุกศาสนา ประพฤติ ปฏิบัติตามคำสอน

ด้วยคำสอนเป็นหลักสากล และเห็นผลเหมือนกันไม่มีข้อสงสัย

7.  คำสอน ภารกิจที่พระองค์ท่านกระทำ มุ่งพาผู้คนสู่สันติสุข 

รอดพ้นภัยพิบัติ  กลับบ้านนิพพาน

8.  บุคคลใดปรามาสไม่ได้  หากปรามาสจะเกิดอันตรายต่อชีวิต

 

ดำเนินการ

1.  ค้นหาบุคคลเชิญบุคคลที่เราคาดว่า คือ พระศรีอาริย์  

โดยไม่จำกัดเพศ หญิง/ชาย  เด็ก/ผู้ใหญ่  ฆราวาส/นักบวช 

คนไทย/ต่างชาติ ก็ได้


2.  พิสูจน์ต่อหน้าสาธารณชนจำนวนมากที่หลากหลายทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ อาชีพ

3. เเต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้

ทั้ง นักวิทยาศาสตร์   คุณหมอ นักบวชผู้มีภูมิธรรมความรู้  นักข่าว 

นักหนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆบุคคลผู้เชี่ยวชาญหลากหลายอาชีพ 

ร่วมเป็นประจักพยานถ่ายทอดสดค่ะ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 20:04:50


ความคิดเห็นที่ 92 (1633890)

ถ้าตอนนี้ไม่มีหลักฐานใดๆ หรือตำราต่างๆ มาให้ค้นหาอ้างอิงในการตามหาพระศรีอาริย์ เราก็จะใช้ปัญญานำในการค้นหาโดย ใช้หลักกาลามาสูตรนำทาง เห็นผลเป็นวิทยาศาสตร์ได้  ในการกำหนดคุณสมบัติในการตามหาพระศรีอาริย์ ดังนี้

1.เห็นการเปลี่ยนแปลง กับตนเอง โรคภัย ไข้เจ็บ ด้านจิตใจ ที่เคยเป็นมา เมื่อได้รับบารมี อยู่ใกล้พระศรีอาริย์ ก็จะหายเห็นผลทันที

2.เห็นการเปลี่ยนแปลงกับทุกๆ คน ที่ได้เข้าใกล้พระองค์ หรือได้รับบารมีจากพระองค์ คนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บทั้งกายภายนอกและภายในก็จะหาย สามารถสัมผัสรับรู้ได้ทันที  เช่น คนขาโก่ง เดินขาลาก เป็นแผล เลือดไหล ฯลฯ ก็จะหายฉับพลันทันที

3.คนที่ปรามาสพระองค์ก็จะได้รับภัยต่าง ๆ หรือรับผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทุกคนที่พบเห็นสามารถรับรู้ได้โดยทันที

4. ทุกคนที่ได้รับพระบารมี หรือเข้าใกล้พระองค์จะรับรู้และสัมผัสการเปลี่ยนแปลงทันทีได้ด้วยตัวของตัวเอง

 

5.สามารถพิสูจน์ตัวปลอมได้ทันที เพราะผลในสสี่ข้อข้างต้นจะไม่สามารถจะทำได้ หรือไม่สามารถพิสูจน์ออกมาให้สาธารณะชนประจักษ์ได้เลย

(อย่าเข้าใจผิดว่าเป็น อ.อุบลนะครับ ถ้าเป็นองค์จริงไม่ต้องอาราธนาบารมี และเกิดผลทุกที่ทุกเวลาที่พบพระองค์ แต่ อ.อุบล ต้องพบผู้คนมากมาย และลูกบ้านสวนมากมายเช่นกัน ไม่ได้มีผลตลอดเวลา)

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 20:18:08


ความคิดเห็นที่ 93 (1633891)

ดังนั้นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็น่าจะเป็นพระศรีอาริย์ คือ 

1. เข้าไปใกล้แล้วเกิดอาการปีติ ขนลุกตั้งไปทั้งตัว  จิตใจ สงบเย็น มีความสุข

ความเห็น น้องมิ้ม ประภาสิริ

******************

น้องมิ้มคะ

เมื่อคืนนี้ ได้คุยกับพ่อใหญ่ธนา

ถึงเรื่องอาการขนลุก ซึ่งพ่อใหญ่มีความเห็นว่า อาการนี้

ไม่อาจสรุปได้ว่า เกิดจากการใช่ หรือ ไม่ใช่

พ่อใหญ่ให้เหตุผลว่า

บางที คนปวดอึ ก็ขนลุกได้นะ

 

เออ จริง แฮะ

เพราะอาการนี้ ไม่ได้เป็นไป

เพื่อความสิ้นทุกข์ของใคร

ขนลุก ก็ไม่หายทุกข์ น้ำตาไหล ก็ไม่หายจน

หายเจ็บ พ้นอุปสรรคได้

 

แล้วงานนี้

เรากำลังตามหาพระศรีอาริย์

ไม่ใช่การ ยัดเยียดตำแหน่ง พระศรีอาริย์

ให้ใคร หรือ อ.อุบล

 

เพราะ

ถ้า อ.อุบล เป็นพระศรีอาริย์

คงไม่ต้องตามหากันหรอก มาก็เจอเลย

หายเจ็บ หายจนกันเลย

แต่

ด้วยเหตุที่

อ.อุบล ไม่ใช่พระศรีอาริย์

จึงต้องพาพวกเราเร่งตามหาพระองค์

 

ถ้าพวกเราหลงทาง

คิดว่า เป็น อ.อุบล อาจทำให้เสียเวลา

ที่จะมีโอกาสหาพระองค์พบ

 

ตอนนี้เราเหลือเวลาอีก

70 วันเท่านั้น

ถ้านับตามคำทำนาย

21 ธ.ค.55

 

แต่ถ้า

เกิดก่อน 21 ธ.ค.55

ก็เหลือเวลาอีกแค่ 30 กว่าวันเอง

 

เราทำความดี

สะสมบุญกันพอหรือยัง

 

ละ ลด เลิก

กิเลส ความงก ความโลภ

งมงายกับเงิน+งาน

จนลืมความตาย ลืมบุญหรือเปล่า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 20:21:53


ความคิดเห็นที่ 94 (1633895)

ขอแสดงความคิดเห็นในการตามหาพระศรีอาริย์ดังนี้ค่ะ

1. พระศรีอาริย์น่าจะเป็นเพศชาย และมีเชื้อสายกษัตริย์ เพราะเห็นว่าพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 4 เป็นเพศชาย และมีเชื้อสายกษัตริย์ 

2. พระศรีอาริย์ต้องเป็นผู้ที่มีภาวะผู้นำสูง และมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้เป็นอย่างดี ผู้ฟังรับฟังคำสั่งสอนจากท่านแล้วเกิดปัญญาทันที เพราะว่าท่านคือมหาจักรพรรดิ

3. พระศรีอาริย์จะไม่แสดงตนเอง ซึ่งการที่จะให้พระศรีอาริย์จะปรากฎตนได้มีวิธีเดียวคือการพิสูจน์หาข้อเท็จจริงซึ่งวิธีพิสูจน์ที่เสนอให้มีการเชิญบุคคลที่บอกว่าตนเองคือพระศรีอาริย์มาเพื่อชมบารมีให้ผู้ที่เจ็บป่วยหายจากอาการเจ็บป่วยแบบฉับพลันทันทีเป็นวิธีการที่น่าสนใจมากค่ะ ขอเสนอเพิ่มเติมนะคะ อยากให้เอาคนที่แบบอัมพฤตหรืออัมพาต ยิ่งดีเลยค่ะ ถ้าเขาสัมผัสบารมีพระศรีอาริย์แล้วลุกขึ้นเดินคล่อง จะยิ่งพิสูจน์ได้ชัดเจนเลยค่ะ

4. การกำหนดวันเวลาในการพิสูจน์ ขอเสนอให้เป็นทุกเย็นวันเสาร์ค่ะ เพราะเห็นว่าสมาชิกบ้านสวนจะเดินทางมาบ้านสวนทุกเสาร์อาทิตย์และค้างคืนวันเสาร์ ค่อย ๆ พิสูจน์ ไปทุก ๆ เสาร์ อาจจะเชิญบุคคลที่บอกว่าตนเองคือของพระศรีอาริย์ มาเสาร์ละ 1-2 คน เพราะถ้าเรานัดกันมาวันเดียวกันหมดหลาย ๆ คน คิดว่าบุคคลที่เราจะเชิญมาอาจจะไม่ว่างพร้อม ๆ กันก็ได้ค่ะ 

ขอเสนอความคิดเห็นแค่นี้ก่อนนะค่ะ ผิดถูกหรือมีประโยชน์อย่างไร แนะนำติชม ยินดีรับฟังค่ะ และอนุโมทนากับธรรมทานของทุก ๆ ท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดาเรศ เจริญศิลป์ (วิว) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 20:42:48


ความคิดเห็นที่ 95 (1633897)

พระศรีอาริย์

ตัวปลอม

 

ถ้าจงใจทำให้คนอื่นเข้าใจว่า

ตนเองเป็น

พระศรีอาริย์

ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติ และ ขาดหลักฐาน

ผู้นั้น

จะมีอันตรายมากที่สุด

 

และ

อ.อุบล มั่นใจมาก

ว่า

พระศรีอาริย์องค์จริง

มีเพียง

พระองค์เดียว

 

แล้วก็ต้อง

ปรากฎพระองค์

แน่นอน

 

ดังนั้น

ตัวปลอม ต้องปิดฉาก

เมื่อองค์จริงปรากฎ

 

เราต้องเดินหน้า

หาองค์จริงต่อไปไม่หยุด

 

พร้อมเหตุผล

หลักฐานสนับสนุน

คุณสมบัติ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 20:45:10


ความคิดเห็นที่ 96 (1633900)

สัปดาห์ที่จะถึงนี้

คือ 13-14 ต.ค.55

 

อ.อุบล

จะขออาราธนาบารมี

พระศรีอาริย์

มาอีก

 

รูสึกลึกๆว่า

ท่านคงแสดงอะไร

ที่พวกเราไม่คาดคิดอีก

เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้พวกเรา

รับรู้ว่า

คุณสมบัติพระองค์

ต้องทำสิ่งใดได้อีกบ้าง

แล้วให้พวกเรารวบรวมบันทึกจดจำไว้

เพื่อพิสูจน์

บุคคลที่คิดว่า

น่าจะเป็นพระศรีอาริย์

จะต้องทำได้ดังเช่นที่พระองค์แสดง

ผ่านกาย วาจา ใจ อ.อุบล

โดยไม่ต้องอาราธนาบารมีพระองค์

ถ้าเป็นองค์จริง

 

พระองค์

ก็คงไม่ต้องการปกปิด

แต่ต้องการให้เกิดการยอมรับ

โดยประทานบารมีมาก่อน

มาสร้างศรัทธาก่อน

สร้างความเชื่อมั่นก่อน

 

โดย

ให้พวกเรานี่แหละ

สัมผัสได้เองจริงๆด้วยตัวเอง

เวลาพูดกับใคร จะได้ยืนยันได้ว่า

เจอกับตัวเองจริงๆ

หายจริงๆ

 

ก็ของจริง ก็ต้องจริง

ของปลอม ก็ต้องไม่เกิดผลจริง

 

ชักมีกำลังใจขึ้นมาแล้ว

 

บางที

เราอาจจะพบพระองค์

ก่อนกำหนด หรือ ก่อนความคาดหมาย

ก็ได้นะ ถ้าพวกเราใช้ปัญญา

ตามหากันจริงๆ

 

แต่

อย่าพึ่งคิดว่า เป็นใคร

เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ชาย หรือ หญิง

 

เท่าที่ได้รับสื่อสารมา

พระองค์ทรงรับสั่งมาว่า

ขอให้เอา

คุณสมบัติที่ประจักษ์

ผ่าน อ.อุบล มาถึงทุกคน

เป็นสำคัญ ไม่เช่นนั้น จะไม่มีวัน

หาพระองค์เจอ ถ้าตั้งตัวบุคคลไว้ล่วงหน้า

 

พระองค์

ให้เอาปรากฎการ

อาราธนาบารมีพระองค์มา

แล้วใครรับสัมผัสอะไรได้ อะไรหาย

เป็นที่ตั้ง เป็นหลักในการค้นหา

อย่าหลงทาง จะเสียเวลา

 

อันนี้รับสารมา

ก็เลยเป็นนางไปรษณีย์

มาบอกจ้า

 

ท่านห่วงลูกหลาน

จอมหลักการ แต่ไม่เอาหลักจริง

ความจริงที่เกิดขึ้นเห็นกันต่อหน้า

ต้องใช้ปัญญาตรงนี้

ท่านบอกนะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 20:58:48


ความคิดเห็นที่ 97 (1633907)

 

ละ ลด เลิก

กิเลส ความงก ความโลภ

งมงายกับเงิน+งาน

จนลืมความตาย ลืมบุญหรือเปล่า 

++++++++++++++++++++

เบสเห็นประโยคนี้แล้วหนาวเลยครับ

คงต้องหมั่นทำบุญให้มากๆแล้วล่ะครับ

เพื่อเป็นเสบียงเอาไว้ใช้ในภพถัดไป

เพราะเราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเราวันไหน

เราอาจจะตายก่อนภัยพิบัติมาถึงก็เป็นได้

ดังนั้นจึงควรเกาะบุญไว้เยอะๆ 

เผื่อว่าเบสตายแล้ว จะได้ไปดีกับเค้ามั้ง

อาจารย์บอกขนาดนี้แล้ว

ต้องคิดให้ออกนะครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 21:52:06


ความคิดเห็นที่ 98 (1633910)

 ท่านห่วงลูกหลาน

จอมหลักการ แต่ไม่เอาหลักจริง

ความจริงที่เกิดขึ้นเห็นกันต่อหน้า

ต้องใช้ปัญญาตรงนี้

++++++++++++++++++++++

งั้นเราต้องค้นหาพระองค์ท่าน

จากการรวมรวบว่า มีใครบ้างที่พอมีคนเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วหาย จากโรคที่เป็นอยู่

แบบนี้ก็ดีนะครับ เพราะว่าถ้าเป็นตัวปลอม

รับรองไม่สามารถทำได้ชัวร์

และสามารถแยกพระศรีอาริย์ตัวจริง

กับพระศรีอาริย์ตัวปลอมออกจากกันได้อย่างชัดเจน อิอิ ~

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 21:59:10


ความคิดเห็นที่ 99 (1633911)

ท่านห่วงลูกหลาน

จอมหลักการ แต่ไม่เอาหลักจริง

ความจริงที่เกิดขึ้นเห็นกันต่อหน้า

ต้องใช้ปัญญาตรงนี้

ท่านบอกนะ

แว๊กกกก อ่านมาถึงตรงนี้แล้วสะอึกเลยก๊าบท่านอาจารย์

เพราะที่ผ่านมา ผมก็เป็นแบบรู้มากยากนาน ทำเป็นรู้เยอะเลยกลายเป็นว่าสิ่งที่รู้บล็อคตัวเอง จนหาทางออกไม่เจอ เพราะไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน หรือสิ่งที่ตนเองได้สัมผัส

พอแล้วครับ ผมขอวางที่รู้ๆมาทั้งหมด ขอวางตำรา ความเก่งกาจจอมปลอมที่ตัวเองสร้างขึ้นมาจากการอ่าน การฟัง หรือเชื่อคนอื่น เพราะตอนนี้รู้แล้วล่ะครับว่าไม่มีใครรู้จริง

ปัจจุบันสำคัญที่สุด เชื่อในสิ่งที่ตนเองสัมผัสดีกว่าครับ ขอบพระคุณในปัญญาที่พระองค์ท่านและท่านอาจารย์มอบให้ครับ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 22:02:56


ความคิดเห็นที่ 100 (1633913)

ดังนั้นจึงควรเกาะบุญไว้เยอะๆ 

เผื่อว่าเบสตายแล้ว จะได้ไปดีกับเค้ามั้ง

***************

จริงเน๊อะ

เป็นมนุษย์ เอาดีไม่ได้

ขอได้ดีหลังความตาย ดีกว่า

ทำให้ชีวิต มีเป้าหมายจร๊า

***************

ฮือ ๆๆ ตอนนี้รู้สึก

อึด อึด ฮึด ฮึด บอกไม่ถูกอ่ะ

เฮ่อ...

*/*/**/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

 

 

 

พระองค์

ให้เอาปรากฎการ

อาราธนาบารมีพระองค์มา

แล้วใครรับสัมผัสอะไรได้ อะไรหาย

เป็นที่ตั้ง เป็นหลักในการค้นหา

อย่าหลงทาง จะเสียเวลา

อันนี้รับสารมา

ก็เลยเป็นนางไปรษณีย์

มาบอกจ้า

*/*/*/*/*/*/*/*/*

กราบขอบพระคุณคร๊า

*/*/*/*/*/*/*/*/*

ก็ของจริง ก็ต้องจริง

ของปลอม ก็ต้องไม่เกิดผลจริง

ชักมีกำลังใจขึ้นมาแล้ว

*/*/*/*/*/*/*/*/*

มาก ๆ เลยค่ะ

อ.อุบล ขา

ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน

ที่เราก็หากัน จนเจอ.อ.อ.อ.อ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-11 22:08:23



[1] 2 3 4 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.