คู่มือหนีกรรมผิวพรรณ
(ฉบับปฐมฤกษ์) เรียบเรียงโดย อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
พุทธพจน์ที่บัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก กล่าวถึงกรรมผิวพรรณไว้ว่า
คนที่มักโกรธ จะมีผิวพรรณทราม...กรรมผิวพรรณ เกิดจากกรรมโทสะ
นี่คือปัญหาผิวพรรณทุกชนิด ทั้งผิวหน้าและผิวกาย
(ถ่ายทอดและเรียบเรียงโดย อ.อุบล ศุภเดชาภรณ์ ผู้ดำเนินรายการคุยไปแจกไป สถานีโทรทัศน์ MVTV-บางกอกทูเดย์)
พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ไม่เคยสอนให้ใครเชื่อสิ่งใดโดยไม่ได้พิสูจน์ กฏแห่งกรรมที่พระองค์ค้นพบ เป็นกฎที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ไม่ใช่กฎที่พระองค์สร้างหรือบัญญัติขึ้น กฎนี้จึงเป็นกฎสากล ที่ไม่อาจยกเลิกเปลี่ยนแปลงได้ เป็นกฎที่มนุษย์และสัตว์ทุกชีวิตต้องได้รับผลนั้นแน่นอน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ซึ่งเรียกว่า กฎแห่งกรรม
กรรมแปลว่า การกระทำ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ดี หรือ การกระทำที่ชั่ว ก็เรียกว่ากรรม ทั้งสิ้น
-ถ้าทำดี ก็เป็นกรรมดี เป็นกุศลกรรม เป็นบุญ หรือความดี ทำให้มีความสุขทุกชาติ
ตายแล้วไปสู่สุคติภูมิ คือไปเกิดเป็นมนุษย์ , ไปสวรรค์, พรหม หรือนิพพาน
-ถ้าทำชั่ว ก็เป็น กรรมชั่ว เป็นอกุศลกรรม เป็นบาป หรือความชั่ว ทำให้มีความทุกข์ทุกชาติ
ตายแล้ว ไปทุคติภูมิ คือ ไปเกิดเป็นสัตว์นรก, เปรต ,อสุรกาย, สัตว์เดรัจฉาน
พลังปราณ และพลังมโนธาตุ คือพลังงานชีวิต-จิตใจที่อยู่ในเซลล์เรา สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตมีรหัสพันธุกรรมของ 2 ธาตุนี้ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เป็นสิ่งกำหนดชีวิต ทำให้เกิดความสุข ความทุกข์ ความสวย ความอัปลักษณ์ ความโง่ ความฉลาด ความพิการ ขี้โรค ความแข็งแรง ความจน ความรวย ฯลฯ
ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดมาจากอดีตเหตุ จิตวิญญาณจะนำพา 2 ธาตุนี้ไปนำเกิดทุกภพชาติ
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เจ็บป่วย ปัญหาผิวพรรณทุกชนิด เพราะขาดปราณ หรือขาดเมตตา หรือบกพร่องใน ทาน และศีล นั่นเอง
ผู้ที่มีปัญหาทุกข์ทางใจทุกชนิด เพราะขาดมโนธาตุ หรือขาดสติ+ปัญญา หรือบกพร่องในการทำสมาธิ+ วิปัสสนากรรมฐาน นั่นเอง
เมื่อเรารู้สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาที่เกิดกับเราแล้ว เราต้องแก้ที่เหตุ ดับที่เหตุ ผลก็จะดับได้ ดังคำสอนของพระพุทธเจ้า ...ที่ว่า...
ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับผลก็ดับ ไม่ว่าทุกข์กายหรือทุกข์ใจ แม้แต่สิว ฝ้า หายได้ด้วยการดับที่เหตุ
เรามัวแต่หายา หาหมอ หาเครื่องสำอาง มาบำบัดปัญหาดังกล่าว โดยไม่เคยสนใจ ไม่รู้เหตุที่แท้จริงของปัญหา เราจึงไม่สามารถดับทุกข์ดับปัญหาได้จริง แต่กลับเพิ่มปัญหา เพิ่มทุกข์ เสียทั้งเงินทั้งเวลา เสียใจ เสียความรู้สึก เสียสุขภาพ ฯลฯ
ปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ การเจ็บป่วยไข้ ปัญหาความรัก ปัญหาการงาน การเงิน หรือปัญหาผิวพรรณ ล้วนเกิดจากกรรม คือ ผลของการกระทำของตัวเราเอง ทั้งสิ้น ซึ่งเราอาจทำขึ้นในชาตินี้ หรือในอดีตชาติ หรือ 2 ภพชาติ ทำให้กรรมรวมตัวกัน จนเกิดความทุกข์ดังกล่าว ทั้งทางกายและใจ
บางครั้งความทุกข์ก็เริ่มที่กายก่อน แล้วก็ฉุดลากใจให้ทุกข์ตาม เช่น พอเป็นสิวฝ้าที่หน้า แต่ทุกข์นั้นก็เกิดกับใจด้วย หรือบางครั้งปัญหาเริ่มที่ใจ พอเสียใจจากคนที่เรารัก พลัดพรากจากของรัก โกรธแค้นเคืองใคร น้อยใจ เสียใจ ไม่ได้ดังใจ... ก็เครียดจนนอนไม่หลับ ทุกข์ที่เกิดกับใจนั้น ก็ส่งผลให้ร่างกายเกิดปัญหาตามมาด้วย อาจจะปวดศีรษะ เจ็บป่วยไข้ ทรุดโทรม แก่เกินวัยฯลฯ
กายกับใจ จึงเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ ตราบใดที่เรายังต้องอาศัยกายหยาบนี้อยู่ เราจึงต้องดูแลเอาใจใส่ เลี้ยงดูปรนนิบัติ ต่อกายและใจของเราให้เกิดความสมดุลกัน อย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างง่ายๆ ทำอย่างต่อเนื่อง ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มากขึ้น เหมือนการทำความดี การทำบุญให้ทาน เพื่อให้ทัน และชดเชยกับความร่วงโรย และความเสื่อมตามธรรมชาติของสังขาร และวัตถุธาตุ
กายกับใจ เป็นธาตุ 2 ใน 6 ธาตุ ที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบ เป็นธาตุละเอียดที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาหยาบ เช่น... เราเห็นคนที่แต่งตัวสวย แต่เราไม่ทราบว่าเขาป่วย หรือมีปัญหาความรัก ปัญหาการเงิน มีทุกข์ซ่อนอยู่ในใจ แม้แต่ตัวเราเอง บางครั้งเราก็ไม่ทราบวว่า ได้ก่อเกิดโรคร้ายขึ้นแล้วหรือไม่ เช่น มะเร็ง เบาหวาน หัวใจ เอดส์ เป็นต้น
ธาตุทั้ง 4 ซึ่งเป็นธาตุหยาบได้แก่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเรารู้จัก และสัมผัสได้
-ธาตุดิน คือ กระดูก และของแข็งในร่างกาย
-ธาตุน้ำ คือ เลือด น้ำเหลือง ของเหลวในกาย
-ธาตุลม คือ อากาศที่เราหายใจเข้าไป ออกซิเจนที่ใช้ฟอกโลหิตหล่อเลี้ยงเซลล์
-ธาตุไฟ คือ ความอบอุ่น ความร้อน พลังงาน การสันดาป เราสัมมผัสได้ ตรวจได้ด้วยเครื่องมือแพทย์ ส่วนอีก 2 ธาตุ เป็นธาตุละเอียดที่มองไม่เห็น เครื่องมือแพทย์ตรวจจับไม่ได้ แต่ส่งผลจริงตามพระไตรปิฎก คือ
-อากาศธาตุ หรือพลังปราณ (P) เป็นธาตุกาย ธาตุชีวิต
-มโนธาตุ หรือธาตุรู้ ธาตุแห่งการเกิด วิญญาณธาตุ(M) เป็นธาตุจิตใจ ธาตุความรู้สึก ทุกข์ สุข สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องอาศัยธาตุทั้ง 2 นี้หล่อเลี้ยง จึงจะเกิดสมดุล เกิดความสุขทั้งทางกายทางใจ ไม่เจ็บป่วย ไม่มีทุกข์ |