อย่าพูด อย่ารับปาก ถ้าพูด ถ้ารับปากแล้วไม่ทำ จะรับกรรมหนัก อนันตริยกรรม เหมือนดิฉัน
ดิฉันนางปรัธยาน์ภรณ์ สงค์รอด อยู่บ้านเลขที่ 267 หมู่ที่ 13 ตำบลบ้านดู่ อำเภอ เมือง จังหวัดเชียงราย ขณะนี้อายุ 60ปีเต็มดิฉันได้รับอนุญาต เข้าค่ายบ้านสวนพิระมิด ของท่านอาจารย์อุบล ศุภเดชาภรณ์ เป็นค่าย รุ่น 11 เป็นค่ายต้นปี 2555 ปีใหม่พอดี ดิฉันมีความสุขจากการที่ได้ทำบุญ ได้ไปใช้แรงงาน ที่บ้านสวนพิระมิด ซึ่งขณะนั้นเพิ่งเริ่มสร้างฐาน เพื่อสร้างองค์พระปฐม และค่ายนี้ ได้รับความเมตตาจากคุณพ่อ ท่าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา กรุณามาบอกเล่า เตือนเรื่องภัยพิบัติด้วย ดิฉันได้ทำบุญมูลนิธิ ดร.อาจองฯ สามพันบาท และตั้งใจจะโอนเงินไปตลอด นี่เป็นสัญญาที่ดิฉันตั้งใจและพูดบนเวทีต่อหน้าท่านอาจารย์อุบล และคุณพ่อ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เป็นการพูด และได้ผิดคำพูด
แต่เมื่อเดินทางกลับเชียงราย ดิฉันก็โอนเงินไปบ้าง เว้นไปบ้าง เพราะลืมบ้าง แต่ที่สำคัญ การเงินเริ่มติดขัด ไม่เหมือนเดิม
เรื่องที่สอง ที่พูดแล้วไม่ทำ เมื่อเข้าค่าย11แล้ว วันกลับพวกเราไปกราบลาท่านอาจารย์อุบลฯ ท่านได้ถามดิฉันว่า ค่ายหน้า มาใหม(ที่จริง ท่านก็ไม่ได้สนใจหรอกว่า ใครจะมา ใครจะไม่มา เพราะทุกค่ายแน่น เต็มจนล้น ท่านถามด้วยความเมตตามากกว่า) ดิฉันตอบด้วยความมั่นใจว่า ค่ะ ตั้งใจจะมาอีก แต่ท่านเชื่อใหม ดิฉันกลับมาบ้านที่เชียงราย ดิฉันลืมๆๆๆที่พูดทั้งหมดไม่ได้ไปเข้าค่ายอีกเลย ไม่ได้ติดตามเฟสบุคของบ้านสวนอีกเลย เป็นเวลาถึงสองปีกว่า
จะขอเล่าว่าเมื่อกลับมาจากบ้านสวน ผลบุญครั้งนั้น ทำให้ดิฉันได้ขายบ้านมือสอง ที่ซื้อมา ในราคา สองล้านห้า และขายได้ในราคา สามล้านสี่ ได้กำไร ประมาณ แปดแสน ดิฉันก็ยังลืม ลืมที่จะขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และท่านอาจารย์ อุบล สนิทเลย
ผลกรรมที่ดิฉันได้รับ มากมาย จะเล่าต่อไป แต่ขอเล่าว่า ผลคือได้รับความเจ็บป่วย เจ็บปวดหลัง ทรมานมาก เมื่อมีความทุกข์ทั้งร่างกายเจ็บป่วย ปวดหลัง ปวดเอว มาก รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย จนไม่รักษายอมรับ ทรมานสุดๆ บางครั้งลุกเดินไปเหมือนคนพิการ ที่ทุกข์หนักอีกคือ นำเงินไปลงทุนกับเพื่อน สองล้านกว่า เงินหายแซ่บ เรียกว่า"หมดเนื้อหมดตัว" ในส่วนเงินที่กำไรมาจากการขายบ้าน รวมทั้งทุน มันเป็นความทุกข์ ที่พูดกับใครก็ไม่ได้ จนวันหนึ่ง เมื่อต้นเดือน พฤษภาคม 57 นี่เองที่เกิด นึกคิดขึ้นมาได้ว่า เอ๊ะ เฟสบ้านสวนพิระมิดของเราหายไปไหน นานมาก จึงค้นหา และสมัครสมาชิกใหม่ จึงได้ทราบว่า ท่านอาจารย์ โปรดสัตว์ผู้ยากที่ทุกข์ทั้งกายและใจ ผ่านไปแล้วถึง 10 ค่าย 10 รุ่น (ถามตัวเอง เราหายหัว ไปไหน นี่ )
ดิฉันรีบสมัคร มาเข้าค่าย21 รับพระบารมีพระศรีอาริย์ ดิฉันดีใจมากที่จะได้กลับไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนพิระมิดอีกครั้ง แต่ท่านเชื่อใหม ดิฉันก็ยังไม่รู้ว่า ตัวเองได้ทำอนันตริยกรรม ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่รู้ตัวเลย นึกไม่ออกจริงๆ ก่อนไปเข้าค่ายดิฉัน จัดส่งเงินไปขอบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เช่น เข็มกลัดท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ พิระมิดจำลองรุ่นต่างๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 16,000.00บาทแต่ท่านเชื่อใหมดิฉันยังรวมเงินผิด ไม่ได้ส่งค่าสบู่ไป ได้รีบส่งไปทันที ดีนะ ที่ส่งเงินไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และ มานั่งบวกอีกครั้ง ขาดความรอบคอบจริงๆ ถ้ากลับบ้านเลย จะผูกกรรม โกงสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยไม่รู้ตัว
ท่านเชื่อใหม เพียงดิฉัน สมัครขอเข้าค่าย และขอบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากบ้านสวนพิระมิด ยังไม่ได้รับการตอบรับ ยังไม่ได้รับกล่องไปรษณีย์เลย ก็ได้มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น อย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องมีอยู่ว่า พี่สะไภ้ ยืมเงินพี่สาวแฟนไปหนึ่งล้านหนึ่งแสน แล้วพี่สาวแฟนไม่กล้าทวง เพราะเห็นพี่สะไภ้ทำเฉย ตอนหลังมาเล่าว่าขอเงินคืนแค่ล้าน อีกแสน ยกให้ พี่สะไภ้ก็ยังไม่คืนให้ บอกขอขายที่ได้แล้วจะคืนให้ ซึ่งไม่ทราบเมื่อไหร่เขาจะขายได้ พี่เขยบอกให้ดิฉันไปคิดวิธีทวง ถ้าได้เงินคืนจะให้ดิฉัน สามเปอร์เซนต์ ดิฉันตอบไม่เอาหรอก จะคิด จะทวงให้ ในที่สุดดิฉันก็ทวงเงินได้คืนหมด พี่สะไภ้โอนมาเข้าบัญชีดิฉันๆโทรบอกพี่สาวแฟนว่า มาเชียงราย จะเบิกถอนให้ เงินล้านบาทที่ได้มาเป็นช่วงเวลา หลังจากสมัครเข้าค่าย ไม่กี่วัน พี่สาวแฟนจะมาเชียงรายเดือนมิถุนายน ดิฉันโทรบอกว่ามาเชียงรายจะเบิกให้ พี่สาวแฟนบอกว่า ไม่เป็นไร เอาไว้ใช้ก่อน (เหมือนจะรู้เลยว่าดิฉันกำลังย่ำแย่ แต่ไม่เคยบอกใคร แต่พี่ทราบว่าที่บ้านโรงรถและห้องน้ำบ้านหลังเล็กโดนพายุลูกเห็บ ต้องรื้อต้องซ่อมอีกหลายแสน) นี่เป็นเพราะอะไร เงินตั้งล้านให้ยืมเฉยเลย ดิฉันขอกราบขอบพระคุณ บารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพิระมิดและบารมีท่านอาจารย์อุบล อย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยปลดทุกข์ให้ค่ะ
เมื่อได้ไปเข้าค่ายดิฉันอธิษฐาน อยากนอนบ้านพิระมิด ก็ได้นอนสมใจ เพราะบ้านว่าง เจ้าหน้าที่บอกนอนกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาว่ากันใหม่ แต่ส่วนใหญ่นอนที่ห้องประชุม เพราะสะดวก ท่านอาจารย์สร้างใหม่ มีห้องน้ำ มีแอร์ มีหมอน มีเสื่อ มีผ้าห่ม บริการเหลือเฝือ นอนกันแสนสบาย วันที่สอง ท่านอาจารย์อุบล ใจดี บอกนอนตื่นสายหน่อยก็ได้ เพราะวันนี้นอนดึก เมื่อท่านอาจารย์ให้โอกาสสำหรับคนที่เจ็บปวด จากอาการป่วยอาการต่างๆในวันแรกนั้น ดิฉันได้สารภาพกรรม เพราะทำผิดศีลทุกข้อ รวมทั้งกรรมใหญ่เคยทำแท้งถึง สองครั้ง ท่านอาจารย์เมตตาใช้พิระมิดรักษา จนอาการปวดหลังหายไปร้อยเปอร์เซนต์ แต่แปลกพอลงจากเวที แรกๆอาการปวดหลังหายไป แต่เกิดอาการใหม่ หนักกว่าเก่า คือ เจ็บปวดเหมือนมีมีดมาบาดที่รอบเอว ทรมานมาก ยิ่งท่านอาจารย์เดินทางมาที่ห้องประชุม ดิฉันยิ่งเจ็บปวดทวีขึ้น แสบมาก อย่างไม่น่าเชื่อเป็นอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
วันที่สองของการเข้าค่ายซึ่งเป็นหัวใจ ไฮไลท์ ของกิจกรรม คือรับบารมีพระศรีอาริย์แค่เดินผ่านก็หาย ท่านอาจารย์อุบลฯ ได้กรุณาอัญเชิญ พระบารมีสมเด็จพระศรีอาริย์ มาสถิตย์ที่กายท่านอาจารย์อุบล ขณะที่ท่านกล่าวอัญเชิญดิฉันตื้นตันใจ บอกไม่ถูกค่ะนั่งก้มหน้าร้องไห้ไม่อายใคร มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ แม้ตอนนี้ที่พิมพ์อยู่ยังร้องไห้เลยค่ะ
ท่านอาจารย์ให้เจ้าหน้าที่ช่วยจัดแถวให้ ผู้ร่วมกิจกรรมเดินผ่านท่าน ผู้คนที่เข้าค่าย 211 คนเขาหายจากอาการเจ็บป่วยอย่างอัศจรรย์ เพราะหายกันทันที ที่เดินผ่านท่านอาจารย์อุบล อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ต้องเชื่อ เพราะเมื่อท่านอาจารย์ถามว่า ใครหายร้อยเปอร์เซนต์ ยกมือขึ้น เขาก็ยกมือกันทันทีในแต่ละแถว ที่เดินผ่าน รวมแล้วถึงจำนวน 201 คน
ในแต่ละแถวมีไม่กี่คนที่ยังไม่หายร้อยเปอร์เซนต์ เหลือเพียง 10คนซึ่งรวม ดิฉันด้วย ที่ท่านอาจารย์อุบลฯ ได้ช่วยอัญเชิญพิระมิดรุ่นพระบารมีพระศรีอาริย์ มาแตะขวดน้ำ หลายคนหายร้อยเปอร์เซนต์ เหลืออีกไม่กี่คนที่หาย ดีขึ้น 80%ซึ่งดิฉันอยู่ในจำนวนนี้ด้วย ที่หายดีขึ้นถึง 80% เพราะในขณะนั้น ดิฉันนึกขึ้นมาได้ว่า ดิฉันผิดคำพูด ที่รับปากท่านอาจารย์ว่า จะมาเข้าค่าย12 นั่นเอง ( ดังที่เล่าไว้ข้างต้น) ซึ่งท่านอาจารย์อุบล ฯ ได้กรุณาให้ดิฉัน ขอขมากรรมต่อท่าน ซึ่ง ดิฉันได้ก้มลงกราบเท้าท่านอาจารย์ (จริงๆอยากกราบใกล้ๆห่างสักคืบ แต่ก็ได้กราบขอขมากรรมสมใจ แม้จะห่างไปนิด แต่เป็นการกราบเท้าขอขมากรรมท่าน ด้วยความเต็มใจยิ่ง อิ่มใจยิ่ง) แล้วอาการก็ดีขึ้นแต่ไม่หายร้อยเปอร์เซนต์ ท่านอาจารย์ให้กลับไปคิดว่า ที่ยังนึกไม่ออกคืออะไร
ดิฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่า อนันตริยกรรมอะไรหนอ ที่ดิฉันทำผิด ติดค้างอยู่ เมื่อนั่งเครื่องกลับเชียงราย คิดทบทวนตลอด จึงนึกได้ ดิฉันคิดถึงความเมตตาของท่านอาจารย์อุบลฯ และความเมตตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ของบ้านสวนพิระมิด ที่มีต่อดิฉัน ท่านให้โอกาส ไม่ให้ไปตกนรก ทำให้ดิฉันนึกได้ว่า น่าจะเป็นกรรมสำคัญ นึกได้ว่า นั่นคือ กรณีผิดคำพูด เรื่องจะร่วมทำบุญกับมูลนิธิ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยาเดือนละ สามพันบาท ไปตลอดชีวิต (มูลนิธิ ของท่านดูแลเด็กนักเรียน ที่โีรงเรียนสัตยาไส ที่จังหวัดลพบุรี เป็นการสร้าง เยาวชน ให้เป็นคนดี) ที่ผ่านมาดิฉันโอนไปประมาณ ไม่น่าจะเกิน ห้าครั้ง แต่เมื่อมาคำนวณใหม่แล้ว ก็ตัดสินใจโอนเงินไปเมื่อวันที่ 27พฤษภาคม 2557 เป็นเงินรวม 69,000.00บาท บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาทองหล่อ เลขบัญชี 042-246953-9 เวลาประมาณ 15:31:46 ก่อนหน้านั้น เพียงเดินเข้าธนาคารอาการเจ็บปวดที่เอว ที่เหลือหายเบาตัวทันทีค่ะ
ยังไม่หมดนะค่ะ ดิฉันทำเรื่องโอนขณะที่เจ้าหน้าที่บอกว่าค่าโอนร้อยกว่าบาท จำไม่แม่นประมาณ 180บาท มั้งค่ะ ดิฉันก็พูดขึ้นว่า พี่เคยโอนไปมูลนิธินี้ ที่นี่ ธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยกัน ไม่เสียค่าโอน ค่ะ เจ้าหน้าที่บอกเดี๋ยวนะค่ะ เธอถามไปที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง สงสัยเป็นผู้จัดการสาขาตลาดบ้านดู่ เธอเดินเข้ามาคีย์ คอม แป๊ปเดียว บอกว่า ยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แล้ว (แอบดีใจค่ะ)
อาการเจ็บปวดหายดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ กราบขอบพระคุณท่านพ่อดตาจินิน สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ สมเด็จพระศรีอาริย์ ท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ ท่านแม่พระนางเนเฟอร์ตารี หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤษีลิงดำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ณ บ้านสวนพิระมิด กราบขอบพระคุณ ในความเมตตาของท่านอาจารย์อุบล ฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักษ์รักษาท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์มงคล คุณท๊อป ไว้ ณ ที่นี้ด้วย ค่ะ กราบ กราบ กราบ
ขอนุญาต ย้ำว่า ทุกท่านโปรดนึกถึงเรื่องของดิฉันเป็นอุทาหรณ์ อย่าทำเป็นอันขาด ปาปหนักค่ะ ท่านจะได้รับผลกรรมอย่างนึกไม่ถึงค่ะ
|