ครอบครัวดิฉันซื้อเสื้อยืดมา 10 กว่าตัว
ครั้งแรกซื้อ 1 ตัว เพราะ อ.อุบล ให้ซื้อได้แค่คนละตัวเดียว ใส่แล้วมีความสุข ครั้งแรกก็คิดว่าอุปทาน จนเข้าไปอีกที
ไปเจอวันที่ อ.อุบล บูชาสฟิงซ์มา 1 คู่ ขนาดใหญ่มาก และ อ.อุบล บอกให้ไปขอพร พอเดินเข้าไปใกล้ ขนลุกไปทั้ง
ตัว วันนั้นใส่เสื้อยืดนี้ไปด้วย ลืมบอกว่า เคยมาบำบัด แล้วอาการปวดหลัง ปวดขาที่เป็นมานาน 10 กว่าปีนั้นหาย
ในทันที รู้สึกงง เหมือนความฝัน น้ำตาคลอตอนหาย เพราะตอนเห็นคนอื่นหาย ก็ยังแอบคิดว่า จริงเหรอ เราจะเป็น
อย่างเขาไหมหนอ แต่ในที่สุดก็เป็นจริง ทั้งที่หาหมอโรงพยาบาลทั้งกรุงเทพ นครนายก ทั้งหมอนวด แต่ไม่หาย
วันนั้นทำบุญไป 100 บาท อ.อุบล บอกว่า พอแล้ว ให้ใช้แรงกาย ก็มานั่งคิดว่า จะหาทางตอบแทน อ.อุบล อย่างไร
เพราะไปบำบัด อ.อุบล ก็เลี้ยงข้าวปลาอาหาร แจกน้ำพีระมิด หนังสือ (วันต่อมาได้ทั้งซีดี หนังสือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
บอดี้โลชั่น รวมแล้ว วันนั้น 9 อย่าง) ก็ถาม อ.อุบล ว่า อ.จะทำอะไรอีกอยากทำบุญด้วย อ.บอกว่า พอแล้ว แต่ อ.
คุยกับคนในนั้นว่า ไปสั่งแท่นวางสฟิงซ์ ก็เลยใช้วิธีเอาเงินไปหยอดในบาตร เพราะ อ.อุบล และก็ตั้งใจจะไปซื้อเสื้อ
เพิ่ม เพราะอาการปวดขาหายขาด แต่เสื้อหมด พยายามไปหลายครั้ง กว่าจะซื้อได้ 10 กว่าตัว เอามาให้ลูกหลานใส่
ทุกคนได้พบปาฎิหารย์หมด ก็คิดสงสัยว่า ทำไม แค่ใส่เสื้อยืดรูปพีระมิด และสฟิงซ์ จึงมีความรู้สึกเช่นนี้ เสื้อนี้มีดีอะไร
จนไปเข้าค่ายรุ่น 3 ก็ไปด้วย จึงมาถึงบางอ้อ
1.เข้าค่ายครั้งนี้มีบุคคลสำคัญมามาก ระดับผู้บริหารเกือบ 10 คน มีหลายสาขาอาชีพ ได้ฟัง อ.ฉลอง พูดว่า ตอนแรก
ที่แต่งเพลงคิดไม่ออก แต่ใส่เสื้อแล้วจึงแต่งได้ อ.อุบล ยังถามว่า อุปทานหรือเปล่า อ.ฉลองยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
รวมทั้ง ผอ.โกสิทธิ์ ที่แต่งเพลงมโนมยิทธิ ก็ได้พูดถึงเรื่องการแต่งเพลงมีอาถรรถ์ (ขณะออกไปพูดทั้ง 2 คนใส่เสื้อยืด
บ้านสวนพีระมิด ด้วยความเชื่อมั่น)
2.คนขายของที่ตลาดบ้านนา ยืนยันว่า ทุกครั้งที่ อ.อุบลไป ขายดี ขายหมดทุกวัน แค่เดินไปหน้าร้านก็ขายหมด
เขายืนยันแข็งขันว่าจริง ไม่ใช่ครั้งเดียว บางวันที่เขาไปใช้แรงงานกลางวันที่บ้านสวนพีระมิด เย็นกลับไปขายของหมด
3.ได้คุยกับคนที่ใส่เสื้อบ้านสวนพีระมิดหลายคน ก็ยืนยันว่า ใส่ด้วยศรัทธา พบความสุข บางคนก็บอกว่า อธิบายเป็น
คำพูดไม่ได้ รู้แต่ว่า อยากใส่ และมีความสุข ที่สำคัญได้ทำบุญทุกบุญ จากเงินที่ซื้อเสื้อ
คราวนี้ก็มาเรื่อง สฟิงซ์ กับแท่นรอง ทั้งหมด อ.บอกว่า สฟิงซ์ 125000 แท่น 5000 บอก อ.อุบล ว่าขอมีส่วนร่วม
บุญนี้ด้วย อ.อุบล บอกว่าคุณก็ร่วมไปแล้วไง ดิฉันบอกว่า ยังไม่ได้ทำเลย อ.บอกว่าทำแล้ว ก็เงินที่คุณซื้อเสื้อยืดนั่น
แหละ อ.เอาไปบูชาสฟิงซ์ และ ซื้อแท่นประทับ แต่ไม่พอหรอก อันนี้ อ.อยากทำเอง ถือว่าคนที่ซื้อเสื่อได้ทำร่วมกัน
แล้วทุกคน และเสื้อคือสัญญาณรับพลังจากสฟิงซ์ และบุญจากบ้านสวนพีระมิด
ดิฉันรู้ได้ทันทีว่า บุญที่ อ.อุบล ส่งให้ มีอานุภาพจริง บุญ อาจมองไม่เห็น แต่เรารับรู้ได้ด้วยใจของเราเอง เป็นสิ่ง
ที่รู้ได้เฉพาะตัว เหมือนความรู้ ที่มองด้วยตาไม่เห็น แต่ตัวเราเท่านั้นที่รู้ดีกว่าผู้อื่น ด้วยเหตุนี้จึงซื้อเสื้อ อ.อุบล
หลายตัว เพราะห่วงลูกหลาน เมื่อเรามีความสุข ก็อยากให้คนใกล้ตัวมีความสุข และตั้งใจว่าจะทำบุญกับบ้านสวน
พีระมิดตลอดไป โดยไม่ต้องซื้อเสื่อ อยากให้คนได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด และอยากให้เขาหายเจ็บป่วย ถ้าเงิน 300
บาท จะเป็นบุญที่ช่วยให้คนพ้นทุกข์ได้ ดิฉันถือว่าเกินคุ้ม เพราะตัวดิฉันรักษาขาหมดเป็นล้านแล้ว ดิฉันจึงเข้าใจ
ความรู้สึกของคนที่ซื้อเสื้อบ้านสวนพีระมิด ว่าคิดอย่างไร ถ้าเราคิดว่าเป็นเพียงเสื้อยืดธรรมดา เราจะรู้สึกแพง และ
ซื้อที่ตลาดนัดก็ได้ แต่ดิฉันก็เคยซื้อมาแล้ว ตั้งแต่ตัวละ 99 จนถึง หมื่นกว่า แต่ไม่ได้รู้สึกมีความสุข และมั่นใจเช่นนี้
คนหนึ่งที่ซื้อเสื้อ |