ผมได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมกิจกรรมที่บ้านสวนพีระมิด ของอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ รู้สึกประทับใจในกิจกรรมที่บุคคลจากทั่วสารทิศ มาร่วมกันทำบุญทั้งทรัพย์สิน สิ่งของ อาหารและแรงกาย ซึ่งทุกคนทราบดีว่า เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ตนเองจะต้องทำอะไรบ้าง เนื่องจากอาจารย์ย้ำเสมอว่า คนที่มาที่นี่จะต้องผ่านการชมโทรทัศน์รายการ “คุยไปแจกไป” เสียก่อน ดูให้เข้าใจ ดูเที่ยวเดียวไม่เข้าใจก็ดูซ้ำๆ จนเกิดความศรัทธา (ถ้ายังไม่ศรัทธาก็คงมาแอบสังเกตการณ์ก่อนก็ได้ : ผู้เขียน)
ฉะนั้น คนที่มาถึงเขาจะไม่รีรอ ต่างคนต่างรีบหางาน “อันเป็นแหล่งบุญ” ทำอย่างขมีขมัน ด้วยกลัวว่างานจะหมด อดทำ อดได้พลังบุญ งานที่เห็นๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะยากสักเท่าไร เพราะมีคนอื่นๆ ร่วมทำกันอย่างอบอุ่น เช่น ถากถางหญ้าที่รกๆ ขนเศษหญ้าเอาไปทิ้งในที่ที่จัดไว้ ขุดตอไม้ที่อยู่ภายในสวน ก่อสร้างพีระมิด ทาสีไม้ สีน้ำ โบกปูน ฯลฯ แต่อาจารย์บอกว่า บุญที่ลงมือทำด้วยตนเองเป็นแรงบุญที่บริสุทธิ์ เพราะไม่ได้เบียดเบียนใคร เราทำด้วยตนเอง บุญก็ย่อมตกแก่ตนเอง ขณะที่ทำก็ให้มีสติ ระลึกถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย พร้อมทั้งอุทิศผลบุญนั้นให้ตลอดเวลา เจ้ากรรมนายเวรของแต่ละคนก็จะรู้สึกอิ่มบุญอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะอภัยให้แก่เราในความผิดที่เราเคยล่วงเกินเอาไว้เมื่อในอดีต เมื่อทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยใช้แรงกายไปจนถึงเที่ยง ก็หยุดพักรับประทานอาหาร จากนั้นตอนบ่ายอาจารย์จะเชิญทุกคนเข้าไปยังที่ที่ไต่สวนกรรม
อาจารย์จะเรียกชื่อผู้ที่จะขอให้อาจารย์บำบัดโรคตามคิวที่ได้เขียนในใบรายงานตัวเมื่อไปถึงครั้งแรก แล้วจะดำเนินการไต่สวนกรรมไปทีละคน ให้ทุกคนพูดรับสารภาพถึงกรรมที่ได้เคยทำมาในอดีต แล้วอาจารย์ก็จะอธิษฐานขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นซึ่งได้ยินทั่วกันทุกคน ว่าถ้าที่สารภาพมานั้นถูกต้องขอให้โรคนี้หายในบัดนี้ จากนั้นอาจารย์ก็ให้สังเกตอาการของตนเองว่า หายหรือยัง บางคนปวดหลังมา ถ้าการเอ่ยกรรมนั้นถูกต้อง ก็หายในทันที แต่ถ้ายังไม่หาย หรือหายไม่สนิท ก็แสดงว่ายังเปิดเผยกรรมไม่หมด ให้นึกต่อไป บางทีนึกไม่ออกอาจารย์ก็จะช่วยแนะเล็กน้อยว่า เคยที่อย่างนี้หรืออย่างนั้นไหม ถ้าเจ้าตัวนึกได้และยอมรับ อาการเจ็บป่วยก็จะทุเลาขึ้นอีก หรือหายไปเลยก็มี
ผมก็คนหนึ่งที่สังเกตการณ์อยู่ เห็นทุกคนล้วนแต่มีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าตอนที่มาใหม่ๆ เพราะล้วนแล้วแต่ได้รับการอภัยโทษจากเจ้ากรรมนายเวรกันไปทั้งนั้น ความทุกข์ที่ทรมานมาหลายปี บัดนี้ พวกเขามีความสุขขึ้นแล้ว เพียงแค่มาทำบุญที่นี่ มาใช้แรงกายทำงานที่นี่ และสารภาพบาปกรรมที่เขาได้สร้างกันขึ้นไว้ โดยอาจารย์อุบลช่วยเป็นสื่อกลางระหว่างตัวเรา เจ้ากรรมนายเวร พระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ถ้าทุกคนทำได้ดังนี้ ก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ หายจากโรคภัย แต่ก็ต้องสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำอย่างนั้นอีก เพราะอาจทำให้ตกต่ำย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า หรือบางคนอาจถึงขั้นเสียชีวิตไปเลยก็ได้ ถ้าไม่รักษาสัจจะ
ส่วนตัวผมเอง คิดว่าจะมาเข้ารับการบำบัดในโอกาสหน้า เพราะทำกรรมไว้เยอะพอสมควร ไม่ค่อยมีปัญหาทางโรคภัยไข้เจ็บ แต่มีปัญหาเรื่องการเงินและการถูกโกงจากคนอื่นๆ ซึ่งก็ไม่แน่ว่า ผมคงจะเคยโกงเขามาเหมือนกัน…ตอนหน้าจะกลับมาเล่าให้ฟังอีก สวัสดีครับ...
นายฉลอง จันทร์ทอง