ดอกไม้ โสวะภาสน์
นครนายก
ประสบการณ์เข้าค่ายรุ่นที่ 1.
เคยเข้าค่ายที่บ้านสวนพีระมิดรุ่น 1-4เข้าค่ายแต่ละครั้งมีแต่ความสุขใจ อิ่มบุญกลับบ้านทุกครั้งที่ได้ร่วมเข้าค่าย
รุ่น 1. อาจารย์รับ 99 คน แต่มาเกินน่าจะร้อยกว่าคน เพราะหัวข้อรุ่น 1. “หนีกรรมผิวพรรณ” วันแรกได้ทำกิจกรรมต่างๆเช่น ผุกริบบิ้นด้านหน้าทั้งหมดในบ้านสวนพีระมิด สวยงามมาก และญาติธรรมที่มาร่วมสามัคคีกันทำทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน และแปลงสินทรัพย์เป็นบุญ และพิเศษคือ อาจารย์ได้เชิญวิทยากรมาบรรยายให้ คือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มาให้ความรู้ถึง หัวข้อใหญ่ คือ การผึกสมาธิมังสวิรัติ พลังพีระมิด โลกร้อน
จะเล่าเหตุการณ์คืนสุดท้ายให้ท่านที่สนใจอ่านกัน อาจารย์พาทำกิจกรรมตามปกติ และคืนนี้อาจารย์พาจุดเทียนถวายพระพรและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี คืนนี้เหลือผู้เข้าค่าย 53 คน ที่เหลือก็กลับก่อน
ตอนร้องเพลงทุกคนพูดเหมือนกันว่า ขนลุกหมดทุกคนเลย คืนนั้นร้องเพลงจบทุกคนมองท้องฟ้า พระจันทร์ทรงกลดด้วย อาจารย์ให้ทุกคนแยกย้ายพักผ่อน ถ่ายรูปกับตามสบาย เพราะอาจารย์ทั้งสองจะไปส่งน้องท้อปที่กรุงเทพฯ และดิฉันก็ได้ถ่ายภาพร่วมกับพี่ที่มาจากทางภาคใต้ คือ ยะลา และภาพที่ถ่ายติดดวงธรรมเต็มไปหมด
พี่ๆที่มาจากยะลาประมาณ 5 คน พี่หนูเล็กมาจากประจีน 1 คน รวมดิฉันก็ 7 คน ก่อนจะเข้านอนก็ชวนกันไปนั่งสมาธิในองค์พีระมิดกัน ตอนนั้นก็ดึกมากแล้วและทุกคนก็นอนกันหมดแล้ว และเดินกันที่องค์พีระมิดด้านหน้ากัน ตอนแรกจะนั่งกันคนละองค์ มองหน้ากันแต่ก็ไม่กล้าเพราะจะมืดมาก ก็พูดกันว่า งั้นเข้าไปองค์ละ 2 คน แต่เศษ 1 คน พี่หนูเล็กบอกงั้นพี่จะนั่งคนเดียวได้
องค์ที่ 9 ป้าแดง, พี่นุ้ย องค์ที่ 8 พี่หงษ์, ดอกไม้ องค์ที่ 7 ลูกพี่หงษ์ 2 คน และพี่หนูเล็กองค์ที่ 5 เว้นองค์ที่ 6 แล้วเข้าไปนั่งสมาธิกัน
พอเข้าไปนั่งลงได้ยินเสียงจิ้งจกร้องประมาณ 2-3 ครั้ง คิดว่าคงไม่มีอะไรมั้ง และหลักตาภาวนาพุทโธไป ยังไม่ถึง 2-3 นาที ก็เหมือนมีคนมาถ่ายรูปอยู่ข้างนอกองค์พีระมิด ถ่ายรูปอยู่ประมาณ 3 ครั้ง ครั้งแรกนึกว่ามีคนมาถ่ายภาพดวงธรรม พอครั้ง 2 ครั้ง 3 ถี่เข้า ตอนนี้ไม่รู้สมาธิหายกระเจิดกระเจิงเลย ก็เลยนึกในใจอยู่ไม่ได้แล้ว และดิฉันก็เลยลุกออกมาจากองค์พีระมิด และพี่ทุกคนก็เลยตามกันออกมาจากองค์พีระมิด แล้วก็มองหน้ากัน พูดว่า เหมือนมีคนมาถ่ายรูป พวกเราพูดเหมือนกันหมด และเหมือนเข้าไปในโรงหนังและดูหนังเรื่องดียวกัน และพี่นุ้ยพูดขึ้นว่า เจอดีแล้วพวกเรา พอดีมีน้อง 2 คนยืนอยู่ข้างหน้าทางเข้าบ้านสวนพีระมิด ก็พากันถามว่าน้องได้ถ่ายรูปไหม น้องเขาบอกว่าไม่ได้ถ่ายเพิ่งเดินมา ก็เลยเดินคุยกันมาที่ศาลาปฏิบัติธรรม คุยกันว่า งั้นเดี๋ยวรอถามอาจารย์ดีกว่าว่าอะไร พี่นุ้ยบอกว่ากว่าอาจารย์จะมาก็อีกนาน เกรงใจอาจารย์ แต่พูดยังไม่ทันไรอาจารย์ทั้งสอง ก็เลี้ยวรถเข้ามาพอดี
นั่งคุยกันไปคุยกันมา พี่นุ้ยกับป้าแดงเข้าไปในองค์พีระมิดเป็นคู่สุดท้าย พี่นุ้ยบอกว่า พี่เขาเห็นมีเงาดำๆเหมือนมีคนเดินไปข้างๆองค์พีระมิด พี่นุ้ยเล่าว่าพี่นึกสงสัยอยู่ในใจว่า มนุษย์ต่าวดาวมีจริงเหรอ อาจารย์เลยเดินมาหา เห็นว่าทำไมยังไม่นอนกัน แล้วเล่าให้อาจารย์ฟังกัน และถามอาจารย์ว่า คือ อะไร ทุกคนอยากรู้ว่าเป็นอะไร ใครมาถ่ายรูป แต่อาจารย์ท่านไม่ได้บอก หรือบอกแต่ดิฉันจำไม่ได้ค่ะ
แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนพีระมิดคงมาแสดงให้รู้ว่า สิ่งที่สงสัยมีจริงๆ
ต่างก็คุยกันเรื่องอื่นๆ ถามสารทุกข์กัน และก็แยกย้ายกันเข้าไปนอน และหลับฝันดีในอ้อมแขนของพระพุทธองค์
ดิฉันขอกราบขอบพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านสวนพีระมิดและทั้งสากลโลก ที่ทุกๆพระองค์ทรงเมตตา มนุษย์ทุกคนที่มารับการบำบัดทุกข์ที่ท่านสื่อผ่านอาจารย์ และที่ลืมไม่ได้ คือ หนูขอกราบอาจารย์ทั้งสอง ที่ท่านสละความสุขส่วนตัว เพื่อให้ทุกคนพ้นทุกข์ ดวงตาเห็นธรรมเป็นเหมือนแสงสว่างส่องทางให้หนูได้เดินไปในทางทีถูกต้อง กราบขอบคุณมากค่ะอาจารย์ทั้งสองท่าน