ขอนอบน้อมกราบแทบเท้าท่านเท้าเวสสุวรรณ ที่ได้โปรดเมตตาสื่อผ่านท่านอาจารย์อุบลให้ผมได้เล่าเรื่องอันเป็นธรรมทาน...
ก่อนอื่นขอแก้ข่าวนิดนึงครับอาจารย์...บุคคลที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง คือคุณลุงคุณป้า ซึ่งอยู่บ้านตรงข้ามกับบ้านคุณแม่ผม ที่ จ.สงขลาครับ...ส่วนพี่เกสร อยู่ จ.ตรัง ครับผม
คุณลุงนิต และคุณป้ามลเป็นชาวสวนที่อยู่ในระดับเถ้าแก่...สิ่งที่สองท่านนี้ได้รับรู้เรื่องบ้านสวนพีระมิด ก็คือคุณแม่ผมนั่งดูรายการคุยไปแจกไปอยู่ที่บ้าน ป้ามลก็เดินมาเห็นก็ขอดูด้วย แล้วอาทิตย์ต่อไปป้ามลก็ดูรายการเองที่บ้าน และลุงนิตก็สนใจมาดูด้วย เพราะลุงเองเป็นหลายโรครุมเร้า เช่นเบาหวาน ปวดตามร่างกาย ไส้เลื่อน เป็นต้น พร้อมทั้งเอ่ยบอกว่าอยากจะมาหาอาจารย์อุบล เพื่อรับการรักษา แต่ก็พยายามทำตามกฎสวรรค์ที่คิดว่าตัวเองทำได้ครบแล้ว...จากนั้นป้ามลก็เอ่ยชวนลุงนิตขึ้นมาหาอาจารย์อุบล ด้วยหวังอยากจะให้สามีหายจากโรคทั้งหลายที่เป็นอยู่ (ป้ามลเป็นคนชวนนะครับ)
ก่อนที่่ท่านจะมา คุณแม่ได้โทรหาผมให้รับทราบแล้ว ผมก็เฉยๆ และไม่ได้รับรู้การมาของลุงกับป้า เพราะคิดว่าถ้าสองท่านศรัทธาจริง ก็คงจะทำตามกฎสวรรค์ได้ครบถ้วนสมบูรณ์จริงๆ ถึงได้มา ส่วนจะครบจริงหรือไม่จริงนั้นก็เป็นกรรมของผู้ที่จะมารับการบำบัดเองเป็นผู้รับเอง...ลุงกับป้าก็เดินทางมาถึงบ้านสวนฯ ในวันที่ 3 ธ.ค.53 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการเข้าค่ายรุ่น 7 และเป็นวันศุกร์ด้วย โดยหวังว่าจะได้มาร่วมกิจกรรม ทั้งๆ ที่ไม่ได้สมัครมาล่วงหน้าเลย...เท่านี้ก็คงเดากันได้แล้วใช่มั้ยครับ ว่าทำตามกฎหรือไม่
วันที่สองท่านมาถึง ผมก็อยู่บ้านสวนฯแล้ว แต่ก็ได้บอกไปว่า ไหนๆ มาถึงแล้ว ก็ให้หาอะไรทำโดยใช้แรงกายไปเรื่อยๆ ก็ได้ แต่ยังไงวันศุกร์ก็ไม่มีการบำบัด รวมทั้งอาทิตย์นี้ก็เป็นกิจกรรมเข้าค่ายด้วย...ทั้งสองท่านก็หาอะไรทำไปนิดๆ หน่อยๆ ด้วยหวังจะได้เจออาจารย์อุบล...และเมื่อได้เจออาจารย์แล้ว ก็พูดคุยสนทนาด้วยวาจาที่ผมฟังแล้วไม่ค่อยนอบน้อม รวมทั้งไม่ได้ให้ความเคารพอาจารย์ด้วยความศรัทธาจริง(ความคิดเห็นส่วนตัวที่ได้ฟัง) สุดท้ายก็กลับบ้านลูกชายที่ปากเกร็ดไป ด้วยหวังว่าอาทิตย์ถัดไปจะมาเพื่อการบำบัดรักษาอีกครั้ง...
อาทิตย์ถัดมาแกก็มาอีกครั้ง(11 ธ.ค.53) คราวนี้มาเพื่อบำบัดรักษาอาการของคุณลุง แต่ผมไม่ได้อยู่ด้วย และอาจารย์ก็ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า...วันที่มาอีกครั้งนี้ทั้งสองท่านไม่ได้ใช้แรงกายอะไรเลย มานั่งรอเพื่อจะบำบัดกับอาจารย์ รวมทั้งเขียนสารภาพกรรมแบบขอไปที แค่เล็กๆ น้อยๆ อาจารย์สอบสวนกรรม ก็ใช้วาจาไม่ค่อยจะสุภาพ รวมทั้งย้อนกลับอาจารย์ด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจะยอมรับในกรรมของตัวเองที่เคยทำมา สุดท้ายในเมื่อไม่มีกรรมอะไร ท่านอาจารย์ก็ไม่มีอะไรจะให้รักษาเช่นกัน...
เหตุการณ์พลิกผันได้เกิดขึ้นเมื่อทั้งสองท่านกำลังจะกลับบ้าน คิดจะลาอาจารย์แต่ไม่เห็นตัวท่าน ก็เลยได้เดินไปที่บ้านอาจารย์หวังว่าจะใช้มารยาทของการไปลามาไหว้ ทั้งๆ ที่อาจารย์เคยกล่าวย้ำแล้วย้ำอีกว่า ถ้าจะกลับแล้วไม่เห็นอาจารย์ก็กลับได้เลย ไม่ต้องลา...ถึงกระนั้นลุงนิตก็มั่นใจเต็มที่ เปิดประตูบ้านซึ่งเป็นสถานที่ส่วนตัวของอาจารย์อุบล และไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าไปโดยไม่ขออนุญาติ !!!
หลังจากที่ลุงนิตและป้ามล กลับไปบ้านที่ จ.สงขลา...พอกลับมาถึงบ้านได้แค่วันเดียว ป้ามลก็ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการอ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่ป้ามลไม่เคยเลยที่จะป่วยเข้าโรงพยาบาลและแกก็เป็นคนแข็งแรงมาตลอด...นอนโรงพยาบาลได้สองวัน ก็ออกมา...ออกมาอยู่บ้านได้วันเดียว ก็ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกด้วยอาการเดิมคืออ่อนเพลียไปเฉยๆ และคราวนี้ก็อยู่ถึงเจ็ดวัน จนแกต้องขอหมอกลับบ้าน เพราะยังไม่ทราบสาเหตุซะที...
ตอนที่ป้ามลกลับมาจากโรงพยาบาลสองวันแรกนั้น แกก็โทรหาผม ถามว่าอาจารย์อุบลได้พูดอะไรถึงแกบ้าง ผมก็บอกไม่ทราบ แล้วก็ให้แกเล่าเรื่องการกระทำต่างๆ ที่แกมารักษา...ป้าก็ยังบอกว่าไม่ได้ทำผิดอะไร แต่เห็นว่าลุงเปิดประตูเข้าไปบ้านอาจารย์ เพื่อจะลากลับ...ผมก็นึกในใจว่า นี่คือสิ่งที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง...เลยโทรกลับไปถามคุณแม่ว่า ลุงกับป้าดูรายการครบจริงหรือไม่ คุณแม่ก็ไปถามก็ได้ความว่า ดูแต่ไม่ตลอดทั้งรายการ ครบ 3 ตอนแต่ช่วงโฆษณาลุงก็เดินไปเดินมา...
และก็มาถึงเหตุการณ์สำคัญอีกครั้ง...คือเมื่อประมาณราวๆ วันที่ 20 ม.ค.ผมจำวันที่ไม่ได้แน่นอน ป้ามลก็เข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่คราวนี้ถึงขั้นเข้าห้อง ICU จนถึงวันนี้ 30 ม.ค.ก็ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หมอวินิจฉัยเบื้องต้นว่าอาจจะเป็นมะเร็งตับ...มีความคืบหน้ายังไง จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับผม