กราบ คุณแม่อุบล และ คุณพ่อมงคล
และ สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน ครับ
ขอน้อมกราบ พระพุทธองค์ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อเสงี่ยมโอภาสี พระอาจารย์รัตน์ องค์สฟิงซ์ ท่านท้าวเวชสุวรรณ และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด
ขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่อุบล คุณพ่อมงคล ท่านด๊อกเตอร์อาจอง และ ขอขอบคุณ คุณท๊อป
ขอขอบคุณ คุณมาร์ค และ คุณเพชร
วันนี้ ได้ดูคลิปของวันที่ 5 สิงหาคม ครับ
เป็นการไปบรรยายธรรมะ ธรรมบำบัด ที่ บ้านไร่ปลายตะวัน อำเภอ วังน้ำเขียว จังหวัด นครราชสีมา
"ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม"
"ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับผลก็ดับ"
คุณแม่ได้บอกกล่าว กับญาติธรรมแห่งบ้านไร่ปลายตะวันว่า คุณแม่ก็ทุกข์ทรมานกับ การเป็นฝ้าที่ใบหน้า หมดเงินในการรักษาใบหน้าไปเกือบล้านบาท ก็ไม่หาย
แต่ ในที่สุด คุณแม่ก็ได้อ่านพระไตรปิฎก ได้ทราบว่า พระพุทธองค์ ท่านได้ทรงค้นพบว่า ปัญหาเรื่องเกี่ยวกับผิวพรรณ นั้นเกิดจากการมีกรรมโทสะ ความโกรธแค้น พยาบาทต่อผู้อื่น
เมื่อ ท่านละความโกรธ พยาบาท และ ให้อภัยทาน และ หันมาทานอาหารมังสวิรัติ ใบหน้าที่ดำ มีฝ้าก็จาง และ หายไปได้ในที่สุด ท่่านก็บอกกล่าวให้ญาติธรรม ฟังว่า ให้ทำทาน รักษาศ๊ล ทำสมาธิ ให้เกิดปัญญา
ท่านได้สอบถาม ญาติธรรมว่า ใครได้ใช้ระหัส "อาจารย์อุบลช่วยด้วย" ก็มีคุณป้าแส ที่ออกมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อใช้ระหัส ขอให้หนูออกไปจากบ้าน ก็ปรากฎว่า ไม่มีหนูในบ้านอีกเลย ขอให้หายจากอาการที่ปวดขา ก็หายได้
และ คุณกุหลาบ ได้มาบอกเล่า ให้ฟัง ถึงแม่ค้าที่ทำอาหารตามสั่งขาย ได้ใช้ระหัส "อาจารย์อุบลช่วยด้วย" ทำให้ขายอาหารได้มาก เป็นจำนวน ถึง 4,000 บาท เพราะ ความเห็นแก่ตัวไม่ยอมบอกระหัสนี้กับผู้ใด ก็ปรากฎว่า การขายของก็ไม่ได้เหมือนตอนใช้ระหัส คุณแม่ได้บอกกล่าวให้ฟังว่า คนที่ใช้ระหัสแล้วไม่บอกใคร จะใช้ได้แค่ 3 ครั้ง ถ้าอยากใช้ได้ตลอด ก็บอกต่อไปเรื่อยๆ และ ให้อุทิศบุญให้กับเทวดาที่รักษาคุณแม่อุบลด้วย
และ อย่าลบหลู่คุณแม่อุบล โดย คุณกุหลาบ ได้เล่าให้ฟังว่า มีคนที่ไปบ้านสวนพีระมิด แล้วมาบอกกล่าวผู้อื่นว่า ไปแล้วก็ไม่หายปวดขา ไม่ต้องไปบ้านสวนฯ ปรากฎว่า ปากเป็นแผล มีอาการปากเจ็บ คอเจ็บ ไปหาหมอก็รักษาไม่หาย
คุณแม่ได้บอกกล่าวต่อไปว่า คุณแม่เป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อเสงี่ยม ที่ท่านสอนกรรมฐาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ท่านสอนธรรมะผ่านการสื่อสารหลังจากที่หลวงพ่อมรณะภาพไปแล้ว พระอาจารย์รัตน์ ในเรื่องพลังพีระมิดร่วมกับการนั่งสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ และ ธรรมะจากองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์สูงสุด
คุณแม่ ยังบอกกล่าวว่า พระพุทธองค์ยังทรงลงมาโปรด แม้นพระองค์ท่านได้ดับขันธ์ไปแล้ว
ดังคำที่ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" พระองค์ไม่เคยสอนให้เราเชื่ออะไร โดยไม่ได้พิสูจน์ ท่านอัลเบิร์ด ไอน์สไตน์ จึงยกย่องว่าศาสนาพุทธว่าจะเจริญรุ่งเรือง
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้บอกกล่าว ไว้ว่า ถ้าทำบุญ ให้ทาน สงเคราะห์ใคร ช่วยเหลือใคร ถ้ามีความบริสุทธิ์ 3 อย่าง อานิสงค์จะบังเกิดฉับพลันทันทีในวันนั้น จะมีความสุขทันที พ้นทุกข์ทันที นั้นคือ
1. ศรัทธาบริสุทธิ์
ใจเราต้องบริสุทธิ์ ใจที่ไม่ทุกข์กังวล(จะไปทำบุญ ไม่ใช่ไปดุด่าลูกดุสามี) ต้องมีใจที่ร่าเริงแจ่มใส
2. วัตถุทานบริสุทธิ์
สิ่งของ,ข้าวปลาอาหาร,เงิน ต้องบริสุทธิ์ (ทำนาต้องฆ่าหนู ฆ่าแมลง ฆ่าหอย) รับราชการ(ไปสาย,กลับก่อนเวลา,ลางาน,เอาของที่ทำงานไปใช้ที่บ้าน,ทำเอกสารเท็จ)ค้าขาย(ขายของแล้วชอบตอแหล,โกหกลูกค้า) เป็นนักเรียนนักศีกษา(เอาเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือย) ย่อมไม่บริสุทธิ์
3. เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์
ผู้รับทาน ผู้รับความช่วยเหลือของเรา ถ้าเราช่วยคนบาป คนไม่มีศีล ย่อมไม่ใช่เนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์
เมื่อเรามาทำงานใช้แรงกายที่บ้านสวนพีระมิด บางครั้งเราคิดว่า แรงกายเราต้องบริสุทธิ์ แต่ คุณแม่ได้บอกกล่าวว่า บางครั้ง เราก็ทำงานไปด้วยความสงสัย ว่า ถางหญ้ง ล้างห้องน้ำ ก่อสร้าง ทำนา เพาะกล้าต้นไม้ แล้วจะหายทุกข์ หายป่วยได้หรือ การคิดอย่างนี้ ก็ย่อมทำให้แรงกายเราไม่บริสุทธิ์
คุณแม่ได้แนะนำว่า เราควรใช้แรงกายด้วยการภาวนาให้แรงกายของเรา จงเป็นแรงกายที่บริสุทธิ์ เป็นอานิสงค์ให้กับตัวเรา ในวันนี้ด้วยเถอะ
เมื่อมาถึงตอนที่ "สารภาพบาปกับองค์สฟิงซ์ เห็นผลฉับพลันทันทีเหมือนสารภาพกับ อาจารย์อุบล"
ก็มีพี่คนหนึ่ง มีอาการไอ เมื่อพี่เค้าออกมาสารภาพบาปที่ตนเองกระทำ ต่อหน้าจี้สฟิงค์ ที่คุณธนาได้ถือไว้ อาการที่ไอก็หายได้
ลูกชาย ของ อาจารย์อภิชัย ภิรมย์รักษ์ ได้ออกมาสารภาพ อาการปวดแขน อาการก็หายได้
เมื่อ อาจารย์อภิชัย ออกมาแสดงความคิดเห็น ท่านก็ให้ความเห็นว่า การที่อาการเจ็บปวดของลูกชายหายได้นั้น เกิดจาก เราสำนึกกรรมของเราได้ และ สารภาพ โดยที่เราอาจจะไม่ต้องใช้สฟิงซ์ก็ได้ น้้นคือ เราใช้จิตของเราสื่อสารกับพระพุทธองค์โดยตรง ซึ่งกรณีของการยกตัวอย่างอันนี้ คุณแม่อุบล ขอให้มีการพิสูจน์ โดยการขอให้องค์สฟิงซ์ของท่านอาจารย์อภิชัย ยุติการแผ่บารมีลงชั่วคราว และ ให้ ด๊อกเตอร์ชัชวลี กะลัมพะเหติ ซึ่งมีอาการเจ็บที่เท้า ลองออกมาสารภาพ
ครั้งที่ 1 ให้สารภาพกับอาจารย์อภิชัย ก็ปรากฎว่าอาการเจ็บไม่หายเลย
ครั้งที่ 2 ให้สารภาพกับพระพุทธองค์โดยตรง อาการเจ็บก็คงอยู่
ครั้งที่ 3 ให้สารภาพกับจี้สฟิงซ์ของอาจารย์อภิชัย อาการก็ดีขึ้นหน่อย
ครั้งที่ 4 ให้สารภาพกับจี้สฟิงซ์ของด๊อกเตอร์เอง อาการก็ดีขึ้นมามากหน่อย
เมื่อผลการพิสูจน์ ว่าต้องสารภาพต่อจี้สฟิงซ์แล้วได้ผลเป็นที่ประจักษ์ คุณป้อม(คุณกฤษณะ) ได้ให้ข้อคิดเห็นกับลูกบ้านสวนพีระมิด ได้ฟังว่า ที่เป็นเช่นนั้น เพราะ องค์สฟิงซ์ เป็นสื่อในการเชื่อมญาณ เป็นการอาศัยกำลังขององค์ท่านในการสื่อสารผ่านไปยังพระพุทธองค์
ซึ่ง คุณแม่อุบล ได้บอกกล่าวว่า มนุษย์ทั้งหลาย ไม่สามารถสื่อสารโดยตรงกับพระพุทธองค์ เพราะ สภาวะจิตไปไม่ถึง ยกเว้น ผู้ที่มีกรรมฐานขั้นสูงเท่านั้น
คุณเบส ซึ่งเป็นอิสลาม เมื่อออกมาสารภาพ ว่าฆ่าสัตว์ ขี้โกรธ ขี้โมโห ต่อหน้าองค์สฟิงซ์ อาการเป็นหวัดก็หายได้
คุณวีรดา อยู่นวล(พี่แหม่ม) ออกมาเล่าว่า แฟนพี่เค้าปวดฟัน ทานยาแล้วก็ไม่หาย ได้นำเอาองค์สฟิงซ์ของน้องต้นกล้า มาสวมใส่ อาการที่เจ็บปวด ปวดเมื่อย ปวดขา ปวดฟัน ก็หายได้
น้องต้นกล้า ใช้ระหัส "อาจารย์อุบลช่วยด้วย" ใช้ในการสอบเข้าเรียนชั้นประถม 1 สามารถสอบได้ในห้องที่เป็นเด็กเก่งๆ โดย ที่ขณะที่น้องต้นกล้าเรียนอนุบาล3 อ่านหนังสือไม่ได้
ขอขอบคุณ พี่แมว คุณป้อม และ คุณธนา ที่ช่วยแบ่งเบาภาระ ในการไปช่วยคุณแม่อุบล ในการไปบรรยายธรรม ที่บ้านไร่ปลายตะวัน ครับ
ขอขอบคุณ พี่แมว ในการแบ่งเบาภาระ ในการช่วยจัดส่งองค์พีระมิดจำลองรุ่นท่านท้าวเวชสุวรรณ จี้สฟิงซ์ ให้กับลูกหลานบ้านสวนพีระมิด ครับ
ขอน้อมกราบต่อธรรมะ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ในเรื่องการทำดี การทำดี ดีน้อย ดีมาก อย่าประมาท เมื่อเรารู้สึกว่าเราดี เมื่อไร เราก็เลวเมื่อนั้น "จงกล่าวโทษโจทก์ความผิดตนเองไว้เสมอ" อย่าให้นิวรณ์ 5 มาสิงใจเราได้ ไม่ว่าเวลาใดเวลาหนึ่ง ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อทำได้แล้ว ก็เข้าไปสู่สังโยชน์ 10 ประการ ถ้าพิจารณาวิปัสสนาญาณแล้ว จิตค่อยปลดอารมณ์ที่ยึดถือได้ครบ 10 ประการ โดยไม่กำเริบอีกแล้ว ผู้นั้นย่อมบรรลุอรหันตผล และท่านได้กล่าวถึง กสิณทั้ง 10
|