กราบ คุณแม่อุบล และ คุณพ่อมงคล
และ สวัสดี เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน ครับ
ขอน้อมกราบต่อพระพุทธองค์ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อเสงี่ยม ท่านพระอาจารย์รัตน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่้งบ้านสวนพีระมิด และ องค์สฟิงซ์
ขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่อุบล คุณพ่อมงคล ท่านด๊อกเตอร์อาจอง และ ขอขอบคุณ คุณท๊อป
ขอขอบคุณ คุณมาร์ค และ คุณเพชร
วันนี้ ได้ดูคลิป ของ วันที่ 2 กันยายน 2555
ตอน ธรรมบำบัด แบบฉับพลันทันที ศรัทธาก็ได้ผล ไม่ศรัทธาก็ไม่ได้ผล ณ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ที่บ้านสวน
ณ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ 17 สิงหาคม 2555
คุณแม่อุบล ได้ให้ ดร.วิชิต ให้ความเห็นต่อปรากฎการณ์ ที่ผู้คนได้หายเจ็บหายปวดทางร่างกายฉับพลันทันที เมื่อได้สารภาพบาปที่ตนเองได้กระทำมา
ท่านด๊อกเตอร์ ท่านได้บอกกล่าวว่า โดยตัวของท่านเอง ไม่ได้ต่อต้าน หรือ จะบอกว่าไม่เชื่อ แต่ท่านเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม
แต่ ท่านเชื่อว่า เป็นเรื่องของจิตของคนเรา โดยกล่าวว่า เมื่ออาจารย์อุบลสอบถามตรงประเด็น ใจของคนที่ถูกถามเปิด ไม่มีการต่อต้านของจิต อาการที่เจ็บปวด ก็หายได้
ซึ่ง คุณแม่อุบล ก็เลยรบกวนขอให้ ท่านด๊อกเตอร์ เป็นผู้ไต่สวนกรรมให้กับลูกศิษย์ของคณะของด๊อกเตอร์(ซึ่งพี่ผู้หญิง คนนี้ เป็นนักวิทยาศาสตร์)
ซึ่ง พี่ผู้หญิง ก็ออกมาสารภาพกรรม ต่อ ด๊อกเตอร์วิชิต ว่า เคยฆ่าหนู เพื่อทำงานวิจัยมาประมาณ 200-300 ตัว และ กล่าวคำขออโหสิกรรม และ ขอขมา กับ บรรดาหนูทั้งหลายที่ได้เคยฆ่า อาการปวดไหล่ ก็บรรเทาเบาลงไปได้หน่อย
และ คิดว่า ที่อาการเจ็บปวดที่ไหล่ นั้น อาการบรรเทาเบาบาง ลงไปได้บ้างนั้น เกิดจาก
เมื่อเราได้พูด ทำให้จิตใจเราสบาย กายเราก็จะสบายไปด้วย อาการเจ็บปวดก็อาจจะหายไปได้บ้าง แต่ก็เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม แต่ไม่เชื่อว่า อาการเจ็บปวดจะหายไ้ด้ทันทีทันใด
เพื่อเป็นการพิสูจน์ ว่า ถ้าสารภาพบาปกับคุณแม่อุบล แล้วอาการเจ็บปวดจะหายได้ฉับพลันทันทีหรือไม่ คุณแม่ก็ให้ลองสารภาพกับคุณแม่ดู แต่เมื่อสารภาพเรื่องการฆ่าหนูไปแล้ว คุณแม่ไ้ด้สอบถามพี่คนนี้(เสื้อสีชมพู) ว่าอาการเจ็บปวดที่ไหล่เป็นอย่างไรบ้าง พี่เค้า ก็บอกว่า ไม่หายไปกว่าเดิม และ ยังบอกว่า อาจจะเป็นไปได้ไหม ที่ เมื่อเรากำลังพูด ใจเราจดจ่อกับการพูด ไม่ได้กังวลกับอาการเจ็บปวด อาการก็เหมือนจะหายไปได้
คุณแม่ได้บอกกล่าวกับพี่คนนี้ว่า จิตพี่เค้าต่อต้าน ประตูจิตไม่เปิด และ ได้บอกว่า เมื่อคืนก่อนจะมาบรรยายธรรมบำบัดที่นี้ ก็ได้อาราธนาพระบารมีของพระศรีอารย์ ซึ่งจะใช้ธรรมะหมุนจักร ซึ่งจะหมุนกับผู้ที่ใจหมุนตาม(ผู้ที่มีใจเปิดรับ และ ไม่ต่อต้าน) แต่จะหยุดหมุนกับคนที่ใจไม่หมุนตาม(ใจต่อต้าน) เป็นปรปักษ์
ซึ่งพี่ผู้หญิงคนนี้ ใจเค้ามีการต่อต้าน ก็ไม่สามารถทำให้อาการปวดไหล่หายได้
และ พี่คนนี้เค้าเชื่อว่า การฆ่าหนู เพื่องานวิจัย ไม่ได้ทำเพื่อความสนุก คงไม่เป็นบาปกรรม เพราะ ขาดเจตนา และ ไ้ด้ไปทำสังฆทานให้กับบรรดาหนูที่ถูกฆ่า
คุณแม่อุบล จึงบอกว่า ถ้ามีใครมาให้สังฆทานกับเรามากๆ แล้วขอฆ่าเรา เราจะยอมไหม แล้วพูดให้ฟังว่า ถ้าเราไปละเมิดคนอื่น เราเจตนาหรือไม่ เราก็ต้องรับกรรม แล้วยกต้ัวอย่างว่า ถ้ามีคนเปิดประตูเข้ามา และ เกิดการทำให้ประตูกระแทกกับผู้อื่น และ ทำให้ผู้อื่นล้มลงไป หัวกระแทกพื้น ได้รับบาดเจ็บทางสมอง เค้าย่อมโกรธแค้น และ เดือดร้อน เราจะมาบอกว่าเราไม่เจตนาไม่ได้
แต่ พี่เค้าก็ยังแย้งว่า ตามกฎหมายแล้ว เมื่อเราไม่ไ้ด้เจตนา ก็มีเหตุอันควรลดโทษ คุณแม่ได้บอกกล่าวว่า เราต้องเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา อย่าพยายามยกเหตุผลมาอ้างเพื่อเข้าข้างตนเอง เพื่อไม่ต้องร้ับกรรม นั้นคือ เราต้องมีความสำนึกผิด ว่าเรากระทำอะไรลงไป
สำหรับ พี่สาวคนนี้ เค้าไม่ได้สำนึกว่าการกระทำของเค้าเป็นบาปกรรม ดังนั้น อาการเจ็บปวดก็ไม่หาย
ด๊อกเตอร์วิชิตให้ความเห็นอีกครั้งว่า จิตของเราถ้ามีการต่อต้าน ก็ย่อมไม่เห็นผล จิตต้องลงมาระดับหนึ่ง แต่ต้องประกอบด้วยสติปัญญาด้วย
คุณแม่ไ้ด้เล่าเรื่องเพิ่มเติมว่า มีคนสองคนเป็นพาคินสัน มาขอให้คุณแม่บำบัด แต่คนหนึ่งบอกกล่าวทุกอย่าง ก็หาย แต่อีกคนพยายามปิดบัง และต่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำไมให้สารภาพแต่บาป ไม่เห็นให้สารภาพบุญบ้าง ชื่อ ยศ ตำแหน่งก็ไม่ยอมบอก ก็ไม่หาย
ต่อมา คุณแม่ได้สอบถามว่า ใครปวดไหล่ ก็มีคนยกมือมากมายหลายคน สอบถามว่า เคยฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ทำแท้ง รู้เห็นการทำแท้ง ทำร้ายร่างกายคน ทำเอกสารเท็จไหม เคยใช้มือทำความไม่ดีหรือไม่
เพราะ จิตที่ศรัทธาต่ออาจารย์อุบล คือ จิตที่ิบริสุทธิ์ การยอมรับการกระทำบาปกรรม เป็นวัตถุทาน เนื้อนาบุญ คือ การที่คุณแม่ไ้ด้กระทำทุกสิ่งทุกอย่างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัว
ถาม มีใครปวดหัว มึนหัว ไมเกรน สอบถามว่า เคยทำร้ายคน ทำร้ายสัตว์ หรือวางแผนคิดไม่ดีต่อคนอื่น ทุบหัวปลา ตีหัวสัตว์ ตบหัวคน คิดไม่ดี สาระแนเรื่องชาวบ้าน คิดไม่ดีต่อผู้ทรงศีล กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราชวงศ์
สอบถามว่า ใครปวดไหล่ ปวดเอว ไหม เคยฆ่างู เหยียบสัตว์ ตีลูก ตีสามี ทำร้ายร่างกายคน ทำร้ายสัตว์ ทำแท้ง อยากให้คนอื่นตาย สมน้ำหน้าเมื่อคนอื่นมีเคราะห์กรรม
สอบถามว่า มีใครปวดขา เคยกระทีบเท้าใส่พ่อแม่ ใช้เท้าแทนมือ เตะ ถีบคนอื่น ใ้ช้เท้าเหยียบเหรียญ หักขากบ หักขาเขียด ขาปู ตีผู้อื่นที่ขา
สอบถามว่า เคยคิดจะทำอะไรหรือไม่ (มโนกรรม) อยากถีบเมียน้อย อยากถีบสามี
สอบถามว่า เคยพูดสิ่งไม่ดีไหม(วจีกรรม)
เมื่อสอบถามว่าเคยทำ และ ยอมรับ และทำการขอขมาต่อการกระทำความผิดทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ อาการเจ็บปวดก็ดีขึ้นบ้าง บางคนก็หายเจ็บปวดไปเลย แต่ต้องอยู่ที่สารภาพเพื่อหาย หรือสารภาพเพราะสำนึกผิด
ต่อมา พีสาวพี่แก้ว ออกมาบอกว่า เคยตีขาสุนัขหัก และ ต่อมาอีกสิบปี พี่สาวพี่แก้วก็ตกบันไดขาหัก
เมื่อขอขมาด้วยคำพูดที่ไพเราะ และ สำนึกผิดด้วยแล้ว อาการที่ปวดขาก็ดีขึ้น
แต่เมื่อสอบถามความเห็นจากด๊อกเตอร์วิชิต ท่านก็บอกว่าท่านไม่เชื่อ เพราะว่า เป็นเรื่องความเจ็บปวด ไม่มีหลักฐานที่เห็นชัดเจน แต่ถ้าเป็นเรื่องหลังโก่งงอ ขาเป๋ แล้วหาย ท่านอาจจะเชื่อ
คุณแม่ ได้บอกกล่าวว่า ท่านก็ไม่ได้มาทำให้ใครเชื่อ แต่ท่านมาเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ ว่า การที่เรากระทำอะไร เราก็ได้รับผลของการกระทำนั้นๆ
ที่บ้่านสวนพีระมิด
คุณกระรอก ได้ออกมาบอกว่า วันที่คุณแม่ไปบรรยายธรรม ที่ คณะเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นั้น ตอนออกไปห้องน้ำ พี่เสื้อชมพู มาสอบถามคุณกระรอกว่า หายปวดจริงหรือ และ คุณกระรอกได้ยินพี่เสื้อชมพู บอกเพื่อนๆว่าหายปวดหัว ตอนออกไปเถียงกับอาจารย์อุบล และ คิดอยากจะมาบ้านสวนพีระมิด และ เห็นหัวหน้าของพวกเค้า เขียนโน๊ตลงในสมุด เวลาอาจารย์อุบลท่านสอบถามว่า ใครเคยทำกรรมอะไรบ้าง
คุณแม่อุบล ได้บอกกล่าวว่า จี้สฟิงซ์ นั้นไม่สามารถซื้อไปฝากใครได้ นอกจาก พ่อ แม่ ลูก และ ผู้มีพระคุณ เท่านั้น และ ไม่ใช่เจ้าของสฟิงซ์ ก็ไม่สามารถนำไปสารภาพเองได้ ต้องสารภาพกับเจ้าของ และ พูดสารภาพดังๆ (นั้นคือ เอาไปช่วยคนอื่นๆได้) แต่เจ้าของจี้สฟิงซ์สามารถสารภาพบาปได้ตลอดเวลา
แต่อุปกรณ์สมาทานศีล นั้น สามารถใช้สารภาพกรรมที่ไม่ได้เจตนาได้ โดยเจ้าของไม่ต้องพูดออกมา สารภาพในใจได้
โดย ลองให้อาจารย์กันต์สินี ซึ่งมีอาการเจ็บต้นคอ เอี้ยวคอไม่ได้) ออกมาทดลองกับอุปกรณ์สมาทานศีล โดยไม่ต้องออกเสียง สารภาพในใจ ก็ปรากฎว่า ดีขึ้น 50% แต่ต่อมา คุณแม่แนะนำให้ขอขมาต่อรุกขเทวดาของยอดตำลึง และ รุกขเทวดาประจำต้นไม้ ที่ตันตำลึงพันขึ้น (เพราะ อาจารย์กันต์สินี ท่านได้หักกิ้งต้นไม้เพื่อเอายอดตำลึง) ก็ดีขึ้น 60%
เมื่อสอบถามลูกบ้านสวนฯ ก็มีทั้งที่มีอาการปวดไหล่ ปวดเื้ท้า ปวดแขน ปวดขา ค้นที่แขน ปวดบ่า ปวดหลัง ชาที่มือ สายตามัว น้องต้นอ้อ ก็มีอาการไอ
หลังจากอาราธนาบารมีของพระศรีอาริย์ และ นึกถึงบุญกุศลที่ไ้ด้มากระทำการเตรียมงานต้อนรับพระศรีอาริย์ ที่บ้านสวนฯ ก็มีบางคนอาการดีขึ้น บางคนก็หาย
แต่เมื่อคุณแม่อุบลได้มอบอุปกรณ์สมาทานศีล ให้กับลูกบ้านสวนฯ ที่ได้ไปใช้แรงกายช่วยเตรียมงานรับพระศรีอารย์ ทุกคนก็เกิดปิติกันทุกคน อาการที่เจ็บปวดก็หายกันทุกคน
ขอขอบคุณ พี่แมว(พี่ประวีณา) ที่แบ่งเบา ในการช่วยจัดส่งองค์พีระมิดจำลอง รุ่นท่านท้าวเวชสุวรรณ และ จี้สฟิงซ์ ให้กับลูกบ้านสวนฯ
และ ขออนุโมทนาบุญ กับ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ไปใช้แรงกายในการเตรียมงานต้อนรับพระศรีอาริย์ ครับ
ขอน้อมกราบต่อธรรมะ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ท่านได้บรรยายธรรมะ เกี่ยวกับเรื่องกสิน
|