กราบ คุณแม่อุบล และ คุณพ่อมงคล
และ สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน ครับ
ขอน้อมกราบ พระพุทธองค์ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อเสงี่ยม ท่านท้าวเวชสุวรรณ ท่านดตาจินิน องค์สฟิงซ์ และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด
ขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่อุบล คุณพ่อมงคล ท่านด๊อกเตอร์อาจอง และ ขอขอบคุณ คุณท๊อป
ขอขอบคุณ คุณมาร์ค และ คุณเพชร เวปมาสเตอร์บ้านสวนพีระมิด
คืนนี้ ได้ดูคลิป ของวันที่ 6 ธันวาคม 2556
"ธรรมะกับทางรอด เตรียมกายเตรียมใจสู้ภัยพิบัติ"
ขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่อุบล ที่อวยพรในวันขึ้นปีใหม่ ด้วยเพลง แด่ ลูกบ้านสวนพีระมิด ครับ
ขออนุโมทนาบุญ กับ ลูกหลานบ้านสวนพีระมิด ที่ได้มีโอกาสไปใช้แรงกาย ปัจจัย สิ่งของ กับบ้านสวนฯ และ ได้ร่วมฉลองปีใหม่ที่บ้านสวนฯ และ มีกิจกรรมบนเวที เพื่อแสดงถึงความกตัญญูของลูกบ้านสวนฯ ที่มอบให้แด่ คุณแม่ คุณพ่อ และ คุณท๊อป ที่ท่านรักและเมตตาต่อลูกบ้านสวนฯ
ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ที่มาสัมภาษณ์ คุณแม่อุบล ที่บ้านสวนฯ เรื่อง รหัสจักรวาล อ.อุบลช่วยด้วย จี้สามร่มโพธิ์ศรี แค่มองก็หายเจ็บหายปวดได้
ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
พี่ผู้ชายออกมาบอกเล่าว่า ตนเองมีอาการชาที่มือ เนื่องจากเป็นปลายรากประสาทอักเสบ ตึงที่ช่วงน่อง ซึ่ง คุณแม่ได้ให้คุณธนาช่วยบำบัด โดยการให้พี่ผู้ชายมองที่จี้สฟิงซ์ แค่ สามสิบห้าวินาที่ อาการที่ชาที่มือก็หายเป็นปกติ
คุณพี่วราภรณ์ ซึ่งมีอาการปวดทั้งร่างกาย เรื่องจากเป็นรูมาตอย์ มาเกือบ ยี่สิบสามปี เมื่อคุณแม่ได้อาราธนาฉับพลันรังสีของพระพุทธองค์ ส่งให้กับคุณพี่ ปรากฎว่า อาการที่เจ็บปวดหลังก็หายได้ทันที และ นิ้วมือก็เริ่มมีแรง และ สามารถนั่งลงกับพื้นได้ ซึ่งก่อนหน้านั้น ไม่เคยนั่งลงกับพื้นได้ คุณแม่ได้ขอให้พี่สาว ได้ใช้รหัสจักรวาล ช่วยให้การเจ็บปวดเมื่อขณะนั่ง ได้บรรเทาไปได้บ้าง และ ให้ใช้รหัสอีกครั้ง อาการที่เจ็บปวดก็หายไป และ ให้ใช้รหัสช่วยให้บิดขาที่ไม่เคยบิดได้
ปรากฎการณ์ของการบำบัด ซึ่ง เมื่อก่อนต้องมองจี้ ก็หายเจ็บหายปวดได้ ก็มาเป็น แค่ ฟังธรรมะของพระพุทธองค์ก็หายเจ็บหายปวดได้แล้ว
ท่านด๊อกเตอร์ ใกล้รุ่ง ได้ขออนุญาตสอบถาม ถึง เรื่องภัยพิบัติที่กำลังใกล้เข้ามา ว่า จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และ ควรปฎิบัติตัวอย่างไร
คุณแม่ได้กล่าวว่า เรื่องภัยพิบัตินั้น ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่อย่าไปกังวลให้มากนัก ขอให้เป็นคนดี หมั่นทำบุญ ทำทาน ทำสมาธิ แต่ ทุกวันนี้ คนเรามีทุกข์ ซึ่งเกิดขึ้นจากที่คนเรา ผิดศีลทั้งห้าข้อ ผิดอบายมุข และ ทำผิดอนันตยกรรม
ศีลข้อที่หนึ่ง เราก็ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผู้อื่น ฆ่าคน ซึ่งระดับของบาปกรรมนั้น ก็ย่อมแตกต่างกันไป เพราะ ขึ้นอยู่ที่เจตนา และ ผู้คนที่เราฆ่าเค้านั้น เค้าเป็นผู้มีความดีหรือไม่ เราอาจจะเป็นคนทำแท้ง สนับสนุนให้เค้าทำแท้ง หรือ รู้เห็นเป็นใจในการทำแท้งของผู้อื่น ซึ่งการกระทำความผิดนั้น อาจจะเกิดได้จาก ที่เราลงมือกระทำด้วยตนเอง ยุยงส่งเสริมให้เค้ากระทำ ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นกระทำผิดแล้ว
ศีลข้อสอง ลักทรัพย์ ทำให้ผู้อื่นเสียทร้พย์ โดยที่เค้าไม่ยินยอม หรือ เต็มใจ เอาของวัดกลับบ้าน เอาของที่ทำงานมาใช้ส่วนตัวที่บ้าน ชอบของฟรี ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ซึ่งเป็นสาเหตุแห่งความยากจน เป็นเหตุที่เร่งให้เกิดภัยพิบัติ ทำให้ทรัพย์สินของเราเสียหาย ซึ่ง ทานที่เหนือทานทั้งปวง นั้นคือ การให้อภัยทาน เลิกโกรธ เลิกแค้น เลิกพยาบาทจองเวรซึ่งกันและกัน
ศีลข้อสาม กระทำความผิดทางเพศ สำส่อนทางเพศ ทั้งทางกายวาจาใจ มีกิ๊ก มีชู้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหลานดื้อ ไม่เชื่อฟัง ไม่มีคนจริงใจกับเรา ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้ต่อมลูกหมากโต ไส้เลื่อน
ศีลข้อที่สี่ ชอบการโกหก ปลิ้นปล้อน เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น เป็นเหตุให้ รูปปากไม่สวย ปวดฟัน ฟันบิด เจ็บลิ้น ปากเหม็น พูดจาไม่มีใครเชื่อถือ
ศีลข้อที่ห้า ชอบดื่มสุรา ของมึนเมา ทำให้เกิดเป็นโรคปวดหัว ขี้หลงขี้ลืม มึนงง
คุณแม่ได้บอกกล่าวว่า ที่จริงภัยพิบัตินั้น เกิดขึ้นเพื่อล้างคนชั่ว คนบาป เพื่อให้เหลือแต่คนดี คนที่รอดชีวิตจะเป็นคนที่จะเป็นอริยเจ้า คนที่เป็นโสดาบัน
เวลาที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ นั้น คุณแม่ ได้แนะนำให้ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย เมื่อมีความเจ็บปวดทางร่างกาย ก็ใช้รหัสข่วยบรรเทาอาการเจ็บอาการปวดได้
ด๊อกเตอร์อาจอง ได้บอกว่า เหตุการณ์นั้น ให้ระมัดระวังในเดือนธันวาคม มกราคม จะเกิดภัยพิบัติหนัก และ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะ คนเรายังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้พวกเราเตรียมเสบียงอาหาร เพราะ เมื่อเกิดพายุสุริยะ นั้นจะก่อให้เกิด แผ่นดินไหว เกิดสีนามิ เนื่องจากมีแรงกระแทก จากพลังของคลื่นรังสี
คุณแม่ บอกว่า ถ้าเรามีความเชื่อในเรื่องนี้ ก็ให้เตรียมตัวเตรียมเสบียง แม้นไม่เกิดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเรารู้ แต่เราไม่เชื่อ เราก็ไม่เตรียมตัวเตรียมเสบียง ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ เราก็ต้องเสียใจ
ให้เรามีองค์พีระมิด อยู่ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ในรถ เมื่อเกิดเหตุการณ์เราจะได้ลดผลกระทบลงได้ เพราะ เราอาจจะตกอยู่ในภาวะแวดล้อมที่เกิดเหตุการณ์ได้ แต่ตัวเราจะไม่เป็นอันตรายอะไร เพราะ ที่ปลอดภัยที่สุด คือ ที่ๆมีองค์พีระมิด แต่ คุณแม่บอกว่า ถ้าเราไม่มี ก็ให้ใช้จิตของเราจินตนาการว่าตัวเรา มีพีระมิดที่เป็นแก้ว ครอบตัวเราอยู่ และ ให้ท่องคาถา "ปะโตเมตัง" ด้วย และ ให้เอาคาถานี้ ไปแปะติดรอบๆ บ้านของเรา ถ้าเราบาดเจ็บ ก็ให้เราใช้รหัสจักรวาลในการบรรเทาอาการเจ็บปวดของเรา
ถ้าเราตกอยู่ในภาวะแวดล้อมที่ไม่มีอาหาร ก็ให้ใช้รหัสจักรวาล ในการขอให้เราไม่รู้สึกหิว ให้เรารู้สึกอิ่มท้อง อยู่ด้วยจิตที่สงบ อยู่ด้วยอาหารอภิญญา อยู่ด้วยธรรมะปิติ
ลูกอม ที่ผ่านการอาราธนา ฉับพลันรังสี ผ่านการอาราธนาบารมีของพระศรีอาริย์ ทำให้ลูกหลานบ้านสวนฯ ที่มีความรู้สีกหิว เมื่อได้อมลูกอมแล้ว รู้สึกไม่หิว รู้สึกอิ่ม โดยการที่เราสามารถทำด้วยตัวเราเอง โดยใช้รหัสจักรวาล ในการขอให้ลูกอมของเรา เมื่อเราอมแล้ว ไม่รู้สึกหิว รู้สึกอิ่ม เหมือนเราได้ทานอาหารแล้ว
เมื่อเกิดพายุสุริยะ จะทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ดาวเทียมก็จะตก สื่อสารกันไม่ได้ ให้เราเตรียมไฟฉาย ถ่านไฟฉาวย เตรียมเอาไว้ในบ้าน ไว้ในหลายๆ ที่ และ ให้ทุกคนในบ้านของเราได้ทราบว่า ตำแหน่งที่วางไว้อยู่ที่ไหน เตรียมเสบียงอาหารไว้ในแต่ละที่ของบ้าน และ ให้เตรียมตัวเตรียมใจ ยอมรับกับความตาย เพราะ คนเราอย่างไร ก็ต้องตายด้วยกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะ คนเราก่อนจะตาย บาปกรรมที่เคยกระทำมา ก็จะผุดขึ้นมา ถ้าเรากระทำแต่ความดี จิตใจเราก็จะมุ่งสู่พระนิพพาน เตรียมตัวไว้ อย่าให้จิตใจเราห่อเหี่ยว ให้เราคิดว่า การเกิดภัยพิบัตินั้น ก็คือการเปลี่ยนสู่ยุคใหม่ อย่าไปคิดว่า โลกจะสูญสิ้นไป และ ภัยพิบัติก็ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงวันที่ ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสอง ธันวาคม เท่านั้น แต่จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ และ จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่คนชั่ว คนบาป เค้ายังไม่สำนึก เปลี่ยนแปลงตัวเอง สำหรับ ลูกหลานที่เป็นคนดี คุณแม่ บอกว่าจะอยู่รอดปลอดภัย
ปรากฎการณ์ของจี้สฟิงซ์ ที่นับวัน อานุภาพก็ยิ่งพัฒนาขึ้น คือ แค่มองก็หายเจ็บหายปวดได้
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้บอกกล่าวว่า เมื่อธาตุทั้งสี่ที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายของคนเรานั้น ไม่เที่ยง มีแต่ทรุดลงไปเรื่อยๆ พระพุทธองค์ ท่านได้แนะนำว่า ให้คิดโดยใช้ปัญญา อย่าไปใช้ความจำ ว่า ธาตุทั้งสี่นั้น ไม่เที่ยง เกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย เป็นธรรมดาของคนเรา เราห้ามปรามไม่ได้
ถ้าจะตาย ก็ห้ามไม่ได้ พระองค์ทรงแนะนำให้ยอมรับนับถือ ความจริงที่ว่าร่างกาย ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ ไม่มีความเที่ยง ความแก่ ความป่วย ก็จะไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจสำหรับเรา จะตายเมื่อไรก็ตาม เราก็จะมีความสุข เพราะ เรายอมรับนับถือกฎแห่งความเป็นจริงได้ สาธุ สาธุ สาธุ
|