อิอิ พ่อหนุ่มกร แชมป์เก่าขาประจำ
มาทำหน้าที่ก่อนใครอีกเช่นเคย.....
ได้ชมเทปนี้แล้วเช่นกันค่ะ
รู้สึกว่าเทปนี้ท่านอาจารย์ต้องการ
จะเ้น้นให้ทุกคนเปลี่ยนวิธีคิด
และมุมมองต่อเรื่องต่างๆใหม่
คือต้องฝึกมอง ฝึกคิดให้เป็นบวกตลอดเวลา
และอย่าให้"ความอยาก"นำ "ความรู้สึก"
จนทำให้ลืม ขอบคุณ
และรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตา
แห่งเบื้องบนและท่านอาจารย์อุบล...
อย่างที่หลายๆครั้งที่ผ่านมา
ท่านอาจารย์ก็จะเตือนอยู่บ่อยๆว่า
เวลาที่เราได้รับการบำบัดอาการอะไรก็ตาม
ให้บอก หรือ รายงาน"ผล"การบำบัดอาการแรกก่อน
ว่าอาการเป็นอย่างไร ดีขึ้นหรือไม่
หรือดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วก็"ขอบคุณ"
มิใช่ว่า จะรีบพุ่งไปที่อาการอื่นทันที
เพราะการพูดหรือการกระทำแบบนี้
มันสะท้อนให้เห็นถึง"จิตใจ"ของคนๆนั้นว่า
มีเพียงความอยากหายเท่านั้น
ฉะนั้น ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
หรือท่านอาจารย์จะช่วยให้ดีขึ้นสักเพียงใด
ก็จะไม่เคยเพียงพอ
หรือ พอใจกับผลที่ได้ซักที
มีแต่จะอยากนู่น อยากนี่ เพิ่มขึ้นไปอีก
......................................................
แล้วก็สังเกตุได้ว่า
ช่วงหลังๆนี้ท่านอาจารย์ก็ฝึกให้ทุกคน
ได้ใช้สมองส่วนหน้ากันมากยิ่งขึ้น
โดยให้ฝึกมีความเฉลียวใจ เอะใจ
หรือ สงสัยในเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
หรือเกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิดและท่านอาจารย์อุบล
เพราะการ"เอะใจ" หรือเฉลียวใจ นี้
จะนำเราไปสู่การค้นหาคำตอบที่อยากรู้...
โดยจะทำให้เราไปศึกษาเพิ่มเติม
หรือหัดเป็นคนที่ช่างสังเกตุยิ่งขึ้น
แล้วก็คิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆออกมา
เป็นเหตุเป็นผลยิ่งขึ้น......
ซึ่งพ่อใหญ่ธนา
ก็ได้ทำตัวเป็นตัวอย่างให้ดูแล้วว่า
การจะสวมบทบาท เป็นมิสเตอร์ เฉลียว(ใจ) ที่ดี นั้น
ควรจะทำอย่างไร ตั้งคำุถามแบบไหน
แล้วควรจะสรุปคำถามและคำตอบที่ได้แบบใด ...
ซึ่งผู้ถามแต่ละคน
ก็ต้องใส่ใจในคำถาม และ คำตอบที่ได้ด้วยนะคะ
และที่สำคัญ
อย่าลืมสรุปออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนด้วย.....
....................................................
อึ้ม..แล้วก็มีประเด็นอะไรอีกน๊า
แบบว่าดูไปหลายวันแล้ว
แต่ก็ไม่ได้เข้ามาเขียนซักที
อ้อ..นึกออกแล้ว
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ
ท่านอาจารย์เน้นให้เราฝึกมี"สติ"ตลอดเวลา
เพื่อที่จะฝึกแยกให้ออกว่า
อันไหนคือ ความคิด อันไหน คือ ความรู้สึก ......
ซึ่งถ้าสังเกตุดีๆ
ท่านอาจารย์จะใช้คำถามว่า
พวกเรา"รู้สึก"อย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งคำตอบที่ได้
ควรจะเป็นคำตอบที่"ปัจจุบัน" ในขณะนั้น
โดยการค้นไปที่"จิต"ของเรา
แล้วก็ฝึกอ่านข้อมูลจากจิตเราเองว่า
"ใจเราตอบว่ายังไง แล้วก็พูดไปตามนั้น"
เช่น ปวดมือมาทั้งวัน
แล้วอยู่ดีๆอาการหายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น
เรารู้สึกดีใจม๊าก ไม่คิดว่าจะได้รับความเมตตาขนาดนี้
เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเลย (อิอิ อะไรประมาณนี้)
ซึ่งคำตอบที่ได้ ก็คงจะหลากหลาย
ไม่ซ้ำกันแน่นอน
แต่ถ้า"คำตอบที่ได้" ออกมาคล้ายกัน
หรือ เหมือนๆกัน
แสดงว่า เรา"คิดไว้ก่อน"
โดยใช้สมองคิด ไม่ได้ใช้"จิตสัมผัส" แต่อย่างใด......
อย่างที่ท่านอาจารย์มักจะ"สอน"เราแบบอ้อมๆ
โดยใช้คำแซวว่า
"ขอโทษนะ ที่อาจารย์
ตั้งคำถามได้ไม่ตรงกับคำตอบ"
เพราะอาจารย์รู้วาระจิตพวกเราทุกคนนั้นแหล่ะ
เพราะพวกเราส่วนใหญ่
ก็จะมีคำพูดอะไรบางอย่างที่คิดไว้แล้วว่า
อยากจะพูดแบบนี้ๆ (ประมาณว่า ต้องดูดีแน่ๆเลย)
ฉะนั้น จึงไม่ค่อยได้ใส่ใจกับคำถาม
ของท่านอาจารย์มากนัก .............
....................................................
ถ้านึกอะไรได้เพิ่มเติมก็จะมาเขียนอีกนะคะ
แต่ที่แน่ๆ ได้ฟังธรรมทาน
ที่ถ่ายทอดความรู้สึกของคุณครูมิ้มแล้ว
สัมผัสได้ชัดๆเลยว่า
คุณครูมิ้มมีความสุขใจและโล่งใจมากๆจริงๆ
หลังจากที่ท่านอาจารย์เมตตาส่งพลังดัชนีไฉไล
ไปให้คุณแม่คุณครูมิ้ม
ให้เลิกขัดขวางการมาสร้างบุญที่บ้านสวนฯ
เพราะเห็นคุณครูมิ้ม พูดไปหัวเราะไป
ดูแล้ว"สุขใจ"ไปด้วยจริงๆค่ะ
...............................................
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล
ท่านอ.มงคล คุณท็อป
และนักแสดงธรรมทานทุกๆท่านด้วยนะคะ
สาธุ สาธุ สาธุ
|