ขอกราบ คุณแม่อุบล และ คุณพ่อมงคล
และ สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่านครับ
ขอน้อมกราบ ต่อ พระเมตตา ของ ท่านพ่อดตาจินิน พระปฐมบรมธรรมบิดา พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อเสงี่ยม ท่านพระอาจารย์รัตน์ ท่านท้าวเวชสุวรรณ องค์ปิรามิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด
ขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่อุบล คุณพ่อมงคล ท่านด๊อกเตอร์อาจอง และ ขอขอบคุณ คุณท๊อป
ขอขอบคุณ คุณมาร์ค และ คุณเพชร เวปมาสเตอร์
คืนนี้ ได้ชมคลิปรายการคุยไปแจกไป ของวันที่ 23 มิถุนายน 2556
"ไปนิพพาน ง่ายที่สุด มนุษย์ทำให้ยากเอง"
ซี่งเป็นการสนทนาธรรม ของ คุณแม่อุบล และ คุณธนา ในคืนวันที่ 16 มิ.ย. 2556 ผ่านรายการถ่ายทอดสด ของเวปบ้านสวนฯทุกคืน เวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งเป็นรายการสดที่ลูกหลานบ้านสวนฯ สามารถสอบถามปัญหาธรรมะ ต่อ คุณแม่อุบลผ่านทางรายการได้ทันทีและ คุณแม่อุบล ท่านก็มีเมตตาตอบข้อข้องใจในเรื่องธรรมะในรายการให้ทันที ผ่าน Facebook ของ Baansuanpyramid ในหัวข้อ
"เชิญร่วมรับและพิสูจน์ไฟทิพย์จากแดนนิพพาน และ ธรรมสนทนา เรื่อง หนทางสู่นิพพาน"
ซี่งแต่ละครั้งที่ ลูกหลานบ้านสวนฯ ได้รับไฟทิพย์จากแดนนิพพาน ซึ่งเป็นไฟที่เผาผลาญกิเลสที่หมักหมมในจิตใจ ซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์ และ ก่อเกิดให้เกิดความสงบอย่างแท้จริง โดย มีอาการมืออุ่น มีความร้อนผ่านร่างกาย มีอาการผายลม มีอาการเรอ
ซี่งคำคืนนี้ คุณธนาได้สอบถามถึงความหมายของคำว่า "นิพพาน"
นิพพานหน้าตาเป็นอย่างไร ไปได้จริงไหม ปรารถนาที่จะไป แล้วต้องทำอย่างไร
ซึ่งนิพพานแปลว่าอะไร นิพพานคือ คุณแม่อุบลบอกว่า ถ้าแปลตามความเข้าใจของตนเอง และ จากประสบการณ์ของตนเองนั้น คุณแม่อุบลท่านเคยไปเที่ยวและเคยไปอยู่ ปัจจุบันก็อยู่บนนิพพาน นี้คือ ร่างกายของคุณแม่อุบล แต่ จิตวิญญาณของ คุณแม่อุบลอยู่บนนิพพานแล้ว
คุณแม่อุบล ได้บอกกล่าวว่า หลวงพ่อเสงี่ยม ท่านได้เคยสอนให้ตั้งเป้าหมายชีวิต ว่า ถ้าตายในชาตินี้ ต้องไปนิพพานให้ได้ แต่ ตอนนั้น คุณแม่อุบลรู้สึกว่ามันยาก แต่ต่อมาติดตามเรื่องราวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป้าหมายของหลวงพ่อ ก็คือ นิพพานเช่นกัน ก็เริ่มสนใจ วิธีการสอน วิธีการคิดของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ความสุขนั้น ยังมีความน่าเบื่อหน่าย เพราะ ยังมีการเกิด การแก่ การเจ็บ และ การตาย ยังมีการพลัดพราก ความทุกข์ก็ยังมีในนาทีุสุดท้าย ผู้ที่อยู่ต่อก็ยังมีความทุกข์ ความสุขเหล่านี้ ไม่จีรังยั่งยืน เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายต่อความสุข พระพุทธเจ้าเรียกว่า อุเบกขา หรือ ทุกขตารมณ์ เป็นดินแดนที่ยิ่งกว่าสุข(นิพพาน) เป็นสถานที่ ที่วิเศษสุด ไม่มีการทำงาน ไม่มีหน้าที่ให้ทำ แต่ยังมีดวงจิต ยังมีความรักความเมตตา ความกรุณาอยู่ แต่ไม่มีกิเลสแล้ว
พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
มนุษย์เรายังยึดติดอยู่กับกิเลส จึงต้องกลับมาเกิดอีก ติดในสุขก็ต้องมาเกิดอีก
แต่หากอยู่บนนิพพาน ไม่ต้องลงมาเกิด แต่ลงมาโปรดได้อยู่
บ้านสวนฯ เคยทำการอาราธนาพระบารมีของพระพุทธเจ้า และ ขอเห็นพระองค์ ด้วยจิตใจ ซึ่งอาการเจ็บ อาการปวดก็หายได้ฉับพลันทันที นี้ก็คือ พระบารมีของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้ส่งพระบารมีมา
นิพพาน อยู่นอกเหนือ 31 ภพภูมิ ไปได้จริงโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที ระยะทางไม่ได้ใกล้ แต่เราไปด้วยดวงจิตได้ การไปนิพพาน คือ เราไปด้วยดวงจิต ไม่ต้องเอาอะไรไปทั้งสิ้น สังขารที่มีอยู่ก็เอาไปไม่ได้ พวกเราต่างก็ยึดติดโดยไม่ถูกต้อง พระที่โกนผม ห่มเหลือง พระพุทธเจ้า ท่านทรงบอกว่า การเป็นพระอยู่ที่ความประพฤติ ใช้จิตอย่างเดียว ไม่ใช้เครื่องแบบ พระที่มีชั้นยศสูงๆ ก็ไปนรกเยอะแยะ พระอยู่ที่จิต ใครก็เป็นพระได้ ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง คนแก่ โสเภณี กะเทย พระในความหมายของพระพุทธเจ้า คือ พระอริยเจ้า คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และ พระอรหันต์ การที่เราจะเป็นพระโสดาบันได้นั้น เราต้องรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ มีความปรารถนานิพพาน มีปัญญาเพียงเล็กน้อย คือ มีความคิดเสมอว่า เราเกิดมาแล้วต้องตายทุกคน คิดถึงความตายเป็นอารมณ์ นี้คือ ความคิดของพระโสดาบัน ส่วนพระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ นั้นเป้าหมาย ก็คือนิพพาน ไม่ปรารถนาการกลับมาเกิด
ผู้ที่ไม่เคยรู้รสชาติของความทุกข์ ย่อมไม่ปรารถนาจะพ้นทุกข์ เมื่อไม่ปรารถนาจะพ้นทุกข์ ก็ไม่อยากไปนิพพาน ผู้ที่อยากไปนิพพานนั้น ต้องผ่านความทุกข์มาอย่างแสนสาหัส จิตจึงคิดอยากพ้นทุกข์ หากชีิวตเราเกิดมามีพร้อมทุกอย่าง มีความสมหวังทุกประการ เราก็คงไม่อยากที่จะพ้นทุกข์ แม้แต่ความสุขก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ความทุกข์ นั้นเป็นสิ่งแน่นอน กว่า ความสุข ตราบใดที่คนเรายังมีกิเลสอยู่ เราก็ยังเป็นทุกข์ เราเกิดมามีความทุกข์ทุกคน จะทุกข์มาก ทุกข์น้อย ก็ขึ้นอยู่กับปัญญา ยกตัวอย่างเช่น เราอยากเข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีๆ เราก็กังวลกลัวว่าจะสอบเข้าไปเรียนไม่ได้ ก็เกิดความทุกข์ละ แต่ถ้าเราแค่เปลี่ยนความคิดว่า เราเรียนที่โรงเรียนไหนก็ได้ เราก็ไม่เป็นทุกข์ นั้นแค่เราเปลี่ยนวิธีคิด ทุกอย่างก็เปลี่ยนได้แล้ว เมื่อไรที่เราทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตนเอง เรามีความอยาก มีความเห็นแก่ตัว เราก็เกิดทุกข์ แต่ถ้าเราทำเพื่อประโยชน์ของตัวเราด้วย เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นด้วย ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทุกข์ของเราจะเบาบางลง หรือ เกิดขึ้นน้อยที่สุด
นิพพาน สภาพที่เป็นอยู่บนนั้น ไม่ต้องปลูกบ้าน ไม่ต้องใช้หิน ใช้ดิน ใช้ทรายในการปลูกสร้าง บ้านหรือจะเรียกว่าวิมาน นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ เราเป็นมนุษย์ ทุกครั้งที่เราทำความดี ปฎิบัติดี ปฎิบัติขอบ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วมีจิตที่ปรารถนานิพพาน วิมานก็จะเกิดขึ้น ความสำเร็จของวิมาน จะเกิดสภาวะเป็นทิพย์ของจิตของเรา เป็นดินแดนที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก คนที่ไปจุฬามณี วิมานจะเป็นทอง ชั้นจาตุฯ จะเป็นเงินล้วน ซึ่งมีความงดงามกว่าปราสาทราชวังในโลกมนุษย์ แล้วถ้าเป็นนิพพานจะขนาดไหน วิมานนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เปรียบเทียบเสมือนบ้าน แค่สวรรค์ ก็ไม่ใช่พาหนะอะไร ใช้ความเป็นทิพย์ แค่คิดก็ไปที่ไหนก็ได้แล้ว อาหารการกิน อาหารหยาบไม่มี อาหารก็เป็นทิพย์ บนนิพพานกินทิพย์ กินบุญ คือ อาหารทิพย์ที่เราทำในภพนี้ ร่างกายก็ใสเหมือนแก้ว ใช้แค่ดวงจิต อยู่กับดวงจิต ยังมีความรู้สึก มีจิตใจ แต่ไม่ยึดติดกับสังขาร อยู่ได้ด้วยจิตที่อิ่มเอม
บนนิพพานไม่ต้องประกอบอาชีพใดๆ ไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องหาเงิน บนนิพพานไม่มีกิจการการงานให้ทำ เหมาะสำหรับคนที่เกียจคร้าน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะ ไม่มีงานต้องทำ มนุษย์มีความเกียจคร้านเป็นสัญชาติ มีงานที่ลนก้นอยู่ ก็ต้องขยัน ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน บนนิพพาน ไม่ต้องรับผิดชอบ อยู่อย่างมีความสุข เกินกว่าคำว่าสุข ไม่มีคำว่าเบื่อหน่าย ไม่ต้องกิน ไม่ต้องถ่าย
ความรัก ครอบครัว บนนิพพาน ไม่มีความปรารถนาที่จะมีครอบครัวแล้ว เพราะ การมีครอบครัวมันเป็นทุกข์ มีวิมานเป็นของตนเอง ต่างคนต่างอยู่ แต่ยังพบกันได้ จิตใจก็ยังมีความผูกพันธ์อยู่ แต่ไม่ได้ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบเสพกาม เพราะ หลุดพ้นแล้ว สิ่งเหล่านี้เค้าจะลืมกันหมดแล้ว คนที่ปรารถนาอยู่ ก็ไปไม่ได้
นิพพานไม่ใช่สถานที่ หรือ ความรู้สึกที่น่าเบื่อ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ทรงอารมณ์อุเบกขาได้ จะเป็นอย่างนั้นตลอด อารมณ์ไม่เคลื่อน ถ้ายังเบื่อหน่าย ก็แปลว่า อารมณ์เรายังเคลื่อน บนนิพพานจะไม่มีอารมณ์ที่ขึ้นลงเลย นิ่งเฉย คือ การเฉยที่ไม่ได้แปลว่า ไร้อารมณ์ แต่เป็นการเฉยที่ไม่ยินดี ยินร้าย กับความสุขแล้ว มันเป็นสิ่งที่เหนือกว่าความสุขแล้ว
ผู้ที่จะไปนิพพานได้ บุญก็ไม่ได้เท่ากัน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้บอกว่า วิมานของท่านก็ไม่ได้เท่าพระพุทธเจ้า วิมานของบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ของท่านก็ไม่ได้เท่ากับของหลวงพ่อ แต่อยู่ในดินแดนที่ไม่ต้องวนเวียนอยู่ในวัฎสงสาร ไม่ว่าวิมานจะขนาดไหน ผู้ที่อยู่ก็เป็นสุขเหมือนกัน นิพพานมีเขตและขนาดไม่เหมือนกัน วิมานของแต่ละคนก็ไม่ได้เท่ากัน แต่อยู่ในแดนที่ไม่ต้องวนเวียนในวัฎสงสาร มีเขตไม่เหมือนกัน นิพพานที่ คุณแม่อุบลไปอยู่ เหนือกว่าคำว่าบรมสุข ซึ่งก็มีเขตที่ท่านพ่อดตาจินินอยู่ มีเขตที่องค์พระปฐมบรมธรรมบิดาอยู่ มีเขตที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์อยู่ มีเขตที่พระอริยเจ้าอยู่ มีเขตที่บุคคลธรรมดาที่บรรลุมรรคผลนิพพานอยู่ ดินแดนกว้างใหญ่ แบ่งเป็นโซนๆเหมือนหมู่บ้าน แต่สามารถไปไหนได้ทุกที่
คนที่ฝึกมโนยิทธิได้ ก็สามารถไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ดาวดีงส์ได้ ทุกคนสามารถไปเข้าเฝ้าได้ พระพุทธเจ้าก็ยังสามารถมาโปรดในสถานที่่ต่างๆ ได้
ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นวิทยาศาสตร์ ที่เป็นวิทยาศาสตร์เหนือโลก พระพุทธเจ้าทรงใช้จิตวัด แต่นักวิทยาศาสตร์ยังต้องใช้เครื่องมือในการวัด วัตถุมงคลบ้านสวนฯ ก่อนที่ คุณแม่อุบลจะทำการสร้าง ในแต่ละรุ่น ท่านจะบอกกล่าวล่วงหน้าว่า รุ่นนี้จะมีพระบารมีพระองค์ใด เมื่อบูชาไปแล้วจะมีอานุภาพใด สารภาพบาปแล้ว อาการที่เป็นอยู่จะหายได้ เอามาแตะ แค่มองดู เอามาแตะทำน้ำดื่ม ก็จะหายเจ็บหายปวดทันที นี้คือ สิ่งที่คุณแม่อุบลได้บอกกล่าวล่วงหน้า เพราะ คุณแม่ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และ ขอพุทธานุญาตในการสร้าง และ ขอให้มีอานุภาพต่างๆ และ จะนำมาบอกกล่าวให้พวกเรา วิธีพิสูจน์ของคุณแม่ คือ พระพุทธเจ้าบอกว่า
"ถ้าใครก็ตามแต่ มาเข้าเฝ้าตถาคตได้จริง และ ได้ขอให้ตถาคตมีพุทธานุญาตสให้สิ่งที่ไปสร้างมีพุทธคุณ หรือ มีอานุภาพอย่างนี้จริง ตถาคตจะรับรองผล"
วัตถุมงคลบ้านสวนฯ คุณแม่จะทำการขออนุญาตก่อน แม้กระทั่งราคา ก็ต้องขอให้พระองค์ทรงวินิจฉัยว่า ราคาไหนเหมาะสม ไม่แพง ไม่ถูกจนเกินไป คุ้มค่ากับการบูชา เกินคุ้มทุกอย่าง คุณแม่ได้เขียนบอกไว้ในเฟสบุ๊ค ท่านจะบอกว่า ใครก็ตามที่เข้าเฝ้าและได้อนุญาตจริง มีคุณสมบัติตามที่ขอมา จะพิสูจน์ได้ คุณแม่บอกว่า เข้าเฝ้าจริง เข้าเฝ้าไม่จริง มีพุทธานุญาตจริง หรือ ไม่จริง ลองใช้วัตถุมงคลดูว่าเป็นแบบนั้นไหม เช่นบอกว่า แค่มองก็หายได้ แล้วเคยมีคนมองแล้วหายได้ไหม หรือ จับแล้วหาย เป็นไปตามนั้นไหม สารภาพบาปแล้วหาย เป็นจริงตามบอกไหม ถ้าเป็นจริงก็แปลว่า สิ่งที่คุณแม่บอกก็ไม่ใช่เรื่องโกหก แต่เป็นเรื่องจริง แต่ใครที่บอกว่าไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ก็คือมีแค่คำบอกเล่า แต่ไม่มีข้อพิสูจน์อะไรเลย พระพุทธเจ้าท่านทรงถือว่า โม้อย่างเดียว เป็นอันตรายสสำหรับผู้โม้ด้วย สิ่งที่บ้านสวนฯทำทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ ต้องเป็นวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง พูดอะไรก็ต้องพิสูจน์ได้หมด
การจะไปนิพพาน ไปนรก ไปสวรรค์ ไปพรหม ก็จะมีสัญญาณตั้งแต่มีชีวิตอยู่ จากการดำเนินชีวิตของเรา เราทุกข์ เราสุข จะเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเราจะไปไหน ถ้าตายตอนทุกข์ ก็ไปนรก แต่ถ้าเป็นตอนสุข ก็ไปสุคติภูมิ หลวงพ่อบอกว่า การไปนิพพานไปง่ายนิดเดียว ถ้าฉลาดพอก็ไปได้ทุกคน และ ไปได้ในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า ไม่ว่าทำบาปมามากแค่ไหนก็ไปได้จริง เพราะ หลวงพ่อ หรือ พระพุทธเจ้า ท่านก็บอกวิธีหนีนรก ทำบาปมามากก็จริง
ท่านองค์คุลีมาล ฆ่าคนมามากมาย ยังได้ไปนิพพาน องค์คุลีมาลไม่ได้ไปนรกโลกันต์ เพราะ บรรลุธรรม แค่ธรรมะสั้นๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า พระพุทธเจ้่าใช้การสอนธรรมะให้องค์คุลีมาลให้วิ่งตามไม่ทัน แล้ว องค์คุลีมาลก็บอกว่าให้พระองค์หยุดก่อน เพื่อที่จะตัดนิ้วมือพระพุทธเจ้า
"เราหยุดแล้ว แต่ท่านนั้นแหละยังไม่หยุด"
สั้นๆแค่นี้ องค์คุลีมาลก็บรรลุธรรม ไม่ต้องไปนรกโลกันต์เลย บาปเก่าก็ตัดได้หมดเลย เราที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาให้วิ่งตามเหมือนองค์คุลีมาล จะไปได้อย่างไร ง่ายเลย คือ ทุกวันนี้ พวกเราผิดศีลกัน เพราะ เราไม่ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าเมื่อไร เราทำตามคำสั่งสอนของพระองค์ ไม่ผิดศีล เกาะนิพพาน มีปัญญาเพียงเล็กน้อย ถือว่า เราเป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน ถือว่า เป็นพระอริยเจ้า ก็ปลอดจากนรกแล้ว ไม่ว่าจะเคยทำบาปมาสักเท่าไร เคยฆ่าคน ทำแท้ง เคยลักทรัพย์ เคยประพฤติผิดในกาม โกหกกะล่อน ปลิ้นปล้อนตอแหล ดื่มเหล้า เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็จะปิดประตูนรกได้ทั้งหมด ไม่ต้องไปนรกอีกต่อไป ไม่ว่าจะเคยทำบาปกรรมมาสักแค่ไหน เพราะเหตุนี้ คุณแม่จึงชักชวนให้พวกเราเป็นพระโสดาบันกันก่อน แล้วเป้าหมายของพระโสดาบัน ก็คือ พระนิพพานแน่นอน
นั้นคือ วิธีไปนิพพานของบ้านสวนฯ ที่ใช้อุบาย ให้มีความเข้มงวดในการรักษาศีล คุณแม่จะทั้งดุ ทั้งขู่ ทั้งแสดงกฎแห่งกรรมให้ดู แล้วพวกเรากลัวการผิดศีล นี้เป็นวิธีหลอกของคุณแม่ หลอกเพื่อจะพาไปนิพพาน หลอกให้รักษาศีล หลอกให้รวย ให้หายจน หายเจ็บ บางคนก็สงสัยว่าหลอกให้รวยแล้ว จะไปนิพพานได้ไหม ยังมายึดติดกับความร่ำรวยหรือเปล่า แต่ไม่ใช่แบบนั้น ความหมายของคุณแม่ คือ เพราะความจน มีหนี้สิน ทำให้เราเป็นทุกข์ เมื่อยังมีทุกข์แล้วก็จะไปนิพพานได้อย่างไร แต่ต้องไปนรกแทน แต่หลอกให้หลุดพ้นปัญาจากการเป็นหนี้สิน ปัญหาจากการงาน การเงิน เมื่อเราสร้างทานเต็มพิกัด ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกว่า การสร้างสังฆทาน สร้างวิหารทาน สร้างธรรมทาน ให้อภัยทาน หรือ ทำทานใหญ่น้อย ทุกทานเป็นปัจจัยที่ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน เมื่อคนมีสภาพคล่องทางการเงิน ก็หมดทุกข์ในเรื่องเงิน ตัวทุกข์ คือ ตัวถ่วงที่ทำให้ไม่สามารถไปนิพพานได้ แต่เมื่อเราสุขแล้ว มีสภาพคล่องทางการเงิน มันก็ตัดนรกได้ นี้คือ อุบายที่จะไปนิพพานได้ เมื่อเราสุขจริงๆ จากการได้ใช้เงินในการไปซื้อหาสิ่งของที่เราต้องการ ทุกๆวัน ซื้อในสิ่งที่ต้องการ มาหมดแล้ว มันจะเกิดความเบื่อ ความเบื่อในความสุขนั้นก็เหมือนกัน เมื่อมีทุกอย่างแล้วมันก็แค่นั้น ในที่สุดก็จะเกิดปัญญา เราจะหลงทำไมกับของพวกนี้ เรามีเงินได้ แต่เราต้องไม่หลง ไม่ยึดติดกับมัน มีเงินเป็นร้อยล้าน ก็ไปนิพพานได้ คือ ตายแล้ว ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่อยู่ข้างหลัง หรือ คิดว่าใครจะมาเอาเงินของเราไป
หลวงพ่อสอนไว้ว่า "ไม่เคยมีใครที่กลับมาสานต่อภารกิจในเมืองมนุษย์ได้ และ ไม่เคยมีมนุษย์คนใด ที่วันที่เสียชีวิตทำภารกิจได้สมบูรณ์แบบไม่เหลือภารกิจอะไรให้ทำต่อแล้่ว ไม่มีใครเป็นเช่นนั้นเลย" เพราะฉะนั้นให้เรามีจิตที่พร้อมจะละทุกอย่าง ที่ยังค้างคาอยู่ในโลกมนุษย์ การไปนิพพาน พระพุทธเจ้าท่านให้ใช้่จิตอย่างเดียว คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระอริยเจ้า ไม่ต้องการเครื่องแบบ ไม่ต้องใส่ชุดขาว โกนผม เป็นชาวบ้าน เป็นฆราวาส ก็เป็นพระได้ พระอยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่เครื่องแบบ การใส่ชุดขาว มันก็ดี เป็นการสำรวม ห้ามแต่งหน้า หรือ อะไรต่างๆ นั้นเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ชุดขาว สีขาวเป็นสีีของความบริสุทธิ์ เมื่อสวมใส่ชุดขาว แล้วเราก็อาจจะระมัดระวัง กาย วาจา ใจ ของเรามากยิ่งขึ้น ให้ขาวเหมือนกับชุด แต่ความจริงแล้ว คนที่ใส่ชุดขาวได้สำรวมกาย วาจา ใจ หรือเปล่า ก็ยังมีคนใส่ชุดขาว ยังด่ากัน ตบยุง อิจฉาริษยา ใส่ร้าย ผิดศีล เพราะฉะนั้น ทุกอย่างอยู่ที่จิต แต่เราแต่งกายเพื่อให้มันเหมาะสมกับสังคม หน้าที่การงาน แค่นั้นเอง การปฏิบัติธรรม การทำความดี ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีขาว ที่โกนผม ห่มเหลือง พระพุทธเจ้ายังไม่นับว่าเป็นพระ ถ้าหากยังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าท่านทรงเรียกว่า "สมมติสงฆ์" หรือ สมมติสงฆ์นั้นกำลังปฎิบัติ เพื่อความเป็นพระโสดาบัน แต่ยังไม่ได้เป็น ท่านเรียกว่า "พระโสดาปฎิมรรค" ใส่เืสื้ออะไรก็เป็นพระได้ และ เป็นพระก็ไม่ต้องอยู่ที่วัด อยู่ที่บ้านก็ได้ ทำบ้านตัวเองให้เหมือนวัด ทำความดีอยู่ที่บ้าน สำหรับบ้านสวนฯ นั้นทำบ้านส่วนตัวให้เป็นเหมือนวัด ทำให้สถานที่นี้ ทำแต่ความดี คนที่จะเข้ามาก็ต้องให้มีกฎกติกา เพื่อที่จะได้ทำความดี เพื่อจะได้รับกลิ่นไอของความดี และเลื่อนระดับของตนเองให้เข้าสู่่การเป็นพระอริยเจ้า ไปไหนก็อย่าไปเบียดเบียนผู้อื่น ไปไหนแล้วไปช่วยแบ่งเบาภาระผู้อื่น ไปทำให้ผู้อื่นมีความสบายใจ มีความสุข ถือว่าเป็นบุญกุศล
นิพพาน นั้น หลวงพ่อบอกว่าถ้าฉลาดพอก็ไปได้ทุกคน คุณแม่จึงค้นหาว่า คำว่า ฉลาดของหลวงพ่อ หลวงพ่อจะบอกเสมอว่า ท่านเป็นคนโง่ แต่ตอนนี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านอยู่นิพพ่าน หลวงพ่อไม่เคยบอกว่าตนเองดี ประเสริฐ ไม่เคยบอกใครให้ทำตามท่าน ให้ยึดติดกับพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ศาสดาที่แท้จริง คือ พระพุทธเจ้า ไม่ใช่หลวงพ่อ
หลวงพ่อบอกว่า ใครที่ว่าตัวเองดีแล้ว คือ คนเลว คนที่บอกว่าตนเองฉลาด คือ คนโง่ ใครที่ชมตนเอง คนนั้นก็ต้องมีปมด้อย คนที่ดีแล้ว เค้าจะไม่บอกความดีของตนเอง ใครที่บอกว่าตนเองโง่ คนพวกนี้จะหลุดพ้นจากความโง่ คนที่บอกว่าตนเองเลว พวกนี้จะหลุดพ้นจากความเลว เพราะ พยายามที่จะทำเพื่อให้ตัวเองพ้นความเลว และ เป็นคนดี เมื่อไรที่เราคิดว่า เราดี เราก็ไม่พยายามทำดีต่อไปแล้ว เราคิดว่าเราฉลาด เราก็ไม่พัีฒนาตนเอง คนที่รู้สึกว่าโง่ ไม่ดี เค้าก็จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา ยกระดับตัวเองให้พ้นจากความโง่
ผู้ที่จะเผยแพร่ให้ผู้ที่ฟังธรรมะ ให้เข้าถึง และ เข้าใจได้ง่ายๆ ได้ทุกระดับ อย่าไปถ่ายทอดธรรมะนั้นให้ฟังยาก ให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิืทธิ์ ต้องเป็นบุคคลชั้นสูงเท่านั้นที่เข้าถึงได้ เพราะ วัตถุประสงค์ของพระพุทธเจ้านั้น คือ โปรดใคร คนนั้นต้องบรรลุธรรมหมด ยกเว้นบัวใต้น้ำจริงๆ บัวใต้โคลนตมจริงๆ พระพุทธเจ้าจะไม่สนใจ
หลวงพ่อบอกว่า วิธีหนีนรก คือ เป็นพระโสดาบันให้ได้ เพราะ ไม่ต้องวนเวียนในวัฎสงสารอีก แต่ถ้ายังต้องวนเวียน การเกิดของพระโสดาบันนั้นก็คงอยู่ในสุคติภูมิล้วนๆ อย่างแย่ที่สุด ก็คือ การกลับมาเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม
คุณแม่อุบล ได้บอกกล่าวว่า การทำสังฆทานนั้นต้องมีพระสงฆ์ 4 รูปขึ้น อานิสงส์จึงจะมากกว่าปาฎิปุคคลิกทาน หรือ ทานบุคคลที่มีอานิสงส์น้อยกว่าสังฆทาน
อานิสงส์ของการให้ทาน คือ ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน มีความสุขในด้านโภคทรัพย์ ยังไม่เป็นปัจจัยที่จะทำให้ไปนิพพานได้ เพราะยังทำให้คนเรา ยังยึดติดกับสิ่งเหล่านี้อยู่ ยึดติดกับความร่ำรวย เป็นเชื้อที่จะทำให้วนเวียนในการเกิด แต่มีดีอยู่ที่ เมื่อมีสุขสมบูรณ์แล้ว มันก็ไม่มีทุกข์จากการมีปัญหาเรื่องการเงิน
สังฆทานมีอานิสงส์มากกว่าทานบุคคล วิหารทานมีอานิสงส์มากกว่าสังฆทาน 100 เท่า ธรรมทานมีอานิสงส์มากกว่าวิหารทาน 100 เท่า ธรรมทานมีอานิสงส์ให้มีกินมีใช้ ปลดทุกข์ปลดบาปต่างๆได้ อภัยทาน มีอานิสงส์สูงสุดไม่อาจเทียบได้ว่ากี่เท่า เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะ มนุษย์ยังมีอัตตา ยังมีความเป็นตัวเองอยู่ ดังนั้น การที่จะก้าวข้ามอภัยทานได้ ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจสูงจริงๆ ที่ถูกกระทำ ถูกทำร้ายแล้วยังให้อภัยได้ จิตต้องก้าวข้ามตรงนี้ไปให้ได้ก่อน จึงเป็นจิตของพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามีได้ การให้อภัยทาน จึงเป็นทานที่สูงสุด ไม่มีทานใดเสมอเหมือน เป็นทานที่ไม่ต้องลงทุนด้วยทรัพย์ แต่ใช้กำลังใจที่สูงมากๆ ดังนั้นอภัยทาน จึงเป็นทานที่จะปลดล๊อคกรรมทุกอย่างได้โดยสิ้นเชิง
บูชาวัตถุมงคลบ้านสวนฯ และ สั่งซื้อผลิตภัณฑ์พาเมล่า ได้ ที่
1. คุณอุ๊ (คุณวรินทร คัดชา) อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบอร์โทร. 086-355-6045
2. คุณสิทธิพ้นธ์ อัครวิชนนท์ (อ.พัน) จ.สระแก้ว เบอร์โทร.081-836-4663
3. คุณครูนุกุล(ร้านดอกไม้ครูนุกุล) จ.ราชบุรี เบอร์โทร.086-567-5328
4. ป้าแดง(คุณเอื้อมพร อาจสัญจร) อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เบอร์โทร.081-666-7156
5. คุณอัญชลา บุตรโส(คุณอัญ) อ.พาน จ.เชียงราย เบอร์โทร. 089-635-5933
6. คุณวัณณิตา นันตะโรหิต(คุณนิดหน่อย) จ.อุบลราชธานี เบอร์โทร. 090-923-2897
7. ร้านแดนทอง จ.กาญจนบุรี เบอร์โทร. 034-511-835
8. คุณเดือน(คุณนิชนันท์) จ.มหาสารคาม เบอร์โทร.087-227-8021
9. คุณก๊อต และ คุณพจน์ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี เบอร์โทร.081-863-3430 และ เบอร์โทร.081-852-0086
10. ดร.จิ๋ม(ดร.ชัชวลี) อ.เมือง จ.นครนายก เบอร์โทร.089-883-7768
11. คุณน้อย(คุณยุวรัตน์) และ คุณพิชัย ภูกิ่งพลอย อ. ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เบอร์โทร.081-592-5536 และ เบอร์โทร.085-469-2620
12. คุณเจี๊ยบ(คุณเพชรลดา) อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เบอร์โทร.089-043-9593
13. แม่น้อย-คุณแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่
เบอร์โทร. 087-550-3608 083-567-3558
14. คุณอร ร้าน Oly one ซิตี้คอมเพลคซ์ ประตูน้ำ กทม.
เบอร์โทร. 089-444-4427
15. คุณหนึ่ง (คุณเจิดหทัย) อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เบอร์โทร.081-833-0841
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์พาเมล่า ได้ที่
1. คุณพรรณพร หลงสมบูรณ์ (คุณส้ม) กรุงเทพฯ เบอร์โทร. 087-040-7461
2. คุณศรุตาภรณ์ เทพเมธี(คุณปัด) จ.สมุทรปราการ เบอร์โทร.081-733-8410
3. ร้านพัฒนศึกษา จ.ลพบุรี เบอร์โทร.036-412-885
4. ร้านเจริญกรุง107 จ.กรุงเทพฯ เบอร์โทร.085-834-0924
5. คุณตุ้ย(คุณศิริพร โฉมจันทร์) กทม. เบอร์โทร.085-195-6536
บูชาวัตถุมงคลบ้านสวนพีระมิด
1. คุณเกลี้ยง (คุณวลินดา) อ.บรมือ จ.มหาสารคาม เบอร์โทร.089-571-0141
2. คุณหมอวัฒนา จำรูญพันธ์ อ.พาน จ.เชียงราย เบอร์โทร. 085-870-3104
3. อาจารย์ชาย(ผศ.อภิชัย) อ.เมือง จ. นครปฐม T.081-810-7408
4. คุณตุ๊ก(คุณมยุรฉัตร) อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
T.081-736-8775
เปิดสาขาบ้านสวนพีระมิดใหม่
เปิดสาขาบ้านสวนฯ ที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
วันอังคารที่ 2 ก.ค. 2556 เวลา 8.30-10.30 น.
แม่น้อย(แม่คุณแหวน) T. 087-550-3608
คุณแหวน T. 083-567-3558
เปิดสาขาบ้านสวนฯ ที่ ห้างซิตี้คอมเพลคซ์ ประตูน้ำ กทม.
วันอังคารที่ 9 ก.ค. 2556 เวลา 13.00-16.00 น.
คุณอร(คุณอร อุ่นศรี) T. 089-444-4427
เปิดสาขาบ้านสวนฯ ที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจบุรี
วันพฤหัสฯที่ 11 ก.ค. 2556 เวลา 12.00-15.00 น.
คุณตุ๊ก(คุณมยุรฉัตร สุดจิตต์) T. 081-736-8775
ธรรมะบำบัดสัญจร
วันจันทร์ ที่ 24 มิถุนายน 2556 เวลา 13.00-15.00 น.
ที่ อ.เมือง จ.สระแก้ว (หมู่บ้านสันติสุข โครงการ 2)
ที่ บ้าน อ.สิทธิพันธ์ T.081-836-4663
วันพุธ ที่ 26 มิถุนายน 2556 เวลา 12.00-14.00 น.
ที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
(อยู่ติดกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์)
ที่ บ้าน คุณเจี๊ยบ T.089-043-9593
วันพฤหัส ที่ 27 มิถุนายน 2556 เวลา 13.00-15.00 น.
ที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี(ร้านสมพงษ์โอสถ)
ร้าน คุณก๊อต 081-863-3430
วันศุกร์ ที่ 28 มิถุนายน 2556 เวลา 12.00-15.00 น.
คุณแม่อุบล ขอเปลี่ยนสถานที่ จาก โรงแรมเดอะแทรเวลเลอร์ มาเป็น สโมสรทหารมหาดเล็กฯ ร.1 พัน1 รอ. ถ.วิภาวดีรังสิต ดินแดง กรุงเทพฯ ติดกับ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก
เวลา 12.00-15.00 น.
วันอังคารที่ 2 ก.ค. 2556 เวลา 13.00-15.00 น.
อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
คุณวิว T. 089-850-1373
วันพุธที่ 3 ก.ค. 2556 เวลา 8.30-10.30 น.
โรงเรียนแม่ใจวิทยาคม อ.แม่ใจ จ.เชียงราย
วันพุธที่ 3 ก.ค. 2556 เวลา 13.00-16.00 น.
ที่ ห้องประชุม โรงพยาบาลแม่ใจ จ.เชียงราย
พญ.วัฒนา T. 085-870-3104
วันพฤหัสฯที่ 4 ก.ค. 2556 เวลา 8.30-10.30 น.
อ.พาน จ.เชียงราย
คุณอัญ(คุณอัญชลา บุตรโส) T. 089-635-5933
วันพฤหัสฯที่ 4 ก.ค. 2556 เวลา 13.00-16.00 น.
ที่ ห้องประชุมเทศบาล อ.พาน จ.เชียงราย
พญ.วัฒนา T. 085-870-3104
บัญชี สร้างเทพฯ 212-0-16994-2 ธ.กรุงไทย
สาขาบ้านนา ชื่อ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
โทรแจ้ง 037-356-268(ฝากเสียง)
บัญชี ทำบุญทุกบุญ กับ บ้านสวนฯ
064-0-34728-9 ธนาคารกรุงเทพ สาขา โลตัสเอกมัยรามอินทรา ชื่อ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ โทรแจ้ง 037-356-268(ฝากเสียง)
คุณแหวน และ คุณแม่น้อย ได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นสาขาบ้านสวนฯ และ เป็นเซ็นเตอร์พาเมล่า ที่จังหวัดเชียงใหม่
คุณแหวน โดยให้เหตุผลของการปรารถนาที่จะเป็นสาขาบ้านสวนฯ ว่า ตอนที่ คุณแหวนได้มาร่วมงานวางเสาเอกที่บ้านสวนฯ ได้เห็นคุณแม่อุบล ได้ทำการบำบัดผู้คนที่มีความทุกข์จากปัญหาด้านจิตใจ ปัญหาการงาน การเงิน ครอบครัว ความรัก เมื่อเค้าได้รับการปลดทุกข์ของตนเองแล้ว เห็นเค้ามีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส และ เมื่อคุณแหวนได้รับการบำบัดจากคุณแม่ในเรื่องครอบครัว ความทุกข์ทางด้านจิตใจ ตนเองก็ปรารถนาอยากช่วยเหลือคนอื่นเหมือนคุณแม่อุบล เพราะ เมื่อก่อน คุณแหวนไม่ทราบว่า ชีวิตเกิดมาทำไม ทำประโยชน์อะไรให้สังคมไม่ได้ เบื่อหน่ายในชีวิต แต่เมื่อได้รับการบำบัดแล้ว รู้สึกมีความสุข รู้จักคุณค่าของตนเอง และ คิดว่าตนเองสามารถทำประโยชน์ให้สังคมได้ เพราะ เคยใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ในการบำบัดสามีตนเอง และ บำบัดผู้อื่นให้ได้รับการปลดเปลื้่องทุกข์ได้ จึงอยากเป็นสาขาบ้านสวนฯ จะได้ทำการช่วยเหลือคนอื่นได้มากๆกว่าเดิม
คุณแม่น้อย บอกประสบการณ์ที่ตนเองใส่เสื้อบ้านสวนฯ ไปเที่ยวไนท์ซาฟารี ว่า เสือโคร่งในกรง เมื่อเห็นเสื้อบ้านสวนฯ ทีี่มีรูปปิระมิด เสือก็จ้องมองที่เสื้อบ้านสวนฯ แล้ว สักครู่ก็ถอยหลังทำการคารวะต่อรูปองค์ปิระมิดที่อยู่บนเสื้อ และ ยังทำการก้มหัวให้กับองค์ปิระมิด จีงได้ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของปิระมิด
ขออนุโมทนาบุญ กับ ลูกหลานบ้านสวนฯ ที่มาทำบุญที่บ้านสวนฯ ด้วยแรงกาย ปัจจัย สิ่งของ ครับ
ขอขอบคุณ และ อนุโมทนาบุญกับ คุณธนา และ ทีมงานบ้านสวนฯ ที่อำนวยความสะดวกให้คุณแม่อุบลได้ไปเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ในจังหวัดต่างๆ ด้วยดีตลอดมา ครับ
ขอน้อมกราบต่อธรรมะ ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ในเรื่องการยึิดติด ในกายเรา กายผู้อื่น วัตถุสิ่งของ ที่ไม่มีความจีรังยั่งยืน ย่อมทรุดโทรมเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรที่ทรงตัวอยู่ได้ตามกาลนาน สาธุ สาธุ สาธุ
|