ห้องน้ำ
เป็นสถานที่ ที่ทุกคน
จำเป็นต้องใช้ ใช้ทุกวัน
วันละหลายๆ ครั้ง
เป็นสิ่งก่อสร้าง
หรือ
วิหารทาน ที่เป็นประโยชน์
สูงสุด อีกทานหนึ่ง
บุญแรงกว่า
สังฆทาน 100 เท่า
ขนาดแค่
สังฆทานนะ ยังทำให้
มีทรัพย์ไม่ฝืดเคือง
มีสภาพคล่องทางการเงิน
ทำให้ได้เป็น
เศรษฐี คหบดี พระราชา
พระมหาจักรพรรดิ์
หรือ
ทำให้ได้เป็นพระพุทธเจ้า
ก็ได้ หากแม้นอธิษฐานจะเป็น
ดังเช่น
พระสมณโคดม
พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
ท่านก็อธิษฐาน
ตอน
ทำบุญกฐิน ด้วยเข็มกับด้าย
ก็สำเร็จผล
แล้วพระพุทธองค์
ยังทรงตรัสว่า
อานิสงส์ของสังฆทานนั้น
ยาวนานมาก ขนาดที่
หลวงพ่อฤาษีกล่าวว่า
แม้นชาติใดชาติหนึ่ง
ผู้ทำสังฆทานแม้เพียงครั้งเดียว
ในชีวติก็ตาม ได้เข้านิพพานไปแล้ว
แต่
อานิสงส์ของสังฆทานนั้น
ยังคงลองอยู่
แม้นพุทธญานของพระพุทธองค์
ยังเล็งแลไม่เห็นผลที่สุด
ของอานิสงส์แห่งสังฆทาน
หรือหากว่า
ยังเข้านิพพานไม่ได้
จะเกิดอีก กี่ร้อย กี่พัน กี่แสนชาติ
ก็ไม่พบกับความ ลำบาก ยากจน
ที่ใดที่
มีความลำบาก ยากจน
ผู้ทำสังฆทาน
จะไม่ต้องไป้เกิดที่นั่น
นี่มีนัยยะสำคัญมากนะ
คำว่า ลำบาก
กับ
คำว่า ยากจน แยกกันนะ
ดูสิ
พวกน้ำท่วม ลำบากไหม
ทั้งที่ ไม่ยากจน มีเงินนะ
แต่น้ำท่วม ไปไหนไม่ได้
ข้าวของเสียหาย ไม่มีน้ำจะดื่ม
ไม่มีอาหารจะกิน
ทุกข์ไหม ลำบากไหม
ส่วน ยากจน
อันนี้ ก็สาหัส
มันขัดข้องไปหมด
เห็นอาหาร อยู่เต็มร้านค้า
แต่ไม่มีเงินซื้อ กินไม่ได้
เห็นรถ เห็นบ้าน เห็นสิ่งของ
ต้องตา ต้องใจ อยากได้
แต่ไม่มีเงินซื้อ
มันทุกข์ใจ
จากความปรารถนาไม่สมหวัง
นี่แหละ
ความลำบาก ความยากจน
มันมาจาก
การไม่รู้จักให้
ความขี้เหนียว เขี้ยวเค็ม
ความตระหนี่ ขี้งก เห็นแก่ตัว
ไม่ชอบทำบุญ
ทำบุญก็ทำไม่เป็น
ไม่เลือกเนื้อนาบุญ
ทำส่งเดช ตามๆเพื่อน
ตามพ่อแม่ ที่ทำต่อๆกันมา
ไม่เคยรู้ว่า
บุญแบบไหน อานิสงส์
เป็นยังไง
ผลบุญมันเลยไม่เกิด
หรือ
เกิดก็น้อยนิด
จนไม่พอที่จะทำให้
มีสภาพคล่อง มีสุขได้จริงๆ
อันที่จริง
บุญน่ะ ให้ทำทุกลมหายใจ
ทำทันที
ทำแบบง่ายๆ
ทำอย่างสม่ำเสมอ
ทำอย่างต่อเนื่อง
และ
ทำให้มากขึ้น
แต่พวกเรา
นานๆ ทำที
ทำนิดๆ หน่อยๆ
เพราะ
กำลังใจมันน้อย
มันเสียดาย
มันนึกถึงแต่ความสุข
ของตัวเองกับครอบครัว
แล้วก็ไม่เห็นว่า
มันจะสุขเลย
มันก็ยังทุกข์ ยัดติด
ยังขัด ยังฝืด ยังเคืองอยู่นั่นแหละ
ก็ไม่รู้จักรีบไขว่คว้า
หาทำบุญใหญ่ๆ มั่ง
บุญเล็กๆ ก็ทำ
คือ
ทำดีในชีวิตประจำวัน
กวาดบ้าน ถูบ้าน
ทำอาชีพการงานให้เต็มที่
เต็มความสามารถ
ทำให้เกินค่าจ้าง
ส่วนที่ทำเกินค่าจ้าง
มันจึงจะเป็นบุญ
ส่วนที่ทำพอดีกับค่าจ้าง
มันได้รับผลบุญไปแล้ว
คือค่าตอบแทน
ส่วนที่ทำน้อยกว่า
ค่าจ้าง
ถือว่า ขาดทุน
จงเตรียมตัวรอรับ
ความขัดสน จนยากได้เลย
เพราะ
งบดุล ของคุณ
ขาดทุนทุกวัน วันละหลายๆหน
เหมือนคุณขายของ
ขาดทุนทุกวัน ทุกครั้ง
คุณจะอยู่ได้ไง
ส่วนบุญใหญ่
คือ
สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน
อันนี้
เหมือนกับ
การได้เงินก้อนครั้งละ
มากๆ
แต่ถ้ากรรมหนัก
ก็คิดไม่ออก คือ ไม่ทำ
ดูสิ
อ.อุบล บอกว่า
ให้มาเขียนเล่าธรรมทาน
เขียนบ่อยๆ เขียนให้ละเอียด
เขียนมากๆ
มีกี่คน ที่มาเขียน
มีแต่รอมาใช้แรงกายมั่ง
คอยเป็นเปรต อนุโมทนาอย่างเดียวมั่ง
มันจะเอาอะไรมารวย
ธรรมทาน
ใหญ่กว่าสังฆทาน
ใหญ่กว่า วิหารทาน ไม่ทำ
บอกร้อยครั้งพันครั้ง
ไม่ทำ
นี่แหละ
ดวงคน มันจะจน
มันก็ทำไม่ได้
ทั้งที่มือไม่ง่อย ไม่พิการ
แต่ เจ้ากรรม ไม่ดลใจพาทำ
กรรม มัน ไม่ส่ง
ให้ฮึดเอาชนะมาร
มันเลยสร้างธรรมทานไม่ได้
ก็ต้อง จน
หรือ ฝืดเคืองกันต่อไป
คนที่จะจน
มันจะมีเหตุผล ข้ออ้างเอยะ
คนที่จะมีเงิน
มันจะไม่ค่อยมีข้ออ้าง
มันจะทำ
โดยไม่ต้องให้ใคร
มาเคี่ยวเข็ญ
บางคนนะ
เคยจน แล้ว พอทำทาน
ท่องคาถาเงินล้าน
แล้วได้ลาภก้อนใหญ่
แล้วก็เลยคิดว่า
ไม่เห็นต้องทำตาม อ.อุบล
บอกเลย ฉันก็มีเงินได้
นี่เขากำลังคิดว่า
เขามีเงิน แล้ว ดีที่สุดแล้ว
เขาลืมคำว่า
ลำบาก แต่ ไม่ยากจน
มีเงิน แต่ไม่มีจะกิน
มีเงิน แต่ มีทุกข์
มีเงิน แต่ญาติ พี่น้อง ทุกข์
มีเงิน แต่ไม่มีความสุข
มีเงิน แต่ไม่มีที่อยู่ที่ปลอดภัย
มีเงิน แต่เจ็บป่วย มีไข้ไม่สบาย
อันนี้เขาลืมไป
ว่า
เงิน...ซื้อความสุขไม่ได้เสมอไป
เงิน...ซื้อสุขภาพไม่ได้
เงิน...ซื้อน้ำท่วม ซื้อภัยพิบัติไม่ได้
เงิน...ซื้อสุขภาพไม่ได้
เงิน...ซื้อความปลอดภัยไม่ได้
เงิน...ซื้อทุกอย่างไม่ได้
แต่
บุญ ที่สูงสุด
คือ บุญ ธรรมทาน
ดลบันดาลได้ทุกอย่าง
ทำไม
อ.อุบล ต้องมานั่งเขียน
นั่งพิมพ์ ทั้งที่ อ.อุบล ก็ทำบุญอื่น
ทั้งบุญเล็ก บุญใหญ่
ทำไมยังมาทำอย่างนี้
เอ
อ.อุบล พูดมาก
จู้จี้ ขี้บ่นอีกแล้ว
เอาเป็นว่า
ตถาคต เป็นแต่เพียง
ผู้บอก ก็แล้วกัน
ส่วนใครจะมีปัญญา
แค่ไหน
มันก็เรื่องของแต่ละคน
ก็แล้วกันนะจ๊ะ
สวัสดี
แต่นี่
บุญสร้างห้องน้ำ
จัดเป็น วิหารทาน ทานใหญ่กว่า
สังฆทาน 100 เท่า
|